The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการพระราชดำริ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-03-02 09:46:25

โครงการพระราชดำริ

โครงการพระราชดำริ

โครงการในพระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙

คำนำ

รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมา
จากพระราชดำริโดยได้ศึกษาหาความรู้ทางแหล่งเว็บไซต์ต่างๆโดยเนื้อหาเล่มนี้
ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความเป็นมาของ
โครงการพระราชดำริ

ผู้จัดทำหวังอย่างยิ่งว่าเอกสารที่จัดทำฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้
สนใจเกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ




นักศึกษาสาขา
คหกรรมศาสตร์

ส า ร บั ญ หน้า

เรื่อง 1-6
7 - 12
โครงการแก้มลิง บทที่ 1 13 - 18
โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ บทที่ 2 19 - 23
โครงการพระราชดำริฝนหลวง บทที่ 3 24 - 31
โครงการนาข้าวขั้นบันได บทที่ 4 32 - 40
โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ บทที่ 5 41 - 48
โครงการกังหันลมลำตะคอง บทที่ 6 49 - 53
โครงการฝายชะลอความชุ่มชื้น บทที่ 7 54 - 62
โครงการปลูกหญ้าแฝก บทที่ 8
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา บทที่ 9

1

โครงการแก้มลิง




บทที่ 1

2

โครงการแก้มลิง




ความเป็นมาของโครงการแก้มลิง



โครงการแก้มลิงเป็นแนวคิดเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย โดย
พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ค ว า ม รุ น แ ร ง ข อ ง อุ ท ก ภั ย ที่ เ กิ ด ขึ้ น ใ น
กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2538 จึงมีพระราชดำริ
"โครงการแก้มลิง" ขึ้น เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2538
โดยให้จัดหาสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ ใน
กรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับน้ำฝนไว้ชั่วคราว เมื่อถึงเวลาที่
คลองพอจะระบายน้ำได้จึงค่อยระบายน้ำจากส่วนที่กักเก็บไว้
ออกไป จึงสามารถลดปัญหาน้ำท่วมได้

ทั้งนี้ นอกจากโครงการแก้มลิงจะมีขึ้นเพื่อช่วยระบายน้ำ
ล ด ค ว า ม รุ น แ ร ง ข อ ง ปั ญ ห า น้ำ ท่ ว ม ใ น พื้ น ที่ ก รุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร
และบริเวณใกล้เคียงแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์น้ำและสิ่ง
แวดล้อมอีกด้วย โดยน้ำที่ถูกกักเก็บไว้ เมื่อถูกระบายสู่คูคลอง
จะไปบำบัดน้ำเน่าเสียให้เจือจางลง และในที่สุดน้ำเหล่านี้จะ
ผลักดันน้ำเสียให้ระบายออกไปได้

แนวคิดของโครงการแก้มลิง



เกิดจากการที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริถึงลิงที่อมกล้วยไว้
ในกระพุ้งแก้มได้คราวละมากๆ จึงมีพระราช
กระแสอธิบายว่า "ลิงโดยทั่วไปถ้าเราส่งกล้วยให้
ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไป
เก็บไว้ที่แก้มก่อน ลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมด
หวีหรือเต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อยๆ นำออก
มาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง" ด้วยแนวพระ
ราชดำรินี้ จึงเกิดเป็น "โครงการแก้มลิง" ขึ้น
เพื่อสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำ ไว้รอการระบายเพื่อใช้
ประโยชน์ในภายหลัง

3

ลักษณะและวิธีการของโครงการแก้มลิง



ลักษณะของโครงการแก้มลิงจะดำเนิน
การระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบน เพื่อให้น้ำ
ไหลลงคลองพักน้ำที่ชายทะเล จากนั้นเมื่อ
ระดับน้ำทะเลลดลงจนต่ำกว่าน้ำในคลอง น้ำใน
คลองจะไหลลงสู่ทะเลตามธรรมชาติ ต่อจาก
นั้นจะเริ่มสูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่แก้ม
ลิง เพื่อทำให้น้ำตอนบนค่อยๆ ไหลมาเอง จึง
ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ลดน้อยลง จนในที่สุด
เมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับในคลอง จึงปิด
ประตูระบายน้ำ โดยให้น้ำไหลลงทางเดียว
(One Way Flow)

ประเภทของโครงการแก้มลิง

โครงการแก้มลิงมี 3 ขนาด คือ

1. แก้มลิงขนาดใหญ่ ( Retarding Basin)

คือ สระน้ำหรือบึงขนาดใหญ่ ที่รวบรวมน้ำ

ฝนจากพื้นที่บริเวณนั้นๆ โดยจะกักเก็บไว้เป็น

ระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะระบายลงสู่ลำน้ำ พื้นที่

เก็บกักน้ำเหล่านี้ได้แก่ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝาย

ทุ่งเกษตรกรรม เป็นต้น ลักษณะสิ่งก่อสร้าง

เหล่านี้จะมีวัตถุประสงค์อื่นประกอบด้วย เช่น
เพื่อการชลประทาน เพื่อการประมง เป็นต้น 3. แก้มลิงขนาดเล็ก (Regulating Reservoir)

