The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โรงเรียนสามหมอโนนทัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Varatta Upachitkul, 2022-09-13 10:18:00

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย

โรงเรียนสามหมอโนนทัน

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๔๐

สาระการเรยี นรู้รายปี

-๖ปี) ประสบการณ์สาคัญ สาระท่ีควรเรียนรู้

คา ๑. การอ่านหนงั สอื ภาพ นทิ านหลากหลายประเภท/ - การอา่ นภาพ

มอง รูปแบบ สัญลักษณ์ นิทาน

ง ๒. การอา่ นอย่างอสิ ระตามลาพัง การอ่านร่วมกนั การ

อา่ นโดยมผี ้ชู ้แี นะ

๓. การเหน็ แบบอยา่ งของการอ่านที่ถกู ตอ้ ง

๔. การสงั เกตทศิ ทางการอ่านตวั อกั ษร คา และข้อความ

๕. การอา่ นและชขี้ อ้ ความ โดยกวาดสายตาตามบรรทดั

จากซา้ ยไปขวา จากบนลงล่าง

๖. การสงั เกตตัวอกั ษรในช่ือของตน หรือคาคนุ้ เคย

๗. การสงั เกตตัวอกั ษรทป่ี ระกอบเป็นคาผ่านการอา่ น

หรือเขยี นของผู้ใหญ่

๘. การคาดเดาคา วลี หรอื ประโยคทีม่ โี ครงสรา้ งซา้ ๆกัน

จากนทิ าน เพลง คาคล้องจอง

๙. การเล่นเกมทางภาษา

๑๐. การเหน็ แบบอย่างของการเขียนทถ่ี กู ต้อง

มแบบ ๑. การเขียนรว่ มกันตามโอกาส และการเขยี นอสิ ระ - การใชม้ อื ทาสิง่ ต่าง ๆ
คิดข้ึน ๒. การเขยี นคาที่มีความหมายกับตวั เดก็ /คาคุ้นเคย - การเขยี นภาพ

๓. การคิดสะกดคาและเขียนเพื่อส่ือความหมายด้วย สญั ลักษณ์ ตวั อกั ษร
ตนเองอย่างอสิ ระ
๔. การเลน่ เกมทางภาษา

มาตรฐานที่ ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดท่เี ป็นพนื้ ฐานในการเรยี นรู้

ตวั บ่งชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงค์

๑๐.๑ มี ชน้ั อนบุ าลปีท่ี ๒ (๔ – ๕ ปี) ช้ันอนบุ าลปีที่ ๓ (๕-๖
ความสามารถใน
การคดิ รวบยอด -บอกลักษณะและ -บอกลักษณะ สว่ นประกอบ

สว่ นประกอบของส่ิงของต่างๆ เปล่ยี นแปลง หรือความสมั พ

จากการสังเกตโดยใชป้ ระสาท ของส่ิงของตา่ งๆจากการสงั

สัมผัส ใช้ประสาทสมั ผัส

-จบั คู่และเปรียบเทียบความ -จบั คแู่ ละเปรียบเทียบความ
แตกตา่ งหรอื ความเหมอื นของ แตกต่างหรือความเหมือนข

สง่ิ ต่างๆโดยใชล้ ักษณะที่ ตา่ งๆโดยใชล้ ักษณะท่สี งั เกต
สังเกตพบเพียงลักษณะเดียว สองลักษณะขน้ึ ไป

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๔๑

สาระการเรียนรู้รายปี

๖ป)ี ประสบการณส์ าคญั สาระทีค่ วรเรียนรู้

บ การ ๑. การสังเกตลักษณะ สว่ นประกอบ การ ๑. การคิด

พนั ธ์ เปลย่ี นแปลง และความสมั พนั ธ์ของสิ่งต่างๆ - ประสาทสัมผสั

งเกตโดย โดยใช้ประสาทสมั ผสั อยา่ งเหมาะสม - การสังเกต

๒. การสังเกตส่ิงต่างๆแลละสถานที่จาก ๒ . ก าร เป ล่ี ย น แป ล งแ ล ะ

มุมมองท่ีต่างกัน ความสัมพัน ธ์ของสิ่งต่างๆ

๓. การเล่นกับสื่อต่างๆท่ีเป็นทรงกลม ทรง รอบตัว

สี่เหลยี่ มมมุ ฉาก ทรงกระบอก กรวย

๔. การใช้ภาษาทางคณิตศาสตรก์ บั

เหตกุ ารณ์ในชีวติ ประจาวัน

ม ๑. การคัดแยก การจัดกลมุ่ และการจาแนก ๑. การคดิ

ของสิ่ง ส่ิงต่างๆตามลกั ษณะและรปู รา่ ง รูปทรง - การจับคู่

ตพบ ๒. การต่อของชิ้นเลก็ เติมในชนิ้ ใหญใ่ ห้ - การเปรยี บเทยี บความเหมอื น

สมบูรณ์ และการแยกชิ้นส่วน ความต่าง

๓. การจับคู่ การเปรยี บเทียบและการ

เรียงลาดบั สง่ิ ต่างๆตามลักษณะความยาว/

ความสงู น้าหนัก ปริมาตร

๔. การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์กับ

เหตุการณ์ในชีวติ ประจาวนั

ตวั บ่งช้ี สภาพทพี่ งึ ประสงค์
ชนั้ อนุบาลปีที่ ๒ (๔ – ๕ ปี) ช้ันอนบุ าลปที ่ี ๓ (๕-

๑๐.๑ มี -จาแนกและจัดกลุม่ สง่ิ ต่างๆ -จาแนกและจัดกลุ่มสิ่งต

ความสามารถใน โดยใชอ้ ย่างน้อยหนึ่งลักษณะ โดยใชต้ ้ังแต่สองลักษณะ

การคดิ รวบยอด เปน็ เกณฑ์ เป็นเกณฑ์

- เรยี งลาดับสง่ิ ของหรอื - เรยี งลาดับสง่ิ ของหรอื

เหตุการณอ์ ยา่ งนอ้ ย ๔ ลาดบั เหตกุ ารณอ์ ย่างนอ้ ย
๕ ลาดบั

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๔๒

สาระการเรยี นรู้รายปี

-๖ปี) ประสบการณส์ าคญั สาระท่คี วรเรียนรู้

ต่างๆ ๑. การคัดแยก การจัดกลุ่ม และการจาแนกส่ิง ๑. การคดิ

ะข้นึ ไป ต่างๆตามลกั ษณะและรูปรา่ ง รปู ทรง - การจาแนก

๒. การทาซา้ การต่อเตมิ และการสรา้ งแบบรปู - การจัดกลุ่ม สิ่งของหน่ึง

๓. การรวมและการแยกส่ิงต่างๆ ลกั ษณะ

๔. การใช้ภาษาทางคณติ ศาสตร์กบั เหตุการณ์ใน

ชีวิตประจาวัน

อ ๑. การนบั และแสดงจานวนของสิ่งตา่ งๆใน ๑. การคดิ

ชีวติ ประจาวนั - การเรยี งลาดบั เหตุการณ์

๒. การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับจานวนของ ๔ ลาดบั

สงิ่ ต่าง ๆ - จานวนและตวั เลข

๓. การบอกและแสดงอนั ดับที่ของส่ิงต่าง ๆ

๔. การบอกและเรียงลาดับกิจกรรมหรอื

เหตุการณต์ ามชว่ งหรอื เวลา

๕. การใชภ้ าษาทางคณิตศาสตร์กบั เหตุการณ์ใน

ชีวิตประจาวัน

๖. การบอกและแสดงตาแหนง่ ทิศทาง และ

ระยะทางของสิง่ ตา่ งดว้ ยการกระทา ภาพวาด

ภาพถ่าย และรูปภาพ

ตัวบง่ ชี้ สภาพทพี่ งึ ประสงค์
ช้ันอนุบาลปีที่ ๒ (๔ – ๕ ป)ี ช้นั อนบุ าลปีท

๑๐.๑ มีความสามารถใน -ระบุสาเหตหุ รือผลท่ีเกดิ ขน้ึ -อธบิ ายเชือ่ มโ

การคิดรวบยอด ในเหตุการณห์ รือ การกระทา ผลท่ีเกิดขึ้นใน

เม่อื มีผชู้ แี้ นะ หรือการกระท

๑๐.๒ มคี วามสามารถใน - คาดเดา หรอื คาดคะเนสิง่ ที่ - คาดคะเนส่ิงท
การคิดเชิงเหตุผล อาจจะเกดิ ขึน้ หรือมีสว่ นร่วม เกดิ ขน้ึ และมสี
ในการลงความเห็นจากข้อมูล การลงความเห
อยา่ งมเี หตุผล
- ตัดสนิ ใจในเรื่องง่ายๆและ
เริ่มเรยี นรผู้ ลท่เี กิดขึน้ - ตัดสินใจในเร
ยอมรบั ผลท่ีเก

๑๐.๓ มคี วามสามารถใน -ระบปุ ัญหา และแกป้ ัญหา -ระบปุ ัญหาสร
การคิดแกป้ ญั หาและ โดยลองผดิ ลองถูก และเลือกวิธแี ก
ตดั สนิ ใจ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๔๓

สาระการเรยี นรู้รายปี

ที่ ๓ (๕-๖ปี) ประสบการณ์สาคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้

โยงสาเหตุและ ๑. การช่งั ตวง วัดสงิ่ ต่างๆโดยใช้ ๑. การแสดงความคิดเห็น

นเหตุการณ์ เคร่อื งมอื และหน่วยที่ไมใ่ ชห่ นว่ ย - การชง่ั

ทาดว้ ยตนเอง มาตรฐาน - การตวง

๒. การอธิบายเชื่อมโยง สาเหตุและผลท่ี - การวัด

เกดิ ข้ึนในเหตกุ ารณ์หรอื การกระทา

ท่ีอาจจะ ๑. การคาดเดาหรือการคาดคะเนส่ิงที่ -การหาความสัมพันธ์ และ

สว่ นรว่ มใน อาจจะเกดิ ขึน้ อย่างมีเหตุผล แสดงความคิดเห็น

ห็นจากข้อมูล ๒. การมีสว่ นรว่ มในการลงความเห็น

จากข้อมูลอยา่ งมเี หตุผล

รอื่ งง่ายๆและ ๑. การตัดสินใจและมีสว่ นร่วมใน ๑. การตดั สินใจสิง่ ตา่ งๆด้วย

กดิ ขน้ึ กระบวนการแก้ปญั หา ตนเอง

๒. การอธิบายเช่อื มโยง สาเหตุและผลท่ี

เกิดขึ้นในเหตกุ ารณห์ รือการกระทา

รา้ งทางเลอื ก ๑ . การตัดสิน ใจและมีส่วน ร่วมใน ๑. การแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง

ก้ปัญหา กระบวนการแกป้ ญั หา

๒. การคาดเดาหรือการคาดคะเนสิ่งที่

อาจจะเกิดข้ึนอย่างมเี หตุผล

๓. การมีส่วนรว่ มในการลงความเห็น

จากข้อมลู อย่างมเี หตผุ ล

มาตรฐานที่ ๑๑ มีจินตนาการและความคดิ สร้างสรรค์

ตวั บ่งชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์

ชนั้ อนบุ าลปที ี่ ๒ (๔ – ๕ ป)ี ชั้นอนบุ าลปีที่ ๓ (๕

๑๑.๑ เล่น/ทางาน -สรา้ งผลงานศลิ ปะเพื่อสอ่ื สาร -สร้างผลงาน ศิลป

ศิลปะตาม ความคดิ ความรูส้ ึกของตนเอง สื่อสารความคิด คว

จนิ ตนาการและ โดยมีการดัดแปลงและแปลก ข อ ง ต น เอ ง โ ด ย

ความคิดสรา้ งสรรค์ ใ ห ม่ จ า ก เ ดิ ม ห รื อ มี ดดั แปลงและแปลกใ

รายละเอยี ดเพ่ิมขึน้ เดิ ม แ ล ะ มี ร าย ล ะ

เพมิ่ ขนึ้

๑๑.๒ แสดง -เคล่อื นไหวท่าทางเพ่ือสือ่ สาร -เคลื่อ น ไห วท่ าท
ทา่ ทาง/เคลื่อนไหว ความคิด ความรสู้ ึกของตนเอง สื่อสารความคิด คว
ตามจินตนาการ อย่างหลากหลายหรือแปลก ของตนเองอย่างหลา
อยา่ งสร้างสรรค์ ใหม่ และแปลกใหม่

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๔๔

สาระการเรยี นรู้รายปี

๕-๖ป)ี ประสบการณ์สาคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้

ป ะเพ่ื อ ๑. การสังเกตลักษณะ ส่วนประกอบ การ การทางานศลิ ปะ

วามรู้สึก เปล่ียนแปลง และความสัมพันธ์ของสิ่ง - วิธีการใช้เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ใน

ย มี ก า ร ตา่ งๆโดยใช้ประสาทสมั ผสั อยา่ งเหมาะสม การทางานศิลปะอย่างถูกวิธีและ

ใหม่จาก ๒. การสังเกตส่ิงต่างๆแลละสถานที่จาก ปลอดภัย

ะ เอี ย ด มุมมองที่ตา่ งกนั

๓. การเล่นกบั สอ่ื ต่างๆท่เี ปน็ ทรงกลม ทรง

ส่เี หลย่ี มมุมฉาก ทรงกระบอก ทรงกรวย

๔ . การใช้ภาษาทางคณิ ตศาสตร์กั บ

เหตุการณ์ในชวี ิตประจาวนั

างเพื่ อ ๑. การเคล่ือนไหวอยู่กับที่ ๑. การเคลื่อนไหวร่างกายใน

วามรู้สึก ๒. การเคลือ่ นไหวเคล่อื นท่ี ทศิ ทางระดบั และพ้นื ท่ีต่างๆ

ากหลาย ๓. การเคลอ่ื นไหวพรอ้ มวัสดุอปุ กรณ์ ๒. การแสดงท่าทางอยา่ งอสิ ระ

๔. การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน

ภาษา ทา่ ทาง การเคล่ือนไหวและศิลปะ

๕. การเคลื่อนไหวโดยควบคุมตนเองไปใน

ทศิ ทาง ระดับและพืน้ ที่

๖. การเคลอ่ื นไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี

๗. การฟังเพลง การร้องเพลงและการ

แสดงปฏกิ ริ ยิ าโต้ตอบเสียงดนตรี

มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ี่ดีตอ่ การเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวง

ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์

ชนั้ อนบุ าลปที ี่ ๒ (๔– ๕ ป)ี ชน้ั อนบุ าลปีที่ ๓ (๕-๖

๑๒.๑ มีเจตคติ - สนใจซักถามเกย่ี วกบั - หยบิ หนังสือมาอ่านแล

ทด่ี ีต่อการ สัญลักษณ์หรือตัวหนงั สือท่ีพบ เขยี นส่อื ความคิดดว้ ยตน

เรียนรู้ เห็น เปน็ ประจาอย่างตอ่ เนือ่ ง

- กระตือรอื รน้ ในการเข้าร่วม - กระตอื รือรน้ ในการรว่

กจิ กรรม กิจกรรมต้ังแต่ตน้ จนจบ

๑๒.๒ มี - ค้นหาคาตอบของข้อสงสัย - ค้ น ห า ค า ต อ บ ข อ
ความสามารถ ตา่ งๆ ตามวธิ ีการของตนเอง สงสัย ต่าๆ ต ามวิ ธีก
หลากหลายด้วยตนเอง
ในการแสวงหา
ความรู้

-ใช้ประโยคคาถามว่า “ทไี่ หน” -ใช้ ป ร ะ โ ย ค ค า ถ า
“ทาไม” ในการค้นหาคาตอบ “เมื่อไร” อย่างไร” ใน

คน้ หาคาตอบ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๔๕

งหาความรไู้ ด้เหมาะสมกับวัย

สาระการเรียนรรู้ ายปี

๖ปี) ประสบการณ์สาคัญ สาระทคี่ วรเรยี นรู้

ละ ๑. การสารวจสง่ิ ตา่ งๆ และแหล่งเรยี นรู้ - ความรพู้ นื้ ฐานเกย่ี วกบั

นเอง รอบตัว การใชห้ นังสือและ

ง ๒. การตั้งคาถามในเรอื่ งทีส่ นใจ ตัวหนังสือ

วม ๑. การให้ความรว่ มมือในการปฏิบัตกิ จิ กรรม ๑.การแสดงออกทาง

บ ต่างๆ อารมณ์และความรู้สึกอย่าง

๒. การตั้งคาถามในเรอื่ งที่สนใจ เหมาะสม

๓. การมีส่วนรว่ มในการรวบรวมขอ้ มูลและ ๒. ความสนใจในการทา

นาเสนอขอ้ มูลจากการสืบเสาะหาความร้ใู น กจิ กรรม

รปู แบบตา่ งๆและแผนภูมอิ ย่างง่าย

อ ง ข้ อ ๑. การสารวจส่ิงต่างๆ และแหล่งเรียนรู้ - การเรียนรทู้ ่ีจะเล่นและทา

ก าร ที่ รอบตวั ส่งิ ต่างๆ

๒. การตงั้ คาถามในเร่อื งทส่ี นใจ

๓. การสืบเสาะหาความรู้เพ่ือค้นหาคาตอบ

ของขอ้ สงสัยต่างๆ

๔. การมีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูลและ

นาเสนอข้อมูลจากการสืบเสาะหาความรู้ใน

รูปแบบตา่ งๆและแผนภมู อิ ยา่ งง่าย

ม ว่ า ๑. การตงั้ คาถามในเร่ืองทีส่ นใจ - การสนใจซักถามคาถาม

นการ ๒. การสืบเสาะหาความรู้เพื่อค้นหาคาตอบ เพอ่ื คน้ หาคาตอบ

ของขอ้ สงสยั ต่างๆ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๔๖

การจัดประสบการณ์

การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ 4-๖ ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะ
การบูรณาการผ่านการเล่น การลงมือกระทาจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้
ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม รวมท้ังเกดิ การพัฒนาทั้งด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา
ไม่จัดเป็นรายวชิ า โดยมีหลักการ และแนวทางการจดั ประสบการณ์ ดงั น้ี

๑. หลักการจัดประสบการณ์
๑.๑ จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวม

อยา่ งสมดลุ และตอ่ เนือ่ ง
๑.๒ เน้นเด็กเป็นสาคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและ

บริบทของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
๑.๓ จดั ให้เดก็ ได้รับการพัฒนา โดยให้ความสาคัญกบั กระบวนการเรยี นร้แู ละพัฒนาการของ

เดก็
๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเน่ือง และเป็นสว่ นหน่ึงของการ

จัดประสบการณ์ พรอ้ มทงั้ นาผลการประเมินมาพฒั นาเดก็ อยา่ งต่อเนอื่ ง
๑.๕ ให้พ่อแม่ ครอบครัว ชมุ ชน และทุกฝ่ายทเ่ี ก่ียวข้องมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาเดก็

๒. แนวทางการจดั ประสบการณ์
๒.๑ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทางานของสมองท่ี เหมาะ

กับอายุ วุฒิภาวะและระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ โดยใช้
การจดั กจิ กรรมและรปู แบบการเรยี นการสอน ดังนี้

- การจัดการเรยี นรู้โดยใช้สมองเปน็ ฐาน (Brain based Learning : BBL)
๒.๒ จดั ประสบการณใ์ ห้สอดคลอ้ งกับแบบการเรยี นรู้ของเดก็ เด็กได้ลงมือกระทา เรยี นรู้ผ่าน
ประสาทสัมผัสท้ังห้า ได้เคลื่อนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง
โดยใชก้ จิ กรรมและรูปแบบการเรยี นการสอน ดงั นี้
- บ้านนกั วทิ ยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย
- การจัดการเรยี นรู้แบบสะเตม็ ระดบั การศกึ ษาปฐมวัย (STEM)
- การจดั การเรียนรู้วทิ ยาการคานวณ (Coding)
๒.๓ จดั ประสบการณ์แบบบรู ณาการ โดยบูรณาการทง้ั กจิ กรรม ทักษะ และสาระการเรียนรู้
๒.๔ จัดประสบการณใ์ หเ้ ด็กได้ริเร่มิ คิด วางแผน ตัดสินใจลงมือกระทาและนาเสนอความคิด
โดยผสู้ อนหรือผู้จดั ประสบการณ์เป็นผ้สู นับสนนุ อานวยความสะดวก และเรยี นรู้ร่วมกบั เดก็
๒.๕ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏสิ ัมพันธ์กบั เด็กอืน่ กบั ผ้ใู หญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อ
การเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุข และเรียนรกู้ ารทากิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่าง ๆ
กัน โดยใช้กจิ กรรมและรูปแบบการเรยี นการสอน ดงั น้ี
- การจดั การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori)

