กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
แผนกประถมศึกษา
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา …………………. เวลา 20 ช่วั โมง
หนว่ ย ชื่อหนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
ที่ การเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน
1 ปฏบิ ัตกิ าร มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ น การอ่านจบั ใจความสาคัญ 6
สายลับจว๋ิ สร้างความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใช้ คอื การอา่ นเพอ่ื จบั ใจความ (ส.1)
ตดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ติ และ หรอื ข้อคิด ความคดิ สาคญั
มนี ิสยั รกั การอา่ น หลักของขอ้ ความ หรอื เร่ือง
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/1 ทีอ่ ่าน การอา่ นจบั ใจความ
อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ เร่ืองสัน้ ๆ สาคัญ ถอื เปน็ ทกั ษะสาคัญที่
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกต้อง ใชใ้ นการอ่านเพื่อการส่ือสาร
คลอ่ งแคลว่ มากท่ีสดุ เพราะเปน็ พ้นื ฐาน
ตัวชีว้ ดั ที่ ป 3/2 สาคัญในการศึกษาหาความรู้
อธบิ าย ความหมายของคาและข้อความที่ จงึ ควรฝึกฝนให้เกดิ ความ
อา่ น ชานาญ
ตัวชี้วัดที่ ป 3/3
ตัง้ คาถาม และตอบคาถาม เชิงเหตุผล
เก่ียวกับเรอ่ื งท่อี ่าน
ตวั ชวี้ ัดที่ ป 3/4
ลาดับเหตกุ ารณ์และ คาดคะเนเหตกุ ารณ์
จากเร่อื งทอ่ี า่ นโดย ระบุเหตุผลประกอบ
ตวั ชี้วดั ท่ี ป 3/5
สรุปความรูแ้ ละข้อคิดจากเร่ืองที่อา่ นเพื่อ
นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
ตัวชี้วัดท่ี ป 3/9
มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี น
เรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรือ่ งราวใน
รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูล
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา ……………เวลา 20 ชว่ั โมง
หนว่ ย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน
1 ชว่ งเวลาและ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ 6
(ส.2)
การ ตวั ชว้ี ัดที่ ป 3/2
เรียงลาดบั เขียนบรรยายเกย่ี วกบั ส่ิงใดส่ิงหนง่ึ ได้
เหตุการณ์ อย่างชัดเจน
( คาบอก ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/6
ช่วงเวลา) มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั
ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของ
ชาติ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของ
คา
1 ปฏบิ ตั ิการ มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจับใจความสาคัญ
สายลับจิ๋ว ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และ คอื การอ่านเพือ่ จบั ใจความ
ความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหา หรือขอ้ คิด ความคิดสาคัญ
ในการดาเนินชีวิตและมนี ิสยั รักการอ่าน หลักของข้อความ หรือเรื่องท่ี
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป 3/1 อา่ น การอ่านจบั ใจความ
อา่ นออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองส้นั ๆ สาคัญ ถอื เป็นทกั ษะสาคัญที่
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ได้ถูกต้อง ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสาร
คลอ่ งแคล่ว มากทีส่ ดุ เพราะเปน็ พ้นื ฐาน
ตัวช้ีวดั ที่ ป 3/2 สาคัญในการศึกษาหาความรู้
อธบิ าย ความหมายของคาและข้อความ จึงควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความ
ท่ีอา่ น ชานาญ
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา ……………เวลา 20 ชัว่ โมง
หนว่ ย ช่อื หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ท่ี เรียนรู้ (ชั่วโมง คะแนน
)
ตัวช้วี ัดท่ี ป 3/9
มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขียน
เรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวใน
รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูล
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/2
เขยี นบรรยายเก่ยี วกับสิ่งใดส่ิงหนึง่ ได้อย่าง
ชดั เจน
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/6
มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั
ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
ตวั ชวี้ ัดที่ ป 3/7
เลอื กใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่น
ไดเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ
มาตรฐาน ท 5.1
เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์
โครงสร้างการสอนวชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ชวั่ โมง
หนว่ ย ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน/ตัวชวี้ ดั สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
วรรณคดีและวรรณกรรม
ไทยอย่างเหน็ คุณค่าและนามาประยกุ ต์ใช้
ในชีวติ จริง
ตวั ชี้วดั ท่ี ป 3/4
ทอ่ งจาบทอาขยานตามทีก่ าหนดและบท
รอ้ งกรองที่มคี ุณค่าตามความสนใจ
2 แตเ่ ดก็ ซ่ือไว้ มาตรฐาน ท 1.1 การอา่ นจับใจความสาคัญ 6
ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และ คือ การอา่ นเพอ่ื จบั ใจความ (ส.3)
ความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ัญหา หรอื ขอ้ คดิ ความคิดสาคญั
ในการดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รักการอ่าน หลักของข้อความ หรือเรื่อง
ตัวชวี้ ัดท่ี ป 3/1 ท่อี ่าน การอา่ นจับใจความ
อา่ นออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสน้ั ๆ สาคัญ ถือเป็นทกั ษะสาคญั ที่
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ได้ถูกตอ้ ง ใช้ในการอ่านเพ่ือการสื่อสาร
คลอ่ งแคลว่ มากทส่ี ดุ เพราะเปน็ พื้นฐาน
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป 3/2 สาคัญในการศึกษาหา
อธบิ าย ความหมายของคา และข้อความท่ี ความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ
อ่าน ความชานาญ
ตัวชีว้ ดั ที่ ป 3/3
ตัง้ คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล
เกย่ี วกับเรือ่ งทีอ่ ่าน
ตวั ช้ีวดั ท่ี ป 3/4
ลาดับเหตกุ ารณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์
จากเร่ืองท่ีอ่านโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/5
สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากเร่ืองทอ่ี ่านเพ่ือ
นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน
โครงสรา้ งการสอนวิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ชวั่ โมง
หนว่ ย ชอื่ หน่วย มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ดั สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/9
มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขยี น
เรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอ่ื งราวใน
รปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ชวี้ ัดที่ ป 3/4
เขยี นจดหมายลาครู
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 3/6
มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา ……………เวลา 20 ชว่ั โมง
หนว่ ย ชอื่ หนว่ ย มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
2 แตเ่ ด็กซื่อไว้ มาตรฐาน ท 1.1 การอา่ นจบั ใจความสาคัญ 6
ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และ คือ การอ่านเพ่ือจับใจความ (ส.4)
ความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปญั หา หรอื ข้อคดิ ความคดิ สาคัญ
ในการดาเนนิ ชวี ิตและมีนิสัยรักการอ่าน หลักของขอ้ ความ หรือเรื่อง
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป 3/1 ทอี่ ่าน การอา่ นจับใจความ
อ่านออกเสยี งคา ข้อความ เรื่องสน้ั ๆ สาคญั ถือเป็นทกั ษะสาคญั ท่ี
และบทร้อยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกต้อง ใช้ในการอา่ นเพ่ือการส่ือสาร
คลอ่ งแคล่ว มากทสี่ ุด เพราะเป็นพ้ืนฐาน
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป 3/2 สาคัญในการศกึ ษาหาความรู้
อธบิ าย ความหมายของคา และขอ้ ความ จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความ
ที่อา่ น ชานาญ
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขยี น
เรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวใน
รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูล
สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้
อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวช้วี ดั ที่ ป 3/1
คัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัด
ตัวช้วี ัดที่ ป 3/6
มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
โครงสรา้ งการสอนวิชาภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หนว่ ย ชื่อหนว่ ย มาตรฐาน/ตัวชวี้ ัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน
มาตรฐาน ท 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์
วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คณุ ค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชวี ิตจรงิ
ตัวช้วี ัดที่ ป 3/1
ระบุข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการอ่านวรรณกรรม
เพื่อนาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 3/3
แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั วรรณคดที ี่อ่าน
3 ป่านมี้ คี ุณ มาตรฐาน ท 1.1 การอา่ นจบั ใจความสาคัญ 6
(ส.5)
ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และ คอื การอา่ นเพอื่ จับใจความ
ความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหา หรือขอ้ คิด ความคิดสาคัญ
ในการดาเนนิ ชวี ติ และมีนิสยั รกั การอ่าน หลักของข้อความ หรือเรื่อง
ตวั ชี้วัดที่ ป 3/1 ทอี่ า่ น การอา่ นจบั ใจความ
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสัน้ ๆ สาคัญ ถือเป็นทักษะสาคญั ท่ี
และบทร้อยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกต้อง ใช้ในการอา่ นเพ่ือการส่ือสาร
