The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรรักษ์ป่าน่าน (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by piyanud26, 2021-07-05 02:08:10

หลักสูตรรักษ์ป่าน่าน (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562)

หลักสูตรรักษ์ป่าน่าน (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562)

การรกั ษาปา และทรพั ยากรธรรมชาตอิ น่ื ๆ มหี ลากหลายวธิ ี วธิ กี ารหนง่ึ ทจ่ี ะนำไปสคู วามยง่ั ยนื นน่ั คอื
การใหโ อกาสเดก็ และเยาวชนของเรา ไดเ รยี นรจู ากธรรมชาตริ อบตวั ของเขา มคี วามรู ความเขา ใจ

เกดิ ความรกั ความผกู พนั และหวงแหนในทรพั ยากรของตน โดยการจดั กจิ กรรมทเ่ี นน ใหเ ดก็ และเยาวชน
ไดล งมอื ปฏบิ ตั ดิ ว ยตนเอง เรยี นรจู ากวถิ กี ารดำรงชว ติ ของชมุ ชน ทพ่ี ยายามปรบั ตนใหอ ยรู ว มกบั ปา

ดว ยการผสมผสานความรแู ละเทคโนโลยสี มยั ใหม และภมู ปิ ญ ญาดง้ั เดมิ ของชมุ ชน
ชมุ ชนสามารถผลติ อาหารไดเ พยี งพอ มรี ายไดเ สรมิ จากผลผลติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชมุ ชน
ในขณะเดยี วกนั ตอ งไมบ กุ รกุ ทำลายปา เพม่ิ เตมิ ซง จะทำใหป า สว นรวมคอ ยฟน ตวั ไดอ ยา งยง่ั ยนื

บทพระราชนพิ นธ สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี
ในการประชมุ สม มนา “รกั ษป า นา น” ครง้ั ท่ี ๑ วนั จนั ทรท ่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๕๗

ณ ศนู ยก ารเรยี นรแู ละบรกิ ารวชิ าการ เครอื ขา ยแหง จฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลยั จงั หวดั นา น

พมิ พค ร้ัง ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒
จำนวน ๕๐๐ เลม
พมิ พท่ี โรงพมิ พน า นออฟเซต

การนาหลกั สูตร “รกั ษป์ ่านา่ น”
สู่การปฏบิ ตั ิในสถานศกึ ษา

คำนำ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นท่ีจังหวัดน่านอย่างต่อเน่ืองมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ได้ทอดพระเนตร
เห็นพื้นท่ีป่าเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว ทรงห่วงใยและทรงเห็นถึงความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องเร่งฟ้ืนฟู
และอนุรักษ์ป่าไม้ให้คืนสู่สมดุลโดยเร็วท่ีสุด จึงมีพระราชดาริให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันสร้างสานึกให้
เดก็ และเยาวชนอนุรกั ษป์ า่ และประชาชนรว่ มใจกันอนุรักษ์ฟ้ืนฟูพนื้ ทปี่ า่ ไม้ของจงั หวัดนา่ น ซ่ึงถือวา่ เป็น
รากฐานสว่ นหน่งึ ของประเทศให้มัน่ คงและยั่งยนื โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนทรุ กันดารหา่ งไกลซ่ึงสว่ นใหญ่
เป็นพื้นท่ีภูเขา มีป่าต้นน้า ประชาชนดารงชีวิตโดยพ่ึงพิงทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่ มีพระราชดาริให้มี
การอนุรักษ์พื้นท่ีป่าการส่งเสริมป่าชุมชน การปลูกป่าเสริมธรรมชาติ รวมทั้งการอนุรักษ์ดินและน้าใน
รูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นท่ีด้วย นอกจากน้ียังได้มีพระราชกระแสเพิ่มเติม…“ป่าไม้ถูกตัด
ทาลายไปอย่างมากจนเป็นปัญหาต่อสภาพแวดล้อมอย่างหนัก การช่วยเหลืออย่างไรก็ไม่สามารถ
แก้ปัญหาได้ แม้จะสร้างบ้านทดแทนบ้านที่พังไปแล้ว ก็อาจพังถล่มได้อีกในคราวถัดไป จึงควรที่จะ
เริ่มต้นสอนการอนุรักษ์ป่าไม้ต้ังแต่เด็ก… โดยจัดทาเป็นหลักสูตร หรือกิจกรรมให้เด็กเกิดความรักและ
หวงแหนในทรัพยากรป่าไม้ และร่วมสงวนรักษาป่าไม้ไว้” การเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้แก่นักเรียนจะทาให้นักเรียนเห็นถึงความสาคัญของนิเวศป่าต้นน้าน่าน เกิด
จิตสานึก รักและหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ เกิดเป็นพลังคนน่านรุ่นใหม่ท่ีสาคัญของชุมชน และ
ประเทศ เพื่อนาไป ส่กู ารใชท้ รพั ยากรป่าไมอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สงวนไว้ใช้ในอนาคตอย่างสมดุลยง่ั ยืน
(สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี, 2554)

สานักงานศึกษาธิการจังหวัดน่าน สังกัดสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเก่ียวกับการบริหารและ
การจัดการศึกษาตามท่ีกฎหมายกาหนด การปฏบิ ตั ิราชการตามอานาจหน้าที่ นโยบาย และยทุ ธศาสตร์
ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่มอบหมาย และให้มีอานาจหน้าที่ในเขตจังหวัดได้ตระหนักถึงความสาคัญ
ในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ฟ้ืนฟู และรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ของจังหวัด
น่านให้ยั่งยืน ตามแนวพระราชดาริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี จึงได้ดาเนินการขับเคล่ือนการพัฒนาหลักสูตร “รักษ์ป่าน่าน” ร่วมกับหน่วยงาน
ทางการศึกษา สถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในจังหวัดน่าน เพื่อให้ครูผู้สอนได้นาไปใช้เป็น
แนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖
และเยาวชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในจังหวัดน่านให้ยั่งยืน มีทักษะ
กระบวนการ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในจังหวัดน่าน มีความตระหนัก เห็นคุณค่า
และมีจิตสานึกในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรปา่ ไมใ้ นจังหวัดนา่ น และรกั ษาความสมบรู ณข์ องทรัพยากรป่าไม้
ของจังหวดั นา่ นให้ยง่ั ยนื ตอ่ ไป

สำนกั งำนศกึ ษำธกิ ำรจงั หวัดน่ำน
สำนักงำนปลัดกระทรวงศกึ ษำธกิ ำร

สำรบัญ

คานา ก
สารบญั ข
ความเปน็ มา ๑
จุดม่งุ หมาย 4
โครงสร้างเวลาเรยี น 5
คาอธบิ ายรายวชิ า 7
7
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ 8
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๒ 9
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ 10
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ 11
ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ 12
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ 13
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๓ 14
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ - ๖ 18
ผลการเรียนรแู้ ละสาระการเรยี นรู้ 18
ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ถงึ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 22
ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ถงึ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ 26
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ถงึ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๖ 30
แนวทางการจัดการเรยี นรู้ 30
หลกั การจัดการเรยี นรู้ 31
แนวทางการจัดการเรียนรู้ 31
กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 46
ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ 47
แนวทางการวัดและประเมนิ ผล 47
หลักการ/แนวทางการวัดประเมนิ ผล 49
วธิ ีการวัดประเมนิ ผล 50
เคร่อื งมือการวดั ประเมนิ ผล 50
เกณฑ์การวัดประเมนิ ผล 53
เอกสารอา้ งอิง 55
ภาคผนวก

ความเปน็ มา

จากสถานการณ์การลดลงของพื้นที่ป่าไม้ต้ังแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยเมื่อปี พ.ศ. 2516
ประเทศไทยมีพื้นท่ีป่าไม้ท้ังหมด 138,566,875 ไร่ หรือร้อยละ 43.21 ของพื้นท่ีประเทศ จนถึง
พ.ศ. 2558 – 2559 ประเทศไทยเหลือพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด 102,174,805.09 ไร่ หรือร้อยละ
31.58 ของพื้นที่ประเทศ ทาให้การป้องกันและรักษาทรัพยากรป่าไม้เป็นหน่ึงในนโยบายเร่งด่วน
ท่ีสาคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ดังจะเห็นได้จากการขับเคล่ือน
แนวนโยบายเก่ียวกับการปฏิรูปป่าไม้ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบท่ีเก่ียวข้อง การกาหนด
แนวปฏิบัติสาหรับเจ้าหน้าท่ีในแต่ละหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรป่าไม้ หากนา
เป้าหมายการมีพ้นื ท่ีป่าไมต้ ามนโยบายป่าไมแ้ หง่ ชาติ พ.ศ. 2528 ทกี่ าหนดให้ประเทศไทยควรมีพื้นท่ี
ป่าไม้อย่างน้อยร้อยละ 40 ของพื้นท่ีประเทศ หรือเท่ากับ 129,411,479.86 ไร่ ดังน้ัน
ทุกภาคส่วนท้ังภาครัฐและเอกชน จึงมีหน้าที่ท่ีจะต้องเพ่ิมพ้ืนท่ีป่าไม้ตามเป้าหมายดังกล่าวอย่างน้อย
27,236,674.77 ไร่ (กรมปา่ ไม,้ 2560: 1)

ประเทศไทยมีพ้ืนท่ีป่าไม้ปี พ.ศ. 2559 – 2560 จานวน 102,156,350.51 ไร่ หรือ
ร้อยละ 31.58 ของพื้นทปี่ ระเทศโดยจาแนกตามภมู ภิ าค ดังนี้

ภูมิภาค พ้ืนท่ที ั้งหมด พื้นทีป่ ่าไม้ รอ้ ยละพ้ืนท่ีปา่ ไม้

ภาคกลาง (ไร)่ (ไร)่ 21.15
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื 14.94
ภาคตะวนั ออก 56,912,645.90 12,039,144.43 21.86
ภาคตะวันตก 104,823,709.22 15,655,553.79 59.06
ภาคใต้ 21,550,883.56 4,711,792.44 24.02
ภาคเหนือ 34,038,210.43 20,104,313.86 64.21
46,154,901.40 11,088,343.44 31.58
รวม 60,048,349.14 38,557,202.56
323,528,699.65 102,156,350.51

เกณฑ์รอ้ ยละพนื้ ท่ีปา่ ไม้ตามนโยบายปา่ ไม้แหง่ ชาติ พ.ศ. 2528

ประเทศไทย 31.58 64.21
ภาคเหนือ 59.06
ภาคใต้ 24.02

ภาคตะวนั ตก 21.86
ภาคตะวนั ออก 14.94
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
21.15
ภาคกลาง

0 20 40 60 80 รอ้ ยละพน้ื ทป่ี า่ ไม้

จากบทสรุปสาหรับผู้บริหาร โครงการจัดทาข้อมูลสภาพพ้ืนที่ป่าไม้ปี พ.ศ. 2559 –
2560: ข้อมูลสภาพพื้นท่ีป่าไม้ของประเทศไทยปีพ.ศ. 2559 - 2560. (น. 4), โดย กรมป่าไม้,
2560, ม.ป.ท.

จังหวดั นา่ นเป็นจังหวัดหนง่ึ ในภาคเหนือของประเทศไทยมีพ้นื ทที่ ้ังหมด 7,581,035.02
ไร่ โดยมีพื้นที่ป่าไม้ 4,653,943.16 ไร่ มีสัดส่วนพ้ืนท่ีป่าไม้เทียบกับพ้ืนท่ีจังหวัด คิดเป็นร้อยละ
61.39 ปจั จุบนั มี ๙๙ ตาบล ๑๕ อาเภอ พ้นื ทีส่ ว่ นใหญเ่ ปน็ ปา่ ภูเขาสงู และเป็นพนื้ ท่ีตน้ นา้ สาคัญของ
ประเทศไทย คือ เป็นต้นกาเนิดแม่น้าน่าน แม่น้ายม ซึ่งเป็นแม่น้าสายหลักท่ีหล่อเลี้ยงภาคกลางของ
ประเทศไทย เพราะเป็นท่ีต้ังของป่าต้นน้าใหญ่ซ่ึงกลั่นและกรองน้าเป็นมวลน้า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ของ
มวลน้าที่ไหลลงไปรวมกันเป็นแม่น้าเจ้าพระยา ถ้าป่าต้นน้าน่านมีปัญหาก็จะมีผลกระทบเชิงระบบ
นิเวศวิทยาต่อพ้ืนท่ีราบภาคกลางด้วย แต่ในช่วง ระยะเวลา 5 ปี ต้ังแต่ พ.ศ. 2551 - 2556 พบว่า
ป่าในจังหวัดน่านลดลง 450,527 ไร่ เฉล่ียป่าลดลง 90,105.4๐ ไร่/ปี และในปี พ.ศ. 2559 -
2560 ป่าไม้ในจังหวัดน่านลดลง 4,662 ไร่/ปี (นิทรรศ เวชวินิช, 256๑) จากรายงานสถานการณ์
ด้านทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ของจังหวัดน่าน ทราบว่า จังหวัดน่านมีปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ
และส่ิงแวดล้อมเป็นอันดับแรก ซึ่งปัญหาดังกล่าว เกิดจากการลดลงของพื้นที่ป่าไม้อันเนื่องมาจาก
การเขา้ ไปบกุ รุกทาลายปา่ ไม้ การลกั ลอบตดั ไม้ และการเขา้ ไปจบั จองใช้ประโยชน์พื้นทป่ี ่าโดยไม่ได้รับ
อนุญาต เพ่ือทาการเกษตรกรรม และเป็นท่ีอยู่อาศัยเป็นจานวนมาก ทาให้เกิดผลกระทบกับ
สิ่งแวดล้อม เช่น ไฟป่า หมอกควัน และน้าท่วม โดยในปี พ.ศ. 2554 จังหวัดน่านได้เกิดน้าท่วม
คร้งั ใหญ่และเป็นสาเหตุหน่ึงของการเกิดมหาอุทกภัยของประเทศไทยด้วย (สานกั ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมจงั หวัดน่าน, 2560)

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จ
พระราชดาเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพ้ืนที่จังหวัด
น่าน ได้ทอดพระเนตรเห็นพ้ืนที่ป่าเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว
ทรงห่วงใยและทรงเห็นถึงความจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องเร่ง
ฟื้ น ฟู แ ล ะ อ นุ รั ก ษ์ ป่ า ไ ม้ ใ ห้ คื น สู่ ส ม ดุ ล โ ด ย เ ร็ ว ท่ี สุ ด จึ ง มี
พระราชดาริให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันสร้างสานึกให้เด็ก
และเยาวชนอนุรักษ์ป่า และประชาชนร่วมใจกันอนุรักษ์
ฟื้นฟูพื้นท่ีป่าไม้ของจังหวัดน่าน ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานส่วน
หนึ่งของประเทศให้ม่ันคงและยั่งยืน (สานักโครงการสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี, 2557, คานา) อีกท้ัง ทรงพระราช
นิพนธ์ว่า “...การรักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ มี
หลากหลายวิธี วิธีการหน่ึงท่ีจะนาไปสู่ความยั่งยืนนั่นคือ
การให้โอกาสเด็กและเยาวชนของเราไดเ้ รยี นรู้จากธรรมชาติ
รอบตัวของเขา มีความรู้ ความเข้าใจ เกิดความรัก
ความผูกพัน และหวงแหนในทรัพยากรของตน โดยการจัด
กิจกรรมท่ีเน้นให้เด็กและเยาวชนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
เรยี นรจู้ ากวิถกี ารดารงชวี ิตของชมุ ชนท่ีพยายามปรบั ตนให้อยู่ร่วมกบั ป่าด้วยการผสมผสานความรู้และ
เทคโนโลยีสมัยใหม่ และภูมิปัญญาด้ังเดิมของชุมชน...” (“การสร้างสานึกให้เด็กและเยาวชนอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ.” 2560) และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถ้ามีหลักสูตรที่
ขยายลงสู่เด็กและเยาวชนหรือคนท่ีไม่ใช่คนน่าน คนกรุงเทพมหานคร หรือคนลุ่มแม่น้าเจ้าพระยาให้
ได้เห็นได้เรียน ได้สัมผัส และได้ลงมือปฏิบัติด้วยกัน จะเป็นการปลูกฝังจิตสานึกได้ดี (รักษ์ป่าน่าน:
ออนไลน)์

สานักงานศึกษาธิการจังหวัดน่าน เป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาทหน้าท่ีในการกาหนด
ยุทธศาสตร์แนวทางการจัดการศึกษา และการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาทุกระดับและทุก
ประเภทในจังหวัดน่าน จึงได้ดาเนินการส่งเสริม สนับสนุนให้หน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดน่าน
นานโยบายการเสริมสร้างจิตสานึกที่ดี และการอนุรักษ์ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
สู่การจัดการเรียนรู้ด้วยการพัฒนาหลักสูตร “รักษ์ป่าน่าน” ร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษา
สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวข้องในจังหวัดน่าน เพ่ือให้ครูผู้สอนได้นาไปใช้เป็นแนวทางพัฒนา
ผเู้ รยี นในระดับช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถงึ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๖ และเยาวชนในชุมชน เพอื่ สรา้ งความรู้
ความเข้าใจการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรปา่ ไม้ และสิ่งแวดล้อมแกเ่ ยาวชนในจงั หวัดน่าน
เพ่ือปลูกจิตสานึกในการอนุรักษ์ และเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรป่าไม้ และ
สิ่งแวดล้อมแก่เยาวชนในจังหวัดน่าน และเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชนเกิดการแลกเปลี่ยน
ความคิดและประสบการณ์ ตลอดจนความร่วมมือกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากร
ปา่ ไม้ และสิง่ แวดล้อมรว่ มกับชุมชนใหก้ ลับมาอดุ มสมบรู ณ์ สร้างเมอื งนา่ นให้นา่ อยู่ ค่ปู ่าตน้ นา้ ต่อไป

จุดมุ่งหมาย

จดุ ม่งุ หมายของหลักสตู ร “รักษป์ า่ นา่ น”
1. เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้ และ

สิง่ แวดล้อมแกเ่ ยาวชนในจังหวัดนา่ น
2. เพ่ือปลูกจิตสานึกในการอนุรักษ์ และเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรป่าไม้

