สำ นั ก ง า น วั ฒ น ธ ร ร ม จั ง ห วั ด ต รั ง
เทศกาลประเพณี
จั ง ห วั ด ต รัง
ปฏิทินเทศกาลจังหวัดตรัง
กุมภาพันธ์
งานเทศกาลแลลูกลม ชมถ้ำเขาช้างหาย
พิธีวิวาห์ใต้สมุทร
งานเทศกาลตรุษจีน
มีนาคม
งานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น
“ลาซัง”
กันยายน
งาน “ตรังยุทธศาสตร์ความอร่อย”
กับ หมูย่างและขนมเค้ก จังหวัดตรัง
สารทเดือนสิบ
ตุลาคม
ประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดตรัง
ประเพณีลากพระ
ประเพณีลากพระทางน้ำข้ามทะเลจังหวัด
พฤศจิกายน
ประเพณีไหว้พระจันทร์
ประเพณีลอยกระทง
เทศกาลอนุรักษ์หอยตะเภา
ธันวาคม
งานฉลองรัฐธรรมนูญ และงานกาชาด
จังหวัดตรัง
งานเทศกาล
แลลูกลม
ชมถ้ำเขาช้างหาย
แลลูกลม
นาหมื่นศรี
แลลูกลมชมถ้ำช้างหาย
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์
การอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมนำสู่การท่องเที่ยว
นาหมื่นศรี “การแข่งขันลูกลม ชมถ้ำเขาช้างหาย
เสียงลูกลมนาหมื่นศรี ดังกึกก้องไปทั่วท้องทุ่งนา ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่งนาหมื่นศรี
ที่มีรวงข้าวสุกสีทอง สะท้อนให้เห็น ถึงความเป็น “ตรังนา” ซึ่งเป็นวิถีดั้งเดิมซึ่งสืบทอดมาแต่
โบราณนับหลายร้อยปี ตามประวัติศาสตร์การเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองนางน้อยซึ่งเคยเป็นผืนนา
ที่กว้างใหญ่ที่สุดในจังหวัดตรังมาแต่โบราณ ในทางวิทยาศาสตร์มองได้ว่า "ลูกลม" มีหลักการทำงาน
เดียวกันกับหุ่นไล่กา คือ ใช้ไล่นกที่ลงมากินข้าวในแปลงนา แต่ลูกลมนาหมื่นศรี เป็นความเชื่อที่
ถ่ายทอดกันมาเป็นเวลานาน เกี่ยวพันกับวิถีนา โดยเชื่อกันว่าลูกลมเป็นลูกของพระพาย ซึ่งวันหนึ่ง
เป็นฤดูเก็บเกี่ยว มีนกกามากินข้าวในนา พระพายเลยให้ลูกลมมาทำหน้าที่ดูแลนาข้าว
แลลูกลมชมถ้ำช้างหาย
งานลูกลมหรือ “การแข่งขันลูกลม ชมเขาช้างหาย” เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นที่นาหมื่นศรีมาทุกปี
เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมโบราณ และให้ลูกหลานได้เห็นลูกลม ที่ชาวนาสมัยก่อนนิยมสร้างไว้
ประวัติลูกลมนั้น เป็นเรื่องของเทพนิยายโบราณ ที่เล่าสืบต่อกันมา เป็นเรื่องของครอบครัวเล็กๆ
ของพระพายบนสวรรค์ วันหนึ่งเป็นวันฤดูเก็บข้าว ซึ่งบนสวรรค์มีฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเหมือนกัน
และมีลมพัดแรง เมื่อข้าวในนาเริ่มสุก มีนกลา นกไผ นกกระจาบ และนกอื่นๆ ออกมากินข้าว
พระพายไม่มีเวลาเฝ้าทุกวัน เพราะต้องไปอยู่เวรทำพัดลมทำความเย็นให้เทวดา จึงมอบให้ลูกลม
ลูกของพระพายทำหน้าที่โห่นก ไล่กาแทน ลูกลมซึ่งขี้เกียจแต่มีปัญญา จึงคิดวิธีที่ไม่ต้องใช้เสียง
ของตัวเองในการไล่นก จึงทำสิ่งที่มีลักษณะแบบนี้ขึ้นมา พระพายมาเห็นก็ชื่นชมและบอกเทวดา
และเห็นว่าควรเผยแพร่ไปยังเมืองมนุษย์ จึงแพร่หลายมาตั้งแต่นั้น และสืบเนื่องมาถึงทุกวันนี้
โดยเฉพาะที่นาหมื่นศรี จ.ตรัง มีประเพณีแบบนี้ที่นี่ที่เดียว