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๔๗

๒.๖ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสมั พันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ท่ีหลากหลายและอยู่ใน
วถิ ีชีวิตของเด็ก สอดคล้องกับบริบท สังคม และวัฒนธรรมท่ีแวดล้อมเด็ก โดยใช้กจิ กรรมและรูปแบบ
การเรยี นการสอน

- การจดั การเรยี นรู้ตามแนวการสอนแบบไฮสโคป (High Scope)
๒.๗ จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลกั ษณะนิสัยทีด่ ีและทักษะการใช้ชีวติ ประจาวนั ตามแนวทาง
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคณุ ธรรมจริยธรรม และการมีวินยั ให้เป็นส่วน
หนึ่งของการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้อย่างตอ่ เนอ่ื ง
๒.๘ จดั ประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มกี ารวางแผนไวล้ ว่ งหน้าและแผนที่เกิดข้นึ ในสภาพจริง
โดยไมไ่ ดค้ าดการณ์ไว้
๒.๙ จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็น
รายบคุ คล นามาไตรต่ รองและใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อการพฒั นาเด็กและการวิจยั ในชัน้ เรยี น
๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วมท้ังการวางแผนการ
สนับสนุนส่ือ แหลง่ เรียนรู้ การเขา้ ร่วมกจิ กรรม และการประเมินพฒั นาการ

๓. การจดั กจิ กรรมประจาวนั
กิจกรรมสาหรบั เด็กอายุ 4 ปี - ๖ ปบี ริบรู ณ์ สามารถนามาจัดเปน็ กิจกรรมประจาวันได้หลาย

รปู แบบ เป็นการช่วยให้ผูส้ อนหรอื ผ้จู ดั ประสบการณ์ทราบว่าแตล่ ะวันจะทากิจกรรมอะไร เมื่อใด และ
อย่างไร ท้ังนี้ การจัดกิจกรรมประจาวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ข้ึนอยู่กับความเหมาะสมในการ
นาไปใช้ของแตล่ ะหน่วยงานและสภาพชมุ ชน ท่ีสาคัญผสู้ อนต้องคานึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุม
พัฒนาการทุกด้าน การจดั กจิ กรรมประจาวนั มหี ลกั การจดั และขอบข่ายของกจิ กรรมประจาวนั ดงั นี้

๓.๑ หลักการจดั กิจกรรมประจาวัน
๑. กาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกบั วัยของเด็กในแต่ละวัน

แตย่ ดื หยนุ่ ได้ตามความตอ้ งการและความสนใจของเด็ก เชน่
วัย ๓-๔ ปี มีความสนใจประมาณ ๘-๑๒ นาที
วัย ๔-๕ ปี มีความสนใจประมาณ ๑๒-๑๕ นาที
วัย ๕-๖ ปี มคี วามสนใจประมาณ ๑๕-๒๐ นาที
๒. กจิ กรรมท่ีตอ้ งใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเลก็ และกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่องนานเกนิ กว่า

๒๐ นาที
๓. กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรี เพ่ือช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา คิด

สรา้ งสรรค์ เช่น การเล่นตามมมุ การเล่นกลางแจ้ง ฯลฯ ใชเ้ วลาประมาณ ๔๐-๖๐ นาที
๔. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมท่ีใช้กล้ามเน้ือ

ใหญแ่ ละกลา้ มเนื้อเล็ก กิจกรรมท่ีเป็นรายบคุ คล กลุม่ ยอ่ ยและกลมุ่ ใหญ่ กิจกรรมที่เด็กเปน็ ผรู้ ิเร่ิมและ
ผสู้ อน หรอื ผ้จู ัดประสบการณเ์ ป็นผู้ริเริ่ม และกจิ กรรมท่ีใช้กาลังและไมใ่ ช้กาลงั จดั ใหค้ รบทุกประเภท
ทงั้ น้ี กิจกรรมท่ีต้องออกกาลังกายควรจัดสลับกับกิจกรรมท่ีไม่ต้องออกกาลังมากนัก เพื่อเดก็ จะไดไ้ ม่
เหน่ือยเกนิ ไป

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๔๘

๓.๒ ขอบข่ายของกจิ กรรมประจาวัน
กจิ กรรมท่ีจะนามาจัดในแต่ละวัน เปน็ กิจกรรมท่มี ีความหลากหลาย และมีความเหมาะสมกับ

ผู้เรยี นและบรบิ ทของสถานศกึ ษา โดยคานึงถึงการกิจกรรมใหค้ รอบคลมุ พฒั นาการทกุ ดา้ น ดงั ต่อไปน้ี
๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว การยืดหยุ่น

ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ และจังหวะการเคล่ือนไหวในการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ โดยจัด
กิจกรรมให้เด็กได้เล่นอสิ ระกลางแจ้ง เล่นเคร่ืองเล่นสนาม ปีนป่ายเล่นอิสระ เคล่ือนไหวร่างกายตาม
จังหวะดนตรี

๓.๒.๒ การพัฒนากล้ามเนอ้ื เล็ก เป็นการพฒั นาความแขง็ แรงของกล้ามเน้อื เล็ก กลา้ มเน้ือ
มอื -นว้ิ มือ การประสานสัมพนั ธ์ระหว่างกล้ามเน้ือมอื และระบบประสาทตามือไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และ
ประสานสัมพันธ์กัน โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝึกช่วยเหลือ
ตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม และใช้วัสดุอุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พู่กัน ดิน
เหนียว ฯลฯ

๓.๒.๓ การพัฒนาอารมณ์ จติ ใจ และปลูกฝงั คุณธรรม จริยธรรม เปน็ การปลูกฝงั ให้เด็กมี
ความรู้สึกท่ีดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มีความเช่ือม่ัน กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์ ประหยัด
เมตตา กรณุ า เออ้ื เฟ้อื แบ่งปนั มีมารยาทและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาท่ีนบั ถือโดยจัด
กิจกรรมต่างๆ ผ่านการเลน่ ให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลอื ก ได้รับการตอบสนองความต้องการ ได้ฝึก
ปฏิบตั ิโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม อย่างตอ่ เนอ่ื ง

๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยท่ีดี แสดงออกอย่าง
เหมาะสมและอยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมคี วามสุข ช่วยเหลือตนเองในการทากจิ วัตรประจาวัน มีนิสยั รัก
การทางาน ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น โดยรวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคน
แปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันอย่างสม่าเสมอ รับประทานอาหาร พักผ่อนนอนหลับ
ขับถ่าย ทาความสะอาดร่างกาย เล่นและทางานร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกาข้อตกลงของ
สว่ นรวม เกบ็ ของเข้าท่เี มอ่ื เล่นหรือทางานเสรจ็

๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
ความคิดรวบยอด และคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้
สนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเด็ก ศึกษานอกสถานที่ เล่นเกม
การศึกษา ฝึกการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ฝึกออกแบบและสร้างข้ึนงาน และทากิจกรรมทั้งเป็น
กลุ่มย่อย กลมุ่ ใหญ่ และรายบคุ คล

๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด
ความรู้ความเข้าใจในส่ิงต่าง ๆ ที่เด็กมีประสบการณ์โดยสามารถตั้งคาถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้ จัด
กจิ กรรมทางภาษาให้มคี วามหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่เออ้ื ต่อการเรยี นรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้า
แสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน มีนิสัยรักการอ่าน และบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีใน
การใชภ้ าษา ทงั้ น้ตี ้องคานึงถึงหลกั การจัดกิจกรรมทางภาษาท่ีเหมาะสมกบั เดก็ เป็นสาคัญ

๓.๒.๗ การส่งเสรมิ จนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการสง่ เสรมิ ให้เด็กมีความคิด
ริเริ่มสรา้ งสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมร์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆ โดยจดั กิจกรรมศลิ ปะ
สร้างสรรค์ ดนตรี การเคลื่อนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่างอิสระ เล่น
บทบาทสมมติ เลน่ นา้ เลน่ ทราย เล่นบล็อก และเลน่ ก่อสร้าง

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๔๙

๓.3 รปู แบบการจดั กิจกรรมประจาวัน

การจดั ตารางกจิ กรรมประจาวนั มสี ดั สว่ นเวลาในการพฒั นาเดก็ แตล่ ะวนั ดังนี้

อายุ ๔ - ๕ ปี อายุ ๕ - ๖ ปี
ชวั่ โมง : วัน
รายการการพัฒนา ช่วั โมง : วนั (ประมาณ)

(ประมาณ) ๒ ๑/๒

๑. การพัฒนาทักษะพ้ืนฐานในชีวิตประจาวัน (รวมทั้งการ ๑

ช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย การรับประทานอาหาร ๒ ๑/๒ ๑
๓/๔
สขุ อนามัย และ การนอนพักผอ่ น) ๑

๒. การเล่นเสรี ๑

๓. การคิดและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ๑

๔. กิจกรรมด้านสังคม ๓/๔

๕. กิจกรรมพฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่ ๓/๔

๖. กิจกรรมทม่ี กี ารวางแผนโดยครูผ้สู อน ๑

เวลาโดยประมาณ ๗

ตารางกิจกรรมประจาวัน

กิจกรรมในแต่ละวันของโรงเรียนสามหมอโนนทันกาหนดขึน้ โดยมีจุดมุ่งหมายให้เด็กปฐมวัยไดร้ ับการ

พัฒนาอย่างรอบดา้ น ดังนี้

เวลา กจิ กรรม

๐๘.๐๐ - ๐๘.๓๐ น. รบั เด็ก

๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. เคารพธงชาติ สวดมนต์

๐๘.๔๕ – ๐๙.๐๐ น. ตรวจสขุ ภาพ ไปหอ้ งนา้

๐๙.๐๐ – ๐๙.๒๐ น. กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ

๐๙.๒๐ - ๑๐.๒๐ น. กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์และกิจกรรมการเลน่ ตามมมุ

๑๐.๒๐ - ๑๐.๓๐ น. พัก (รับประทานอาหารวา่ ง)

๑๐.๓๐ - ๑๐.๔๕ น. กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์

๑๐.๔๕ - ๑๑.๓๐ น. กจิ กรรมการเล่นกลางแจง้

๑๑.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. พัก (รบั ประทานอาหารกลางวนั )

๑๒.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. นอนพักผ่อน

๑๔.๐๐ - ๑๔.๒๐ น. เก็บทีน่ อน ลา้ งหน้า

๑๔.๒๐ – ๑๔.๓๐ น. พกั (รับประทานอาหารวา่ ง)

๑๔.๓๐ - ๑๔.๕๐ น. เกมการศึกษา

๑๔.๕๐ - ๑๕.๐๐ น. กิจกรรมเสริมทักษะการเขียนและการอ่าน

15.00 – 16.00 น. เตรียมตัวกลับบา้ น

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๕๐

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๕๑

กจิ กรรมการเคลือ่ นไหวและจังหวะ
กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมท่ีจัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของ

ร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง คาคล้องจอง เคร่ืองเคาะจังหวะ และอุปกรณ์
อ่ืนๆ มาประกอบการเคลื่อนไหว ซึ่งจังหวะและดนตรีท่ีใช้ประกอบ ได้แก่ เสียงตบมือ เสียงเคาะไม้
เคาะเหล็กกรุ๋งกร๋ิง รามะนา กลอง กรับ ฯลฯ มาประกอบการเคล่ือนไหวเพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิด
จินตนาการความคิดสรา้ งสรรค์ เดก็ วยั น้ีร่างกายกาลังอยรู่ ะหว่างการพัฒนาสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ยัง
ไมป่ ระสานสัมพนั ธ์กนั อย่างสมบรู ณ์
จุดประสงค์

1. เพื่อพฒั นาอวัยวะทุกส่วนให้มีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งดีในการเคล่ือนไหว

2. เพื่อฝึกทักษะภาษา ฝึกฟงั คาสั่ง และขอ้ ตกลง

3. เพือ่ ให้เกดิ ความซาบซึง้ และสุนทรยี ภาพในการเคล่อื นไหว

4. เพือ่ พัฒนาด้านสงั คม การปรบั ตัวและความร่วมมอื ในกลุม่

5. เพอ่ื ใหโ้ อกาสเด็กไดแ้ สดงออก และความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์

6. เพ่อื ให้เกิดความสนกุ สนาน ผ่อนคลายความตงึ เครียด

7. เพ่ือใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ สนุกสนาน รืน่ เรงิ จากการเคล่ือนไหว และจงั หวะแบบตา่ งๆ
ขอบข่าย/เนือ้ หา/กิจกรรม

๑. กิจกรรมการเคล่ือนไหวพ้ืนฐาน เป็นกิจกรรมที่ต้องฝึกทุกคร้ังท่ีจะเริ่มฝึกกิจกรรม
อื่นๆ ต่อไปลักษณะการจัดกิจกรรมมีจุดเน้นในเรื่องจังหวะและการเคลื่อนไหวหรอื ทา่ ทางอย่างอิสระ
การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเดก็ มี ๒ ประเภท คือ การเคลือ่ นไหวอย่กู ับที่ เชน่ ตบมือ ผงกศีรษะ
ขยิบตา ชนั เขา่ เคาะเท้า เคลอื่ นไหวมือและแขน มือและน้วิ มือ เท้าและปลายเทา้ การเคลื่อนไหว เช่น
คลาน คบื เดนิ ว่ิง กระโดด ควบมา้ ก้าวกระโดด เขย่ง ก้าวชิด
โดยกิจกรรมการเคลื่อนไหวพื้นฐานดาเนินการ ดงั นี้

๑.๑ ให้เด็กทราบถึงข้อตกลงร่วมกันในการกาหนดสัญญาณและจังหวะ โดยผู้สอนต้องทา
ความเขา้ ใจกับเด็กกอ่ นวา่ สญั ญาณนนั้ หมายถึงอะไร เชน่

(๑) ให้จงั หวะ ๑ คร้ัง สมา่ เสมอ แสดงว่า ให้เด็กเดินหรือเคล่ือนไหวไปเร่ือยๆ ตามจังหวะ
(๒) ให้จงั หวะ ๒ ครั้งตดิ กัน แสดงวา่ ให้เด็กหยดุ การเคลอื่ นไหว โดยเด็กจะต้องหยดุ นงิ่
จริง ๆ หากกาลงั อยใู่ นท่าใด ก็ต้องหยุดนงิ่ ในท่านั้น จะเคลอื่ นไหวหรือเปล่ียนท่าไมไ่ ด้
(๓) ให้จังหวะรัว แสดงว่า ให้เด็กเคล่ือนไหวอย่างเร็ว หรือเคลื่อนท่ีเร็วข้ึน เช่น การฝึกการ
เป็นผ้นู าหรอื ผตู้ ามจะหมายถงึ การเปลยี่ นตาแหนง่
๑.๒ ให้เด็กเคลื่อนไหวอย่างอิสระตามความคิดหรือจินตนาการของตนเอง โดยใช้ส่วนต่างๆ
ของร่างกายให้มากท่ีสุด และขณะเดียวกันต้องคานึงถึงองค์ประกอบพ้ืนฐานในการเคลื่อนไหว ซึ่ง
ไดแ้ ก่ การใชร้ ่างกายตนเอง การใช้พน้ื ท่ีบริเวณ การเคลอ่ื นไหวอยา่ งมีอสิ ระ มีระดบั และทศิ ทาง

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๕๒

๒. กิจกรรมการเคล่ือนไหวท่ีสัมพันธ์กับเนื้อหา เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหว
รา่ งกาย โดยเน้นการทบทวนเรื่องที่ได้รับรู้จักกิจกรรมอ่ืน และนามาสัมพันธ์กับสาระการเรียนรู้หรือ
เรื่องอ่ืนๆ ท่ีเดก็ สนใจ ไดแ้ ก่

๒.๑ การเคลื่อนไหวเลียนแบบ เป็นการเคลื่อนไหวเลียนแบบส่ิงต่างๆ รอบตัว เช่น การ
เลียนแบบท่าทางสัตว์ การเลียนแบบท่าทางคน การเลียนแบบเครื่องยนต์กลไกและเคร่ืองเล่น และ
การเลียนแบบปรากฏการณธ์ รรมชาติ

๒.๒ การเคลื่อนไหวตามบทเพลง เป็นการเคล่อื นไหวหรือทาท่าประกอบเพลง เช่น เพลงไก่
เพลงขา้ มถนน เพลงสวสั ดี

๒.๓ การทาท่าทางกายบริหารประกอบเพลงหรือคาคล้องจอง เป็นการทาท่าทางการ
บริหารกายบริหารตามจังหวะและทานองเพลงหรือคาคล้องจอง เช่น เพลงกามือแบมือ เพลงออก
กาลงั กายรบั แสงตะวัน คาคล้องจองฝนตกพราพรา

๒.๔ การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ เป็นการเคล่ือนไหวท่ีให้เด็กคิดสร้างสรรค์ท่าทางขน้ึ เอง
หรืออาจช้ีนาด้วยการป้อนคาถามเคลื่อนไหวโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ห่วงหวายแถบผ้า ริบบ้ิน
ถุงทราย

๒.๕ การเคล่อื นไหวหรอื การแสดงทา่ ทางตามคาบรรยายหรือเร่ืองราวเป็น การเคลือ่ นไหว
หรือแสดงทา่ ทางตามจนิ ตนาการจากเรื่องราว หรือคาบรรยายท่ีผู้สอนเล่า

๒.๖ การเคลื่อนไหวหรอื หรือการแสดงทา่ ทางตามคาสั่ง เป็นการเคล่ือนไหวหรอื ทาทา่ ทาง
ตามคาส่ังของครู เช่น การจดั กลุ่มตามจานวน การทาท่าทางตามคาสัง่

๒.๗ การเคล่ือนไหวหรือการแสดงท่าทางตามข้อตกลง เปน็ การเคลอื่ นไหวหรือทาท่าทาง
ตามขอ้ ตกลงทไ่ี ด้ตกลงไวก้ อ่ นเร่ิมกจิ กรรม

๒.๘ การเคล่ือนไหวหรือการแสดงท่าทางเป็นผู้นา ผู้ตาม เป็นการเคล่ือนไหวหรือทา
ทา่ ทางจากความคิดสร้างสรรคข์ องเดก็ เอง แล้วใหเ้ พ่อื นปฏิบัติตามกิจกรรม

จากรูปแบบการเคลื่อนไหวข้างตน้ ลักษณะการเคลื่อนไหวของเด็กอาจมีลักษณะต่าง ๆ เช่น
ช้า เร็ว นุ่มนวล ทาทา่ ทางขงึ ขัง ร่าเรงิ มีความสุข หรอื เศร้าโศกเสียใจ และมีทิศทางการเคลื่อนไหวที่
แตกต่างกนั เช่น การเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและข้างหลัง ไปข้างซ้ายและข้างขวา เคลอ่ื นตัวขึน้ และลง
หรือเคลื่อนไหวรอบทิศทางโดยให้มีระดับของการเคลื่อนไหวสูง กลาง ต่า ในบริเวณพื้นที่ท่ีเด็ก
ตอ้ งการเคลื่อนไหว
สือ่ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ

๑. เครอ่ื งเคาะจังหวะ เช่น ฉิ่ง เหล็กสามเหลย่ี ม กรบั รามะนา กลอง
๒. อปุ กรณ์ประกอบการเคลือ่ นไหว เช่น หนังสือพิมพ์ รบิ บ้ินผ้า ห่วงหวาย ห่วงพลาสติกถุง
ทราย
ข้อเสนอแนะ
๑. ควรเริ่มกิจกรรมจากการเคล่ือนไหวที่เปน็ อิสระ และมีวิธกี ารท่ีไม่ยงุ่ ยากนัก เช่น ให้เด็ก
ไดเ้ คล่ือนไหวกระจายอยภู่ ายในหอ้ ง และใหเ้ คลอ่ื นไหวไปตามธรรมชาติของเดก็
๒. ควรให้เด็กได้แสดงออกด้วยตนเองอย่างอิสระ และเป็นไปตามความนึกคิดของเด็กเอง
ผสู้ อนไมค่ วรชีแ้ นะ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๕๓

