3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมาย และหลักการอ่านจบั ใจความสาคัญ (K)
2. อธบิ ายหลกั การเขียนบันทึกประจาวัน (K)
3. ร้แู ละเขา้ ใจเกย่ี วกับองคป์ ระกอบของประโยค(K)
4. อ่านเร่ืองไดค้ ลอ่ งแคลว่ รวดเรว็ และถกู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี (P)
5. แยกขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็นจากเร่อื งทอี่ ่าน (P)
6. เขียนบันทกึ กจิ กรรมที่ทาประจาวนั ตามลาดับเวลา (P)
7. สามารถอา่ นและเขียนประโยคไดถ้ ูกต้อง (P)
8. เห็นความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
9. มีความตั้งใจในการเขียนบันทึกประจาวัน (A)
10. ใฝเ่ รียนรู้ มีวนิ ยั ม่งุ มน่ั ในการทางาน ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
การอา่ นจับใจความหลงั งานคือชวี ิต เขียนบันทกึ
กจิ กรรมประจาวัน ประโยค
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบท่ี กิจกรรมการเรียนการสอน
คาบที่ 1-2 ขัน้ ท่ี 1 ข้ันรวบรวมขอ้ มลู
1.นกั เรียนทบทวนเกีย่ วกับการอ่านสรุปใจความ โดยใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
การอา่ นจบั - การอา่ นสรปุ ใจความคอื อะไร
ใจความพลงั งาน - นกั เรียนใช้ทกั ษะอะไรบ้างในการอ่านสรปุ ใจความ
คอื ชวี ติ 2. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ให้แตล่ ะกลมุ่ อ่านในใจเร่ืองพลงั งานคอื ชีวติ จากหนังสอื ภาษาพาที
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3
โดยนาหลักการอ่านในใจมาใช้ ครูสงั เกตการอ่านของนักเรยี นแต่ละคนวา่ ปฏิบัติได้ถูกต้อง
ตามหลักการอา่ นหรอื ไม่
*ในการตอบคาถามใหค้ รใู ชไ้ ม้เรียกเลขที่ เพ่ือให้นกั เรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรยี กเลขที่เพ่ือให้ทุกคนได้คดิ
ข้ันท่ี 2 ขัน้ คิดวิเคราะห์และสรุปความ
3. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันวิเคราะห์เรอื่ งพลังงาน โดยครใู ช้คาถามดงั นี้
- หากพลังงานหมดไปจากโลกจะเกดิ ผลกระทบอยา่ งไรกับมนุษย์
คาบท่ี 3-4 - นกั เรียนมวี ธิ ีการอย่างไรทจี่ ะชว่ ยกนั ประหยดั พลังงาน
*ในการตอบคาถามให้ครูใช้ไม้เรยี กเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
เขยี นบนั ทึก กอ่ นจะเรยี กเลขท่ีเพ่ือให้ทุกคนไดค้ ิด
กิจกรรม 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดประเมนิ เพื่อเพมิ่ คุณคา่ โดยครใู ชค้ าถามดังต่อไปน้ี
ประจาวนั
-นกั เรยี นสามารถนาสง่ิ ที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร
ข้ันที่ 3 ขัน้ ปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความร้หู ลังการปฏบิ ัติ
5. นักเรียนเขา้ กลุ่มรว่ มกันนาเสนอข้อคิดที่ไดจ้ ากการอ่านเรอื่ งพลังงานคือชวี ิต
6. นักเรียนรว่ มกันสรปุ ประโยชน์ของพลงั งาน
ขน้ั ท่ี 4ข้นั สือ่ สารและนาเสนอ
7. แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลของการทากิจกรรม การระดมสมองให้เพือ่ นฟัง โดย
ใช้วิธีจับสลาก
*ขณะทนี่ กั เรยี นนาเสนอ ครูพยายามสงั เกตพฤตกิ รรมท้ังของผฟู้ งั และผู้
นาเสนอ เพ่ือเก็บไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงต่อไป
พฤตกิ รรมที่นาไปเป็นเง่ือนไขพฒั นา เชน่
- มารยาทในการพูดและฟงั
- ความสนใจ ใหเ้ กียรติ
- การซกั ถาม เสนอแนวคิดแย้งหรือคลอ้ ยตามอย่างมีเหตุผล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพอื่ การสอื่ สาร
ขั้นท่ี 5 ขั้นประเมนิ เพือ่ เพมิ่ คุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ
8.นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามดังน้ี
- นกั เรียนสามารถนาความรู้เกีย่ วกบั เรอ่ื งที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้
อย่างไร
ขั้นท่ี 1 ขนั้ รวบรวมข้อมลู
1. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดงั น้ี
๏ กิจกรรมใดบ้างทีน่ ักเรยี นปฏิบัติเปน็ ประจาทุกวนั
2. นกั เรียนทบทวนหลกั การเขียนบันทกึ ประจาวันแลว้ รว่ มกนั สรุปเป็นแผนภาพ
ความคิดบนกระดาน
ตวั อย่างแผนภาพความคิด
5. ผเู้ ขียนสามารถบรรยาย 1. เขียนวนั เดือน ปี ที่ 2. เขียนเหตุการณ์ที่
ความรู้สึกของตนเอง และ บนั ทึก ประทบั ใจน่าสนใจ
หรือเกี่ยวขอ้ งกบั
แสดงความคิดเห็นต่อ หลักการเขียนบันทกึ
เหตุการณ์ น้นั ๆ ได้ ประจาวัน ตนเอง
4. ใชถ้ อ้ ยคาสุภาพ กะทดั รัด 3. เขียนใหเ้ ป็นประโยคท่ี
และก่อใหเ้ กิดความเสียหาย อ่านง่ายหรือเป็ นคาพดู
แก่ ผทู้ ่ีกล่าวถึง ของตนเอง
ข้ันที่ 2 ขัน้ คดิ วิเคราะหแ์ ละสรุปความ
3. นกั เรยี นศกึ ษาตวั อย่างการเขยี นบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ประจาวัน แลว้ ร่วมกนั วเิ คราะห์โดย
ครใู ชค้ าถามดงั นี้
- ตวั อยา่ งการเขียนบันทกึ เหตกุ ารณ์ประจาวนั ทีน่ ักเรียนศกึ ษาเปน็ เหตุการณ์ท่ีเกดิ ขึ้น
ในช่วงใด
-บนั ทกึ เหตกุ ารณป์ ระจาวันท่ีนกั เรยี นอ่านถกู ตอ้ งตามหลักการเขียนหรือไม่อย่างไร
4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มประเมินเพื่อเพ่ิมคุณคา่ โดยครูใช้คาถามดงั นี้
- การเรยี นรู้เร่ืองการเขียนบนั ทกึ กิจกรรมประจาวันนักเรยี นสามารถนาไปใช้
ประโยชน์ในชีวติ ประจาวันได้อย่างไร
*ในการตอบคาถามใหค้ รูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพอ่ื ให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรียกเลขที่เพอ่ื ให้ทุกคนได้คิด
ขั้นที่ 3 ขัน้ ปฏิบัติและสรปุ ความรหู้ ลังปฏบิ ัติ
5. นักเรียนฝึกเขียนบนั ทกึ เหตกุ ารณป์ ระจาวันท่ี
6. นกั เรียนร่วมกันสรุปความรเู้ ร่อื งการเขียนบนั ทกึ เหตุการณ์ประจาวนั ที่ ดังนี้
หลักการเขียนบนั ทึกกิจกรรมประจาวันตอ้ งมีการระบวุ ัน เดือน ปี ที่
บนั ทึกโดยเขียนบนั ทึกเหตุการณ์ที่ประทับใจ นา่ สนใจ หรอื เกี่ยวขอ้ งกับ
ตนเองให้เป็นประโยคท่ีอ่านงา่ ย หรอื เป็นคาพูดของตนเองและใช้ถ้อยคา
สุภาพ กะทัดรัด ไม่ก่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผู้ท่ีกล่าวถงึ ซึ่งผเู้ ขียนสามารถ
คาบที่ 5-6 บรรยายความรู้สึกของตนเองและแสดงความคิดเหน็ ตอ่ เหตกุ ารณน์ น้ั ๆ ได้
ประโยค
ขนั้ ท่ี 4 ขน้ั สอ่ื สารและนาเสนอ
7. ให้นกั เรียนแต่ละคนออกไปอา่ นผลงานหน้าชั้นเรยี นให้เพื่อนและครูฟัง
ขัน้ ท่ี 5 ขั้นประเมินเพอื่ เพ่มิ พูนคณุ ค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
8.นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามดังน้ี
- นักเรยี นสามารถนาความรเู้ กีย่ วกับเร่ืองท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้
อย่างไร
ข้ันที่ 1 ข้ันรวบรวมข้อมลู
1. นกั เรียนเลน่ เกมท่าใบ้ โดยให้อาสาสมคั รอ่านแถบประโยค และทาทา่ ใบ้ทลี ะคนให้
เพ่อื น ๆ ทาย อาสาสมคั รทาท่าจนเพื่อนทายถูก ครูตดิ แถบประโยคบนกระดาน
ประโยคที่เพ่ือนทายถกู แล้วอา่ นพรอ้ มกนั
ไก่ฟักไข่ ฉนั ล้างหน้า คณุ แม่ตากผ้า
2. นักเรยี นสนทนาถึงประโยคทีละประโยค ดงั นี้
ไก่ฟักไข่
๐ ขอ้ ความนี้กล่าวถึงใคร (ไก่)
๐ ไกท่ าอะไร (ฟกั ไข)่
๐ ขอ้ ความน้ีไดใ้ จความสมบูรณห์ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (ได้ใจความสมบูรณ์ เพราะมี
การแสดงใหเ้ หน็ ว่า ใคร ทาอะไร)
น้องล้างหน้า
๐ ขอ้ ความนี้กล่าวถงึ ใคร (นอ้ ง)
๐ ฉนั ทาอะไร (ล้างหน้า)
๐ ข้อความน้ีได้ใจความสมบูรณห์ รือไม่ เพราะเหตุใด (ไดใ้ จความสมบรู ณ์ เพราะมี
การแสดงใหเ้ หน็ ว่า ใคร ทาอะไร)
คณุ แมต่ ากผ้า
๐ ขอ้ ความนก้ี ล่าวถงึ ใคร (คณุ แม่)
๐ คุณแม่ทาอะไร (ตากผ้า)
๐ ข้อความน้ีไดใ้ จความสมบูรณ์หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (ได้ใจความสมบรู ณ์ เพราะมี
การแสดงให้เห็นวา่ ใคร ทาอะไร)
3. นกั เรียนศกึ ษาความรูเ้ รอื่ ง ประโยคและส่วนประกอบของประโยค แลว้ รว่ มสนทนา
โดยครูใช้คาถามดงั นี้
-ประโยคทม่ี ใี จความสมบรูณ์ประกอบไปด้วยกี่สว่ นและมอี ะไรบ้าง
-ประธานหมายถงึ
-กิริยาหมายถงึ
-กรรมหมายถึง
- การเรยี นรู้เร่ืองประโยค มีความสาคญั อยา่ งไร
-ประโยคต่าง ๆ เกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ คิดวเิ คราะห์และสรปุ ความ
4. นกั เรียนร่วมกนั วิเคราะห์ข้อความตอ่ ไปนี้วา่ เปน็ ประโยคหรือไม่ พรอ้ มบอกเหตุผล
-ฝนตก -สุนขั ขนปุกปุย
-แมวสขี าว -โคลงเรือ
ข้อความท่ไี มเ่ ปน็ ประโยคให้นักเรียนแตง่ เพม่ิ เติมให้เป็นประโยค
5. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ คิดประเมนิ เพ่อื เพม่ิ คณุ ค่าโดยครใู ช้คาถามดงั ต่อไปน้ี
- นกั เรียนสามารถนาความรทู้ ่ไี ด้รับไปใช้ในชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
ขั้นที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความร้หู ลังปฏบิ ตั ิ
6. นกั เรียนทากจิ กรรมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้โดยเตมิ คากริยาท่กี าหนดใหล้ งในชอ่ งวา่ ง
ให้เหมาะสมกบั ประโยค เมือ่ นกั เรยี นทาเสรจ็ แล้วชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งของ
คาทเ่ี ตมิ และสังเกตการเติมคากริยา ขออาสาสมคั รอ่านนาให้เพอื่ น ๆ อ่านตาม
พรอ้ มกนั ครทู บทวนลกั ษณะของคากริยา
7. นกั เรยี นชว่ ยกันบอกคากริยาคนละ 1 คา โดยไม่ซา้ กนั และครเู ขยี นบนกระดานดาให้
นักเรยี นอ่านพร้อมกนั
8. นกั เรียนนาคากิริยาทยี่ กตัวอยา่ งมาแตง่ ประโยคบอกเลา่ ให้ได้ใจความวา่ ใคร ทาอะไร
9. นักเรียนชว่ ยกันสรุปเรอ่ื งประโยค ดงั น้ี
ประโยคเป็นคาหรอื ขอ้ ความที่นามาเรียงกันแลว้ ไดใ้ จความสมบูรณ์ มี
ส่วนประกอบสาคัญ คอื ประธาน กรยิ า และอาจมกี รรมมารองรบั และประโยคท่ีมี
ลกั ษณะเป็นการบอกกล่าว หรอื เล่าเรอื่ งราวที่เราใช้กันทว่ั ไป เราเรยี กว่า ประโยค
บอกเลา่
10. นกั เรียนทาแบบฝึกหดั
ขนั้ ที่ 4 ข้ันสื่อสารและนาเสนอ
11. นกั เรียนออกมานาเสนอการแตง่ ประโยคหน้าชน้ั เรยี น
ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพ่อื เพมิ่ พนู คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
12.นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามดังน้ี
- นักเรยี นสามารถนาความรู้เก่ยี วกับเร่อื งท่เี รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้
อย่างไร
3.3 คุณลักษณะองั พึงประสงค์ : Attitude (A) รกั ชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตย์สจุ รติ มวี ินัย
ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อยา่ งพอเพียง มุ่งม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
6. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ :
การประเมนิ วิธกี าร เคร่อื งมอื
- คาถาม
ด้านความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝกึ หดั
- แบบประเมินการอ่าน
- ทาแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด
- คาถาม
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - ทกั ษะการอา่ น - แบบสงั เกตพฤติกรรม
- ทักษะการเขียน
- ทักษะการวิเคราะห์
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วม
ค่านิยม (A) กิจกรรม การทางานกล่มุ
7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรียนรู้
1. แบบฝึกหดั 2. ไม้เรยี กชือ่ 3. หนังสือเรียนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
6. ตัวอยา่ งการเขยี นประโยคจากภาพ
4. คาถาม 5. รปู ภาพ
7.ตัวอยา่ งการเขียนเหตกุ ารณ์ประจาวนั
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................ ............................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ี่ 14
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนที่ 1/………... ช่ือผู้สอน ….………………………………………………..……...