คือแก้มลิงที่มีขนาดเล็กกว่า อาจเป็นพื้นที่

2. แก้มลิงขนาดกลาง เป็นพื้นที่ชะลอน้ำที่มี สาธารณะ สนามเด็กเล่น ลานจอดรถ หรือสนาม
ขนาดเล็กกว่า ก่อสร้างในระดับลุ่มน้ำ มักเป็น ในบ้าน ซึ่งต่อเข้ากับระบบระบายน้ำหรือคลอง
พื้นที่ธรรมชาติ เช่น หนอง บึง คลอง เป็นต้น ทั้งนี้แก้มลิงที่อยู่ในพื้นที่เอกชน เรียกว่า "แก้มลิง
เอกชน" ส่วนที่อยู่ในพื้นที่ของราชการและ

รัฐวิสาหกิจจะเรียกว่า "แก้มลิงสาธารณะ"

4

การจัดหาและออกแบบ
โครงการแก้มลิง



การพิจารณาจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำนั้น ต้องทราบปริมาตรน้ำผิวดิน
และอัตราการไหลผิวดินที่มากที่สุดที่จะยอมปล่อยให้ออกได้ในช่วงเวลาฝน
ตก โดยสิ่งสำคัญคือต้องจัดหาพื้นที่กักเก็บให้พอเพียง เพื่อจะได้ไม่เป็น
ปัญหาในการระบายน้ำ ปัจจุบันมีแก้มลิงทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่กระจาย
อยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร กว่า 20 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางฝั่ งธนบุรี
เนื่องจากมีคลองจำนวนมาก และระบายน้ำออกทางแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้โครงการแก้มลิงแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ โครงการระบายน้ำในพื้นที่
ฝั่ งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะใช้คลองที่ตั้งอยู่ชายทะเลด้าน
จังหวัดสมุทรปราการ ทำหน้าที่เป็นทางเดินของน้ำ ตั้งแต่จังหวัด สระบุรี
พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ส่วนที่สอง คือ
คลองในพื้นที่ฝั่ งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะใช้คลองมหาชัย คลอง
สนามชัย และแม่น้ำท่าจีน ทำหน้าที่เป็นคลองรับน้ำในพื้นที่ตั้งแต่จังหวัด
อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร แล้วระบายลงสู่
ทะเลด้านจังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้มลิง "แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง" เพื่อช่วย
ระบายน้ำที่ท่วมให้เร็วขึ้น โดยใช้หลักการควบคุมน้ำในแม่น้ำท่าจีน คือ เปิด
การระบายน้ำจำนวนมากลงสู่อ่าวไทย เมื่อระดับน้ำทะเลต่ำ ซึ่งโครงการนี้จะ
ประกอบไปด้วย ๓ โครงการในระบบ คือ
1.โครงการแก้มลิง "แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง"
2.โครงการแก้มลิง "คลองมหาชัย-คลองสนามชัย"
3.โครงการแก้มลิง "คลองสุนัขหอน"

ด้วยพระปรีชาญาณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ "โครงการแก้มลิง" จึงเกิด
ขึ้น และช่วยบรรเทาวิกฤต และความเดือดร้อนจากน้ำท่วมรอบ
กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลให้เบาบางลงไปได้ โดยอาศัยเพียงแค่วิธีการ
ทางธรรมชาติ

5

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

http://km.rdpb.go.th/Knowledge/View/
https://www.porpeang.org/content/4982/%E0%
B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E
0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81
%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%
A5%E0%B8%B4%E0%B8%87
https://www.qyield.com/article/view.php?id=42
https://www.matichon.co.th/wp-
content/uploads/2017/10/5-71-
e1509169359184.jpg

6

น.ส.เพชรไพลิน อินทกรณ์ 030 คหกรรม

7

8

โครงการชั่งหัวมัน

ตามพระราชดำริ




ความเป็นมาโครงการชั่งหัวมัน

เมื่อ ปี พ.ศ.2551 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงซื้อที่ดินจากราษฎร
บริเวณอ่างเก็บน้ำ หนองเสือ ประมาณ 120 ไร่ และต่อมา ปี พ.ศ.2552 ทรงซื้อ
แปลงติดกันเพิ่มอีก 130 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 250 ไร่ โดยมีพระราชดำริให้ทำ
เป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตร รวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจในพื้นที่
อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงมาปลูกไว้ที่นี่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2552 เป็นต้นมา และพระราชทานพันธุ์มันเทศซึ่งออก
มาจากหัวมันที่ตั้งโชว์ไว้บนตาชั่งในห้อง ทรงงานที่วังไกลกังวลให้นำมาปลูกไว้
ที่นี่ พระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ”