ประโยชน์ของลูกลมนาหมื่นศรี เปรียบเสมือนหุ่น
ไล่กาของภาคกลาง ต่างกันตรงที่ลูกลมใช้เสียง
ในการขับไล่นกกา
ส่วนประกอบของลูกลม
ธงเทียว
ธงหน้า
ไม้โต้ ลูกลม
พวงโหยน
ไม้เส้า(เสา)
พิ ธีวิวาห์ใต้สมุทร
พิธีวิวาห์ใต้สมุทธ
บันทึกเป็นสถิติโลก Guinness World Record
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์
งานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร ได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกของ Guinness World Record
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ณ เกาะกระดาน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
มีคู่บ่าวสาวจำนวนมาก จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ร่วมขบวนแห่ขันหมากอันยิ่งใหญ่ไปยัง
สถานที่ถ่ายทำพิธีวิวาห์ จากนั้นคู่บ่าวสาวทุกคู่พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่และแขกผู้มีเกียรติ จะดำ
ลงสู่ใต้ทะเลเพื่อทำพิธีรดน้ำสังข์ พิธีจดทะเบียนสมรสใต้ทะเล หลังจากนั้นจังหวัดจะจัดงานเลี้ยง
แสดงความยินดีบริเวณชายทะเล พร้อมทั้งให้คู่บ่าวสาว ร่วมปลูกต้นไม้แห่งความรัก
ณ สวนรวมพรรณไม้แห่ง ความรัก สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ไว้เป็นที่ระลึกด้วย
พิธีวิวาห์ใต้สมุทร
พิธีวิวาห์ใต้สมุทร เกิดขึ้นโดยการริเริ่มของ
คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังในขณะนั้น
และคุณสุรินทร์ โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง
ในสมัยนั้น ได้ร่วมกันบันดาลความฝันของคู่รัก ให้เป็นจริง
โดยได้จัดให้มีการจดทะเบียนสมรสใต้ทะเลในชื่อ “พิธี
วิวาห์ใต้สมุทร” ซึ่ง พิธีที่จังหวัดตรังได้จัดขึ้น นอกจาก
จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและจังหวัดในฐานะที่จัด
พิธีจดทะเบียน สมรสใต้สมุทร เป็นแห่งแรกในโลกแล้ว
ในปีต่อๆ มายังได้สร้างชื่อเสียงจนได้รับการบันทึกเป็น
แห่งแรกในโลกแล้ว ในปีต่อๆ มายังได้สร้างชื่อเสียงจน
ได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกในหนังสือ กินเนส เวิลด์
เรคคอร์ด (Guinness World Records) ว่าเป็นวิวาห์
ใต้สมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในฐานะที่มีคู่สมรสเข้าร่วม
แต่งงานใต้น้ำมากที่สุด และยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการได้
เข้าร่วมในพิธีด้วยซึ่งเมื่อถึง เทศกาลวันแห่งความรัก
จะมีการจัดพิธีดังกล่าว เรียกว่าเป็นประเพณีของจังหวัด
ในดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก
วิวาห์ใต้ จังหวัดตรังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในฐานะที่ได้สร้าง
สมุทร ตำนานรักอันยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้
ท้องฟ้าสีครามและทะเลสีเขียวมรกตที่สวยงามของ
ทะเลเมืองตรัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นความประทับใจ