และสง่ิ แวดล้อมแกเ่ ยาวชนในจังหวดั นา่ น
3. เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชนเกิดการแลกเปลี่ยนความคิด และประสบการณ์ ตลอดจน

ความรว่ มมอื กันในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรปา่ ไม้ และสง่ิ แวดลอ้ มกับชมุ ชน

โครงสรา้ งเวลาเรียน

หลักสูตร “รักษ์ป่าน่าน” กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดการเรียนการสอนให้กับ
ผู้เรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สถานศึกษาแต่ละแห่ง สามารถเลือก
รูปแบบในการจัดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษา และสอดคล้อง
กับเนอ้ื หาสาระของหลักสูตร “รักษป์ า่ น่าน” ได้ ๔ ทางเลอื ก ดงั นี้

๑. จัดแบบบูรณาการในรายวชิ าพื้นฐานหรอื รายวิชาเพิ่มเติม ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
ถงึ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๖ โดยจดั เวลาเรียนยดื หยนุ่ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษา

๒. จัดเปน็ รายวชิ าเพมิ่ เติม
2.1 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ จัดเวลาเรียนยืดหยุ่นให้

เหมาะสมกบั สภาพบริบทของสถานศึกษา
2.2 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ จัดให้มีเวลาเรียนอย่างน้อย

๔๐ วัน/ปีการศึกษา ในแต่ละวันจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ หรือจัดเวลาเรียนยืดหยุ่น
ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพบริบทของสถานศึกษา

๓. จัดในกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จัดเวลา
เรียนยืดหย่นุ ให้เหมาะสมกบั สภาพบริบทของสถานศึกษา

๔. จัดในกิจกรรมเสริมหลักสูตร ในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓
จดั เวลาเรยี นยดื หย่นุ ให้เหมาะสมกบั สภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษา

โครงสร้างเวลาเรียนหลักสตู ร “รกั ษป์ า่ นา่ น”

เวลาเรยี น

การเรียนร/ู้ กจิ กรรม ระดบั ประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษา ระดบั มัธยมศกึ ษา
ตอนต้น ตอนปลาย
๑. บรู ณาการรายวชิ าพ้นื ฐานหรอื รายวชิ า
เพ่ิมเติม ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓ ม.๔ ม.๕ ม.๖

๒. รายวชิ าเพิ่มเติม จัดเวลาเรียนยืดหยนุ่ ใหเ้ หมาะสมกับ จัดเวลาเรยี นยืดหยนุ่ ใหเ้ หมาะสมกับ

๓. กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น สภาพบริบทของสถานศึกษา สภาพบริบทของสถานศึกษา
4. กิจกรรมเสริมหลกั สูตร
จัดเวลาเรียนยดื หยุ่นใหเ้ หมาะสมกบั ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐

(๑นก.) (๑นก.) (๑นก.) (๑นก.) (๑นก.) (๑นก.)

สภาพบริบทของสถานศกึ ษา หรอื จดั เวลาเรียนยดื หยนุ่ ใหเ้ หมาะสมกบั

สภาพบริบทของสถานศกึ ษา

จัดเวลาเรียนยืดหยุ่นใหเ้ หมาะสมกับสภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษา

จดั เวลาเรียนยืดหยุ่นให้เหมาะสมกบั สภาพบริบทของสถานศกึ ษา

คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ

ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑

ศึกษาความเปน็ มา บคุ คลสาคัญของครอบครวั วัฒนธรรม สภาพภูมศิ าสตร์ สภาพภมู ิอากาศ
ข้อมูลของต้นไม้ ประเภทของต้นไม้ แหล่งนากับวิถีชีวิตคน ทรัพยากรธรรมชาติรอบบ้าน ข้อตกลง
เก่ียวกับการใช้ การดูแล รักษาต้นไม้ และสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน และที่โรงเรียน ข้อตกลงเกี่ยวกับ
การรักษาป่าไม้และส่ิงแวดล้อมของครอบครัว ความดีของบุคคลในครอบครัวในการใช้ชีวิตตามแบบ
วถิ ีศาสตร์พระราชา วธิ กี ารปลูกตน้ ไม้ ดูแล และรักษาตน้ ไม้ทบ่ี า้ น

มีส่วนร่วมในกิจกรรม “รักษ์ป่าน่าน” โดยใช้ กระบวนการคิด วิเคราะห์ สืบเสาะหาความรู้
อธิบาย จาแนก ยกตวั อยา่ งและนาเสนอ

เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีส่วนร่วมในกิจกรรม ตระหนัก และเห็นคุณค่าของ
การมสี ่วนรว่ มในการปลกู ดูแล และรกั ษาตน้ ไม้ท่ีบา้ นและโรงเรียน

ผลการเรยี นรู้ บอกความเป็นมาครอบครวั ของฉนั
สารวจ และนาเสนอบคุ คลของครอบครวั
ป.๑/1 ขอ้ ๑ บอกวัฒนธรรมของครอบครัว
ป.๑/1 ขอ้ ๒ อธบิ าย สภาพภมู ิศาสตร์ ภมู อิ ากาศ บา้ นของฉัน
ป.๑/1 ขอ้ 3 บอกข้อมลู ตน้ ไม้รอบบ้าน
ป.๑/1 ข้อ 4 สารวจ ประเภทของตน้ ไม้ที่บา้ น
ป.๑/2 ขอ้ 5 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และวิเคราะห์ แหล่งนา และการใช้แหล่งนากับวิถีชีวิต
ป.๑/2 ขอ้ 6 ของคนในครอบครวั
ป.๑/3 ข้อ 7 สารวจทรัพยากรธรรมชาตริ อบบ้าน

ป.๑/4 ขอ้ 8

ป.๑/5 ข้อ 9 ระบุข้อตกลงเก่ียวกับการใช้ การดูแล รักษาป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน
และโรงเรยี น

ป.๑/6 ข้อ 10 มีสว่ นร่วมในกิจกรรม “รักษป์ ่าน่าน” ในโรงเรยี น
ป.๑/7 ข้อ 11 บอกความดีของบุคคลในครอบครัวที่น่าช่ืนชมในการใช้ชีวิตตามแบบ

วถิ ีศาสตรพ์ ระราชา
ป.๑/8 ขอ้ 12 ตระหนัก เห็นคุณคา่ และมสี ่วนร่วมในการปลกู ดแู ล และรกั ษาต้นไมท้ ี่บา้ น

รวม ๑2 ข้อ

ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๒

ศึกษาความเป็นมาของโรงเรียน บุคคลสาคัญ วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศในโรงเรียน
และหมู่บ้าน ข้อมูลต้นไม้ ประเภทของต้นไม้ แหล่งนากับวิถีชีวิตคน ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้
การดูแล รักษาป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้าน บุคคลที่เป็นคนดีในโรงเรียนท่ีน่าช่ืนชม ตามแบบ
วถิ ีศาสตรพ์ ระราชา รว่ มปลูก ดูแล และรักษาต้นไม้ในโรงเรียน

มีส่วนร่วมในกิจกรรม “รักษ์ป่าน่าน” โดยใช้กระบวนการ สารวจ คิดวิเคราะห์ สืบเสาะหา
ความรู้ อธบิ ายจาแนก ยกตัวอยา่ ง อภปิ รายและนาเสนอ

เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ตระหนัก และเห็นคุณค่าของการมีส่วนร่วม
ในการปลกู ดูแล รกั ษาตน้ ไม้ และสง่ิ แวดล้อมในโรงเรียน และในหมู่บา้ น

ผลการเรียนรู้

ป.2/1 ข้อ ๑ สารวจ และบอกความเปน็ มาของโรงเรยี น
ป.2/1 ข้อ ๒ ระบุบุคคลสาคัญในโรงเรียน
ป.2/1 ข้อ 3 อธบิ าย วัฒนธรรมในโรงเรยี น
ป.2/1 ขอ้ 4 อธิบาย และวิเคราะห์สภาพภมู ิศาสตร์ ภูมอิ ากาศในโรงเรยี น
ป.2/2 ข้อ 5 อธบิ าย และวิเคราะหข์ ้อมูลตน้ ไมใ้ นโรงเรียน
ป.2/2 ข้อ 6 จาแนก ประเภทของตน้ ไมใ้ นโรงเรยี น
ป.2/3 ขอ้ 7 สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และวิเคราะห์ การใชแ้ หล่งนากับวิถชี ีวติ คนในโรงเรียน
ป.2/4 ข้อ 8 อธบิ าย และยกตวั อยา่ ง ทรัพยากรธรรมชาติในโรงเรยี น
ป.2/5 ข้อ 9 เสนอขอ้ ตกลงเก่ยี วกบั การใช้การดูแล รักษาปา่ ไม้ และสงิ่ แวดล้อมในหมบู่ า้ น
ป.2/6 ข้อ 10 มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม “รักษ์ป่าน่าน” ในหมบู่ ้าน
ป.2/7 ขอ้ 11 ยกตัวอย่างความดีของบุคคลในโรงเรียนท่ีน่าชื่นชมในการใช้ชีวิตตามแบบ

วถิ ีศาสตร์พระราชา
ป.2/8 ขอ้ 12 อธิบาย การปลกู ต้นไม้ในโรงเรยี น
ป.2/9 ข้อ 13 ตระหนัก เหน็ คุณค่า และมีส่วนร่วม ปลกู ตน้ ไม้ในโรงเรียน

รวม ๑๓ ข้อ

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓

ศึกษา ความเป็นมา บุคคลสาคัญ ประเพณี วัฒนธรรม สภาพภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ
สถานการณ์ ป่าไม้ ประเภท ประโยชน์ และคุณค่าของป่าไม้ การใช้แหล่งนากับวิถีชีวิตคน
ทรัพยากรธรรมชาติ ข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้ การดูแล รักษาป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม บุคคลที่เป็นคนดี
ในหมู่บ้านท่ีน่าช่ืนชม ตามแบบวิถีศาสตร์พระราชา การมีส่วนร่วมในการปลูก ดูแล และรักษาป่าไม้
ในหมบู่ า้ น และในตาบล

มีส่วนร่วมในกิจกรรม “รักษ์ป่าน่าน” โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สืบเสาะหาความรู้
อธบิ าย อภิปราย สรุป และนาเสนอ

เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ช่ืนชม ตระหนัก และเห็นคุณค่า ของการมีส่วนร่วม
ในการปลกู ปา่ ในหมูบ่ ้าน

ผลการเรยี นรู้

ป.3/1 ขอ้ ๑ บอกความเป็นมาของหมู่บา้ น
ป.3/1 ขอ้ ๒ อภิปราย และสรปุ บคุ คลสาคัญในหมู่บ้าน
ป.3/1 ขอ้ 3 อธบิ าย ประเพณี และวัฒนธรรมในหม่บู ้าน
ป.3/1 ขอ้ 4 วเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ และสรปุ สภาพภมู ิศาสตร์ ภูมิอากาศในตาบล
ป.3/2 ขอ้ 5 วิเคราะห์ และสรปุ สถานการณ์ปา่ ไม้ในหม่บู ้าน
ป.3/2 ข้อ 6 จาแนก ประเภท ประโยชน์ และคุณคา่ ของปา่ ในหมู่บ้าน
ป.3/3 ข้อ 7 สบื ค้น อภิปราย สรุป และนาเสนอ การใชแ้ หล่งนากบั วิถีชวี ติ คนในหมู่บ้าน
ป.3/4 ข้อ 8 สารวจ อภปิ ราย สรุป และนาเสนอทรัพยากรธรรมชาติในหมู่บา้ น
ป.3/5 ขอ้ 9 สรุปขอ้ ตกลงเกย่ี วกับการใช้การดูแลรักษาป่าไม้และสง่ิ แวดลอ้ มในตาบล
ป.3/6 ขอ้ 10 เขา้ ร่วม และชื่นชม กจิ กรรม“รักษ์ปา่ นา่ น” ในตาบล
ป.3/7 ขอ้ 11 ชื่นชม อธิบาย และเห็นคุณค่า ของคนดีในหมู่บ้านในการใช้ชีวิตตามแบบ

วิถีศาสตรพ์ ระราชา
ป.3/8 ขอ้ 12 สรุปแนวทางในการสร้างป่าในหมบู่ า้ น
ป.3/8 ขอ้ 13 ปฏบิ ัติการ ปลกู ดูแล และรักษาตน้ ไม้ในหมูบ่ า้ น
ป.3/8 ขอ้ 14 ตระหนกั และเหน็ คุณค่า การมสี ว่ นร่วมของการปลกู ปา่ ในหมู่บ้าน

รวม ๑4 ข้อ

ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔

ศึกษา ความเป็นมา ภูมิปัญญา บุคคลสาคัญ ศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรม สภาพ
ภมู ิศาสตร์ สภาพภูมอิ ากาศ ข้อมูลปา่ ไม้ ประเภทปา่ ไม้ ประโยชน์ และคุณค่าของป่าไม้ ตน้ กาเนดิ และ
สาขาแม่นาน่าน ระบบนิเวศ ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียงในตาบล การสร้างป่า การอนุรักษ์
การขยายพืนที่ป่า รวมถึงประชาคมเก่ียวกับ การใช้ การดูแล รักษาป่าไม้ ส่ิงแวดล้อมในชุมชน และ
ในอาเภอ

มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม “รักษ์ปา่ น่าน” การสรา้ งป่า และการดูแลรักษาปา่ ไมใ้ นชุมชน โดยใช้
กระบวนการคิด วิเคราะห์ สบื เสาะหาความรู้ กระบวนการกล่มุ อธบิ าย อภิปราย จาแนก และสรปุ

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีส่วนร่วม ตระหนัก เห็นคุณค่าความสาคัญ
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้ และ
สิ่งแวดล้อม

ผลการเรียนรู้

ป.4/1 ขอ้ ๑ อธิบายความเป็นมาตาบลของฉัน
ป.4/1 ขอ้ ๒ ระบุชอ่ื ภมู ิปญั ญา และบุคคลสาคญั ในตาบล
ป.4/1 ขอ้ 3 อธิบาย ศลิ ปะ ประเพณี และวฒั นธรรมในตาบล
ป.4/1 ขอ้ 4 อธบิ าย สภาพภมู ิศาสตร์ ภมู อิ ากาศในอาเภอ
ป.4/2 ขอ้ 5 อธิบาย ข้อมูลป่าไมใ้ นตาบล
ป.4/2 ข้อ 6 อภปิ ราย จาแนก ประเภทประโยชน์ และเหน็ คุณคา่ ป่าไม้ในตาบล
ป.4/3 ข้อ 7 สืบเสาะหาความรู้ อภิปราย และสรปุ ต้นกาเนดิ และสาขาแมน่ านา่ น
ป.4/4 ข้อ 8 อธบิ าย ระบบนิเวศในตาบล
ป.4/5 ขอ้ 9 อธิบาย ประชาคมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาป่าไม้ และส่ิงแวดล้อม

ในชมุ ชนและในอาเภอ
ป.4/6 ขอ้ 10 มสี ว่ นร่วมกิจกรรม “รักษ์ปา่ น่าน” ในอาเภอ
ป.4/7 ขอ้ 11 อภปิ ราย สรุป และยกตัวอย่างเศรษฐกจิ พอเพยี งในตาบล
ป.4/7 ข้อ 12 ตระหนักถึงความสาคญั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในการนาไปพัฒนา

ตาบล
ป.4/8 ขอ้ 13 อธิบาย การอนุรักษ์ปา่ ชุมชนในตาบล
ป.4/8 ขอ้ 14 มสี ว่ นร่วมในการดแู ล รักษาป่าชุมชนในตาบล
ป.4/8 ขอ้ 15 ตระหนักถึงความสาคญั ของป่าชมุ ชนในตาบล

รวม ๑5 ข้อ

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕

ศึกษา ความเป็นมา ภูมิปัญญา บุคคลสาคัญ ศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรม สภาพ
ภูมิศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ ข้อมูลป่าไม้ ประเภทป่าไม้ ประโยชน์ คุณค่าของป่าไม้ ความสัมพันธ์
ระหว่างนากับป่าน่าน ระบบนิเวศ ระเบียบข้อบังคับเก่ียวกับป่าไม้ในจังหวัดน่าน ศาสตร์พระราชา
ท่ีเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงในอาเภอ การดูแล อนุรักษ์ สร้างป่า และฟื้นฟูป่าชุมชนในอาเภอ และ
ในจังหวัดน่าน

มีส่วนร่วมกิจกรรม “รักษ์ป่าน่าน” ในจังหวัด การสร้างป่า การดูแลรักษาป่าในอาเภอและ
จังหวัด โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ อธิบาย สรุป ยกตัวอย่าง กระบวนการกลุ่ม จาแนก และ
นาเสนอข้อมูล

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนัก ถึงความสาคัญการนาหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้ ส่ิงแวดล้อมในอาเภอ และ
จงั หวดั น่าน

ผลการเรยี นรู้

ป.5/1 ขอ้ ๑ อธิบายความเป็นมาอาเภอของฉนั
ป.5/1 ขอ้ ๒ อธิบายเก่ยี วกบั ภมู ิปัญญา และบุคคลสาคัญในอาเภอ
ป.5/1 ขอ้ 3 อธิบาย ศิลปะ ประเพณี และวฒั นธรรมในอาเภอ
ป.5/1 ขอ้ 4 อธบิ าย สภาพภมู ศิ าสตร์ ภมู อิ ากาศในจังหวดั
ป.5/2 ข้อ 5 สรุป ข้อมลู สาคัญของปา่ ไม้ในอาเภอ
ป.5/2 ข้อ 6 อภิปราย จาแนกประเภท ประโยชน์ และคณุ คา่ ของปา่ ไม้ในอาเภอ
ป.5/3 ข้อ 7 สืบเสาะหาความรู้ อภิปราย วิเคราะห์ และสรุปความสัมพันธ์ระหว่างนากับ

