The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โรงเรียนสามหมอโนนทัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Varatta Upachitkul, 2022-09-13 10:18:00

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย

โรงเรียนสามหมอโนนทัน

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๘๕

ขน้ั ตอนการประเมนิ พัฒนาการ
การประเมินพัฒนาการตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพน้ัน

เกิดข้ึนในห้องเรียนขณะจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการปฏิบัติกิจวัตรประจาวันของเด็ก
มีขนั้ ตอนดงั น้ี

๑. การวิเคราะห์มาตรฐาน ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์ และการกาหนดประเด็นการ
ประเมนิ

ผ้สู อนต้องวเิ คราะห์มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ และกาหนดสง่ิ ทจี่ ะประเมนิ จาก
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการปฏิบัติกิจกวัตรประจาวัน เพ่ือวางแผนก ารประเมิน
พัฒนาการและการตรวจสอบทบทวนความถูกต้อง ความครอบคลุมและความเช่ือมโยง อันจะเป็น
ประโยชน์ในการดาเนินงานประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยอย่างเป็นระบบ ดงั น้ี

๑.๑ การวิเคราะห์มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ การนาหลักสูตรสถานศึกษา
ไปสู่การจัดประสบการณ์ ได้มีวิเคราะห์สาระการเรียนรู้รายปีที่สอดคล้องของมาตรฐาน ตัวบ่งชี้
สภาพท่พี ึงประสงค์ และสาระการเรียนรูเ้ พอ่ื กาหนดหนว่ ยการเรยี นรู้ โดยการนาสภาพที่พึงประสงค์
ได้จากการวิเคราะห์มากาหนดเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้น้ันๆ และกาหนด
กิจกรรมหนัก ๖ กิจกรรม หรือใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์ตามที่สถานศึกษากาหนดในการ
พัฒนาเด็กปฐมวัยให้บรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ดังนั้น ผู้สอนต้องวางแผนการประเมิน
พัฒนาการให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกับมาตรฐาน ตวั บ่งชี้และสภาพที่พึงประสงค์

๑.๒ การกาหนดประเด็นการประเมิน เป็นการกาหนดพัฒนาการที่ต้องการประเมิน คือ
สภาพท่ีพึงประสงค์ที่นามากาหนดเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ซึ่งครอบคลุม
พัฒนาการท้ัง ๔ ด้านในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ และเช่ือมโยงไปยังจุดประสงค์ของแผนการจัด
ประสบการณ์ในแตล่ ะวนั ดังนน้ั ประเด็นการประเมินจึงประกอบไปด้วยจุดประสงค์ของแผนการจัด
ประสบการณท์ ่ีสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ขู องหนว่ ยการเรียนรู้นั้นๆ

เมื่อกาหนดประเด็นการประเมินได้แล้วให้พิจารณาว่า ในแต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้ของ
หน่วยการเรียนรู้สามารถเก็บข้อมูลการประเมินได้จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และจาก
กิจวัตรประจาวันโดยการตรวจสอบข้อมูลท่ีเกิดจากจัดกิจกรรมในแต่ละแผนการจดั ประสบการณ์และ
การปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน เน่ืองจากกิจวัตรประจาวันของเด็กเป็นส่ิงที่ปฏิบัติเป็นประจาซ้าๆ จน
เกิดเปน็ ทกั ษะและมกี ารพฒั นาจนเป็นลกั ษณะนิสัย

๒. การกาหนดวธิ ีการและเครื่องมือท่ีใชใ้ นการประเมินพัฒนาการ
เม่ือผู้สอนกาหนดประเด็กการประเมินพัฒนาได้ชัดเจนแล้ว ข้ันตอนต่อไป คือ การกาหนด
วธิ ีการและเคร่ืองมอื ที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการ ครูผสู้ อนต้องวางแผนและกาหนดวธิ กี ารประเมิน
ให้เหมาะสมกับกิจกรรม เช่น ใช้การสังเกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน/ช้ินงาน การพูดคุยหรือ
สัมภาษณ์เด็ก ฯลฯ วิธีการท่ีครูผู้สอนเลือกใช้ต้องมากกว่า ๒ วิธีการ หรือใช้วิธีการหลากหลาย ซ่ึง
วธิ กี ารท่ีเหมาะสมและนิยมใชใ้ นการประเมนิ เดก็ ปฐมวัย มีดังตอ่ ไปน้ี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๘๖

๒.๑ การสังเกตและการบันทึก แบ่งออกเป็น ๒ แบบ ได้แก่ ๑) การสังเกตแบบเป็น
ทางการ คือ การสงั เกตอย่างมีจุดมุ่งหมายท่ีแนน่ อนตามแผนท่ีวางไว้ และ ๒) การสงั เกตแบบไม่เป็น
ทางการ คือ การสังเกตในขณะที่เดก็ ทากิจกรรมประจาวันและเกิดพฤติกรรมที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
ครูผู้สอนต้องจดบันทึกสิ่งท่ีรวบรวมได้จากการสังเกตอย่างเหมาะสม ทั้งน้ีการบันทึกพฤติกรรม
ความสาคญั อย่างยิ่งที่ต้องทาอยา่ งชัดเจนและสม่าเสมอ เน่ืองจากเดก็ เจรญิ เติบโตและมีเปล่ยี นแปลง
อยา่ งรวดเร็ว การสังเกตและบันทึกพฒั นาการเดก็ ปฐมวัยสามารถใช้แบบงา่ ยๆ ดังนี้

๑) แบบบันทึกพฤติกรรมแบบเปน็ ทางการ โดยกาหนดประเด็นหรอื พัฒนาการที่ต้องการ
สังเกต (สอดคล้องกับสภาพที่พึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้) ระบุชื่อ
นามสกุลเด็ก วัน เดือน ปี เกิด ไว้ล่วงหน้า รวมท้ังช่ือผู้ทาการสังเกต ดาเนินการสั งเกต โดย
บรรยายพฤติกรรมเด็กที่สังเกตไว้ตามประเด็น ผู้สังเกตต้องบันทึกวัน เดือน ปีท่ีทาการสังเกตแต่
ละครั้ง ข้อมูลการสังเกตท่ีครูผู้สอนบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมน้ีจะช่วยให้ครูผู้สอนเข้าใจ
พฤติกรรมเด็กได้ดีขึ้น และทราบวา่ เด็กแตล่ ะคนมจี ุดเด่น มีความต้องการ มคี วามสนใจ หรือตอ้ งการ
ความช่วยเหลอื ในเร่อื งใดบา้ ง

๒) แบบบนั ทึกพฤติกรรมแบบไมเ่ ป็นทางการ เป็นการบันทกึ พฤติกรรม เหตุการณ์ หรือ
จากการจัดประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนทุกวัน โดยระบุชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิดเด็ก ผู้
สังเกต วัน เดือน ปีท่ีบนั ทกึ อาจบนั ทกึ โดยใชก้ ารบรรยาย ใคร ทาอะไร ท่ีไหน ทาอย่างไร ซึ่งจะเน้น
เฉพาะเด็กรายกรณีท่ีต้องการศึกษา ควรมีรายละเอียดและขอ้ มูลท่ีชดั เจน ครูผู้สอนควรบรรยายส่ิงท่ี
เด็กทาได้มากกว่าส่ิงท่ีเด็กทาไม่ได้ และวิเคราะห์ประเด็นการประเมินตามสภาพท่ีพึงประสงค์อย่าง
เป็นระบบ ข้อมูลในการบันทึกต้องเป็นตามความเป็นจริง ซ่ึงข้อดีของการบันทึกรายวัน คือ การ
ชีใ้ ห้เห็นความสามารถเฉพาะอย่างของเดก็ จะช่วยครผู ู้สอนไดพ้ ิจารณาปัญหาของเด็กเป็นรายบุคคล
รวมทั้งช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญมีข้อมูลสาหรับวินิจฉัยเด็กได้ชัดเจนขึ้นว่าสมควรจะได้รับคาปรกึ ษาเพ่ือลด
ปัญหา หรือส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างถูกต้องและเป็นข้อมูลในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไข
หรือพัฒนาการจดั กจิ กรรมและประสบการณข์ องครูใหด้ ีย่งิ ขึน้

๓) แบบสารวจรายการ โดยกาหนดประเด็กหรือพัฒนาการท่ีต้องการสารวจ (สอดคล้อง
กับสภาพที่พึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้) ระบุช่ือ นามสกุลเด็ก วัน
เดือน ปี เกิด ล่วงหน้า มีการกาหนดรายการพฤติกรรมท่ีต้องการสารวจละเอียดข้ึน และกาหนด
เกณฑ์ในการสารวจพฤติกรรม เช่น ปฏิบัติ-ไม่ปฏิบัติ ทาได้-ทาไม่ได้ เป็นต้น ช่วยให้ครูสามารถ
บนั ทกึ ได้สะดวกข้นึ ควรมกี ารสารวจพฤตกิ รรมในเร่อื งเดียวกันอย่างนอ้ ย ๓ คร้ัง เพอ่ื ยนื ยนั วา่ เด็กทา
ไดจ้ ริง

ข้อพึงระวงั ในการสังเกตพฤตกิ รรมของเด็ก

ระหว่างการสังเกต ไม่ควรแปลความพฤติกรรมของเด็ก ให้สังเกตการแสดงออกของเด็กท่ีเด็กใช้
ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คอื ตา หู จมูก ลิ้น และร่างกายหรือสัมผัส การแปลความจะดาเนินการหลังเสร็จสิ้น
การสังเกตในส่วนของการบนั ทกึ ครูอาจบันทกึ ย่อหรอื ทาสัญลกั ษณ์ไวแ้ ละบันทึกเปน็ หลกั ฐานทนั ทเี มือ่ มเี วลา

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๘๗

๒.๒ การบันทึกการสนทนา เป็นการบันทึกการสนทนาท้ังแบบเป็นกลุ่มหรือราย บุคคล เพ่ือ

ป ร ะ เมิ น ค ว าม ส าม าร ถ ใน ก าร แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เห็ น แ ล ะ พั ฒ น าก าร ด้ าน ก าร ใช้ ภ า ษ าข อ ง เด็ ก

ความสามารถในการคิดรวบยอด การแก้ปัญหา รวมถึงพัฒนาการด้านสังคม อารมณ์ จิตใจ และ

บันทกึ ผลการสนทนาลงในแบบบนั ทึกพฤตกิ รรมหรือบันทกึ รายวัน โดยระบุ ชอื่ นามสกลุ อายุเด็ก

ภาคเรียนที่ และกจิ กรรมท่ีใช้สนทนา ช่องท่ใี ช้ในการบันทึกในแบบสนทนาให้ระบุ วนั เดือน ปี /

คาพูดของเด็ก/ความคดิ เห็นของครูผูส้ อนที่สะท้อนพฤติกรรมที่แสดงออกของเด็กสอดคล้องกบั สภาพ

ที่พึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการเรียน ซ่ึงข้อมูลเหล่านนี้จะเป็นส่วนหนึ่งใน