๓. ควรเปิดโอกาสใหเด็กคิดหาวิธีเคล่ือนไหว ท้ังท่ีต้องเคล่ือนท่ีและไม่ต้องเคล่ือนท่ี
เปน็ รายบุคคล เปน็ คู่ เป็นกลุ่ม ตามลาดบั และกลุ่มไม่ควรเกดิ ๕-๖ คน

๔. ควรใช้วัสดุท่ีอยู่ใกล้ตัวเด็ก เช่น ของเล่น กระดาษหนังสือพิมพ์ เศษผ้า เชือก ท่อนไม้
ประกอบการเคลอ่ื นไหวและการให้จงั หวะ

๕. ควรกาหนดจังหวะสัญญาณนัดหมายในการเคล่ือนไหวต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนท่าหรือ
หยดุ ใหเ้ ด็กทราบเมื่อทากจิ กรรมทุกคร้ัง

๖. ควรสรา้ งบรรยากาศอยา่ งอสิ ระ ให้เดก็ รู้สกึ อบอุน่ เพลิดเพลนิ และร้สู กึ สบาย สนุกสนาน
๗. ควรจัดให้มีรปู แบบของการเคลอื่ นไหวที่หลากหลาย เพ่อื ช่วยใหเ้ ด็กสนใจมากขนึ้
๘. กรณีเด็กไม่ยอมเข้ารว่ มกิจกรรม ผูส้ อนไม่ควรใชว้ ธิ ีบังคับ ควรให้เวลาและโนม้ น้าวให้เด็ก
สนใจเขา้ รว่ มกิจกรรมด้วยความสมัครใจ
๙. ควรจดั ใหม้ เี กมการเลน่ ทไ่ี ม่เน้นการแข่งขนั เพื่อกระตนุ้ เร้าความสนใจของเดก็ มากขน้ึ
๑๐. การจัดกิจกรรมควรจัดตามกาหนดตารางกิจกรรมประจาวัน และควรจัดให้เป็นที่
น่าสนใจเกิดความสนกุ สนาน
๑๑. ให้เล่นเป็นเร่ืองราว โดยการเล่าให้เด็กฟัง เด็กเกิดจินตนาการและเคล่ือนไหวไปตาม
เรือ่ งนนั้ ๆ
๑๒. หลงั จากเด็กได้ทากิจกรรมแล้ว ตอ้ งใหเ้ ด็กได้พักผอ่ น โดยอาจเปิดเพลงจงั หวะช้าๆเบาๆ
ที่สรา้ งความรู้สกึ ให้เดก็ อยากพักผอ่ น

กิจกรรมเสริมประสบการณ์
กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ทักษะ

การฟัง การพูด การสังเกต การคิดแก้ปัญหา การใช้เหตุผล และปฏิบัติการทดลอง โดยการฝกึ ปฏิบัติ
ร่วมกนั และการทางานเป็นกลุ่ม ทง้ั กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ เพ่ือให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรอ่ื ง
ท่ีได้เรียนรู้มากกว่าเน้ือหา เม่ือเกิดการเรียนรู้ตามกระบวนการจะทาให้เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจใน
เนอ้ื หานั้นๆ ดว้ ยตนเอง
จุดประสงค์

๑. เพื่อฝกึ ทกั ษะกระบวนการคดิ พื้นฐาน การมสี มาธใิ นการทางานยืดระยะความสนใจ
๒. เพอ่ื ฝกึ การใช้ภาษาในการฟัง การพูด และการถา่ ยทอดเร่ืองราว
๓. เพือ่ ฝกึ มารยาทในการฟังการพดู
๔. เพ่ือฝึกความรบั ผิดชอบ และปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง
๕. เพื่อให้เดก็ เรียนรู้ผ่านการสงั เกต มีความอยากรอู้ ยากเหน็ ส่ิงแวดล้อมรอบตัว
๖. เพื่อสง่ เสริมความสามารถในการคดิ รวบยอด การคดิ แกป้ ัญหาและตดั สินใจ
๗. เพ่ือส่งเสริมการเรยี นร้วู ธิ ีแสวงหาความรูเ้ กดิ การเรียนรจู้ ากการค้นพบด้วยตนเอง
๘. เพื่อฝึกการกล้าแสดงออกร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลและยอมรับฟังความ
คดิ เห็นของผู้อืน่

ขอบข่าย/เนอ้ื หา/กจิ กรรม

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๕๔

นาเนื้อหาและรายการในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมาบูรณาการการจัดประสบการณ์
การเรียนการสอน โดยยดึ ขั้นตอนการเรยี นรู้ประสบการณท์ อ่ี ยู่ใกล้ตวั เด็กมาเป็นแกนในการจัดหนว่ ย
ประสบการณ์

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๕๕

แนวการจัดกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์
การจัดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์ (ควรใช้เวลา ๑๕ - ๒๐ นาที) ถา้ นานเกินไป หรือกิจกรรม

ไม่นา่ สนใจ เด็กเบ่อื ทาให้ไม่อย่นู ิ่ง ในการดาเนินกจิ กรรมจะมวี ิธดี าเนนิ กิจกรรม ๓ ขั้นตอน คือ
๑. ข้ันนา เข้าสู่บทเรยี น เปน็ การเตรียมความพร้อมให้เด็กและกระตุ้นให้เด็กสนใจที่จะร่วม

กิจกรรมต่อไป กิจกรรมที่ใช้อาจเป็นการร้องเพลง คาคล้องจอง ปริศนาคาทาย ท่าใบ้ ฯลฯ ซึ่งจะใช้
ระยะเวลาสนั้ ๆ

๒. ข้ันสอน เป็นการจัดกิจกรรมท่ีต้องการให้เด็กรับความรู้และประสบการณ์ด้วยกิจกรรม
หลายรูปแบบ เช่น

๒.๑ การสนทนาหรอื การอภปิ ราย เป็นการพูดคยุ ซักถามระหว่างเด็กกับผ้สู อน หรอื เด็กกับ
เด็ก เป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา ด้านการพูดและการฟัง โดยการกาหนดประเด็นในการ
สนทนาหรืออภิปราย เด็กจะได้แสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน ผู้สอนเปิด
โอกาสให้เด็กซกั ถาม โดยใช้คาถามกระตุ้นหรือเล่าประสบการณ์ที่แปลกใหม่ นาเสนอปญั หาท่ีทา้ ทาย
ความคิด การยกตัวอย่าง การใช้ส่ือประกอบการสนทนาหรือการอภิปราย ควรใช้ส่ือของจริง
ของจาลอง รปู ภาพ หรอื สถานการณจ์ าลอง

๒.๒ การเล่านิทานหรอื การอา่ นนทิ าน เป็นกิจกรรมที่ผู้สอนเล่าหรืออา่ นเรอ่ื งราวจากนทิ าน
โดยการใช้นา้ เสียงประกอบการเล่าแตกต่างตามบุคลกิ ของตวั ละคร ซ่งึ ผูส้ อนควรเลอื กสาระของนิทาน
ให้เหมาะสมกับวัย สื่อท่ีใช้อาจเป็นหนังสือนิทาน หนังสือภาพ แผ่นภาพ หุ่นมือ หุ่นนิ้วมือ หรือการ
แสดงท่าทางประกอบการเล่าเร่ือง โดยผู้สอนใช้คาถามกระตุ้นการเรียนรู้ เช่น ในนิทานเรื่องนี้ มีตัว
ละครอะไรบ้าง เหตกุ ารณใ์ นนิทานเร่ืองนเ้ี กดิ ขน้ึ ท่ีไหน เวลาใด หรือลาดบั เหตกุ ารณ์ที่เกิดขึน้ ในนิทาน
นทิ านเรอื่ งนี้มีปญั หาอะไรบ้าง และเด็กๆ ชอบเหตุการณ์ใดในนทิ านเร่ืองนมี้ ากท่ีสดุ

๒.๓ การสาธิต เป็นกิจกรรมท่ีเด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยแสดงหรือทาสิ่งท่ี
ต้องการใหเ้ ดก็ ไดส้ ังเกตและเรยี นรตู้ ามข้ันตอนของกิจกรรมนั้น ๆ และเดก็ ได้อภปิ รายและรว่ มกนั สรุป
การเรียนรู้ การสาธิตในบางครั้งอาจให้เด็กอาสาสมัครเป็นผู้สาธิตร่วมกั บผู้สอน เพ่ือนาไปสู่
การปฏิบัติจริงด้วยตนเอง เช่น การเพาะเมล็ดพืช การประกอบอาหาร การเป่าลูกโป่ง การเล่นเกม
การศึกษา

๒.๔ การทดลอง/ปฏิบัติการ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้รบั ประสบการณ์ตรงจาก การ
ลงมือปฏิบัติ ทดลอง การคิดแก้ปัญหา มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะคณิตศาสตร์
ทักษะภาษา ส่งเสริมให้เดก็ เกิดข้อสงสยั สบื ค้นคาตอบดว้ ยตนเอง ผ่านการวิเคราะห์ สงั เคราะห์อยา่ ง
ง่าย สรุปผลการทดลอง อภิปรายผลการทดลอง และสรุปการเรียนรู้ โดยกิจกรรมการทดลอง
วทิ ยาศาสตรง์ ่ายๆ เช่น การเลยี้ งหนอนผีเสือ้ การปลกู พชื ฝึกการสังเกตการไหลของนา้

๒.๕ การประกอบอาหาร เป็นกจิ กรรมทจ่ี ัดให้เด็กได้เรยี นรผู้ ่านการทดลองโดยเปิดโอกาสให้
เด็กได้ลงมือทดสอบและปฏิบัตกิ ารด้วยตนเอง เก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงของผัก เน้ือสัตว์ ผลไม้ ด้วย
วธิ ีการต่างๆ เช่น ต้ม น่ึง ผิด ทอด หรือการรับประทานสด เด็กจะได้รบั ประสบการณ์จากการสังเกต
การเปลี่ยนแปลงของอาหาร การรับรูร้ สชาติและกล่ินของอาหารด้วยการใช้ประสาทสัมผัส และการ
ทางานรว่ มกนั เชน่ การทาอาหารจากไข่

๒.๖ การเพาะปลูก เป็นกิจกรรมท่เี น้นกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซง่ึ เด็ก
จะได้เรียนรู้การบูรณาการ จะทาให้เด็กได้รับประสบการณ์โดยทาความเข้าใจความต้องการของ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๕๖

ส่ิงมีชีวิตในโลก และช่วยให้เด็กเข้าใจความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัว โดยการสังเกต
เปรยี บเทยี บ และการคดิ อย่างมเี หตผุ ล

๒.๗ การศึกษานอกสถานท่ี เป็นการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาที่ให้เด็กได้เรียนรู้สภาพความ
เป็นจริงนอกห้องเรียน จากแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษาหรือแหล่งเรียนรู้ในชุมชน เช่น ห้องสมุด สวน
สมุนไพร วัด ไปรษณยี ์ พพิ ธิ ภณั ฑ์ เพ่อื เปน็ การเพ่ิมพูนประสบการณ์แกเ่ ดก็ โดยผู้สอนและเด็กร่วมกัน
วางแผนศึกษาส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ การเดินทาง และสรุปผลการเรียนรู้ท่ีได้จากการไปศึกษานอก
สถานที่

๒.๘ การเล่นบทบาทสมมติ เป็นกิจกรรมให้เด็กสมมติตนเองเป็นตัวละคร และแสดง
บทบาทต่าง ๆ ตามเน้ือเรื่องในนิทาน เรื่องราว หรือสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ความรู้สึกของเด็กใน
การแสดง เพ่ือให้เด็กเข้าใจเร่ืองราว ความรู้สึก และพฤติกรรมของตนเองและผู้อื่น ควรใช้ส่ือ
ประกอบการเล่นสมมติ เช่น หุ่นสวมศรี ษะ ท่ีคาดศีรษะรูปคนและสัตว์รูปแบบต่าง ๆ เคร่ืองแต่งกาย
และอุปกรณ์ของจริงชนิดต่าง ๆ

๒.๙ การร้องเพลง ท่องคาคล้องจอง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษา
จังหวะ และการแสดงท่าทางให้สัมพันธ์กับเน้ือหาของเพลงหรือคาคล้องจอง ผู้สอนควรเลือกเพลง
หรือคาคลอ้ งจองให้เหมาะกบั วยั ของเดก็

๒.๑๐ การเล่นใช้เกม เป็นกิจกรรมที่นาเกมการเรียนรู้เพ่ือฝึกทักษะการคิด การแก้ปัญหา
และการทางานเปน็ กล่มุ เกมทีน่ ามาเลน่ ไมค่ วรเน้นการแข่งขัน

๒.๑๑ การแสดงละคร เป็นกิจกรรมท่ีเด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการลาดับเร่ืองราว การ
เรียงลาดับเหตุการณ์หรือเรื่องราวจากนิทาน การใช้ภาษาในการส่ือสารของตัวละคร เพื่อให้เด็กได้
เรียนรู้และทาความเข้าใจบุคลิกลักษณะของตัวละครท่ีเด็กสวมบทบาท สื่อท่ีใช้ เช่น ชุดการแสดงท่ี
สอดคล้องกบั บทบาททไ่ี ดร้ ับ บทสนทนาที่เด็กใชฝ้ กึ สนทนาประกอบการแสดง

๒.๑๒ การใช้สถานการณจ์ าลอง เป็นกิจกรรมทีเ่ ด็กได้เรียนรแู้ นวทางการปฏิบัติตนเมื่ออยู่
ในสถานการณ์ท่ีผู้สอนกาหนด เพ่ือให้เด็กได้ฝึกการแก้ปัญหา เช่น น้าท่วม โรคระบาด พบคนแปลก
หนา้
สื่อกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์

๑. ส่ือของจริงที่อยู่ใกล้ตัว และสื่อจากธรรมชาติหรือวัสดุท้องถ่ิน เช่น ต้นไม้ ใบไม้ เปลือก
หอย เสอื้ ผา้

๒. สื่อที่จาลองข้ึน เช่น ตน้ ไม้ ตกุ๊ ตาสัตว์
๓. สื่อประเภทภาพ เช่น ภาพพลกิ ภาพโปสเตอร์ หนังสอื ภาพ
๔. สื่อเทคโนโลยี เช่น เครื่องบันทึกเสียง เคร่ืองขยายเสียง โทรศัพท์ แม่เหล็ก แว่นขยาย
เคร่ืองช่ัง กลอ้ งถา่ ยรูปดิจติ อล
๕. สื่อแหล่งเรียนรู้ เช่น แหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา เช่น แปลงเกษตร
สวนผักสมนุ ไพร ร้านค้า สวนสัตว์ แหล่งประกอบการในท้องถ่ิน
ข้อเสนอแนะ
๑. การจัดกิจกรรมควรยึดหลักการจัดกิจกรรมท่ีเน้นให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง ใช้
ประสาทสัมผัสทง้ั หา้ และมีโอกาสค้นพบด้วยตนเองให้มากท่ีสุด

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๕๗

๒. ผู้สอนควรยอมรับความคิดเห็นท่ีหลากหลายของเด็ก แบะให้โอกาสเด็กได้ฝึกคิด แสดง
ความคดิ เหน็ ฝึกตง้ั คาถาม

๓. อาจเชิญวิทยากร เช่น พ่อแม่ ตารวจ หมอ ฯลฯ มาให้ความรู้แทนผู้สอน เพื่อช่วยให้เด็ก
สนใจและสนกุ สนานมากขึ้น

๔. ในขณะท่เี ดก็ ทากิจกรรมหรือหลังจากทากจิ กรรมเสรจ็ แล้ว ผู้สอนควรใชค้ าถามปลายเปิด
ท่ีชวนให้เด็กคิด หลีกเลี่ยงการใช้คาถามท่ีมีคาตอบ “ใช่” “ไม่ใช่” หรือมีคาตอบให้เด็กเลือก และ
ผสู้ อนควรให้เวลาเด็กคดิ คาตอบ

๕. ช่วงระยะเวลาที่จัดกิจกรรมสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม โดยคานึงถึง
ความสนใจของเด็กและความเหมาะสมของกิจกรรมน้ัน ๆ เช่น กิจกรรมการศึกษานอกสถานท่ี การ
ประกอบอาหาร การเพาะปลกู อาจใชเ้ วลานานกวา่ ทีก่ าหนด

๓. ขั้นสรุปบทเรียน เป็นการสรุปส่ิงต่าง ๆ ที่เรียนไปทั้งหมดให้เด็กได้เข้าใจดียิ่งขึ้น ซ่ึง
ผสู้ อนอาจใชค้ าถาม เพลง คาคล้องจอง เกม ฯลฯ ในการสรุปเร่ืองราว

๓. กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนากระบวนการคิดสร้างสรรค์ การรับรู้

เก่ียวกับความงาม และส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กแสดงออกทางอารมณ์ตามความรู้สึก ความคิดริเร่ิม
สร้างสรรค์และจินตนาการ โดยใช้ศิลปะ เช่น การวาดภาพ ระบายสี การปั้น การพิมพ์ภาพ การพับ
ตัด ฉกี ปะ ฯลฯ
จดุ ประสงค์

๑. เพื่อพัฒนากล้ามเน้อื มือและตาให้ประสานสัมพนั ธ์กนั
๒. เพือ่ ให้เกิดความเพลิดเพลนิ ชน่ื ชมในส่งิ ที่สวยงาม
๓. เพ่อื สง่ เสริมการปรับตัวในการทางานรว่ มกับผอู้ ื่น
๔. เพื่อส่งเสริมการแสดงออกและมคี วามมนั่ ใจในตนเอง
๕. เพื่อสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรม และทกั ษะทางสังคม
๖. เพ่อื สง่ เสรมิ ทกั ษะทางภาษา อธบิ ายผลงานของตนได้
๗. เพือ่ ฝึกทกั ษะการสังเกต การคิดและการแกป้ ญั หา
๘. เพอ่ื สง่ เสริมความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ
ขอบขา่ ย/เน้อื หา/กจิ กรรม
๑. การวาดภาพและระบายสี เชน่ การวาดภาพดว้ ยสเี ทียน สไี ม้ สีน้า
๒. การเลน่ กับสนี ้า เช่น การเป่าสี การหยดสี การพับสี การเทสี การละเลงสดี ้วยนิ้วมือ
๓. การพมิ พ์ภาพ เช่น การพิมพภ์ าพด้วยพชื การพมิ พ์ภาพดว้ ยวสั ดตุ า่ งๆ
๔. การป้ัน เชน่ การป้ันดินเหนียว การป้ันแป้งปน้ั การปั้นดินน้ามัน การปน้ั แป้งขนมปงั
๕. การพบั ฉกี ตดั ปะ เขน่ การฉีกกระดาษเส้น การตัดภาพตา่ งๆ การปะติดวสั ดุ
๖. การประดษิ ฐ์ เช่น ประดิษฐ์เศษวัสดุ
๗. การรอ้ ย เช่น การร้อยลกู ปัด การรอ้ ยหลอดกาแฟ การรอ้ ยหลอดด้าย
๘. การสาน เช่น การสานกระดาษ การสานใบตอง การสานใบมะพร้าว

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๕๘

แนวการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์
๑. เตรียมจัดโต๊ะและอุปกรณ์ให้พร้อมและเพียงพอก่อนทากิจกรรม อย่างน้อย ๒ กิจกรรม

โดยจดั ไวห้ ลาย ๆ กิจกรรม และอย่างน้อย ๓ - ๕ กิจกรรม เพื่อใหเ้ ด็กมีอสิ ระในการเลือกทากิจกรรม
ทสี่ นใจ

