ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ โลกใบเล็ก
หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่องการจดั สวนในภาชนะ
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 1
นางสาวร่งุ อรณุ รนุ รา
ตาํ แหนง่ ครู
กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี
โรงเรียนสรุ ศกั ดม์ิ นตรี
สาํ นกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานครเขต 2
ก
คํานํา
ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ลกใบเล็ก เลม่ นจ้ี ดั ทาํ ขน้ึ เพอื่ ใชเ้ ป็ นส่ือประกอบการจดั กจิ กรรมการ
จดั การเรียนรู้ ประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ เร่ืองการจดั สวนในภาชนะ รายวิชาการงานอาชพี 1
รหัสวิชา ง 21101สาํ หรบั นกั เรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนสรุ ศักดม์ิ นตรี สาํ นกั งานเขต
พืน้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต 2 อีกทง้ั ยงั เป็ นบทเรียนท่นี กั เรียนสามารถเรียนรู้
ไดด้ ว้ ยตนเองตามศักยภาพของแตล่ ะบคุ คล โดยมเี นอื้ หาทงั้ หมด 3 ชดุ กจิ กรรม ไดแ้ ก่
ชกุ กิจกรรมท่ี 1 เรื่อง รอบรโู้ ลกใบเล็ก
ชดุ กจิ กรรมที่ 2 เรื่อง ยอ่ สว่ นสวนสวย
ชดุ กิจกรรมที่ 3 เรื่อง ทรายสีในแกว้ ใส
การจดั สวนในภาชนะเป็ นการจาํ ลองธรรมชาตลิ งในภาชนะขนาดเล็ก โดยการอาศยั
องคป์ ระกอบศิลป์ การออกแบบและหลกั การจดั สวน ทาํ ใหก้ ารจดั การเรียนรเู้ ร่ือง การจดั สวนใน
ภาชนะ สาํ หรับนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 นน้ั คอ่ นขา้ งย่ก การสรา้ งชดุ กจิ กรรมแบบนขี้ น้ึ มาใชจ้ ึง
จะสามารถชว่ ยใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรเู้ ร่ืองวิธกี ารเลอื กใชว้ สั ด อปุ กรณ์ รวมถึงพรรณไมท้ ่ีเหมาะสม
สาํ หรบั การจดั สวนในภาชนะ ขนั้ ตอนการออกแบบและขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ านไดอ้ ย่างชดั เจนและเขา้ ใจ
งา่ ยขน้ึ อีกดว้ ย
ขา้ พเจา้ หวงั เป็ นอยา่ งยง่ิ วา่ ชดุ กิจกรรม โลกใบเล็กเลม่ น้ี คงเป็ นประโยชนก์ บั การจดั การ
เรียนรรู้ ายวิชาการงานอาชพี 1 รหัสวิ ง21101 และรายวิชาอ่ืนๆทเี่ กี่ยวขอ้ งใชส้ าํ หรบั เป็ นสื่อการ
จดั การเรียนรแู้ ละผศู้ ึกศึกษาเรียนรไู้ ดพ้ อสมควร
นางสาวร่งุ อรณุ รนุ รา
ผจู้ ดั ทาํ
ข
สารบญั
เร่ือง หนา้
คาํ นาํ ................................................................................................................................................... ก
สารบญั .............................................................................................................................................. ข
คาํ แนะนาํ การใชช้ ดุ กจิ กรรมเรียนร.ู้.............................................................................................. 1
คาํ แนะนาํ สาํ หรบั คร.ู........................................................................................................................ 2
คาํ แนะนาํ สาํ หรบั นกั เรียน............................................................................................................... 3
การทาํ งานกลมุ่ …………………………………………………………………………………………………………………………. 4
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 1 รอบรโู้ ลกใบเล็ก……………………………………………….. 5
บตั รคาํ สงั่ …………………………………………………………………………………………………………………………………… 6
แบบทดสอบกอ่ นเรียน……………………………………………………………………………………………………………… 7
บตั รเนอ้ื หา…………………………………………………………………………………………………………………………………. 11
บตั รกจิ กรรมที่ 1……………………………………………………………………………………………………………………… 18
แบบทดสอบหลงั เรียน……………………………………………………………………………………………………………… 19
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่ 2 ยอ่ สว่ นสวนสวย………………………………………………. 23
บตั รเนอ้ื หา……………………………………………………………………………………………………………………………….. 23
บตั รกจิ กรรมท่ี 2.1…………………………………………………………………………………………………………………..47
บตั รกจิ กรรมท่ี 2.2……………………………………………………………………………………………………………………49
ค
สารบญั (ตอ่ )
เรอื่ ง หนา้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี 3 ทรายสีในแกว้ ใส..................................................... 51
บตั รเนอื้ หา......................................................................................................................................... 51
บตั รกิจกรรมท่ี 3............................................................................................................................. 55
บรรณานกุ รม................................................................................................................................... 56
ภาคผนวก......................................................................................................................................... 57
เฉลยแบบทดสอบ............................................................................................................................ 58
ประวตั ผิ จู้ ดั ทาํ ................................................................................................................................. 67
1
คาํ แนะนาํ ในการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้
ในการศึกษาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ งโลกใบเล็ก จะเกดิ ประโยชน์
สงู สดุ และบรรลตุ ามจดุ ประสงค์ นกั เรยี นควรมีความเขา้ ใจ ดงั น้ี
1. ศึกษาจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรปู้ ระจําชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
2. ทําแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง รอบรโู้ ลกใบเลก็ และบนั ทึกผลคะแนนที่ได้
ลงในกระดาษคําตอบ
3. สาํ รวจ สบื คน้ ขอ้ มลู ในชดุ กิจกรรมการเรยี นรเู้ ลม่ น้ีใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งละเอียด
4. เม่ือมีขอ้ สงสยั หรอื พบปัญหาในการศึกษาคน้ ควา้ หรอื ไมเ่ ขา้ ใจใหข้ อ
คําแนะนําหรอื สอบถามครผู สู้ อน
5. ถา้ ไมเ่ ขา้ ใจตอนใดใหย้ อ้ นกลบั ไปทบทวนอีกครง้ั
6. เมื่อสาํ รวจ สืบคน้ ขอ้ มลู และทําความเขา้ ใจดีแลว้ ใหน้ กั เรยี นทําใบกิจกรรม
และใบงานตามลาํ ดบั
7. เมื่อปฏิบตั ิกิจกรรมตามบตั รกจิ กรรมเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหต้ รวจสอบ
คําตอบจากเฉลยบตั รกิจกรรม
8. ใหน้ กั เรยี นทําแบบทดสอบหลงั เรยี น เรอื่ ง รอบรโู้ ลกใบเล็กอีกครงั้ ลงใน
กระดาษบนั ทึกคําตอบ และบนั ทึกผลคะแนนท่ีไดล้ งในกระดาษบนั ทึก
คําตอบแลว้ เปรยี บเทียบคะแนนกอ่ นและหลงั การเรยี นรู้ ถา้ คะแนนหลงั การ
เรยี นรไู้ ม่ผ่านเกณฑท์ ่ีกาํ หนด นกั เรยี นตอ้ งเรม่ิ ตน้ กิจกรรมใหม่อีกคร้ั
2
คาํ แนะนาํ สาํ หรบั ครู
ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ลกใบเล็ก สาํ หรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 มจี ดุ มงุ่ หมาย
เพอื่ ชว่ ยใหก้ ารดาํ เนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ บรรลจุ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรอู้ ย่างมี
ประสิทธภิ าพ คร(ู สอนควรดาํ เนนิ ตามกิจกรรม ดงั นี้
1. ครนู าํ เขา้ บทเรียนและแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2. ครจู ดั นกั เรยี นออกเป็ นกลมุ่ โดยคละกนั ระหวา่ งนกั เรียนท่เี รียนเกง่ นกั เรียนที่
เรียนในระดบั ปานกลาง และนกั เรียนทเี่ รียนในระดบั อ่อน
3. ครอู ธิบายวิธกี ารใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ โลกใบเล็ก ของ
นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1
4. ครใู หโ้ อกาสนกั เรียนที่ไมเ่ ขา้ ใจซกั ถามเก่ียวกบั วิธีการเรียน ขนั้ ตอนการใชช้ ดุ
กิจกรรมและบทบาทของนกั เรียนเอง ตลอดจนขอ้ สงสยั อ่ืนๆ
5. อธบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจบทบาทของนกั เรียน
6. กอ่ นเรียนชดุ กิจกรรมแตล่ ะเรอื่ ง ตอ้ งใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรียน จาํ นวน
10 ขอ้
7. เมอ่ื นกั เรียนเขา้ ประจาํ กลมุ่ ของตนเอง ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ จะรบั ชดุ กจิ กรรมตาม
จาํ นวนสมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่
8. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมในเวลาทีก่ าํ หนดอยา่ งเครง่ ครดั
9. ใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน จาํ นวน 10 ขอ้ ถา้ นกั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑท์ ่ี
ระบไุ ว้ ครคู วรใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมซ่อมเสริม หลงั จากนน้ั ใหน้ กั เรียนทาํ
แบบทดสอบหลงั เรียนใหผ้ า่ นเกณฑท์ ีก่ าํ หนดไว้
3
คาํ แนะนาํ สาํ หรบั นกั เรียน
