การศกึ ษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตขนมป้ันขลิบเพอื่ จำหน่าย
นางสาวกานต์ฏิมา อนิ หัน รหสั ประจำตวั 63202011203
นางสาวจติ รานชุ รอดกำเนดิ รหัสประจำตัว 63202011209
นางสาววนัสนนั ท์ จันทร์แดง รหสั ประจำตัว 63202011225
ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชพี
สาขาวชิ า การบญั ชี สาขางาน การบญั ชี ห้อง 2
ครทู ป่ี รึกษา
นางสาววิลาสินี ผิวออ่ นดี
วิทยาลัยเทคนคิ พจิ ิตร อาชวี ศกึ ษาจงั หวดั พิจติ ร
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
ใบรบั รองโครงงาน
รายวชิ า โครงงาน รหัสวชิ า 20201-8501 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
ชอื่ โครงงาน การศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลิตขนมปนั้ ขลิบเพอื่ จำหน่าย
ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน 1. นางสาวกานตฏ์ มิ า อนิ หัน รหัสประจำตัว 63202011203
2. นางสาวจิตรานชุ รอดกำเนดิ รหสั ประจำตวั 63202011209
3. นางสาววนสั นนั ท์ จันทร์แดง รหัสประจำตวั 63202011225
ครูท่ปี รึกษา นางสาววลิ าสินี ผวิ อ่อนดี
ปกี ารศกึ ษา 2565
ไดร้ ับอนุมตั ใิ หเ้ ป็นส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษารายวชิ าโครงงาน สาขาวิชา การบัญชี
หลักสูตรประกาศวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2562
คณะกรรมการสอบโครงงาน
ลงชื่อ..............................................ประธาน
(นางสาวจารณุ ี จุลบตุ ร)
ลงชื่อ..............................................กรรมการ
(นางสาววิลาสนิ ี ผวิ ออ่ นดี)
ลงชอื่ ..............................................กรรมการและเลขานุการ
(นางสาวอรวลญั ช์ น้อยสมวงษ์)
ลงชอื่ ..............................................หวั หนา้ แผนกวิชาการบญั ชี
(นางสกาวรัตน์ บุญศิลป์)
ลงชือ่ ..............................................รองผู้อำนวยการฝา่ ยวิชาการ
(นายอศิ รา อยู่ยงิ่ )
ลงชอ่ื ..............................................ผอู้ ำนวยการวิทยาลยั
(นายชัยณรงค์ คัชมาตย์)
ช่อื ผลงาน : การศึกษาต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลิตขนมปั้นขลิบเพอ่ื จำหน่าย
ผูจ้ ดั ทำ
: 1. นางสาวกานตฏ์ ิมา อินหนั รหัสประจำตัว 63202011203
2. นางสาวจติ รานชุ รอดกำเนิด รหัสประจำตวั 63202011209
3. นางสาววนัสนันท์ จนั ทรแ์ ดง รหสั ประจำตวั 63202011225
ครทู ี่ปรึกษา : นางสาววิลาสินี ผวิ ออ่ นดี
สาขาวิชา : การบัญชี
สาขางาน : การบญั ชี
ปกี ารศึกษา : 2565
บทคัดยอ่
ในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1. ทำให้ทราบต้นทุนและผลตอบแทนจาก
การทำปั้นขลิบ 2. ทำให้ทราบถงึ ผลกำไรขาดทุนจากการทำปั้นขลิบ 3. เพื่อศึกษาความพงึ พอใจของ
ผบู้ รโิ ภคทีม่ ีตอ่ การบริโภคป้ันขลบิ
โดยมสี มมติฐานในการวจิ ยั คอื ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศึกษาโครงงานขนมป้นั ขลบิ เพื่อจำหนา่ ย
ได้แก่ นักศึกษาจำนวน 32 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย นักเรียน
นักศกึ ษา แผนกวชิ าการบัญชี ทีส่ นใจขนมปัน้ ขลบิ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามวัดระดับความพึงพอใจโดยใช้แบบมาตราส่วน
ประมาณคา่ 5 ลำดับ และนำข้อมูลทีไ่ ด้มาวิเคราะห์ขอ้ มูล
ค่าสถิติทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั คือ โดยใช้สถิติพ้ืนฐานการแจกแจงความถ่ี และค่ารอ้ ยละ
ผลการวิจัย มดี งั นี้
1. ตน้ ทุนในการผลิตขนมปัน้ ขลบิ เฉล่ยี 16.32 บาทต่อกระปุก
2. ค่าใชจ้ ่ายท่ีประหยดั ไดจ้ ากการผลิตขนมปน้ั ขลิบ ในปรมิ าณ 1 กระปกุ ในราคา
3.68 บาท และคา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ 5.08 บาทตอ่ กระปกุ
3. ความพึงพอใจในการบริโภคขนมปั้นขลิบ ในภาพรวมอยู่ที่ระดับพอใจมาก และเมื่อ
พิจารณาเป็นรายข้อ ข้อท่มี คี า่ เฉลย่ี สูงสุด 3 อันดบั แรกได้แก่ ข้อ 1 คอื ปจั จยั ด้านบุคคลและส่งเสริม
การขาย ขอ้ 2 คอื ปจั จยั ด้านผลติ ภณั ฑ์ และขอ้ 3 คอื ปัจจยั ดา้ นราคา
ก
กิตติกรรมประกาศ
การจัดทำโครงงานคร้ังน้ีสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดีด้วยความอนุเคราะห์ และความกรุณา
ให้คำปรึกษาต้ังแต่ต้นจนเสร็จสมบูรณ์ตลอดจน ให้ความรู้และประสบการณ์ที่ดีแก่ข้าพเจ้าจาก
นางสาวอรวลัญช์ น้อยสมวงษ์ ครูผู้สอนวิชาโครงงาน ผู้จัดทำโครงงานขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
มา ณ โอกาสน้ี
ขอกราบขอบพระคุณ นางสาววิลาสินี ผิวอ่อนดี ครูที่ปรึกษาโครงงาน ที่ได้กรุณาให้
คำแนะนำ ใหค้ ำปรึกษาตลอดจนให้ความช่วยเหลือแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ เพอื่ ทจี่ ดั ทำโครงงานฉบบั น้ีมี
ความเสรจ็ สมบรู ณ์ ผู้จัดทำโครงงานขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงและขอขอบพระคณุ คณะอาจารย์ทุกท่าน
ทไ่ี ด้ประสิทธิ์ประสาทวิชา บม่ เพราะจนผู้ศึกษาสามารถนำเอาหลักการมาประยุกต์ใช้ และอ้างอิงในการ
จดั ทำโครงงานคร้งั น้ี อกี ทง้ั บิดา มารดา ญาติ พ่นี อ้ งและเพ่ือน ๆ ของผจู้ ัดทำโครงงาน ซึง่ ใหก้ ำลงั ใจ
และความชว่ ยเหลอื มาโดยตลอด
คุณค่าอันพึงมีจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยอิสระฉบับนี้ ขอมอบเพื่อบูชาคุณบิดา มารดา ครู
อาจารย์และผูม้ ีพระคุณทุกท่าน
กานตฏ์ ิมา อนิ หัน
จิตรานุช รอดกำเนดิ
วนัสนนั ท์ จันทร์แดง
ข
สารบัญ หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญตาราง ง
สารบัญภาพ จ
บทท่ี
1. บทนา 1
2
1.1 ที่มาและความสาคัญของปัญหา 2
1.2 วัตถุประสงค์ในการศึกษา 2
1.3 ขอบเขตการศึกษา
1.4 นิยามศัพท์เฉพาะ 3
2. เอกสารงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง 7
2.1 หลักการแนวคิดเกี่ยวกับต้นทุน 9
2.2 หลักการแนวคิดเก่ียวกับผลตอบแทน 12
2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.4 กรอบแนวคิดในการศึกษา 13
3. วิธีดาเนินการศึกษา 13
3.1 กลุ่มเป้าหมายท่ใี ช้ในการศึกษา 14
3.2 เคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษา 14
3.3 วิธีดาเนินการศึกษา 14
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 15
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล
3.6 สถิติทีใ่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ค
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 16
4.1 ข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตขนมปนั้ ขลิบ 22
4.2 ข้อมูลสภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 24
4.3 ข้อมูลปัจจัยท่มี ีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคขนมปั้นขลิบ 25
4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตขนมปน้ั ขลิบ
27
5. สรุป การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 27
5.1 สรุปผลการศึกษา 28
5.2 อภิปรายผล 29
5.3 ข้อเสนอแนะ
31
บรรณานุกรม
ภาคผนวก 35
ภาคผนวก ก เครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษาแบบสอบถามความคิดเห็นเก่ียวกับ 42
ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการบริโภคขนมปนั้ ขลิบ
49
ภาคผนวก ข แบบเสนอหัวข้อและเค้าโครง โครงการศึกษาต้นทุน
และผลตอบแทนในการผลิตขนมปนั้ ขลิบ 60
63
ภาคผนวก ค แสดงภาพการข้ันตอนการผลิตขนมป้ันขลิบ และการลงพ้ืนที่
เก็บข้อมูลความคิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยทมี่ ีผลต่อการผลิตขนมปนั้ ขลิบ
ภาคผนวก ง บัญชีการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทาขนมปัน้ ขลิบ
เพอื่ จาหน่าย
ภาคผนวก จ ภาพการปรึกษาครูผู้สอนและครูท่ปี รึกษาโครงการ
ประวัติผู้จัดทาโครงการ
ค
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
4.1.1 แสดงการแบ่งประเภทต้นทุนทที่ การศึกษา 17
4.1.2 แสดงต้นทุนค่าวัตถุดิบในการผลิตขนมปนั้ ขลิบ 18
4.1.3 แสดงต้นทุนค่าแรงงานในการผลิตขนมป้นั ขลิบ 18
4.1.4 แสดงต้นทุนค่าน้าและค่าแก๊สหุงต้มท่ีใช้ในการผลิตขนมป้ันขลิบ 19
4.1.5 แสดงต้นทุนค่ารถและค่าเดินทางที่ใช้ในการผลิตขนมปน้ั ขลิบ 19
4.1.6 แสดงข้อมูลสินทรัพย์ และค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ 19
4.1.7 แสดงข้อมูลต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต 20
4.1.8 แสดงข้อมูลต้นทุนในการผลิตขนมป้ันขลิบ 20
4.1.9 แสดงต้นทุนของราคาขายต่อกระปุก ของผลิตภัณฑ์ขนมป้นั ขลิบ 21
4.1.10 แสดงกาไรข้ันต้นจากการผลิตขนมปน้ั ขลิบต่อกระปุก 21
4.1.11 แสดงการคานวณหาอัตราผลตอบแทนจากการผลิตขนมปน้ั ขลิบ 22
4.2.1 แสดงจานวนและค่าร้อยละของสถานภาพทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 22
4.2.2 แสดงจานวนและค่าร้อยละของสถานภาพทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 23
4.2.3 แสดงจานวนและค่าร้อยละของอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 23
4.2.4 แสดงจานวนและค่าร้อยละของอาชีพของผู้ตอบแบบสอบถาม 23
4.3 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบีย่ งเบนมาตราฐานความคิดเห็นบริโภคเกี่ยวกับ 24
