นอกจากนั้น วันดังกล่าวนี้ยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จีน ตอนที่ "จูง่วนเจียง”
ผู้นำชาวจีนสมัยนั้น ได้สร้างประเพณีนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุบายในการปฏิบัติปลดแอกชาวจีน
ออกจากการปกครองของชาวมองโกล ในสมัยราชวงศ์หยวน ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๑๙๑๑ หรือ
สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีของไทย โดยในการปกครองของชาวมองโกลสมัยนั้น ได้ตั้งกฎ
ไว้ว่า ชาวจีน ๓ ครอบครัว ต้องเลี้ยงดูชาวมองโกลอย่างดี ๑ คน มีการริบอาวุธชาวจีนไว้ทั้งหมด
และห้ามตีเหล็กทำอาวุธ พร้อมทั้งให้มีเพียงมีดหั่นผัก ๑ เล่ม ใช้รวมกัน ๕ ครอบครัว ความคิดที่จะ
กู้ชาติของชาวจีนที่รักความอิสระ เกิดขึ้นในรูปของการแอบตั้งขบวนการใต้ดินโดยการกำหนดให้
"วันไหว้พระจันทร์” คือ วันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันทำการปฏิวัติ หรือเป็นวันดีเดย์ของชาวจีน
"วันไหว้พระจันทร์” คือ วันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันทำการปฏิวัติ หรือเป็นวันดีเดย์ของชาวจีน
ในการยึดอำนาจคืนจากชาวมองโกล โดยให้แต่ละครอบครัวทำอาวุธ และแอบซ่อนเอกสาร
นัดหมายไว้ใน หรือใต้ "ขนมโก๋” หรือ "ขนมเปี๊ ยะ” ที่มีขนาดใหญ่ไส้หนาเป็นพิเศษพร้อมกับให้มี
ธรรมเนียมแลกเปลี่ยนขนมกันระหว่างญาติมิตร พร้อมทั้งยังให้มีการจัดงานประเพณีขึ้น
เพื่อเป็นการตบตาชาวมองโกล จนกระทั่งทุกอย่างสัมฤทธิผล
ชาวทุ่งยาวมีบรรพบุรุษเป็น "ชาวแต้จิ๋ว” ที่อพยพมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
ส่วนหนึ่งมาขึ้นที่ฝั่ งท่าเรือแหลมหยงสตาร์ ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียนและอีกส่วนหนึ่ง
มาขึ้นฝั่ งที่ท่าเรือทุ่งหญ้าคา (บ้านทอนนาหมู่ในปัจจุบัน) ชาวจีนกลุ่มดังกล่าวได้รวมตัวกันก่อตั้ง
เป็นชุมชน เรียกว่า "ปาดังด้า” (บ้านทุ่งยาวในปัจจุบัน) ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีอายุมายาวนาน
จนถึงปัจจุบันกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว ดังนั้น ด้วยเหตุที่ชาวทุ่งยาวมีบรรพบุรุษเป็นชาวจีนทุกๆ คน
จึงให้ความสำคัญกับประเพณีวัฒนธรรมของชาวจีนที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ "ประเพณีไหว้พระจันทร์”
เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสาน "ประเพณีไหว้พระจันทร์” ให้คงอยู่สืบไปอีกทั้งเพื่อ
เป็นสื่อกลางให้ชาวไทยเชื้อสายจีนได้มาร่วมกันรำลึกถึงบรรพบุรุษ "เทศบาลตำบลทุ่งยาว”
จึงได้มีการจัดงานดังกล่าวนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยตลอดทั้ง ๕ วันจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย
เช่น การแสดงบนเวทีของเด็กและเยาวชนที่เป็นลูกหลานชาวทุ่งยาว การเดินขบวนพาเหรด
การแข่งขันกิน "ขนมกุยช่าย” ซึ่งเป็นขนมขึ้นชื่อของตำบลทุ่งยาว รวมทั้งการจัดนิทรรศการ
เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นมาของชุมชน
หนึ่งในขั้นตอนการทำขนมไหว้พระจันทร์
แบบเก่าแก่ในจังหวัตรัง
ผ ล ไ ม้ ที่ นิ ย ม นำ ม า ไ ห ว้ พ ร ะ จั น ท ร์
ส้มโอ(อิ๋ว) หมายถึง ความมั่นคง ส้ม(ไต๋กิ๋ก) หมายถึง โชคลาภ
พ้องเสียงกันว่า(อู๋)
องุ่น (ผู่ท้อ) หมายถึง ลูกหลาน แอปเปิ้ ล (พิงกั๋ว)
