รายงานการฝกึ ประสบการณใ์ นสถานศึกษา
และแนวคิดการประยกุ ต์ใช้ในการขับเคลอื่ นการจดั การอาชวี ศึกษา
ประเด็นศกึ ษา การเช่ือมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบดว้ ยธนาคารหน่วยกติ
(Vocational Credit Bank)
จดั ทำโดย
สมากชกิ กลุ่มท่ี 15
1. นางสาวปาริชาติ ธีระเสฎฐกุล
2. นายเฉลมิ ศกั ดิ์ มสู ิกะ
3. นายวันชยั พันเรอื ง
4. นายโกวทิ ย์ นวลศรี
5. นายรักษว์ เิ ลิศ รกั ษารัตน์
6. นางสาวพชั รินทร์ อักษรผอม
7. นางสาวสภุ คั คณิศร รงุ่ เรือง
8. นายเจตน์ เกตมุ ุหยะ๊
9. นางสมศิริ นคราวงศ์
10. นายสุธี ไทยเกดิ
11. นายพรชยั อาจหาญ
12. นางอมลรดา หนูเอยี ด
ก
คำนำ
รายงานการฝึกประสบการณ์ในสถานศึกษา และแนวคิดการประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนการจัดการ
อาชีวศึกษาประเด็นการเชื่อมโยงอาชีวศึกษาในระบบ และนอกระบบด้วยธนาคารหน่วยกิต (Vocational
Credit Bank) ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกประสบการณ์ในสถานศึกษาและการศึกษาดูงาน ตามโครงการ
พัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาของสถานศึกษาต้นแบบ จำนวน 2 แห่ง คือ แห่งที่ 1 วิทยาลยั
สารพัดช่างนครศรีธรรมราช แห่งที่ 2 วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร ผู้เข้ารับการพัฒนาฯ
ได้วิเคราะห์ สังเคราะห์ สภาพทั่วไป และการเชื่อมโยงนโยบายสู่การปฏิบัติ กระบวนการบริหารสถานศึกษา
การบริหารทรัพยากร จุดเด่น จุดด้อยของสถานศึกษา การบริหารความเสี่ยงปัจจัยสู่ความสำเร็จ และ สรุป
แนวคิดการส่งเสริมพัฒนาหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยใช้กรอบความคิดเพื่อกำหนดกลยุทธ์ และ
ขบั เคลือ่ นสกู่ ารปฏบิ ัติดว้ ยเครอื่ งมือเชงิ ปฏิบัติ SABER และ Business Model Canvas : BMC ประกอบด้วย
5 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 สภาพปัจจุบันและความท้าทาย ส่วนที่ 2 แนวคิด องค์ความรู้ และกฎระเบียบท่ี
เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 3 ผลการศึกษาเปรียบเทียบ (Journey Mapping) ส่วนที่ 4 รูปแบบการพัฒนาสถานศึกษา
และแนวทางการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในสถานศึกษาอาชีวศึกษา และส่วนที่ 5 ข้อเสนอแนะการยกระดับ
คุณภาพการจดั การอาชวี ศกึ ษา
ผู้เข้ารับการพัฒนาฯ ขอขอบพระคุณนายสุรศักดิ์ นาคาลักษณ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่าง
นครศรีธรรมราช สังกดั อาชวี ศึกษาจังหวดั นครศรีธรรมราช นายณฐั กิตต์ิ ศรสี งศักด์ธิ นา ผูอ้ ำนวยการวิทยาลัย
การอาชีพหลวงประธานราษฎร์นกิ ร สังกัดอาชีวศึกษาจังหวดั สงขลา คณะผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการ
ศึกษาทุกคน รวมถึง ดร.พูลสุข ธัชโอภาส วิทยากรพี่เลี้ยงที่ให้คำปรึกษา แนะนำ ผู้เข้ารับการพัฒนาฯ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชวี ศกึ ษา หนว่ ยงานการศกึ ษาท้งั ของรัฐ เอกชน และหน่วยงานอื่น ๆ ท่เี กีย่ วข้อง สามารถนำองค์ความรู้
และข้อเสนอแนะการเชื่อมโยงอาชวี ศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit
Bank) สู่การปฏิบัติจริงอย่างเป็นรปู ธรรม
สมาชกิ กลุ่มที่ 15
ข
โครงการการพัฒนาขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาก่อนแต่งต้งั ใหด้ ำรงตำแหนง่
ผู้อำนวยการสถานศกึ ษา สังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
บทสรุปผู้บรหิ าร
การศกึ ษาแนวทางการขับเคล่ือนการเชอ่ื มโยงอาชีวศกึ ษาในระบบและนอกระบบด้วยระบบธนาคาร
หน่วยกติ (Vocational Credit Bank) สูค่ วามสำเรจ็ ในสถานศึกษาอาชีวศึกษา มีวัตถปุ ระสงค์ 3 ประการ คือ
1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และถอดบทเรียนแนวทางขบั เคลื่อนการเชื่อมโยงอาชวี ศึกษาในระบบและ
นอกระบบดว้ ยธนาคารหน่วยกิตของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหน่วยงานอ่ืน
ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 2) เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์และแนวทาง
ขับเคลื่อนการเชื่อมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยธนาคารหนว่ ยกิตที่มคี ุณภาพ และ 3) เพื่อนำ
เสนอข้อเสนอเชงิ นโยบายในการขบั เคล่ือนการเช่ือมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบดว้ ยระบบธนาคาร
หนว่ ยกติ (Vocational Credit Bank) เพ่ือยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา
การศึกษารายละเอียดเชิงคุณภาพจากข้อมูลเอกสาร กรอบนโยบาย ทิศทาง หลักการที่มี
ความเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาด้วยระบบธนาคารหน่วยกิตในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้
กรอบแนวคิดเรื่องระบบการมุ่งเน้นคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้นของธนาคารโลก (SABER - System Approach
for Better Education Results) การศึกษาสภาพปัจจุบันทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ด้านจุดแข็ง
(Strength) จุดอ่อน (Weakness) โอกาส (Opportunity) และอุปสรรค (Threats) เป็นข้อมูลสำคัญในการ
กำหนดกลยุทธ์ การสังเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank)
โดยประยุกต์ใช้เครื่องมือในการวางแผนธุรกิจ (Business Model Canvas) รวมทั้งการถอดบทเรียน
ความสำเร็จของการดำเนินงานจัดการศึกษาด้วยระบบธนาคารหน่วยกิตในด้านปัจจัยความสำเร็จ (Key
Success Factors) ดว้ ยเทคนคิ และกระบวนการของ POSDCoRB การนำเสนอรูปแบบและกลยุทธข์ ับเคล่ือน
การเชื่อมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) สู่ความสำเร็จ
ในสถานศกึ ษาอาชีวศึกษา ผลการศกึ ษาโดยสรุป ดังนี้
1. ด้านการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และถอดบทเรียนการเชือ่ มโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอก
ระบบด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit Bank) ที่มีคุณภาพ รวมทั้งแนวนโยบาย มาตรการ
สนับสนุน และสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง พบว่า วิธีดำเนินงานที่ทำให้เกิดความสำเร็จ ได้แก่ การพัฒนา
แพลตฟอร์มเพ่ือรองรับระบบธนาคารหน่วยกติ การสร้างการรับรู้ คา่ นิยมและการประชาสัมพันธ์เก่ียวกับการ
เรียนรู้ด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต และฉากทัศน์อนาคตของผู้บริหาร (Scenario Thinking) ปัจจัย
ความสำเร็จทสี่ ำคญั (Key Success Factors) ได้แก่ การสรา้ งเครอื ข่ายความรว่ มมอื การพัฒนากลไกเชงิ พื้นท่ี
เพื่อขับเคลือ่ นระบบธนาคารหน่วยกิตสู่การปฏบิ ัติ การจัดตั้งศูนย์ธนาคารสะสมหน่วยกิต การมีวิสัยทัศน์และ
ภาวะผู้นำ สำหรับองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อการเชื่อมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยระบบ
ธนาคารหน่วยกิต ได้แก่ 1) ด้านกรอบกลยุทธ์ (Strategies) ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของ
ค
เครือข่ายความร่วมมือ กำหนดแนวทางการจัดระบบธนาคารหน่วยกิต และการผลิตและพัฒนากำลังคนด้วย
ระบบธนาคารหน่วยกิต 2) การบริหารจัดการสู่คุณภาพ (System Oversight) มีการเพิ่มประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการระบบ การพัฒนาศักยภาพและความพร้อมของสถานศึกษา และการสร้างความเชื่อมั่น
ด้านคุณภาพและมาตรฐานการจัดการระบบธนาคารหน่วยกิต 3) การจัดการเรียนรู้ (Learning Delivery)
มีการจัดระบบและช่องทางการเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย การสร้างโอกาส ต่อยอดทางการศึกษา และรับรองผลการ
เรียนรู้จากสมรรถนะผู้เรียน สำหรับแนวทางขับเคลื่อนธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ทั้งในประเทศไทย
และต่างประเทศ พบว่า ในภาพรวมเป็นการประเมินและรับรองผลการเรียนรู้ในหลากหลายช่องทาง ทั้งจาก
การศึกษาในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย และจากประสบการณ์การเรียนรู้ มีการรับรองสมรรถนะของ
ผู้เรียนที่ยึดโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของแต่ละประเทศ การจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต
ในต่างประเทศให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการจัดการศึกษาสำหรับประชาชนทั่วไป
ครอบคลุมถึงนักศึกษา ผู้ใหญ่ที่กลับเข้าสู่โรงเรียนหรือกลับเข้าสู่การทำงาน ผู้ว่างงานและลูกจ้างในสถาน
ประกอบการ มีหน่วยงานที่ดูแลในการรับรองการศึกษา และใช้ระบบธนาคารหน่วยกิตเป็นนวัตกรรม
การศกึ ษา สำหรบั ประเทศไทยยังไม่มีหนว่ ยงานกลางในการดูแลระบบธนาคารหน่วยกิต แต่เป็นการเทียบโอน
ความรู้ของแต่ละสถาบันการศึกษายังไม่มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน การเทียบโอนยังไม่มีมาตรฐานกลาง
การประเมินคณุ วฒุ ยิ ังไมส่ ามารถเชอ่ื มโยงได้ทุกสถาบนั และยงั มปี ัญหาความน่าเช่อื ถือดา้ นคณุ ภาพการศกึ ษา
2. รูปแบบการพัฒนาสถานศึกษาด้วย PANGHEIs Model โดยการมีส่วนร่วมของ 4 ภาคส่วน
ได้แก่ สถานศึกษา ภาคประกอบการ เครือข่ายและผู้เรียน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน 8 มิติหลัก
ประกอบด้วย แผนและกลยุทธ์ (Plan and Strategy ) การบูรณาการเชิงพื้นท่ี (Area-Based Integration)
การขับเคลื่อนสถานศึกษาสู่มิติชีวิตแห่งอนาคต (Next Normal ) เป้าหมายสู่ความเป็นเลิศ (Goal of
Excellence) องค์กรแหง่ ความสขุ (Happiness) การศกึ ษาเพอ่ื คนทุกช่วงวัย (Education for All) เทคโนโลยี
นวัตกรรม (Innovation Technology) และการได้รับการยอมรับ (Satisfaction) มีกลยุทธ์และแนวทาง
ขับเคลื่อน ดังนี้ การขับเคลื่อนในสถานศึกษาขนาดเล็ก ประกอบด้วย กลยุทธ์สร้างความเข้มแข็งของ
พันธมิตรความรว่ มมือ และกลยุทธ์พัฒนาศักยภาพและความพร้อมของสถานศึกษา โดยการ 1) แสวงหาและ
สรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื 2) ขับเคล่ือนการสือ่ สาร การประชาสัมพนั ธด์ ้วยเทคโนโลยที ที่ ันสมยั 3) การพฒั นา
ระบบบรหิ ารจดั การของสถานศึกษา 4) สร้างการรบั รู้ ความรู้ ความเขา้ ใจใหแ้ กผ่ เู้ ก่ยี วขอ้ งและ 5) เพม่ิ ศกั ยภาพครู
บุคลากร การขับเคลื่อนในสถานศึกษาขนาดกลาง ประกอบด้วย กลยุทธ์สร้างและขยายเครือข่ายความ
ร่วมมอื กลยทุ ธ์ผลิตและพฒั นากำลังคนดว้ ยระบบธนาคารหน่วยกิตทสี่ อดคลอ้ งกับความต้องการ และกลยุทธ์
ยกระดับคุณภาพและบูรณาการทำงานด้านบริการวิชาการและวิชาชีพตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
โดยการ 1) สร้างการรับรูแ้ ละการประชาสมั พันธด์ ้วยการสื่อสารแบบบูรณามัลติเทคโนโลยี 2) สร้างเครือข่าย
ความร่วมมือที่เข้มแข็งโดยใช้กลยุทธ์ Win Win 3) สำรวจและวิเคราะห์ทิศทางการเปลี่ยนแปลงและความ
ต้องการของตลาดแรงงานโลกในอนาคต 4) แลกเปล่ยี นเรียนรู้ แบง่ ปัน ถ่ายทอดประสบการณ์ และ5) ยกย่อง
เชิดชูเกียรติเครือข่ายความร่วมมือ การขับเคลื่อนในสถานศึกษาขนาดใหญ่ ประกอบด้วย กลยุทธ์พัฒนา
ระบบธนาคารหน่วยกิต กลยุทธ์พัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้
ง
และกลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพและมาตรฐานการจัดการระบบธนาคารหน่วยกิต โดยการ
1) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบและสร้างกลไกการดำเนินงานต่อเนื่องเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน
2) สนับสนุนการระดมทรัพยากร ด้านงบประมาณ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบดิจิทัล
เพื่อการเรียนรู้ 3) เสรมิ สร้างศักยภาพครู บคุ ลากร และ4) สง่ เสริมการใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ลั เพ่อื การเรยี นรู้
3. ข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลือ่ นการเช่ือมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วย
ระบบธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit Bank) ประกอบด้วย 1) สร้างความเข้มแข็งของ
เครือขา่ ย เพอื่ สร้างระบบข้อมูลความต้องการกำลังคนของประเทศด้วย Big Data เชื่อมโยงข้อมูลทุกภาคส่วน
2) จดั ตง้ั ศูนยธ์ นาคารหนว่ ยกติ และหน่วยงานกลางระดับชาติ ระดบั ภาค ระดบั จังหวัดและระดับสถานศึกษา
เพื่อดูแลระบบและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3) จัดทำประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ
แนวทางปฏิบัติ และคู่มือสำหรับ การจัดการอาชีวศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต 4) มีดิจิทัลแพลตฟอร์ม เป็น
กลไกขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต 5) ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ และชี้ช่องทางการมีส่วน
ร่วมของภาคส่วน 6) ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างชุดการสอนหรือชุดการเรียนรู้ สำหรับการจัดการศึกษาด้วย
ระบบธนาคารหน่วยกิต 7) มุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
โดยการจัดหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น หรือรายวิชาปรบั พื้นฐาน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
เพื่อนำไปเทียบโอนผลการเรียนเมื่อศึกษาต่อในสถานศึกษาอาชีวศึกษา ลดระยะเวลาการศึกษาให้จบ
การศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ภายใน 2 ปี 4 ภาคเรียน 8) ควรมีช่องทาง FAST
TRACK ลดระยะเวลาการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้น (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
ชั้นสูง (ปวส.) ให้จบการศึกษาภายใน 4 ปี สำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษาที่จบมัธยมศึกษาตอนต้น มีความพร้อม
และมีศักยภาพในการเรียนรู้ด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต และ 9) การจัดการอาชีวศึกษาระบบเปิด ที่เอื้อต่อ
การจัดการศึกษาด้วยธนาคารหน่วยกิต โดย ปลดล๊อค ระยะเวลาการศึกษาเพื่อสำเร็จการศึกษา 3 ปี ตามหลักสูตร
ปวช. 2 ปี ตามหลักสูตร ปวส. ให้สามารถศึกษาได้แบบไร้ขีดจำกัดด้านระยะเวลา ปรับเปลี่ยน กระบวนการ
จัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล ที่เอื้อและตอบสนองบริบทผู้เรียน ประกอบด้วย นักเรียน
นักศึกษา แรงงานและประชาชนทัว่ ไป เปิดกว้าง ให้กลุ่มเปา้ หมายทุกช่วงวัย ทุกอาชีพ สามารถเข้าไปเรียนรู้
ตามสมรรถนะอย่างกว้างขวาง อาทิ เปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมศึกษากับผู้เรียนในระบบโดยใช้รูปแบบ
การเรยี นแบบตอ่ เนอื่ ง Block Course
สารบัญ จ
คำนำ หน้า
บทสรปุ ผู้บรหิ าร ก
สารบัญ ข
สารบญั ตาราง จ
สารบัญแผนภาพ ฉ
สว่ นที่ 1 สภาพปัจจุบนั และความทา้ ทาย ช
1
1. สภาพปจั จุบนั และความท้าทา้ ย 1
2. วตั ถุประสงค์ 4
3. กรอบแนวคิด 4
สว่ นที่ 2 แนวคิด องค์ความรู้ และกฎระเบยี บทเ่ี กย่ี วข้อง 6
1. แนวคดิ ทฤษฎี และองค์ความรู้ 7
2. กฎ ระเบียบ ทเี่ กย่ี วข้อง 19
3. แนวปฏบิ ตั ทิ เี่ ก่ยี วขอ้ ง 28
ส่วนที่ 3 ผลการศึกษาเปรยี บเทยี บ (Journey Mapping) 30
1. ข้อคน้ พบจากสถานศึกษาท่เี ข้ารับการฝึกประสบการณ์ 30
2. บทเรียนความสำเรจ็ ในการบริหารจดั การสถานศึกษาดว้ ยเทคนคิ
37
และกระบวนการของ POSDCoRB
สว่ นที่ 4 รปู แบบการพัฒนาสถานศึกษา และแนวทางการขับเคล่อื นสูค่ วามสำเรจ็ 40
41
ในสถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษา 44
1. รปู แบบการพฒั นาสถานศึกษา (Model of College Development) 48
2. แนวทางการขับเคล่อื นส่คู วามสำเรจ็ ในสถานศกึ ษาอาชีวศึกษา 51
3. การเชอื่ มโยงระบบธนาคารหน่วยกิตเพอื่ การศึกษาทกุ ระดับ 52
4. การสร้างเครอื ขา่ ยเพอื่ การพัฒนาระบบธนาคารหนว่ ยกติ อยา่ งมคี ุณภาพ 55
ส่วนที่ 5 ข้อเสนอแนะการยกระดบั คณุ ภาพการจดั การอาชวี ศึกษา 57
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ฉ
สารบญั ตาราง หน้า
ตารางท่ี 3.1 แสดงการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ภายนอกและบริบทของสถานศึกษา 30
ก่อนดำเนนิ การจัดการเรียนการสอนด้วยระบบธนาคารหน่วยกติ (Credit Bank) 31
โดยใชเ้ ทคนิค (SWOT Analysis) 32
37
ตารางท่ี 3.2 แสดงเหตจุ ูงใจหรือความท้าทายที่ต้องดำเนินการ
ตารางท่ี 3.3 แสดงการวเิ คราะหค์ วามสัมพันธด์ ว้ ย SABER และ Business Model Canvas
ของสถานศึกษาฝกึ ประสบการณใ์ นรูปแบบ Credit Bank
ตารางที่ 3.4 แสดงบทเรียนความสำเร็จในการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาด้วยเทคนิค
และกระบวนการของ POSDCoRB
ช
สารบญั แผนภาพ
หนา้
แผนภาพท่ี 1.1 แสดงกรอบแนวคดิ ความสมั พันธด์ ้วย SABER และ Business Model
Canvas ของสถานศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์ในรปู แบบ Credit Bank 5
แผนภาพที่ 2.1 แสดงองคป์ ระกอบเคร่อื งมือทีช่ ว่ ยในการวางแผนธุรกจิ (Business Model
Canvas : BMC) 8
แผนภาพที่ 2.2 แสดงองคป์ ระกอบการประยุกตใ์ ชเ้ คร่อื งมือที่ช่วยในการวางแผนธรุ กจิ (BMC)
ในการจดั การศกึ ษา 9
แผนภาพท่ี 2.3 แสดงความเชื่อมโยงองค์ประกอบเคร่อื งมือทีช่ ว่ ยในการวางแผนธรุ กจิ (BMC)
ท่นี าํ มาประยุกต์ใช้ในการจดั การศึกษา 10
แผนภาพที่ 3.1 แสดง Credit Bank System Implementation Journey Mapping 39
แผนภาพที่ 4.1 แสดงรปู แบบการพัฒนาสถานศึกษาด้วย PANGHEIs Model 42
แผนภาพที่ 4.2 แสดงขอบข่ายหนา้ ทีข่ อง 4 ภาคสว่ นใน PANGHEIs Model 43
แผนภาพท่ี 4.3 แสดงการเช่ือมโยงระบบธนาคารหนว่ ยกติ เพื่อการศึกษาทกุ ระดับ 50
ส่วนที่ 1
สภาพปจั จุบนั และความท้าทาย
1. สภาพปจั จุบนั และความท้าทาย
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2553 กล่าวถึงการจัดการศึกษาที่ผสมผสานและเชื่อมโยงระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศยั เพ่อื ใหบ้ ุคคลสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชวี ิตให้ความสำคัญกับ
การศกึ ษาตลอดชีวิต (Lifelong Education) โดยกำหนดใหเ้ ปน็ หลกั การของการจัดการศึกษาของประเทศนั้น
การศึกษาตลอดชีวิต จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะนำมากำหนดแนวทางเพื่อให้การพัฒนาประเทศ