ปัจจัยทีม่ ีผลต่อการผลิตขนมปน้ั ขลิบ 25
4.4 ข้อมูลเก่ียวกับการผลิตขนมป้นั ขลิบ
ง
สารบัญภาพ
ตารางที่ หน้า
1. เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณใ์ นการทาขนมปัน้ ขลิบ 43
2. เทแป้งลงไปในภาชนะทีเ่ ตรียมไว้ 43
3. เทส่วนผสมทเ่ี หลือลงไปในภาชนะให้หมด 44
4. นวดส่วนผสมให้เข้ากันทงิ้ ไว้ 20-30 นาที 44
5. นาหมูหยองและพริกเผามาคลุกเคล้าให้เข้ากัน 45
6. นาใส้ถ่ัวเหลืองสาเร็จรูปมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ 45
7. นาแป้งมารีดแล้วพับขลิบให้สวยงาม 46
8. ปนั้ เสร็จนามาทอดให้เหลือง สุกพอดี 46
9. ทอดเสร็จนาขนมปน้ั ขลิบออกมาพักทิง้ ไว้ให้เย็น 47
10. พักทง้ิ ไว้จนเย็นและนามาใส่กระปุกและติดสติ๊กเกอร์ให้เรียบร้อย 47
11. จาหน่ายสินค้าให้ลูกค้า 48
12. ภาพพบครูผู้สอนโครงงานวันท่ี 10 สิงหาคม 2565 61
13. ภาพพบครูผู้สอนโครงงานวันท่ี 31 สิงหาคม 2565
14. ภาพพบครูท่ีปรึกษาโครงงานวันที่ 7 กันยายน 2565 62
15. ภาพพบครูทป่ี รึกษาโครงงานวันที่ 9 กันยายน 2565
จ
บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา
ปั้นขลบิ ทอดเป็นอาหารวา่ งชนิดหนง่ึ รปู รา่ งคลา้ ย กะหร่ปี ๊บั แตกตา่ งกนั ท่ีมีขนาดเลก็ กวา่ และไม่
มีลวดลายเป็นชั้น ๆ ไส้ที่นิยมรับประทานในสมัยก่อน คือ ไส้หมูและไส้ปลา ส่วนในปัจจุบันนิยม
รับประทานเป็นไส้พริกเผาหมูหยองและไส้ถั่วเหลือง มีขนาดพอดีคำแป้งจะกรอบแข็งมากกว่ากะหรี่ป๊ับ
นิยมกินคู่กับน้ำชาหรือชาสมุนไพร เนื่องจากเป็นอาหารที่ต้องใชก้ ารทอด จึงทำให้มีน้ำมันแทรกอยู่ใน
ตัวขนมค่อนข้างมาก แต่ต้องอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิทจึงจะไม่มีกลิ่นเหม็นหืนของน้ำมัน ไส้จะหอมกลิ่น
พริกเผา ปั้นขลิบมีสว่ นผสมของ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งสาลี ผสมน้ำตาล น้ำเย็น น้ำมันพืช และ
น้ำปูนใส ในปริมาณที่เหมาะสม นวดผสมให้เข้ากันจะได้ลักษณะตามต้องการ แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็ก ๆ
แผ่แป้งออกเป็นแผ่นกลมบาง บรรจุไส้ด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น หมูหยองพริกเผา ถ่ัวเหลือง
พับครึ่งแป้งแล้วม้วนปิดริมแป้งตรงที่ประกบกันให้เป็นเกลียว นำไปทอดในน้ำมันที่อุณหภูมิและ
ระยะเวลาท่ีเหมาะสม นิยมเรียกช่ือป้ันขลิบหรืออีกช่ือเรียกหน่ึงว่า ปั้นสิบ หมายถึงเวลาทำจำต้องใช้
นิ้วมือทั้งสิบนิ้วในการปั้นขนมจึงจะสามารถปั้นได้ ปั้นขลิบ หมายถึง เก็บริบขอบแป้งที่ห่อไส้ขนมด้วย
การพบั มว้ น
ไส้ถั่วเหลืองตามประวัติศาสตร์แล้วถั่วเหลืองน้ันมีถ่ินกำเนิดในประเทศจีนทางตอนกลางหรือ
ทางเหนือ ซึ่งชาวจีนได้รู้จักการใช้ประโยชน์จากถั่วเหลือง ถั่วเหลืองเป็นอาหารที่มีคุณค่าทาง
โภชนาการสูงและหลากหลาย เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต กรดอะมิโน มีเส้นใยอาหารสงู
มีวิตามินและเกลือแร่สูง ขนมปั้นขลิบรูปร่างคล้ายกะหร่ีป๊ับแตกต่างกันที่ตัวเล็กกว่าและไม่มีลวดลาย
เป็นชั้น ๆ ไส้ที่นิยมในตอนนี้มีอยู่ ๒ ไส้ คือ ไส้ถั่วเหลือง และไส้พริกเผาหมูหยอง เป็นไส้ที่มีความ
อร่อยกลมกล่อมเข้ากับแป้งขนมปั้นขลิบได้ดี ถั่วเหลืองใช้เป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยลดความเสี่ยงของ
การเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งในปัจจุบันคนไทยไม่ค่อยรู้จักขนมปั้นขลิบเพราะเป็นขนม ที่หาทานได้ยาก
จึงไม่คอ่ ยมคี นนำมาผลิตและจำหน่าย
2
จากปัญหาดังกล่าวคณะผู้จัดทำมีความสนใจและมองเห็นช่องทางธุรกิจที่จะทำเรื่องการศึกษา
ต้นทุนและผลตอบแทนในการทำปั้นขลิบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นในการศึกษา
ครั้งนี้จึงมุ่งหวังที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงงานเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้
เหมาะสมความพึงพอใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคในการศึกษาครั้งนี้จะให้ความสำคัญกับปัจจัยเ หล่าน้ี
เปน็ หลัก เพราะเป็นปจั จยั สำคัญทจ่ี ะทำให้ผบู้ รโิ ภคตัดสนิ ใจเลอื กทานอีกดว้ ย
1.2 วัตถุประสงค์
1.2.1 ทำใหท้ ราบต้นทนุ และผลตอบแทนจากการทำป้ันขลิบ
1.2.2 ทำใหท้ ราบถงึ ผลกำไรขาดทนุ จากการทำปนั้ ขลบิ
1.2.3 เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจของผูบ้ ริโภคท่ีมตี ่อการบริโภคปน้ั ขลิบ
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.3.1 ดา้ นตวั แปร
-
1.3.2 ดา้ นเนื้อหา
การวจิ ยั ครั้งนีเ้ ป็นการศึกษาต้นทนุ และผลตอบแทนในการทำปน้ั ขลิบ ดังนี้
1) ศกึ ษาตน้ ทุนการผลิตป้นั ขลบิ ต้ังแตข่ ้ันตอนการเตรยี มการทำจนไปถึงข้ันตอนการจัด
จำหนา่ ย และวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งต้นทนุ ในการทำปนั้ ขลิบ
2) ศึกษาผลตอบแทนทไ่ี ด้รบั จากการลงทุนทำป้นั ขลิบ
1.3.3 ดา้ นเวลา
พฤษภาคม - สิงหาคม 2565
1.3.4 แบบร่าง (ถ้ามี)
-
1.4 นิยามศัพทเ์ ฉพาะ
ต้นทนุ หมายถึง ตน้ ทนุ ท้ังสิ้นท่ใี ช้ในการซื้อแป้งและไส้ และแปรรปู ใหเ้ ปน็ ขนมปน้ั ขลบิ
พร้อมจำหน่าย
ผลตอบแทน หมายถึง อัตรากำไรต่อทุน อัตรากำไรต่อยอดขาย อัตราผลตอบแทนจาก
เงนิ ลงทุนและอัตราตอบแทนจากสินทรพั ย์
บทที่ 2
เอกสารงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง
การศึกษาในครัง้ นี้ เป็นการศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ ขนมปนั้ ขลิบเพื่อจำหนา่ ย
ผู้จัดทำโครงงานได้ศกึ ษาหลักการ แนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ยั ทเี่ กีย่ วข้องดังน้ี
2.1 หลกั การแนวคดิ เกยี่ วกบั ต้นทุน
2.2 หลกั การแนวคดิ และผลตอบแทน
2.3 งานวิจยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
2.4 กรอบแนวคดิ ในการศึกษา
2.1 หลกั การแนวคดิ เก่ยี วกับต้นทุน
ต้นทุน หมายถึง มูลค่าของทรัพยากรที่องค์กรใช้ประโยชน์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามท่ี
กำหนดไว้ เช่น ต้นทุนของวัตถุและแรงงานที่เกิดขึ้นเพื่อผลิตสินค้าและบริการ และเมื่อต้นทุนได้
กอ่ ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกจิ แล้ว ตน้ ทุนส่วนนัน้ จะเปลี่ยนสภาพไปเปน็ ค่าใช้จ่าย (Expense) ซ่งึ จะนำไป
หกั จากรายไดใ้ นแต่ละงวดบัญชี
ต้นทุนการผลิต คือ ต้นทุนที่ทำให้ได้สินค้าสำเร็จรูปใด ๆ ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรงท่ี
เบิกใช้ในการผลิต แรงงานทางตรงที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการผลิตเมื่อท้ัง
3 สว่ นประกอบ ไดเ้ ข้าสู่ขัน้ ตอนต่าง ๆ ของการผลิตกจ็ ะถูกเเปรสภาพเปน็ สนิ คา้ สำเร็จรปู ตอ่ ไป
การจำแนกประเภทตน้ ทุนแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
2.1.1 การจำแนกตน้ ทุนตามระยะเวลา
2.1.2 การจำแนกต้นทนุ ตามลกั ษณะการดำเนินงาน
2.1.3 การจำแนกตน้ ทนุ ตามสว่ นประกอบของผลติ ภณั ฑ์
2.1.4 การจำแนกตน้ ทุนตามปรมิ าณกิจกรรม
2.1.5 การจำแนกตน้ ทนุ เพื่อการควบคมุ และวดั ผลการปฏิบตั งิ าน
2.1.6 การจำแนกตน้ ทนุ เพือ่ การตัดสนิ ใจ
4
มีรายละเอยี ดของการจำแนกต้นทุนแตล่ ะประเภท ดังต่อไปนี้
2.1.1 การจำแนกตน้ ทนุ ตามระยะเวลา
เป็นการพิจารณาต้นทุนในการจัดหาสินทรัพย์และบริการต่าง ๆ ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับ
ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจโดยสามารถบางตน้ ทุนออกเป็น 3 ประเภท คอื
1) ต้นทุนที่เกิดขึ้นในอดีต (Historical Cost) คือต้นทุนที่เกิดขึ้นเมื่อได้มาซึ่ง
สินทรัพย์หรือบริการต่าง ๆ และ กิจการได้จ่ายชำระเงินสดสินทรัพย์อื่นใดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด
โดยปกติจะใช้ต้นทุนประเภทนี้ในการบันทึกบัญชีประกอบกับการจัดทำงบการเงินแต่ไม่นิยมนำไปใช้
ประกอบการ ตัดสินใจปัญหาหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคตเนื่องจากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจมี
การเปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลา
2) ต้นทุนทดแทนหรือต้นทุนเปลี่ยนแปลง (Replacement Cost) คืนต้นทุนที่จ่าย
ไปเพื่อใช้ในการจัดหาสินทรัพย์มาเปลี่ยนแทนหรือทดแทนสินทรัพย์เดิมซึ่งสินทรัพย์ที่จัดหามานั้นต้องมี
ลักษณะคล้ายคลึงกับสินทรัพย์เดิม เพื่อนำมาเปรียบเทียบต้นทุนประกอบการตัดสินในในการเลือก
ทางเลอื กตา่ ง ๆ วา่ ควรเปลีย่ นแทนหรือปรับปรุงสนิ ทรัพยท์ ี่มีอยู่เดิมหรือควรซอื้ สินทรัพย์ใหม่เพื่อทดแทน
สนิ ทรพั ยเ์ พมิ่ โดยเปรยี บเทยี บจากราคาตลาดของสนิ ทรัพย์นน้ั ๆ
3) ต้นทุนในอนาคต (Future cost) คือต้นทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อกิจการ
ต้องตดั สนิ ใจเลือกโครงงานใดโครงงานหนึ่งในอนาคตซ่ึงกิจการตอ้ งพยากรณ์ต้นทนุ ที่คาดว่าจะเกิดข้ึนเพ่ือ
ใช้ในการตัดสนิ ใจเลือกลงทุนในโครงงานจากแนวโนม้ ของตน้ ทุนจรงิ ในอดีตหรือจากระบบงบประมาณของ
กิจการ
2.1.2 การจำแนกตน้ ทนุ ตามลกั ษณะการดำเนินงาน
เปน็ การพิจารณาต้นทนุ ทเี่ กดิ จากการดำเนินงานหรือปฏิบตั งิ านของธรุ กจิ ซ่งึ แบ่งได้
2 ประเภทใหญ่ดงั ต่อไปนี้
1) ต้นทุนการผลิต (Manufacturing Cost) คือต้นทุนท่ีเกิดข้ึนทั้งหมดในกระบวนการ
