1. เพื่อศกึ ษาสายพันธุ์และววิ ัฒนาการของส่งิ มีชวี ิต
2. เพื่อสะดวกในการคน้ หา กลา่ วถึง อา้ งองิ และศกึ ษาสิง่ มีชีวติ
3. เพอ่ื นาไปใช้ประโยชน์และศกึ ษาถึงการปอ้ งกันรักษาเมื่อเกิดพษิ ภัย
4. เพ่ือใหส้ ิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในโลกนี้ มชี ือ่ เปน็ สากล และเป็นที่ยอมรบั ได้
เหมือนกนั หมดทว่ั โลก
5. เพ่อื ทดลอง วจิ ัย และปรับปรงุ สง่ิ มีชีวติ ให้เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมทอ่ี าจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
ส่วนใหญย่ ดึ ลักษณะสาคัญตามธรรมชาติของสิง่ มชี ีวติ เปน็ เกณฑ์
1. ลักษณะโครงสร้างทางกายวภิ าคศาสตรท์ ั้งภายนอกและภายในของ
สงิ่ มชี ีวิต
2. ความคลา้ ยคลงึ ของการเจรญิ เติบโตในระยะตวั ออ่ น
3. ความสมั พันธท์ างสายวิวัฒนาการ
4. สว่ นประกอบของสารพันธุกรรม หรือองคป์ ระกอบทางชีวเคมี
มีกฎเกณฑท์ ีใ่ ชใ้ นการตง้ั ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ของส่ิงมชี ีวติ ดงั นี้
1. ชอ่ื พืชและชอื่ สัตว์จะตอ้ งตง้ั ช่อื แยกกนั
2. ช่อื วิทยาศาสตรข์ องสงิ่ มชี วี ิต ต้องเป็นภาษาลาตนิ เสมอหรือภาษาอ่ืนเปล่ียนมาเปน็
ภาษาลาตนิ
3. ชือ่ วทิ ยาศาสตรข์ องสง่ิ มชี ีวิตแต่ละหมวดหมู่ จะมีชอ่ื ที่ถกู ตอ้ งท่สี ุดเพียงชื่อเดียวเท่าน้ัน
4. ช่อื วทิ ยาศาสตร์ท่ีเขยี นจะซ้ากบั ของลนิ เนียสทเ่ี ขียนไว้ในหนงั สือ Systema naturae
เมือ่ ปี ค.ศ. 1758 ไม่ได้
5. ผู้ต้งั ชื่อวิทยาศาสตร์ ตอ้ งเปน็ ผพู้ บคนแรก และตพี ิมพร์ ายงานไวใ้ นหนังสอื วชิ าการ
ท่ีเช่ือถอื ได้
6. การเขียนชื่อในลาดบั สกลุ (Genus) ต้องเขียนขึน้ ต้นดว้ ยตวั อักษรตวั ใหญแ่ ละเอนหรือ
ขีดเสน้ ใตช้ ื่อ แล้วจงึ ตามด้วยอกั ษรตัวเลก็ เสมอ ช่ือสกุลจะเขียนซ้ากันไมไ่ ด้
7. การเขยี นชอ่ื ในลาดับชนดิ (Species) ตอ้ งเขียนดว้ ยอกั ษรตวั เล็กเปน็ คาเดยี วหรอื
คาผสมทเ่ี ปน็ คาคณุ ศพั ทบ์ ง่ บอกลักษณะเดน่ เชน่ สี ถิ่นกาเนิด รูปพรรณสัณฐาน
บุคคลผู้ค้นพบ หรอื ใหเ้ กยี รติแกผ่ ตู้ ัง้ ช่ือ
8. ช่ือหมวดหมู่ของส่ิงมีชวี ติ ทุกข้นั ลาดับ ตั้งแต่ชือ่ วงศ์ (Family) ลงไปต้องมตี วั อย่าง