คลอ่ งแคลว่ มากท่สี ดุ เพราะเป็นพนื้ ฐาน
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 3/2 สาคญั ในการศึกษาหาความรู้
อธบิ าย ความหมายของคา และขอ้ ความท่ี จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความ
อ่าน ชานาญ
ตวั ชีว้ ัดท่ี ป 3/3
ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล
เกยี่ วกับเร่ืองทีอ่ ่าน
ตวั ชีว้ ัดที่ ป 3/4
ลาดบั เหตกุ ารณ์และคาดคะเนเหตุการณ์
จากเรือ่ งท่อี า่ นโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ชวั่ โมง
หน่วย ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
ที่ การเรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
ตวั ช้วี ัดที่ ป 3/5
สรุปความรูแ้ ละข้อคิดจากเร่ืองท่ีอ่านเพ่ือ
นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/9
มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียน
เรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรือ่ งราวใน
รปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/3
เขยี นบันทึกประจาวนั
ตัวชวี้ ัดที่ ป 3/6
มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั
ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตัวชวี้ ัดท่ี ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
โครงสรา้ งการสอนวชิ าภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา ……………เวลา 20 ชว่ั โมง
หน่วย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
3 ปา่ น้มี คี ุณ มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจับใจความสาคัญ 6
(ส.6)
ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละ คือ การอ่านเพือ่ จับใจความ
ความคิดเพื่อนาไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปัญหา หรือขอ้ คดิ ความคดิ สาคญั
ในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รกั การอา่ น หลักของข้อความ หรอื เร่ือง
ตัวชวี้ ัดท่ี ป 3/1 ท่ีอ่าน การอา่ นจับใจความ
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองส้นั ๆ สาคญั ถอื เป็นทักษะสาคัญท่ี
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ใชใ้ นการอา่ นเพื่อการสื่อสาร
คล่องแคล่ว มากที่สดุ เพราะเปน็ พืน้ ฐาน
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 3/2 สาคัญในการศึกษาหาความรู้
อธบิ าย ความหมายของคา และขอ้ ความท่ี จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความ
อา่ น ชานาญ
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/9
มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี น
เรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/2
เขยี นบรรยายเกีย่ วกบั สิง่ ใดสง่ิ หนึง่ ไดอ้ ย่าง
ตวั ชี้วดั ที่ ป 3/6
มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั
ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หน่วย ชือ่ หน่วย มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
ท่ี การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/1
เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
มาตรฐาน ท 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น พจิ ารณา
วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็
คุณคา่ และนามาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/1
ระบุข้อคิดที่ได้จากการอา่ นวรรณกรรม
เพ่ือนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/3
แสดงความ คิดเห็นเกีย่ วกบั วรรณคดที ่ี
อ่าน
4 อาหารดชี ีวี มาตรฐาน ท 1.1 การอา่ นจับใจความสาคัญ 6
มีสขุ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละ คือ การอ่านเพอื่ จับใจความ (ส.7)
ความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา หรือข้อคดิ ความคดิ สาคัญ
ในการดาเนินชีวติ และมีนิสัยรักการอ่าน หลกั ของข้อความ หรือเรื่อง
ตัวช้ีวัดท่ี ป 3/1 ทีอ่ า่ น การอา่ นจบั ใจความ
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสั้น ๆ สาคัญ ถือเป็นทกั ษะสาคญั ที่
และบทร้อยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ใชใ้ นการอ่านเพื่อการสื่อสาร
คลอ่ งแคลว่ มากท่ีสุด เพราะเป็นพนื้ ฐาน
ตวั ชีว้ ดั ที่ ป 3/2 สาคญั ในการศกึ ษาหาความรู้
อธิบาย ความหมายของคา และข้อความที่ จึงควรฝึกฝนใหเ้ กิดความ
อา่ น ชานาญ
ตัวชี้วัดท่ี ป 3/3
ตั้งคาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล
เก่ียวกบั เร่อื งทีอ่ ่าน
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ช่ัวโมง
หน่วย ช่ือหน่วย มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
ท่ี การเรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/4
ลาดบั เหตุการณ์และคาดคะเนเหตุการณ์
จากเรื่องทอี่ ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/5
สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากเร่ืองทีอ่ ่านเพื่อ
นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/9
มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียน
เรียงความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวใน
รปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตัวชี้วัดที่ ป 3/2
เขียนบรรยายเกย่ี วกบั ส่ิงใดสิ่งหนึ่งได้อย่าง
ชัดเจน
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 3/6
มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวช้ีวัดที่ ป 3/1
เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
โครงสรา้ งการสอนวชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา ……………เวลา 20 ชวั่ โมง
หน่วย ชื่อหนว่ ย มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ท่ี การเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน
4 อาหารดชี วี ี มาตรฐาน ท 1.1 การอา่ นจับใจความสาคัญ 6
มีสขุ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละ คือ การอา่ นเพ่อื จับใจความ (ส.8)
ความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปญั หา หรือข้อคิด ความคดิ สาคัญ
ในการดาเนินชวี ติ และมีนิสัยรักการอา่ น หลกั ของข้อความ หรอื เร่ือง
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/1 ทอ่ี ่าน การอ่านจบั ใจความ
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เรื่องส้นั ๆ สาคัญ ถอื เปน็ ทกั ษะสาคญั ที่
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ได้ถูกต้อง ใช้ในการอ่านเพื่อการส่ือสาร
คลอ่ งแคลว่ มากท่ีสดุ เพราะเปน็ พน้ื ฐาน
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 3/2 สาคัญในการศึกษาหาความรู้
อธิบาย ความหมายของคาและข้อความที่ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกิดความ
อ่าน ชานาญ
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/9
มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขียน
เรียงความ ย่อความ และเขยี นเร่ืองราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูล
สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า
อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 3/5
เขียนเร่อื งตามจินตนาการ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/6
มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั
ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หน่วย ช่ือหน่วย มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
ท่ี การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
มาตรฐาน ท 5.1
เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ พิจารณา
วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็
คณุ ค่าและนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 3/1
ระบขุ ้อคิดท่ีไดจ้ ากการอ่านวรรณกรรม
เพ่อื นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/3
แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั วรรณคดีท่ีอา่ น
ประเมินผลกลางภาคเรียนท่ี 1 (ส.10) 15 คะแนน
5 ทาดอี ย่า มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจับใจความสาคัญ 6
หวัน่ ไหว (ส.11)
ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และ คือ การอา่ นเพื่อจับใจความ
ความคิดเพื่อนาไปใช้ตดั สินใจ แกป้ ญั หา หรอื ข้อคิด ความคดิ สาคญั
ในการดาเนินชวี ิตและมนี ิสยั รกั การอ่าน หลักของข้อความ หรอื เร่ือง
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/1 ที่อา่ น การอ่านจับใจความ
อา่ นออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองส้นั ๆ สาคญั ถอื เป็นทกั ษะสาคัญที่
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกต้อง ใช้ในการอ่านเพ่ือการสื่อสาร
คล่องแคล่ว มากท่ีสดุ เพราะเป็นพ้ืนฐาน
ตัวชี้วัดที่ ป 3/2 สาคัญในการศกึ ษาหาความรู้
อธิบาย ความหมายของคาและข้อความที่ จงึ ควรฝึกฝนให้เกดิ ความ
อา่ น ชานาญ
ตวั ชี้วัดที่ ป 3/3
ตั้งคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล
เก่ียวกับเรือ่ งท่อี ่าน
ตวั ชี้วดั ที่ ป 3/4
ลาดับเหตุการณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์
โครงสรา้ งการสอนวชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ชวั่ โมง
หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
จากเรอื่ งท่ีอ่านโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 3/5
สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากเรื่องท่อี ่านเพื่อ
นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
ตัวชวี้ ัดที่ ป 3/9
มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียน
เรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน
รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวช้ีวดั ท่ี ป 3/2
เขยี นบรรยายเกยี่ วกับสิง่ ใดส่ิงหนง่ึ ได้อย่าง
ชัดเจน
ตัวชี้วัดท่ี ป 3/6
มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 3/6