คําช้ีแจง ใหน้ กั เรียนอา่ นคาํ ชแ้ี จงใหเ้ ขา้ ใจ แลว้ ปฏิบตั ติ ามลาํ ดบั ขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
1. ประธานกลมุ่ อา่ นบตั รคาํ สงั่ ใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ ฟังและรว่ มกนั ปฏิบตั กิ จิ กรรม
ตามลาํ ดบั ขน้ั ตอนท่บี อกไวใ้ นบตั รคาํ สงั่ โดยเลขานกุ ารกลมุ่ เป็ นคนบนั ทกึ
ขอ้ มลู
2. สมาชกิ ในกลมุ่ ศึกษาบตั รเนอ้ื หา เร่ือง โลกใบเล็ก
3. สมาชกิ ในกลมุ่ ร่วมกนั สรปุ เนอื้ หา เร่ือง โลกใบเล็ก
4. ประธานกลมุ่ อา่ นบตั รกจิ กรรม แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมมอื กนั ในกลมุ่ ปฏิบตั ิ
กจิ กรรมท1่ี .1
5. ตรวจกจิ กรรมท่ี 1.1 กบั แบบเฉลย และสง่ ตวั แทนนาํ เสนอผลงาน
6. ประเมนิ ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมดว้ ยตนเองจากแบบประเมนิ
7. ประธานกลมุ่ อา่ นบตั รกจิ กรรมท่ี 1.2 แลว้ ใหน้ กั เรียนรว่ มมอื กนั วางแผนทาํ
สมดุ ทาํ มอื เกี่ยวกบั ประเภทของการจดั สวนในภาชนะ โดยนาํ ขอ้ มลู และรปู ภาพ
มาปฏิบตั กิ รรมในชวั่ โมงท่ี 2
8. ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามบตั รกิจกรรมท่ี 1.2 ตามหวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
9. เมอ่ื ปฏิบตั กิ จิ กรรมเสร็จแลว้ ใหส้ ง่ แบบบนั ทกึ ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม ผลงาน
กลมุ่ และเก็บอปุ กรณ์ เอกสารสาํ หรบั นกั เรียนใหเ้ รียบรอ้ ย
10. สมาชกิ ในกลมุ่ ร่วมอภปิ รายและสรปุ ผลการศึกษา
11. สมาชกิ ในกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมารายงานหนา้ ชน้ั
12. แนะนาํ ใหน้ กั เรียนศึกษาและเพ่ิมเตมิ
4
การทาํ งานกลมุ่
ก. บทบาทของผนู้ าํ กลมุ่ มหี นา้ ท่คี ือ
1. ควบคมุ การดาํ เนนิ กจิ กรรมภายในกลมุ่ ใหเ้ ป็ นระเบียบเรียบรอ้ ย
2. เป็ นผนู้ าํ ในการประกอบกิจกรรมกลมุ่
3. เป็ นผตู้ ดิ ตอ่ กบั ครู เมอื่ พบปัญหาหรือขอ้ สงสยั
4. รายงานหรือแจง้ ใหค้ รทู ราบ เมอ่ื ประกอบกิจกรรมเสร็จ
5. หลงั จากสมาชกิ ภายในกลมุ่ ประกอบกจิ กรรมตามแผนการกจิ กรรมเสร็จ
แลว้ เก็บแบบบนั ทึกกจิ กรรม แบบฝึ กหัด กระดาษคาํ ตอบ สง่ ครตู าม
กาํ หนดเวลา
ข. บทบาทของสมาชกิ ภายในกล่มุ มหี นา้ ท่ีคอื
1. ปฏิบตั กิ จิ กรรมดว้ ยความตงั้ ใจใหท้ นั เวลา โดยไมช่ วนเพื่อนคยุ หรือเลน่
2. ตงั้ ใจตอบคาํ ถามอย่างเต็มความสามารถ และปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนในการทาํ
กจิ กรรม
3. ไมค่ วรปรึกษากนั เสยี งดงั เกินไป จนรบกวนกลมุ่ อื่นๆ
4. ชว่ ยกนั เก็บวสั ดุ อปุ กรณ์ สื่อการเรียนตา่ งๆจดั โตะ๊ เกา้ อ้ี ใหอ้ ยใู่ นสภาพ
เรียบรอ้ ย และทาํ ความสะอาด
5
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชดุ ท่ี 1 รอบรโู้ ลกใบเล็ก
ผลการจดั การเรยี นรู้
อธิบายความรเู้ บื้องตน้ เกย่ี วกบั การจดั สวนในภาชนะได้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายความหมาย ความสาํ คญั และประโยชนข์ องการจดั สวนในภาชนะได้
2. จาํ แนกประเภทของการจดั สวนในภาชนลงในสมดุ ทาํ มอื ได้
3. เปรียบเทยี บการจดั สวนในภาชนะและการจดั สวนหยอ่ มได้
ทกั ษะ/กระบวนการ
1. การสงั เกต
2. การลงความเห็นจากขอ้ มลู
3. การจดั กระทาํ และสอื่ ความหมายขอ้ มลู
สว่ นประกอบในชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. บตั รคาํ สงั่
2. แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง รอบรโู้ ลกใบเล็ก
3. บตั รความรู้ เร่ือง รอบรโู้ ลกใบเล็ก
4. บตั รกิจกรรมที่ 1.1 เร่ือง รอบรโู้ ลกใบเล็ก
5. แบบบนั ทกึ กิจกรรมที่ 1.1 รอบรโู้ ลกใบเล็ก
6. บตั รกจิ กรรมที่ 1.2 สมดุ ทาํ มอื
7. แบบบนั ทกึ กิจกรรมท่ี 1.2 สมดุ ทาํ มอื
8. แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง รอบรโู้ ลกใบเล็ก
6
บตั รคาํ สงั่
คาํ ชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนตอ่ ไปนี้
1. นกั เรียนสามารถศึกษาเป็ นรายบคุ คลตามระดบั ความสามารถและเป็ นรายกลมุ่
ซึ่งควรมสี มาชกิ 4-5 คน ในแตล่ ะกลมุ่ (คละ เกง่ ปานกลาง และออ่ น)
2. อา่ นคาํ ชแี้ จงในชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
3. ทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรียน จากนน้ั ตรวจสอบเฉลยในภาคผนวกและบนั ทกึ ผล
คะแนนทา้ ยเลม่ ของชดุ กจิ กรรมในภาคผนวก
4. ศึกษาบตั รความรู้ เรอ่ื ง รอบรโู้ ลกใบเล็ก ดว้ ยความตง้ั ใจ
5. ศึกษาบตั รกจิ กรรม
6. ปฏิบตั ติ ามบตั รกจิ กรรมลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม
7. ทาํ แบบฝึ กหัดรายบคุ คล
8. ตรวจสอบคาํ ตอบท่ีถกู ตอ้ งจากเฉลยในภาคผนวก จากนนั้ บนั ทึกผลในแบบ
บนั ทกึ คะแนนในภาคผนวก
9. ทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน จากนนั้ ตรวจสอบเฉลยในภาคผนวกและบนั ทกึ ผล
คะแนนทา้ ยเลม่ ของชดุ กจิ กรรมในภาคผนวก
7
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
คําช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเลอื กคาํ ตอบทีถ่ กู ตอ้ งทส่ี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว จากนนั้ ทาํ เครืองหมาย x
ลงในกระดาษคาํ ตอบหลงั แบบทดสอบกอ่ นเรียน
1. การจดั สวนในภาชนะมคี วามหมายอย่างไร
ก. การจดั สวนขนาดยอ่ สว่ นจากของจริง มาไวใ้ นภาชนะทก่ี าํ หนด
ข. การจดั สวนโดยย่อสว่ นจาํ ลองธรรมชาติ ลงในภาชนะท่ตี อ้ งการ
ค. การจดั สวนโดยย่อสว่ นธรรมชาตทิ ่สี นใจ ลงในภาชนะที่ตอ้ งการ
ง. การจดั สวนโดยการจาํ ลองธรรมชาตแิ ละเร่ืองราวตา่ ง ๆ มาไวใ้ นภาชนะท่ีกาํ หนด
2. ขอ้ ใดกลา่ วถึงการจดั สวนไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. การจดั สวนเป็ นการนา้ํ ความรเู้ ร่ืองการเกษตรและทศั นศิลป์ มาผสมผสานกนั โดยใชจ้ นิ ตนาการ
ในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั แตง่ แตง่ สวนในรปู ใหม่
ท่สี วยงาม
ข. การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรเู้ รื่องการปลกู พชื และทศั นศิลป์ มาผสมผสานกนั
โดยใชจ้ นิ ตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่
สวนในรปู ใหมท่ ส่ี วยงาม
ค. การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรเู้ รื่องการเพาะปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั และทศั นศิลป์ มาผสมผสานกนั
โดยใชจ้ ินตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่
สวนในรปู ใหมท่ ส่ี วยงาม
ง. การจดั สวนเป็ นการการนาํ ความรเู้ รื่องการเพาะปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั และศิลปะมาผสมผสานกนั
โดยใชจ้ ินตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่
สวนในรปู ใหมท่ ส่ี วยงาม
มตี อ่ หนา้ ถัดไปนะคะ
8
3. ภาชนะใดทีไ่ มน่ ยิ มนาํ มาจดั สวนในภาชนะ
ก. ตกู้ ระจก
ข. โหลแกว้
ค. ขวดพลาสตกิ
ง. ถาดดนิ เผา
4. การจดั สวนในภาชนะมกี ่ปี ระเภท
ก. 3 ประเภท
ข. 4 ปะเภท
ค. 5 ปะเภท
ง. 6 ปะเภท
5. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทของการจดั สวนในภาชนะ
ก. การจดั สวนในตู้
ข. การจดั สวนในถาด
ค. การจดั สวนในแกว้ นาํ้
ง. การจดั สวนในโหลแกว้
6. นดิ ตอ้ งการจดั สวนในภาชนะ แตม่ ตี น้ ทนุ ตาํ่ นดิ ควรเลือกจดั สวนในภาชนะประเภทใด
ก. การจดั สวนในตู้
ข. การจดั สวนในขวด
ค. การจดั สวนในถาด
ง. การจดั สวนในโหลแกว้
7. ในคาบกจิ กรรมชมุ นมุ ทรายสีในแกว้ ใส คณุ ครใู หน้ กั เรียนพิจารณาคดั เลือกพนั ธไ์ุ ม้ นกั เรียนคนใด
พิจารณาคดั เลือกพนั ธไ์ุ มส้ าํ หรบั การจดั สวนในภาชนะไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. สมชายเลือกพนั ธไ์ุ มพ้ นั ธเ์ุ ดยี วกนั
ข. สมหญิงเลอื กพนั ธไ์ุ มท้ มี่ ขี นาดไลเ่ ล่ยี กนั
ค. สมปองเลอื กเลอื กพนั ธไ์ุ มท้ สี่ ีใกลเ้ คยี งกนั มตี อ่ หนา้ ถัดไปนะคะ
9
ง. สมหมายเลือกพนั ธไ์ุ มท้ ม่ี อี ปุ นสิ ยั เดยี วกนั หรือคลา้ ยกนั
8. หากนกั เรียนเลือกตน้ ไมจ้ าํ พวกไทรมาจดั สวน นกั เรียนจะเลอื กภาชนะท่ีมลี กั ษณะใดเพ่ือจดั สวน
ในภาชนะไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั พนั ธข์ุ องพืช
ก. ภาชนะทมี่ ฐี านมนั่ คง
ข. ภาชนะที่เป็ นถาดขนาดกวา้ ง
ค. ภาชนะท่เี ป็ นกระถางที่ไมต่ น้ื หรือลกึ เกนิ ไป
ง. ภาชนะลกั ษณะแบน บาง มขี อบยกขน้ึ เล็กนอ้ ยเพ่อื หลอ่ เลี้ยงนา้ํ
9. คณุ ครสู าธิตวิธกี ารจดั สวนในภาชนะ ซ่ึงพนั ธไ์ุ มท้ ค่ี ณุ ครใู ชจ้ ดั โดยมากจะเป็ นพวกกระบองเพชร
หรือไมอ้ วบนาํ้ นยิ มจดั เป็ นสวนแบบทะเลทราย นกั เรียนคิดวา่ สวนที่คณุ ครกู าํ ลงั จดั อยคู่ ือสวนชนดิ
ใด
ก. การจดั สวนในตู้
ข. การจดั สวนในถาด
ค. การจดั สวนในขวด
ง. การจดั สวนในโหลแกว้
10. ใครไมไ่ ดน้ าํ สวนในภาชนะไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์
ก. ก่งิ นาํ ไปวางโชวห์ นา้ บา้ น
ข. กงุ้ นาํ ไปจาํ หนา่ ยเพ่ือหารายไดพ้ ิเศษ
ค. แกม้ นาํ ไปมอบเป็ นของขวญั ใหค้ ณุ ยายในวนั เกดิ
ง. กานตน์ าํ ไปศึกษาเรื่องการเจริญเตบิ โตของพชื ในทะเลทราย
อย่าลืมตรวจสอบให้
ครบถว้ นนะคะ
10
กระดาษคาํ ตอบ
ชอื่ -สกลุ ..................................................................................เลขท่ี...........ชนั้ ................
