The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sunisaonn, 2020-06-29 09:23:47

558-63 in 24-6-63

558-63 in 24-6-63

บทที่ 7

Constructional ability

_____________________________________________________________

Constructional ability (หรอื ศพั ท์อ่นื ๆ ทใี่ กลเ้ คียงกัน ได้แก่ constructional praxis และ
visuoconstructive ability) หมายถึงความสามารถในการวาด ประกอบ หรือสรา้ งวัตถุ ตัวอย่างของ
ความสามารถนที้ ีใ่ ชใ้ นชวี ิตประจ�ำวนั เช่น การวาดรปู หรอื การประกอบตวั ต่อ เป็นต้น
การทดสอบ constructional ability เป็น cognitive function ที่มักไมไ่ ด้ตรวจเปน็ ประจำ�
ในการตรวจผู้ป่วยข้างเตียง อีกทั้งในการตรวจสภาพจิตส�ำหรับจิตแพทย์ในอดีตก็ไม่มีการทดสอบ
ดา้ นนอี้ ยดู่ ว้ ย นอกจากนผ้ี ปู้ ว่ ยสว่ นใหญก่ ไ็ มไ่ ดม้ อี าการส�ำคญั (chief compliant) เปน็ ความผดิ ปกตดิ า้ นน้ี
นอกจากในบางกลุ่มอาชพี เท่านนั้ เช่น ศลิ ปิน วิศวกร หรือสถาปนกิ ทีอ่ าจพบวา่ ตวั เองเขยี นแบบไม่ได้
อา่ นแบบไม่ออก หรอื สบั สนในการสร้างสง่ิ ปลูกสรา้ ง ผปู้ ่วยภาวะสมองเสื่อมและญาติจ�ำนวนมากจึงมกั
จะแปลกใจท่ีพบว่าตวั ผปู้ ่วยไมส่ ามารถวาดรูปลกู บาศกห์ รอื รูปง่ายๆ ได้
การตรวจ constructional ability เปน็ การทดสอบทม่ี ปี ระโยชนม์ ากในการแยกโรคทางกาย
(organic disease) ออกจากโรคทางจติ เวช ความผดิ ปกตทิ ชี่ ดั เจนของ constructional ability เปน็ ตวั
บ่งชี้ถงึ โรคทางสมอง เพราะถงึ แมว้ า่ การศึกษาในปจั จบุ นั จะพบวา่ โรคทางจติ เวชหลายโรคมี cognitive
impairment ได้ แต่ constructional ability จะไม่ผดิ ปกติ กระทงั่ ในโรคจติ เภทที่เปน็ โรคทางจิตเวช
ทมี่ ี cognitive impairment มากทส่ี ดุ เมอ่ื เทยี บกบั โรคอนื่ ๆ ยงั พบวา่ ความสามารถดา้ นนไ้ี มไ่ ดแ้ ตกตา่ ง
จากคนทัว่ ไปที่มีอายแุ ละระดบั การศึกษาใกลเ้ คยี งกนั (Charernboon and Chompookard, 2019)
1. ค�ำศัพท์ (terminology)
ในเรอื่ งของ constructional ability มีค�ำศพั ทท์ ่ใี กลเ้ คยี งกนั ใชอ้ ยหู่ ลายค�ำดังน้ี
Visuospatial ability หมายถงึ ความสามารถในการแยกแยะ กะระยะ และรบั รมู้ ติ สิ มั พนั ธ์
ของวตั ถตุ า่ งๆ ตวั อยา่ งอาการทเี่ กดิ จากความผดิ ปกตขิ อง visuospatial ability เชน่ ขบั รถชน หรอื เดนิ ชน
ส่ิงของบ่อย เพราะกะระยะผิด เป็นต้น หลายคร้ังมีการน�ำมาใช้แทนค�ำว่า constructional ability
บางคนอาจจะเรียกรวมกันไปวา่ visuospatial constructive cognition ก็มใี ช้อยบู่ ้าง
Perceptual-motor เปน็ ศพั ทท์ ใ่ี ชใ้ น cognitive domain ของ DSM-5 หมายรวมถงึ ความ
สามารถดา้ น constructional ability, visuospatial ability และ praxis รวมกัน
ทง้ั นใี้ นบทนจี้ ะใชค้ ำ� วา่ constructional ability เปน็ หลกั เพราะเปน็ คำ� ทตี่ รงกบั วธิ กี ารตรวจ
สว่ นใหญท่ ่ีบรรยายไว้ในบทนี้มากที่สุด

94 | การประเมินพุทธปิ ญั ญา Cognitive Assessment

2. สมองกบั การท�ำงาน
ความผดิ ปกติของ constructional ability พบได้บ่อยในผทู้ ม่ี รี อยโรคทส่ี มองสว่ น parietal
lobe ท้ังน้ีพบว่ารอยโรคในสมองซีกขวาท�ำให้เกิดความผิดปกติได้บ่อยกว่าและรุนแรงกว่าข้างซ้าย
ในบางการศึกษาพบว่ารอยโรคท่ี parietal lobe ข้างซ้ายจะท�ำให้เกิดความผิดปกติในการวาด
รายละเอียดของภาพ ในขณะท่ีรอยโรคข้างขวาจะท�ำให้เสียโครงสร้างหลักและมิติสัมพันธ์ของรูป
(Hodges, 2007)

3. การประเมนิ constructional ability
สิ่งส�ำคัญอันดับแรกก่อนท่ีจะท�ำการทดสอบในด้านน้ีคือควรแน่ใจว่าผู้ป่วยมองเห็นได้ชัด
ในระดบั หนึ่ง ผู้ปว่ ยทีม่ ีปญั หาเร่อื งสายตาส้นั หรือยาว แพทยค์ วรเตือนใหผ้ ปู้ ่วยสวมแวน่ ดว้ ย
การทดสอบทเ่ี ลอื กมาในหนงั สอื นเ้ี ปน็ การทดสอบทงี่ า่ ย ใชเ้ พยี งกระดาษและปากกาเปน็ หลกั
สว่ นการทดสอบท่ีตอ้ งใช้อปุ กรณเ์ ป็นพเิ ศษ เชน่ ตัวต่อบลอ็ กแบบพิเศษ จะไมไ่ ดก้ ลา่ วถ1ึง1ใ7นทีน่ ้ี
3.1 การวาดตามแบบ (reproduction drawing)
ทำ� โดยกาxรใหไมผ้ กปู้ าว่งเยขวนาดตามรปู ตวั อยา่ งใหเ้ หมอื นทสี่ ดุ เทา่ ทที่ ำ� ได้ โดยรปู ทนี่ ยิ มใชม้ ดี งั ตอ่ ไปนี้
● ไบม้าก้ นาxงเขสนี่เหลีย่ มขนมเปย กปนู



● ส่ีเหลxี่ยมหขานเหมลเี่ยปมียซกอปนกูนนั สองรูป (intersecting pentagon)
หสัญ้าเลหxักลษยี่ ณมสัญซ์อล้อนิ กั นฟษกณนิ นั อิตสนิ ้สี อฟอนงงริตรปูี้สูปอ(ง(iรnoปู tve(eorrvsleearclpatppinpinginggpiiennfnfiinntiatiytgyolonloo)pos)ps)



● ลกู บาxศกล์ กู(wบาirศeก c(wuirbeec)ube)

รูปท่ี 7.1 ตวั อยา่ งรปู ทใ่ี ชใ้ นการวาดตามแบบ รปู บา้ น ไมก้ างเขน สเี่ หลย่ี มขนมเปยี กปนู overlapping
infinรiูปtyท่ี l7o.1oตpัวsอแยาลงะรูปwทiี่ใrชeในcกuาbรวeาดตตาามมลแำ�บดบับรูปบาน ไมกางเขน ส่ีเหลี่ยมขนมเปยกปูน
(* รปู overlappinogvienrflianpitpyinlgooinpfisniมtyาจloาoกpแsบแบลปะรwะเiมreินcAudbedeตnาbมลroาํ oดบัke’s Cognitive Examination III, Copyright
Hodges JR. Repr(Eo*xdaรmูปucineaodtvioewnrliatIIphI,pCpinoegprymriingisfhisntiioHtyno)dgloeospJsR.มRาeจpาrกoแdบuบceปdระwเมitินh Addenbrooke’s Cognitive
permission)

การแปลผล ผสู งู อายทุ ั่วไปที่ไมมคี วามผดิ ปกตจิ ะสามารถวาดรูปบาน ไมกางเขน และ
สี่เหลี่ยมขนมเปยกปูนไดถูกตอง การวาดผิดอยางมากบงบอกถึงความผิดปกติของสมอง

บทท่ี 7 Constructional ability | 95
118 การแปลผล ผสู้ งู อายทุ วั่ ไปทไ่ี มม่ คี วามผดิ ปกตจิ ะสามารถวาดรปู บา้ น ไมก้ างเขน และสเ่ี หลย่ี ม
หขanนรdือมไทปเปBยัญีlยaหเกธปcารปkรเรรูน,ียม่อื ไบ2นงด0เกา้ถท0ลถูกีย0้าตบเ)มจ้อกเทรนงับิญั้งือ้ กนกบอลี้กาญุ่อุมรานวรไmแาแดดรปศiงlผลึกdเิดปผษอcน็ลาoยไกกม่าgาาnง่นรรมiววับtาาiากvกดดeาบทรรูป่งi่ีผลmบดิาwอpกกiaเrสieถr้นmึงcคเบueวbn้ียาetวมหผ(แMริดลือCปะสIก)ั่นiตnแนิขfลiิดnอะหiงtกสนyลม่อุมlอoยภงoทาอp่ีเวกยsะิ่ดาสใงจนมแาผนอกูสง่นอูเงอาสอกนื่อาามยร(ุSมtือrสu่ันb
ระยะแรธกรร(Cมhนaาrถerเnจbรoิญoบnุญ, 2ไ0ด1้ศ7ึก) ษโดายกแาบรวงาคดะรแูปนนwกiาreรวาcดuแbตeล ะแรลูปะเปinนfดinังiนtyี้ loops ในผู้สูงอายุ
ไ(Cทhยarเeปrรxnยี bบoเรทoปู nยี บ,in2กf0ับin1กi7tลy)่มุ โlดomยoแiplบdsง่ แคcบoะงแgเnนปiนtนiกv1eา)รวiวmาาดดpแไaดตirล่mแะลeระnปู t2เป)(น็MวดาCดงั Iน)ไม้ีแไ ลดะ กลมุ่ ภาวะสมองเสอ่ื มระยะแรก
ด า้ นหนา้xได●●้ แรสตูป่เี รรห่วปููปาลwด่ียiwnแiมrfiนeดrineวา iลนtccyึกหuuสblนboาeาeมoไมแpดแติบsบแิไง่งแตมเเบปวปถ่ ่งานกูน็ เดตปแ11้อน็ )น)งว1วแวล)าาลดกึวดะไสาไดดา3ด้ถมไ)ถดกูมวูก้ตติาแต้อดิไลอมงแะงถท22ูก2บ))ต)จววอาะาวงดไดามถแดไไ่กูลมถดตะไ่ ูก้เดลอ้ ต3้ยง)อบงวาบางดาสแงว่ สทนวบนไจดะแ้ไไดกมแ่ ไวกดาวเดลาสยดีเ่ หลี่ยม

รูปทรผูป่ีูป7ทว.2ี่ย7 ภ.2าตตสว้นมวั ตะอฉอัวสยบงอมเ่าับยสงอไาือ่กดงงมาเ้กสใรรานวะ่ือรรยามวปูดะราแะด((ร2ย1ก)ะ)(ใ1แจiน)nระรกfเปูiiหnnใน็ f(iนt1iวnyร)่าiูปผtจlyoู้ปะ(oว่เ1หlยp)o็นวsoาวpดจแา่ sผไะลดู้ปเะห้เแว่พ็นล(ยีย2ะวไง)มารส่ผ(wปู 2าูปสi)มrว่เีeาหยwรลไcถiมrี่ยuวeสมbาาดecแมใuตหาทbม่ร้เผี่กถeปี ดิิดวัญกปาทหาดก่ีผราใติดซใหิน้อปเใกกนนกาิดทผตรกบัปู้ิวใาาทว่ นรดยี่เหสภม่วานอืวทนะี่
ซอนทับทเป่ีเหน็ มสือามนมตตินิขฉอบงับลไูกดบ าในศกรูป์ (2) จะเห็นวาผูปวยวาดไดเพียงรูปสี่เหล่ียม แตมีปญหา
ในการวาดสว นทเ่ี ปนสามมติ ิของลกู บาศก

รไดูปว้ สา่inาหfมinาาiกกรtyผถากปู้วรlาาoวว่รดยoาวรวดpาูปาดsรดูปรไiรnูปดูปf้ iนใninนi้ีไintfมขyifณnไ่ iดnliะto้iyคทtoyว่กีplรoลsสoุม่ งlไภpสoดาsัยo วใวpพนะา่ sบสขมมณวพีภ่าอาบะผงวทวู้สเะสี่ากงู อ่ืผcอลมoูสาุมยวgูงภnาุปอาดiากtวไiยตะvดุปเิสeถ้ กมกูกือimอตตบงิเอ้pทกเงสaั้งือเื่iอหพrบmมมียทวดงe้ังารnหด้อ(รtมไยอ้ ดลดยถะลูก(ะร3ตอ6อ9ย.ง26ลเ.พ7จะ)ีึงยส9สงา6รามอ.ม7ายา)รรถถสวราปุด
ละ 36.2กาจรึงวสาาดมราูปรถwสiรrุeปไดcuวาbeหาพกบผวูป่าวผยู้สวูงาอดารยูปุปนก้ีไตมิวไาดด ไคดว้ถรูกสตง้อสงัยรว้อายมลีภะาว5ะ3.3coแลgnะiวtาivดeถูกต้อง
บางimส่วpนaรirอ้ mยลeะnt46.7 แต่ไมม่ ใี ครท่ีวาดแทบจะไม่ได้เลย ในขณะทีผ่ ู้ป่วยภาวะสมองเสอื่ มวาดได้ถูกต้อง
สเพรียปุ ถงกกูราตอ้ รอยแกงลปบาะลรา6ผวง.ลสา4แวดวนลราะรูปดอขถยอ้wกู ลคiตrะวeอ้ รง4รบ6ะcา.ว7งuงั สใbแนว่ ตeนกไารพมรอ้ มบทยีใวดลคาสะรผอท4ูสบี่ว4ูงกา.อ7ดาารแแยวทลุปาะบดกวจรตาะปู ิดวไาแมwดทไiไดrบeดเจลถcะยูกuไมตbในไ่อeดงขเ้ไรณลดอยด้ะยงัทรลน้อ่ีผะี้ยูปล5วะ3ย.ภ438าแว.9ะลทสะมง้ัวนอาสี้ดงามารถ

เสื่อมวาดไดถกู ตอ งเพียงรอ ยละ 6.4 วาดถกู ตอ งบางสวนรอ ยละ 44.7 และวาดแทบจะไมได

96 | การประเมินพุทธิปัญญา Cognitive Assessment

● ผสู้ งู อายปุ กติ เกอื บครงึ่ จะวาดผดิ เลก็ นอ้ ย โดยเฉพาะในสว่ นทเ่ี ปน็ สามมติ ิ ซงึ่ ผลการศกึ ษา
น้ีสอดคล้องไปกบั การศกึ ษาในต่างประเทศ (Gaestel et al., 2005) ประเด็นน้ีเปน็ สิ่งทแ่ี พทย์หลายคน
มักเขา้ ใจผดิ ว่าผสู้ ูงอายปุ กตติ ้องวาดไดถ้ กู ตอ้ งท้งั หมด
● แตก่ ารวาด wire cube แทบไมไ่ ดเ้ ลยนนั่ คอื วาดสเี่ หลยี่ มดา้ นหนา้ กไ็ มไ่ ด้ บง่ บอกถงึ ความ
ผิดปกตแิ น่นอนรอ้ ยละ 100
ทั้งนรี้ ายละเอียดของคะแนนแสดงอยู่ในตารางท่ี 7.1

ตารางท่ี 7.1 การวาดรปู wire cube และ infinity loops ในผูส้ งู อายปุ กติ ผ้ปู ่วย mild cognitive
impairment (MCI) และผู้ปว่ ยภาวะสมองเสือ่ ม

Non-dementia ภาวะสมองเสอ่ื ม
N (%)
กล่มุ ควบคุม กลมุ่ MCI
N (%) N (%) 30 (63.8)
17 (36.2)
Infinity loops score 2 (3.3) 6 (17.1)
0 (วาดผดิ ) 58 (96.7) 29 (82.9) 23 (48.9)
1 (วาดถกู ต้อง) 21 (44.7)
Cube score 0 (0) 8 (22.9) 3 (6.4)
0 (วาดไมไ่ ดเ้ ลย) 28 (46.7) 15 (42.9)
1 (วาดถูกต้องบางสว่ น) 32 (53.3) 12 (34.2)
2 (วาดถกู ต้อง)

(ดดั แปลงจาก Charernboon, 2017)

3.2 การทดสอบ visuospatial function อ่ืนๆ
ในทนี่ จ้ี ะแนะนำ� ครา่ วๆ ถงึ การทดสอบ visuospatial function วธิ อี น่ื ๆ ทผี่ อู้ า่ นอาจพบไดใ้ น
แบบประเมนิ cognitive function แบบส้นั และรวมถงึ standard neuropsychological test ตา่ งๆ
เพ่อื ใหพ้ อเป็นทรี่ ู้จกั โดยมกี ารทดสอบดังตอ่ ไปนี้
3.2.1 Degraded letter (incomplete letter, fragmented letter)
Degraded letter เปน็ ตัวอกั ษรที่มีการลดพื้นที่ลง ทำ� ใหม้ ชี อ่ งโหว่เปน็ บางสว่ น ผู้ป่วย
ต้องบอกว่าตัวอักษรแต่ละตัวคือตัวอะไร ภาพที่ 7.3 แสดงตัวอย่าง degraded letter 2 ตัวอักษร
(ก, ง) ซ่ึงมาจากแบบทดสอบ Addenbrooke’s Cognitive Examination III ฉบับภาษาไทย โดย
ธรรมนาถ เจรญิ บุญ (Charernboon, Jaisin and Lerthattasilp, 2016)

Degraded letter เปนตัวอักษรที่มีการลดพ้ืนท่ีลง ทําใหมีชองโหวเปนบางสวน
ผูปว ยตอ งบอกวา ตวั อกั ษรแตล ะตวั คือตัวอะไร ภาพท่ี 7.3 แสดงตัวอยาง degraded letter
2 ตัวอักษร (ก, ง) ซ่ึงมาจากแบบทดสอบ Addenbrooke’s Cognitive Examination III
ฉบับภาษาไทย โดย ธรรมนาถ เจริญบุญ (Charernboon, Jaisin and Lerthattasilp,
2016) บทที่ 7 Constructional ability | 97