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3 จานวน 6 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 เรื่อง พลงั งานคือชีวติ
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ
ดาเนินชีวติ และมีนิสยั รกั การอ่าน
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/1 อา่ นออกเสยี งคา ขอ้ ความ เร่อื งสั้น ๆ และบทร้อยกรองงา่ ย ๆ ได้ถูกตอ้ ง คล่องแคลว่
ตัวช้วี ัดที่ ป 3/3 ตงั้ คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล เก่ยี วกับเรือ่ งท่อี ่าน
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 3/4 ลาดับเหตุการณแ์ ละคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรื่องท่ีอ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ
ตัวชว้ี ัดที่ ป 3/5 สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากเร่ืองที่อ่านเพ่ือนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน
ตัวชวี้ ัดท่ี ป 3/9 มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวใน
รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 3/2 เขียนบรรยายเกย่ี วกบั สิง่ ใดสิง่ หนึ่งไดอ้ ยา่ งชัดเจน
ตวั ชีว้ ัดที่ ป 3/6 มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 3/1 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอา่ นจับใจความสาคญั คอื การอา่ นเพื่อจบั ใจความหรอื ขอ้ คิด ความคิดสาคญั หลกั ของข้อความ
หรอื เร่อื งท่อี า่ น การอ่านจับใจความสาคญั ถือเปน็ ทกั ษะสาคัญทใี่ ชใ้ นการอา่ นเพื่อการส่อื สารมากท่ีสุด เพราะ
เป็นพน้ื ฐานสาคญั ในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝึกฝนให้เกดิ ความชานาญ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมาย และหลักการอา่ นจบั ใจความสาคัญ (K)
2. อธบิ ายลักษณะการเขียนบรรยาย (K)
3. อธบิ ายลกั ษณะของคาทีป่ ระวิสรรชนีย์และคาทไี่ ม่ประวสิ รรชนีย์ (K)
4. อา่ นเรื่องไดค้ ล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอกั ขรวิธี (P)
5. แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นจากเรอื่ งท่อี า่ น (P)
6. เขียนบรรยายเหตุการณ์ประจาวนั (P)
7. จาแนกคาทอ่ี อกเสียง อะ เตม็ เสยี งและออกเสียง อะ ก่งึ เสยี ง (P)
8. เห็นความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอา่ น (A)
9. มีความกระตือรือร้นและสนใจเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ (A)
10. กระตอื รอื รน้ ในการร่วมกิจกรรม (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
การอา่ นจบั ใจความนิทานทอ้ งถิน่ เขียนบรรยาย
เหตกุ ารณป์ ระจาวัน
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรียนการสอน
คาบที่ 1-2 ข้นั ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรียนสนทนาเก่ียวกบั นิทานทอ้ งถ่นิ โดยใชค้ าถามดังน้ี
การอ่านจับ - นกั เรียนเคยอา่ นนิทานท้องถ่นิ หรอื ไม่ แลว้ เรอ่ื งนน้ั ช่ือว่าอยา่ งไร
ใจความนิทาน - นักเรียนมหี ลกั การอ่านนิทานท้องถนิ่ อยา่ งไร
ท้องถ่นิ * ในการถามควรใชไ้ มเ้ รียกเลขทส่ี ุม่ ตอบทีละคนโดยถามคาถามกอ่ นจะเรยี กเลขท่ี
เพื่อให้ทกุ คนได้คิดและเพ่ือเปน็ การสรา้ งบรรยากาศความตน่ื เต้นในการอยากตอบ
คาถามท้งั ยงั เป็นวิธกี ารทด่ี อี ยา่ งหนง่ึ ในการควบคุมช้ันเรยี น
2. นกั เรยี นร่วมกันสรปุ ความรเู้ ร่ืองการอ่านจับใจความในรูปแบบแผนผังมโนทศั น์
ดงั ต่อไปน้ี
การอ่านจับ
ใจความ
นิทาน
*รปู แบบแผนผังมโนทศั นอ์ าจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
ขน้ั ที่ 2 ข้นั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะห์เกี่ยวกบั เร่ืองทอี่ า่ น โดยครูใช้คาถามดังนี้
-ตวั ละครสาคญั ในเรื่องแต่ละคนมีนิสัยอย่างไร
-จากเร่อื งท่อี ่านนักเรียนได้ข้อคิดอะไรบา้ ง
4. นกั เรียนแต่ละกล่มุ คดิ ประเมินเพอ่ื เพิ่มคุณค่าโดยครใู ช้คาถามดงั ต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามารถนาความรู้ทีไ่ ด้รับไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้อย่างไร
ข้ันท่ี 3 ขั้นปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความรู้หลงั การปฏิบตั ิ
5.นกั เรียนเข้ากลมุ่ ทากิจกรรมการต้ังคาถามและตอบคาถามจากเรอื่ งท่ีอ่าน กล่มุ ละ 5
ข้อ
กติกาในการต้ังคาถาม คุณครแู บง่ จานวนหน้าที่แต่ละกล่มุ จะต้องรับผิดชอบในการตง้ั
คาถาม เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ให้การต้งั คาถามของแต่ละกลุ่มไม่ใหซ้ ้ากัน
6. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปขอ้ คิดทไี่ ด้จากการอา่ น
ขั้นท่ี 4 ข้นั สือ่ สารและนาเสนอ
7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอคาถามหนา้ ชน้ั เรียน แลว้ ใหเ้ พือ่ นตอบคาถาม
ขน้ั ท่ี 5ข้ันประเมนิ เพื่อเพ่ิมคณุ คา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ
8. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คาถามดงั น้ี
- นักเรยี นสามารถนาความรเู้ กี่ยวกับเรอ่ื งท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้
อย่างไร
คาบที่ 3-4 ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมข้อมลู
1. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดังน้ี
การเขยี น
บรรยาย ๏ กิจกรรมใดบา้ งท่ีนักเรียนปฏบิ ัติเปน็ ประจาทุกวนั
เหตุการณ์ 2. นกั เรียนทบทวนหลักการเขียนบันทกึ ประจาวันแลว้ รว่ มกนั สรุปเปน็ แผนภาพ
ประจาวนั
ความคดิ บนกระดาน
1. เขียนวนั เดือน ปี ที่
บนั ทึก
5. ผเู้ ขียนสามารถบรรยาย หลักการเขียนบันทกึ 2. เขียนเหตุการณ์ที่
ความรู้สึกของตนเอง และ ประจาวัน ประทบั ใจน่าสนใจ
หรือเกี่ยวขอ้ งกบั
แสดงความคิดเห็นต่อ
เหตุการณ์ น้นั ๆ ได้ ตนเอง
4. ใชถ้ อ้ ยคาสุภาพ กะทดั รัด 3. เขียนใหเ้ ป็นประโยคที่
และก่อใหเ้ กิดความเสียหาย อา่ นง่ายหรือเป็ นคาพดู
แก่ ผทู้ ี่กล่าวถึง ของตนเอง
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คิดวิเคราะหแ์ ละสรุปความ
3. นกั เรียนศกึ ษาตวั อย่างการเขยี นบันทกึ เหตุการณป์ ระจาวัน แลว้ ร่วมกันวเิ คราะห์โดย
ครูใชค้ าถามดงั นี้
- ตวั อยา่ งการเขียนบันทึกเหตกุ ารณป์ ระจาวนั ทน่ี กั เรียนศึกษาเปน็ เหตุการณ์ท่เี กดิ ขึ้น
ในช่วงใด
-บนั ทึกเหตกุ ารณป์ ระจาวันท่ีนักเรียนอ่านถูกตอ้ งตามหลกั การเขียนหรือไม่อยา่ งไร
4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คาถามดังนี้
- การเรียนรู้เร่ืองการเขียนบันทกึ กจิ กรรมประจาวนั นักเรียนสามารถนาไปใช้
ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวันได้อย่างไร
*ในการตอบคาถามใหค้ รใู ชไ้ ม้เรยี กเลขท่ี เพอื่ ใหน้ กั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
กอ่ นจะเรียกเลขท่ีเพื่อให้ทุกคนไดค้ ิด
ขัน้ ท่ี 3 ขั้นปฏบิ ัติและสรปุ ความรู้หลังปฏบิ ัติ
5. นกั เรียนฝึกเขียนบันทกึ เหตกุ ารณป์ ระจาวันท่ี
6. นกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรเู้ รื่องการเขยี นบันทึกเหตุการณ์ประจาวันที่ ดังน้ี
เขียนบรรยายเหตุการณ์ประจาวนั เป็นการเขยี นเล่าเรอื่ งอย่างละเอียด มีการ
เรยี งลาดบั เหตกุ ารณใ์ ห้ตอ่ เนอ่ื ง ชัดเจนและใช้ภาษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ขน้ั ที่ 4 ขั้นสือ่ สารและนาเสนอ
7. นกั เรียนแต่ละคนออกไปอ่านผลงานหนา้ ชั้นเรียนให้เพอื่ นและครูฟัง
ขั้นที่ 5 ขนั้ ประเมินเพื่อเพม่ิ พูนคณุ ค่าบริการสงั คมและจติ สาธารณะ
8.นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คาถามดงั นี้
- นกั เรยี นสามารถนาความรเู้ กีย่ วกบั เรอ่ื งทเี่ รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้
อย่างไร
คาบที่ 5-6 ขั้นท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรียนฟงั เพลง “คาประวสิ รรชนีย์” 2 คร้ัง หลงั จากน้ันร่วมกันรอ้ งพรอ้ ม
คาที่ประ ปรบมอื และร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามดังนี้
วสิ รรชนยี แ์ ละคา - คาท่ปี ระวสิ รรชนยี ์ ใช้ทาอะไรไดบ้ ้าง
- ถ้าไม่มีคาทไ่ี ม่ประวสิ รรชนีย์ นกั เรียนคดิ วา่ จะเกดิ อะไรข้นึ
ทีไ่ ม่ประ
วสิ รรชนยี ์
- ทาไมเราจงึ ตอ้ งเรียนคาที่ประวสิ รรชนยี ์และคาทไ่ี ม่ประวิสรรชนีย์
2. นักเรยี นศึกษาเรือ่ ง คาทป่ี ระวสิ รรชนยี ์และคาทีไ่ มป่ ระวิสรรชนีย์ แล้วร่วม
สนทนาโดยครใู ช้คาถามดงั นี้
-คาทป่ี ระวสิ รรชนียแ์ ละคาที่ไม่ประวสิ รรชนยี ห์ มายถึงอะไร
-คาทปี่ ระวสิ รรชนีย์และคาทีไ่ ม่ประวิสรรชนีย์แตกตา่ งกันอยา่ งไร
ขน้ั ที่ 2 ขน้ั คิดวเิ คราะห์และสรุปความ
3. นักเรยี นเล่นเกมเขียนคาท่ีประวสิ รรชนยี แ์ ละคาทไี่ ม่ประวสิ รรชนยี ์ โดยคุณครู
อา่ นคาถามและนกั เรยี นเขียนในกระดาษ ดงั นี้
- จงเขียนชอ่ื ดอกไมท้ ี่เป็นคาประวิสรรชนีย์มา 3 ชนดิ ( กระดังงา,พ่รู ะหง
,มะลิ ฯลฯ)