มิรู้ลืมของคู่รักหนุ่มสาวนักดำน้ำ คู่หนึ่งที่หลงใหล
ความงดงามของ โลกใต้ท้องทะเล
งานเทศกาล
ตรุษจีน
จังหวัดตรัง
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์
วันตรุษจีนถือเป็นวันมหามงคลที่ชาวจีนและ
ชาวไทยเชื้อสายจีน ต่างพากันประกอบพิธี
กราบไหว้บูชาฟ้าดินบูชาเทพเจ้าเพื่อความเป็น
สิริมงคล นำมาซึ่งความสุขความเจริญในชีวิต
หน้าที่การงานธุรกิจการค้า มีความเจริญรุ่งเรือง
มีโชคลาภร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีสุขภาพ
ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยทั้งแก่ตนเอง
และครอบครัว ในบรรยากาศการจัดงานจะเน้น
ความเรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ดีงาม
ของชาวไทยเชื้อสายจีน มีการจัดนิทรรศการ
ประวัติงานตรุษจีน , การตั้งโต๊ะรับเทพเจ้าโชคลาภ
ไฉ่ซิงเอี๊ยซุ้มเขียนคำอวยพรอักษรจีนด้วย
พู่กันจีน , การจำหน่ายอาหารหลากหลายเมนู
อร่อยของจังหวัดตรัง จากชมรมผู้ประกอบการ
ร้านอาหาร จังหวัดตรัง
ทั้งนี้งานตรุษจีนนครตรัง มีวัตถุประสงค์เพื่อ
อนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทย
เชื้อสายจีน ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องราวของ
ประเพณีให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนในท้องถิ่น
เพื่อนำความรู้ไปถ่ายทอดได้อย่างถูกต้อง
ต รุ ษ จี น
จั ง ห วั ด ต รั ง
“ลาซัง”
ลาซัง คนไทยมีวิถีชีวิตผูกพันกับข้าว และอาชีพการทำนา
จึงมีประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการทำนาอยู่มาก อาจจะ
แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น แต่ล้วนเป็นพิธีกรรม
บูชา กตัญญูต่อธรรมชาติ และ การแสดงความกตัญญู
ตอบแทนคุณพระแม่โพสพ คนไทยเชื่อว่าต้นข้าวมีสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ คือ ขวัญแม่โพสพ ซึ่งมีหน้าที่ดูแล
ให้ต้นข้าวออกรวง แข็งแรง มีผลผลิตที่ดี ชาวนาจึง
เคารพแม่โพสพ พิธีกรรมการส่งเสริมสืบสานวัฒนธรรม
สู่ขวัญข้าวนาหมื่นศรีที่จัดขึ้นร่วมกับศูนย์การเรียนรู้
เชิงเกษตรหัตถกรรมผ้าทอนาหมื่ นศรี(ทุ่งทอรัก)
ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง
ช่วงเดือนมีนาคม
สืบสาน รักษา ต่อยอดประเพณีอันดีงามของชุมชนไปยังอนุชนรุ่นหลังได้รับรู้
เสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชนผ่านพิธีกรรมทางวัฒนธรรม
และ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของตำบลนาหมื่นศรี
ยุทธศาสตร์ความอร่อย
จ.ตรัง
ยุทธศาสตร์ความอร่อย
จ.ตรัง
ยุทธศาสตร์ งานที่รวบรวมของอร่อยจากทั่วจังหวัดตรัง ร่วมกับ
ชมรมผู้ประกอบการหมูย่าง จ.ตรัง ชมรมผู้ประกอบ
ความอร่อย การขนมเค้ก จ.ตรัง และชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร
จ.ตรัง จ.ตรัง ในงานได้รวบรวมของอร่อย อาธิ เช่น
หมูย่างและขนมเค้กสดใหม่จากเตา
อาหารร้านเด็ด ร้านดัง
สินค้าอื่นๆ เช่น ของสด ของแห้ง ของฝาก อาหารคาว