ปา่ นา่ น
ป.5/4 ข้อ 8 สรปุ ระบบนเิ วศในอาเภอ
ป.5/5 ข้อ 9 อธบิ าย ระเบยี บ ขอ้ บังคบั และกฎหมายเก่ยี วกบั ปา่ ไมใ้ นจังหวัดนา่ น
ป.5/6 ขอ้ 10 มีส่วนรว่ มกิจกรรม “รักษ์ปา่ น่าน” ในจังหวัด
ป.5/7 ข้อ 11 นาเสนอตวั อยา่ งเศรษฐกิจพอเพยี งในอาเภอ
ป.5/7 ข้อ 12 ตระหนักถึงความสาคัญของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการนา

ไปพัฒนาอาเภอ
ป.5/8 ขอ้ 13 มสี ่วนรว่ มในการดูแล รักษาป่าไมใ้ นอาเภอ
ป.5/8 ขอ้ 14 สรุป แนวทางอนุรกั ษ์ ฟื้นฟปู ่าชุมชนในอาเภอ
ป.5/8 ข้อ 15 ตระหนักถึงความสาคัญของป่าไมใ้ นอาเภอ

รวม ๑5 ข้อ

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖

ศึกษา ความเป็นมา ภูมิปัญญา บุคคลสาคัญ ศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา อาชีพ
ภาวะเศรษฐกิจ ข้อมูลป่าไม้ ประเภท ประโยชน์ของป่าไม้ การใช้นาในการดารงชีวิตของคนน่าน
ระบบนิเวศ พระราชบญั ญัตทิ ่ีเกี่ยวข้องกับการอนุรักษป์ ่า บทบาท และหน้าท่ีของหนว่ ยงานทเี่ กีย่ วข้องกับ
การอนุรักษ์ป่า ศาสตร์พระราชาเก่ียวกับเศรษฐกิจพอเพียง การดูแล การอนุรักษ์ การขยายพืนที่ป่า
รวมถึงการสรา้ งป่า เพอ่ื เศรษฐกิจในจงั หวัดน่าน

มีส่วนร่วมในการดูแล รักษาป่า การสร้างป่าเศรษฐกิจ และการอนุรักษ์ป่าน่าน โดยใช้
กระบวนการกลุ่ม คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย สรุปแนวทาง ยกตัวอย่าง ประเมิน นาเสนอ และ
จดั นิทรรศการ การอนุรักษป์ า่ นา่ น

เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสาคัญของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงในการนาไปพัฒนาจังหวัด และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้ สิ่งแวดล้อม
ในจังหวัดนา่ น

ผลการเรียนรู้

ป.6/1 ข้อ ๑ สรปุ ความเป็นมาจงั หวัดน่าน
ป.6/1 ขอ้ ๒ สรปุ องค์ความรู้จากภูมิปัญญาและบคุ คลสาคญั ในจังหวดั
ป.6/1 ขอ้ 3 สรุปศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรมในจงั หวัด
ป.6/1 ขอ้ 4 ระบศุ าสนา อาชีพ และอธบิ ายภาวะเศรษฐกิจในจังหวัดนา่ น
ป.6/2 ขอ้ 5 นาเสนอข้อมูลสาคัญปา่ ไมใ้ นจังหวัดนา่ น
ป.6/2 ข้อ 6 วเิ คราะห์ อภปิ ราย ประเภท ประโยชน์ และคณุ คา่ ของป่าไมใ้ นจังหวัดนา่ น
ป.6/3 ขอ้ 7 สืบเสาะ หาความรู้ อภิปราย วิเคราะห์ และสรุปการใช้นาในการดารงชีวิต

ของคนน่านเพ่อื การบริโภค อปุ โภค และคมนาคม
ป.6/4 ขอ้ 8 ประเมินระบบนเิ วศในจงั หวัดน่าน
ป.6/5 ข้อ 9 อธิบายสาระสาคัญของพระราชบัญญัติท่ีเก่ียวข้องกับการอนุรักษ์ป่าไม้ใน

ประเทศไทย
ป.6/6 ข้อ 10 สรปุ บทบาทและหน้าทขี่ องหนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วข้องกบั การอนรุ กั ษ์ป่าในทกุ ภาคส่วน
ป.6/7 ข้อ 11 สรุปตัวอย่างที่ดีเกีย่ วกับเศรษฐกจิ พอเพียงในจังหวดั
ป.6/7 ข้อ 12 ตระหนักถึงความสาคัญหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการนาไป

พัฒนาจงั หวัด
ป.6/8 ข้อ 13 มสี ่วนรว่ มในการดแู ลรักษาป่าไมใ้ นจังหวดั
ป.6/8 ขอ้ 14 สรปุ แนวทางการอนุรกั ษ์และขยายพืนที่ปา่ ในจงั หวัดนา่ น
ป.6/8 ขอ้ 15 ตระหนกั ถึงความสาคญั ของป่าในจงั หวัด
ป.6/8 ข้อ 16 มีส่วนรว่ มสรา้ งป่าเศรษฐกิจ
ป.6/8 ข้อ 17 นาเสนอข้อมลู การอนรุ ักษป์ ่านา่ นด้วยการจดั นิทรรศการ

รวม ๑7 ข้อ

ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓

ศึกษา สภาพท่ัวไป ชาติพันธุ์ อาชีพ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม การเมือง การปกครอง ศิลปะ
ประเพณี และมรดกทางธรรมชาติของจังหวัดน่าน สภาพทั่วไปของป่าไม้ในอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้ม
สภาพป่าไม้ในอนาคตของจังหวัดน่าน สาเหตุ ผลกระทบท่ีเกิดกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก
ทรัพยากรธรรมชาติลดลง และแนวทางแก้ไขปัญหาป่าไม้ในจังหวัดน่าน ประเพณี ความเชื่อ ศิลปะ
วัฒนธรรม อาชีพ การท่องเที่ยวที่เก่ียวข้องกับนาในจังหวัดน่าน ความหลากหลายทางชีวภาพ
สถานการณ์การเปล่ียนแปลงทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดน่าน สาระสาคัญของยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์จังหวัดน่าน พระราชบัญญัติท่ีเก่ียวข้องกับป่าไม้ สัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติ และส่ิงแวดล้อม
โครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าน่าน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง และศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารพัฒนาท่ีย่ังยืน การสร้างมูลค่าเพ่มิ จากป่า และป่านา่ นในอุดมคติท่ีดี
ท่เี กิดจากการอนรุ กั ษป์ า่

มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ การทาโครงการ โครงงาน การสร้างความตระหนัก
การเผยแพร่ การรณรงค์ การปลูกป่า การอนุรักษ์นา และป่าน่านโดยใช้การสารวจ กระบวนการคิด
วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย อภิปราย การสรุป การนาเสนอ การประเมิน การยกตัวอย่าง และ
กระบวนการกลุ่ม

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า ตระหนัก มีจิตสานึกอนุรักษ์นา อนุรักษ์
ป่านา่ น อยรู่ ่วมกบั ปา่ อยา่ งมีความสขุ ยั่งยืน และนาไปใชใ้ นการดาเนินชีวิต

ผลการเรียนรู้ สืบค้น ข้อมูล อภิปราย และนาเสนอสภาพท่ัวไป ชาติพันธ์ุ อาชีพ
ม.1 - 3/1 ขอ้ ๑ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม การเมืองการปกครอง และมรดกทางธรรมชาติของ
จงั หวดั นา่ น
ม.1 - 3/2 ข้อ ๒ วเิ คราะหส์ ภาพทว่ั ไปของปา่ ไมใ้ นอดตี ปจั จุบนั และอนาคตของจังหวัดน่าน
ม.1 - 3/2 ขอ้ 3 วิเคราะห์ นาเสนอ สาเหตุ ผลกระทบที่เกิดกับส่ิงแวดล้อม เนื่องจาก
ม.1 - 3/3 ข้อ 4 ทรพั ยากรธรรมชาตลิ ดลง และแนวทางแก้ไขปัญหาป่าไม้ในจงั หวดั น่าน
ม.1 - 3/4 ข้อ 5 สบื คน้ อภปิ ราย และนาเสนอ ประเพณี ความเชอ่ื ศลิ ปะ วฒั นธรรม อาชีพ
ม.1 - 3/5 ข้อ 6 และการท่องเทยี่ วที่เกีย่ วขอ้ งกับนาในจงั หวัดนา่ น
ศึกษา สารวจ อธิบาย ความหลากหลายทางชีวภาพ และสรุปสถานการณ์
ม.1 - 3/6 ข้อ 7 การเปล่ยี นแปลงทรัพยากรธรรมชาตใิ นจงั หวัดนา่ น
ศึกษา อภิปราย และสรุปสาระสาคัญของยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์
จังหวัดน่าน และพระราชบัญญัติท่ีเกี่ยวข้องกับป่าไม้ สัตว์ป่า อุทยาน
แห่งชาติ และส่งิ แวดลอ้ ม
ศึกษา และมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ และเอกชนเก่ียวกับ
การอนุรกั ษ์ปา่ นา่ น

ม.1 - 3/6 ขอ้ 8 ตระหนกั และเห็นคุณค่าเก่ียวกับการอนุรักษป์ า่ นา่ น
ม.1 - 3/7 ขอ้ 9 ศึกษา อภิปราย และยกตัวอย่างหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ

ศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารพัฒนาท่ีย่ังยนื
ม.1 - 3/7 ขอ้ 10 เหน็ คณุ ค่า และนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และศาสตร์พระราชา

ไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ
ม.1 - 3/8 ขอ้ 11 สืบคน้ นาเสนอ และสรา้ งมลู คา่ เพ่ิมจากป่า
ม.1 - 3/8 ขอ้ 12 จัดทาโครงการ โครงงาน เกีย่ วกับการอนรุ ักษ์ปา่ นา่ น
ม.1 - 3/8 ขอ้ 13 มีจิตสานึกในการอนุรักษ์ป่าน่าน และอยู่ร่วมกับป่าอย่างมีความสุข และ

ยง่ั ยนื
ม.1 - 3/8 ข้อ 14 เผยแพร่ และรณรงค์การปลูกป่า การอนุรักษ์ป่า และการเพิ่มพืนท่ีป่า

ในจงั หวดั นา่ น
ม.1 - 3/8 ข้อ 15 นาเสนอ ปา่ น่านในอุดมคติที่ดที เี่ กดิ จากการอนุรักษ์ปา่ น่าน

รวม ๑5 ข้อ

ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖

ศึกษา ความเป็นมาของ ชุมชน ชาติพันธุ์ ภูมิปัญญา บุคคลสาคัญในจังหวัดน่าน ศิลปะ
ประเพณี วัฒนธรรม ข้อมูล สภาพทางธรรมชาติของจังหวัดน่าน สภาพสถานการณ์ป่าไม้ สาเหตุ
ผลกระทบท่ีเกิดกับส่ิงแวดล้อม เน่ืองจากทรัพยากรธรรมชาติลดลง แนวทางแก้ไข เทคนิค นวัตกรรม
ในการเพ่ิมพืนท่ีป่าไม้ คุณภาพของนา หรือแหล่งนา และผลการตรวจสอบคุณภาพของแหล่งนา
ในจังหวัดน่าน ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับทรัพยากรป่าไม้ในท้องถิ่นนา่ น หลักการ ความสัมพันธ์
และความสาคัญของแผนยุทธศาสตร์ กฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย ศาสตร์พระราชาไปใช้ใน
การพัฒนาท้องถิ่น สร้างอาชีพ การสร้างป่าน่านในอนาคต และร่วมกันเสนอแนวคิด วิธีแก้ปัญหาอย่าง
มีระบบ

มีส่วนร่วม “รักษ์ป่าน่าน” นาศาสตร์พระราชาไปใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น ขับเคล่ือน
ทางสังคมด้วยการจัดทาโครงการ และกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับการอนุรักษ์ และเพิ่มพืนท่ีป่าไม้ในจังหวัด
น่าน การศึกษาค้นคว้าอิสระ เผยแพร่ และรณรงค์โดยใช้กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด
กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการแก้ปัญหา การสารวจ การวิเคราะห์ การตรวจสอบ และ
สงั เคราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้

เพื่อให้ผู้เรียน มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความสาคัญ มีทักษะกระบวนการ มีส่วนร่วม
มีความตระหนัก เห็นคุณค่า และมีจิตสานึกในการอนุรักษ์ และสร้างป่าน่านในอนาคตโดยยึดตาม
ศาสตรพ์ ระราชา

ผลการเรยี นรู้

ม.4 - 6/1 ขอ้ ๑ วเิ คราะห์ ความเป็นมาของชุมชน ชาตพิ นั ธุ์ ภมู ปิ ัญญา บคุ คลสาคญั ศลิ ปะ
ม.4 - 6/2 ข้อ ๒ ประเพณี วัฒนธรรม และขอ้ มลู สภาพท่ัวไปของจงั หวัดน่าน
วิเคราะห์สถานการณ์ป่าไม้ สาเหตุ ผลกระทบท่ีเกิดกับสิ่งแวดล้อม
ม.4 - 6/3 ขอ้ 3 เน่ืองจากทรัพยากรธรรมชาติลดลง แนวทางแก้ไข ใช้เทคนิค และ
ม.4 - 6/4 ข้อ 4 นวตั กรรมในการเพ่มิ พืนที่ปา่ ไม้ในจังหวัดนา่ น
ม.4 - 6/5 ข้อ 5 สารวจ วิเคราะห์ และตรวจสอบคุณภาพแหล่งนาในจงั หวดั นา่ น
สารวจ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับทรัพยากรป่าไม้
ม.4 - 6/6 ข้อ 6 ในทอ้ งถิน่
ม.4 - 6/7 ขอ้ 7 วิเคราะห์ หลักการ ความสัมพันธ์ ความสาคัญของแผนยุทธศาสตร์
ม.4 - 6/7 ขอ้ 8 กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ป่าไม้
ในจังหวดั นา่ น
มีส่วนร่วมในการขับเคล่ือนทางสังคมเพื่อการอนุรักษ์ และเพ่ิมพืนท่ีป่าไม้
ในจงั หวดั น่าน
ศึกษา วิเคราะห์ ศาสตร์พระราชาท่ีเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากร
ป่าไม้ในจงั หวดั น่าน
นาศาสตร์พระราชาไปใชใ้ นการพัฒนาท้องถ่ินของตนเอง และจงั หวัดนา่ น

ม.4 - 6/7 ข้อ 9 ตระหนัก และเห็นความสาคัญของการนาศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนา
ทีย่ ง่ั ยนื

ม.4 - 6/8 ข้อ 10 จัดทาโครงการ การศึกษาค้นคว้าอิสระท่ีเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ และ
เพ่ิมพืนท่ีป่าไม้ในจังหวัดน่าน การสร้างป่า สร้างมูลค่าเพ่ิมจากป่า และ
การสรา้ งปา่ น่านในอนาคต

ม.4 - 6/8 ขอ้ 11 มีจติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์ปา่ น่านตามศาสตร์พระราชา
ม.4 - 6/8 ขอ้ 12 เผยแพร่ รณรงค์ การสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ และสร้างป่าน่าน

ในอนาคต

รวม 12 ข้อ

ผลการเรยี นรแู้ ละสาระการเรยี นรู้ หลกั สูตร "รักษป์ ่าน่าน"
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ถงึ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖

ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึง ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3

เรอ่ื งท่ี สาระ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ประถมศึกษาปีท่ี 2 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3

1. น่านเมอื งเก่า ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้
มชี วี ิต
ความเปน็ มาของชมุ ชน ๑. บอกความเปน็ มา ความเปน็ มาของ ๑. สารวจและบอก ความเปน็ มาของ ๑. บอกความเปน็ มา ความเป็นมาของ

หมู่บา้ น ชนเผา่ ครอบครัวของฉัน ครอบครวั ความเปน็ มาของ โรงเรียน ของหม่บู ้าน หมู่บา้ น

ชาตพิ นั ธุ์ โรงเรียน

ภมู ปิ ัญญา/บคุ คล ๒. สารวจและนาเสนอ บุคคลสาคัญใน ๒. ระบุบุคคลสาคญั ใน บคุ คลสาคัญใน ๒. อภปิ ราย และสรปุ บุคคลสาคญั

สาคัญในจังหวดั นา่ น บคุ คลสาคญั ใน ครอบครวั โรงเรยี น โรงเรียน บคุ คลสาคัญใน ในหมูบ่ า้ น

ครอบครัว หมูบ่ ้าน

ศิลปะ ประเพณแี ละ ๓. บอกวฒั นธรรมของ วฒั นธรรมของ ๓. อธบิ าย วัฒนธรรม วฒั นธรรมในโรงเรียน ๓. อธบิ ายประเพณี ประเพณีและ
ในโรงเรียน
วฒั นธรรม ครอบครัว ครอบครวั และวัฒนธรรมใน วัฒนธรรมในหมบู่ า้ น

หมบู่ า้ น

ขอ้ มลู สภาพทว่ั ไปของ ๔. อธบิ ายสภาพ สภาพภูมิศาสตร์ ๔. อธิบาย และ สภาพภมู ศิ าสตร์ ๔. วเิ คราะห์ สภาพภมู ศิ าสตร์
สภาพภมู ิอากาศ วิเคราะหส์ ภาพ ภูมิอากาศในโรงเรยี น
จังหวัดนา่ น ภมู ศิ าสตร์ สภาพ บา้ นของฉนั และหม่บู า้ น เปรยี บเทียบและ ภูมิอากาศในตาบล
ภูมศิ าสตร์
ภูมิอากาศบ้าน ภมู ิอากาศใน สรปุ สภาพ
โรงเรยี น
ของฉัน ภูมศิ าสตร์

ภูมิอากาศในตาบล

เรื่องท่ี สาระ ประถมศึกษาปีท่ี 1 ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
2. ป่าไม้ในน่าน
1. สถานการณ์ปา่ ไม้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้
จังหวัดนา่ น
๕. บอกข้อมลู ตน้ ไม้ ข้อมลู ตน้ ไมร้ อบบา้ น ๕. อธิบายและ ข้อมลู ตน้ ไม้ในโรงเรยี น ๕. วิเคราะห์และสรุป สถานการณป์ ่าไม้
2. ประเภทของปา่ ไม้
ในจงั หวัดนา่ น รอบบ้าน วิเคราะหข์ อ้ มลู สถานการณป์ ่าไม้ ในหมบู่ า้ น