ผลิตเพื่อแปรสภาพวัตถุดิบให้เป็นสินค้า ซึ่งปกติต้นทุนการผลิตจะเกิดขึ้นในธุรกิจผลิตสินค้าเท่านั้น เช่น
วัตถดุ บิ ทางตรง คา่ แรงทางตรงและค่าใชจ้ า่ ยในการผลิต เปน็ ต้น
2) ตน้ ทนุ ทไ่ี ม่เกย่ี วข้องกบั การผลติ (Nonmanufacturing cost) คือต้นทนุ อืน่ ๆ ท่ีไม่
เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า ซึ่งจะจำแนกต้นทุนโดยพิจารณาตามหน้าที่หรือลักษณะของการปฏิบัติงาน
ดังน้ี
1.1) ตน้ ทนุ ในการจดั ซอ้ื หรือการจดั หาสนิ คา้ (Merchandise Cost) ซง่ึ เป็น ตน้ ทนุ
ในการจัดหาสินค้า เช่น ค่าขนสง่ เขา้ เป็นตน้
1.2) ต้นทุนทางการตลาด (Marketing Cost) เป็นต้นทุนที่เกิดจากการส่งเสริม
การขายหรอื แนะนำผลติ ภัณฑ์เขา้ สตู่ ลาด เช่น ค่าโฆษณาประชาสมั พันธ์ เป็นตน้
1.3) ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการบริหาร (Aministrative Cost of Expense)
เป็นต้นทนุ จากการบรหิ ารงานโดยรวม เชน่ เงินเดอื นฝา่ ยบริหารคา่ ใชจ้ ่ายแผนกบญั ชี
5
1.4) ต้นทุนทางการเงิน (Financing Cost) คือต้นทุนจากการจัดหาเงินทุนมา
ฝากดำเนิน เชน่ ดอกเบ้ียคา่ ธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นต้น
1.5) ต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development
Cost) เป็นต้นทุนจากการวิจัยหาสินคา้ ใหม่ ๆ หรือพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ให้ทนั สมัยจากเดิมเพื่อตอบสนอง
ความตอ้ งการของทางการตลาดของลูกค้า เช่น เงินเดือนนกั วจิ ยั และผู้เชยี่ วชาญ เปน็ ตน้
2.1.3 การจำแนกต้นทุนตามส่วนประกอบของผลติ ภัณฑ์
ส่วนประกอบของต้นทนุ ทีใ่ ช้ในการผลติ สินคา้ หรือผลิตภณั ฑ์แต่ละชนดิ จะประกอบด้วย
วัตถุดบิ ทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และคา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ ซึ่งถ้าเราพิจารณาในด้านทรัพยากรท่ีเป็น
ส่วนประกอบของสินค้าแล้วจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการผลิต
สินค้า ต้นทุนที่เกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ วัตถุดิบ
ทางตรง หมายถึงวัตถุดิบหลกั ทใ่ี ชใ้ นการผลิต และสามารถระบไุ ดอ้ ย่างชัดเจนว่าใชใ้ นการผลิตสินคา้ ชนิด
ใดชนิดหนึ่งในปริมาณเท่าใด ต้นทุนเท่าใด รวมทั้งจดั เป็นวตั ถดุ ิบส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตสินค้าชนิดนน้ั
วัตถุดิบทางอ้อม หมายถึง วัตถุดิบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยทางอ้อมกับการผลิตสินค้า แต่ไม่ใช่วัตถุดิบ
หลักหรือวัตถุดิบส่วนใหญ่ ค่าแรงงาน คือค่าจ้างหรือผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานที่ทำ
หน้าที่ในการผลิตสินค้า ซึ่งค่าแรงนั้นสามารถแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้ ค่าแรงงานทางตรง คือค่าแรงงาน
ต่าง ๆ ที่จ่ายให้แก่คนงานหรือลูกจ้างที่ทำหน้าที่ในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปโดยตรง ซึ่งเป็นค่าแรงที่มี
จำนวนมากเมื่อเทียบกับค่าแรงทางออ้ มในการผลติ สินคา้ หน่วยหนึ่ง ๆ และจัดเป็นค่าแรงท่ีสำคัญในการ
แปรรูปวัตถุดิบให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป ค่าแรงงานทางอ้อม หมายถึง ค่าแรงงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับ
ค่าแรงงานทางตรงที่ใช้ในการผลิตสินค้า ค่าใช้จ่ายในการผลิต คือ แหล่งรวบรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ท่ี
เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าซึ่งนอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง เช่น วัตถุดิบทางอ้อม
ค่าแรงงานทางอ้อม ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางอ้อมอื่น ๆ ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าเสื่อมราคา
ค่าประกันภยั คา่ ภาษี เปน็ ต้น
2.1.4 การจำแนกตน้ ทุนตามปริมาณกิจกรรม
การจำแนกต้นทุนตามปริมาณกิจกรรมมักจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามลักษณะ
กิจกรรมของต้นทุน กล่าวคือ ต้นทุนจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับปริมาณกิจกรรม จำนวน
ชั่วโมงแรงงาน จำนวนชั่วโมงเครื่องจักรหรือฝ่ายบริหารที่ใช้ประโยชน์ในการวางแผนควบคุมการสร้าง
แรงจูงใจ การตัดสินใจ ซึ่งผู้บริหารจะต้องทำการประมาณต้นทุนต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นโดยวิธีการ
ประมาณต้นทุน ต้องเข้าใจพฤติกรรมของต้นทุนและเทคนิคในการประมาณต้นทุนวิธีการจดประเภท
ตน้ ทนุ ตามความสัมพนั ธ์ระหว่างตน้ ทุนและระดับกิจกรรมที่มตี ่อตน้ ทนุ จำนวนการขาย ปรมิ าณการผลิต
ซง่ึ มีผลกระทบตอ่ การตดั สนิ ใจดา้ นต่าง ๆ ของผบู้ ริหาร
6
2.1.5 การจำแนกตน้ ทุนเพอื่ การควบคุมและวดั ผลการปฏบิ ตั งิ าน
เป็นการควบคุมต้นทนุ ใหเ้ ป็นไปตามเป้าหมายทีว่ างไว้ เปน็ หนา้ ทที่ ี่สำคัญของผู้บริหาร
ซึ่งจะต้องกำหนดหน่วยงานที่ต้องการควบคุมต้นทุนแล้ววางแผนการควบคุม ตลอดจนการลงมือปฏิบัติ
และการวัดผลการปฏิบตั กิ ารควบคุมดังกล่าว ว่าเป็นไปตามแผนที่ว่างไว้หรอื ไม่ ซึ่งในการควบคุมต้นทุน
น้นั สามารถจำแนกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดังน้ี
1) ตน้ ทนุ ทีค่ วบคุมได้ คือ ตน้ ทุนท่ีผจู้ ัดการหรือหัวหนา้ งานสามารถสัง่ การหรือควบคุม
ได้ เช่น ค่าลว่ งเวลา ค่าวัสดุส้ินเปลือง เป็นตน้
2) ต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้ คือ ต้นทุนที่ผู้จัดการหรือหัวหน้างานไม่สามารถควบคุมได้
เพราะอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของผู้บริหารหรือได้รับการปันส่วนมาจากส่วนกลางไม่สามารถหลีกเลี่ยง
ได้ เช่น คา่ เสอ่ื มราคาโรงงาน คา่ สาธารณูปโภค เป็นตน้
2.1.6 การจำแนกต้นทนุ เพอื่ การตัดสินใจ
ตน้ ทนุ ประเภทนีส้ ามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ดงั นี้
1) ตน้ ทนุ ท่เี ก่ยี วข้องกับการตดั สนิ ใจ คือ ต้นทนุ ท่ีมีความสัมพันธ์กบั การตัดสินใจของ
ผู้บริหารเพื่อใช้ในการประเมินทางเลือก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบต้นทุนในอดีตหรือการ
พยากรณ์โดยอาศยั เทคนคิ ทางสถิติ ซ่งึ สามารถจำแนกประเภทได้ ดังนี้
1.1) ต้นทุนส่วนต่าง คือ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการ
ปฏิบตั ิเดิมใหเ้ ปน็ วธิ ีการปฏบิ ัติใหม่ เชน่ กำลงั การผลิต 100 หนว่ ย ตน้ ทุนต่อหนว่ ย 2 บาท ถ้าเพ่ิม
กำลังการผลิตเป็น 150 หน่วย ต้นทุนต่อหน่วยเป็น 1.80 บาท ทำให้เกิดต้นทุนส่วนต่างที่ลดลงจาก
เดมิ เม่ือเทียบกบั กำลังการผลติ เดิมอยู่ 0.20 บาท
1.2) ต้นทุนที่เลี่ยงได้ คือ ต้นทุนที่สามารถประหยัดได้จากการตัดสินใจเลือก เช่น
การยบุ สาขาที่ไดก้ ำไรนอ้ ยหรือขาดทนุ จะช่วยลดตน้ ทุนได้ลงจากเดิม
1.3) ต้นทุนค่าเสียโอกาส คือ ผลตอบแทนที่กิจการได้รับจากการตัดสินใจเลือก
ทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง แต่กิจการต้องสูญเสียผลตอบแทนจากทางเลือกที่ไม่ได้เลือก เช่น มีเงินอยู่
10,000 บาท ถา้ ฝากเงินจำไดด้ อกเบย้ี 200 บาทต่อปี แต่ถ้าปล่อยเงนิ ก้จู ะไดด้ อกเบีย้ 500 บาทต่อปี
ซ่ึงถ้าเลอื กปล่อยเงินกู้จะทำใหเ้ สียโอกาสไดร้ ับดอกเบ้ียจากการฝากเงินเป็นจำนวน 200 บาท
2) ต้นทนุ ที่ไมเ่ กย่ี วข้องกบั การตัดสนิ ใจ คอื ตน้ ทุนทไ่ี มม่ ีความสมั พันธเ์ ก่ียวข้องกับการ
ตดั สินใจ ไมว่ า่ ผ้บู รหิ ารจะเลือกทางเลอื กใดก็ตาม ซงึ่ สามารถจำแนกไดด้ งั น้ี
2.1) ต้นทนุ จม คอื ต้นทีท่ เี่ กิดขึ้นในอดตี ไม่สามารถทจ่ี ะเปลีย่ นแปลงได้ เช่น ซื้อ
เครื่องจักรมาในราคา 20,000 บาท เป็นเวลา 2 ปี ไม่ว่ากิจการจะขายหรอื ไม่ขาย ต้นทุนดังกล่าวก็ได้
เกิดขน้ึ แลว้ จากการซือ้ เคร่ืองจกั ร
2.2) ต้นทนุ ที่หลกี เลี่ยงไมไ่ ด้ คือ ตน้ ทุนที่ยังคงมอี ยไู่ ม่วา่ กจิ การจะเปลีย่ นแปลงไป
จากเดมิ หรอื ไม่ เชน่ คา่ ภาษที รัพย์สนิ ของโรงงาน เปน็ ต้น
7
2.2 หลกั การแนวคิดเกี่ยวกับผลตอบแทน
การวิเคราะห์การลงทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการใด ๆ โดยเป็นการ
เปรยี บเทียบผลตอบแทนและตน้ ทนุ ของโครงการน้ัน ๆ ซ่งึ ผลตอบแทนและต้นทุนของโครงการจะเกิดข้ึน
ในระยะเวลาต่าง ๆ กันตลอดอายุของโครงการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับค่าของเวลาของโครงการ
เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนท่ีได้รับและต้นทุนท่ีเสียไปชว่ งในระยะเวลาทีต่ ่างกัน ให้เป็นเวลาปัจจุบนั ก่อน
แล้วจึงจะสามารถทำการเปรียบเทียบกันได้อย่างถูกต้องแน่นอนชัดเจนมากยิ่งขึ้น (เสถียรศรีบุญเรือง ,
2542) การวิเคราะห์ทางด้านการเงินเป็นการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายหรือเงินลงทุนและผลตอบแทนหรือผล
กำไรทางการเงินของโครงการ เพื่อวิเคราะห์ว่าโครงการที่จัดทำขึ้นนั้นมีความคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
โดยท่ัวไปแลว้ แบง่ การวเิ คราะห์เป็น 2 ประเภท คือ
2.2.1 วิธีการวิเคราะห์โดยไม่มีการคิดลด (Undiscounted Approach) คือการวัดค่าของ
ตน้ ทนุ และผลตอบแทนจากโครงการโดยไม่คำนึงถงึ ค่าเงินที่ไดม้ าหรือใช้ไปในชว่ งเวลาทตี่ ่างกันเชน่ เงินสด