ภาพที่ 7.3 ภาแพสดทงี่ ต7.วั 3อยแา่สงดขงอตงัวdอeยgา rงaขdอeงddletgtreardตeัวdอกั leษtรte“rกต”ัวแอลกั ะษ“รง“”ก” และ “ง”
ฉ(ตบัวบั อภักาษษราภไาทษยา;(CไตCทoัวhยgaอสnrรักei้าtษrงinvโรbดeภoยEoาธษxnรaารemมไtทนainายl.ถa,สt2รเiจ0oาร1nงิญ6โ)บดIIIุญยฉธใบชรับ้ใรนภมแาบนษบาาปถไรทะเจยเมร;นิ ิญCAhบdaุญdreeใrnชnbใbrนoooแokบneบ’seปtCรoaะglเ.nม,it2ินiv0e1A6Ex)dadmeinnabtrioonokIIIe’s
3.2.2 นับจุด (count dots)
3. 2ท.2�ำโดนยับใจหดุ ้ผู้ป(c่วoยuมnอtงรdูปoภtาs)พที่มีจุดหลายจุด แล้วให้บอกว่าในแต่ละรูปมีทั้งหมดกี่จุด
ท้ังนี้ห้ามเอามือช้ีทที่ภําาโพดยกใาหรผทูปดวสยอมบอนง้ีสรูปามภาารพถทพ่ีมบีจไุด้ใหนลแาบยบจุปดรแะลเมวินใหบAdอdกวeาnใbนrแoตoลkeะ’รsูปมC1ีท2o1ั้งgหnมitiดvกeี่จุด
Examinationทั้งIIนI ี้ห(Hาsมieเอhาeมtือaชl้ีท.,่ีภ2า0พ13)กภาารพททดี่ส7อ.4บนแส้ีสดามงภาราพถพตัวบอไยด่าในงขแอบงบกปารรทะดเมสินอบนAบัdจdดุen2bภroาoพke’s

Cognitive Examination III (Hsieh et al., 2013) ภาพที่ 7.4 แสดงภาพตัวอยางของการ
ทดสอบนบั จุด 2 ภาพ

ภาพภทาพ่ี 7ท.4ี่ 7 .4แสแดสงดตงัวตอัวยอ่ายงขางอขงอกงากรทารดทสดอสบอนบับนจับดุ จ2ุดภ2าพภา(พซ้า(ยซ)าคย�ำ)ตคอําบตทอ่ีถบกู ทตี่ถอ้ ูกงตคออื งมคี 8ือมจีุด8(ขวา)
จุด (ขวา)คคำ� ตําตออบบททถี่ กูี่ถตูกอ้ตงอคงือคมือีม1ี01จ0ดุ จ(ุดCo(CpoypriyghrigthHtodHgoedsgJeRs. RJeRp.roRdeupcreodduwciethdpewrimthission)
permission)
3.2.3 ภาพซอน (overlapping figures)
เปนการทดสอบโดยใหผูปวยดูภาพที่เปนส่ิงของซอนทับกัน แลวใหผูปวยระบุวามี
อะไรบาง ภาพที่ 7.5 แสดงตัวอยางของการทดสอบระบุภาพซอนจากแบบประเมิน
Montreal Cognitive Assessment Basic (MoCA-B; Julayanont et al., 2015)

98 | การประเมนิ พุทธปิ ัญญา Cognitive Assessment
3.2.3 ภาพซอ้ น (overlapping figures)
เปน็ การทดสอบโดยใหผ้ ปู้ ว่ ยดภู าพทเี่ ปน็ สง่ิ ของซอ้ นทบั กนั แลว้ ใหผ้ ปู้ ว่ ยระบวุ า่ มอี ะไรบา้ ง
ภAsาsพe1ทs2s่ี 2m7.e5ntแสBดasงiตcัว(อMยo่าCงAข-อBง;กJาuรlaทyดaสnอoบnรtะeบtุภaาl.พ, ซ20้อ1น5จ)ากแบบประเมิน Montreal Cognitive

ภาพภภทาา่ี 7พพ.ป5ท ร่ีตกะ7รัวก.รอ5อไยกบ่าตรไงัวปกเอสดาือ้ยรวยทายดืงดกกสกราอลรรบไ้วทกรยดะรบโสคเุภสอมื้าอบไพยฟรืดซะเ้อบทกนยีุภลนวาจไยพขากซโนคแอามบนฬไบฟกิ ปจาราเทะถกเียว้แมยนบินไใบขบMปไนมoรา้CะฬกเAิกมญุ -าินBแจถใMวนแยoภลCะาใบพAชอ้ปไ-Bมนระก(กCุญอoแบใpจนไyปrดigว้hยt
และชอ Nนa(sCreodpdyrinigehtZN. RaserperdoddinueceZd. wReitphropdeurmceisdsiownit)h permission)

cตcภ 4ooำ�.า แngวสnะหs4บตกtสรiนําtาrอ ปุมiuรแง่vยอcขเหeใสtงอนสกนiกียเfoงาผรสuงาคสnรปุปูขอื่nรวมaทอมวทcาlอดยtงแดมaงiสสภoลสbสทอมnะาอiาเี่lบวอกโiมบรtดะยี่งyาค้วcสทวรทcทยoมข่ีเถoกาเรี่nออ้ดสงnนุ่ียsงงมดาtsแวเเนrสอาป้tรขurนอ่ืน็งอuccสมหดงtcoมiแเtลงัonปiอลนกัonsนงะนั้tnaอไหโrจlดauรน่ื ลงึlแ้คacๆคักกtbทaวiไใ่oiาbดรบlนiงnรtiแรขดlyวaiเิกณtาวมlyบทนณกะ่ีรงสaาททาิเpรมbวโี่ยี่งตรaอiณ่าlแคrรiงยitลวทeอyแจpะtา่ืนลaเทaงcปlะจrๆี่รoilนเติeุนonปใทเtแbนsว็นa่ีtนรชeขlrทงิยuจณคี่นlมcะoดวะิยtไมbังาiทมมoานมeพ่่โีnมกผั้นรบaาทคคดิจlกกี่สทวปึงaทาุาดคากbร่ีสมงไวตเiดlุจดสผรนิitแิตยีริดyพ้ี กไวเคปวดบอมกวกช้แยไากาตดจใ่กูมรานินบ้ะว่สรกไี้พอ่ากตามาดยมาบรพรรใรวาไทนูบปวรดจดผถา สดปู้ดอรา้ว่ ูบปนย
constructional ability อยใู นการทดสอบ cognitive function ดวยเสมอ

บทท่ี 7 Constructional ability | 99

สว่ นเสริม
5. Apraxia
Apraxia หมายถงึ ความผดิ ปกตขิ องทกั ษะทางระบบการเคลอื่ นไหว (motor skill) ทำ� ให้
ไม่สามารถท�ำกิจกรรมหรือเคล่ือนไหวในสิ่งที่เคยทำ� ได้ โดยที่ไม่ได้เกิดจากการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
หรือความผดิ ปกติของการรบั ความรู้สกึ (sensory)
จากนยิ ามขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ apraxia ไมไ่ ดจ้ ดั อยใู่ นเรอ่ื งของ constructional ability หรอื
visuospatial ability อย่างไรกต็ ามใน DSM-5 รวมเอาความผิดปกติด้าน constructional ability,
visuospatial ability และ apraxia เขา้ ไว้ดว้ ยกนั ในหวั ขอ้ perceptual-motor ทัง้ นหี้ นังสือบางเล่ม
อาจจดั apraxia เป็น cognitive function ด้านอื่นๆ
Apraxia สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ประเภทได้แก่
1) Limb kinetic apraxia
2) Ideomotor apraxia
3) Orobuccal (oral) apraxia
4) Ideational apraxia
5.1 Limb kinetic apraxia
Limb kinetic apraxia เป็นความผิดปกติของการเคล่ือนไหวกล้ามเนื้อขนาดเล็ก (fine
motor) เช่น น้ิวมอื และการท�ำงานประสานกัน รวมถงึ อาจมคี วามผิดปกตขิ อง grasp reflex ผปู้ ่วย
จะมีการเคล่ือนไหวท่ีงุ่มง่ามและขาดความแม่นย�ำของมือ (หรือเท้า) เน่ืองจาก apraxia ชนิดน้ีผู้ป่วย
จะมีปัญหาต้ังแต่การเคล่ือนไหวเบื้องต้น (basic motor control) ของกล้ามเนื้อขนาดเล็ก รวมถึง
อาจมี reflex ทผี่ ิดปกติ ทำ� ใหใ้ นหนงั สือบางเลม่ ไมน่ ับว่า limb kinetic apraxia เป็น apraxia ที่แท้
จริง (Strub and Black, 2000)
5.2 Ideomotor apraxia
Ideomotor apraxia เปน็ apraxia ทพี่ บไดบ้ อ่ ยทส่ี ดุ ผปู้ ว่ ยไมส่ ามารถท�ำงานหรอื เคลอื่ นไหว
สงิ่ ทเ่ี คยทำ� ไดม้ ากอ่ น เชน่ ผปู้ ว่ ยไมส่ ามารถทำ� ทา่ “โบกมอื บา๊ ยบาย” หรอื “ตะเบะ๊ ” apraxia ลกั ษณะน้ี
ท่เี กิดกับแขนขาอาจเรยี กว่า “limb apraxia”

100 | การประเมนิ พทุ ธปิ ัญญา Cognitive Assessment

วิธีการตรวจ ทา่ ทางทนี่ ิยมใชใ้ นการตรวจได้แก่
● ทำ� ทา่ ตะเบ๊ะ
● ท�ำท่าแปรงฟนั
● ท�ำท่าหวีผม
● ทำ� ท่าใช้คอ้ นตอกตะปู
● ท�ำทา่ โบกมือบ๊ายบาย (โบกมืออ�ำลา)
● ทำ� ท่าโยนเหรยี ญ
● ท�ำทา่ เตะบอล
ในการตรวจให้เรม่ิ จากใหผ้ ปู้ ่วยท�ำตามคำ� สั่ง หากผปู้ ่วยท�ำไม่ได้ ผ้ตู รวจอาจทดสอบเพม่ิ เติม
ด้วยการท�ำท่าให้ดูแล้วให้ผู้ป่วยเลียนแบบ หรือในกรณีท่ีผู้ป่วยยังท�ำไม่ได้อีก อาจให้ส่ิงของจริงๆ
(เช่น หวี แปรงสีฟัน ค้อน) แล้วให้ผู้ป่วยท�ำตามค�ำสั่งอีกครั้ง โดยทั่วไปการใช้สิ่งของจริงจะง่ายท่ีสุด
ในขณะทกี่ ารทำ� ตามคำ� สงั่ โดยไมม่ สี ง่ิ ของจรงิ จะยากทส่ี ดุ (หรอื สามารถแปลไดว้ า่ ผปู้ ว่ ยทท่ี ำ� ไมไ่ ดแ้ มจ้ ะมี
สงิ่ ของจรงิ จะมีความบกพรอ่ งมากกว่าผู้ปว่ ยทที่ ำ� ไมไ่ ดเ้ ฉพาะเม่อื ทำ� ตามค�ำสง่ั )
ความผิดปกตขิ อง ideomotor apraxia เกดิ จากรอยโรคบรเิ วณ left parietal lobe และ
left prefrontal area ซ่ึงโดยส่วนใหญ่ ideomotor apraxia จะมีอาการในทั้งสองข้างของร่างกาย
ตารางท่ี 7.2 สรปุ รอยโรคใน apraxia ชนิดต่างๆ
5.3 Orobuccal apraxia (oral apraxia, buccofacial apraxia)
Orobuccal apraxia หมายถึงการเสียความสามารถในการท�ำงานที่เคยท�ำได้มาก่อนของ
บริเวณริมฝีปาก ลิ้น แก้ม และล�ำคอ เช่น ผู้ป่วยไม่สามารถท�ำท่าเป่าปากได้ เป็นต้น ทั้งน้ีในหนังสือ
บางเล่มอาจจดั orobuccal apraxia เป็นประเภทยอ่ ยของ ideomotor apraxia ได้
วธิ กี ารตรวจ ทา่ ทางทีน่ ยิ มใช้ในการตรวจได้แก่
● ท�ำท่าเปา่ (เช่น เป่าเทียนไข) หรือทำ� ท่าจบู
● ทำ� ทา่ กนิ น้ำ� โดยใชห้ ลอด
● ทำ� ทา่ แลบลิน้
รอยโรคท่ที �ำให้เกดิ orobuccal apraxia ไดแ้ ก่ บรเิ วณ inferior frontal area และ insula
ความผิดปกตชิ นิดน้มี ักพบร่วมไปกับอาการ Broca’s aphasia ตัวอย่างโรคท่ีพบ apraxia ชนดิ น้ี ไดแ้ ก่
frontotemporal dementia และ corticobasal degeneration (Hodges, 2007)

บทท่ี 7 Constructional ability | 101

5.4 Ideational apraxia
Ideational apraxia หมายถึงความผิดปกติในการท�ำงานท่ีซับซ้อนท่ีประกอบไปด้วย
หลายข้นั ตอน เช่น การพบั กระดาษใส่ซองจดหมายแลว้ ปิดผนึก ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยขัน้ ตอนยอ่ ยๆ คอื
1) พับกระดาษ 2) ใส่ในซองจดหมาย และ 3) ปิดผนึกซองจดหมาย ส่ิงท่ีแตกต่างจาก ideomotor
apraxia อย่างชัดเจนคือ ใน ideational apraxia หากแยกเป็นทีละข้ันตอนผู้ป่วยจะสามารถท�ำได้
เช่น ถ้าบอกให้ผู้ป่วยพับกระดาษ (อย่างเดียว) ผู้ป่วยจะสามารถพับได้ แต่ผู้ป่วยไม่สามารถรวบรวม
แนวคิดทง้ั หมดวา่ ทำ� อยา่ งไรถึงจะท�ำงานทงั้ หมดได้
วิธีการตรวจ งานท่ีนิยมใช้ในการทดสอบมีดังต่อไปน้ี ท้ังน้ีการบอกค�ำส่ังให้บอกรวดเดียว
ทัง้ หมด ไมใ่ หบ้ อกทีละข้นั ตอน
● พับกระดาษใสซ่ องจดหมายแล้วปดิ ผนกึ ซ่งึ มขี ้ันตอนย่อยได้แก่
o พบั กระดาษ
o ใสซ่ องจดหมาย
o ปิดผนึก
● บบี ยาสฟี ันใสแ่ ปรงสฟี นั
o เปดิ ฝายาสีฟัน
o หยบิ แปรงสีฟัน
o บบี ยาสีฟนั ลงบนแปรงสฟี นั
o ปิดฝายาสีฟนั
ต�ำแหน่งของสมองที่เกี่ยวข้องกับ ideational apraxia มีความชัดเจนน้อยกว่า apraxia
ชนิดอน่ื มกั พบในโรคทมี่ ีความผิดปกติกระจายท่วั cortex ทั้งสองขา้ ง (เชน่ ภาวะสมองเส่ือม) หรอื เกดิ
จากรอยโรคขนาดใหญ่บริเวณ parietal lobe ข้างซา้ ย อาการ ideational apraxia สว่ นใหญแ่ ลว้ จะ
ไมพ่ บเดี่ยวๆ แตม่ ักจะพบรว่ มกับความผดิ ปกติของ cognitive function ดา้ นอน่ื ๆ ดว้ ย ตัวอยา่ งโรค
ท่ีพบ apraxia ลักษณะน้ี เชน่ โรคอัลไซเมอร์ (ระยะปานกลางเป็นตน้ ไป) หรือ semantic dementia
(Hodges, 2007; Strub and Black, 2000)

ตารางท่ี 7.2 ชนดิ ของ apraxia และบริเวณของสมองที่เก่ียวข้อง

ชนิดของ apraxia ต�ำแหน่ง
Ideomotor apraxia Left parietal lobe และ frontal area
Orobuccal apraxia Left inferior frontal lobe
Ideational apraxia Left parietal lobe หรอื diffuse bilateral cortex

(ดัดแปลงจาก Hodges, 2007; Strub and Black, 2000)

102 | การประเมนิ พทุ ธปิ ญั ญา Cognitive Assessment

เอกสารอ้างอิง
Charernboon, T. and Chompookard, P. (2019). Detecting cognitive impairment in

patients with schizophrenia with the Addenbrooke’s Cognitive Examination. Asian
Journal of Psychiatry, 40, pp. 19-22.
Charernboon, T. (2017). Diagnostic accuracy of the overlapping infinity loops, wire cube,
and clock drawing tests for cognitive impairment in mild cognitive impairment
and dementia. International Journal of Alzheimer’s Disease, 5289239.
Charernboon, T., Jaisin, K. and Lerthattasilp, T. (2016). The Thai Version of the
Addenbrooke’s Cognitive Examination III. Psychiatry Investigation, 13(5),
pp. 571-573.
Gaestel, Y., Amieva, H., Letenneur, L., Dartigues, J. and Fabrigoule, C. (2005). Cube Drawing
Performances in Normal Ageing and Alzheimer’s Disease: Data from the PAQUID
Elderly Population-Based Cohort. Dementia and Geriatric Cognitive Disorders,
21(1), pp. 22-32.
Hodges, J.R. (2007). Cognitive Assessment for Clinicians, 2nd edition. Oxford: Oxford
University Press.
Hsieh, S., Schubert, S., Hoon, C., Mioshi, E. and Hodges, J.R. (2013). Validation of the
Addenbrooke’s Cognitive Examination III in frontotemporal dementia and
Alzheimer’s disease. Dementia and Geriatric Cognitive Disorder, 36, pp. 242-250.
Julayanont, P., Tangwongchai, S., Hemrungrojn, S., Tunvirachaisakul, C., Phanthumchinda,
K., Hongsawat, J., Suwichanarakul, P., Thanasirorat, S. and Nasreddine, Z.S.
(2015). The Montreal Cognitive Assessment—Basic: a screening tool for mild
cognitive impairment in illiterate and low-educated elderly adults. Journal of
the American Geriatrics Society, 63(12), pp. 2550-2554.
Strub, R. and Black, F. (2000). The Mental Status Examination in Neurology. Philadelphia:
F.A. Davis Co.