ตน้ ไม้ในโรงเรียน ในหมูบ่ ้าน

๖. สารวจประเภทของ ประเภทของตน้ ไม้ ๖. จาแนกประเภท ประเภทของตน้ ไมใ้ น ๖. จาแนกประเภท 1. ประเภทของป่าไม้
ตน้ ไมร้ อบบา้ น รอบบ้าน
ของตน้ ไม้ โรงเรียน ประโยชนแ์ ละ ในหม่บู ้าน

ในโรงเรยี น คณุ คา่ ของป่า 2. คณุ คา่ ของปา่

ในหมูบ่ ้าน ในหมู่บา้ น

3. นา่ นเมืองตน้ น้า นากบั วถิ ชี ีวติ คนนา่ น ๗. สืบค้นข้อมลู แหลง่ นากบั วถิ ชี วี ติ ๗. สืบค้นขอ้ มูล แหล่งนากับวิถชี วี ิต ๗. สบื คน้ ข้อมลู แหลง่ นากับวถิ ชี วี ิต
อธบิ าย และ คนในครอบครัว
วิเคราะห์ การใช้ อธิบาย และ คนในโรงเรียน อภปิ ราย สรุปและ คนในหม่บู า้ น
แหลง่ นากับวถิ ชี วี ติ
ของคนใน วิเคราะหก์ ารใช้ นาเสนอการใช้
ครอบครวั
แหลง่ นากับวถิ ชี วี ติ แหล่งนากบั วิถชี ีวติ
๘. สารวจทรพั ยากร ทรพั ยากรธรรมชาติ
ธรรมชาตริ อบบา้ น รอบบ้าน คนในโรงเรียน คนในหม่บู า้ น

4. ความหลากหลาย ทรพั ยากรธรรมชาติ ๘. อธบิ าย และ ทรัพยากรธรรมชาติ ๘. สารวจ อภปิ ราย ทรัพยากรธรรมชาติ
ทางชีวภาพ และระบบนิเวศของ สรุป และนาเสนอ ในหมู่บา้ น
จงั หวัดนา่ น ยกตัวอยา่ ง ในโรงเรียน ทรพั ยากรธรรมชาติ
ในหมบู่ า้ น
ทรพั ยากรธรรมชาติ

ในโรงเรียน

เรอ่ื งที่ สาระ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ประถมศกึ ษาปีที่ 3
5. แผน/ยุทธศาสตร์/ แผน/ยทุ ธศาสตร/์
ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้
กฎหมายและการ กฎหมายและ
บังคบั ใชก้ ฎหมาย การบงั คับใช้กฎหมาย ๙. ระบขุ ้อตกลง ข้อตกลงเกย่ี วกับ ๙. เสนอขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั ๙. สรปุ ขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลงเก่ยี วกับ

6. รวมพลังรักษ์ป่า การมสี ว่ นรว่ ม เกยี่ วกับการใช้ การ การใช้ การดแู ลรกั ษา เกี่ยวกบั การใช้ การใช้ การดูแลรักษา เกี่ยวกับการใช้ การใช้ การดูแลรกั ษา
นา่ น “รกั ษป์ า่ น่าน”
ดูแลรักษาปา่ ไม้ ปา่ ไม้และสง่ิ แวดล้อม การดูแล รกั ษา ป่าไมแ้ ละสง่ิ แวดล้อม การดูแลรกั ษาปา่ ไม้ ป่าไม้และสงิ่ แวดลอ้ ม
7. ศาสตร์พระราชา ศาสตรพ์ ระราชา
สกู่ ารพฒั นาท่ี สู่การพัฒนา และสง่ิ แวดล้อม รอบบ้านและโรงเรียน ป่าไม้และ ในหมบู่ า้ น และส่งิ แวดล้อมใน ในตาบล
ยั่งยนื ทีย่ ง่ั ยนื
รอบบา้ นและ ส่งิ แวดล้อมใน ตาบล

โรงเรียน หมูบ่ ้าน

๑๐. มีสว่ นรว่ มใน กิจกรรม “รักษป์ ่า ๑๐. มสี ่วนรว่ มใน กจิ กรรม “รักษ์ ๑๐. เขา้ ร่วมและชื่น กิจกรรม “รักษป์ ่า
ชม กิจกรรม นา่ น” ในตาบล
กิจกรรม “รักษป์ า่ น่าน” ในโรงเรียน กจิ กรรม “รักษ์ป่า ป่านา่ น”ในหมบู่ า้ น “รักษ์ป่านา่ น”
ในตาบล
นา่ น”ในโรงเรียน น่าน” ในหมบู่ า้ น
๑๑. ชืน่ ชม อธิบาย คนดีในหมูบ่ า้ นท่ี
๑๑. บอกความดีของ คนดีในครอบครวั ตาม ๑๑. ยกตวั อยา่ งความ คนดใี นโรงเรียนที่ และเหน็ คุณค่าของ น่าชน่ื ชมตามวิถี
บคุ คลในครอบครวั ศาสตร์พระราชา ดขี องบคุ คลใน นา่ ชน่ื ชมตามวิถี คนดใี นหมู่บ้าน ศาสตร์พระราชา
ที่น่าชื่นชมในการ โรงเรยี นท่ีนา่ ชนื่ ชม ศาสตร์พระราชา ในการใชช้ วี ติ ตาม
ใช้ชีวิตตามแบบ แบบวถิ ศี าสตร์
วถิ ศี าสตร์พระราชา ในการใชช้ วี ิตตาม พระราชา
แบบวิถศี าสตร์
พระราชา

เรือ่ งท่ี สาระ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ประถมศึกษาปีที่ 2 ประถมศกึ ษาปีท่ี 3

๘. ป่านา่ นในอนาคต ปลกู ปา่ สรา้ งอนาคต ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้
(ป่านา่ นในฝนั )
๑๒. ตระหนักเห็น การปลูก ดูแล และ ๑๒. อธบิ ายการปลูก การปลกู ดูแล และ 1๒. สรปุ แนวทางใน 1. สรา้ งป่าในหมู่บา้ น

คณุ ค่าและมีสว่ น รักษาตน้ ไมท้ ี่บา้ น ตน้ ไมใ้ นโรงเรียน รกั ษาตน้ ไม้ในโรงเรยี น การสร้างปา่ ใน 2. การปลูก ดแู ล และ

รว่ มในการปลูก ๑๓. ตระหนักเห็น หมบู่ ้าน รกั ษาตน้ ไม้ใน

ดูแล และรกั ษา คณุ คา่ และมสี ว่ น ๑๓. ปฏิบัตกิ ารปลูก หมู่บ้าน

ต้นไมท้ บ่ี ้าน ร่วมปลกู ต้นไมใ้ น ดแู ล และรักษา

โรงเรยี น ตน้ ไมใ้ นหมบู่ า้ น

๑๔. ตระหนักและเหน็

คณุ ค่าการมีสว่ น

ร่วมของการปลูก

ป่าในหมบู่ า้ น

ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ถึงชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6

เรอ่ื งท่ี สาระ ประถมศึกษาปีที่ 4 ประถมศึกษาปที ี่ 5 ประถมศึกษาปีที่ 6

ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้

1. นา่ นเมอื งเกา่ ความเป็นมาของ ๑. อธิบายความเปน็ มา ความเป็นมาตาบล ๑. อธิบายความเปน็ มา ความเป็นมาอาเภอ ๑. สรปุ ความเป็นมา ความเปน็ มาของ

มชี วี ิต ชุมชน หมบู่ า้ น ตาบลของฉัน ของฉนั อาเภอของฉนั ของฉัน ของจงั หวัดน่าน จงั หวดั น่าน

ชนเผ่า ชาตพิ ันธ์ุ

ภมู ิปัญญาและบคุ คล ๒. ระบชุ อ่ื ภมู ิปัญญา ภูมิปัญญา และบคุ คล ๒. อธบิ ายเกย่ี วกับ ภมู ปิ ัญญาและบคุ คล ๒. สรุปองค์ความรจู้ าก องค์ความรจู้ าก
ภมู ิปญั ญาและ สาคญั
สาคัญในจังหวัดนา่ น และบุคคลสาคัญใน สาคญั ในตาบล บุคคลสาคญั ใน ในอาเภอ ภมู ิปัญญาและ ภูมปิ ัญญาและบคุ คล
อาเภอ
ตาบล บคุ คลสาคัญใน สาคัญในจงั หวัดน่าน
๓. อธิบายศิลปะ ศิลปะ ประเพณี และ
ประเพณีและ วัฒนธรรม จังหวดั นา่ น
วฒั นธรรมในอาเภอ ในอาเภอ
ศลิ ปะ ประเพณแี ละ ๓. อธบิ ายศลิ ปะ ศลิ ปะ ประเพณี และ ๓. สรปุ ศิลปะ ศิลปะประเพณี

วัฒนธรรม ประเพณแี ละ วัฒนธรรมในตาบล ประเพณแี ละ และวฒั นธรรม

วัฒนธรรมในตาบล วัฒนธรรมใน ในจังหวัดนา่ น

จงั หวดั นา่ น

ขอ้ มลู สภาพท่วั ไป ๔. อธิบายสภาพ สภาพภมู ิศาสตร์ ๔. อธบิ ายสภาพ สภาพภมู ศิ าสตร์ ๔. ระบศุ าสนา อาชีพ ศาสนา อาชีพ
ของจงั หวดั นา่ น ภูมศิ าสตร์ ภูมิอากาศในจงั หวดั
ภูมศิ าสตร์ ภมู อิ ากาศในอาเภอ ภมู ิอากาศใน และอธิบายภาวะ และภาวะเศรษฐกจิ
จงั หวดั
ภูมิอากาศในอาเภอ เศรษฐกิจในจังหวดั ในจังหวัดน่าน

น่าน

เรอ่ื งท่ี สาระ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ประถมศึกษาปที ี่ 5 ประถมศึกษาปีที่ 6

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้

2. ป่าไม้ในน่าน 1. สถานการณ์ปา่ ไม้ ๕. อธบิ ายข้อมลู ปา่ ไม้ ข้อมลู ปา่ ไมใ้ นตาบล ๕. สรุปขอ้ มลู สาคญั ขอ้ มูลปา่ ไม้ในอาเภอ ๕. นาเสนอขอ้ มลู ข้อมูลป่าไม้

จังหวดั น่าน ในตาบล ของปา่ ไมใ้ นอาเภอ สาคญั ปา่ ไมใ้ น ในจงั หวดั นา่ น

จงั หวดั น่าน

2. ประเภทของป่าไม้ ๖. อภปิ ราย จาแนก 1. ประเภทของปา่ ไม้ ๖. อภิปราย จาแนก 1.ประเภทปา่ ไม้ใน ๖. วิเคราะห์ อภปิ ราย 1. ประเภทป่าไมใ้ น

ในจังหวดั น่าน ประเภทประโยชน์ ในตาบล ประเภท ประโยชน์ อาเภอ ประเภท ประโยชน์ จังหวัดน่าน

และเหน็ คุณคา่ ปา่ 2. คณุ คา่ ของปา่ ไม้ใน และคณุ คา่ ของปา่ 2. คณุ คา่ ของป่าไม้ใน และคุณคา่ ของปา่ 2. ประโยชน์และ

ไมใ้ นตาบล ตาบล ไม้ในอาเภอ อาเภอ ไมใ้ นจงั หวัดนา่ น คณุ คา่ ของป่าไมใ้ น

จังหวดั น่าน

3. นา่ นเมอื งต้นนา้ นากบั วิถชี วี ติ คนน่าน ๗. สบื เสาะหาความรู้ ตน้ กาเนิดและ ๗. สบื เสาะหาความรู้ ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ๗. สืบเสาะหาความรู้ การใชน้ าใน

อภปิ ราย และสรปุ สาขาแมน่ านา่ น อภปิ ราย วิเคราะห์ นากบั ป่าน่าน อภปิ ราย วิเคราะห์ การดารงชีวิตของคน

ต้นกาเนดิ และ และสรปุ ความ และสรปุ การใชน้ า นา่ น เพอื่ การบรโิ ภค,

สาขาแมน่ านา่ น สมั พันธ์ระหวา่ งนา ในการดารงชีวติ อุปโภค และ

กบั ป่านา่ น ของคนนา่ น คมนาคม

4. ความหลากหลาย ทรพั ยากรธรรมชาติ ๘. อธบิ ายระบบนิเวศ ระบบนเิ วศในตาบล ๘. สรุประบบนเิ วศใน ระบบนเิ วศในอาเภอ ๘. ประเมนิ ระบบนิเวศ ระบบนเิ วศ

ทางชวี ภาพ และระบบนิเวศของ ในตาบล อาเภอ ในจงั หวัดน่าน ในจงั หวดั น่าน

จงั หวดั นา่ น

เร่ืองที่ สาระ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ประถมศึกษาปีท่ี 5 ประถมศกึ ษาปีที่ 6
5. แผน/ยุทธศาสตร์/ แผน/ยทุ ธศาสตร์/
ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้
กฎหมายและการ กฎหมายและการ
บงั คบั ใชก้ ฎหมาย บังคบั ใช้กฎหมาย ๙. อธบิ ายประชาคม การทาประชาคม ๙. อธบิ ายระเบียบ ระเบียบข้อบังคบั ๙. อธิบายสาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิ
ขอ้ บังคบั และ และกฎหมาย
6. รวมพลงั รกั ษป์ า่ การมีส่วนรว่ ม เกีย่ วกบั การใช้ เกยี่ วกบั การใช้ กฎหมายเกยี่ วกบั เก่ียวกบั ปา่ ไม้ ของระราชบญั ญัติ ท่ีเกีย่ วข้องกับ
น่าน “รกั ษป์ ่าน่าน” ปา่ ไม้ในจังหวัดนา่ น ในจังหวัดนา่ น
การดแู ลรกั ษาปา่ ไม้ การดูแล รักษาปา่ ไม้ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั การ การอนุรกั ษ์ป่าไม้
7. ศาสตรพ์ ระราชา ศาสตรพ์ ระราชา
สู่การพัฒนาท่ี สู่การพฒั นาทีย่ ง่ั ยืน และส่ิงแวดล้อมใน สิง่ แวดลอ้ มในชมุ ชน อนรุ กั ษ์ป่าไมใ้ น ในประเทศไทย
ยัง่ ยนื
ชุมชนและในอาเภอ และในอาเภอ ประเทศไทย

๑๐. มีส่วนร่วมกิจกรรม การมีสว่ นรว่ ม ๑๐. มสี ่วนร่วมกจิ กรรม การมีส่วนรว่ ม ๑๐. สรปุ บทบาทและ บทบาทและหน้าท่ีของ

“รักษป์ ่านา่ น”ใน กิจกรรม “รักษป์ ่า “รกั ษ์ปา่ น่าน” กิจกรรม “รักษ์ปา่ หน้าทข่ี อง หน่วยงานทุกภาคส่วน

อาเภอ น่าน” ในอาเภอ ในจงั หวดั นา่ น” ในจงั หวัด หนว่ ยงานท่ี ที่เกยี่ วขอ้ งกับ

เกี่ยวขอ้ งกบั การอนรุ กั ษ์ป่าใน

การอนรุ ักษ์ปา่ ใน จังหวัดน่าน

ทกุ ภาคส่วน

1๑. อภิปราย สรุปและ ศาสตรพ์ ระราชา : 1๑. นาเสนอตวั อยา่ ง ศาสตรพ์ ระราชา: 1๑. สรุปตัวอยา่ งที่ดี ศาสตรพ์ ระราชา :
ยกตวั อย่างเศรษฐกจิ ตัวอย่างเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพยี ง ตัวอยา่ งเศรษฐกิจ
พอเพียงในตาบล พอเพียงในตาบล ในอาเภอ พอเพยี งในอาเภอ เก่ยี วกับเศรษฐกจิ ตวั อย่างเศรษฐกิจ

๑2. ตระหนกั ถึง ๑2. ตระหนักถงึ พอเพียงในจงั หวัด พอเพียงในจงั หวดั
ความสาคัญของหลกั ความสาคญั ของ
ปรัชญาของเศรษฐกิจ หลกั ปรัชญาของ ๑2. ตระหนักถึง
พอเพียงในการนาไป เศรษฐกิจพอเพียง
พฒั นาตาบล ในการนาไปพฒั นา ความสาคัญของ
อาเภอ
หลกั ปรัชญาของ

เศรษฐกจิ พอเพียง

ในการนาไปพฒั นา

จังหวัด

เรอ่ื งท่ี สาระ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ประถมศึกษาปที ่ี 5 ประถมศึกษาปที ่ี 6

๘. ปา่ นา่ นในอนาคต ปลกู ปา่ สร้างอนาคต ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้
(ป่าน่านในฝนั )
1๓. อธิบายการอนุรักษ์ การมสี ่วนร่วมใน 1๓. มีสว่ นรว่ มใน การมสี ่วนรว่ มใน 1๓. มีส่วนร่วมในการ 1. การมีสว่ นร่วมใน

ป่าชมุ ชนในตาบล การดแู ลการอนรุ กั ษ์ การดูแล รักษาปา่ ไม้ การดูแลอนุรกั ษ์ สร้าง ดูแลรกั ษาปา่ ไม้ใน การดูแล อนรุ ักษ์

๑๔. มีส่วนรว่ มในการ สรา้ งปา่ ชุมชนในตาบล ในอาเภอ ป่า และฟ้ืนฟปู า่ ชุมชน จังหวดั และขยายพนื ท่ี

ดแู ล รกั ษาปา่ ชุมชน ๑๔. สรุปแนวทาง ในอาเภอ ๑๔. สรุปแนวทาง ปา่ ในจงั หวดั น่าน

ในตาบล อนุรักษ์ ฟนื้ ฟปู า่ การอนุรกั ษ์และ 2. การสรา้ งปา่ เพ่อื

๑๕. ตระหนกั ถึง ชุมชนในอาเภอ ขยายพืนทปี่ า่ ใน เศรษฐกิจ

ความสาคัญของปา่ ๑๕. ตระหนกั ถึง จงั หวัด

ชุมชนในตาบล ความสาคญั ของ ๑๕. ตระหนักถงึ

ปา่ ไม้ในอาเภอ ความสาคญั ของปา่

ในจงั หวดั

๑๖. มีส่วนรว่ มสร้าง

ป่าเศรษฐกิจ

๑๗. นาเสนอข้อมูล

การอนรุ ักษป์ า่ นา่ น

ดว้ ยการจัด

นทิ รรศการ

ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ถึงชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6