รับในปีที่ 1 จำนวนหนึ่งกับเงินจำนวนเดียวกันนี้ที่จะได้รับในปีที่ 5 จะถือว่ามีมูลค่าที่เท่ากันการ
วิเคราะห์วิธีนี้ เช่น การหาระยะเวลาคืนทุน (Playback Period) ซึ่งเป็นการคำนวณว่านับจาก
จุดเริม่ ตน้ โครงการจะใชร้ ะยะเวลาอกี เทา่ ไร จงึ จะมกี ระแสเงนิ สดรบั สทุ ธจิ ากโครงการรวมกันเทา่ กับมูลค่า
ในการลงทนุ (Total Capital Investment)
2.2.2 วิธกี ารวิเคราะห์โดยมีการคดิ ลด (Discounted Approach) วิธีการวิเคราะหโ์ ดยมีการ
คิดลดเป็นวิธีการวัดค่าของผลตอบแทนและต้นทุนหรือค่าใช่จ่ายที่เกิดจากโครงการโดยคำนึงถึงค่าเสีย
โอกาสผา่ นวิธกี ารคดิ ลด (Discounted Method) ซึ่งวิธีทีน่ ยิ มใช้ไดแ้ ก่มลู ค่าปัจจบุ ันสุทธิ (NPV) อัตรา
ตอบแทนภายในจากการลงทุน (IRR) วัตถปุ ระสงค์ของการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยทวั่ ไปการวิเคราะห์
ทางการเงนิ มวี ัตถุประสงค์ 4 ประการดงั น้ี
1) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ทางการเงนิ วัตถุประสงคส์ ำคัญของการวิเคราะหท์ าง
การเงินคอื การประเมินความสามารถในการทำโครงการน่นั คือโครงการสามารถก่อให้เกดิ รายได้ท่คี ุ้มค่ากับ
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และมีอัตราผลตอบแทนที่ดี การประเมินส่วนนี้จะต้องมีการประมาณต้นทุนและ
ผลตอบแทนท้ังส้ิน เพ่ือศกึ ษาหาผลตอบแทนสุทธิของโครงการ
2) เพื่อประเมินแรงจูงใจการวิเคราะห์ทางการเงินจะมีความสำคัญต่อการประเมิน
แรงจูงใจที่มีต่อเจ้าของโครงการและผู้มีส่วนร่วมกับโครงการ หรือถ้าเป็นโครงการรัฐวิสาหกิจหรือท่ี
รัฐบาลให้การสนับสนุน ก็พิจารณาว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะเพียงพอต่อการเลี้ยงตัวเอง และบรรลุ
วัตถปุ ระสงคท์ างการเงินตามท่ตี ้องการหรอื ไม่
3) เพื่อจดั ให้มีแผนการเงินท่ดี ี เพ่อื ใหโ้ ครงการมกี ำไรและผลตอบแทนท่ีดี กจ็ ะต้องมี
แผนการเงินที่ดีด้วย โดยเฉพาะการวางแผนจัดหาเงินทุน เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทุนในจำนวนและในเวลา
ตามที่ต้องการโดยเสียค่าใช้จ่ายต่ำสุดรวมทั้งเพื่อให้ข้อเสนอแนะถึงวิธีการปรับปรุงความเป็นไปได้ทาง
การเงนิ ของโครงงาน โดยเฉพาะความเหมาะสมของอัตราคา่ บรกิ ารราคา และปรมิ าณการผลติ ทีค่ มุ้ ทุน
8
4) เพื่อประเมินขีดความสามารถในการบริหารการเงิน สำหรับโครงการลงทุนขนาด
ใหญ่ที่มีการบริหารการเงินที่สลับซับซ้อน ก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงระบบการจัดการด้านการเงินและ
ความสามารถของผู้ที่จะบริหารการเงินด้วยในการนี้ก็อาจมีการพิจารณาว่าควรจะมีการปรับปรุงและ
เปลี่ยนแปลงองค์กรและการจัดการอย่างไร ควรจัดให้มีระบบการควบคุมและการตรวจสอบการเงิน
อยา่ งไร รวมทั้งการฝึกอบรมทักษะเฉพาะทางเรื่องอะไร เพอื่ ใหโ้ ครงการเดินหน้าไปตามกำหนด
9
2.3 เอกสารงานวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ ง
ได้ศึกษางานวิจัยเรื่องขนมปั้นขลิบจากแป้งสาลีผสมแป้งข้าวไรซเ์ บอร์ร่ีเพื่อศึกษาขนมปั้นขลิบ
จากแป้งสาลีผสมแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่และเป็นการลด
ปริมาณการใช้แปง้ สาลที ตี่ ้องนำเขา้ ข้าวสาลจี ากต่างประเทศ ความหนดื ของน้ำแป้งข้าวไรซ์เบอรร์ ี่พรีเจลา
ติไนซ์โดยใช้เครื่อง Rapid Visco Analyzer (RVA) พบว่าเวลาที่ทำ ให้เกิดความหนืดสูงสุดเท่ากับ
5.93 นาที อุณหภูมิทีเ่ ริ่มมีการเปลี่ยนค่าความหนืด หรืออุณหภูมิต่ำสุดที่ต้องใช้ในการทำให้แป้งเท่ากับ
88.80oC ซึ่งมีค่าสูงกว่าแป้งที่ใช้ท่ัวไปทางการค้า เช่น แป้งมันสำปะหลัง แป้งเท้ายายม่อม และแป้ง
ข้าวเจ้า เป็นต้น น้ำแป้งมีค่าความหนืดสูงสุด ค่าความหนืดต่ำสุดระหว่างการทำให้เย็น ความแตกต่าง
ระหว่างความหนืดสูงสุดกับความหนืดต่ำสุดความหนืดสุดท้าย และผลต่างระหว่างความหนืดสุดท้ายกับ
ความหนดื ทีจ่ ดุ สงู สดุ เทา่ กับ 1,197, 784, 413, 1,570 และ 373 RVU ตามลำดบั คา่ ความแตกต่าง
ระหว่างความหนืดสูงสุดกับความหนืดต่ำสุดเป็นคา่ ที่บอกถึงความสามารถในการคงทนตอ่ อุณหภูมิ และ
การกวนที่เป็นปัจจัยที่สำคัญในหลายกระบวนการผลิตอาหาร ซึ่งข้าวไรซ์เบอร์รี่พรีเจลาติไนซ์มีค่าความ
แตกต่างระหวา่ งคา่ ความหนืดสูงสดุ และกบั ความหนดื ต่ำสุดมาก นั่นแสดงว่าข้าวไรซเ์ บอรร์ ่ีพรเี จลาติไนซ์มี
ความสามารถในการคงทนต่ออุณหภูมิและการกวนต่ำมากนั่นเอง ค่าการคืนตัว ของแป้งนั้นสามารถ
พิจารณาได้จากค่าผลตา่ งของความหนืดสุดทา้ ยกับความหนืดสงู สุด ซึ่งค่าการคืนตัวนี้ จะมีความสัมพนั ธ์
กับลักษณะเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ โดยถ้ามีค่าการคืนตัวมาก หรือมีค่าเป็นบวกจะมีลักษณะการเกิด
retrogradation ได้ดี และมีแนวโน้มที่จะให้เจลแป้งที่แข็งมาก ส่วนพฤติกรรมความหนืดของแป้งสาลี
อุณหภูมิในการเกิดเจลต่ำกว่าแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมปั้นขลิบพบว่าอัตราส่วน
ระหว่างแป้งในและแป้งนอกของผลิตภัณฑ์ปั้นขลิบเท่ากับ 1 ต่อ 2.5 และสามารถใช้แป้งข้าวไรซ์เบอร์ร่ี
ทดแทนแปง้ สาลีท่ใี ช้ในการทำแป้งส่วนนอกของผลิตภัณฑ์ปั้นขลิบได้ร้อยละ 30 ปริมาณน้ำมันในส่วน
ของแป้งนอกผลิตภัณฑ์ป้ันขลิบมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ปั้นขลิบจากแป้งสาลีล้วน ผู้บริโภคให้
คะแนนความชอบผลิตภัณฑ์ปั้นขลิบจากแป้งสาลีผสมแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ในระดับชอบปานกลาง
(สุพัตรา เลิศวณิชย์วัฒนา. 2556)
ลักษณะของเม็ดแป้งจากการส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่กำลังขยาย 40 เท่า พบว่า เม็ดแป้ง
ข้าวไรซ์เบอร์รี่พรีเจลาติไนซ์มีลักษณะโครงสร้างผลึกเรียงตัวกันหนา มีขนาดใหญ่และ สีผลึกที่เข้มกว่า
แป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ธรรมดา (Figure 1) เนื่องจากแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ผ่านกระบวนการพรีเจลาติไนซ์
ความร้อนทำให้พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bonds) ที่ยึดโครงสร้างในเม็ดสตาร์ชเข้าด้วยกันแตกออก
ทำให้ดูดซึมน้ำได้มากขึ้น เป็นผลให้เม็ดสตาร์ชพองตัวทำให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า การเพิ่มแป้ง
ข้าวไรซเ์ บอรพ่ี รีเจลาติไนซ์ มีผลทำให้ค่า L* และ b* ของขนมป้นั ขลิบลดลงอยา่ งมีนัยสำคญั (p> 0.05)
(Figure 2 และ Table 1) อาจเนื่องจากในข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสารแอนโทไซยานินที่จัดอยู่ในกลุ่มฟลาโว
นอยด์ซ่ึงเป็นสารให้สีม่วงเมื่อเติมลงไปทำให้ผลต่อการเปลี่ยนแปลงทำให้ค่าความสว่างลดลง ค่า a*
เข้าใกล้สเี ขยี วมากกว่าสแี ดง และค่า b* มีคา่ เขา้ ใกล้สนี ้ำเงนิ มากกวา่ สเี หลือง (ปิตพิ ร และคณะ. 2546)
10
ขนมปั้นขลิบท่ีผสมแป้งสาลีด้วยแป้งข้าวไรซ์เบอรี่พรีเจลาติไนซ์มีค่าความชื้นสูงกว่าขนมปั้น
ขลิบที่ใช้แป้งสาลีเพียงอย่างเดียว (p > 0.05) แป้งพรีเจลาติไนซ์มีคุณสมบัติต่างจากแป้งดิบคือสามารถ
กระจายตัวไดใ้ นน้ำเย็นซับน้ำได้สูงช่วยในการดูดซบั น้ำได้ดีมคี วามช่มุ ชื้นและมีปรมิ าตรเพ่ิมขึ้น จึงมีผลทำ
ใหผ้ ลติ ภัณฑม์ คี วามช้นื เพิ่มขึ้น การใชแ้ ปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรร์ ี่พรีเจลาติไนซ์มผี ลทำใหค้ ่าการยบั ย้ังอนุมูลอิสระ
และปริมาณสารแอนโทไซยานินในขนมปั้นขลิบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (p > 0.05) โดยขนมปั้นขลิบ
ทดแทนแป้งสาลีโดยใช้แป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่พรีเจลาติไนซ์ ร้อยละ 40 มีค่าการยับยั้งอนุมูลอิสระ
และปริมาณสารแอนโทไซยานินมากที่สุด เท่ากับ 40.52 % และ 11.74 mg /100 g ตามลำดับ
(Table 2) เนอ่ื งจากในข้าววิทยาศาสตร์เกษตร ปที ่ี 49 ฉบบั ที่ 2 (พเิ ศษ) มกราคม -เมษายน 2561 651
ไรซ์เบอรร์ ี่มีการยับย้ังอนุมลู อสิ ระและปริมาณสารแอนโทไซยานนิ สูงเมื่อ เพม่ิ อัตราส่วนของขา้ วไรซ์เบอร์รี่
มากขึ้นความสามารถต้านอนุมูลอิสระและปริมาณสารแอนโทไซยานินจึงเพ่ิมขึ้นด้วย (นิศารัตน์. 2553
ช่นื จติ . 2558)
การปรับปรุงคุณภาพเน้ือสมั ผัสของผลติ ภัณฑ์ป้ันขลิบทอดได้ผลวิจยั ว่าการปรับปรุงผลติ ภัณฑ์
ปั้นขลิบทอดให้มีคุณภาพ โดยแบ่งงานวิจัยออกเป็นการศึกษาหาสาเหตุของการด้อยคุณภาพของ
ผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยารใช้สารลดค่า Water Activity (Aw) และฟิล์ม
บริโภคได้ (Edible Film) และการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ที่อุ่นด้วยเตาไมโครเวฟระหว่างการเก็บ
รกั ษา จากการศกึ ษาหาสาเหตุของการด้อยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ป้ันขลบิ ทอดแช่แข็งสำหรับอุ่นด้วยเตา
ไมโครเวฟ โดยการวดั ค่า (Aw) และคา่ กายภาพทางเนื้อสัมผสั ของปัน้ ขลิบทอดกบั ปั้นขลบิ ทอดแช่แข็งท่ี
ผ่านการอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟ พบว่าค่าของแผ่นแป้งชั้นที่ 1 (แผ่นแป้งชั้นนอกสุด) มีค่าสูงขึ้นและค่า
(Aw) ของไส้ปั้นขลิบทอดแช่แข็งมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญแสดงว่าเมื่อเก็บปั้นขลิบทอดแช่แข็งจะเกิด
การเคลื่อนที่ของน้ำจากไส้ปั้นขลิบ ซึ่งมีค่า (Aw) สูงไปสู่แผ่นแป้งซึ่งมีค่า (Aw) ต่ำกว่าและค่าความ