๒. ควรสร้างข้อตกลงในการทากิจกรรม เพอื่ ฝกึ ให้เด็กมีวินยั ในการอยรู่ ว่ มกัน
๓. การเปล่ียนและหมุนเวียนทากิจกรรม ต้องสร้างข้อตกลงกับเด็กให้ชัดเจน เช่น หาก
กจิ กรรมใดมีเพอ่ื นครบจานวนท่กี าหนดแล้ว ใหค้ อยจนกวา่ จะมที ่ีวา่ ง หรือใหท้ ากจิ กรรมอ่นื ก่อน
๔. กิจกรรมใดเป็นกิจกรรมใหม่ หรือการใช้วัสดุอุปกรณ์ใหม่ ครูจะต้องอธิบายวิธ๊การทา
วิธีการใช้ วธิ ีการทาความสะอาด และการเกบ็ ของเขา้ ท่ี
๕. เมื่อทางานเสร็จหรือหมดเวลา ควรเตือนใหเ้ ดก็ เก็บวสั ดุอุปกรณ์ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้เข้าที่
และช่วยกนั ดูแลหอ้ งให้สะอาด
ส่อื กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์
๑. การวาดภาพและระบายสี
๑.๑ สเี ทยี นแท่งใหญ่ สไี ม้ สีชอล์ก สีน้า
๑.๒ พกู่ นั ขนาดใหญ่ (ประมาณเบอร์ ๑๒)
๑.๓ กระดาษ
๑.๔ เสอ้ื คลุม หรอื ผ้ากันเปื้อน
๒. การเลน่ กบั สีนา้
๒.๑ การเปา่ สี มกี ระดาษ หลอดกาแฟ สนี า้
๒.๒ การหยดสี มกี ระดาษ หลอดกาแฟ สีน้า พู่กัน
๒.๓ การพบั สี มกี ระดาษ สีนา้ พู่กนั
๒.๔ การละเลงสีดว้ ยน้วิ มือ มกี ระดาษ สีนา้ แปง้ เปียก
๓. การพิมพ์ภาพ
๓.๑ แมพ่ มิ พ์ตา่ ง ๆ จากของจรงิ เชน่ นวิ้ มอื ใบไม้ ก้านกลว้ ย
๓.๒ แมพ่ มิ พ์จากวัสดอุ ื่น ๆ เชน่ เชอื ก เส้นดา้ ย ตรายาง
๓.๓ กระดาษ ผา้ เช็ดมือ สโี ปสเตอร์ หรอื สีน้า หรอื สีฝุน่
๔. การปนั้ เช่น ดินนา้ มนั ดินเหนยี ว แป้งโดว์ แผน่ รองปั้น แม่พิมพ์รูปต่าง ๆ ไม้นวดแปง้
๕. การพับ ฉีก ตัด ปะ เช่น กระดาษ หรือวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้พับ ฉีก ตัด ปะ กรรไกรขนาดเล็ก
ปลายมน กาวน้าหรอื แป้งเปยี ก ผา้ เชด็ มือ
๖. การประดิษฐ์ เช่น เศษวสั ดุตา่ ง ๆ มีกล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผา้ เศษไหม กาว กรรไกร สี
ผ้าเชด็ มอื
๗. การรอ้ ย เช่น ลูกปัด หลอดกาแฟ หลอดด้าย
๘. การสาน เช่น กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว
ขอ้ เสนอแนะ
๑. ควรสรา้ งบรรยากาศในการทากจิ กรรมให้มคี วามสดชื่น แจ่มใส แต่ควรมีระเบยี บวนิ ัย
๒. การจัดเตรยี มวัสดุอุปกรณ์ ควรพยายามหาวัสดุท้องถน่ิ มาใชก้ อ่ นเป็นอนั ดบั แรก

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๕๙

๓. ก่อนให้เด็กทากจิ กรรม ต้องอธิบายวิธีใช้วัสดุทถี่ ูกตอ้ งให้เด็กทราบ พรอ้ มทง้ั สาธิตใหด้ ูจน
เข้าใจ เชน่ การใช้พกู่ ันหรือกาว จะตอ้ งปาดพู่กันหรือกาวน้นั กับขอบภาชนะที่ใส่ เพ่ือไม่ให้กาวหรือสี
ไหลเลอะเทอะ

๔. ควรให้เด็กทาศิลปะสร้างสรรค์ประเภทใดประเภทหน่ึงร่วมกันในกลุ่มย่อย เพ่ือฝึก
การวางแผนและการทางานร่วมกนั กับผูอ้ ืน่

๕. ควรแสดงความสนใจและช่ืนชมผลงานของเด็กทุกคน และนาผลงานของเด็กทุกคน
หมุนเวยี นจัดแสดงท่ปี ้ายนเิ ทศ

๖. หากพบว่าเด็กคนใดคนหนึ่งสนใจทากิจกรรมเดียวทุกครั้ง ควรซักชวนให้เด็กเปลี่ยนทา
กจิ กรรมอ่นื บา้ ง เพราะกิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคแ์ ต่ละประเภทพัฒนาเด็กแต่ละด้านแตกตา่ งกนั และ
เม่ือเด็กทาตามทแ่ี นะนาได้ ควรใหแ้ รงเสริมทางบวกทุกคร้งั

๗. เม่ือเด็กทางานเสร็จ ควรให้เล่าเร่ืองเกี่ยวกับส่ิงท่ีทาหรือภาพท่ีวาด โดยครูหรือผู้สอน
บันทึกเร่ืองราวท่ีเดก็ เล่า และวันท่ที ่ีทา เพื่อให้ทราบความก้าวหน้าและระดับพฒั นาการของเด็ก โดย
เขยี นดว้ ยตวั บรรจง และใหเ้ ดก็ เหน็ ลีลามือในการเขียนท่ีถกู ตอ้ ง และมีโอกาสคุ้นเคยกบั ตวั หนังสือ

๘. เก็บผลงานชิ้นท่ีแสดงความก้าวหน้าของเด็กเป็นรายบุคคล เพ่ือเป็นข้อมูลสังเกต
พัฒนาการของเด็ก และเม่ือถึงวันสุดสัปดาห์หรือสองสัปดาห์หรือส้ินเดือน ผู้สอนควรฝากผลงาน
กระดาษไปใหพ้ อ่ แม่ ผู้ปกครองดบู ้าง เพ่ือทราบพัฒนาการของเด็ก

๔. กจิ กรรมการเล่นตามมมุ
กิจกรรมการเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกับส่ือและเคร่ืองเล่นอย่าง

อิสระตามมุมเล่น/มุมประสบการณ์ ซึ่งพ้ืนที่หรือมุมต่าง ๆ เหล่านี้ เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรี
ตามความสนใจและความต้องการของเด็ก ทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มย่อย อนึ่ง การเล่นตามมุม
อาจให้เด็กเลือกทากิจกรรมที่ครูจัดเสริมขึ้น เช่น เกมการศึกษา เครื่องเล่นสัมผัส กิจกรรมศิลปะ
สรา้ งสรรค์ประเภทตา่ ง ๆ
จุดประสงค์

๑. เพือ่ สง่ เสริมให้รจู้ กั ปรับตัวอยู่รว่ มกบั ผู้อื่น มีวินัยเชิงบวก รู้จักการรอคอย เอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่
เสียสละ และใหอ้ ภัย

๒. เพอ่ื ส่งเสรมิ พฒั นาการทางดา้ นภาษา คือ การฟัง การพูด
๓. เพื่อส่งเสรมิ ให้เดก็ มโี อกาสปฏิสัมพนั ธก์ บั เพอื่ น ครู และส่ิงแวดลอ้ ม
๔. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กเกดิ การเรยี นรู้ด้วยตนเองจากการสารวจ การสงั เกต และการทดลอง
๕. เพื่อส่งเสริมการคดิ แก้ปัญหา การคิดอย่างมเี หตุผลเหมาะสมกบั วัย
๖. เพอ่ื สง่ เสริมให้เด็กฝึกคดิ วางแผน และตัดสนิ ในการทากิจกรรม
๗. เพ่อื สง่ เสรมิ ใหม้ ที กั ษะพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
๘. เพือ่ ส่งเสรมิ ให้เดก็ พฒั นาความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๐

ขอบขา่ ย/เน้ือหา/กิจกรรม
๑. การจัดมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์ อาจจัดได้หลายลักษณะ เช่น จัดกิจกรรมศิลปะ

สร้างสรรค์และการเลย่ ตามมมุ เล่นในชว่ งเวลาเดียวกันอยา่ งอิสระ
๒. มุมบทบาทสมมติ จัดเพื่อให้เด็กได้เล่นในส่ิงท่ีชอบ เช่น เล่นเกี่ยวกับบทบาทของแต่ละ

อาชีพหรอื แต่ละหนา้ ทท่ี เ่ี ด็ก ๆ เลยี นแบบบทบาท
๓. มุมบลอ็ ก เป็นมุมทเ่ี ด็กเรียนรเู้ ก่ียวกบั มติ สิ ัมพันธผ์ ่านการสร้าง
๔. มุมหนงั สือ เปน็ มุมที่เด็กเรียนรู้เกีย่ วกับภาษา จากการฟัง การพูด การอ่าน การเล่าเร่ือง

หรือการยืม - คืนหนงั สอื
๕. มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติศึกษา เป็นมุมท่ีเด็กได้เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว ผ่าน

การเลน่ ทดลองอย่างงา่ ย ได้ศึกษาหาความรูด้ ว้ ยการสงั เกต เปรียบเทียบ จดั จาแนก จดั หมวดหมู่
๖. มุมเครื่องเล่นสัมผัส เป็นมุมที่เด็กจะได้ฝึกการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา

การสร้างสรรค์ เช่น การร้อย การสาน การต่อเขา้ การถอดออก
แนวการจัดกจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์

๑. แนะนามมุ เล่นใหม่ เสนอแนะวธิ ีใช้ การเล่นของเล่นบางชนดิ
๒. เด็กและครรู ว่ มกันสรา้ งขอ้ ตกลงเกีย่ วกบั การเล่น
๓. ครเู ปิดโอกาสให้เด็กคดิ วางแผน ตัดสินใจเลือกเล่นอย่างอิสระ เลือกทากิจกรรมท่ีจัดข้ึน
ตามความสนใจของเดก็ แต่ละคน
๔. ขณะเด็กเล่น/ทางาน ครูอาจชี้แนะ หรอื มสี ่วนร่วมในการเลน่ กบั เดก็ ได้
๕. เด็กต้องการความช่วยเหลือและคอยสังเกตพฤติกรรมการเลน่ ของเด็ก พร้อมทั้งจดบันทึก
พฤตกิ รรมทน่ี ่าสนใจ
๖. เตอื นให้เดก็ ทราบล่วงหน้ากอ่ นหมดเวลา ประมาณ ๓ - ๕ นาที
๗. ใหเ้ ดก็ เก็บของเล่นเขา้ ทีใ่ ห้เรยี บรอ้ ยทกุ ครง้ั เมอ่ื เสรจ็ สิน้ กจิ กรรม
สื่อกิจกรรมการเลน่ ตามมมุ
๑. มมุ บทบาทสมมติ อาจจัดเป็นมมุ เลน่ ต่าง ๆ เช่น
๑.๑ มุมบ้าน
๑) ของเล่นเครอื่ งครัว เครื่องใช้ในบ้าน เช่น เตา กระทะ ครก กาน้า เขียง มีดพลาสติก หม้อ
จาน ช้อน ถว้ ย ชาม กะละมงั
๒) เคร่อื งเล่นตกุ๊ ตา เช่น เส้ือผา้ ตกุ๊ ตา เตียง เปลเด็ก ตุก๊ ตา
๓) เคร่ืองแต่งบ้านจาลอง เช่น ชุดรับแขก โต๊ะเครื่องแป้ง หมอนอิง หวี ตลับแป้ง กระจก
ขนาดเหน็ เต็มตวั
๔) เคร่ืองแต่งกายบุคคลต่าง ๆ ที่ใช้แล้ว เช่น ชุดเคร่ืองแบบทหาร ตารวจ ชุดเครื่องแบบ
ทหาร ตารวจ ชดุ เสือ้ ผ้าผู้ใหญ่ชายและหญิง รองเท้า กระเป๋าทไ่ี ม่ใชแ้ ล้ว
๕) โทรศัพท์ เตารีดจาลอง ทร่ี ดี ผ้าจาลอง

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๑

๑.๒ มุมหมอ
๑) เครื่องเล่นจาลองแบบเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์การรักษาผู้ป่วย เช่น หูฟัง เสื้อคลุม

หมอ
๒) อุปกรณ์สาหรับเลียนแบบการบันทกึ ขอ้ มลู ผปู้ ่วย เช่น กระดาษ ดนิ สอ ฯลฯ
๓) เครื่องชงั่ น้าหนัก วดั ส่วนสูง

๑.๓ มมุ รา้ นค้า
๑) กล่องและขวกผลติ ภณั ฑ์ตา่ ง ๆ ท่ใี ชแ้ ล้ว
๒) ผลไม้ ผักจาลอง
๓) อุปกรณป์ ระกอบการเลน่ เช่น เครอ่ื งคดิ เลข ลูกคดิ ธนบัตรจาลอง ฯลฯ
๔) ปา้ ยชอื่ ร้าน
๕) ปา้ ยชือ่ ผลไม้ ผกั จาลอง

๒. มมุ บล็อก
๒.๑ ไม้บลอ็ กหรือแท่งไม้ที่มีขนาดและรูปทรงต่าง ๆ กัน เชน่ บล็อกต้น บล็อกโต๊ะ จานวน

ต้ังแต่ ๕๐ ช้ินขึ้นไป
๒.๒ ของเลน่ จาลอง เชน่ รถยนต์ เครือ่ งบนิ รถไฟ คน สัตว์ ตน้ ไม้
๒.๓ ภาพถ่ายต่าง ๆ
๒.๔ ที่จัดเก็บไม้บลอ็ กหรือแทง่ ไม้ อาจเป็นชน้ั ลงั ไมห้ รอื พลาสตดิ แยกตามรูปทรง ขนาด

๓. มุมหนังสือ
๓.๑ หนังสอื ภาพนิทาน หนังสือภาพทม่ี คี าและประโยคส้ัน ๆ พร้อมภาพ
๓.๒ ชัน้ หรอื ที่วางหนังสอื
๓.๓ อุปกรณต์ า่ ง ๆ ทใ่ี ช้ในการสร้างบรรยากาศการอ่าน เช่น เสื่อ พรม หมอน

๔. มุมวทิ ยาศาสตร์หรอื มมุ ธรรมชาติ
๔.๑ วสั ดุตา่ ง ๆ จากธรรมชาติ เชน่ เมล็ดพืชต่าง ๆ เปลือกหอย ดิน หนิ แร่ ฯลฯ
๔.๒ เครื่องมือเครื่องใช้ในการสารวจ สังเกต ทดลอง เช่น แว่นขยาย แม่เหล็ก เข็มทิศ

เคร่ืองช่ัง
ขอ้ เสนอแนะ

๑. ขณะเด็กเล่น ผู้สอนต้องสังเกตความสนใจในการเล่นของเด็ก หากพบว่ามุมใด เด็กส่วน
ใหญ่ ไม่สนใจที่จะเล่น ควรเปลี่ยนหรือจัดสื่อในมุมเล่นใหม่ เช่น มุมบ้าน อาจดัดแปลงหรือเพ่ิมเติม
หรอื เปล่ียนเป็นมุมร้านค้า มุมเสรมิ สวย มมุ หมอ ฯลฯ

๒. หากมุมใดมีจานวนเด็กในมุมมากเกินไป ควรเปิดโอกาสให้เด็กคิดแก้ปัญหา สร้าง
ข้อตกลงร่วมกัน หรือชักชวนเลือกเลน่ มมุ ใหม่

๓. หากเด็กเลือกมุมเล่นมุมเดียวเป็นระยะเวลานาน ควรชักชวนให้เด็กเลือกมุมอื่น ๆ ด้วย
เพือ่ ใหเ้ ด็กมปี ระสบการณ์การเรียนรใู้ นด้านอื่น ๆ ด้วย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๒

๔. การจัดส่ือหรือเครื่องเล่นในแต่ละมุม ควรมีการทาความสะอาด และสับเปล่ียนหรือ
เพ่ิมเติมเป็นระยะ โดยคานึงถึงลาดับขั้นการเรียนรู้ เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น เก็บ
หนังสือนทิ านบางเล่มทเ่ี ด็กหมดความสนใจ และแนะนานทิ านใหม่มาวางแทน

๕. กิจกรรมการเลน่ กลางแจง้
กจิ กรรมการเลน่ กลางแจ้ง เป็นกิจกรรมทจี่ ัดให้เดก็ ได้ออกไปนอกห้องเรียนไปสู่สนามเด็กเล่น

ทั้งที่บริเวณกลางแจ้งและในร่ม เพ่ือเปิดโอกาสให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกาลัง และแสดงออก
อย่างอิสระ โดยยึดความสนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเปน็ หลัก
จุดประสงค์

๑. เพ่ือพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว และกล้ามเนื้อเล็กใน
การประสานสัมพนั ธ์ของอวยั วะต่าง ๆ

๒. เพือ่ ส่งเสรมิ ใหร้ า่ งกายแข็งแรง สุขภาพดี
๓. เพื่อสง่ เสรมิ ให้เกดิ ความสนุกสนาน ผอ่ นคลายความเครยี ด
๔. เพื่อสง่ เสรมิ การปรบั ตัวในการเลน่ และทางานรว่ มกับผูอ้ น่ื
๕. เพ่ือเรยี นรูก้ ารระมดั ระวังรกั ษาความปลอดภยั ทั้งของตนเองและผอู้ ืน่
๖. เพ่อื ฝึกการคิดตดั สินใจและแกป้ ญั หา
๗. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหม้ ีความอยากรอู้ ยากเหน็ ส่ิงต่างๆ ที่แวดลอ้ มรอบตวั
๘. เพ่ือพัฒนาทกั ษะการเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น การสังเกต การเปรยี บเทียบ การจาแนก ฯลฯ
ขอบขา่ ย/เนื้อหา/กจิ กรรม
๑. เครื่องเลน่ สนาม
เครื่องเล่นสนาม หมายถึง เครื่องเล่นท่ีเด็กอาจปีนป่าย หมุนโยก ซึ่งทาออกมาในรูปแบบ
ตา่ ง ๆ เชน่
๑. เครอ่ื งเลน่ สนามสาหรบั ปีนปา่ ย เช่น ตาข่ายสาหรบั ปีน ต้นไม้แห้งวางนอน
๒. เครื่องเลน่ สาหรับโยกหรือไกว เชน่ ม้าไม้ ชิงชา้ มา้ นั่งโยก ไมก้ ระดก
๓. เครือ่ งเล่นสาหรบั หมุน เชน่ มา้ หมุน พวงมาลัยรถสาหรบั หมนุ เลน่
๔. ราวโหนขนาดเล็กสาหรบั เด็ก
๕. ต้นไม้สาหรบั เดินทรงตวั หรือไม้กระดานแผ่นเดยี ว
๖. เคร่ืองเล่นประเภทล้อเลือ่ น เชน่ รถสามลอ้ รถลากจูง
๒. บอ่ ทราย
ทรายเป็นสิ่งท่ีเด็กๆ ชอบเล่น ทั้งทรายแห้งพ ทรายเปียก นามาก่อเป็นรูปต่างๆ ได้ และ
สามารถนาวัสดุอื่นมาประกอบการเลน่ ตกแตง่ ได้ เชน่ ก่งิ ไม้ ดอกไม้ เปลอื กหอย พมิ พข์ นม ท่ีตกั ทราย
ปกติบ่อทรายจะอยู่กลางแจ้ง โดยอาจจัดให้อยู่ใต้รม่ เงาของต้นไม้หรอื สร้างหลังคา ทาขอบกน้ั เพ่ือให้
ทรายกระจัดกระจาย บางโอกาสอาจพรมน้าใหช้ ้นื เพอื่ เด็กจะได้กอ่ เล่น นอกจากนี้ ควรมีวิธีการปิดก้ัน
มิใหส้ ัตว์เลี้ยงลงไปทาความสกปรกในบอ่ ทรายได้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๓

๓. ท่เี ล่นน้า
เด็กทั่วไปชอบเลน่ น้ามาก การเล่นน้านอกจากสร้างความพอใจและคลายความเครียดให้เด็ก

แล้ว ยังทาให้เด็กเกิดการเรียนรู้อีกด้วย เช่น เรียนรู้ทักษะการสังเกต จาแนก เปรียบเทียบปริมาตร
อุปกรณ์ทใ่ี ส่นา้ อาจเป็นถังที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ หรืออ่างน้าวางบนขาตัง้ ท่ีมั่นคง ความสูงพอที่เด็กจะ
ยนื ได้พอดีและควรมีผ้าพลาสตกิ กันเส้อื ผ้าเปียกให้เด็กใชค้ ลมุ ระหวา่ งเลน่
๔. บา้ นตกุ๊ ตาหรอื บ้านจาลอง