เร่อื งที่ สาระ ชนั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 - 3 ชันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 - 6

ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้

1. น่านเมืองเกา่ มชี วี ติ สภาพท่วั ไปและความ ๑. สืบคน้ ขอ้ มูลอภปิ รายและ สภาพทว่ั ไป ชาติพนั ธุ์ อาชีพ ภมู ิ ๑. วิเคราะห์ความเปน็ มาของ ความเป็นมาของชุมชน

เปน็ มาของนา่ น นาเสนอสภาพท่วั ไป ชาตพิ ันธ์ุ ปัญญา วฒั นธรรมการเมืองการ ชมุ ชนชาตพิ ันธ์ุ ภมู ปิ ญั ญา ชาตพิ นั ธ์ุ ภมู ปิ ัญญาบุคคลสาคญั

อาชพี ภมู ปิ ญั ญา วฒั นธรรม ปกครอง ศิลปะ ประเพณี และ บคุ คลสาคญั ศลิ ปะประเพณี ศลิ ปะประเพณี วัฒนธรรมและ

การเมอื งการปกครอง และ มรดกทางธรรมชาตขิ องจงั หวัด วัฒนธรรมและข้อมลู สภาพ ขอ้ มูลสภาพทางธรรมชาตขิ อง

มรดกทางธรรมชาติของ น่าน ทัว่ ไปของจงั หวัดน่าน จังหวดั นา่ น

จงั หวัดน่าน

2. ปา่ ไมใ้ นน่าน สถานการณป์ า่ ไมจ้ ังหวัด ๒. วิเคราะหส์ ภาพท่ัวไปของ 1. สภาพทว่ั ไปของป่าไมใ้ นอดตี ๒. วเิ คราะหส์ ถานการณป์ า่ ไม้ 1. สถานการณ์ปา่ ไมส้ ภาพ

นา่ น ป่าไม้ในอดตี ปัจจบุ นั และ ของจงั หวัดน่าน และใชเ้ ทคนิคนวัตกรรม สถานการณป์ า่ ไมใ้ นจงั หวัด

อนาคตของจังหวัดนา่ น 2. สภาพทัว่ ไปของป่าไม้ปจั จุบนั ในการเพม่ิ พืนทป่ี า่ ไมใ้ น นา่ น

๓. วิเคราะห์ นาเสนอ สาเหตุ ของจังหวดั นา่ น จงั หวดั น่าน 2. สาเหตุ ผลกระทบ หาแนวทาง

ผลกระทบทเ่ี กิดกับ 3. แนวโนม้ สภาพปา่ ไม้ในอนาคต แก้ไข

สง่ิ แวดลอ้ มเน่ืองจาก ของจงั หวัดน่าน 3. เทคนคิ นวตั กรรมในการเพ่ิม

ทรพั ยากรธรรมชาติลดลง ๔. สาเหตุ ผลกระทบท่เี กิดกบั พนื ท่ีปา่ ไม้ในจงั หวัดนา่ น

และแนวทางแก้ไขปญั หา ส่งิ แวดลอ้ มเน่อื งจาก

ป่าไม้ในจังหวดั นา่ น ทรัพยากรธรรมชาติลดลง

และแนวทางแก้ไขปญั หาปา่ ไม้

ในจังหวดั นา่ น

เรื่องที่ สาระ ชันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ชนั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6
3. นา่ นเมอื งตน้ น้า นากับวิถชี ีวติ คนน่าน
ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้
4. ความหลากหลาย ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
ทางชวี ภาพ ระบบนิเวศของจังหวัด ๔. สบื ค้น อภปิ รายและนาเสนอ ประเพณี ความเชอื่ ศิลปะ ๓. สารวจ วิเคราะห์และตรวจสอบ คุณภาพของนาหรือแหลง่ นา
น่าน
5. แผน/ยุทธศาสตร/์ ประเพณี ความเชือ่ ศิลปะ วัฒนธรรม อาชพี และ คุณภาพแหล่งนาในจังหวดั น่าน ในจังหวัดน่าน
กฎหมายและการ แผน/ยทุ ธศาสตร์/
บงั คับใช้กฎหมาย กฎหมายและการบังคบั วัฒนธรรม อาชพี และ การทอ่ งเทยี่ วท่เี ก่ียวขอ้ งกบั นา
ใชก้ ฎหมาย
การท่องเทีย่ วทีเ่ กีย่ วข้องกับนา ในจังหวัดนา่ น

ในจงั หวดั น่าน

๕. สารวจ อธบิ าย ความ 1. ความหลากหลายทางชวี ภาพ ๔. สารวจและวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่าง

หลากหลายทางชวี ภาพ และ ของจังหวัดนา่ น ความสมั พันธ์ระหวา่ งสงิ่ มีชีวติ สิง่ มีชีวติ กบั ทรพั ยากรปา่ ไม้

สรปุ สถานการณ์การ 2. สถานการณ์ การเปลย่ี นแปลง กบั ทรพั ยากรป่าไมใ้ นทอ้ งถน่ิ ในทอ้ งถิ่นนา่ น

เปลย่ี นแปลงทรพั ยากรธรรมชาติ ทรพั ยากร ธรรมชาติใน นา่ น

ในจงั หวัดน่าน จงั หวัดน่าน

๖. อภปิ ราย และสรปุ สาระสาคญั 1. ยทุ ธศาสตร์ชาติ ๕. วเิ คราะห์ หลกั การ 1. หลักการ ความสมั พันธ์

ของยทุ ธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ 2. ยทุ ธศาสตร์จงั หวัดนา่ น ความสมั พนั ธ์ ความสาคญั ของ ความสาคัญของแผน

จงั หวัดน่าน และพระราชบญั ญตั ิ 3. พระราชบัญญัตทิ ีเ่ กี่ยวข้องกับ แผนยุทธศาสตรก์ ฎหมาย และ ยุทธศาสตรก์ ฎหมายที่

ท่เี ก่ียวข้องกับป่าไม้ สัตวป์ า่ ปา่ ไม้ การบังคับใชก้ ฎหมายท่ี เกี่ยวขอ้ งกับสถานการณ์

อทุ ยานแห่งชาติ และสงิ่ แวดล้อม 4. พระราชบัญญตั ทิ เ่ี ก่ียวขอ้ งกับ เกยี่ วข้องกับสถานการณป์ า่ ไม้ ปา่ ไมใ้ นจังหวัดนา่ น

สตั ว์ปา่ ในจงั หวดั น่าน 2. กรณีศกึ ษาที่เก่ยี วกบั การ

5. พระราชบัญญตั ทิ ่ีเกย่ี วขอ้ งกับ บังคบั ใช้กฎหมายใน

อทุ ยานแหง่ ชาติ จงั หวดั น่าน

6. พระราชบัญญัตทิ ี่เก่ยี วข้องกับ

สิ่งแวดล้อม

เรื่องที่ สาระ ชันมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ชนั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6
6. รวมพลงั รกั ษป์ ่านา่ น การมสี ว่ นรว่ ม “รักษป์ ่า
ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้
นา่ น”
๗. มีสว่ นรว่ มในโครงการตา่ ง ๆ 1. การมีสว่ นรว่ มในโครงการ ๖. มสี ว่ นร่วมในการขับเคล่อื น การมีส่วนรว่ มในการขบั เคล่ือน
7. ศาสตรพ์ ระราชา ศาสตรพ์ ระราชา ส่กู าร
สูก่ ารพัฒนาทยี่ ่ังยนื พัฒนาที่ย่ังยนื ของภาครัฐและเอกชนที่ ตา่ งๆ ของภาครัฐท่เี กี่ยวกับ ทางสงั คมเพือ่ การอนุรักษแ์ ละ ทางสงั คมรว่ มกับหนว่ ยงานอื่น

เก่ยี วกับการอนรุ ักษป์ า่ นา่ น การอนุรกั ษป์ า่ นา่ น เพิ่มพนื ท่ีปา่ ไมใ้ นจงั หวัดนา่ น เพอื่ การขบั เคลอ่ื นทางสงั คม

๘. ตระหนักและเห็นคุณค่า 2. การมสี ว่ นร่วมในโครงการ ในโครงการและกจิ กรรมการ

เกี่ยวกบั การอนุรกั ษ์ป่านา่ น ตา่ งๆ ของเอกชนทเ่ี กีย่ วกบั อนุรกั ษ์และเพ่มิ พืนทป่ี า่ ไม้ใน

การอนรุ กั ษ์ปา่ นา่ น จังหวดั นา่ น

๙. อภิปราย และยกตวั อย่าง 1. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ ๗. ศกึ ษาวิเคราะหศ์ าสตร์ ศาสตร์พระราชาท่เี กย่ี วข้องกบั

หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระราชาท่เี กย่ี วขอ้ งกับการ การอนรุ ักษ์ทรพั ยากรปา่ ไมใ้ น

พอเพยี งและศาสตรพ์ ระราชา 2. ศาสตรพ์ ระราชา อนุรกั ษท์ รพั ยากรป่าไม้ใน จงั หวัดนา่ น

สู่การพัฒนาท่ียงั่ ยืน 3. การนาหลักปรชั ญาของ จงั หวดั นา่ น

๑๐. เหน็ คณุ ค่าและนาหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงและศาสตร์ ๘. นาศาสตร์พระราชาไปใชใ้ น

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระราชาไปใชใ้ นการดาเนนิ การพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง

และศาสตรพ์ ระราชาไปใช้ใน ชีวิต และจงั หวัดนา่ น

การดาเนินชีวติ ๙. ตระหนักและเห็นความสาคญั

ของการนาศาสตร์พระราชาสู่

การพัฒนาท่ียงั่ ยนื

เรอ่ื งที่ สาระ ชนั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 - 3 ชันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6
ปลกู ปา่ สร้างอนาคต
๘. ปา่ น่านในอนาคต ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้
(ปา่ นา่ นในฝัน)
1๑. สบื คน้ นาเสนอ และสร้าง 1. การสร้างมลู คา่ เพมิ่ จากป่า 1๐. จัดทาโครงการ โครงงาน 1. การเรยี นรู้ “การสรา้ งป่า

มูลค่าเพม่ิ จากปา่ 2. โครงการ/โครงงาน เกี่ยวกบั การศกึ ษาคน้ ควา้ อสิ ระท่ี สร้างอาชพี ” ในรปู แบบ

๑2. จัดทาโครงการ/โครงงาน การอนรุ กั ษ์ป่านา่ น เกี่ยวขอ้ งกบั การอนรุ ักษ์ และ โครงการ/โครงงาน การศกึ ษา

เก่ียวกับการอนรุ กั ษ์ป่านา่ น 3. การสรา้ งจติ สานึกและการอยู่ เพม่ิ พนื ทป่ี า่ ไม้ในจงั หวัดนา่ น ค้นคว้าอสิ ระ

๑3. มจี ิตสานึกในการอนุรกั ษป์ า่ รว่ มกับป่าอย่างมีความสขุ การสรา้ งปา่ สรา้ งมูลคา่ เพ่ิม 2. โครงงานการศึกษาคน้ คว้า

น่านและอยู่รว่ มกับปา่ อยา่ งมี และยั่งยนื จากปา่ และการสรา้ งปา่ นา่ น อสิ ระเก่ยี วกบั การสรา้ งปา่

ความสุข และยง่ั ยืน 4. การปลกู ป่า การอนุรักษป์ า่ ในอนาคต น่านในอนาคต

๑4. เผยแพร่ และรณรงค์ การ และการเพม่ิ พืนทป่ี า่ ในจงั หวดั ๑๑. มีจติ สานกึ ในการอนุรกั ษ์ ปา่ 3. โครงงานการศึกษาเชิงลกึ เพอ่ื

ปลูกปา่ การอนุรกั ษ์ปา่ และ นา่ น น่านตามศาสตรพ์ ระราชา สร้างจติ สานกึ “รักษ์ปา่ นา่ น”

การเพม่ิ พนื ท่ีปา่ ในจงั หวดั นา่ น 5. ป่านา่ นในอนาคต ๑๒. เผยแพร่ รณรงค์การสร้าง 4. การเผยแพร่การสรา้ งปา่ น่าน

๑5. นาเสนอ ปา่ นา่ นในอดุ มคตทิ ่ี จิตสานึกในการอนุรักษ์และ ในอนาคต

ดที เ่ี กดิ จากการอนรุ กั ษ์ปา่ น่าน สร้างป่านา่ นในอนาคต

แนวทางการจดั การเรยี นรู้

การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลกั สตู ร “รักษ์ป่า
น่าน” เป็นหลักสูตรท้องถ่ิน ที่มีผลการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาหรับพัฒนาผู้เรียนและเยาวชนในแต่ละ
ระดับช้ัน โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ให้ผู้เรียนและเยาวชนมีจิตสานึกในการอนุรักษ์ และเห็นถึงคุณค่า
ของทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรป่าไม้ และส่ิงแวดล้อมของจังหวัดน่าน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มี
คุณสมบัติตามจุดมุ่งหมายหลักสูตรน้ัน ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้ โดย
ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ เรื่อง รวมท้ังปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่าง ๆ อันเป็นสมรรถนะสาคัญท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ให้ผู้เรียนบรรลุตามเป้าหมาย ซึ่งมีหลักการจัดการเรียนรู้ แนวทาง
การจัดการเรียนรู้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ ดังนี้

๑. หลักการจัดการเรียนรู้

หลกั สตู ร “รกั ษป์ า่ นา่ น”เปน็ หลักสูตรการจดั การเรียนรู้เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนมีความรู้ความสามารถ
ตามจุดมงุ่ หมายของหลกั สตู ร “รกั ษป์ ่าน่าน” โดยยดึ หลักการในการดาเนนิ การ ดงั นี้

1. เป็นการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ในการสร้างป่าสร้างรายได้ตาม
พระราชดาริสมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี

2. เน้นการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีฝึกปฏิบัติจริงเน้นผู้เรียนและเยาวชนเป็น
ศนู ยก์ ลาง คอื ให้ผู้เรียนเปน็ ผู้ลงมอื ปฏิบัตดิ ว้ ยตนเอง (Learning by doing) และเปน็ บุคคล แห่ง
การเรยี นรู้

3. เรียนรู้จากวิถีการดารงชีวิตของชุมชนท่ีพยายามปรับตัวให้อยู่ร่วมกับป่าด้วย
การผสมผสานความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และภมู ิปัญญาดัง้ เดิมของชุมชนอย่างสมดุล

4. เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการมีส่วนร่วม
อย่างกระตือรือรน้ (Active Learning) ในสถานที่จรงิ (Site-Based Learning) หรือในชมุ ชนของผู้เรียน
(Community-Based Learning)

5. น้อมนาศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวพระราชดาริ
และหลักวิชาการมาบรู ณาการโดยเชื่อมโยงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยชมุ ชนเข้ามามสี ่วนร่วม และ
เชอ่ื มโยงกับทรพั ยากรของชุมชนทอี่ ยรู่ อบ ๆ ตัว

6. ตอ้ งอนุรกั ษ์ทรัพยากรป่าไมค้ วบคู่กับการอนรุ ักษท์ รัพยากรอ่ืน ๆ
7. ส่งเสริมการทางานร่วมกันของภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และ
ภาครฐั วิสาหกจิ

๒. แนวทางการจัดการเรยี นรู้

แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร “รักษ์ป่าน่าน” จัดให้แก่ผู้เรียนในระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีเป้าหมาย คือ ให้ผู้เรียนเกิดความตระหนัก
เหน็ คณุ คา่ และมจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรปา่ ไม้ และสงิ่ แวดลอ้ มในจังหวัด
นา่ น สถานศกึ ษาสามารถเลือกจดั การเรียนการสอนใหส้ อดคล้องกับสภาพบริบทได้ ๔ ทางเลือก ดงั น้ี

1. จัดเแบบแบบบูรณาการกับการเรียนรู้ในรายวิชาพ้ืนฐาน หรือรายวิชาเพิ่มเติม ใน
กลุ่มสาระการเรียนรอู้ ื่น (วดั ผลรวมอยใู่ นรายวิชานัน้ ๆ)

๒. จดั เป็นรายวิชาเพิ่มเติมในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (วดั ผลรายวิชาเพ่ิมเติม
รกั ษ์ปา่ นา่ น) หรอื จดั เป็นโครงการ โครงงาน และการศึกษาคน้ ควา้ อิสระ

๓. จดั ในกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นหรอื บูรณาการในกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นในกจิ กรรมแนะ
แนว กิจกรรมนักเรียน (ลูกเสือ/เนตรนารีและยุวกาชาด , ชุมนุม) และกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ในตามวิถีชีวิตของผู้เรียนท้ังที่บ้าน โรงเรียน ในชุมชน หรือสถานที่อ่ืน ๆ (วัดผล
ผ่าน-ไมผ่ า่ น ตามลักษณะของกิจกรรม)

๔. จดั เปน็ กจิ กรรมเสรมิ หลกั สูตร (วัดผล ผา่ น-ไมผ่ า่ น ตามลกั ษณะของกิจกรรม

๓. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตร “รักษ์ป่าน่าน” ให้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมาย ผลการเรียนรู้ แล้วจึง
พิจารณาเลือกแนวทางการจัดการเรียนรู้ ออกแบบการจัดการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย เลือกใช้วธิ สี อน และ
เทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตาม
ศักยภาพ และบรรลุผลการเรยี นรู้ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรรกั ษ์ป่าน่าน มีกระบวนการจัดการเรยี นรู้
ดงั น้ี

1) การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ
๒) กระบวนการสรา้ งความรู้
๓) กระบวนการเผชิญสถานการณ์ และแก้ปัญหา
๔) กระบวนการทางสงั คม
๕) กระบวนการเรียนรจู้ ากประสบการณ์จริง
๖) กระบวนการเรียนรู้การปฏบิ ัติ ลงมอื ทาจรงิ
๗) การจดั การเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการวจิ ยั
๘) กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนิสัย

๙) การจัดการเรยี นรู้โดยใช้ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ฯลฯ
มีรายละเอียดพอสังเขป ดงั นี้