การพจิ ารณาการผ่านสภาพทพี่ งึ ประสงคท์ ่ีเกีย่ วขอ้ งในแต่ละเรือ่ ง

๒.๓ การสัมภาษณ์ เป็นวิธีการพูดคุยกับเด็กเป็นรายบุคคลและควรจดั ในสภาวะแวดลอ้ มที่

เหมาะสมเพ่ือไม่ให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล ครูผู้สอนควรใช้คาถามที่เหมาะสมเปิดโอกาสให้

เด็กได้คิดและตอบอย่างอิสระจะทาให้ครูผูส้ อนสามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็ก

และค้นพบศกั ยภาพในตัวเดก็ ไดโ้ ดยบันทกึ ขอ้ มูลลงในแบบสมั ภาษณ์ ครูผู้สอนควรปฏิบตั ิ ดังนี้

การเตรียมการก่อนการสัมภาษณ์ โดยกาหนดวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ กาหนด

คาพดู /คาถามที่จะพดู กับเดก็ ควรเป็นคาถามท่ีเดก็ สามารถตอบโตห้ ลากหลายไม่มผี ดิ /ถูก

การปฏิบัติขณะสมั ภาษณ์ ครูผู้สอนควรสร้างความค้นุ เคยเป็นกันเอง สร้างสภาพแวดล้อม

ทอ่ี บอุ่นไม่เครง่ เครียด ใชค้ าถามท่ีกาหนดไว้ถามเด็กท่ีละคาถาม ให้เด็กมโี อกาสคดิ และมีเวลาในการ

ตอบคาถามอย่างอิสระ ใช้ระยะเวลาสัมภาษณ์ไมค่ วรเกิน ๑๐ นาที

หลังการสัมภาษณ์ บันทึกในแบบสัมภาษณ์ ให้บันทึกคาพูดของเด็กตามความเป็นจริง

หลังเสร็จการสัมภาษณ์ครูผู้สอนค่อยพิจารณาข้อมูลจากคาพูดเด็กและ ลงความคิดเห็นที่สะท้อน

พฤตกิ รรมท่แี สดงออกของเด็ก สอดคลอ้ งกบั สภาพที่พึงประสงค์หรือจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ของหน่วย

การเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นส่วนหน่ึงในการพิจารณาการผ่านสภาพท่ีพึงประสงค์ท่ี

เกีย่ วขอ้ งในแต่ละเรื่อง

๒.๔ สารนิทศั น์สาหรบั เดก็ ปฐมวยั เพ่ือการประเมินพฒั นาการ

การจัดทาสารนิทัศน์ (Documentation) เป็นการจัดทาข้อมูลท่ีเป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็น

ร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทากิจกรรมทั้ง

รายบุคคลและรายกลุ่ม ซ่ึงหลักฐานและข้อมูลท่ีบันทึกเป็นระยะ ๆ จะเป็นข้อมูลอธิบายภาพเด็ก

สามารถบ่งบอกถึงพัฒนาการท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา สาร

นทิ ัศนจ์ งึ เป็นการประมวลผลท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงกระบวนการจัดประสบการณ์ของครูและร่องรอยผลงาน

ของเด็ก จากการทากิจกรรมที่สะท้อนถึงพัฒนาการในด้านต่าง ๆ การจัดทาสารนิทัศน์จึงเป็นส่วน

หนง่ึ ของกระบวนการวัดและประเมนิ พัฒนากรเดก็ ปฐมวยั ซึ่งมหี ลายรปู แบบ ไดแ้ ก่

๑) พอร์ตโฟลิโอสาหรับเด็กเป็นรายบุคคล เช่น การเก็บชิ้นงานหรือภาพถ่ายเด็กขณะทา

กิจกรรมมีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในการบันทึกเสียง บันทึกภาพที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าใน

งานท่เี ด็กทา เป็นต้น

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๘๘

๒) การบรรยายเก่ียวกับเรอื่ งราวหรอื ประสบการณ์ที่เดก็ ไดร้ ับ เชน่ การสอนแบบโครงการ
(Project Approach) สามารถให้สารนิทัศน์เก่ียวกับพัฒนาการเด็กทุกด้าน ท้ังประสบการณ์การ
เรียนรู้ของเด็กและการสะท้อนตนเองของครู เด็กกับเด็ก การบันทึกของครู การบรรยายของ
พ่อแม่ผปู้ กครองในรูปแบบหนังสอื หรือจดหมาย แม้กระทั่งการจัดแสดงบรรยายสรุปให้เหน็ ภาพการ
เรียนรทู้ ั้งหมด

๓) การสงั เกตและบันทกึ พัฒนาการเด็ก เชน่ ใชแ้ บบสงั เกตพฒั นาการ การบันทึกสัน้
๔) การสะท้อนตนเองของเด็ก เป็นคาพูดหรือข้อความท่ีสะท้อนความรู้ ความเข้าใจ
ความรู้สึกจาการสนทนา การอภิปรายแสดงความคิดเห็นของเด็กขณะทากจิ กรรม ซึ่งอาจบันทึกดว้ ย
เทคโนโลยบี นั ทึกเสยี ง หรอื บันทึกภาพ
๕) ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม ที่แสดงให้เหน็ ถึงการเรียนรู้ ความสามารถ ทกั ษะ จิต
นินัยของเด็ก ครสู ามารถนาผลงานของเด็กมาใช้พิจารณาพฒั นาการและกระบวนการทางานของเด็ก
ครูส่วนใหญ่มักจะเกบ็ ผลงานการเขยี นและผลงานศลิ ปะ อย่างไรกต็ ามครคู วรเก็บผลงานหลากหลาย
ประเภทของเด็ก เช่น ภาพเขียน การร่วมระดมความคิดเห็นและเขียนออกมาในลักษณะใยแมงมุม
การแสดงออกทางดนตรี การก่อสรา้ งในรูปแบบตา่ งๆ ตัวอย่างคาพูด เป็นต้น ซ่ึงจะเป็นประโยชน์
ในการเก็บขอ้ มลู หลักฐานเพ่ือประเมนิ การเรียนรู้และประเมนิ พัฒนาการของเดก็ วยั ขา้ งต้น

 การจัดทาสารนิทัศน์ท่ีหลากหลายจะช่วยครูในแง่ของการตรวจสอบคุณภาพของการศึกษาท่ีดี
เนอ่ื งจากการศึกษาในปจั จุบันเน้นการประเมินเพ่ือตรวจสอบความเขม้ แข็งของการศึกษา ซ่ึงสง่ ผลให้สถานศกึ ษา
หรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและหน่วยงานที่จัดการศึกษาปฐมวัย ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัด
การศึกษาอยา่ งสมา่ เสมอ ทาใหบ้ างหนว่ ยงานนาแบบทดสอบมาตรฐานซ่ึงไม่เหมาะสมมาประเมินเด็กปฐมวัย

 ผู้สอนที่จัดทาสารนิทัศน์อย่างสม่าเสมอ จะจัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้สอดคล้องปัญหาและ
พัฒนาการเด็ก ซึ่งนาไปสู่การพัฒนาสมองอย่างชัดเจน สารนิทัศน์สามารถช่วยครูให้จัดประสบการณ์ได้ตรง
ประเด็น เน่ืองจากงานวิจัยเก่ียวกับสมอง พบว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้ได้ดี หากเข้าไปมีส่วนร่วมและลงมือ
ปฏิบัติ กระบวนการเรยี นร้ทู ี่สัมพันธ์กบั ความรู้สึกและอาวรณ์มีความสาคัญอย่างย่ิงต่อการเรียนรู้ของเด็ก เช่น
เด็กรสู้ ึกต่อการอ่านอย่างไร? เด็กต้องการเรียนอ่านหรือไม่? ความรู้สึกน้ีจะมผี ลกระทบต่อการอ่านของเด็กใน
ระยะวาว ดังน้ันการทดสอบด้วยข้อสอบมาตรฐานไม่ช่วยเด็กเลยในดา้ นจติ ใจและความสามารถ ซึ่งต่างจากการ
ใช้สารนิทัศนใ์ นการประเมนิ จากผลการวจิ ับ พบว่า สมองจะทางานต่อเน่ือง ไมแ่ ยกส่วนเปน็ วิชาหรือเปน็ เรอื่ ง
ดงั นั้น การใช้แบบทดสอบประเมินเป็นการแยกส่วนของสมอง ซึ่งจะไม่บอกถึงความสามารถในการบูรณาการ
ความรู้ของเด็กทีแ่ ท้จริง แตก่ ารรวบรวมผลงานของเดก็ จะบอกใหค้ รูรวู้ า่ เด็กคิดและบรู ณาการความคิดของตน
อย่างไร

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๘๙

การจัดทาสารนิทศั นส์ าหรับเด็กปฐมวยั เพอื่ การประเมนิ
๑) กาหนดประเด็นการประเมิน เป็นการกาหนดพัฒนาการที่ต้องการประเมิน ได้แก่ สภาพที่พึง

ประสงค์ในแต่ละพัฒนาการ ซ่ึงครอบคลุมพฒั นาการทัง้ ๔ ดา้ น
๒) เตรียมสอ่ื วสั ดุอปุ กรณ์ทจ่ี าเป็นต้องใชใ้ ห้เหมาะกบั ขอ้ มูลท่ตี อ้ งการเกบ็ วางแผนการเลอื กและ การ

จัดการกับวสั ดุ สื่อที่เหมาะสมกบั ข้อมูลที่จะเก็บต้ังแต่ต้นปีการศึกษา ได้แก่ ข้อมูลที่ต้องได้จากการสังเกต เช่น
กระดาษ การ์ดขนาดเลก็ ดินสอ ปากกา กลอ้ งบันทกึ ภาพหรอื โทรศัพท์มือถือ เคร่ืองบันทกึ เสยี ง เป็นต้น

๓) ศึกษามาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และสภาพท่ีพึงประสงค์ ซึ่งเป็นเป้าหมาย
การพัฒนาเด็ก ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนทราบวา่ ควรเก็บข้อมูลประเภทใด ลักษณะใด จึงจะทาให้เห็นพฒั นาการและ
การเรยี นร้ขู องเดก็ อยา่ งชดั เจนและเปน็ รปู ธรรม

๔) วางแผนการจัดทา เลือกวิธีการเก็บข้อมูล เช่น บันทึกสั้น ภาพถ่าย แบบ สังเกต บันทึกเสียง
การเขียนไดอะแกรมในรูปแบบของใยแมงมุม การทาบนั ทึกแสดงความคิดเหน็ หรือความรู้สกึ ของเด็ก ผ้สู อนหรือ
ผู้ปกครอง เป็นตน้

๕) กาหนดวิธีการเก็บข้อมูล เช่น การบันทึกพฤติกรรมเด็ก โดยใช้วิธีสังเกตและใช้การบันทึกส้ัน
ซง่ึ ผู้สอนจะสังเกตทกุ วนั

๔) จัดแสดงข้อมูลหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยพิจารณาว่าข้อมูลใดควรนามา
แลกเปล่ียน และนามาจดั แสดงให้เห็นพฒั นาการการเรียนร้ขู องเด็ก รวมทั้งให้เด็กมีส่วนรว่ มในการเลือกผลงาน
ของตนหรอื ของกลุ่มและร่วมจดั เตรียมแสดงขอ้ มลู ดังกล่าว