บรรลุเป้าหมายในทิศทางที่ต้องการอันจะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และดำรงอยู่ในสังคมโลกได้อย่าง
มีความสุข สำหรับประเทศไทยการศึกษาตลอดชีวิตได้ถูกเชื่อมโยงกับการพัฒนาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
ซง่ึ จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ท่ีมุ่งเน้น
การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิตควบคู่กับการปฏิรูปที่สำคัญทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนค่านิยมและ
วัฒนธรรม เพื่อให้คนมีความดีอยู่ใน “วิถ”ี การดำเนินชวี ติ และมจี ิตสำนึกร่วมในการสร้างสังคมท่ีนา่ อยู่ และมีการ
ปฏิรูปการเรียนรู้แบบพลิกโฉมในทุกระดับตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการพัฒนาระบบ
การเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่ การเปลี่ยน
บทบาทครู การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาและการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนา
ผเู้ รียน ให้สามารถกำกับการเรียนรู้ทีเ่ หมาะสมกับตนเองได้อย่างต่อเน่ืองแม้จะออกจากระบบการศึกษาแล้ว
ทิศทางการพัฒนาประเทศภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2566 – 2570
มีวัตถุประสงค์เพ่ือพลกิ โฉมประเทศไทยสู่ “สงั คมกา้ วหนา้ เศรษฐกจิ สร้างมูลคา่ อย่างยัง่ ยืน” มุ่งเสรมิ สร้างสังคม
ท่ีกา้ วทนั พลวัตของโลกและเก้ือหนุนให้คนไทยมีโอกาสทีจ่ ะพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมกับการปรับ
โครงสรา้ งเศรษฐกิจไปสู่การขับเคล่ือนดว้ ยเทคโนโลยี นวัตกรรมและความคิดสรา้ งสรรค์ มีความสามารถในการสร้าง
มูลค่าเพิ่มที่สูงและคำนึงถึงความยัง่ ยืนด้านสิ่งแวดลอ้ ม โดยกำหนดหมุดหมายการพัฒนาไว้จำนวน 13 หมุดหมาย
ท่ีครอบคลุม 4 มิติ โดยเฉพาะอย่างย่ิงหมุดหมายท่ี 12 มีเป้าหมายและทิศทางท่ีจะให้ประเทศไทยมีกำลังคน
ที่มีสมรรถนะสูงมุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต โดยสนับสนุนให้คนทุกช่วงวัยมีโอกาส
พัฒนาทักษะอย่างเต็มศักยภาพ มกี ารเรยี นรู้ตลอดชวี ิต และมีสมรรถนะท่ีสอดคล้องกับบริบทของโลกยุคใหม่
อาทิ ทกั ษะดิจิทลั รวมถึงการผลิตกำลังคนให้ตรงความต้องการของภาคการผลิต เพ่ือเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อน
ท่ีช่วยในการสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศ ซ่ึงกระบวนการเปล่ียนแปลงต่างๆ เหล่านี้จะประสบผลสำเร็จได้
สิ่งสำคัญก็คือการเปล่ียนแปลงความคิดของประชาชนให้พร้อมที่จะพัฒนาตนเองตลอดเวลา และตระหนักถึง
การเรยี นรอู้ ย่างตอ่ เนอื่ งตลอดชวี ิต
เช่นเดียวกับแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2574 (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560)
ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องและตอบสนองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
โดยได้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ การวัดและ
ประเมินผล กำหนดให้การจัดทำและพัฒนามาตรฐานหลักสูตรวชิ าชีพ มาตรฐานสถานศึกษา มาตรฐานสถานประกอบการ
2
และครูฝึกสอนในสถานประกอบการ มาตรฐานการวัดและประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อประกัน
คุณภาพมาตรฐานการศึกษาทั้งด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพ
ทั้งความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และความรู้ที่ได้จาก
ประสบการณ์การทำงานผา่ นระบบการสะสมและการเทียบโอนเพื่อยกระดบั คุณวุฒิและสมรรถนะของผู้เรียน
ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาคุณภาพของคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่ง
การเรียนรู้ได้กำหนดให้ยกระดับคุณวุฒิของประชากรที่อยู่ในวัยเรียนและที่อยู่ในกำลังแรงงานที่ตอบสนอง
ความต้องการของประเทศ และพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถและสมรรถนะในการปฏิบัติงานในแต่ละ
ระดับการศึกษาตามระดับคุณวุฒิการศึกษาผ่านระบบการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายและ
ยดื หยุน่ ตอบสนองความต้องการของผเู้ รยี นทั้งการเรียนรู้จากการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
และประสบการณ์การทำงาน ซึ่งมีระบบการทดสอบวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Outcome)
ตามมาตรฐานหลักสูตรวิชาชีพ การสะสมหน่วยการเรียนและการเทียบโอนเพื่อยกระดับคุณวุฒิการศึกษา
ตามหลักการของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติโดยร้อยละของแรงงานที่ขอเทียบโอนความรู้และประสบการณ์
เพอ่ื ยกระดบั คุณวฒุ กิ ารศึกษาเพ่ิมข้ึน (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2560)
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ซึ่งได้ส่งผลกระทบ
ในวงกว้าง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้เรียนที่การพัฒนาการด้านต่างๆ ทั้งวิชาการ อารมณ์ และสังคมต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้
การศึกษาไม่สามารถตอบโจทย์การเรยี นรู้ของผู้เรียนได้เกิดภาวะการเรียนรูถ้ ดถอย (Learning Loss) ซึ่งเปน็
ภาวะของการเสยี โอกาสการเรียนรู้ท่ีมผี ลทำให้ทักษะต่างๆ ท่ผี ู้เรยี นควรจะได้รบั การพัฒนาตามช่วงวัยสูญเสีย
ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษาและการส่ือสาร ผเู้ รยี นขาดระเบียบวินัยและขาดการพัฒนาทักษะการเข้าสังคม
นอกจากนี้ ผู้เรยี นทีอ่ อกจากระบบไปแล้วยังขาดแรงจูงใจที่จะกลบั เข้าสู่ระบบการศึกษา (Unfinished Learning)
แรงงานมีฝีมือและมีประสบการณ์การทำงานก็ขาดโอกาสที่จะเข้าศึกษาในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เป็นไป
ตามหลักการจัดการศึกษาท่ีตอ้ งการให้เกิดการผสมผสานและเช่ือมโยงระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบ และ
ตามอัธยาศัย เพอ่ื ให้บุคคลสามารถพัฒนาคุณภาพชวี ติ ได้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิตดังที่ได้กลา่ วมาแล้ว ทั้งน้ีส่วนหนึ่ง
เปน็ เพราะขาดระบบการสะสมหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่เป็นมาตรฐานเดียวกนั ระหว่างหน่วยงานและสถานศึกษา
ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank System) หรือระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้จึงเป็นการดำเนินการที่จะ
แกไ้ ขปัญหาดังกล่าว เพ่อื เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนและประชาชนได้นำผลการเรียนรู้และประสบการณ์การทำงานหรือ
อาชีพทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยที่สะสมไว้มาเทียบโอนกันได้ โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนหรือผู้ปฏิบัติงานมี
โอกาสเชื่อมโยงการเรียนรู้หรือประสบการณ์การทำงาน สามารถพัฒนาตนเองมากยิ่งขึ้น ลดขั้นตอนความซ้ำซ้อน
และสามารถนำไปใช้ในการเรียนและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพ
ผเู้ รียน และการพฒั นาประเทศในทสี่ ดุ
จากการศึกษาระบบธนาคารหนว่ ยกิตของสำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษาโดย พิณสุดา สิริธรงั ศรี
(2558) พบว่า ประเทศไทยยังไม่มีการจดั ระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้หรอื ธนาคารหน่วยการเรียนรู้ หรือ
ธนาคารหน่วยกิตที่ชัดเจน แต่ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2545 มีการกำหนดเร่ืองของการเทียบโอนผลการเรียนไว้อย่างชัดเจนข้ึน ในมาตรา 15 ที่ได้บัญญัติว่า
3
“การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั โดยให้มี
การเทยี บโอนผลการเรียนที่ผู้เรยี นสะสมไว้ในระหว่างรปู แบบเดยี วกันหรือต่างรูปแบบได้ ไมว่ า่ จะเปน็ ผลการเรียน
จากสถานศกึ ษาเดยี วกันหรอื ไมก่ ็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรนู้ อกระบบ ตามอธั ยาศยั การฝกึ อาชพี หรือจากประสบการณ์
การทำงาน” ดว้ ยบทบญั ญตั ิดังกล่าว กระทรวงศกึ ษาธกิ ารจงึ ไดอ้ อกประกาศเรอื่ ง การเทยี บโอนผลการเรยี นการศึกษา
ขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา เพื่อเป็นแนวทางการเทียบโอนผลการเรียน
ของหน่วยงานสถานศึกษาต่างๆ รวมทั้งการกำหนดกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เป็นกรอบแนวทางการเชื่อมโยง
ผลการเรียนรู้กับสมรรถนะในการปฏิบัติงานแต่ยังคงมีปัญหาทางปฏิบตั ิทีย่ ังไม่สอดคล้องกันของแต่ละหน่วยงาน
ทจ่ี ดั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานยังมคี วามหลากหลายในทางปฏิบัติ
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซง่ึ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา
ของประเทศ โดยท่รี ปู แบบของการจดั การศึกษาอาจสามารถทำไดห้ ลายรปู แบบเพื่อเป็นการสรา้ งโอกาสในการเข้าถึง
การศึกษาที่กว้างขวางขนึ้ สำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนวัยแรงงาน ซง่ึ พระราชบัญญัติอาชีวศึกษา
พ.ศ. 2551 มาตรา 10 (2) ได้กำหนดให้การจดั การอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมอาชีพต้องคำนงึ ถึงการศึกษา
ในดา้ นวชิ าชีพสำหรับประชาชนวัยเรียนและวัยทำงาน ตามความถนัดและความสนใจอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
จนถงึ ระดับปริญญาตรี มาตรา 10 (4) ต้องคำนึงถึงการศึกษาท่มี ีความยืดหยนุ่ หลากหลาย และมรี ะบบเทียบโอน
ผลการเรียนและระบบเทียบประสบการณก์ ารทำงานของบคุ คลเพื่อเข้ารับการศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชพี
อย่างตอ่ เนื่องและยงั ไดร้ ะบุไวใ้ นมาตรา 6 การจดั การอาชวี ศกึ ษาและการฝึกอบรมวชิ าชีพต้องเปน็ การจัดการศึกษา
ในด้านวชิ าชีพเพ่ือผลิตและพัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพท่สี อดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ
เพ่อื ผลิตและพฒั นากำลงั คน ในด้านวชิ าชีพ ระดับฝีมอื ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี รวมทั้งการยกระดับ
การศึกษาวิชาชีพให้สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยนำความรู้ในทางทฤษฎี
อนั เป็นสากลและภูมปิ ัญญาไทยมาพัฒนาผรู้ ับการศึกษาให้มีความรูค้ วามสามารถในทางปฏบิ ัติ และมสี มรรถนะ
จนสามารถนำไปประกอบอาชพี ในลักษณะผู้ปฏิบตั ิหรือประกอบอาชีพโดยอสิ ระได้
การดำเนินการในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พบว่า
คุณภาพในการดำเนินงานไม่อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากความหลากหลายในการปฏิบัติของแต่ละ
สถานศึกษา สถานศึกษายังขาดความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติ ขาดข้อสอบกลางวัดความรู้ความสามารถ
ทางวิชาการที่เป็นมาตรฐาน และขาดความชัดเจนในทางปฏิบัติโดยเฉพาะไม่มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่
ประสานใหม้ เี อกภาพในการดำเนินการ สง่ ผลให้เกดิ ความซ้ำซอ้ นสน้ิ เปลอื งทรพั ยากรและคา่ ใชจ้ ่าย
ดงั นน้ั เพ่อื ให้มกี ลไกในการควบคุมคุณภาพอย่างเปน็ ระบบและเปน็ มาตรฐานเดยี วกัน สรา้ งทางเลือก
ในการจัดการอาชีวศึกษาให้ครอบคลุมการจัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ส่งเสริมให้
ประชาชนที่มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ได้เข้าสู่ระบบการศึกษารองรับผู้เรยี นที่ออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบ
การศึกษาได้เมื่อมีความพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ไม่จำกัดสถานที่และเวลาตามหลักการ
เรียนรู้ตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มคุณภาพผู้เรียนให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสังคม ชุมชน
และตลาดแรงงาน เชื่อมโยงคุณวุฒิทางการศึกษากับคุณวุฒิวิชาชีพ ธนาคารหน่วยกิต หรือระบบสะสมหน่วย
การเรียนรู้อาชีวศึกษา (Vocational Credit Bank System) จึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นเครื่องมือเพื่อให้
4
บุคคลสามารถนำผลการเรียน ความรู้ และประสบการณ์จากการทำงาน มาขอรับการประเมินผ่านระบบ
สะสมหน่วยการเรียนรู้อาชีวศึกษา ซึ่งมีระบบการทดสอบ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามมาตรฐาน
หลักสูตร อันเป็นการเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์กับระบบการศึกษา เพื่อยกระดับคุณวฒุ ิและสมรรถนะ
ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา ระบบสะสมหน่วยการเรียนรู้จะ
เป็นเครื่องมือในการให้บริการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ให้เกิดการยืดหยุ่น การเชื่อมโยงและ
การปฏิบัติงาน จัดการศึกษาท่ีเป็นมาตรฐานการศึกษาเดยี วกนั ของสถานศกึ ษา หน่วยงานและองค์กรที่เก่ียวข้องอย่าง
ทั่วถึงและเท่าเทียมกันอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประชาชน ผลิตพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา
เพอ่ื การพฒั นาประเทศต่อไป
2. วัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และถอดบทเรียนแนวทางขับเคลื่อนการเชื่อมโยงอาชีวศึกษา
ในระบบและนอกระบบด้วยธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit Bank) ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหน่วยงานอื่นทง้ั ในประเทศไทยและต่างประเทศ
2) เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาสถานศึกษากลยุทธ์ และแนวทางขับเคลื่อนการเชื่อมโยง
อาชีวศกึ ษาในระบบและนอกระบบดว้ ยธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit Bank) ทีม่ ีคณุ ภาพ
3) เพื่อนำเสนอขอ้ เสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนการเช่ือมโยงอาชวี ศึกษาในระบบและนอกระบบ
ดว้ ยระบบธนาคารหนว่ ยกติ (Vocational Credit Bank) ยกระดับคณุ ภาพการจดั การอาชีวศึกษา
3. กรอบแนวคิด
1 ) ก ร อ บ The World Bank, SABER - Systems Approach for Better Education Results :
Workforce Development, Framework and Tool Analysis (World Bank, 2013) โดยมีโครงสร้าง
เครื่องมือตามองคป์ ระกอบท่สี ำคญั ไดแ้ ก่ มิตหิ รือทศิ ทาง (Dimension) เป้าหมายเชงิ นโยบาย (Policy Goal)
การขบั เคลอ่ื นนโยบาย (Policy Action) และประเดน็ สำคญั ในทางปฏิบตั ิ (Topic) นำมาบรู ณาการกับแนวคิด
จากการศึกษาแนวนโยบายและหลักการที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับการจัดระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit
Bank)
2) กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวเิ คราะห์ สังเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อน (Credit Bank)
ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองการปฏิรูปประเทศด้าน การศึกษา ประยุกต์ใช้เครือ่ งมือที่ชว่ ยในการวางแผนธุรกิจ
Business Model Canvas : BMC ประกอบดว้ ย 1) ความรว่ มมอื หลักท่ีเข้มแขง็ (Key Partners) 2) กจิ กรรม
ดำเนินงานหลกั (Key Activities) 3) ตน้ แบบ/คลงั ปญั ญา (Value Propositions) 4) คณุ ภาพผู้เรียน/ผู้สำเร็จ
(Key Results) 5) ทรัพยากรหลัก (Key Resources) 6) กลไกขับเคลื่อนหลัก (Key Drivers) 7) นวัตกรรม
การบริหาร (Management Innovation) และ8) นวตั กรรมการเรียนรู้ (Learning Innovation)
5
แผนภาพแสดงกรอบแนวคิด ความสัมพันธด์ ้วย SABER และ Business Model Canvas
ของสถานศกึ ษาฝึกประสบการณ์ในรูปแบบ Credit Bank
Input Process
ความร่วมมือหลัก กจิ กรรม
ทเ่ี ข้มแขง็ ดาเนนิ งานหลัก
(Key Activities)
(Key Partners)
ทรัพยากรหลัก นวัตกรรมการบรหิ าร นวตั กรรมการเรียนรู้
(Key Resources) กลไกขบั เคลื่อนหลัก (Management Innovation) (Learning Innovation)
(Key Drivers)
- งบประมาณ - มงุ่ ผลสมั ฤทธิ์ - ยดึ โยงกบั มาตรฐาน
- หลกั สตู ร/สอื่ คณะกรรมการรว่ ม - มี/ดาเนนิ การตามแผนขบั เคลื่อน - รูปแบบการเรยี นรูห้ ลาก
- ผเู้ รียน - ใชน้ วตั กรรม/เทคโนโลยี หลาย
- ผสู้ อน Industral-led - นิเทศ ติดตาม ประเมนิ ต่อเนอื่ ง - ส่อื ครุภณั ฑ์
- ผบู้ ริหาร ปรบั ปรุง - การวดั ผล
- ส่ิงอานวยความสะดวก - แรงจงู ใจ/พลงั รว่ ม
- สอ่ื สาร/ประชาสมั พนั ธ์
- สรา้ งความเป็นสากล
ต้นแบบ/คลังปัญญา คุณภาพผูเ้ รยี น/
(Value ผู้สาเร็จ
Propositions) (Keys Results)
แผนภาพท่ี 1.1 แสดงกรอบแนวคิดความสัมพนั ธ์ดว้ ย SABER และ Business Model Canvas
ของสถานศกึ ษาฝึกประสบการณใ์ นรปู แบบ Credit Bank
ท่ีมา : ประยุกต์จาก https://www.wongnai.com/pos/articles/business-model-canvas
6
ส่วนที่ 2
แนวคดิ องคค์ วามรู้ และกฎระเบียบทีเ่ ก่ียวข้อง
ในการศึกษาเพื่อจัดทำรายงานการการฝึกประสบการณ์ในสถานศึกษาและแนวคิดการประยุกต์ใช้
ในการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษาได้มีการตรวจสอบเอกสารเก็บข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ
การเชื่อมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit Bank) เพื่อใช้
เป็นแนวทางในการศกึ ษา ใชเ้ ปน็ แนวคิดองคค์ วามรู้ กฎระเบียบ และแนวปฏิบัติท่ีเกีย่ วขอ้ ง ดงั น้ี
1. แนวคดิ ทฤษฎี และองค์ความรู้
1.1 แนวคดิ เชิงระบบในการยกระดบั คณุ ภาพการอาชวี ศึกษาของธนาคารโลก (SABER)
1.2 การประยกุ ต์ใช้เครื่องมือทชี่ ว่ ยในการวางแผนธรุ กิจ (Business Model Canvas : BMC)
1.3 หลักการสำคญั ของระบบธนาคารหนว่ ยกติ
1.4 หลักการพืน้ ฐานและเจตนารมณข์ องธนาคารหนว่ ยกติ
1.5 ความหมายของระบบธนาคารหนว่ ยกิตหรือเครดิตแบงก์
1.6 ปัจจยั ทีช่ ่วยใหร้ ะบบธนาคารหนว่ ยกติ ประสบผลสำเรจ็
1.7 บริบทระดบั มหภาคท่เี ก่ยี วขอ้ งกับระบบธนาคารหน่วยกิต
1.8 ประโยชน์ท่เี กดิ จากระบบธนาคารหนว่ ยกิต
1.9 สถานการณ์ธนาคารหนว่ ยกิตในประเทศไทย
1.10 ระบบธนาคารหน่วยกิตในระดับอุดมศกึ ษา
2. กฎ ระเบยี บ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
2.1 ยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580
2.2 แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2574
2.3 แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12
2.4 พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542.