- จงเขียนช่อื ขนมทเ่ี ปน็ คาประวสิ รรชนีย์มา 3 อย่าง (กะละแม,ตะโก้,กระยา
สารท ฯลฯ)
- จงเขียนชอื่ จงั หวดั ท่ีเป็นคาประวิสรรชนีย์มา 3 จงั หวัด (ระนอง,ยะลา
,ระยอง ฯลฯ)
- จงเขยี นชอ่ื ผลไม้ที่เป็นคาประวิสรรชนียม์ า 3 ชนิด (มะละกอ,มะมว่ ง
,มะกอก ฯลฯ)
- จงเขียนอาชพี ที่เป็นคาไมป่ ระวิสรรชนยี ม์ า 3 อาชีพ (เกษตรกร,พยาบาล,
ทหาร ฯลฯ )
- จงเขยี นช่อื ประเทศท่ไี ม่เปน็ คาประวสิ รรชนียม์ า 3 ประเทศ (อเมริกา,
เขมร,พมา่ ฯลฯ)
- จงเขียนชอ่ื สถานท่ี ทไี่ มเ่ ปน็ คาประวิสรรชนีย์มา 3 สถานที่ ( ตลาด,
โรงพยาบาล,อนามยั ฯลฯ)
ตวั แทนแต่ละกลมุ่ อ่านคาตอบของแตล่ ะขอ้ โดยครจู ะเป็นคนเลอื กเองวา่ ใครเฉลยข้อไหน
4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมินเพื่อเพิม่ คุณค่าโดยครใู ช้คาถามดงั ต่อไปนี้
-นักเรียนสามารถนาส่งิ ท่ีเรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร
ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรู้หลงั ปฏิบตั ิ
5. นักเรยี นฝกึ อ่านคาที่ประวิสรรชนีย์และคาทไ่ี ม่ประวิสรรชนยี จ์ ากบัตรคา และเล่น
เกมยกตวั อย่างคา
6. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปเร่ือง คาท่ีประวิสรรชนีย์และคาทไ่ี มป่ ระวิสรรชนยี ์
ดังนี้
คาประวิสรรชนยี ์ หมายถงึ การเขียนคาท่ีมรี ูปสระ อะ ส่วนคาไม่ประวิสรรชนยี ์ คือ
การเขยี นคาท่ไี ม่มีรปู สระ อะ แต่ออกเสียงสระ อะ โดยมีหลักเกณฑก์ าหนดไว้อยา่ ง
ชัดเจน นักเรียนจาเป็นต้องเรยี นรู้เพอ่ื การนาไปใช้ได้อย่างถกู ต้อง
7. นักเรียนทาแบบฝึกหัดเร่ือง คาท่ีประวิสรรชนียแ์ ละคาที่ไมป่ ระวสิ รรชนีย์
ขั้นท่ี 4 ขั้นสอื่ สารและนาเสนอ
8. นักเรียนออกมานาเสนอคาที่ประวิสรรชนยี แ์ ละคาท่ีไม่ประวสิ รรชนีย์ โดยครใู ช้ไม้
เรยี กเลขทใ่ี หน้ ักเรยี นอ่าน
บัตรคาและบอกวา่ เป็นคาทอี่ ่านเปน็ คาประวิสรรชนีย์หรอื คาทีไ่ ม่ประวิสรรชนีย์
ข้ันท่ี 5 ข้นั ประเมินเพอื่ เพ่มิ พนู คุณค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
9. นกั เรียนรว่ มแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามดังน้ี
- นักเรยี นสามารถนาความรู้เกยี่ วกบั เร่ืองท่ีเรยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมได้
อยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะองั พึงประสงค์ : Attitude (A) ซื่อสตั ย์สุจรติ มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อยา่ ง
พอเพยี ง มงุ่ ม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ
6. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ :
การประเมิน วิธกี าร เคร่ืองมือ
- คาถาม
ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝกึ หัด
- แบบประเมนิ การอ่าน
- ทาแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด
- คาถาม
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอา่ น - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ - สงั เกตพฤตกิ รรมในการร่วม
คา่ นยิ ม (A) กิจกรรม การทางานกลุ่ม
7. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 2. ไมเ้ รยี กชอื่ 3. หนงั สอื เรยี นภาษาไทยชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3
7.1 สื่อการเรยี นรู้ 5. รปู ภาพ 6. ตัวอย่างการเขียนประโยคจากภาพ
1. แบบฝึกหัด
4. คาถาม
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................ ............................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่อื ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ที่ 15
โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรียนที่ 1/……………... ชื่อผู้สอน ….………………………………………………..……...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 จานวน 6 คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรือ่ ง ความฝันเป็นจรงิ ได้
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพือ่ นาไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการ
ดาเนนิ ชีวติ และมีนิสยั รักการอา่ น
ตัวชี้วดั ที่ ป 3/1 อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ เรื่องสัน้ ๆ และบทรอ้ ยกรองง่าย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง คล่องแคล่ว
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 3/2 อธบิ ายความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 3/3 ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล เกี่ยวกับเรื่องทอี่ ่าน
ตัวชี้วดั ท่ี ป 3/4 ลาดับเหตุการณ์และคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรอ่ื งท่ีอา่ นโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ
ตัวชว้ี ัดท่ี ป 3/5 สรุปความรู้และข้อคดิ จากเรอ่ื งที่อ่านเพอื่ นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน
ตวั ช้วี ัดที่ ป 3/9 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรอื่ งราวใน
รปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตวั ช้วี ัดที่ ป 3/5 เขียนเร่ืองตามจินตนาการ
ตวั ชวี้ ัดท่ี ป 3/6 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของ
ภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ
ตวั ชี้วัดที่ ป 3/1 เขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอา่ นจับใจความสาคญั คือ การอ่านเพอ่ื จับใจความหรือข้อคดิ ความคิดสาคัญหลกั ของขอ้ ความ
หรือเร่ืองที่อา่ น การอ่านจับใจความสาคญั ถอื เป็นทักษะสาคัญทีใ่ ชใ้ นการอ่านเพ่ือการสื่อสารมากทีส่ ุด เพราะ
เป็นพน้ื ฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนใหเ้ กิดความชานาญ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสาคัญ (K)
2. สรปุ หลักการเขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการ (K)
3. บอกลกั ษณะของคาที่ใช้ บัน บรร รร (K)
4. บอกลกั ษณะของคาทใ่ี ช้ รร หันได้ (K)
5. อ่านเรือ่ งไดค้ ล่องแคล่ว รวดเรว็ และถูกต้องตามอักขรวธิ ี (P)
6. แยกขอ้ เท็จจริงและข้อคดิ เหน็ จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน (P)
7. เขียนเรื่องตามจินตนาการในหวั ข้อที่กาหนด (P)
8. จาแนกคาท่ีใชอ้ อกเสยี ง บัน บรร รร (P)
9. อ่าน เขยี นและจาแนกคาทใี่ ช้รร หันได้ (P)
10. เห็นความสาคัญของการอ่านและมารยาทในการอา่ น (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
การอ่านจับใจความ การเขียนเรื่องตามจินตนาการ
กับความสขุ คาท่ีใชบ้ นั บรร คาท่ีใช้ รร หนั
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ กิจกรรมการเรยี นการสอน
คาบท่ี 1-2 ขัน้ ที่ 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู
1.นักเรียนทบทวนเก่ียวกับการอา่ นสรุปใจความ โดยใช้คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี
การอา่ นจับ - การอ่านสรุปใจความคอื อะไร
ใจความความฝัน - นกั เรียนใช้ทักษะอะไรบา้ งในการอ่านสรุปใจความ
เปน็ จรงิ ได้ 2.นกั เรียนแต่ละกลมุ่ อ่านในใจเรอื่ ง ความฝนั เป็นจริงได้ จากหนังสอื เรยี นภาษาพาทีชนั้
ประถมศึกษาปที ่ี 3 โดยนาหลักการอา่ นในใจมาใช้ ครูสงั เกตการอ่านของนกั เรียนแตล่ ะคน
ว่าปฏบิ ตั ิไดถ้ กู ต้องตามหลกั การอา่ นหรือไม่
ขนั้ ท่ี 2ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความ
3.นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มวิเคราะห์เก่ยี วกับเรอ่ื งท่อี ่าน โดยครูใช้คาถามดังน้ี
- ตวั ละครในเรื่องมีใครบ้าง
- มีเหตุการณ์สาคัญอะไรเกดิ ขึ้นบ้าง
4.นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ คิดประเมินเพอื่ เพม่ิ คุณค่าโดยครูใช้คาถามดังตอ่ ไปนี้
- นักเรียนสามารถนาสงิ่ ทีเ่ รยี นไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
คาบท่ี 3-4 ขน้ั ที่ 3ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ
5. นกั เรียนเขา้ กลุ่มทากิจกรรมการถามตอบจากเรอ่ื งที่ศกึ ษา กลุม่ ละ 5 ขอ้ และสรปุ
การเขยี นเรือ่ ง 6. นักเรียนเขา้ กลมุ่ ทากิจกรรมสรปุ ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากการอ่านเร่ือง ความฝันเป็นจริงได้
ตามจนิ ตนาการ
กบั ความสุข ขั้นที่ 4ขั้นสอื่ สารและนาเสนอ
7. แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลของการทากจิ กรรม การระดมสมองให้เพอื่ นฟัง โดย
ใชว้ ิธจี บั สลาก
*ขณะทนี่ กั เรยี นนาเสนอ ครพู ยายามสงั เกตพฤติกรรมทั้งของผู้ฟังและผู้
นาเสนอ เพอ่ื เกบ็ ไปเปน็ ข้อมลู ในการพัฒนาปรบั ปรุงตอ่ ไป
พฤติกรรมทนี่ าไปเป็นเงอ่ื นไขพัฒนา เชน่
- มารยาทในการพดู และฟงั
- ความสนใจ ให้เกยี รติ
- การซักถาม เสนอแนวคดิ แยง้ หรอื คล้อยตามอยา่ งมีเหตผุ ล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพ่ือการสื่อสาร
ขน้ั ท่ี 5ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพ่ิมคณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามดังนี้