อาหารหวาน มากมายจุใจ รวมกว่า ๒๐๐ ร้าน
ช่วงเดือนกันยายน
เทศกาลหมูย่าง
เมืองตรัง
หมูย่างเมืองตรัง
เทศกาลหมูย่างเมืองตรัง
งานเทศกาลหมูย่างจังหวัดตรัง จังหวัดตรังงานเทศกาลหมูย่างจังหวัดตรัง จัดขึ้นเพื่อ
เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจ.ตรัง ภายในงานมีหมูย่างสูตรพิเศษของเมืองตรังจากร้าน
ในจังหวัดตรัง มาร่วมออกร้าน ณ บริเวณสี่แยกธรรมรินทร์ บนถนนสถานีและมีการจัดขบวนแห่
ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี "ตรัง” ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองของคนช่างกิน” เนื่องจากมีอาหาร
อร่อยขึ้นชื่อมากมาย โดยหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงก็คือ หมูย่างของชาวตรัง ซึ่งเป็นสูตร
เฉพาะที่ตกทอดมากว่า ๑๐๐ ปี โดยหอการค้าจังหวัดตรัง เล็งเห็นว่าหมูย่างของจังหวัดตรังนั้นถือ
เป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์อันสำคัญอย่างหนึ่งของตรัง หากได้รับการสนับสนุนและประชาสัมพันธ์
อย่างดีแล้ว จะสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ขณะเดียวกันก็สามารถ
ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อนำรายได้เข้าสู่จังหวัดตรัง อีกทางหนึ่งดังนั้น หอการค้าจังหวัดตรังจึง
ได้ริเริ่มจัดเทศกาลหมูย่างเมืองตรังขึ้นเป็นครั้ง แรกเมื่อปี ๒๕๓๓ โดยจัดในวันอาทิตย์ของสัปดาห์
แรกในเดือนกันยายนของทุกปี ในครั้งนี้ ทำให้หมูย่างของจังหวัดตรังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
และกลายเป็นของที่ระลึกที่ผู้มาเยือนจังหวัดตรังซื้อหากลับไปเป็นของฝากซึ่งเทศกาลหมูย่างเมืองตรัง
จัดขึ้นในช่วงประมาณ เดือนกันยายนของทุกปี ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมสำคัญของงาน โดยมีร้านค้า
จากทั่วเมืองตรัง มาร่วมออกบูธมากมาย พร้อมทั้งการจำหน่ายสินค้า OTOP ของจังหวัดตรัง
หมูย่างตรัง
เทศกาลขนมเค้ก
เมืองตรัง
ง า น เ ท ศ ก า ล ข น ม เ ค้ ก เ มื อ ง ต รั ง
งานเทศกาลขนมเค้ก จังหวัดตรังเทศกาลขนมเค้กจังหวัดตรัง มีวัตถุประสงค์
เพื่อประชาสัมพันธ์ขนมเค้ก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของจ.ตรัง ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ตลอดจนช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง จากการจัดงานติดต่อมาเป็นเวลา
ยาวนานถึง ๒๒ ปี ชาวตรังมีชื่อเสียงในการทำขนมเค้กมาช้านาน โดยเฉพาะที่บ้านลำภูรา
เป็นแหล่งผลิตขนมเค้กมาแต่ดั้งเดิม เอกลักษณ์ของขนมเค้กของชาวตรังจะไม่ใช้ครีมตกแต่งหน้าเค้ก
ขนมเค้กมีหลายรส เช่น รสส้ม รสกาแฟ รสสามรส รสใบเตย รสเนย งานเทศกาลขนมเค้ก
จัดเป็นประจำทุกปี ช่วงเดือนสิงหาคม ณ บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕
เขตเทศบาลนครตรังทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ขนมเค้ก ซึ่งเป็นสินค้าที่มี
ชื่อเสียงของจังหวัดตรัง ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ตลอดจนช่วยส่งเสริมด้านการ