กรอบลดลง ดังนั้นการเคลื่อนที่ของน้ำจากไส้ปั้นขลิบ ไปสู่แผ่นแป้งทำให้ปั้นขลิบทอดแช่แข็งสูญเสีย
ความกรอบ จึงศึกษาวิธีการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์โยการใช้สารลดค่า (Aw) ในไส้เพื่อให้ค่า
ความแตกต่างระหว่างไส้ของปั้นขลิบกับแผ่นแป้งลดลงและใช้ (Edible Film) เคลือบแผ่นแป้งชั้นใน
(ด้านที่ติดกับไส้) เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของน้ำ (Moisture Migration) จากไส้ไปสู่แผ่นแป้งชั้นนอก
สรปุ ได้วา่ การปรับปรุงคุณภาพเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ป้ันขลบิ ทอดแช่แขง็ ท่ีอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟทำให้
เนื้อแป้งปนั้ ขลิบ (ลลติ วดี กก๊ พอค้า. 2549)
ไดศ้ ึกษางานวิจัยเร่ืองขนมป้ันขลบิ ไส้พริกเผาปลาสลิดเพื่อศึกษาพัฒนาตำรบั มาตรฐานป้ันขลิบ
ทอดไสน้ ำ้ พริกเผาปลาสลิด ศึกษาการยอมรับของผู้บรโิ ภคที่มีต่อปน้ั ขลิบทอดไส้น้ำพริกเผาปลาสลิดและ
ศึกษาต้นทุนการผลิตตำรับมาตรฐานปั้นขลิบทอดไส้น้ำพริกเผาปลาสลิดประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ี
ศึกษาต่อผู้บริโภคทั่วไปจังหวดั สุพรรณบุรีจำนวน 50 คน โดยวิธีการสุ่มแบบบังเอิญที่ใช้ในการวิจัยเป็น
แบบทดสอบทางประสาทสัมผัสดว้ ยวิธี Hedonicscaling Test มกี ารประเมินคณุ ลกั ษณะด้านสี, กลิน่ ,
รสชาติ, เนื้อสัมผัสและความชอบโดยรวมสถิติที่ใช้ในงานวิจัยการหาค่ารอยละ, ค่าเฉลี่ยและส่วน
11
เบี่ยงเบนมาตรฐานผลการวิจัยจากตำรับมาตรฐานทั้ง 3 ตำรับทดสอบการยอมรับด้านประสาทสัมผัส
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจานวน 5 ท่านพบว่าตำรับท่ี 1 ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
อาหารถึงคุณลักษณะด้านสี, กลิ่น, รสชาติ, เนื้อสัมผัส, และความชอบโดยรวม อยู่ในระดับชอบมาก
ที่สุดได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 7.5, 7.3,8.0, 7.3,และ 7.9 ตามลำดับ จากนั้นตำรับมาตรฐานที่ 1 ไป
พัฒนา โดยการเสริมเนื้อปลาสลิดในปริมาณที่แตกต่างกัน 3 ระดับปริมาณเนื้อปลาสลิดร้อยละ60,
ร้อยละ 85, และร้อยละ 100 13 ตามลำดับ ของน้ำหนักส่วนผสมทั้งหมดแล้วจึงนำมาทดสอบการ
ยอมรับทางด้านประสาทสัมผัสโดยกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคทั่วไปในจังหวัดสุพรรณบุรีจำนวน 50 คน
พบว่าตำรับที่กลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคให้การยอมรับมากที่สุดได้แก่ตำรับที่ 1 ซึ่งเป็นตำรับที่เสริมเนื้อ
ปลาสลิดร้อยละ 60 ของน้ำหนักส่วนผสมทั้งหมดในการคำนวณต้นทุนการผลิตปั้นขลิบทอดไส้
น้ำพรกิ เผาปลาสลิด 1 ตำรับไดป้ ริมาณป้ันขลิบทอดไส้นำ้ พริกเผาปลาสลิด จำนวน 45 ช้ินต้นทุนการ
ผลติ ทง้ั หมดตอ่ 1 ช้นิ ประมาณ 2.50 บาท (ผสุ ดี ขจรศกั ดิส์ ิริกุล. 2557)
12
2.4 กรอบแนวคิดในการจดั ทำโครงงาน
ต้นทุน ต้นทนุ ตามสว่ นประกอบของการผลติ
ผลตอบแทน ขนมป้ันขลบิ
1. ค่าวตั ถุดิบ
2. คา่ แรงงาน
3. คา่ ใช้จา่ ยในการผลติ
กำไร (ขาดทนุ ) จากการผลิตขนมปั้นขลบิ
รายได้จากการขาย
หกั ต้นทนุ ในการผลติ ขนมป้ันขลบิ
กำไรขัน้ ต้น
การวิเคราะห์
ต้นทนุ และผลตอบแทน
โครงสร้างต้นทุนการผลติ อัตราผลตอบแทน
ขนมปั้นขลิบเพอ่ื จำหน่าย 1. อัตรากำไรข้ันต้นต่อต้นทุน
2. อัตรากำไรข้ันต้นต่อยอดขาย
ภาพที่ 1. แสดงแนวคดิ ในการจดั ทำโครงงาน
บทที่ 3
วธิ กี ารดำเนนิ งาน
การดำเนินการศึกษาครั้งน้ี เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตขนมปั้นขลิบเพ่ือ
จำหน่ายของนักเรียน นักศึกษา แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลยั เทคนิคพิจิตร ผู้จัดทำโครงงานให้ดำเนนิ
ตามลำดบั ข้นั ตอน ดงั นี้
3.1 กลุ่มเป้าหมายท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา
3.2 เคร่อื งมือที่ใช้ในการศกึ ษา
3.3 วิธกี ารดำเนินการศึกษา
3.4 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล
3.6 สถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล
3.1 กล่มุ เปา้ หมายท่ีใชใ้ นการศึกษา
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในโครงงานการผลิตขนมปั้นขลิบเพื่อจำหน่าย ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา
แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 32 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่าง โดยเลือกจาก
นักเรียนนกั ศกึ ษาท่สี นใจขนมป้นั ขลิบ
3.2 เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อ
พฤตกิ รรมการบรโิ ภคขนมปน้ั ขลิบของผผู้ ลติ
14
3.3 วธิ ีการดำเนินการศึกษา
ผู้จัดทำโครงงาน ได้ดำเนินการศึกษาตามขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียดการสร้าง
แบบสอบถามขอ้ มลู เก่ยี วกับการลงทุนการผลติ ขนมปั้นขลิบ ของนกั เรียน นักศกึ ษา แผนกวิชาการบัญชี
วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ดำเนนิ การดังน้ี
3.3.1 ศึกษาแนวคิดทฤษฎีจากเอกสาร ตำรา สืบค้นข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ
การศกึ ษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนเพอื่ สร้างและพฒั นาแบบสอบถาม โดยแบง่ เป็น 3 ตอน
ตอนที่ 1 สอบถามสถานภาพและข้อมลู ทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
ตอนท่ี 2 สอบถามข้อมูลเกยี่ วกับการผลิตขนมปน้ั ขลบิ
ตอนท่ี 3 สอบถามข้อมลู เกี่ยวกับตน้ ทนุ และผลตอบแทนของการผลติ ขนมปัน้ ขลิบ
3.3.2 นำร่างแบบสอบถามเสนอต่อครูที่ปรึกษาโครงงาน เพื่อขอคำปรึกษา และตรวจสอบ
คำถามเพื่อให้ไดแ้ บบสอบถาม และแบบสมั ภาษณ์ที่ถูกตอ้ งเหมาะสม
3.3.3 นำแบบสอบถามท่ีปรบั ปรงุ แลว้ เสนอต่อครูทปี่ รึกษาโครงงานอีกครัง้ ก่อนนำไปใช้ในการ
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
ผจู้ ัดทำโครงงานได้ดำเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการดำเนินขั้นตอน ดงั น้ี
3.4.1 นำแบบสอบถามไปเกบ็ ข้อมลู จาก นกั เรยี น นักศึกษา แผนกวิชาการบญั ชี
วทิ ยาลัยเทคนิคพจิ ิตร ซ่ึงเปน็ กลมุ่ เปา้ หมายท่ีใชใ้ นการศกึ ษา
3.4.2 นำเสนอข้อมลู ท่ไี ด้มาทำการวิเคราะห์
3.5 การวิเคราะหข์ ้อมลู
ไดด้ ำเนนิ การวเิ คราะหข์ ้อมูลตามลำดับ ดังน้ี
3.5.1 การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ โดยเก็บรวบรวมขอ้ มลู มาทำการประมวลผล
3.5.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ในการวิเคราะห์เนื้อหา ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน
ได้แก่ การตีข้อมูล (Constant Comparison) การสังเคราะห์ข้อมูล (Data Synthesis) และสรุปผล
(Generalization)
15
3.6 สถิติท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มลู ผู้รายงานไดใ้ ช้สถติ ิวเิ คราะหข์ อ้ มลู ตา่ ง ๆ ดงั นี้
3.6.1 คา่ ความถ่ี (Frequency)
3.6.2 คา่ รอ้ ยละ (Percentage)
3.6.3 หาคา่ เฉลีย่ (Mean)
บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู
การดำเนินการศกึ ษาครงั้ นี้ เป็นการศกึ ษาต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ขนมป้ันขลิบเพ่อื
จำหน่าย เปน็ การศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมลู โดยใชแ้ บบบันทกึ ตน้ ทุนและแบบสอบถามผู้ศกึ ษานำเสนอ
ผลวเิ คราะห์ตามลำดับ ดังน้ี
4.1 ข้อมลู ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ขนมปนั้ ขลิบ
4.2 ข้อมูลสภาพท่วั ไปของผู้ตอบแทนแบบสอบถาม
4.3 ขอ้ มลู ปัจจยั ที่มีผลตอ่ พฤตกิ รรมการบริโภคขนมปน้ั ขลิบ
4.4 ข้อมลู เกี่ยวกบั การผลิตขนมปัน้ ขลิบ
4.1 ข้อมูลตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตขนมปน้ั ขลิบ
4.1.1 ขอ้ มลู ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการผลติ ขนมป้นั ขลิบ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตขนมปั้นขลิบเพ่ือ
จำหน่ายโดยต้นทุนในการผลิตขนมปั้นขลิบแบ่งตามส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย
คา่ วัตถดุ บิ ค่าแรงงานและค่าใช้จา่ ยในการผลติ ดังตารางท่ี 4.1.1 – 4.1.8
17
ตารางท่ี 4.1.1 แสดงการแบง่ ประเภทตน้ ทนุ ทท่ี ำการศึกษา
ค่าวตั ถุดิบ คา่ แรงงาน ค่าใช้จา่ ยในการผลิต
1. ค่าแรงงานตนเอง
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1. คา่ บรรจุภณั ฑ์
2. ไส้ถัว่ เหลอื ง 2. คา่ เสอ่ื มราคาอปุ กรณ์
3. หมหู ยอง 3. ค่าแกส๊ หงุ ตม้
4. พริกเผา
5. น้ำมนั พืช
6. เกลอื ป่น
7. น้ำตาลทราย
8. ปูนแดง
18
ตารางที่ 4.1.2 แสดงตน้ ทุนค่าวตั ถดุ ิบในการผลติ ขนมปั้นขลบิ (จำนวนการผลติ ขนมป้ันขลบิ
100 กระปุก)
ผลติ ภณั ฑ์ วตั ถุดิบ จำนวน (หนว่ ย) ราคา (บาท)
ขนมปน้ั ขลิบ
1. แปง้ สาลีอเนกประสงค์ 4 กโิ ลกรมั 132.00 บาท
2. ไสถ้ ั่วเหลือง 2 กโิ ลกรมั 160.00 บาท
3. หมหู ยอง 2 กโิ ลกรมั 120.00 บาท
4. พรกิ เผา 900 กรมั 130.00 บาท
5. น้ำมนั พืช 4 ลติ ร 252.00 บาท
6. เกลือป่น 1 หอ่
7. น้ำตาลทราย 500 กรมั 5.00 บาท
8. ปนู แดง 1 ถุง 15.00 บาท
10.00 บาท
รวม 824.00 บาท
ต้นทุนเฉล่ียต่อกระปุก 8.24 บาท
จากตารางท่ี 4.1.2 แสดงต้นทนุ คา่ วตั ถุดิบในการผลติ ขนมป้ันขลบิ (สำหรบั ขนมปัน้ ขลบิ 100