- นักเรียนสามารถนาความรู้เก่ียวกบั เร่ืองที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้
อย่างไร
ข้ันที่ 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรียนทบทวนบทเรยี นการเขียนตามจินตนาการ หลงั จากน้ันครูให้
นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถามท้าทายเพ่ือโยงเขา้ สู่
สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจของผเู้ รียน ดังน้ี
- นักเรียนเคยคิดอยากเป็นนักเขียนหรือไม่ เพราะเหตุใด
- ผู้ที่มีจินตนาการจะสามารถเขียนเรื่องราวต่างๆทน่ี ่าสนใจจริงหรือไม่
เพราะเหตุใด
- การเขียนเรื่องตามจินตนาการช่วยพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์และ
ก่อใหเ้ กดิ ความสขุ ได้จริงหรือไม่
*ในการตอบคาถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อใหน้ กั เรยี นตอบทีละคน โดยถาม
คาถามก่อนจะเรียกเลขทีเ่ พอ่ื ให้ทกุ คนได้คดิ ในแตล่ ะคาถามควรให้นกั เรยี นนาเสนอ
4-5 คน
2. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ให้แตล่ ะกลมุ่ ศึกษาเรื่องการเขียนเร่อื งตามจนิ ตนาการจากใบ
ความรู้ และครูสังเกตการณ์ทางาน
เปน็ กล่มุ ความสามคั คี ตลอดจนการแลกเปลยี่ นความคิดเห็น การทางานเป็นกลมุ่ ของ
นักเรยี น
ขั้นที่ 2 ข้นั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นกั เรียนดูตัวอย่างการเขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ แล้วร่วมกนั วเิ คราะหเ์ กี่ยวกับ
การใชภ้ าษาในการเขียน
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มคดิ ประเมินเพอ่ื เพมิ่ คณุ คา่ โดยครใู ช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนสามารถนาเรือ่ งที่เรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั ได้อย่างไร
คาบที่ 5 ขัน้ ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความร้หู ลังการปฏิบัติ
5. นกั เรียนทากจิ กรรมการเขียนตามจนิ ตนาการ
คาที่ใชบ้ นั บรร 6. นักเรยี นสรุปเกี่ยวกับหลักในการเขยี นตามจนิ ตนาการ
ข้นั ท่ี 4 ขนั้ ส่อื สารและนาเสนอ
7. นกั เรียนนาเสนอผลของการทากจิ กรรมการเขียนเร่ืองตามจินตนาการ โดยใชว้ ธิ จี บั
สลาก
*ขณะที่นกั เรียนนาเสนอ ครพู ยายามสังเกตพฤติกรรมทง้ั ของผู้ฟังและผู้
นาเสนอ เพอ่ื เก็บไปเปน็ ข้อมูลในการพฒั นาปรบั ปรุงต่อไป พฤติกรรมท่นี าไปเป็นเงื่อนไข
พัฒนา เช่น
- มารยาทในการพูดและฟงั
- ความสนใจ ให้เกยี รติ
- การซกั ถาม เสนอแนวคดิ แยง้ หรือคล้อยตามอยา่ งมีเหตผุ ล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพ่อื การสื่อสาร
ข้นั ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ เพื่อเพิม่ คุณค่าบรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ
8.นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามดงั นี้
- นกั เรยี นสามารถนาความรูเ้ กยี่ วกับเร่ืองที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นสังคมได้
อย่างไร
ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู
1.นักเรียนอา่ นแผนภมู ิ กลอนชว่ ยจา บัน
คาบที่ 6 2. นกั เรยี นสงั เกตคาจากบทร้อยกรอง โดยครใู ชค้ าถาม ดังนี้
๐ คาไหนบ้างท่ีอ่านออกเสยี ง บนั
คาท่ใี ช้ รร หนั
3. นกั เรยี นศกึ ษาเรือ่ งคาท่ีใช้ บรร และ บนั แลว้ ร่วมสนทนาโดยครูใช้คาถามดงั นี้
- บนั และ บรร ตา่ งกันอย่างไร
ข้ันท่ี 2 ขั้นคดิ วเิ คราะห์และสรุปความ
4. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เกีย่ วกับการใช้ บัน และ บรร
5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มคิดประเมินเพอื่ เพ่ิมคณุ ค่าโดยครูใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
-นกั เรียนสามารถนาสง่ิ ที่เรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวันได้อย่างไร
ขัน้ ท่ี 3 ขน้ั ปฏิบตั ิและสรปุ ความรู้หลังปฏิบตั ิ
6. นกั เรยี นอ่านออกเสียงคาที่ใช้ บนั บรร
7. นกั เรียนทากจิ กรรมเสรมิ ทักษะการเรียนรู้ โดยเขยี นคาอ่านและเตมิ คาลงใน
ชอ่ งวา่ งให้สัมพนั ธก์ ับภาพ
8. นกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรเู้ ร่ือง คาท่ีใช้ บนั บรร แล้วทาแบบฝกึ หัด
ขน้ั ที่ 4 ขั้นสอื่ สารและนาเสนอ
9.นักเรยี นนาเสนอคาท่ีใช้ บัน บรร โดยครูใช้ไม้เรียกเลขท่ีเรียกให้นักเรียน
ยกตวั อย่างคาทลี ะคน เพื่อนๆช่วยกนั
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ขั้นที่ 5 ขั้นประเมนิ เพอ่ื เพิ่มพูนคณุ ค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
10.นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามดงั น้ี
-นักเรียนสามารถนาความร้เู ก่ยี วกบั เรือ่ งที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้
อยา่ งไร
ขนั้ ที่ 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู
1. นักเรยี นดูแผนภมู เิ พลง “คาทมี่ ี รร (หนั )” แลว้ อ่านออกเสยี งพรอ้ มกัน ร้อง
เปน็ เพลงตามครู 1 เทย่ี ว แลว้ ให้นักเรยี นร้องเอง 2 เที่ยว ครูและนกั เรียน
รว่ มกันสนทนาเก่ียวกับเน้ือหาของเพลง โดยครถู ามนาเพ่ือโยงเข้าสู่สาระการ
เรียนรแู้ ละกระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รียนโดยครูถามคาถามดงั นี้
- คาทีม่ ี รร (หนั ) มหี ลักการอ่านอย่างไร
*ในการตอบคาถามใหค้ รูใช้ไมเ้ รียกเลขท่ี เพ่ือใหน้ กั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรียกเลขท่ีเพ่ือให้ทุกคนได้คดิ ในแตล่ ะคาถามควรให้นักเรยี นนาเสนอ 4-5 คน
2. นักเรียนศกึ ษาเร่อื งคา รร (หัน) แลว้ ร่วมสนทนาโดยครูใชค้ าถามดังน้ี
- คา รร (หนั ) หมายถึงอะไร
- คา รร (หนั ) มีวิธกี ารอ่านอยา่ งไร
ขั้นที่ 2 ข้นั คิดวิเคราะห์และสรุปความ
3. นักเรยี นร่วมกันจาแนก คา รร (หัน) จากบัตรคา พร้อมฝกึ อา่ นออกเสยี ง
4. นักเรยี นแต่ละกลุ่มคดิ ประเมินเพอื่ เพ่มิ คุณค่าโดยครใู ช้คาถามดังต่อไปนี้
- นกั เรยี นสามารถนาเรื่องท่ีเรียนไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
ขั้นท่ี 3 ขน้ั ปฏิบัตแิ ละสรปุ ความรหู้ ลังปฏิบัติ
5. นักเรยี นคดิ คาทม่ี ี รร แล้วไปเขียนบนกระดานทลี ะคนจนครบทุกคน คนไหนที่
ออกไปชา้ หรอื คดิ ไม่ออก ครตู อ้ งคอยกระต้นุ ช้ีแนะใหเ้ ขียนให้ได้ทุกคน คนละ 1
คา ครูและนกั เรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้องของการเขียน
6. นักเรียนอ่านคาท่ีเขียนบนกระดานทลี ะคา ใหส้ งั เกตคาที่นักเรียนเขยี น ถ้าเปน็ คา
ที่ไมม่ ีตวั สะกด ให้อ่านออกเสยี ง เปน็ - น เช่น จดั สรร อ่านว่า จัด - สนั
จรรยา อา่ นว่า จัน - ยาแตถ่ า้ รร มตี ัวสะกด ใหอ้ ่านออกเสยี งเปน็ - กับ
ตวั สะกดของคานั้น ๆ เช่น กรรมกร อา่ นว่า กา - มะ - กอน
7. นักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรเู้ รอื่ ง คา รร (หนั ) ดงั นี้
คาที่ใช้ รร ทไ่ี ม่มีตวั สะกดจะออกเสยี งเหมอื นมไี มห้ ันอากาศและสะกดด้วย
น ถา้ มีตวั สะกดออกเสยี งเหมือนมีไม้หนั อากาศประสมกับตัวสะกดของคาน้นั
8. นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดเรือ่ ง คา รร (หนั )
ข้นั ที่ 4 ขัน้ ส่อื สารและนาเสนอ
9. นักเรียนนาเสนอคา รร (หัน) โดยครูใชไ้ มเ้ รยี กเลขทเี่ รยี กให้นกั เรียน
ยกตวั อย่างคาทลี ะคน เพอ่ื นๆช่วยกัน
ตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นท่ี 5 ขั้นประเมนิ เพอื่ เพิ่มพนู คณุ ค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ
10. นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามดังน้ี
-นักเรียนสามารถนาความรเู้ กย่ี วกับเร่อื งทเี่ รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้
อย่างไร
3.3 คุณลกั ษณะอังพึงประสงค์ : Attitude (A) มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง มุ่งมั่นใน
การทางาน รักความเป็นไทยมจี ิตสาธารณะ
6. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ :
การประเมนิ วิธีการ เคร่ืองมือ
- คาถาม
ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝกึ หัด
- แบบประเมินการอ่าน
- ทาแบบฝกึ หัด - ใบงานการเขยี นตาม
จินตนาการ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอ่าน - แบบฝกึ หดั
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
- ทักษะการเขียน
- ทักษะการอ่าน
ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วม
คา่ นิยม (A) กิจกรรม การทางานกลุ่ม
7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 2. ไมเ้ รียกช่ือ 3. หนงั สือเรยี นภาษาไทยชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3
7.1 สือ่ การเรยี นรู้ 5. รปู ภาพ 6. ตวั อยา่ งการเขียนประโยคจากภาพ
1. แบบฝึกหัด
4. คาถาม
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ี่ 16
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ 1/……………... ชอื่ ผู้สอน ….………………………………………………..……...
