The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Associate Prof.Dr.Vichit U-on, 2020-11-05 04:43:16

spss_vichit

สถิติเบื้องต้นเพื่อการวิจัย

0





การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย




โปรแกรมส าเร็จรูป SPSS





































รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต อู่อ้น

1






ค าน า






หนังสือเลมนี้จัดทําขึ้นโดยมีจุดมุงหมายเพื่อเปนแนวทางในการศึกษา

โปรแกรม SPSS สําหรับวินโดวสและยังเปนโปรแกรมที่สะดวก ตอผูใช
ื่
โดยเฉพาะใน เวอรชันใหมๆ เชน เวอรชัน 21หรือ อน ๆ ที่สูงกว่า

ซึ่งสามารถนํามาใชกับทางดานการศึกษาใน ระดับตางๆ ไมวาจะ

เปนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก


หนังสือเลมนี้มีการแนะนําการ ใชโปรแกรม SPSS อยางเปนขั้นตอน

เขาใจงาย เหมาะสําหรับการอานและนําไปใช งานไดจริง


สุดทายผูเขียนขอกราบขอบพระคุณ ครูอาจารยผูบังคับบัญชา
ื่
เพอนรวมงาน ผูใตบังคับบัญชา และครอบครัว ที่ทําใหผูเขียนมีวันนี้หากประ
โยชนอนใดที่เกิดขึ้น จากหนังสือเลมนี้ผูเขียนขอยกใหบุคคลเหลานี้แตหาก

ขาดตกบกพรองประการใด ผูเขียนขอนอมรับและนําไปปรับปรุงตอไป


รศ.ดร.วิชิต อู่อ้น

[email protected]

081-830-4741

2





สารบัญ

หน้า


บทที่ 1 การเตรียมข้อมูลส าหรับใช้กับโปรแกรม SPSS 5

1.1.การเตรียมข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS 14

1.2.การกําหนดชื่อและรายละเอียดของตัวแปร 16

1.3.การกําหนดความกว้างและการจัดข้อความของคอลัมน์ 21

1.4.การกําหนดข้อความขยายและอธิบายค่าตัวแปร 22
1.5.การกําหนดค่าที่ขาดหายไปหรือค่าที่ไม่สมบูรณ์ 26

1.6.การป้อนข้อมูล 29
1.7.การบันทึกข้อมูล 30



บทที่ 2 การสร้างตัวแปรใหม่หรือ
การแปลงค่าข้อมูลในตัวแปร 36


2.1.การสร้างตัวแปรใหม่โดยคําสั่ง Compute 36
2.2.การใช้คําสั่ง Recode 41

3







สารบัญ (ต่อ)
หน้า



บทที่ 3 สถิติพรรณนา 50

3.1.การวิเคราะห์ Frequency 50

3.2.คําสั่ง Descriptive 61

3.3.คําสั่ง Explore 66
3.4.คําสั่ง Crosstabs 76

บทที่ 4 การทดสอบความสัมพันธ์ 99

4.1.ขั้นตอนในการทดสอบสมมติฐาน 99
4.2.การทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว

ที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ 101

4.3.การทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว
ที่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ 108

4.4.การหาความสัมพันธ์อย่างง่ายโดยใช้ SPSS 114

4





สารบัญ (ต่อ)

หน้า
บทที่ 5 การทดสอบค่าเฉลี่ย 123


5.1.การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม 123
5.2.การทดสอบค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มเดียว 128

5.3.กรณีการทดสอบความแตกต่างระหว่าง
ค่าเฉลี่ยของประชากร 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน 134

5.4.กรณีการทดสอบความแตกต่างระหว่าง

ค่าเฉลี่ยของประชากร 2 กลุ่ม ที่ไม่เป็นอิสระกันหรือกรณีข้อมูลคู่ 143
5.5.กรณีการทดสอบความแตกต่างระหว่าง

ค่าเฉลี่ยของประชากรมากกว่า 2 กลุ่ม ที่เป็นอิสระกัน 149
บทที่ 6 การวิเคราะห์การถดถอย 161


6.1.การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นอย่างง่าย
และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ 161

6.2.กรณีตัวแปรอิสระมากกว่า 2 ตัว 169

บทที่ 7 ความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่น 189

7.1.ความเที่ยงตรง (Validity) 189

7.2.ความเชื่อมั่น (Reliability) 190
7.3.การหาค่าความเชื่อมั่นโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูป SPSS 192

5





บทที่ 1

การเตรียมข้อมูลส าหรับใช้กับโปรแกรม SPSS


SPSS ย่อมาจาก Statistical Package for Social Science เป็น

สําหรับวินโดวส์ เป็นโปรแกรมที่สะดวกต่อผู้ใช้โดยเฉพาะในเวอร์ชันใหม่ๆ
เช่น เวอร์ชัน 21 ซึ่งจะเห็นได้จากการใช้งานในลําดับถัดไป ในขั้นตอนของการ

ใช้โปรแกรมนี้จะเริ่มต้นจากการจัดเตรียมข้อมูลสําหรับที่จะนํามาวิเคราะห์

หลังจากทได้เก็บหรือรวบรวมข้อมูลและดําเนินการจัดระเบียบข้อมูล
ี่
ให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยพร้อมที่จะนําไปวิเคราะห์ได้แล้วงานในขั้นต่อไปของ

ผู้วิจัยคือการตัดสินใจว่าจะนําสถิติอะไรมาใช้ซึ่งในการนี้ผู้วิจัยจะต้องทราบ

ตั้งแต่แรกว่าข้อมูลที่มีอยู่ในลักษณะใดและต้องการเสนอผลการวิเคราะห์อะไร
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้บางครั้งยังมีรูปแบบที่กระจัดกระจายเป็น

รายบุคคล ไม่เป็นระบบ จําเป็นต้องมีกระบวนการจัดกระทําข้อมูลเหล่านั้นให้
เป็นระบบหรือเป็นหมวดหมู่เกิดเป็นสารสนเทศที่สามารถนําไปใช้ประโยชน์

เพื่อสรุปอ้างอิงไปยังประชากรต่อไป

ซึ่งข้อมูลนั้นอาจจะได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ

เช่น การสัมภาษณ การสังเกต การเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม ฯลฯ ในที่นี้จะ
กล่าวถึงตัวอย่างข้อมูลที่ได้แบบสอบถาม ดังนี้

6








แบบฝึกหัด

1. เพศ

1. ชาย  2. หญิง


2. อายุ .............ปี


3. การศึกษา



 1. ต่ํากว่าปริญญาตรี  3. ป ริ ญ ญ าโท


 2. ปริญญาตรี  4. ป ริญ ญ าเอก


4. เกรดเฉลี่ยเมื่อจบการศึกษา ……………….