1. การเรียนรู้แบบบูรณาการ (สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา,กระทรวงศึกษาธกิ าร,
2552: 16) คือ การจัดการเรียนรู้โดยการนาสาระการเรียนรู้ท่ีมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน นามาจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจในลักษณะท่ีเป็นองค์รวม และสามารถนาความรู้
ความเขา้ ใจไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ได้

1.1 แนวทางการจดั การเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ สามารถทาได้หลายลักษณะ ในที่นี้จะขอเสนอ

แนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้กลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นหลัก ซ่ึงแบ่งเป็น 2 ประเภท
คือ

1) การบูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นการจัดการเรียนรู้ท่ีเชื่อมโยง
เน้ือหาด้านความรู้ ทักษะ/กระบวนการ หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้เดียวกัน
เข้าด้วยกัน เพ่ือมุ่งศึกษาเกี่ยวกับเร่ืองราว ประเด็น ปัญหา หัวเร่ืองหรือประสบการณ์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
การบูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันน้ัน สามารถจัดการเรียนรู้โดยครูผู้สอนในกลุ่มสาระ
การเรยี นรู้น้ัน ๆ ไม่เก่ียวข้องกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อน่ื ๆ

2) การบูรณาการระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยง
สาระการเรียนรู้ ทักษะ/กระบวนการ หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ต้ังแต่สองกลุ่มสาระการเรียนรู้
ข้ึนไปเข้าด้วยกัน เพ่ือมุ่งศึกษาเร่ืองราว ประเด็น ปัญหา หัวข้อ หรือประสบการณ์เร่ืองใดเร่ืองหน่ึงซึ่ง
ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้เรื่องน้ัน ๆ อย่างเข้าใจลึกซึ้ง และชัดเจนใกล้เคียงกับความเป็นจริงในชีวิต
การจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการจงึ ตอ้ งคานงึ ถึงสง่ิ ต่อไปน้ี

(1) เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั
(2) จัดประสบการณ์ตรงท่ีสอดคล้องกับผู้เรียน โดยคานึงถึงความแตกต่าง
ระหว่างบคุ คล
(3) เน้นการปกู ฝังจิตสานกึ ค่านิยม และจริยธรรมทถี่ กู ตอ้ ง ดงี าม
(4) จดั บรรยากาศทสี่ ่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนกล้าคดิ กลา้ ทา
(5) ใหผ้ ู้เรยี นได้ร่วมทางานเป็นกลุม่ มีปฏสิ ัมพันธ์ และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ซึง่ กันและกัน
1.2 ผลที่เกิดกบั ผูเ้ รียน
1) เปดิ โอกาสให้ผู้เรยี น ได้เรยี นรู้การแก้ปญั หาโดยใชค้ วามรู้หลาย ๆ ดา้ นประกอบ
กัน และช่วยให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาท้ังด้านความรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ไปพร้อม ๆ กนั
2) เปดิ โลกทศั นข์ องทั้งครูผ้สู อน และผเู้ รยี นใหก้ ว้างขึ้น ไมจ่ ากดั เฉพาะด้าน เฉพาะ
ทาง ช่วยให้การเรียนรู้น่าสนใจ น่าตื่นเต้น ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียน มีความคิดและมุมมอง
ท่ีกวา้ งข้ึน

3) เปิดโอกาสให้ครูผู้สอนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้ทางานร่วมกันใน
การบูรณาการความรู้ ความเข้าใจตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญของ
ผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์สู่ตัวผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึงคุณค่าในการนาความรู้
ทเ่ี รยี นไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จริง

4) ผู้เรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจในลักษณะองค์รวม สามารถเช่ือมโยงความรู้
และประสบการณ์การเรียนรู้ได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย และมีความหมาย สามารถแสวงหาความรู้ ความ
เข้าใจส่ิงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เปิดโอกาสให้ผู้เรียนทางานเป็นกลุ่ม แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
สามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างไม่จากัด ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้
ภมู ิปัญญา และชมุ ชนเปน็ แหล่งเรียนรู้

ตวั อยา่ งการจัดการเรยี นรู้แบบบูรณาการ (โรงเรยี นตาลชุมพิทยาคม, ม.ป.ป)

โรงเรียนตาลชุมพิทยาคม อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ

เพ่ือสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ป่าน่านให้กับผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา โดยบูรณาการ 8 กลุ่ม

สาระการเรียนรู้ ในความสัมพันธ์ของป่ากับคน โดยผู้บริหารและคณะครูท้ังโรงเรียนร่วมกันวางแผน

และจดั ทาหลักสูตรบรู ณาการ 8 กลุม่ สาระการเรยี นรูท้ ุกระดบั ช้นั ในหวั ขอ้ “รกั ษป์ ่าน่าน” มี

กระบวนการ 7 ข้นั ตอน คือ

ข้ันตอนท่ี 1 กาหนดหัวขอ้ เรื่องหลัก (Theme) คอื รกั ษ์ปา่ นา่ น

ขนั้ ตอนที่ ๒ กาหนดหัวขอ้ ยอ่ ย (Topic) ของแต่ละกลุ่มสาระ ดงั นี้

กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์

ม.1 ศิลปะธรรมชาติจากการสรา้ งสรรค์

ม.2 การวัด พื้นท่ีรอ้ ยละ

ม.3 ความคล้าย

ม.4 แผนภาพเวนท์ออยเจอร์

ม.5 ความน่าจะเปน็ ของปา่ น่าน

ม.6 สถิตปิ ่าไม้เมอื งน่าน

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์

ม.1 สารรอบตัวทีม่ ีผลต่อสง่ิ แวดล้อมป่านา่ น

ม.2 รักษ์ทรัพยากร ดิน หิน แร่ น้า

ม.3 ระบบนิเวศป่าน่าน

ม.4 ระบบนิเวศเชงิ วิทยาของปา่ นา่ น

ม.5 การแปรรปู ผลไม้จากปา่ น่าน

ม.6 ความหลากหลายทางชีวภาพของปา่ น่าน

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ม.1 การแต่งคาขวัญ “รักษป์ ่านา่ น”
ม.2 โครงงาน “รักษ์ป่านา่ น”
ม.3 การแต่งคาประพนั ธ์ “รักษ์ปา่ นา่ น”
ม.4 การเขียนบรรยายและพรรณา “รักษ์ปา่ นา่ น”
ม.5 การเขียนเรยี งความ “รกั ษป์ า่ นา่ น”
ม.6 การพดู โนม้ น้าว “รักษป์ า่ น่าน”

กลุม่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ม.1 ป่าน่านนน้ั สาคัญไฉน
ม.2 รูท้ ันภยั ธรรมชาติกับการทาลายปา่ นา่ น
ม.3 คุณค่าของผืนปา่ น่าน
ม.4 การร้ภู ูมิศาสตร์ป่าน่าน
ม.5 สงิ่ แวดลอ้ มและทรัพยากรของป่านา่ น
ม.6 วกิ ฤติการณด์ า้ นปา่ นา่ น

กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา
ม.1 สมุนไพรไทย
ม.2 สมุนไพรนา่ น
ม.3 ลูกประคบจากสมนุ ไพรนา่ น
ม.4 จากลกู ประคบนา่ นสกู่ ารนวดแผนไทย
ม.5 ลกู ประคบน่านสูช่ ุมชน
ม.6 โครงงานสมนุ ไพรนา่ น

กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
ม.1 การเพาะเห็ดนางฟ้าจากวัสดทุ ้องถิ่นนา่ น
ม.2 วัสดุทอ้ งถิน่ นา่ น
ม.3 ประดษิ ฐข์ องใชต้ กแตง่ จากวัสดปุ า่ นา่ นบา้ นเรา
ม.4 ผกั พื้นบา้ นอาหารพนื้ เมืองนา่ น
ม.5 ผกั ปลอดสารพษิ ดว้ ยปุย๋ อนิ ทรีย์
ม.6 เถา้ แก่นอ้ ยน่าน

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
ม.1 My tree at home
ม.2 Get To Know Tree in my school and Nan forest
ม.3 3R (Reduce Reuse Recycle) in Nan forest

ม.4 Brochures/Speech How to save Environment
ม.5 Speech How to save Environment in Nan forest
ม.6 Speech How to save Environment, Check Dam

กลมุ่ สาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ
ม.1 เพลงตน้ ไม้ของพอ่
ม.2 จินตลลี า เพลงต้นไมข้ องพ่อ
ม.3 วาดภาพเชงิ สร้างสรรค์ “รักษ์ป่านา่ น”
ม.4 วาดภาพธรรมชาตปิ า่ นา่ น
ม.5 วาดภาพอนุรกั ษ์ปา่ น่าน
ม.6 การประดษิ ฐท์ ่าราประกอบเพลง

ขั้นตอนท่ี 3 วิเคราะหค์ วามสัมพันธข์ องหลกั สตู รแต่ละชว่ งชั้น
ข้นั ตอนที่ 4 วางแผนการสอนรว่ มกัน
ขั้นตอนที่ 5 จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนตามกลุ่มสาระและกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น
ขั้นตอนที่ 6 วดั และประเมนิ ผลการสอน ปรับปรงุ พฒั นา
ขั้นตอนที่ 7 เผยแพร่การสอนดว้ ยความชืน่ ชม

2. กระบวนการสร้างความรู้ (สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา, กระทรวงศึกษาธิการ,
2552: 26) คือ การจัดการเรียนรู้ท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ที่มี
ความหมายต่อตนเอง จากการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม โดยใช้กระบวนการคิด และการแสวงหา
ความรู้ควบคู่ไปกับปฏิบัติจริง ให้ผู้เรียนค้นพบความรู้ และประสบการณ์ด้วยตนเองโดยมีครูผู้สอนเป็น
ผจู้ ัดโอกาส บรรยากาศ ส่งิ แวดล้อม และแหลง่ เรียนรทู้ เี่ อื้อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

2.1 แนวทางการจดั การเรยี นรู้
การจัดการเรยี นร้ดู ้วยกระบวนการสร้างความรมู้ ีข้ันตอน กระบวนการดงั นี้
1) ข้ันแนะ เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนจะรับรู้ถึงจุดมุ่งหมายของบทเรียน และเกิด

แรงจงู ใจในการเรียนรู้ จากการสร้างของครูผูส้ อน

2) ขั้นทวบทวนความรู้เดิม เป็นข้ันท่ีผู้เรียนได้แสดงออกถึงความรู้ ความเข้าใจเดมิ
ทมี่ อี ยู่ในเรือ่ งท่ีกาลงั จะเรยี นรู้

3) ขั้นปรับเปลี่ยนความคิด เป็นขั้นท่ีสาคัญของการจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการ
สรา้ งความรทู้ ป่ี ระกอบด้วยขั้นตอนย่อย ๆ ดังน้ี

(1) สรา้ งความกระจ่าง และการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ระหว่างกัน
(2) สร้างความคิดใหม่จากการอภปิ รายรว่ มกัน และสาธิตแสดงให้เห็นจนทาให้
ผ้เู รียนสามารถกาหนดความคดิ หรือความร้ใู หม่ขนึ้ ได้
(3) การประเมินความคิดใหม่ โดยการทดลองหรือใช้กระบวนการคิด คิดอย่าง
ไตร่ตรอง ลึกซ้ึง และประเมินคุณค่า
(4) การนาความคิดไปใช้ ผู้เรียนมีโอกาสใช้ความคิด หรือความรู้ ความเข้าใจ
ในการพัฒนาการเรยี นรู้อย่างมคี วามหมาย
4) ข้ันทบทวนเป็นข้ันตอนสุดท้ายท่ีผู้เรียนจะได้ทบทวนความคิด ความเข้าใจโดย
การเปรยี บเทยี บระหว่างความคดิ เดมิ กบั ความคิดใหม่

2.2 ผลทเี่ กิดกบั ผูเ้ รยี น
กระบวนการสร้างความรู้ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีคานึงถึงความรู้และ

ประสบการณเ์ ดมิ ของผูเ้ รยี นเปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนได้สงั เกตสงิ่ ทต่ี นสนใจ อยากเรยี นรูแ้ ลว้ จงึ ศึกษาค้นคว้า
แสวงหาความรู้เพ่ิมเติม นาไปเช่ือมโยงต่อยอดกับความรู้ และประสบการณ์เดิมท่ีมีอยู่เกิดเป็นความรู้
ใหมข่ องผ้เู รยี นเอง อีกท้ังยังได้พฒั นาทักษะกระบวนการคดิ

ตวั อย่างการจัดการเรยี นรูด้ ว้ ยกระบวนการสร้างความรู้ (ยทุ ธภมู ิ สุประการ, 2558: 7)
ครยู ุทธภมู ิ สปุ ระการ ครโู รงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 56 อาเภอเวียงสา จังหวดั น่าน

ต้องการให้ผู้เรียนได้รู้จักชุมชนของตนเองอย่างลึกซึ้งท้ังในแง่ของภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
ภมู ิปัญญาของชมุ ชน รวมทงั้ สภาพเศรษฐกิจของชมุ ชน โดยเริม่ สร้างทกั ษะ การคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์
รวมทั้งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดกับนักเรียน ได้แก่ การหาปัญหา การแสวงหาความรู้
ขอ้ เทจ็ จริง การสรปุ ประมวลผล การนาเสนอ โดยใช้เคร่อื งมอื บูรณาการกนั ทงั้ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์
ภาษา ศิลปะ สังคมศึกษา การงานพื้นฐานอาชีพและเทคโนโลยี การศึกษาชุมชนดังกล่าวทาให้นักเรยี น
ไดเ้ รยี นรู้วา่ “ชุมชนบา้ นหัวนาต้องอาศัยป่าในการดารงชวี ิต ทง้ั เปน็ แหล่งอาหาร ทอี่ ยอู่ าศัย เป็นรายได้
จากไม้ที่มีอยู่ เช่น ไม้ไผ่ รวมทั้งป่ายังเป็นต้นน้า ท่ีชุมชนไว้ใช้อุปโภค บริโภค รวมทั้งในการเกษตร ใน
ขณะเดียวกันชุมชนก็ประสบปัญหาพ้ืนที่ป่าเหลือน้อยลง จากการบุกรุกพื้นที่ปลูกข้าวโพด
ปลูกยางพารา รวมท้ัง การตัดไม้ไผ่ และอื่น ๆ เกินกว่ากาลังฟ้ืนตัวตามธรรมชาติ ซึ่งถ้าปล่อยให้
สถานการณ์เป็นไปอยา่ งน้ี ชมุ ชนของเขาตอ้ งประสบปัญหาตามมาอย่างแน่นอน”

ในการลงพื้นท่ีศึกษา ผู้เรียนได้นาเสนอผลจากการระดมความคิดในหัวข้อ “อนาคต
ของปา่ ชุมชน” ซ่ึงเป็นการกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นใหร้ ้จู กั คิด รจู้ ักสงั เกตป่าชมุ ชนของตน และปา่ ชมุ ชน ท่ี
ไปศกึ ษา นาประสบการณ์ และส่ิงทพี่ บเหน็ มาต่อยอดวางแผนปา่ ชุมชนของตนในอนาคตขา้ งหน้า

3. กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา (สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา,
กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 32) คือ การจัดการเรียนรู้ท่ีฝึกให้ผู้เรียนแก้ปัญหาโดยผ่านกระบวนการ
คดิ และปฏิบัตจิ รงิ อยา่ งเป็นระบบ ใชส้ ถานการณห์ รอื ปัญหาทน่ี ่าสนใจ และทา้ ทาย

3.1 แนวทางการจดั การเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเผชิญสถานการณ์ และแก้ปัญหา มีแนวทาง

และขนั้ ตอน ดงั น้ี
1) ขั้นกาหนดปัญหาและทาความเข้าใจกับปัญหา เป็นข้ันเลือกใช้ปัญหาท่ีอาจ

ได้มาจากแหล่งตา่ ง ๆ ท่ีผเู้ รียนจะต้องทาความเข้าใจกบั ปัญหาที่พบให้ถ่องแท้ และวเิ คราะห์ปัญหาตาม
ประเดน็ ดังนี้

(1) ปญั หาคืออะไร
(2) มขี อ้ มลู ใดประกอบบา้ ง
(3) มีเงือ่ นไข หรือความตอ้ งการขอ้ มลู ใดเพ่ิมเติมอีกหรอื ไม่
2) ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ข้ันตอนน้ีจะเป็นการคดิ วิธกี ารวางแผนเพื่อแก้ปัญหาโดย
ใช้ข้อมูลจากปัญหาท่ีได้วิเคราะห์ไว้แล้วในข้ันท่ี 1 ประกอบกับข้อมูลและความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับปัญหา

นั้นนามาใช้ประกอบการวางแผนแก้ปัญหา สาหรับการแก้ปัญหาที่ต้องตรวจสอบโดยการทดลอง
ในขนั้ ตอนนี้จะเปน็ การวางแผนการทดลอง ซง่ึ ประกอบดว้ ยการตัง้ สมมติฐาน การกาหนดวิธกี ารทดลอง
หรือวิธีการตรวจสอบ รวมทง้ั แนวทางในการประเมนิ ผลการแก้ปญั หาด้วย

3) ขั้นการดาเนินการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนการลงมือแก้ปัญหาและประเมินว่า
วิธีการแก้ปญั หา และผลทไ่ี ด้เปน็ อยา่ งไร ถ้าการแก้ปญั หาทาได้ถูกต้องจะประเมนิ ตอ่ ไปว่า วธิ ีการนน้ั จะ
นาไปใชใ้ นการแก้ปัญหาอื่น ๆ ไดห้ รือไม่ ถา้ พบวา่ การแก้ปัญหานัน้ ไม่ประสบความสาเรจ็ จะต้องย้อนไป
เลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาอื่น ๆ ที่ได้กาหนดไว้แล้วในข้ันตอนท่ี 2 และถ้ายังไม่ประสบความสาเร็จอีก
ผู้เรียนจะต้องย้อนกลับไปทาความเข้าใจใหม่ว่ามีข้อบกพร่องใด เช่น มีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ เพ่ือจะได้
เรมิ่ ตน้ การแก้ปัญหาใหมอ่ กี ครั้ง