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 6 คาบ
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7 เร่อื ง ความฝนั เปน็ จรงิ ได้
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการ
ดาเนินชวี ติ และมีนิสัยรักการอ่าน
ตัวชี้วัดที่ ป 3/1 อ่านออกเสยี งคา ขอ้ ความ เร่อื งสั้นๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถกู ตอ้ ง คล่องแคลว่
ตัวชวี้ ดั ที่ ป 3/3 ตั้งคาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล เกี่ยวกบั เรื่องทีอ่ ่าน
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/4 ลาดับเหตกุ ารณแ์ ละคาดคะเนเหตุการณจ์ ากเรอื่ งที่อา่ นโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ
ตัวช้วี ัดท่ี ป 3/5 สรปุ ความรู้และขอ้ คดิ จากเรอ่ื งที่อา่ นเพอ่ื นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/9 มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานท่ี ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราวใน
รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั ที่ ป 3/2 เขียนบรรยายเกีย่ วกบั สิง่ ใดสงิ่ หนึ่งไดอ้ ย่างชัดเจน
ตัวช้วี ัดที่ ป 3/6 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ชี้วดั ที่ ป 3/1 เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอ่านจับใจความสาคัญ คือ การอ่านเพ่อื จับใจความหรอื ขอ้ คดิ ความคิดสาคัญหลักของข้อความ
หรอื เร่ืองท่ีอ่าน การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถือเป็นทกั ษะสาคัญทใ่ี ช้ในการอา่ นเพือ่ การสอ่ื สารมากที่สดุ เพราะ
เปน็ พ้ืนฐานสาคญั ในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกิดความชานาญ
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายความหมาย และหลกั การอ่านจับใจความสาคัญ (K)
2. อธบิ ายขั้นตอนการเขียนนิทานได้ (K)
3. บอกลักษณะของคาในมาตรา กง กม เกย เกอวได้ (K)
4. อ่านเร่อื งไดค้ ล่องแคลว่ รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอกั ขรวิธี (P)
5. แยกข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเห็นจากเร่ืองท่อี ่าน (P)
6. เขียนนิทานจากภาพที่กาหนดให้ได้ (P)
7. อา่ น เขียนและจาแนกคามาตรา กง กม เกย เกอวได้ (P)
8. เห็นความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
9. เห็นความสาคญั ของการเขียนนิทานและนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน (A)
10. กระตอื รือรน้ ในการร่วมกิจกรรม (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
การอ่านจบั ใจความเรอื่ งสั้น การเขยี นนิทานจาก
ภาพ มาตราตวั สะกด แม่กง แมก่ ม แมเ่ กย แม่
เกอว
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรียนการสอน
คาบท่ี 1-2 ขนั้ ท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรียนทบทวนเกีย่ วกับการอ่านสรุปใจความ โดยใช้คาถามดังตอ่ ไปนี้
การอ่านจับ - การอ่านสรปุ ใจความคอื อะไร
ใจความเร่ืองสน้ั - นกั เรียนใช้ทกั ษะอะไรบา้ งในการอ่านสรปุ ใจความ
2. นกั เรียนสนทนาเก่ียวกับเรือ่ งเรื่องส้ัน โดยใช้คาถามดงั น้ี
- นักเรยี นเคยอา่ นเร่ืองส้ันหรือไม่ แลว้ เรื่องนน้ั ช่อื ว่าอยา่ งไร
- นกั เรียนมีหลกั การอ่านเรอื่ งสั้นอยา่ งไร
* ในการถามควรใช้ไมเ้ รียกเลขทีส่ ่มุ ตอบทีละคนโดยถามคาถามกอ่ นจะเรียกเลขที่
เพอ่ื ให้ทุกคนได้คดิ และเพอ่ื เป็นการสร้างบรรยากาศความต่ืนเต้นในการอยากตอบคาถามทง้ั
ยงั เปน็ วิธีการทด่ี อี ย่างหน่ึงในการควบคมุ ช้นั เรียน
3. นกั เรียนเข้ากล่มุ อา่ นเรื่องสัน้ ตามที่ครูกาหนด
ขัน้ ที่ 2ขนั้ คิดวิเคราะหแ์ ละสรุปความ
4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะห์เกีย่ วกับเรื่องทอ่ี า่ น โดยครใู ช้คาถามดังน้ี
-ตัวละครสาคัญในเร่ืองมใี ครบา้ ง แตล่ ะคนมีนสิ ยั หรอื ลักษณะเฉพาะอย่างไร
-จากเรือ่ งที่อ่านนักเรียนได้ขอ้ คิดอะไรบา้ ง
5. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ คดิ ประเมนิ เพอ่ื เพ่มิ คุณค่าโดยครูใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนสามารถนาความรู้ทไ่ี ด้รบั ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร
คาบท่ี 3-4 ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ัติและสรปุ ความรหู้ ลังปฏบิ ัติ
6. นักเรียนเขา้ กลุ่มทากิจกรรมการต้ังคาถามและตอบคาถามจากเร่อื งท่ีอ่าน กล่มุ ละ 5
การเขียนนทิ าน
จากภาพ ข้อ
กติกาในการตั้งคาถาม คุณครูแบ่งจานวนหน้าทีแ่ ต่ละกลุ่มจะตอ้ งรับผดิ ชอบในการตั้ง
คาถาม เพอ่ื ป้องกันไมใ่ หก้ ารตั้งคาถามของแตล่ ะกลมุ่ ไม่ให้ซ้ากนั
7. นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ข้อคดิ ท่ไี ดจ้ ากการอา่ น
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นสอ่ื สารและนาเสนอ
8. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอคาถามหนา้ ช้นั เรียน แลว้ ให้เพื่อนตอบคาถาม
ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมินเพ่ือเพ่ิมคณุ ค่าบรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
9. นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามดังน้ี
- นักเรียนสามารถนาความรเู้ ก่ียวกบั เรอื่ งทเี่ รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้
อยา่ งไร
ข้นั ที่ 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู
1. นักเรียนรว่ มกันทบทวนเก่ียวกับวิธกี ารเขียนเร่ืองตามจินตนาการเพอื่ เช่ือ
โยงความรู้ไปใช้ในการเขยี นนิทานจากภาพ
2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดังน้ี
- เมอ่ื นกั เรยี นดูภาพแต่ละภาพ ทาให้นกั เรียนเกดิ ความคดิ ตา่ งกันหรือไม่
อยา่ งไร
- ทาไมจงึ เรียนเร่อื งการเขียนนทิ านจากภาพ
*ในการตอบคาถามใหค้ รใู ชไ้ มเ้ รียกเลขท่ี เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรียกเลขที่เพอ่ื ให้ทุกคนได้คดิ ในแต่ละคาถามควรให้นักเรียนนาเสนอ 4-5 คน
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความ
3. นกั เรยี นทุกคนดูรูปภาพ แล้วสนทนาโดยครูใช้คาถามดงั นี้
- จากรูปท่ีเห็นนักเรียนคิดว่าเป็นรูปอะไร
- การแตง่ นิทานจากภาพมีความสาคัญอย่างไร
- ภาพท่ีนักเรยี นเหน็ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
-จากภาพนกั เรยี นสามารถแตง่ ประโยคไดอ้ ยา่ งไร
(การถามควรใช้ไมเ้ รียกเลขท่ีสมุ่ ตอบ 4-5 คน เพอื่ เปน็ การสร้างบรรยากาศ
ความตนื่ เต้นในการตอบคาถาม และเปน็ วธิ กี ารทด่ี ีอยา่ งหนึ่งในการควบคุมชัน้ เรียน)
4. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ คดิ ประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณคา่ โดยครใู ชค้ าถามดังต่อไปนี้
-นักเรยี นสามารถนาเร่ืองทเี่ รียนไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้อย่างไร
ขั้นที่ 3 ขั้นปฏิบตั ิและสรปุ ความรูห้ ลงั การปฏิบตั ิ
5. นักเรียนเขา้ กลุ่มเขยี นนิทาน จากภาพ
6. นกั เรียนรว่ มกันสรุปความสาคญั ของการเขียนนทิ านจากภาพ ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ
เก่ียวกบั องค์ประกอบของประโยค
ขั้นที่ 4 ขน้ั ส่ือสารและนาเสนอ
7. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน เพอื่ นกลมุ่ อนื่ รว่ มกันแสดงความ
คิดเห็น
ขน้ั ที่ 5 ขั้นประเมินเพอ่ื เพิม่ คณุ ค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
8. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามดงั น้ี
- นกั เรยี นสามารถนาความรู้เก่ียวกบั เรอื่ งทีเ่ รียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้
อยา่ งไร
คาบท่ี 5-6 ขน้ั ที่ 1 ขัน้ รวบรวมข้อมลู
1. ครทู บทวนเนื้อหาบทเรียนคาในมาตรา กง กม เกย เกอว จากทนี่ กั เรยี นเคยเรยี น
มาตราตวั สะกด ชนั้ ประถมศึกษาท่ี 2 โดยครูใช้คาถามเพอ่ื โยงเข้าสสู่ าระการเรยี นรแู้ ละกระตนุ้
แม่กง แมก่ ม แม่ ความสนใจของผู้เรยี นโดยครถู ามคาถามดังนี้
เกย แม่เกอว - คาในมาตรา กง กม เกย เกอว พยัญชนะใดเปน็ ตวั สะกด
- นกั เรยี นจะนาความรูท้ ่ไี ด้รับไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวันได้อยา่ งไร
*ในการตอบคาถามให้ครใู ช้ไมเ้ รียกเลขที่ เพือ่ ใหน้ กั เรยี นตอบทีละคน โดยถาม
คาถามกอ่ นจะเรยี กเลขที่เพ่อื ใหท้ กุ คนได้คิด ในแตล่ ะคาถามควรให้นกั เรียนนาเสนอ 4-5
คน
2. นกั เรยี นเลน่ เกมใบ้คา โดยขออาสาสมคั รนักเรียน 8 คน ออกมาแสดงทา่ ใบ้คาละ
1 คน ให้เพือ่ น ๆ ทาย โดยครูให้อาสาสมัครดคู าใบ้ และทาทา่ ให้เพอ่ื นดูทลี ะคน
หา้ มพดู ตอ้ งแสดงท่าจนเพื่อนทายถกู ถ้าเพ่อื นทายถูกตดิ บตั รคาบนกระดาน
ดังนี้ ร้องเพลง กระตา่ ย หกล้ม ชา้ ง กางรม่ แมว เกี่ยวข้าว
ควาย
3. นกั เรียนอา่ น สะกดคา แล้วตอบคาถาม ดงั น้ี
๐ คาว่า “ร้องเพลง” มีอะไรเป็นตัวสะกด
๐ คาว่า “กระต่าย” มอี ะไรเปน็ ตวั สะกด
๐ คาว่า “หกลม้ ” มีอะไรเปน็ ตัวสะกด
๐ คาว่า “ช้าง” มีอะไรเปน็ ตวั สะกด
๐ คาว่า “กางรม่ ” มีอะไรเป็นตัวสะกด
๐ คาว่า “แมว” มีอะไรเป็นตัวสะกด
๐ คาว่า “เก่ยี วขา้ ว” มีอะไรเปน็ ตัวสะกด
๐ คาว่า “ควาย” มีอะไรเป็นตัวสะกด
ขัน้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะห์และสรปุ ความ
4. นักเรียนทากจิ กรรมวิเคราะหค์ าทั้ง 8 คา โดยครใู ช้คาถาม ดงั น้ี
๐ คาใดบ้างที่มี “ง” เปน็ ตัวสะกด
๐ คาใดบ้างทม่ี ี “ม” เป็นตัวสะกด
๐ คาใดบ้างทีม่ ี “ย” เป็นตวั สะกด
๐ คาใดบา้ งทีม่ ี “ว” เป็นตวั สะกด
หลังจากนนั้ นกั เรียนออกมาเขียนคาตอบลงในตารางบนกระดาน และชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง
ง สะกด ม สะกด ย สะกด ว สะกด
5. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมินเพอ่ื เพิ่มคณุ ค่าโดยครใู ช้คาถามดงั ต่อไปนี้
-นกั เรียนสามารถนาเร่ืองที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งไร
ขั้นท่ี 3 ขนั้ ปฏิบัติและสรปุ ความรหู้ ลังปฏิบตั ิ
6. นกั เรียนยกตัวอย่างคาที่มี ง, ม, ย, ว เปน็ ตวั สะกด คนละ 1 คา ทุกคน
7. นักเรยี นทากิจกรรมการอ่านและแต่งประโยค
8. นกั เรยี นสรุป คาในมาตรา กง กม เกย เกอว ดงั นี้
คาในมาตรา กง กม เกย เกอว เป็นคาทมี่ ี ง, ม, ย, ว เป็นตัวสะกดตวั เดียว