ต้นแบบของสิ่งมีชีวติ นน้ั ประกอบการพิจารณา ในสัตว์วงศ์จะต้องลงทายดว้ ย –idea
โดยตัวหน้าตดั แปลงมาจากชื่อสกุล (Genus)
9. ชอ่ื ผู้ต้ังช่ือวทิ ยาศาสตรข์ องส่งิ มีชีวติ น้ัน ๆ ใหเ้ ขยี นตามหลังช่ือวิทยาศาสตร์ด้วยอักษร
ธรรมดา ขึน้ ตน้ ด้วยอักษรใหญ่
10. ชอื่ วิทยาศาสตรต์ ามระบบ Trinominal nomenclature มีช่ือประกอบด้วย 3
คาซง่ึ ระบบนจ้ี ะแสดงถึงระดบั Subspecies หรอื Variety
วิตตาเกอร์ (R.H.whittaker) ไดเ้ สนอการแบง่ อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตออกเปน็ 5 อาณาจักร
1. อาณาจักรโมเนอรา (Kingdom Monera) ตัวอย่างสงิ่ มชี วี ิตทอี่ ยู่ในอาณาจักรนี้ คอื แบคทเี รยี
สาหร่ายสเี ขียวแกมน้าเงนิ (Blue - Green algae)
2. อาณาจกั รโปรตสิ ตา (Kingdom Protista) ตัวอยา่ งสิ่งมีชีวติ ท่อี ยูใ่ นอาณาจกั รน้ี คือ สตั ว์เซลล์
สาหรา่ ยทไ่ี ม่ใชส่ าหรา่ ยสเี ขยี วแกมนา้ เงนิ โปรโตซวั พวกพาราไซต์
3. อาณาจกั รฟังไจ (Kingdom Fungi) ตวั อยา่ งสง่ิ มีชีวติ ทอ่ี าศัยอย่ใู นอาณาจกั รนี้ คอื พวกเหด็
และราตา่ ง ๆ
4. อาณาจักรพืช (Kingdom Metaphyta หรือ Plantae) ตวั อย่างของส่ิงมีชวี ติ ในอาณาจักรน้ี
คอื มอส (Moss) ตะไครเ่ ทียม (Liver wort) และพชื ชัน้ สงู ท่มี ีท่อลาเลยี ง (Vascular plant)
5. อาณาจักรสตั ว์ (Kingdom Metazoa หรอื Animalia) สงิ่ มีชีวติ ในอาณาจกั รนี้ ได้แก่ ฟองน้า
ไฮดรา พลานาเรยี หนอนตวั กลม ไสเ้ ดอื นดนิ หอย แมลงปลาดาว ตลอดจนสัตวม์ กี ระดกู สนั หลัง
ชั้นสงู อ่นื ๆ
- เปน็ สิ่งมชี ีวิตเซลลเ์ ดยี วที่มโี ครงสรา้ งเซลลแ์ บบโพรคารโิ อต (prokaryotic cell)
ในขณะท่ีสงิ่ มชี วี ติ อื่นๆทุกอาณาจักรมโี ครงสร้างเซลล์แบบยูคารโี อต (eukaryotic
cell)
- ไมม่ อี อรแ์ กเนลล์ชนิดมเี ยอ่ื ห้มุ เช่น ร่างแหเอนโดพลาสซมึ กอลจคิ อมเพลกซ์
ไลโซโซม คลอโรพลาสต์ มีเฉพาะออรแ์ กเนลล์ท่ีไมม่ เี ยอื่ หุ้ม คอื ไรโบโซม
1. Phylum Schizophyta
ได้แก่ แบคทเี รยี
ลักษณะของสง่ิ มชี วี ติ ในไฟลมั ซโิ ซไฟดา คือ
1. มเี ซลล์ขนาดเล็ก
2. ลักษณะรูปร่าง มี 3 ลกั ษณะ คือ
2.1 รูปร่างกลม เรียกว่า coccus (coccus = เอกพจน์ cocci = พหูพจน์)