5. สถานภาพ
 1. โสด  3. หม้าย

 2. สมรส  4. หย่า, ร้าง

6. รายได้ ..............................บาท/เดือน
7. รายจ่ายค่าอาหารต่อเดือน …………………. บาท/เดือน

8. รายจ่ายอื่นๆ …………………………. บาท/เดือน

7





9. อาหารที่ชอบรับประทาน (เลือกให้มากกว่า 1 ข้อ)
 1. อาหารไทยภาคกลาง  2. อาหารไทยภาคอีสาน

 3. อาหารไทยภาคใต้  4. อาหารจีน

 5. อาหารญี่ปุ่น  6. อาหารตะวันตก


ตอนที่ 2 ปัจจัยจูงใจในการเลือกซื้อสินค้า
ระดับความคิดเห็น

รายละเอียด น้อย น้อย ป า น มาก มาก
ที่สุด กลาง ที่สุด
1. ในการเลือกซื้อสินค้าชนิดเดียวกันท่าน

พิจารณาจากราคาของสินค้า
2. บรรจุภัณฑ์ของสินค้ามีส่วนจูงใจในการ
เลือกซื้อสินค้า

3. ในการเลือกซื้อสินค้าการส่งเสริมการขายมี
ส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้า

4. ความสะดวกของสถานที่ หาซื้องาย ไม่ไกล
จากที่อยู่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
5. การโฆษณามีส่วนช่วยให้ข้อมูลประกอบการ
ตัดสินใจซื้อสินค้า

8





ตอนที่ 3 ในการเลือกซื้ออาหารปรุงส าเร็จท่านใช้ปัจจัยใดต่อไปนี้เป็น
เหตุผลในการตัดสินใจ (ให้ใส่ตัวเลขด้านหน้าข้อเรียงลําดับจากมากที่สุดไปถึง

น้อยที่สุดโดย 1 หมายถึง มากที่สุด)
…………………….. ความสะอาด

…………………….. ราคา
…………………….. รสชาติ
…………………….. ความสะดวก


ตอนที่ 4 ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในการเลือกซื้ออาหารปรุงส าเร็จ
........................................................................................................................................


จากตัวอย่างแบบสอบถามนี้ ข้อคําถามแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ

1) ประเภทเลือกตอบเพยงข้อเดียว ได้แก่ เพศ การศึกษา

สถานภาพ และปัจจัยจูงใจทั้ง 5 ข้อ

2) ประเภทเติมตัวเลขลงในช่องว่างที่เว้นไว้ ได้แก่ อายุ เกรดเฉลี่ย

รายได้ รายจ่ายค่าอาหารต่อเดือนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต่อเดือน
3) ประเภทเติมข้อความลงในส่วนที่เว้นไว้ให้ ได้แก่ ข้อคิดเห็น

เพิ่มเติม

4) ประเภทเลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ ได้แก่ อาหารที่ชอบ
รับประทาน

5) ประเภทจัดลําดับ ได้แก่ ตอนที่ 3

9





หน้าที่ของเรา คือ ต้องสร้างตัวแปร (Variable) และสร้างรหัส
(Code) ในแฟมข้อมูล (File) ซึ่งการสร้างตัวแปรและรหัสจะต้องสร้างให้

สอดคล้องกับประเภทของข้อคําถามซึ่งมีวิธีการกําหนด ดังนี้
1) ค าถามประเภทเลือกตอบเพียงข้อเดียว ให้กําหนดตัวแปร 1 ตัว

ต่อข้อคําถาม 1 ข้อ แล้วกําหนดรหัสเป็นตัวเลขเท่ากับจํานวนทางเลือกของตัว

แปรนั้น เช่น
ข้อที่ 1. เพศ

 1. ชาย  2. หญิง

ตั้งชื่อตัวแปรเป็น เพศ
เลือกตอบ ชาย ให้รหัส = 1

หญิง ให้รหัส = 2


ข้อที่ 3. การศึกษา

 1. ต่ํากว่าปริญญาตรี  3. ปริญญาโท

 2. ปริญญาตรี  4. ปริญญาเอก
ตั้งชื่อตัวแปรเป็น การศึกษา

เลือกตอบ ต่ํากว่าปริญญาตรี ให้รหัส = 1

ปริญญาโท ให้รหัส = 2
ปริญญาตรี ให้รหัส = 3

ปริญญาเอก ให้รหัส = 4

10






2)ค าถามประเภทเติมตัวเลขลงในช่องวาง ให้กําหนดตัวแปร 1
ตัวต่อช่องว่าง 1 ที่โดยไม่ต้องกําหนดรหัส เช่น

ข้อที่ 2. อายุ .............ปี
ตั้งชื่อตัวแปรเป็น อายุ

ระบุอายุจริงได้เลยไม่ต้องกําหนดรหัส

ข้อที่ 6. รายได้ ..............................บาท/เดือน
ตั้งชื่อตัวแปรเป็น รายได้

ระบุรายได้จริงได้เลยไม่ต้องกําหนดรหัส



3)ค าถามประเภทเติมข้อความลงในส่วนที่เว้นไว ให้กําหนดตัวแปร
1 โดยไม่ต้องกําหนดรหัส (ต้องตั้งชนิดของตัวแปรเป็น String) เช่น

ตอนที่ 4 ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในการเลือกซื้ออาหารปรุงสําเร็จ ……
ตั้งชื่อตัวแปรเป็น O1