2.5 พระราชบญั ญตั อิ าชวี ศกึ ษาพุทธศกั ราช 2551
2.6 มาตรฐานการศึกษาของชาติ
2.7 มาตรฐานคุณวฒุ ทิ างการศกึ ษา
2.8 ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
2.9 ร่างแผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ ประเด็นการพฒั นาการเรียนรู้ (พ.ศ. 2561 – 2580)
2.10 ระบบธนาคารหน่วยกิตของต่างประเทศ
3. แนวปฏิบัติท่ีเกีย่ วข้อง
3.1 แนวปฏิบตั เิ ก่ียวกบั ระบบสะสมหน่วยกติ
3.2 พืน้ ความรู้และคณุ สมบตั ขิ องผ้เู รียน
3.3 แนวทางในการจัดการศกึ ษา
3.4 วิธกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้
7
1. แนวคดิ ทฤษฎี และองค์ความรู้
1.1 แนวคิดเชงิ ระบบในการยกระดับคุณภาพการอาชีวศึกษาของธนาคารโลก (The World Bank,
SABER - Systems Approach for Better Education Results : Workforce Development, Framework and Tool
Analysis)
การผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานถือเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
ในประเทศกําลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่จะพบปัญหาอุปสงค์และอุปทานด้านทักษะไม่ตรงกัน (Mismatch)
ระหว่างภาคการผลิตและภาคผู้ใช้กําลังคนเป็นประเด็นปัญหาทสี่ ่งผลต่อผลิตภาพอย่างต่อเนื่อง ผู้สำเร็จการศึกษา
จำนวนมากไม่สามารถหางานที่สอดคล้องกับที่ได้ศึกษา ในขณะที่นายจ้างพบปัญหาในการจัดหากําลังคนที่มี
สมรรถนะตามความต้องการทั้งในด้านทักษะที่จำเป็นในงานและทักษะอาชีพ ซึ่งถือว่าจำเป็นสำหรับผลิตภาพ
ทางธุรกิจของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันในวงกว้าง ส่งผลต่อขีดความสามารถทั้งในระดับภาคประกอบการ ระบบ
เศรษฐกิจโดยรวม และประเทศเป็นอุปสรรคต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการลดความยากจน การผลิต
และพัฒนากําลังคนให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของภาคประกอบการ จึงเป็นความท้าทายจาก
ประเด็นดังกล่าวข้างต้น ธนาคารโลกได้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนานโยบาย โดยกํ าหนด
กรอบการวิเคราะห์และการออกแบบเครื่องมือเชิงปฏิบัติที่เรียกว่า Systems Approach for Better Education
Results (SABER) สำหรับการประเมินระบบการผลิตและพัฒนากําลังคน (WfD) เพื่อใช้ในการพัฒนากลยุทธ์
จุดเน้นของ SABER - WfD คือ ความคิดเชิงระบบที่เตรียมกําลังคนให้พร้อมตอบสนองความต้องการทักษะ
ในตลาดแรงงาน มุ่งเน้นความชัดเจนในมิติการทำงานสามมิติ (Dimension) ประกอบด้วย 1) กรอบนโยบาย
(Strategic Framework) หมายถึง ความสอดคล้องระหว่างการพัฒนากําลังคนกับเป้าหมายระดับชาติ
ของประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทิศทางการดำเนินการพัฒนากําลังคนที่มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ
ผลิตภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2) การบริหารจัดการสู่คุณภาพ (System Oversight) หมายถึง การบริหาร
จัดการและมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกํากับดูแลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก และ 3) การจัดการ
เรียนรู้ (Learning Delivery) หมายถึง การดำเนินการของสถานศึกษาและการฝึกอบรมที่จะส่งมอบบริการ เพื่อให้
ได้ผลผลิตต่อคุณภาพผู้เรียน และผลลัพธ์ที่ส่งต่อไปยังภาคประกอบการและประเทศโดยรวมตามเป้าหมายของ
การอาชีวศึกษา โดยมีรายละเอียดย่อยของมิติหรือทิศทาง (Dimension) ได้แก่ 1) เป้าหมายเชิงนโยบาย (Policy
Goal) 2) การขับเคล่ือนนโยบาย (Policy Action) และ 3) ประเดน็ สำคัญในทางปฏบิ ัติ (Topic)
1.2 การประยกุ ต์ใช้เครื่องมือทีช่ ่วยในการวางแผนธุรกจิ (Business Model Canvas : BMC)
ในการจัดการศึกษาเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนธุรกิจ (Business Model Canvas : BMC)
(Alexander Osterwalder, 2017) สำหรับองค์กรที่ต้องการวางแผนอย่างเป็นระบบมีองค์ประกอบสำคัญ 9 ด้าน
ได้แก่ 1) ลูกค้า (Customer Segments : CS) 2) ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ 3) คุณค่า (Value Propositions : VP)
จดุ ขายของสินค้าหรือบริการน้ันช่องทาง (Channels : CH) วิธีในการสื่อสารไปถึงลูกค้า 4) ความสัมพันธ์กับลูกค้า
(Customer Relationships : CR) วิธีในการรักษาลูกค้าเดิม 5) กระแสรายได้ (Revenue Streams : RS)
รายได้ของธรุ กิจน้ี 6) ทรพั ยากรหลัก (Key Resources : KR) สง่ิ ทต่ี อ้ งมีในการดำเนินธุรกิจ 7) กิจกรรมหลัก (Key
Activities : KA) กจิ กรรมที่ต้องทำเพื่อให้โมเดลธุรกจิ อยู่ได้ 8) พนั ธมติ รหลัก (Key Partners : KP) สว่ นท่ีเกี่ยวข้อง
8
ท้งั การช่วยป้อนวัตถุดิบและการชว่ ยขาย และ 9) โครงสรา้ งต้นทุน (Cost Structure : CS) ตน้ ทนุ ทั้งหมดของธุรกิจ
ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพ (Visualizing) ได้อย่างครบถ้วนทุกมุม ช่วยในการกำหนดยุทธศาสตร์กลยุทธ์ ประเมิน
ความสำเรจ็ ของแผนงาน
แผนภาพท่ี 2.1 แสดงองค์ประกอบเคร่อื งมือท่ชี ่วยในการวางแผนธรุ กจิ (Business Model Canvas : BMC)
ท่มี า : https://www.wongnai.com/pos/articles/business - model - canvas
การประยุกต์ใช้ BMC ในด้านการศึกษาจะช่วยให้สถานศึกษาประสบความสำเร็จในการจัดการเรียน
การสอนที่สอดคล้องกับยุคสมัย โดยมีการปรับองค์ประกอบ BMC เข้ากับการจัดการศึกษา จำนวน 9
องคป์ ระกอบ ดังน้ี
1) พันธมิตรหลัก (Key Partners) : การจัดการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันการมีหุ้นส่วนหรือ
เครือข่ายพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญเนื่องจากจะช่วยให้สามารถแบ่งปันทรัพยากร และกระจายความ
เส่ยี งที่อาจเกิดขนึ้
2) กิจกรรมหลกั (Key Activities) : จากการวิเคราะหแ์ ละระบุกจิ กรรมหลักเพ่ือใชใ้ นการจัดการเรียน
การสอน โดยการนํานวัตกรรมการจดั การเรยี นการสอน และนวตั กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรรู้ ปู แบบตา่ ง ๆ มาใช้
3) ทรัพยากรหลัก (Key Resources) : เป็นปัจจัยนำเข้าที่จำเป็นต้องใช้ในการจัดการเรียนการสอน
ได้แก่ เงิน บุคลากร อุปกรณ์และเครื่องมือ เทคโนโลยี และสถานที่ตอ้ งใช้ เป็นต้น ในการจัดการทรัพยากรใน
การเรยี นการสอนตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วิธีการเรยี นการสอน และกิจกรรมการเรยี นการสอน
4) ค่านยิ มการเรียนการสอนท่ีจะทำใหเ้ กดิ ขน้ึ (Instructional Value Proposition) : สถานศึกษาจะ
ส่งมอบค่านิยมหรือคุณค่าให้ผู้เรียน เมื่อผู้เรียนได้เรียนจากสถานศึกษาจะได้รับผลแตกต่างจากการเรียน
ในสถานศึกษาอื่น และผลการเรียน (Learning Outcome) ตรงกับเป้าหมายที่ผู้สอนและผู้เรียนต้องการ
คุณค่าของการจัดการเรยี นการสอนเปน็ องค์ประกอบทส่ี ำคัญทผ่ี เู้ รียนจะตดั สนิ ใจเข้าเรยี น
5) ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน (Learner Relationships) : การที่สถานศึกษาระบุแนวทางของการ
ปฏิบัติและสร้างความสัมพันธ์กับผู้เรียน ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละหลักสูตรไปจนถึงการใช้ผู้สอน หรือ
9
ผบู้ ริหารหลักสูตรในการบริหารความสัมพันธก์ บั ผู้เรียนเปน็ เร่ืองละเอยี ดอ่อนและต้องใหค้ วามสำคัญอย่างมาก
เปรียบเสมือนการบริหารการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ของธุรกิจ (Customer Relationship Management :
CRM) เนื่องจากเมื่อเรียนจบจากสถานศึกษาแล้ว หากผู้เรียนเกิดความพึงพอใจในการเรียนการสอนก็จะ
สื่อสารเผยแพร่ที่เรียกว่า Viral Marketing นอกจากที่กล่าวมา สถานศึกษาควรมีการสร้างกลยุทธ์
ด้านการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือผู้เรียน เพื่อให้เกิดการรับรู้และจดจำสถานศึกษา
เปรยี บเสมอื นตราสนิ คา้ หรือแบรนดเ์ พอ่ื สรา้ งการรับรู้ตราสินค้า
6) การจัดกลุ่มผู้เรียน (Learner Segments) : การกำหนดกลุ่มผู้เรียนที่ต้องการเข้าถึง การระบุกลุ่ม
ผู้เรียนหรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการเรียนการสอน ทั้งนี้ การจัดการเรียน
การสอนต้องจัดให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนส่วนใหญ่ ทั้งในปัจจัยด้านอายุ เพศ
ฐานะ อาชพี ความรู้ และประสบการณ์
7) ช่องทางการจัดการเรียนการสอน (Instructional Channels) : ช่องทางที่ใช้ในการจัดการเรียน
การสอนและการสอ่ื สารกบั ผเู้ รยี น ชอ่ งทางอาจมีหลายรปู แบบขึ้นอยู่กบั กลุ่มเปา้ หมายผูเ้ รียน การจดั การเรียน
การสอนที่ดคี วรมีทง้ั ช่องทางหลักและชอ่ งทางเลือกเพื่อให้อำนวยความสะดวกแกผ่ เู้ รียน
8) โครงสร้างต้นทุน (Costs Structure) : ทรัพยากรและงบประมาณทั้งหมดที่ต้องใช้ในการจัดการ
เรยี นการสอน รวมถงึ ต้นทนุ ทั้งหมดทีจ่ ะเกดิ ขึ้นในการจดั การเรยี นการสอน
9) โครงสร้างรายได้ (Revenue Structure) : แหล่งรายได้ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จำเปน็ ต้องวิเคราะห์
แผนการดํเนินงานเพื่อสร้างรายได้ให้สถานศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาสามารถส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้เรียน และ
จะสื่อสารคุณค่าของการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจเข้ามาเรียน
สำหรบั การจดั อาชีวศึกษาสามารถประยุกต์ใช้ BMC ในการจดั ระบบการเรียนรู้ โดยผสมผสานแนวคิดเพ่ิมเติม
ประกอบด้วย พันธมิตรหลัก (Key Partners) กิจกรรมหลัก (Key Activities) ทรัพยากรหลัก(Key
Resources) ค่านิยมการเรียนการสอนที่จะทำให้เกิดขึ้น (Instructional Value Proposition) โดยเพิ่มเติม
กลไกการขบั เคลอ่ื น (Key Drivers) และผลลัพธ์หลกั (Key Results)
แผนภาพท่ี 2.2 แสดงองคป์ ระกอบการประยุกต์ใช้เคร่ืองมือที่ชว่ ยในการวางแผนธรุ กจิ (BMC)
ในการจัดการศกึ ษา
ทม่ี า : ศริ พิ รรณ ชุมนุม ประยกุ ตจ์ าก https://www.wongnai.com/pos/articles/business -model - canvas
10
แผนภาพที่ 2.3 แสดงความเช่ือมโยงองคป์ ระกอบเคร่ืองมือที่ชว่ ยในการวางแผนธุรกิจ (BMC)ท่ีนํามาประยุกต์
ใชใ้ นการจัดการศกึ ษา
ทมี่ า : ศริ ิพรรณชุมนมุ ประยุกต์จาก https://www.wongnai.com/pos/articles/business - model - Canvas
ประโยชนข์ องเครื่องมอื ทชี่ ่วยในการวางแผนธุรกิจต่อการจัดการเรยี นการสอนโดยใช้ BMC จะชว่ ยให้
สถานศึกษาได้รับประโยชน์ ดังนี้ 1) ช่วยให้สถานศึกษาเข้าใจภาพรวมในแผนการจัดการเรียนการสอน และ
แนวทางในการดำเนินการจัดการเรียนการสอน 2) ช่วยให้สถานศึกษาสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและ
สภาพแวดล้อมภายในได้อย่างรอบด้านครอบคลุมข้อมูลและปัจจัยที่สำคัญในการวิเคราะห์ 3) ช่วยให้
สถานศึกษากำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น เปรียบเสมือนการชี้นำให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนให้
ตรงเป้าหมาย 4) ช่วยใหส้ ถานศกึ ษาส่งมอบคณุ คา่ ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ใหผ้ เู้ รียนได้ตรงเป้าหมาย
และถูกวิธีการตามที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนการสอน และ5) ช่วยในการบริหารจัดการและ
ควบคุมทรพั ยากรและงบประมาณทจี่ ำเปน็ ต้องใชใ้ นการดำเนนิ การจดั การเรียนการสอน
1.3 หลักการสำคญั ของระบบธนาคารหน่วยกติ
1.3.1 ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพิ่มโอกาสในการศึกษาตลอดชีวิตให้แก่บุคคล ผู้เรียน
ให้สามารถเข้าถึงการศึกษาตลอดชีวิต สามารถพัฒนาตนเองโดยการศึกษาด้วยการฝึกอบรมทั้งในรายวิชา
ในหลักสูตรระยะสั้นและหลักสูตรระยะยาว รวมทั้งจากประสบการณ์และสมรรถนะอาชีพ โดยไม่จำกัด
ระยะเวลาและสามารถสะสมหนว่ ยกติ เพ่ือการศึกษาในระดบั ประเภทตา่ ง ๆ ได้
1.3.2 ผู้เรียนสามารถนำผลการเรียนและผลการเรียนรู้มาสะสมในธนาคารหน่วยกิตได้ ตามหลักเกณฑ์
มาตรฐานและเกณฑ์อื่นที่เก่ียวข้องในการเทียบโอนผลการเรียนตามระดับคุณวุฒิ หรอื การเขา้ สู่การศึกษาในระบบได้
1.3.3. ผู้เรียนสามารถสะสมผลการเรียนและผลการเรียนรู้ได้โดยยืดหยุ่นหรือมีการผ่อนคลาย
ขอ้ จำกดั ในเร่ืองอายุของผ้เู รยี น คุณวุฒิ ระยะเวลาในการสะสมหน่วยกิตและระยะเวลาในการเรียน
1.3.4 ประชาชนทว่ั ไป ผูเ้ รียน หรอื ผูท้ ่ีประสงค์จะสะสมหนว่ ยกิตหรือหน่วยการเรยี นรู้ สามารถนำ
ผลการเรียนรู้ของตนมาขึ้นทะเบียนเปิดบัญชีสะสมหน่วยกิต (Credit Account) ฝากสะสมไว้ได้ในแบบเปิด
11
บัญชีหน่วยกิตหรือหน่วยการเรียนรู้คล้าย ๆ บัญชีเงินออมของธนาคาร (Saving Account) ที่สามารถ
ลงทะเบียนและสะสมหนว่ ยกติ ไดต้ ลอดชวี ิต โดยไมม่ ีเง่อื นไขเวลาในการสะสมและระยะเวลาในการศึกษาแบบตายตัว
1.3.5 การสะสมหน่วยกิตในธนาคารหน่วยกิตสามารถสะสมได้ทั้งผลการเรียนจากการศึกษา
ในระบบ การเรียนรจู้ ากการศกึ ษานอกระบบ จากการศึกษาตามอัธยาศัย การเรียนรจู้ ากประสบการณ์และอาชีพ
1.3.6 ผู้เรียนสามารถลงทะเบียนเรียนและสะสมหน่วยกิตได้ตลอดชีวิต โดยไม่มีเงื่อนไขของ
ระยะเวลาในการสะสมและระยะเวลาในการศึกษา
1.3.7 ผู้เรียนสามารถลงทะเบียนเรียนและสะสมหน่วยกิตในสถาบันอุดมศึกษาได้ตามเกณฑ์
มาตรฐานการเทียบโอนของสถาบันอุดมศึกษา โดยผู้เรียนสามารถนำผลการเรียนรู้ที่ได้รับจากการศึกษา
อบรมทั้งจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และจากประสบการณ์
การเรียนรู้มาสะสมเพื่อให้ผู้เรียนได้รับคุณวุฒิในระดับหรือในสาขาวิชาที่ได้สะสมผลการเรียนรู้ไว้ได้ โดยไม่
ต้องเสียเวลาเรยี นในสงิ่ ท่มี คี วามรู้แลว้ ช่วยให้ประหยัดทงั้ เวลา
1.3.8 บุคคลสามารถวางแผนเสน้ ทางการศึกษาและการพัฒนาของตนเองได้ และสามารถ
เชื่อมโยงเข้าส่รู ะบบคณุ วุฒิไดอ้ ยา่ งเปน็ ระบบและมีมาตรฐาน
1.4 หลักการพน้ื ฐานและเจตนารมณข์ องธนาคารหน่วยกิต
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ประชาชน
ได้นําผลการเรียนรู้ทั้งความรู้ ทักษะ ประสบการณ์การทำงาน การฝึกอบรม และการฝึกอาชีพมาเทียบโอน
ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองจากการที่มีความเชื่อมโยงการเรียนรู้กับการทำงาน ผู้เรียนสามารถเข้ามาเรียนใหม่ได้ตลอดเวลา
โดยไมจ่ ำกดั อายทุ ำให้ลดขอ้ จำกัดของผู้เรยี น/ประชาชน อันจะทำให้เกดิ การสร้างวฒั นธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวติ
การสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Academic Credit Bank : Credit Bank) หรือ ธนาคารหน่วยกิต
เปน็ การเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นและประชาชนได้เรยี นและทำงานไปในเวลาเดียวกนั โดยสามารถนําผลการเรียนรู้
ที่ได้จากประสบการณ์การทำงานอาชีพ หรือการฝึกอบรมทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
ที่สะสมไว้มาเทียบโอนกันได้ แนวคิดนี้ มุ่งหวังให้ผู้เรียนหรือผู้ปฏิบัติงานมีโอกาสเชื่อมโยงการเรียนรู้
กับประสบการณ์การทำงานได้เป็นเนื้อเดียวกัน เพิ่มโอกาสในการพัฒนาตัวเอง พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และ
พัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบธนาคารสะสมผลการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตลอดชีวิตของ
ประเทศไทย โดย อรุณี ตระการไพโรจน์ สะท้อนว่าสาธารณรัฐเกาหลีหรือประเทศเกาหลีใต้ ถือได้ว่าเป็น
ตัวอย่างประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนากำลังคน แรงงาน และพัฒนาประเทศ
ด้วยการจัดการศกึ ษาตลอดชวี ติ เปดิ โอกาสการเรียนรใู้ หป้ ระชาชนอย่างกว้างขวางดว้ ยการใช้ “ระบบธนาคาร
หน่วยกิต” วางแผนการเรียนรู้ได้ตามความต้องการของผู้เรียน ตามเวลา สถานที่ที่เหมาะสมกับสภาพและ
ความสนใจ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบตลอดชวี ติ ของประชาชนไดโ้ ดยตลอดต้ังแตเ่ กิดจนตาย ซ่ึงระบบการศึกษา
แบบดั้งเดิมและระบบมหาวิทยาลัยตามปกติไม่สามารถให้ได้ สำหรับประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับ
การสะสมหน่วยการเรยี นรู้ในดา้ นของการเทียบโอนความรแู้ ละประสบการณ์อย่างชัดเจน เม่อื พระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 15 ได้บัญญัติว่า การจัดการ
การศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยให้มี
12
การเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นผล
การเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบ ตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพ
หรือจากประสบการณ์การทำงาน มหาวิทยาลัยในเมืองไทยหลายแห่งเริ่มนำระบบเครดิตแบงก์ไปบรรจุไว้ใน
การเรียนการสอน โดยนักศึกษาไม่จำเป็นต้องเรียนต่อเนื่องครบ 4 ปี หากเรียนไปแล้วสักพักอยากออกไป
ทำงานไปสร้างธุรกิจแล้วค่อยกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยก็จะเก็บหน่วยกิต ไว้ให้จะกลับมาเรียนเมื่อไรก็ได้
โดยผลการเรียนยังคงอยู่ สถาบันกับทัศนคติมโนทัศน์ใหม่ของเด็กรุ่นใหม่ทีไ่ ม่ต้องการใบปรญิ ญา แต่ต้องการ
เรียนรู้ทักษะที่จะสามารถทำให้พวกเขาเหล่านั้นนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง พร้อมสร้างรายได้กลับมาให้แก่ตนเอง
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ต้องเน้นความสำคัญในเรื่องความรู้ความเข้าใจการเปลีย่ นแปลง
และทักษะที่สามารถเพิ่มคุณภาพในการดำรงชีวิตและการทำงานในโลกยุคใหม่ได้ เนื่องจากการงานอาชีพ
แบบเดมิ ๆ จะหายไปการงานและอาชีพยุคใหมเ่ กดิ ขึ้นมาแทนท่ี ภายใต้สง่ิ แวดล้อมแบบใหม่ความเคลื่อนไหว
ของการงานแบบใหม่จึงจำเป็นอยา่ งย่ิงท่ีจะต้องพฒั นาการศึกษาเพื่อทำให้ความทา้ ทายท่ีเกิดขึ้นเปิดทางสร้าง
โอกาสให้กับการดำรงชีวิตในยุคใหม่ และนี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โลกของการศึกษา
ในยคุ ใหม่ต้องการความร้พู ื้นฐานชุดใหม่ที่สำคัญ 4 ประการ ไดแ้ ก่
1) เรอื่ งของการเข้าใจการสื่อสารและสภาพแวดล้อมใหม่ที่ต้องอาศัยทักษะ ยุทธศาสตร์ และอุปนิสัย
ท่ีต่างไปจากเดมิ ในการที่จะใช้ประโยชน์จากโลกแวดลอ้ มยคุ ใหม่ใหเ้ กดิ ประสิทธิผล
2) พื้นฐานความรู้ในการสร้างมสี ว่ นร่วมทางเศรษฐกิจอยา่ งเตม็ ที่ในฐานะพลเมืองและปจั เจกชนใน
สังคมโลกาภิวตั น์
3) การเข้าใจความเปล่ยี นแปลงและสามารถใชเ้ ทคโนโลยีนวัตกรรม ที่ปรบั เปลยี่ นไปได้ตลอดเวลา
4) ความรู้ความเข้าใจใหม่ในด้านรูปแบบและทักษะอาชพี ทีผ่ ู้คนสามารถเรยี นรู้ พัฒนาและต่อยอดได้อย่างต่อเน่ือง
การปรับสถานศึกษาให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ที่จะต้องพัฒนาความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน
มีการลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างประสบการณ์ในการพัฒนาทักษะและเรียนรู้วิชาชีพต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงาน
และอาชีพในโลกยุคใหม่การเรียนการสอนต้องพัฒนาความร่วมมือด้านการใช้เทคโนโลยี โดยต้องคำนึงถึง
ความซับซ้อนของความเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและต่อเนื่องสร้างการ
เรียนรู้จากภาคปฏิบัติและที่สำคัญคือต้องสร้างแรงจูงใจที่เป็นต้นธารแห่งการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ คือการ
เรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของตัวเอง กล่าวคือมีการจัดการภูมิทัศน์และการบริหารจัดการศึกษาใหม่
ใหเ้ ขา้ กับโลกแวดลอ้ มท่ีเปลี่ยนแปลงไป โดยสนบั สนุนให้สถาบันการศึกษาสร้างความรว่ มมือกบั ผปู้ ระกอบการ
โดยตรง ซ่งึ สามารถแบ่งปันและใช้ทรัพยากรร่วมกนั ระหว่างสถาบนั ได้ ในขณะท่ีครูเป็นผู้ปรับสร้างการเรียนรู้
แบบโคช้ (Coaching) ท่ลี งมือปฏบิ ัติงานและรว่ มกบั สถานประกอบการ สร้างการเรยี นร้ใู หเ้ กิดขน้ึ ตรงตามสาย
งานที่ศึกษาร่วมกับการปรับและจัดหลักสูตรเป็นแบบโมดูล (Module) ที่เชื่อมต่อจากการศึกษาพื้นฐานผ่าน
การศึกษาอาชวี ะไปจนถงึ ระดบั ปริญญาและสูงกวา่ (ในกรณีที่ผเู้ รียนต้องการ) โดยมีหลักสูตรระยะสัน้ (Short