2.2 รูปร่างแบบแทง่ ยาว เรยี กวา่ bacillus (bacillus = เอกพจน์ bacilli
= พหูพจน์)
2.3 รปู รา่ ง เกลียว เรียกวา่ spirillum (spirillum = เอกพจน์ spirillum
= พหูพจน์)
3. เซลลร์ ูปร่างต่าง ๆ มกี ารเรียงตวั ทาให้เกดิ ลักษณะเฉพาะ เช่น
แบคทีเรยี ท่มี รี ูปร่างทรงกลม มกี ารเรยี งตัวหลายแบบ
- เซลลท์ รงกลม 2 เซลลเ์ รยี งต่อกัน เรียกว่า diplococci
- เซลล์หลายเซลล์เรียงต่อกนั เป็นลูกโซ่ เรียกว่า streptococci
- เซลลห์ ลายเซลล์เรียงกันเปน็ กลมุ่ กอ้ นคล้ายพวงองุ่น
เรียกวา่ staphylococci
- เซลล์ 8 เซลล์ เรียงเป็นลกู บาศก์ เรียกวา่ sarcina
ประโยชนข์ องแบคทีเรยี
1. ด้านอตุ สาหกรรม เชน่ การผลิตอาหารหมัก ใช้ฟอกหนัง
2. ด้านการเกษตร เช่นใช้เป็นปยุ๋
3. การทดสอบคุณภาพนา้
4. ทางด้านการแพทย์ เช่นการผลิตยาปฏชิ ีวนะ
5. ใช้ในเทคโนโลยีชวี ภาพ โดยใชเ้ ทคนิคทางพันธวุ ิศวกรรมสร้างแบคทเี รีย
ที่มลี กั ษณะตา่ ง ๆ
6. ชว่ ยย่อยสลายซากสงิ่ มชี วี ติ ให้เป็นอาหารของพืช
โทษของแบคทเี รยี
1. ผลิตสารพษิ ที่เป็นอันตราย
2. ทาให้เกดิ โรคตา่ งๆ ใน คน เชน่ ไทฟอยด์ อหวิ าตกโรค ปอดบวม วัณโรค
คอตบี สตั ว์ เชน่ แอนแทรกซ์ บาดทะยกั และพชื เช่น โรครากเน่า
โรคใบไมข้ องสาล่ี
การตรึงไนโตรเจน
(Nitrogen fixsion)
พชื ตระกลู ถัว่ จะมีความสามารถในการตรงึ ไนโตรเจนไดด้ ีกวา่ พชื
ตระกลู อืน่ เนื่องจากมแี บคทเี รีย ไรโซเบยี ม (Rhizobium sp.)
อาศัยอยู่
กลุม่ นเ้ี ปน็ ปรสติ ในเซลล์สัตว์ทาให้เกิดโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์
เช่น โรคโกโนเรยี หรอื หนองใน เปน็ ต้น
กลุม่ น้ีมรี ูปทรงเกลียว ดารงชีวติ แบบอสิ ระ แต่บางสปชี สี ์เปน็
สาเหตุของโรคซฟิ ิลสิ โรคฉ่ีหนู (เลป็ โตสไปโรซสี )
เล็บโตสไปร่า อนิ เทอโรแกนส์ (Leptospira interrogans)
Steptomyces sp.ใชท้ ายาปฏชิ วี นะ เชน่ ยาสเตร็บโตมยั ซิน
ยาเตตราไซคลิน เปน็ ตน้
Bacillus sp. สามารถสรา้ งเอนโดสปอร์ (endospore) ทาให้
ทนทานตอ่ สภาพแวดล้อมทีไ่ มเ่ หมาะสมไดด้ ี บางชนดิ เป็นสาเหตุ
ทาให้เกดิ โรคแอนแทรกซ์
Lactobacillus sp. เป็นพวกผลิตกรดแลกตกิ ได้ เชน่ จึงนามาใช้
ในอตุ สาหกรรมอาหาร ไดแ้ ก่ การทาเนย ผกั ดองและโยเกิร์ต
Lactobacillus bulgaricus.