เป็นบ้านจาลองสาหรับให้เด็กเล่น จาลองแบบจากบ้านจริง ๆ อาจทาด้วยเศษวัสดุประเภท
ผ้าใบ กระสอบป่าน ของจริงท่ไี ม่ใช้แล้ว เช่น หม้อ เตา ชาม อ่าง เตารีด เคร่ืองครัว ตุ๊กตาสมมติเป็น
บุคคลในครอบครัว เส้ือผ้าผู้ใหญ่ที่ไม่ใช้แล้วสาหรับผลัดเปลี่ยน มีการตกแต่งบริเวณใกล้เคียงให้
เหมือนบ้านจริง ๆ บางคร้ังอาจจัดเป็นร้านขายของ สถานที่ทาการต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเล่นสมมติตาม
จนิ ตนาการของตนเอง
๕. มุมชา่ งไม้

เดก็ ตอ้ งการออกแรงเคาะ ตอก กิจกรรมการเล่นในมุมชา่ งไมน้ ีจ้ ะช่วยในการพฒั นากล้ามเน้ือ
ใหแ้ ขง็ แรง ช่วยฝกึ การใช้มือและการประสานสัมพนั ธ์ระหว่างมอื กับตา นอกจากนย้ี ังฝกึ ใหร้ กั งานและ
ส่งเสรมิ ความคิดสร้างสรรค์
๖. เกมการละเล่น

กจิ กรรมการเล่นเกมการละเล่นที่จัดให้เด็กเล่น เช่น เกมการละเล่นของไทย เกมการละเล่น
ของท้องถ่ิน เช่น มอญซ่อนผ้า รีรีข้าวสาร แม่งู โพงพาง ฯลฯ การละเล่นเหลา่ นี้ต้องใช้บริเวณท่ีกว้าง
การเล่นอาจเล่นเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ได้ ก่อนเล่นครูอธิบายและสาธิตให้เด็กเข้าใจ ไม่ควรนา
เกมการละเลน่ ท่ีมีกติกาย่งุ ยากและเน้นการแขง่ ขันแพ้ชนะมาจัดกจิ กรรมให้กับเด็กวัยน้ี เพราะเด็กจะ
เกิดความเครยี ด สร้างความรสู้ ึกที่ไมด่ ีต่อตนเอง

แนวการจัดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์
๑. เดก็ และครรู ว่ มกันสรา้ งข้อตกลง
๒. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ประกอบการเล่นให้พร้อม การติดต้ังเคร่ืองเล่น ควรติดต้ังบนพื้น

สนามหญ้า เพอื่ วา่ จะไดป้ ลอดภัย และควรติดต้ังให้หา่ งกันพอสมควร เม่ือเกิดการพลัดตกหกล้มจะได้
ไมฟ่ าดถกู คนอ่ืน หรอื เครอื่ งเล่นอื่น

๓. สาธิตการเลน่ เครอ่ื งเล่นสนามบางชนิด
๔. ใหเ้ ด็กเลือกเล่นอิสระตามความสนใจและให้เวลาเลน่ นานพอควร
๕. ครูควรจัดกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับวัย (ไม่ควรจัดกิจกรรมพลศึกษา) เช่น การเลน่ น้า เล่น
ทราย เล่นบ้านตุ๊กตา เลน่ ในมุมช่างไม้ เล่นบล็อกกลวง เคร่ืองเลน่ สนาม เกมการละเล่น เล่นอุปกรณ์
กฬี าสาหรับเด็ก เล่นเคร่อื งเลน่ ประเภทลอ้ เลื่อน เล่นของเล่นพ้ืนบ้าน (เดนิ กะลา ฯลฯ)
๖. ขณะเด็กเล่นครตู ้องคอยดูแลความปลอดภัยและสังเกตพฤตกิ รรมการเล่น การอยรู่ ่วมกัน
กับเพื่อนของเด็ก

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๖๔

๗. เม่อื หมดเวลาควรให้เด็กเก็บของใชห้ รอื ของเล่นให้เรยี บรอ้ ย
๘. ให้เด็กทาความสะอาดรา่ งกายและดูแลเคร่ืองแต่งกายให้เรียบร้อยหลังเล่น
สอื่ กิจกรรมการเล่นตามมมุ
๑. เครอื่ งเลน่ สนาม เช่น เครอ่ื งเล่นสาหรับปนี ป่าย เครื่องเล่นประเภทล้อเลื่อน
๒. ทีเ่ ล่นทราย มีทรายละเอยี ด เครอ่ื งเลน่ ทราย เครือ่ งตวง
๓. ที่เล่นน้า มีภาชนะใส่น้า หรืออ่างนา้ วางบนขาตั้งทมี่ ่ันคง ความสูงท่ีเด็กจะยืนได้พอดเี ส้ือ
คลมุ อุปกรณเ์ ลน่ น้า เช่น ถว้ ยตวง ขวดต่าง ๆ
ข้อเสนอแนะ
๑. หม่ันตรวจตราเคร่ืองเล่นสนามและอุปกรณ์ประกอบให้อยู่ในสภาพท่ีปลอดภัยและใช้
การไดด้ ี
๒. ให้โอกาสเดก็ เลอื กเล่นกลางแจ้งอยา่ งอิสระทุกวนั อยา่ งนอ้ ยวันละ ๓๐ นาที
๓. ขณะเด็กเล่นกลางแจ้ง ครูควรต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อระมัดระวังความปลอดภัยใน
การเลน่ หากพบว่าเดก็ แสดงอาการเหนื่อย อ่อนล้า ควรใหเ้ ด็กหยดุ พกั
๔. ไมค่ วรนากิจกรรมพลศึกษาสาหรับเด็กประถมศึกษามาใชส้ อนกับเด็กปฐมวัย เพราะยงั ไม่
เหมาะสมกบั วยั
๕. หลังจากเลกิ กจิ กรรมกลางแจ้ง ควรให้เดก็ ได้พักผอ่ นหรือน่ังพัก ไม่ควรให้เด็กรับประทาน
อาหารกลางวนั หรอื ดมื่ นมทนั ที เพราะอาจทาให้เด็กอาเจียน เกิดอาการจุกแน่นได้

๖. เกมการศึกษา
เกมการศึกษา (Didactic Games) เป็นเกมการเล่นท่ีช่วยพัฒนาสติปัญญา ช่วยส่งเสริมให้

เด็กเกดิ การเรียนรู้เป็นพน้ื ฐานการศึกษา รูจ้ ักสังเกต คดิ หาเหตผุ ล และเกดิ ความคิดรวบยอด เก่ียวกับ
สี รปู รา่ ง จานวน ประเภท และความสัมพนั ธ์เกย่ี วกับพืน้ ท่ี ระยะ มกี ฎเกณฑ์กติกางา่ ย ๆ เด็กสามารถ
เล่นคนเดยี วหรือเลน่ เปน็ กลมุ่ ได้
จุดประสงค์

๑. เพ่ือฝกึ ทักษะการสงั เกต จาแนก และเปรยี บเทียบ
๒. เพ่อื ฝึกการแยกประเภท การจัดหมวดหมู่
๓. เพื่อสง่ เสริมการคดิ หาเหตุผล และตดั สนิ ใจในการแกป้ ัญหา
๔. เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรือทบทวนเน้ือหาที่ได้
เรียนรู้
๕. เพอื่ สง่ เสริมการประสานสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมอื กบั ตา
๖. เพอ่ื ปลกู ฝังคุณธรรมและจริยธรรมต่าง ๆ เช่น ความรับผดิ ชอบ ความเออื้ เฟ้ือเผื่อแผ่
ขอบข่าย/เน้อื หา/กจิ กรรม
๑. การจับคู่ สามารถแบ่งเป็นหลายชนิด คือ เกมจับคทู่ ี่เหมอื นกันหรือสงิ่ เดียวกัน เช่น จับคู่
ภาพที่เหมือนกันทุกประการ จับคู่ภาพกับเงาของสิ่งเดียวกัน จับคู่ภาพกับโครงร่างของส่ิงเดียวกัน

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๕

จับคู่ภาพที่ซ่อนอย่ใู นภาพหลกั เกมจับคู่ภาพท่เี ป็นประเภทเดยี วกัน เกมจับคู่ภาพส่ิงที่มีความสมั พันธ์
กัน เกมจับคู่ภาพสัมพันธ์แบบตรงกันข้าม เกมจับคู่ภาพส่วนเต็มกับภาพแยกส่วน เกมจับคู่ภาพ
ชิ้นส่วนท่ีหายไป เกมจับคู่ภาพที่ซ้อนกัน เกมจับคู่ภาพท่ีสมมาตรกัน เกมจับคู่แบบอุปมาอุปไมย
เกมคแู่ บบอนกุ รม

๒. การต่อภาพให้สมบูรณ์ หรือภาพตัดต่อเพ่ือให้เด็กฝึกสังเกต รายละเอียดของภาพท่ี
เหมอื นกนั หรอื ตา่ งกัน เกยี่ วกับสี รปู ร่าง ขนาด ลวดลาย

๓. การวางภาพต่อปลาย (โดมิโน) เชน่ โดมิโนภาพเหมอื น โดมิโนภาพสมั พันธ์ โดนโิ นผสม
๔. การเรียงลาดับ เช่น เรยี งลาดับเหตกุ ารณ์ต่อเนือ่ งในกจิ วตั รประจาวัน วงจรชีวิตสตั ว์ เกม
เรยี งลาดบั ตามขนาด ความยาว ปริมาณ ปรมิ าตร จานวน
๕. การจัดหมวดหมู่ เช่น จัดหมวดหมู่ตามสี รูปทรง ขนาด ปริมาณ จานวน ประเภท จัด
หมวดหม่กู บั สัญลกั ษณ์ การจดั หมูภ่ าพซ้อน
๖. การศกึ ษารายละเอียดของภาพ (ลอตโต้)
๗. การจบั คแู่ บบตารางสัมพนั ธ์ (เมตริดเกม)
๘. พืน้ ฐานการบวก
๙. การหาความสัมพันธ์ตามลาดบั ทกี่ าหนด
แนวการจดั กจิ กรรมเสริมประสบการณ์
๑. การสอนเกมการศึกษาชุดใหม่ ควรสอนจากเกมง่าย ๆ จานวนน้อยช้ิน วิธีการเล่นไม่
ย่งุ ยากกอ่ น
๒. สาธิต/อธิบายวธิ เี ล่นเกมอยา่ งเปน็ ขั้นตอนตามประเภทของเกม
๓. ให้เด็กหมนุ เวยี นเข้ามาเลน่ เปน็ กล่มุ หรอื รายบุคคล
๔. ขณะท่ีเดก็ เลน่ เกม ครเู ป็นเพียงผู้แนะนา
๕. เม่ือเด็กเล่นเกมแต่ละชุดเสร็จเรียบร้อย ควรให้เด็กตรวจสอบความถูกต้องด้วยตนเอง
หรอื รว่ มกันตรวจกับเพือ่ น หรือครเู ปน็ ผชู้ ่วยตรวจ
๖. ใหเ้ ด็กนาเกมทเ่ี ลน่ แล้วเกบ็ ใส่กลอ่ ง เขา้ ที่ใหเ้ รยี บร้อยทกุ ครง้ั ก่อนเลน่ เกมชดุ อ่ืน
๗. ก่อนหมดเวลา ๗ - ๑๐ นาที ผู้สอนเตือนให้เด็กเก็บของเข้าท่ี ซึ่งนอกจากจะบอกเป็น
คาพดู ธรรมดาแล้วอาจรอ้ งเพลงท่ีมีความหมายเตือนใหเ้ กบ็ ของเข้าท่ี
สื่อกจิ กรรมการเลน่ ตามมมุ
๑. เกมจับคู่
เพื่อให้เด็กได้ฝึกสังเกตส่ิงที่เหมือนกันหรือต่างกัน ซึ่งอาจเป็นการเปรียบเทียบภาพ
ต่างๆ แลว้ จดั เป็นคู่ ๆ ตามจดุ มุ่งหมายของเกมแตล่ ะชดุ
๑.๑ จับคู่ท่ีเหมือนกนั หรือจบั คสู่ งิ่ ของเดยี วกัน
๑.๒ จับคภู่ าพสิ่งที่มคี วามสัมพันธ์กนั
๑.๓ จับคู่ภาพท่สี มมาตรกนั
๑.๔ จับคภู่ าพแบบอนุกรม

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๖๖

๒. เกมภาพตดั ตอ่
๒.๑ ภาพตดั ต่อที่สมั พนั ธ์กับหน่วยการเรียนต่าง ๆ เชน่ ผลไม้ ผัก
๒.๒ ภาพตดั ต่อแบบมิตสิ มั พนั ธ์

๓. เกมภาพตัดต่อ
๓.๑ โดมิโนภาพเหมอื น
๓.๒ โดมิโนภาพสัมพันธ์

๔. เกมเรียงลาดับ
๔.๑ เรยี งลาดับภาพเหตกุ ารณ์ตอ่ เนื่อง
๔.๒ เรยี งลาดับขนาด

๕. เกมจัดหมวดหมู่
๕.๑ ภาพส่ิงต่าง ๆ ทีน่ ามาจดั เป็นพวก ๆ
๕.๒ ภาพเกย่ี วกบั ประเภทของใช้ในชวี ิตประจาวนั
๕.๓ ภาพจัดหมวดหมูต่ ามรูปรา่ ง สี ขนาด รปู ทรงเรขาคณติ

๖. เกมการศึกษารายละเอียดของภาพ (ลอตโต)
๗. เกมจบั คู่แบบดาราสัมพนั ธ์ (เมตรกิ เกม)
๘. เกมพนื้ ฐานการบวก
ข้อเสนอแนะ

๑. การจัดประสบการณ์เกมการศกึ ษาในระยะแรก ควรเริ่มสอนโดยใชข้ องจรงิ เช่น การจบั คู่
กระป๋องแป้งท่ีเหมอื นกัน หรอื การเรยี งลาดับกระป๋องแป้งตามลาดบั สูง - ตา่

๒. การเล่นเกมในแต่ละวนั อาจจดั ให้เล่นท้ังเกมชุดใหม่และเกมชุดเกา่
๓. ครูอาจให้เด็กหมนุ เวยี นเขา้ มาเล่นเกมกบั ครูทลี ะกลมุ่ หรอื สอนทัง้ ชั้นตามความเหมาะสม
๔. ครูอาจให้เด็กทเ่ี ลน่ ไดแ้ ลว้ มาช่วยแนะนากตกิ าการเล่นในบางโอกาสได้
๕. การเล่นเกมการศึกษา นอกจากใช้เวลาในช่วงกิจกรรมเกมการศึกษาตามตารางกจิ กรรม
ประจาวนั แลว้ อาจใหเ้ ด็กเลอื กเล่นอิสระในช่วงเวลากิจกรรมการเลน่ ตามมุมได้
๖. การเก็บเกมท่ีเล่นแล้ว อาจเก็บใส่กล่องเล็ก ๆ หรือใส่ถุงพลาสติก หรือใช้ยางรัดแยกแต่
ละเกม แลว้ จัดใส่กล่องใหญร่ วมไวเ้ ป็นชุด

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๖๗

การจดั สภาพแวดล้อม สือ่ และแหล่งเรียนรู้
การจัดสภาพแวดล้อม และแหล่งเรียนรู้สาหรับการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย มีความสาคัญ

ต่อเด็กเน่ืองจากธรรมชาติของเด็กในวัยนี้สนใจที่จะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลองและต้องการสัมผัสกับ
สงิ่ แวดล้อมรอบๆ ตัว อีกทั้งสภาพแวดล้อม ส่อื และแหล่งเรียนรู้ เป็นตัวกลางนาความรู้จากผู้สอนสู่
เด็ก ทาให้เดก็ เกิดการเรยี นรตู้ ามจุดประสงค์ท่วี างไว้ ช่วยใหเ้ ด็กไดร้ ับประสบการณต์ รง ทาใหส้ ่ิงที่เป็น
นามธรรมเข้าใจยาก เปลี่ยนเป็นรูปธรรมที่เด็กเข้าใจง่าย เรียนรู้ได้ง่าน รวดเร็ว เพลิดเพลิน
เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นที่เป็นประสบการณ์ตรงท่ีเกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า
เกิดการเรียนรู้และค้นพบด้วยตนเอง ดังน้ัน การจัดสภาพแวดล้อม สื่อและแหล่งเรียนรู้ตาม
ความตอ้ งการของเด็ก จงึ มคี วามสาคัญที่เกย่ี วข้องกบั พฤติกรรมและกระบวนการเรียนรขู้ องเด็ก ท้งั ใน
ห้องเรียนและนอกห้องเรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษา
ปฐมวัยตามบริบทของสถานศึกษาและท้องถิ่นอย่างเหมาะสม เพื่อ ส่งผลให้บรรลุจุดหมายใน
การพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป

การจดั สภาพแวดล้อม
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปอย่างราบร่ืนและมีประสิทธิภาพ ถ้าหากเด็กอยู่ใน
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีการสนับสนุน อานวยความสะดวกจากผู้ใหญ่ ภายใต้บรรยากาศท่ีมี
ความสขุ ไมเ่ ครง่ เครยี ดด้วยกฎระเบยี บทเ่ี คร่งครดั หรือยากต่อการปฏบิ ตั ิ การจัดสภาพแวดล้อม จึงจัด
แบง่ เปน็ ๓ ดา้ น ดังน้ี
๑. การจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ
เป็นการจัดการสภาพแวดล้อมตามแนวคิดเรื่องการตอบสนองความต้องการพ้ืนฐานและการ
เรยี นรู้ โดยการปฏิสัมพนั ธ์กับสิ่งแวดลอ้ ม การจัดการจึงมเี ป้าหมายให้เด็กอยรู่ ่วมกันอย่าง มี
สุขอนามัยที่ดี มีพ้ืนที่ในการตอบสนองการทากิจกรรมต่าง ๆ อย่างคล่องตัว และตอบสนองการทา
กิจกรรมท่ีหลากหลาย ลักษณะการจัดการจึงเน้นในเร่ืองของความสะอาด ความปลอดภัย
ความสะดวกท่ีจะทาให้รู้สึกคล่องตัว สดใส กระฉับกระเฉง ความพร้อมของห้องเรียนในสถานศึกษาที่
มลี ักษณะกายภาพท่ีดี คือ มีการถ่ายเทอากาศท่ีดี มีอุณหภมู ิที่เหมาะสม มีแสงสวา่ งพอเพียง มีความ
สงบที่จะทากิจกรรมอย่างสบายและมีสมาธิ มีท่ีให้เก็บวัสดุของใช้และผลงาน มีท่ีจัดแสดงเพ่ือการ
สื่อสารข้อมูล แต่ละจุดของพื้นที่จะต้องสะดวกในการเข้า – ออก ผู้สอนสามารถเข้าไปดูแลได้อย่าง
ทวั่ ถงึ ในทกุ พน้ื ที่
สภาพแวดล้อมในห้องเรียน หลักการสาคัญในการจัดต้องคานึงถึงความปลอดภัย ความสะอาด
เป้าหมายการพัฒนาเด็ก ความเป็นระเบียบ ความเป็นตัวของเด็กเอง ให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่น
มน่ั ใจ และมคี วามสุข โดยคานึงถงึ เรอ่ื งต่อไปน้ี
๑. การจัดวางวัสดุอุปกรณ์ สื่อ เคร่ืองเล่น ครุภัณฑ์ ควรจัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับวัย
และพัฒนาการ เพื่อให้เด็กสามารถใช้หรือทากิจกรรมได้สะดวกด้วยตนเอง หากวัสดุอุปกรณ์ สื่อและ
เครอื่ งเล่นชารดุ ต้องรีบซอ่ มแซมโดยเร็ว
๒. วัสดุอปุ กรณ์ สื่อ เครอื่ งเล่น ครภุ ัณฑ์ ควรใหม้ ีขนาดเหมาะสมกับเด็กปฐมวัย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๘

๓. การจัดพื้นท่ีในห้องเรียนควรจัดให้เหมาะสม เลือกท่ีตั้งครุภัณฑ์ อุปกรณ์ต่าง ๆ และมุม
ประสบการณ์ โดยคานึงถึงทิศทางลม แสงสว่างเพียงพอต่อการทากิจกรรม ไม่มีแสงแดดส่องรบกวน
สายตาเด็กขณะปฏิบัติกิจกรรม ทุกจุดของห้องสามารถมองเห็นได้โดยรอบ การจัดวางครุภัณฑ์และ
อุปกรณ์ สะดวกต่อการปฏบิ ัติกจิ กรรม มกี ารกาหนดขอบเขตของมุมประสบการณ/์ มุมเลน่ ต่าง ๆ โดย
ใช้ครุภัณฑ/์ ชน้ั วางทใี่ ห้เหน็ ขอบเขต