แตง่ คาคล้องจองและคาขวัญ
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา ……………เวลา 20 ชวั่ โมง
หน่วย ชอื่ หน่วย มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
ที่ การเรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน
5 ทาดอี ยา่ มาตรฐาน ท 1.1 6
หวนั่ ไหว ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละ (ส.12)
ความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหา
ในการดาเนินชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอา่ น
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/1
อ่านออกเสยี งคา ข้อความ เร่ืองสน้ั ๆ
และบทร้อยกรองง่าย ๆ ได้ถูกต้อง
คล่องแคลว่
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 3/3
ตัง้ คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล
เก่ยี วกบั เร่ืองทอ่ี ่าน
ตวั ชี้วดั ที่ ป 3/4
ลาดับเหตกุ ารณ์และคาดคะเนเหตุการณ์
จากเรื่องท่อี ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/5
สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากเรื่องท่อี ่านเพ่ือ
นาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน
ตวั ช้ีวดั ท่ี ป 3/9
มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขียน
เรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอื่ งราวใน
รปู แบบต่างๆ เขยี น
โครงสรา้ งการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ท่ี การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
รายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงาน การอ่านจบั ใจความสาคัญ
การศึกษาคน้ คว้าอย่างมีประสิทธิภาพ คอื การอ่านเพ่ือจบั ใจความ
ตัวชีว้ ัดท่ี ป 3/2 หรือขอ้ คดิ ความคิดสาคญั
เขยี นบรรยายเก่ียวกับส่ิงใดสิ่งหนึง่ ไดอ้ ย่าง หลักของขอ้ ความ หรอื เร่ือง
ชดั เจน ท่อี า่ น การอ่านจบั ใจความ
ตัวช้วี ัดท่ี ป 3/6 สาคัญ ถือเป็นทักษะสาคญั ท่ี
มมี ารยาทในการเขยี น ใช้ในการอา่ นเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ท 4.1 มากที่สดุ เพราะเปน็ พ้ืนฐาน
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั สาคญั ในการศกึ ษาหาความรู้
ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความ
และพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา ชานาญ
และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวชีว้ ดั ท่ี ป 3/6
แต่งคาคลอ้ งจองและคาขวญั
6 พลงั งานคือ มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจับใจความสาคัญ 6
ชวี ิต ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และ คือ การอา่ นเพ่ือจบั ใจความ (ส.13)
ความคดิ เพ่อื นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหา หรอื ข้อคิด ความคดิ สาคญั
ในการดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน หลักของข้อความ หรอื เรื่อง
ตวั ชี้วดั ท่ี ป 3/1 ทีอ่ า่ น การอา่ นจับใจความ
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เรื่องสั้น ๆ สาคัญ ถอื เป็นทกั ษะสาคญั ที่
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ใช้ในการอา่ นเพ่ือการสื่อสาร
คลอ่ งแคล่ว มากท่ีสุด เพราะเป็นพน้ื ฐาน
ตวั ชวี้ ดั ที่ ป 3/2 สาคญั ในการศึกษาหาความรู้
อธิบายความหมายของคาและข้อความที่ จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความ
อ่าน ชานาญ
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 3/3
ต้งั คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล
เก่ยี วกบั เร่ืองทอี่ ่าน
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา ……………เวลา 20 ชว่ั โมง
หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
ตัวช้ีวัดที่ ป 3/4
ลาดบั เหตกุ ารณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์
จากเรือ่ งที่อ่านโดยระบเุ หตุผลประกอบ
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/5
สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากเรื่องทอี่ ่านเพื่อ
นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
ตัวชว้ี ัดท่ี ป 3/9
มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี น
เรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า
อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
ตวั ชี้วดั ท่ี ป 3/3
เขยี นบันทกึ ประจาวนั
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/6
มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั
ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/3
ระบุชนดิ และหนา้ ที่ของประโยค
โครงสรา้ งการสอนวชิ าภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หนว่ ย ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
6 พลังงานคือ มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจับใจความสาคัญ 6
ชวี ติ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรูแ้ ละ คือ การอ่านเพ่อื จบั ใจความ (ส.14)
ความคดิ เพ่ือนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา หรอื ขอ้ คดิ ความคดิ สาคัญ
ในการดาเนนิ ชีวติ และมีนิสัยรกั การอา่ น หลกั ของข้อความ หรอื เร่ือง
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/1 ทอี่ า่ น การอ่านจบั ใจความ
อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ เร่ืองส้นั ๆ สาคัญ ถอื เป็นทักษะสาคญั ท่ี
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ใช้ในการอ่านเพื่อการส่ือสาร
คลอ่ งแคลว่ มากที่สุด เพราะเปน็ พนื้ ฐาน
ตัวชว้ี ัดท่ี ป 3/3 สาคัญในการศึกษาหาความรู้
ตั้งคาถามและตอบคาถามเชิงเหตผุ ล จึงควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความ
เก่ียวกบั เร่อื งท่ีอ่าน ชานาญ
ตวั ชีว้ ัดที่ ป 3/4
ลาดับเหตุการณ์และคาดคะเนเหตุการณ์
จากเรื่องที่อ่านโดยระบเุ หตุผลประกอบ
ตัวช้ีวัดท่ี ป 3/5
สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากเรื่องที่อา่ นเพ่ือ
นาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั
ตวั ชี้วดั ท่ี ป 3/9
มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่ือสาร เขยี น
เรียงความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวใน
รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/2
เขียนบรรยายเกีย่ วกับสง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ ได้อย่าง
ชดั เจน
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา ……………เวลา 20 ช่วั โมง
หนว่ ย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
ที่ การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน
ตัวชี้วัดที่ ป 3/6
มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตัวชี้วัดที่ ป 3/1
เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
7 ความฝนั เปน็ มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจบั ใจความสาคัญ 6
จริงได้ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และ คอื การอ่านเพอ่ื จบั ใจความ (ส.15)
ความคดิ เพือ่ นาไปใช้ตดั สินใจ แกป้ ัญหา หรือข้อคิด ความคดิ สาคญั
ในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รกั การอา่ น หลกั ของข้อความ หรือเรื่อง
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/1 ท่อี า่ น การอา่ นจบั ใจความ
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสนั้ ๆ สาคัญ ถือเปน็ ทักษะสาคญั ท่ี
และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกต้อง ใช้ในการอ่านเพ่ือการส่ือสาร
คลอ่ งแคล่ว มากท่สี ดุ เพราะเป็นพืน้ ฐาน
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 3/2 สาคัญในการศกึ ษาหาความรู้
อธบิ ายความหมายของคาและข้อความที่ จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความ
อา่ น ชานาญ
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 3/3
ต้งั คาถามและตอบคาถามเชิงเหตผุ ล
เก่ยี วกบั เร่ืองทอ่ี ่าน
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/4
ลาดับเหตุการณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์
จากเรอื่ งทอ่ี ่านโดยระบเุ หตุผลประกอบ
โครงสร้างการสอนวชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา ……………เวลา 20 ชัว่ โมง
หน่วย ช่ือหน่วย มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
ที่ การเรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน
ตวั ชีว้ ัดที่ ป 3/5
สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากเรื่องที่อา่ นเพื่อ
นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
ตัวชีว้ ดั ท่ี ป 3/9
มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี น
เรียงความ ย่อความ และเขยี นเรอื่ งราวใน
รปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า
อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ตวั ช้วี ัดที่ ป 3/5
เขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการ
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/6
มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ
ตัวชีว้ ดั ท่ี ป 3/1
เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
โครงสร้างการสอนวชิ าภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา ……………เวลา 20 ช่วั โมง
หนว่ ย ช่ือหนว่ ย มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
ที่ การเรียนรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน
8 ความฝันเป็น มาตรฐาน ท 1.1 การอา่ นจับใจความสาคัญ 6
จรงิ ได้ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละ คอื การอ่านเพ่อื จับใจความ (ส.16)
ความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหา หรอื ขอ้ คดิ ความคิดสาคัญ
ในการดาเนินชีวติ และมีนสิ ัยรักการอา่ น
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 3/1 หลกั ของข้อความ หรือเร่ือง