แบคทีเรยี ที่ใชท้ าโยเกิร์ต
ไมโคพลาสมา (mycoplasma) เปน็ เซลล์ทไี่ ม่มผี นังเซลลม์ ีเพียง
เย่ือหมุ้ เซลลท์ ป่ี ระกอบด้วยชน้ั ของไขมัน ส่วนใหญ่ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ
อนั ตรายต่อสิ่งมชี วี ิตอน่ื แตม่ บี างพวกทาให้เกดิ โรคปอดบวมใน
คนและวัว
2. Phylum Cyanophyta
ได้แก่ สาหรา่ ยสีเขียวแกมน้าเงิน (Blue-green algae) ปัจจุบันเรยี กช่อื ใหมว่ า่
Cyanobacteria
ลกั ษณะของส่งิ มชี วี ิตในไฟลมั ไซยาโนไฟตา คอื
1. ไม่มเี ย่อื หุ้มนิวเคลยี ส เป็นเซลล์พวกโปรคารีโอต ไม่มี flagella
2. มี chlorophyll phycocyanin phycorythin กระจายในเซลล์
แต่ไมไ่ ดร้ วมเป็น chloroplast
3. ผนังเซลล์เปน็ cellulose และ pectin
4. มีขนาดเล็ก อาจอยู่ในลักษณะ
4.1 เซลลเ์ ด่ียว หรือเซลลก์ ลุ่ม เช่น Gloeocapsa , Chroococcus และ
Eucapsis
4.2 เซลล์ทจ่ี ัดเรียงเป็นสาย เช่น Anabaena , Oscillatoria และ Spirulina
การสบื พันธุ์ของ Cyanocacteria
1. การแบง่ ตวั Binary fission.
2. การหักเปน็ ทอ่ น (fragmentation) พบในพวกที่เป็นสาย
3. สร้างสปอรห์ รือสรา้ งเซลลพ์ เิ ศษ เช่น akinete
ประโยชน์
- เปน็ ผ้ผู ลติ อาหาร และ O2
- Spirulina หรือเกลยี วทอง มี protein สงู ใช้ทาอาหารเสริมคนและสัตว์
- Nostoc Anabaena Oscillatori สามารถเพม่ิ ความตรึง N ทาเป็นปุย๋ ในดิน
เช่น แหนแดง (Azolla) ซึง่ Anabaena อยู่ชอ่ งวา่ งกลางใบ
แอนาบีนา (Anabaena) นอสตอก (Nostoc) และออซิลลาทอเรีย
(Oscillatoria) สามารถตรึงแก๊สไนโตรเจนในอากาศ
ให้เปน็ สารประกอบไนเตรต
Anabaena Nostoc
Oscillatoria
สาหรา่ ยเกลยี วทอง คือ สไปรูไลนา พลาเทนสสิ (Spirulina
platensis) จดั เป็นแบคทเี รียในกลุม่ ที่ เรียกว่า ไซยาโนแบคทเี รยี
Spirulina platensis Spirulina platensis. Powder
สาหร่ายเกลียวทองเป็นสาหรา่ ยทม่ี โี ปรตนี สงู ถงึ รอ้ ยละ
60-70 เม่อื เปรียบเทียบกบั พืชชนิดอ่นื ๆ เช่น ถั่วเหลอื ง
และยังพบวา่ โปรตีนของสาหรา่ ยเกลียวทองมปี รมิ าณสงู กว่า
เน้อื สัตว์
สาหรา่ ยเกลียวทองมีวติ ามินหลายชนิด เช่น วติ ามนิ บี
1,2,3 และ 12 วติ ามินซี วติ ามินอี และเบตาแคโรทนี และยงั
ประกอบไปด้วยกรดแกมมาลิโนเลนกิ (GLA) แหลง่ ของโอเมกา 3
(Omega 3)
1. รา่ งกายประกอบด้วยโครงสรา้ งง่าย ๆ ไมซ่ ับซอ้ น ประกอบดว้ ยเซลลเ์ ดยี ว
(unicellular) บางชนดิ มหี ลายเซลล์รวมกันเป็นกล่มุ เรียกว่า โคโลนี (colony)
หรือเป็นสายยาว (filament) แตย่ งั ไม่ทาหน้าทีร่ ว่ มกันเป็นเนื้อเย่อื (tissue)