ตรงตามมาตรา การเขียนสะกดคาและรคู้ วามหมายของคาอยา่ งถูกตอ้ ง สามารถ
นาไปใช้ส่ือสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม
9. นกั เรียนทาแบบฝึกหดั
ขน้ั ที่ 4 ข้ันสื่อสารและนาเสนอ
10.นกั เรียนนาเสนอมาตราตวั สะกด แม่กง แม่กม แม่เกย แมเ่ กอว หนา้ ช้นั เรยี น
โดยใช้ไม้เรียกเลขท่ีเรยี กนักเรยี น
*โดยให้นกั เรียนยกตัวอยา่ งคาและผนั ใหเ้ พอ่ื นๆฟงั เพ่อื นช่วยตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นที่ 5ข้ันประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคุณค่าบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
11.นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามดงั นี้
- นกั เรียนสามารถนาความรูเ้ กย่ี วกับเรือ่ งท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสงั คมได้
อยา่ งไร
3.3 คุณลักษณะองั พงึ ประสงค์ : Attitude (A) มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่นั ใน
การทางาน รักความเปน็ ไทยมจี ติ สาธารณะ
6. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ :
การประเมิน วิธกี าร เคร่ืองมือ
- คาถาม
ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝึกหดั
- แบบประเมนิ การอ่าน
- ทาแบบฝึกหัด - แบบประเมินการเขียนนทิ าน
- คาถาม
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) - ทกั ษะการอา่ น -แบบฝกึ หดั
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
- ทกั ษะการเขยี น
- ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ - สงั เกตพฤตกิ รรมในการร่วม
คา่ นิยม (A) กจิ กรรม การทางานกลุ่ม
7. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 2. ไมเ้ รียกชอ่ื 3. หนงั สอื เรยี นภาษาไทยชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3
7.1 ส่อื การเรยี นรู้ 5. รปู ภาพ 6. ตัวอยา่ งการเขยี นประโยคจากภาพ
1. แบบฝึกหดั
4. คาถาม
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................ ............................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครผู ้สู อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาห์ที่ 17
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี 1/……………... ชือ่ ผสู้ อน ….………………………………………………..……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 จานวน 6 คาบ
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 8 เรือ่ ง ภูมิใจภาษาไทยของเรา
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปญั หาในการ
ดาเนินชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอา่ น
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป 3/1 อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ เรอ่ื งส้นั ๆ และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง คล่องแคลว่
ตัวชว้ี ัดที่ ป 3/3 ตัง้ คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล เกย่ี วกับเรื่องทอ่ี ่าน
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 3/4 ลาดบั เหตุการณแ์ ละคาดคะเนเหตุการณ์จากเรือ่ งที่อา่ นโดยระบเุ หตุผลประกอบ
ตัวช้วี ดั ท่ี ป 3/5 สรุปความร้แู ละข้อคดิ จากเรอ่ื งที่อ่านเพอื่ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
ตวั ชีว้ ัดท่ี ป 3/9 มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานท่ี ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวใน
รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป 3/5 เขยี นเรื่องตามจนิ ตนาการ
ตวั ชี้วัดที่ ป 3/6 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของ
ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 3/7 เลอื กใช้ภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาถิน่ ได้เหมาะสมกับกาลเทศ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอ่านจับใจความสาคญั คอื การอ่านเพ่อื จับใจความหรอื ขอ้ คดิ ความคิดสาคัญหลกั ของข้อความ
หรือเรอื่ งทอี่ า่ น การอ่านจับใจความสาคัญ ถือเปน็ ทกั ษะสาคญั ทีใ่ ช้ในการอา่ นเพอื่ การส่ือสารมากทสี่ ดุ เพราะ
เปน็ พ้ืนฐานสาคญั ในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความชานาญ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสาคญั (K)
2. อธิบายวธิ กี ารเขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการได้ (K)
3. รจู้ ักและบอกความหมายของภาษาถนิ่ (K)
4. อ่านเรื่องไดค้ ลอ่ งแคลว่ รวดเร็วและถกู ตอ้ งตามอักขรวธิ ี (P)
5. แยกขอ้ เท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ จากเร่อื งที่อ่าน (P)
6. เขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการได้ (P)
7. จาแนกภาษาถน่ิ ต่างๆ ได้ (P)
8. เห็นความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
9. เห็นความสาคญั ของการเขียนตามจินตนาการและนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั (A)
10. กระตือรอื รน้ ในการร่วมกิจกรรม (A)
4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
การอ่านจบั ใจความภมู ใิ จภาษาไทยของเรา การ
เขียนเร่อื งตามจินตนาการจากหวั ขอ้ ท่กี าหนด
ภาษาไทยถิน่
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบท่ี 1-2 ข้ันท่ี 1 ขั้นรวบรวมข้อมลู
1.นกั เรียนดูภาพเกี่ยวกบั ภาพวฒั นธรรมไทย แล้วร่วมสนทนาโดยครใู ช้คาถามดังนี้
การอา่ นจบั - นกั เรียนภูมใิ จในความเป็นไทยหรือไม่
ใจความภูมใิ จ - นอกจากวฒั นธรรมแล้วนกั เรียนภูมิใจอะไรอกี บา้ งในความเปน็ ไทย
ภาษาไทยของเรา *ในการตอบคาถามใหค้ รใู ช้ไมเ้ รยี กเลขท่ี เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรยี กเลขที่เพ่ือให้ทุกคนไดค้ ดิ ในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรยี นนาเสนอ 4-5 คน
2.นักเรียนทบทวนเก่ียวกับการอา่ นสรปุ ใจความ โดยใช้คาถามดงั ต่อไปน้ี
- การอา่ นสรปุ ใจความคืออะไร
- นักเรียนใช้ทกั ษะอะไรบ้างในการอ่านสรปุ ใจความ
3. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุม่ อา่ นในใจเรื่องภมู ใิ จภาษาไทยของเรา จากหนังสอื
ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6
โดยนาหลักการอ่านในใจมาใช้ ครูสงั เกตการอา่ นของนกั เรยี นแตล่ ะคนวา่ ปฏิบตั ไิ ดถ้ กู ตอ้ ง
ตามหลักการอ่านหรือไม่
คาบที่ 3-4 ขั้นที่ 2 ขัน้ คดิ วิเคราะห์และสรุปความ
4. นักเรียนรว่ มกันวิเคราะห์เก่ยี วกบั ความภูมใิ จภาษาไทยของเรา แล้วร่วมสนทนา
การเขยี นเรื่อง
ตามจินตนาการ โดยครใู ชค้ าถามดงั นี้
จากหัวข้อที่ - นักเรียนมีความภูมิใจในภาษาไทยของเราอย่างไร
กาหนด
5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มคดิ ประเมนิ เพ่ือเพิม่ คุณคา่ โดยครูใช้คาถามดงั ต่อไปน้ี
- จากการศึกษาเรื่องจาก ความภูมิใจภาษาไทยของเรา นกั เรยี นสามารถ
นาไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ข้นั ปฏิบัตแิ ละสรปุ ความรูห้ ลังการปฏิบตั ิ
6. นกั เรยี นเข้ากลมุ่ ทากจิ กรรมการถามตอบจากเรื่องทีศ่ ึกษา โดยให้แตล่ ะกลุ่มต้งั
คาถาม 5 ข้อ
7. นักเรยี นรว่ มกันสรปุ ขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากเรอื่ ง
ขนั้ ท่ี 4ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
8. ตัวแทนกลมุ่ อา่ นคาถามและใหเ้ พอื่ นๆในชั้นเรยี นตอบคาถาม
ขั้นท่ี 5ขน้ั ประเมนิ เพื่อเพิ่มคณุ คา่ บริการสังคมและจิตสาธารณะ
9. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามดังน้ี
- นักเรยี นสามารถนาความร้เู กี่ยวกับเรอื่ งที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้
อยา่ งไร
ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ รวบรวมข้อมลู
1. นกั เรียนทบทวนบทเรยี นการเขียนตามจนิ ตนาการ หลังจากน้ันครูให้
นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามทา้ ทายเพ่ือโยงเขา้ สู่
สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจของผ้เู รียน ดังนี้
- นักเรียนเคยคิดอยากเป็นนักเขียนหรือไม่ เพราะเหตุใด
- ผู้ที่มจี ินตนาการจะสามารถเขียนเร่ืองราวต่างๆทนี่ ่าสนใจจริงหรือไม่
เพราะเหตุใด
- การเขียนเร่ืองตามจินตนาการช่วยพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์และ
กอ่ ให้เกิดความสุขได้จริงหรือไม่
*ในการตอบคาถามให้ครใู ช้ไมเ้ รียกเลขที่ เพอื่ ให้นกั เรยี นตอบทีละคน โดยถาม
คาถามกอ่ นจะเรียกเลขท่เี พือ่ ใหท้ ุกคนได้คดิ ในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรียนนาเสนอ
4-5 คน
2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ให้แตล่ ะกล่มุ ศึกษาเร่อื งการเขียนเรอื่ งตามจนิ ตนาการจากใบ
ความรู้ และครูสงั เกตการณ์ทางาน
เป็นกลุ่ม ความสามคั คี ตลอดจนการแลกเปล่ียนความคดิ เห็น การทางานเป็นกลมุ่ ของ
คาบท่ี 5-6 นักเรียน
ขั้นท่ี 2 ขน้ั คดิ วิเคราะหแ์ ละสรุปความ
ภาษาไทยถน่ิ
3. นกั เรยี นดตู ัวอยา่ งการเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ แล้วร่วมกนั วเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั
การใช้ภาษาในการเขียน
4. นกั เรียนแต่ละกล่มุ คิดประเมนิ เพื่อเพิม่ คุณคา่ โดยครูใช้คาถามดังตอ่ ไปนี้
-นักเรยี นสามารถนาเรื่องท่เี รียนไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร
ขนั้ ท่ี 3 ขั้นปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรู้หลังการปฏิบตั ิ
5. นักเรยี นทากจิ กรรมการเขียนตามจินตนาการ
6. นักเรียนสรุปเกี่ยวกับหลักในการเขยี นตามจินตนาการ
ขน้ั ที่ 4 ข้นั สอื่ สารและนาเสนอ
7. นกั เรียนนาเสนอผลของการทากิจกรรมการเขยี นเร่ืองตามจินตนาการ โดยใช้วธิ ีจบั
สลาก
*ขณะที่นักเรียนนาเสนอ ครูพยายามสังเกตพฤติกรรมทงั้ ของผฟู้ งั และผู้
นาเสนอ เพื่อเกบ็ ไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงตอ่ ไป
พฤตกิ รรมทน่ี าไปเป็นเง่ือนไขพฒั นา เชน่
- มารยาทในการพดู และฟัง
- ความสนใจ ให้เกียรติ
- การซกั ถาม เสนอแนวคิดแย้งหรอื คลอ้ ยตามอย่างมีเหตุผล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
ขั้นท่ี 5ขั้นประเมนิ เพ่ือเพ่ิมคุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