กระปุก) พบว่า อันดับแรกคือ น้ำมันพืช จำนวน 4 ลิตร ในราคา 252 บาท รองลงมาคือ ไส้ถั่วเหลือง
จำนวน 2 กิโลกรัม ในราคา 160 บาท แป้งสาลอี เนกประสงค์ จำนวน 4 กิโลกรมั ในราคา 132 บาท พรกิ เผา
จำนวน 900 กรัม ในราคา 130 บาท หมูหยอง จำนวน 2 กิโลกรัม ในราคา 120 บาท น้ำตาลทราย
จำนวน 500 กรัม ในราคา 15 บาท ปูนแดง จำนวน 1 ถุง ในราคา 10 บาท และเกลือป่น จำนวน 1ห่อ
ในราคา 5 บาท จึงทำให้มตี น้ ทนุ เฉลี่ย 8.24 บาทตอ่ กระปุก
ตารางที่ 4.1.3 แสดงต้นทนุ ค่าแรงงานในการผลิตขนมป้นั ขลิบ (จำนวนการผลิตขนมป้ันขลิบ
100 กระปุก)
ที่ รายการ จำนวน (บาท/วัน)
1. ค่าแรงงานตนเอง 300.00
คา่ แรงงานเฉลย่ี ตอ่ กระปุก 3.00
จากตารางท่ี 4.1.3 พบวา่ ผลการวิเคราะห์ตน้ ทุนคา่ แรงงานในการผลิตขนมปัน้ ขลบิ เฉล่ียต่อ
กระปุก 3 บาท คดิ เปน็ ค่าแรงงานต่อการผลติ 3 ครัง้ 300 บาท
19
ตารางท่ี 4.1.4 แสดงต้นทุนคา่ น้ำและคา่ แก๊สหุงตม้ ที่ใช้ในการผลิตขนมป้ันขลบิ (จำนวนการ
ผลิตขนมป้ันขลิบ 100 กระปุก)
รายการ ระยะเวลา จำนวน ราคาตอ่ หนว่ ย จำนวน (บาท)
40.00
ค่านำ้ ประปา 1 เดือน 5 หน่วย 8.00 150.00
150.00 190.00
ค่าแกส๊ หุงต้ม 1 เดือน
1.90
รวมต้นทนุ คา่ นำ้ ประปาและแก๊สหุงต้ม
ค่านำ้ และแกส๊ หงุ ต้มต้นทนุ เฉลย่ี ต่อกระปกุ
จากตารางท่ี 4.1.4 แสดงการวิเคราะหข์ ้อมูลค่านำ้ ประปาและแก๊สหุงต้มท่ีใช้ในการผลิตขนมปั้นขลิบ
พบวา่ อันดับแรกคือ คา่ แกส๊ หุงตม้ คดิ เป็น 1.50 บาท รองลงมาคอื คา่ น้ำประปา จำนวน 5 หนว่ ย คิดเป็น
40 บาท จงึ ทำใหค้ า่ น้ำประปาและแกส๊ หุงต้มมตี ้นทนุ เฉลยี่ 1.90 บาทตอ่ กระปุก
ตารางท่ี 4.1.5 แสดงตน้ ทุนค่ารถและคา่ เดินทางที่ใชใ้ นการผลติ ขนมป้นั ขลบิ (จำนวนการผลิต
ขนมปั้นขลบิ 100 กระปุก)
รายการ ระยะเวลา จำนวน ราคาต่อหนว่ ย จำนวน (บาท)
2 ลติ ร 44.00 88.00
ค่ารถและค่าเดนิ ทาง 1 เดือน 0.88
ค่ารถและคา่ เดินทางเฉลี่ยต่อกระปุก
จากตาราง 4.1.5 แสดงการวิเคราะห์ข้อมลู ค่ารถและคา่ เดินทางท่ใี ช้ในการผลิตขนมป้ันขลบิ
คอื ค่ารถและคา่ เดนิ ทาง 2 ลติ ร คดิ เป็น 88 บาท จึงทำให้ค่ารถและคา่ เดนิ ทางมีต้นทนุ เฉลย่ี 0.88 บาท
ต่อกระปกุ
ตารางท่ี 4.1.6 แสดงข้อมลู สินทรพั ย์ และค่าเส่ือมราคาอุปกรณ์ (จำนวนการผลติ ขนมปน้ั
ขลบิ 100 กระปุก)
รายการ อายุ (ปี) ราคา (บาท) จำนวน (บาท)
อุปกรณ์ 1 120.00 120.00
คา่ เสือ่ มราคาต่อกระปกุ 1.20
จากตารางที่ 4.1.6 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลสินทรัพย์และค่าเส่ือมราคาอุปกรณ์
มคี ่าเสือ่ มราคาอุปกรณ์ 120 บาท จึงทำให้ค่าเสื่อมราคา 1.20 บาทต่อกระปุก
20
ตารางที่ 4.1.7 แสดงข้อมลู ต้นทุนคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต
ท่ี รายการ ราคา(บาท) รอ้ ยละ
1. คา่ นำ้ ประปาและแกส๊ หุงต้ม 1.90 37.40
2. คา่ เสอื่ มราคาอปุ กรณ์ 1.20 23.62
3. ค่าบรรจุภัณฑ์ 1.10 21.66
4. ค่ารถคา่ เดินทาง 0.88 17.32
คา่ ใช้จา่ ยในการผลติ รวม 5.08 100.00
จากตารางที่ 4.1.7 แสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ตน้ ทุนค่าใชจ้ า่ ยในการผลิต พบวา่ อนั ดับแรกคือ
ค่านำ้ ประปาและค่าแก๊สหงุ ต้ม 1.90 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 37.40 รองลงมาคอื ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ 1.20
คิดเป็นร้อยละ 23.62 ค่าบรรจุภัณฑ์ 1.10 บาท คิดเป็นร้อยละ 21.66 และค่ารถ ค่าเดินทาง 0.88 บาท
คดิ เปน็ ร้อยละ 17.32 จงึ ทำใหต้ น้ ทุนในการผลติ เฉลี่ย 5.08 บาทต่อกระปุก ตามลำดบั
จากตารางที่ 4.1.8 แสดงข้อมลู ต้นทนุ ในการผลิตขนมป้ันขลบิ
ท่ี รายการ ต้นทุนเฉลยี่ ตอ่ กระปุก ร้อยละ
1. ค่าวัตถดุ ิบ 8.24 50.49
2. คา่ แรงงาน 3.00 18.38
3. ค่าใชจ้ ่ายในการผลติ 5.08 31.13
ต้นทนุ ในการผลติ รวม 16.32 100.00
จากตาราง 4.1.8 แสดงการวิเคราะหข์ อ้ มลู ในการผลิตขนมปั้นขลบิ พบว่า อนั ดบั แรกคอื
ค่าวตั ถุดบิ 8.24 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 50.49 รองลงมาคอื คา่ ใช้จา่ ยในการผลติ 5.08 บาท คดิ เป็นร้อยละ
31.13 และคา่ แรงงาน 3.00 บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ 18.38 จงึ ทำให้ต้นทนุ ในการผลติ เฉล่ีย 16.32 บาทต่อ
กระปุก ตามลำดบั
21
4.1.9 ขอ้ มลู เก่ยี วกับผลตอบแทนในการผลิตขนมป้นั ขลิบ
การศึกษาผลตอบแทนจากการผลิตขนมป้นั ขลบิ ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษาจากราคาขาย
กำไรขนั้ ตน้ อตั รากำไรต่อทุน และอตั รากำไรต่อยอดขายดังแสดงในตารางท่ี 4.1.9 - 4.1.11
ตารางท่ี 4.1.9 แสดงต้นทนุ ของราคาขายต่อกระปุก ของผลิตภัณฑ์ขนมปั้นขลบิ
ชื่อผลติ ภัณฑ์ ราคาขายต่อกระปุก
ขนมปนั้ ขลิบ 20.00
จากตารางที่ 4.1.9 แสดงต้นทนุ ของราคาขายตอ่ กระปกุ พบว่า ขนมปั้นขลบิ 20.00 บาทตอ่
กระปุก
ตารางท่ี 4.1.10 แสดงกำไรขั้นต้นจากการผลิตขนมป้นั ขลิบต่อกระปกุ
รายการ 8.24 จำนวน (บาท)
3.00 20.00
รายการจากการขายขนมป้ันขลิบ 5.08
หกั ตน้ ทุนขาย 16.32
3.68
คา่ วัตถุดบิ
ค่าแรงงาน
คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ
กำไรขั้นตน้
จากตารางที่ 4.1.10 แสดงผลการวิเคราะห์กำไรข้ันต้น พบวา่ มีรายไดจ้ ากการผลิตขนมป้ันขลิบ
20.00 บาทต่อกระปุก มีต้นทุนขาย อันดับแรกคือ ค่าวัตถุดิบ 8.24 บาท รองลงมาคือ ค่าใช้จ่ายในการ
ผลิต 5.08 บาท และค่าแรงงาน 3.00 บาท จึงทำให้มีกำไรขัน้ ตน้ 3.68 บาทต่อกระปกุ
22
ตารางท่ี 4.1.11 แสดงการคำนวณหาอตั ราผลตอบแทนจากการผลิตขนมปน้ั ขลบิ
อตั ราส่วน สตู รการคำนวณ แทนค่า ผลการคำนวณ
อัตรากำไรต่อทุน กำไรขน้ั ต้น 3.68 x 100 22.55%
อตั รากำไรต่อยอด ต้นทุน 16.32 18.40%
กำไรขน้ั ตน้ 3.68 x 100
ราคาขาย 20
จากตารางท่ี 4.1.11 แสดงผลการวิเคราะห์อตั ราผลตอบแทนจากการผลติ ขนมปน้ั ขลิบเฉล่ียตอ่
กระปุก พบวา่ มีอตั รากำไรต่อทนุ 22.55% และมีอัตรากำไรตอ่ ยอดขาย 18.40%
4.2 ข้อมูลสภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
การศกึ ษาคร้งั นี้ ผู้ศกึ ษาได้เก็บรวบรวมขอ้ มูลจากกลุม่ ตวั อยา่ งทีส่ นใจขนมปัน้ ขลบิ กำหนด
กลมุ่ ตวั อย่างโดยเลือกจากนักเรยี น นกั ศึกษา วิทยาลัยเทคนิคพจิ ติ ร ทสี่ นใจขนมปนั้ ขลิบ จำนวน 32 คน
ซึง่ ผู้ศกึ ษาไดน้ ำมาวเิ คราะห์ข้อมลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับ ระดับการศึกษา เพศ อายุ และ
อาชีพ ดังแสดงในตารางท่ี 4.2.1-4.2.4
ตารางท่ี 4.2.1 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของระดับการศึกษาทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
รายการ จำนวน รอ้ ยละ
ประถมศึกษา 1 3.10
มธั ยมศึกษา 2 6.30
ปวช. 21 65.60
ปวส. 8 25.00
รวม 32 100.00
จากตารางท่ี 4.2.1 พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามทัง้ หมดอยู่ในระดับชัน้ ปวช. จำนวน 21 คน
คิดเปน็ รอ้ ยละ 65.6 ปวส. จำนวน 8 คน คิดเปน็ ร้อยละ 25 มัธยมศึกษา จำนวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.3
และระดบั ชน้ั ประถมศึกษา จำนวน 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.1 ตามลำดบั
23
ตารางที่ 4.2.2 แสดงจำนวนและคา่ ร้อยละของเพศทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
รายการ จำนวน รอ้ ยละ
ชาย 13 40.60
หญงิ 19 59.40
รวม 32 100.00
จากตารางที่ 4.2.2 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามอนั ดบั แรกเปน็ เพศหญงิ จำนวน 19 คน
คิดเป็นรอ้ ยละ 59.4 รองลงมาเป็นเพศชาย จำนวน 13 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 40.6 ตามลำดบั
ตารางที่ 4.2.3 แสดงจำนวนและคา่ ร้อยละของอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม
รายการ จำนวน รอ้ ยละ
ตำ่ กว่า 15 ปี 1 3.10
15-20 ปี 27 84.40
20-30 ปี 4 12.50
30 ปี 0 0.00
รวม 32 100.00
จากตารางที่ 4.2.3 พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามท้งั หมดมอี ายุ ตำ่ กว่า 15 ปี จำนวน 1 คน
คิดเป็นร้อยละ 3.1 อายุ 15-20 ปี จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 84.4 อายุ 20-30 ปี 4 คน คิดเป็น
ร้อยละ 12.5 ตามลำดับ
ตารางที่ 4.2.4 แสดงจำนวนและคา่ ร้อยละของอาชีพผตู้ อบแบบสอบถาม
รายการ จำนวน รอ้ ยละ
นกั เรียน/นกั ศึกษา 31 96.90
คร/ู บคุ ลากร 0 0.00
อน่ื ๆ 1 3.10
รวม 32 100.00
จากตารางท่ี 4.2.4 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามทงั้ หมดเป็น นกั เรียน นกั ศึกษา จำนวน 32 คน
คดิ เป็นร้อยละ 96.9 อน่ื ๆ จำนวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 3.1 ตามลำดบั
24
4.3 ข้อมูลปจั จัยท่ีมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคขนมปั้นขลบิ
ผลการวิเคราะห์ระดบั ความคิดเห็นของผ้บู ริโภคขนมปน้ั ขลบิ ทเ่ี ก่ยี วกบั ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ พฤติกรรม
การบรโิ ภคขนมปัน้ ขลบิ ดงั ตารางที่ 4.3
ตารางท่ี 4.3 แสดงค่าเฉลย่ี และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานความคดิ เห็นบริโภคเก่ียวกบั ปัจจัยทีม่ ผี ล
ตอ่ การบริโภคขนมปั้นขลิบ
รายการ ผลการวิเคราะห์ ระดับ
ความคิดเห็น
̅ .