ท่องเที่ยวของจังหวัดตรังอย่างไรก็ตาม จากการจัดงานติดต่อมาเป็นเวลายาวนานถึง ๒๒ ปี
ทำให้ประชาชนทั่วประเทศ และนักท่องเที่ยวรู้จักจังหวัดตรังมากขึ้น ขณะที่ขนมเค้กเมืองตรัง
ก็ได้กลายเป็นสินค้า และของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัด จนสามารถสร้างรายได้ให้อย่างงดงาม
สารทเดือนสิบ
ประเพณีสารทเดือนสิบ
เป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนที่เชื่อว่าบรรพบุรุษอันได้แก่ ปู่ย่า ตายาย และญาติพี่น้อง
ที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจีต้อง
อาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายังชีพ ดังนั้นในวันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ
คนบาปทั้งหลายที่เรียกว่าเปรตจึงถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์เพื่อมาขอส่วนบุญจาก
ลูกหลานญาติพี่น้อง และจะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ ในโอกาสนี้เองลูกหลาน
และผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็น
การแสดงความกตัญญูกตเวที
ช่วงเดือนกันยายน
พิ ธี ก ร ร ม ข อ ง ป ร ะ เ พ ณี
ส า ร ท เ ดื อ น สิ บ
๑ . ก า ร จั ด ห ม รั บ
เริ่มในวันแรม ๑๓ ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียม
ซื้ออาหารแห้ง พืชผักที่เก็บไว้ได้นาน ข้าวของ
เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และขนมที่เป็นสัญลักษณ์ของสารทเดือนสิบ จัดเตรียมใส่หมู่รับ
การจัดหมู่รับ คือ การบรรจุและประดับด้วยสิ่งของ อาหาร ขนมเดือนสิบลงในภาชนะที่เตรียมไว้
เช่น ถาด กาละมัง เข่ง กระเชอ เป็นต้น ชั้นล่างสุดบรรจุอาหารแห้ง ชั้นสองเป็นพืชผักที่เก็บ
ไว้นาน ชั้นสามเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ขั้นบนสุด ประดับขนมสัญลักษณ์เดือนสิบ ได้แก่
ขนมพอง ขนมลา ขนมบ้า ขนมดีซำ ขนมแต่ละชนิดมีความหมายดังนี้
ขนมลา เป็นเสมือนเสื้อผ้าที่ให้บรรพบุรุษใช้นุ่งห่ม
ขนมพอง เป็นเสมือนแพที่ให้บรรพบุรุษข้ามห้วงมหรรณพ
ขนมกง เป็นเสมือนเครื่องประดับ ใช้ตกแต่งร่างกาย
ขนมบ้า เป็นเสมือนเมล็ดสะบ้า ไว้เล่นในวันตรุษสงกรานต์
ขนมดีซำหรือขนมเจาะหู เป็นเสมือนเงินตรา ไว้ให้ใช้สอย
พิ ธี ก ร ร ม ข อ ง ป ร ะ เ พ ณี
ส า ร ท เ ดื อ น สิ บ
๒ . ก า ร ย ก หฺ มฺ รั บ
ในวันแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ ชาวบ้านจะยกหฺมฺรับที่จัดเตรียมไว้ไปวัด และนำภัตตาหาร
ไปถวายพระด้วย โดยเลือกไปวัดที่อยู่ใกล้บ้านหรือวัดที่บรรพบุรุษของตนนิยมไป
๓ . ก า ร ฉ ล อ ง หฺ มฺ รั บ แ ล ะ บั ง สุ กุ ล
เมื่อนำหมฺรับไปวัดแล้ว จะมีการฉลองหฺมฺรับ และทำบุญเลี้ยงพระเสร็จแล้วจึงมีการ
บังสุกุล การทำบุญวันนี้เป็นการส่งบรรพบุรุษและญาติพี่น้องให้กลับไปยังเมืองนรก
พิ ธี ก ร ร ม ข อ ง ป ร ะ เ พ ณี
ส า ร ท เ ดื อ น สิ บ
๔. การตั้งเปรต
เสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวายภัตตาหารแล้ว ชาวบ้านจะนำขนมอีกส่วนหนึ่งไปวางไว้
ตามบริเวณลานวัด ข้างกำแพงวัด โคนไม้ใหญ่ เรียกว่า ตั้งเปรต เพื่อแผ่ส่วนกุศลเป็นทาน
แก่ผู้ล่วงลับที่ไม่มีญาติ หรือญาติไม่มาร่วมทำบุญให้ การชิงเปรตจะทำตอนตั้งเปรตเสร็จแล้ว
เพราะเชื่อว่าถ้าหากใครได้กินของเหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จะได้รับกุศลเป็นสิริมงคล
แก่ตนเอง บางวัดนิยมสร้างหลาเปรต เพื่อสะดวกแก่การตั้งเปรต บางวัดสร้างหลาเปรตไว้
บนเสาสูงเพียงเสาเดียว เกลาและชะโลมน้ำมันเสาจนลื่น เมื่อเวลาชิงเปรตผู้ชนะคือผู้ที่สามารถ
ปีนไปถึงหลาเปรตซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จึงสนุกสนานและตื่นเต้น
ป ร ะ เ พ ณี ส า ร ท เ ดื อ น สิ บ
สาระ
ประเพณีสารทเดือนสิบมีสาระสำคัญหลายประการ ดังนี้
๑. เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ได้อบรมเลี้ยงดู
ลูกหลาน เพื่อตอบแทนบุญคุณ
๒. เป็นโอกาสได้รวมญาติที่อยู่ห่างไกล ได้พบปะทำบุญร่วมกันสร้างความรักใคร่สนิทสนม
ในหมู่ญาติ
๓. เป็นการทำบุญในโอกาสที่ได้รับผลผลิตทางการเกษตรที่เริ่มออกผลเพราะเชื่อว่า
เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
๔. ฤดูฝนในภาคใต้จะเริ่มขึ้นในปลายเดือนสิบ พระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตยากลำบาก
ชาวบ้านจึงจัดเสบียงอาหารนำไปถวายพระในรูปของหฺมฺรับ ให้ทางวัดได้เก็บรักษา
เป็นเสบียงสำหรับพระภิกษุสงฆ์ในฤดูฝน
ประเพณีถือศีล
กินผัก
ประเพณีถือศีลกินผัก
จังหวัดตรัง
ถือศีล เทศกาลกินเจ หรือเทศกาลถือศีลกินผัก ประเพณีเก่าแก่
กินผัก เป็นเทศกาลที่จะมีขึ้นทุกปีในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี
เป็นเทศกาล ในช่วงตลอด ๙ วัน ๙ คืน นี้ชาวไทยเชื้อสายจีน
ก็จะนุ่งขาวห่มขาว รักษาศีล งดรับประทานอาหารที่ทำจาก
สัตว์ และมีกิจกรรมขบวนแห่พระเพื่อความเป็นสิริมงคล
และที่คุ้นตากันดีก็คือ "ม้าทรง" ที่จะออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์
ใช้เหล็กแหลม มีดดาบ ทิ่มแทงร่างกายอย่างน่าหวาดเสียว
โดยเฉพาะใน 5 จังหวัดนี้ (ตรัง ภูเก็ต สงขลา ระนอง พังงา)
ที่จะมีการจัดเทศกาลกินเจอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งหากใครมีโอกาส
ก็ไม่ควรพลาดไปเยือน
ช่วงเดือนตุลาคม
ยกเสาโกเต็งหรือเต็งโก
ความสำคัญของเสาโกเต็งหรือเต็งโก
เพื่อแขวนตะเกียง ๙ ดวง ความหมายคือ
ดวงดาวทั้ง ๙ ดวงในระบบสุริยะจักรวาลที่มี
อิทธิพลต่อมนุษย์บนโลกนี้ อันเป็นสัญลักษณ์
ประกาศว่าศาลเจ้าแห่งนี้จัดงานประเพณี
ถือศีลกินผักหรือกินเจขึ้นแล้ว
ตลอดสองข้างทางนั้นก็จะมีประชาชนออกมาตั้งโต๊ะรับองค์เทพ
พร้อมจุดประทัดเสียงอื้ออึงไปทั่วทั้งบริเวณ น่าตื่นตาตื่นใจและ
ทั้งวัน
ถือศีลกินผักจังหวัดตรัง
ซึ่งก็มีพิธีกรรมในวันถือศีลกินเจอย่างยิ่งใหญ่
โดยเฉพาะพิธีลุยไฟ ข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์