11
บตั รเนอ้ื หา
เร่ืองรอบรโู้ ลกใบเล็ก
การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรดู้ า้ นการเพาะปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั และทศั นศิลป์ มาผสมผสาน
กนั โดยใชจ้ ินตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่ สวน
ในรปู แบบใหมท่ สี่ วยงาม ซ่ึงอาจจาํ ลองแบบมาจากธรรมชาติ หรือย่อสว่ นทิวทศั นธ์ รรมชาตลิ งใน
ภาชนะการจดั สวนในภาชนะ
การจดั สวนในถาดหรอื ในภาชนะอื่นๆ
ปัจจบุ นั การดาํ เนนิ ชวี ิตของมนษุ ยท์ อี่ ยใู่ นสงั คมเมอื งนน้ั ตอ้ งเผชิญกบั ภาวการณ์
แขง่ ขนั เร่งรีบ และมลพษิ จากสภาวะแวดลอ้ มซ่ึงนบั วนั จะทาํ ใหเ้ ร่ิมเหินหา่ งไกลจากธรรมชาตไิ ปทกุ ที
ดงั นน้ั สาํ หรบั คนท่ีมใี จรกั ในธรรมชาตคิ งจะทาํ ไดเ้ พยี งการสรรหาพนั ธไ์ุ มม้ าปลกู ไวใ้ กลต้ วั เทา่ นนั้ ซ่ึง
ถา้ มบี ริเวณพน้ื ท่กี วา้ งก็สามารถจดั หาตน้ ไมห้ ลายหลากชนดิ ประดบั ตกแตง่ สวนสวยงามไดด้ งั ใจ แต่
หากท่ีพกั อาศัยหรือสถานทีท่ าํ งานในเมอื งใหญ่นนั้ มกั จะคบั แคบ จึงจาํ เป็ นท่จี ะตอ้ งหาสถานท่ี บริเวณ
ท่พี อเหมาะตอ่ การจดั สวนขนาดเล็กเพื่อทจี่ ะสามารถดงึ เอาธรรมชาตมิ าไวใ้ กลๆ้ ตวั ได้
“การจดั สวนถาด” จงึ เป็ นอีกทางเลือกหนงึ่ ของการนาํ ธรรมชาตมิ าปลกู และจดั วาง
ไวใ้ นภาชนะอยา่ งเหมาะสม โดยการใชต้ น้ ไมท้ ่มี ขี นาดเล็ก ไมแ้ คระตามธรรมชาติ หรือ ไมย้ ่อสว่ นอย่าง
บอนไซ และอปุ กรณต์ กแตง่ ตา่ งๆ การจดั สวนถาดอาจทาํ ใหเ้ กิดงานอดเิ รก เมอ่ื ไดล้ องลงมอื ทาํ แลว้
จะทาํ ใหเ้ กิดความเพลิดเพลิน ไดใ้ ชค้ วามคดิ ในการออกแบบยอ่ สดั สว่ น และเป็ นการฝึ กใหม้ คี วาม
ละเอียดอ่อนในการปลกู เลี้ยงตน้ ไม้ ทาํ ใหเ้ กิดทกั ษะทางดา้ นศิลปะ รจู้ กั การใชส้ ีสนั รปู ทรง ของตน้ ไม้
และอปุ กรณต์ กแตง่ ใหเ้ กิดการผสมผสานอย่างกลมกลืนและลงตวั ซึ่งเมอ่ื ฝึ กฝนจนเกิดความ
ชาํ นาญอาจเป็ นอีกแนวหนง่ึ ทจ่ี ะนาํ ไปสกู่ ารประกอบอาชพี จดั สวนถาด หรือ ใชท้ กั ษะทไี่ ดจ้ ากการ
เรียนรนู้ น้ี าํ ไปประยกุ ตจ์ ดั สวนหย่อมไดอ้ ย่างไมล่ าํ บาก
สวนถาดเหมาะสาํ หรบั ประดบั ตกแตง่ ในบา้ น อาคารสาํ นกั งาน หรือสวนทมี่ เี นอื้ ท่ี
นอ้ ยโดยทาํ ใหเ้ กดิ ความสวยงามและไมข่ ดั ตา อีกทงั้ สามารถนาํ ไปประดบั ในสถานที่ๆ กวา้ งขวางได้
โดยมคี วามทนทานกว่าแจกนั ดอกไมท้ วั่ ไป
ดงั นนั้ การทเ่ี ราไดใ้ กลช้ ดิ กบั ธรรมชาติ นาํ ตน้ ไมม้ าจดั วางไวใ้ กลๆ้ ตวั โดยผา่ นการ
จดั สวนถาดคงเป็ นอีกหนง่ึ ทางออกสาํ หรบั ยามวา่ งของคนทร่ี กั ตน้ ไมแ้ ละใชเ้ วลาว่างอย่างเป็ น
ประโยชน์ และไดช้ นื่ ชมกบั ผลงานทเ่ี ป็ นฝี มอื ของเราสรา้ งสรรคข์ น้ึ มาเองอีกดว้ ย
12
การจดั สวนถาด
คือ การจดั ปลกู ตน้ ไมล้ งในภาชนะขนาดเล็ก ใหเ้ กิดความสวยงาม โดยใชห้ ลกั ศิลปะ
มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการออกแบบ และตกแตง่ ใหส้ วนมคี วามสวยงาม เชน่ การใชส้ ี รปู ทรง ผวิ สมั ผสั
ความสมดลุ เป็ นตน้
การจดั สวนถาดเป็ นการย่อเร่ืองราวลงในภาชนะหรือถาด จะเป็ นเร่ืองราวอะไรก็ไดท้ ี่
เราเคยเห็น เคยรู้ รวมทงั้ เรื่องราวของสวนสาธารณะ เลา่ เรื่องราวเกี่ยวกบั ประเพณี วฒั นธรรมของ
การดาํ เนนิ ชวี ิตของชาวไรช่ าวนาในชนบท การจดั สวนถาดแบบ ย่อเรื่องราวเป็ นการเปิ ดโอกาสใหผ้ ู้
จดั ไดใ้ ชค้ วามคดิ อยา่ งสรา้ งสรรคอ์ ย่างหลากหลายไมม่ ที ส่ี ิ้นสดุ เกดิ ความเพลดิ เพลินสนกุ สนาน
สวนถาดเหมาะสาํ หรบั ตกแตง่ บา้ นหรือสวนทมี่ เี นอื้ ทนี่ อ้ ย การจดั สวนถาดเป็ นงาน
อดเิ รกที่เพลดิ เพลินไดใ้ ชค้ วามคิดในการออกแบบ การยอ่ สดั สว่ นทวิ ทศั นเ์ หมอื นธรรมชาตฝิ ึ กใหม้ ี
ความละเอียดอ่อนในการปลกู ตน้ ไม้ ฝึ กฝนความสามารถในทางศิลปะ รจู้ กั การใชส้ ีสนั รปู ทรง การ
ผสมผสานใหก้ ลมกลนื หรืองดงามดว้ ยความขดั แยง้ อยา่ งเหมาะสม ใชต้ น้ ไมก้ ีต่ น้ ก็ได้ ไมจ่ าํ กดั และก่ี
ชนดิ ก็ได้
การจดั สวนถาด
เป็ นรปู แบบหนง่ึ ของการจดั สวนในภาชนะ ซึ่งเป็ นการปลกู ไมด้ อก ไมป้ ระดบั โดยการ
จาํ ลองธรรมชาติ และเร่ืองราวตา่ ง ๆ มาไวใ้ นภาชนะทก่ี าํ หนด ซึ่งสามารถวางไว้ ในหอ้ งตา่ งๆ ของ
บา้ น ชว่ ยทาํ ใหบ้ า้ นร่มรื่น มชี วี ิตชวี า โดยการจดั สวนสามารถแบ่งประเภทตามลกั ษณะภาชนะ ดงั นี้
1. การจดั สวนในถาด
เป็ นการจดั สวนทใ่ี ชต้ น้ ทนุ ตาํ่ กว่าการจดั สวน ชนดิ อน่ื ตอ้ งใชค้ วามละเอียดอ่อนและ
พถิ ีพถิ ันอย่างมากในการจดั สามารถใชพ้ นั ธไ์ุ ม้ และของตกแตง่ ตา่ ง ๆ จดั สวนไดโ้ ดยไมจ่ าํ กดั ชนดิ
และ จาํ นวนตามจนิ ตนาการ
13
2. การจดั สวนในตู้
เป็ นการจดั สวนที่ใชต้ ปู้ ลาขนาดตา่ งเป็ นภาชนะ ในการจดั สว่ นมากจะใชพ้ นั ธไ์ุ มป้ ระดบั ในรม่ และใช้
ทรายย่อมสตี า่ งๆแตง่ ลวดลายขา้ งตู้ และดา้ นลา่ งของสว่ นโดยรอบ การจดั สวนในตู้ เรียกว่า สวนตู้
แบบชนื้
3. การจดั สวนในขวด
เป็ นการจดั สวนท่ีใชข้ วดทม่ี รี ปู ร่าง ลกั ษณะแปลก ๆ และสวยงาม โดยอาจเป็ นขวด
ปากกวา้ งหรือขวดปากแคบก็ได้ พนั ธไ์ุ มท้ ่นี ยิ มใชจ้ ดั เป็ นไมป้ ระดบั ในร่มทีม่ ขี นาดเล็ก และใชท้ ราย
ยอ้ มสี หรือหินสีตกแตง่ ลวดลายพ้ืนลา่ งโดยรอบ
4. การจดั สวนในโหลแกว้
เป็ นการจดั สวนทม่ี ตี งั้ แตข่ นาดกลางจนถึง ขนาดใหญ่ในโหลแกว้ รปู ทรงตา่ งๆ พนั ธ์ุ
ไมท้ ี่ใชจ้ ดั โดยมากจะเป็ นพวก กระบองเพชรหรือไมอ้ วบนาํ้ รปู แบบทีน่ ยิ มจดั เป็ นลกั ษณะสวน
ทะเลทราย เรียกอีกอยา่ งหนงึ่ ว่า การจดั สวนแกว้ แบบแหง้
14
รปู แบบของสวนถาดท่ีนยิ มจดั แบ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญๆ่ คือ
1. สวนถาดทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยการจดั แจกนั
2. สวนถาดทจ่ี ดั แบบย่อสว่ นทวิ ทศั นห์ รือเร่ืองราว
1. สวนถาดทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยการจดั แจกนั
สวนถาดท่ีคลา้ ยการจดั แจกนั ไดแ้ ก่ การจดั ดอกไม้ ไมด้ อก ไมป้ ระดบั ผสมผสานกนั ลงในภาชนะท่ี
สวยงาม เชน่ กระถาง กระเบ้ืองเคลอื บ เซรามกิ เครื่องสาน ซึ่งการจดั สวนถาดแบบนี้ เหมาะสาํ หรบั
การจดั เป็ นของกาํ นลั หรือตกแตง่ สถานที่ พรรณไมท้ ีน่ าํ มาจดั ควรเป็ นประเภทเดยี วกนั เชน่ ไมช้ อบ
แสงแดดราํ ไร ไมน้ า้ํ ไมอ้ วบนา้ํ กลว้ ยไม้ เพ่อื ทาํ ใหส้ ะดวกตอ่ การเลอื กวสั ดปุ ลกู และสะดวกตอ่ การนาํ
สวนถาดนน้ั ไปวางในสถานท่ๆี เหมาะสมตอ่ การเจริญเตบิ โตของพรรณไมท้ ี่จดั วางในสวนถาดนนั้ ๆ
ซ่ึงทาํ ใหง้ า่ ยตอ่ การดแู ลและมอี ายกุ ารใชง้ านไดน้ านขน้ึ อีกทงั้ รปู แบบของภาชนะก็ควรเลอื กใหเ้ หมาะ
กบั รปู รา่ งของพรรณไมแ้ ละรปู แบบในการจดั สวนถาด ถา้ เป็ นภาชนะทม่ี หี หู ิ้วอาจจะทาํ ใหค้ วามเดน่
ของพรรณไมท้ น่ี าํ มาจดั นนั้ นอ้ ยลงแตจ่ ะเกดิ ความสะดวกทง้ั ผใู้ หแ้ ละผรู้ บั ซ่ึงตอ้ งพิจารณาแลว้ แต่
โอกาสท่ีเหมาะสม
เมอื่ พรรณไมท้ ี่นาํ มาจดั สวนถาดแบบนโ้ี ตขนึ้ ก็ควรยา้ ยไปปลกู ในภาชนะใหมท่ ี่เหมาะสม ซ่ึงอายกุ ารใช้
งานของสวนถาดแบบนจี้ ะขนึ้ อยกู่ บั การเลอื กชนดิ พนั ธข์ุ องพรรณไมท้ ่ีนาํ มาจดั ดว้ ย เชน่ ไมด้ อก
ลม้ ลกุ จะมอี ายนุ อ้ ยกว่าไมใ้ บ
15
2. สวนถาดทจ่ี ดั แบบย่อสว่ นทิวทศั นห์ รือเร่ืองราว
สวนถาดทย่ี อ่ สว่ นทวิ ทศั นธ์ รรมชาตหิ รือเรื่องราว สามารถบางออกเป็ น 3 ประเภทยอ่ ยๆ ไดด้ งั นี้
2.1 สวนถาดทย่ี ่อสว่ นทวิ ทศั นห์ รือเรื่องราว โดยนาํ กอ้ นหินจริงมาจาํ ลอง
สวนถาดแบบนเี้ ป็ นการยอ่ สว่ นของทวิ ทศั นภ์ เู ขาโดยการนาํ กอ้ นหินจริงมาเป็ นตวั แทนภเู ขา โดยมี
ตน้ ไมท้ ่ีมขี นาดเล็กๆ หรือ ตกุ๊ ตาคน ตกุ๊ ตาสตั ว์ ส่งิ กอ่ สรา้ งจาํ ลอง เชน่ ศาลา สะพาน มา
ประกอบดว้ ยก็ได้ แตก่ ารจดั สวนแบบนเ้ี ป็ นการจดั สวนทเ่ี นน้ กอ้ นหิน จงึ ไมค่ วรมตี น้ ไมม้ ากนกั
2.2 เขามอ หรือ สวนถาดทก่ี อ่ ภเู ขาขนึ้ เอง
เขามอ เป็ นสวนถาดท่โี ดยมากจะกอ่ ภเู ขาจาํ ลองขนึ้ เอง ดว้ ยหินทมี่ ลี กั ษณะผวิ เป็ นร่อง เรียกว่า “หิน
เส้ียน” ซ่ึงทวิ ทศั นแ์ บบนจี้ ะมลี กั ษณะคลา้ ยทวิ เขาของภาพวาดจีนหรือญ่ีป่ ุน ซึ่งจะมตี น้ ไมแ้ ทรกบน
ภเู ขาหิน และอาจจะมแี อ่งนาํ้ เลียนแบบธรรมชาตคิ ลา้ ยทะเล
การสรา้ งเขามอหรือภเู ขาจาํ ลองนน้ั นอกจากจะตอ้ งทาํ ใหภ้ เู ขาท่จี าํ ลองนน้ั นอกจากจะตอ้ งทาํ ใหภ้ เู ขา
ทจี่ าํ ลองนน้ั มลี กั ษณะกลวง ซึ่งก็จะคลา้ ยกบั กระถางตน้ ไมท้ ่ีมรี รู ะบายนา้ํ และสามารถบรรจดุ นิ
สาํ หรบั ปลกู ตน้ ไมไ้ ด้ ตลอดจนอาจจะซอ่ นปัม๊ นาํ้ ไวด้ า้ นในเพื่อจาํ ลองทวิ ทศั นน์ า้ํ ตกประกอบ
การกอ่ เขามอมี 2 แบบ คอื
1. การกอ่ แบบตดิ ตาย คอื การกอ่ หินใหต้ ดิ กบั พนื้ ถาดอย่างถาวร ซ่ึงทาํ ไดง้ า่ ยแตไ่ มส่ ามารถยก
เขามอออกได้
2. การกอ่ แบบลอยตวั คือ การกอ่ เขามอที่สามารถยกเขามอออกจากถาดได้ สะดวกไปยงั ที่
ตา่ งๆ ตามตอ้ งการ
16
2.3 สวนถาดทยี่ ่อสว่ นทวิ ทศั นท์ วั่ ไป
สวนถาดแบบนจี้ ะเป็ นการจดั สวนแบบจาํ ลองทวิ ทศั นธ์ รรมชาติ หรือการเป็ นสื่อถึงเรื่องราว
ทพี่ บเห็นในชวี ิตประจาํ วนั หรือเป็ นเร่ืองราวที่สรา้ งขนึ้ มาก็ได้ เชน่ การจาํ ลองภาพในฟารม์ การ
จาํ ลองภาพในชนบทสวนถาดแบบนส้ี ามารถใชไ้ ดก้ บั กระถางทกุ ประเภทแตก่ ระถางตอ้ งมคี วามลึก
พอเหมาะตอ่ การบรรจวุ สั ดปุ ลกู ซึ่งการจดั สวนแบบนม้ี กั จะมตี กุ๊ ตาคนหรือสตั ว์ หรือ สงิ่ กอ่ สรา้ ง
จาํ ลอง เชน่ ศาลา บา้ น สะพาน เพื่อทาํ ใหส้ อื่ ถึงความหมายของเรื่องราวของทิวทศั นห์ รือภาพจาํ ลอง
ของสวนถาด
การนาํ สวนในภาชนะไปใชป้ ระโยชน์
1. มอบเป็ นของขวญั ของฝาก หรือของทรี่ ะลกึ ใหแ้ กผ่ อู้ ื่นเนอ่ื งในโอกาสสาํ คญั ตา่ ง ๆ
ภาพ ของขวญั ของฝากจากสวนแกว้
2. นาํ ไปจาํ หนา่ ยเพอื่ สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กต่ นเองและครอบครวั
ภาพ การจดั สวนในขวดโหลเพอ่ื หารายได้
17
3. ใชเ้ ป็ นสือ่ ประกอบการเรียนรดู้ า้ นการเกษตร เชน่ ศึกษาการเจริญเตบิ โตของพชื ที่ปลกู ในสวนถ
สวนแกว้ หรือสวนขวด การดแู ลพนั ธพ์ุ ืช ตลอดจนวิธีการขยายพนั ธพ์ุ ืช เป็ นตน้
ภาพ ประโยชนข์ องสวนในภาชนะเพอ่ื ใชศ้ ึกษาการเจริญเตบิ โตของพืชทป่ี ลกู ในสวนชนบท
การดแู ลพนั ธพ์ุ ืช
18
บตั รกิจกรรมที1่ เรื่องรอบรโู้ ลกใบเล็ก
คาํ ชแ้ี จง จงเตมิ คาํ ตอบหรือขอ้ ความลงในชอ่ งวา่ ง
1. การจดั สวนถาดทีน่ ยิ ม แบง่ ออกเป็ นก่ีประเภท อะไรบา้ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………......................................................................................................................................................................
2. การจดั สวนถาดทมี่ ลี กั ษณะคลา้ ยแจกนั มแี นวทางในการจดั อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………......................................................................................................................................................................
3. การจดั สวนถาดตอ้ งใชพ้ รรณไมป้ ระเภทเดยี วกนั เพราะเหตใุ ด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………......................................................................................................................................................................