Course) เป็นกลไกปรบั เพิม่ เสรมิ ทักษะ (Up-skill, Re-skill) รวมท้งั ยงั มกี ารพฒั นาการเรียนการสอนออนไลน์
ตามความต้องการและตามสภาพความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียุคใหม่ สำหรับการบริหารจัดการศึกษา
13
ในสถาบันการศึกษาจะปรับฐานการบริการการศึกษาเป็นแบบเครดิตแบงก์ที่ให้สะสมหน่วยกิตการเรียนได้
เพือ่ อำนวยความสะดวกให้แกผ่ ้เู รียนในการที่จะทำงาน พัฒนาทกั ษะ ประสบการณช์ วี ิต ฯลฯ คู่ขนานไปกับการเรียนการสอน”
ระบบการเรียนรู้แบบเครดิตแบงก์ว่า สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งได้ปรับมาใช้โมเดลนี้ โดยการเปิด
โอกาสให้ผู้เรียนไม่ต้องเรียนต่อเนื่องครบ 4 ปี หากต้องการหยุดเรียนเพื่อออกไปทำธุรกิจทำงาน หรือเหตุผล
อืน่ ๆ ก็สามารถพักการเรยี นได้โดยมหาวิทยาลัยจะเกบ็ หนว่ ยกิตไว้ให้และจะกลบั มาเรียนเมื่อไรก็ได้ ซึ่งเครดิต
แบงก์ครอบคลุมทั้งการเรียนแบบเก็บหน่วยกิต ปกติการเรียนออนไลน์ และการเปิดหลักสูตรระยะส้ัน
ที่สามารถเก็บวิชาเหล่านั้นมาเปรียบเทียบเป็นหน่วยกิตในกรณีที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาได้ ซึ่งเป็น
ระบบเรียนรปู แบบใหม่ทขี่ ยายโอกาสทางการศกึ ษา
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปในการเรียนรู้องค์ความรู้และทักษะใหม่ๆ
ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาทุกระดั บชั้นตั้งแต่
ปริญญาตรีที่แต่เดิมหากเรียนไม่จบภายในกำหนดคือ 8 ปีจะถูกรีไทร์ หรือถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย
ให้ยกเลิกการรีไทร์เช่นเดียวกับระดับปรญิ ญาโททีใ่ ห้กำหนดระยะเวลาเรียนไม่เกนิ 5 ปี และปริญญาเอกที่ให้
กำหนดระยะเวลาเรียนไม่เกิน 6 ปี โดยให้สามารถเรียนต่อได้เลย หากไม่จบการศึกษาในระยะเวลาที่กำหนด
ท้งั น้ี กมอ. จะใหอ้ ำนาจสภามหาวิทยาลัยของแต่ละมหาวิทยาลยั ท้ังของรฐั และเอกชน สามารถกำหนดเกณฑ์
ระยะเวลาได้เองให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางของแต่ละมหาวิทยาลัย หลังยกเลิกการกำหนดเกณฑ์
แล้วนักศึกษาสามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปดว้ ย โดยไม่ต้องพะวงกบั การถูกรีไทร์ เพราะการเรียนไปดว้ ย
และทำงานไปด้วยจะช่วยในเรอ่ื งการพฒั นาทกั ษะ ความชำนาญ ประสบการณก์ ารทำงาน
1.5 ความหมายของระบบธนาคารหน่วยกิตหรือเครดิตแบงก์ (Credit Bank System) หมายถึง
ระบบการสะสมหน่วยกิต จากการเรียนรู้ที่ได้จากประสบการณ์ การทำงานอาชีพหรือ การฝึกอบรมทั้งใน
ระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้ผู้เรียน/ประชาชนนําผลการเรียนรู้ (ซึ่งอาจเป็นความรู้ ทักษะ
ประสบการณ์การทำงาน การฝึกอบรม และการฝึกอาชีพมาเทียบโอนผลการเรียนตามหลักเกณฑ์และวิธกี าร
ที่กําหนด) แล้วสะสมหน่วยกิตไว้ โดยหน่วยกิตที่สะสมอาจเป็นได้ทั้งหน่วยกิต ประเภทความรู้ที่สะสมไว้
สำหรบั เทยี บคุณวฒุ ิ หรือประเภทสมรรถนะ (ทักษะ) ทีส่ ะสมไวเ้ พื่อความกา้ วหน้าในอาชพี หรืองาน
1.6 ปจั จยั ทีช่ ่วยให้ระบบธนาคารหนว่ ยกติ ประสบผลสำเร็จ
1.6.1 การเปลี่ยนแปลงควรจะเกิดจากภายใน “ตัวผู้ใช้งาน” เองแต่ดำเนินการบนฐานของการ
มสี ่วนร่วมระหว่างผู้เกีย่ วขอ้ ง ได้แก่
(1) รัฐบาลในบทบาทให้การสนับสนุนและเป็นผนู้ ำการปฏริ ปู การสนบั สนนุ องค์ความรู้/งานวิจัย
ระบบข้อมูล และระบบการเทียบโอนแบบองิ สมรรถนะ
(2) หน่วยงานในพื้นที่ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานด้านแรงงาน หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษาและสถาบันการศึกษา โดยควรพัฒนาตัวชี้วัดสำหรับระบบการเทียบโอน แบบอิง
สมรรถนะทีม่ คี วามสอดคล้องกันและสามารถใช้งานร่วมกันได้ รวมทั้งพัฒนาปัจจยั อน่ื ท่เี อื้อต่อการเทียบโอนหนว่ ยกิต
14
(3) สมาคมวิชาชีพ (Professional Societies) หน่วยงานที่ให้การรับรอง (Accreditation
Bodies) องค์กรนายจ้าง (Employer-based Organizations) โดยควรเข้ามาร่วมกำหนดมาตรฐานและ
สมรรถนะทเ่ี ปน็ ทต่ี อ้ งการในการทำงาน เพ่อื เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตร
(4) สถาบันการศึกษาจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับกระแสโลกและปฏิญญาสากลว่าด้วย
การศึกษาเพื่อปวงชนและการศึกษาตลอดชีวติ นำระบบหนว่ ยกิตมาใช้ในการศึกษาต่อของผูเ้ รียนท้ังในระบบ
นอกระบบ และตามอัธยาศัย ทำให้ผู้เรียนเข้าถึงการเรียนรู้ทุกเวลา ทุกสถานที่ นำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้
โดยการยอมรับความแตกต่างของประสบการณ์ที่มีมาก่อนของแต่ละบุคคล ทดลองจัดหลักสูตรที่มีความ
สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ หลักสูตรจะเป็นในลักษณะอิงสมรรถนะที่มีการบูรณาการ
ร่วมกบั ผู้ประกอบการ และจัดให้มอี งคก์ รเกย่ี วกบั อตุ สาหกรรมน้นั ๆ ให้การรับรองหลักสูตร
1.6.2 การบริหารการศึกษาที่เป็นกลางไม่ถูกแทรกแซงโดยการเมืองดำเนินการให้มีระบบ
การสะสมหนว่ ยการเรียนรแู้ ละเทียบโอนผลการเรียนจงึ จะสามารถทำใหเ้ ปน็ ระดับนโยบายท่ตี อ่ เน่ือง
1.6.3 การพัฒนาและขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิตควรดำเนินการบนเจตนารมณ์และ
หลักการพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ ผู้เรียน
ประชาชนได้นำผลการเรียนรู้ทั้งความรู้ ทักษะ ประสบการณ์การทำงาน การฝึกอบรม และการฝึกอาชีพมา
เทียบโอนกันได้ทำให้เกิดการพฒั นาตนเองจากการท่มี ีความเชื่อมโยงการเรียนรกู้ ับการทำงาน ผู้เรียนสามารถ
เขา้ มาเรยี นใหม่ได้ตลอดเวลาโดยไม่จำกัดอายุทำให้ลดข้อจำกัดของผู้เรียนหรือประชาชน อนั จะทำให้เกิดการ
สร้างวัฒนธรรมการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ
1.6.4 บทเรียนตา่ งประเทศทเี่ ป็นกรณีศึกษาชี้ใหเ้ ห็นว่า การพฒั นาระบบธนาคารหน่วยกิตควรคำนึงถึง
1) รปู แบบการเทยี บโอนควรมคี วามหลากหลายเพ่อื เปน็ ไปตามหลักการพื้นฐานการเรยี นรู้ตลอด
ชีวิต โดยควรให้มีทั้งการเทียบโอนภายในระบบการศึกษาเดียวกัน และการเทียบโอนระหว่างระบบ/ประเภท
การศึกษา ซึ่งในกรณีนี้รวมถึงต้องรับการเทียบโอนประสบการณ์ด้วย ทั้งนี้ พบว่า ต่างประเทศที่เป็น
กรณีศกึ ษาส่วนใหญ่มหี น่วยงานกลางรับผิดชอบระบบธนาคารหนว่ ยกติ โดยตรง
2) วธิ ีการประเมินเพ่ือเทยี บโอนมหี ลากหลายวิธี โดยข้นึ กับความเหมาะสมกับความรู้เดิมของผู้ท่ี
จะเทียบโอนเป็นสำคัญ ซึ่งอาจเป็นความรู้จากการเรียนในระบบ นอกระบบหรือตามอัธยาศัยก็ได้ ดังนั้น
ความรู้เดิมอาจจะมาในรูปแบบของประสบการณ์ก็ได้เช่นกันอย่างไรก็ดี พบว่า กรณีศึกษาต่างประเทศที่มี
กรอบคุณวุฒิจะเทยี บโอนให้เปน็ ไปตามมาตรฐานโดยอิงกรอบคณุ วฒุ ิ
3) การบริหารจัดการมีการกำหนดให้มีการบริหารจัดการและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและปฏิบัติได้
เพอ่ื ใหม้ กี ารขบั เคล่ือนอยา่ งเปน็ รูปธรรม เช่น
(1) กำหนดหนว่ ยงานรบั ผิดชอบระบบการเทียบโอนและสะสม หน่วยกิต
(2) จัดทำเกณฑก์ ารเทยี บโอน เพอ่ื เทียบเป็นหนว่ ยกิตที่สามารถสะสมได้
(3) จัดทำคู่มอื สำหรับกลุ่มท่ีเกยี่ วข้องเพือ่ นำสู่การปฏบิ ัติท่ีสอดคล้องกนั
(4) จัดทำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อเป็นมาตรฐานในการอ้างอิงสำหรับการเทียบโอน
เพ่อื สะสมหน่วยกิตและเชอื่ มโยงกับการทำงาน
15
(5) มีการวางระบบให้มีความเชื่อมโยงกัน แม้จะมีความหลากหลายในทางปฏิบัติจากการ
กระจาย อำนาจ แต่ต้องมีระบบรองรับเพื่อเชื่อมกันทั้งระบบการดำเนินงานบนฐานของการมีส่วนร่วมจาก
ผเู้ ก่ยี วขอ้ ง และสร้างความรคู้ วามเขา้ ใจต่อระบบธนาคารหนว่ ยกิตแก่ผูเ้ กีย่ วข้องและสาธารณชน สรา้ งยอมรับ
และความเช่ือมั่นในคุณภาพจงู ใจให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงจากภายใน “ตวั ผู้ใช้งาน” เอง แต่ดำเนินการบนฐาน
ของการมสี ว่ นรว่ มระหว่างผเู้ กี่ยวขอ้ ง
1.7 บริบทระดับมหภาคที่เกี่ยวข้องกับระบบธนาคารหน่วยกิต เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า
ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากและหลายเรื่องส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบและโครงสร้างใน
ระดับสากล และบริบทระดับมหภาคท่ีมีการเปลีย่ นแปลงและส่งผลต่อระบบธนาคารหน่วยกิต ได้แก่
1.7.1 โครงสร้างประชากรประเทศไทยก็มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ที่จะส่งผลต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจ และสภาพทางสังคมในด้านต่าง ๆ โดยโครงสร้างประชากรไทยได้
เปลี่ยนแปลงเข้าสูส่ ังคมสงู วัยมากขึน้ โดยที่สัดสว่ นผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเปน็ ร้อยละ 19.8 ของจำนวนประชากร
ทั้งหมดในขณะที่จำนวนประชากรวัยแรงงานได้เริ่มลดลงมาตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดการขาด
แคลนแรงงานในภาวะท่ผี ลิตภาพแรงงานไทยยงั ต่าง เนื่องจากปญั หาคุณภาพแรงงานความลา่ ชา้ ในการพัฒนา
เทคโนโลยี และปัญหาการบริหารจัดการจึงเป็นข้อจำกัดในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและ
ศกั ยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมท้ังการสรา้ งรายได้และการยกระดับคุณภาพชีวิตของ
ประชาชนด้วย และเมอ่ื ประกอบกับคุณภาพคนในทุกช่วงวยั ทีจ่ ะสง่ ผลกระทบต่อเน่ืองกันกจ็ ะยิ่งเป็นอุปสรรค
สำหรับการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่พัฒนาการไม่สมวัยในเด็กปฐมวัย ผลลัพธ์ทางการศึกษาของเด็กวัยเรียน
คอ่ นขา้ งต่าง การพฒั นาความร้แู ละทักษะของแรงงานไมต่ รงกับตลาดงาน ขณะทีผ่ ู้สงู อายมุ ีปญั หาสุขภาพและ
มีแนวโน้มอยู่คนเดียวสูงขึ้น รวมทั้งการเลื่อนไหลของวัฒนธรรมตา่ งชาติที่เข้ามาในประเทศไทยผ่านสังคมยุค
ดิจิทลั โดยทีค่ นไทยจำนวนมากยงั ไม่สามารถคดั กรองและเลือกรบั อย่างเหมาะสม จงึ ส่งผลต่อการดำเนินชวี ติ
1.7.2 โอกาสในการเข้าถึงระบบการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทยทยี่ ังคงแตกต่างและเหลื่อมล้ำ
“ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะได้เดินอยู่ในเส้นทางระบบการศึกษาจนจบปริญญาทุกคน” ดังนั้นหากจะก้าวให้ถึง
เป้าหมายการเรยี นรูต้ ลอดชวี ิต ระบบการศกึ ษาจงึ ควร
1) เตรยี มพร้อมให้เดก็ ท่ีจะตอ้ งออกไปประกอบอาชีพไดต้ ลอดระยะทางทเ่ี ดนิ ไป
2) มีระบบและกลไกที่เอื้อหรือเปิดช่องทางขยายโอกาสให้ทุกกลุ่มได้เข้าถึงการศึกษาและการ
เรยี นรู้ พัฒนาตนเองให้เต็มตามศักยภาพเมื่อพร้อม
1.8 ประโยชนท์ ่เี กิดจากระบบธนาคารหนว่ ยกติ
1.8.1 ลดระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาลงได้โดยจากรายงานของ CAEL ที่ได้รับการสนับสนุนของ
มูลนิธิ Lumina พบว่า ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนหน่วยกิตใช้เวลาในการจบการศึกษาน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ
การเทียบโอนเป็นเวลา 2.5 ถึง 10.1 เดือน นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอน หน่วยกิตจำนวน
62,475 คน มีผู้เรียนที่สามารถจบการศึกษาภายในระยะเวลา 7 ปี คิดเป็นร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับผู้เรียนที่
ไม่ได้รับการเทียบโอนที่มีเพียงร้อยละ 21 สอดคล้องกับที่ The American Council on Education (AEC)
พบวา่ การเทยี บโอนหนว่ ยกติ ทำให้ผูเ้ รยี นในวัยผู้ใหญส่ ามารถจบการศกึ ษาได้เรว็ ข้นึ
16
1.8.2 ช่วยให้ผู้เรียนประหยัดค่าใช้จ่ายรวมถึงลดการเป็นหนี้เพื่อการศึกษาด้วย ทั้งน้ี
ผลการศึกษาของ The American Council on Education (AEC) พบว่า ผ้เู รียนจำนวน 1,348 คน ทีร่ ว่ มทำ
แบบสอบถามส่วนใหญ่มีงานประจำอยู่และเลือกใชว้ ธิ ีการเทยี บโอนหนว่ ยกิตเพื่อต้องการ จบการศึกษาเร็วข้ึน
โดยเฉพาะในระดับปริญญาตรีผู้เรียนกลุ่มนี้เกือบทั้งหมดกล่าวว่าพวกเขาพยายามที่จะใช้เครดิตที่ได้รับ
การแนะนำมาในวิทยาลัยหรือในที่ทำงานคิดเป็นร้อยละ 94 และประสบความสำเร็จในการใช้คิดเป็นร้อยละ 82
แรงจูงใจของพวกเขา คือ การได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรคิดเป็นร้อยละ 54 และร้อยละ 46 ต้องการ
ได้รับโดยเรว็ ผ้ตู อบแบบสอบถามยังชี้ให้เห็นว่า การประหยดั เวลาและค่าใช้จ่ายเปน็ ปัจจัยท่ีสำคัญในการสร้าง
แรงบันดาลใจร้อยละ 70 ต้องการได้รับวุฒิปริญญาตรีร้อยละ 21 สำหรับระดับอนุปริญญาและร้อยละ 9
สำหรับใบรบั รอง
1.8.3 ระบบธนาคารหน่วยกิตเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่สามารถสร้างความเท่าเทียมกันในโอกาส
ทางการศึกษาโดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา วัยแรงงาน วัยผู้สูงอายุ ได้รับโอกาสในการพัฒนาความรู้
มีรูปแบบการจดั การเรียนการสอนที่ยืดหยุน่ ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความถนัดตรงตามวตั ถุประสงค์
ในการประกอบอาชีพโดยจากการศึกษาวิเคราะห์การจัดระบบธนาคารหนว่ ยกิตในตา่ งประเทศ พบว่า ระบบ
ธนาคารหน่วยกิตเกิดจากการที่ทหารผ่านศึกกลับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามเวียดนามไม่สามารถ
กลับเข้าสู่ระบบการศกึ ษา สถาบันการศึกษาจงึ ร่วมมือกนั จัดทำระบบการเทยี บโอนผลการเรียนรู้ รวมทั้งจาก
การเรียกร้องของ UNESCO และ OECD ให้นานาชาติหันมาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
กลุ่มเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ คือ ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาสามารถกลับเข้ามาศึกษาต่อได้โดยไม่
จำกัดเพศ อายุ อาชีพ ให้สามารถเทียบโอนผลการเรียนได้ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย
หรือจากประสบการณ์อาชีพและสามารถเทียบโอนได้ ระบบธนาคารหน่วยกิตจึงเป็นช่องทางที่เปิดโอกาส
ทางการศึกษาให้กบั ทุกกล่มุ
1.9 สถานการณ์ธนาคารหน่วยกิตในประเทศไทย
1.9.1 ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีการศึกษาวิจัยและนำร่อง แต่ยังไม่มีการขับเคลื่อนสู่
การปฏิบัตอิ ยา่ งเปน็ รูปธรรม
1.9.2 ระดับอุดมศึกษามีหลายมหาวิทยาลัยที่นำระบบธนาคารหน่วยกิตมาใช้ แต่เป็น
ในลักษณะเฉพาะของแตล่ ะมหาวิทยาลยั ยังไม่ได้เชอื่ มโยงกันทัง้ ระบบ
1.9.3 กรอบบคุณวุฒิแห่งชาติมีการพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (National Qualifications
Framework – NQF) ซ่งึ ใช้เปน็ กลไกสำคัญอยา่ งหนึ่งในการพฒั นากำลังคนสูม่ าตรฐานสากล
1.9.4 ปญั หาและอุปสรรคของการจัดการเรยี นรูใ้ นระบบธนาคารหนว่ ยกติ
1) มีนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการศึกษาของระบบธนาคารหน่วยกิต แต่การนำสู่
การปฏิบัตจิ รงิ มนี ้อย
2) ยงั ไมม่ ีหน่วยงานหลักและหนว่ ยงานสนบั สนนุ ทร่ี บั ผิดชอบดูแลอยา่ งเปน็ ระบบทช่ี ดั เจน
3) ยังมคี วามเหล่อื มลา้ ของโอกาสทางการศึกษา
4) กฎ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของสถาบนั การศกึ ษาทกุ ระดับยงั ไม่เอือ้ ต่อการดำเนนิ งาน
17
5) งบประมาณในการดำเนินงานและทรัพยากรทส่ี นับสนุนระบบธนาคารหน่วยกติ ยงั จำกัด
6) การวัดและการประเมินผลการเรียนยังไม่หลากหลายและไม่เอ้ือต่อระบบธนาคารหน่วยกิต
7) สถานประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนรู้ระหว่าง
การทำงานยังมคี อ่ นข้างนอ้ ย
1.10 ระบบธนาคารหน่วยกิตในระดับอดุ มศึกษา
1.10.1 สถานการณ์
1. การสง่ เสรมิ ใหส้ ถาบันอุดมศกึ ษาจดั ทำระบบธนาคารหนว่ ยกติ
2. มีประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่องแนวทาง
การดำเนินงานระบบคลงั หน่วยกิต ระดบั อดุ มศึกษา
3. กลุ่มเป้าหมายผู้กำลังศึกษายังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และยังมีผู้สนใจเรียน
ในหลกั สตู รน้อย
4. สถาบันอุดมศึกษาส่วนใหญ่ที่มีการจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิตในระยะเริ่มต้น
หรือการทดลองจัดการเรยี นการสอน และจัดทำระเบยี บขอ้ บังคับขึ้นมาใช้โดยเฉพาะตน
1.10.2 รปู แบบการจัดการศึกษา
1. การเรียนล่วงหน้า Pre-degree (นักเรียนระดับมัธยมศึกษาเรียนกระบวนวิชาปริญญาตรี
ล่วงหนา้ หรอื ปรญิ ญาตรเี รยี นกระบวนการวิชาปรญิ ญาโทล่วงหนา้ )
2. การเรียนเพ่อื สะสมหน่วยกติ ไวใ้ นระบบธนาคารหนว่ ยกติ
3. การเรยี นแบบขอรับประกาศนียบัตรตามความสนใจ/ตามสมรรถนะทตี่ ้องการ เพอ่ื Re-Skill, Up -Skill
1.10.3 กลไกการขบั เคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกติ
1. จัดทำระเบียบ แนวทาง แนวปฏิบัติการจัด การศึกษาและการเทียบโอนผลการเรียนรู้
ในระบบธนาคารหน่วยกติ
2. ผู้บริการและผู้ปฏิบัติงานในสถาบันอุดมศึกษาร่วมกันผลกั ดันให้เกิดการจัดการศึกษาและ
การสร้างเครอื ข่ายระหว่างสถาบันการศกึ ษา
3. หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมพัฒนาหลกั สูตรการประเมินและการรับรองผลการเรยี นรู้
4. ภาคประกอบการส่งเสรมิ และสนับสนุนการพฒั นาทกั ษะความรู้ของบุคลากร
5. ประชาชนรว่ มกนั สร้างเครือข่ายการศกึ ษา
6. จัดต้งั หน่วยงานกลางขนึ้ มากำกบั ดแู ลระบบธนาคารหนว่ ยกิต
1.10.4 การสร้างความเชื่อมโยงระดับอุดมศึกษากับภาคแรงงานตามความคิดเห็นของ
หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้อง
1. สถาบนั อุดมศกึ ษา
(1) การจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับภาคแรงงาน
ทั้งในด้านการออกแบบและพัฒนาหลักสูตร การสนับสนุนบุคลากรทั้งภาคการศึกษาและภาคประชาชน
ในการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถ
18
(2) การจัดตั้งหน่วยงานกลางในการพัฒนาระบบ ธนาคารหน่วยกิต เพื่อสร้างการยอมรับ
ร่วมกัน ระหว่างภาคการศกึ ษาและภาคประกอบการ
(3) การมีส่วนในการประเมินคุณภาพของผู้กำลงั ศึกษาโดยการประเมินทั้งด้านองค์ความรู้
และการปฏบิ ัติงาน
2. ภาคประกอบการ
(1) การสรา้ งการรบั รแู้ ละความเขา้ ใจต่อรปู แบบการเรียนการสอนในระบบธนาคารหนว่ ยกิต
(2) การจัดการเรยี นการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้กำลังศกึ ษาได้เลือกในรายวชิ าที่ตอบสนองต่อ
ความต้องการของตลาดแรงงานโดยเฉพาะ
(3) การจัดการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้กำลังศึกษาเข้าไปปฏิบัติงานในสถาน
ประกอบการ เช่น การฝกึ ฝน การทำสหกจิ ศึกษา
(4) การสร้างรูปแบบธนาคารหน่วยกิตให้มีมาตรฐานสามารถสร้างการยอมรับได้ในทุก
หนว่ ยงานท่ีเชอื่ มโยง
3. หนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วขอ้ งด้านแรงงาน
(1) การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกรอบคุณวฒุ ิแห่งชาติ กรอบคุณวุฒแิ ละสมรรถนะวชิ าชพี
(2) จัดตั้งหน่วยงานกลางเข้ามาดูแลการจัดทำระบบธนาคารหน่วยกิต เพื่อสร้างความ
ชดั เจนให้กับระบบธนาคารหน่วยกติ
(3) การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ทุกหน่วยงานเข้ามามี
ส่วนรว่ มในการจัดทำหลกั เกณฑ์ กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ท่เี กยี่ วขอ้ งกบั การจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกติ
1.10.5 ผูท้ ีก่ ำลงั ศึกษาหรือผ้ทู ่เี คยศึกษาในระบบธนาคารหนว่ ยกติ
1. รปู แบบการเทยี บโอนผลการเรยี นรู้มคี วามยดื หยนุ่ และสะดวกต่อการดำเนินงาน
2. ให้ผู้กำลังศึกษาสามารถเลือกรายวิชาที่เรียนได้ตามความถนัดและเหมาะสมต่อ
การประกอบอาชีพในอนาคต
3. การเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประกอบการ ผู้กำลัง
ศกึ ษาเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำและพัฒนาหลักสตู ร
1.10.6 วธิ ีการเทยี บโอนหน่วยกิต
1. การเทียบจากการสอบมาตรฐาน (Credit from Standardize Test : CS) ที่มีหน่วยงาน
ต่างๆ จัดสอบอยู่และสามารถเทียบโอนได้ทันที เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน การสอบภาษาอังกฤษจากการ
สอบมาตรฐานของหน่วยงานอ่ืน ๆ