๒.๕ การประเมินการเจริญเติบโตของเด็ก เป็นการประเมินการเจริญเติบโต ด้านร่างกาย
ของเด็ก ซ่ึงการพิจารณาการเจริญเติบโตในเด็กที่ใช้ท่ัว ๆ ไปอย่างต่อเน่ือง ได้แก่ น้าหนัก ส่วนสูง
เส้นรอบศรี ษะ ฟัน และการเจริญเตบิ โตของกระดูก สาหรับแนวทางประเมนิ การเจริญเติบโต มดี ังน้ี

๒.๕.๑ การประเมินการเจริญเติบโต โดยการชั่งน้าหนักและวัดส่วนสูงเด็กแล้วนาไป
เปรยี บเทียบกับเกณฑ์ปกตใิ นการแสดงนา้ หนักตามเกณฑ์อายุของกระทรวงศึกษาธกิ าร ซึง่ ใช้สาหรับ
ติดตามการเจรญิ เตบิ โตโดยรวม

ขอ้ ควรคำนงึ ในกำรประเมนิ กำรเจรญิ เตบิ โตของเดก็

๑) เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในดา้ นการเจรญิ เติบโต บางคนรูปร่างอ้วนบางคนผอม บางคน
รา่ งใหญ่ บางคนร่างเลก็

๒) ภาวะโภชนาการเป็นตัวสาคัญทเี่ กี่ยวข้องกบั ขนาดของรปู รา่ ง แต่ไมใ่ ช่สาเหตเุ ดียว
๓) กรรมพันธ์ุ เด็กอาจมีรูปร่างเหมือนพ่อหรือแม่คนใดคนหน่ึง ถ้าพ่อหรือแม่เตี้ย ลกู อาจเตี้ยและ
กรณีน้ีอาจมีน้าหนักตา่ กว่าเกณฑ์เฉลี่ยไดแ้ ละมักจะเปน็ เดก็ ท่ีทานอาหารไดน้ ้อย
๔) ช่วงครง่ึ หลังของขวบปีแรก น้าหนักเด็กจะข้นึ ช้า เน่อื งจากห่วงเลน่ มากขน้ึ และความอยากอาหาร
ลดลง

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๙๐

๒.๕.๒ การตรวจสุขภาพอนามัย เป็นการตรวจสอบท่ีแสดงคุณภาพชีวิตของเด็ก โดย
พิจารณาความสะอาด สิ่งผิดปกติของร่างกายท่ีจะส่งผลต่อการดาเนินชีวติ และการเจริญเติบโตของ
เด็ก

๓. การกาหนดเกณฑ์การประเมินและระดับคณุ ภาพ

การกาหนดเกณฑ์การประเมินและการให้ระดับคุณภาพ ผลการประเมินพัฒนาการของเด็กท้ัง ๔
ด้าน ในแต่ละสภาพที่พึงประสงค์ เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การผ่านตัวบ่งชี้และมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง

ประสงค์ ดังน้ัน ในระดับช้ันเรียนและระดับสถานศึกษาควรกาหนดในลักษณะเดียวกัน สถานศึกษา
สามารถกาหนดเกณฑ์การประเมินและการให้ระดับคุณภาพผลการประเมินพัฒนาการของเด็กท่ี

สะทอ้ นมาตรฐานคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ ตวั บ่งช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์หรอื พฤติกรรมที่จะประเมิน

เป็นระบบตัวเลข เช่น ๓, ๒, ๑ หรือ เปน็ ระบบที่ใช้คาสาคัญ เช่น ด,ี พอใช้, ควรสง่ เสริม ตามท่ี
สถานศึกษากาหนด

การกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ และการให้ระดับคุณภาพ

ระบบตวั เลข ระบบท่ีใช้คาสาคญั ความหมาย

๓ ดี ปรากฏพฤตกิ รรมตามชว่ งอายุ เป็นไปตามสภาพที่พงึ ประสงค์

๒ พอใช้ ปรากฏพฤติกรรมตามช่วงอายุ เป็นไปตามสภาพท่ีพึงประสงค์

โดยมีการกระตนุ้

๑ ควรส่งเสริม ไม่ปรากฏพฤตกิ รรมตามช่วงอายทุ ่เี ป็นไปตามสภาพท่ีพึงประสงค์

ท้ังน้ี เพื่อนาไปสู่การกาหนดเกณฑ์การประเมินตามสภาพท่ีพึงประสงค์ที่กาหนดไว้ตาม
หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖0 (ฉบับสถานศึกษา พุทธศักราช 2563) สถานศึกษา
อาจกาหนดคาอธิบายคณุ ภาพตามระดับคุณภาพของสภาพทพ่ี ึงประสงค์ของพัฒนาการแต่ละด้านเป็น
๓ ระดับ ดังนี้
ด้านรา่ งกาย : กระโดดขาเดียวไปขา้ งหนา้ ได้อย่างต่อเนือ่ งโดยไม่เสยี การทรงตัว

ระดบั คณุ ภาพ คาอธบิ ายคุณภาพ

๓ หรอื ดี กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเน่ืองโดยไม่เสียการทรงตัวได้อย่าง

คล่องแคลว่

๒ หรือ พอใช้ กระโดดขาเดยี วไปขา่ งหน้าอยา่ งต่อเนือ่ งโดยไม่เสยี การทรงตัวเปน็ บางคร้ัง

๑ หรอื ควรสง่ เสริม กระโดดขาเดยี วไปขา้ หน้าอย่างตอ่ เน่ืองไมไ่ ด้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๙๑

ดา้ นอารมณ์ จิตใจ : สนใจ มคี วามสุข และแสดงออกผา่ นงานศิลปะ

ระดับคุณภาพ คาอธบิ ายคุณภาพ

๓ หรอื ดี แสดงสีหน้า ท่าทางสนใจ และมีความสุขขณะทางานทุกช่วงกิจกรรม

ศิลปะ

๒ หรอื พอใช้ แสดงสีหน้า ท่าทางสนใจ และมีความสุขขณะทางานบางช่วงกิจกรรม

ศลิ ปะ

๑ หรอื ควรส่งเสริม ไม่แสดงสีหนา้ ท่าทางสนใจ ขณะทางานช่วงกจิ กรรมศิลปะ

ดา้ นสังคม : ใช้สง่ิ ของเคร่อื งใชอ้ ยา่ งประหยัดและเพียงพอด้วยตนเอง

ระดบั คณุ ภาพ คาอธบิ ายคุณภาพ

๓ หรือ ดี ใชส้ งิ่ ของเคร่อื งใช้อย่างประหยัดและเพียงพอตามความจาเป็นทกุ คร้ัง

๒ หรือ พอใช้ ใช้ส่ิงของเครื่องใช้อย่างประหยัดและเพียงพอตามความจาเป็น เป็น

บางครัง้

๑ หรือ ควรสง่ เสริม ใชส้ งิ่ ของเครือ่ งใชเ้ กินความจาเปน็

ด้านสติปัญญา : เขียนชอ่ื ของตนเองตามแบบ เขียนขอ้ ความดว้ ยวิธีที่คดิ ขน้ึ เอง

ระดับคุณภาพ คาอธบิ ายคณุ ภาพ

๓ หรอื ดี เขียนช่ือตนเองตามแบบได้ ตัวอักษรไม่กลับหัว ไม่กลับด้าน ไม่สลับที่

และเขียนข้อความดว้ ยวธิ ีทคี่ ิดขึน้ เองได้

๒ หรือ พอใช้ เขียนชื่อตนเองตามแบบได้ มีอักษรตามตวั กลับหัว กลับดา้ นหรอื สลับที่มี

ความพยายามทจ่ี ะเขยี นขอ้ ความท่ีคิดขึน้ เอง

๑ หรือ ควรส่งเสรมิ เขยี นช่อื ตนเองไม่ได้ หรอื เขยี นเปน็ สญั ลกั ษณท์ ่ีไม่เป็นตวั อักษร

๔. การดาเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
เม่ือผู้สอนวางแผนการประเมินพัฒ นาการแล้วควรทาการสังเกตพฤติกรรมข อง เด็กเป็น

รายบุคคลหรือรายกลุ่ม ด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เช่น การพูดคุย หรือสัมภาษณ์เด็ก หรือ
การประเมินผลงาน/ช้ินงานของเด็กอย่างเป็นระบบ เพื่อรวบรวมข้อมูลพัฒนาการของเด็ กให้
ครอบคลมุ เดก็ ทกุ คนแลว้ สรุปลงในแบบบนั ทกึ ผลการประเมินสภาพท่ีพงึ ประสงค์

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพที่พึงประสงค์ ผู้สอนควร
เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นรายบุคคล โดยสภาพที่พึงประสงค์ ๑ ตัว ควรได้รับการประเมินพัฒนาการ
อย่างน้อย ๒ ครั้งต่อ ๑ ภาคเรียน ระยะแรกควรเป็นประเมินเพ่ือความก้าวหน้าไม่ควรเป็น
การประเมินเพื่อตัดสินพัฒนาการของเด็ก ดังน้ัน การเก็บรวบรวมข้อมูลการประเมินพัฒนาการตาม
สภาพที่พึงประสงค์ จึงเป็นการสะสมเพ่ือยืนยันว่าเด็กเกิดพัฒนาการตามสภาพที่พึงประสงค์น้ัน ๆ
ชัดเจนและมีความน่าเชอ่ื ถือ

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๙๒

๕. การสรปุ ผลการประเมินพฒั นาการเดก็
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กาหนดเวลาเรียนสาหรับเด็กปฐมวัยต่อปี
การศึกษา ไมน่ ้อยกวา่ ๑๘๐ วัน สถานศึกษาจงึ ควรบริหารจัดการเวลาเรียนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ
การพัฒนาเด็กอย่างรอบดา้ นและสมดุล ผูส้ อนตอ้ งเก็บรวบรวมข้อมูลพฤตกิ รรมที่แสดงถึงพัฒนาการ
ของเด็กอย่างต่อเน่ือง มีการประเมินซ้าของพฤติกรรมนั้นๆ เพื่อยืนยันความเชื่อมั่นของผลการ
ประเมิน สรุปผลการประเมินพัฒนาการเดก็ ตามสภาพทีพ่ ึงประสงคใ์ ห้ครบทุกสภาพทีพ่ งึ ประสงค์ ซ่ึง
จะเชื่อมโยงไปสู่การสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กรายตัวบ่งชี้ รายมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง
ประสงคแ์ ละในภาพรวมพัฒนาการรายด้านของเด็กแต่ละคนตามลาดับ
สถานศึกษาควรสรุปผลการประเมนิ พัฒนาการเดก็ รายตัวบ่งช้ี รายมาตรฐานคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์
และในภาพรวมของพัฒนาการรายด้าน ภาคเรียนละ ๑ ครง้ั สาหรับแนวทางการสรุปผลการประเมิน
พัฒนาการเด็กตามสภาพที่พึงประสงค์ในแต่ละตัวบ่งช้ีควรใช้ฐานนิยม (Mode) ไม่ควรนาค่าระดับ
คุณภาพของสภาพที่พึงประสงค์มาหาค่าเฉล่ีย ในกรณีมีฐานนิยมมากกว่า ๑ ฐานนิยม คือ มีระดับ
คณุ ภาพซ้ามากกวา่ ๑ ระดบั คุณภาพ การสรุปผลการประเมนิ พัฒนาการเด็กในแตล่ ะตัวบง่ ชี้ให้อยู่ใน
ดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษา โดยคานงึ ถงึ ปรัชญาการศึกษา และหลักการของหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ รวมท้ังการนาข้อมลู ผลการประเมินไปใชเ้ พือ่ พัฒนาเดก็ ต่อไป
๖. การรายงานผลการประเมินพัฒนาการและการนาขอ้ มูลไปใช้
การรายงานผลการประเมินพัฒนาการเป็นการสื่อสารให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและผเู้ กยี่ วข้องได้
ทราบความก้าวหน้าในการเรียนรูข้ องเด็ก ซ่ึงสถานศกึ ษาต้องสรุปผลการประเมนิ พัฒนาการและจัดทา
เอกสารรายงานให้ผปู้ กครองทราบเปน็ ระยะๆ หรืออยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ คร้ัง การรายงานผลการ
ประเมินพัฒนาการสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพตามพฤตกิ รรมที่แสดงออกถึงพัฒนาการแต่ละ
ด้านท่สี ะท้อนมาตรฐานคุณลักษณะท่พี งึ ประสงคท์ งั้ ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สูตรศกึ ษาปฐมวัย
๖.๑ จุดม่งุ หมายการรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ

๑) เพื่อให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข
ส่งเสริม และพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ในหลักสูตรการศึกษา
ปฐมวัย

๒) เพ่ือให้ผู้สอนใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้มี
ประสิทธภิ าพยง่ิ ข้นึ

๓) เพอื่ เป็นขอ้ มูลสาหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศกึ ษาและหน่วยงานต้นสงั กัดใช้
ประกอบในการกาหนดนโยบายวางแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา

๖.๒ ขอ้ มลู ในการรายงานผลการประเมินพัฒนาการ
๖.๒.๑ ข้อมูลระดับช้ันเรียน ประกอบด้วย เวลามาเรียน บันทึกผลการประเมิน

พัฒนาการตามหน่วยการเรียนรู้ บันทึกผลการประเมินพัฒนาการประจาชั้น และบันทึกผลการ
พฒั นาการรายบคุ คล และจัดทาสารนทัศน์ทสี่ ะท้อนการเรยี นรขู้ องเดก็ เป็นข้อมลู สาหรับรายงานให้
ผู้มีส่วนเกยี่ วข้อง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครผู ู้สอน พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ได้รับทราบความก้าวหน้า

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๙๓

ความสาเรจ็ ในการเรียนรู้ของเดก็ เพอ่ื นาไปใชใ้ นการวางแผนกาหนดเป้าหมายและวิธกี ารในการพัฒนา
เด็ก

๖.๒.๒ ข้อมูลระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย ผลการประเมินมาตรฐาน
คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคท์ ั้ง ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย เพื่อใชเ้ ป็นข้อมูลและสารสนเทศ
ในการพัฒนาการจัดประสบการณ์และคุณภาพของเด็ก ให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวขอ้ งได้รับทราบขอ้ มูล โดยผู้มีหน้าทีร่ ับผิดชอบแต่ละฝา่ ย
นาไปใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาเด็กให้เกิดพัฒนาการอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมทั้งนาไปจัดนา
เอกสารหลกั ฐานแสดงพัฒนาการของผเู้ รียน

๖.๒.๓ ข้อมูลระดับเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ได้แก่ ผลการประเมนิ มาตรฐานคุณลักษณะ
ที่พึงประสงค์ ท้ัง ๑๒ ข้อ ตามหลักสูตรเป็นรายสถานศึกษา เพื่อเป็นข้อมูลสาหรับศึกษานิเทศก์
ผู้บริหารการศึกษา ผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนและดาเนินการพัฒนาคุณภาพการศึก ษาปฐมวัยของ
สถานศึกษาในเขตพื้นทกี่ ารศึกษา ในการยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย
ของสถานศึกษา

๖.๓ ลักษณะขอ้ มลู สาหรบั การรายงานผลการประเมินพัฒนาการ
การรายงานผลการประเมินพัฒนาการ สถานศึกษาสามารถเลือกลักษณะข้อมูลสาหรับการ
รายงานได้หลายรูปแบบให้เหมาะสมกับวิธกี ารรายงานและสอดคล้องกบั การให้ระดบั ผลการประเมิน
พัฒนาการ โดยคานึงถึงประสิทธิภาพของการรายงานและการนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ของผู้รับ
รายงานแต่ละฝ่ายลักษณะข้อมลู มรี ปู แบบ ดงั นี้

๖.๓.๑ รายงานเป็นตัวเลขหรือคาที่เป็นตัวแทนระดับคุณภาพการพัฒนาการของ
เด็กท่ีเกิดจากการประมวลผล สรปุ ตัดสนิ ข้อมลู ผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ ได้แก่

- ระดับผลการประเมนิ พฒั นาการมี ๓ ระดับ คือ ๓, ๒ , ๑
- ผลการประเมนิ คณุ ภาพ “ด”ี “พอใช้” และ “ควรส่งเสรมิ ”
๖.๓.๒ รายงานโดยใช้สถิติ เป็นการรายงานจากข้อมูลท่ีเป็นตัวเลข หรือข้อความ
ให้เป็นภาพแผนภูมิหรือเส้นพัฒนาการ ซึ่งจะแสดงให้เห็นพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็กว่าดีขึ้น
หรือควรไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งไร เมอื่ เวลาเปลย่ี นแปลงไป
๖.๓.๓ รายงานเป็นข้อความ เป็นการบรรยายพฤติกรรมหรือคุณภาพท่ีครูผู้สอน
สังเกตพบ เพื่อรายงานให้ทราบว่า พ่อ แม่ ผู้ปกครองและผู้เก่ียวข้องทราบว่าเด็กมีความสามารถ
มพี ฤตกิ รรมตามคณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ของหลกั สูตรอยา่ งไร
๖.๔ เปา้ หมายของการรายงาน
การดาเนนิ การจัดการศึกษาปฐมวัย ประกอบดว้ ย บุคลากรหลายฝ่ายมาร่วมมือประสานงาน
กันพัฒนาเด็กทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้มีพัฒนาการทักษะ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม
ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรได้รับ การรายงานผล การประเมิน
พัฒนาการของเด็กเพื่อใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการดาเนินงาน ดงั ตารางตอ่ ไปนี้

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๙๔

กลมุ่ เป้าหมาย การใช้ขอ้ มลู
ผสู้ อน
- วางแผนและดาเนินการปรบั ปรุงแก้ไขและพัฒนาเด็ก
ผบู้ ริหารสถานศึกษา - ปรบั ปรุงแก้ไขและพฒั นาการจดั ประสบการณ์

พอ่ แม่ และผ้ปู กครอง - ส่งเสริมและพฒั นากระบวนการจดั การจดั ประสบการณ์เรยี นรู้
ระดับปฐมวยั ของสถานศกึ ษา

- รับทราบผลการประเมนิ พัฒนาการของเดก็
- ปรบั ปรุงแก้ไขและพัฒนาการเรยี นรขู้ องเดก็ รวมท้งั การดูแล
สุขภาพอนามยั รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คมและพฤติกรรมตา่ ง
ๆ ของเด็ก

กลุม่ เปา้ หมาย การใช้ข้อมูล
พ่อ แม่ และผู้ปกครอง
- รับทราบผลการประเมินพัฒนาการของเด็ก
คณะกรรมการสถานศึกษา - ปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาการเรยี นรู้ของเด็ก รวมทง้ั การดูแล
ข้นั พ้นื ฐาน สขุ ภาพอนามัย รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและพฤตกิ รรมต่าง
ๆ ของเด็ก

- พัฒนาแนวทางการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของสถานศึกษา

๖.๕ วิธกี ารรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ
การรายงานผลการประเมินพัฒนาการให้ผู้เก่ียวข้องรับทราบ โดยบันทึกข้อมูลใน แบบ

รายงานตา่ ง ๆ สามารถใช้อ้างอิง ตรวจสอบ และรับรองผลพัฒนาการของเดก็ เช่น แบบบนั ทึกผลการ
ประเมินพัฒนาการประจาชั้น สมุดรายงานประจาตัวเด็ก แฟ้มสะสมงานข องเด็กรายบุคคล
นอกจากน้ี การรายงานคุณภาพการศึกษาปฐมวัยให้ผเู้ ก่ยี วข้องทราบในระดับหน่วยงานอาจใชร้ ายงาน
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัยประจาปี จุลสารหรือวารสารของโรงเรียน หรืออาจมี การให้
ข้อมลู กับผปู้ กครองในลักษณะการให้คาปรกึ ษาหรอื ทางการสง่ จดหมายสว่ นตวั ฯลฯ

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๙๕

การวิเคราะห์มาตรฐาน ตัวบ่งขี้ สภาพที่พึงประสงค์ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 - ๖ ปี

และการกาหนดการประเมินจากการตรวจสอบข้อมูลที่เกิดจากการปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน
และการจัดประสบการณ์การเรียนรู้

สภาพท่ีพึงประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ พฒั นาการ การปฏิบตั ิ การจดั ประสบการณ์ หมายเหตุ
กิจวตั ร การเรยี นรู้
ประจาวัน
หนว่ ยท่ี หน่วยที่
.... ....

พฒั นาการดา้ นร่างกาย

มาตรฐานท่ี ๑ รา่ งกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั และมีสุขนสิ ยั ทด่ี ี

๑.๑.๑ น้าหนักและ วดั สว่ นสงู ชง่ั นา้ หนัก และ 
สว่ นสงู ตามเกณฑ์ของ บันทกึ การเจรญิ เตบิ โต
กรมอนามยั

๑.๒.๑ รับประทาน สงั เกตการรบั ประทาน
อาหารทม่ี ปี ระโยชน์ได้ อาหารว่าง อาหารกลางวัน
หลายชนดิ และดมื่ น้า อาหารเสริม (นม) การดื่มนา้   
สะอาดไดด้ ว้ ยตนเอง

๑.๒ .๒ ล้างมือก่อน สั ง เก ต ก า ร ล้ า ง มื อ ก่ อ น

รับประท าน อาหาร รับประทานอาหารและหลัง 

และหลังจากใช้ห้องน้า การใช้ห้องนา้ ห้องสว้ ม

หอ้ งสว้ มดว้ ยตนเอง

๑.๒.๓ นอนพักผ่อน สัง เก ต ช่ ว งเว ล าก าร น อ น 

เป็นเวลา พักผ่อนกลางวนั

๑.๒.๔ ออกกาลังกาย สงั เกต

เปน็ เวลา การออกกาลังกายช่วงต่าง ๆ  

๑.๓.๑ เลน่ สั ง เก ต ก า ร เล่ น แ ล ะ ก า ร ท า

ท ากิ จ ก ร ร ร ม แ ล ะ กิจกรรมต่าง ๆ

ป ฏิ บั ติ ต่ อ ผู้ อ่ื น อ ย่ า ง  
ปลอดภัย

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๙๖

การปฏิบัติ การจดั ประสบการณ์
กิจวตั ร
สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ ประจาวัน การเรยี นรู้ หมายเหตุ
พฒั นาการ
หนว่ ยที่ .... หนว่ ยที่
....

พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ

มาตรฐานท่ี ๓ มีสุขภาพจติ ดแี ละมีความสขุ

๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ สังเกตพฤติกรรมสหี น้า

ความรูส้ ึกได้สอดคล้อง ท่าทางในสถานการณ์  
กับสถานการณ์อย่าง จรงิ ทเ่ี กดิ ข้นึ

เหมาะสม

๓.๒.๑ กล้าพูดกลา้ สงั เกตพฤตกิ รรมเด็กทมี่ ี

แสดงออกอยา่ ง ปฏสิ ัมพันธ์กับผู้อ่ืนใน  
เหมาะสมตาม สถานการณ์

สถานการณ์ ตา่ ง ๆ

พฒั นาการดา้ นสังคม

มาตรฐานท่ี ๖ มที ักษะชวี ิตและปฏบิ ตั ิตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

๖.๑.๑ แต่งตัวด้วย สังเกตพฤตกิ รรมเด็กสวม

ตนเองไดอ้ ย่าง เครอื่ งแตง่ กาย  

คลอ่ งแคลว่

๖.๑.๒ รบั ประทาน สงั เกตการณ์รบั ประทาน

อาหารด้วยตนเอง อาหาร อาหารว่าง 

อย่างถูกวธิ ี อาหารกลางวัน

๖.๑.๓ ใชแ้ ละทาความ สังเกตเดก็ ปฏบิ ัติตนใน

สะอาดหลงั ใช้ห้องน้า การใชห้ อ้ งนา้ ห้องสว้ มได้ 

หอ้ งสว้ มด้วยตนเอง

๖.๒.๑ เกบ็ ของเล่น สงั เกตเด็กเกบ็ ของเลน่

ของใช้เขา้ ทอี่ ยา่ ง ของใชเ้ ขา้ ที่ เช่น รองเท้า  
เรียบรอ้ ยดว้ ยตนเอง แก้วน้า แปรงสีฟัน

ผา้ เช็ดหน้า ที่นอน ฯลฯ

๖.๒.๒ เข้าแถว สังเกตการเขา้ แถวใน

ตามลาดับกอ่ นหลังได้ กิจกรรมตา่ ง ๆ  

ด้วยตนเอง

๖.๓.๑ ใชส้ ิ่งของ สังเกตการใช้สิ่งของ

เคร่ืองใชอ้ ยา่ ง เครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ ดูแลของ  
ประหยดั และพอเพียง เลน่ ของใชใ้ นช้ันเรยี น

ดว้ ยตนเอง

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๙๗

สภาพท่พี งึ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน การปฏิบตั ิ การจดั ประสบการณ์ หมายเหตุ
พัฒนาการ กจิ วตั ร การเรียนรู้
ประจาวัน
หน่วยที่ .... หนว่ ยท่ี ....

พัฒนาการด้านสติปัญญา

มาตรฐานท่ี ๙ ใชภ้ าษาส่อื สารไดเ้ หมาะสมกบั วัย

๙.๑.๒ เล่าเป็น สงั เกตการเล่า  
เร่อื งราวตอ่ เนื่องได้ เร่ืองราวตา่ ง ๆ

๙.๒.๑ อ่านภาพ สงั เกตจาก

สัญลักษณ์ คา ด้วย การอ่านภาพ

การชี้ หรอื กวาดตา อา่ นนิทาน

มองจุดเร่ิมต้นและจดุ อ่านปา้ ย  
จบของข้อความ สญั ลกั ษณ์

การอ่านหนงั สอื

ในสถานการณ์

ต่าง ๆ

๙.๒.๒ เขียนช่ือของ การเขยี นช่อื

ตนเองตามแบบ เขียน ตนเอง เขยี น

ข้อความดว้ ยวธิ ีทค่ี ิด ตัวอักษร/คา

ข้ึนเอง หรือข้อความด้วย 

วิธที ี่คดิ ขึ้นเอง คา

ท่ีเขยี นอาจสลบั ที่

ตัวอักษร

การบรหิ ารจัดการหลกั สตู รศกึ ษาปฐมวัย
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นหัวใจสาคัญของการกาหนดเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพเด็ก

ปฐมวัยของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้สอน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงมีบทบาทสาคัญใน
การดาเนินการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยท่ีมีประสิทธิภาพ เพ่ือเป็นการส่งเสริมให้มี
การนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพเด็ก
การบริหารจัดการหลักสูตรปฐมวัย จึงประกอบด้วยบุคคลที่เก่ียวข้องหลายฝ่าย ซึ่งมีบทบาทหน้าที่
สาคญั ดังนี้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๙๘

บทบาทหน้าท่ขี องผู้เก่ยี วขอ้ งในการบรหิ ารจดั การหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย
๑. ผูบ้ ริหารสถานศึกษา

มีบทบาทท่ีสาคัญ ดังน้ี
๑) ศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.๒๕๖๐ หลักสูตรสถานศึกษา ปี

การศกึ ษา ๒๕๖๓ และมีวสิ ัยทศั นใ์ นการบริหารจัดการศึกษาตามหลกั การจัดการศึกษาปฐมวัย
๒) เป็นผู้นาในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาโดยร่วมให้ความเห็นชอบ กาหนดวิสัยทัศน์

และคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคข์ องเดก็ ทกุ ชว่ งอายุ
๓) คัดเลือกบุคลากรที่ทางานกับเด็ก ได้แก่ ผู้สอน พ่ีเล้ียง โดยคานึงถงึ ความเหมาะสมและ

คุณสมบตั ขิ องบคุ ลากร เช่น
- มีวุฒิทางการศึกษาด้านการอนุบาลศึกษา/การศึกษาปฐมวัย หรือผ่านการอบรม

เกย่ี วกบั การจัดการศึกษาปฐมวยั
- มีความรักเด็ก จิตใจดี มีอารมณ์ขันและใจเย็น ให้ความเป็นกันเองกับเด็ก

อย่างเสมอภาค
- มีบุคลิกของความเปน็ ผสู้ อน เข้าใจและยอมรบั ธรรมชาติของเด็กตามวัย
- พูดจาสภุ าพเรยี บรอ้ ย ชัดเจนเปน็ แบบอยา่ งได้
- มีความเปน็ ระเบียบ สะอาด และรู้จกั ประหยัด
- มคี วามอดทน ขยัน ซ่ือสัตย์ในการปฏบิ ัติงานในหนา้ ทแ่ี ละการปฏบิ ัติตอ่ เดก็
- มีอารมณ์ร่วมกับเด็ก รู้จักรับฟัง พิจารณาเรื่องราวปัญหาต่าง ๆ ของเด็ก และ

ตดั สินปัญหาตา่ ง ๆ อย่างมีเหตผุ ลด้วยความเป็นธรรม
- มีสขุ ภาพกายและสุขภาพจิตดี

๔) ส่งเสริมและจัดบริการทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างท่ัวถึง เสมอภาค และ
ปฏบิ ตั ิการรบั เดก็ ตามเกณฑ์ที่กาหน

๕) สง่ เสรมิ ให้ผู้สอนและผ้ทู ่ีปฏิบัตงิ านกบั เด็กได้พฒั นาตนเองให้มคี วามร้กู ้าวหน้าอยู่เสมอ
๖) สรา้ งความร่วมมือและประสานกบั บุคลากรทกุ ฝา่ ยในการจัดทาหลักสตู รสถานศึกษา
๗) จัดให้มีข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับตัวเด็ก งานวิชาการหลักสูตรอย่างเป็นระบบ และ
มกี ารประชาสมั พันธ์หลักสตู รสถานศึกษา
๘) สนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้ที่เอื้ออานวย
ต่อ การเรียนรแู้ ละส่งเสริมพฒั นาการเด็ก
๙) นเิ ทศ กากบั ติดตามการใชห้ ลกั สตู ร โดยจัดให้มรี ะบบนเิ ทศภายในอยา่ งมรี ะบบ
๑๐) กากับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในระดับปฐมวัยในสถานศึกษาและนาผล
จากการประเมินไปใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพเดก็
๑๑) กากับติดตามให้มีการประเมินการนาหลักสูตรไปใช้ เพื่อนาผลจากการประเมิน
มาปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก บริบท
สังคมและใหม้ คี วามทนั สมยั

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๙๙

๒. ผสู้ อนปฐมวัย
การพัฒนาคุณภาพเด็กโดยถือว่าเด็กมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้อง
ส่งเสริมให้เด็กสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคลอ้ งกับพัฒนาและเต็มตามศักยภาพ ผู้สอนจึงมี
บทบาทสาคัญยงิ่ ในการจัดทาหลักสูตร พัฒนาหลักสูตรและนาหลักสูตรสถานศึกษาไปสูก่ ารปฏิบัติท่ีมี
ประสิทธิภาพทาให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมาย ผู้สอนจึงควรมี
บทบาทหนา้ ที่ ดังนี้
๑) บทบาทในฐานะผู้บริหารหลกั สตู ร

- ทาหน้าท่ีวางแผน จัดทาหลักสูตรและพัฒนาหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ การจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมินพฒั นาการ

- จัดทาแผนการจัดประสบการณ์ท่ีเน้นเด็กเป็นสาคัญ ให้เด็กมีอิสระในการเรียนรู้
เปดิ โอกาสให้เด็กเลน่ /ทางานและเรยี นร้ทู ้ังรายบคุ คลและเปน็ กล่มุ

- ประเมินผลการใช้หลักสูตร เพื่อนาผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรให้
ทันสมัยสอคล้องกบั ความตอ้ งการผเู้ รียน ชุมชน และท้องถ่ิน

๒) บทบาทในฐานะผู้เสริมสรา้ งการเรียนรู้
- จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เด็กกาหนดขึ้นด้วยตัวเด็กเอง และผู้สอนกับเด็ก

รว่ มกันกาหนด เพื่อพัฒนาเดก็ ให้ครอบคลุมทุกด้าน ในชวี ิตประจาวันในการแสวงหาคาตอบ หรือหา
คาตอบในสงิ่ ที่เดก็ เรยี นรู้อยา่ งมเี หตผุ ล

- จัดประสบการณ์กระตุ้นให้เด็กร่วมคิด แก้ปัญหา ค้นคว้าหาคาตอบด้วยตนเอง
ด้วยวิธีการศกึ ษาท่นี าไปสกู่ ารใฝร่ ู้ และพฒั นาตนเอง

- จดั สภาพแวดลอ้ มและสร้างบรรยากาศการเรยี นทสี่ รา้ งเสริมให้เดก็ ปฏิบตั ผิ ่านการ
เลน่ ไดเ้ ต็มศักยภาพและความสามารถของเด็กแต่ละคน

- สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ในการจัดการเรียนรู้
กิจวัตรประจาวนั และกิจกรรมตา่ ง ๆ อยา่ งสมา่ เสมอ

- จัดกจิ กรรมการเลน่ ที่มจี ดุ มุง่ หมายเพ่ือสง่ เสริมการเรียนรสู้ ิ่งแวดล้อม ตลอดจนมี
ปฏสิ ัมพนั ธ์กับผูอ้ นื่ และเรียนรวู้ ิธีการแกป้ ญั หาขอ้ ขดั แยง้ ตา่ ง ๆ