พิมพ์ข้อความได้เลยไม่ต้องกําหนดรหัส


4)ค าถามประเภทเลือกตอบได้มากกวา 1 ทางเลือก ให้กําหนด

ตัวแปรเท่ากับจํานวนทางเลือก เช่น

ข้อ 9. อาหารที่ชอบรับประทาน (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ) ให้ตั้งชื่อตัว

แปรตามทางเลือก
 1. อาหารไทยภาคกลาง ตั้งชื่อตัวแปรเป็นไทยกลาง

 2. อาหารไทยภาคอีสาน ตั้งชื่อตัวแปรเป็นไทยอีสาน

11





 3. อาหารไทยภาคใต้ ตั้งชื่อตัวแปรเป็นไทยใต้

 4. อาหารจีน ตั้งชื่อตัวแปรเป็นจีน
 5. อาหารญี่ปุ่น ตั้งชื่อตัวแปรเป็นญี่ปุ่น

 6. อาหารตะวันตก ตั้งชื่อตัวแปรเป็นตะวันตก

กําหนดรหัสเป็น
0 ถ้าไม่เลือก และเป็น

1 ถ้าเลือก



5)ค าถามประเภทจัดล าดับ ให้กําหนดตัวแปรเท่ากับอนดับที่
ต้องการให้จัดหรือตัวเลือกที่ต้องการให้จัดเช่น
ตอนที่ 3 ในการเลือกซื้ออาหารปรุงสําเร็จท่านใช้ปัจจัยใดต่อไปนี้เป็น

เหตุผลในการตัดสินใจ(ให้ใส่ตัวเลขด้านหน้าข้อเรียงลําดับจากมากที่สุดไปถึง
น้อยที่สุดโดย 1 หมายถึงมากที่สุด)

…………………….. ความสะอาด ตั้งชื่อตัวแปรเป็น d1

…………………….. ราคา ตั้งชื่อตัวแปรเป็น d2
…………………….. รสชาติ ตั้งชื่อตัวแปรเป็น d3

…………………….. ความสะดวก ตั้งชื่อตัวแปรเป็น d4

กําหนดรหัสเป็น 1 2 3 และ 4 ตามที่ผู้ตอบจัด ทั้ง 4 ตัวแปร

12





สรุปเป็นเป็นตารางได้ดังนี้
ตัวอย่างการลงรหัส ก าหนดตัวแปร และรายละเอียดส าหรับแบบส ารวจข้อมูล

1. เลขที่ข้อถาม 2. ชื่อตัวแปร 3. รายละเอียดของข้อความ 4. ค่าที่เป็นไปได้
(No.) (Var.Name) (Question Label) (Possible Value)
ID รหัสของพนักงาน 001-999
1 เพศ เพศ 1. ชาย
2. หญิง
2 อายุ อายุ 10-60 ปี
3 การศึกษา ระดับการศึกษา 1. ต่ํากว่าปริญญาตรี
2. ปริญญาตรี
3. ปริญญาโท
4. ปริญญาเอก
4 เกรด เก ร ด เฉ ลี่ ย ต อ น จ บ 1. 5.0-4.00
การศึกษา
5 สถานภาพ สถานภาพ 1. โสด
2. สมรส
3. หม้าย
4. หย่าร้าง
6 รายได้ รายได้ต่อเดือน บันทึกรายได้จริง
7 ค่าอาหาร รายจ่ายค่าอาหารต่อเดือน บันทึกรายจ่ายจริง
8 คชจอื่น รายจ่ายอื่นๆ บันทึกรายจ่ายจริง

0



=

ือก
เล
1 =
ลา
,

ม่เล
อา


9 อาหารไทยกลาง ือก
1.


รไ

ทย

ไทยอีสาน 2. อาหารไทยภาคอีสาน 1 = เลือก, 0 = ไม่เลือก
ไทยใต ้ 3. อาหารไทยภาคใต ้ 1 = เลือก, 0 = ไม่เลือก
จีน 4. อาหารจีน 1 = เลือก, 0 = ไม่เลือก
=
ือก

ม่เล
,


0
เล

ือก
1 =
รญี่ปุ่น




5.
ญี่ปุ่น
อา











ตะวันตก 6. อาหารตะวันตก 1 = เลือก, 0 = ไม่เลือก

13






1. เลขที่ข้อถาม 2. ชื่อตัวแปร 3. รายละเอียดของข้อความ 4. ค่าที่เป็นไปได้
(No.) (Var.Name) (Question Label) (Possible Value)
ปัจจัยจูงใจในการเลือกซื้อสินค้า
F1 1.ในการเลือกซื้อสินค้าชนิด
เดียวกันท่าน พิจารณาจาก
ราคาของสินค้า
F2 2.บรรจุภัณฑ์ของสินค้ามี
ส่วนจูงใจในการเลือก ซื้อ
สินค้า ระดับความคิดเห็น
F3 3.ในการเลือกซื้อสินค้าการ 1 = น้อยที่สุด
ส่งเสริมการขายมีส่วนช่วย 2 = น้อย
ในการตัดสินใจซื้อสินค้า 3 = ปานกลาง
F4 4.ความสะดวกของสถานที่ 4 = มาก
หาซื้อง่าย ไม่ไกลจากที่อยู่มี 5 = มากที่สุด
ผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
F5 5.การโฆษณามีส่วนช่วยให้
ข้อมูลประกอบการ
ตัดสินใจซื้อสินค้า
ตอนที่ 3 D1 ความสะอาด 1 = สําคัญที่สุด
D2 ราคา 2, 3 หมายถึงรองลงมา
D3 รสชาติ และ 4 สําคัญน้อยที่สุด
D4 ความสะดวก


หมายเหต ข้อใดไม่สามารถเก็บข้อมูลได ให้ค่าตวแปรที่ก าหนดเป็น 9, 99, ...,

99999

14





คู่มือลงรหัสเป็นคู่มือที่บ่งบอกถึงตัวแปรความหมายและความหมาย


ของรหัสของตัวแปรระดับต่างๆ แต่เรามีการสร้างแฟมข้อมูลอย่างละเอยด มี
การกําหนด Label และ Value Label อย่างชัดเจน คู่มือการลงรหัสอาจจะ
ไม่ต้องมีก็ได้