9

"ชั่งหัวมัน" หมายถึง การชั่งน้ำหนักมันเทศ



พื้นที่ที่ตั้งของโครงการนี้อยู่ที่ บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง
จังหวัดเพชรบุรี คุณดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ได้กรุณาให้ข้อมูลถึงที่มาของ
โครงการชั่งหัวมันว่า "ครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับที่พระราชวังไกล
กังวล ทรงมีพระราชประสงค์ให้นำมันเทศที่ชาวบ้านนำมาถวาย วางไว้บนตาชั่งแบบโบราณ
แล้วพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ พอพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับไปยัง
พระราชวังไกลกังวล จึงพบว่ามันเทศที่วางบนตัวชั่งมีใบงอกออกมา จึงรับสั่งให้นำหัวมัน
นั้นไปปลูกใส่กระถางไว้ในวังไกลกังวล แล้วทรงมีพระราชดำรัสให้หาพื้นที่เพื่อทดลองปลูก
มันเทศ"

วัตถุประสงค์ของโครงการ



เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจ พืชพันธุ์ดีของอำเภอท่ายาง และของจังหวัดเพชรบุรี
เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรแก่เกษตรกร
เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแปลงหรือมาช่วยงานพระองค์

การดำเนินกิจกรรมภายในโครงการ ประกอบด้วย



การใช้กังหันลมผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานทดแทน
การผลิตพืชปลอดภัยจากสารพิษ
การสาธิตการปลูกสบู่ดำ
การปลูกข้าวสายพันธุ์ต่างๆ
แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง
แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง
การทำปุ๋ยหมัก
การปลูกไม้ผล พืชไร่ ประกอบด้วย แก้วมังกร กล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก มะละกอ มะนาว ฟักทอง กล้วย
อ้อย มะพร้าวน้ำหอม มะพร้าวห้าว ฯลฯ
การปลูกพืชผัก ประกอบด้วย มันเทศ กระเพรา โหระพา พริกพันธุ์ซูปเปอร์ฮอต มะเขือเทศราชินี
กระเจี๊ยบเขียว วอเตอร์เครส มะระขี้นก ผักหวานบ้าน ฯลฯ

10

เป้าหมายของโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ



โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ เป้าหมายต้องการให้เป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจของ อ.ท่ายาง
จ.เพชรบุรี โดยเลือกพันธุ์พืชท้องถิ่นที่ดีที่สุดเข้ามาปลูก แล้วให้ภาครัฐและชาวบ้านร่วมดูแลด้วยกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด คุณดิสธรฯ บอกว่า โครงการชั่วหัวมันเป็นการบริหารทรัพยากรแบบบูรณา
การ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส

โดยคาดว่าอนาคตจะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไปได้เข้าชม



ที่ตั้งของโครงการอยู่ที่ บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขา
กระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี



พืชสวนครัว ได้แก่ มะเขือเทศ มะเขือเปราะ พริก กะเพรา โหระพา มะนาวแป้น ผักชี
ผลไม้ ได้แก่ สับปะรดปัตตาเวีย แก้วมังกร มะละกอแขกดำ มะพร้าวน้ำหอม มะพร้าวแกง ชมพู่
เพชรสายรุ้ง กล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก
พืชเศรษฐกิจ ได้แก่ อัอยโรงงาน มันเทศญี่ปุ่น มันเทศออสเตรเลีย มันต่อเผือก มันปีนัง หน่อ
ไม้ฝรั่ง ข้าวเหนียวพันธุ์ชิวแม่จัน ข้าวเจ้าพันธุ์ข้าวหอม ข้าวเจ้าพันธุ์ลีซอ ข้าวเจ้าพันธุ์ข้าวขาว ยาง
นา ยางพารา ชมพู่เพชร

11

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

โครงการชั่งหัวมัน - porpeang

HTTP://OKNATION.NATIONTV.TV/BLOG/PRINT.PHP?ID=1011178

12

นายจิรเมธ เสนจันทร์ฒิไชย 034 คหกรรม

13

โครงการพระราชดำริฝนหลวง

บทที่ 3

14

โครงการพระราชดำริฝนหลวง

ต้นกำเนิดโครงการพระราชดำริฝนหล
วง

โครงการพระราชดำริฝนหลวง เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ ใน
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม
นาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร
๑๕ จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ ๒-๒๐ พฤศจิกายน
พ.ศ.๒๔๙๘ ในวันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๘ เสด็จ
พระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดานสีเขียว จากจังหวัดนครพนมไป
จังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านจังหวัดสกลนคร และเทือกเขาภูพาน ได้ทรงรับทราบ
ถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำ
อุปโภคบริโภค และการเกษตรเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับถึง
กรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์
เทวกุล วิศวกรและนักประดิษฐ์ควายเหล็กที่มีชื่อเสียงเข้าเฝ้าฯ แล้ว
พระราชทานแนวความคิดนั้นแก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล

ทฤษฎีต้นกำเนิด

"หลักการแรก คือให้โปรยสารดูดซับความชื้น (เกลือทะเล) จากเครื่องบิน
เพื่อดูดซับความชื้นในอากาศ แล้วใช้สารเย็นจัด (น้ำแข็งแห้ง) เพื่อให้
ความชื้นกลั่นตัวและรวมตัวเป็นเมฆ"
ความคิดเริ่มแรกในการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อให้เกิดฝน

15

จาก พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นต้นมา ทรงศึกษาค้นคว้า และ
วิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการ
ดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งทรงรอบรู้ และเชี่ยวชาญ เป็นที่
ยอมรับทั้งใน และต่างประเทศ จนทรงมั่นพระทัย จึง
พระราชทานแนวคิดนี้แก่ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทว
กุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตร
วิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น ใน
ปีถัดมา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการใน
ท้องฟ้าให้เป็นไปได้

การทดลองในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก จนถึงปี พ.ศ.
๒๕๑๒ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วย
บินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว และพร้อมที่จะให้การ
สนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ หม่อมราชวงศ์
เทพฤทธิ์ เทวกุล จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระ
กรุณาทรงทราบว่า พร้อมที่จะดำเนินการตามพระราช
ประสงค์แล้ว ดังนั้นในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้า
เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑-๒ กรกฎาคม ๒๕๑๒

16

โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล
เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองเป็นคนแรก
และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองเป็นแห่งแรกโดยทดลอง
หยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง (dry ice หรือ solid carbondioxide) ขนาดไม่เกิน
๑ ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ฟุต ที่ลอย
กระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่า
นั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆอย่างเห็นได้ชัดเจนเกิดการกลั่นรวม
ตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว
แล้วเคลื่อนตัวตามทิศทางลมพ้นไปจากสายตาไม่สามารถสังเกตได้
เนื่องจากยอดเขาบัง แต่จากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน
และได้รับรายงานยืนยันด้วยวาจาจากราษฎรว่าเกิดฝนตกลงสู่พื้นที่ทดลอง
วนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด นับเป็นนิมิตหมายบ่งชี้ให้เห็นว่าการบังคับเมฆให้
เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้

17

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

สารบรรณกลาง [email protected]

18

น.ส.พรทิพย์ ศุกรกำเหนิด 037 คหกรรม

19

โครงการนาข้าวขั้นบันได

บทที่ 4

20

โครงการนาข้าวขั้นบันได

นาข้าวขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ ตั้งอยู่ใน การขุดนาขั้นบันได
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งจังหวัดน่านเป็นจังหวัด
นำร่องสืบสานแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จ ได้เริ่มขุดมาตั้งแต่เดือน พ.ย. 2552
พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรม ภูเขาหัวโล้นกลายเป็นความเขียวขจี
ราชินีนาถ โดยแนวทางของโครงการ คือ เริ่มต้น สวยงามของนาข้าวที่ มีลายเส้น โค้ง
ด้วยการลดการใช้พื้นที่ป่า แสวงหาวิธีปลูกข้าวแบบ งดงามตามไหล่เขา คาดว่าอนาคตข้าง
ใหม่ โดยนำวิธีการทำนาขั้นบันได บนพื้นที่ภูเขา หน้าคงจะเป็นนาข้าวขั้นบันไดบนภูเขา
แทนข้าวไร่ เพื่อแก้ปัญหาความยากจน โดยเน้นให้ ที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย และ
ชาวบ้านคิดเอง แต่ภาครัฐจะเข้าไปให้ความรู้ที่ พัฒนาเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามอีก
เหมาะสมในการแก้ปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคน แห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน นาขั้นบันได
กับป่าใน พื้นที่ป่าต้นน้ำ โครงการที่นี้ไม่ใช่แค่ขุดนา
ขั้นบันไดอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการสร้างบ่อกักเก็บ กระจายอยู่บนแนวเทือกขาภูพยัคฆ์ ภูแว
น้ำ ฝาย การปลูกถั่วเหลือง รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ แซมอยู่ในแปลงข้าวไร่ และข้าวโพดเป็น
ด้วยการทำขั้นบันได (terrace) ทำได้โดยการสร้าง ระยะ บางมุมยังเห็นป่าเหลือเป็นหย่อม
คันดินทำให้เกิดร่องน้ำ ปรับพื้นที่ให้มีลักษณะ เช่น เท่านั้นช่วยลดอัตราการไหลบ่าของน้ำบน
เดียวกับขั้นบันได เพื่อใช้ปลูกพืช เพื่อที่จะลดความ ผิวดิน ช่วยให้พืชนำแร่ธาตุที่มีอยู่ในดินไป
ลาดชันของพื้นที่ ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น และเป็นการใช้
พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ถึงแม้จะเป็นเชิงเขาก็
หตเพัโซ้ทนืนงคี้่ชอแยาารไขตวงวร้่่ตกาชเอดลแวามืยอ่ขรอลันา้ปนนดะงิานดบขเข้ัส้กทาาน้าน.ขววอคย้ทโาขงรพั.ว้าหนอดสสงบีล่บทเัวัีงหนค่แนนพัลไลล่ใงืุดรนอะมรหะคชงถห่าทววจเลกรางอาาตาปมกง้ยจอลอเโหระรงิาล่มไงมักยูดง่เอ้บารกพ้ีรอตยาาบค.นกนรควเขรบห.า้ตวอ็ัานม้–งงงนมกเแภัีขขูบีตลุพเย่นัขบกค.ว้นายษวา่ขทา.ีนาณ่จนเมีซสรึะี่เยงแะซทขึีเจี่งล่งปุยจรก็ะเำวนาปค็นขยหสนวำจกะนีปาัม้ขเนมาากอาีสห้กชยุใง่ลชนมทงนั้บปาชาาื้บวรซงนข้ั้ขะกาบึมา็้โนนจวซยา้ไะบขไอชัป้ไดนวน้นดยใ์้กับนสใงงัันอดนมนุช้่กมงไวาผดาาังขส้รมแบหา้อเซกาวกนา้นมาขษาัก้รนเดฝตา้ปมวบีนศรัยายไนงด้ได
สามารถปรับพื้นที่ให้