หรืออวัยวะ (organ) แตล่ ะเซลล์สามารถทาหน้าทข่ี องความเป็นสง่ิ มีชวี ิตไดค้ รบถ้วน
อยา่ งอสิ ระ
2. ไม่มรี ะยะตัวอ่อน (Embryo) ซ่งึ ต่างจากพชื และสตั ว์ทมี่ รี ะยะตวั อ่อนกอ่ นที่จะ
เจริญเตบิ โตเป็นตวั เต็มวัย
3. การดารงชพี มที ัง้ ชนิดทเ่ี ป็นผูผ้ ลิต (Autotroph) เพราะมคี ลอโรฟลิ ล์
เป็นผู้บรโิ ภค (Consumer) และเปน็ ผยู้ ่อยสลายอินทรยี ์สาร (Decomposer)
4. โครงสร้างของเซลลเ์ ป็นแบบยูคารโิ อตกิ (Eucaryotic) ซ่ึงมเี ยือ่ หุ้มนวิ เคลยี ส
ได้แก่ โพรโทซัว เห็ด รา ยสี ต์ ราเมือก สาหรา่ ยตา่ ง ๆ
5. การเคลื่อนท่ี บางชนิดเคลื่อนทไี่ ด้โดยใช้ ซีเลยี (cilia) แฟลกเจลลมั
(flagellum) หรอื ซโู ดโปเดียม (Pseudopodium) บางชนดิ เคลอื่ นทไี่ ม่ได้
6. การสบื พนั ธ์ุ ทง้ั แบบไม่อาศยั เพศ (Asexual reproduction)
และแบบอาศยั เพศ (Sexual reproduction) แบบอาศยั เพศมที ้งั
ชนดิ คอนจูเกชัน (Conjugation) ซ่งึ เกิดจากเซลลส์ ืบพันธท์ุ ี่มีรปู รา่ งและขนาด
เหมอื นกนั มารวมกนั ดงั เชน่ ที่พบในพารามีเซียม ราดา เปน็ ตน้ และชนิดปฏสิ นธิ
(fertilization) ซ่ึงเกิดจากเซลล์สืบพนั ธ์ุ ท่มี ีรปู รา่ งและขนาดต่างกันมารวมกนั
ดังเชน่ ที่พบในสาหร่ายเปน็ ส่วนใหญ่ เป็นต้น
เป็นกลุม่ ของโพรทิสต์ท่ีเป็นเซลลย์ ูคารโี อตท่ยี ังไม่มี organelle คอื ไมม่ ี
mitochondria , endoplasmic reticulum , golgi complex และ
centriole เปน็ ต้น มักอยใู่ นสภาวะที่ไมม่ อี อกซเิ จน (Anaerobic
environment)
ลกั ษณะ
- มีนิวเคลยี ส 2 อันขนาดเทา่ กัน
- มี Flagella หลายเสน้
ตัวอยา่ งเชน่ Giardia intestinalis : เปน็ ปรสติ ในลาไสเ้ ล็กของคน
เปน็ กล่มุ ของโพรทสิ ต์ที่เป็นเซลลย์ คู ารโี อตท่ียงั ไมม่ ี organelle คอื ไมม่ ี
mitochondria , endoplasmic reticulum , golgi complex และ
centriole เปน็ ต้น มักอยใู่ นสภาวะทไี่ มม่ อี อกซิเจน (Anaerobic
environment)
ลกั ษณะ
- มี Flagella หลายเสน้
- มีเยอ่ื ห้มุ ลกั ษณะเป็นรอยหยกั คลา้ ยคลน่ื
ตวั อยา่ งเช่น Trichomonas vaginalis : เปน็ ปรสติ ในช่องคลอด
Trichonympha : อาศัยอยใู่ นลาไส้ปลวกดารงชพี แบบภาวะพึง่ พากัน
3. Division Kinetoplastida
เปน็ โพรทิสต์กลุม่ ที่เคลื่อนทโ่ี ดยใช้ Flagella ซึง่ ประกอบด้วย Microtubule
เรียงกันแบบ 9+2 มีท้ังทเี่ ปน็ ผู้ผลิตผบู้ ริโภคและปรสิต
ลักษณะ
- มี Mirochondria อนั เดยี วขนาดใหญ่ ภายในมี DNA เรียกวา่ Kinetoplast
- มีท้งั พวกที่ดารงชวี ิตอิสระ และเป็นปรสติ
ตวั อย่างเช่น Trypanosoma sp.