1.1 การเตรียมข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS


โปรแกรม SPSS สําหรับวินโดวส์ได้อานวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ใน
การจัดเตรียมข้อมูลเป็นอย่างมาก โดยมาใช้วินโดวส์ส่วนที่เรียกว่า Data

Editor ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อผู้เรียกใช้โปรแกรม SPSS จะพบ Data Editor

Windows พร้อมๆ กับวินโดวส์อนๆ ใน Data Editor Windows ประกอบไป
ื่
ด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้

























รูปที่ 1.1

15





ลักษณะของ Data Editor Windows จะคล้ายๆ กับกระดาษทด
หรือกระดาษทําการ (Work Sheet) ของโปรแกรมประเภท Spread Sheet

เช่น Excel คือ


Rows เป็นส่วนที่ใช้แทนชุดข้อมูล โดยแถว 1 แถว แทนข้อมูล 1

ชุด ในแต่ละแถวจะมีตัวเลขกํากับไว้ในคอลัมน์แรกสุด
Columns เป็นส่วนที่ใช้แทนตัวแปรและค่าของตัวแปร โดย 1

คอลัมน์จะแทนค่าของ 1 ตัวแปร ในแถวบนสุดของทุกๆ

คอลัมน์จะถูกกําหนดชื่อตัวแปรไว้เป็น Var และจะถูก
เปลี่ยนเป็น Var00001 Var00002… เมื่อมีการป้อนข้อมูล

(ชื่อตัวแปรผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้)

Cell เป็นส่วนที่ใช้บันทึกข้อมูลของแต่ละค่า
Pointer เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึงเซลล์ที่ถูกใช้งานอยู่ ซึ่งจะเรียก

เซลล์นั้นว่า Active Cell
Cell Editor เป็นส่วนที่จะแสดงข่าวสารของ Active Cell คือ แถว ชื่อ

ตัวแปร และค่าของตัวแปรที่ Active Cell อยู่

16





การเตรียมข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS/PC+ โดย Data Editor Windows
สามารถทําได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นที่ 1 การกําหนดชื่อและรายละเอียดของตัวแปร
ขั้นที่ 2 การป้อนข้อมูล

ขั้นที่ 3 การบันทึกลงไฟล์


1.2 การก าหนดชื่อและรายละเอียดของตัวแปร

โดยปกติโปรแกรมจะกําหนดชื่อตัวแปรไว้เป็น Var ทุกๆ คอลัมน์และ

จะถูกเปลี่ยนโดยปกติโปรแกรมจะกําหนดชื่อตัวแปรไว้เป็น Var 00001

Var00002… เมื่อมีการป้อนข้อมูลในเซลล์ใดๆ โดยค่าของตัวแปรจะถูก
กําหนดไว้ให้มีค่าแบบตัวเลข ถ้าผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนแปลงก็สามารถทําได้ตาม

ขั้นตอนต่อไปนี้


การกําหนดหรือเปลี่ยนแปลงชื่อตัวแปร
จากรูปที่ 1.1 ที่มุมซ้ายสุดด้านล่างของ Data Editor Windows จะ

พบคําว่า Data View และ Variable View ให้คลิกเมาส์ไปที่ Variable View

จะปรากฏ Spread Sheet ดังรูปที่ 1.2

17
































รูปที่ 1.2


แต่ละส่วนคอลัมน์ที่ปรากฏมีความหมายต่อไปนี้

Name เป็นส่วนที่ให้ผู้ใช้ป้อนชื่อตัวแปรที่ต้องการลงไปใน Text

Box โดยชื่อตัวแปรต้องเริ่มต้นด้วยตัวอกษร ห้ามมี

เครื่องหมายพเศษ เช่น @ # $ ภายในชื่อนั้น ซึ่งเราสามารถ

พมพชื่อตัวแปรลงไปได้ทันทีทั้งภาษาไทยและภาษาองกฤษ


แต่ต้องไม่เกิน 8 ตัวอกษร (ใน Version 13 สามารถใช้ตัว


18





แปรมากกว่า 8 ตัวอกษรได้ แต่การตั้งชื่อตัวแปรยาวๆ จะ

ส่งผลเสียต่อการสร้างตัวแปรใหม่ จะทําได้ช้า)

Type ประเภทของตัวแปรข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการป้อนอาจจะมีข้อมูล
ที่เป็นตัวเลข ข้อความหรืออนๆ ผู้ใช้สามารถเลือกกําหนด
ื่
ประเภทของตัวแปรได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้


ขั้นที่ 1 ให้ Click ใน Cell ที่ Row ของตัวแปร และคอลัมน์ Type ตัดกันจะ

ปรากฏหน้าจอดังรูปที่ 1.3


























รูปที่ 1.3

19





ขั้นที่ 2 Click ที่ปุ่มที่ลูกศรชี้ หน้าจอจะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ดังรูปที่ 1.4



























รูปที่ 1.4



รูปที่ 1.4 เลือกประเภทของข้อมูลที่ปรากฏใน Option Button พร้อมความ

กว้าง และทศนิยมที่ต้องการได้

20





ประเภทของข้อมูลแต่ละประเภท มีรายละเอียดดังนี้


Numeric สําหรับข้อมูลที่มีค่าเป็นตัวเลข และผู้ใช้ต้องการให้มีการ
คํานวณโดยสามารถกําหนดความกว้างได้สูงสุด 40 หลัก

(รวมจุดทศนิยมด้วย) และสามารถกําหนดทศนิยมได้ 16

ตําแหน่ง (ปกติโปรแกรมกาหนดความกว้าง 8 หลัก ทศนิยม

2 ตําแหน่ง)

Comma สําหรับข้อมูลที่ค่าเป็นตัวเลขและผู้ใช้ต้องการให้มีการ

คํานวณโดยให้แสดงเครื่องหมาย, สําหรับทุกๆ ตัวเลข 3
หลัก

Dot สําหรับข้อมูลที่มีค่าเป็นตัวเลขและผู้ใช้ต้องการให้มีการ

คํานวณโดยให้แสดงเครื่องหมาย. สําหรับทุกๆ ตัวเลข 3
หลัก และใช้ , แทนจุดทศนิยม

Scientific Notation ค่าของข้อมูลในรูปของ X. XXXXXXE+XX
Date สําหรับข้อมูลที่มีค่าเป็น วัน เดือน ปี ซึ่งจะมีรูปแบบต่างๆ