ปจั จยั ดา้ นการผลิตภัณฑ์ 4.83 0.49 มากท่สี ดุ
1. รสชาติ 4.81 0.47 มากทีส่ ดุ
2. คุณภาพของวัตถุดิบ 4.78 0.61 มากที่สดุ
3. ความสะอาดของบรรจุภัณฑ์ 4.88 0.42 มากทีส่ ุด
4. ขนาดและรปู แบบบรรจุภัณฑ์ 4.84 0.45 มากท่สี ุด
ปัจจัยดา้ นราคา 4.78 0.49 มากที่สดุ
1. ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณ 4.78 0.49 มากที่สดุ
ปัจจัยด้านบคุ คลและสง่ เสริมการขาย 4.86 0.49 มากท่สี ดุ
1. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 4.84 0.45 มากที่สดุ
2. ความนา่ เชอ่ื ถอื ในการชำระเงนิ 4.88 0.42 มากที่สดุ
3. อัธยาศัยและการให้บริการของผขู้ าย 4.88 0.42 มากที่สดุ
รวม 4.82 0.49 มากที่สุด
จากตารางท่ี 4.3 ผู้ตอบแบบสอบถามมคี วามคิดเหน็ วา่ ปัจจัยทมี่ ผี ลต่อพฤติกรรมการบริโภคขนม
ป้นั ขลิบด้านทม่ี คี า่ เฉลยี่ สูงสุด 3 อนั ดับแรก ไดแ้ ก่ ปจั จัยด้านบคุ คลและสง่ เสริมการขาย( ̅ = 4.86 , . =0.49)
ปัจจัยด้านการผลิตภัณฑ์ ( ̅ = 4.83 , . = 0.49) และปัจจัยด้านราคา ( ̅ = 4.78, . = 0.49)
ตามลำดบั
ปจั จัยดา้ นบคุ คลและส่งเสริมการขาย คา่ เฉลยี่ สงู สดุ อันดับแรกคือ ความน่าเชอื่ ถือในการชำระเงิน
(X̅ = 4.88,S. D = 0.42) อธั ยาศัยและการใหบ้ รกิ ารของผขู้ าย (X̅ = 4.88,S. D = 0.42) รองลงมาคอื
การโฆษณา ประชาสมั พันธ์ ( ̅ = 4.84, . = 0.45) ตามลำดับ
25
ปัจจัยด้านการผลิตภัณฑ์ ค่าเฉล่ียสูงสุดอันดับแรกคือ ความสะอาดของบรรจุภัณฑ์
(̅X = 4.88,S. D = 0.42) รองลงมาคือ ขนาดและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ( ̅ = 4.84,S. D = 0.45)
รสชาติ (X̅ = 4.81,S. D = 0.47) คุณภาพของวัตถุดิบ (̅X = 4.78,S. D = 0.61) ตามลำดับ
ปัจจัยด้านราคา ค่าเฉล่ียสูงสุดอันดับแรกคือ ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณ
(X̅ = 4.78,S. D = 0.49)
4.4 ข้อมูลเกย่ี วกบั การผลติ ขนมปน้ั ขลิบ
ตารางท่ี 4.4 ข้อมลู เกี่ยวกับการผลิตขนมปัน้ ขลิบ
รายการ ขอ้ มูล
วิธีการจำหน่าย ขายปลีก
ปริมาณการผลติ ต่อเดือน 100
จำนวนคนผลติ 3
จากตารางที่ 4.4 แสดงขอ้ มูลเกย่ี วกับการผลติ ขนมปน้ั ขลิบ พบว่า วิธกี ารจำหนา่ ยขนมปั้นขลบิ
คือ วธิ ีการขายปลีก ปริมาณการผลิตขนมปัน้ ขลบิ ต่อเดือน 100 กลอ่ ง คนผลติ ขนมป้ันขลบิ 3 คน
บทที่ 5
สรุป การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
การดำเนนิ การศกึ ษาครง้ั นี้ เปน็ การศึกษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตขนมปนั้ ขลิบเพอ่ื
จำหน่าย มีวัตถุประสงค์
1. เพอ่ื ศึกษาต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ขนมปัน้ ขลบิ
2. เพ่ือศึกษาค่าใชจ้ า่ ยท่ปี ระหยดั ได้จากการผลิตขนมปั้นขลบิ
3. เพอ่ื ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคทม่ี ตี ่อการบริโภคขนมปัน้ ขลิบ
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา แผนกวิชาการบัญชี
วทิ ยาลยั เทคนคิ พจิ ิตร จำนวน 32 คน ไดม้ าโดยการเลือกแบบเจาะจง
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการบริโภคขนมปั้นขลิบ
และบันทกึ ต้นทุนจากการผลิตขนมป้นั ขลบิ
ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ศึกษาได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยนำ
แบบสอบถามท่ีสร้างเสร็จแล้วไปทำการเก็บขอ้ มูลด้วยตนเอง จากกลมุ่ ตวั อยา่ งจำนวน 32 คน รวบรวม
แบบสอบถามที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติพื้นฐานแจกแจงความถี่และค่าร้อยละและใช้
ผลตอบแทนโดยใชอ้ ตั ราส่วนทางการเงิน
27
5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา
จากการวิเคราะห์ผลขอ้ มลู สรปุ ผลต่อการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ ขนม
ปนั้ ขลิบเพ่ือจำหนา่ ย ดงั น้ี
5.1.1 ตน้ ทุนในการผลติ ขนมป้นั ขลิบเฉลี่ยต่อชิ้น
จากการศึกษา พบวา่ ในการผลิตขนมปนั้ ขลบิ มตี ้นทนุ เฉลี่ย 16.32 บาทต่อกระปุก
ประกอบดว้ ย คา่ วัตถดุ ิบ 8.24 บาทตอ่ กระปุก ค่าแรงงาน 3.00 บาทต่อกระปุก และคา่ ใช้จ่าย
ในการผลติ 5.08 บาทต่อกระปุก
5.1.2 สถานภาพและข้อมลู ทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
จากผลการศึกษา พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามเป็นนักศึกษาระดับช้ัน ปวช. คิดเป็นร้อย
ละ 65.60 จำนวน 21 คน รองลงมาคือ ปวส. คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25.00 จำนวน 8 คน มัธยมศึกษา
คิดเป็นรอ้ ยละ 6.30 จำนวน 2 คน และประถมศึกษา คิดเปน็ ร้อยละ 3.10 จำนวน 1 คน ตามลำดบั
เพศของผู้ตอบแบบสอบถามอันดับแรกคือ เพศหญิง จำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ
59.40 และเพศชาย จำนวน 13 คน คิดเปน็ ร้อยละ 40.60 ตามลำดับ
อายุของผู้ตอบแบบสอบถามอันดับแรกคือ มีอายุระหว่าง 15 – 20 ปี จำนวน 27
คน รองลงมาคือ มีอายุระหว่าง 20 -30 ปี จำนวน 4 คน และต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 1 คน
ตามลำดบั
5.1.3 ปจั จัยที่มีผลต่อการบรโิ ภคขนมปั้นขลิบ
จากการศึกษามาพบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามมีความคดิ เห็นวา่ ปจั จัยที่มผี ลตอ่
พฤติกรรมการบรโิ ภคขนมปั้นขลิบที่มีคา่ เฉลย่ี 3 ลำดบั ได้แก่ 1. ปจั จยั ด้านบคุ คลและสง่ เสริมการขาย
2. ปัจจยั ด้านการผลติ ภณั ฑ์ และ3. ปัจจัยด้านราคา
5.2 อภปิ รายผลการศกึ ษา
จากการสรุปผลของการศกึ ษา มีประเด็นสำคัญทค่ี วรนำมาอภปิ รายผล ดังน้ี
5.2.1 ต้นทุนการผลิตขนมปัน้ ขลบิ ประกอบไปดว้ ย 3 สว่ นทส่ี ำคญั ได้แก่ ค่าวตั ถดุ บิ
ร้อยละ 50.49 ค่าใช้จ่ายในการผลิต ร้อยละ 31.13 และค่าแรงงาน ร้อยละ 18.38 เห็นได้ว่าในการ
ผลิตขนมปั้นขลิบมีสัดส่วนของวัตถุดิบมากที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากการผลิตขนมปั้นขลิบใช้วัตถุดิบหลักคือ
น้ำมันพชื มากท่ีสดุ
5.2.2 การศกึ ษาความคิดเห็นและพฤติกรรมการบรโิ ภคขนมป้ันขลิบของผบู้ ริโภคทุกปัจจยั ทีม่ ี
ผลต่อการตัดสินใจของผบู้ รโิ ภคในการเลือกซื้อขนมปั้นขลบิ ท้งั ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยดา้ นราคา
ปจั จยั ด้านบุคคลและสง่ เสรมิ การขาย ดงั นั้นในการตัดสนิ ใจประกอบกิจการรา้ นขนมป้ันขลบิ ให้
ความสำคัญกบั ทกุ ปัจจยั ซ่งึ มีผลกำไรและคู่แข่งได้
28
5.3 ข้อเสนอแนะ
5.3.1 ขอ้ เสนอแนะในการศึกษาครัง้ นี้
ในการผลติ ขนมป้นั ขลิบที่มีตน้ ทุนในการทำทต่ี ำ่ กวา่ ตามท้องตลาด จึงควรพจิ ารณาหา
แนวทางในการเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการทำเพื่อใหไ้ ด้ขนมปน้ั ขลบิ ที่มีคุณภาพและตน้ ทนุ ที่ตำ่ ลง
5.3.2 ขอ้ เสนอแนะในการศึกษาครงั้ ต่อไป
ควรศกึ ษาแนวทางการพฒั นาคุณภาพและรูปแบบของขนมปั้นขลิบ เพอ่ื เพิม่ ปริมาณ
การผลิตครงั้ ต่อไปและเพิ่มยอดขายใหส้ ูงข้นึ เช่น เปลีย่ นรูปแบบบรรจุภัณฑ์และรสชาติท่ีแตกตา่ งออกไป
จากเดมิ แลว้ นำมาเปรียบเทียบต้นทนุ ของผลิตภัณฑเ์ ดิม
29
บรรณาณกุ รม
สุพตั รา เลิศวณชิ ยว์ ฒั นา. “ขนมปนั้ ขลิบจากแป้งสาลผี สมแปง้ ขา้ วไรซเ์ บอรร์ ่”ี , [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก:
: https://shorturl.asia/L691V, [สบื ค้นเมอื่ 11 กรกฎาคม 2565]
ปิตพิ ร และคณะ. “คณุ สมบัตทิ างกลของแปง้ ”, [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก:
: https://shorturl.asia/ardwR, [สบื ค้นเมอื่ 13 กรกฎาคม 2565]
นิศารตั น์ ศิรวิ ฒั นเมธานนท์. “อาหารหลากสีมปี ระโยชน์หลากหลาย”, [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก:
: https://shorturl.asia/ardwR, [สบื คน้ เมอ่ื 13 กรกฎาคม 2565]
ผสุ ดี ขจรศกั ดส์ิ ิริกลุ . “ การทดแทนไส้พรกิ เผาเสรมิ เนอื้ ปลาสลดิ ”, [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก:
: https://shorturl.asia/ij0dW, [สบื คน้ เม่อื 13 กรกฎาคม 2565]
ลลติ วดี ก๊กพอค้า. “การปรบั ปรงุ คณุ ภาพเน้ือสัมผสั ของแป้ง”, [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก:
: https://shorturl.asia/TkWKZ, [สืบค้นเม่ือ 13 กรกฎาคม 2565]
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
เคร่อื งมือที่ใช้ในการศกึ ษา
แบบสอบถามความคิดเหน็ เกี่ยวกับปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ ผู้บรโิ ภคขนมปั้นขลบิ
32
แบบสอบถามฉบบั นจี้ ัดทำขนึ้ โดย นักศึกษากล่มุ โครงงานการศกึ ษาต้นทุนและผลตอบแทน
ในการผลิตขนมปั้นขลิบเพื่อจำหน่าย มีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือต้องการทราบข้อมลู เกย่ี วกับผลิตภัณฑท์ ี่ผลติ ขึน้
ทำสแกน QR – CODE ทางด้านบนเพือ่ เข้าสู่เว็ปไซตต์ อบแบบสอบถาม
หรือเข้าไปทีเ่ ว็ปไซต์ https://shorturl.asia/ou5vg
33
ภาพท่ี 1 การส่งเวบ็ ไซต์ให้นกั ศึกษาตอบแบบสอบถามออนไลน์
ภาพที่ 2 การส่งเวบ็ ไซต์ให้นกั ศกึ ษาตอบแบบสอบถามออนไลน์
13/9/65 15:12 แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคขนมปั้นขลิบ
แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มี
ผลต่อการบริโภคขนมปั้นขลิบ
*จำเป็ น
ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับ คำชี้แจง : โปรดให้รายละเอียดเกี่ยวข้องกับตัวท่าน
ข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบ โดยเลือกข้อความตามความเป็ นจริง
คำถาม
1 เพศ *
ทำเครื่องหมายเพียงหนึ่งช่อง
ชาย
หญิง
2 อายุ *
ทำเครื่องหมายเพียงหนึ่งช่อง
ต่ำกว่า 15 ปี
15 - 20 ปี
20 - 30 ปี
30 ปีขึ้นไป
3 ระดับการศึกษา *
ทำเครื่องหมายเพียงหนึ่งช่อง
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
ประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.)