- เกิดโรคเหงาหลับ (sleeping sickness) ในแอฟรกิ ามี African
tsetse fly เปน็ พาหะ
- โรค Chagas's disease ในอเมริกาใต้ มี Kissing bug เป็นพาหะ
4. Division Euglenophyta
ลกั ษณะ
- มี Chlorplast สามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ จึงดารงชีพเปน็ ผ้ผู ลิตเมอื่ มแี สง
- เกบ็ อาหารทส่ี ร้างไดใ้ น Paramylon granules
- เมอ่ื ไมม่ แี สงก็ดารงชพี เป็นผู้บริโภค
- มอี ายสปอต (eye spot) ในการตอบสนองตอ่ แสง
5. Division Dinoflagellata
ลกั ษณะ
- เป็น Phytoplakton ท้ังในน้าจดื และนา้ ทะเล
- ส่วนใหญอ่ ยู่เป็นเซลลเ์ ดยี ว มบี า้ งทอ่ี าศยั อย่รู วมกนั เป็น colony
- ลักษณะสาคญั คือ มีแผ่น Cellulose อยูภ่ ายใน ประกอบกนั คล้ายเกราะ
มลี วดลายสวยงามและมี Flagellum 2 เส้น
- บางชนิดมีการสะสมสารพษิ ทาให้ทะเลมสี ีแดง เกดิ ปรากฏการณข์ ี้ปลาวาฬ
(red tide) ซึ่งเป็นอันตรายต่อสัตว์น้าเปน็ จานวนมาก
- บางชนิดอาศยั ร่วมกับปะการัง โดยนา CO2 จากปะการังมาสังเคราะห์ด้วยแสง
ปรากฏการณข์ ้ปี ลาวาฬ (red tide)
6. Division Apicomplexa
ลักษณะ
- กลมุ่ นี้ทกุ ชนดิ เป็นปรสติ ในสัตว์ มีโครงสรา้ งสาหรับแทงผ่ายเซลล์โฮสต์
- ไมม่ ีโครงสร้างในการเคลอ่ื นที่ ยกเว้นในเซลลส์ ืบพันธ์ุเพศผู้
- ตวั อย่างในกล่มุ น้ี ได้แก่ พลาสโมเดยี ม (Plasmodium) ทาใหเ้ กดิ โรคมาลาเรยี
ในคนและสตั วอ์ น่ื
- malaria เปน็ โรคเขตร้อน มยี งุ ก้นปลอ้ งเปน็ พาหะ
เชื้อ Plasmodium ที่ก่อโรคในคนมี 4 ชนิด ไดแ้ ก่
- Plasmodium falciparum
- Plasmodium vivax
- Plasmodium malariae
- Plasmodium ovale
ในประเทศไทยเช้ือท่ีพบสว่ นใหญเ่ ปน็ ชนิด P.falciparum และ P.vivax
7. Division Ciliophora
ลกั ษณะ
- มขี นาดใหญ่ เคล่ือนท่ีโดยใช้ Cilia
- อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มนี า้ หรอื ความชนื้ สงู
- มกี ารสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศเรียกวา่ Conjugation
ตัวอย่างเช่น Stentor , Paramecium , Vorticella
8. Division Oomycota
ลักษณะ
- เรียกว่า Egg fungus : water mold, white rust, downy mildews
- แตกตา่ งจาก Stramenopila กลมุ่ อนื่ ๆ ตรงทไี่ ม่มีรงควตั ถุทใ่ี ชใ้ น
กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง
- มีลักษณะเป็นเสน้ ยาวๆ ทีป่ ระกอบด้วยหลายนวิ เคลยี ส
- ไมไ่ ดจ้ ัดเปน็ รา
- ส่วนใหญ่ดารงชีวิตเป็นผยู้ ่อยสลายในนา้
- มบี ้างท่เี ปน็ ปรสิตในพืช เช่น white rust (ราขาวในมันฝรงั่ )