๔. สภาพแวดลอ้ มในหอ้ งควรมคี วามสะอาดและปลอดภัยจากสัตว์ แมลง พชื และสารเคมีที่
มีพษิ ครภุ ัณฑ์ โต๊ะ เก้าอี้ ไม่ควรมมี มุ แหลมทเี่ ปน็ อนั ตราย

๕. การแบง่ พืน้ ที่ห้องเรียนให้เหมาะสมกับการประกอบกิจกรรมตามหลกั สตู ร ดงั น้ี
๕.๑ พ้ืนทีอ่ านวยความสะดวกเพือ่ เด็กและผสู้ อน เช่น

๑) ทแี่ สดงผลงานของเด็ก อาจจดั ทาเปน็ แผ่นป้ายหรอื ทีแ่ ขวนผลงาน
๒) ทเี่ ก็บแฟ้มผลงานของเดก็ อาจจดั ทาเปน็ กล่องหรือจัดใสแ่ ฟม้ รายบุคคล
๓) ท่ีเกบ็ เครื่องใชส้ ่วนตัวของเดก็ อาจจดั ทาเปน็ ช่องครบตามจานวนเดก็
๔) ที่เกบ็ เคร่อื งใช้ของผูส้ อน เช่น อุปกรณก์ ารสอน ของใช้ส่วนตวั ผู้สอน ฯลฯ
๕) ปา้ ยนิเทศตามหน่วยการจัดประสบการณ์หรอื สิ่งท่ีเด็กสนใจ
๕.๒ พ้ืนท่ีปฏิบัติกิจกรรมและการเคลื่อนไหว ต้องกาหนดให้ชัดเจน ควรมีพื้นที่ท่ีเด็ก
สามารถจะทางานได้ด้วยตนเอง และทากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถ
เคล่ือนไหวไดอ้ ยา่ งอิสระ จากกิจกรรมหน่ึงไปยังกิจกรรมหน่ึงโดยไม่รบกวนผู้อ่ืน
๕.๓ พน้ื ท่ีจัดมมุ เลน่ หรือมุมประสบการณ์ สามารถจัดได้ตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กบั สภาพ
ของห้องเรียน จัดแยกส่วนที่ใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน เช่น มุมหนังสืออยู่ห่างจากมุมบล็อก มุม
บทบาทสมมติอยู่ติดกับมุมบล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้มุมศิลปะสร้างสรรค์ ท่ีสาคัญจะต้องมีของ
เลน่ วัสดุอุปกรณ์ในมุมอยา่ งเพยี งพอต่อการเรียนรู้ของเด็ก การเล่นในมมุ เล่นตามมุมประสบการณ์มัก
ถกู กาหนดไว้ในตารางกจิ กรรมประจาวัน เพอ่ื ใหโ้ อกาสเดก็ ไดเ้ ลน่ อย่างเสรี ประมาณ ๑ ชว่ั โมง การจัด
มุมเล่นต่าง ๆ ผสู้ อนควรคานงึ ถงึ สงิ่ ต่อไปน้ี
๑) ในหอ้ งเรียนควรมีมุมเล่นอย่างน้อย ๓ - ๕ มมุ ท้ังนี้ ขนึ้ อยู่กับพ้ืนท่ีและขนาดของ
ห้อง
๒) ควรมีการผลัดเปลี่ยนส่ือของเล่นตามมุม เช่น จัดของเล่นตามหน่วยการจัด
ประสบการณ์และตามความสนใจของเด็ก
๓) ควรจัดให้มีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้ว จัดวางอยู่ในมุมเล่นตามมุม เช่น
เดก็ เรยี นรู้ เรอ่ื ง การเปลี่ยนแปลงของสี ผ้สู อนอาจจัดเตรียมวัสดอุ ปุ กรณใ์ ห้เดก็ ได้เล่นทดลอง
๔) ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุมเล่นตามมุม เพ่ือจูงใจให้เด็กรู้สกึ เป็น
เจา้ ของ อยากเรยี นรู้ อยากเขา้ เลน่
๕) ควรเสริมสร้างวินัยเชิงบวกให้กับเด็ก เช่น สร้างข้อตกลงร่วมกันว่า เม่ือเล่นเสร็จ
แลว้ จะตอ้ งจัดเกบ็ อุปกรณท์ กุ อย่างเขา้ ที่ให้เรยี บร้อย

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๖๙

มมุ เล่นหรือมมุ ประสบการณ์ท่จี ดั มีดังนี้
มมุ บล็อก
มุมบล็อก เป็นมมุ ท่จี ัดเกบ็ บล็อกไม้ทีม่ ีขนาดและรปู ทรงตา่ ง ๆ กัน เด็กสามารถนามาเล่นต่อ

กนั ประกอบกันเปน็ ส่ิงต่าง ๆ ตามจินตนาการหรือความคิดสรา้ งสรรค์ของตนเอง นอกจากนย้ี ังมีสื่อ
อ่ืน ๆ เพื่อประกอบการเล่น เชน่ ยานพาหนะ สัตวจ์ าลอง ฯลฯ

การจดั
มมุ บลอ็ ก เป็นมุมท่ีควรจดั ให้อยหู่ า่ งจากมุมท่ีต้องการความสงบ เชน่ มุมหนังสือ ทั้งนี้ เพราะ
เสียงจากการเล่นก่อไม้บล็อกอาจรบกวนสมาธิเด็กท่ีอยู่ในมุมหนังสือได้ นอกจากน้ี ควรอยู่ห่างจาก
ทางเดินผ่าน หรือทางเข้า – ออกของห้อง เพ่ือไม่ให้กีดขวางทางเดินหรือเกิดอันตรายจากการเดิน
สะดุดไม้บล็อก ถา้ กรณีเด็กยังเล่นไม่เสร็จ ผ้สู อนและเด็กร่วมกันกาหนดพื้นที่ โดยใช้สญั ลักษณ์สีหรือ
เคร่ืองหมายการจราจรมาก้นั ไว้ เพื่อให้เด็กกลับมาเล่นตอ่ ได้
การจดั เก็บไม้บล็อกเหล่านี้ ควรจัดวางไวใ้ นระดับที่เด็กสามารถหยบิ มาเล่น หรือนาเก็บด้วย
ตนเองไดอ้ ยา่ งสะดวก ปลอดภยั และควรฝกึ ให้เดก็ หัดจัดเก็บเป็นหมวดหมู่เพ่ือความเป็นระเบยี บ และ
สะดวกตอ่ การหยิบใชแ้ ละเก็บคืน โดยทาสญั ลกั ษณ์รปู รา่ งของไมบ้ ลอ็ กคิดไว้ท่ชี อ่ งเก็บ
มมุ หนงั สือ
ในห้องเรียนควรมีบริเวณที่เงียบสาหรับให้เด็กได้ดูรูปภาพ อ่านหนังสือนิทาน ฟังนิทาน
ผู้สอนควรจัดมุมหนังสือให้เด็กได้คุ้นเคยกับตัวหนังสือ และได้ทากิจกรรมตามลาพังหรือเป็นกลุ่ม
เลก็ ๆ
การจดั
มุมหนังสือ เป็นมุมท่ีต้องการความสงบ ควรจัดห่างจากมุมที่มีเสียง เช่น มุมบล็อก มุม
บทบาทสมมติ ฯลฯ และควรจัดบรรยากาศจูงใจให้เด็กได้เข้าไปใช้เพ่ือให้เด็กเกิดความคุ้นเคยกับ
หนังสือและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ควรมีจานวนหนังสือเพียงพอและเหมาะสมกับวัยของเด็ก ควรมี
การหมุนเวียนเปลี่ยนหนังสือตามโอกาส และเลอื กหนังสอื สง่ เสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมให้กับเด็กดว้ ย
มมุ บทบาทสมมติ
มมุ บทบาทสมมติ เป็นมุมท่ีจัดข้นึ ให้เด็กมีโอกาสได้นาเอาประสบการณ์ที่ได้รับจากบ้านหรือ
ชมุ ชนมาเล่นแสดงบทบาทสมมติ เลียนแบบบุคคลต่าง ๆ ตามจินตนาการของตน เชน่ เป็นพ่อแม่ใน
มมุ บ้าน เปน็ หมอในมุมหมอ เปน็ พ่อคา้ แม่ค้าในมมุ รา้ นค้า ฯลฯ การเลน่ ดังกล่าวเป็นการปลูกฝังความ
สานกึ ถงึ บทบาททางสังคมท่ีเด็กได้พบเหน็ ในชีวิตจรงิ
การจัด
มุมบทบาทสมมติ ควรอยู่ใกล้มุมบล็อกและอาจจัดให้เป็นสถานท่ีต่าง ๆ นอกเหนือจากการ
จัดเป็นบ้าน โดยสังเกตการเล่นและความสนใจของเด็กว่ามีการเปลี่ยนแปลงบทบาทการเล่นจาก
บทบาทสมมติไปสู่รูปแบบการเล่นอื่นหรือไม่ อปุ กรณ์ท่นี ามาจดั ควรเปลยี่ นไปตามความสนใจของเด็ก
เช่นกนั ดงั น้นั มมุ บทบาทสมมติอาจจัดเป็นบ้าน รา้ นอาหาร ร้านขายของ ร้านเสริมสวย โรงพยาบาล

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๗๐

ฯลฯ ในขณะเดยี วกนั อุปกรณ์ที่นามาจดั ให้เดก็ ต้องไม่เปน็ อันตราย มีความเหมาะสมกบั สภาพท้องถิ่น
ควรหมัน่ ดแู ลและทาความสะอาด

มมุ วทิ ยาศาสตรห์ รอื มมุ ธรรมชาติ
มมุ วทิ ยาศาสตรห์ รอื มุมธรรมชาติ เป็นมุมเลน่ ท่ีผ้สู อนจัดรวบรวมสิ่งของต่าง ๆ หรอื สงิ่ ทมี่ ีใน
ธรรมชาติมาให้เด็กได้สารวจ สังเกต ทดลอง ค้นพบด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาทักษะ
กระบวนการคิดรวบยอด การคิดเชิงเหตผุ ล การตดั สินใจ และแก้ปัญหาใหก้ ับเด็ก
การจัด
มุมวทิ ยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ เป็นมุมท่ีต้องการความสงบคล้ายมุมหนังสือ จึงอาจจัดไว้
ใกล้กันได้ สิ่งของที่จัดวางต้องคานึงถึงความน่าสนใจ ความเร้าให้สนใจอยากนามาศึกษาทดลอง จึง
ควรอย่รู ะดับท่เี ด็กหยิบ จบั ดู วสั ดุอปุ กรณ์เหล่าน้นั ได้โดยสะดวก ควรมีการปรับเปลย่ี นสงิ่ ของทน่ี ามา
จดั แสดง อาจจดั ให้มกี ารทดลองอย่างง่ายเพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดเ้ รียนรู้
สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน คือ การจัดสภาพแวดล้อมภายในบรเิ วณรอบ ๆ สถานศึกษา
หรอื สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมทั้งจัดสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสนาม จัดให้มีการระวังรกั ษา
ความปลอดภัยภายในสถานศึกษา ดูแลรักษาความสะอาด ปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นรอบ ๆ บริเวณ
สถานศึกษา สิง่ ต่าง ๆ เหล่าน้ี เป็นสว่ นหนง่ึ ท่ีสง่ ผลตอ่ การเรียนรแู้ ละพฒั นาการของเด็ก
สภาพแวดล้อมนอกหอ้ งเรียน ประกอบด้วย
๑. สนามเด็กเล่น ควรมีพนื้ ผิวหลายประเภท เชน่ ดิน ทราย หญ้า พ้นื ทีส่ าหรับเลน่ ของเล่น
ที่มีล้อรวมทั้งที่ร่ม ท่ีโล่งแจ้ง พ้ืนดินสาหรับชุด ท่ีเล่นน้า บ่อทราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น
เคร่ืองเล่นสนามสาหรับปีนป่าย การทรงตัว ฯลฯ ท้ังน้ี ต้องไม่ติดกับบริเวณท่ีมีอันตราย หรือวาง
ติดกันเกินไปจนเกิดอันตรายเวลาเด็กเล่นและเดินผ่าน ต้องหมั่นตรวจตราเคร่ืองเล่นให้อยู่ในสภาพ
แขง็ แรง ปลอดภัยอย่เู สมอ และหมัน่ ดแู ลเรือ่ งความสะอาด
๒. ท่ีนัง่ เลน่ พักผ่อน จดั ทน่ี ่งั ไวใ้ ตต้ น้ ไม้มีรม่ เงา อาจใชท้ ากจิ กรรมกลมุ่ ย่อย ๆ หรอื กจิ กรรม
ท่ีต้องการความสงบ หรืออาจจัดเป็นพื้นที่ให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ป้ายนิเทศ เพ่ือให้ความรู้แก่เด็ก
และผ้ปู กครอง
๓. บริเวณธรรมชาติ ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ แปลงปลูกพืชผักสวนครัว หากบริเวณ
สถานศกึ ษามไี ม่มากนกั อาจปลกู พืชในกระบะ หรอื กระถาง หรือเศษวสั ดใุ นทอ้ งถ่ิน
๔. ห้องปฏิบัติการและอาคารประกอบต่าง ๆ เช่น โรงอาหาร เรือนเพาะชา ห้องสมุด
ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ควรจัดให้มีพื้นท่ีสาหรับให้เด็กทากิจกรรมและเรียนรู้ ท่ีสะอาดและปลอดภัย
สาหรับเดก็
๒. การจดั สภาพแวดล้อมทางจติ ภาพ
เป็นการจัดการสภาพแวดล้อมตามแนวคิดเรื่องการเรียนรู้อย่างมีความสุข การจัดการ
สภาพแวดล้อมด้านจิตภาพจึงเป็นการจัดเพ่ือให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการอยู่ร่วมกัน ซึ่ งจะเกิด
ความสะดวก ปลอดภัย ราบรื่น จากการทากิจกรรมในหอ้ งที่มีลักษณะทางกายภาพทีเ่ หมาะสม และมี
การปฏิบัติต่อกันท่ีเหมาะสมของผู้ท่ีอยู่ในสภาพแวดล้อมท้ังเด็กและผู้สอน นอกจากน้ียังรวมถึง

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๗๑

ข้อตกลงที่ทุกคนสามารถปฏิบัติร่วมกันได้และเกิดความสุขในการอยู่ร่วมกัน การจัดสภาพแวดล้อม
ด้านจิตภาพจึงมีเป้าหมายเพ่ือใหเ้ ด็กเรยี นรกู้ ารอยูร่ ว่ มกนั ในสภาพแวดลอ้ มแห่งความสุข ผสู้ อนมีท่าที
ที่อบอนุ่ ใหค้ วามมนั่ ใจแกเ่ ด็ก สนับสนนุ ให้เดก็ ได้ประสบความสาเร็จในกิจกรรมต่าง ๆ มีสถานท่ีทีเ่ ด็ก
สามารถมีความเป็นส่วนตัว หรือเมื่อต้องการอยู่ลาพัง ต้องการความสงบ ให้อิสระเด็กในการสื่อสาร
เคล่ือนไหว ทากิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งข้อตกลงต่าง ๆ สามารถยืดหยุ่นได้เม่ือจาเป็น การจัด
สภาพแวดล้อมด้านจิตภาพ มรี ายละเอียดดังนี้

บุคลกิ ภาพผูส้ อน
บุคลิกภาพผู้สอนช่วยเสริมบรรยากาศในการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในห้องได้เป็นอย่างดี ย้ิมแย้ม
แจ่มใส มีกริยามารยาทแบบไทย แตง่ กายเหมาะสมกบั วัฒนธรรมทอ้ งถิ่น ใชภ้ าษาถูกต้องชัดเจน เต็ม
ใจตอบคาถามของเด็ก พูดกับเด็กด้วยเสียงนุ่มนวลเป็นมิตร และพูดช้ีแจงเหตุผลแก่เด็กด้วยน้าเสียง
ปกติ
การจัดการชัน้ เรียนของผู้สอน
ผู้สอนควรใส่ใจดูแลให้เด็กอยู่ร่วมกันในห้องเรียนอย่างมีความสุข พร้อมท้ังเรียนรู้สิทธิและ
หน้าทขี่ องตน มีการสร้างข้อตกลงในการปฏิบัติตนร่วมกันระหวา่ งผ้สู อนกับเด็ก และเด็กกับเด็ก การ
แบ่งหน้าท่คี วามรับผดิ ชอบ มีแนวทางปฏบิ ัติเมือ่ เด็กไมท่ าตามขอ้ ตกลง และแก้ปญั หาเมื่อมขี ้อขดั แย้ง
เกิดขน้ึ
การสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งผู้สอนกับเด็ก
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้สอนกับเด็ก ช่วยเสริมสร้างให้เด็กรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย สร้าง
ความม่ันใจในตนเอง และเกิดความร้สู ึกท่ีดตี ่อตนเอง ผู้สอนควรสร้างความสัมพันธ์กบั เด็กด้วยทา่ ทาง
เช่น ยิ้ม สัมผัส ทักทายและพูดคุยกับเด็ก ดูแลเด็กที่มีปัญหาสุขภาพ ไม่สบาย หรือต้องการกาลังใจ
รับฟังเม่ือเด็กพูดด้วย ให้โอกาสเด็กท่ีต้องการพูดคุยกับผู้สอน ตอบเมื่อเด็กถาม และยอมรับการ
ชว่ ยเหลอื ของเด็ก
การสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเด็กกบั เดก็
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับเด็กในสถานศึกษา จะทาให้เด็กอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเด็กกับเด็ก ผู้สอนควรจัดให้มีกิจกรรมท่ีส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี
ระหว่างเด็กกับเดก็ โดยการจัดกิจกรรมท่ีส่งเสรมิ การชว่ ยเหลอื ซ่ึงกันและกัน สร้างความรับผิดชอบใน
การทางาน ให้เดก็ ได้ร่วมคดิ รว่ มทา และรว่ มแก้ปัญหา เช่น การจดั ของเล่นการดูแลความสะอาดการ
ทางานกลุ่มเป็นต้น
การสรา้ งความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผูป้ กครองและสถานศกึ ษา
ผู้สอนมีบทบาทสาคัญยงิ่ ในการสนับสนุนและส่งเสริมใหเ้ กิดความสัมพันธ์ระหวา่ งผู้ปกครอง
กับสถานศึกษา ผู้สอนจึงควรสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครองด้วยการจัดทาป้ายนิเทศซึ่งมีสาระ
เกย่ี วกับเด็ก ผู้ปกครอง ชุมชน และโรงเรียน จัดทาจดหมายขา่ วถึงผู้ปกครอง หรือการสื่อสารผ่านสื่อ
และเทคโนโลยี กระตุ้นให้ผปู้ กครองแลกเปล่ียนเรยี นรู้กบั ทางโรงเรียน สนับสนนุ ใหผ้ ู้ปกครองเยย่ี มชั้น

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๗๒

เรียนของเด็กจัดประชมุ พบปะระหว่างผู้ปกครองและผู้สอน รวมท้ังเปดิ โอกาสให้ผปู้ กครองได้ทางาน
อาสาสมัครร่วมกบั ทางโรงเรยี น