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เรื่องสั้นๆ และ ที่อา่ น การอ่านจับใจความ
บทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว สาคัญ ถอื เปน็ ทกั ษะสาคญั ที่
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 3/3 ใชใ้ นการอ่านเพ่ือการส่ือสาร
ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล มากทสี่ ุด เพราะเป็นพนื้ ฐาน
เกี่ยวกับเรือ่ งทอ่ี ่าน สาคัญในการศึกษาหาความรู้
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/4 จึงควรฝึกฝนให้เกิดความ
ลาดับเหตกุ ารณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์ ชานาญ
จากเรอ่ื งทอี่ า่ นโดยระบเุ หตุผลประกอบ
ตัวชวี้ ัดที่ ป 3/5
สรปุ ความรูแ้ ละข้อคิดจากเร่ืองท่อี า่ นเพ่ือ
นาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน
ตวั ชี้วัดที่ ป 3/9
มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1
ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขียน
เรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรอ่ื งราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้
อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/2
เขียนบรรยายเกี่ยวกับสิ่งใดส่ิงหนึง่ ได้อย่าง
ชัดเจน
โครงสรา้ งการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หน่วย ชือ่ หนว่ ย มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรยี นรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/6
มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 3/1
เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
8 ภูมใิ จ มาตรฐาน ท 1.1 การอ่านจับใจความสาคัญ 6
ภาษาไทยของ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละ คือ การอ่านเพ่ือจบั ใจความ (ส.17)
เรา ความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหา หรือข้อคิด ความคิดสาคัญ
ในการดาเนินชวี ติ และมีนสิ ยั รักการอา่ น หลกั ของข้อความ หรอื เร่ือง
ตัวชี้วัดท่ี ป 3/1 ทอี่ ่าน การอ่านจบั ใจความ
อ่านออกเสยี งคา ข้อความ เรื่องสั้นๆ และ สาคญั ถือเปน็ ทักษะสาคญั ท่ี
บทร้อยกรองงา่ ยๆ ได้ถูกต้อง คล่องแคลว่ ใช้ในการอา่ นเพ่ือการสื่อสาร
ตัวช้ีวดั ท่ี ป 3/3 มากทสี่ ดุ เพราะเป็นพื้นฐาน
ตงั้ คาถามและตอบคาถามเชิงเหตผุ ล สาคญั ในการศกึ ษาหาความรู้
เกีย่ วกบั เร่ืองทอี่ ่าน จึงควรฝึกฝนให้เกดิ ความ
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/4 ชานาญ
ลาดบั เหตกุ ารณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์
จากเร่ืองทอ่ี า่ นโดยระบุเหตผุ ลประกอบ
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 3/5
สรุปความรู้และข้อคิดจากเร่ืองท่อี า่ นเพื่อ
นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
ตัวช้วี ัดที่ ป 3/9
มมี ารยาทในการอา่ น
โครงสร้างการสอนวชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา ……………เวลา 20 ชั่วโมง
หนว่ ย ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั สาระสาคญั เวลา น้าหนกั
ที่ การเรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
มาตรฐานที่ ท 2.1 6
(ส.18)
ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี น
เรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรอ่ื งราวใน
รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูล
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/5
เขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการ
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/6
มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป 3/7
เลอื กใชภ้ าษาไทยมาตรฐาน และภาษา
ถนิ่ ได้เหมาะสมกับกาลเทศ
8 ภมู ใิ จ มาตรฐาน ท 1.1
ภาษาไทยของ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละ
เรา ความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หา
ในการดาเนนิ ชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอา่ น
ตัวช้ีวัดท่ี ป 3/1
อ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสน้ั ๆ และ
บทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ ได้ถกู ต้อง คลอ่ งแคล่ว
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/3
ต้ังคาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล
เกยี่ วกบั เร่ืองที่อ่าน
โครงสร้างการสอนวิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา ……………เวลา 20 ชว่ั โมง
หนว่ ย ชอื่ หนว่ ย มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
ที่ การเรยี นรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 3/4
ลาดับเหตุการณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์
จากเรื่องท่อี ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/5
สรุปความรู้และข้อคิดจากเร่ืองท่อี ่านเพื่อ
นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 3/9
มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท 2.1
ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี น
เรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอ่ื งราวใน
รปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู
สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า
อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/5
เขียนเรือ่ งตามจนิ ตนาการ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/6
มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา
และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตัวชว้ี ัดท่ี ป 3/1
เขยี นสะกดคาและบอก ความหมายของ
คา
ประเมนิ ผลปลายภาคเรยี นที่ 1 (ส.20) 15 คะแนน
รวมภาคเรยี นที่ 1 18
สัปดาห์ท่ี 1
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี 1/……………….. ชือ่ ผู้สอน ….………………………………………………..……...
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 6 คาบ
เร่อื ง ปฏบิ ัติการสายลบั จ๋ิว
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการ
ดาเนนิ ชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน
ตัวชี้วัดที่ ป 3/1 อา่ นออกเสยี งคา ขอ้ ความ เรอ่ื งสัน้ ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดถ้ กู ต้อง คล่องแคลว่
ตัวชวี้ ดั ที่ ป 3/2 อธิบาย ความหมายของคา และข้อความทอี่ ่าน
ตัวชว้ี ัดที่ ป 3/3 ตงั้ คาถาม และตอบคาถาม เชิงเหตุผล เกีย่ วกับเรอ่ื งที่อ่าน
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/4 ลาดบั เหตุการณแ์ ละ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่อื งทีอ่ ่านโดย ระบุเหตุผลประกอบ
ตวั ชี้วดั ที่ ป 3/5 สรุปความรแู้ ละขอ้ คิดจากเร่อื งท่ีอ่านเพอื่ นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป 3/9 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรอ่ื งราวใน
รูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ตัวช้ีวดั ที่ ป 3/2 เขียนบรรยายเก่ียวกับสิง่ ใดสิง่ หนึ่งได้อยา่ งชัดเจน
ตัวช้วี ัดที่ ป 3/6 มีมารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของ
ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตวั ชีว้ ดั ที่ ป 3/1 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การอา่ นจบั ใจความสาคญั คือ การอา่ นเพ่อื จับใจความหรอื ข้อคดิ ความคิดสาคญั หลักของขอ้ ความ
หรือเร่ืองทอี่ ่าน การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถอื เป็นทักษะสาคญั ท่ใี ชใ้ นการอ่านเพือ่ การสอื่ สารมากทสี่ ดุ เพราะ
เป็นพืน้ ฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความชานาญ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมาย และหลกั การอา่ นจับใจความสาคัญ (K)
2. อธบิ ายลักษณะของสระ (K)
3. อธิบายความหมายของคาท่อี า่ น (K)
4. รแู้ ละเข้าใจหลกั การเขียนประโยคจากภาพ (K)
5. อา่ นเร่ืองไดค้ ลอ่ งแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี (P)
6. แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็นจากเรอื่ งท่ีอา่ น (P)
7. เขยี นประโยคจากภาพได้ (P)
8. อ่านออกเสยี งคาตามรูปสระ (P)
9. เหน็ ความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
10. กระตอื รอื รน้ ในการเข้ารว่ มกจิ กรรมการเขยี นประโยคจากภาพ (A)
11. ใฝเ่ รียนรู้เพิ่มเตมิ จากคาท่ีกาหนดให้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ
การอ่านจับใจความ การเขียนประโยคจากภาพ สระ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบที่ กิจกรรมการเรยี นการสอน
คาบที่ 1-2 ขนั้ ที่ 1 ข้ันรวบรวมข้อมลู
1.นกั เรียนดูแผนภมู ิเพลง “อา่ นในใจ” แล้วอา่ นออกเสียงพรอ้ มกัน ร้องเป็นเพลง
การอา่ นจับ ตามครู 1 เท่ียว แลว้ ให้นกั เรียนรอ้ งเอง 2 เทยี่ ว ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับ
ใจความ เนอ้ื หาของเพลง โดยครูถามนาเพื่อโยงเขา้ สู่สาระการเรยี นรแู้ ละกระตนุ้ ความสนใจของ
ปฏิบตั กิ าร ผเู้ รยี นโดยครถู ามคาถามดังน้ี
สายลบั จ๋ิว -การอา่ นสรุปใจความคืออะไร
-นกั เรยี นใชท้ กั ษะอะไรบ้างในการอา่ นสรุปใจความ
-นกั เรยี นจะนาหลกั การอ่านสรปุ ความไปใช้ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร
*ในการตอบคาถามใหค้ รูใช้ไมเ้ รียกเลขที่ เพื่อใหน้ ักเรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
กอ่ นจะเรยี กเลขที่เพอ่ื ให้ทุกคนได้คดิ ในแตล่ ะคาถามควรให้นกั เรียนนาเสนอ 4-5 คน
2.นักเรียนศึกษาวธิ กี ารอา่ นจับใจความสาคัญจากใบความรู้ และสนทนาเกย่ี วกับการ
อ่านจบั ใจความสาคญั โดยครใู ช้คาถามดังนี้
-การอ่านจบั ใจความสาคญั คอื อะไร
*ในการตอบคาถามให้ครใู ชไ้ มเ้ รียกเลขท่ี เพ่อื ใหน้ ักเรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรียกเลขท่ีเพ่ือให้ทุกคนไดค้ ิดในแต่ละคาถามควรใหน้ ักเรียนนาเสนอ 4-5 คน