4) ข้ันตรวจสอบการแก้ปัญหา เป็นการประเมินภาพรวมในการแก้ปัญหาท้ังด้าน
วิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา และการตัดสินใจรวมทั้งการนาไปประยุกต์ใช้ ท้ังนี้ ในการแก้ปัญหา
ใด ๆ ต้องตรวจสอบผลกระทบตอ่ สงั คม และสงิ่ แวดล้อม

3.2 ผลเกดิ กับผู้เรยี น
ช่วยพัฒนาทักษะการคิดของผู้เรียนอย่างเป็นลาดับ ข้ันตอน จนเกิดเป็ น

กระบวนการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย ท้าทาย และกระตุ้นใหผ้ เู้ รียนสนใจ ต้ังใจเรยี น
มากขึ้นพร้อมกับเหน็ คุณคา่ ของการเรียนรู้ สร้างนิสัยใฝ่เรียนรู้ มีเหตผุ ล และมคี วามคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์

ตัวอยา่ งการจัดการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแก้ปัญหา (พวงทอง แสงวรรณธีระ
และคณะ, 2552: 91)

ครูพวงทองต้องการปลูกจิตสานึกอนุรักษ์ป่าในชุมชน จึงได้จัดการบวนการเรียน
การสอน 4 ขน้ั ตอน ดังน้ี

ขั้นที่ ๑ การตั้งคาถาม โดยครูนานักเรียนไปศึกษาสภาพแหล่งเรียนรู้ในชุมชนของ
ตนเอง ได้แก่ สภาพแหล่งน้า ป่าไม้ ภูเขา และท่ีดินทากินของคนในชุมชน นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึง
ปัญหาการเกิดน้าท่วม ฝนแล้ง การเกิดไฟป่า และหมอกควัน จากข่าวในหนังสือพิมพ์/ข่าวออนไลน์/
โทรทัศน์ จากน้ันครูใช้คาถาม ถามกระตุ้นให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น และสาเหตุของเหตุการณ์
ท่ีเกิดข้ึน ตลอดจนผลกระทบท่ีเกิดข้ึน เพ่ือให้นักเรียนเกิดความสงสัย และต้องการค้นคว้าหาคาตอบ
ด้วยตนเอง โดยให้ผู้เรียนแต่ละคนต้ังคาถามท่ีตนเองสงสัย คนละ ๑ คาถามเพื่อสร้างความตระหนักให้
ผเู้ รียนได้รถู้ งึ โทษของการเกิดเหตกุ ารณเ์ หล่าน้นั

ข้ันที่ 2 ข้ันเตรียมการค้นคว้าหาคาตอบ นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการค้นหา
คาตอบที่ตนเองสงสัยโดยใช้สื่อเทคโนโลยีเพ่ือการค้นคว้าหรือส่ืออ่ืน ๆ หาทางเลือกและตัดสินใจเลือก
ทางเลือกท่มี ีความเหมาะสมจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น สอบถามผรู้ ู้ ห้องสมุด หรอื อนิ เตอร์เน็ต
เพื่อปลูกฝงั ให้รูจ้ ักการวางแผนการทางานรว่ มกัน

ขั้นท่ี 3 ข้ันค้นหาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ นักเรียนใช้เทคโนโลยีในการค้นคว้า
หาคาตอบที่ตนเองสงสัยครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนรายงานความก้าวหน้า เพื่อปลูกฝังให้ผู้เรียนค้นคว้า
อย่างเป็นระบบ

ขั้นท่ี 4 ขั้นสรุป และนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ นักเรียนแต่ละกลุ่มนาความรู้
ท่ีได้มาสรุปตามความเข้าใจของกลุ่มของตนเองจากข้อมูลที่ได้ศึกษาค้นคว้ามา และนักเรียนจัดทา
แผนภาพ โครงร่าง แสดงรายละเอียดการนาเสนอข้อมูล ครูคอยแนะนาช่วยเหลือ นักเรียนเขียนสรุป
ข้อมูลเป็นแผนภาพโครงร่างที่ได้รับการปรบั ปรุง มาเป็นเอกสารประกอบการเรียน การอนุรักษ์ป่าไม้ใน
ชมุ ชนโดยเขียนเป็นร้อยแกว้ หรือร้อยกรอง

4. กระบวนการทางสังคม (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ,
2552: 22) คือ กระบวนการที่มุ่งสร้างปฏิสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันในสังคมการทางานร่วมกัน
ความเป็นอนั หน่งึ อันเดียวกนั ท่ีกอ่ ให้เกิดบรรยากาศในการเรยี นรู้ท่ดี ีรว่ มกนั

4.1 แนวทางการจัดการเรยี นรู้
1) ให้โอกาสผู้เรียนได้ทากิจกรรมกลมุ่ และกระบวนการกลุ่ม มีการกาหนดบทบาท

หน้าท่ใี นการทากจิ กรรมร่วมกัน

2) มุ่งจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ความเป็นอันหน่ึง
อันเดียวกัน

3) ให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสาคัญของการใฝ่รู้ พร้อมที่จะเรียนรู้ในทุกเวลา
ทกุ สถานท่ี และทกุ สภาพแวดล้อม เพือ่ ให้ผู้เรียนเกิดการเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมด้านอารมณ์ สังคม และ
สติปัญญา

4) ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษาสภาพชุมชน ผลกระทบของส่ิงแวดล้อมและ
เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทสี่ ่งผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงสังคม

4.2 ผลทเ่ี กดิ กับผู้เรียน
กระบวนการทางสังคม ทาให้ผู้เรียนมองเห็นคุณค่าของการทางานร่วมกัน

การช่วยเหลือซ่ึงกันและกันทาให้เกิดคุณลักษณะหลายประการ เช่น ความเอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่ พึ่งพาอาศัย
ซง่ี กันและกันในทางท่ดี ี การสรา้ งทีมงาน ความรับผดิ ชอบ ความมีวนิ ัย มีทกั ษะทางสังคม

ตัวอย่างการจดั การเรียนรูด้ ้วยกระบวนการทางสังคม
(โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนพริ ยิ านเุ คราะห์ 3: ม.ป.ป.)

โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนพีระยานุเคราะห์ 3 อาเภอแม่จริม จังหวัดน่าน
จัดกิจกรรมการเรียนรู้อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ให้แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในรายวิชา
เพมิ่ เตมิ เรอื่ ง รว่ มแรง ร่วมใจ จติ อาสารักษป์ า่ เพอื่ เป็นการเสรมิ สรา้ ง ความรู้ ความเขา้ ใจ ปลูก
จิตสานึกในการอนุรักษ์ป่าไม้ ให้นักเรียนนาความรู้ท่ีได้รับมาปฏิบัติจริง ในการทากิจกรรมเพื่ออนุรักษ์
และฟน้ื ฟูปา่ ไม้ของชุมชน โดยให้นกั เรยี นทาฝายชะลอน้า ตามกระบวนการจัดการเรยี นรู้ ดงั นี้

1) การสร้างความตระหนักโดยครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามหมู่บ้าน แต่ละกลุ่มระดม
ความคิดร่วมกันว่าปัญหาความเส่ือมโทรมของพื้นที่ป่าในพ้ืนที่ของตนเองว่ามีปัญหามาจากอะไร และ
ส่งผลกระทบอะไรต่อชุมชน ครัวเรือน และตัวนักเรียน เช่น ฝนตก น้าท่วม ดินถล่ม ไฟป่า หมอกควัน

ทาให้ชุมชนขาดน้าใช้ในฤดูแล้ง จากน้ันระดมความคิดเห็นเพื่อการแก้ปัญหา และหาข้อสรุปรวมกัน คือ
การทาฝายชะลอน้า

2) การสร้างความรู้ โดยมอบหมายให้แต่ละกลุ่มค้นคว้าหาความรู้ เร่ือง การทาฝาย
ชะลอน้าในรูปแบบต่าง ๆ นาเสนอ และร่วมกันสรุปว่า การทาฝายชะลอน้าท่ีเหมาะสมตามท้องถิ่นของ
ตนเป็นรปู แบบใด การมีส่วนรว่ มของนักเรียนและชุมชนเป็นอย่างไร พรอ้ มทง้ั ชี้แจงการทาฝายชะลอน้า
ของชุมชนในพน้ื ท่ปี ฏิบัตงิ านจริง

3) การสร้างทักษะ โดยให้นักเรียนร่วมกันคิดก่อนว่า วัสดุอุปกรณ์ท่ีจาเป็นในการทา
ฝายชะลอน้ามีอะไร วิธีใช้อย่างไร รวมทั้งเชิญเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาสาธิต และให้นักเรียนฝึกปฏิบัติ
หลังจากนั้นครูมอบหมายให้แต่ละกลุ่มรับผิดชอบพื้นที่ทาฝายชะลอน้ารอบ ๆ โรงเรียน ร่วมกับชุมชน
ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตรวจสอบความชารดุ ของฝายทส่ี รา้ งขึ้น และให้แนวปฏิบัตเิ ม่ือนักเรียน
พบฝายชารดุ ตอ้ งทาอย่างไร รวมทง้ั การพบไฟปา่ และการป้องกนั อุบัติภยั ทอ่ี าจเกิดขน้ึ

5. กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา,
กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 26) คือ การจัดการเรียนรู้โดยใชป้ ระสบการณ์ตรงท่ีทาใหผ้ ู้เรียนสามารถ
พัฒนาการเชอื่ มโยงความสัมพันธ์ระหวา่ งเเนวคิดกบั หลักการตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งเปน็ องค์รวม

5.1 เเนวทางการจดั การเรยี นรู้
กระบวนการเรยี นรจู้ ากประสบการณ์จรงิ มเี เนวทางในการจัดการเรยี นรู้ ดังน้ี
1) การเรียนรู้จากประสบการณ์โดยการกระตุ้น เเนะนา เร่ืองที่จะเรียนโดยใช้

ประสบการณ์ หรือกจิ กรรมทก่ี ระต้นุ ให้ผ้คู ิด เรา้ ให้ผเู้ รียนอยากเหน็ อยากเรียนรู้
2) การศึกษาเเนวคิด ทฤษฎี ข้อเท็จจริง โดยเช่ือมโยงความอยากรู้ อยากเห็น

อยากเรยี นรู้ของผู้เรยี นจากประสบการณเ์ ดิม สู่การคน้ ควา้ เเสวงหาความรใู้ หม่ หรอื เเนวคดิ ทฤษฎใี หม่
ตามธรรมชาตขิ องเเตล่ ะกล่มุ สาระการเรียนรู้

3) การฝึกปฏิบัติ ในช้ันน้ีเป็นการฝึกปฏิบัติด้วยการทากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิด
ทักษะความชานาญมากยิ่งขนึ้

4) การนาไปใช้ หรือขยายผล เป็นข้ันการนาข้อค้นพบในข้ันฝึกปฏิบัติไปใช้ใน
สถานการณ์อ่ืน ๆ

5.2 ผลทีเ่ กดิ กับผู้เรยี น
ช่วยพัฒนาทักษะการคิดบนฐานของการสืบค้นข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุมีผลรู้จักหา

ข้อมูล ทฤษฎี หลกั การมาสนับสนนุ สง่ิ ทคี่ น้ พบเรียนรจู้ ากประสบการณจ์ ริง

ตัวอย่างการจดั การเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการเรียนรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ (สานกั วชิ าการและมาตรฐาน
การศกึ ษา, กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2552: 27)

ครูจิตใสได้ส่งนักเรียนไปฝึกงานเกษตรกับคุณลุงชาญท่ีแปลงสวน ซึ่งมีแปลงต้นไม้หลาย
ชนิดเป็นกิจกรรมเพ่ือฝึกกระบวนการทางานจรงิ นักเรียนแต่ละคนต้องบันทึกการทางานในแต่ละวันว่า
ได้ทางานอะไรบ้าง ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเติมในส่วนที่เรียกว่า "การเรียนรู้ของตนเอง" เป็นส่ิงที่ได้จาก
การปฏิบัติ การสังเกต และเชื่อมโยง เป็นความรู้ของตนเอง นักเรยี นสังเกตเหน็ วา่ คุณลุงชาญใช้วสั ดคุ ลุม

ดินหลายชนิด ส่วนมากเป็นเศษวัสดุจากสวนเพ่ือการเก็บความชื้นไว้ในดิน นักเรียนคิดวา่ เศษวสั ดุแตล่ ะ
อย่างน่าจะเก็บความชื้นได้แตกต่างกัน และอยากทราบว่าระหว่างเศษใบไม้ ฟางสับ และขุยมะพร้าว
แต่ละอย่างนั้น อย่างใดจะเก็บความชื้นได้ดีกว่ากัน จึงคิดจะทาการทดลองเล็ก ๆ ขึ้นมา นักเรียนก็มี
ปัญหาว่า การวัดค่าความชื้นจะทาได้อย่างไร นักเรียนได้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่เกษตรประจาอาเภอว่า
มีเคร่ืองมือน้ี จึงได้ไปประสานขอยืมพร้อมทั้งเรียนรู้วิธีการใช้ นักเรียนทาการทดลองเปรียบเทียบ
ความช้ืนในดินจากการใช้วสั ดุคลุมดินท่ีเป็นเศษใบไม้ฟางสับ และขุยมะพร้าว ผลปรากฏว่า ขุยมะพร้าว
เก็บความชื้นได้ดีกวา่ ข้อคน้ พบน้ีเกิดคาถามใหมว่ ่าระหว่างการรดน้าแล้วใช้วัสดุคลุมดิน กับการคลุมดิน
กอ่ นแล้วรดนา้ อย่างใดจะช่วยใหด้ นิ มีความช้ืนไดด้ ีกว่ากัน จึงออกแบบการทดลองเปน็ รอบท่สี อง พบวา่
การท่ีดินจะเก็บความชื้นได้ดี ควรรดน้าแล้วคลุมด้วยวัสดุคลุมดิน ต่อมาก็มีคาถามว่าวัสดุคลุมดินแต่ละ
อย่างมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน แล้วอย่างใดจะประหยัดท่ีสุด จึงนาไปสู่การศึกษาและเรียนรู้ต่อเน่ืองไป
พร้อมกับการฝึกงานท่ีสวนคุณลุงชาญ เมื่อส้ินสุดเวลาการฝึกงานนักเรียนแต่ละคนจัดทารายงานพร้อม
ระบสุ ิง่ ทไี่ ด้เรยี นรู้ และการนาไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ

6. กระบวนการเรียนรู้การปฏิบัติ ลงมือทาจริง (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา,
กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 27) คือ การเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือทางานจริง โดยการกาหนด
ภาระงาน (task) ให้ผ้เู รียนไดฝ้ กึ ปฏิบัติตามโครงสรา้ งของเเต่ละงาน

6.1 เเนวทางการจัดการเรยี นรู้
มงุ่ เนน้ ให้ผู้เรียนได้ลงมอื ทางานจรงิ ตามเเนวทาง ดงั นี้
1) การศกึ ษา เเละวิเคราะห์ภาระงาน เเละโครงสร้างของงาน
2) การวางเเผนปฏบิ ัตงิ าน
3) การลงมือปฏบิ ตั ิ โดยอาจดาเนนิ การ ดงั นี้
3.1) ครูผสู้ อนให้คาเเนะนา เเละสาธติ ใหด้ ูเป็นตวั อยา่ ง
3.2) ผเู้ รยี นฝึกปฏบิ ัติตามขนั้ ตอน
3.3) ผู้เรียนฝึกฝนทักษะความชานาญ
4) ข้นั ประเมนิ งาน/ปรับปรุงชิ้นงาน

6.2 ผลที่เกิดกับผูเ้ รยี น
กระบวนการเรียนรูจ้ ากการปฏิบตั จิ ริง จะทาใหผ้ ูเ้ รียนสามารถปฏบิ ตั ิงานได้ตามลาดับ

ข้ันตอนของกระบวนการต่าง ๆ ได้เเก่ กระบวนการทางาน กระบวนการตัดสินใจ กระบวนการเเก้ปัญหา
กระบวนการกลุ่ม เป็นต้น ทาให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการทางาน ได้ชิ้นงาน/ภาระงานเชิงประจักษ์ได้สร้าง
เเละพัฒนางานดว้ ยวธิ ีการใหม่ ๆ จนเกิดความคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์

ตัวอย่างการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้การปฏิบัติ ลงมือทาจริง (ศิริพร เขื่อนอ้น, 2558:
22)

ครูศิริพร จัดกิจกรรมโครงการอนุรักษ์ป่าพัฒนาบ้านเกิด โดยให้นักเรียนดูภาพป่าไม้
บริเวณโรงเรียนบ้านบ่อหยวกในอดีตและปัจจุบัน ให้นักเรียนสังเกตและวิเคราะห์ถึงปัญหาที่ส่งผลทาให้
สภาพป่าไมเ้ ปลย่ี นแปลงไป จากนัน้ ศึกษาขอ้ มูลและปญั หาที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรป่าไม้ กาหนดเปา้ หมาย
กิจกรรม วางแผนการเรยี นรู้ สร้างจติ สานกึ ความรบั ผดิ ชอบ และสรา้ งความเขา้ ใจให้กบั นักเรยี น ผ่าน

กิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้นักเรียนเกิดทักษะจากการปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรม ดังน้ี นักสืบ
ธรรมชาติบ้านเรา กิจกรรมการทาแนวกันไฟ กิจกรรมบวชป่า กิจกรรมเยาวชนปลูกป่า กิจกรรมการจัดทา
แปลงสาธิตวนเกษตร ภายหลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติกิจกรรมแต่ละกิจกรรม ครูจะประเมินงานท่ีนักเรียน
ปฏิบัติ รวมถึงให้ข้อเสนอแนะเพอื่ การพฒั นาและปรบั ปรุงงาน

7. การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา,
กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 30) คือ การจัดสถานการณ์การเรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนใช้กระบวนการวิจัย
หรือผลการวิจัยเป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้เน้ือหาสาระต่าง ๆ เช่น การใช้การประมวลผลงานวิจัย
(Research review) มาประกอบการสอน ใช้ผลการวิจัยมาเป็นเนื้อหาสาระในการเรียนรู้ใช้
กระบวนการวิจัยในการศึกษาเน้ือหาสาระ หรือให้ผู้เรียนลงมือทาวิจัยโดยตรงหรือช่วยฝึกฝนทักษะ
การวิจัยต่าง ๆ ให้แกผ่ ู้เรยี น