บทท่ี 8

Social Cognition



บทท่ี 8

Social cognition

_____________________________________________________________

Social cognition หมายถงึ กระบวนการของสมองทีใ่ ช้ในการแปลขอ้ มูลที่เกี่ยวข้องกบั ผอู้ ่ืน
เช่น อารมณ์ ความต้ังใจ หรือพฤติกรรม เป็นต้น (Green, Horan and Lee, 2015) Social cognition
ถอื วา่ เปน็ cognitive domain ทคี่ อ่ นขา้ งใหม่ และเพงิ่ ถกู ระบวุ า่ เปน็ หนง่ึ ใน cognitive function หลกั
เปน็ ครั้งแรกใน DSM-5 โดยทใ่ี น DSM-IV-TR ยงั ไม่มกี ารกล่าวถงึ social cognition มากอ่ น
Social cognition เป็นท่ีสนใจเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีหลัง เนื่องจากพบว่าโรคทาง
จิตเวชและโรคทางสมองหลายโรค เช่น โรคจิตเภท กลุ่มโรคออทสิ ติกสเปกตรัม หรอื frontotemporal
dementia มคี วามผิดปกตอิ ยา่ งชดั เจนในเรือ่ งของ social cognition และความผดิ ปกตินี้ช่วยในการ
อธิบายการเสียความสามารถในการใช้ชีวิต (function) ของผู้ป่วยได้ดีกว่าการอธิบายด้วย cognitive
function แบบด้งั เดมิ เพยี งอย่างเดียว
1. ค�ำศพั ท์ (terminology)
ใน DSM-5 แบ่ง cognitive function เปน็ 6 กลมุ่ ดังน้ี
1) Attention/concentration
2) Executive function
3) Learning and memory
4) Language
5) Perceptual motor
6) Social cognition
ทั้งน้ีในหนังสือหรืองานวิจัยท่ีเก่ียวกับ social cognition อาจเรียก cognitive function
แบบด้ังเดิม (คอื ขอ้ 1-5) วา่ classic cognitive function, neurocognition หรอื non-social
cognition ดงั น้นั ถา้ เห็นค�ำศพั ท์เหลา่ นใ้ี นเรอื่ ง social cognition จะหมายถึง cognitive function
ในขอ้ 1-5
1.1 ประเภทของ social cognition
เนอ่ื งจาก social cognition เปน็ แนวคิดทค่ี ่อนข้างใหม่ จงึ มกี ารแบ่งประเภทของ social
cognition ได้หลากหลายแบบ และยังไม่มีการแบ่งแบบใดท่ีเป็นมาตรฐานท่ีเป็นท่ียอมรับโดยทั่วไป
ในที่น้ีจะยกตัวอย่างการแบง่ ให้เหน็ 2 รูปแบบดังน้ี

106 | การประเมนิ พุทธปิ ญั ญา Cognitive Assessment
ตวั อย่างที่ 1 การแบง่ แบบทว่ั ไป
แบ่ง social cognition เปน็ 4 กลุ่ม (Green, Horan and Lee, 2015) ไดแ้ ก่
1) Perception of social cues หมายถงึ ความสามารถในการสังเกตสัญญาณทางสังคม
จากผ้อู ่นื ไม่วา่ จะเป็นในเรอ่ื งของสีหน้า น�้ำเสยี ง หรอื ภาษากาย โดยงานวิจยั สว่ นใหญม่ ักศกึ ษาในเรอื่ ง
ของการอา่ นสีหนา้ (face perception) และน้�ำเสยี ง (voice perception)
2) Experience sharing หมายถึงปรากฏการณ์ท่ีการสังเกตพฤติกรรมของบุคคลอื่น
สามารถกระตุ้นการท�ำงานของระบบประสาทในสมองเหมือนได้ท�ำพฤติกรรมนั้นด้วยตัวเอง ซึ่งการ
ทำ� งานทเี่ กดิ ขน้ึ โดยไมไ่ ดม้ ปี ระสบการณเ์ องโดยตรงนเี้ องเรยี กวา่ experience sharing ซงึ่ อาจแบง่ ยอ่ ย
ไดเ้ ป็น 2 กระบวนการได้แก่
ก. Motor resonance หมายถงึ ปรากฏการณท์ กี่ ารทำ� งานของระบบประสาททเี่ กยี่ วขอ้ ง
กบั motor system ในผสู้ งั เกตนน้ั เหมอื นกบั ในผทู้ ่ที ำ� พฤติกรรมน้ัน ซ่งึ หลักฐานแรกของเร่อื งนคี้ อื การ
พบวา่ ลงิ ทดี่ ลู งิ ตวั อน่ื กระทำ� บางอยา่ ง จะมกี ารทำ� งานของสมองเหมอื นกบั ลงิ ทก่ี ระทำ� จรงิ ซง่ึ ตอ่ มาเรยี ก
ว่า mirror neuron system
ข. Affect sharing แนวคดิ คล้ายกับ motor resonance แต่แทนทจี่ ะเปน็ เรอ่ื งของ
motor system ใน affect sharing จะเปน็ เรื่องของอารมณ์ นนั่ คอื ผูส้ ังเกตจะมีการทำ� งานของสมอง
ในส่วนทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั อารมณเ์ หมอื นกบั ผู้ท่ีก�ำลังแสดงอารมณ์ออกมา
3) Theory of mind (mentalizing) หมายถึงความสามารถในการรับรู้หรือเข้าใจถึง
ความคิด ความเชอ่ื หรือความต้งั ใจของผ้อู ื่น ซึง่ จะกล่าวถงึ เพิ่มเติมในส่วนต่อไป
4) Experiencing and regulating emotion ในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น
มกั จะมเี รอื่ งของอารมณเ์ ขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง การตอบสนองและจดั การกบั อารมณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ จงึ เปน็ สว่ นส�ำคญั
ในการปรบั ตัวและเขา้ กบั สังคม โดยการทำ� งานน้ีประกอบไปด้วย 2 อยา่ งได้แก่
ก. Emotion experience หมายถึงการตอบสนองทางอารมณ์ทเ่ี กิดขน้ึ ทันที ไม่ว่าจะ
เกดิ จากสง่ิ กระตนุ้ ทด่ี หี รอื ไมด่ กี ต็ าม เชน่ เมอ่ื ไดด้ หู นงั ตลกกร็ สู้ กึ มคี วามสขุ หรอื เมอื่ ถกู ลงโทษกร็ สู้ กึ เศรา้
เป็นตน้
ข. Emotion regulation หมายถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์ท่ีเกิดขึ้นและ
การแสดงการตอบสนองออกไป
ตวั อยา่ งท่ี 2 แบง่ ตาม The US National Institute of Mental Health (NIMH) - the Measurement
and Treatment Research to Improve Cognition in Schizophrenia (NIMH -
MATRICS)
การแบ่งแบบนเ้ี ป็นการแบ่งประเภท social cognition ตาม NIMH – MATRICS (Green
et al., 2008) ซึ่งแนะน�ำให้ใช้กับโรคจติ เภท โดยมกี ารแบง่ เป็น 5 ดา้ นย่อยดงั ต่อไปน้ี

บทที่ 8 Social cognition | 107

1) Emotion perception/processing หมายถึงความสามารถในการอ่านอารมณ์ของ
คนอืน่ ไม่ว่าจะเป็นการสงั เกตจากสีหนา้ หรอื นำ�้ เสียงก็ตาม
2) Theory of mind หมายถึงความสามารถในการรบั รู้หรอื เขา้ ใจถงึ ความคดิ ความเชือ่
หรือความตั้งใจของผอู้ นื่
3) Social perception หมายถงึ ความสามารถในการเขา้ ใจและตคี วามสญั ญาณทางสงั คม
(social cues) และบรบิ ทของสงั คม เชน่ ผปู้ ว่ ยออกไปกนิ ขา้ วเทย่ี งแลว้ กลบั มาสายเกนิ เวลาพกั หวั หนา้
เดนิ มาบอกวา่ “ขยนั ทำ� งานเนอะ” ผปู้ ว่ ยสามารถเขา้ ใจไดว้ า่ หวั หนา้ ไมไ่ ดห้ มายความวา่ ขยนั ทำ� งานจรงิ ๆ

(* คำ� ว่า social cues โดยท่ัวไปหมายถึงสญั ญาณหรอื คำ� ใบบ้ างอยา่ งทีไ่ ม่ได้สือ่ ออกมาด้วยค�ำพูดท่ตี รงไปตรงมา หรอื
ตัวค�ำพูดนน้ั ขดั กับสถานการณห์ รอื การแสดงออกอน่ื ดงั เช่นในตวั อยา่ งทก่ี ล่าวขา้ งต้นทีป่ ระโยคคำ� พูดของหวั หน้าไม่ไป
ด้วยกนั กับสถานการณ์ในตอนนนั้ รวมถงึ อาจมที า่ ทางและนำ�้ เสียงทีไ่ ม่เหมอื นกับการตงั้ ใจชมจริงๆ)

4) Social knowledge หมายถงึ ความสามารถในการเขา้ ใจรปู แบบหรอื กฎของสถานการณ์
ทางสงั คม เช่น ผู้ป่วยรวู้ ่าเมื่อเขา้ ไปในห้องสมดุ ไม่ควรท�ำเสียงดัง เปน็ ตน้
5) Attributional style (attributional bias) หมายถึงความโน้มเอียงในการอธิบาย
สาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง เช่น ในผู้ป่วยจิตเภทมักจะตีความเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนกับตนในทาง
กลา่ วหาหรอื ไมเ่ ปน็ มติ ร ยกตวั อยา่ งเชน่ ผปู้ ว่ ยบางคนเมอ่ื เดนิ เขา้ หอ้ งเรยี นแลว้ เหน็ เพอื่ นจบั กลมุ่ คยุ กนั
แล้วมองมาท่ตี น อาจมีความคดิ วา่ เพอ่ื นนา่ จะกำ� ลงั นนิ ทาตวั เองอยู่ เป็นตน้
2. สมองกับการทำ� งาน
ถ้าพิจารณาแบบกว้างๆ social cognition ที่เก่ียวข้องกับสัญญาณทางสังคมท่ีไม่ใช่ค�ำพูด
(non-verbal social signal) ได้แก่ สมองส่วน frontal และ temporal lobe เปน็ ส่วนสำ� คัญ (Elamin
et al., 2012) ในท่นี จี้ ะบรรยายเพ่มิ เตมิ ในการท�ำงานย่อยของ social cognition ทีม่ กี ารศึกษาเยอะ
ที่สดุ ไดแ้ ก่ การรับรู้อารมณท์ างสีหน้า (facial emotion recognition) และ theory of mind
Facial emotion recognition สมองสว่ นที่เกีย่ วขอ้ ง ได้แก่ occipital lobe ซึง่ ทำ� หน้าที่
ในเรื่องของการรับข้อมูลท่ีเป็นการมองเห็น จากนั้นข้อมูลจะส่งต่อไปยัง fusiform gyrus และ
inferotemporal cortex ซง่ึ เปน็ ตำ� แหนง่ เฉพาะทท่ี ำ� หนา้ ทใ่ี นการรบั รรู้ ายละเอยี ดของหนา้ ตาและสหี นา้
(ท�ำให้แยกสหี นา้ และหนา้ ตาของแตล่ ะบุคคลได้) ในขณะท่ีข้อมลู ทเ่ี ปน็ ลักษณะเคล่อื นไหว (dynamic)
เช่น การเปล่ยี นแปลงสีหนา้ การขยับปาก หรือสายตา จะผ่านไปยังสมองส่วน superior temporal
sulcus และสุดท้ายขอ้ มลู เหลา่ น้ีจะเชอื่ มต่อไปยัง amygdala, insula และ limbic system เพ่ือระบุ
ในเรอ่ื งของอารมณ์ (emotion) ตอ่ ไป (Purves, 2013)
Theory of mind จากการศกึ ษาพบวา่ เกย่ี วขอ้ งกบั สมองหลายสว่ นและมขี อ้ มลู ในแตล่ ะการ
ศกึ ษาทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป อยา่ งไรกต็ ามสมองสว่ นทม่ี กั ถกู รายงานวา่ มคี วามสมั พนั ธก์ บั cognitive theory
of mind ไดแ้ ก่ temporo-parietal junction และ dorsolateral prefrontal cortex สว่ น affective

108 | การประเมินพุทธปิ ญั ญา Cognitive Assessment
theory of mind พบว่าเกี่ยวข้องกับ medial prefrontal cortex และ orbitofrontal cortex
(Elamin, 2012; Purves, 2013)
อยา่ งไรกต็ าม เนอื่ งจาก social cognition ถือว่าเป็น cognitive function ประเภทใหม่
จงึ ยงั มกี ารศกึ ษานอ้ ยกวา่ classic cognitive function มาก อกี ทงั้ ยงั มกี ารแบง่ ประเภทและนยิ ามทใ่ี ช้
แตกตา่ งกนั ไป ทำ� ใหย้ งั ขาดความชดั เจนในแงข่ องตำ� แหนง่ ของสมองทเ่ี กยี่ วขอ้ ง จงึ ยงั ตอ้ งการการศกึ ษา
เพม่ิ เติมต่อไปในอนาคต

3. การประเมนิ social cognition
ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า social cognition มีการแบ่งย่อยได้หลากหลายประเภทและวิธี
ในหนงั สอื เลม่ นจ้ี ะกลา่ วถงึ โดยละเอยี ดเฉพาะ social cognition ทมี่ กี ารศกึ ษาเยอะทสี่ ดุ ไดแ้ ก่ emotion
perception และ theory of mind เท่าน้นั
3.1 Emotion perception (emotion recognition)
Emotion perception หรือ emotion recognition คอื ความสามารถในการระบุอารมณ์
ของผูอ้ ่ืน ซงึ่ การทดสอบท่ีงา่ ยและนยิ มใชม้ ากทส่ี ดุ คือ การใหผ้ ้ปู ่วยดรู ูปใบหน้าคนในอารมณต์ ่างๆ และ
ใหบ้ อกว่าคอื อารมณอ์ ะไร แบบทดสอบท่เี ปน็ มาตรฐานและถูกใช้มากท่สี ดุ อันหนง่ึ ได้แก่ The Ekman
Faces Test (สามารถดรู ายละเอียดและซื้อมาใชไ้ ด้ท่ี https://www.paulekman.com/) นอกจากน้ี
ยงั มกี ารทดสอบการระบอุ ารมณใ์ นรปู แบบอน่ื ๆ อกี เชน่ การดจู ากวดิ โี อ (ภาพเคลอ่ื นไหว) หรอื จากการ
ฟงั น้ำ� เสยี ง เป็นตน้
แบบทดสอบฉบบั ภาษาไทย
แบบทดสอบ emotion perception ฉบบั ภาษาไทย ในปัจจบุ ัน (พ.ศ. 2562) เท่าทผี่ ู้เขียน
ทราบ ยงั มีแบบทดสอบฉบับเดยี วทีไ่ ด้รับการแปลและทดสอบคณุ สมบตั ิของเคร่อื งมือคือ The Faces
Test โดยตน้ ฉบบั พัฒนาโดย Simon Baron-Cohen (1997) ส่วนฉบับภาษาไทยพัฒนาโดย ธรรมนาถ
เจรญิ บญุ (Charernboon, 2017) แบบประเมนิ ประกอบไปดว้ ยรปู หนา้ คนในอารมณต์ า่ งๆ 20 รปู และ
มตี วั เลือกใหผ้ ู้ป่วยเลือกตอบ ในฉบบั ภาษาไทยพบวา่ มี known-group validity ทดี่ ี โดยผู้ป่วยจิตเภท
ทำ� คะแนนไดน้ อ้ ยกวา่ กลมุ่ ควบคมุ อยา่ งมนี ยั สำ� คญั และมี test-retest reliability อยใู่ นเกณฑท์ ดี่ ี แบบ
ทดสอบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษสามารถดาวน์โหลดได้จาก The Autism Research Centre,
University of Cambridge (www.autismresearchcentre.com/) แบบประเมินสามารถใชไ้ ด้โดย
ไมม่ คี า่ ใชจ้ ่ายหากไม่ได้เป็นการท�ำเพือ่ ผลกำ� ไร (non-commercial)
3.2 Theory of Mind
Theory of mind หรือ mentalizing หมายถึงความสามารถในการรับรู้หรือเข้าใจถึง
ความคดิ ความเชอ่ื หรอื ความตง้ั ใจของผอู้ นื่ โดย theory of mind นน้ั อาจแบง่ ยอ่ ยไดอ้ กี เปน็ 2 ประเภท
ได้แก่

บทท่ี 8 Social cognition | 109

1) Cognitive theory of mind หมายถึงความสามารถในการเขา้ ใจความคดิ ความเชือ่
หรือความต้งั ใจของผ้อู ืน่ (อาจสรุปได้ว่าเปน็ การคดิ ในมุม ‘ถา้ เราเป็นคนๆ น้ัน เราจะคดิ ว่า ...’)
2) Affective theory of mind หมายถงึ ความสามารถในการเขา้ ใจเร่อื งของความร้สู ึก
หรอื อารมณข์ องผู้อนื่
3.2.1 Sally-Anne Test
การทดสอบ cognitive theory of mind ที่มักถูกพูดถึงในการเรียนการสอนเรื่อง
theory of mind ไดแ้ ก่ การทดสอบทเ่ี รยี กว่า Sally-Anne test (Baron-Cohen, Leslie a1n3d5 Frith,
1985)

รปู ทร่ีูป8ท.1ี่ 8.1กากราทรดทสดอสบอบSaSllayl-lAyn-Anenne

กากราทรทดสดอสบอบนนี้ที้ทําโ�ำดโดยบยบนนบโนตโ๊ะตจะะจมะีตมะีตกะรก้ารากลก่อลงองแแลละะตตุ๊กุกตตาแาซแลซลี่กลับ่ีกัตบุ๊กตตุกาตแาอแนอนกการาทรดสอบ
ท�ำโทดยดผสู้ตอรบวทจําจโะดแยสผดูตงรเวหจตจุกะาแรสณดด์ งังเหตตอ่ ุกไปารนณ้ีตาดมงั ลตำ�อ ดไปบั น(ีต้ดาูรมปู ลทาํี่ 8ด.ับ1 (ปดรูระูปกทอ่ี บ8.)1 ประกอบ)
o แซลล่ใี ส่ลกู แกว้ ลงในตะกร้า
oo แซจลากลนี่ใส้ันลแกู ซแลกลว่เี ลดงินใอนอตกะจการกา ห้องไป
ooo จาเตมกอ่ ่ือนมแัน้ าซแแลซซลลล่อี ลลอ่เีีเ่ ดดกนินิจกาอกลอหับก้อจเขงา้ากแมหอาอในนงยไหา้ป้อยงลกู แกว้ จากในตะกรา้ มาใส่ในกล่อง

oo เมห่อื ลแังซจลาลกี่อนอน้ั กผจู้ตารกวหจอถงามแผอปู้น่วยยาวยา่ ลูก“แซกลวจลา่ีนกา่ ใจนะตไปะกหราา ลมกู าแใกส้วใ นทกี่ไหลนอ ง?”
ค�ำตอบทีถ่ กู ตอ้ งคือแซลล่จี ะไปหาลูกแก้วท่ตี ะกรา้ ไม่ใชใ่ นกลอ่ ง เนอื่ งจากแซลล่ีไมร่ ู้ว่าแอน
แอบย้ายoลูกแตกอ ้วมไาปแแซลล้วลต่ีเอดนินทกล่ีเดับินเขอาอมกาไใปนขห้าอ งงนอก การตอบได้ถูกต้องจึงต้องอาศัยความสามารถว่า
‘ถ้าเราเปo็นแซหลลลัง่ีจเารกานจะนั้ ไผปูตหราวลจูกถแามก้วผทปู ่ีไวหยนวา’ “ในแกซาลรลศี่นึกา ษจาะตไป้นหฉาบลับูกขแอกงวทBี่ไaหrนon?”-Cohen พบว่าในเด็ก

คําตอบท่ีถูกตองคือแซลลี่จะไปหาลูกแกวท่ีตะกรา ไมใชในกลอง เนื่องจากแซลลี่ไมรู
วาแอนแอบยายลูกแกวไปแลวตอนท่ีเดินออกไปขางนอก การตอบไดถูกตองจึงตองอาศัย
ความสามารถวา ‘ถาเราเปนแซลลี่ เราจะไปหาลูกแกวที่ไหน’ ในการศึกษาตนฉบับของ

110 | การประเมินพทุ ธปิ ัญญา Cognitive Assessment
ปกตริ อ้ ยละ 85 จะตอบการทดสอบนถ้ี กู ตอ้ ง ในขณะทเ่ี ดก็ ทม่ี ภี าวะออทสิ ตกิ ตอบไดถ้ กู เพยี งรอ้ ยละ 20
เทา่ นัน้ (Baron-Cohen, Leslie and Frith, 1985)
โดยนอกจากการทดสอบ Sally-Anne ที่เป็นต้นฉบับของค�ำถามลักษณะนี้แล้ว ต่อมายังมี
การทดสอบในลกั ษณะนต้ี ามมาอีกหลายการทดสอบ ซง่ึ เรียกกันว่า false-belief test (หรืออาจเรยี ก
ว่า false-belief task, false-belief reasoning หรือ first/second-order false beliefs task)
สามารถศกึ ษาตวั อยา่ งเพิ่มเตมิ ได้ เช่น Wimmer and Perner (1983)
3.2.2 Reading the Mind in the Eyes Test
Reading the Mind in the Eyes Test หรอื เรียกส้ันๆ ว่า The Eyes Test เปน็ แบบ
ทดสอบ affective theory of mind ทมี่ กี ารใชม้ ากทสี่ ดุ อนั หนง่ึ ถกู พฒั นาขนึ้ โดย Baron-Cohen et al.
(2001) แบบทดสอบประกอบไปด้วยภาพถ่ายใบหนา้ เฉพาะบรเิ วณรอบดวงตาจำ� นวน 36 รปู (ตวั อย่าง
ลักษณะภาพดูได้ท่ีรูป 8.2) โดยผู้ป่วยต้องเลือกค�ำตอบจากตัวเลือกว่าคนในภาพน่าจะก�ำลังรู้สึกหรือ
คิดอะไรอยู่ โดยการศึกษาต้นฉบับพบว่าผู้ป่วยกลุ่มโรคออทิสติกจะท�ำคะแนนได้น้อยกว่ากลุ่มควบคุม
อย่างมีนัยส�ำคัญ ซ่ึงต่อมามีการน�ำไปใช้ในโรคอื่นๆ อีกหลายโรค เช่น โรคจิตเภท โรคอารมณ์สองข้ัว
โรคซึมเศร้า และ frontotemporal dementia เปน็ ตน้