ขนั้ ท่ี 2 ขัน้ คดิ วิเคราะห์และสรปุ ความ
2. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ให้แตล่ ะกลุ่มอ่านในใจเรือ่ ง ปฏิบัตกิ ารสายลับจิ๋วจากหนงั สือ
ภาษาพาทีช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3
โดยนาหลักการอา่ นในใจมาใช้ ครสู งั เกตการอ่านของนกั เรยี นแตล่ ะคนว่าปฏิบตั ิได้ถกู ต้อง
ตามหลักการอ่านหรอื ไม่
3. นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกนั สรปุ ใจความสาคญั ของเรอ่ื งปฏบิ ตั กิ ารสายลับจ๋วิ
4.นกั เรียนแต่ละกลุม่ คดิ ประเมินเพอื่ เพิ่มคุณค่าโดยครใู ช้คาถามดังต่อไปน้ี
-นกั เรียนสามารถนาสง่ิ ท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวันได้อย่างไร
ขัน้ ที่ 3 ขั้นปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความรหู้ ลังการปฏบิ ตั ิ
5. นักเรียนทากจิ กรรมการถามตอบจากเร่อื งทศี่ กึ ษา
6. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปหลักการอา่ นจบั ใจความดังน้ี
หลักการจบั ใจความสาคัญ
1. ตั้งจุดมุง่ หมายในการอ่านให้ชัดเจน
2. อา่ นเรอ่ื งราวอย่างครา่ วๆ พอเข้าใจ และเกบ็ ใจความสาคญั ของแต่ละยอ่
หนา้
3. เม่ืออา่ นจบให้ต้งั คาถามตนเองวา่ เรอื่ งที่อา่ น มใี คร ทาอะไร ทไ่ี หน
เมอ่ื ไหร่ อย่างไร
4. นาสงิ่ ท่ีสรุปไดม้ าเรียบเรียงใจความสาคัญใหม่ด้วยสานวนของตนเอง
เพอ่ื ให้เกิดความสละสลวย
ขนั้ ท่ี 4 ขัน้ ส่อื สารและนาเสนอ
7. แตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอผลของการทากิจกรรม การระดมสมองให้เพ่อื นฟัง โดย
ใช้วธิ ีจบั สลาก
*ขณะที่นักเรียนนาเสนอ ครพู ยายามสังเกตพฤตกิ รรมท้ังของผฟู้ ังและผู้
นาเสนอ เพื่อเก็บไปเปน็ ข้อมูลในการพฒั นาปรบั ปรงุ ต่อไป
พฤตกิ รรมทน่ี าไปเปน็ เงื่อนไขพฒั นา เช่น
- มารยาทในการพดู และฟัง
- ความสนใจ ให้เกยี รติ
- การซักถาม เสนอแนวคดิ แยง้ หรอื คลอ้ ยตามอย่างมีเหตผุ ล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพอื่ การสอื่ สาร
8. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณผ์ ลงานของเพื่อน ลกั ษณะ
การนาเสนอของเพือ่ น อยา่ งอิสระ นาจดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย จุดควรพฒั นา สิง่ ท่ีเหมือนกัน และ
แตกต่างกนั ของแตล่ ะกลมุ่ มาแสดงใหน้ กั เรยี นเหน็ ถึงความหลากหลายของความคดิ ซงึ่
ข้ึนอย่กู บั เหตผุ ล
ขั้นที่ 5 ข้นั ประเมินเพือ่ เพมิ่ คุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ
9. นกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ บทเรียน ครูสรุปเพม่ิ เติมดว้ ยการสุม่ ถามนักเรียนบางคน เพ่อื
เปน็ การประเมินความเขา้ ใจไปในตัวดว้ ย
10.นักเรยี นนาความรู้เรื่อง การอา่ นจบั ใจความ ที่ไดเ้ รียนรู้ไปใช้เพือ่ การฝึกทักษะ
การอา่ นส่อื สารและแนะนาเพ่อื นๆ นอ้ ง ๆ หรือคนใกล้ชิด
คาบที่ 3-4 ขน้ั ท่ี 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู
1. นักเรยี นสงั เกตตัวอยา่ งการเขยี นประโยคจากภาพท่คี รูนามาใหด้ แู ล้วรว่ มกนั
การเขยี น สนทนาเกี่ยวกบั การเขยี นประโยคจากภาพ โดยครถู ามเพือ่ โยงเขา้ สสู่ าระการเรียนรแู้ ละ
ประโยคจากภาพ กระตุน้ ความสนใจผูเ้ รียน โดยครูใช้คาถามดังน้ี
- นักเรียนคดิ ว่าการเขยี นประโยคจากภาพมปี ระโยชนอ์ ย่างไร ชว่ ยเสริมสร้าง
พฒั นาการทางด้านใดบ้าง (ท้ังน้ีครพู ิจารณาคาตอบของนักเรียนและสามารถช้แี นะ
เพ่มิ เตมิ ได)้
- การเขยี นประโคจากกภาพควรใช้ภาษาเขียนในลักษณะใด เพราะเหตุใด
- เม่อื เราดภู าพๆ เดยี วกนั หากเราหรือเพื่อนควรเขียนประโยคเหมือนกบั เพ่ือน
หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
2. ครตู ั้งคาถามเพ่อื กระตุ้นให้นกั เรียนอยากคน้ หาคาตอบ เชน่
- ทาไมเราจงึ ต้องฝกึ การเขยี นประโยคจากภาพ (คาถามน้ียงั ไมต่ อ้ งให้
นกั เรยี นตอบ แต่จะให้ตอบในขน้ั ตอนของการสรุปความ)
หลงั จากนน้ั ให้นกั เรยี นศึกษาเรอ่ื ง การเขยี นประโยคจากภาพ
ขั้นท่ี 2 ขัน้ คิดวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. ครูนารปู มาให้นกั เรยี นทกุ คนดู 1 รูป ตา่ งคนตา่ งคิดวิเคราะหร์ ูปดงั กล่าว แลว้
สนทนาโดยครูใชค้ าถามดงั นี้
- จากรูปท่ีเหน็ นักเรียนคดิ ว่าเป็นรปู อะไร
- การแต่งประโยคจากภาพมีความสาคัญอย่างไร
- ภาพท่ีนกั เรยี นเห็นมอี งค์ประกอบอะไรบา้ ง
- จากภาพนักเรียนสามารถแตง่ ประโยคได้อย่างไร
(การถามควรใชไ้ มเ้ รียกเลขทส่ี ุ่มตอบ 4-5 คน เพือ่ เป็นการสร้างบรรยากาศ
ความตื่นเต้นในการตอบคาถาม และเปน็ วธิ ีการทีด่ ีอยา่ งหนง่ึ ในการควบคมุ ชน้ั เรยี น)
4.นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ คิดประเมินเพื่อเพมิ่ คุณค่าโดยครูใชค้ าถามดังต่อไปน้ี
-นกั เรยี นสามารถนาเร่ืองทเ่ี รียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร
คาบที่ 5-6 ข้นั ที่ 3 ข้ันปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏิบตั ิ
5. ครูแบง่ นักเรยี นออกเป็น 4 กลุ่ม สมาชิกในกลมุ่ ช่วยกันวเิ คราะหภ์ าพแลว้ แต่ง
สระ ประโยคใหส้ อดคลอ้ งกับภาพทีก่ าหนด
6.นักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความสาคัญของการแต่งประโยคจากภาพ ครอู ธิบายเพิม่ เติม
เก่ียวกบั องค์ประกอบของประโยค
ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สื่อสารและนาเสนอ
7. นกั เรียนแต่ละกลุม่ นาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน เพอื่ นกลุม่ อื่นรว่ มกันแสดง
ความคดิ เหน็
8. นกั เรียนร่วมกนั คดั เลือกประโยคทีช่ อบมากทีส่ ดุ 3 อนั ดับ แลว้ นาไปจัดแสดงท่ี
ป้ายนเิ ทศหนา้ ชั้นเรียน
ข้ันท่ี 5 ข้นั ประเมินเพื่อเพมิ่ คุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ
9. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ สาระสาคญั ของเร่อื ง การแต่งประโยคจากภาพ
10.นักเรียนนาความรู้เร่ือง การแตง่ ประโยคจากภาพทไี่ ด้เรยี นรู้ไปใช้เพอ่ื การฝึก
ทกั ษะการเขียนสื่อสารและแนะนาเพอื่ นๆ น้อง ๆ หรือคนใกล้ชดิ ในเรอ่ื งการฝึกแตง่ ประโยค
จากภาพ
ข้นั ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมข้อมลู
1. นักเรียนดูภาพแล้วสนทนาเกยี่ วกบั ผลไมท้ มี่ ีอย่ใู นภาพ
2. นักเรียนออกมาเขยี นช่อื ผลไม้ท่ีมอี ยู่ในภาพ ได้แก่ ทุเรียน สับปะรด ขนุน ส้ม
โอ เงาะ ลาไย สละ กล้วย มงั คดุ มะม่วง ฝรัง่ ชมพู่
3. นกั เรยี นช่วยกันตรวจคาท่ีเพ่ือนเขยี น โดยครูตดิ บตั รคาเพอ่ื ตรวจสอบความ
ถกู ตอ้ ง
ทเุ รียน ส้มโอ สละ มะมว่ ง
สบั ปะรด เงาะ กล้วย ชมพู่
ขนนุ ลาไย มงั คดุ ฝร่ัง
4. นกั เรยี นอ่านออกเสียง สังเกตและแยกสว่ นประกอบของคาโดยใหส้ ังเกตรปู สระ
และเสยี งสระ
อะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู เอะ เอ แอะ แอ เออะ เออ โอะ โอ เอาะ ออ
5. นักเรยี นศึกษาความรู้เรื่องสระ
ขน้ั ท่ี 2 ขั้นคิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
6.นักเรียนอา่ นกลอนดอกสรอ้ ย จากแผนภูมิกลอนบนกระดานตามครู แล้วรว่ มกัน
วเิ คราะหโ์ ดยครูใชค้ าถามดังน้ี
กลอนดอกสร้อย
เด็กเอ๋ยเด็กนอ้ ย ความรู้เจา้ ยงั ดอ้ ยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญเ่ จา้ จะไดม้ ีวชิ า เป็ นเครื่ องหาเล้ียงชีพสาหรับตน
ไดป้ ระโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลาบากตรากตรากจ็ าทน เกิดเป็นคนควรหมน่ั ขยนั เอย
-จากกลอนทีน่ กั เรยี นอ่านมีคาใดบ้างทป่ี ระสมดว้ ยสระดงั ตอ่ ไปน้ี
เอีย เอือ อวั
*ในการยกตัวอย่างคาจากแผนภูมิเพลงใหค้ รูใชไ้ ม้เรียกเลขทเี่ รียกนักเรยี นตอบที
ละคน
7.นักเรียนอา่ นออกเสยี งคาตามบตั รคาต่อไปนี้
ตำ ใต้ ไต้ เตำ
ครูรว่ มสนทนากบั นกั เรยี น โดยใชค้ าถามดังนี้
-จากการอ่านออกเสียง สระ อา ออกเสยี งเหมือนมีตวั อะไรสะกด
(ม เปน็ ตวั สะกด)
สระ ใอ ออกเสยี งเหมือนมีตัวอะไรสะกด
(ย เป็นตัวสะกด)
สระ ไอ ออกเสียงเหมือนมีตวั อะไรสะกด
(ย เป็นตวั สะกด)
สระ เอา ออกเสยี งเหมือนมีตัวอะไร
สะกด (ว เป็นตัวสะกด)
8. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ คดิ ประเมินเพือ่ เพม่ิ คุณค่าโดยครใู ชค้ าถามดังต่อไปน้ี
-นกั เรยี นสามารถนาเรื่องท่เี รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้อย่างไร
ข้ันท่ี 3 ขน้ั ปฏิบตั แิ ละสรปุ ความร้หู ลังปฏิบตั ิ
9.นักเรียนเล่นทายคาปริศนาโดยครอู ่านคาปริศนาให้ฟัง เมื่อนักเรียนตอบถูกให้
ออกมาเขยี นคานน้ั บนกระดานทลี ะข้อจนครบ ดงั นี้
1) ดอกไมอ้ ะไร ขนึ้ อยูใ่ นน้า
คนซ้ือประจา นาบูชาพระ (บัว)
2) ฉันคอื ดอกไม้ ใหบ้ ชู าแม่
สีขาวแน่แท้ กราบแม่ขอบคุณ (มะล)ิ
3) ราชินดี อกไม้ ชืน่ ใจสสี วย
มีหนามคมด้วย ร่ารวยสสี ัน (กหุ ลาบ)
4) ฉันคือสถานท่ี มคี ุณหนหู นู
และเหล่าคุณครู เรยี นรู้ร่วมกัน (โรงเรียน)
5) ลมช่วยพาฉัน พลันเคลอ่ื นที่ไป
ใบกางทันใด ว่งิ ในทะเล (เรอื ใบ)
นักเรยี นอ่านออกเสียงคาเหล่าน้ันบนกระดาน สงั เกตสระของแตล่ ะคา แลว้ ให้
นกั เรียนบอกชื่อสระทีป่ ระสมและเสีย
สระของคานนั้ ๆ ดังนี้
คา สระ เสียงสระ
บัว -วั ยาว
มะลิ -ะ, -ิ สัน้ , ส้นั
กหุ ลาบ -,ุ -า สนั้ , ยาว
โรงเรยี น โ-, เ -ยี ยาว, ยาว
เรือใบ เ –ือ, ใ - ยาว, สนั้
10. นักเรยี นอ่านบตั รคาท่คี รตู ิดบนกระดานแล้วช่วยกันบอกเสียงสระของคา
ฉุกเฉนิ มดงาน เซ็งแซ่ โด่งดัง ฟฟู อ่ ง สวนครัว
11. นกั เรยี นและคุณครูร่วมกนั สรปุ ความรู้เรอ่ื ง สระ ดงั น้ี
สระเดีย่ วหรือสระแทม้ ีเสียงสั้น-ยาวเปน็ คู่กนั ดังน้ี อะ-อา / อิ-อี / อึ-ออื
/ อุ-อู / เอะ-เอ / แอะ-แอ /
โอะ-โอ / เอาะ-ออ / เออะ-เออ
สระประสมเปน็ เสียงสระเดย่ี ว 2 เสยี ง ประสมกนั มเี สียงส้นั -ยาว เป็นคู่
กันดงั นี้
เอียะ(อี+อะ) – เอีย(อี+อา)
เออื ะ(อึ+อะ) – เอือ(อือ-อา)
อัวะ(อ+ุ อะ) – อวั (อู+อา)
สระท่ีมเี สยี งพยญั ชนะท้าย
อา(อะ+ม) (เปน็ สระท่ีมีเสียง ม อยู่ทา้ ย)
ไอ(อะ+ย) (เป็นสระทมี่ ีเสียง ย อยูท่ ้าย)
ใอ(อะ+ย) (เป็นสระทีม่ ีเสียง ย อยู่ท้าย)
เอา(อ+ว) (เป็นสระท่มี เี สียง ว อยทู่ ้าย)
12. นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั เรอ่ื งสระ
ข้นั ที่ 4 ขนั้ สื่อสารและนาเสนอ