9.Division Bacillariophyta
ลกั ษณะ
- เป็นสาหร่ายท่ีมีสารสชี นิดเดยี วกบั ทพ่ี บในสาหรา่ ยสีนา้ ตาล
- เป็นสง่ิ มีชีวิตเซลล์เดยี ว มผี นงั เซลลป์ ระกอบด้วย Silica
- ส่วนมากมกั สืบพนั ธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศ
- พบมากในแหลง่ นา้ จืดและนา้ เคม็ เป็นแหลง่ อาหารที่สาคัญของส่งิ มชี วี ติ
ในระบบนิเวศ
- ซากไดอะตอมทีต่ ายทบั ถมกันนาน ๆ เปน็ diatomaceous earth
เปน็ แหลง่ รวมของแรธ่ าตแุ ละน้ามัน ซงึ่ นามาใช้ประโยชน์ในการทา
ไส้กรองและยาขดั ตา่ ง ๆ
Diatom
10. Division Phaeophyta
ลกั ษณะ
- เป็นสาหรา่ ยท่ีมขี นาดใหญ่ และมีโครงสร้างซบั ซอ้ น
- สาหรา่ ยสีนา้ ตาล เรียกว่า Seaweed
- เกอื บทงั้ หมดอาศยั อย่ใู นทะเล มักอย่ใู นกระแสน้าเย็น
- มีความสาคัญต่อสง่ิ มีชวี ิตท่อี าศัยในน้าโดยเป็นแหลง่ อาหาร ที่อาศยั และ
ใชใ้ นการหลบภัย
- มสี ารสนี า้ ตาล เรยี กวา่ ฟวิ โคแซนทนิ
- เรียกโครงสร้างรวม ๆ ของสาหรา่ ยชนดิ นว้ี ่า Thallus
- มโี ครงสร้างคล้ายราก เรียกว่า Holdfast
- โครงสร้างคลา้ ยลาต้น เรียกวา่ Stipe
- โครงสรา้ งคล้ายใบ เรยี กว่า Blade หรอื Lamina
ตวั อย่างเชน่ สาหร่ายเคลป์ ( Kelp) ซึ่งอาจมคี วามยาวถึง 60 เมตร
สาหรา่ ยทนุ่ (sagassum sp.)
ลามินาเรีย (Laminaria sp.)
พาไดนา (Padina sp.)
ฟวิ กสั (Fucus sp. )
11. Division Rhodophyta
สาหรา่ ยสแี ดง (red algae) มสี ารสไี ฟโคอีรีทนิ (phycoerythrin) แคโรทนี และ
คลอโรฟิลล์ ต่างจากสาหรา่ ยกลมุ่ อน่ื บางชนดิ ไม่มีสารสี เปน็ ปรสิตกับสาหร่ายสแี ดง
ชนิดอ่นื ๆ สามารถดูดกลนื แสงสีนา้ เงนิ และเขียวในการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ดี ส่วน
ใหญ่จะมหี ลายเซลล์ สามารถมขี นาดใหญ่เรียกวา่ Seaweed ได้ในลกั ษณะเดียวกัน
กบั สาหรา่ ยสนี ้าตาล และที่สาคัญคือ ไมม่ ีระยะที่มีแฟลกเจลลา
ตวั อยา่ งเชน่ จีฉ่าย หรอื พอรไ์ ฟรา (Porphyra sp.) นามาทาเป็นอาหาร
สาหรา่ ยผมนางหรือ กราซลิ าเรยี (Gracilaria sp.) ใช้ผลิตวุ้น
12. Division Chlorophyta
สาหรา่ ยสเี ขียว (green algae) มลี ักษณะคล้ายพืชทั้งในแงโ่ ครงสร้าง ผนังเซลล์
และส่วนประกอบของสารสี คือ คลอโรฟิลล์ เอ บแี ละแคโรทีน สว่ นใหญพ่ บใน
แหล่งนา้ จืด บางชนดิ อยูร่ ่วมกับราเป็น lichens เกอื บทกุ ชนดิ มรี ะยะอาศัยเพศ
โดยเซลลส์ ืบพนั ธใุ์ ช้ Flagella 2 เส้นในการเคลอ่ื นท่ี สามารถปรับตวั ในทีไ่ ม่
เหมาะสมได้ เช่น หิมะ (watermelon snow) และเช่อื วา่ พืชมีววิ ฒั นาการมาจาก