21

หลักในการนำไปใช้

1.ใช้ในพื้นที่ดินลึกขุดง่าย
2.ขั้นบันไดดินแบบเอียงเข้าใช้ในบริเวณที่
ฝนตกมากกว่า 650 มม./ปี ดินลึกไม่มาก
อัตราการซาบซึมปานกลางถึงต่ำ
3.ขั้นบันไดดินแบบลาดเอียงออก
(Outward type ) ใช้ในบริเวณที่มีความ
ลาดชันปานกลางฝนตกหนัก และดินลึกถึง

ลึกมาก ประโยชน์
4.ขั้นบันไดดินต้องการค่าใช้จ่ายในการ
ก่อสร้างสูง ดังนั้นการนำไปใช้ ควรใช้ใน

พื้นที่ที่ปลูกพืชแล้วห้ผลผลิตได้ดี


1.เพื่อลดความยาวและระดับของความ
ลาดเท ช่วยลดการไหลบ่าของน้ำและ
ควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน
2.เพื่อสะดวกในการไถพรวน

3.เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตร

22

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

https://rittikaifluk555.wordpress.com/
https://www.nancity.org/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E
0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B
8%99%E0%B9%84%E0%B8%94-
%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
https://travel.trueid.net/detail/WpNegNDJAKDY

23

น.ส.ปรัชยาพร พุทธรัตน์ 038 คหกรรม

24

โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
บทที่ 5

25

โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์






เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นโครงการตามพระราชดำริของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงดำริ
ให้สร้างเขื่อนเพื่อเก็บกักน้ำและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เป็นเขื่อน
ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพระบาทสมเด็จพระปรมิ
นทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานนามว่า “เขื่อนป่าสัก
ชลสิทธิ์” และเสด็จทรงเปิดเขื่อนฯ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน
2542

26

ความเป็นมา


“แม่น้ำป่าสัก” เป็นแม่น้ำสายสำคัญของชาวจังหวัดลพบุรีและสระบุรี ประชาชนจะได้

ประโยชน์จากแม่น้ำป่าสักอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรกรรมหรือการประมง
แต่ในช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคมของทุกปี จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของ
จังหวัดลพบุรี เช่น ตำบลมะนาวหวาน ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม ตำบลลำ
นารายณ์ อำเภอชัยบาดาล และหมู่บ้านใกล้เคียงอีกรวมไปถึงจังหวัดสระบุรี จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร และปริมาณฑล สำหรับในช่วงเดือนมกราคม ถึง
เดือนพฤษภาคม พื้นที่ในลุ่มน้ำป่าสักก็จะประสบภาวะแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำใช้เพื่อ
การเกษตรและอุปโภค บริโภค

ในปี พ.ศ. 2508 กรมชลประทานได้เริ่มศึกษาโครงการเขื่อนเก็บกักน้ำแม่น้ำป่า
สัก แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงจึงได้ระงับโครงการฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายหลายด้าน แต่หลายครั้งที่พระองค์
เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรจังหวัดลพบุรีด้วยความห่วงใย และได้เสด็จไปทอด
พระเนตรพื้นที่ในเขตอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรีที่กำลังประสบปัญหาอยู่

ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล และด้วยความห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ ด้วย
พระอัจฉริยภาพที่ล้ำลึก และเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ ทรงแก้ปัญหาให้
“ความโหดราย” ของแม่น้ำป่าสักกลับกลายเป็น “ความสงบเสงี่ยม” ที่น่านิยม พระบาท
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ
ประชาชน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 พระองค์ท่านได้มีพระราชดำริให้
กรมชลประทานดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเขื่อนกักเก็บน้ำแม่น้ำป่า
สักอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลนน้ำ เป็นประโยชน์ต่อพื้นที่เพาะปลูก
และบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้น

27

ลักษณะเขื่อน

ที่ตั้ง

บ้านหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และบ้านคำพราน ตำบลคำ
พราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี

อุทกวิทยา

พื้นที่รับน้ำฝนเหนือที่ตั้งเขื่อน : 14,520 ตารางกิโลเมตร
ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ย (ปี 2498-2535) : 2,400 ล้าน ลบ.ม./ปี
ปริมาณน้ำนองสูงสุด : 3,900 ลบ.ม./วินาที

อ่างเก็บน้ำ

ระดับกักเก็บน้ำสูงสุด : +43 ม.รทก.
ระดับเก็บกักปกติ : +42 ม.รทก.
ความจุอ่างเก็บน้ำ : 785 ล้าน ลบ.ม.

อาคารระบายน้ำล้น

ประเภท : โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กควบคุมด้วยประตูบานโค้ง
จำนวนประตูระบายน้ำ : 7 บาน
ขนาดบานระบาย (กว้างxสูง) : 12.5 x 8 เมตร
ความสามารถระบายน้ำ : 3,900 ลบ.ม./วินาที

เขื่อนเก็บกักน้ำ

ประเภท : เขื่อนดินแกนดินเหนียว
ระดับสันเขื่อน : +46.5 ม.รทก.
ความยาว : 4,860 เมตร
ความสูง : 31.5 เมตร

28

โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์


โรงไฟฟ้าพลังน้ำป่าสักชลสิทธิ์ เป็นโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน

ระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกับกรมชลประทาน ในการใช้ประโยชน์จากน้ำใน
เขื่อนของกรมชลประทานให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของรัฐบาล
ประกาศในเดือนกันยายน พ.ศ. 2546 ที่กำหนดให้มุ่งเน้นส่งเสริมและพัฒนาการใช้พลังงาน
หมุนเวียน (Renewable Energy) เพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ

ในเดือนธันวาคม 2546 คณะรัฐมนตรีได้ประกาศนโยบายส่งเสริมให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลัง
น้ำขนาดเล็กบริเวณท้ายเขื่อนของกรมชลประทานเพื่อผลิตไฟฟ้าจากการปล่อยน้ำตามปกติของ
กรมชลประทานอยู่แล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้กระทรวง
พลังงานเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคนิคการวางแผนและการพัฒนา ในการนี้กรมชลประทานและการไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งได้รับมอบหมายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวง
พลังงานตามลำดับ ได้ร่วมกันพิจารณาดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดย
กฟผ. แสดงเจตจำนงจะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทาน 6 แห่ง ซึ่งมี
กำลังการผลิตรวมกัน 78.7 เมกะวัตต์ กฟผ. ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ
ดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549 ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นหนึ่งใน 6
โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วย

29

ลักษณะโรงไฟฟ้า

ประกอบด้วยอาคารโรงไฟฟ้าคอนกรีตเสริมเหล็ก
ตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของอาคารระบายน้ำเดิม (River
Outlet) ขนาดกว้าง 22.50 เมตร ยาว 40.50 เมตร
สูง 38.60 เมตร มีกำลังผลิตติดตั้ง 6.70 เมกะวัตต์
จำนวน 1 เครื่อง ประเภทเครื่องกังหันน้ำ S-Type
ความสูงน้ำออกแบบ 13.50 เมตร ปริมาณน้ำออกแบบ
55.00 ลบ.ม./วินาที ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะส่งต่อให้กับระบบ
สายส่งขนาด 22 กิโลโวลท์ โรงไฟฟ้าจะสามารถผลิต
พลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยปีละประมาณ 34.80 ล้านหน่วย
กิโลวัตต์-ชั่วโมง

ประโยชน์

1. ลดการใช้เชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่ง
แวดล้อม

2.ผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดได้เฉลี่ย 34 ล้านหน่วย/ปี
3. ลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้ปีละ

8.5 ล้านลิตร
4. ส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน

หมุนเวียน
5. ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในระบบผลิตไฟฟ้ารวม

ของประเทศ
6.เกิดการจ้างงานท้องถิ่น ในระหว่างการก่อสร้าง
7.สร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของ อำเภอพัฒนานิคม