รปู ที่ 8.2 ตัวอยา่ งลกั ษณะรูปที่ใชใ้ น Reading the Mind in the Eyes Test

(* เปน็ รปู ตัวอยา่ งเทา่ นน้ั ไมใ่ ช่รูปที่อยู่ในแบบทดสอบจริง รปู โดย ธรรมนาถ เจริญบญุ )

The Eyes Test ฉบับภาษาไทยดัดแปลงและทดสอบคุณสมบัติโดย ธรรมนาถ เจริญบุญ
(Charernboon and Lerthattasilp, 2017) โดยแบบประเมินฉบับภาษาไทยพบว่าคุณสมบัติของ
เครอื่ งมอื อยใู่ นเกณฑท์ ด่ี ี แบบทดสอบ The Eyes Test ทง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษสามารถดาวนโ์ หลดได้
จาก The Autism Research Centre, University of Cambridge (www.autismresearchcentre.
com/)

บทที่ 8 Social cognition | 111

4. ความผดิ ปกตขิ อง social cognition
การศกึ ษาในปจั จบุ ันพบวา่ โรคทางจิตเวชทม่ี คี วามผดิ ปกตขิ อง social cognition ทชี่ ัดเจน
และรุนแรง ได้แก่ โรคจิตเภทและภาวะออทิสติก ส่วนโรคทางระบบประสาท ได้แก่ frontotempo-
ral dementia และ Parkinson’s disease โดยในบทนี้จะยกตัวอย่างเป็นโรคจิตเภทซ่ึงมีการศึกษา
ค่อนข้างกวา้ งขวางและมหี ลักฐานสนับสนุนความผิดปกตอิ ยา่ งชัดเจน
โรคจติ เภท (schizophrenia)
ธรรมนาถ เจรญิ บุญ ไดศ้ ึกษา social cognition 3 ดา้ น ได้แก่ theory of mind, emotion
recognition และ social knowledge ในผู้ป่วยจติ เภทเปรยี บเทียบกบั กลุม่ ควบคมุ ที่มอี ายุและระดับ
การศึกษาเท่ากนั พบวา่ ผูป้ ว่ ยจิตเภทมีคะแนน social cognition ทง้ั 3 ดา้ นนอ้ ยกวา่ คนทวั่ ไปอยา่ ง
มีนัยสำ� คญั โดยมีความบกพร่องมากทีส่ ดุ ในเรอ่ื ง theory of mind (effect size 1.05) ตามมาดว้ ย
emotion recognition (effect size 0.81) ในขณะที่ social knowledge มคี วามบกพรอ่ งน้อยทีส่ ุด
(effect size 0.77; Charernboon and Patumanond, 2017; รปู ท่ี 8.3) ซง่ึ ผลการศกึ ษานใ้ี กลเ้ คยี งกบั
ผลการศกึ ษาในตา่ งประเทศทพี่ บวา่ social cognition ทบี่ กพรอ่ งมากทส่ี ดุ ในผปู้ ว่ ยจติ เภท ไดแ้ ก่ theory
of mind (effect size 0.96), social perception (effect size 1.04) และ emotion perception
(effect siz1e380.89) (Savla et al., 2012)

1.2 Effect sizes 0.77

1 1.11 1.05
0.81
0.8
0.6 ToM Emotion Social
0.4 recognition knowledge
0.2

0

Neurocognition

รปู ท่ี 8.3 รคูป่าทeี่ 7f.f3ecคtาsizeeffeเมc่ือt เปsรizียeบเทเียมบ่ือเผปปู้ รว่ียยบจเทิตียเภบทผูปกวับยกจลิตมุ่ เคภทวบกับคกมุ ลใุมนคดว้าบนคุมneใuนrดoาcนognition
n(วeดัuดroว้ cยoแgบnบitiปoรnะเ(มวนิัดดAวdยdแบenบbปrรoะoเมkินe’sACdodgennibtirvoeokEex’asmCinoagtnioitinv)e, thExeaomryinoaftimonin),d (ToM;
tวhดั eดo้วryยแoบf บmปinรdะเ(มTนิoMth; วeัดEดyวยeแsบTบeปsรtะ),เมeินmtohteioEnyeres cToegsnt)i,tieomno(tวioดั nดว้reยcแoบgบniปtiรoะnเมนิ the
(FวัaดcดeวยsแTบeบsปtร)ะแเมลินะ tshoecFiaalceksnToewstl)edแgลeะ s(oวัดciดal้วยknแoบwบlปedรgะeเม(ิวนัดดSวitยuแaบtบioปnรaะlเมFินeatures
SRiteucaotigonniatiloFneaTteusret)s Recognition Test)

(ขอ้ มลู จาก C(ขhอ aมreูลrจnาbกooCnhaarnedrnPbaotuomn aannodnPda, t2u0m17a)nond, 2017)

112 | การประเมินพุทธปิ ญั ญา Cognitive Assessment
ความส�ำคญั ของ social cognition
การศึกษาพบว่าความบกพร่องของ social cognition มีความสัมพันธ์และเป็นตัวท�ำนาย
function ของผปู้ ว่ ยจติ เภท ความเสอ่ื มถอยดา้ น social cognition นส้ี ามารถชว่ ยอธบิ ายความบกพรอ่ ง
ในเรอ่ื งของทกั ษะและการเขา้ สงั คมของผปู้ ว่ ยไดด้ ขี นึ้ นน่ั คอื ผปู้ ว่ ยจติ เภทจะมคี วามสามารถในการบอก
ไอมาเ่รขมา้ ณใจ์ผกู้อฎื่นเกนณ้อฑยท์ลางงสไมงั ค่คม่อยจเงึ ขท้าำ� ใใจหคม้ วปี าญัมคหิดาคในวกาามรรเู้สขาึ้กสขงัอคงมผแู้อล่ืนะมตปี ีคฏวสิ ามัมพสนััญธญก์ าบั ณผอู้ทนื่าง(สCังoคuมtuไม1re3่ไ,ด92้ 0แ0ล6ะ;
Charernboon and Patumanond, 2017)

รปู ทรี่ ู8ป.ท4ี่ 7.แ4สดแงสตดัวงอตยัวา่ องยคาวงาคมวสาัมมพสันัมธพข์ อันงธsขoอcงialscoocgianlitiocongกnบั itisoonciกalับfusnocctioanl function
(ดดั แ(ปดลัดงแจาปกลCงจouากturCeo, 2u0t0u6re) , 2006)
รรูปปู ทที่ ี่78.4.4แสแสดดงตงตัววัออยยาา่งวงวา่าคคววาามมบบกกพพรรออ่ งงขขอองง ssoocciiaall ccooggnnititioionn ออาาจจทท�ำําใใหห้ผผู้ปูป่ววยยมมีปี ัญหา
sociปalญ fuหnาcstoiocniaไlดf้uจnาcกtภioาnพ ไผดปู้  ว่จยาไกปภทาำ�พงาผนูปแวลยว้ ไเปจอทเําพงอ่ืานแรว่ลมว งเจานอเทพกี่ ่ือำ� นลรงั มวมสี งหี านนา้ ทเศ่ีกรําา้ ลอังยมู่ แีสตีหเ่นาอื่ งจาก
ผปู้ ่วเยศอรา่ านอสยหี ู แนต้าเไนด่ือไ้ มง่ถจูกาตก้อผงูปวจยงึ มออานงวส่าีหเพนื่อานไดทไ�ำมสถีหูกนตา้ อโกงรจธึงอมยอู่ ซงว่งึ ใานเพค่ือวานมทเําปส็นีหจนริงาแโกลรว้ ธมอกั ยจูะซม่ึงสี ในัญญาณ
ทางสคังวคามเ(ปsoนcจiaริงlแcลuวeมs)ักอจ่ืนะๆมีสอัญีกญท่บีาณง่ บทอากงวส่าังเคพม่ือนก(sำ� oลcงั iเaศlร้าcไuมe่ไดs)้โกอร่ืนธ ๆแตอผ่ ีกู้ปทว่ ่ีบยสงบงั เอกกตวไามเไ่ พด่ือ้ เนมื่อรวม
กับ กatําtลriังbเศuรtiาoไnมaไดl โsกtรyธleแตทผี่มปู ักวมยอสงังวเ่ากคตนไมอื่นไ ดต ่อเมตื่อ้ารนวหมรกือับมุ่งaรt้าtยriตb่อuตtiนoเnอaงl sทt�ำyใleห้ผทู้ป่ีม่วักยมตอีคงววาามคตน่อไปว่า
ซเทแทพลึง่ำ�่ีดอ่ืจใะจี หนะอเตซมะรทม้รึ่ื่นองีกชาว่จปี�ำตาว่ตแมใะรัญยาอนหงทคนตตาหเ้ วําขๆค่อนาาบใ้าวตนคคหซใคา้านวหจเึ่งมุนมขาวนโรคอคมดา่าือน้ั ิดใาวสยมตถจรทาัมทุงอ้า้วมมีผ่พรั่วเางณคริดาไโันาดิกปถยน์ทธเรทาตปใ้ไี์ต่ีไธนดเม่ผีอ็นารเชดิร่ดตมาเ(พาวเนีเกนมชปแงือ่็อ้ไีาเนรนดนอนไาะๆ่ด้งเจถห(พก้จเาซทชวื่ไ็อะนงึ่มน่าํานแโกึงใเ่ดสหหกวถกยดาน็รผ้า็ไทเงะนมมูปรวั่อบกึีอาเวไาหเววปะยปร็นนา่ไใตมนรเนมกีรคณนเชีอาาพว่า์โว่เระาจ่อืปกงนไมะนรรน็ร้ีตโะธนคเกพอตหกนารไอาวือ่จนธปรา่บนะนัน้งมวหโคก)ี่าีกจนรtรพเรhือพะะนอธeโแบื่อ้ันนผกoสวนู้ปร่ี)rดนจรธy่วะงกวเพยทรโามมoกอื่อร่างคีรfผงนทาธอวูป้ีนากเmะางรวคามไทื่อยiรนรnเงี่ไมชมนdมอเีค่ือีพ้ัน่เtะววหทhรไตา่าราeม่ีดเมอะoพาีจเงเอะพrะชอื่โyะสกชร่ือนไoมารววโระfอธกยา?อmอระธกiไเnไรรปdา?

เพื่อนโกรธเรา และมีการควบคุมอารมณที่ไมดีก็อาจจะแสดงอารมณโกรธตอบหรือแสดง
ทา ทางทีไ่ มเหมาะสมออกไป ทาํ ใหมีปญ หาความสัมพันธตามมาได

บทที่ 8 Social cognition | 113

5. สรปุ
ในปัจจุบันการศึกษาเก่ียวกับเรื่อง social cognition ก�ำลังเป็นที่สนใจมากขึ้นเร่ือยๆ ซ่ึง
ตรงข้ามกับ non-social cognition ท่ีในปัจจุบันมีการศึกษาน้อยลง เน่ืองจากท่ีผ่านมามีการศึกษา
จ�ำนวนมากท�ำให้มีหลักฐานท่ีชัดเจนมากเพียงพอแล้ว โดยในโรคทางจิตเวชนอกจากโรคจิตเภทและ
ภาวะออทิสติกแล้ว ในปัจจุบันยังมีการศึกษาตามมาในอีกหลายๆ โรคไม่ว่าจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว
โรคซึมเศร้า หรอื borderline personality disorder ในขณะท่ีในโรคทางอายุรกรรมประสาทก็กำ� ลัง
เป็นท่ีสนใจมากขึ้นเร่ือยๆ เช่นกัน เช่นในกรณีของ frontotemporal dementia การเสีย social
cognition มักเป็นความผิดปกติอันดับแรกๆ ที่สามารถตรวจพบ อีกท้ังมีระบุอยู่ในเกณฑ์การวินิจฉัย
ขอ้ หนึง่ ของ DSM-5 อีกดว้ ย

114 | การประเมนิ พทุ ธิปัญญา Cognitive Assessment

เอกสารอา้ งอิง
Baron-Cohen, S., Leslie, A. and Frith, U. (1985). Does the autistic child have a “theory

of mind”? Cognition, 21(1), pp. 37-46.
Baron-Cohen, S., Wheelwright, S. and Jolliffe, A. (1997). Is There a “Language of the Eyes”?

Evidence from Normal Adults, and Adults with Autism or Asperger Syndrome.
Visual Cognition, 4(3), pp. 311-331.
Baron-Cohen, S., Wheelwright, S., Hill, J., Raste, Y. and Plumb, I. (2001). The “Reading
the Mind in the Eyes” Test Revised Version: A Study with Normal Adults, and
Adults with Asperger Syndrome or High-functioning Autism. Journal of Child
Psychology and Psychiatry, 42(2), pp. 241-251.
Charernboon, T. (2017). Validity and reliability of the Thai version of the Faces Test.
Journal of the Medical Association of Thailand, 100 (Suppl.5), pp. S42-S45.
Charernboon, T. and Lerthattasilp, T. (2017). The Reading the Mind in the Eyes Test.
Cognitive and Behavioral Neurology, 30(3), pp. 98-101.
Charernboon, T., Patumanond, J. (2017) Social cognition in schizophrenia. Mental
Illness, 9:7054.
Couture, S. (2006). The Functional Significance of Social Cognition in Schizophrenia:
A Review. Schizophrenia Bulletin, 32(Supplement 1), pp. S44-S63.
Elamin, M., Pender, N., Hardiman, O. and Abrahams, S. (2012). Social cognition in
neurodegenerative disorders: a systematic review. Journal of Neurology,
Neurosurgery, and Psychiatry, doi:10.1136/jnnp-2012-302817.
Green, M., Horan, W. and Lee, J. (2015). Social cognition in schizophrenia. Nature Reviews
Neuroscience, 16(10), pp. 620-631.
Green, M., Penn, D., Bentall, R., Carpenter, W., Gaebel, W., Gur, R., Kring, A., Park,
S., Silverstein, S. and Heinssen, R. (2008). Social Cognition in Schizophrenia:
An NIMH Workshop on Definitions, Assessment, and Research Opportunities.
Schizophrenia Bulletin, 34(6), pp. 1211-1220.
Purves, D. (2013). Principles of Cognitive Neuroscience. Sunderland: Sinauer Associates
Inc.
Savla, G., Vella, L., Armstrong, C., Penn, D. and Twamley, E. (2012). Deficits in Domains of
Social Cognition in Schizophrenia: A Meta-Analysis of the Empirical Evidence.
Schizophrenia Bulletin, 39(5), pp. 979-992.
Wimmer, H. and Perner, J. (1983). Beliefs about beliefs: Representation and constrain-
ing function of wrong beliefs in young children’s understanding of deception.
Cognition, 13(1), pp. 103-128.

บทท่ี 9

Short Cognitive Tests



บทท่ี 9

Short cognitive tests

_____________________________________________________________

ในการประเมิน cognitive impairment ของผู้ป่วยนอกจากการประเมินด้วยการทดสอบ
ต่างๆ ที่กล่าวมาในหนังสือเล่มน้ีนั้น อีกวิธีหนึ่งคือการใช้แบบประเมิน cognitive test แบบส้ัน ซ่ึง
เปน็ การรวบรวมการทดสอบ cognitive function ต่างๆ เข้าไวด้ ้วยกัน
ขอ้ ดขี องการใชแ้ บบประเมนิ คอื ท�ำให้การทดสอบเปน็ มาตรฐานเดยี วกัน (ลองนึกถึงว่าหาก
ให้แพทย์ 2 คน เลอื กตรวจ cognitive function เองตามใจชอบ สองคนอาจจะเลอื กวิธกี ารทดสอบท่ี
แตกตา่ งกนั มาก จนทำ� ใหน้ ำ� มาเปรยี บเทยี บกนั แทบไมไ่ ด)้ มกี ารทดสอบคณุ สมบตั ขิ องเครอื่ งมอื มคี า่ เฉลย่ี
ในคนทั่วไป รวมถงึ มจี ุดตดั ในการคัดกรองโรค อีกทัง้ ยงั มวี ธิ ีการถามและคำ� ตอบท่ีชดั เจนทำ� ใหส้ ามารถ
นำ� ไปสอนบคุ ลากรทางการแพทยอ์ น่ื ๆ เชน่ พยาบาล ผชู้ ว่ ยพยาบาล หรอื นกั จติ วทิ ยา ใหท้ ำ� แบบทดสอบ
ได้อกี ด้วย
อย่างไรกต็ ามขอเนน้ ย้�ำว่าแบบทดสอบที่จะกลา่ วถงึ ในบทนจี้ ะมเี ฉพาะแบบประเมินแบบสัน้
เท่านั้น ซ่ึงส่วนใหญ่จะใช้เวลาท�ำไม่เกิน 30 นาที ส่วนการทดสอบมาตรฐานท่ีเป็น standard
neuropsychological test เชน่ Wechsler Adult Intelligence Scale (WAIS), Wechsler Memory
Scale (WMS) หรอื Wisconsin Card Sorting Test น้ันจะไม่กลา่ วถงึ ในบทน้ี แตจ่ ะมีบรรยายเพิ่มเติม
ในบทท่ี 10
1. ประโยชน์ของการใช้ cognitive tests
1) เพ่ือคัดกรองการมี cognitive impairment เช่น ใช้ตรวจคัดกรองภาวะสมองเส่ือม
ในชุมชน หรือในผ้สู ูงอายุที่มาด้วยปญั หาเร่อื งอารมณห์ รอื พฤติกรรม เปน็ ต้น
2) เพื่อยนื ยนั การมี cognitive impairment (objective cognitive impairment)
เมอ่ื ผปู้ ว่ ยมาดว้ ยประวตั อิ าการดา้ น cognitive function เชน่ หลงลมื มากขน้ึ สงิ่ ทแ่ี พทยต์ อ้ งท�ำคอื การ
ตรวจเพอื่ ยนื ยนั วา่ ผปู้ ว่ ยมี objective cognitive impairment จรงิ ๆ นอกจากน้ี objective cognitive
impairment นย้ี งั เปน็ ขอ้ หนงึ่ ของเกณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั ภาวะสมองเสอื่ มอกี ด้วย (ดเู กณฑก์ ารวนิ จิ ฉยั ภาวะ
สมองเสือ่ มไดใ้ นกรอบดา้ นล่าง)
3) เพ่ือระบุ domain of cognitive impairment การบอกได้ว่าผู้ป่วยมี cognitive
impairment เด่นในดา้ นใด จะมปี ระโยชนอ์ ยา่ งมากในการวินิจฉยั แยกโรคตอ่ ไป เชน่ หากผูป้ ว่ ยภาวะ
สมองเสื่อมมกี ารเสีย frontal lobe function อยา่ งชัดเจน ในขณะที่ recall memory ค่อนข้างปกติ
ย่อมนึกถงึ โรคอัลไซเมอร์นอ้ ยลง เปน็ ตน้