ให้ผู้ใช้เลือก โดยข้อมูลจะแสดงในรูปแบบที่เลือก
Dollar สําหรับข้อมูลที่มีค่าเป็นตัวเลข และผู้ใช้ต้องการให้มีการ

คํานวณโดยให้แสดงเครื่องหมาย $ พร้อมกับข้อมูลด้วย

Custom Currency สําหรับข้อมูลที่มีค่าเป็นตัวเลข และผู้ใช้ต้องการให้
มีการคํานวณโดยให้แสดงข้อมูลตามรูปแบบที่ผู้ใช้กําหนด

ขึ้นมาเอง

21





String สําหรับข้อมูลที่มีค่าเป็นตัวอกษร ข้อความ หรือตัวเลขที่ไม่

ต้องการให้มีการคํานวณการกําหนดความกว้างของตัวอักษร

กําหนดได้ 2 แบบ คือ

- แบบ Short Strings สําหรับข้อความ 8 ตัวอักษร

- แบบ Long Strings สําหรับข้อความที่มากกว่า 8 ตัวอักษร
ตัวแปรที่กําหนดแบบ Long strings นั้น บางคําสั่งของโปรแกรม SPSS ไม่

สามารถนําไปใช้ได้


1.3 การก าหนดความกว้างและการจัดข้อความของคอลัมน์


เป็นการกําหนดความกว้างของคอลัมน์ และการจัดข้อมูลในคอลัมน์

แบบต่างๆ ซึ่งโดยปกติความกว้างของคอลัมน์จะถูกกําหนดโดยความกว้างของ
ตัวแปร แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยดําเนินการดังนี้

Width คือ การกําหนดความกว้างของคอลัมน์ซึ่งปกติแล้วเครื่องจะ


กําหนดไว้ 8 ตัวอกษร ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้
ลูกศรใน Cell ที่ตัวแปรตัดกับคอลัมน์ Width ดังรูปที่ 1.5
ื่
ิ่
ื่
คลิกที่ เพอเพมขนาด และคลิกที่ เพอ
ลดขนาด
Decimals คือ การกําหนดจํานวนทศนิยมของตัวแปร ซึ่งปกติโปรแกรม

ิ่
จะกําหนดไว้ 2 ตัว การเพมหรือลดทําเหมือนกับ คอลัมน์
Width

22































รูปที่ 1.5


1.4 การก าหนดข้อความขยายและอธิบายค่าตัวแปร

เป็นการกําหนดข้อความที่จะใช้เป็นส่วนขยายชื่อตัวแปร หรือกําหนด
ื่
ข้อความอธิบายค่าของตัวแปร เพอให้โปรแกรมนําไปแสดงผลลัพธ์พร้อมกับ

ตัวแปรนั้นๆ ทําให้ผู้ใช้แปลความหมายได้ง่ายขึ้น ทําได้โดยให้พิมพความหมาย
ของตัวแปรลงในคอลัมน์ Label ได้ทันที ดังรูปที่ 1.6

23































รูปที่ 1.6

Label เป็นส่วนที่ใช้กําหนดข้อความอธิบายค่าตัวแปรแต่ละค่าโดย
ดําเนินการดังนี้

ถ้าต้องการจะบอกความหมายของค่าตัวแปรแต่ละค่า เช่น ต้องการอธิบายตัว
แปรที่ชื่อ เพศ ว่า

1 หมายถึง เพศชาย

2 หมายถึง เพศหญิง ให้ทําดังนี้ คือ

24





1) ให้คลิกที่ Cell ที่ตัวแปร เพศ ตัดกับคอลัมน์ Values ดังรูปที่ 1.7




























รูปที่ 1.7

25





ให้คลิกที่ปุ่มที่ลูกศรชี้แล้วหน้าจอจะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ดังรูปที่ 1.8


























รูปที่ 1.8
2) ใส่ค่าที่ต้องการอธิบายในส่วนของ Value : ในที่นี้คือ “1” ใส่

ี่
ข้อความทต้องการในส่วนของ Value Label : ในที่นี้คือ “ชาย” เมื่อจบ 1 คํา
และ 1 ข้อความ ถ้าต้องการอธิบายค่าอนๆ อก ให้กดปุ่ม Add และ
ื่

ดําเนินการใส่ค่าใหม่ที่ Value จนครบตามต้องการ แล้วให้กดปุ่ม OK

ข้อความใช้อธิบายค่าตัวแปรสามารถกําหนดได้สูงสุด 60 ตัวอกษร แต่บาง

คําสั่งจะแสดงข้อความได้น้อยกว่าที่กําหนดไว้ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข Value

Label สามารถทําได้โดย Click ข้อความที่ถูกป้อนไปแล้ว

26





1.5 การก าหนดค่าที่ขาดหายไปหรือค่าที่ไม่สมบูรณ์
เป็นการกําหนดค่าที่ผู้ใช้ไม่ต้องการนําไปวิเคราะห์ข้อมูลของตัวแปร


หนึ่งๆ ซึ่งอาจจะเป็นค่าที่ผู้ใช้กําหนดไว้ว่า เป็นค่าแทนขอมูลที่ไม่สมบูรณ์ หรือ
ข้อมูลสูญหาย (Missing Data) โดยดําเนินการตามขั้นตอนแรกเหมือนกับการ

ื่
กําหนดค่าอนๆ เช่น ต้องการกําหนดค่าที่ขาดหายของตัวแปรที่ชื่อ เพศ ให้
คลิกที่ Cell ที่ ตัวแปร Sex ตัดกับคอลัมน์ Missing ดังรูปที่ 1.9
























รูปที่ 1.9


ให้คลิกที่ปุ่มที่ลูกศรชี้แล้วหน้าจอจะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ดังรูปที่ 1.10