๓. การจัดสภาพแวดลอ้ มดา้ นสังคม
เปน็ การจดั สภาพแวดล้อมทีเ่ กิดจากแนวคิดเร่ืองการเรยี นรู้ทางสงั คมของเดก็ ปฐมวัยท่ีเรียนรู้
ทางสังคมจากการเล่น การทากิจกรรมและการทางานร่วมกับผู้อ่ืนท้ังเด็กและผู้ ใหญ่ การจัด
สภาพแวดล้อมด้านสังคมจึงเปน็ การจัดการท่ีให้เดก็ รว่ มกับผู้อื่นได้อย่างมีความสขุ สนับสนุนใหป้ ฏิบัติ
ตนในลักษณะท่ีสังคมยอมรับและเกิดทักษะทางสังคม มีสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้สนับสนุนให้เกิด
การแบ่งปันกันท้ังในด้านความคิด ความรู้สึก พ้ืนที่และอุปกรณ์ต่างๆ จัดให้มีบรรยากาศแบบ
ประชาธิปไตย เด็กได้แสดงความเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่างๆ เช่น การกาหนดข้อตกลง
กติกา กฎ ระเบยี บตา่ งๆ การแบ่งหน้าท่ี การฝกึ การมีวนิ ยั ในตนเอง
การเรยี นรู้ของเด็กที่ได้ปฏิสมั พันธ์ส่ิงแวดล้อมท้ังด้านวัตถุและบุคคล ผู้สอนจะต้องพยายาม
จัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็ก ให้เด็กทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น กับส่ิงของและ
กระบวนการต่างๆรวมถึงให้เด็กได้ปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์ต่างๆ และผู้สอนจะต้องมีการวาง
แผนการจัดกิจกรรมประจาวันให้เด็กได้พัฒนาทางร่างกายและสังคม โดยการเตรียมส่ือ วัสดุ
ที่ เหมาะสม เพ่ือกระตุ้นให้เด็กได้เกดิ กระบวนการคิด ให้เด็กได้เหน็ ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ โดยจัด
สภาพแวดล้อมให้เด็กได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและกระบวนการต่างๆ อย่างกว้างขวาง การท่ีเด็กอยู่ใน
สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม เด็กจะพัฒนาความรู้สึกท่ีดีต่อตนเอง เกิดความเชื่อม่ันในตนเองและ
มีความคิดสรา้ งสรรค์

สือ่
ส่ือเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เป็นตัวกลางกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้

ตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดการเรียนรู้ ของเด็กอายุ ๔-๖ ปีจาเป็นต้องผ่านการลงมือปฏิบัติจริงหรือ
เกิดการค้นพบด้วยตนเองเป็นประสบการณ์ตรง ซึ่งเด็กจะเรียนรู้จากสิ่งท่ีเป็นรูปประธรรมหรือ
มองเห็น จับต้องได้ไปสู่สิ่งท่ีเป็นนามธรรม เพ่ือเข้าสู่อายุท่ีสูงข้ึน การเรียนรู้ของเด็กวัยนี้จึงข้ึนอยู่กับ
ของจริงทีพ่ บเหน็ ของเล่นที่เลียนแบบของจรงิ นทิ านและเพลงดังน้ี

๑. ของเลน่
ของเล่นเป็นส่ิงที่ประกอบการเล่นของเด็ก ของเล่นช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้และเกิดความ
ม่ันใจในการเล่น ของเล่นอาจจัดทาข้ึนเองจากวัสดุ ส่ิงของ เศษวัสดุเหลือใช้รอบตัวชีวิต ประจาวัน
หรือเป็นการเลือกซ้ือของเล่นท่ีมีขายในท้องตลาด ซึ่งมีการจัดหาของเล่นให้เด็กต้องคานึงถึงความ
ปลอดภัยและเหมาะสมกบั วัยของเดก็

๑.๑ ลักษณะของเล่นเด็ก ของเล่นเก่ียวข้องกับการเล่นของเด็กแบ่งเป็น เช่น ช้อน ถ้วย
พลาสตกิ หมอ้ จาน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๗๓

๑.๑.๒ ของเลน่ เลียนแบบของจรงิ เป็นของเล่นท่ีทาขึ้นให้มีรปู แบบเหมือนของจรงิ ที่มอี ยู่
ในชีวิตประจาวนั ทาจากวัสดุประเภทไม้ พลาสติก โลหะ กระดาษ ก็ได้ เช่น ตุ๊กตาสัตว์ขนนุ่ม ตุ๊กตา
คน ลกู บอลเดก็ เล่น รถเดก็ เล่น ของเลน่ เคร่ืองครวั /เคร่อื งใชใ้ นบ้าน

๑.๑.๓ ของเล่นสร้างสรรค์ เป็นของเล่นท่ีทาขึ้นไม่มีรูปแบบท่ีแน่นอนตายตัว สามารถ
ประกอบเขา้ ด้วยกันให้เปน็ อะไรก็ได้ตามความต้องการหรอื จนิ ตนาการของผู้เลน่ เชน่ ตัวตอ่ พลาสติก
พลาสตกิ สร้างสรรค์ บล็อกพลาสตกิ /ไม้ วัสดุทีใ่ ช้ในการวาดภาพ/การปั้น/การประดิษฐ์

๑.๑.๔ ของเล่นเพ่ือการศึกษา เป็นของเล่นที่ทาขึ้น มีรูปแบบช่วยพัฒนาทักษะ
การสังเกต ทักษะกล้ามเน้ือมือ ประสานสัมพันธ์กับตา ทักษะการคิด เช่น ไม้บล็อก เกมภาพตัดต่อ
เกมโดมโิ น่

๑.๑.๕ ของเล่นพ้ืนบ้าน เป็นของเล่นที่ทาจากวัสดุตามธรรมชาติหรือวัสดุที่มีอยู่ใน
ท้องถ่ินด้วยเช่น โมบายปลาตะเพียน ตะกร้อใบลาน ตุก๊ ตาสตั ว์ทาจากฟาง กงั หันลมใบตาล ล้อกล้ิงไม้
ไผ่ น ก/ตั๊กแตนสานใบมะพร้าว กะลารองเท้า ปี่ใบมะพ ร้าว และปั้นดินเหนียวรูปสัตว์

๑.๒ ประเภทของเลน่ เด็ก ของเล่นเดก็ มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการ
ใชเ้ ล่นแบ่งเป็น

๑.๒.๑ ของเล่นฝึกประสาทสัมผัส เป็นของเล่นท่ีดึงดูดความสนใจของเด็กใน
การมองเห็น ได้ยินและสัมผัส เช่น ของเล่นที่มีผิวสัมผัสเรียบ- ขรุขระ ของเล่น หยิบจับไว้ในมือได้
เสยี งเพลง

๑.๒.๒ ของเล่นฝึกการเคลื่อนไหว เป็นของเล่นท่ีเคล่ือนที่ไปมาได้ กระตุ้นให้เด็กใช้
กลา้ มเนอ้ื แขน ขา เช่น ลกู บอล ของเล่นลากจูงได้ ของเลน่ ไขลาน ของเล่นมีล้อเล่ือน

๑.๒.๓ ของเล่นฝึกความสัมพันธ์มือตา เป็นของเล่นที่ฝึกให้เด็กได้พัฒนาการประสาน
สมั พนั ธ์ระหว่างการใช้กลา้ มเนื้อมือและตาอย่างมีจุดหมาย เช่น กระดานคอ้ นตอก กล่องหยอดรูปทรง
ของเล่นร้อยลูกปัดเมด็ โต ของเล่นร้อยเชอื กตามรู ของเล่นผกู เชอื ก/รดู ซิป/ติดกระดมุ

๑.๒.๔ ของเล่นฝึกภาษา เป็นของเล่นที่ช่วยในการฟัง การสื่อสารทางด้านการฟัง การ
พูดเลา่ เรื่อง เช่น หนังสอื ภาพนทิ าน เทป เพลงเดก็ เครอ่ื งดนตรี หนุ่ มอื

๑.๒.๕ ของเล่นฝึกการสังเกต เป็นของเล่นฝึกทักษะการเปรยี บเทียบ การจาแนก หรือ
จดั กลมุ่ ของ เช่น ของเลน่ รูปทรงเรขาคณิต แผ่นภาพจบั คู่ บล็อกตา่ งสตี ่างขนาด

๑.๒.๖ ของเล่นฝึกการคิด เป็นของเล่นสอนให้เด็กมีสมาธิและรู้จักแก้ปัญหา คิดใช้
เหตผุ ล เชน่ ภาพตัดตอ่ ตัวต่อภาพ ปริศนา บล็อกไม้

๑.๒.๗ ของเล่นฝึกความคิดสร้างสรรค์ เป็นของเล่นที่ส่งเสริมให้เด็กสร้างจินตนาการ
ตามความนึกคิดหรือแสดงบทบาทสมมุติ เช่น บล็อกไม้ ตัวต่อ ของเล่นเคร่ืองครัว ของเล่นร้านค้า
ของเล่นเครือ่ งมอื แพทย์

๑.๓ การเลอื กของเลน่ เดก็ หลักเกณฑท์ ีค่ วรคานงึ ถงึ มีดังน้ี
๑.๓.๑ ความปลอดภัยในการเล่น ของเล่นสาหรับเด็ก อาจทาด้วยไม้ ผ้า พลาสติก

หรอื โลหะ ท่ีไม่มีอันตรายเก่ียวกับผิวสัมผัสท่ีแหลมคม หรือมีชิ้นส่วนท่ีหลุดหรือแตกหักได้ ตลอดจน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๗๔

ทาให้วัสดุท่ีไม่มีพิษมีภัยต่อเด็กในสีที่ทา หรือส่วนผสมในการผลิตมีขนาดไม่เล็กเกินไป จนทาให้เด็ก
กลนื หรอื หยบิ ใส่รูจมกู หรอื เข้าปากได้ รวมท้ังมีน้าหนกั พอเหมาะท่ีเดก็ สามารถหยบิ เลน่ เองได้

๑.๓.๒ ประโยชน์ในการเล่น ของเล่นท่ีดีควรช่วยเร้าความสนใจของเด็กให้อยากรู้
อยากเห็น มสี ีสันสวยงามสะดดุ ตาเดก็ มีการออกแบบท่สี ่งเสริมให้เดก็ ใช้ความคิดและจนิ ตนาการทจ่ี ะ
เล่นอย่างริเร่ิมสรา้ งสรรค์หรือแก้ปัญหาช่วยในการพัฒนากล้ามเนื้อ การเคล่ือนไหว และการใช้มือได้
อย่างคล่องแคลว่ ทัง้ ยังเสรมิ สรา้ งการพฒั นาประสาทมือและตาใหส้ ัมพันธ์กนั

๑.๓.๓ ประสิทธิภาพในการใช้เล่น ของเล่นท่ีเหมาะในการเล่นควรมีความยาก
งา่ ยกับอายุและความสามารถตามพัฒนาการของเด็ก ของเล่นที่ยากเกินไปจะบ่ันทอนความสนใจใน
การเลน่ ของเด็กและทาให้เด็กร้สู ึกท้อถอยไดง้ ่าย ส่วนของเล่นทง่ี ่ายเกนิ ไปก็ทาให้เด็กเบอื่ ไมอ่ ยากเล่น
ได้ นอกจากนี้ของเล่นควรทาให้เด็กได้ใช้ประสบการณ์ตรงและเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มี
ความแขง็ แรงทนทานและปรบั เปลย่ี นแปลงใชป้ ระโยชน์ไดห้ ลายโอกาส หลายรปู แบบเล่นไดห้ ลายคน

๑.๓.๔ ความประหยัดทรัพยากร ของเล่นที่ดีไม่จาเป็นต้องมีราคาแพงหรือผลิตด้วย
เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีตราเคร่ืองหมายผลิตภัณฑ์ของบริษัทท่ีมีช่ือเสียงเป็นที่นิยมทั่วไป หากแต่เป็น
วัสดุของหรือของเล่นที่สามารถจัดหาง่าย ๆ มีราคาย่อมเยา และมีอยู่ในท้องถ่ินนั้นโดยหาซ้ือได้ง่าย
หรือทาขึน้ เองไดจ้ ากภมู ิปัญญาพนื้ บา้ นหรอื วัฒนธรรมท้องถนิ่

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๗๕

ตารางเกณฑ์พิจารณาการเลือกซอื้ ของเลน่ ให้เดก็

ประเดน็ การพิจารณา ใช่ ไมใ่ ช่

๑. ของเล่นท่ีมีลักษณะปลอดภัยสาหรับเด็กตามวัย สีที่ใช้ เป็นสีท่ีปลอดภัย ไม่มี
ชิ้นส่วนแหลมคมหรอื แตกหักง่าย

๒. ของเล่นเหมาะกบั วัยของเดก็ ไม่ยากหรือง่ายเกนิ ไปที่เดก็ จะเลน่ ไดเ้ อง

๓. ของเลน่ ดงึ ดูดความสนใจการเล่น ท้าทายความสามารถของเด็ก

๔. ของเล่นมีการออกแบบอยา่ งพิถพี ถิ นั มองดูเหมาะกับธรรมชาตขิ องเด็ก

๕. ของเลน่ สามารถปรับเปลยี่ นรูปแบบได้หลากหลาย ใช้เล่นได้หลายแบบ หลาย
วิธีตามความต้องการของผู้เลน่

๖. ของเล่นมคี วามคงทนใช้เลน่ ได้นาน ไม่บบุ สลายงา่ ย

๗. ของเล่นช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ทาให้เด็กเรียนรู้หลายๆด้าน
เกยี่ วกบั ส่งิ แวดลอ้ มรอบตวั

๘. ของเล่นช่วยขยายความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทาให้เด็กใช้จินตนาการ การคิด
ทาสิง่ ใหม่ ๆ

๙. ของเล่นทาใหเ้ ด็กมีสมาธิ ใจจดจอ่ อยู่กับการเล่นเปน็ เวลานานพอควรตามช่วง
ความสนใจของวยั

๑๐. ของเลน่ ทาความสะอาดได้ง่าย หรือนากลับมาเลน่ ใหม่ได้

๑๑. ของเลน่ ทาใหเ้ ดก็ เกิดความรู้สกึ ดีตอ่ ตนเองและค้นพบความสาเร็จ

๑๒. ของเล่นมีราคาไม่แพงจนเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพของวัสดุและ
การใช้ประโยชน์

เกณฑ์การตดั สินใจซื้อของเลน่ ถา้ คาตอบ “ใช”่ เกนิ ๑๐ ข้อ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๗๖

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๗๗

๒. นทิ าน
นิทานเป็นส่ือ เคร่ืองมือและวิธีการที่สาคัญในการพัฒนาเด็ก การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง จะชว่ ยสร้าง
ความคนุ้ เคยระหว่างเด็กกับหนังสอื ถือเปน็ การบม่ เพาะนสิ ัยรกั การอ่านหนงั สือในเดก็ ได้อย่างแยบยล

๒.๑ ประโยชนข์ องนิทาน นิทานมีบทบาทสาคัญตอ่ การเสรมิ สรา้ งพฒั นาการเด็กดังนี้
๒.๑.๑ ด้านร่างกาย การอ่านหนังสือให้เด็กฟัง เด็กจะได้บริหารร่างกายตาม

เรื่องราวของนิทาน ทาใหอ้ วยั วะส่วนตา่ งๆของร่างกายแข็งแรง
๒.๑.๒ ดา้ นอารมณ์ จิตใจ การอ่านหนังสอื ให้เด็กฟังเด็กจะรู้สึกสนุกสนานมีความสุข

ท่ีได้ฟังเรื่องราวหรือท่องบทกลอนและแสดงท่าทางอย่างอิสระตามความต้องการ เด็กจะมีอารมณ์ดี
ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส

๒.๑.๓ ดา้ นสงั คม สร้างความสมั พันธใ์ นครอบครวั และสงั คมรอบด้าน
๒.๑.๔ ด้านสติปัญญา การอ่านหนังสือจะช่วยให้เด็กสามารถจดจาถ้อยคา จา
ประโยคและเร่ืองราวในหนังสือได้ รู้จักเรียนแบบคาพูด เข้าใจความหมายของเร่ืองท่ีจะอ่าน รู้จักคิด
และรู้จักจินตนาการ
๒.๒ วธิ กี ารเลา่ นิทานและเรอ่ื งราวสาหรับเด็ก
เม่ือเลือกนิทานเรื่องราวที่เหมาะสมกับวัยของเด็กได้แล้ว วิธีการเล่านิทาน หรือ
เรื่องราวเพอื่ ให้เด็กเกิดความสนใจตดิ ตามฟังเน้ือเรือ่ งจนจบ จงึ จาเปน็ ตอ้ งทาใหเ้ หมาะสมกับเรอ่ื งที่จะ
เล่าด้วย ในการเล่าเรอื่ งนทิ านท่ีนิยมใชม้ ี ๒ วิธดี งั นี้
๒.๒.๑ การเล่าเรอื่ งโดยไม่มีอุปกรณ์ เป็นการเล่านิทานเรื่องการบอกเล่าดว้ ยน้าเสียง
และลีลาของผูเ้ ล่า ซึ่งมรี ายละเอยี ดดังน้ี

๑) การข้ึนต้นเร่ืองท่ีจะเล่าควรดึงดูดความสนใจเด็ก โดยค่อย ๆ เร่ิมเล่า
ดว้ ยเสยี งพดู ท่ชี ดั เจน ลลี า่ ของการเลา่ ชา้ ชา้ และเรมิ่ เร็วขึ้นจนเป็นการเล่าดว้ ยจงั หวะปกติ

๒) ระดับเสียงท่ีใช้ควรดัง และประโยคท่ีเล่าควรแบ่งเป็นประโยคส้ัน ๆ
แต่ได้ใจความ การเล่าควรดาเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรจังหวะการเล่าให้นานและจะทาให้เด็กเบ่ือ
อีกท้งั ไม่ควรมีคาถามหรือคาพดู อ่นื ๆ ที่เปน็ การขดั จงั หวะทาให้เดก็ หมดสนุก

๓) การใชน้ ้าเสียง สีหน้า ทา่ ทาง ควรแสดงให้สอดคล้องกับลักษณะของตัว
ละคร ไมค่ วรพดู เนอ่ื ย ๆ เรือ่ ย ๆ เพราะขาดให้ความตน่ื เต้น

๔) การนั่งเลา่ เรอื่ ง ควรจัดหาเกา้ อี้น่งั ให้เหมาะกบั ระดบั สายตาเด็ก ควรเว้น
ระยะหา่ งของการนั่งเผชญิ หนา้ เดก็ พอประมาณทีจ่ ะสามารถสบตาเดก็ ขณะเลา่ เร่อื งไดท้ ั่วถึง

๕) การใช้เวลาไม่ควรเกิน ๒๐ นาที โดยสังเกตจากท่าทางการแสดงออก
ของเดก็ ซ่ึงไมไ่ ด้ให้ความสนใจจดจ่อกับเรอื่ งท่ีเลา่

๖) การเปดิ โอกาสใหเ้ ด็กไดค้ ิดและวิจารณ์เรอื่ งทเี่ ลา่ ควรใช้คาถามสอบถาม
ความคดิ ของเด็กเกี่ยวกบั เรอ่ื งราวทไี่ ด้ฟงั ใหเ้ ด็กมีโอกาสแสดงความคิดเหน็ ภายหลังท่ีเร่ืองเลา่ จบลง

๒.๒.๒ การเลา่ เรือ่ งโดยมอี ุปกรณช์ ่วย อุปกรณ์ท่ีช่วยในการเล่าเร่ืองมหี ลายประเภท
ไดแ้ ก่

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๗๘

๑) สิง่ แวดลอ้ มรอบตัวเด็ก ซ่งึ สามารถนามาเล่าเร่ืองราวประสบการณ์ไดแ้ ก่
เด็กได้ อุปกรณ์ที่เป็นสิ่งแวดล้อมได้แก่สัตว์ พืช บุคคลสาคัญ สถานท่ีสาคัญ ข่าวและเหตุการณ์
ตลอดจนส่งิ ที่มีอยตู่ ามธรรมชาติ

๒) วัสดุเหลือใช้ สิ่งของท่ีไม่เป็นท่ีต้องการ แต่ยังมีประโยชน์ เช่น ภาพจาก
หนงั สือนิตยสาร ก่งิ ไม้ ของกระดาษ ส่ิงเหลา่ น้ีอาจนามาใช้ประโยชนใ์ นการเล่าเรอื่ งได้

๓) ภาพ ใช้รูปภาพท่ีมีเรื่องราวเล่าได้ เช่น ภาพที่มีเร่ืองราวรวมอยู่ในแผ่น
เดยี วหรือทาเปน็ แผน่ ภาพพลิกหลายๆแผ่น ขนาดใหญพ่ อควรและมเี นือ้ เรือ่ งเขียนไวด้ ้านหลัง