8.นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามดังนี้
- นักเรยี นสามารถนาความรู้เก่ียวกับเร่ืองทเ่ี รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้
อยา่ งไร
ขนั้ ท่ี 1 ขัน้ รวบรวมข้อมลู
1. นักเรียนอ่านบตั รคาพรอ้ มกนั และสนทนากบั นักเรียนโดยใช้คาถาม ดังน้ี
พดู แหลง เวา่ อู้
๐ คาท้ัง 4 เหมอื นกันอยา่ งไร
๐ คาท้ัง 4 ตา่ งกนั อย่างไร
๐ นกั เรยี นทราบไหมว่าคาท้งั 4 คามคี วามหมายอยา่ งไร (พูด)
๐ เหตใุ ดความหมายเหมือนกนั แตใ่ ชค้ าไมเ่ หมือนกัน (เพราะเป็นคาพดู ทใี่ ชส้ ื่อสาร
กนั ภายในทอ้ งถิ่นใดทอ้ งถิน่ หน่งึ เราเรียกว่า ภาษาถนิ่ )
๐ นกั เรียนทราบไหมว่าคาทง้ั 4 คามีภาษาถ่นิ ใดบ้าง (พูด เปน็ ภาษาไทยกลาง, แห
ลง เป็นภาษาถ่ินใต,้ เว่า เปน็ ภาษาถ่นิ อีสานและ อู้ เป็นภาษาถน่ิ เหนือ)
2.นกั เรียนศกึ ษาเรอื่ งคาภาษาถ่ินในภาคต่างๆ
ข้นั ท่ี 2 ขนั้ คิดวิเคราะห์และสรุปความ
3. นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์เกีย่ วกบั ความสาคัญของภาษาถิ่น แล้วรว่ มสนทนาโดย
ครใู ช้คาถามดงั น้ี
-การใช้ภาษาถน่ิ ของแตล่ ะภาคในการสนทนากนั มีความสาคัญอยา่ งไร
4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คุณคา่ โดยครูใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้
-นกั เรียนสามารถนาเร่ืองที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างไร
ขนั้ ที่ 3 ขัน้ ปฏิบตั ิและสรปุ ความรู้หลังปฏบิ ตั ิ
5. นกั เรียนทากิจกรรมเสริมทักษะการเรยี นรู้ โดยโยงเส้นจับคู่คาภาษาถ่นิ กบั
ภาษาไทยมาตรฐานทมี่ ีความหมายเหมือนกัน เมื่อนักเรียนทาเสรจ็ แล้วชว่ ยกัน
ตรวจสอบความถูกต้อง และขออาสาสมัครอ่านนา ใหเ้ พื่อนๆ อ่านตามพรอ้ มกนั
6. นกั เรยี นทากจิ กรรมฝกึ การใช้คาภาษาถ่นิ โดยการเลือกใชภ้ าษาถิ่นท่ีกาหนดให้
ตรงกับคาท่ีเป็นภาษาไทยมาตรฐาน
หรอย (ใต้) บกั นดั (อีสาน) หมะหนนุ (เหนือ) ป้ อ (เหนือ)
บกั หงุ่ (อีสาน) ดีปลี (ใต้) ผกั แคบ (เหนือ)
นา้ ชบุ (ใต้) ซาว (เหนือ) มว่ น (อีสาน)
1) น้าพรกิ
2) คุณพ่อ
3) อร่อย
4) ผักตาลึง
5) พรกิ
6) มะละกอ
7) ขนุน
8) สบั ปะรด
9) ย่ีสบิ
10) สนุก
7. นกั เรียนสรุปเกี่ยวกับคาภาษาถ่นิ ดงั นี้
ภาษาถิ่น เป็นภาษาเฉพาะของท้องถน่ิ ใดทอ้ งถ่นิ หนงึ่ ที่มลี ักษณะเฉพาะตัวทั้ง
ถอ้ ยคาและสาเนียง
8. นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั
ขั้นท่ี 4 ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
9. นักเรียนนาเสนอเก่ียวกับคาภาษาถ่นิ จากการทาแบบฝึกหดั
ขนั้ ที่ 5 ข้นั ประเมนิ เพื่อเพิ่มพนู คุณค่าบรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
10. นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามดังน้ี
-นักเรยี นสามารถนาความรู้เกีย่ วกับเร่อื งทเี่ รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้
อยา่ งไร
3.3 คุณลักษณะองั พงึ ประสงค์ : Attitude (A) มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมน่ั ใน
การทางาน รักความเปน็ ไทยมจี ติ สาธารณะ
6. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ :
การประเมิน วธิ ีการ เครอ่ื งมอื
- คาถาม
ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝกึ หัด
- แบบประเมินการอ่าน
- ทาแบบฝกึ หัด - คาถาม
- แบบฝกึ หัด
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอ่าน - แบบสงั เกตพฤติกรรม
- ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ - สงั เกตพฤติกรรมในการร่วม
ค่านิยม (A) กิจกรรม การทางานกลมุ่
7. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 2. ไมเ้ รยี กชอ่ื 3. หนงั สือเรียนภาษาไทยชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3
7.1 สื่อการเรียนรู้ 5. รูปภาพ 6. ตวั อย่างการเขียนประโยคจากภาพ
1. แบบฝึกหัด
4. คาถาม
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................ ............................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาห์ที่ 18
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี 1/……………... ชอ่ื ผู้สอน ….………………………………………………..……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 จานวน 6 คาบ
เรอ่ื ง ภมู ิใจภาษาไทยของเรา
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพอื่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ
ดาเนนิ ชีวติ และมีนสิ ยั รกั การอ่าน
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/1 อ่านออกเสยี งคา ขอ้ ความ เรื่องสน้ั ๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกตอ้ ง คล่องแคล่ว
ตัวช้วี ดั ท่ี ป 3/3 ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผล เกยี่ วกบั เรือ่ งท่อี ่าน
ตวั ช้วี ัดที่ ป 3/4 ลาดบั เหตกุ ารณแ์ ละคาดคะเนเหตุการณจ์ ากเร่อื งที่อ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ
ตัวช้วี ัดท่ี ป 3/5 สรุปความร้แู ละข้อคิดจากเร่ืองท่ีอ่านเพอื่ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
ตวั ชี้วัดท่ี ป 3/9 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวใน
รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 3/5 เขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ
ตัวชวี้ ดั ที่ ป 3/6 มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั ของ
ภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวช้วี ดั ท่ี ป 3/1 เขยี นสะกดคาและบอก ความหมายของคา
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอ่านจับใจความสาคญั คือ การอ่านเพือ่ จับใจความหรอื ข้อคิด ความคิดสาคัญหลกั ของขอ้ ความ
หรือเรอื่ งที่อ่าน การอา่ นจบั ใจความสาคัญ ถอื เปน็ ทกั ษะสาคัญทใ่ี ชใ้ นการอา่ นเพ่ือการสอื่ สารมากทีส่ ุด เพราะ
เป็นพน้ื ฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกิดความชานาญ
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. รแู้ ละเข้าใจหลักการอ่านจับใจความสาคญั (K)
2. อธบิ ายวธิ กี ารเขียนบรรยายภาพได้ (K)
3. บอกลักษณะของคาในมาตรา กก กด กน กบได้ (K)
4. อา่ นและรอ้ งเพลงได้ถูกต้อง (P)
5. เขียนบรรยายภาพได้ (P)
6. อา่ น เขียนและจาแนกคามาตรา กก กด กน กบได้ (P)
7. กระตือรอื ร้นและมสี ่วนรว่ มกับการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (A)
8. เห็นความสาคญั ของการเขียนบรรยายและนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวัน (A)
9. กระตอื รือรน้ ในการร่วมกจิ กรรม เห็นความสาคญั ของมาตราตัวสะกด (A)
4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
การอ่านจบั ใจความบทเพลง การเขยี นบรรยายภาพ
มาตราตัวสะกด แมก่ ก แมก่ ด แมก่ น แม่กบ
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรียนการสอน
คาบท่ี 1-2 ข้ันท่ี 1 ข้ันรวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรยี นดแู ผนภูมิเพลง “อา่ นในใจ” แลว้ อ่านออกเสยี งพรอ้ มกัน ร้องเป็นเพลง
การอ่านจบั ตามครู 1 เท่ยี ว แล้วให้นักเรยี นร้องเอง 2 เทยี่ ว ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับ
ใจความบทเพลง เนอื้ หาของเพลง โดยครถู ามนาเพอื่ โยงเขา้ ส่สู าระการเรยี นรู้และกระตุ้นความสนใจของ
ผ้เู รยี นโดยครูถามคาถามดังน้ี
-การอา่ นสรปุ ใจความคืออะไร
-นกั เรยี นใช้ทกั ษะอะไรบา้ งในการอ่านสรปุ ใจความ
-การอา่ นจบั ใจความบทเพลงมคี วามเหมอื นหรอื แตกต่างจากการอ่านสรุป
ใจความทั่วไปอย่างไร
-นกั เรียนจะนาหลกั การอ่านสรปุ ความไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้อย่างไร
*ในการตอบคาถามให้ครูใชไ้ ม้เรยี กเลขที่ เพือ่ ให้นกั เรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
ก่อนจะเรยี กเลขที่เพอ่ื ให้ทุกคนได้คดิ ในแตล่ ะคาถามควรใหน้ ักเรียนนาเสนอ 4-5 คน
2. นกั เรียนศกึ ษาวิธีการอ่านจับใจความสาคัญจากใบความรู้ และสนทนาเก่ยี วกบั การ
อา่ นจบั ใจความสาคญั โดยครูใช้คาถามดงั นี้
-การอา่ นจบั ใจความสาคัญคืออะไร
*ในการตอบคาถามใหค้ รใู ช้ไม้เรยี กเลขท่ี เพื่อให้นกั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม
กอ่ นจะเรยี กเลขท่ีเพื่อให้ทุกคนไดค้ ิด ในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรียนนาเสนอ 4-5 คน
ขั้นท่ี 2 ข้ันคิดวิเคราะห์และสรปุ ความ
2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลมุ่ อ่านในใจเรื่องการอ่านจบั ใจความบทเพลงจากใบ
ความรู้
3. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สรปุ ใจความสาคญั ของการอา่ นจับใจความบทเพลง
4.นักเรียนแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพือ่ เพมิ่ คุณคา่ โดยครูใช้คาถามดังต่อไปน้ี
-นักเรียนสามารถนาส่ิงที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวันได้อย่างไร
ข้ันท่ี 3 ขนั้ ปฏิบัตแิ ละสรปุ ความรหู้ ลังการปฏิบัติ
5.นกั เรียนทากจิ กรรมการถามตอบจากเรือ่ งทศี่ กึ ษา
6.นักเรียนรว่ มกนั สรุปหลักการอา่ นจับใจความบทเพลงดังน้ี
หลักการจับใจความสาคัญ
1. ตง้ั จดุ มุ่งหมายในการอ่านใหช้ ดั เจน
2. อ่านบทเพลงอย่างคร่าวๆ พอเขา้ ใจหลังจากน้นั อ่านเพ่ือพยายามตคี วาม
เนอ้ื หาที่บทเพลงตอ้ งการสอื่
3. เมือ่ อ่านจบใหต้ งั้ คาถามตนเองวา่ เรอ่ื งที่อา่ น มีใคร ทาอะไร ที่ไหน
เม่ือไหร่ อย่างไร
4. นาส่งิ ทส่ี รุปไดม้ าเรยี บเรียงใจความสาคญั ใหมด่ ว้ ยสานวนของตนเอง
เพอื่ ให้เกิดความสละสลวย
ข้ันที่ 4 ข้นั ส่ือสารและนาเสนอ
7. แตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอผลของการทากจิ กรรม การระดมสมองให้เพื่อนฟัง โดย
ใชว้ ิธีจบั สลาก
*ขณะที่นักเรียนนาเสนอ ครูพยายามสังเกตพฤติกรรมท้งั ของผู้ฟังและผู้
นาเสนอ เพื่อเก็บไปเปน็ ข้อมูลในการพัฒนาปรบั ปรุงตอ่ ไป
พฤตกิ รรมทนี่ าไปเปน็ เง่ือนไขพัฒนา เช่น
- มารยาทในการพูดและฟงั
- ความสนใจ ให้เกียรติ
- การซกั ถาม เสนอแนวคิดแย้งหรอื คลอ้ ยตามอย่างมีเหตุผล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพอ่ื การสือ่ สาร
8. เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็น วพิ ากษว์ จิ ารณผ์ ลงานของเพอื่ น ลกั ษณะ