และเขตใกล้เคียง
8. เพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้แก่เขื่อนป่าสักชล

สิทธิ์

30

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

https://www.egat.co.th/index.php?
option=com_content&view=article&id=2608&Itemid=117
https://today.line.me/th/v2/article/Y8nxJP
http://realestate-
marrakech.com/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B
8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0
%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%
E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C/
https://tonkit360.com/14292
https://www.loppao.go.th/index.php/2020-10-22-03-15-54/2021-03-13-05-
55-03/2020-10-22-08-28-06
https://www.porpeang.org/content/5497/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%
B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E
0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B
%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%
8A%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B
8%B4%E0%B9%8C-pasakjolasid-dam

31

น.ส.สุนันท์ทา น้อยอินทร์ 039 คหกรรม

32




โครงการกังหันล
มลำตะคอง

บทที่ 6

33

โครงการกังหันลมลำตะคอง

ระยะที่ 1กฟผ. ได้ดำเนินการโครงการติดตั้งกังหันลมขนาด 1.25 เมกะวัตต์

จำนวน 2 เครื่อง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2551 และติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมจ่าย



ไฟเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 ทั้งนี้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 145

ล้านบาท ถือว่าเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า โดยกังหันลมที่มีกำลังผลิตรวม


มากที่สุดในประเทศไทย สามารถทดแทนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 0.82

ล้านลิตร/ปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุของ
การเกิดภาวะโลกร้อนได้ประมาณ 2,011 ตัน/ปี




ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ

1.เป็นแหล่งศึกษาข้อมูลด้านพลังงานทดแทนแก่นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไป
2.พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพราะนำพลังงานลมมาใช้ผลิตกระแส
ไฟฟ้า
3.ตอบสนองนโยบายภาครัฐโดยนำพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่ในประเทศมาใช้ให้
เกิดประโยชน์สูงสุด
4.ขยายการพัฒนาไฟฟ้าไปสู่ชนบทได้อย่างทั่วถึง

34

ระยะที่ 2

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์

ตามที่กระทรวงพลังงานได้มียุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทน พ.ศ.2551 - 2565 โดยใน


ส่วนของการผลิตไฟฟ้า ได้มีเป้าหมายที่จะให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชนิดต่างๆ

ดังเช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังน้ำขนาดเล็ก พลังงานชีวมวล เป็นต้นนั้น ในส่วน
ของ กฟผ. หลังจากที่ดำเนินการก่อสร้างกังหันลมผลิตไฟฟ้าขนาด 1,250 กิโลวัตต์ จำนวน 2
ชุด บริเวณรอบอ่างพักน้ำตอนบนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับ อำเภอปากช่อง
จังหวัดนครราชสีมา เริ่มจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 ได้พบว่า โครงการดัง
กล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าได้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ในบริเวณพื้นที่ทิศเหนือของที่ตั้งกังหันลม
ปัจจุบันก็เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพลมสูงเช่นกัน ดังนั้น เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ของกระทรวง
พลังงาน จึงขอเสนอโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง ระยะที่ 2

35

สถานที่ตั้งโครงการ

จากการศึกษาศักยภาพพลังงานลม พบว่า บริเวณที่มีความเหมาะสมคือบริเวณสันเขาบ้านเขายายเที่ยงเหนือ อำเภอสีคิ้ว

จังหวัดนครราชสีมา บริเวณทิศเหนือของอ่างพักน้ำตอนบนโรงไฟฟ้าลำตะคอง ทั้งนี้ บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1B

การอนุมัติโครงการฯ การขออนุญาต และการแจ้งก่อสร้างอาคาร

ครม. อนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554


คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2556

การขออนุญาตใช้พื้นที่ กฟผ. ได้รับการอนุมัติ และดำเนินการชำระเงินค่าชดเชยให้กับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557

การขออนุญาตตั้งโรงงาน เนื่องจากพื้นที่ที่จะดำเนินการอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 บี ซึ่งไม่สามารถตั้งโรงงานอุตสาหกรรม

ตามกฎกระทรวงอุตสาหกรรมได้คณะรัฐมนตรี ได้มีมติแจ้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมแก้ไขกฎกระทรวง และได้แก้ไขกฎ

กระทรวงฉบับที่ 24 (พ.ศ.2558) แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ในราชกิจจานุเบกษา โดยรัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2558

การแจ้งการก่อสร้างอาคารตาม พรบ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

1. อาคารกังหันลมต้น ที่ 1,2,3,4,9,10,11 และอาคารประกอบ ได้ยื่นขออนุญาตต่อ อบต.หนองสาหร่าย เมื่อวันที่ 18

มีนาคม 2559 ได้รับใบอนุญาตเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559

2.อาคารกังหันลมต้น ที่ 5,6,7,8,12 และอาคารประกอบ ได้ยื่นขออนุญาตต่อ อบต. คลองไผ่ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559