4. ประโยชนข์ องการสวนถาดทมี่ ลี กั ษณะคลา้ ยแจกนั
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. ถา้ พรรณไมใ้ นสวนถาดของนกั เรียนโตขน้ึ ควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
19
แบบทดสอบหลงั เรียน
คําช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเลือกคาํ ตอบทถ่ี กู ที่สดุ เพยี งขอ้ เดยี ว จากนนั้ ทาํ เครื่องหมาย X ลงใน
กระดาษคาํ ตอบหลงั แบบทดสอบ
1. การจดั สวนในภาชนะมกี ่ปี ระเภท
ก. 3 ประเภท
ข. 4 ปะเภท
ค. 5 ปะเภท
ง. 6 ปะเภท
2. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทของการจดั สวนในภาชนะ
ก. การจดั สวนในตู้
ข. การจดั สวนในถาด
ค. การจดั สวนในแกว้ นา้ํ
ง. การจดั สวนในโหลแกว้
3. การจดั สวนในภาชนะมคี วามหมายอยา่ งไร
ก. การจดั สวนขนาดยอ่ สว่ นจากของจริง มาไวใ้ นภาชนะท่ีกาํ หนด
ข. การจดั สวนโดยย่อสว่ นจาํ ลองธรรมชาติ ลงในภาชนะที่ตอ้ งการ
ค. การจดั สวนโดยย่อสว่ นธรรมชาตทิ สี่ นใจ ลงในภาชนะทีต่ อ้ งการ
ง. การจดั สวนโดยการจาํ ลองธรรมชาตแิ ละเร่ืองราวตา่ ง ๆ มาไวใ้ นภาชนะทกี่ าํ หนด
4. ในคาบกจิ กรรมชมุ นมุ ทรายสีในแกว้ ใส คณุ ครใู หน้ กั เรียนพจิ ารณาคดั เลอื กพนั ธไ์ุ ม้ นกั เรียนคนใด
พจิ ารณาคดั เลือกพนั ธไ์ุ มส้ าํ หรบั การจดั สวนในภาชนะไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. สมชายเลือกพนั ธไ์ุ มพ้ นั ธเ์ุ ดยี วกนั
ข. สมหญิงเลอื กพนั ธไ์ุ มท้ มี่ ขี นาดไลเ่ ล่ียกนั
ค. สมปองเลอื กเลือกพนั ธไ์ุ มท้ ่สี ีใกลเ้ คียงกนั
ง. สมหมายเลือกพนั ธไ์ุ มท้ มี่ อี ปุ นสิ ยั เดยี วกนั หรือคลา้ ยกนั หนา้ ถัดไปนะคะ
20
5. คณุ ครสู าธิตวิธีการจดั สวนในภาชนะ ซ่ึงพนั ธไ์ุ มท้ ค่ี ณุ ครใู ชจ้ ดั โดยมากจะเป็ นพวกกระบองเพชร
หรือไมอ้ วบนาํ้ นยิ มจดั เป็ นสวนแบบทะเลทราย นกั เรียนคิดวา่ สวนทค่ี ณุ ครกู าํ ลงั จดั อยคู่ ือสวนชนดิ ใด
ก. การจดั สวนในตู้
ข. การจดั สวนในถาด
ค. การจดั สวนในขวด
ง. การจดั สวนในโหลแกว้
6. ใครไมไ่ ดน้ าํ สวนในภาชนะไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์
ก. กิ่งนาํ ไปวางโชวห์ นา้ บา้ น
ข. กงุ้ นาํ ไปจาํ หนา่ ยเพอ่ื หารายไดพ้ ิเศษ
ค. แกม้ นาํ ไปมอบเป็ นของขวญั ใหค้ ณุ ยายในวนั เกิด
ง. กานตน์ าํ ไปศึกษาเร่ืองการเจริญเตบิ โตของพืชในทะเลทราย
7. หากนกั เรียนเลือกตน้ ไมจ้ าํ พวกไทรมาจดั สวน นกั เรียนจะเลอื กภาชนะที่มลี กั ษณะใดเพอ่ื จดั สวน
ในภาชนะไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั พนั ธข์ุ องพืช
ก. ภาชนะทมี่ ฐี านมนั่ คง
ข. ภาชนะที่เป็ นถาดขนาดกวา้ ง
ค. ภาชนะที่เป็ นกระถางท่ีไมต่ นื้ หรือลกึ เกนิ ไป
ง. ภาชนะลกั ษณะแบน บาง มขี อบยกขนึ้ เล็กนอ้ ยเพอ่ื หลอ่ เลี้ยงนาํ้
8. ภาชนะใดที่ไมน่ ยิ มนาํ มาจดั สวนในภาชนะ
ก. ตกู้ ระจก
ข. โหลแกว้
ค. ขวดพลาสตกิ
ง. ถาดดนิ เผา
มตี อ่ ขอ้ 9.1
หนา้ ถัดไปนะคะ
21
9.นดิ ตอ้ งการจดั สวนในภาชนะ แตม่ ตี น้ ทนุ ตา่ํ นดิ ควรเลอื กจดั สวนในภาชนะประเภทใด
ก. การจดั สวนในตู้
ข. การจดั สวนในขวด
ค. การจดั สวนในถาด
ง. การจดั สวนในโหลแกว้
10. ขอ้ ใดกลา่ วถึงการจดั สวนไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรเู้ ร่ืองการเกษตรและทศั นศิลป์ มาผสมผสานกนั โดยใชจ้ นิ ตนาการ
ในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั แตง่ แตง่ สวนในรปู ใหม่
ท่สี วยงาม
ข. การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรเู้ ร่ืองการปลกู พชื และทศั นศิลป์ มาผสมผสานกนั
โดยใชจ้ ินตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่
สวนในรปู ใหมท่ สี่ วยงาม
ค. การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรเู้ ร่ืองการเพาะปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั และทศั นศิลป์ มาผสมผสานกนั
โดยใชจ้ นิ ตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่
สวนในรปู ใหมท่ สี่ วยงาม
ง. การจดั สวนเป็ นการนาํ ความรเู้ ร่ืองการเพาะปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั และศิลปะมาผสมผสานกนั
โดยใชจ้ ินตนาการในการสรา้ งสรรค์ ออกแบบจดั เตรียมพนั ธไ์ุ ม้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละจดั ตกแตง่
สวนในรปู ใหมท่ สี่ วยงาม
อย่าลมื ตรวจสอบให้
ครบถว้ นนะคะ
22
กระดาษคําตอบ
ชอื่ -สกลุ ..................................................................................เลขท.ี่ ..........ชน้ั ................
23
ชดุ กิจกรรมท่ี 2 ย่อสว่ นสวนสวย
บตั รเนอื้ หา
พรรณไมส้ าํ หรบั การจดั สวนถาด
เนื่องจากขอ้ จาํ กัดของภาชนะท่ีนาํ มาใชใ้ นการจัดสวนถาดนนั้ เป็ นภาชะท่ีค่อนขา้ งกะทัดรัด
และมคี วามลกึ จาํ กดั ซึ่งตน้ ไมน้ นั้ ไมส่ ามารถเจริญเตบิ โตไดอ้ ยา่ งอิสระ ดงั นนั้ ตน้ ไมท้ คี่ วรเลือกนาํ มาใช้
ในการจัดสวนถาดนน้ั ควรเป็ นพรรณไมท้ ่ีมขี นาดเล็ก แคระ หรือไมด้ ดั ไมบ้ อนไซ ปลกู เลี้ยงงา่ ย และ
สามารถทนทานไดใ้ นพนื้ ที่แคบ นอกจากนเี้ ราควรคาํ นงึ ถึงกลมุ่ ของพรรณไมท้ ่ีนาํ มาใชใ้ นการจดั สวน
ถาดดว้ ย เพื่อใหเ้ กิดความสะดวกตอ่ การดแู ลรกั ษาใหค้ งอย่ไู ดน้ าน
พรรณไมท้ ี่ใชใ่ นการจดั สวนถาดสามารถแบ่งออกเป็ น 7 กลมุ่ ดงั นี้
1. ไมร้ ปู ทรง
2. ไมด้ อก
- ไมด้ อกชอบแสงจดั
- ไมด้ อกชอบแสงราํ ไร
3. ไมใ้ บ
- ไมใ้ บชอบแสงจดั
- ไมใ้ บชอบแสงราํ ไร
4. ไมเ้ ลอ้ื ย
5. ไมอ้ วบนา้ํ
6. ไมน้ าํ้
7. กลว้ ยไม้
24
ไมร้ ปู ทรง
ไมร้ ปู ทรง คือ ไมท้ ่ีมีรปู ร่างสวนงาม ใชแ้ ทนภาพของตน้ ไมใ้ หญ่ท่ีเป็ นประธานในสวนถาด
สว่ นไมใ้ หญเ่ ป็ นไมแ้ คระ หรือไมด้ ดั
ตวั อยา่ ง เชน่ โมกแคระ แกว้ แคระ ชาฮกเก้ียนดดั มะสงั ดดั เป็ นตน้
แกว้ แคระ ชาฮกเกย้ี นดดั มะสงั ดดั
ไมด้ อก
ไมด้ อกที่เหมาะต่อการจัดสวนถาดไม่ควรสงู มากนัก ใบและดอกควรมีขนาดเล็กและมีสีสัน
สวยงาม แตท่ ง้ั ขนาดของใบและดอกควรคาํ นงึ ถึงขนาดของภาชนะดว้ ย ดงั น้ี
ไมด้ อกชอบแสงจดั
ไมด้ อกชอบแสงจดั มกั เป็ นไมล้ ม้ ลกุ คือมีระยะการออกดอกเพียงระยะเวลาหน่งึ จากนนั้ ตน้ ก็