- ใช้ปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างผู้สอนและเด็กในการดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอน
อย่างสมา่ เสมอ

- จัดการประเมินพัฒนาการที่สอดคล้องกับสภาพจริงและนาผลการประเมินมา
ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพเดก็ เตม็ ศกั ยภาพและการจดั ประสบการณ์ของตนให้มีประสิทธภิ าพ

๓) บทบาทในฐานะผูด้ แู ลเด็ก
- สังเกตและสง่ เสริมพัฒนาการเดก็ ทุกด้านทัง้ ทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม

และสตปิ ัญญา
- ฝึกใหเ้ ด็กชว่ ยเหลอื ตนเองในชวี ติ ประจาวนั
- ฝึกให้เด็กมีความเชอ่ื มนั่ มีความภมู ใิ จในตนเองและกล้าแสดงออก

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๑๐๐

- ฝึกการเรียนรหู้ นา้ ที่ ความมีวินัย และการมนี สิ ยั ทีด่ ี
- จาแนกพฤติกรรมเด็กและสร้างเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั และแก้ปญั หาเฉพาะบุคคล
- ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน เพื่อให้เด็กได้พัฒนา
เตม็ ตามศกั ยภาพและมมี าตรฐานคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์
๔) บทบาทในฐานะนกั พฒั นาเทคโนโลยกี ารสอน
- นานวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพบริบท
สงั คม ชุมชน และทอ้ งถิ่น
- ใชเ้ ทคโนโลยแี ละแหลง่ เรียนรใู้ นชุมชนในการเสรมิ สร้างการเรียนรู้ให้แกเ่ ดก็
- จดั ทาวิจัยในชั้นเรียน เพื่อนาไปปรบั ปรุงพัฒนาหลกั สูตร/กระบวนการเรียนรู้และ
พัฒนาสื่อการเรียนรู้
- พัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลักษณ์ของผู้ใฝ่รู้ มีวิสัยทัศน์และ
ทนั สมยั ทันเหตุการณใ์ นยคุ ของขอ้ มูลขา่ วสาร
๓. พอ่ แมห่ รือผู้ปกครองเดก็ ปฐมวยั
ผู้สอนระดับปฐมวัยและพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรส่ือสารกันตลอดเวลา เพ่ือสร้าง
ความเข้าใจและร่วมมือกันในการอบรมเลี้ยงดูแลให้การศึกษาแก่เด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรมี
บทบาทหนา้ ท่ี ดงั น้ี
๑) มีส่วนร่วมในการให้ความคิดเห็นเพ่ือนาไปกาหนดแผนพัฒนาสถานศึกษาและให้ความ
เหน็ ชอบ กาหนด แผนการเรยี นรขู้ องเด็กรว่ มกบั ผ้สู อน
๒) ร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็ก
ตามศักยภาพ โดยเชอ่ื มโยงระหว่างสถานศึกษากับครอบครวั เพ่ือให้การเรียนรู้ของเด็กตอ่ เน่ืองและมี
ความหมายต่อเดก็
๓) เป็นเครือขา่ ยการเรียนรู้ จัดบรรยากาศในบ้านให้เออื้ ต่อการเรยี นรู้
๔) สนับสนนุ ทรัพยากรเพ่อื การศึกษาตามความเหมาะสมและจาเป็น
๕) อบรมเล้ียงดู เอาใจใส่ให้ความรัก ความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการ ด้าน
ตา่ ง ๆ ของเด็ก
๖) ป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ตลอดจนส่งเสริมคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ โดยประสานความรว่ มมือกบั ผู้สอนและผู้ท่ีเกีย่ วข้อง
๗) เป็นแบบอย่างท่ีดีท้ังในด้านการปฏิบัติตนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และมีคุณธรรม
นาไปสกู่ ารพฒั นาใหเ้ ปน็ สถาบันแห่งการเรียนรู้
๘) มีสว่ นร่วมในการพฒั นาการเด็กและในการประเมนิ การจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา

๔. ชมุ ชน/ทอ้ งถ่นิ
ชุมชนท้องถ่ิน มีบทบาทในการมีส่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา โดยการประสานความร่วมมือ
เพอ่ื ร่วมกันพัฒนาผูเ้ รียนตามศกั ยภาพ ดังนนั้ ชมุ ชนจึงมบี ทบาทในการจดั การศกึ ษาปฐมวัย ดงั นี้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๑๐๑

๑) มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการบริหารจัดการของสถานศึกษ า ในบทบาทของ
คณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม / ชมรมผปู้ กครอง

๒) มีส่วนร่วมในการจัดทาแผนพัฒนาสถานศึกษาเพ่ือเป็นแนวทางในการดาเนินการของ
สถานศึกษา

๓) เป็นเครอื ข่ายการเรียนรู้ สง่ เสริมสนับสนุนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษาให้
เดก็ ได้เรยี นรู้ มีประสบการณจ์ ากสถานการณ์จรงิ

๔) ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยาการภายนอก และ
ภูมิปัญญาท้องถ่ินเพ่ือเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทุกด้าน รวมท้ังสืบสานจารีตประเพณี
ศลิ ปวัฒนธรรมของทอ้ งถน่ิ และของชาติ

๕) ประสานงานกบั องค์กรทั้งภาครฐั และเอกชน เพ่ือให้สถานศึกษาเปน็ แหล่งวิทยาการของ
ชุมชนและมสี ่วนในการพัฒนาชุมชนและท้องถ่นิ

๖) มีส่วนรว่ มในการตรวจสอบ และปะเมนิ ผลการจัดการศึกษาปฐมวยั ของสถานศึกษา โดย
ทาหนา้ ที่ให้ข้อเสนอแนะในการพฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา
การพฒั นาผูส้ อนและบคุ ลากรปฐมวัย

การพัฒนาผู้สอนและบุคลากรปฐมวัย อย่างเป็นระบบและต่อเน่ือง มีความสาคัญมากใน
การบรหิ ารจัดการหลกั สูตรสถานศกึ ษา เพราะเป็นการสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจให้แกผ่ ู้สอนให้สามารถ
นาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการออกแบบพัฒนาหลักสูตร การจัด
ประสบการณก์ ารเรยี นร้กู ารจัดสภาพแวดล้อมในและนอกหอ้ งเรยี น การจดั พัฒนาสอื่ และแหลง่ เรียนรู้
การวัดและประเมินพัฒนาการโดยมีมาตรฐาน ตัวบ่งชี้และสภาพที่พึงประสงค์ของหลักสูตร
สถานศึกษาเป็นเป้าหมายสาคัญในการพัฒนาคุณภาพเด็ก สถานศึกษาจึงควรมีกาหนดแนวทาง
การพัฒนาบุคลากรปฐมวัย ดังนี้

๑) สารวจและประเมินความต้องการในการพัฒนาตนเองของผู้สอนและบุคลากรปฐมวัย
และนาข้อมลู มาจัดทาแผนการพัฒนาตนเองทงั้ แผนระยะสัน้ และแผนระยะยาว

๒) พัฒนาบุคลากรปฐมวัยในด้านการพัฒนาหลักสูตร การออกแบบการจัดประสบการณ์
เทคนิค วิธีการ จัดประสบการณ์ เทคนิคการควบคุมช้ันเรียน และด้านอื่น ๆ ท้ังนี้การจัดกิจกรรม
พัฒนาบุคลากรควรใช้เทคนิควธิ ีการท่ีหลากหลาย เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การประชุมสัมมนา
การศึกษาดูงาน การจดั กิจกรรม PLC เป็นต้น

๓) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีมุมความรู้โดยการจัดหารเอกสารด้านหลักสูตร แนวทางการจัด
ประสบการณ์ตลอดจนองค์ความรู้ด้านอื่น ๆ ที่เก่ียวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ครูปฐมวัยศึกษาค้นคว้า
เพม่ิ เติม

๔) ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรปฐมวัยมีโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมปรึกษา
และวางแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกับครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เพ่ือให้ครูเข้าใจบทบาท
หน้าที่และภารกจิ ของตนในการนาหลกั สูตรไปสู่ปฏิบัติส่งผลดีตอ่ การทางานร่วมกนั ในการจัดกิจกรรม
การเรยี นร้ทู ี่เปน็ การเชอื่ ตอ่ ในระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ไดเ้ ป็นอย่างดี

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑๐๒

การสนบั สนนุ งบประมาณและทรพั ยากร
การพัฒนาหลักสูตรและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

โรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม พ.ศ.๒๕๖๐ (ฉบับสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖3) มีความจาเป็นอย่าง
ยิ่งท่ีสถานศึกษาตอ้ งจัดหางบประมาณและทรัพยากรทจ่ี าเป็น เพือ่ สนับสนนุ ให้การดาเนินการจัดการ
เรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยประสบความสาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนด โดยมีแนวทาง
การดาเนินการ ดังนี้

๑) จัดหาและจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอสาหรับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
การนาหลักสูตรไปใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การจัดงบประมาณ ส่งเสริมกิจกรรม
การเรียนรู้/โครงการการทัศนศึกษานอกสถานที่ การพัฒนาบุคลกร การดาเนินงานตามแผน
ปฏบิ ัตกิ ารระดับปฐมวยั และการนเิ ทศ กากบั ติดตาม

๒) จัดหา จดั ซ้ือสอ่ื วัสดุอปุ กรณ์ เพอ่ื จัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น จัดซ้ือ
และจัดหาส่ือของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามมุมประสบการณ์ต่าง ๆ การพัฒนาสนามเด็กเล่น
และแหล่งเรียนรทู้ ี่หลากหลาย รวมถงึ การจดั เตรียมของใชส้ ่วนตวั ให้แก่เด็กตามความจาเปน็ เพื่อการ
ดูแลอนามัยส่วนบคุ คลและการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ของเด็กได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

๓) กากับตดิ ตามการใชง้ บประมาณและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุม้ คา่
๔) การมีส่วนรว่ มของผู้ปกครอง ชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเอกชน ใน
การสนับสนุนการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้เป็นไปตามหลักการพัฒนาเด็กทุกช่วงวัย ระดม
ทรัพยากรในการจัดหาครูที่มีคุณวุฒิหรือประสบการณ์ด้านการศึกษาปฐมวัย พี่เล้ียงเด็ก ภูมปัญญา
ท้องถ่ิน รวมถงึ การพัฒนาสภาพแวดล้อมและแหล่งเรยี นรู้
การนเิ ทศ ติดตาม การนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยสู่การปฏิบัติ
การนิเทศ กากับ ติดตามการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ เป็นกระบวนการสาคัญใน
การควบคุมคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดยผู้บรหิ ารสถานศึกษาและผู้มีบทบาทหน้าที่
ทีเ่ กี่ยวข้องควรใชว้ ิธีการที่หลากหลาย เช่น การตรวจเย่ียม การสังเกตการณส์ อนในชัน้ เรียน การสอน
แนะ ( Coaching) การตรวจแผนการจัดประสบการณ์ ท้ังนี้ควรดาเนินการนิเทศ กากับ ติดตาม
อยา่ งเป็นระบบและเป็นกัลยาณมติ รเปดิ โอกาสใหม้ ีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ซึ่งกนั และกนั โดยมีแนวทาง
การดาเนินการ ดงั น้ี
๑) ประชุมผู้บริหารและครูปฐมวัย เพ่ือร่วมกันกาหนดความต้องการและช่วงเวลาใน
การจัดทาปฏทิ ินการนเิ ทศหรือแผนการนิเทศ กากบั ตติ ามทเ่ี หมาะสม ต่อเน่อื งและเปน็ รปู ธรรม
๒) สร้างความเข้าใจและทัศนคติที่ดีในการจัดกิจกรรมการนิเทศ กากับ ติดตาม ให้แก่
บคุ ลากรทเี่ ก่ียวข้องทุกฝา่ ย
๓) ดาเนินการนิเทศ กากับ ติดตาม ตามแผนการนิเทศและนาผลการนิเทศมาวางแผนเพ่ือ
จดั กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาบคุ ลกรปฐมวัยตามความต้องการจาเป็นอย่างตอ่ เน่ือง
๔) นาข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับจากการนิเทศ กากับ ติดตาม มาใช้ส่วนหนึ่งในการพัฒนา
หลักสตู รสถานศึกษาให้มีประสทิ ธิภาพมากข้ึน