มากมาย การเจริญเติบโต หมายถึง ความสุข
สาลี่ (ซังตังไล้) หมายถึง สิ่งดีๆ ที่กำลังมาถึง
ประเพณีลากพระ
ประเพณีลากพระ
จังหวัดตรัง
ประเพณีลากพระ
งานประเพณีลากพระหรือชักพระของจังหวัดตรัง
เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมายาวนาน จัดขึ้นเดือน ๑๑ ออกพรรษา
เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นการขอพรจากเทพยดาให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล
ผลิตผลทางการเกษตรงอกงามบริบูรณ์ และส่งเสริมความ
สามัคคีของคนในชุมชน โดยพุทธศาสนิกชนพร้อมใจกันอาราธนา
พระพุ ทธรูปขึ้ นประดิษฐานบนบุ ษบกที่ วางอยู่เหนือเรือ
รถ ล้อเลื่อน แล้วแห่แหนชักลากไปตามลำน้ำหรือตามถนนหนทาง
ถ้าท้องถิ่นใดอยู่ริมน้ำหรือมีลำคลองก็ลากพระทางน้ำ ถ้าห่างไกล
จากลำคลองก็ลากพระทางบก แล้วแต่สภาพภูมิประเทศ
จะเหมาะแก่การลากพระประเภทไหนมากกว่ากัน ซึ่งถือเป็นประเพณี
ของชาวภาคใต้มาแต่โบราณและก่อให้เกิดประเพณีอื่นๆ อีก
หลากหลาย เช่น ประเพณีการแข่งเรือพาย การชัน (ประชัน)
โพนหรือแข่งโพน กีฬาซัดต้ม ฯลฯ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ช่วงเดือนตุลาคม
นายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นประธานเปิดงานประเพณีลากพระ
จังหวัดตรัง ครั้งที่ ๑๘ ประจำปี ๒๕๖๓ โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่า-
ราชการจังหวัดตรัง นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดตรัง ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม หัวหน้าส่วนราชการ
คณะกรรมการจัดงาน และประชาชนชาวจังหวัดตรังเข้าร่วมพิธี
ณ ลานเรือพระทุ่งแจ้ง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
นายอิทธิพล กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)
บูรณาการร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง
เทศบาลนครตรัง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชน จัดงานประเพณีลากพระ
จังหวัดตรัง ครั้งที่ ๑๘ ประจำปี ๒๕๖๓ ระหว่าง
วันที่ ๓ – ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ณ ลานเรือพระทุ่งแจ้ง
อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อสืบสาน รักษา
และต่อยอดประเพณีโบราณของภาคใต้ที่มี
มาอย่างยาวนาน รวมทั้งเพื่อสนับสนุนนโยบาย
การพัฒนาสู่ประเทศไทย ๔.๐ ของรัฐบาล
โดยการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูงโดยเฉพาะ
ใน ๕ ด้าน ได้แก่ อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น
มวยไทยและเทศกาล ประเพณี
บรรยากาศงานช่วงกลางคืน
ประเพณีลากพระ
ทางน้ำข้ามทะเล
ลากพระ สำหรับประเพณีลากพระทางน้ำข้ามทะเล หนึ่งเดียวในโลก
ทางน้ำ ที่ จ.ตรัง ซึ่งตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ นับเป็นประเพณี
ข้ามทะเล
และยาวนานตามความเชื่อที่ว่า เป็นวันที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จลงมาจากสวรรค์สู่โลกมนุษย์ หลังเสด็จขึ้นไปโปรด
พระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตลอดพรรษา ซึ่ง
ชาวบ้านทั่วไปจะเดินทางไปร่วมงานลากเรือพระทางบก แต่
เนื่องจากชาวปากปรน และพื้นที่ใกล้เคียงมีอาชีพทำการ
ประมง วิถีชีวิตจึงเกี่ยวข้องกับแม่น้ำลำคลอง และการใช้เรือ
ซึ่งในสมัยก่อนการเดินทางโดยทางบกเป็นไปด้วยความยาก