ไต่บันไดมีด และขบวนแห่เทพเจ้ารอบเมืองของ
แต่ละศาลเจ้า โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่า
ความชั่วร้ายแล เพื่อความเป็นสิริมงคล
ศาลเจ้ากิวอ่องเอี่ย ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สืบทอดประเพณีกินผักหรือกินเจมาร่วม ๑๘๐ ปี
นับตั้งแต่คนจีนกลุ่มใหญ่สุดคือมาจากมลฑลฮกเกี้ยน เข้ามาค้าขายและตั้งรกรากที่
จังหวัดตรังและภาคใต้ฝั่ งอันดามันมากที่สุด จังหวัดตรังเป็นอีกจังหวัดที่คนจีนฮกเกี้ยน
เข้ามาตั้งรกรากและค้่ าขาย หอบเอาประเพณีและวัฒนธรรมติดตัวมา
ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม
เป็นศาลเจ้าอีกแห่งหนึ่งที่มีการจัดประเพณีถือศีลกินผักเป็นประจำทุกปี
ประชาชนมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์เจ้าพ่อหมื่นรามว่าเป็นผู้ประทานพร
ให้การทำกิจการค้าเจริญรุ่งเรืองมีองค์โป้เซ้งเป็นเทพแห่งการแพทย์และสมุนไพรจีน
เป็นเทพประจำศาลเจ้า ผู้มาเยี่ยมเยือนกราบไหว้มักจะบนบานศาลกล่าวในเรื่องสุขภาพ
พลานามัย ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ประเพณีไหว้
พระจันทร์
ประเพณีไหว้พระจันทร์
ช่วงเดือนพฤศจิกายน
เทศกาลไหว้พระจันทร์
ประเพณี "ไหว้พระจันทร์” หรือเรียกเป็นภาษาจีนว่า "ตงชิวโจ่ย” เป็นงานเทศกาล
อันเก่าแก่ที่ชาวทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรังซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสาย "จีนแต้จิ๋ว”
ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว อันจะตรงกับ "วันเพ็ญเดือนแปด”
ตามปฏิทินของจีน โดยเฉพาะการที่ชาวทุ่งยาวจะพร้อมใจกันจัดโต๊ะไหว้พระจันทร์ ไว้หน้าบ้าน
ของตนเอง หรือเรียงรายตลอดสองข้างถนนรอบ "ตลาดเทศบาลตำบลทุ่งยาว” อันถือเป็น
ภาพที่สวยงามและมีมนต์เสน่ห์ยิ่งนัก จนถือได้ว่าเป็นชุมชนเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย
ในขณะนี้ ที่ยังคงยึดถือธรรมเนียมดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ชาวทุ่งยาวอีกส่วนหนึ่ง
ยังจะแต่งกายด้วย "ชุดกี่เผ้า” แบบโบราณ (ภาษาจีนกลางเรียก ฉีเผา) โดยเป็นชุดของสตรีแมนจู
ในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ.๑๖๔๔-๑๙๑๑) ซึ่งขณะนั้นปกครองแบบ ๘ แว่นแคว้น หรือเรียกกันว่า
"เผา” จึงเป็นที่มาของ ”ชุดฉีเผา”หรือ "กี่เผ้า” อันสวยงาม ซึ่งก็ยิ่งทำให้บรรยากาศของงาน
เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมแบบจีนๆ มากยิ่งขึ้น
"วันไหว้พระจันทร์” ซึ่งตรงกับวันสารทกลางฤดูใบไม้ร่วงนั้น มีการเล่าสืบต่อกันมาว่า
จักรพรรดิจีนสมัยโบราณจะทำพิธีเซ่นไหว้พระอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ และจะทำพิธีไหว้พระจันทร์
ยังถือเป็นการไหว้เพื่อรำลึกถึง "องค์ไทอิมเนี้ย” เทพผู้ให้ความสงบสุขแก่สรรพสิ่งในโลก
และถือว่าเป็นเทพที่มีสิริโฉมงดงามที่สุดองค์หนึ่ง ที่จะเสด็จมาโปรดสัตว์โลกในคืนพระจันทร์
เต็มดวงของเดือนแปด