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๑๐๓

การประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั
การประเมนิ หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย เป็นกระบวนการเชงิ ระบบเพอื่ ให้ไดม้ าซึง่ ขอ้ มลู และ

สารสนเทศท่ีเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาคุณภาพของหลักสูตร การปรับปรุง
พัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตร และการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั ให้เหมาะสม
ตอ่ ไป ซง่ึ แนวทางการประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ประกอบดว้ ย

๑. การประเมินก่อนนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ เป็นการประเมินกระบวนการ
รา่ งหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย ควรดาเนินการดังน้ี

๑) การวิเคราะห์ข้อมูลความจาเป็นพื้นฐานท่ีเกี่ยวข้องเพื่อนามาใช้ในการร่าง
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โดยวิเคราะห์ข้อมูลและสารสนเทศจากการใช้หลักสูตรสถานศึกษา
ปฐมวัยฉบับเดิม ศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการใช้หลกั สูตรท่ีผา่ นมามีผลสาเรจ็ อะไรบา้ ง
มีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้างในการใช้หลกั สูตรสถานศึกษา โดยใช้ข้อมูลจากแหลง่ ต่าง ๆ เช่น การ
ประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา การประเมน
พฒั นาการ นโยบายทางการศึกษาของรฐั บาลกระทรวงศกึ ษาธกิ าร การเปลีย่ นแปลงทางสังคม ผลการ
สอบถามความต้องการของผู้ปกครองและชุมชนเพ่ือให้ได้สารสนเทศท่ีเก่ียวข้องนาไปใช้ในการร่าง
หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั

๒) การตรวจสอบคุณภาพของร่างหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นการประเมิน
เอกสารหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เพื่อพิจารณาความสอดคล้อง เหมาะสมเก่ียวกับองค์ประกอบ
ต่าง ๆ ของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอบถามความคิดเห็นจากบุคคลท่ีเก่ียวข้อง
ได้แก่ ผู้สอน ผ้บู ริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ผปู้ กครอง ผู้แทนชุมชน องคก์ ร ผู้เชี่ยวชาญ
และผู้ทรงคุณวุฒิ เพ่ือให้ได้สารสนเทศที่จะนาไปใช้ในการปรับปรุงและแก้ไขเอกสารหลักสูตรให้มี
ความเหมาะสม และมีคุณภาพ

๓) การประเมนิ ความพร้อมก่อนนาหลักสูตรไปใช้ เปน็ การประเมนิ ความพรอ้ มและ
ความพอเพียงด้านปัจจัยหรือทรัพยากรในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ได้แก่ ด้านบุคลากร
มีจานวนพอเพียงหรือไม่ มีคุณลักษณะพร้อมท่ีจะจัดประสบการณ์มากน้อยเพียงใด ด้านเอกสาร
หลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรมีความพร้อมและพอเพียงต่อการจัดประสบการณ์หรือไม่
ด้านส่ือและแหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดประสบการณ์มีพอเพียงหรอื ไม่ เพื่อการจัดการพัฒนา
หรือการจัดซื้อจัดหา ให้ทันต่อการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ประเมินโดยใช้วธิ ีการสนทนากลุ่ม
การตรวจสอบรายการ หรือการสอบถาม

๒. การประเมินระหวา่ งการใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย เป็นการประเมินกระบวนการ
ใช้หลักสูตรเก่ียวกับการบริหารหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การส่งเสริม
สนับสนุนการใช้หลกั สูตร เพื่อศกึ ษาความกา้ วหน้าของการใช้หลักสูตรเป็นระยะ ๆ เพ่ือตรวจสอบว่า
หลักสูตรเป็นไปตามแผนการดาเนินงานท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มีปัญหาและอุปสรรคอย่างไร ควรมีการ
ปรับปรุงแก้ไขในเรื่องใดบ้างประเด็นการประเมิน ได้แก่ วางแผนการใช้หลักสูตร การเตรียมความ
พร้อมและบุคลากร การนิเทศ การฝึกอบรมและพัฒนาครูและบุคลากรเพิ่มเติมระหว่างการใช้

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑๐๔

หลักสูตร การจัดปัจจัยและส่ิงสนับสนุนการใช้หลักสูตร ประเด็นการประเมินเกี่ยวกับการจัด
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ได้แก่ การจัดกิจกรรมและพฤตกิ รรมการจัดการเรียนรู้ การจัดการชั้นเรียน
การเลือกใช้สื่อการจัดการเรียนรู้ การประเมินพัฒนาการ ความรู้ความสามารถของครูและบุคลากร
และประเด็นประเมินเก่ียวกับการจัดมุมประสบการณ์ ได้แก่ การจัดสภาพแวดล้อมภายในและ
ภายนอกห้องเรียน การตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรระหว่างการอาจใช้วิธีการนิเทศ ติดตาม การ
สอบถาม การสนทนากลุ่ม หรอื การสังเกต

๓. การประเมินหลงั การใช้หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั เปน็ การประเมินหลักสูตรทัง้ ระบบ
หลงั จากดาเนินการใช้หลักสูตรครบวงจรแล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย และสรุปผลภาพรวมของหลักสูตรที่จัดทาว่า
บรรลุผลตามเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยหรือไม่ บรรลุผลมากน้อยเพียงใด ต้องมีการ
ปรบั ปรุงหรือพัฒนาส่วนใดบ้างปรับปรงุ หรอื พฒั นาอย่างไร ประเดน็ การประเมนิ เก่ยี วกบั ประสทิ ธิภาพ
ของหลักสูตร ได้แก่ การบรรลุผลตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ท้ัง ๑๒ มาตรฐาน การ
บรรลุผลตามเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยท่ีกาหนไว้ ประเด็นการประเมินเกี่ยวกับ
ประสิทธิภาพของหลักสูตร ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาที่ การจัด
ประสบการณ์ การเรยี นรู้ สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ การประเมนิ พัฒนาการ การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร
และ การเชื่อมต่อของการศึกษา ประเมินโดยใช้วิธีการตรวจสอบรายการ การศึกษาเอกสาร การ
สอบถาม หรอื การสนทนากลมุ่
การเชอื่ มต่อของการศกึ ษาระดับปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑
การสร้างรอยเช่อื มต่อของการศึกษาระดบั ปฐมวัยกบั ระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ มคี วามสาคัญ
อยา่ งยิง่ ส่งผลดีต่อการเรียนรขู้ องเด็กปฐมวยั ในการปรบั ตัวรับการเปล่ยี นแปลงได้เป็นอย่างดี สามารถ
พฒั นาการเรียนรไู้ ด้อย่างราบรน่ื การเช่อื มต่อการศกึ ษาระดับปฐมวยั กับระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑
จะประสบผลสาเร็จได้ บคุ ลากรทกุ ฝ่ายทเ่ี กีย่ วข้องต้องดาเนินการ ดงั ต่อไปน้ี
๑. ผู้บริหารสถานศึกษา
ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา เป็นบุคคลสาคัญท่ีมบี ทบาทเป็นผนู้ าในการเชื่อมตอ่ โดยเฉพาะระหว่าง
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดย
ตอ้ งศกึ ษาหลักสตู รทั้งสองระดับ เพอ่ื ทาความเข้าใจ และจัดระบบการบรหิ ารงานด้านวชิ าการที่จะเอื้อ
ต่อการสรา้ งรอยเช่อื มตอ่ การศกึ ษา โดยผู้บรหิ ารดาเนนิ การ ดงั น้ี
๑.๑ จัดประชมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างรอยเชื่อมต่อ
ของหลักสตู รทั้งสองระดับให้เป็นแนวปฏบิ ัตขิ องสถานศึกษาเพอื่ ครูทง้ั สองระดับจะได้เตรียมการสอน
ให้สอดคลอ้ งกบั เด็กวัยน้ี
๑.๒ จัดหาเอกสารด้านหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับมาไว้ให้ครูและ
บคุ ลากรอ่ืน ๆ ไดศ้ ึกษาทาความเขา้ ใจ อยา่ งสะดวกและเพียงพอ
๑.๓ จัดกิจกรรมให้ครูทงั้ สองระดบั มโี อกาสแลกเปลยี่ นเผยแพร่ความรู้ใหมๆ่ ท่ีไดร้ ับจากการ
อบรม ดงู าน ซ่งึ ไม่ควรจัดใหเ้ ฉพาะครใู นระดับเดยี วกันเทา่ น้ัน

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑๐๕

๑.๔ จดั เอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพันธใ์ นรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างสถานศกึ ษา พ่อ
แม่ ผปู้ กครองและบุคลากรทางการศกึ ษาอยา่ งสม่าเสมอ

๑.๕ จัดให้มกี ารพบปะ หรือการทากิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่าเสมอตอ่ เน่ือง
ในระหว่างที่เด็กอยู่ในระดับปฐมวัย เพ่ือพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้สร้างความเข้าใจและสนับสนุนการ
เรียน การสอนของบุตรหลานตนไดอ้ ย่างถูกต้อง

๑.๖ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับได้ทากิจกรรมร่วมกันกับพอ่ แม่ ผู้ปกครองและเด็กในบาง
โอกาส

๑.๗ จัดกิจกรรมปฐมนิเทศพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างน้อย ๒ คร้ัง คือ ก่อนเด็กเข้าเรียนระดับ
ปฐมวัยศึกษาและก่อนเด็กจะเล่ือนขึ้นช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจ
การศึกษาท้ังสองระดับและให้ความร่วมมือในการช่วยเด็กให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม
ใหมไ่ ด้ดี

๒. ผูส้ อนระดับปฐมวยั
ผสู้ อนระดับปฐมวัยต้องศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การจัดการเรียนการ

สอนในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรอ่ืน ๆ
รวมทั้งช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อนเล่ือนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยผู้สอนระดับปฐมวัย
ดาเนินการ ดงั น้ี