จะโทรม ซึ่งอาจตอ้ งนาํ ส่วนของลาํ ตน้ ไปปักชาํ หรือนาํ เมล็ดไปเพาะใหม่ ไมด้ อกประเภทนีต้ อ้ งการดนิ
ร่วนซยุ มีอินทรีวัตถมุ าก และเมื่อนาํ ดอกไมป้ ระเภทน้ีมาจัดสวนถาดก็ควรนาํ ถาดไปวางไวใ้ นที่ๆ มี
แสงแดดไมต่ าํ่ กวา่ ครึ่งวนั ดว้ ย
ตวั อยา่ ง เชน่ หลิวดอก แววมยรุ า ฟ้ าประดษิ ฐ์ ดาวเรืองจิ๋ว ยิปโซ เป็ นตน้
หลวิ ดอก ฟ้ าประดษิ ฐ์
25
ยปิ โซ แววมยรุ า
ไมด้ อกชอบแสงราํ ไร
ไมด้ อกชอบแสงราํ ไรค่อนขา้ งชอบอากาศเย็นและช้ืน ดังนน้ั เม่ือมีการนาํ ดอกไมป้ ระเภทน้มี า
จดั สวนถาด ก็ควรนาํ ไปวางในที่มแี สงแดดราํ ไรและไมม่ ลี มพดั แรง อาจมกี ารใสป่ ๋ ุยละลายชา้ ดว้ ยก็ได้
ตวั อยา่ ง เชน่ แอฟริกนั ไวโอเลต กล็อกซีเนยี หนา้ ววั แคระ เป็ นตน้
ไมใ้ บ กล็อกซีเนยี แอฟริกนั ไวโอเลต หนา้ ววั แคระ
ไมใ้ บมหี ลายหลากชนดิ ซึ่งจดุ เดน่ จะอยทู่ รี่ ปู รา่ งสีสนั ของใบทีส่ วนงาม บางชนดิ อาจมลี กั ษณะ
ผวิ ใบมนั วาว หรือมขี นคลา้ ยกาํ มะหย่ี
โดยทวั่ ไปแลว้ ไมใ้ บสามารถแบง่ ตามความตอ้ งการแสงแดด ไดด้ งั นี้
ไมใ้ บชอบแสงแดดจดั
ไมใ้ บชอบแสงแดดจดั จะมสี ีสนั ของใบทีส่ วยงาม และมีความคงทนสงู ดงั นนั้ สวนถาดท่ีมกี าร
นาํ ไมใ้ บชอบแสงแดดมาจดั ควรวางไวใ้ นที่มแี สงมากพอ และไมค่ วรวางไวใ้ นทีม่ แี สงมาพอ และไมค่ วร
นอ้ ยกว่าครึ่งวนั มฉิ ะนน้ั ใบอาจจะซีดได้ และควรรดนาํ้ วนั ละครงั้
ตวั อยา่ ง เชน่ เฟิ รน์ ใบมะขาม หยิกนโิ กร หนวดปลาดกุ แคระ ผกั เป็ ดแดง เป็ นตน้
26
เฟิ รน์ ใบมะขาม หยกิ นโิ กร
หนวดปลาดกุ แคระ ผกั เป็ ดแดง
ไมใ้ บชอบแสงราํ ไร
ไมใ้ บชอบแสงราํ ไรจะเป็ นไมใ้ บที่ค่อนขา้ งมีความบอบบางและชอบบริเวณที่มีความชื้น ดงั นน้ั
สวนถาดท่ีมีการนาํ ใบไมช้ อบแสงราํ ไรมาจัด ควรนาํ ไปวางในท่ีๆ มีแสงแดดอ่อน หรือพ้ืนที่ๆ มีการ
พรางแสงใหล้ ดลง และควรมกี ารรดนา้ํ ใหช้ มุ่ อย่เู สมอ
ตวั อย่าง เชน่ เฟิ รน์ กนนารี เฟิ รน์ ใบผกั ชี เฟิ รน์ ขา้ หลวงหลงั ลาย พรมออสเตรเลีย เป็ นตน้
เฟิ รน์ กนนารี เฟิ รน์ ใบผกั ชี
27
ไมเ้ ล้ือย เฟิ รน์ ขา้ หลวงหลงั ลาย พรมออสเตรเลีย
ไมเ้ ล้ือย คือ ไมท้ ่ีมีลักษณะลาํ ตน้ ทอดยาว มักเลื้อยกับตน้ ไมใ้ หญ่ โดยมากแลว้ ไมเ้ ลื้อยส่วน
ใหญ่ชอบแสงแดด ลักษณะของไมเ้ ล้ือยท่ีเหมาะสมต่อการนาํ มาจัดสวนถาด ควรมีรปู ร่างและสีสัน
ของใบและดอกท่ีสวยงาม
ตวั อย่าง เชน่ เดปกระเป๋ า โฮยา่ พลดู า่ ง ไอว่ี อญั ชนั
เดปกระเป๋ า ไอว่ี พลดู า่ ง
อญั ชนั โฮยา่
28
ไมอ้ วบน้ํา
ไมอ้ วบนาํ้ คือ ไมท้ ่ีสามารถเก็บกักนา้ํ ไวภ้ ายในทกุ ส่วน จึงมีลักษณะอวบนาํ้ บริเวณ
ลาํ ตน้ และใบจะมลี กั ษณะคลา้ ยเคลือบดว้ ยขผ้ี งึ้ บางชนดิ อาจมหี นามปกคลมุ เพือ่ ป้ องกนั อนั ตรายจาก
สตั ว์
ตวั อย่าง เชน่ แคคตสั กหุ ลาบหิน วา่ นหางจระเข้ ชวนชม เป็ นตน้
กหุ ลาบหิน แคคตสั
วา่ นหางจระเข้ ชวนชม
ไมน้ ้ํา
ไมน้ าํ้ คือ ไมท้ ีต่ อ้ งอาศัยนาํ้ ในการดาํ รงชวี ิต บางชนดิ ลอยอย่รู ะดบั ผวิ นาํ้ บางชนดิ
หยงั่ รากลึกลงดนิ บางชนดิ อยใู่ นนา้ํ ดงั นน้ั สวนถาดที่มกี ารจาํ ลองภาพสระนาํ้ อาจมกี ารนาํ ไมน้ าํ้ มา
ประดบั ตกแตง่ ดว้ ย ซึ่งจะตอ้ งนาํ ถาดนน้ั ไปวางไวใ้ นทๆ่ี มแี สงแดดไมต่ าํ่ กวา่ คร่ึงวนั เนอ่ื งจากไมน้ า้ํ
เกอื บทกุ ชนดิ ชอบแสงแดด
29
ตวั อย่าง เชน่ กกรม่ กกอียิปต์ บวั บา ลานไพลนิ กระจบั แกว้ เป็ นแกว้
กกรม่ กกอียิปต์
บวั บา ลานไพลิน กระจบั แกว้
กลว้ ยไม้
กลว้ ยไมน้ นั้ มมี ากมายหลากหลายพนั ธ์ุ ซ่ึงลกั ษณะถิ่นอาศัยเป็ นแบบอิงอาศัยเกาะคา
คบไม้ หรือขึ้นบนดิน ซ่ึงกลว้ ยไมเ้ ป็ นไมด้ อกอีกชนิดหนึ่งท่ีไดร้ ับความนิยมเป็ นอย่างมากในการจัด
สวนถาดแบบคลา้ ยแจกนั เน่ืองจากมีความสวยงามและมีอายกุ ารใชง้ านนาน โดยทวั่ ไปแลว้ กลว้ ยไม้
มกั จะชอบแสงแดดราํ ไรและความช้ืนสงู ดังนน้ั สวนถาดที่มีการนาํ กลว้ ยไมม้ าจัดนนั้ ควรนาํ ไปไวใ้ น
ที่ๆ มแี สงแดดราํ ไรและพรมนาํ้ ใหช้ มุ่ ชน้ื
30
ตวั อย่าง เชน่ หวาย ชา้ ง แคทลียา ฟาแลนนอพซิส เป็ นตน้
หวาย ชา้ ง แคทลียา
แคทลียา ฟาแลนนอพซิส
31
วสั ดปุ ลกู และวสั ดตุ กแต่งผิวดิน
วสั ดปุ ลกู
สวนถาดท่ีมีการนาํ ดอกไม้ ไมใ้ บประดบั มาจดั สวน สามารถใชด้ นิ ผสมที่มีขายตามทอ้ งตลาด
เป็ นวัสดปุ ลกู ไดเ้ ลย ส่วนใหญ่ดินจะมีสีค่อนขา้ งดาํ ร่วนซยุ มีเศษใบไม้ และอินทรียวัตถผุ สมอยู่ จึง
เหมาะกบั การปลกู พืชทวั่ ไป
สวนถาดที่มีการนาํ ไมอ้ วบนา้ํ มาจัดสวน จะตอ้ งเลือกใชว้ ัสดปุ ลกู ที่มีความโปร่งและร่วนซยุ
ระบายนาํ้ ไดด้ ี ส่วนใหญ่มักจะผสมดินร่วน ทรายหยาบ ถ่านป่ น เขา้ ดว้ ยกันเพื่อใหเ้ น้ือวัสดปุ ลกู มี
ความโปรง่ และระบายนาํ้ ไดด้ ี
สวนถาดที่มกี ารนาํ ไมน้ า้ํ มาจดั สวน ควรใชด้ นิ เหนยี วมาเป็ นวสั ดปุ ลกู และอาจเตมิ ป๋ ุย
32
วสั ดตุ กแต่งผิวดิน
หากปลกู และจดั พรรณไมใ้ นถาดเสร็จแลว้ ก็ควรหาวสั ดมุ าประดบั ตกแตง่ บริเวณผวิ ดนิ ดว้ ย
วัสดตุ กแต่งผิวดินนอกจากจะทาํ ใหส้ วนถาดของเราน้ันดสู วยงามแลว้ ยังเป็ นการช่วยเก็บ
รักษาความช้ืนของสวนถาด เน่ืองจากพ้ืนท่ีของสวนถาดนนั้ มีจาํ กัด ดังนัน้ ปัจจัยดา้ นความชื้นจึงมี
สว่ นสาํ คญั ตอ่ การเจริญเตบิ โตของพรรณไมใ้ นสวนถาดเป็ นอย่างมาก วัสดตุ กแตง่ ผวิ ดนิ จึงเป็ นสว่ น
ชว่ ยไมใ่ หน้ า้ํ บริเวณผวิ หนา้ ดนิ ระเหยเร็ว
1) ทรายหยาบ จะใชโ้ รยปิ ดผิวดินช้นั แรกเพ่ือกรองและไม่ใหด้ ินกระเด็นข้ึนมาเหนือผิว
ดนิ ของถาด
2) กรวด มีหลากสีสัน หลายขนาด รปู ร่าง ควรเลือกใหเ้ หมาะสมกับขนาดของตน้ ไม้
และถาดท่ีใชจ้ ดั สวนดว้ ย
3) เม็ดดินเผา จะชว่ ยในการเก็บรักษาความชื้นเอาไวไ้ ดด้ ี มีนา้ํ หนกั เบา ขนาดของเม็ด
ดนิ เผาก็ควรเลือกใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดของตน้ ไม้ และถาดท่ีใชใ้ นการจดั สวนดว้ ย
4) มอส จะช่วยเก็บรักษาความชื้นไวเ้ ชน่ กัน แต่การนาํ มอสมาตกแต่งจะเหมาะกับสวน
ถาดที่มพี รรณไมท้ ีช่ อบแสงแดดราํ ไรเทา่ นน้ั
33
เครอื่ งมือและวสั ดอุ ปุ กรณ์
เครื่องมอื และวสั ดอุ ปุ กรณห์ ลกั ๆ ทใี่ ชใ้ นการจดั สวนถาด ดงั น้ี
1. ชอ้ นปลกู หรือพลวั่ ขนาดเล็ก สาํ หรบั ตกั ดนิ และวสั ดปุ ลกู
2. กรรไกรตดั กง่ิ ไม้ สาํ หรบั ตกแตง่ รปู ทรงพรรณไม้