ลำบาก ประกอบกับชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะทำการประมงกัน
ช่วงเดือนตุลาคม
ในช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูง หรือน้ำใหญ่ คือ ระหว่างขึ้น ๑๓ ค่ำถึงแรม ๕ ค่ำ
และแรม ๑๓ ค่ำถึงขึ้น ๕ ค่ำ รวมทั้งยังไม่มีวัดอยู่ในหมู่บ้านด้วย ดังนั้น
เมื่อที่อื่นๆ มีการลากพระกันในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ จึงมักไม่มีโอกาสได้
เข้าร่วม และเป็นที่มาของการจัดประเพณีลากพระทางน้ำข้ามทะเลแทน
หนึ่งเดียวในโลกที่ จ.ตรัง
ลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง เป็นพิธีอย่างหนึ่งที่มักจะทำกันในคืนวันเพ็ญ
กระทง เดือน ๑๒ หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ อันเป็นวันพระจันทร์
เต็มดวง และเป็นช่วงที่น้ำหลากเต็มตลิ่ง โดยจะมีการนำ
ดอกไม้ ธูป เทียนหรือสิ่งของใส่ลงในสิ่งประดิษฐ์รูปต่างๆ
ที่ไม่จมน้ำ เช่น กระทง เรือ แพ ดอกบัว ฯลฯ แล้วนำไปลอย
ตามลำน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์ และความเชื่อต่างๆ กันและ
ยังคงร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามเพื่อสืบทอด
แก่เยาวชนรุ่นหลังต่อไป นอกจากนี้ยังเป็นไปตามความเชื่อที่
ยังผูกพันกับสายน้ำ ทั้งด้านการคมนาคม การอุปโภคบริโภค
และการเพาะปลูก การลอยกระทง จึงทำเพื่อขอบคุณสายน้ำ
ที่ได้หล่อเลี้ยงชีวิต พร้อมทั้งขอขมาที่ได้ปล่อยสิ่งปฏิกูลลง
ในแม่น้ำลำคลอง นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความรัก
ความสามัคคีให้แก่คนในชุมชนด้วย
ประเพณีลอยกระทง
สระกะพังสุรินทร์ อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตในการ
ลอยกระทงจังหวัดตรัง
บรรยากาศลอยกระทง
ท่ า เ รื อ กั น ตั ง
งานฉลอง
รัฐธรรมนูญ
และงานกาชาด
จังหวัดตรัง
จังหวัดตรัง
งานฉลองรัฐธรรมนูญ
และงานกาชาด
งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจังหวัดตรัง
งานประจำปีที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองตรัง
ความเป็นมาของงานฉลองรัฐธรรมนูญ
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ รัฐบาลได้จัดให้มีการจำลองรัฐธรรมนูญและมอบให้ผู้แทนราษฎรนำไปประดิษฐาน
ณ หน้าศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดนายจัง จริงจิตร ผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดตรัง
ได้นำรัฐธรรมนูญฉบับจำลองมาจังหวัดตรัง เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ผู้ว่าราชการใน
สมัยนั้นได้จัดข้าราชการ นักเรียนและประชาชนไปต้อนรับที่สถานีรถไฟตรัง แล้วนำมาประดิษฐาน
ไว้หน้าศาลากลางจังหวัดและจัดให้มีงานเฉลิมฉลอง เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน
ความเป็นมาของงานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาด
จังหวัดตรัง
ช่วงเดือนพฤศจิกายน
งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจังหวัดตรัง งานประจำปีที่เป็นเอกลักษณ์
ของเมืองตรังโดยเริ่มจัดงานครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ ณ บริเวณหน้าศาลากลาง
จังหวัดตรัง (หลังเดิม) โดยใช้ชื่องานว่า “งานฉลองรัฐธรรมนูญ” เป็นการจัดงาน
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยที่ได้นำมาประดิษฐาน