118 | การประเมินพทุ ธิปัญญา Cognitive Assessment
4) เพ่ือบอกความรุนแรงของโรค แบบประเมินหลายอันสามารถน�ำมาใช้เพื่อบอกระยะ
ความรนุ แรงของโรคได้ เชน่ Mini-Mental State Examination (MMSE) คะแนน 21-23 เทา่ กบั mild,
11-20 เทา่ กับ moderate และ 0-10 เท่ากบั severe dementia เป็นตน้ (Perneczky et al., 2006)
ส่วน Thai-Mental State Examination การศึกษาของ ธรรมนาถ เจริญบญุ แบ่งคะแนนเปน็ 19-23
เท่ากบั mild, 9-18 เทา่ กับ moderate และ 0-8 เทา่ กบั severe dementia (Charernboon and
Lerthattasilp, 2016) อยา่ งไรกต็ ามการแบง่ ชว่ งคะแนนจากแบบทดสอบเหลา่ นอี้ าจแตกตา่ งกนั ไปบา้ ง
ตามแตล่ ะการศึกษา ทย่ี กมาเป็นเพยี งตัวอย่างการแบง่ ชว่ งคะแนนแบบหนงึ่ เทา่ นั้น
5) เพอื่ ตดิ ตามการดำ� เนนิ โรค ไดแ้ ก่ การทำ� แบบประเมนิ เปน็ ระยะเพอื่ ตดิ ตามผลการรกั ษา
และการด�ำเนนิ โรค เช่น การตรวจ MMSE หรอื TMSE ในผู้ป่วยภาวะสมองเสอ่ื มทุก 3-6 เดอื น เป็นต้น

เกณฑ์การวินจิ ฉัย major neurocognitive disorder (dementia) ตาม DSM-5
1) การท�ำงานของสมอง (cognitive function) ลดลงจากเดิมอย่างชัดเจน อย่างน้อย
ใน 1 ด้าน ดังต่อไปน้ี complex attention, executive function, memory, language,
perceptual-motor หรือ social cognition โดยไดข้ อ้ มลู จาก
ก) การบอกเล่าของผู้ป่วย ผู้ท่ีอยู่ใกล้ชิด หรือแพทย์ ท่ีเห็นว่าผู้ป่วยมี cognitive
function แย่ลงอย่างชัดเจน
ข) ตรวจพบความบกพร่องอย่างชัดเจนจากแบบทดสอบมาตรฐานทางประสาท
จติ วทิ ยา (standardized neuropsychological test) หรอื ในกรณที ไ่ี มม่ อี าจใชก้ ารตรวจวดั
ทางคลินิกอนื่ ได้*
2) การเส่ือมถอยของการท�ำงานของสมองนี้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำ� วัน เช่น
ไมส่ ามารถจดั การการเงินหรือกินยาอยา่ งถูกต้องด้วยตวั เองได้ เปน็ ต้น+
3) ความผดิ ปกตทิ ี่เกิดข้ึนไมไ่ ด้เกดิ จากภาวะ delirium หรอื โรคทางกายอ่ืน
+ ในกรณีของ mild neurocognitive disorder เกณฑ์การวินิจฉัยใกล้เคียงกับ major
neurocognitive disorder ยกเวน้ ขอ้ 2. ทผี่ ปู้ ว่ ยยังคงสามารถใช้ชีวติ ประจ�ำวันไดเ้ อง
* สงั เกตว่าตามเกณฑ์การวินิจฉัย ขอ้ ยอ่ ย 1-ข. ต้องการผลจาก objective cognitive test
ด้วย ซงึ่ หากทำ� standard neuropsychological test ไม่ได้ อาจใช้การตรวจแบบสั้นท่มี ี
มาตรฐานแทนก็ได้

(ดัดแปลงและย่อจาก American Psychiatric Association, 2013)

146 บทที่ 9 Short cognitive tests | 119

22. แบแบบปบรปะเรมะินเมแนิ บแบบสบ้นั สน้ั
ในปใจนจปุบจั ันจแบุ บนั บแปบรบะปเรมะินเมนิ ccooggnnitiitvivee aasssseessssmmeennttแแบบบบสสน้ั ้ันททม่ี ่ีมใี ชีใใ้ชนใตนา่ ตงาปงรปะรเทะเศทมศจี มำ� ีนวนมาก
เกจนิาํ นกวา่นจมะารกวเบกรนิ วกมวมา าจเขะยีรนวบในรหวนมงมั สาอืเขเลียม่ นนใไน้ี ดหท้ นง้ั ังหสมือดเลดมงั นน้ัีไดในทบั้งหทนมจด้ี งึ จดะังเนขั้นยี ในนแบนทะนำ�้ีจเึงฉจพะาเะขแียบนบทดสอบ
ทแี่เปนน็ะทนี่นําเยิ ฉมพใชา้แะลแะบมบีฉทบดับสภอาบษทา่ีไเปทยนทรี่ปูนทิยมี่ 9ใ.ช1แแลสะดมงีฉตบัวอับยภา่ างษรายไทช่ือยแรบูปบทป่ี ร9ะ.เ1มนิแสcดoงgตnัวitอivยeางtest แบบ
สรั้นาทยมี่ชใีือ่ ชแใ้ บนบตา่ปงรปะรเมะเินทศcognitive test แบบส้ันทีม่ ีใชใ นตา งประเทศ

7-minute Screen Addenbrooke's Abbreviated Mental Barrow Neurological
(7MS) Cognitive Test (AMT) Institute Screen for

Examination (ACE) Higher Cerebral
Functions (BNIS)

Cambridge Cognitive Clock Drawing Test CognistatMini Consortium to
Examination (CDT) Mental State Establish a Registry
(CAMCOG) Examination (MMSE)
for Alzheimer's
Disease (CERAD)

Demtect Mini-Cog Mini Mental State Montreal Cognitive
Examination (MMSE) Assessment (MoCA)

The General Rowland Universal และอื่น ๆ
Practitioner Dementia
Assessment of
Cognition (GPCOG) Assessment Scale
(RUDAS)

รรปู ปู ทที่ 9่ี 9.1.1 ตตัวัวอยา่ งแบบประเมินน ccooggnnititiviveeteteststแบแบบส้ันสทั้นม่ีทใีม่ ชีใใ้ ชนใตนา่ ตงปางรปะเรทะศเทศ

iมแ3 mป3ภบา. การpบแษะขaทบเน้ึาirมดแใไmเบนรทินสบอ่ืปอeชยบซยใnบมรวนๆึ่ปงะtงาอสชหเกรอเ(มาท่วMะขลกมงินา่เึน้ไาCมหาทดเยIรcลินร)ผ่ี้เปถปือ่oาเู้แขแทcยยน็gลยีบoป่ีnผะๆน2งgีทาiทแt2nนเ่ีผกiทรบ)viลม่าาtาบeแนมุ่บiาทvบทมใมแtผี่eหบดาeลีกเู ญปมสขะstาeีกยีtรอร่ๆรวะนาsบแฉบเครtทปอมบแรอื รฉอนิลวปับากบส1มหลบภไ)�ำมบัรหแดาหืแาอภลรเษไรบปสือดะาบัาบรนสรถษ้ ไภาปวงรึทาา2งมป้ารไยวแงระจัทกะแบวเจยลสมมบบุบุมมินมบนัทอใทาทมหดงไี่ใมีดเดชญสสาสส้ถอือ่กอๆำ�งึ บมกปหบวคจรซcา่ือบัจcoึ่ง1ุบoปมg10gนัีแnร)nะแบiมtiเบiแบมีtมviบบาvทeนิ กeปบดภกรสปาtวะอวรeาtเะบะมes1เtดนิsmม0tงั ฉิซนรiฉแlบงึ่ปูทdบสบับท่ีใาับบcชภี่มo9าาg.ษร2nถาiทtแไiท้งัvบนeยง่ ี้
บสาํางหแบรับบปปรระะเเมมินินภอาาจวสะาmมาiรldถปcรoะgเnมiินtiไvดe้ทiง้ั mภpาวaะirmMeCnI tแล(MะสCมI)อแงลเสะ่ือ2ม) แบบประเมินสําหรับ
ภาวะสมองเสอื่ ม ซ่ึงมแี บบทดสอบดังรูป 9.2 ทั้งน้ีบางแบบประเมินอาจสามารถประเมินได
ทัง้ ภาวะ MCI และสมองเส่ือม

120 | การประเมินพทุ ธิปัญญา Cognitive Assessment 147

•7-Minute Screen (7-MS) Dementia Addenbrooke's
Cognitive Examination
•Addenbrooke's Cognitive Mild cognitive impairment(ACE)
Examination (ACE) Mini-Addenbrooke's
•Chula Mental Test (CMT) Cognitive Examination
•Mini Mental State (M-ACE)
Examination-2002 (MMSE-Thai
2002) Montreal Cognitive
•Mini-Addenbrooke’s Cognitive Assessment (MoCA)
Examination (M-ACE)
•Mini-Cog
•Rowland Universal Dementia
Assessment Scale (RUDAS)
•Thai Mental State
Examination (TMSE)

รปู รทปู ่ี ท9่ี.29 .2แแบบบบปปรระะเมเมนิ ินshshoortrtcocgongintiivteivetetset sฉtบฉบั บภับาษภาไษทายไทย

Fใทนoด่ี น3Mกlี s.ิยา(M1tFรมeoตSใinlMMEรชsวtใMตiจeนnถM3ั้งคiSูกก.inแ1MดัEพาM,ต ก SรัฒF่ปเeMตรEปoีอนnรคนilnงเวstา.ปแภatศโจieดบ็นlา.คMiวยnแบS1ัดะeบ9tปกaสanF7บรรnมtot5อะปedaอlเงsรมlงมEภtMะเีคSeิxนสเาะctiมaอ่ืทnวaแHิmนมะี่เtนuปทeสตiรนgnนม่ีเั้งวhEปเแaอมทตx,็นtตงถม็่ีรa1iทเปoงูึจm9ส3ต่ีรnัก7่ือค0ู้จดิiแ5nมั.ก(ตศล)คMaแา.ระะใtมลMนiว1แนoกะมต9นSาnนาน้ถ7จนEร่าึ5งฉ)ะ(ดจตMคบม�ำะมิดะเบัีกMมีคนแตภาีกะนิSนาราาแEโมนใษรรน)ชกทคใานชมาเี่อแย้มเราังตบอดกาก็มะกํบาทฤหเทป่ีษส3นม่ีสรุ0ดแินาะุดนใโยคเนใระมนถะโคนนิงึแโล�ำลนกแMcจกนบoุดMใgบนตใคnSนัดปปะEiปtทรจแiถvัจะน่ีจนeกูจเอุ้บนมพุบยfันิทนuฒัันกี่nนวนcา่ิยาtหมโioดรใnือชย้
เทเ่ายกอับะห23มาคยะถแึงนนcoสgำ� nหiรtับivกeารfuตnรวcจtiภoาnวทะส่ีดมี (อFงoเlสsอ่ืteมinแ,ตF่อoยlา่ sงtไeรinกต็ aาnมdเนื่อMงcจHาuกพghบ,ว1่าค97ะ5แ)นนในจากแบบ
ปรตะน เมฉินบบั MภMาษSาEอมงั กคี ฤวษามแสนัมะพนันําจธดุอ์ ตยดั่างทม่นี าอกยกกบั วอาาหยรแุ อื ลเะทราะกดบั บั 2ก3ารคศะกึ แษนานจสึงาํ มหกีราับรกศาึกรษตารทวจแ่ี ภยกาวจะุดตัดตาม
อาสยมุแอละงรเสะื่อดับมกแาตรศอึกยษาางอไรอก็ตมาภมาเนยห่ือลงังจอาีกจพำ� บนวนาคมะากแนคน่าจปากกติใแนบแบตป่ละรชะ่วเมงอินายุและMรMะดSับEกมาี รศึกษา
สาคมวาารมถสศมัึกพษันาเธพอ่มิ ยเาตงมิ มไาดก้จกาับกอCาrยuุแmละeรtะดaบัl.ก(1าร9ศ9ึก3)ษา จงึ มกี ารศึกษาท่ีแยกจุดตัดตามอายุและ
ระด ับกา รศึกษ3.า1อ.1อ กMมMาภSาEยฉหบลบั ังภอีากษจําาไนทวยนมาก คาปกติในแตละชวงอายุและระดับ
ผู้สกูงาอราศยกึ ุ ษก ารสมาก มาMารรแMถพศSทกึEยษ์ฉา(บเIพnับs่มิ ภtเiตาtuษมิ tไาeดไทจoายfกใชGC้ชerื่อuriวma่าtreiMct MaMlS.eE(d1-iT9ch9in3ae)i, 2002 พัฒนาโดยสถาบันเวชศาสตร์
2008) โดยฉบับภาษาไทยน้ีมีจุดตัด
ทดัง่ีต3แ่า.ส1งดไ.1ปงใจนMาตกMาตร้นSาEฉงทบฉี่ับบ9ภ.ับ1าภษาาษอาังไกทฤยษ และแบ่งจุดตัดตามระดับการศึกษา มีความแม่นย�ำในการวินิจฉัย
MMSE ฉบับภาษาไทยใชชื่อวา MMSE-Thai 2002 พัฒนาโดยสถาบันเวชศาสตร

ผสู ูงอายุ กรมการแพทย (Institute of Geriatric Medicine, 2008) โดยฉบับภาษาไทยนี้มี

บทท่ี 9 short cognitive tests

บทท่ี 9 Short cognitive tests | 121

ตารางที่ 9.1 ความแมน่ ยำ� ในการวนิ ิจฉยั ภาวะสมองเส่ือมของแบบประเมิน MMSE-Thai 2002

ระดับการศึกษา จุดตดั คะแนนเตม็ Sensitivity Specificity
(%) (%)
ไม่ไดเ้ รียนหนงั สือ
(อ่านหนงั สอื ไมอ่ อก) ≤ 14 23* 35.4 76.8
ประถมศึกษา
สงู กวา่ ประถมศกึ ษา ≤ 17 30 56.6 93.8
≤ 22 30 92.0 92.6

* คะแนนเต็มน้อยลงเพราะตัดข้อค�ำถามท่ีเก่ียวข้องกับการอ่านและเขียนทิ้ง (ดัดแปลงจาก Institute of Geriatric
Medicine, 2008)

3.1.2 ขอ้ จ�ำกดั ของ MMSE
ถงึ แมว้ า่ MMSE จะเปน็ แบบประเมนิ ทเ่ี ปน็ ทรี่ จู้ กั และมกี ารใชม้ ากทสี่ ดุ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม
ในปัจจุบนั พบว่า MMSE มขี ้อจ�ำกดั หลายอยา่ งที่ควรกลา่ วถึงดังน้ี
● ปัจจุบัน MMSE มีการบังคับใช้เรื่องลิขสิทธ์ิท่ีเข้มงวด การน�ำไปใช้ไม่ว่าจะ
เป็นการตรวจรักษาทางคลินิกหรือในงานวิจัยท่ีไม่แสวงหาก�ำไร (non-commercial) ต้องขออนุญาต
และมคี า่ ใช้จา่ ย ซ่งึ รวมถึงฉบับภาษาไทยดว้ ย แนวโนม้ ในอนาคตจงึ น่าจะมกี ารใชล้ ดลง
● MMSE ไม่มีการทดสอบในเรอื่ งของ executive function เลย (ตารางท่ี
9.2) จึงทำ� ให้พบวา่ MMSE ไม่มีความไวในการตรวจ frontotemporal dementia ระยะแรก ผปู้ ว่ ย
สว่ นใหญ่ยงั สามารถทำ� คะแนน MMSE ได้อยู่ในเกณฑป์ กติ (Mathuranath et al., 2000)
● MMSE ขอ้ คำ� ถามคอ่ นขา้ งงา่ ย ทำ� ใหใ้ นโรคทม่ี คี วามผดิ ปกตขิ อง cognitive
function ทไี่ ม่รนุ แรง เชน่ mild cognitive impairment (MCI) หรอื cognitive impairment ใน
โรคจติ เภท MMSE จงึ ไมไ่ วพอในการตรวจพบความผิดปกติ (Faustman, Moses, and Csernansky,
1990) จาก meta-analysis โดย Mitchell (2009) พบว่า MMSE มี sensitivity เพียงรอ้ ยละ 63 และ
specificity ร้อยละ 65 เทา่ นัน้ ในการตรวจพบภาวะ MCI
● ส�ำหรับ MMSE-Thai 2002 จะเห็นว่าในกลุ่มตัวอย่างท่ีมีระดับการศึกษา
นอ้ ยกวา่ หรอื เทา่ กบั ประถมศกึ ษา แบบประเมนิ มี sensitivity ในการตรวจพบ dementia เพยี งรอ้ ยละ
35.4-56.6 เทา่ นัน้ จงึ อาจไม่เหมาะท่ีจะน�ำไปใชค้ ดั กรองในผู้มรี ะดับการศึกษานอ้ ย

122 | การประเมนิ พทุ ธิปัญญา Cognitive Assessment

ตารางที่ 9.2 แสดงการเปรยี บเทียบการประเมิน cognitive domains ของ short cognitive test
ฉบบั ภาษาไทย

แบบทดสอบ Recall Executive/ Language Attention/ Constructional
memory frontal lobe orientation ability
7-MS -
ACE ++ function ++ ++ -
M-ACE ++ ++ - ++ ++
Mini-Cog ++ ++ - ++ -
MMSE + ++ ++ --
MoCA + + ++ ++ +
RUDAS ++ - ++ ++ +
TMSE ++ ++ ++ -+
+ ++ ++ +
+

- ไม่มกี ารทดสอบ, + มีการทดสอบเพียงเลก็ น้อย, ++ มีการทดสอบอยา่ งชดั เจน
7-MS: 7-Minute Screen; ACE: Addenbrooke’s Cognitive Examination; M-ACE: Mini-Addenbrooke’s
Cognitive Examination; MMSE: Mini Mental State Examination-2002; MoCA: Montreal Cognitive Assessment;
RUDAS: Rowland Universal Dementia Assessment Scale; TMSE: Thai Mental State Examination
(* ในทน่ี ี้จดั verbal fluency และ clock drawing test เปน็ executive/frontal lobe function)

3.2 Thai Mental State Examination (TMSE)
TMSE เปน็ แบบประเมนิ ทส่ี รา้ งขน้ึ ในประเทศไทย (Train the Brain Forum, 1993) หลายคน
มกั เข้าใจผดิ ว่า TMSE คอื MMSE ฉบบั ภาษาไทยซง่ึ ที่จริงไม่ใช่ โดย TMSE มีขอ้ คำ� ถามทีแ่ ตกต่างจาก
MMSE หลายอย่าง เชน่ มีบอกวนั ของสปั ดาหย์ อ้ นหลงั (ไม่มใี น MMSE) บอกความเหมอื นกนั ของหมา
และแมว (ไม่มใี น MMSE) และการวาดรปู บ้าน (ใน MMSE เป็นการวาดรูปห้าเหล่ียมซอ้ นกนั ) เปน็ ต้น
จากการศกึ ษาพบวา่ ผสู้ งู อายไุ ทยทว่ั ไปทำ� คะแนน TMSE ไดเ้ ฉลย่ี 27.4 (2.0) คะแนน ในการ
ศกึ ษาต้นฉบับแนะนำ� คะแนนมากกว่า 23 คะแนนเปน็ ค่าปกติ คะแนนนอ้ ยกว่าหรอื เท่ากับ 23 คะแนน
ถือว่าผิดปกติ (Train the Brain Forum, 1993)
3.3 Addenbrooke’s Cognitive Examination III (ACE)
Addenbrooke’s Cognitive Examination III เปน็ แบบประเมนิ ทพ่ี ฒั นาโดย Hodges โดย
ฉบับล่าสดุ ทปี่ รับปรงุ เปน็ ฉบบั ที่สาม (Hsieh et al., 2013) แบบประเมนิ มีคะแนนเตม็ 100 คะแนน
แบง่ การทดสอบเปน็ 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ attention, verbal fluency, language, visuospatial ability
และ memory