2. การเทียบจากการทดสอบอื่น ๆ (Credit from Examination : CE) ซึ่งอาจไม่ได้มี
กระบวนการเปน็ ทยี่ อมรับท่ัวไปตอ้ งมีการตง้ั คณะกรรมการประเมินเพ่อื เทียบโอนจำนวนหน่วยกิต
3. การเทยี บจากการฝกึ อบรมทจ่ี ัดโดยสภาบนั อุดมศึกษา (Credit from Training : CT)
4. การเทียบโอนจากแฟ้มสะสมผลงาน (Credit from Portfolio : CP)
5. การเทยี บโอนหน่วยกติ จากแฟม้ สะสมผลงาการฝึกอบรม (Credit from Non-Degree : CN) ที่มอี ยเู่ ดมิ
19
2. กฎ ระเบยี บ ที่เกี่ยวข้อง
2.1 ยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580
ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 เป็นยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรกของประเทศไทยตาม รัฐธรรมนญู
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 65 ซึ่งกำหนดให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมาย
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง
ม่ังคัง่ ยงั่ ยืน” เป็นประเทศพฒั นาแล้ว ดว้ ยการพฒั นาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ยุทธศาสตร์ชาติ
แบ่งเป็น 6 ด้าน คือ 1) ด้านความมั่นคง 2) ด้านการสร้างความสามารถในการแขง่ ขัน 3) ด้านการพัฒนาและ
เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 4) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5) ด้านการสร้าง
การเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เปน็ มิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร
จัดการภาครัฐ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2561: ออนไลน์)
โดยยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ข้อที่ 2 คือ การพัฒนา
ศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย (1) ช่วงการตั้งครรภ์
หรือปฐมวัยเน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัยเรียนหรือวัยรุ่น ปลูกฝัง
ความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 (3) ช่วงวัยแรงงานยกระดับ
ศักยภาพทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกบั ความต้องการของตลาด และ(4) ช่วงวัยสูงอายุส่งเสริมให้
ผู้สูงอายุเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ และข้อ 3 คือ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้และมีใจใฝ่รู้ตลอดเวลาโดย (1) การปรับเปลี่ยนระบบ
การเรียนรู้ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 (2) การเปลี่ยนโฉมบทบาท “ครู” ให้เป็นครู
ยคุ ใหม่ (3) การเพ่ิมประสิทธิภาพระบบบรหิ ารจัดการศึกษาทุกระดบั (4) การพฒั นาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต
(5) การสร้างความตื่นตวั ให้คนไทยตระหนักถึงบทบาทความรบั ผิดชอบ และการวางตำแหน่งของประเทศไทย
ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์และประชาคมโลก (6) การวางพื้นฐานระบบรองรับการเรียนรู้โดยใช้ดิจิทัล
แพลตฟอร์ม และ(7) การสร้างระบบการศึกษาเพื่อเป็นเลิศทางวิชาการระดับนานาชาติ (สำนักงาน
คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2561: ออนไลน)์
2.2 แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2574
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2574 (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560) กำหนด
ยุทธศาสตรท์ ส่ี อดคลอ้ งและตอบสนองกบั แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 โดยกำหนดไว้ใน
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน กระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลได้กำหนดให้
การจัดทำและพัฒนามาตรฐานหลักสูตรวิชาชีพ มาตรฐานสถานศึกษา มาตรฐานสถานประกอบการและ
ครูฝึกสอนในสถานประกอบการ มาตรฐานการวัดและประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อประกัน
คุณภาพมาตรฐานการศึกษาทั้งด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพ
ทั้งความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และความรู้ที่ได้จาก
ประสบการณ์การทำงานผา่ นระบบการสะสมและการเทียบโอนเพื่อยกระดับคุณวฒุ แิ ละสมรรถนะของผูเ้ รียน
ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาคุณภาพของคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่ง
20
การเรียนรู้ได้กำหนดให้ยกระดับคุณวุฒิของประชากรที่อยู่ในวัยเรียนและที่อยู่ในกำลังแรงงานที่ตอบสนอง
ความต้องการของประเทศ และพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถและสมรรถนะในการปฏิบัติงานในแต่ละ
ระดับการศึกษาตามระดับคุณวุฒิการศึกษาผ่านระบบการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายและ
ยืดหยุ่นตอบสนองความต้องการของผู้เรยี น ทง้ั การเรียนรูจ้ ากการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
และประสบการณ์การทำงาน ซึ่งมีระบบการทดสอบวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Outcome)
ตามมาตรฐานหลกั สตู รวชิ าชีพ การสะสมหนว่ ยการเรียนและการเทยี บโอนเพื่อยกระดับคุณวุฒิการศึกษาตาม
หลักการของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ โดยร้อยละของแรงงานที่ขอเทียบโอนความรู้และประสบการณ์เพื่อ
ยกระดบั คุณวฒุ ิการศึกษาเพมิ่ ขึ้น (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2560)
2.3 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) มีหลักการสำคัญของ
แผนพัฒนาฯ ดังน้ี (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, ม.ป.ป.: ออนไลน์)
1) ยึด “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ต่อเนื่องมาตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 เพื่อให้เกิดบูรณาการ
การพัฒนาในทุกมิติอย่างสมเหตุสมผลมีความพอประมาณและมีระบบภูมิคุ้มกัน และการบริหารจัดการ
ความเสี่ยงที่ดี ซึ่งเป็นเงื่อนไขจำเป็นสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยมุ่งเน้นการพัฒนาคนให้มีความเป็นคนท่ี
สมบูรณ์ สังคมไทยเป็นสังคมคุณภาพสร้างโอกาสและมีที่ยืนให้กับทุกคนในสังคมได้ดำเนินชีวิตที่ดีมีความสุข
และอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศก็เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมีคุณภาพ
และมีเสถียรภาพ รวมถึงการสร้างคนให้ใช้ประโยชน์และอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างเกื้อกูลอนุรักษ์ฟื้นฟู
ใชป้ ระโยชน์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมอยา่ งเหมาะสม
2) ยึด “คนเปน็ ศนู ย์กลางการพัฒนา” มุ่งสร้างคุณภาพชวี ิตและสขุ ภาวะท่ีดสี ำหรับคนไทย พฒั นาคน
ให้มีความเป็นคนที่สมบูรณ์ มีวินัย ใฝ่รู้ มีความรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติที่ดี รับผิดชอบ
ต่อสังคม มีจริยธรรมและคุณธรรม พัฒนาคนทุกช่วงวัยและเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่าง
มีคุณภาพรวมถึงการสร้างคนให้ใช้ประโยชน์และอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างเกื้อกูล อนุรักษ์ ฟื้นฟูใช้ประโยชน์
ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมอย่างเหมาะสม
3) ยึด “วสิ ยั ทศั น์ภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ป”ี มาเปน็ กรอบของวสิ ยั ทัศนป์ ระเทศไทยในแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 12 วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตาม
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง”
4) ยึด “เป้าหมายอนาคตประเทศไทยปี 2579” ที่เป็นเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ
เป้าหมาย 5 ปี มาเป็นกรอบในการกำหนดเป้าหมายที่จะบรรลุใน 5 ปีแรก และเป้าหมายในระดับย่อยลงมา
โดยท่ีเปา้ หมายและตัวชีว้ ัดในด้านต่าง ๆ มีความสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายท่ีย่ังยนื (SDGs) ทั้งน้ี เป้าหมาย
ประเทศไทยในปี 2579 ซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกันนั้นพิจารณาจากทั้งประเด็นหลักและลักษณะของการพัฒนา
ลักษณะฐานการผลิตและบริการสำคัญของประเทศ ลักษณะของคนไทยและสังคมไทยที่พึงปรารถนา และ
กลุ่มเป้าหมายในสังคมโดยกำหนดไว้ดงั นี้ “เศรษฐกิจและสงั คมไทยมีการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยนื บนฐาน
การพัฒนาที่ยั่งยืน สังคมไทยเป็นสังคมที่เป็นธรรมมีความเหลื่อมล้ำน้อย คนไทยเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็น
21
พลเมืองที่มีวินัย ตื่นรู้และเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต มีความรู้ มีทักษะและทัศนคติที่เป็นค่านิยมที่ดี
มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ มีความเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ มีจิตสาธารณะและทำประโยชน์
เพ่อื สว่ นรวมมีความเปน็ สงั คมประกอบการ มฐี านการผลติ และบริการท่ีมคี ุณภาพและรูปแบบที่โดดเด่นเป็นท่ี
ต้องการในตลาดโลกเป็นฐานการผลิตและบริการที่สำคัญ เช่น การให้บริการคุณภาพทั้งด้านการเงิน
ระบบโลจิสติกส์ บริการดา้ นสุขภาพ และการทอ่ งเท่ียวคุณภาพ เป็นครัวโลกของอาหารคณุ ภาพและปลอดภัย
เป็นฐานอุตสาหกรรมและบริการอัจฉริยะที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้นวัตกรรม ทุนมนุษย์ทักษะสูง
และเทคโนโลยีอัจฉริยะมาต่อยอดฐานการผลิตและบริการที่มีศักยภาพในปัจจุบัน และพัฒนาฐานการผลิต
และบรกิ ารใหม่ ๆ เพอื่ นำประเทศไทยไปส่กู ารมรี ะบบเศรษฐกจิ สังคม และ ประชาชนทมี่ ีความเป็นอัจฉรยิ ะ”
5) ยึด “หลักการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำและขับเคลื่อนการเจริญเติบโตจาก
การเพิ่มผลิตภาพการผลิตบนฐานของการใช้ภูมิปัญญาและนวัตกรรม” แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 มุ่งเน้นการ
สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความครอบคลุมทั่วถึง เพื่อเพิ่มขยายฐานกลุ่มประชากรชั้นกลาง
ใหก้ วา้ งข้นึ โดยกำหนดเป้าหมายในการเพมิ่ โอกาสทางเศรษฐกิจโอกาสทางสงั คมและใหส้ งู ขึ้น นอกจากรายได้
ของกลุ่มประชากรได้รายต่ำสุดร้อยละ 40 การเพิ่มผลิตภาพการผลิตบนฐานของการใช้ภูมปิ ัญญาและพัฒนา
นวตั กรรมนบั เป็นหวั ใจสำคญั ในการขับเคลื่อนการพัฒนาในระยะต่อไปสำหรับทกุ ภาคสว่ นในสังคมไทย โดยท่ี
เส้นทางการพัฒนาที่มุ่งสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นกำหนดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้ ความเป็นธรรม
การลดความเหลื่อมล้ำและขยายฐานคนชั้นกลาง การสร้างสังคมที่มีคุณภาพและมีธรรมาภิบาล และความเป็นมิตร
ต่อสิ่งแวดล้อม 6) ยึด “หลักการนำไปสู่การปฏิบัติการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างจริงใน 5 ปีที่ต่อยอดไปสู่
ผลสัมฤทธิ์ที่เป็นเป้าหมายระยะยาว” จากการที่แผนพัฒนาฯ เป็นกลไกเชื่อมต่อในลำดับแรกที่จะกำกับและ
ส่งต่อแนวทางการพัฒนาและเป้าหมายในยุทธศาสตร์ 20 ปี ให้เกิดการปฏิบัติในทุกระดับและในแต่ละด้าน
อย่างสอดคล้องกัน แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงให้ความสำคัญกับการใช้กลไกประชารัฐที่เป็นการรวมพลัง
ขับเคลื่อนจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน และการกำหนดประเด็นบูรณาการของการพัฒนาที่มีลำดับ
ความสำคัญสูงและได้กำหนดในระดับแผนงานโครงการสำคัญทีจ่ ะตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาได้อย่าง
แท้จรงิ รวมท้งั การกำหนดเปา้ หมายและตัวช้วี ัดทม่ี คี วามครอบคลุมหลากหลายมิติ
2.4 พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศกั ราช 2542
พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และท่แี ก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 15
ระบุไว้ว่า การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตาม
อัธยาศัย ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกัน หรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะ
เปน็ ผลการเรยี นจากสถานศึกษาเดียวกนั หรือไม่ก็ตาม รวมท้ังจากการเรียนรู้นอกระบบตามอัธยาศยั การฝึกอาชีพ
หรือจากประสบการณก์ ารทำงาน (สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนกั นายกรฐั มนตรี, ม.ป.ป.: 9 – 10)
2.5 พระราชบัญญัติอาชีวศึกษาพุทธศกั ราช 2551
พระราชบัญญัติอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 (2551, น.3) มาตรา 10 (2) กำหนดให้การจัดอาชีวศึกษา
และการฝึกอบรมอาชีพต้องคำนึงถึงการศึกษาในด้านวิชาชีพสำหรับประชาชนวัยเรียนและวัยทำงาน
ตามความถนัดและความสนใจอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องจนถึงระดับปริญญาตรี มาตรา 10 (4) ต้องคำนึงถึง
22
การศึกษาที่มีความยืดหยุ่นหลากหลาย และมีระบบเทียบโอนผลการเรียนและระบบเทียบโอนประสบการณ์
การทำงานของบคุ คลเพื่อเขา้ รับการศึกษาและการฝึกอบรมวชิ าชีพอย่างตอ่ เน่ือง และยังไดร้ ะบุไว้ในมาตรา 6
การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต้องเป็นการจัดการศึกษาในด้านวิชาชีพ เพื่อผลิตและพัฒนา
กำลังคนในด้านวิชาชีพที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคน
ในด้านวิชาชีพระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี รวมทั้งการยกระดับการศึกษาวิชาชีพให้สูงข้ึน
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยนำความรู้ในทางทฤษฎีอันเป็นสากลและภูมิปัญญาไทย
มาพัฒนาผู้รับการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติ และมีสมรรถนะจนสามารถนำไปประกอบอาชีพ
ในลักษณะผู้ปฏบิ ัติหรือประกอบอาชีพโดยอิสระได้ โดยภารกิจการจดั การศึกษาของสถานศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษา
ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในปัจจุบัน (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, 2557)
มีการจดั การเรียนการสอนใน 4ระดบั คอื 1) ระดับประกาศนียบตั รวชิ าชีพเฉพาะทาง (ปวพ.) (หลกั สตู รระยะสนั้ )
2) ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) 3) ระดับประกาศนยี บตั รวชิ าชีพช้ันสงู (ปวส.) และ 4) ระดับปริญญา
ตรีสายเทคโนโลยี (เทคโนโลยบี ณั ฑิต, ทล.บ.) โดยมรี ปู แบบการจัดการศกึ ษาทง้ั ในระบบ นอกระบบ และตาม
อัธยาศัยรวมถึงการจัดการศกึ ษาด้วยวิธีการเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณ์ โดยมหี ลกั เกณฑ์ แนวทาง และ
มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษา เป็นตัวกำหนดคุณภาพในการจัดการศึกษาของแต่ละสถานศึกษา
สถาบันการศึกษา ซ่ึงจะต้องดำเนนิ การจัดการศึกษาใหผ้ สู้ ำเร็จการศึกษามีคุณภาพ
2.6 มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ
กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดทำมาตรฐานการศึกษาของชาติ
พ.ศ. 2561 แทนฉบับเดิมปี พ.ศ. 2547 มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งยึดเป็นแนวทางสำหรับ
การพัฒนาผู้เรียนไปสู่ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาและให้หน่วยงานต้นสังกัดใช้เป็นเป้าหมายในการ
จัดการศึกษา โดยการกำหนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของผู้เรียนที่เหมาะสมตามช่วงวัยในแต่ละระดับและ
ประเภทการศึกษาและใช้เป็นเป้าหมายในการสนบั สนุนสถานศึกษาให้ สามารถดำเนินกิจการต่าง ๆ ได้อย่าง
สะดวกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดังกล่าว และยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาใช้
เป็นแนวทางในการส่งเสริมกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพการศึกษา
(สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2561: 56 -57) มาตรฐานดังกลา่ วนี้จะอย่ใู นรูปของผลลัพธ์ที่พึงประสงค์
(Desired Outcome of Education: DOE Thailand) หมายถึง คุณลักษณะของคนไทย 4.0 ที่ตอบสนอง
วสิ ยั ทศั นก์ ารพฒั นาสู่ความม่ันคง มัง่ คัง่ ยง่ั ยนื โดยคนไทย 4.0 จะต้องธำรงความความเป็นไทยและแข่งขันได้
ในเวทีโลก และเป็นบุคคลท่ีมคี ณุ ลกั ษณะ 3 ดา้ น ดังน้ี (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2561: 57)
1) ผู้เรียนรู้ คือ เป็นผู้มีความเพียร ใฝ่ความรู้ และมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อก้าวทันโลก
ยุคดิจิทัลและโลกในอนาคตและมีสมรรถนะ (Competency) ที่เกิดจากความรู้ ความรอบรู้ด้านต่าง ๆ
มสี ุนทรียะรักษ์และประยุกต์ใช้ภมู ิปญั ญาไทย มที กั ษะชวี ิต เพือ่ สรา้ งงาน หรือสมั มาชีพบนพ้นื ฐานของความพอเพียง
ความมัน่ คงในชีวติ และคุณภาพชวี ิตทดี่ ี ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
2) ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะทางปัญญาทักษะศตวรรษที่ 21 ความฉลาดดิจิทัล
(Digital Intelligence) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะการบูรณาการข้ามศาสตร์
23
และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อร่วมสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีหรือ
สงั คมเพม่ิ โอกาสและมูลคา่ ใหก้ บั ตนเองและสงั คม
3) พลเมอื งทเ่ี ข้มแข็ง เป็นผู้มคี วามรักชาติ รกั ท้องถิ่น รถู้ กู ผดิ มจี ิตสำนกึ เปน็ พลเมืองไทยและพลโลก
มีจิตอาสา มีอุดมการณ์ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติบนหลักการประชาธิปไตยความยุติธรรมความเท่าเทียม
เสมอภาค เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและ
ประชาคมโลกอย่างสันติ สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาสามารถใช้ผลลัพธ์ท่ี
พึงประสงค์ของการศึกษา เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาและมาตฐานการศึกษาขั้นต่ำที่จำเป็นของแต่ละ
ระดับและประเภทการศึกษา เพื่อให้เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ขึ้นกับผู้เรียนทั้งในระหว่างที่กำลังศึกษา
และเพื่อวางรากฐานให้ผู้เรียนระหว่างที่กำลังศึกษาให้เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์หลังจากสำเร็จการศึกษา
เป้าหมายสำคญั ประการหน่ึงของมาตรฐานการศกึ ษาของชาติ คอื การใหอ้ สิ ระสถานศกึ ษาในการจดั การศึกษา
ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาและตามความถนัดของผู้เรียนที่สอดรับกับ กฎกระทรวงการประกัน
คุณภาพการศึกษา (สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, 2561: 58)
2.7 มาตรฐานคุณวุฒทิ างการศึกษา
กรอบคุณวุฒิแห่งชาติเป็นกรอบแนวทางการเชื่อมโยงผลการเรียนรู้กับสมรรถนะในการปฏิบัติงาน
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 โดยกำหนดกรอบคุณวุฒิออกเป็น 9 ระดับ คือ ระดับ 1 มัธยมศึกษา
ตอนต้น ระดับ 2 มัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับ 3 ประกาศนียบัตร ระดับ 4 อนุปริญญาหรือประกาศนียบัตร
วิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระดับ 5 ปริญญาตรี ระดับ 6 ประกาศนียบัตรบัณฑิต ระดับ 7 ปริญญาโท ระดับ 8
ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และระดับ 9 ปริญญาเอก (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2561: ข)
ประเทศไทยได้จัดทำและพัฒนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิสำหรับระบบการศึกษาของไทย เพื่อพัฒนากำลังคน
ให้มีความรู้ ทักษะ และสมรรถะที่มีมาตรฐานสามารถเทียบเคียงได้ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ และ
เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาอีกด้วย ได้แก่ กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ กรอบมาตรฐาน
คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ มาตรฐานคุณวุฒิการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (National Qualifications Framework: NQF) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้
ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 จัดทำขึ้นโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และได้มีการกำหนด
แผนการขับเคล่ือนกรอบคุณวฒุ ิแห่งชาติสู่การปฏิบัติเพื่อให้การดำเนนิ งานเปน็ ไปอย่างต่อเนือ่ ง ต่อมาไดม้ ีการแต่งต้ัง
“คณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ” โดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานคุณวุฒิการศึกษา หรือ
งานคุณวุฒิวิชาชีพเป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นรองประธานกรรมการ
คณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาตินี้ถือได้ว่า เป็นองค์กรระดับนโยบายที่ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการ
ระดับชาติที่มีอำนาจหน้าที่ในการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและนอก
กระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ ในเอกสารกรอบคุณวุฒิแห่งชาติฉบับปรับปรุง ได้ระบุวัตถุประสงค์ของกรอบคุณวุฒิ
แห่งชาตไิ ว้ดังนี้ (สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา, 2561: 63 - 64)
1) เพื่อเป็นกลไกการปฏิรูปการศึกษาด้วยการเชื่อมโยงความต้องการกำลังคนเชิงคุณภาพของภาคการผลิต
และบริการกับระบบคุณวุฒิทางการศึกษาให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกอาชีพ โดยใช้ระบบการประกัน
24
คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา สามารถยกระดับคุณภาพการศึกษาให้มีความเป็นสากล โปร่งใส และ
เทียบเคียงได้กับนานาชาติ 2) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการเพิ่มโอกาส
การศึกษา (Widening Education Participation) ที่จำเป็นต่อการสร้างศักยภาพกำลังคนในการพัฒนา
เศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ 3) เพอื่ สรา้ งความเชื่อมโยงกบั กรอบคุณวุฒขิ องต่างประเทศ อันจะเป็นกลไก
สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านกำลังคนของประเทศ เสริมสร้างความคล่องตัวและประสิทธิภาพ
ในการเคลื่อนย้ายกำลังคนและนักเรียนนักศึกษาในภูมิภาค (Mobility of Manpower and Students)
4) เพื่อยกระดับคุณค่าของผู้มีความสามารถหรือสมรรถนะในการปฏิบัติงานที่ต้องการ เพิ่มพูนคุณวุฒิ
การศึกษาด้วยระบบการเทียบโอนประสบการณ์และความรู้ที่มีอยู่ก่อน (Recognition of Prior Learning:
RPL) รวมทั้งการเชื่อมโยงเส้นทางการเรียนรู้และความก้าวหน้าในอาชีพที่หลากหลายของบุคคล โครงสร้าง
ของกรอบคณุ วฒุ ิแห่งชาติ ประกอบด้วย (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2561: 64) 1) ระดับคุณวฒุ ิ 8 ระดับ
ที่กำหนดขอบเขตความยากง่ายแตกต่างกันไป ซึ่งระบุถึงความสามารถในการปฏิบัติงานตามขอบเขตความรู้
ทักษะ และความสามารถในการประยุกต์ใช้ และความรับผดิ ชอบทสี่ ามารถเชอื่ มโยงกับผลลพั ธก์ ารเรียนรู้
2) ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ (Learning Outcome) อันได้แก่
2.1 ความรู้ (Knowledge) ทั้งในเชิงวชิ าการ แนวคดิ ทฤษฎี และขอ้ เท็จจรงิ ต่าง ๆ
2.2 ทักษะ (Skills) ครอบคลุมทักษะด้านการคิดอย่างมเี หตผุ ล การหยั่งรู้ การคิด สร้างสรรค์ และการปฏิบตั ิ
2.3 ความสามารถในการประยุกต์ใช้และความรับผิดชอบ (Application and Responsibility)
นอกจากนี้หน่วยงานทางการศึกษา หน่วยงานทางมาตรฐานวิชาชีพ ตลอดจนสถานศึกษาและฝึกอบรมต้อง
ดำเนนิ งานเพื่อพัฒนาหลักสูตร บุคลากรทางการศึกษา มาตรฐานการศึกษา มาตรฐานอาชีพ ให้สอดคล้องกับ
ข้อกำหนดในกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเพื่อให้คุณวุฒิทางการศึกษาและทักษะสามารถเทียบเคียงกันได้ นอกจาก
กรอบคุณวุฒิแห่งชาติแล้วในส่วนขององค์กรด้านการศึกษามีการกำหนดกรอบคุณวุฒิการศึกษา แบ่งเป็น 3 ระดับ
ดังน้ี 1) กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ซงึ่ เปน็ ไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่อื งกรอบมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหรือปรับปรุง หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน
เพื่อให้คุณภาพของบัณฑิตที่ผลิตในสาขา/สาขาวิชาเดียวกัน มีมาตรฐานเทียบเคียงกันได้ทั้งในระดับชาติและ
ระดบั สากล โดยมีระดับคณุ วฒุ ริ ะดับมาตรฐาน 6 ระดับ ได้แก่ อนปุ ริญญา (3 ป)ี ปริญญาตรี ประกาศนยี บตั รบัณฑิต
ปริญญาโทประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และปริญญาเอก โดยในแต่ละระดับจะมีรายละเอียดองค์ประกอบ
ของระดับคุณวุฒิ/ระดับมาตรฐานผลการเรียนรู้ มีความสอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ 2) กรอบมาตรฐาน
คุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยชื่อของระดับคุณวุฒิ/
ระดับมาตรฐาน ประกอบด้วย 5 ระดับ ได้แก่ ประกาศนียบัตรวิชาชีพเฉพาะ 1 (ระยะสั้น) ประกาศนียบัตร
วิชาชีพเฉพาะ 2 (ระยะสั้น) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และปริญญาตรี
(สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ) โดยกรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติกำหนด การรับรอง
มาตรฐานคณุ วฒุ ผิ ู้สำเรจ็ การศึกษาให้มีคุณภาพผ้สู ำเรจ็ การศึกษาทุกระดับคุณวฒุ ิ ประเภทวชิ า และสาขาวิชา
ต้องครอบคลุมอย่างน้อย 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 2) ด้านสมรรถนะหลักและสมรรถนะ
25
ทั่วไป และ 3) ด้านสมรรถนะวิชาชีพผู้สำเร็จการศึกษาทุกคน/ระดับต้องผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐาน
วิชาชีพจึงจะไดร้ ับคุณวฒุ ิ โดยมรี ะบบการประเมินตนเองทุกปแี ละมีการประเมินจากตันสังกัดทกุ 3 ปี โดยเนน้
คุณภาพกระบวนการปฏิบัติงาน (Process) อนั จะส่งผลต่อคุณภาพผ้เู รียนเป็นหลัก นอกจากน้ียงั มรี ะบบการประกัน
คุณภาพภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ซึ่งมีผลต่อการได้รับการสนับสนุน
ดา้ นต่าง ๆ การกยู้ ืมเงนิ ของผูเ้ รียน และการสง่ เสริมวทิ ยฐานะและความดีความชอบของบุคลากร
3) มาตรฐานคุณวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งมีทั้งหมด 3 ระดับ
ได้แก่ ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งระดับคุณวุฒิการศึกษาที่สามารถ
เทียบเคียงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติได้มี 2 ระดับ คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ได้แบ่งประเภทระดับคุณวุฒิ โดยอ้างอิงหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งจัดการศึกษาเพื่อตอบสนอง
อุดมการณ์การจัดการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยได้แบ่งระดับคุณวุฒิออกเป็น 3 ระดับคุณวุฒิ ได้แก่
มธั ยมศึกษาตอนต้น (ประกอบด้วยระดบั ประถมศึกษา และระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น) มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ส่วนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้ดำเนินการจัด
หลักสูตรการเรียนการสอน โดยอิงกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและกรอบมาตรฐาน
คุณวุฒิระดับอาชีวศึกษาแห่งชาติ มี 4 ระดับ ได้แก่ มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย
ประกาศนยี บตั รวิชาชพี และประกาศนียบตั รวิชาชีพชน้ั สงู
2.8 ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2546 เรื่อง การเทียบโอนผลการเรียนการศึกษา
ขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่ำว่าปริญญา เพื่อให้สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและ
ระดับอดุ มศึกษา ระดบั ต่ำกว่าปรญิ ญาสามารถดำเนนิ การเทยี บโอนผลการเรียน โดยการเช่ือมโยงผลการเรียน
ระหว่างการศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั รวมทั้งผลการเรียนรู้จากนอกระบบ
ตามอธั ยาศยั การฝึกอาชีพหรือจากประสบการณ์ การทำงาน เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาต่อเนื่องในหลักสูตรใด
หลกั สตู รหนง่ึ ในสถานศกึ ษา ซง่ึ มีหลกั การและแนวทางในการเทยี บโอน ดังนี้ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2562: ออนไลน)์
1) หลักการเทียบโอนผลการเรียนยึดหลกั การกระจายอำนาจไปสู่สถานศึกษา โดยดำเนนิ การเทียบโอน
ผลการเรยี นในรปู แบบคณะกรรมการ
1.1) คำนึงถงึ หลักความยุตธิ รรม โปร่งใส และมมี าตรฐานเปน็ ทยี่ อมรบั
1.2) การเทียบโอนผลการเรียนให้พิจารณาจากเอกสาร หลักฐานการศึกษาหรือ หลักฐานอื่นหรือ
ประเมินจากความรู้ ความสามารถ ทักษะ หรือประสบการณ์ของผู้เรียนด้วยเครื่องมือ และวิธีการ
ทีห่ ลากหลายไมซ่ ับซ้อน ทั้งนี้ ใหค้ ำนงึ ถงึ ประโยชนข์ องผู้เทียบโอนผลการเรียนเปน็ สำคัญ
1.3) พจิ ารณาเทยี บโอนผลการเรียนเพื่อการศึกษาต่อโดยพจิ ารณารปู แบบการศึกษา และหลกั สูตร
ท่อี ย่ใู นระดับเดยี วกัน
26
2) แนวทางการเทยี บโอนผลการเรยี น
2.1) การเทียบโอนผลการเรยี นใหพ้ จิ ารณาจากรูปแบบการจัดการศกึ ษาลักษณะ การจดั หลกั สูตร
และสาระการเรยี นรู้ ซึง่ มีความแตกตา่ งหลากหลาย โดยเทียบเคียงกบั หลกั เกณฑ์ และวธิ ีการจัดการศึกษาของ
สถานศกึ ษาทรี่ ับเทยี บโอน
2.2) ช่วงเวลาในการเทียบโอนผลการเรียนดำเนินการได้ 2 กรณี ดังน้ี กรณีที่ 1 การเทียบโอน
ผลการเรียนที่เกิดขึ้นจากสภาพการณ์ต่างๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร
การละทิ้งการศึกษาและขอกลับเข้าศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศ และขอเทียบโอนเข้าศึกษาต่อในประเทศ
ให้ดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรกหรือต้นภาคเรียนแรกที่สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นนักเรียน
นักศึกษา เพื่อการวางแผนการเรียน ทั้งนี้ สถานศึกษาควรดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนให้แล้วเสร็จภายใน1 ภาคเรียน
ถ้ามีเหตุจำเป็นผู้ขอเทียบโอนไม่สามารถขอเทียบโอนได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนดให้อยู่ในดุลยพินิจของ
สถานศกึ ษา กรณีที่ 2การเทียบโอนความรู้ ทักษะ หรือประสบการณจ์ ากแหล่งเรยี นรูอ้ น่ื ๆ เช่น สถานประกอบการ
สถานประกอบอาชีพอิสระ สถาบันทางศาสนา สถาบันฝึกอบรมวิชาชีพ บ้านเรียน (Home School) ฯลฯ ให้ดำเนินการ
ต้นภาคเรียนหรือก่อนภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับเทียบโอนตามความเหมาะสม รวมทั้งกรณีของผู้กำลังเรียน
และประสงคจ์ ะไปศึกษาจากแหลง่ เรยี นรู้อื่น ๆ ซง่ึ จะตอ้ งไดร้ ับอนญุ าตจากหัวหนา้ สถานศึกษาก่อน
2.9 รา่ งแผนแม่บทภายใตย้ ุทธศาสตร์ ประเดน็ การพฒั นาการเรยี นรู้ (พ.ศ. 2561 – 2580)
ร่างแผนแม่บทนี้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่เน้นทั้งการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน และการเสริมสร้าง
และยกระดับการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรูท้ ั้งการศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจัดให้มีระบบการศึกษาและระบบฝึกอบรมบน ฐานสมรรถนะที่มี
คุณภาพสูงและยืดหยุ่น มีมาตรการจูงใจและส่งเสริมสนับสนุนให้คนใฝ่เรียนรู้ พัฒนาตนเอง รวมถึง
การยกระดบั ทกั ษะวชิ าชีพ พฒั นาระบบการเรียนรชู้ ุมชนใหเ้ ข้าถงึ ได้ทุกทีท่ ุกเวลา โดยความร่วมมือจากภาครฐั
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ทง้ั น้ี ในร่างแผนแมบ่ ทฯ ยังได้กำหนดว่า การพฒั นาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้
มีการวางระบบเทียบโอนประสบการณ์ (Training Credit) ระบบธนาคารหน่วยกิตเป็นมาตรการจูงใจให้
คนเข้าสู่การยกระดับทักษะ นอกจากนี้ ประเด็นเร่งด่วนในช่วง 5 ปีแรกของยุทธศาสตร์ชาติยังได้กำหนดให้
“โครงการการเทียบโอนและพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank System) ระหว่างการทำงานและ
ภาคการศึกษา” เป็นตัวอย่างของโครงการเร่งด่วนภายใต้แผนงานบูรณาการการพัฒนาระบบ การเรียนรู้
ตลอดชีวิต โดยมีสาระสำคัญว่า พัฒนาระบบและกลไกในการเข้าสู่ระดับคุณวุฒิที่มีความยืดหยุ่นหลากหลาย
เพื่อให้บุคคลที่มีประสบการณ์หรือสมรรถนะจากการปฏิบัติงานสามารถเทียบโอน หรือเติมเต็มเพื่อให้ได้
การรับรองคุณวุฒินั้นๆ จัดให้มีการเทียบโอนและพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกิต การศึกษาระบบการเทียบโอน
และระบบธนาคารหน่วยกิต : ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ผู้เรียนสามารถนำผลการเรียนที่ได้จากการศึกษา
ในระบบ และผลการเรียนรู้ที่ได้จากการศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และจากประสบการณ์ของ
บคุ คลมาเกบ็ สะสมไว้ในธนาคารหนว่ ยกติ สำหรับสาขาท่ีเป็นความต้องการของตลาดแรงงาน
27
2.10 ระบบธนาคารหนว่ ยกิต ของตา่ งประเทศ
2.10.1 ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ของประเทศญปี่ นุ่ ซ่ึงเป็นประเทศทม่ี กี ระทรวง
ที่รับผิดชอบการศึกษา คือ กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยการจัดการศึกษา
ของญี่ปนุ่ ยึดหลักกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นและสถานศึกษา ระบบการศึกษาของญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
ได้แก่ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง โดยจังหวัด/เทศบาลรับผิดชอบการศึกษาภาคบังคับ หลักการและ
แนวคิดการการดำเนินงานระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยมีสำนักงานนโยบายการเรียนรู้ตลอดชีวิตรับผิดชอบเป็นการเฉพาะ แต่ในการจดั การศึกษาเนน้ การกระจายอำนาจ
ไปสู่ท้องถิ่นและสถานศึกษา ทั้งนี้การเทียบโอนและสะสมผลการเรียนเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนและ
บคุ ลากรทั่วไปท่ีไม่เข้าเรียนในระบบโรงเรยี นปกติท่ีรัฐจัดให้มโี อกาสเข้าศึกษาโดยไม่เก็บค่าใชจ้ ่าย มีสำนักงาน
นโยบายการเรียนรู้ตลอดชีวิตแต่ไม่มีระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้ระดับชาติ แต่มีระบบการเทียบโอนผล
การเรียนแตล่ ะระดับ
2.10.2 ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ของประเทศเกาหลี ระบบธนาคารหน่วยกิต
(Academic Credit Bank System -ACBS) เกิดจากในช่วงพ.ศ. 2513 องค์กร UNESCO และ OECD
ได้เรียกร้องให้นานาชาติหันมาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต สาธารณรัฐเกาหลีจึงออกนโยบาย
การศึกษาเพ่อื ทุกคนโดยสร้างข้ึนเพื่อส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัยระดบั ชาติ
วัตถุประสงค์ของ ACBS คือ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้แบบปิด และเปิดโอกาสสู่การศึกษา
ระดบั อุดมศกึ ษาและยกระดับการศึกษาของสังคมโดยรวม ปัจจุบนั ACBS อยูใ่ นความรับผิดชอบของสถาบันการเรียนรู้
ตลอดชวี ติ แห่งชาติ (National Institute for Lifelong Education หรือ NILE)
หลักการและแนวคิดในการดำเนินงานระบบธนาคารหน่วยกิต ACBS ยึดหลักในการเชื่อมโยงกับ
กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (Korean Qualification Framework: NQF) และคุณวุฒิวิชาชีพ (Vocational
Qualification System:VQS) ไวเป็นระบบชัดเจน มีการรับรองผลการเรียนรู้ที่หลากหลายทั้งจากการศึกษา
ในระบบ การศึกษานอกระบบ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั และจากประสบการณ์การเรียนรู้
กลุ่มเป้าหมาย
ประชาชนทกุ คนท่มี คี วามตอ้ งการเรยี นรู้ในระบบหนว่ ยกติ ดังน้ี
1. ผู้ทไ่ี ม่สามารถเรียนจบตามหลักสูตรในมหาวทิ ยาลยั
2. ผู้ท่ไี ดร้ ับประกาศนียบัตรจากการอบรมอาชีพ และตอ้ งการเทยี บโอนเปน็ หนว่ ยกิต
3. ผ้ทู ่ีตอ้ งการรับปรญิ ญาใบที่ 2 และผ้ทู ่ีไดอ้ นุปริญญาแลว้
4. ผทู้ ต่ี อ้ งการรับรองหน่วยกิตจากสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมดา้ นอาชีวศึกษา
5. ผทู้ ี่มีทักษะฝมี อื ในกล่มุ ดา้ นงานศลิ ปะ ดนตรี วฒั นธรรม เทยี บเปน็ หน่วยกติ ได้
6. ผู้ทต่ี ้องการนำผลการเรียนใน ACBS เพื่อไปยน่ื ขอสอบใบประกอบวชิ าชพี เฉพาะ
7. ผู้ทต่ี อ้ งการรบั ปรญิ ญาตรเี พื่อเข้าศึกษาต่อในบัณฑิตศึกษา
การเทียบโอน รูปแบบการเทียบโอนและการรบั รองผลการเทียบโอนเพอ่ื สะสมหนว่ ยกิต
1. การเทียบโอนเชือ่ มโยงกับกรอบคุณวุฒแิ หง่ ชาติ และคุณวฒุ วิ ิชาชีพ
28
2. มีการรบั รองผลการเรยี นรทู้ ่ีหลากหลายทั้งจากการศึกษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ การศึกษา
ตามอัธยาศยั และจากประสบการณก์ ารเรียนรใู้ นชีวิต
3. การสะสมหนว่ ยการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น สามารถสะสมหนว่ ยกิตได้ 6 ช่องทาง คือ
3.1 สะสมรายวชิ าท่ีไดร้ ับการรับรองโดยกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3.2 ได้ใบรบั รองระดบั ชาติ หรือจากสถาบันเอกชนท่ไี ด้รบั การยอมรับ
3.3 ผ่านการสอบระดับปรญิ ญาตรี
3.4 เรยี นหลักสูตรครบสมบรู ณ์ในสถานศกึ ษาทไี่ ด้รับการรับรองหนว่ ยกติ
3.5 สามารถเรียนในหลักสูตรได้ครบถว้ นผา่ นการเรยี นในช่วงเวลาทสี่ ะดวก
3.6 มที ักษะหรือผ่านการอบรมในดา้ นทเ่ี กี่ยวข้องกบั ศิลปวัฒนธรรมของชาติ
4. การรบั รองผลการศกึ ษาหรือผลการเรียนรู้มีเกณฑว์ า่ สถานศกึ ษานอกระบบต้องได้รบั การประเมิน
ครูผู้สอนต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับอาจารย์ที่ปฏิบัติการสอนเต็มเวลา และชั้นเรียนควรมีขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า
1 ตารางเมตรต่อนกั เรยี น 1 คน และต้องมสี ่งิ อำนวยการความสะดวก
หนว่ ยบริหารจดั การและกลไกการขบั เคลอื่ นระบบธนาคารหนว่ ยกติ
1. กระทรวงศกึ ษาธิการ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และสถาบันการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ แห่งชาติ
2. สาธารณรัฐเกาหลีใช้ระบบธนาคารหน่วยกิต (ACBS) เปน็ นวัตกรรมใหม่ทางการศึกษา โดยใช้ผลการเรียนรู้
จากการเรยี นรู้นอกระบบและการเรยี นรู้ตามอธั ยาศัย ซงึ่ สามารถเชอ่ื มข้อมูลประวัติและผลการเรียนรู้ทั้งหมด
ดว้ ยรหัสบัญชเี ดยี วเช่ือมโยงกับกรอบคณุ วฒุ ิแห่งชาติ และคุณวฒุ วิ ิชาชีพได้อยา่ งเป็นระบบท่ีชดั เจน
ปัญหาและอุปสรรค การยอมรับจากผู้ที่เรียนจบจากหลักสูตรธนาคารหน่วยกิตยังไม่ประสบ
ความสำเรจ็ เทา่ ทค่ี วร และยงั มปี ญั หาความนา่ เช่อื ถอื ดา้ นคณุ ภาพการศึกษา
3. แนวปฏิบัติทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
3.1 แนวปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับระบบสะสมหนว่ ยกิต
3.1.1 หลกั เกณฑ์การเทียบวิชาเรยี นและการโอนหนว่ ยกติ ระหวา่ งการศึกษาในระบบ
3.1.2 หลักเกณฑ์การเทียบโอนความรู้ และการให้หน่วยกิตจากการศึกษานอกระบบ การศึกษา
ตามอัธยาศัยเข้าสกู่ ารศกึ ษาในระบบ
3.2 พ้ืนความรู้และคณุ สมบตั ิของผเู้ รียน ผเู้ ขา้ เรียนต้องเปน็ นักเรียนในระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา
เอกชน หรอื สำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศยั ที่มีความรว่ มมือโครงการห้องเรียนอาชีพ
กับสถานศกึ ษาสังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
3.3 แนวทางในการจดั การศกึ ษา ดังนี้
1) สถานศึกษาสำรวจกลุ่มประเภทวิชาและรายวิชาในหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(ปวช.) หรือรายวิชาปรับพื้นในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษาที่นักเรียนมีความถนัดและสนใจโดยผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทั้งการใช้รูปแบบสำรวจ
กระบวนการแนะแนวอาชีพ การศึกษาต่อและการต่อยอดการประกอบอาชีพ นำข้อมูลมาวิเคราะห์
29
เปรียบเทียบความสอดคล้องกับหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือหลักสูตรระดับ
ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชน้ั สูง (ปวส.)