7.1 แนวทางการจัดการเรียนรู้
1) เลือกประเด็นปัญหา (Choosing the problem) เป็นขั้นตอนที่ครูผู้สอนได้จัด

กิจกรรมกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในประเด็นปัญหาต่าง ๆ เพ่ือเป็นจุดเร่ิมต้นของกระบวนการวิจัย
โดยประเด็นปัญหาที่เกดิ จากความสนใจของผู้เรยี น ลักษณะปัญหาควรเกย่ี วขอ้ งกับผู้เรียนโดยตรงอาจเป็น
ปัญหาภายในชุมชน อยู่ในขีดความสามารถท่ีผู้เรียนจะแก้ไขได้ สาหรับกิจกรรมที่จะช่วยให้ผู้เรียนเลือก
ประเดน็ ปัญหาได้ มหี ลายกจิ กรรม เช่น การระดมความคดิ การอภปิ ราย

๒) การนิยามปัญหา (Identify problem) เป็นข้ันตอนที่ผู้เรียนร่วมกันพิจารณา
ประเดน็ ปัญหาทีเ่ ลือกไวแ้ ลว้ ใหช้ ดั เจนย่ิงขน้ึ

3) การพัฒนาวิสัยทัศน์ (Vision) เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนร่วมกันกาหนดแนวทาง และ
วางแผนแก้ปญั หาโดยใชว้ ิสยั ทศั นเ์ พอ่ื จัดทาแผนปฏบิ ัติการอยา่ งชัดเจน

๔) ลงมือปฏิบัติ (Action) เป็นข้ันตอนทผี่ เู้ รียนร่วมกันดาเนินงานตามแผนท่ีกาหนดไว้
ซ่ึงอาจเป็นการดาเนินงานในชุมชน หรือเป็นเพียงการดาเนินงานในโรงเรียนแล้วแต่ปัญหา และแผนที่
กาหนด เช่น ผู้เรยี นรวบรวมขอ้ มลู ตามแผนทีว่ างไวด้ ว้ ยวิธกี ารตา่ ง ๆ นาข้อมูลมาวิเคราะห์ และสรปุ ผล

๕) ตรวจสอบผลการเปลี่ยนแปลง เป็นข้ันตอนที่ผู้เรียนร่วมกันตรวจสอบว่าผล
การดาเนนิ งานเปน็ อยา่ งไร สามารถแกป้ ัญหาไดห้ รอื ไม่ มีปัญหาและอปุ สรรคอยา่ งไร

๖) สรุปและประเมินผล เป็นข้ันตอนท่ีครูผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปบทเรียน
ท้ังหมด และตรวจสอบการจัดการเรียนรูว้ ่าบรรลุตามจดุ ประสงคเ์ พียงใด

7.2 ผลทีเ่ กดิ กับผเู้ รียน
การเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การหาคาตอบอย่างเป็น

ระบบ มีความน่าเช่ือถือ ได้ฝึกทักษะกระบวนการต่าง ๆ เช่น การวางแผน การคิด การแก้ปัญหา
การปฏิสัมพันธ์กบั ผอู้ ื่น ความละเอยี ดรอบคอบ การสงั เกต การรวบรวมขอ้ มูล การวิเคราะห์ สรปุ ข้อมลู การ
เชอื่ มโยงความรู้ และการสรา้ งความรูใ้ หม่ ฯลฯ

ตัวอย่างการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย (ศศิมล ไทยเทียนชัย และนางทัศนีย์ จันทโคตร,
2558: 96)

โรงเรียนบ้านน้ายาว อาเภอปัว จังหวัดน่าน ได้จัดทาโครงงานศึกษาภูมิปัญญาอนุรักษ์
ป่าชุมชนบ้านน้ายาวมีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาภูมิปัญญาอนุรักษ์ป่าในชุมชนบ้านน้ายาว ให้นักเรียน
มีเจตคติท่ีดี เข้าใจ เห็นคุณค่า และความสาคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
และมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในชุมชนนักเรียนที่เข้าโครงการเป็นนักเรียนระดับชั้น
ประถมศกึ ษาทง้ั หมด จานวน 104 คน โดยใช้บา้ นนา้ ยาว หมู่ 3 บ้านดอนน้ายาวหมู่ 10 และ ป่า
ชมุ ชนบ้านน้ายาว เปน็ พน้ื ทใี่ นการศกึ ษา ในระยะเวลา มิถนุ ายน 2557 – มีนาคม 2558

การจดั กจิ กรรม
ขั้นท่ี 1 การทาโครงงานศึกษาภมู ปิ ัญญาอนุรักษ์ป่าในชมุ ชนบ้านน้ายาว ใช้ระยะเวลา

4 สปั ดาห์ โดยมขี น้ั ตอนการจัดกจิ กรรมดังน้ี
1.1 การคัดเลือกหัวเรื่อง และการศึกษาเอกสารที่เก่ียวข้องด้วยการต้ัง

คาถามถงึ ความสนใจอยากเรียนรใู้ นกลมุ่ สมาชิก
1.2 การเขียนเค้าโครงของโครงงาน ประกอบด้วย ช่ือโครงงาน ชื่อผู้ทา

โครงงาน ชอ่ื ทปี่ รึกษาโครงงาน หลักการและเหตผุ ล จุดมงุ่ หมาย/วตั ถปุ ระสงค์ สมมุติฐานของการศึกษา
โครงงาน ขนั้ ตอนการดาเนินงาน ปฏิบัตโิ ครงงาน ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั และบรรณานุกรม

1.3 การปฏิบัติโครงงาน เป็นการดาเนินงานตามแผนที่กาหนดไว้ในเค้าโครง
ของโครงงาน มีการจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ให้ละเอียด และต้องจัดทาอย่างเป็นระบบ มีความเป็น
ระเบยี บ เพอ่ื ท่จี ะได้ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลดาเนินการตอ่ ไป

1.4 การเขียนรายงาน ใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และครอบคลุม
ประเด็นสาคัญของโครงงาน โดยเขียนอยู่ในรูปต่าง ๆ เช่น การสรุป การรายงานผล ซึ่งประกอบไปด้วย
หัวข้อต่าง ๆ เช่น บทคัดย่อ บทนา เอกสารที่เกี่ยวข้อง ข้ันสรุปและนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ โดย
ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาความรู้ท่ีได้รับไปสรุปตามความเข้าใจและสรา้ งองค์ความรู้ด้วยตนเองจาก
ข้อมลู ท่ีได้ศกึ ษามา

ข้ันท่ี 2 การทาหนังสือเล่มเล็กชุดภูมิปัญญาอนุรักษ์ป่า โดยนาผลโครงงานศึกษา
ภูมิปัญญาอนุรักษ์ป่าในชุมชนบ้านน้ายาว มาทาเป็นหนังสือเล่มเล็กชุดภูมิปัญญาอนุรักษ์ป่า จานวน 4
เร่ือง ได้แก่ พิธีการบวชป่าบ้านน้ายาว ผีย่าหม้อน่ึง การเลี้ยงผีไฮ่ (ผีไร่) การไหว้เก๊าสลี (ต้นโพธิ์) โดยมี
ข้นั ตอนการดาเนินงานพอสรุปได้ ดังนี้

2.1 การจัดทาต้นฉบับ เป็นประการแรกท่ีจะต้องจัดทา ประกอบด้วยเนื้อเรื่อง
และดัมมี่ (Dummy) คือต้นแบบการทาหนังสือ ใช้กระดาษเปล่า (A4) ตัดครึ่งเท่ากับขนาดของหนังสือ

เล่มเล็กแล้วจัดทาหน้าปก หน้ารองปก หน้าคานา และหน้าเน้ือเรื่อง โดยเขียนเน้ือเรื่องจากท่ีไปศึกษา
กับปราชญ์ในชุมชนบา้ นน้ายาว และแสดงสว่ นท่ีเปน็ ภาพ เขียนบอกว่าเปน็ ภาพอะไร ทาแบบนีท้ ุกหน้า
เสร็จแล้วรวมเปน็ เลม่ ไว้

2.2 การทาเล่มจริง มกี ารศกึ ษาเกณฑ์ในการทาหนังสือเล่มเล็ก เชน่ แนวของ
เรอ่ื ง ขนาด รูปเล่ม เทคนคิ ในการจดั ทา และสที ี่ใชใ้ นการวาดภาพ จากนน้ั ก็ลงมอื วาดภาพ และเขียน
เรื่องตามดัมม่ีทไ่ี ด้กาหนดไว้

ขั้นที่ 3 การนาเสนอผลงาน
3.1 การนาเสนอโครงงานแบบโปสเตอร์ แบบบอร์ดสามส่วน ประกอบด้วย

สามสว่ น คือ ส่วนซา้ ย กลาง และขวา
3.2 การนาเสนอแบบปากเปลา่ นกั เรียนเขยี นบทคัดย่อเพ่ือเตรียมการนาเสนอ

ผลงาน
3.3 การนาเสนอผลงานทใี่ ช้ประกอบในโครงงานศกึ ษาภูมิปัญญาอนรุ ักษป์ า่ ใน

ชมุ ชนบา้ นน้ายาว
ผลการดาเนินงาน
การทาโครงงานศึกษาภูมิปัญญาอนุรักษ์ป่าในชุมชนบ้านน้ายาว ทาให้นักเรียน

มีความรู้ ความเข้าใจ เร่ือง ภูมิปัญญาอนุรักษ์ป่าในชุมชนของตนมากขึ้น นอกจากน้ีการทาโครงงาน
ยังทาให้นักเรียนได้เรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง ทามีทักษะทางด้านภาษา ศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์
เม่ือครูนาไปใช้ในด้านการจัดการเรียนการสอนจะทาให้เด็กเกิดความตระหนัก สามารถนาไปสร้างองค์
ความรดู้ ้วยตนเอง และปฏิบัตกิ จิ กรรมในการอนุรกั ษ์ป่าไม้ได้อย่างเปน็ รปู ธรรม

8. กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย (สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา,
กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 35) เป็นการจัดการเรียนรู้ท่ีมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นคนดี ทั้งทางด้าน
ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เป็นการมุ่งเน้นให้ผู้เรียนคิดเป็น ทาเป็นแก้ปัญหาเป็น และ
มุ่งเน้นให้ผูเ้ รยี นได้พฒั นาตนเอง พัฒนาสังคม และพัฒนาส่งิ แวดล้อมได้อยา่ งสมดุล

8.1 แนวทางการจัดการเรยี นรู้
กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนสิ ยั มีแนวทางการจดั การเรียนรู้ ดังน้ี
๑) กาหนดจุดเน้นการเรียนรู้ด้านพฤติกรรม ความรู้สึก และความคิด จุดเน้น

การสร้างพฤติกรรมควรสร้างต้ังแต่ระดับประถมศึกษา และเพิ่มพฤติกรรมที่ชับซ้อนมากข้ึน หลังจาก
ผู้เรียนได้รับการฝึกให้มีพฤติกรรมแล้วจึงเริ่มพัฒนาความสามารถทางด้านความคิดของผู้เรียนในแต่ละ
วยั จนความคิด ความรูส้ กึ และพฤติกรรมพัฒนาไปด้วยกนั จนบรรลถุ งึ เป้าหมาย

๒) การจัดกระบวนการเรียนรู้ ควรมีกิจกรรมที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งการคิด
พฤติกรรมที่ควรทา และเกิดจิตสานึก หรือความรู้สึกที่ดีงาม ใช้ส่ือ หรือเทคนิควิธีการ กระตุ้นให้ผู้เรยี น
เกิดความสนใจใคร่เรียนรู้ และกระตุ้นให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรม และกล้าแสดงออก เช่น
การใชก้ จิ กรรม เพลง เกม นิทาน บทบาทสมมติ การอภปิ ราย การระดมสมอง ฯลฯ ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นได้
ฝกึ คดิ วิเคราะห์ สรปุ และประเมนิ ผลการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง

3) การจัดบรรยากาศในการเรียนรู้ท่ีอบอุ่น มีความเอ้ืออาทร และสมานฉันท์
กระตุ้นให้ผู้เรียนกล้าแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซ่ึงกันและกัน มีการเสริมแรง
ให้กาลังใจแก่ผู้เรียนให้ได้เห็นแบบอย่างท่ีดี และยอมรับรู้ความจริงตามหลักจริยธรมและหลักศาสนา
ท่ตี นนับถอื ศรัทธาด้วยการเห็นตัวอยา่ ง ฝึกคดิ พิจารณา ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และเหน็ ผลจากการปฏิบตั ิดว้ ยตวั เอง

๔) บุคลิกภาพชองครูผู้สอนต้องเป็นแบบอย่างท่ีดีเหมาะสมกับการสอนคุณธรรม
จริยธรรม ยม้ิ แย้มแจม่ ใส แต่งกายสมสมยั สมวยั และเหมาะกบั กาลเทศะ มมี นุษยสัมพันธท์ ด่ี ี

8.2 ผลท่ีเกิดกบั ผ้เู รียน
ผู้เรียนมีความสามารถในการสร้างความรู้ คิดวิเคราะห์ และประเมินค่าทาให้

มองเหน็ คณุ คา่ ของส่ิงตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบ ๆ ตวั ไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ เข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อ่ืนไดล้ ึกซึ้งสามารถ
ปรบั ตัวให้เขา้ กบั สภาวะแวดลอ้ มได้ดี

ตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนดว้ ยกระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย (สานักวิชาการและมาตรฐาน
การศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 36)

ครูเมตตาให้ความสาคัญกับการจัดการชั้นเรียนเน่ืองจากตระหนักว่า หากจัดระบบของ
ห้องเรียนได้ดี ก็ช่วยพัฒนาลักษณะนิสัยท่ีพึงประสงค์ของผู้เรียนได้ รวมท้ังช่วยให้กระบวนการจัด
การเรียนรู้ในชั้นเรียนเป็นไปอย่างราบร่ืน จึงได้จัดกระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัยในช้ันเรียน
หลายประการดังน้ี

เมื่อเปิดภาคเรียนใหม่ ครูอภิปรายร่วมกันกับนักเรียนเพ่ือกาหนดแนวทางการปฏบิ ัติตนเอง
เพื่อให้บรรยากาศห้องเรียนเอ้ือต่อการเรียนรู้ ข้อสรุปดังกล่าวนามาสรุปเป็น “กฎทองคา” ออกแบบ
เป็นแผ่นโปสเตอร์ติดไว้ในช้ันเรียน เพ่ือเตือนใจให้นักเรียนทุกคนปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกันในชวั่ โมง
Homeroom มกี ารจัดช่วงเวลาให้ร่วมกันตรวจสอบวา่ ชั้นเรียนไดป้ ฏิบตั ติ ามกฎของห้องหรอื ไม่

ครูใช้ระบบใบเหลือง-ใบแดง ในกรณีที่มีนักเรียนแสดงพฤติกรรมท่ีไม่เป็นไปตาม
กฎระเบียบของช้ันเรียน ครูมีใบเหลืองวางไว้ให้นักเรียนคนนั้นเป็นการเตือน หากไม่มีการปรับ
พฤติกรรมก็จะได้รับใบแดง ซ่ึงหมายถึงต้องได้รับการลงโทษด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ทางานบริการ
ในโรงเรียนเพ่อื ปรับพฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม

ในระดับชั้นประถมศึกษา นักเรียนที่แสดงพฤติกรรมที่ดี เช่น ต้ังใจเรียน ส่งงานตรงเวลา
ทางานสะอาดเรียบร้อย จะได้รับรางวัลเป็นสติกเกอร์หน้ายิ้ม ☺ ติดไว้ที่เสื้อ หลังเลิกเรียน นักเรียน
แต่ละคนจะนาแผ่นสติกเกอร์ไปติดไว้ที่ป้ายนิเทศหน้าชั้นเรียน โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าเมื่อนักเรียน
ทั้งห้องร่วมกันทาความดีมีพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ จนกระท่ังครบ ๑๐๐ อัน นักเรียนสามารถเลือกทา
กิจกรรมท่ีนักเรียนชื่นชอบได้ เช่น จัดปาร์ต้ีด่ืมน้าหวานและขนมเค้กตอนบ่ายของวันศุกร์ได้ ๑ คร้ัง
ชมภาพยนตร์การ์ตูนท่ีทุกคนช่ืนชอบ วิธีการสนับสนุนให้นกั เรียนทาความดี มีลักษณะที่ดี ในลักษณะนี้
ยังเออ้ื ใหน้ ักเรียนแต่ละคนร่วมกันทาความดี และสนับสนนุ ส่งเสริมกันและกนั ให้ทาความดยี งิ่ ขน้ึ

9. การจดั การเรยี นร้โู ดยใชภ้ มู ิปัญญาท้องถ่ิน (ชยั วัฒน์ สทุ ธริ ัตน,์ 2552: 167) เกิดจาก
การส่ังสม การเรียนรู้จากบรรพบุรุษในอดีต และได้ถ่ายทอดความรู้เหล่าน้ันผ่านยังลูกหลานมาจนถึง
ปจั จบุ นั ในลักษณะการเชอื่ มโยงความรู้เหลา่ น้นั กับเศรษฐกจิ อาชีพ วัฒนธรรม วถิ ีชีวติ และ ความ
เปน็ อยไู่ ดอ้ ย่างผสมกลมกลืน และมีคณุ คา่ ยงิ่ ในการดาเนนิ ชีวิตของคนในท้องถน่ิ

แนวทางการจดั การเรียนรู้ (ชัยวฒั น์ สทุ ธิรัตน์, 2552: 170)
1) โรงเรียนเป็นผู้นากิจกรรมหรือเน้ือหาสาระที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ไปจัดการเรียน
การสอนหรือพัฒนาหลักสูตรข้ึนในโรงเรียน ให้เด็กได้เรียนรู้โดยคัดเลือกเน้ือหาหรือกิจกรรมให้
สอดคล้องกบั ความต้องการของท้องถิ่น


Click to View FlipBook Version