การนาเสนอของเพ่อื น อย่างอสิ ระ นาจดุ เดน่ จุดดอ้ ย จุดควรพฒั นา สงิ่ ท่ีเหมือนกัน และ
คาบที่ 3-4 แตกตา่ งกนั ของแตล่ ะกลมุ่ มาแสดงให้นักเรยี นเหน็ ถึงความหลากหลายของความคดิ ซงึ่
ขน้ึ อยูก่ ับเหตุผล
การเขยี น ขน้ั ท่ี 5 ข้ันประเมนิ เพ่อื เพมิ่ คุณค่าบรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
บรรยายภาพ
9. นกั เรยี นช่วยกันสรุปบทเรียน ครูสรุปเพมิ่ เตมิ ด้วยการสุ่มถามนักเรียนบางคน เพือ่
เปน็ การประเมินความเขา้ ใจไปในตัวดว้ ย
10. นกั เรียนนาความรู้เรือ่ ง การอ่านจับใจความ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ไปใช้เพอ่ื การฝกึ ทักษะการ
อ่านสื่อสารและแนะนาเพื่อนๆ น้อง ๆ หรือคนใกลช้ ิด
ขนั้ ท่ี 1 ข้ันรวบรวมขอ้ มลู
1. นักเรยี นสังเกตตวั อย่างการเขยี นประโยคจากภาพทค่ี รูนามาให้ดแู ลว้ รว่ มกนั
สนทนาเกีย่ วกับการเขียนประโยคจากภาพ โดยครูถามเพ่ือโยงเขา้ ส่สู าระการเรียนรู้และ
กระตุน้ ความสนใจผ้เู รียน โดยครูใชค้ าถามดังนี้
- นักเรียนคิดว่าการเขยี นประโยคจากภาพมปี ระโยชน์อย่างไร ช่วยเสริมสร้าง
พัฒนาการทางด้านใดบ้าง (ทั้งนค้ี รูพจิ ารณาคาตอบของนักเรียนและสามารถชีแ้ นะ
เพิ่มเตมิ ได)้
- การเขียนประโคจากกภาพควรใช้ภาษาเขียนในลักษณะใด เพราะเหตใุ ด
- เมอ่ื เราดูภาพๆ เดียวกันหากเราหรอื เพ่ือนควรเขยี นประโยคเหมอื นกบั
เพอื่ นหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
2. ครูตัง้ คาถามเพือ่ กระตนุ้ ให้นกั เรียนอยากค้นหาคาตอบ เช่น
- ทาไมเราจงึ ต้องฝึกการเขียนประโยคจากภาพ (คาถามน้ยี งั ไม่ต้องให้
นกั เรียนตอบ แตจ่ ะให้ตอบในขน้ั ตอนของการสรปุ ความ)
หลังจากนัน้ ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเรอื่ ง การเขยี นประโยคจากภาพ
ขั้นท่ี 2 ขน้ั คิดวเิ คราะห์และสรุปความ
3. ครนู ารปู มาใหน้ กั เรียนทกุ คนดู 1 รูป ตา่ งคนต่างคดิ วเิ คราะห์รปู ดงั กลา่ ว แล้ว
สนทนาโดยครูใชค้ าถามดงั นี้
- จากรปู ที่เห็นนกั เรียนคิดว่าเป็นรูปอะไร
- การแตง่ ประโยคจากภาพมีความสาคญั อย่างไร
- ภาพที่นักเรยี นเห็นมอี งค์ประกอบอะไรบ้าง
-จากภาพนักเรยี นสามารถแตง่ ประโยคไดอ้ ย่างไร
(การถามควรใช้ไมเ้ รียกเลขทีส่ ่มุ ตอบ 4-5 คน เพือ่ เปน็ การสร้างบรรยากาศ
ความต่ืนเตน้ ในการตอบคาถาม และเปน็ วิธกี ารทีด่ ีอย่างหนึง่ ในการควบคมุ ช้ันเรยี น)
4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดประเมินเพือ่ เพ่ิมคุณคา่ โดยครูใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้
-นักเรยี นสามารถนาเร่ืองที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวันไดอ้ ย่างไร
ขั้นที่ 3 ข้ันปฏบิ ัติและสรปุ ความร้หู ลังการปฏิบัติ
5. ครูแบง่ นักเรยี นออกเป็น 4 กล่มุ สมาชิกในกลุม่ ช่วยกันวเิ คราะห์ภาพแลว้ แตง่
ประโยคให้สอดคล้องกับภาพท่ี
กาหนด
6.นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความสาคัญของการแตง่ ประโยคจากภาพ ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ
เกี่ยวกบั องคป์ ระกอบของประโยค
ขนั้ ท่ี 4 ขั้นสอ่ื สารและนาเสนอ
7. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียน เพ่อื นกลมุ่ อนื่ รว่ มกันแสดง
ความคิดเหน็
8. นักเรียนรว่ มกันคัดเลอื กประโยคทีช่ อบมากท่สี ุด 3 อนั ดับ แล้วนาไปจัดแสดงท่ี
ปา้ ยนิเทศหนา้ ช้นั เรียน
ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมินเพอ่ื เพมิ่ คุณค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปสาระสาคญั ของเรอ่ื ง การแต่งประโยคจากภาพ
10.นักเรียนนาความรู้เร่ือง การแตง่ ประโยคจากภาพที่ไดเ้ รยี นรู้ไปใช้เพอ่ื การฝกึ
ทักษะการเขยี นสือ่ สารและแนะนาเพอ่ื นๆ นอ้ ง ๆ หรอื คนใกล้ชิดในเรอื่ งการฝึกแตง่ ประโยค
จากภาพ
คาบที่ 5-6 ข้ันท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู
1. ครนู าสิ่งของต่อไปน้มี าให้นกั เรียนดู (ถ้าไม่มีของจรงิ สามารถนาภาพมาใหน้ ักเรียน
มาตราตัวสะกด ดไู ด้) บอกและเขยี นชื่อสงิ่ น้นั แลว้ สังเกตตัวสะกดของคา ดังน้ี
แม่กก แมก่ ด แม่
กน แม่กบ
ปากกา มะกรูด จาน บวบ
สิ่งแรกท่ีให้นกั เรียนดู คอื “ปากกา” ครใู ช้คาถามสนทนากบั นกั เรยี น ดังนี้
- สิ่งทคี่ รูถืออยู่คอื อะไร (ปากกา)
- “ปากกา” เขยี นอย่างไร
ให้นกั เรยี นอาสาสมคั รมาเขยี นคาว่า “ปากกา” บนกระดาน
ส่งิ ท่ีสองท่ีให้นกั เรยี นดู คือ “มะกรดู ” ครใู ช้คาถามสนทนากับนกั เรียน ดงั นี้
- สิง่ ท่ีครูถอื อยคู่ อื อะไร (มะกรูด)
- “มะกรูด” เขยี นอยา่ งไร
ให้นกั เรียนอาสาสมคั รมาเขียนคาว่า “มะกรดู ” บนกระดาน
ส่ิงที่สามทใี่ หน้ กั เรียนดู คือ “จาน” ครูใช้คาถามสนทนากับนกั เรยี น ดังน้ี
- สิ่งทค่ี รูถอื อยู่คืออะไร (จาน)
- “จาน” เขียนอยา่ งไร
ให้นกั เรยี นอาสาสมคั รมาเขียนคาวา่ “จาน” บนกระดาน
สิง่ สุดทา้ ยทีใ่ ห้นกั เรยี นดู คือ “บวบ” ครูใช้คาถามสนทนากับนักเรียน ดงั นี้
- สง่ิ ท่ีครถู อื อยูค่ อื อะไร (บวบ)
- “บวบ” เขียนอย่างไร
ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั รมาเขียนคาว่า “บวบ” บนกระดาน
2. ใหน้ กั เรียนอ่านคาบนกระดาน และพจิ ารณาคาทีละคา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี
- คาว่า “ปากกา” สะกดดว้ ยพยัญชนะตวั ใด
- คาว่า “จาน” สะกดดว้ ยพยญั ชนะตวั ใด
- คาว่า “มะกรูด” สะกดดว้ ยพยญั ชนะตัวใด
- คาว่า “บวบ” สะกดด้วยพยัญชนะตวั ใด
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คิดวิเคราะห์และสรปุ ความ
3. ครูตดิ ขอ้ ความบนกระดานหรอื เขียนบนกระดาน ดังนี้
หอยสงั ขเ์ ป็นหอยทะเลที่สวยงามเปลือกหนาและหนกั สีขาว ปากเปลือกกางออกเป็น
แผน่ หนากวา้ ง มียอดแหลม หอยสังขเ์ คล่ือนที่ โดยใชถ้ ีบตวั พงุ่ ไปขา้ งหนา้ มนั ชอบกิน
เน้ือสตั วเ์ น่า แตช่ าวบา้ นกลบั ชอบจบั หอยน้ีมาควกั เอาเน้ือกิน
4. ให้นักเรียนออกมาขีดเส้นใต้ คาที่มตี ัว ก, ด, น, บ, สะกด
คาทีม่ ี ก สะกด คือ เปลือก หนัก ปาก ออก ควัก
คาที่มี ด สะกด คือ ยอด สตั ว(์ ออกเสียงเป็น ด สะกด)
คาท่ีมี น สะกด คือ เป็น แผ่น เคล่ือน มนั กนิ บ้าน กนิ
คาทมี่ ี บ สะกด คอื ถบี กลบั ชอบ จับ
5. ให้นักเรียนศกึ ษาความรู้เร่ืองคาในมาตรา กก กด กน กบ โดยครคู อยช้ีแนะ ให้
นักเรยี นอ่านในใจ และ อ่านพร้อมกนั โดยมีอาสาสมัครอา่ นนา เพ่อื น ๆ อ่านตาม
ครตู อ้ งพยายามให้นกั เรียนทุกคนอาสาสมคั รออกมาทากิจกรรม
6. ใหน้ กั เรียนเขียนคา มาตรา กก กด กน กบ ในตาราง ตวั สะกดละ 5 คา
ก สะกด ด สะกด น สะกด บ สะกด
7. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั สรุปมาตรา กก กด กน กบ
8. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ คิดประเมินเพอื่ เพ่ิมคุณค่าโดยครูใชค้ าถามดังต่อไปน้ี
-นักเรยี นสามารถนาส่ิงท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างไร
ขั้นท่ี 3 ข้ันปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความรูห้ ลังปฏบิ ัติ
9. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปว่า
๐ คาท่มี ี ก สะกด เรียกว่า มาตรา กก หรอื แมก่ ก
๐ คาทมี่ ี ด สะกด เรยี กว่า มาตรา กด หรือ แมก่ ด
๐ คาที่มี น สะกด เรียกว่า มาตรา กน หรือ แม่กน
๐ คาทม่ี ี บ สะกด เรียกวา่ มาตรา กบ หรอื แม่กบ
ข้นั ท่ี 4 ขน้ั สื่อสารและนาเสนอ
10. แตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอผลของการทากจิ กรรม การระดมสมองให้เพอ่ื น
ฟงั โดยใช้วธิ ีจับสลาก
*ขณะท่ีนักเรยี นนาเสนอ ครพู ยายามสังเกตพฤตกิ รรมท้ังของผฟู้ ังและผู้
นาเสนอ เพอ่ื เกบ็ ไปเป็นข้อมลู ในการพัฒนาปรับปรงุ ตอ่ ไป
พฤตกิ รรมทีน่ าไปเปน็ เง่ือนไขพัฒนา เช่น
- มารยาทในการพดู และฟงั
- ความสนใจ ให้เกยี รติ
- การซักถาม เสนอแนวคดิ แย้งหรือคลอ้ ยตามอยา่ งมีเหตผุ ล
- การใช้ทักษะทางภาษาเพ่อื การส่อื สาร
11. เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เห็น วพิ ากษว์ จิ ารณ์ผลงานของเพอื่ น
ลักษณะการนาเสนอของเพ่อื น อยา่ งอิสระ นาจดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย จดุ ควรพฒั นา ส่ิง
ทเ่ี หมือนกัน และแตกต่างกนั ของแต่ละกล่มุ มาแสดงใหน้ กั เรียนเหน็ ถงึ ความ
หลากหลายของความคิด ซ่งึ ข้นึ อย่กู ับเหตผุ ล
ขัน้ ท่ี 5 ขั้นประเมนิ เพือ่ เพ่ิมพูนคณุ ค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
12. นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามดังน้ี
-นกั เรียนสามารถนาความรเู้ กย่ี วกบั เรื่องทเี่ รียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้
อยา่ งไร
3.3 คุณลกั ษณะองั พึงประสงค์ : Attitude (A) มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันใน
การทางาน รักความเปน็ ไทยมีจติ สาธารณะ
6. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ :
การประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมอื
- คาถาม
ด้านความรู้ (K) - การตอบคาถาม - แบบฝึกหัด
- แบบประเมินการอ่านในใจ
- ทาแบบฝึกหดั - แบบประเมินการอ่านออกเสียง
- แบบประเมนิ การคดั ลายมือ
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอ่านในใจ - แบบฝึกหัด
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
- ทกั ษะการอ่านออกเสียง
- ทกั ษะการเขยี น
- ทักษะการอา่ น
ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ - สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วม
คา่ นยิ ม (A) กิจกรรม การทางานกลุม่
7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 2. ไมเ้ รยี กชือ่ 3. หนงั สือเรียนภาษาไทยช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3
7.1 ส่ือการเรียนรู้ 5. รูปภาพ 6. ตัวอยา่ งการเขียนประโยคจากภาพ
1. แบบฝึกหัด
4. คาถาม
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................................
................................................................................ ............................................................................
......................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ............................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่อื ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)