2) สถานศึกษาอาชีวศึกษาประสานและลงความเห็นชอบร่วมกันระหว่างสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย โดยดำเนินการวางแผนกำหนดประเภทวิชา
สาขาวิชา รหัสวิชา ตามรายวิชาของหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือหลักสูตร
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาใช้ในการจัดการเรียน
การสอนเพ่ือการสะสมหน่วยกิต (Credit Bank) ใหส้ อดคล้องกบั ความถนัดและความสนใจของนักเรียนระดับ
มธั ยมศกึ ษา โดยคำนงึ ถึงคณุ ภาพและสมรรถนะทจ่ี ะต้องเกิดขน้ึ ตามรายวิชานัน้ ๆ
3) สถานศึกษาอาชีวศึกษานำรายวิชาในหลักสูตร ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จำนวน 10 กลุ่ม
ประเภทวิชา หรือนำรายวิชาปรับพื้นในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 11 กลุ่มประเภทวิชา
ที่ลงความเห็นชอบรว่ มกนั ระหว่างศึกษาไปดำเนินการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนระดับมัธยมศกึ ษาตอน
ปลายตามความถนัดและความสนใจ
4) สถานศึกษาอาชีวศึกษานำรายวิชาในหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือ
รายวิชาปรับพ้ืนในหลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี ช้ันสูง (ปวส.) ของสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ดำเนินการจัดการเรียนการสอนรายวิชาสะสมหน่วยกิต ตามโครงสร้างเวลาเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้
การงานอาชีพและเทคโนโลยี หรอื การประกอบอาชีพ หรือวชิ าเลอื ก หรือกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน หรือรายวชิ า/
กจิ กรรมที่สถานศึกษาจัดเพิม่ เตมิ ตามความพร้อม
3.4 วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ สถานศึกษาอาชีวศึกษาดำเนินการวัดผลและประเมินผล รวมทั้ง
ออกเอกสารรับรองผลการเรียนโดยสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่จัดการเรียน
การสอนรายวิชานั้น ๆ และผู้เรียนที่ผ่านการเรียนการสอน ผ่านการประเมินผลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการจดั การศกึ ษาและการประเมินผลการเรียนตามหลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) หรือระเบียบ
กระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการจัดการศึกษาและการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง
(ปวส.) ที่กำหนดจะได้รับหน่วยกิตที่สามารถเทียบโอนผลการเรียนหรือเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ได้
กับรายหลกั สตู รอาชีวศึกษาแต่ละคณุ วฒุ ิ
3.5 การนำผลการเรียนไปใช้เพื่อศึกษาต่อ นักเรียนที่มีความประสงค์สมัครเข้าเรียนต่อ
ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สามารถนำผลการเรียนจากรายวิชาดังกล่าว
มาขอโอนผลการเรียนเพื่อนับจำนวนหน่วยกิตสะสมภายหลังจากที่ได้สมัคร เข้าเรียนและขึ้นทะเบียนเข้าสู่
หลักสตู รได้ตามทีส่ ำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษากำหนด
30
ส่วนที่ 3
ผลการศกึ ษาเปรยี บเทียบ (Journey Mapping)
1. ข้อคน้ พบจากสถานศึกษาที่เขา้ รบั การฝกึ ประสบการณ์
1.1 สภาพก่อนดำเนินการของสถานศึกษาในการดำเนินการจัดการเรียนการสอนด้วยระบบธนาคาร
หนว่ ยกติ บรบิ ทของสถานศึกษาสว่ นใหญ่มีข้อจำกัดดา้ นทรพั ยากร เชน่ ครแู ละบคุ ลากร อาคารห้องปฏิบัติการ
วัสดคุ รภุ ัณฑแ์ ละงบประมาณ ปริมาณผูเ้ รียนมนี อ้ ย ประกอบกบั ในช่วงท่ผี ่านมาทกุ สถานศึกษาได้รับผลกระทบ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid -19) ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง
ต่อเศรษฐกิจครัวเรือนและการเข้าถึงการศึกษาของผู้เรียนลดลงนำไปสู่ภาวะการเรียนรู้ถดถอย (Leaning Loss)
เกิดปัญหาการเสียโอกาสในการเรียนรูจ้ ากพื้นฐานความแตกต่างกันของผู้เรียน ผู้เรียนไม่ได้รับการดูแลทำให้
เกิดช่องว่างทางการศึกษาเกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทำให้นักเรียนออกกลางคันเพิ่มขึ้น จากผล
การศึกษาในการฝึกประสบการณ์ในสถานศึกษาและการวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายใน ภายนอกและบริบท
ของสถานศึกษาก่อนดำเนินการจัดการเรียนการสอนด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) โดยใช้เทคนิค
(SWOT Analysis) สรุปไดด้ งั นี้
ตารางที่ 3.1 การวิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ มภายใน ภายนอกและบรบิ ทของสถานศึกษาก่อนดำเนินการ
จัดการเรียนการสอนดว้ ยระบบธนาคารหนว่ ยกิต (Credit Bank) โดยใชเ้ ทคนิค (SWOT Analysis)
จดุ แข็ง S1 ผูบ้ ริหารทุกระดบั ใหค้ วามสำคัญตอ่ การจัดการเรยี นการสอน
(Strength) S2 ผู้บริหารประสานความรว่ มมือเชิงพ้นื ทเ่ี ครือข่ายภาคผู้ประกอบการ
หน่วยงานภาครฐั และสถานศกึ ษาที่เข้มแขง็ เพื่อรว่ มจัดการศกึ ษา
S3 มีส่อื ประชาสมั พนั ธท์ มี่ ีคุณภาพสรา้ งการรับร้หู ลากหลายช่องทาง
S4 มีหลกั สตู รที่หลากหลายตอบสนองความต้องการของท้องถนิ่ ชุมชน
S5 ครูผ้สู อนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอน
S6 มกี ารบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
S7 มวี ิธีการจดั การเรียนการสอนทหี่ ลากหลาย
S8 ผ้บู ริหารมีวิสัยทศั นแ์ ละความม่งุ มนั่ ในการจัดการศกึ ษา
S9 มคี วามเชีย่ วชาญดา้ นการจดั ฝึกอบรมวิชาชีพระยะส้ัน
S10 มคี ณะทำงานการบริหารจดั การโดยใชพ้ น้ื ท่ีเปน็ ฐาน (Area-base Management)
จดุ อ่อน W1 ครมู ีการโยกย้ายส่งผลตอ่ ความต่อเนื่องดา้ นการจัดการเรยี นการสอน
(Weakness) W2 สถานศึกษาขาดความชดั เจนเก่ยี วกบั แนวปฏิบตั ิ
W3 ครูและบคุ ลากรบางส่วนขาดความรู้ความเขา้ ใจในการดำเนนิ งาน
ระบบธนาคารหนว่ ยกิต
W4 รายวชิ าแตล่ ะหลักสตู รไม่สามารถเทียบโอนไดท้ ุกรายวิชาเนอื่ งจากความแตกตา่ ง
ของหลักสูตรแตล่ ะหน่วยงานทางการศึกษา
31
ตารางที่ 3.1 การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มภายใน ภายนอกและบรบิ ทของสถานศึกษาก่อนดำเนนิ การ
จดั การเรยี นการสอนด้วยระบบธนาคารหนว่ ยกติ (Credit Bank) โดยใชเ้ ทคนิค (SWOT Analysis) (ต่อ)
โอกาส 01 ภาคสถานประกอบการให้การสนับสนนุ การจดั การเรียนการสอน
(Opportunities) 02 หนว่ ยงานภาครัฐในท้องถิ่นชมุ ชนให้การสนับสนนุ การจัดการเรียนการสอน
สรา้ งโอกาสทางการศึกษาใหผ้ ้ดู อ้ ยโอกาส
03 พระราชบญั ญัตอิ าชวี ศกึ ษาเอือ้ ในการดำเนนิ การ
04 กรอบคณุ วุฒวิ ชิ าชีพกำหนดสมรรถนะตรงตามความต้องการ
อปุ สรรค T1 การเปล่ยี นแปลงนโยบายอย่างเร่งดว่ น
(Threats) T2 ขาดมาตรการเสริมแรงจูงใจใผู้เรยี นสายอาชีพดว้ ยระบบธนาคารหนว่ ยกิต
T3 ระเบียบปฏบิ ัติมขี ้อจำกัดและเง่ือนไขไมเ่ อ้ือต่อการจดั การเรยี นการสอน
ตารางที่ 3.2 แสดงเหตจุ งู ใจหรอื ความท้าทายทต่ี ้องดำเนินการ
1.2 เหตุจูงใจหรอื ความท้าทายที่ต้องดำเนนิ การ
เหตุจูงใจ (Motivation) ความทา้ ทาย (Challenge)
ลดระยะเวลาการเรยี นรู้ การพัฒนาระบบแพลตฟอรม์ เพอื่ รองรับระบบธนาคารหนว่ ยกิต
เรยี นรู้ไดต้ ลอดชวี ิต การศึกษายคุ เทคโนโลยีเปลยี่ นแปลงโลก Digital Disruption
เพ่ิมโอกาสและทางเลือกการศกึ ษา การสร้างการรับรู้ ค่านยิ มและการประชาสัมพนั ธ์เกย่ี วกบั การเรยี นรู้
ด้วยระบบธนาคารหน่วยกติ
รบั รองผลการศึกษา การหากลมุ่ เป้าหมายเพื่อมาเรียนรู้ระบบธนาคารหน่วยกิต
เพิ่มคุณวุฒวิ ชิ าชีพ การพัฒนานวตั กรรมเพื่อการเรียนรรู้ ะบบธนาคารหนว่ ยกิต
ตามความต้องการ
สามารถเชอ่ื มโยงกบั กรอบคุณวุฒิ แนวปฏบิ ัตริ ะบบธนาคารหน่วยกติ ในสถานศกึ ษา
วิชาชีพ
เพิม่ ขีดสมรรถนะในการแข่งขัน การพัฒนาครแู ละบุคลากรให้มสี มรรถนะในยุคมิติชีวติ แหง่ อนาคต
(Next Normal)
Up-Skill, Re-Skill, New-Skill ผลติ และพฒั นากำลังคนให้มสี มรรถนะสอดคล้องกับความต้องการ
ของตลาดแรงงานในอนาคต (Future Work)
ลดภาระค่าใชจ้ ่าย/การเดนิ ทาง ความคิดฉากทัศน์อนาคตของผบู้ รหิ าร (Scenario Thinking)
ดา้ นระบบธนาคารหนว่ ยกติ
สามารถเรยี นควบคู่การทำงาน กลไกการขับเคล่อื นระบบธนาคารหน่วยกติ
1.3 วิเคราะห์สถานการณท์ ่สี ถานศึกษาดำเนินการดว้ ยวธิ ีการของ SABER
1.3.1 กรอบกลยุทธ์ (Strategic Framework)
1) สร้างเครือขา่ ยความรว่ มมือ
32
2) กำหนดแนวทางการจัดการระบบธนาคารหนว่ ยกติ
3) ผลิตและพฒั นากำลงั คนด้วยระบบธนาคารหน่วยกติ ทสี่ อดคล้องกับความต้องการ
1.3.2 การบรหิ ารจดั การสคู่ ุณภาพ (System Oversight)
1) เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การระบบธนาคารหน่วยกิต
2) พฒั นาศักยภาพและความพรอ้ มของสถานศึกษาในการจดั การระบบธนาคารหน่วยกิต
3) สร้างความเช่อื มัน่ ด้านคุณภาพและมาตรฐานการจัดการระบบธนาคารหนว่ ยกิต
1.3.3 การจดั การเรียนรู้ (Leaning Delivery)
1) จดั ระบบและชอ่ งทางการเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย
2) สรา้ งโอกาสทางการศกึ ษาและต่อยอดการเรยี นรูด้ ้วยระบบธนาคารหน่วยกติ
3) รบั รองผลการเรียนรู้จากสมรรถนะผู้เรียนด้วยระบบธนาคารหนว่ ยกิตทสี่ อดคล้องกับความต้องการ
1.4 วิเคราะห์กลไกในการบริหารจดั การในระบบและนอกระบบการจัดการอาชีวศึกษาท่ีสถานศึกษา
ดำเนินการด้วยวธิ กี ารของ Business Model Canvas
ตารางท่ี 3.3 แสดงการวเิ คราะหค์ วามสมั พันธด์ ว้ ย SABER และ Business Model Canvas ของสถานศึกษา
ฝกึ ประสบการณ์ในรูปแบบ Credit Bank
กรอบกลยุทธ์ (Strategy)
CANVAS สรา้ งเครอื ข่ายความร่วมมือ กำหนดแนวทางการจัดระบบ ผลติ และพัฒนากำลงั คนด้วย
SABER ธนาคารหนว่ ยกิต ระบบธนาคารหนว่ ยกิต
พันธมติ รหลัก (KP) - สถานประกอบการ - สถานประกอบการ - สถานประกอบการ
- สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ. - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ. - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ.
- สถาบันอดุ มศึกษา - สถาบันอดุ มศึกษา - สถาบนั อุดมศึกษา
- สถาบนั พัฒนาฝีมือแรงงาน - สถาบนั พัฒนาฝีมือแรงงาน - สถาบันพฒั นาฝีมอื แรงงาน
กจิ กรรมหลัก - MOU - แตง่ ต้งั คณะกรรมการ - สำรวจความตอ้ งการ
(KA) - PR - จัดทำค่มู อื ดำเนนิ งาน ตลาดแรงงาน
- Area Base Integrity - นเิ ทศ กำกับ ติดตาม - พัฒนาหลกั สตู รรว่ มกัน
- แลกเปลย่ี นเรยี นรู้
- การฝกึ ปฏบิ ตั งิ าน
- จดั ตัง้ ศนู ยท์ ดสอบมาตรฐาน
ฝมี ือแรงงาน
ทรัพยากรหลัก (KR) - ผู้บริหาร ครู บคุ ลากร - ผูบ้ รหิ าร ครู หวั หนา้ งาน - ผบู้ รหิ าร ครู หัวหน้างาน
- งบประมาณ บุคลากร บุคลากร
- เทคโนโลยดี จิ ิทัล - งบประมาณ - งบประมาณ
- แหล่งเรยี นรู้ - เทคโนโลยดี ิจทิ ัล - เทคโนโลยีดิจทิ ลั
- แหลง่ เรียนรู้ - แหล่งเรียนรู้
33
ตารางท่ี 3.3 แสดงการวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ด้วย SABER และ Business Model Canvas ของสถานศกึ ษา
ฝกึ ประสบการณ์ในรปู แบบ Credit Bank (ต่อ)
CANVAS สรา้ งเครือข่ายความร่วมมือ กำหนดแนวทางการจัดระบบ ผลิตและพัฒนากำลังคนด้วย
SABER ธนาคารหนว่ ยกติ ระบบธนาคารหน่วยกิต
คณุ ค่า - เครอื ข่ายความรว่ มมือท่ี - แนวทางการบริหารจัดการ - ตอบสนองความต้องการของ
(VP) เขม้ แข็ง ทช่ี ดั เจนและมมี าตรฐาน ตลาดแรงงาน
- ปริมาณเครือข่าย เดยี วกัน
ลกู ค้า - ผู้เรียน - ฝ่ายบรหิ าร 4 ฝ่าย - ผเู้ รียน
(CS) - หวั หนา้ แผนก หน.งาน - แรงงาน (work force)
- ผู้ประกอบการ
ช่องทาง - ในพน้ื ที่ นอกพ้นื ที่ - Meeting - ศกึ ษาดงู าน
(CH) - PLC - Online, Onsite
- Brain Storming - แพลตฟอรม์ ดิจิทัล
ความสมั พนั ธ์ - ระบบการดูแลผเู้ รยี น - การเชื่อมโยงข้อมูลกลาง ความพงึ พอใจของ
กบั ลกู ค้า - ความพงึ พอใจของผู้มีส่วนได้ ตลาดแรงงาน
(CR) สว่ นเสยี
โครงสรา้ งต้นทุน -ค่าบรหิ ารจดั การ - ค่าดำเนินงาน - คา่ บรหิ ารจดั การ
(CS)
รายได้ -รายไดข้ องสถานศึกษา - รายได้ของสถานศึกษา
(RS) -การระดมงบประมาณ
การบรหิ ารจดั การสคู่ ณุ ภาพ (System Oversight)
CANVAS เพ่มิ ประสิทธภิ าพการบรหิ าร พฒั นาศกั ยภาพและความ การสรา้ งความเช่อื ม่นั ด้าน
SABER จดั การระบบธนาคารหน่วยกิต พรอ้ มของสถานศึกษาในการ คณุ ภาพและมาตรฐานการ
จัดการระบบธนาคารหนว่ ยกิต จัดการระบบธนาคารหน่วยกิต
พันธมิตรหลกั - สถานประกอบการ - สถานประกอบการ - สถานประกอบการ
(KP) - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ. - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ. - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ.
- สถาบนั อุดมศึกษา - สถาบันอดุ มศึกษา - สถาบนั อดุ มศึกษา
- สถาบันพัฒนาฝีมอื แรงงาน - สถาบนั พฒั นาฝมี ือแรงงาน - สถาบนั พฒั นาฝมี อื แรงงาน
กจิ กรรมหลัก - ออกแบบและพฒั นาหลกั สูตร - พัฒนาผบู้ รหิ าร ครู บคุ ลากร - สรา้ งการรับรู้รปู แบบการเรียน
(KA) - ตง้ั หน่วยงานกลางเชือ่ มโยง ด้านสมรรถนะให้สามารถ การสอน
ระบบ ปรับตวั พรอ้ มทำงานในยุค - เชื่อมโยงระหวา่ ง NQF และ
ชวี ิตวิถีใหม่ สมรรถนะวชิ าชีพ
34
ตารางที่ 3.3 แสดงการวิเคราะหค์ วามสมั พันธด์ ้วย SABER และ Business Model Canvas ของสถานศกึ ษา
ฝกึ ประสบการณใ์ นรูปแบบ Credit Bank (ต่อ)
CANVAS เพ่มิ ประสิทธิภาพการบริหาร พฒั นาศกั ยภาพและความ การสรา้ งความเชอ่ื มน่ั ดา้ น
SABER จัดการระบบธนาคารหน่วยกิต พรอ้ มของสถานศกึ ษาในการ คณุ ภาพและมาตรฐานการ
จัดการระบบธนาคารหนว่ ยกิต จดั การระบบธนาคารหนว่ ยกิต
กจิ กรรมหลัก - พัฒนาสมรรถนะผเู้ รยี นตาม - สรา้ งระบบธนาคารหนว่ ยกิต - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้
(KA) NQF ใหม้ ีมาตรฐาน - ประเมนิ สมรรถนะผเู้ รยี น
- พัฒนานวัตกรรม - Up-skill, Re-Skill,
- พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัล New-Skill
ในการจัดการเรยี นรู้ - จดั สภาพแวดล้อมให้เออ้ื ต่อ
การจัดการเรียนรู้
- ปรับระบบการจดั การเรียนรู้
ตามแนววถิ ใี หม่ (New
normal Learning)
- สร้างวฒั นธรรมองค์กรแห่ง
ความสุขตามหลกั
ธรรมาภบิ าลและหลักปรัชญา
เศรษฐกจิ พอเพียง
ทรพั ยากรหลัก - โครงสร้างในการบริหาร - โครงสรา้ งในการบรหิ าร - ผบู้ ริหาร ครู หัวหน้างาน
(KR) จัดการ จัดการ บคุ ลากร
- งบประมาณ - งบประมาณ
- สอื่ นวัตกรรม - สอ่ื นวตั กรรม
- แนวปฏิบตั ิ - แนวปฏิบตั ิ
- หลักสตู ร - หลกั สูตร
- คมู่ อื - คมู่ ือ
- แพลตฟอรม์ ดิจทิ ลั - แพลตฟอร์มดจิ ิทัล
- ห้องเรียน หอ้ งปฏิบตั กิ าร - หอ้ งเรยี น หอ้ งปฏิบัตกิ าร
วสั ดุ ครุภณั ฑ์ แหลง่ เรยี นรู้ วสั ดุ ครภุ ัณฑ์ แหลง่ เรยี นรู้
คณุ คา่ - มาตรฐานผู้สำเร็จการศกึ ษา - มาตรฐานผู้สำเร็จการศกึ ษา - ตอบสนองความตอ้ งการของ
(VP) - ความพงึ พอใจของผมู้ สี ่วนได้ - ความพึงพอใจของผ้มู สี ่วนได้ ตลาดแรงงาน
ส่วนเสีย ส่วนเสยี
- การเพ่ิมปรมิ าณผเู้ รียน - การเพิ่มปริมาณผู้เรียน
- ภาพลักษณท์ ี่ดี - ภาพลักษณ์ท่ีดี
35
ตารางท่ี 3.3 แสดงการวิเคราะห์ความสมั พันธด์ ว้ ย SABER และ Business Model Canvas ของสถานศกึ ษา
ฝึกประสบการณ์ในรปู แบบ Credit Bank (ต่อ)
CANVAS เพิ่มประสิทธิภาพการบรหิ าร พฒั นาศกั ยภาพและความ การสร้างความเชื่อมน่ั ดา้ น
SABER จัดการระบบธนาคารหนว่ ยกิต พร้อมของสถานศึกษาในการ คุณภาพและมาตรฐานการ
จัดการระบบธนาคารหน่วยกิต จัดการระบบธนาคารหน่วยกิต
ลูกคา้ - ผ้วู า่ งงาน ผูไ้ ม่สำเร็จการศึกษา - ฝ่ายบรหิ าร ครแู ละบุคลากร - ผ้เู รยี น
(CS) ตามหลกั สูตร กลุ่มเปราะบาง ทางการศึกษา - แรงงาน (work force)
ผู้ต้องการคุณวุฒิเพิม่ เติม - ผ้ปู ระกอบการ
ช่องทาง - ศกึ ษาดงู าน - Innovation - Online
(CH) - Benchmarking - Meeting - Onsite
- PLC - แพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั
- ศกึ ษาดงู าน
ความสัมพนั ธ์ - ประชมุ อบรม สัมมนา - PLC - ความพึงพอใจของ
กับลกู ค้า กจิ กรรมกลุ่ม PLC - Application ตลาดแรงงาน
(CR) Application Social media - Social media
โครงสร้างต้นทนุ - ค่าบรหิ ารจดั การ - ค่าบรหิ ารจัดการ - ค่าบรหิ ารจัดการ
(CS)
รายได้ - รายไดข้ องสถานศึกษา
(RS)
การจัดการเรียนรู้ (Learning Delivery)
CANVAS จดั ระบบและช่องทางการ สรา้ งโอกาสทางการศกึ ษา รบั รองผลการเรียนรู้จาก
เรียนรทู้ ่ีหลากหลาย และต่อยอดด้วยระบบ สมรรถนะผูเ้ รยี นดว้ ยระบบ
SABER ธนาคารหน่วยกิต ธนาคารหน่วยกิตที่สอดคล้อง
พนั ธมิตรหลกั
- สถานประกอบการ - สถานประกอบการ กบั ความต้องการ
(KP) - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ. - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ. - สถานประกอบการ
- สถาบันอุดมศึกษา - สถาบันอดุ มศึกษา - สพฐ. สช. กศน. อปท. สอศ.