3. มดี หรือคตั เตอร์
4. ปากคบี สาํ หรบั หยบิ จบั วสั ดตุ กแตง่
5. กระบอกฉีดนาํ้ สาํ หรบั พ่นละอองนาํ้ ใหม้ คี วามชน้ื แกส่ วนถาด
6. วสั ดตุ กแตง่ เชน่ ตกุ๊ ตา รปู ป้ัน สง่ิ กอ่ สรา้ งจาํ ลอง
7. ถาดดนิ เผาทรงกลม
8. แป้ นหมนุ
34
35
การออกแบบการจดั สวนถาดช้ืน
ประเภทการเขียนแบบแปลนสวน
การจดั สวนถาดใหเ้ กิดความสวยงามนนั้ สามารถจะจดั ไดห้ ลายรปู แบบ การจดั สวนแต่
ละรปู แบบสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สวนถาดแตล่ ะประเภทวา่ ควรจดั รปู แบบอย่างไรจึง
จะเหมาะสมกบั ประเภทของสวนถาด
ในการออกแบบจดั สวนถาดนนั้ ผอู้ อกแบบจาํ เป็ นตอ้ งศึกษาขอ้ มลู เบ้ืองตน้ ไดแ้ ก่
วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั สวน งบประมาณ
ขนั้ ตอนการเขยี นแบบจะตอ้ งกาํ หนดประโยชนใ์ ชส้ อย และวางผงั ส่ิงประกอบสวนและไม้
ประดบั ลงในแบบแปลน โดยคาํ นงึ ถึงความชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย
แปลน (Plan)
คอื แบบทเี่ ขยี นมองจากดา้ นบนลงมา (Top View) สามารถแสดงใหเ้ ห็นถึงขอบเขต
รปู รา่ ง ตาํ แหนง่ ที่ตงั้ และทศิ ทางขององคป์ ระกอบตา่ งๆ ในสวนถาด
การพิจารณาเลอื กรปู แบบสวน
เมื่อเราเลือกรปู แบบของสวนถาดแลว้ ลาํ ดับต่อไปจะเป็ นการนาํ ความรคู้ วามสามารถ
และประสบการณท์ างศิลปะ ความรเู้ รื่องตน้ ไมแ้ ละธรรมชาติของตน้ ไม้ ตลอดจนความเป็ นช่างที่จะ
ออกแบบเขยี นแบบสรา้ งสรรคผ์ ลงานลงบนแบบแปลน โดยใชห้ ลกั สาํ คญั ในการพิจารณาดงั น้ี
1. การกาํ หนดประเภทของสวนถาดทีจ่ ะจดั
2. การแบง่ พน้ื ที่ (Space)
ควรกําหนดใหแ้ น่นอนเสียก่อนว่าส่วนไหนจะวางขอนไม้ ส่วนไหนจะเป็ นนํ้าตก
ตาํ แหนง่ ไหนจะวางไมป้ ระธาน ไมร้ อง ตาํ แหนง่ ไหนจะวางวสั ดตุ กแตง่
3. การจดั วางองคป์ ระกอบ (Composition)
ในข้นั ตอนนี้ตอ้ งนาํ ความรพู้ ื้นฐานทางศิลปะ มาใชเ้ พราะสวนถาดจะสวยงามและ
ดึงดดู ความสนใจ และสรา้ งความประทบั ใจ ก็ควรมีองคป์ ระกอบท่ีดี ไมว่ ่าจะเป็ นเสน้ ฟอรม์ รปู ร่าง
สดั สว่ น สี หรือ ผวิ สมั ผสั จะตอ้ งมคี วามเหมาะสมกลมกลนื จงึ จะสวยงาม
36
สญั ลกั ษณไ์ มย้ นื ตน้ หรอื ไมพ้ มุ่
37
สญั ลกั ษณไ์ มค้ ลมุ ดิน
สญั ลกั ษณก์ อ้ นหิน
38
สญั ลกั ษณข์ อนไม้
การออกแบบการจดั สวนถาด
การออกแบบจดั สวนถาดใหเ้ กิดความสวยงามนนั้ สามารถจะจดั ไดร้ ปู แบบ การจดั สวน
ถาดแตล่ ะรปู แบบสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสม ผอู้ อกแบบจะตอ้ งมคี วามรใู้ นหลกั การ
ออกแบบ ไดแ้ ก่ ความสมดลุ สดั สว่ น ความกลมกลนื ฯลฯ ขอ้ สาํ คญั ของการจดั วางขอนไม้ กอ้ นหิน
และตน้ ไมบ้ ริเวณไหน
วิธีการจดั สวนถาดในลกั ษณะตา่ งๆ
ผจู้ ดั ควรเร่ิมทาํ ตารางบนแผน่ กระดาษออกแบบกอ่ นการใชต้ าราง ควรจะกาํ หนดวา่
ขอนไมห้ รือกอ้ นหินอย่ตู รงตาํ แหนง่ ใด เมอ่ื กาํ หนดแลว้ จงึ ใหเ้ ป็ นจดุ เดน่ ของสวนถาด ตอ่ ไปจงึ หาพื้นท่ี
ของจดุ ที่ 2 โดยเลือกพื้นทท่ี ล่ี กู ศรพ่งุ ออกไปกาํ หนดเป็ นจดุ ท่ี 2 ดงั ภาพ
39
ภาพแสดง การเลือกพนื้ ทใี่ นจดุ ที่ 2 ภาพแสดง การจดั องคป์ ระกอบ 2 จดุ ใช้
หลกั ความ สมดลุ มาจดั
ภาพแสดงการใชห้ ลกั การจดั สวนถาดทงั้ ในเรอ่ื งของเอกภาพ ความ
สมดลุ จงั หวะ
สดั สว่ น ความกลมกลืน ความแตกต่าง และจดุ เด่น
40
ตวั อยา่ งการออกแบบการจดั สวนถาดแบบช้ืน
41
การจดั สวนถาดแหง้
การจดั สวนถาดแหง้ แบบยอ่ ทวิ ทศั นธ์ รรมชาติ เป็ นการยอ่ ทิวทศั นข์ องทะเลทราย
ตวั อยา่ งการจดั ในทนี่ จี้ ะใชห้ ินและตน้ ไมพ้ วกแคคตสั กบั พวกซัคคิวเลนทเ์ ป็ นองคป์ ระกอบขน้ั ตอนการ
ปฏิบตั ติ ามลาํ ดบั ดงั นี้
1. กาํ หนดรปู แบบ ขน้ั ตอนแรกไดแ้ กก่ ารกาํ หนดรปู แบบของสวนทจ่ี ะจดั ทาํ รปู แบบท่ีจดั เป็ น
การยอ่ ทวิ ทศั นธ์ รรมชาตขิ องทะเลทราย
2. เตรียมเครื่องมอื และวสั ดอุ ปุ กรณ์ เตรียมเคร่ืองมอื ทจ่ี ะใชจ้ ดั สวนถาดแหง้ ไวใ้ หค้ รบถว้ น
โดยอยใู่ นสภาพใชง้ านไดด้ ี และรวบรวมวสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่จะใชไ้ วใ้ หพ้ รอ้ ม ตอ้ งมจี าํ นวนมากพอทจ่ี ะ
เลือกใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสม วสั ดอุ ปุ กรณท์ สี่ าํ คญั ไดแ้ ก่ หินยนื หินนงั่ หินนอนอย่างละกอ้ นและ
ตน้ ไมพ้ วกแคคตสั กบั ซัคควิ เลนท์ ซึ่งจะใชเ้ ป็ นโครงของสวน กบั พวกซัคควิ เลนทจ์ าํ นวนหนงึ่ ซ่ึงเป็ น
ไมแ้ ฟนซี รวมทง้ั ทรายทจี่ ะใชแ้ ตง่ สวนถาดใหเ้ หมอื นผวิ ทรายทะเล กรวดเม็ดเล็กสีนาํ้ ตาล เหลอื ง สม้
ซ่ึงเป็ นสธี รรมชาตเิ พ่ือใชท้ าํ เป็ นเสน้ ขอบสวน
สตู รดินปลกู สําหรบั จดั สวนถาดแบบแหง้
ดนิ ร่วน 2 สว่ น
ทรายหยาบ 3 สว่ น
ถา่ นป่ น 1 สว่ น
ใบไมผ้ ุ 0.5 สว่ น
ป๋ ุยหมกั 0.5 สว่ น
42
3. เตรียมดนิ ผสมทจ่ี ะใชจ้ ดั สวนถาดแหง้ ไวใ้ หพ้ รอ้ ม โดยผสมดนิ ตามสตู รทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้
หรือผสมใหใ้ กลเ้ คยี งกบั สตู ร
4. ดาํ เนนิ การจดั ทาํ เมอ่ื กาํ หนดรปู แบบสวน เตรียมเคร่ืองมอื วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละดนิ ผสมไว้
เรียบรอ้ ยแลว้ ขน้ั ตอ่ ไปจดั ทาํ ตามลาํ ดบั ดงั นี้
4.1 พิจารณาขนาดของวสั ดอุ ปุ กรณห์ ลกั กบั ขนาดของถาดในที่นพี้ ิจารณาขนาดของ
หินยืน นงั่ นอน ขนาดของตน้ แคคตสั ตน้ ซัคควิ เลนท์ กบั ขนาดของถาด พจิ ารณาขนาดของวสั ดุ
อปุ กรณห์ ลกั ไดส้ ดั สว่ นกบั ขนาดของถาดหรือไม่ ตอ้ งเลอื กใชท้ ี่ไดส้ ดั สว่ นกนั
4.2 พิจารณาขนาดของหินยนื นงั่ นอน ตน้ แคคตสั และตน้ ซัคควิ เลนท์ เลือกใชท้ ขี่ นาด
ไดส้ ดั สว่ นกนั ซึ่งขนาดเล็กใหญ่สงู ตา่ํ ไลเ่ ลีย่ กนั เพอื่ ใหเ้ ป็ นโครงสรา้ งหลกั ของสวนถาดเลือกใช้
เฉพาะทีไ่ ดส้ ดั สว่ นกนั
4 3 พจิ ารณารปู ทรงหรือรปู รา่ งหนา้ ตาของหินยืน นงั่ นอน ตน้ แคคตสั และตน้ ซคั คิว
เลนท์ เลือกใชร้ ปู ทรงทก่ี ลมกลนื กนั ประมาณรอ้ ยละ 70- 80 และรปู ทรงท่แี ตกตา่ งกนั รอ้ ยละ 30 –
20
4.4 ทาํ การวางโครงรา่ งของสวนถาด ขน้ั ตอนการจดั ทาํ ตามลาํ ดบั ดงั นี้
4.4.1 รองกน้ กระถางและใสด่ นิ โดยใสอ่ ิฐหรือถ่านทบุ รองกน้ และปิ ดรกู ระถางและใส่