13. นักเรยี นนาเสนอการทาแบบฝึกหดั โดยใช้ไมเ้ รยี กเลขท่เี รียกออกมานาเสนอทลี ะ
ข้อ เพ่ือเปน็ การทบทวนและตรวจสอบความถูกต้อง
ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ เพ่ือเพิม่ พูนคุณค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ
14. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามดงั นี้
-นักเรยี นสามารถนาความรเู้ กี่ยวกับเร่อื งที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้
อย่างไร
3.3 คุณลกั ษณะอังพงึ ประสงค์ : Attitude (A) มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นใน
การทางาน รกั ความเป็นไทยมจี ิตสาธารณะ
6. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ :
การประเมิน วิธกี าร เครื่องมอื
- คาถาม
ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝกึ หัด
- แบบประเมนิ การอ่านในใจ
- ทาแบบฝกึ หัด - แบบประเมินการอ่านออกเสียง
- แบบประเมินการคัดลายมือ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทกั ษะการอา่ นในใจ - แบบฝึกหัด
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- ทกั ษะการอ่านออกเสียง
- ทกั ษะการเขียน
- ทกั ษะการอา่ น
ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม - สงั เกตพฤติกรรมในการร่วม
(A) กจิ กรรม การทางานกลุม่
7. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ิต
2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ติ
3) วัสด-ุ อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที่ 1 เชน่ แผนภาพกลมุ่ พชื เป็นต้น
4) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง จาแนกส่งิ มีชวี ติ
5) PowerPoint เรอื่ ง กลมุ่ สิ่งมชี ีวิต
6) สมุด
7) ลูกอมสตี า่ งๆ
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมุด
3) อินเทอร์เนต็
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................ ............................................................................
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ่ี 2
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนท่ี 1/……………….. ชื่อผู้สอน ….………………………………………………..……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จานวน 6 คาบ
เรอื่ ง ปฏบิ ัตกิ ารสายลับจ๋ิว
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ
ดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รักการอ่าน
ตวั ช้ีวัดที่ ป 3/1 อ่านออกเสียงคา ข้อความ เรอ่ื งสน้ั ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คล่องแคล่ว
ตวั ชวี้ ดั ที่ ป 3/2 อธิบาย ความหมายของคา และข้อความท่อี า่ น
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/9 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/2 เขียนบรรยายเกย่ี วกับส่งิ ใดสิ่งหน่ึงได้อย่างชัดเจน
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป 3/6 มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของ
ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป 3/1 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
ตัวชีว้ ดั ท่ี ป 3/7 เลอื กใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ ค่า
และนามาประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 3/4 ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้องกรองทม่ี คี ุณค่าตามความสนใจ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอา่ นจับใจความสาคญั คือ การอา่ นเพ่ือจับใจความหรอื ขอ้ คิด ความคิดสาคัญหลกั ของข้อความ
หรือเร่ืองทอี่ ่าน การอ่านจับใจความสาคัญ ถือเปน็ ทักษะสาคญั ที่ใชใ้ นการอา่ นเพ่ือการสื่อสารมากท่สี ุด เพราะ
เป็นพืน้ ฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายคาท่ใี ช้ ฑ (K)
2. ระบุข้อคิดทีไ่ ดจ้ ากการท่องจาบทอาขยาน (K)
3. ร้แู ละเข้าใจหลักการเขยี นประโยคจากภาพ (K)
4. รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การเขียนคาสุภาพ (K)
5. ท่องจาบทอาขยาน (P)
6. เขียนประโยคจากภาพไดถ้ ูกตอ้ ง (P)
7. อา่ นและเขียนคาที่ใช้ ฑ (P)
8. สามารถแสดงบทบาทสมมุตเิ ก่ยี วกับคาสุภาพได้ (P)
9. ตระหนักในความสาคญั ของข้อคิดทีไ่ ด้จากการทอ่ งจาบทอาขยาน (A)
10. กระตอื รอื รน้ ในการเข้ารว่ มกิจกรรมการเขยี นประโยคจากภาพ (A)
11. เหน็ ความสาคัญในการอา่ นและเขยี นคาที่ใช้ ฑ (A)
12. กระตือรอื รน้ และมสี ่วนรว่ มกับการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
การอ่านจบั ใจความบทอาขยาน การเขยี นประโยค
จากภาพ พยญั ชนะ ฑ การใช้ถอ้ ยคาสุภาพ
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบที่ 1-2 ขัน้ ที่ 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู
1. คุณครูสนทนาซักถามนักเรยี นโดยใชค้ าดงั นี้
การอา่ นจับ -เคยคิดหรือไม่ว่า เพราะเหตใุ ดเราจึงตอ้ งอา่ นออกเสยี งบทอาขยาน (พิจารณาตาม
ใจความบท คาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)
อาขยาน 2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจ มลู เหตุของการท่องบทอาขยาน เพื่อให้นกั เรียนสนใจ
ใครร่ ู้
ขัน้ ที่ 2 ข้นั คิดวิเคราะห์และสรุปความ
3. นกั เรียนดูซีดกี ารอ่านออกเสียงบทอาขยานหลัก เรื่องผู้ชนะ แลว้ สนทนาซักถาม
นักเรยี นโดยใชค้ าถามดังนี้
-บทอาขยานทน่ี ักเรยี นอ่านมใี จความอย่างไร
-ข้อคิดทไ่ี ด้จากบทอาขยานคอื
4. ครูอธบิ ายเก่ียวกับหลกั การท่องบทอาขยาน เพ่อื ใหก้ ารอ่านออกเสยี งมีประสทิ ธภิ าพ
ควรฝกึ ฝนดงั นี้
1. ฝกึ เปลง่ เสียงใหพ้ อประมาณ ไมต่ ะโกน ควรบังคับเสยี ง เนน้ เสียงปรับ
ระดบั เสียงสูงตา่ ให้สอดคลอ้ งกับจังหวะลลี า ท่วงทานอง และเนื้อหาท่อี ่าน
2. ทอ่ งด้วยน้าเสียงทชี่ ัดเจน แจ่มใส ไพเราะ มีกระแสเสียงเดยี ว ไม่แตกพรา่
เปลง่ เสยี งจากลาคอโดยตรงด้วยความมน่ั ใจ
3. ทอ่ งออกเสยี งให้ถูกอักขระวธิ ีหรือความนยิ มและตอ้ งเขา้ ใจเนือ้ หาของบท
อาขยานก่อน
4. ออกเสียง ร ล ควบกล้าใหช้ ัดเจน
5. ทอ่ งให้ถูกจังหวะวรรคตอน
5.นกั เรียนคิดประเมินเพื่อเพ่มิ คณุ ค่าโดยครูถามคาถามดงั ต่อไปน้ี
-นักเรยี นสามารถนาเรื่องบทอาขยานไปใชใ้ นชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
ขัน้ ท่ี 3 ข้ันปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความร้หู ลังการปฏบิ ตั ิ
6. นักเรียนฝึกอ่านออกเสียงบทอาขยานพร้อมกัน 2-3 รอบ ครูสังเกตการอ่านออก
เสยี ง และการเว้นวรรคตอน
7. แบ่งนักเรยี นออกเป็นกลุ่ม จากน้ันใหน้ กั เรียนฝกึ อ่านบทอาขยาน
คาบท่ี 3-4 ขน้ั ท่ี 4 ข้ันสอ่ื สารและนาเสนอ
8. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอการอ่านบทอาขยานหน้าชัน้ เรยี น ในข้ันตอนนี้
การเขยี น
นักเรยี นยังท่องจาไม่ได้ครูสามารถใหน้ กั เรยี นดบู ทอาขยานได้แต่ให้สังเกตการอ่านของแตล่ ะ
กลมุ่ พรอ้ มทัง้ เสนอแนะวธิ ีแก้ไข
9.ครูนัดหมายนักเรียนท่องบทอาขยานกับครูเปน็ รายบคุ ล
ข้นั ที่ 5 ข้ันประเมินเพ่ือเพ่มิ คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
10. นักเรียนช่วยกันสรปุ บทเรียน ครูสรุปเพิ่มเตมิ ด้วยการส่มุ ถามนกั เรียนบางคนเพอ่ื
เปน็ การประเมนิ ความเข้าใจไปในตวั ด้วย
11.นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามดังนี้
-นักเรียนสามารถนาความรเู้ กย่ี วกับเรอ่ื งที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสงั คมได้
อย่างไร
ขนั้ ที่ 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรยี นสังเกตตวั อยา่ งการเขียนประโยคจากภาพท่คี รนู ามาใหด้ แู ลว้ ร่วมกัน
ประโยคจากภาพ สนทนาเก่ียวกับการเขียนประโยคจากภาพ โดยครูถามเพือ่ โยงเข้าส่สู าระการเรียนรแู้ ละ
กระตุ้นความสนใจผเู้ รียน โดยครูใช้คาถามดังนี้
- นกั เรียนคดิ วา่ การเขยี นประโยคจากภาพมปี ระโยชน์อยา่ งไร ชว่ ยเสรมิ สร้าง
พฒั นาการทางดา้ นใดบ้าง (ท้งั นี้ครพู จิ ารณาคาตอบของนักเรยี นและสามารถชแ้ี นะ
เพมิ่ เตมิ ได)้
- การเขยี นประโคจากกภาพควรใช้ภาษาเขียนในลักษณะใด เพราะเหตุใด
- เมื่อเราดูภาพๆ เดยี วกนั หากเราหรอื เพื่อนควรเขียนประโยคเหมอื นกบั
เพอ่ื นหรือไม่ เพราะเหตุใด
2. ครตู ้งั คาถามเพอื่ กระต้นุ ใหน้ ักเรียนอยากค้นหาคาตอบ เชน่
- ทาไมเราจงึ ต้องฝกึ การเขียนประโยคจากภาพ (คาถามนย้ี งั ไมต่ อ้ งให้
นักเรียนตอบ แต่จะให้ตอบในข้ันตอนของการสรุปความ)
หลังจากนั้นให้นักเรียนศึกษาเรื่อง การเขียนประโยคจากภาพ
ขัน้ ที่ 2 ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ
3. ครนู ารูปมาให้นกั เรยี นทุกคนดู 1 รูป ตา่ งคนตา่ งคดิ วเิ คราะหร์ ปู ดงั กล่าว แลว้
สนทนาโดยครูใช้ถามดงั น้ี
- จากรปู ที่เห็นนักเรียนคดิ ว่าเป็นรปู อะไร
- การแต่งประโยคจากภาพมีความสาคญั อย่างไร
- ภาพทนี่ กั เรียนเห็นมอี งค์ประกอบอะไรบ้าง
-จากภาพนกั เรียนสามารถแตง่ ประโยคไดอ้ ย่างไร
(การถามควรใชไ้ มเ้ รียกเลขท่สี ุ่มตอบ 4-5 คน เพ่ือเป็นการสร้างบรรยากาศ
ความต่นื เต้นในการตอบคาถาม และเป็นวธิ ีการทีด่ อี ย่างหนงึ่ ในการควบคมุ ชนั้ เรยี น)
4.นกั เรียนแต่ละกลมุ่ คิดประเมนิ เพอ่ื เพ่มิ คุณคา่ โดยครูใช้คาถามดังต่อไปนี้
-นักเรยี นสามารถนาเรื่องท่ีเรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างไร
ขั้นท่ี 3 ขน้ั ปฏิบตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏิบตั ิ
5. ครแู บ่งนักเรยี นออกเป็น 4 กลมุ่ สมาชิกในกลุ่มชว่ ยกนั วเิ คราะหภ์ าพแล้วแต่ง
ประโยคให้สอดคล้องกบั ภาพที่
กาหนด
6.นักเรียนรว่ มกนั สรุปความสาคัญของการแตง่ ประโยคจากภาพ ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ
เก่ียวกบั องค์ประกอบของประโยค
ข้ันที่ 4 ขัน้ สอ่ื สารและนาเสนอ
7. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน เพือ่ นกลมุ่ อ่ืนรว่ มกันแสดง
คาบท่ี 5 ความคิดเห็น
8. นักเรียนร่วมกันคดั เลือกประโยคทช่ี อบมากทสี่ ุด 3 อนั ดับ แลว้ นาไปจดั แสดงที่
พยัญชนะ ฑ
ปา้ ยนเิ ทศหนา้ ช้ันเรียน