บทท่ี 9 Short cognitive tests | 123
แบบประเมิน ACE มีจุดเด่นคือมีการทดสอบในเรื่องของภาษา และ executive/frontal
function ค่อนข้างมาก ในการศึกษาต้นฉบับจึงพบว่าแบบประเมินมีความสามารถในการตรวจพบท้ัง
โรคอัลไซเมอร์และ frontotemporal dementia ได้ (Hsieh et al., 2013) นอกจากนี้ยังสามารถ
ตรวจพบภาวะ mild cognitive impairment (MCI) ได้อกี ด้วย และเนอ่ื งจากแบบทดสอบมีจ�ำนวน
ข้อค�ำถามคอ่ นข้างมาก จึงสามารถบอก cognitive domain ไดด้ กี วา่ แบบประเมิน MMSE และ TMSE
ที่บาง cognitive function อาจมีข้อคำ� ถามเพียงหนึ่งถึงสองข้อ ตัวอย่างเช่น visuospatial ability
ในแบบประเมิน ACE มี 11 การทดสอบ ในขณะที่ MMSE และ TMSE มเี พียงการทดสอบวาดรปู เพยี ง
1 รูป เปน็ ต้น
แบบประเมนิ ACE ฉบบั ภาษาไทย (Thai version of the Addenbrooke’s Cognitive
Examination III, ACE-T) พฒั นาโดย ธรรมนาถ เจรญิ บญุ (Charernboon, Jaisin and Lerthattasilp,
2016) ที่จุดตดั คะแนนนอ้ ยกว่าหรือเท่ากบั 75 คะแนนมี sensitivity และ specificity สำ� หรบั ภาวะ
MCI เท่ากับร้อยละ 90 และ 96 ตามล�ำดับ และที่จุดตัดคะแนนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 61 คะแนน
มี sensitivity และ specificity สำ� หรบั ภาวะสมองเสอื่ มเทา่ กบั รอ้ ยละ 100 และ 97 ตามลำ� ดบั (ตารางที่
9.3) นอกจากน้ีจากการศึกษาโดย ธรรมนาถ เจริญบญุ ยงั พบวา่ แบบประเมิน ACE-T ยังมีความไวพอท่ี
จะตรวจพบ cognitive impairment ในโรคจิตเภทได้ (Charernboon and Chompookard, 2019)
ข้อจ�ำกัดของแบบประเมิน ACE-T คือมีจ�ำนวนข้อค�ำถามเยอะกว่าแบบประเมิน TMSE,
MMSE และ MoCA โดย ACE มีคะแนนเต็ม 100 คะแนนในขณะที่แบบทดสอบอนื่ ๆ มคี ะแนนเตม็
30 คะแนน ท�ำใหแ้ บบประเมิน ACE-T ใช้เวลาท�ำประมาณ 20-30 นาที (Charernboon, Jaisin and
Lerthattasilp, 2016) จงึ อาจไมเ่ หมาะกับการใชเ้ ป็นแบบคดั กรองในการตรวจ cognitive function
ท่ัวไป แต่เหมาะส�ำหรับคลินิกเฉพาะทางอย่างคลินิกโรคสมองเส่ือม (dementia clinic) มากกว่า
นอกจากนี้ ACE-T มีข้อค�ำถามท่ีต้องใช้การอ่านและเขียนจ�ำนวนหลายข้อ จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้ใน
ผูป้ ว่ ยทอ่ี ่านไมอ่ อกและเขียนไมไ่ ด้
3.4 Montreal Cognitive Assessment (MoCA)
MoCA พัฒนาโดย Ziad นับว่าเป็นแบบประเมินแบบสั้นตัวแรกๆ ท่ีใช้ในการตรวจภาวะ
MCI แบบประเมนิ มีคะแนนเต็ม 30 คะแนน ในการศกึ ษาตน้ ฉบบั ทีจ่ ุดตัดคะแนนน้อยกว่าหรอื เทา่ กับ
25 คะแนนมี sensitivity ในการตรวจพบ MCI เท่ากับร้อยละ 90 และ specificity รอ้ ยละ 100 ทัง้ น้ี
ในการศึกษาต้นฉบับไม่ไดแ้ สดงจุดตัดส�ำหรบั การตรวจภาวะสมองเสอ่ื ม (Ziad et al., 2005)
MoCa ฉบบั ภาษาไทย (MoCA-T) พบว่าทค่ี ะแนนน้อยกว่าหรอื เท่ากับ 24 คะแนน (เพิม่ 1
คะแนนหากระดับการศกึ ษานอ้ ยกวา่ เท่ากบั 6 ป)ี มี sensitivity และ specificity เท่ากับร้อยละ 80
และ 80 สำ� หรับภาวะ MCI และทจี่ ดุ ตัดคะแนนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 21 คะแนน มี sensitivity และ
specificity ตอ่ ภาวะ dementia เทา่ กบั รอ้ ยละ 100 และ 98 ตามลำ� ดบั (Tangwonchai et al., 2009;
อยา่ งไรก็ตามผลการศึกษาดงั กลา่ วยงั เป็นรายงานฉบับเบอื้ งตน้ เทา่ น้ัน)

124 | การประเมินพุทธิปญั ญา Cognitive Assessment
แบบประเมนิ MoCA ทงั้ ภาษาไทยและองั กฤษสามารถดาวนโ์ หลดไดจ้ าก www.mocatest.
org
3.5 Mini-Addenbrooke’s Cognitive Examination (M-ACE)
Mini-Addenbrooke’s Cognitive Examination (M-ACE) เป็นแบบประเมินทพี่ ฒั นาโดย
Hsieh et al. (2015) โดยมเี ปา้ หมายเพือ่ สรา้ งแบบประเมินฉบบั สั้นที่ใชเ้ วลาไมม่ าก เนือ่ งจากตัวแบบ
ประเมนิ ตน้ ฉบบั ACE มขี อ้ จำ� กดั คอื ใชเ้ วลาคอ่ นขา้ งนาน จงึ ไมเ่ หมาะจะใชค้ ดั กรองในคลนิ กิ ทมี่ เี วลาตรวจ
น้อย โดย M-ACE สร้างโดยการเลอื กข้อค�ำถามมาจาก ACE ประกอบไปดว้ ยการทดสอบ 4 อยา่ ง ได้แก่
1) orientation 2) verbal fluency (บอกช่ือสัตว์) 3) clock drawing test และ 4) memory (จำ� ชอื่
และทอ่ี ย)ู่ โดยมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน ใช้เวลาตรวจเพยี งประมาณ 5 นาที โดยในการศึกษาต้นฉบบั
ภาษาองั กฤษพบวา่ M-ACE มคี วามแมน่ ยำ� ในการวนิ จิ ฉยั ภาวะสมองเสอื่ มสงู กวา่ MMSE (Hsieh et al.,
2015)
แบบประเมนิ M-ACE ฉบบั ภาษาไทย (MACE-T) พฒั นาและทดสอบคณุ สมบตั ขิ องเครอื่ งมอื
โดย ธรรมนาถ เจริญบุญ (Charernboon, 2019) แบบประเมนิ มคี วามแม่นยำ� ในการวนิ ิจฉยั ท้งั ภาวะ
สมองเส่อื มและ MCI โดยมี sensitivity และ specificity เท่ากับรอ้ ยละ 95 และ 85 สำ� หรับภาวะ MCI
และรอ้ ยละ 95.8 และ 85 ส�ำหรับภาวะสมองเส่ือม
3.6 Mini-Cog
Mini-Cog เปน็ แบบประเมนิ แบบสนั้ อกี อนั หนง่ึ ทใ่ี ชเ้ วลานอ้ ย เหมาะสำ� หรบั การคดั กรองภาวะ
สมองเส่อื มสำ� หรบั แพทย์เวชปฏบิ ัตทิ ัว่ ไปทีม่ เี วลาตรวจผู้ป่วยไม่มาก แบบประเมิน Mini-Cog ถกู พฒั นา
ข้นึ โดย Borson et al. (2000) หากพดู งา่ ยๆ แบบประเมนิ Mini-Cog คือการน�ำการทดสอบ clock
drawing test มาใชร้ ว่ มกบั การใหจ้ ำ� คำ� 3 ค�ำ (three-item recall)
การทดสอบ Mini-Cog ท�ำโดยบอกค�ำ 3 ค�ำให้ผู้ป่วยจ�ำ (recall memory) จากน้ัน
ใหผ้ ปู้ ว่ ยวาดนาฬกิ าทบ่ี อกเวลา 11:10 น. หลงั จากวาดนาฬกิ าเสรจ็ ใหผ้ ปู้ ว่ ยตอบค�ำ 3 คำ� ทใ่ี หจ้ ำ� การแปล
ผลการทดสอบทำ� โดย ดคู ะแนน recall กอ่ น ถา้ ได้ 0 คะแนน แปลวา่ มภี าวะสมองเสอื่ ม ถา้ ได้ 3 คะแนน
แปลว่าไมม่ ีภาวะสมองเสอื่ ม ถ้าได้ 1-2 คะแนนใหไ้ ปดูการวาดนาฬิกา ถ้าวาดนาฬิกาผิดแปลว่ามีภาวะ
สมองเสอื่ ม ถ้าวาดไดถ้ กู ตอ้ งแปลว่าไม่มีภาวะสมองเสอื่ ม (รูปท่ี 9.3)
แบบประเมิน Mini-Cog ในต้นฉบับภาษาอังกฤษพบว่ามี sensitivity ร้อยละ 99 และ
specificity ร้อยละ 93 ในการตรวจพบภาวะสมองเสื่อม (Borson et al., 2000) การศึกษาใน
ประเทศไทยโดย Kusalaruk and Nakawiro (2012) พบว่า Mini-Cog มี sensitivity เทา่ กับร้อยละ
66.7 และ specificity ร้อยละ 98.4

แบบประเมิน Mini-Cog ในตนฉบบั ภาษาองั กฤษพบวามี sensitivity รอยละ 99 และ

specificity รอยละ 93 ในการตรวจพบภาวะสมองเสือ่ ม (Borson et al., 2000) การศึกษา

ในประเทศไทยโดย Kusalaruk and Nakawiro (2012) พบทบทว่ีา9 M Sihnoi-rCtocgogมnี itsievenstietisvtist y | 125
เทากับรอยละ 66.7 และ specificity รอยละ 98.4

Three-item 3 คะแนน ไมมภี าวะสมอง ไมม ภี าวะสมอง
recall 1-2 คะแนน เส่อื ม เสอ่ื ม
0 คะแนน
วาดนาฬิกา มภี าวะสมอง
ถกู ตอ ง เส่ือม

วาดนาฬกิ าผดิ

มีภาวะสมอง
เสอื่ ม

รูปทร่ี 9ปู .ท3 ่ี 9.ก3ารกแาปรแลปผลลผMลinMi-Cinoi-gCog

3.7 773--.M7M i Sn7u-พtMeฒั inนSuาcโrtดeeยeSncSro(e7loeMmnSo)(7nMeSt) al. (1998) ประกอบไปด้วยการทดสอบ 4 อยา่ ง ไดแ้ ก่
1) recall m7-eMmSoพryัฒ2น) าcโaดteยgoSroyloflmueonncye3t) callo. c(k19d9ra8w) iปngระteกsอtบแไลปะด4วย) oกrาiรeทnดtaสtอioบn 4แบอบยปางระเมนิ

ถูกพไัฒดนแากเ พ1ื่อ) ใชreต้ cรaวlจlโรmคอeัลmไซoเrมyอร2์) category fluency 3) clock drawing test และ 4)
orientแaบtiบonปรแะบเมบินปร7ะ-เMมินSถฉกู บพับฒภนาาษเพาไ่ือทใชยตพรัฒวนจโารแคลอะลั ทไดซสเมออบรค ุณสมบัติโดย Sungkarat et al.
โ(2รค01อ1ลั )ไซแเมบแอบบรปบ์ รปะรเะมเินมมินคี 7า่ -MseSnsฉitบivับitภyาษร้อาไยทลยะพ1ัฒ0น0าแแลละะทsดpสeอcบifiคcุณityสมรบอ้ ัยตลิโดะย8S9u.9ngใkนaกrาaรtตeรtวจพบ
al. (2011) แบบประเมินมีคา sensitivity รอยละ 100 และ specificity รอยละ 89.9 ใน

การตร3ว.จ8พ บRโoรwคอlaัลnไซdเมUอnรiversal Dementia Assessment Scale (RUDAS)
RUDAS ถูกพฒั นาโดย Rowland et al. (2006) แบบประเมนิ ทำ� การทดสอบการท�ำงาน
ของสมองใน 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) memory 2) praxis 3) visuoconstruction 4) language และ 5) visu-
แoบspบaปtiรaะl เมแินบมบีคปวราะมเมแินม่นRยU�ำDในASกาฉรบวินับิจภฉาัยษภาไาทวยะพสัฒมอนงาเโสดื่อยมใLกimล้เpคaบียwทงทกaี่ tับ9tashMnoaMrteSctEo-agTnlh.itai(v2i e021t0e20s)t2sพมบีคว่่าา
sensitivity รอ้ ยละ 78.7 และ specificity รอ้ ยละ 60.7

126 | การประเมินพทุ ธปิ ญั ญา Cognitive Assessment

ตารางท่ี 9.3 เปรยี บเทยี บคุณสมบตั ขิ องแบบประเมิน cognitive test ฉบับภาษาไทย

แบบประเมนิ Cut-off Reference standard Sensitivity Specificity
7-MS score (%) (%)
< 0.83
Alzheimer’s disease (NINCDS- 100 89.9
ADRDA criteria)
ACE ≤ 75 90 96
Mild cognitive impairment
(DSM-5)

≤ 61 Dementia (DSM-5) 100 98
M-ACE ≤ 21
Mild cognitive impairment 95 85
(DSM-5)

≤ 16 Dementia (DSM-5) 95.8 85
-
Mini-Cog Dementia (clinical diagnosis) 66.7 98.4
MMSE ≤ 14
ไมไ่ ดเ้ รียน ≤ 17 Dementia (DSM-IV)
การศกึ ษา 1-6 ปี ≤ 22
การศกึ ษา > 6 ปี ≤ 24 35.4 76.8
MoCA ≤ 21
≤ 24 56.6 93.8
RUDAS ≤ 23
TMSE 92.0 92.6

MCI (CDR 0.5) 80 80

Dementia (CDR ≥ 1) 100 98

Dementia (DSM-IV-TR) 78.7 60.7

Mean – 2SD ของผ้สู งู อายทุ ว่ั ไป - -

CDR: Clinical Dementia Rating

บทท่ี 9 Short cognitive tests | 127
ขอ้ สังเกต
เนอื่ งจากการศกึ ษาวจิ ยั คณุ สมบตั ขิ องเครอื่ งมอื ในฉบบั ภาษาไทยมวี ธิ กี ารศกึ ษาทแี่ ตกตา่ ง
กันไป ไม่ว่าจะเป็น reference standard (gold standard) ท่ีบางการศึกษาใช้แบบประเมิน
Clinical Dementia Rating (เช่น MoCA) บางการศึกษาใช้เกณฑ์ DSM-5 (เช่น ACE และ
M-ACE) หรอื DSM-IV (เชน่ MMSE) ในเรอื่ งของกลมุ่ ผปู้ ว่ ย บางการศกึ ษาทำ� เฉพาะโรคอลั ไซเมอร์
(เชน่ 7-MS) บางการศกึ ษาเปน็ ภาวะสมองเสอื่ มโดยรวม (เชน่ ACE หรอื MMSE) หรอื กลมุ่ ควบคมุ
ท่ีบางการศึกษาใช้ healthy normal control (เชน่ MoCA) แตบ่ างการศึกษากลุ่มควบคมุ รวม
healthy normal control กับผมู้ ภี าวะ MCI เข้าดว้ ยกนั (เช่น ACE และ M-ACE) ดังนั้นการ
เปรยี บเทียบคา่ sensitivity และ specificity ระหว่างแบบทดสอบจงึ เปน็ ส่ิงท่ีไมค่ ่อยมปี ระโยชน์
และบอกไมไ่ ดว้ ่าแบบประเมนิ ใดมีความแม่นยำ� ในการวินจิ ฉยั มากกวา่ กัน

3.9 Alzheimer’s Disease Assessment Scale – Cognitive Subscale (ADAS-
Cog)
ADAS-Cog เท่าที่ผู้เขียนสืบค้นข้อมูล ยังไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของเครื่องมือ
ADAS-Cog ในฉบับภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตามเน่ืองจากเป็นแบบประเมินที่มีใช้กว้างขวางในงานวิจัย
โรคสมองเส่ือม จึงน�ำมาเขียนอธิบายเล็กนอ้ ยในทนี่ ้ี
แบบประเมนิ ADAS-Cog พฒั นาโดย Rosen ตง้ั แตป่ ี ค.ศ. 1984 (Rosen, Mohs and Davis,
1984) ลกั ษณะการประเมนิ จะเปน็ สว่ นผสมระหวา่ งการถามคำ� ถามใหผ้ ปู้ ว่ ยตอบ และสว่ นทเ่ี ปน็ ผทู้ ำ� แบบ
ทดสอบสังเกตและใหค้ ะแนน แบบทดสอบประเมิน cognitive function 5 ดา้ น ได้แก่ orientation,
memory, language, constructional ability และ praxis ใชเ้ วลาทำ� ประมาณ 30 นาที แบบประเมนิ
ADAS-Cog ถกู ใชบ้ ่อยในงานวจิ ยั ประสทิ ธิภาพของยาหรอื การรกั ษา เนื่องจากมีความละเอยี ด จงึ ไวต่อ
การเปล่ยี นแปลงมากกว่า MMSE
4. การเลือกใช้ short cognitive test
หากถามวา่ มแี บบทดสอบอนั ไหนทแ่ี นะนำ� ใหใ้ ชห้ รอื ไม่ – คำ� ตอบคอื “ไมม่ !ี ” ไมม่ แี บบประเมนิ
ใดทเ่ี รยี กไดว้ า่ ดที สี่ ดุ และแนะนำ� ใหใ้ ชใ้ นทกุ กรณี การเลอื กใชแ้ บบประเมนิ แบบสนั้ ตอ้ งพจิ ารณาหลายๆ
ประเดน็ ไดแ้ ก่ ระยะเวลาทใี่ ช้ จดุ ประสงคข์ องการตรวจ รวมถงึ โรคทน่ี กึ ถงึ ดงั นนั้ ผเู้ ลอื กใชต้ อ้ งมคี วามรู้
ความเขา้ ใจดใี นระดบั หนง่ึ จึงจะเลือกแบบประเมนิ ได้อยา่ งเหมาะสมทสี่ ุด โดยมีขอ้ แนะน�ำดังต่อไปนี้
1) ตอ้ งการตรวจภาวะอะไร เปน็ ประเดน็ แรกทต่ี อ้ งนกึ ถงึ ในทางคลนิ กิ สองภาวะทพี่ บบอ่ ย
คือ MCI และภาวะสมองเสอ่ื ม ความผดิ พลาดที่พบบอ่ ยคือผู้ตรวจหลายคนใช้แบบประเมนิ โดยท่ไี ม่รูว้ ่า
แบบประเมินมคี ณุ สมบตั ิอย่างไรและใชต้ รวจภาวะอะไร ท�ำให้หลายคนใช้ TMSE หรอื MMSE ตรวจ