ดนิ ผสมในถาด กดใหแ้ นน่ พอสมควร เกลีย่ ใหผ้ วิ ดนิ เรียบเสมอขอบถาด
4.4.2 กาํ หนดมมุ มองทสี่ าํ คญั ที่สดุ ซึ่งจะอย่ตู รงกลางถาด
4.4.3 กาํ หนดตาํ แหนง่ ของจดุ เดน่ วางหินยนื ตรงจดุ เดน่ ซ่ึงจะอยตู่ รงจดุ กงึ่ กลาง
ของถาด หันสวนทส่ี วยงามทส่ี ดุ ของหินยนื สสู่ ายตาผชู้ มหรือหนั มาทางดา้ นหนา้ ของถาด
4.4.4 วางตาํ แหนง่ แคคตสั ท่ี 1 ซ่ึงตาํ่ กว่าหินยืนเล็กนอ้ ยเพอื่ ประกอบหินยนื ใหเ้ ดน่
วางดา้ นขวาของหินยืนแตเ่ ย้ืองไปทางดา้ นหนา้ ของหินยนื เล็กนอ้ ย วางตาํ แหนง่ ตน้ แคคตสั ตน้ ท่ี 2 ซึ่ง
สงู กว่าตน้ ท่ี 1 เล็กนอ้ ย วางดา้ นซา้ ยของหินยืนใหเ้ ยือ้ งมาดา้ นหลงั ของหินยนื เล็กนอ้ ยไมใ่ หบ้ งั สว่ น
หนา้ ของหินยืน การวางนจี้ ะวางเป็ นรปู สามเหลี่ยม จะเห็นวา่ ตาํ แหนง่ ของการวางหินยืน หินนงั่ และ
หินนอนเป็ นรปู สามเหลยี่ มดา้ นไมเ่ ทา่ จากนนั้ วางตาํ แหนง่ ตน้ ซัคควิ เลนท์ ซึ่งตา่ํ กวา่ ตน้ ที่ 2และ
รปู ทรงตา่ งกนั โดยระหว่างดา้ นหนา้ ของหินยนื กบั หินนอน จะเห็นว่าทง้ั 3 ตน้ วางเป็ นรปู สามเหลีย่ ม
ดา้ นไมเ่ ทา่ เหมอื นการวางหินยืน หินนงั่ หินนอน วางไมช่ ดิ หรือหา่ งกนั มากเกนิ ไปไมบ่ งั กนั ให้
คาํ นงึ ถึงท่ีวา่ งและชว่ งจงั หวะ
43
4.5 ทาํ โครงสวน การทาํ โครงสวนไดแ้ กท่ าํ ใหอ้ งคป์ ระกอบหลกั ตา่ ง ๆ ทปี่ ระกอบกนั เป็ น
โครงร่างยดึ อย่กู บั ท่โี ดยไมเ่ ปลีย่ นแปลงตาํ แหนง่ อีกหินทง้ั 3 กอ้ นและตน้ ไมท้ ง้ั 3 จะอยตู่ รง
ตาํ แหนง่ เดมิ โดยไมเ่ ปลยี่ นแปลงอีก ขนั้ ตอ่ ไปใชด้ นิ ทบั โคนตน้ แคคตสั และทบั บรเิ วณฐานหินทง้ั 3 กอ้ น
การจดั วางหินจะไมว่ างลอยไวบ้ นผวิ ดนิ เพราะผดิ ธรรมชาติ จดั ทาํ เนนิ ดนิ ใหส้ งู ๆ ตาํ่ ๆ การทาํ เนนิ
ดนิ ใหน้ าํ เรื่องรปู ทรงและเสน้ มาใช้ บริเวณสว่ นหนงึ่ ของเนนิ ดนิ จะเวน้ ท่เี ผอื่ ไวป้ ลกู ตน้ ไมเ้ พิม่ เตมิ เสริม
แตง่ หรือไวเ้ พม่ิ เตมิ หิน กดดนิ ใหแ้ นน่ พอประมาณและแตง่ ผวิ เรียบ จะไดโ้ ครงสวนทส่ี มบรู ณ์
4.6 ปลกู ไมป้ ระดบั สวนใหส้ มบรู ณ์ หมายถึง การใชต้ น้ ซสั คิวเลนท์ ซึ่งมขี นาดเล็กกวา่
ตน้ ไมท้ ปี่ ลกู ไวเ้ ป็ นหลกั เรียกวา่ ไมแ้ ฟนซี นาํ มาปลกู เพิ่มเตมิ เสริมแตง่ ปลกู ตรงไหนใหข้ ดี เสน้ แสดง
รปู ร่างไวต้ รงจดุ นนั้ จากนน้ั ตกั ดนิ ออกจากบริเวณทจี่ ะปลกู โดยตกั ออกเพยี งเล็กนอ้ ยเพื่อใหเ้ ห็นแนว
ท่จี ะปลกู และทาํ การปลกู
4.7 ตกแตง่ ผวิ และโรยเสน้ ขอบสวนผวิ สวนทาํ ใหเ้ กิดความสวยงามและชว่ ยป้ องกนั การ
ระเหยของนาํ้ ชว่ ยเก็บความชมุ่ ชน้ื ในดนิ ปัดกวาดใหเ้ รียบรอ้ ย จากนนั้ ฉีดพ่นนา้ํ เพื่อลา้ งทวั่ บริเวณ
ตน้ ไมก้ อ้ นหินและถาด แตง่ ดนิ ใหไ้ ดร้ ปู ทรงอีกครง้ั กวาดผวิ ใหเ้ รียบและกดดนิ ใหแ้ นน่ พอสมควร ใช้
ทรายแกว้ หรือทรายเม็ดเล็กสีขาวธรรมชาตแิ ตง่ เป็ นผวิ ของทะเลทรายกรวดท่ใี ชโ้ รยเป็ นขอบสวนจะ
อยตู่ า่ํ กว่าขอบถาดเล็กนอ้ ย เสน้ ของขอบสวนจะชว่ ยใหถ้ าดเดน่ สงา่ ขน้ึ มาก แลว้ ฉีดนาํ้ พ่นเป็ นฝอยทวั่
บริเวณสวนถาด ระวงั อยา่ ใหถ้ กู ทรายจะทาํ ใหท้ รายเลื่อนไหลลงการจดั สวนถาดชนื้ แบบยอ่ ทิวทศั น์
ธรรมชาติ เป็ นการยอ่ ป่ าเขาลาํ เนาไพร นา้ํ ตก นา้ํ พุ เกาะแกง่ ชายหาด ฯลฯ
การดแู ลรกั ษาสวนถาดแบบแหง้
กลมุ่ ไมอ้ วบนาํ้ พวกแคตตสั ซคั ควิ เลนท์ และไมท้ ี่มตี น้ ใบอวบหนา ไมช่ อบนา้ํ ขงั จงึ ตอ้ งปลกู
ในภาชนะที่มีรรู ะบาย ดินโปร่งซยุ ชอบแสงแดด แต่ไม่ควรจัด หรือวางในท่ีไดร้ ับแสงไม่ตลอดทั้งวัน
ควรหลีกเลี่ยงแสงจดั ยามเท่ียง บางชนดิ จะไหม้ อาจวางไวร้ ิมหนา้ ตา่ งในบา้ นได้ แตต่ อ้ งหมนั่ หมนุ ให้
รับแสงทัว่ ๆกัน เพื่อป้ องกันตน้ ไมเ้ อน ยืด และเอียงไปทางเดียวกัน รดนา้ํ หรือฉีดนา้ํ ทกุ ๆ 2-3 วัน
ตอ่ คร้งั หรืออาจเป็ น 5 วันก็ไดแ้ ลว้ แตค่ วามเขม้ อ่อนของแสงท่ีไดร้ ับ สงั เกตจากผวิ หนา้ ดนิ ปลกู และ
การเตบิ โตทีผ่ ดิ ปกตขิ องตน้ ไม้
44
การจดั สวนถาดชน้ื
ขนั้ ตอนการจดั สวนถาดชนื้
1. ภาชนะ รองดว้ ยพลาสติกถา้ ไมต่ อ้ งการใหน้ าํ้ ซึมจากรรู ะบายนา้ํ หรือภาชนะสาน ภาชนะ
จะตอ้ งการรรู ะบายนา้ํ หรือไม่ข้ึนอย่กู ับชนิดพันธไ์ุ มแ้ ละสถานท่ีจัดวาง เพราะอาจซึมไหลเลอะเทอะ
หรือไม่สะดวกในการยกยา้ ยไปรดนาํ้ ภาชนะท่ีค่อนขา้ งแน่นถี่ อาจไม่ตอ้ งปูรองดว้ ยพลาสติก ถา้ ใช้
ปลกู พันธไ์ุ มล้ ม้ ลกุ หรือไมส้ วนครัวที่มีอายกุ ารใชง้ านไม่นาน ภาชนะคงยังไม่ทันผพุ ัง และไมเ้ หล่านี้
ตอ้ งการแสงจดั การระบายนาํ้ ดี จึงไมน่ า่ มีปัญหาเรื่องการจัดวางและสกปรกเลอะเทอะ อาจรองกน้
ชนั้ ลา่ งสดุ เกล็ดถ่านก็ได้
2. การใส่เคร่ืองปลกู ดนิ ปลกู รองชน้ั ลา่ งสดุ ดว้ ยเกล็ดถ่านสาํ หรบั ตน้ ไมบ้ างประเภท แตถ่ า้
ใชข้ ยุ มะพรา้ วเป็ นเครื่องปลกู ดังที่แนะไว้ หรือกระถางค่อนขา้ งต้ืนก็ไม่จาํ เป็ น ตน้ ไมท้ ี่มีตมุ้ รากใหญ่
เกินไป ตดั แตง่ ออกไดบ้ า้ ง หรือขดุ ดนิ ในจดุ ทจี่ ะปลกู ตน้ ไมอ้ อกบา้ ง ถา้ ตน้ ไมม้ ขี นาดเล็กและเตี้ย แตถ่ า้
ตอ้ งการใหด้ สู งู หนนุ ดว้ ยดนิ ใตต้ มุ้ ราก คลา้ ยทาํ เนนิ ดนิ รองรบั
3. ปลกู ตน้ ไมต้ ามจดุ ทก่ี าํ หนด หลงั จากปลกู ตน้ ไมต้ ามตาํ แหนง่ ทีต่ อ้ งการแลว้ เติมดนิ ปลกู
หรือเครื่องปลูกจนเกือบเต็ม กดเบาๆ รอบโคนไมใ้ ห้แน่นกันตน้ เอนเอียงในภายหลัง รากจะ
กระทบกระเทือน
45
4. ทาํ เนินดิน ทางลาด หรือแอ่งนาํ้ พนู ดินทาํ เนินกดใหแ้ นน่ ขดุ ดินออกบา้ งบริเวณที่จะทาํ
แอ่งนา้ํ บ่อนาํ้ เนนิ ทาํ ไดง้ า่ ยๆ โดยการตกั ดินใส่ถว้ ยแลว้ ควา่ํ ลงตรงจดุ ที่ตอ้ งการ เติมดินรอบๆ โคน
เพ่ือแตง่ ฐานใหเ้ ป็ นธรรมชาติ และกดใหแ้ นน่ แอ่งนาํ้ อาจใชก้ น้ ถว้ ยกดลงไปเป็ นทรงบอ่ และยังเป็ นการ
แตง่ ดนิ ในตวั ตามขอบบอ่ อาจแตง่ ดว้ ยกรวด หิน มอส ทาํ ใหด้ เู ป็ นธรรมชาตขิ นึ้
5. ตกแต่งผิวหนา้ ดินใหส้ วยงาม ก่อนจะโรยกรวดหรือวัสดปุ ิ ดผิวดินอ่ืนๆ อาจโรยทราย
หยาบเสียชน้ั หนึ่งก่อน จะกรองดินไมใ่ หก้ ระเด็นขน้ึ มาเลอะเทอะหลงั รดนา้ํ แต่ถา้ จะใชม้ อส ควรปลกู
หรือปะวางตดิ ผวิ ดนิ ไดท้ นั ที
46
6. ทาํ ความสะอาดดว้ ยนาํ้ ใชส้ เปรยฉ์ ีดนา้ํ ไล่เศษดินทรายออกจากผิวใบไม้ วัสดปุ ระกอบ
และภาชนะ