ข้ันที่ 5 ขั้นประเมินเพอ่ื เพม่ิ คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคญั ของเรอ่ื ง การแต่งประโยคจากภาพ
10.นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามดังน้ี
-นกั เรียนสามารถนาความรเู้ กีย่ วกับเรื่องทีเ่ รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้
อย่างไร
ขัน้ ที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมลู
1. นักเรียนอ่านบตั รคาต่อไปน้ี มณโฑ มณฑล และรว่ มกนั สนทนา โดยครูใช้
คาถามดงั นี้
-คาท่นี ักเรยี นอ่านมสี ่งิ ในที่เหมอื นกนั บา้ ง
- จากพยญั ชนะ ฑ ท่นี กั เรียนเห็นเปน็ พยญั ชนะของไทยตวั ท่ีเท่าไหร่ใน
พยัญชนะ 44 ตวั
- ในปัจจุบนั มีคาที่เขยี นดว้ ยตัว ฑ หรือไม่ และถา้ มใี ห้นกั เรยี นช่วยยกตวั อยา่ ง
คาทพ่ี บเห็นเพ่อื เปน็ การแลกเปล่ียนความร้กู ับเพ่อื นๆในห้องเรยี น
2. นักเรียนศึกษาเรอื่ งคาท่ีใช้ ฑ แล้วรว่ นกันสนทนา
ข้ันที่ 2 ขัน้ คดิ วิเคราะห์และสรุปความ
3. นกั เรยี นอา่ นแผนภูมิคาที่ใช้ ฑ ตามครูทีละวรรค และรว่ มวิเคราะห์โดยครใู ช้
คาถามดังน้ี
บณั ฑิตขน้ึ มณฑป มณโฑและมณฑล
เสียงกระทบกลองบณั เฑาะว์ ฑ เลน่ กลออกเสยี ง ทอ
บณั ฑุเหลืองอ่อนเหมาะ มณฑากณุ ฑหี ม้อ
เสียงไพเราะออกเสยี ง ดอ ทัณฑสถานและจัณฑาล
-คาที่มี ฑ ประสมอยใู่ นคามอี ะไรบา้ ง
-คาทีอ่ ่านในแผนภูมิท้งั สองแตกต่างกันอยา่ งไร (แผนภูมทิ ่ีหน่ึงอา่ นออกเสียง
ด แผนภูมทิ ส่ี องอ่านออกเสยี ง ท)
4.นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ คิดประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคุณค่าโดยครใู ช้คาถามดังตอ่ ไปนี้
-นกั เรียนสามารถนาเร่ืองทเ่ี รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวันได้อยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏบิ ัติและสรปุ ความรหู้ ลังปฏบิ ตั ิ
5. นกั เรยี นเขา้ กลุ่มทากิจกรรมสารวจคาท่ใี ช้ ฑ แตล่ ะกลุ่มนาเสนอคาทส่ี ารวจได้
ครเู ขยี นคาท่นี ักเรียนนาเสนอบนกระดานดา แล้วอา่ นพรอ้ มกัน
6. นกั เรียนอา่ นคาจากบตั รคาและหาความหมาย (ให้ใช้คาจากแบบฝกึ หัด)
7.นกั เรียนร่วมกนั สรุปความร้เู รอื่ ง ฑ ดังนี้
( การอา่ นตัว ฑ ในภาษาบาลแี ละสนั สกฤตจะอา่ นออกเสียงเป็น ด เสยี งขึน้
นาสกิ แตเ่ มอ่ื นามาใชใ้ นภาษาไทย จะออกเสียงในการอา่ นสองแบบ คอื
- อา่ นเป็นเสียง ด เมื่ออา่ นตามวิธกี ารของภาษาบาลีและสนั สกฤต คาไดท่ี
อ่านออกเสียงเปน็ ด มกั จะมเี สียงสัน้ หรอื เป็นคาตาย เช่น บัณฑุ บัณฑิต มณฑป
ภัณฑารักษ์ บัณเฑาะว์ ฯลฯ
- อ่านเป็นเสยี ง ท เม่อื อา่ นตามแบบของภาษาไทย คาทอี่ า่ นออกเสยี งเปน็ ท
มักจะมีเสียงยาว หรือ เปน็ คาเปน็ เช่น มณโฑ มณฑล ขัณฑสกร มณฑา บิฯฑบาต
ฯลฯ )
8.นักเรียนทาแบบฝึกหัดเร่ืองคาท่ใี ช้ ฑ
ข้นั ท่ี 4 ข้นั สอ่ื สารและนาเสนอ
9.นกั เรียนนาเสนอการทาแบบฝึกหัดหน้าชน้ั เรียน โดยครใู ชไ้ ม้เรยี กเลขท่เี รียกให้
นักเรียนนาเสนอทีละข้อ
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพ่ือเพ่ิมพนู คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
10.นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามดงั น้ี
-นกั เรยี นสามารถนาความรูเ้ กย่ี วกับเรอ่ื งท่เี รียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อยา่ งไร
คาบท่ี 6 ขั้นที่ 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู
การใชถ้ อ้ ยคา 1. นักเรียนทุกคนอ่านออกเสียงบัตรคาที่ครเู ตรยี มมา ดังน้ี
สุภาพ
ตีน หวั ตดู ข้มี ูก ออกลูก(คน)
ออกลกู (สตั ว์) ตด รู้ เกอื ก ช้างตัวผู้
ชา้ งตวั เมีย หมู หมา วัว ควาย
แลว้ รว่ มสนทนาโดยครใู ช้คาถามดงั น้ี
- เมื่อนกั เรยี นอ่านออกเสียงคาศพั ทด์ งั กล่าวแลว้ รู้สกึ อย่างไร เพราะเหตใุ ดจึง
รู้สึกเชน่ น้นั
- นกั เรียนสามารถนาคาดงั กล่าวไปใช้ในชีวติ ประจาวันไดห้ รือไม่ เพราะเหตุ
ใด
- หากนักเรยี นไมพ่ ดู คาดังกล่าวนกั เรียนมีคาอน่ื มาใช้แทนหรือไมอ่ ยา่ งไร
* ในการถามควรใชไ้ ม้เรียกเลขท่ีส่มุ ตอบทีละคนโดยถามคาถามกอ่ นจะเรียก
เลขท่เี พือ่ ให้ทุกคนได้คิดและเพื่อเปน็ การสรา้ งบรรยากาศความต่ืนเตน้ ในการอยากตอบ
คาถามทง้ั ยังเป็นวิธกี ารท่ีดอี ย่างหนง่ึ ในการควบคมุ ชั้นเรยี น
2. นักเรียนร่วมกนั ศกึ ษาเร่ืองคาสุภาพ
ขัน้ ที่ 2 ขนั้ คิดวเิ คราะห์และสรปุ ความ
3. นกั เรียนร่วมสนทนาวเิ คราะหเ์ ก่ียวกบั คาสภุ าพ โดยครูใช้คาถามดังนี้
-คาสุภาพหมายถงึ
-สาเหตุท่ีต้องมีคาสุภาพใช้
-ทาอยา่ งไรจงึ จะใช้คาสุภาพได้ถกู ตอ้ ง
4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณคา่ โดยครใู ชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้
-นักเรยี นสามารถนาสง่ิ ที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร
ข้นั ท่ี 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั ปฏิบัติ
5. นกั เรยี นเขา้ กลมุ่ เล่นเกมคาสภุ าพ โดยครูติดรูปภาพคาสภุ าพบนกระดาน แลว้
แจกบตั รคาให้แตล่ ะกลุ่มออกมา
ตดิ คาสุภาพที่ไดใ้ หต้ รงกับภาพ สมาชิกในหอ้ งเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง
6. นักเรียนฝกึ อ่านคาสุภาพและบอกความหมาย (ใช้คาจากแบบฝึกหดั )
7. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เร่อื งคาสภุ าพ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ดังน้ี
สภุ าพ เป็นคาท่พี ดู เขียน เพ่ือสอ่ื ความหมายท่สี ุภาพชนท่ัวไปใช้กัน ท้ังท่ใี ช้
เป็นทางการ และไมใ่ ชเ้ ปน็
ทางการ แต่เมอ่ื ใช้พูด เขียน อ่านและฟังแลว้ ทาให้เกดิ ความสุภาพ ไพเราะ แสดงถงึ อปุ นสิ ยั
ของผู้ใชแ้ ละเปน็ การให้ความเคารพ
8. นกั เรียนทาแบบฝกึ หัด
ขน้ั ท่ี 4 ข้นั ส่ือสารและนาเสนอ
9.นักเรียนนาเสนอการทาแบบฝกึ หัดหน้าชั้นเรยี น โดยครใู ช้ไม้เรยี กเลขท่ีเรียกให้
นักเรยี นนาเสนอทีละขอ้
ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั ประเมินเพือ่ เพมิ่ พนู คุณค่าบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
10.นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามดงั น้ี
-นกั เรียนสามารถนาความรูเ้ ก่ยี วกับเรือ่ งที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสงั คมได้
อยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ : Attitude (A) มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ม่งุ มั่นใน
การทางาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ
6. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ :
การประเมนิ วธิ ีการ เครือ่ งมอื
- คาถาม
ด้านความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝึกหดั
- แบบประเมนิ การอ่านในใจ
- ทาแบบฝกึ หดั - แบบประเมนิ การอ่านออกเสยี ง
- แบบประเมินการคัดลายมือ
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - ทกั ษะการอ่านในใจ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
- ทกั ษะการอา่ นออกเสียง
- ทักษะการเขียน
ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤติกรรมในการร่วม
คา่ นยิ ม (A) กิจกรรม การทางานกลุ่ม
7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 2. ไม้เรียกชื่อ 3. หนงั สือเรยี นภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3
7.1 สอ่ื การเรียนรู้ 5. รปู ภาพ 6. แผนภูมิคา ฑ
1. แบบฝกึ หัด 8.บทอาขยาน
4. คาถาม
7.เกมคาสภุ าพ
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................ครผู ูส้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ท่ี 3
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี 1/……………….. ชอื่ ผ้สู อน ….………………………………………………..……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จานวน 6 คาบ
เรื่อง แต่เดก็ ซอ่ื ไว้
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคิดเพ่อื นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการ
ดาเนนิ ชวี ติ และมีนสิ ยั รกั การอ่าน
ตวั ชี้วดั ท่ี ป 3/1 อา่ นออกเสยี งคา ขอ้ ความ เรื่องส้นั ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ ูกต้อง คลอ่ งแคลว่
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 3/2 อธิบาย ความหมายของคา และขอ้ ความทีอ่ ่าน
ตัวช้ีวัดท่ี ป 3/3 ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล เกีย่ วกบั เรื่องท่ีอ่าน
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/4 ลาดับเหตกุ ารณแ์ ละคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรือ่ งที่อา่ นโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ
ตวั ชีว้ ัดที่ ป 3/5 สรปุ ความรแู้ ละข้อคดิ จากเรอ่ื งท่ีอา่ นเพอื่ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
ตัวช้วี ดั ที่ ป 3/9 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวชี้วัดท่ี ป 3/4 เขียนจดหมายลาครู
ตัวชี้วัดท่ี ป 3/6 มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 3/1 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอ่านจบั ใจความสาคัญ คือ การอ่านเพอ่ื จับใจความหรือข้อคดิ ความคิดสาคญั หลกั ของข้อความ
หรอื เร่ืองทอ่ี า่ น การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถอื เปน็ ทักษะสาคญั ทีใ่ ช้ในการอ่านเพ่อื การสอื่ สารมากท่สี ุด เพราะ
เป็นพื้นฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจับใจความสาคัญ (K)
2. ข้าใจรูปแบบการเขียนจดหมายลาครูและสามารถอธิบายได้ (K)
3. อธิบายลักษณะของสระเปลี่ยนรูป (K)
4. อธบิ ายความหมายของคาที่อา่ น (K)
5. อา่ นเรอื่ งไดค้ ลอ่ งแคล่ว รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอักขรวิธี (P)
6. แยกขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเหน็ จากเร่อื งทอ่ี า่ น (P)
7. เขียนจดหมายลาครไู ดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (P)
8. อา่ นออกเสยี งคาตามรูปสระ (P)
9. เห็นความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอา่ น (A)
10. เห็นความสาคญั ของการเขียนจดหมายลาครูตามรูปแบบท่ถี ูกต้อง (A)