สาหรา่ ยสีเขียว
ลักษณะ
- เซลลเ์ ดียว Chlamydomonas
Chlorella (มีโปรตีนสูงนยิ มผลิตเป็นอาหารเสริม)
- อยูร่ วมกันหลายเซลลเ์ ปน็ Colony Volvox
- เซลล์รวมกนั มขี นาดใหญ่ (Supercell) Caulerpa
- โครงสรา้ งเปน็ Cell weed Ulva
- ไม่มี Flagellum ในการเคลอื่ นท่ี Spirogyra หรอื เทานา้
13. Division Gymnamoeba
ลกั ษณะ
- เป็นกลุ่มท่ีมคี วามหลากหลายมาก เชน่ Amoeba
- สว่ นมากเป็นผู้บรโิ ภค
- บางชนดิ เป็นผู้ยอ่ ยสลาย (Detritus)
14. Division Entamoeba
ลกั ษณะ
- Entamoeba histolytica เปน็ ปรสิต กอ่ ให้เกิดโรคบิดมีตวั ผลแทรกซ้อนให้
เกดิ ฝีในตับ
- Entamoeba gingivalis อาศยั แบบพ่งึ พากบั คนในช่องปาก เก็บเศษ
อาหารต่างๆ เป็นเหตใุ หม้ ีกล่ินปาก
15. Division Myxogastrida
Myxogastrida มี 2 ระยะ คือ
- ระยะ Plasmodium หากินโดยใช้ Pseudopodium ซึ่งมขี นาดใหญไ่ ด้มาก
เป็นเซนตเิ มตร เป็นหลายๆเซลลร์ วมกนั เปน็ เซลล์ขนาดใหญ่มากมหี ลายนิวเคลยี ส
กนิ อาหารโดยใช้กระบวนการ Phagocytosis มักมีสารสีซ่งึ มักเปน็ สีส้มหรือสีเหลือง
- ระยะ Fruiting body ระยะทม่ี กี ารสืบพันธโุ์ ดยการแบ่งไมโอซิสเพอ่ื สร้างสปอร์
และมีการสรา้ งเซลล์สบื พนั ธุ์
16. Division Dictyostelida
- ลักษณะแตกตา่ งจาก plasmodial slime molds คือ ระยะ จะเป็นเซลลเ์ ดยี ว
ไมไ่ ด้รวมกนั เป็นเซลล์ขนาดใหญ่
- ในวงชพี มีความแตกตา่ งกนั
ส่งิ มีชวี ติ ที่อย่ใู นอาณาจกั รฟงั ไจ ประกอบดว้ ย รา เหด็ และยสี ต์
1. เซลล์เปน็ แบบ Eucaryotic cell มเี ย่อื ห้มุ นวิ เคลยี ส
2. ไมม่ คี ลอโรฟลิ ล์ ดารงชวี ติ เป็นผู้ยอ่ ยสลายสารอินทรยี ท์ ่ีเนา่ เปอื่ ย
3. ผนงั เซลล์เป็นสารไคตินกับเซลลโู ลส
4. มีท้งั เซลลเ์ ดยี วและเปน็ เส้นใยเล็ก เรียกว่าไฮฟา (Hypha) รวมกลมุ่ เรยี กวา่
ขยมุ้ รา (mycelium) ลักษณะของเส้นใยแบ่งออกเปน็ 2 ชนิด
4.1 เส้นใยมผี นงั กั้น (Septate hypha)
4.2 เส้นใยทไ่ี มม่ ผี นงั กนั้ (Nonseptate hypha or coencytic hypha)
1. Phylum Zygomycota (ราท่ีมีวิวฒั นาการต่าสุด)
ลกั ษณะ
1. เซลล์เด่ียวเจรญิ อยใู่ นนา้ บนบก และซากพืชซากสัตว์
2. เสน้ ใยชนิดไมม่ ีผนังกั้น
3. ต้องการความชนื้
4. ดารงชีวติ แบบปรสิต(Parasite) และผ้ยู อ่ ยสลาย (saprophyte)
5. การสบื พันธุ์
- แบบไม่อาศยั เพศ สรา้ งสปอร์ เรยี กว่า sporangiospore
- แบบอาศยั เพศ สร้างสปอร์ เรยี กวา่ zygospore
ประโยชน์
1. Rhizopus oryzae ผลิตแอลกอฮอล์
2. R. nigricans ผลติ กรดฟูตรกิ
โทษ
ทาให้เกิดโรคในพืชและสัตว์