๔) หุ่นจาลอง ใช้หุ่นที่ทาด้วยผ้าหรือกระดาษทาเป็นละครหุ่นมือ หุ่นเชิด
หุ่นชกั

๕) สไลด์ประกอบการเล่าเร่ือง ใช้ภาพถ่ายเป็นสไลด์เเผ่นฉายใช้ทีละภาพ
๖) หน้ากาก ทาเป็นรูปตัวละคร ใช้วัสดุทาเป็นหน้ากากรูปตัวละครต่าง ๆ
๗) เทปนิทานหรอื เรื่องราว ใชก้ ารเปดิ เทปทม่ี ีเสียงเลา่ เรื่องราว
๘) น้วิ มือประกอบการเล่าเรอื่ ง ใช้นว้ิ มือเคล่อื นไหวเป็นตวั ละครต่าง ๆ
๒.๓. การอ่านนทิ าน
การสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กเป็นหน้าท่ีสาคัญประการหนึ่งของผู้สอน เพราะหนังสือคือ
อาหารสมองและอาหารใจ หนังสือคือความสุข หนังสือคือเพ่ือน หนังสือคือแหล่งเรียนรู้ของเด็กไป
ตลอดชีวิต การสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็ก จึงเป็นการสร้างพ้ืนฐานสาคัญของชีวิตให้เด็ก เด็กจะรัก
หนังสือได้จากการท่ผี ู้สอนอ่านหนังสือทเี่ ด็กชอบให้ฟงั ซ้าแล้วซา้ เล่าเท่าทเ่ี ดก็ เรยี กร้องต้องการ เด็กจะ
รู้สึกพอใจและมีความสุขมากในขณะท่ีผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้ฟัง และจะตื่นโตขึ้นมาเป็นคนรักหนังสือ
และรกั การอา่ นหนังสือ
การอ่านนิทานให้เด็กฟัง คือ การอ่านหนังสือที่ไม่ปล่อยให้เด็กเดินทางไปคนเดียว หรือเป็น
ผู้รับฟังเพียงอย่างเดียว แต่ผู้สอนต้องมีส่วนร่วมไปกับเด็กด้วย นิทานเป็นส่ือสาหรับผู้สอนใน
การสร้างปฏิสัมพันธ์ท่ีดี เด็กท่ีเติบโตมาด้วยการหล่อหลอมให้ฟังนิทาน มักจะเป็นเด็กท่ีใช้ภาษาได้ดี
มากกว่าเด็กในวัยเดยี วกันท่ีไม่ไดถ้ ูกหลอ่ หลอมมาด้วยหนังสือหรือนิทาน อกี ท้ังเด็กทม่ี นี สิ ัยรักการอา่ น
จะพัฒนาในดา้ นอืน่ ๆ ได้อย่างรวดเรว็ ตามมา เช่น สมอง พฤตกิ รรม และอารมณท์ ด่ี ี
การพฒั นาส่ือ
การพัฒนาส่อื เพอ่ื ใชป้ ระกอบการจัดกิจกรรมในระดับปฐมวัยนั้น กอ่ นอื่นควรไดส้ ารวจขอ้ มูล
สภาพปัญหาต่างๆของส่ือทุกประเภทท่ีใช้อยู่ว่ามีอะไรบ้างท่ีจะต้องปรับปรุงแก้ไข เพ่ือจะได้
ปรบั เปล่ยี นให้เหมาะสมกับความต้องการ
แนวทางการพฒั นาสื่อ ควรมีลักษณะเฉพาะ ดังนี้
๑. ปรับปรุงส่ือให้ทันสมัยเข้ากับเหตุการณ์ ใช้ได้สะดวก ไม่ซับซ้อนเกินไป เหมาะสมกับวัย
ของเดก็
๒. รักษาความสะอาดของสื่อ ถ้าเป็นวัสดุทลี่ ้างนา้ ได้ เมื่อใชแ้ ลว้ ควรได้ลา้ งเช็ด หรอื ปัดฝุ่น
ใหส้ ะอาด เก็บไวเ้ ป็นหมวดหมู่ วางเปน็ ระเบยี บหยบิ ใชง้ า่ ย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๗๙

๓. ถ้าเป็นส่ือที่ผู้สอนผลิตข้ึนมาใช้เองและผ่านการทดลองใช้มาแล้ว ควรเขียนคู่มือ
ประกอบการใช้สื่อนั้น โดยบอกช่ือสื่อ ประโยชน์และวิธีใช้สื่อ รวมท้ังจานวนช้นิ ส่วนของส่ือในชุดนั้น
และเก็บคู่มอื ไว้ในซองหรือถุง พรอ้ มส่ือท่ผี ลิต

๔. พัฒนาสอ่ื ทส่ี ร้างสรรค์ ใช้ได้เอนกประสงค์ คือ เป็นได้ท้ังส่ือเสรมิ พฒั นาการและเป็นของ
เล่นสนุกสนานเพลิดเพลิน

แหล่งเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้มีความสาคัญ คือ เป็นแหล่งการศึกษาตามความสนใจและความต้องการตาม

อธั ยาศัย ปลูกฝงั นสิ ยั รักการอา่ น การสบื เสาะหาความรู้ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การสร้างเสริม
ประสบการณ์ด้วยประสบการณ์ตรง เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สภาพแวดล้อมที่เป็นแหล่ง
เรียนรสู้ าหรับเด็กปฐมวยั ขอเสนอแหล่งเรยี นรทู้ ่ีเปน็ ตัวอย่างแหล่งวิทยาการการเรียนรู้ในชุมชน และ
กิจกรรมการเรียนรู้ท่จี ัดในชุมชนและธรรมชาติ ดงั น้ี

แหล่งเรียนรู้ในชุมชน เช่น อุทยานดอยสุเทพ - ปุย น้าตกหมอกฟ้า วัดสบเปิง อุโบสถวัดสบ
เปงิ สถานีอนามยั บา้ นปางมว่ ง ตลาดนัดชมุ ชนอบต.สบเปงิ

แหลง่ เรียนรภู้ ายใน แหลง่ เรียนรู้ภายนอก

 อาคารเรียนต่างๆ  โรงเรียนตา่ ง ๆ
 ห้องสมดุ / ICT  โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบล
 หอ้ งคอมพิวเตอร์  วดั
 หอ้ งประชุม  การศึกษานอกโรงเรียน
 ห้องแนะแนว  หอ้ งสมดุ กศน.
 หอ้ งพยาบาล  ศนู ย์เศรษฐกจิ พอเพยี งของชุมชน
 สวนเกษตรพอเพยี ง  ตลาดนัดชมุ ชน
 ห้องวิชาการ
 หอ้ งสหกรณโ์ รงเรียน
 สนามเดก็ เลน่
 สนามกีฬา

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๘๐

การประเมินพัฒนาการ
การประเมนิ พัฒนาการเด็กอายุ ๔-๖ ปี เปน็ การประเมนิ พัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์

จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็ก ถือเป็นส่วนหน่ึงของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการ
ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันเป็นความรับผิดชอบของผู้สอนที่ต้องดาเนินการต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้
ผู้เก่ียวข้องมีส่วนร่วมวิธีการประเมินท่ีเหมาะสม ได้แก่ การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การ
สนทนาหรือสมั ภาษณ์ การวเิ คราะหข์ ้อมูลจากผลงานเด็กและสรุปผลการประเมนิ เพอ่ื ให้ไดข้ อ้ มลู ว่า
เด็กบรรลุตามสภาพท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์หรือไม่เพียงใด
ผู้สอนควรวางแผนและพัฒนาการจัดประสบการณ์อย่างไรต่อไป โดยมีการประเมินพัฒนาการเด็ก
ปฐมวัยควรยึดหลักการ ดงั น้ี

๑. วางแผนการประเมนิ พฒั นาการอย่างเปน็ ระบบ การวางแผนการประเมินพัฒนาการอยา่ ง
เปน็ ระบบ เปน็ ภารกิจหน่ึงของผู้สอนโดยเริ่มตน้ จาก

๑.๑ นาหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติด้วยการออกแบบและ
จดั ทาหน่วยการเรยี นรแู้ ละแผนการจัดการประสบการณ์เรียนรู้

๑.๒ กาหนดวัตถุประสงค์การประเมิน วิธกี ารและเครือ่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมิน
๑.๓ เก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งผู้สอนจะตอ้ งวางแผนและออกแบบวา่ ในแต่ละวัน แต่
ละกจิ กรรมจะสงั เกตพฤติกรรมใด สงั เกตเดก็ คนใดบ้าง และนาข้อมลู ท่ีไดไ้ ปสู่การวิเคราะห์ข้อมลู และ
การแปลผลต่อไป
๒. ประเมินพัฒนาการเด็กครบทุกดา้ น การประเมินพฒั นาการเด็กครบทุกด้านตามหลักการ
น้ี คือ การประเมินพัฒนาการเดก็ ดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปญั ญา ซงึ่ ตอ้ งสอดคล้อง
และครอบคลมุ มาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี และสภาพท่ีพงึ ประสงค์แต่ละวัยท่ีกาหนด
ไวใ้ นหลักสูตรสถานศึกษา และสอดคลอ้ งกบั วิสยั ทัศนข์ องหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ที่มุ่งเนน้ พัฒนา
เด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาอย่างมีคุณภาพและ
ต่อเนื่องนั่นเอง
๓. ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสมา่ เสมอตอ่ เนื่องตลอดปี จดุ มุง่ หมาย
ของการประเมินพัฒนาการเด็ก เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของเด็กเป็นรายบุคคลให้เต็มตามศกั ยภาพ
ทงั้ นี้ ความน่าเช่อื ถอื ของผลการประเมินจงึ เป็นสงิ่ สาคญั ผู้สอนตอ้ งสังเกตพฤติกรรมหรือการปฏบิ ัติ
ตนของเด็กเป็นระยะๆ ตลอดปีการศึกษา มจี านวนคร้ังในการสังเกตพฤติกรรมอย่างเหมาะสมและ
เพียงพอกอ่ นจะสรุปหรือให้ระดับคุณภาพของพฤติกรรมตามสภาพทีพ่ งึ ประสงคใ์ นแต่ละวยั
๔. ประเมนิ พัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจาวันดว้ ยเครื่องมอื และวิธกี าร
ท่ีหลากหลาย ไม่ควรใช้แบบทดสอบ เนื่องจากแนวคิดการจัดการศึกษาปฐมวัยให้ความสาคัญกับตัว
เดก็ ทั้งการพัฒนาเด็กโดยองค์รวมและการปฏิบตั ิที่เหมาะสมกบั พัฒนาการ การอบรมเลี้ยงดูและให้
การศึกษา การเล่นและการเรียนรู้ของเด็กภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ดังน้ัน
การประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ หรือการปฏิบัติกิจวัตร
ประจาวัน ด้วยวิธีการสังเกต การบนั ทึกพฤติกรรม การสนทนา การสมั ภาษณ์ การวิเคราะหข์ ้อมูล

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๘๑

จากผลงานเด็ก จึงเป็นวิธีการประเมินท่ีเหมาะสมและสอดคล้องกับเด็กวัยน้ี ผู้สอนจึงไม่ควรใช้
แบบทดสอบท่ีใช้กระดาษและดนิ สอในการเขียนตอบ เพอ่ื ประเมินพฒั นาเดก็ วยั นี้

๕. สรุปผลการประเมิน จัดทาข้อมูลและนาผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็ก ข้อมูลที่ได้จาก
การสังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนตามสภาพที่พึงประสงค์ รวบรวมได้จากการจัดประสบการณ์
การเรียนรู้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้และการปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน ผู้สอนต้องนาไปเทียบเกณฑ์
การให้ระดับคุณภาพใจ แต่ละสภาพที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้และมาตรฐานคุณลักษณ์ท่ีพึงประสงค์
พร้อมจัดทาเป็นข้อมูลสารสนเทศในระดับห้องเรียนว่า เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการใดบ้างเป็นจุดเด่น
หรือควรได้รับการส่งเสริม และนาไปใช้ในการพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคลและใช้เป็นข้อมูลส่ือสารกับ
ผปู้ กครองในการเสริมศักยภาพเด็กเป็นรายบุคคลตอ่ ไป

แนวทางการประเมนิ พฒั นาการตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนบ้านสะลวงนอก พุทธศักราช ๒๕๖๓ กาหนดเป้าหมาย
คณุ ภาพของเด็กปฐมวยั โดยยึดพฒั นาการเดก็ ปฐมวัยด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญา
ดังน้ี

๑) พัฒนาการด้านร่างกาย เป็นการเปล่ียนแปลงความสามารถของร่างกายในการ
เคล่อื นไหวสุขภาพอนามัยท่ีดีรวมถงึ การใช้มือกับตาท่ีประสานสัมพันธ์กันในการทากิจกรรม
ต่าง ๆการประเมินพัฒนาการดา้ นร่างกาย ประกอบด้วย การประเมินน้าหนกั และส่วนสงู ตามเกณฑ์
สุขภาพอนามัย สุขนิสัยท่ีดี การร้จู ักความปลอดภยั การเคล่ือนไหวและการทรงตัว การเล่นและการ
ออกกาลังกายและการใช้กลา้ มเนอ้ื เลก็ อย่างประสานสมั พันธก์ นั
๒) พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นความสามารถในการแสดงอารมณ์และความรู้สึก
โดยที่เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์และแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ เพื่อเผชิญกับ
เหตุการณต์ า่ งๆ ตลอดจนการรู้สึกทด่ี ีตอ่ ตนเองและผอู้ นื่
การประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการ
แสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ ความรู้สึกท่ีดีต่อตนเองและผู้อ่ืน
มีความเห็นอกเห็นใจ ความสนใจ ความสามารถ และมีความสุขในการทางานศิลปะ ดนตรี และ
การเคล่ือนไหวความรับผิดชอบในการทางาน ความซ่ือสัตย์สุจริตและรู้สึกถูกผิด ความเมตตากรุณา
มนี ้าใจและช่วยเหลือแบง่ ปนั ตลอดจนการประหยัด อดออม และพอเพียง
๓) พัฒนาการด้านสังคม เป็นความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น ปรับตัวใน
การเล่นและอยู่ร่วมกับผู้อื่น สามารถทาหน้าท่ีตามบทบาทของตน ทางานร่วมกับผู้อื่น มีความ
รับผิดชอบ รกู้ าลเทศะ สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวนั เรียนรู้การปรับตัวให้เข้ากับเด็ก
อื่น รู้จักรวมมือในการเล่นกับกลุ่มเพ่ือน ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเล่น รู้จักรอคอยตามลาดับ
กอ่ น-หลงั

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๘๒

การประเมินพัฒนาการด้านสังคม ประกอบด้วย การประเมินความมีวินัยในตนเอง
การชว่ ยเหลอื ตนเองในการปฏบิ ัตกิ จิ วัตรประจาวนั การระวังภายจากคนแปลกหน้าและสถานการณ์ท่ี
เส่ียงอันตราย การดูแลรักษาธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม การมีสัมมาคาระและมารยาทตามวัฒนธรรม
ไทย รักความเป็นไทย การยอมรับความเหมือนความแตกต่างระหว่างบุคคล การมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดี
กับผู้อ่ืน การปฏิบัติตนเบ้ืองต้นในการเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ

๔) พัฒนาการด้านสติปัญญา เป็นการเปลี่ยนแปลงความสามารถทางสมองที่เกิดขึ้นจาก
การเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ รอบตัว และความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและสิ่งแวดล้อม ด้วยการรับรู้ สังเกต
จดจา วิเคราะห์ รู้คิด รู้เหตุผล และแก้ปัญหา ทาให้สามารถปรับตัวและเพ่ิมทักษะใหม่ ซึ่ง
แสดงออกด้วยการใชภ้ าษา ส่ือความหมายและการกระทา เด็กวัยนี้สามารถโตตอบหรือมีปฏิสัมพันธ์
กับวัตถแุ ละสิ่งของท่ีอยู่รอบตัวได้ สามารถจาสิ่งต่าง ๆ ที่ได้กระทาซ้ากนั บ่อย ๆ ได้ดี เรยี นรู้ส่งิ ต่าง
ๆ ได้ดีขึ้นแต่ยังอาศัยการรับรู้เป็นส่วนใหญ่แก้ปัญหาการลองผิดลองถูกจากการับรู้มากกว่าการใช้
เหตผุ ล ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสงิ่ ต่างๆ ท่ีอยู่รอบตัวพัฒนาอย่างรวดเรว็ ตามอายุท่ีเพิ่มขึ้นในส่วน
ของพัฒนาการทางภาษาของเด็กวัยน้ี เป็นระยะพัฒนาภาษาอย่างรวดเร็ว โดยมีโอกาสใช้ภาษาจาก
การทากจิ กรรมต่าง ๆ ในรูปของการสนทนา ตอบคาถาม เล่าเรือ่ งนิทานและทากจิ กรรมตา่ ง ๆ

การประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ประกอบด้วย การประเมินความสามารถใน
การสนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ความสามารถในการอ่าน เขียนภาพ และสัญลักษณ์
ความสามารถในการคิดรวบยอม การคิดเชิงเหตุผล การคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ การทางานศิลปะ
การแสดงทา่ ทาง/เคล่ือนไหวตามจินตนาการและความสร้างสรรค์ การมีเจตคตทิ ี่ดีต่อการเรยี นรู้และ
ความสามารถในการแสดงหาความรู้

สาหรับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (ฉบับสถานศึกษา พุทธศักราช
๒๕๖๓) ได้กาหนดมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ท่ีต้องการให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก เพื่อให้
สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาระดั บปฐมวัยใช้เป็น
จุดหมายในการพัฒนาและการประเมินเด็กให้บรรลุคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์
จานวน ๑๒ ข้อ ดงั น้ี

๑. พฒั นาการด้านร่างกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐาน คอื
มาตรฐานที่ ๑ ร่างการเจริญเตบิ โตตามวัยและมสี ขุ นสิ ัยที่ดี
มาตรฐานท่ี ๒ กล้ามเน้ือใหญแ่ ละกล้ามเน้อื เล็กแขง็ แรง ใชไ้ ดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และประสาน

สัมพันธก์ นั
๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย ๓ มาตรฐาน คือ

มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจิตดแี ละมคี วามสขุ
มาตรฐานที่ ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว
มาตรฐานท่ี ๕ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และมจี ติ ใจที่ดีงาม

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๘๓

๓. พัฒนาการด้านสงั คม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คอื
มาตรฐานที่ ๖ มที ักษะชีวติ และปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
มาตรฐานที่ ๗ รักธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรมและความเปน็ ไทย
มาตรฐานท่ี ๘ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมใน

ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ รวมทั้งเกิดวัฒนธรรมต่อตา้ นการทุจริต
สรา้ งความตระหนกั ใหน้ ักเรยี น ยึดถอื ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วนตน มจี ิตพอเพียงตา้ น
ทุจรติ ละอายและเกรงกลัวทจ่ี ะไมท่ จุ รติ และไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทุกรปู แบบ
๔. พฒั นาการด้านสตปิ ัญญา ประกอบด้วย ๔ มาตรฐาน คือ

มาตรฐานที่ ๙ ใช้ภาษาส่อื สารได้เหมาะสมกับวยั
มาตรฐานท่ี ๑๐ มีความสามารถในการคดิ ทเ่ี ป็นพนื้ ฐานในการเรยี นรู้
มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ด่ี ีต่อการเรยี นร้แู ละมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้

ได้เหมาะสมกับวัย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๘๔

แผนภาพแสดงความเช่ือมโยงของหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐
(ฉบับสถานศกึ ษา ปีการศกึ ษา ๒๕๖4) กับการประเมนิ พัฒนาการ

หลกั สตู รสถานศกึ ษา กิจวตั รประจาวนั การประเมินพฒั นาการ
ปฐมวัย การจดั ประสบการณ์

มาตรฐาน หนว่ ยการจัด ๑. การวิเคราะหม์ าตรฐาน ตวั
คณุ ลักษณะ ประสบการณ์ บง่ ชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงคแ์ ละ
ทพ่ี ึงประสงค์ กาหนดการประเมิน
แผนการจัด
ตวั บง่ ชี้ ประสบการณ์ ๒. การกาหนดวิธีการและ
เครื่องมือทใ่ี ชป้ ระเมิน
สภาพที่พงึ ประสงค์ - จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- สาระการเรยี นรู้ ๓. การกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ
สาระการเรยี นรู้ - กจิ กรรมการเรียนรู้ และระดับคณุ ภาพ
- ส่ือ
- ประสบการณส์ าคญั - การประเมินผล ๔. การดาเนนิ การเก็บรวบรวม
- สาระทคี่ วรเรยี นรู้ - บันทกึ หลังการจดั ข้อมลู
ประสบการณ์
๕. การสรปุ ผลการประเมิน
พัฒนาการ

๖. การรายงานผลการประเมนิ
และการนาขอ้ มลู ไปใช้


Click to View FlipBook Version