27





























รูปที่ 1.10


เลือกก าหนดค่าตามประเภทของ Option Button ที่ต้องการในความหมาย

ดังนี้

Discrete Missing Values
: ใช้กําหนดค่าที่ไม่สมบูรณ์แบบ ค่าที่ไม่ต่อเนื่องกัน โดยสามารถ

กําหนดได้สูงสุด 3 ค่า

Range of Missing Values

: ใช้กําหนดค่าที่ไม่สมบูรณ์แบบช่วงที่มีคาต่อเนื่องกัน โดยกําหนดค่า
ต่ําสุดและสูงสุดของช่วง Range Plus One Discrete Missing Values
: ใช้กําหนดค่าที่ไม่สมบูรณ์แบบช่วง และแบบที่มีค่าไม่ต่อเนื่อง 1 ค่า

28





ตัวอย่างเช่น ตัวแปร Sex ต้องการกําหนดข้อมูลสูญหายเป็น 9 ซึ่งเป็นข้อมูล
แบบ Discrete ทําได้ดังรูปที่ 1.11


























รูปที่ 1.11


เริ่มต้นโดยการคลิกเมาส์ไปที่  และพมพเลข 9 ลงในกล่อง 4 เหลี่ยม แล้ว
คลิกคําว่า OK ส่วนคอลัมน์ที่เหลือมีหน้าที่ดังนี้
Column ใช้สําหรับกําหนดขนาดของคอลัมน์ที่ต้องการแสดงใน

หน้าจอ การกําหนดความกว้างของคอลัมน์สามารถทําได้อกวิธีหนึ่ง โดยการ

ลากเมาส์ไปวางที่ขอบด้านขวาของคอลัมน์ที่ต้องการปรับความกว้าง
จนกระทั่งปรากฏเครื่องหมาย แล้วทําการลากเมาส์ไปตามที่ต้องการแล้ว

ปล่อยจะได้ความกว้างของคอลัมน์ตามต้องการ

29





Align ใช้จัดข้อมูลในความหมายต่อไปนี้
Left เมื่อต้องการให้จัดข้อมูลอยู่ชิดด้านซ้ายของเซลล์

Center เมื่อต้องการให้จัดข้อมูลอยู่กึ่งกลางของเซลล์
Right เมื่อต้องการให้จัดข้อมูลอยู่ชิดด้านขวาของเซลล์



Measure ใช้สําหรับจัดระดับของตัวแปรว่าอยู่ในระดับข้อมูล
ประเภทใด

Scale ข้อมูลที่เป็นค่าวัดต่างๆ เช่น น้ําหนัก ส่วนสูง ฯลฯ

Ordinal ข้อมูลที่เป็นข้อมูลอันดับ
Nominal ข้อมูลที่เป็นนามบัญญัติ เช่น เพศ ศาสนา ฯลฯ



1.6 การป้อนข้อมูล
ผู้สามารถป้อนข้อมูลที่เซลล์ใดๆ ได้โดยการ Click ที่เซลล์ หรือใช้เป็นลูกศร
















เลื่อน Pointer ไปยังเซลล์ที่ต้องการ แล้วทําการป้อนข้อมูลในเซลล์ดังกล่าวซึ่ง
สามารถป้อนได้ 2 ลักษณะดังนี้คือ

30





 ป้อนข้อมูลครั้งละ 1 ตัวแปร (Variable)
เป็นการป้อนข้อมูลทีละคอลัมน์ ซึ่งแทนตัวแปร 1 ตัว โดยกดแป้น

เมื่อป้อนเสร็จ 1 ค่าPointer จะเลื่อนลงมา 1 แถว ให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลสําหรับ
ค่าของตัวแปรเดิมในข้อมูลชุดถัดไป

 ป้อนข้อมูลครั้งละ 1 ชุด (Case)

เป็นการป้อนข้อมูลทีละแถว ซึ่งแทนข้อมูล 1 ชุด โดยกดแป้น TAB
เมื่อป้อนเสร็จ 1 ค่า Pointeจะเลื่อนไปทางขวา 1 คอลัมน์ ให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูล

สําหรับค่าของตัวแปรใหม่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง

แก้ไขข้อมูลผู้ใช้สามารถดําเนินการได้โดยการเลื่อน Pointer ไปยังเซลล์ที่

ต้องการ แล้วป้อนคาใหม่ได้ทันที เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถใช้
แป้นพิมพ์ช่วยในการเลื่อน Pointer ไปยังตําแหน่งต่างๆ


1.7 การบันทึกข้อมูล

ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนไว้แล้วสามารถนําไปวิเคราะห์ ด้วยวิชาการทางสถิติ
โดยคําสั่งวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันที แต่ถ้าผู้ใช้ต้องการนํามาใช้ภายหลัง ควรจะ

ทําการบันทึกไว้ในไฟล์ข้อมูล โดยดําเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นที่ 1 เปิดเมนู File

ขั้นที่ 2 บันทึกไฟล์ โดยเลือกรายการใดรายการหนึ่ง ต่อไปนี้

 Save Data ถ้าต้องการบันทึกไว้ในชื่อไฟล์เดิม
 Save As ถ้าต้องการบันทึกไว้ในชื่อไฟล์ใหม่

31





แต่ถ้าเป็นการบันทึกครั้งแรก เลือกรายการใดๆ จะให้ผลเหมือนกัน โดยจะ
ปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ ดังรูป



























รูปที่ 1.12

ขั้นที่ 3 ป้อนชื่อไฟล์ และเลือกตําแหน่งที่ต้องการบันทึกใน Text Box ที่
ปรากฏดังต่อไปนี้

File Name : สําหรับป้อนชื่อไฟล์ที่ต้องการ ซึ่งโดยปกติโปรแกรม SPSS

จะกําหนดส่วนขยายให้เป็น. Sav
Directories : สําหรับเลือกตําแหน่งของ Sub-Directory ที่ต้องการ

Drives : สําหรับตําแหน่งของ Drives ที่ต้องการ

32





Save File ad Type : สําหรับเลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการบันทึกดัง
รูปที่ 1.13

