128 | การประเมินพุทธิปัญญา Cognitive Assessment
ผปู้ ่วยท่สี งสยั ภาวะ MCI ซึ่งผูป้ ว่ ยมกั ทำ� คะแนนได้อยใู่ นเกณฑ์ปกติ การท�ำแบบประเมินจึงไม่ช่วยอะไร
ในการวินจิ ฉยั
2) สงสยั cognitive function อะไร ผูต้ รวจต้องพจิ ารณาใหด้ วี า่ โรคที่สงสัยน้ันมคี วาม
ผดิ ปกติของ cognitive domain ใด และแบบประเมนิ ทีเ่ ราเลือกใช้สามารถตรวจไดห้ รอื ไม่ เชน่ หาก
แพทยส์ งสยั ว่าผปู้ ่วยมี frontal lobe syndrome หรอื frontotemporal dementia การเลือกแบบ
ทดสอบที่แทบจะไมม่ ีการตรวจ frontal lobe function เลย เช่น MMSE หรอื TMSE จงึ เปน็ เรอ่ื งที่
ไมส่ มเหตุสมผล
3) เวลาและความเป็นไปได้ในการใช้ แบบประเมินท่ียาวส่วนใหญ่จะมีความแม่นย�ำและ
ให้รายละเอียดได้ดีกวา่ แบบประเมนิ ท่ีส้ัน แตก่ ็แลกมาด้วยการใชเ้ วลานานข้นึ ดังน้นั หากต้องการแบบ
ประเมนิ ที่ใชค้ ัดกรองในผ้ปู ว่ ยจำ� นวนมาก หรือใช้ในหนว่ ยบริการปฐมภูมทิ ี่แพทย์มีเวลาตรวจเพียงส้นั ๆ
ไมก่ ีน่ าทีก็ควรเลือกแบบประเมนิ ทใี่ ช้เวลาในการตรวจนอ้ ย เชน่ M-ACE หรือ Mini-Cog เปน็ ตน้
4) ใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลง แบบประเมินที่ใช้ในการติดตามอาการผู้ป่วยในทางคลินิก
ซึ่งต้องท�ำเป็นประจ�ำทุก 3-6 เดือน ควรมีลักษณะไม่ส้ันและยาวจนเกินไป แบบประเมินที่ส้ันและ
มคี ะแนนไมก่ ค่ี ะแนนจะไมไ่ วตอ่ การเปลย่ี นแปลงของอาการ ในขณะทแ่ี บบประเมนิ ทย่ี าวเกนิ ไปจะท�ำให้
ไม่สามารถใชไ้ ดจ้ ริงเมื่อคลินิกมผี ู้ปว่ ยจ�ำนวนมาก

5. ขอ้ ควรระวงั และการใช้ short cognitive test แบบไมเ่ หมาะสม
1) อย่าใช้แบบประเมินเพียงอย่างเดียวในการวินิจฉัยโรค โรคในกลุ่มภาวะสมองเสื่อม
ทั้งหมดเป็นการวินิจฉัยทางคลินิกท่ีต้องอาศัยข้อมูลหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นประวัติ การตรวจร่างกาย
ตรวจ cognitive function และการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั ิการ ข้อผิดพลาดท่พี บบอ่ ยคือแพทยใ์ ชแ้ บบ
ทดสอบชนดิ สัน้ เปน็ ตัวบอกว่าผ้ปู ว่ ยเป็นหรอื ไม่เปน็ โรค ยกตวั อยา่ งเช่น ผปู้ ว่ ยมาด้วยอาการหลงลืม แต่
แพทยเ์ ขียนในบัตรผู้ปว่ ยนอกวา่ “ไมน่ กึ ถงึ ภาวะสมองเส่ือมเน่ืองจากตรวจ TMSE ได้ 25 คะแนน” ซึ่ง
เปน็ สง่ิ ที่ผิด แพทยต์ อ้ งพงึ ระลึกไว้เสมอวา่ ไม่มแี บบประเมินใดทม่ี ีความแม่นยำ� 100% แบบประเมนิ ท่ี
มีคา่ sensitivity รอ้ ยละ 90 ย่อมหมายความว่าในผปู้ ว่ ย 100 คน แบบประเมินจะให้ผลลบลวง (false
negative) มากถึง 10 คน
2) แบบประเมินไม่สามารถแยกสาเหตุของ cognitive impairment ได้ ผู้ป่วยท่ีท�ำ
คะแนนได้น้อยเป็นการบ่งบอกว่าผู้ป่วยมี cognitive impairment แต่ไม่สามารถแยกโรคได้ แพทย์
ต้องมีสมมติฐานและมีการวินิจฉัยแยกโรคไว้ในใจก่อนเสมอ เช่น ผู้ป่วยท่ีมีภาวะ delirium ส่วนใหญ่
จะท�ำคะแนน short cognitive test ได้น้อยมาก แต่ผู้ป่วยอาจไม่ได้มีภาวะสมองเสื่อมแต่อย่างใด
การวินจิ ฉัยแยกโรคระหว่าง delirium กับ dementia จึงเป็นการวินิจฉยั แยกโรคดว้ ยอาการทางคลนิ ิก
เปน็ หลัก ไมใ่ ช่จาก cognitive test
3) อยา่ แปลผลโดยใชแ้ ตค่ ะแนนรวม เปน็ อกี จดุ หนง่ึ ทผี่ ใู้ ชแ้ บบประเมนิ มอื ใหมเ่ ปน็ คอื ดแู ต่
คะแนนรวมโดยไม่ได้ดูรายละเอียดของคะแนนย่อย ซ่ึงเป็นการท�ำแบบประเมินอย่างไม่คุ้มค่ากับเวลา

บทที่ 9 Short cognitive tests | 129
ท่ีเสียไป รายละเอียดของความผิดปกติของคะแนนย่อยจะช่วยบอกข้อมูลเพ่ิมเติมได้หลายอย่าง เช่น
ผทู้ ่ที ำ� คะแนน TMSE ได้ 27 คะแนนโดยตอบวนั ท่ีผิด 1 คะแนน ลบเลขผิด 1 คะแนน และ recall
ไม่ได้ 1 คะแนน อาจไมไ่ ดม้ คี วามผิดปกติอะไร ในขณะทผ่ี ปู้ ว่ ยอีกคนท่ที �ำคะแนน TMSE ได้ 27 คะแนน
เทา่ กนั แต่เสีย recall memory ทงั้ 3 คะแนน และเมอื่ ทดสอบเพ่ิมด้วยการใหต้ ัวเลอื กก็ยังตอบไมไ่ ด้
รายหลังมีโอกาสสูงทจ่ี ะเป็นภาวะสมองเสื่อมมากกว่า เป็นตน้
4) คุณสมบัติของเคร่ืองมือ แบบประเมินเมื่อน�ำมาใช้ในฉบับภาษาไทยจ�ำเป็นต้องมีการ
ศึกษาคุณสมบัติของแบบประเมินเสมอ เพราะเกือบทุกแบบทดสอบเม่ือมีการแปลเป็นฉบับภาษาไทย
มักจะมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากต้นฉบับภาษาอังกฤษเสมอ ทั้งค่าเฉลี่ยในคนทั่วไป จุดตัด และความ
แมน่ ยำ� ของเครอ่ื งมอื การใชแ้ บบประเมนิ ภาษาไทยโดยทไี่ มม่ กี ารศกึ ษาวจิ ยั มากอ่ น จงึ เปน็ เรอื่ งทอี่ นั ตราย
และอาจน�ำไปสู่การแปลผลผิดๆ ได้ ยกตัวอย่างเชน่ แบบประเมิน ACE, M-ACE และ MoCA ลว้ นมีจุด
ตดั คะแนนในฉบบั ภาษาไทยตำ�่ กวา่ ตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษทง้ั สน้ิ ดงั นน้ั หากใชจ้ ดุ ตดั คะแนนเทา่ กบั ตน้ ฉบบั
แลว้ ยอ่ มท�ำใหเ้ กดิ ผลบวกลวง (false positive) จ�ำนวนมาก

6. สรปุ
ในการเลือกใช้แบบประเมิน cognitive function แบบสั้น ผู้ใช้ควรมีความรู้ความเข้าใจ
ในเรอื่ งของ cognitive function และรถู้ ึงจุดเดน่ จดุ ดอ้ ย และคุณสมบตั ิของแบบทดสอบทีจ่ ะเลอื กใช้
เป็นอย่างดี จึงจะสามารถเลือกแบบประเมินได้เหมาะสมกับวตั ถุประสงค์และเกิดประโยชนส์ งู สุด

130 | การประเมินพุทธิปัญญา Cognitive Assessment

เอกสารอา้ งอิง
Borson, S., Scanlan, J., Brush, M., Vitaliano, P. and Dokmak, A. (2000). The Mini-Cog: a

cognitive ‘vital signs’ measure for dementia screening in multi-lingual elderly.
International Journal of Geriatric Psychiatry, 15(11), pp. 1021-1027.
Charernboon, T. and Chompookard, P. (2019). Detecting cognitive impairment in patients
with schizophrenia with the Addenbrooke’s Cognitive Examination. Asian Jour-
nal of Psychiatry, 40, pp. 19-22.
Charernboon, T. and Lerthattasilp, T., (2016). Characteristic profiles of activities of daily
living and relationship with cognitive performance in Thai elderly with different
stages from normal cognitive function, mild cognitive impairment to dementia.
Clinical Gerontologist, 39(4), pp. 307-323.
Charernboon, T. Diagnostic accuracy of the Thai version of the Mini-Addenbrooke’s
Cognitive Examination as a mild cognitive impairment and dementia screening
test. (2019). Psychogeriatrics, doi:10.1111/psyg.12417
Charernboon, T., Jaisin, K. and Lerthattasilp, T. (2016). The Thai Version of the
Addenbrooke’s Cognitive Examination III. Psychiatry Investigation, 13(5), p. 571-
573.
Crum, R.M., Anthony, J.C., Bassett, S.S., and Folstein, M.F. (1993). Population-based
norms for the Mini-Mental State Examination by age and educational level.
JAMA, 269(18), pp. 2386-2391.
Faustman, W., Moses, J. and Csernansky, J. (1990). Limitations of the Mini-Mental State
Examination in predicting neuropsychological functioning in a psychiatric
sample. Acta Psychiatrica Scandinavica, 81(2), pp. 126-131.
Folstein, M.F., Folstein, S.E. and McHugh, P.R. (1975). “Mini-mental state”: A practical
method for grading the cognitive state of patients for the clinician. Journal of
Psychiatric Research, 12(3), pp. 189-198.
Hsieh, S., McGrory, S., Leslie, F., Dawson, K., Ahmed, S., Butler, C.R., Rowe, J.B., Mioshi,
E. and Hodges, J.R. (2015). The Mini-Addenbrooke’s Cognitive Examination: a
new assessment tool for dementia. Dementia and Geriatric Cognitive Disorders,
39(1-2), pp. 1-11.
Hsieh, S., Schubert, S., Hoon, C., Mioshi, E. and Hodges, J.R. (2013). Validation of the
Addenbrooke’s Cognitive Examination III in frontotemporal dementia and
Alzheimer’s disease. Dementia and Geriatric Cognitive Disorder, 36, pp. 242-250.

บทท่ี 9 Short cognitive tests | 131
Institute of Geriatric Medicine. (2008). Thai Version of the Mini-Mental State Examination

(MMSE-Thai 2002). Bangkok: Department of Medical Services.
Kusalaruk, P. and Nakawiro, D. (2012). A validity study of the Mini-Cog test in Thai

dementia patients. Ramathibodi Medical Journal, 35, pp. 264-271.
Mathuranath, P., Nestor, P., Berrios, G., Rakowicz, W. and Hodges, J. (2000). A brief

cognitive test battery to differentiate Alzheimer’s disease and frontotemporal
dementia. Neurology, 55(11), pp. 1613-1620.
Mitchell, A. (2009). A meta-analysis of the accuracy of the mini-mental state
examination in the detection of dementia and mild cognitive impairment.
Journal of Psychiatric Research, 43(4), pp. 411-431.
Nasreddine, Z.S., Phillips, N.A., Bédirian, V., Charbonneau, S., Whitehead, V., Collin, I.,
Cummings, J.L. and Chertkow, H. (2005). The Montreal Cognitive Assessment,
MoCA: a brief screening tool for mild cognitive impairment. Journal of the
American Geriatrics Society, 53(4), pp. 695-699.
Perneczky, R., Wagenpfeil, S., Komossa, K., Grimmer, T., Diehl, J. and Kurz, A. (2006).
Mapping scores onto stages: mini-mental state examination and clinical
dementia rating. The American Journal of Geriatric Psychiatry, 14(2), pp. 139-144.
Rosen, W.G., Mohs, R.C. and Davis, K.L. (1984). A new rating scale for Alzheimer’s disease.
The American Journal of Psychiatry, 141, pp. 1356-1364.
Solomon, P.R., Brush, M., Calvo, V., Adams, F., DeVeaux, R.D., Pendlebury, W.W. and
Sullivan, D.M. (2000). Identifying dementia in the primary care practice.
International Psychogeriatrics, 12(4), pp. 483-493.
Sungkarat, S., Methapatara, P., Taneyhill, K. and Apiwong, R. (2011). Sensitivity and
specificity of seven-minute screen (7MS) Thai version in screening Alzheimer’s
disease. Journal of the Medical Association of Thailand, 94(7), pp. 842-848.
Tangwongchai, S., Phanasathit, M., Charernboon, T., Akkayagorn, L., Hemrungrojn,
S., Phanthumchinda, K. and Nasreddine, Z.A. (2009). The Validity of Thai version
of The Montreal Cognitive Assessment (MoCA-T), Dementia and Neuropsycho-
logia, 3(2): pp. 173.
Train the Brain Forum. (1993). Thai Mental State Examination (TMSE). Siriraj Hospital
Gazette, 45(6), pp. 359-374.



บทที่ 10

Standard Neuropsychological Assessment



บทท่ี 10

Standard neuropsychological assessment

_____________________________________________________________

จุดประสงค์ของบทนี้คือเพ่ือแนะน�ำผู้อ่านให้พอรู้จักถึง standard neuropsychological
assessment ที่เป็นมาตรฐานและนิยมใช้ทางคลินิกหรืองานวิจัย เพ่ือเป็นแนวทางให้ผู้อ่านสามารถ
เลอื กส่งตรวจเพม่ิ เติมในกรณที ก่ี ารตรวจขา้ งเตียงยังให้ข้อมลู ไมเ่ พียงพอ และชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจเวลาอา่ นพบ
ในการศึกษาวิจยั ท้งั นีใ้ นหนังสือเลม่ นจี้ ะไมไ่ ดล้ งลึกถึงรายละเอยี ดหรือวธิ ีการใช้งานแตล่ ะแบบทดสอบ
เนอื่ งจากแบบทดสอบเหลา่ นส้ี ว่ นใหญจ่ ะใชเ้ วลานาน มรี ายละเอยี ดคอ่ นขา้ งเยอะ และตอ้ งไดร้ บั การฝกึ
อบรมโดยเฉพาะจงึ จะทำ� ไดม้ าตรฐาน
1. แบบทดสอบ general cognitive functioning
ในหวั ขอ้ นจี้ ะหมายถงึ แบบทดสอบทมี่ กี ารวดั cognitive function ครอบคลมุ ในหลายๆ ดา้ น
รวมกนั ซึ่งมีแบบประเมินที่ควรร้จู ักดงั น้ี
1.1 Wechsler Adult Intelligence Scale (WAIS)
Wechsler Adult Intelligence Scale หรือทนี่ ยิ มเรียกกันวา่ WAIS เวอรช์ น่ั ลา่ สดุ ทีม่ ใี ช้
อยูค่ อื ฉบับท่ี 4 (WAIS-IV) เริ่มใช้ในปี ค.ศ. 2008 WAIS เปน็ ทร่ี ู้จักโดยทว่ั ไปคอื เปน็ แบบวดั ความฉลาด
(intelligence quotient: IQ) ในคนอายุ 16 ปีข้นึ ไป ฉบับสำ� หรบั เดก็ ชื่อวา่ Wechsler Intelligence
Scale for Children (WISC) ใชใ้ นเด็กอายุ 6-16 ปี ผลการทดสอบจะรายงานออกมาเป็น general
intellectual functioning (full-scale IQ) และแยกยอ่ ยไดเ้ ปน็ 2 หวั ขอ้ ไดแ้ ก่ verbal performance
(Verbal Scale IQ) และ non-verbal performance (Performance Scale IQ) และยงั สามารถ
รายงานผลยอ่ ยไดอ้ กี เปน็ verbal-comprehension, perceptual-organization, working memory
(attention) และ processing speed
คะแนน WAIS มคี า่ เฉลย่ี ปกติ (normative mean) เทา่ กบั 100 และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน
เท่ากับ 15
1.2 Cambridge Neuropsychological Test Automated Battery (CANTAB)
CANTAB เป็นแบบประเมิน general cognitive function ทเี่ ปน็ ทนี่ ยิ มใชใ้ นโรคทางดา้ น
ประสาทจิตเวชศาสตร์ แบบทดสอบใช้งานบนคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยการทดสอบย่อยมากถึง
17 การทดสอบ ซึ่งครอบคลุม cognitive domain หลายประเภท ตั้งแต่ attention, psychomotor
speed, memory, executive function, และ emotion recognition ท้ังน้ีสามารถเลอื กทำ� เปน็ บาง
แบบทดสอบได้โดยไม่ตอ้ งท�ำท้ังหมด