11. ใฝ่เรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ จากคาท่ีกาหนดให้ (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
การอา่ นจับใจความแตเ่ ดก็ ซื่อไว้ การเขยี นจดหมาย
ลาครู สระเปลี่ยนรปู
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบท่ี 1-2 ข้ันท่ี 1 ข้ันรวบรวมข้อมลู
1.นักเรียนดูแผนภมู ิเพลง “อ่านในใจ” แล้วอ่านออกเสยี งพร้อมกนั รอ้ งเป็นเพลง
การอ่านจับ ตามครู 1 เที่ยว แล้วให้นักเรียนรอ้ งเอง 2 เท่ยี ว ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกบั
ใจความแตเ่ ดก็ เน้ือหาของเพลง โดยครูถามนาเพอ่ื โยงเข้าสู่สาระการเรยี นรแู้ ละกระตนุ้ ความสนใจของ
ซ่ือไว้ ผเู้ รียนโดยครูถามคาถามดังน้ี
-การอา่ นสรปุ ใจความคืออะไร
-นกั เรยี นใชท้ ักษะอะไรบ้างในการอา่ นสรุปใจความ
-นักเรยี นจะนาหลักการอ่านสรปุ ความไปใช้ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
*ในการตอบคาถามให้ครูใช้ไม้เรยี กเลขที่ เพื่อให้นกั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
กอ่ นจะเรยี กเลขที่เพ่ือให้ทุกคนไดค้ ิด ในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรียนนาเสนอ 4-5 คน
2.นกั เรียนศกึ ษาวธิ ีการอ่านจบั ใจความสาคัญจากใบความรู้ และสนทนาเกยี่ วกบั การ
อา่ นจบั ใจความสาคัญโดยครใู ชค้ าถามดงั น้ี
-การอ่านจับใจความสาคัญคืออะไร
*ในการตอบคาถามใหค้ รูใช้ไมเ้ รียกเลขที่ เพือ่ ให้นักเรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
กอ่ นจะเรยี กเลขท่ีเพอื่ ให้ทุกคนได้คดิ ในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรยี นนาเสนอ 4-5 คน
ขนั้ ท่ี 2 ข้ันคิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ให้แตล่ ะกลมุ่ อ่านในใจเรือ่ งเด็กเอ๋ยเด็กนอ้ ย จากหนังสือภาษาพา
ทชี นั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
โดยนาหลกั การอ่านในใจมาใช้ ครูสังเกตการอา่ นของนักเรยี นแตล่ ะคนวา่ ปฏิบัตไิ ด้ถกู ต้อง
ตามหลักการอ่านหรอื ไม่
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สรุปใจความสาคัญของเรือ่ งเด็กเอ๋ยเดก็ นอ้ ย
5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมินเพอ่ื เพมิ่ คุณค่าโดยครูใชค้ าถามดังต่อไปน้ี
-นักเรยี นสามารถนาส่ิงที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งไร
ข้นั ท่ี 3 ขัน้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความร้หู ลงั การปฏบิ ัติ
6. นักเรียนทากจิ กรรมการถามตอบจากเรอ่ื งทศี่ กึ ษา
7. นกั เรยี นร่วมกันสรปุ หลักการอ่านจบั ใจความดงั น้ี
หลักการจับใจความสาคัญ
1. ตงั้ จุดมุ่งหมายในการอ่านใหช้ ัดเจน
2. อา่ นเร่อื งราวอย่างครา่ วๆ พอเข้าใจ และเกบ็ ใจความสาคัญของแตล่ ะย่อ
หนา้
3. เมือ่ อา่ นจบให้ตง้ั คาถามตนเองว่า เรอ่ื งท่ีอา่ น มีใคร ทาอะไร ท่ีไหน
เมอ่ื ไหร่ อย่างไร
4. นาส่ิงท่สี รุปไดม้ าเรยี บเรยี งใจความสาคัญใหมด่ ว้ ยสานวนของตนเอง
เพอื่ ให้เกิดความสละสลวย
ขัน้ ที่ 4 ขน้ั สื่อสารและนาเสนอ
8. ครสู ุ่มให้นกั เรียนออกมานาเสนอข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการอา่ นเรอื่ งเด็กเอ๋ยเด็กนอ้ ย โดยใช้
ไมเ่ รียกเลขที่เรียกออกมานาเสนอ
ขนั้ ท่ี 5 ขั้นประเมนิ เพ่ือเพ่ิมคุณค่าบรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
9. นักเรยี นช่วยกันสรปุ บทเรยี น ครสู รปุ เพิ่มเติมดว้ ยการสมุ่ ถามนักเรียนบางคน เพอื่
เป็นการประเมินความเข้าใจ
10.นักเรยี นนาความรู้เรอื่ ง การอ่านจับใจความ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้ไปใช้เพื่อการฝกึ ทักษะการ
อา่ นส่ือสารและแนะนาเพ่ือนๆ น้อง ๆ หรือคนใกล้ชิด
คาบท่ี 3-4 ขั้นท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู
1. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดงั นี้
การเขยี น - การติดต่อส่ือสารกันด้วยวิธีการเขียนจดหมายมีข้อดีและข้อเสีย
จดหมายลาครู อย่างไร
2. ครตู ิดแถบคา “จดหมาย” บนกระดานดา ให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน ครู
และนักเรียนร่วมกันสนทนาหาข้อสรุปความหมายของคาว่าจดหมาย
3. ครตู ั้งคาถามให้นักเรียนร่วมกันสนทนาคาตอบดังน้ี
- นักเรยี นเคยอ่านจดหมายบา้ งหรือไม่ และเคยสังเกตไหมวา่
ส่วนประกอบของจดหมายมีอะไรบา้ ง
*ครูถามให้นกั เรียนตอบทีละคนจะได้คาตอบหลากหลายและสรุปเป็น
แผนภาพบนกระดาน
ข้ันท่ี 2 ขัน้ คดิ วเิ คราะห์และสรปุ ความ
4. นักเรียนดรู ูปแบบของการเขียนจดหมายลาครู แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใช้
คาถามดงั นี้
-จดหมายลาครูมปี ระโยชน์อยา่ งไร
-เม่ือนักเรียนปว่ ยแลว้ ไม่ไดเ้ ขียนจดหมายลาครจู ะเกิดผลอยา่ งไร
-การเขียนจดหมายลาครมู ีประโยชน์อยา่ งไร
5. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ คดิ ประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคณุ ค่าโดยครูใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้
-นกั เรียนสามารถนาสิง่ ที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างไร
ข้นั ที่ 3 ขั้นปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรู้หลังปฏบิ ัติ
6.นกั เรียนแบง่ กลุ่ม 5 กลุ่ม จับฉลากศกึ ษาความรู้และสรปุ ตามหัวข้อ ดงั นี้
กลุ่มท่ี 1 เรอ่ื ง ส่วนประกอบของจดหมาย
กลุ่มที่ 2 เรื่อง การเขียนหน้าซองจดหมาย และข้อควรคานึงในการ
เขียนจดหมาย
กลุ่มที่ 3 เรอ่ื ง การเขยี นจดหมายลาครู
กลุ่มที่ 4 เรอื่ ง รูปแบบการเขียนจดหมาย
กลุ่มท่ี 5 เร่ือง ภาษาท่ีใช้ในการเขียนจดหมาย คาข้นึ ตน้ สรรพนาม
คาลงท้าย ฯลฯ
7.ครูอธิบายเก่ียวกับรูปแบบการเขียนจดหมายลาครูในหัวข้อ ดงั นี้
การเขียนจดหมายลาครูถูกต้อง และเขียนให้สวยงาม เป็นระเบียบ เพื่อแสดง
ถึงความเคารพต่อครใู หถ้ กู ต้องตามหลักการเขียนจดหมาย มีส่วนประกอบที่ครบถ้วน
มีใจความสาคัญที่ชัดเจน และมีความสวยงาม เป็นระเบียบเพ่ือแสดงถึงความเคารพ
ตอ่ ครู
8.นกั เรียนฝกึ เขียนจดหมายลาครู
ขั้นที่ 4 ขัน้ ส่ือสารและนาเสนอ
9.นกั เรยี นท่เี ป็นตวั แทนนาเสนอการเขยี นจดหมายลาครหู นา้ ชัน้ เรียน
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมินเพอ่ื เพม่ิ พูนคุณค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
10.นักเรยี นชว่ ยกนั สรุปบทเรียน ครสู รุปเพ่ิมเก่ียวกับความสาคัญของการเขยี น
จดหมาย
11.นักเรียนนาความรู้เรือ่ ง การเขยี นจดหมายลาครทู ่ีไดเ้ รยี นรู้ไปใช้เพ่ือการพฒั นา
ทักษะการ และแนะนาเพ่อื นๆ นอ้ งๆ หรือคนใกล้ชิดในเร่ืองการเขยี นเขยี นจดหมายลาครู
คาบท่ี 5-6 ขัน้ ที่ 1 ขน้ั รวบรวมข้อมลู
1. ครูติดบตั รคาบนกระดานและใหน้ กั เรยี นฝกึ อ่านดังน้ี
สระเปลีย่ นรูป กดั จนั เตะ เฟะ เปะ เจ็บ เล็บ เห็บ แกร็น เดิน
เชญิ เติม
2. ครูต้ังคาถามเพ่ือกระตนุ้ ให้นกั เรียนอยากคน้ หาคาตอบ
- จากคาท่นี ักเรียนอา่ นนักเรียนทราบหรอื ไม่วา่ คาดังกลา่ วประสมดว้ ยสระ
อะไร
3. นักเรยี นศกึ ษาความรู้เรอื่ งสระเปลีย่ นรูป สระอะ เอะ แอะ เออ จากหนงั สือภาษา
พาทีชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3
ขน้ั ที่ 2 ข้นั คดิ วิเคราะหแ์ ละสรุปความ
4. นักเรียนอา่ นบตั รคาตอ่ ไปน้ี จบั มดื เป็น แขง็ เดมิ เขย ลอ็ ก ขด บวก
แลว้ รว่ มกนั วิเคราะห์ โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี
- คาดังกล่าวเหมอื นกันอย่างไร (เปน็ คาท่ีประสมดว้ ยสระเปล่ียนรูป)
- คาทน่ี ักเรียนอา่ นประสมด้วยสระอะไร
*เมอ่ื นกั เรยี นตอบครตู ิดบัตรคาสระให้ตรงกบั คา
- สระดังกล่าวมกี ารเปลย่ี นรปู อยา่ งไร
*ในการทากจิ กรรมให้นกั เรยี นใชไ้ ม้เรยี กเลขที่เรยี กนักเรยี นตอบทลี ะคน
5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ คิดประเมนิ เพ่อื เพ่ิมคุณคา่ โดยครใู ช้คาถามดังต่อไปนี้
- ลักษณะการเปลีย่ นรปู ของสระเกดิ ข้ึนอยา่ งไร มีหลักเกณฑอ์ ย่างไร
- นกั เรยี นจะนาความรเู้ รอื่ งสระเปลย่ี นรูปไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างไร
ขนั้ ที่ 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรูห้ ลังปฏิบตั ิ
6. นักเรยี นเขา้ กลมุ่ เลน่ เกมสระเปล่ียนรปู โดยครูใหน้ ักเรียนคดิ คาจากสระท่ี
กาหนดใช้เวลา 5 นาที เมอื่ หมดเวลาให้ตัวแทนกลมุ่ ลกุ ข้นึ อ่าน ครูเขียนคาท่ี
อา่ นบนกระดานดา ให้ตรงกบั บตั รสระทต่ี ดิ บนกระดาน
สระอะ สระเอะ สระแอะ สระออ
นักเรยี นอา่ นออกเสียงคาบนกระดานพรอ้ มกนั
7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรู้เร่อื งสระเปลย่ี นรูป ดังน้ี
- สระอะแปลงรูป สระอะเมือ่ มีตัวสะกด เชน่ ฉะน, ตะก, ละบ แปลง ะ
เปน็ หันอากาศ เปน็ ฉัน, ตกั , ลบั เปน็ ตน้ อันท่ีจรงิ หันอากาศก็คือ สระอะ (ะ)
นนั่ เอง แต่ลดเหลือตัวเดยี วและไปอยู่ขา้ งบน (จงึ เรียกว่า หันอากาศ)
- สระเอะแปลงรปู คือ เม่ือมีตวั สะกดแปลงสระอะ ในรปู สระเอะ เป็นไม้
ไต่คู้ เช่น เดะก, เปะน, เจะบ เปน็ เด็ก, เปน็ , เจบ็ เป็นตน้
- สระแอะแปลงรปู คือ เม่ือมีตวั สะกดแปลงสระแอะ ในรปู สระแอะ เปน็
ไม้ไต่คู้ เชน่ แกรน็ เปน็ ตน้
- สระเออแปลงรปู สระเออเมอื่ มีตวั สะกด จะแปลง อ เป็น _ิ แตค่ ง เ-
ไว้ เชน่ เดอน, เชอญ, เตอม เป็น เดิน เชิญ เตมิ เปน็ ตน้ คงเหลือทไ่ี ม่แปลงรูปอยู่
3-4 คา เช่น เทอญ, เทอม, เคอย เป็นตน้
8. นักเรียนทาแบบฝกึ หัด
ข้ันท่ี 4 ข้ันสอ่ื สารและนาเสนอ
9. ตวั แทนนกั เรยี นนาเสนอการทาแบบฝกึ หดั หน้าชน้ั เรียน โดยครูใชไ้ มเ้ รียกเลขท่ี
เรยี กนักเรียนออกมานาเสนอ
ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมพนู คุณค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
10. นกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ บทเรียน ครูสรุปสระเปลี่ยนรปู ทีไ่ ด้เรยี นรไู้ ปใช้เพอ่ื การ
พฒั นาทกั ษะการเขียน การแตง่ ประโยค ตลอดจนถึงการพูด และแนะนาเพอ่ื นๆ
น้องๆ หรอื คนใกลช้ ิดในเร่ืองการเขยี นสระเปลยี่ นรูป
11. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามดังนี้
-นกั เรยี นสามารถนาความรู้เก่ยี วกับเร่ืองทเี่ รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อย่างไร