๒.๑ เก็บรวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ซ่ึง
จะทาให้ครรู ะดับประถมศึกษาสามารถใช้ข้อมูลน้ันช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวเขา้ กับการเรียนรู้ใหม่
ตอ่ ไป

๒.๒ พูดคุยกบั เดก็ ถงึ ประสบการณท์ ี่ดี ๆ เก่ียวกับการจดั การเรียนรู้ในระดับช้ันประถมศึกษา
ปีที่ ๑ เพ่อื ให้เด็กเกิดเจตคติท่ดี ีต่อการเรยี นรู้

๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทาความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของ
หอ้ งเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ทง้ั ที่อยู่ในสถานศกึ ษาเดียวกันหรอื สถานศกึ ษาอ่ืน

๒.๔ จัดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ หนังสือท่ีเหมาะสมกับวัยเด็ก ที่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ และมี
ประสบการณ์พนื้ ฐานที่สอดคลอ้ งกับการสร้างรอยเชอื่ มตอ่ ในการเรียนระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑
๓. ผู้สอนระดบั ประถมศกึ ษา

ผสู้ อนระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัย และมเี จตคตทิ ี่ดี
ต่อการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อนามาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการ
เรียนรู้ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ให้ต่อเนื่องกับการพัฒนาเด็กในระดบั ปฐมวัย โดยผู้สอนระดับ
ประถมศึกษาดาเนนิ การ ดงั น้ี

๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ทาความรู้จักคุ้นเคยกับครูและ
ห้องเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ก่อนเปิดภาคเรยี น

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ ๑๐๖

๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุมประสบการณ์
ภายในห้องเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสทากิจกรรมได้อย่างอิสระเช่น มุมหนังสือ มุมของเล่น มุมเกม
การศกึ ษา เพือ่ ช่วยให้เดก็ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ไดป้ รับตวั และเรียนรจู้ ากการปฏิบัตจิ รงิ

๓.๓ จดั กจิ กรรมรว่ มกนั กับเดก็ ในการสร้างข้อตกลงเกี่ยวกบั การปฏบิ ัตติ น
๓.๔ จดั กิจกรรมชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ใหก้ บั เดก็ ตามความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล
๓.๕ เผยแพร่ขา่ วสารดา้ นการเรียนรู้และสร้างความสัมพนั ธท์ ่ดี กี ับเด็ก พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และ
ชุมชน
๔. พ่อแม่ ผู้ปกครอง
พ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมการศึกษาของบุตร
หลานและเพ่ือช่วยบุตรหลานของตนเองในการศึกษาต่อช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ พ่อแม่ ผู้ปกครอง
ดาเนินการ ดังนี้
๔.๑ ศึกษาและทาความเข้าใจหลักสตู รของการศกึ ษาทั้งสองระดับ
๔.๒ จดั หาหนงั สอื อุปกรณท์ ีเ่ หมาะสมกบั วัยเดก็
๔.๓ มีปฏสิ ัมพนั ธท์ ดี่ ีกับบุตรหลาน ใหค้ วามรัก ความเอาใจใส่ ดูแลบตุ รหลานอย่างใกล้ชิด
๔.๔ จดั เวลาในการทากิจกรรมร่วมกบั บุตรหลาน เชน่ เล่านทิ าน อา่ นหนงั สือร่วมกัน สนทนา
พูดคุย ซกั ถามปัญหาในการเรียน ให้การเสรมิ แรงและกาลงั ใจ
๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลาน เพ่ือชว่ ยให้บุตรหลาน
ของตน ปรับตัวให้ดขี น้ึ
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในระดับปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช
๒๕๖๐ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยให้ความสาคัญกับ
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น เพื่อให้เด็กได้รับ
ประสบการณ์ตรงจากการลงมือปฏิบัติและการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมประจาวันในระดับปฐมวัยมี
ความยืดหยุ่น เน้นการช่วยเหลือตนเองและส่งเสริมทักษะท่ีจาเป็น ซ่ึงเป็นการเตรียมความพรอ้ มเพ่ือ
เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ต่อไป ดังน้ัน เด็กที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
จึงมีสภาพทพี่ ึงประสงค์ในแต่ละพัฒนาการตามมาตรฐานคุณลักษณธทพี่ ึงประสงค์ระบุไวใ้ นหลักสูตร
อย่างไรก็ตาม เด็กปฐมวัยถูกคาดหวังว่าจะต้องมีความพร้อมสาหรับการเรียนรู้ทางวิชาการในระดับ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ท้ังท่ีเป็นเป้าหมายหลักในการจัดการศึกษาปฐมวยั คือ การช่วยให้เด็กพฒั นา
ความสามารถ ความเขา้ ใจ และการแสดงพฤติกรรมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และ
สติปัญญา การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สาคัญตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
ดงั กล่าว จะช่วยให้เดก็ เกดิ ทักษะนาไปสู่ความพรอ้ มในการเรียนรู้ และประสบความสาเรจ็ ในการเรียน
ทีม่ ีลักษณะอย่างเป็นทางการของระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ได้เป็นอย่างดี ทักษะท่ีจะเป็นสาหรับ
ความพร้อมในการเรียนรู้สาหรับเด็กช้นั ปฐมวยั กับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ประกอบด้วยทักษะที่สาคัญ
ดงั น้ี

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรียนสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑๐๗

๑. ทักษะการช่วยเหลอื ตนเอง เด็กสามารถใช้ห้องน้าห้องส้วมได้ดว้ ยตนเอง แต่งกายได้เอง
เกบ็ ของเขา้ ทเ่ี มอื่ เลน่ เสร็จและชว่ ยทาความสะอาด ร้องขอให้ช่วยเมอื่ จาเป็น

๒. ทักษะการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ เด็กสามารถวิ่งได้อย่างราบรื่น วิ่งก้าวกระโดดได้ กระโดด
ดว้ ยสองขาพ้นจากพื้น ถอื จบั ขว้างลูกบอลกระดอนได้ ปีนปา่ ยเครอื่ งเลน่ สนามได้

๓. ทักษะการใช้กล้ามเนื้อเล็ก เด็กสามารถใช้มือประสานสัมพันธ์กับตา และหยิบจับ
อุปกรณ์วาดภาพและเขียน วาดภาพคน มีแขน ขา และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ตัดตามรอยเส้นและ
รูปต่าง ๆ เขยี นตามแบบอยา่ งได้

๔. ทักษะทางภาษาและการร้หู นงั สือ เป็นทกั ษะกระบวนการทเ่ี กดิ ข้นึ ตง้ั แตแ่ รกเกิด และมี
การพัฒนาต่อเนื่องไปตลอดทุกช่วงวัย เป็นทักษะที่จาเป็นท่ีเด็กสามารถพูดให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ ฟังและ
ปฏิบัติตามคาช้ีแจงง่าย ๆ ฟังเรื่องราวและคาคล้องจองต่าง ๆ อย่างสนใจ เข้าร่วมฟังและสนทนา
อภิปรายในเร่ืองต่าง ๆ ผลัดกันพูดโต้ตอบ เล่าเร่ือง และทบทวนเร่ืองราวหรือประสบการณ์ต่าง ๆ
ตามลาดับเหตุการณ์ เล่าเร่ืองจากหนังสือภาพอย่างเป็นเหตุเป็นผล อ่านหรือจดจาคาบางคาท่ีมี
ความหมายต่อตนเอง เขยี นชื่อของตนเองได้ เขยี นคาทมี่ ีความหมายต่อตนเองเพื่อส่ือสาร โนคิดะกด
คาด้วยตนเอง มคี วามคิดรวบยอด ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบและความหมายของภาษาเขียน
ท่ีปรากฏตามสื่อ สงิ่ พมิ พ์รูปแบบตา่ ง ๆ

๕. ทักษะการคิด เด็กสามารถแลกเปล่ียนความคิดและให้เหตุผลได้ จดจาภาพและวัตถุท่ี
เหมือนและแตกต่างได้ ใช้คาใหม่ ๆ ในการแสดงความรู้สึก ถามและตอบคาถามเก่ียวกับเรื่องที่ฟัง
เปรยี บเทียบจานวนของวัตถุ ๒ กลมุ่ โดยใชค้ า “มากกว่า” “น้อยกวา่ ” “เท่ากนั ” อธบิ ายเหตกุ ารณ์/
เวลาตามลาดบั อยา่ งถูกตอ้ ง เช่อื มโยงเวลากบั กจิ วัตรประจาวัน

๖. ทักษะทางสงั คมและอารมณ์ เด็กสามารถปรับตวั ตามสถานการณ์ ใช้คาพูดเพ่ือแกไ้ ขข้อ
ขัดแย้ง นั่งได้นาน ๕ - ๑๐ นาที เพ่ือฟังเรื่องราวหรือทากิจกรรม ทางานจนเสร็จ ร่วมมือกับคนอ่ืน
และผลัดกนั เลน่ ควบคุมอารมณ์ตนเองได้เม่ือกังวลหรือตื่นเต้น หยุดเล่นและทาในสิง่ ที่ผู้ใหญ่ต้องการ
ให้ทาได้ ภมู ใิ จในความสาเร็จของตนเอง

การกากับ ติดตาม ประเมินและรายงาน
การจัดการศึกษาปฐมวัยมีหลักการสาคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัด
การศึกษาและกระจายอานาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถาน
พัฒนาเด็กปฐมวัยซ่ึงเป็นผู้จัดการศึกษาในระดับน้ี ดังน้ัน เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัย
มีคณุ ภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของชมุ ชนและสงั คม
จาเปน็ ต้องมรี ะบบการกากับ ตดิ ตาม ประเมินและรายงานท่ีมีประสทิ ธภิ าพ เพื่อให้ทุกกลมุ่ ทกุ ฝ่ายที่มี
ส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจน การให้
ความร่วมมือ ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน วางแผน และการดาเนินงานการจัดการศึกษาปฐมวัยให้
มีคณุ ภาพอย่างแทจ้ รงิ
การกากับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการบริหารการศึกษา กระบวนการนิเทศ และระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ที่ต้อง

เอกสารประกอบหลักสูตรโรงเรียนสามหมอโนนทัน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ๑๐๘

ดาเนินการอย่างต่อเน่ืองเพ่ือนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย สร้าง
ความมัน่ ใจให้ผู้เก่ียงข้อง โดยตอ้ งมีการดาเนินการทีเ่ ป็นระบบเครือขา่ ยครอบคลุมทัง้ หนว่ ยงานภายใน
และภายนอก ในรูปแบบของคณะกรรมการท่ีมาจากบคุ คลทุกระดับและทกุ อาชีพ การกากบั ติดตาม
และประเมินต้องมีการรางงายผลจากทุกระดับให้ทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนท่ัวไปทราบ เพื่อนาข้อมูล
จากรายงานผลมาจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
ต่อไป

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทนั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑๐๙

บรรณานุกรม

สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๖๐). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
พุทธศักราช ๒๕๖๐. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ
ไทย.

สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๖๑). คู่มือหลักสูตรการศึกษา
ปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ สาหรับเด็กอายุ ๓-๖ ปี. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

เอกสารประกอบหลกั สูตรโรงเรยี นสามหมอโนนทัน พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ ๑๑๐

ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version