ณ จังหวัดตรัง และในปีต่อ ๆ มาได้มีการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญมาอย่างต่อเนื่อง
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่องานเป็น “งานเฉลิมพระชนมพรรษาและ
งานฉลองรัฐธรรมนูญ” เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาท
สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมทั้ง
ได้ปรับรูปแบบการจัดงานให้เหมาะสมกับยุคสมัย ปัจจุบันใช้ชื่องานว่า “งานฉลอง
รัฐธรรมนูญและงานกาชาด” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระลึกถึงการพระราชทาน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยครั้งแรก ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวตรัง
รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมี
การออกร้านของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งการออกร้านกาชาดเพื่อการกุศล
อนุรักษ์หอยตะเภา
ช่ ว ง เ ดื อ น พ ฤ ศ จิ ก า ย น
เทศกาลอนุรักษ์หอยตะเภา
จังหวัดตรัง จัดงานเทศกาลหอยตะเภา ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วง Hi-season ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานจำนวนมาก
และเพื่อเป็นการอนุรักษ์หอยตะเภาให้อยู่คู่ท้องทะเลตรัง
งานเทศกาลหอยตะเภา ที่บริเวณหาดปากเมง อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ถือ
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว
และยังเป็นสถานที่ที่จัดพิธีวิวาห์ใต้สมุทร บริเวณชายหาดปากเมงด้วย สำหรับชายหาดปากเมง
เป็นที่อยู่อาศัยของหอยตะเภา ซึ่งพบมากที่สุดในจังหวัดตรัง
สำหรับการจัดงานเทศกาลหอยตะเภา เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของจังหวัดตรัง
ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น นอกเหนือจากงานพิธีวิวาห์
ใต้สมุทร งานเทศกาลขนมเค้ก และ เทศกาลหมูย่าง ประกอบกับระยะนี้อยู่ในช่วง Hi-season
จึงมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวของตรัง
ให้คึกคักเป็นมากยิ่งขึ้น โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะการแข่งขันเก็บหอยตะเภา
ให้อยู่คู่ท้องทะเลตรัง โดยการแข่งขันจะเริ่มได้ก็ต้องรอให้น้ำลดต่ำสุดจนมองเห็นชายหาด
ไกลสุดตา ซึ่งหอยตะเภาที่เก็บได้และมีขนาดเล็กจะมอบให้สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ ง
อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นำไปขยายพันธุ์ต่อไป
บรรยากาศภายในงาน
ที่ปรึกษา
จ่าเอกพิรพร อุลิตผล วัฒนธรรมจังหวัดตรัง
คณะผู้จัดทำ
๑ . น า ง ธ ม ล ว ร ร ณ รั ก ษ์ สั ง ข์ ผู้ อำ น ว ย ก า ร ก ลุ่ ม ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ แ ล ะ
๒ . น า ง ส า ว ส ม ฤ ทั ย บั ว จั น ท ร์ เ ฝ้ า ร ะ วั ง ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม
๓ . น า ง ส า ว บ ง ก ช เ ก ศ ว ง ษ์ ขั น ธ์ นั ก วิ ช า ก า ร วั ฒ น ธ ร ร ม ป ฏิ บั ติ ก า ร
๔ . น า ย ภ า นุ วั ต น์ ชู ช่ ว ย นักจัดการงานทั่วไป
๕ . น า ง รั ช น า ว ร ร ณ บ ว ร นักวิชาการวัฒนธรรม
เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง
ศาลากลางจังหวัดตรัง ถนนพัทลุง ตำบลทับเที่ยง
อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ๙๒๐๐๐
๐๗๕ ๒๑๗ ๕๘๖
[email protected]