รูปที่ 1.13



Compress SPSS Data
: สําหรับการบันทึกแบบประหยัดเนื้อที่ของดิสก์

Write Variable Name to Spread Sheet

: สําหรับการบันทึกชื่อตัวแปรลงในไฟล์ประเภท
กระดาษทดที่เลือกประเภทของไฟล์ที่เลือกได้ใน

ส่วนของ Save File as Type

33





ตัวอย่างข้อมูลเพื่อการวิเคราะห ์

34






ตัวอย่างข้อมูลเพื่อการวิเคราะห (ต่อ)

35






ตัวอย่างข้อมูลเพื่อการวิเคราะห (ต่อ)

36








บทที่ 2

การสร้างตัวแปรใหม่หรือการแปลงค่าข้อมูลในตัวแปร



ในโปรแกรม SPSS นี้ ท่านสามารถสร้างตัวแปรใหม่ จากตัวแปรที่มี
อยู่เดิม หรือแปลงค่าของตัวแปรตามที่เราต้องการได้โดยอาศัยคําสั่งในเมนู

Transform ซึ่งเมนูย่อยที่จําเป็นและใช้กันบ่อยๆ ได้แก่ Compute Recode

Categorize มีวิธีการทําดังนี้


2.1 การสร้างตัวแปรใหม่โดยค าสั่ง Compute
การสร้างตัวแปรใหม่นี้อาจจะเป็นการสร้างตัวแปรใหม่จากการนําตัวแปร

ที่มีอยู่เดิมมาบวกกัน หรือนํามาหาผลรวมเฉลี่ย หรืออาจจะทําอย่างใดอย่าง

หนึ่งในวิธีการทางคณิตศาสตร์ หรืออาจจะมีการยุบกลุ่มรวมกนของตัวแปรที่มี

อยู่เดิม มีวิธีการทําดังนี้

Compute
เป็นคําสั่งที่ใช้สร้างตัวแปรใหม่จากตัวแปรเดิมที่มีอยู่โดยวิธีการ


ดําเนินการทางคณิตศาสตร์ เช่น เราต้องการสร้างตัวแปรผลรวมคาใช้จ่ายจาก
ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทําได้ดังนี้
หลังจากที่เราสร้างแฟมข้อมูลเสร็จแล้วให้เลือกเมนู Transform

Compute หน้าจอจะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ ดังรูปที่ 2.1

37































รูปที่ 2.1


จากไดอะล็อกบ๊อกซ์ ให้พมพชื่อตัวแปรตัวใหม่ที่ต้องการในช่อง Target




Variable ในรูปนี้ใช้คําว่า รวมค่าใช้จ่าย ให้พมพสมการที่เราต้องการให้เป็น
ตัวแปรใหม่ไว้ทางขวามือในช่อง Numeric Expression ในที่นี้เราต้องการให้
ื่

สร้าง รวมค่าใช้จ่าย จากตัวแปร ค่าอาหาร และ คชจอน เราจึงพมพคําว่า

ื่
ค่าอาหาร + คชจอน ในช่อง Numeric Expression เขียนเป็นสมการรวม
ื่
ค่าใช้จ่าย = ค่าอาหาร + คชจอน เมื่อดําเนินการเสร็จแล้วให้คลิกที่ OK ตัว
แปรใหม่ที่ได้จะไปปรากฏที่คอลัมน์สุดท้ายของเมนู Data Editor ดังรูปที่ 2.2

38






























รูปที่ 2.2

นอกจากนี้ Compute เป็นคําสั่งที่ใช้สร้างตัวแปรใหม่จากตัวแปรเดิม
ที่มีอยู่โดยวิธีการดําเนินการทางคณิตศาสตร์ เช่น เราต้องการสร้างตัวแปร

Factor จากผลรวมเฉลี่ยของ f1 ถึง f5 ทําได้ดังนี้


หลังจากที่เราสร้างแฟมข้อมูลเสร็จแล้วให้เลือกเมนู Transform
Compute หน้าจอจะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ ดังรูปที่ 2.3

39































รูปที่ 2. 3

จากไดอะล็อกบ๊อกซ์ ให้พมพชื่อตัวแปรตัวใหม่ที่ต้องการในช่อง


Target Variable ในรูปนี้ใช้คําว่า Factor ให้พมพสมการที่เราต้องการให้เป็น

ตัวแปรใหม่ไว้ทางขวามือในช่อง Numeric Expression ในที่นี้เราต้องการให้

สร้าง Factor จากผลรวมเฉลี่ยของตัวแปร f1 f2 f3 f4 และ f5 เราจึงพมพ ์
คําว่า [f1+ f2 + fl3 + f4 + f5]/5 ในช่อง Numeric Expression เมื่อ

ดําเนินการเสร็จแล้วให้คลิกที่ OK ตัวแปรใหม่ที่ได้จะไปปรากฏที่คอลัมน์
สุดท้ายของเมนู Data Editor ดังรูปที่ 2.4

40































รูปที่ 2.4



นอกจากนี้คําสั่ง Compute ยังสามารถใช้ฟงก์ชันทางคณิตศาสตร์
โดยการเขียนเองหรือใช้จากฟังก์ชันที่มีอยู่ในไดอะล๊อกบ็อกซ์ ดังรูปที่ 2.5

41





































รูปที่ 2.5

จากรูปที่ 2.5 เราสร้างตัวแปรใหม่ y จาก log (income) โดยอาศย

10
ฟงก์ชันในไดอะล๊อกบ็อกซ์ กรณีที่เราต้องการหาผลรวมของตัวแปรจํานวน


มากอาจจะใช้คําสั่ง SUM [Variable… to Variable …] โดยไม่ต้องพมพตัว

แปรทุกตัว

42





2.2 การใช้ค าสั่ง Recode

Recode ใช้สําหรับแปลงข้อมูลเดิมจาก ตัวเลขหนึ่ง เป็นอกตัวเลข
หนึ่ง เช่น แปลงค่า 9 ให้เป็น 0 หรือแปลงจากช่วงให้เป็นตัวเลขตัวหนึ่ง เช่น
2500–5000 แปลงให้เป็น 1 เป็นต้น