136 | การประเมนิ พุทธิปัญญา Cognitive Assessment

2. แบบทดสอบภาษา (language functioning)
2.1 Comprehensive Aphasia Batteries
แบบทดสอบในกลุ่มน้ีถือว่าเป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่ใช้ส�ำหรับทดสอบความผิดปกติ
ในด้านภาษา แบบทดสอบจะครอบคลุมการตรวจ aphasia ทุกชนดิ แบบทดสอบท่เี ปน็ ทีน่ ยิ มใชม้ ีดงั น้ี
● Boston Diagnostic Aphasia Examination
● Western Aphasia Battery
2.2 Boston Naming Test (BNT)
BNT เปน็ การทดสอบการบอกชอ่ื (confrontation naming) จากรปู วาด โดยมตี งั้ แตร่ ปู งา่ ยๆ
เช่น เตียง หรือต้นไม้ ไปจนถึงรูปท่ียาก เช่น ฮาโมนิก้า เนื่องจากปัญหาเร่ือง naming เป็นอาการ
ที่พบบ่อย แบบประเมิน BNT จึงเป็นแบบประเมินหน่ึงท่ีเป็นท่ีนิยมใช้มากในทางคลินิก BNT มีการ
ทดสอบคุณสมบัตขิ องเครอื่ งมอื ในฉบบั ภาษาไทยโดย Aniwattanapong et al. (2018)
2.3 Token Test
Token Test เปน็ แบบทดสอบความเข้าใจภาษา (comprehension) โดยการทดสอบจะมี
ตัวต่อรปู ทรงและสีตา่ งๆ จากนน้ั ผู้ตรวจจะออกค�ำสงั่ ใหผ้ ปู้ ว่ ยทำ� ตาม โดยค�ำสั่งมตี ัง้ แตง่ ่ายๆ เชน่ หยบิ
วงกลมขน้ึ มา ไปจนถงึ คำ� สงั่ ซับซ้อน เชน่ “หลังจากเอามอื แตะสเี่ หลี่ยมสเี หลืองแล้ว ใหห้ ยิบสามเหล่ียม
สีฟ้า” เป็นต้น Token Test ในฉบับแรกมีท้ังหมด 62 ค�ำสั่ง ต่อมาได้พัฒนาฉบับสั้นโดยลดค�ำส่ังลง
เหลอื 36 ค�ำส่ัง เพื่อให้ใช้ไดส้ ะดวกมากขึน้ ค่าปกติของแบบทดสอบสามารถดูไดท้ ่ี (De Renzi and
Faglioni, 1978)
3. แบบทดสอบ attention and concentration
3.1 Letter and symbol cancellation tasks
การทดสอบกลุ่มน้ีมีหลายรูปแบบ แตโ่ ดยหลกั การคือในภาพจะแสดง ตัวอักษร ตวั เลข หรอื
สญั ลกั ษณ์ จำ� นวนมากบนกระดาษ แลว้ ใหผ้ ปู้ ว่ ยทำ� การขดี หรอื กากบาทตวั อกั ษรหรอื สญั ลกั ษณท์ กี่ �ำหนด
ให้ การคดิ คะแนนคดิ จากจำ� นวนทก่ี าไดถ้ กู และผดิ และเวลาทใี่ ช้ ตวั อยา่ งหนงึ่ ของการทดสอบรปู แบบน้ี
ได้แกข่ อง Mesulam (1985) รูปที่ 10.1 แสดงตัวอยา่ งวธิ กี ารท�ำทดสอบ letter cancellation test
ซึง่ ผเู้ ขียนไดด้ ัดแปลงโดยใช้เปน็ ตัวอกั ษรภาษาไทย

หรือสัญลักษณ จํานวนมากบนกระดาษ แลวใหผูปวยทําการขีดหรือกากบาทตัวอักษรหรือ
สัญลักษณที่กําหนดให การคิดคะแนนคิดจากจํานวนท่ีกาไดถูกและผิด และเวลาที่ใช
ตัวอยางหนึ่งของการทดสอบรูปแบบนี้ไดแกของ Mesulam (1985) รูปท่ี 10.1 แสดง
ตัวอยางวิธีการทําทดสอบ letterบทcทa่ี n10c e lSltaatniodnardtenseturซo่ึงpผsูเyขcียhนoไloดgดicัดaแlปaลssงeโsดsยmใชenเปt น | 137
ตวั อักษรภาษาไทย

ก น ม ก ย ล ก ฟปก
หก ม ทอ ปก ผ ฟก
ง ฃกบยกร ดพพ
ข จ อ ก ก ผ พก ข จ

รปู ท่ีร1ูป0ท.1่ี 1แ0ส.ด1งตแวั สอดยงา่ ตงแัวนอวยคาดิ งขแอนงวแบคบิดทขดอสงอแบบบleทttดeสr อcaบncleeltltaetironcatnescteทllำ� aโดtiยoใnหผ้ tปู้eว่sยtกทาํากบาท
โดยใหตผัวปู อวักยษกราก“กบ”าทในตภัวอาพักนษ้ีร “ก” ในภาพนี้

3.2 Digit Symbol Modalities Test
3.2 DDiiggiitt SSyymmbbooll MMooddaaliltiiteiessเปT็นeกstารทดสอบในเร่ืองของ attention-concentration และ
psychomotoDr isgpiteedSกymารbทoดlสอบMท�ำoโdดaยlแitบieบsประเเปมนิ กจะาใรหทต้ ดัวสเลอขบใ1น-9เรทื่อ่จีงบัขคอู่กงับสัญatลtกัeษn1ณt6io5์ จnา-กน้ัน
ในกรcะoดnาcษeคnำ� tตrอatบioผnปู้ ว่ แยลตะอ้ pงเsขyยี cนhตoวั mเลoขtใoหrต้ sรpงeกeบั dสญักาลรกั ทษดณสใ์อหบไ้ ทดาํเ้ ยโดอยะทแบสี่ ดุบใปนรเวะลเมาิน9จ0ะวใหนิ าตทัวีเตลวัขอยา่ ง
การท1ำ� -แ9บทบ่ีทจัดบสคอูกบับดสูไัญดท้ ลรี่ ักูปษ1ณ0 .2จากน้ันในกระดาษคําตอบผูปวยตองเขียนตัวเลขใหตรงกับ

สญั ลักษณใ หไดเ ยอะที่สดุ ในเวลา 90 วินาที ตัวอยา งการทําแบบทดสอบดูไดท ่ีรูป 10.2

รปู รทูป่ี 1ท0่ี 1.20 .แจ2บัสแคดสรู่งะตดหัวงวตอา่ ัวยงอ่าสงยญั แาลนงกั แวษนคณดิวก์คขบัิดอตขงวั อเDลงiขgDiผtiปgู้ Siว่tyยSmตyอ้ bmงoทblำ� oกMาlรoMเขdoยี adนliaตtliวั eiเtลsieขsTลeงTใseนtsกtตระาตรดาาารงษาดคง้าดำ� นตาบนอนบบแในหสต้ดรงงกกาบัร
แสดงกาสรญั จลับกั คษูรณะท์ หก่ี วำ� าหงนสดัญใหลไ้ ัดกม้ ษาณกทกสี่ ับดุ ต(ั*วเใลนรขปู เผปูปน็ วเพยยี ตงอตงวั อทยําา่ กงาเพรอื่ เปขีรยะนกตอัวบเกลาขรอลธงบิ ใานยเทา่ นนั้
กระดาษคไมําต่ใชอแ่ บบใบหทต รดงสกอบั บสจัญรงิล)กั ษณท ี่กําหนดใหไดมากที่สุด (* ในรูปเปนเพียงตัวอยางเพ่ือ
ประกอบการอธิบายเทานน้ั ไมใ ชแ บบทดสอบจรงิ )
4 แบบทดสอบความจํา (memory)
4.1 Wechsler Memory Scale (WMS)

138 | การประเมินพุทธปิ ัญญา Cognitive Assessment

4. แบบทดสอบความจ�ำ (memory)
4.1 Wechsler Memory Scale (WMS)
WMS เปน็ standard neuropsychological assessment ทีใ่ ช้มากทส่ี ุดในการประเมนิ
เรื่องของความจ�ำในโรคทางประสาทจิตเวชศาสตร์ทั้งทางคลินิกและในงานวิจัย ฉบับล่าสุดของ WMS
คอื ฉบับท่ี 4 (WMS-IV) แบบประเมินวดั ความจ�ำในหลายๆ ด้าน เชน่ working memory, delayed
recall (ทง้ั visual และ auditory) และ recognition เปน็ ต้น
การคิดคะแนนของ WMS ท�ำโดยน�ำคะแนนดิบมาแปลงข้อมูลตามระดับของอายุ คะแนน
รวมทไ่ี ดเ้ รยี กวา่ general Memory Quotient (MQ) ซง่ึ มแี นวคดิ เหมอื นกับ WAIS น่ันคือคนทว่ั ไปควร
ท�ำคะแนนได้ 100 คะแนน และมสี ว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 15 คะแนน ใน WAIS-IV อาจรายงาน
หวั ข้อคะแนนย่อยด้วยซงึ่ แบ่งออกเปน็ 5 ดา้ น ได้แก่ auditory memory, visual memory, visual
working memory, immediate memory และ delayed memory
4.2 Rey Auditory Verbal Learning Test (RAVLT)
RAVLT มลี กั ษณะคอื เป็นชุดคำ� 15 ค�ำ ผูต้ รวจจะอา่ นค�ำทงั้ หมดใหผ้ ู้ป่วยฟงั จากนนั้ จะให้
ผู้ปว่ ยตอบเพ่อื ประเมนิ ท้งั immediate verbal memory และ delayed recall memory
5. แบบทดสอบ executive function
5.1 Wisconsin Card-Sorting Test (WCST)
WCST เป็นแบบประเมินยอดนิยมอันหน่ึงในการทดสอบ executive function ซึ่งถูก
ออกแบบมาใหว้ ดั abstract ability, conceptual set shifting และความสามารถในการเรยี นรแู้ นวคดิ
ใหม่ เครอ่ื งมือจะประกอบไปดว้ ยไพ่ที่มีจ�ำนวน (ตัวเลข) รูปรา่ ง และสตี า่ งๆ กันไป การทดสอบท�ำโดยมี
ไพเ่ ปิดไว้ 4 ใบ ผปู้ ว่ ยจะตอ้ งจบั คไู่ พท่ เ่ี ปดิ มาใหมก่ ับไพ่ 4 ใบดงั กลา่ ว การจบั คจู่ ะทำ� ไดโ้ ดยการจบั คดู่ ว้ ย
จำ� นวน รปู รา่ ง หรอื สี ทงั้ นผ้ี ตู้ รวจจะไมบ่ อกกฎการจบั คู่ แตจ่ ะตอบเพยี งวา่ “ถกู ” หรอื “ผดิ ” ผปู้ ว่ ยตอ้ ง
เรียนรู้กฎการจับคู่เอง (ดูรูปท่ี 10.3 ประกอบ) และกฎการจับคู่จะเปล่ียนไปเรื่อยๆ เม่ือการทดสอบ
ผ่านไประยะหน่ึงโดยไม่มีการบอก ผู้ป่วยต้องเข้าใจการเปลี่ยนของกฎและเรียนรู้กฎอันใหม่เอง
การทดสอบ WCST ในปัจจุบนั มีรูปแบบโปรแกรมคอมพิวเตอรแ์ ล้ว

บทท่ี 10 Standard neuropsychological assessment | 139

รปู ที่ 10.3 แสดงตวั อย่างการจบั คูข่ อง Wisconsin Card-Sorting Test (WCST) จากรูปไพด่ ้านล่าง
ซา้ ยจะสามารถจับคู่กับไพ่ดา้ นบนได้ 3 วธิ ี นัน่ คอื จบั คู่กบั ไพ่ใบแรกดว้ ยสแี ดง จบั คกู่ ับไพ่
ใบท่ีสองด้วยรูปร่าง (สามเหลย่ี ม) หรือจบั คู่กับไพ่ใบที่สด่ี ว้ ยจ�ำนวน ผู้ป่วยมีหน้าท่เี ลอื กว่า
จะจับคู่กับไพ่ใบไหน แล้วผู้ท�ำการทดสอบจะบอกว่าการจับคู่นั้นถูกหรือผิด ผู้ป่วยต้อง
เรียนรู้กฎการจบั คู่เองจากการลองผิดลองถูก

5.2 Trail Making Test (TMT)
TMT เป็นอีกหน่งึ การทดสอบทีน่ ิยมใชป้ ระเมิน executive function ซึง่ จะเดน่ ในเรื่องของ
set shifting แบบประเมินมี 2 แบบ ไดแ้ ก่ TMT-A และ TMT-B โดย TMT-A ทำ� โดยให้ผปู้ ่วยลากเส้น
เรียงล�ำดับตัวเลข 25 ตัว ส่วน TMT-B จะเป็นการลากเส้นสลับกันระหว่างตัวเลขกับตัวอักษร โดยมี
ตัวเลข 1-13 และตัวอักษร A-M ตัวอย่างการลากเส้นที่ถูกต้อง ได้แก่ 1 – A – 2 – B – 3 …….
(รปู ท่ี 10.4) TMT คิดคะแนนด้วยการจับเวลาทใี่ ชใ้ นการท�ำใหเ้ สร็จ

รปู ที่ 10.4 แสดงตวั อยา่ งการลากเส้นใน Trail Making Test-B

140 | การประเมนิ พุทรธปู ิปทัญี่ญ1า0.C4ogแnสitดivงeตAวั sอsยesาsงmกeาnรtลากเสน ใน Trail Making Test-B

5.3 Stro5o.p3 teSsttroop test
Stroop test ปSรtrะoกoอpบไปtดe้วstยตปัวรหะนกังอสบือไทป่ีเดขวียยนตชัวื่อหสนีโดังสยือใชท้ส่ีเีแขตียกนตช่าื่องสกีโันดไยปใช(สรูปีแทตกี่ 1ต0า.ง5ก)ันไป (รูปท่ี
การทดสอบท�ำโดยให1ผ้ 0้ปู .ว่5ย) ก1า)รอทา่ ดนสชอ่ือบสทตี ํามโดตยวั ใอหกั ผษูปรวทยเ่ี ข1ีย)นอแาลนะชื่อ2ส)ีตพาูดมชต่อื ัวสอที ักี่ใษชรพ้ ทิม่ีเพขอ์ียกันษแรลซะง่ึ ต2)ามพูดชื่อสีท่ีใช
ปกติแล้วการอ่านตามพตมิ ัวพหอนกั ังษสรือจซะ่ึงตง่ามยกปวก่าตกิแาลรวพกูดาสรอีขาอนงตาัวมอตักัวษหรนังซส่ึงือตจ้อะงงอาายศกัยวกา ากรายรับพยูด้ังสขี (อinงhตiัวbอitัก)ษร ซ่ึงตอง
ไม่ให้อ่านตามตัวอักษอราแศลัยะกเาลรือยกับคยงสั้งม(าinธhิไวib้ไดit้)(sไeมlใeหcอtiาvนeตaาtมteตnัวtอioักnษ)รเพแ่ือลใะหเลส้ ือามกาครงถสอมา่ านธไิไดว้ถไูกดต อ้ ง(selective
ต่อไป attention) เพอ่ื ใหส ามารถอานไดถ ูกตองตอ ไป

เขยี ว แดง ฟา

รปู ที่ 10.5 2แ)สกดางรตอัว่าอแรนยูปดสา่ งทขี ง่ีอฟข1งอา 0ต”ง.ัว52อS)ักแtrกษสoาดรoรคงอp�ำตาตัวนTออสeบยีขsคาtอืองง1ขต“)อัวแกงอดากั งSรษtอฟrรา่ oา้คนoําเตขตpายีอมวTบต”eคัวsอือtัก“1ษแ)รดกคงา�ำฟรตอาอาบเนขคตียือาวม”“ตเขัวยี อวักษแรดคงําฟต้าอ”บคือ “เขียว
Stroop test มีการพัฒนามาหลากหลายฉบับ ฉบับหน่ึงท่ีเปนท่ีนิยมใชในการตรวจ

Stroop tecsot gมnกี iาtiรvพeฒั fนuาnมcาtiหoลnากไดหแลกาย Dฉบoบัdrฉilบl บัvหerนsง่ึioทnเี่ ปซน็ ่ึงทสน่ี ายิมมาใรชถใ้ อนากนารเพต่ิมรวเตจิมcไoดgใnนitiLveezak et al.
function ได้แก่ Dod(r2il0l0v4e)rsion ซง่ึ สามารถอ่านเพมิ่ เติมได้ใน Lezak et al. (2004)
5.4 Cognitive Estimates Test
Cognitive estimates test เป็นการทดสอบโดยใหผ้ ปู้ ่วยตอบค่าประมาณของค�ำถาม เช่น
“มอี ฐู กีต่ ัวในเนเธอรแ์ ลนด์” หรอื “ตึก London BT Tower สูงประมาณกีฟ่ ตุ ” ซ่งึ จะเห็นได้ว่าค�ำตอบ
ของค�ำถามเหล่านี้ไม่สามารถตอบได้โดยตรงจากความจำ� หรือความรู้ท่ัวไป แต่ต้องอาศัยการใช้เหตุผล
การเปรียบเทียบ และกะประมาณคำ� ตอบจากความรู้ท่ีมี แบบทดสอบ Cognitive Estimates Test
ถกู พฒั นาโดย Shallice and Evans (1978) ประกอบด้วยคำ� ถาม 15 ข้อ อย่างไรก็ตามภายหลังไดม้ ี
ฉบับปรับปรุงและดัดแปลงออกตามมาอีกหลายฉบบั

6. แบบทดสอบ visuoconstructional ability
6.1 Bender Gestalt Test
Bender Gestalt Test หรือชอ่ื ดง้ั เดมิ คือ Bender Visual Motor Gestalt Test เปน็ การ
ทดสอบโดยใหผ้ ปู้ ว่ ยดรู ปู ภาพตา่ งๆ แลว้ ใหว้ าดตาม ในอดตี Bender Gestalt Test เปน็ ทรี่ จู้ กั ในแงข่ อง
แบบทดสอบทใ่ี ชแ้ ยก “organic caused” แตจ่ ากองคค์ วามรู้ cognitive function ในปจั จบุ นั Bender
Gestalt Test ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นแบบคัดกรอง organic caused แล้ว แต่จัดเป็นแบบประเมิน
constructional ability อนั หน่งึ

บทท่ี 10 Standard neuropsychological assessment | 141
6.2 Rey-Osterrieth Complex Figure Test
Rey-Osterrieth Complex Figure Test เป็นการทดสอบ visuoconstructional ability
และยงั ทดสอบในเรอื่ งของ visual memory การทดสอบท�ำโดยใหผ้ ปู้ ว่ ยวาดรปู ซบั ซอ้ นตามตน้ แบบให้
เหมอื นทส่ี ดุ เมอ่ื ผปู้ ว่ ยวาดเสรจ็ ผปู้ ว่ ยจะถกู บอกใหว้ าดภาพอกี ครงั้ โดยไมม่ แี บบเมอ่ื เวลาผา่ นไป 3 และ
30 นาที (เปน็ recall visual memory)
6.3 The Visual Object and Space Perception Battery (VOSP)
VOSP เป็นการทดสอบ visuospatial ability ทคี่ รอบคลมุ และหลากหลาย ถูกพฒั นาและ
ทดสอบคุณสมบัติของเคร่ืองมือโดย Warrington and James ประกอบไปด้วยการทดสอบย่อย
8 อยา่ ง ได้แก่ incomplete letter, silhouettes, object decision, progressive silhouettes, dot
counting, position discrimination, number location และ cube analysis รายละเอียดและ
คา่ ปกตมิ ีระบุไวใ้ นคูม่ อื ของแบบทดสอบสามารถศึกษาเพิ่มเตมิ ไดท้ ่ี Warrington and James (1991)

142 | การประเมินพทุ ธปิ ญั ญา Cognitive Assessment

เอกสารอ้างอิง
Aniwattanapong, D., Tangwongchai, S., Supasitthumrong, T., Hemrunroj, S., Tunvirachai-

sakul, C., Tawankanjanachot, I., Chuchuen, P., Snabboon, T., Carvalho, A.F. and
Maes, M. (2018). Validation of the Thai version of the short Boston Naming Test
(T-BNT) in patients with Alzheimer’s dementia and mild cognitive impairment:
clinical and biomarker correlates. Aging & Mental Health, 23(7):840-850.
De Renzi, E. and Faglioni, P. (1978). Normative data and screening power of a shortened
version of the Token Test. Cortex, 14: pp. 41-49.
Lezak, M.D., Howieson, D.B., Loring, D.W. and Fischer, J.S. (2004). Neuropsychological
assessment. Oxford: Oxford University Press.
Mesulam, M-M. (1985). Principles of Behavioral Neurology: Tests of Directed Attention
and Memory. Philadelphia: FA Davis.
Shallice, T. and Evans, M.E. (1978). The involvement of the frontal lobes in cognitive
estimation. Cortex, 14(2): pp. 294-303.
Warrington, E.K. and James, M. (1991). The Visual Object and Space Perception Battery:
VOSP. London: Pearson.


Click to View FlipBook Version