- สถาบนั พฒั นาฝีมือแรงงาน - สถาบันพัฒนาฝมี ือแรงงาน - สถาบันอุดมศึกษา
- สถาบนั พฒั นาฝมี อื แรงงาน
36
ตารางท่ี 3.3 แสดงการวิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ดว้ ย SABER และ Business Model Canvas ของสถานศกึ ษา
ฝกึ ประสบการณ์ในรปู แบบ Credit Bank (ต่อ)
CANVAS จัดระบบและช่องทางการ สรา้ งโอกาสทางการศึกษา รับรองผลการเรียนรู้จาก
SABER เรยี นรู้ท่ีหลากหลาย และตอ่ ยอดดว้ ยระบบ สมรรถนะผเู้ รียนดว้ ยระบบ
ธนาคารหน่วยกิต ธนาคารหน่วยกติ ท่ีสอดคล้อง
กับความต้องการ
กจิ กรรมหลัก - สรา้ งชอ่ งทางการเรยี นรู้ - สร้างการรับรู้ - การประเมินสมรรถนะผู้เรียน
(KA) - การเทยี บโอนผลการเรียน - พัฒนาสื่อนวัตกรรมและ ตามมาตรฐาน
- เทียบโอนประสบการณ์ เทคโนโลยี - เชอื่ มโยงระหวา่ ง NQF และ
วชิ าชพี - เช่อื มโยงหลกั สตู รทกุ ระดบั สมรรถนะวิชาชพี
- การวดั ผลประเมินผล การศึกษา - รับรองผลการเรียนรดู้ ้วย
-การสะสมหนว่ ยกติ ตามระบบ - Up-Skill, Re-Skill, New-Skill มาตรฐาน
ธนาคารหน่วยกิต
ทรัพยากรหลัก - ผ้บู รหิ าร ครู หัวหนา้ งาน - ทรัพยากรบคุ คล - ทรัพยากรบคุ คล
(KR) บุคลากร - งบประมาณ - งบประมาณ
- งบประมาณ - สอ่ื นวตั กรรม - สือ่ นวตั กรรม
- ส่อื นวตั กรรม - แพลตฟอรม์ ดิจิทลั - แพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั
- หลกั สูตร - ห้องเรยี น หอ้ งปฏิบัติการ - ระบบบริหารจัดการ
- แพลตฟอร์มดจิ ทิ ัล วัสดุ ครุภัณฑ์ แหล่งเรยี นรู้ - เครื่องมือการวัดและ
- หอ้ งเรยี น ห้องปฏบิ ตั ิการ วัสดุ - สง่ิ อำนวยความสะดวก ประเมินผล
ครุภณั ฑ์ - สิง่ อำนวยความสะดวก
- แหล่งเรียนรู้
คุณคา่ - ลดระยะเวลาเรียนรู้ -โอกาสการเข้าถงึ ระบบ -ผเู้ รียนมีสมรรถนะท่ีสอดคล้อง
(VP) - ลดค่าใช้จา่ ย การศกึ ษา กับความต้องการ
- เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ -คุณภาพชีวติ ท่ดี ี -เพิ่มปรมิ าณกำลงั คนด้าน
- คุณภาพชีวิตทด่ี ีขนึ้ -สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ อาชีวศกึ ษา
-ตอ่ ยอดองค์ความรู้ตามความ -ผลตอบแทนที่สูงข้ึน
ตอ้ งการ
ลกู คา้ -ผเู้ รียนในระบบ นอกระบบ -ผู้เรียนในระบบ นอกระบบ -ผูเ้ รยี นในระบบ นอกระบบ
(CS) ตามอธั ยาศยั ตามอัธยาศัย ตามอัธยาศยั
-สถานประกอบการ -สถานประกอบการ -สถานประกอบการ
-ผู้เรียนที่ตอ้ งการกลับเข้าสู่ -ผเู้ รยี นทีต่ อ้ งการกลับเขา้ สู่ -ผู้เรียนที่ตอ้ งการกลับเข้าสู่
ระบบการศกึ ษา ระบบการศกึ ษา ระบบการศึกษา
37
ตารางที่ 3.3 แสดงการวิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ดว้ ย SABER และ Business Model Canvas ของสถานศึกษา
ฝึกประสบการณ์ในรปู แบบ Credit Bank (ต่อ)
CANVAS จัดระบบและช่องทางการ สร้างโอกาสทางการศกึ ษา รบั รองผลการเรียนร้จู าก
SABER เรียนร้ทู ห่ี ลากหลาย และตอ่ ยอดด้วยระบบ สมรรถนะผูเ้ รยี นดว้ ยระบบ
ธนาคารหน่วยกิต ธนาคารหนว่ ยกติ ที่สอดคล้อง
ชอ่ งทาง - Online / Onsite
(CH) - OnHand /On Demand - Online / Onsite กบั ความต้องการ
- แพลตฟอร์มการเรยี นรู้ - OnHand /On Demand - Online
- Application/Social Media - แพลตฟอรม์ การเรยี นรู้ - Onsite
- Application/Social - แพลตฟอรม์ การเรยี นรู้
ความสัมพันธ์ - กจิ กรรมกล่มุ PLC Media - e-Port Folio
กับลูกคา้ - ระบบดแู ลผูเ้ รยี น - แลกเปลย่ี นรู้ - Port Folio
(CR) - แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ - ตลาดนัดอาชพี - ทดสอบ
- คา่ วสั ดุ ครุภณั ฑ์ - พาน้องกลบั มาเรียน - ประเมนิ
โครงสร้างต้นทุน - คา่ ตอบแทน - คา่ วสั ดุ ครุภณั ฑ์ - สัมภาษณ์
(CS) - คา่ ดำเนนิ งาน - คา่ ตอบแทน - คา่ วสั ดุ ครุภณั ฑ์
- รายไดจ้ ากการลงทะเบียน - คา่ ดำเนินงาน - คา่ ตอบแทน
รายได้ (RS) - รายไดจ้ ากการลงทะเบยี น - ค่าดำเนินงาน
- รายไดจ้ ากการลงทะเบียน
2. บทเรียนความสำเรจ็ ในการบริหารจัดการสถานศกึ ษาดว้ ยเทคนคิ และกระบวนการของ POSDCoRB
ตารางท่ี 3.4 แสดงบทเรียนความสำเร็จในการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาด้วยเทคนิคและกระบวนการของ
POSDCoRB
กรอบการดำเนินงาน ปจั จยั ความสำเร็จทสี่ ำคัญ (Key Success Factors)
การวางแผน 1. มีการวางแผนการทำงานแบบมีส่วนรว่ ม
P-Planning 2. จัดทำแผนแบบบรู ณาการกับหน่วยงานทีเ่ ก่ยี วข้องทุกภาคส่วนทีม่ เี ป้าหมายอยา่ งชัดเจน (SDGs)
3. มแี ผนพัฒนาสถานศึกษาระยะ 5 ปี
4. มีแผนปฏิบตั ริ าชการประจำปี
5. มกี ารดำเนนิ การตามแผน
6. มีการกำกับติดตามแผนงาน
การจดั องคก์ ร 1. จัดทำโครงสรา้ งการบรหิ ารจดั การตามสายบังคับบญั ชา
O-Organizing 2. แตง่ ตง้ั คณะกรรมการดำเนินงาน บทบาทหนา้ ที่ในการปฏบิ ัตงิ าน
3. แต่งตง้ั คณะกรรมการดำเนินงานตามโครงสร้างของระบบธนาคารหนว่ ยกิต
4. กำหนดอัตราบุคลากรเหมาะสมกับโครงสร้าง
38
ตารางท่ี 3.4 แสดงบทเรียนความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานศึกษาดว้ ยเทคนิคและกระบวนการของ
POSDCoRB (ต่อ)
กรอบการดำเนนิ งาน ปัจจัยความสำเร็จทสี่ ำคัญ (Key Success Factors)
การจดั บุคคล 1. เสริมสรา้ งศักยภาพทมี งานของสถานศึกษาเพอื่ สรา้ งความเชื่อม่ันการทำงาน
S-Staffing 2. การมอบหมายงานท่ีเหมาะสมกับความสามารถบุคคล (Put the right man on the right job)
3. สรา้ งวฒั นธรรมองคก์ รทำงานเป็นทมี (Teamwork) และมสี ว่ นรว่ ม
4. มีการจดั ทำรายละเอียดหน้าที่ความรับผดิ ชอบ (Job Description) ชดั เจน
5. การพัฒนาผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรให้มีทักษะดา้ นเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั (Digital Literacy)
6. สร้างขวญั และกำลงั ใจ
การอำนวยการ 1. ผ้อู ำนวยการสถานศึกษามีวสิ ยั ทศั น์และภาวะผู้นำทางวชิ าการ
การส่งั การ 2. การบริหารดว้ ยหลกั ธรรมาภบิ าล และยึดหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency
D-Directing Economy)
3. สรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธ์ทีด่ ีกับครู บคุ ลากร ชุมชน สถานประกอบการ และเครือขา่ ย
4. การตดั สนิ ใจโดยใชข้ อ้ มูลสารสนเทศเปน็ ฐาน
5. การมปี ฏิสมั พันธ์และการส่ือสารองคก์ รแบบ 360 องศา
การประสานงาน 1. ประสานความรว่ มมือเชงิ พ้ืนทีก่ ับเครือข่ายทกุ ภาคสว่ นเพื่อสรา้ งการรับรู้
CO-Coordinating 2. บันทกึ ข้อตกลงความรว่ มมือ (MOU)
3. พฒั นากลไกเชิงพื้นทเี่ พ่ือขับเคลื่อนระบบธนาคารหนว่ ยกติ สู่การปฏบิ ตั ิเพอ่ื เช่ือมโยงทุกระบบ
การศกึ ษา
4. จัดตง้ั ศนู ย์ธนาคารสะสมหนว่ ยกิต เพ่ือเป็นศูนยร์ วบรวมข้อมูลระหวา่ งสงั กดั
5. จดั ระบบส่ือสารเพื่อสรา้ งความเข้าใจในการประสานงาน โดยการจัดประชุมเพ่ือช้แี จง
แนวทางในการปฏบิ ตั ิงานอย่างสมำ่ เสมอ
การรายงาน 1. มกี ารรายงานผลการปฏบิ ตั ิงานตามลำดับชน้ั เพื่อให้ทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนนิ งาน
R-Reporting 2. ใชร้ ะบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการรายงานข้อมลู และผลการดำเนนิ งาน
3. ประชาสัมพนั ธก์ ารดำเนนิ งานผา่ นสือ่ Social Network
งบประมาณ 1. ระดมทรัพยากรงบประมาณมาใช้ในการบรหิ ารงานจากหลายภาคสว่ น
B-Budgeting 2. มกี ารบรหิ ารงบประมาณโดยการมสี ่วนรว่ มและบรู ณาการรว่ มกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่
3. มีกระบวนการจัดทำแผนงานงบประมาณรปู แบบคณะกรรมการ และแตง่ ตง้ั ผู้รบั ผิดชอบชัดเจน
4. การควบคุม กำกบั ติดตาม ตรวจสอบการใชจ้ ่ายเงินและการจัดทำบัญชีอย่างมีคุณภาพ
39
แผนภาพที่ 3.1 แสดง Credit Bank System Implementation Journey Mapping
40
สว่ นท่ี 4
รปู แบบการพัฒนาสถานศกึ ษา และ
แนวทางการขับเคลื่อนสูค่ วามสำเร็จในสถานศกึ ษาอาชีวศกึ ษา
การจัดการศึกษาในยุคศตวรรษที่ 21 หรือยุคดิจิทัลต้องเริ่มคิดทบทวนการจัดการศึกษาโดยต้อง
คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเรียน การทำงาน และการดำเนินชีวิต เพื่อรองรับสภาพสั งคมได้อย่าง
เหมาะสม การบริหารสถานศึกษาแบบ 360 องศา อาจเปน็ ไปในทิศทาง ดังนี้ 1) การเปล่ยี นรูปของการศึกษา
(Educational Transformation) ขับเคลื่อนการเรียนรู้ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ไม่โดดเดี่ยว โดยการ
สร้างความสัมพันธ์กับสังคม องค์กรต่าง ๆ ภายนอกในรูปแบบความร่วมมือใหม่ ๆ 2) การดำรงอยู่ของ
สถานศึกษา (School Stability) ยังคงมคี วามจำเป็นในการเจอพบปะเพื่อนฝงู การรบั ฟงั การเรยี นในหอ้ งเรยี น
การจัดกลุม่ ทำกจิ กรรมต่าง ๆ ก็ยังคงเปน็ ส่วนหน่ึงของการเรียนรู้ แตค่ วรเพิม่ แนวทางในการพัฒนาสมองและ
สร้างสรรค์ปรับแต่งการเรียนรู้ได้ตามความต้องการมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับครูอาจารย์ในเรื่องความรู้
เพื่อให้เกิดการคิดเชิงวิพากษ์และแก้ปัญหาที่ซับซ้อน โดยครูต้องพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ให้คำชี้แนะมากข้ึน
กว่าเดิม 3) การตอบสนองความก้าวหน้าของเทคโนโลยี (Technology Advancement) เป็นการให้ครูได้เข้าถึง
เทคโนโลยีจากอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยช่วยให้เด็กสามารถสืบเสาะค้นคว้าหาข้อมูลที่รวดเร็ว 4) การสร้าง
สถานการณ์จำลอง (Simulation) เป็นการเสริมบทเรียนในวิชาที่ผู้เรียนสนใจเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้ประสบการณ์ตรง สามารถนำแนวคิดจากทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติโดยผ่านการจัดกิจกรรม
โครงงาน การประกวด โดยกำหนดกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จหากประสบผลอาจสร้างแบรนด์เป็นของ
ตนเอง ชุมชน หรือโรงเรียนได้ในอนาคต การสร้างสถานการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทดสอบแนวคิด
กับสถานการณ์จริงที่ผู้เรียนควรได้รับ 5) การจัดการเรียนการสอน (Instruction) ควรนำเนื้อหาที่สอนวางเอาไว้
บนเครือข่ายออนไลน์เพื่อให้คนอื่นได้เข้าถึงฟรีแบบ Massive Open Online (MOOCs) และอาจร่วมกับ
บรรดาครูด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้พัฒนาเนื้อหาใหม่ ๆ ขึ้นมาเป็นสถานศึกษาหนึ่งในเครือข่ายสังคม
ออนไลน์ที่นักเรียนและสถาบันการศึกษาอื่นได้เข้ามาเรียนรู้ โดยเปลี่ยนแนวคิดที่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่สร้าง
ความได้เปรียบของสถาบันให้กลายเป็นผู้นำในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านโลกออนไลน์ที่ทุกคนเข้าถึง
สามารถเรียนรู้ได้ทุกทีและทุกเวลา และ 6) การเรียนรู้โลกแห่งดิจิทัล (World Digital Learning) เป็นการสร้าง
องค์การความรู้ผ่านลงไปในเครือข่ายออนไลน์ที่เกิดจากการสร้างเนื้อหาร่วมกันแบ่งปันความรู้ปรับปรุง และ
ขยายเนื้อหาเป็นนวัตกรรมเนื้อหาการสอนแล้วแบ่งปันไปทั่วโลกแล้วฝึกฝนเด็กรุ่นใหม่ให้รู้จักค้นคว้าและ
ทำงานร่วมกันผ่านเครือข่ายทั่วโลก แนวคิดนวัตกรรมทางการบริหารการศึกษาแบบ 360 องศา จึงต้องเน้น
การจัดการเรียนรู้เพื่อใหเ้ กิดกระบวนการเรียนทีเ่ กิดจากผู้เรียน โดยผู้สอนต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเอง
ให้ทำหน้าที่เป็นผู้สอนงานและพี่เลี้ยง (Coaching and Mentoring) เน้นการมีส่วนร่วม (Developmental
Partnership) ของผ้เู รียนและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ซงึ่ สอดคลอ้ งกับการจดั การศึกษาให้สอดคล้องกับ
วิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) สู่วิถีชีวิตอนาคต (Next Normal) ที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต
และวิธีการเรียนรู้สู่การเรียนรู้ด้วยตนเอง การพัฒนาอาชีพด้วยช่องทางที่หลากหลายเพื่อพัฒนาทักษะตามความ
สนใจความถนัดและเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ ทั้งนี้การจัดการศึกษาด้วยธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank)
41
เป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาส
ทางการศึกษาของประชาชน เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคทำงานและเพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานของ
แรงงานในยุคท่ีเทคโนโลยเี ขา้ มาแทนท่ภี าคแรงงาน
จากการศึกษาแนวทางการขับเคลื่อนเชื่อมโยงอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยระบบธนาคาร
หนว่ ยกิต (Vocational Credit Bank) สูค่ วามสำเร็จในสถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา มีวตั ถุประสงค์ 3 ประการ คอื
1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และถอดบทเรียนแนวทางขับเคลื่อนการเชื่อมโยงอาชีวศึกษา
ในระบบและนอกระบบด้วยธนาคารหน่วยกิต (Vocational Credit Bank) ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหน่วยงานอืน่ ทงั้ ในประเทศไทยและต่างประเทศ
2) เพอ่ื นำเสนอรปู แบบการพัฒนาสถานศึกษากลยุทธแ์ ละแนวทางขับเคล่ือนการเชื่อมโยงอาชีวศึกษา
ในระบบและนอกระบบดว้ ยธนาคารหน่วยกติ (Vocational Credit Bank) ท่มี คี ณุ ภาพ
3) เพอ่ื นำเสนอขอ้ เสนอเชิงนโยบายในการขบั เคล่ือนการเช่ือมโยงอาชวี ศึกษาในระบบและนอกระบบ
ด้วยระบบธนาคารหนว่ ยกติ (Vocational Credit Bank) ยกระดบั คณุ ภาพการจดั การอาชวี ศกึ ษา
การศึกษารายละเอียดเชิงคุณภาพจากข้อมูลเอกสาร (Documentary Study) กรอบนโยบาย
ทศิ ทางหลกั การทีม่ ีความเก่ียวข้องกับการจดั การระบบธนาคารหน่วยกติ ทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ โดยใช้
กรอบแนวคิดเรื่องระบบการมุ่งเน้นคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น SABER - System Approach for better
Education Results ) เป็นกรอบในการเก็บข้อมูล การศึกษาสภาพปัจจุบันด้านปริมาณและคุณภาพด้าน
จุดแข็ง (Strength) จดุ ออ่ น (Weakness) โอกาส (Opportunity) และอปุ สรรค (Threats) เปน็ ขอ้ มูลสำคญั ที่
ทุกภาคส่วนต้องหนุนเสริมให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นและการธำรงรักษา ในการกำหนดกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนระบบ
ธนาคารหน่วยกิต รวมทั้งการถอดบทเรียนความสำเร็จของการดำเนินงานจัดการศึกษาด้วยระบบธนาคารหน่วยกิต
ในด้านปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญ (Key Success Factors) การสังเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการ
ขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) โดยประยุกต์ใช้เครื่องมือในการวางแผนธุรกิจ (Business
Model Canvas) ผลจากการศึกษาดังกล่าว จึงเสนอรูปแบบการพัฒนาสถานศึกษาและแนวทาง
การขับเคลื่อนเชื่อมโยงการอาชีวศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank)
สคู่ วามสำเรจ็ ในสถานศึกษาอาชีวศึกษา มีรายละเอยี ด ดังนี้
1. รปู แบบการพัฒนาสถานศึกษา (Model of College Development)
รูปแบบการพัฒนาสถานศึกษาด้วย PANGHEIs Model พังเหยหรือผังเหย (PANGHEIs) ภาษาใต้
หมายถึง รู หรือ ช่องใช้ระบายอากาศ หรือใช้เป็นทางหนีฉุกเฉิน คำนี้มักใช้อธิบายลักษณะรูที่อาศัยของสัตว์
ที่มีทางออกหลายทาง เช่น รูแย้ ซึ่งสัมพันธ์กับแนวคิดการบริหารงานของคุณธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์
นายกเทศมนตรีเทศบาลเมอื งปากพูน อ.เมอื ง จ.นครศรธี รรมราช ไดก้ ล่าวกบั ผเู้ ขา้ รับการพัฒนาฯ ณ วทิ ยาลัย
สารพดั ช่างนครศรีธรรมราช “ผมใช้ทฤษฎีพังเหย (Phang Hoei Theory) พังเหย เปน็ ภาษาใต้ หมายถึง รูแย้
ที่มีทางออกหลาย ๆ ทางไว้หลบหลีกศัตรู เขามาช่องนั้น ผมก็หลบออกรูนี้ เขามารูนี้ ผมก็ออกช่องโน้น หารู
ออกไม่ได้ ผมก็ขุดรูใหม่ไปจนได้แหละ” สรุปความได้ว่า นักบริหารการศึกษาสมัยใหม่ภายใต้ข้อจำกัด และ