การแปลงนี้อาจทําได้ 2 ลักษณะ คือ แปลงเป็นตัวแปรเดิมหรือแปลง
เป็นตัวแปรใหม่ ทําได้ดังนี้



การแปลงให้เป็นตัวแปรเดิม เริ่มต้นจากการกําหนดว่าเราต้องการ
แปลงตัวเลขใดเป็นตัวเลขใด เช่นแฟมข้อมูลที่ชื่อ แบบฝึกหัดดรวิชิต ต้องการ

แปลงค่าของตัวแปร อายุ ซึ่งหมายถึง อายุของผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นอายุจริง

ต้องการแปลงให้เป็นช่วง
20–30 มีค่า เท่ากับ 1,

31–40 เท่ากับ 2,
41–100 เท่ากับ 3


ในชื่อตัวแปรเดิม คือ อายุ ทําได้ดังนี้ เริ่มต้นจากการเปิดแฟมข้อมูล
แบบฝึกหัดดรวิชิต เลือกเมนู Transform Recode Into same Variables

หน้าจอจะปรากฏไดอะล๊อกบ๊อกซ์ ดังรูปที่ 2.6

43































รูปที่ 2.6

ดับเบิ้ลคลิกตัวแปรที่ต้องการแปลงค่าทางซ้ายมือตัวแปรจะเปลี่ยนมา
ื่
อยู่ทางขาวมือ ในที่นี้ คือ ตัวแปรที่ชื่อ อายุ ถ้าไม่มีเงื่อนไขอนใดให้คลิกคําว่า
Old and New Values… หน้าจอจะปรากฏไดอะล๊อกบ๊อกซ์ดังรูปที่ 2.7

44























































รูปที่ 2.7

45





จากรูปด้านซ้าย คือ รูปแบบของข้อมูลเก่าที่เราจะแปลง
 Value คือ แปลง 1 ค่า ให้เป็น 1 ค่า ทางขวามือ

 System-Missing แปลงค่า Missing ให้เป็น 1 ค่าทางขวามือ
 System-or-User-Missing แปลง System-or-User-Missing ให้เป็นค่า

ทางขวามือ

 Range แปลงค่าจากช่วงให้เป็นค่าทางขวามือ มี 3 แบบ คือ
 แบบกําหนดช่วงเองทั้งล่างและบน

 จากช่วงข้อมูลต่ําที่สุดถึงค่าที่กําหนด

 จากช่วงที่กําหนดถึงข้อมูลที่สูงที่สุด
 All other Values กําหนดค่าทุกค่าให้เป็นค่าทางขวามือ

ดังตัวอย่างการแปลงค่าของตัวแปร อายุ ในรูปที่ 2.8























รูปที่ 2.8

46





จากรูปนั้นเราต้องการแปลงค่าของตัวแปร อายุ จากเดิม 20–30 ให้เป็นค่า


ใหม่ คือ 1 ทําได้โดยการคลิกไปที่ Range พมพ 20 และ 30 ดังรูป แล้วพมพ ์

ค่า 1 ในช่อง
New Value เมื่อเสร็จแล้วให้คลิกคําว่า Add แล้วกลับไปทําแบบเดิม

อีกจนครบตามที่เราต้องการจะได้ดังรูป 2.9


























รูปที่ 2.9


เมื่อคลิกที่คําว่า Continue หน้าจอจะกลับไปที่รูป 2.9 ให้คลิกคําว่า


OK ตัวแปรที่ชื่อ อายุ จะถูกแปลงค่าไปเรียบร้อยแล้วทั้งแฟมข้อมูลและไม่
สามารถเรียกกลับเป็นอย่างเดิมได้ดังรูปที่ 2.10

47































รูปที่ 2.10

จากรูปที่ 2.10 จะพบว่าค่าของตัวแปรถูกแปลงเป็น 1 2 และ 3

แล้วทุกค่า การแปลงข้อมูลจากตัวแปรเดิมให้เป็นตัวแปรใหม่ทําได้ในทํานอง
เดียวจะต่างกันในขั้นตอนแรกเท่านั้น มีขั้นตอนในการแปลงดังนี้ เริ่มต้นจาก


การเปิดแฟมข้อมูล แบบฝึกหัดดรวิชิต (ถ้าเปิดแล้วทําได้ทันทีไม่ต้องเปิดใหม่)
เลือกเมนู Transform Recode Into Different Variables หน้าจอจะ

ปรากฏไดอะล๊อกบ๊อกซ์ ดังรูปที่ 2.11

48





























รูปที่ 2.11



จากรูปที่ 2.11 ให้เราดับเบิลคลิกที่ตัวแปรทางซ้ายมือที่เราต้องการ
จะแปลงค่าตัวแปรจะย้ายมาอยู่ในช่องทางขวามือ ในช่อง Numeric



Variable  Output ให้พมพชื่อตัวแปรใหม่ที่เราต้องการตั้งในช่อง
Output Variable Name แล้วคลิกที่คําว่า Change ในช่อง Numeric
Variable  Output จะมีชื่อของตัวแปรเก่าและตัวแปรใหม่ปรากฏอยู่ ดัง

รูปที่ 2.11 ส่วนขั้นตอนในการแปลงอื่นๆ จะเหมือนกับการแปลงแบบใช้ชื่อตัว
แปรเดิม เมื่อเรากดคําว่า OK สุดท้ายแล้วตัวแปรใหม่จะไปปรากฏอยู่ที่ท้าย

แฟมข้อมูลเดิมจากรูปที่ใช้เป็นตัวอย่างการแปลงตัวแปรเดิมคือ การศึกษา ให้

เป็นตัวแปรใหม่ ชื่อ education โดยที่ตัวแปรเดิมยังอยู่และจะได้ตัวแปรใหม่

49





ื่
ชื่อ education อยู่คอลัมน์สุดท้ายข้อมูลดังรูปที่ 2.12 อย่างไรก็ตามเพอให้
ข้อมูลสามารถนําไปใช้ได้อีก ดังนั้นจึงควร Save ข้อมูลนี้ไว้ด้วย




























รูปที่ 2.12


Click to View FlipBook Version