อื่นๆ:
https://docs.google.com/forms/d/1HvU0cDf95FurStO9E47FV9Yh_hAPGKO9uLvJCS0dTlA/edit 1/3
13/9/65 15:12 แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคขนมปั้นขลิบ
4 อาชีพ *
ทำเครื่องหมายเพียงหนึ่งช่อง
นักเรียน - นักศึกษา
ครูและบุคลากร
อื่นๆ:
ตอนที่ 2 ระดับคะแนนความพึงพอใจที่มีต่อการบริโภคขนม เกณฑ์ระดับการ
ปั้นขลิบ
ประเมิน
5=พึงพอใจมากที่สุด
4=พึงพอใจมาก
3=พึงพอใจปานกลาง
2=พึงพอใจน้อย
1=พึงพอใจน้อยที่สุด
5 ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ *
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
54321
รสชาติของขนมปั้นขลิบ
คุณภาพของวัตถุดิบ
ความสะอาดของบรรจุ
ภัณฑ์
ขนาดและรูปแบบของ
บรรจุภัณฑ์
6 ปัจจัยด้านราคา *
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
54321
ราคาเหมาะสมกับ
คุณภาพและปริมาณ
https://docs.google.com/forms/d/1HvU0cDf95FurStO9E47FV9Yh_hAPGKO9uLvJCS0dTlA/edit 2/3
13/9/65 15:12 แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคขนมปั้นขลิบ
7 ปัจจัยด้านบุคคลและส่งเสริมการขาย *
ทำเครื่องหมายแถวละหนึ่งช่องเท่านั้น
54321
การโฆษณา
ประชาสัมพันธ์
ความน่าเชื่อถือในการ
ชำระเงิน
อัธยาศัยและการให้
บริการของผู้ขาย
ตอนที่ 3 ข้อเสนอและอื่น ๆ
8
เนื้อหานี้มิได้ถูกสร้างขึ้นหรือรับรองโดย Google
ฟอร์ม
https://docs.google.com/forms/d/1HvU0cDf95FurStO9E47FV9Yh_hAPGKO9uLvJCS0dTlA/edit 3/3
ประทบั เวลา ระดบั การศกึ ษา เพศ อายุ อาชีพ ปจ จัยดา นผลติ ภณั ฑ [รสชาตขิปอจ งจขัยนดามนปผนลขติ ลภิบัณ] ฑ [คณุ ภาพปขจอจงยั วดตั าถนุดผิบล]ิตภัณฑ [ความสะปอจาจดยั ขดอางนบผรลรติจุภัณฑ][ขนาดแปลจะรจูปยั แดบา บนขราอคงบา[รรราจคภุ าัณเหฑมา] ะสมปกจบัจัยคดุณาภนาบพ
หญงิ 15 - 20 ป นกั เรียน - นักศึกษา 55555
6/7/2022, 9:17:12 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช) หญิง 15 - 20 ป นกั เรยี น - นักศึกษา 55555
หญงิ 15 - 20 ป นกั เรยี น - นักศกึ ษา 55555
23/7/2022, 20:11:18 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) หญงิ 15 - 20 ป นักเรียน - นักศกึ ษา 33333
ชาย ตํ่ากวา 15 ป นักเรยี น - นกั ศึกษา 43444
23/7/2022, 20:12:25 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) หญิง 15 - 20 ป นกั เรียน - นกั ศึกษา 55554
หญงิ 15 - 20 ป นกั เรียน - นักศกึ ษา 55555
23/7/2022, 20:18:16 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) หญิง 15 - 20 ป นักเรยี น - นักศึกษา 55545
ชาย 15 - 20 ป นักเรยี น - นักศกึ ษา 55555
23/7/2022, 20:19:30 มัธยมศึกษา ชาย 15 - 20 ป นักเรยี น - นกั ศกึ ษา 55555
ชาย 15 - 20 ป นกั เรยี น - นักศกึ ษา 55555
23/7/2022, 20:34:10 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชาย 20 - 30 ป นกั เรียน - นักศึกษา 55555
หญงิ 15 - 20 ป นักเรียน - นักศึกษา 45555
26/7/2022, 14:51:41 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) หญิง 15 - 20 ป นักเรียน - นกั ศกึ ษา 55544
ชาย 15 - 20 ป นักเรยี น - นกั ศกึ ษา 55554
26/7/2022, 14:51:51 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) หญิง 15 - 20 ป นกั เรยี น - นกั ศกึ ษา 55555
หญงิ 15 - 20 ป นักเรียน - นักศึกษา 55555
26/7/2022, 21:53:40 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพขนั้ สงู (ปวส.) ชาย 15 - 20 ป นกั เรียน - นักศกึ ษา 55555
ชาย 15 - 20 ป นกั เรียน - นกั ศกึ ษา 55555
26/7/2022, 21:56:49 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพขน้ั สูง (ปวส.) หญงิ 20 - 30 ป นกั เรยี น - นกั ศึกษา 55555
หญงิ 15 - 20 ป นกั เรยี น - นกั ศึกษา 55555
26/7/2022, 22:00:03 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ขน้ั สูง (ปวส.) หญงิ 15 - 20 ป นกั เรียน - นักศึกษา 55555
ชาย 15 - 20 ป นกั เรยี น - นักศึกษา 55555
26/7/2022, 22:13:39 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพขนั้ สูง (ปวส.) ชาย 15 - 20 ป นักเรยี น - นักศึกษา 55555
หญิง 15 - 20 ป นักเรยี น - นกั ศึกษา 55555
27/7/2022, 5:50:01 มัธยมศกึ ษา ชาย 15 - 20 ป นกั เรยี น - นกั ศกึ ษา 55555
หญิง 15 - 20 ป นักเรียน - นกั ศึกษา 55555
27/7/2022, 9:06:19 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) หญิง 15 - 20 ป นักเรียน - นักศึกษา 55554
หญิง 15 - 20 ป นักเรียน - นักศกึ ษา 55555
27/7/2022, 9:07:55 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) หญงิ 15 - 20 ป นักเรียน - นกั ศกึ ษา 45555
หญิง 15 - 20 ป นกั เรยี น - นักศึกษา 54455
27/7/2022, 9:09:58 ประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.)
27/7/2022, 9:14:30 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.)
27/7/2022, 9:14:51 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.)
27/7/2022, 9:20:19 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
27/7/2022, 9:20:44 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ขน้ั สูง (ปวส.)
27/7/2022, 9:21:12 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.)
27/7/2022, 9:21:25 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.)
27/7/2022, 9:21:50 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
27/7/2022, 9:22:22 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
27/7/2022, 9:22:24 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพขั้นสงู (ปวส.)
27/7/2022, 9:23:09 ประกาศนียบัตรวิชาชพี (ปวช.)
27/7/2022, 9:23:16 ประกาศนียบัตรวิชาชพี ขน้ั สูง (ปวส.)
27/7/2022, 9:23:20 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
27/7/2022, 9:24:01 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.)
27/7/2022, 9:25:24 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ขน้ั สูง (ปวส.)
27/7/2022, 10:33:33 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.)
บพุคแคลละแปลระิมสาง ณเส]รมิ กปารจ ขจายั ยดา[นกบาคุรโคฆลษแณละาสงกเาสรรปมิ รกะปาชรจ าขจสายั มั ยดพาัน[นคธบว]คุามคนลาแเลชะื่อสถงอืเสใรนมิ กกาารรชขาํ ารยะเง[อินธั ] ยาศัยและการใหบปรจ ิกจาัยรดขาอนงรผาูขคาาย[]ราคาเหมาะสปมจ กจับัยคดุณานภบาพคุ คแลแะปลระสิมงาเณสร] ิมกปารจ ขจายั ยดา [กนาบรคุ โคฆลษแณละาสปงรเะสชราิมสกมั ปาพรจขันจาธัยย]ดา [คนวบาุคมคนลาแเชละื่อสถงอื เใสนริมกการาชรขําราะยเง[อนิ ธั ] ยาศยั และการใหบรกิ ารของผขู าย]
555
555
555
333
455
5 4 5 ดีมากๆ
555
5 5 5 อรอ ยมากๆเลยคะ
555
555
5 5 5 ทรงมะฮอปนะจาาาา
555
545
455
554
555
555
5 5 5 อรอ ยมากครับ
555
555
555
555
555
555
555
555
555
554
455
5 5 5 ขนมอรอยรสชาติดี
555
ภาคผนวก ข
แบบเสนอหัวขอ้ และเคา้ โครง
โครงงานการศกึ ษาต้นทนุ และผลตอบแทนในการผลิตขนมปั้นขลบิ เพ่อื จำหนา่ ย
36
แบบเสนอโครงงาน
1. ชอ่ื โครงงาน (ภาษาไทย) การศึกษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิตขนมปน้ั ขลบิ เพ่ือจำหนา่ ย
ชื่อโครงงาน (ภาษาองั กฤษ) Cost and Return Sutdy on Production Panklib for sale
2. ประเภทของโครงงาน
สิง่ ประดษิ ฐ/์ นวตั กรรม
ศึกษาทฤษฎแี ละหลักการ
ศึกษาคน้ ควา้ ทดลอง
สำรวจรวบรวมขอ้ มูล
3. รายช่ือผู้จดั ทำโครงงาน
3.1 นางสาววนสั นนั ท์ จันทร์แดง รหสั นกั ศกึ ษา 63202011225
3.2 นางสาวจติ รานชุ รอดกำเนิด รหสั นกั ศึกษา 63202011209
3.3 นางสาวกานตฏ์ ิมา อินหนั รหสั นักศกึ ษา 63202011203
4. ครทู ่ปี รกึ ษาโครงงาน
นางสาววลิ าสินี ผวิ อ่อนดี
5. ความสำคัญของโครงงาน/หลกั การและเหตุผล
ป้ันขลิบทอดเป็นอาหารว่างชนิดหน่ึง รูปร่างคล้าย กะหร่ีปั๊บแตกต่างกันที่มีขนาดเล็กกว่า
และไม่มีลวดลายเป็นชัน้ ๆ ไส้ท่ีนิยมรับประทานในสมยั ก่อน คือ ไส้หมูและไสป้ ลา ส่วนในปัจจุบัน
นิยมรับประทานเป็นไส้พริกเผาหมูหยองและไส้ถ่ัวเหลือง มีขนาดพอดีคำแป้งจะกรอบแข็งมากกว่า
กะหร่ปี ั๊บ นิยมกินคู่กบั นำ้ ชาหรือชาสมุนไพร เนือ่ งจากเป็นอาหารที่ต้องใช้การทอด จงึ ทำให้มีน้ำมัน
แทรกอยู่ในตัวขนมค่อนข้างมาก แต่ต้องอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิทจึงจะไม่มีกล่ินเหม็นหืนของน้ำมัน
ไส้จะหอมกลิ่นพริกเผา ป้ันขลิบมีส่วนผสมของ ผลิตภัณฑ์ท่ีทำจากแป้งสาลี ผสมน้ำตาล น้ำเย็น
น้ำมันพืช และน้ำปูนใส ในปริมาณท่ีเหมาะสม นวดผสมให้เข้ากันจะได้ลักษณะตามต้องการ แบ่ง
แป้งเป็นก้อนเล็ก ๆ แผ่แป้งออกเป็นแผ่นกลมบาง บรรจุไส้ด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น หมูหยอง
พริกเผา ถั่วเหลือง พบั ครง่ึ แป้งแลว้ ม้วนปิดรมิ แปง้ ตรงที่ประกบกันให้เป็นเกลยี ว นำไปทอดในน้ำมัน
ท่ีอุณหภูมิและระยะเวลาท่ีเหมาะสม นิยมเรียกช่ือปั้นขลิบหรืออีกชื่อเรียกหน่ึงว่า ปั้นสิบ หมายถึง
37
เวลาทำจำต้องใช้นิ้วมือท้ังสิบน้ิวในการปั้นขนมจึงจะสามารถปั้นได้ ปั้นขลิบ หมายถึง เก็บริบขอบ
แปง้ ที่หอ่ ไสข้ นมด้วยการพับม้วน
ไส้ถ่ัวเหลืองตามประวัติศาสตร์แล้วถั่วเหลืองน้ันมีถ่ินกำเนิดในประเทศจีนทางตอนกลางหรือ
ทางเหนือ ซึ่งชาวจีนได้รู้จักการใช้ประโยชน์จากถ่ัวเหลือง ถ่ัวเหลืองเป็นอาหารที่มีคุณค่าทาง
โภชนาการสูงและหลากหลาย เพราะอุดมไปด้วยโปรตนี คาร์โบไฮเดรต กรดอะมิโน มีเสน้ ใยอาหาร
สูง มีวิตามินและเกลือแร่สูง ขนมป้ันขลิบรูปร่างคล้ายกะหร่ีปั๊บแตกต่างกันที่ตัวเล็กกว่าและไม่มี
ลวดลายเปน็ ช้นั ๆ ไส้ท่ีนิยมในตอนนี้มีอยู่ ๒ ไส้ คือ ไส้ถว่ั เหลือง และไส้พรกิ เผาหมูหยอง เปน็ ไส้
ที่มีความอร่อยกลมกล่อมเข้ากับแป้งขนมปั้นขลิบได้ดี ถั่วเหลืองใช้เป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยลด
ความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งในปัจจุบันคนไทยไม่ค่อยรู้จักขนมปั้นขลิบเพราะเป็น
ขนมทหี่ าทานได้ยาก จงึ ไมค่ ่อยมีคนนำมาผลิตและจำหน่าย
จากปัญหาดงั กล่าวคณะผจู้ ดั ทำมีความสนใจและมองเห็นชอ่ งทางธรุ กิจที่จะทำเรอ่ื งการศึกษา
ต้นทุนและผลตอบแทนในการทำป้ันขลิบเพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ดังน้ันใน
การศึกษาครั้งน้ีจึงมุ่งหวังท่ีจะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงงานเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์ทาง
การตลาดให้เหมาะสมความพึงพอใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคในการศึกษาคร้ังน้ีจะให้ความสำคัญ
กับปจั จัยเหลา่ นีเ้ ปน็ หลกั เพราะเป็นปัจจยั สำคัญท่ีจะทำใหผ้ บู้ รโิ ภคตัดสินใจเลอื กทานอกี ดว้ ย
6. วตั ถุประสงค์ของโครงงาน
6.1 ทำใหท้ ราบต้นทนุ และผลตอบแทนจากการทำปั้นขลิบ
6.2 ทำใหท้ ราบถึงผลกำไรขาดทนุ จากการทำปนั้ ขลิบ
6.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผบู้ ริโภคทม่ี ีต่อการบรโิ ภคปน้ั ขลิบ
38
7. ขอบเขตของโครงงาน
7.1 ด้านตวั แปร
-
7.2 ด้านเน้อื หา
การวจิ ยั ครงั้ น้ีเป็นการศกึ ษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทำปั้นขลบิ ดงั น้ี
7.2.1 ศึกษาต้นทนุ การผลิตปั้นขลิบตง้ั แตข่ ้ันตอนการเตรยี มการทำจนไปถงึ ขัน้ ตอน
การจดั จำหนา่ ย และวิเคราะห์โครงสร้างตน้ ทนุ ในการทำป้ันขลิบ
7.2.2 ศึกษาผลตอบแทนท่ไี ด้รับจากการลงทุนทำปน้ั ขลิบ
7.3 ดา้ นเวลา
พฤษภาคม - สงิ หาคม 2565
7.4 แบบร่าง (ถา้ ม)ี
-