ได้รับการตอบรับแจ้ง ก่อสร้างอาคารเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560

36

ขนาดกำลังผลิตและลักษณะทาง
เทคนิคของกังหันลม



เป็นกังหันลมผลิตไฟฟ้าสำหรับความเร็วลมต่ำ ขนาดกำลังผลิตสุทธิ 24 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยกังหัน
ลมผลิตไฟฟ้า จำนวน 12 ชุด ชุดละ 2 เมกะวัตต์ ขนาดความสูงของเสา 94 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางใบพัด
116 เมตร พร้อมนำระบบพัฒนาเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม (Wind Hydrogen Hybrid) ซึ่งเป็น
เทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมในรูปของก๊าซไฮโดรเจนและแปลงกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า
เมื่อต้องการใช้ ด้วยระบบ Fuel Cell ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถใช้ทำ balancing คือการเก็บไฟฟ้าที่ผลิตได้จาก
กังหันลม ซึ่งมีความไม่แน่นอนแล้วนำมาจ่ายให้กับอาคารศูนย์เรียนรู้ด้านพลังงาน ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อ
สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในเชิงประจักษ์

37

หลักการทำงานของกังหันลม

เมื่อมีลมพัดผ่านใบกังหัน พลังงานจลน์ที่เกิดผลิตไฟฟ้า
จากลมจะทำให้ใบพัดของกังหันเกิดการหมุนและได้



เป็น “พลังงานกล” ออกมา พลังงานกลจากแกนหมุน

ของกังหันลมจะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็น “พลังงานไฟฟ้า”

โดยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เชื่อมต่ออยู่กับแกนหมุนของ

กังหันลมจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านระบบควบคุมไฟฟ้า

และจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบต่อไป โดยปริมาณ

ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะขึ้นอยู่กับความเร็วของลม ความยาว

ของใบพัด และสถานที่ติดตั้งกังหันลม

ระบบพัฒนาเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม

(Wind Hydrogen Hybrid)

ระบบ Wind Hydrogen Hybrid จะใช้พ
ลังงานไฟฟ้าที่ได้จากกังหันลม มาแยกก๊าซ

ไฮโดรเจนออกจากน้ำโดยผ่านกระบวนการ Electrolysis และอัดก๊าซไฮโดรเจนเก็บไว้ในถัง

ความดัน สำหรับใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้ 300 kW ผ่าน Fuel Cell ระบบดังกล่าวสามารถใช้ทำ

Balancing คือการเก็บไฟฟ้าที่ผลิตได้ในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าน้อย เช่น ช่วงเวลากลางคืน แล้ว

มาจ่ายไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้ามากใน ช่วงกลางวัน พร้อมทั้งได้จ่ายไฟฟ้าให้กับอาคารศูนย์

เรียนรู้ด้านพลังงานซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน

38

หลักการทำงาน


การแยกน้ำเพื่อผลิตก๊าซไฮโดรเจนด้วยกระบวนการ Electrolysis

ทำโดยให้แรงดันผ่านขั้ว Anode และ Cathode ที่อยู่ในน้ำ
แรงดันตํ่าขนาด 1.75-2.2 V DC สามารถทำให้น้ำแยกเป็น Oxygen
และ Hydrogen Proton ที่ Anode
Membrane จะแยก Hydrogen Proton ออกจาก Oxygen และให้
ผ่านไปที่ Cathode เพื่อรวมกับ Electron กลายเป็นก๊าซ Hydrogen

วงเงินงบประมาณ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ


กังหันลมผลิตไฟฟ้า จำนวน 12 ต้น
1.โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคองระยะที่ 2 ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ

วงเงินงบประมาณ 1,407 ล้านบาท ประมาณ 37.8 ล้านหน่วย/ปี
ระบบพัฒนาเสถียรภาพในการผลิต 2.สามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 37.8 ล้านหน่วย ซึ่งสามารถทดแทนการผลิต
ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ประมาณ 9.1 ล้านลิตร/ปี และลด

ไฟฟ้าจากกังหันลม (Wind Hydrogen การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตไฟฟ้า ได้ประมาณ 22,000 ตัน/ปี
Hybrid) วงเงินงบประมาณ 234 ล้าน นอกจากนั้นโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ กฟผ. จะดำเนินการพัฒนาเป็น
บาท โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ((Clean Development Mechanism : CDM)
เป็นโครงการนำร่องต้นแบบสำหรับทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่


ระบบส่งไฟฟ้า


โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง ระยะที่ 2 มีความสะดวกในการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้า เนื่องจากมีแนวสายส่ง 115

เควี พาดผ่าน โดย กฟผ. จะตัดสายส่ง 115 เควี ปากช่อง - สีคิ้ว จำนวน 1 วงจร ลงที่สถานีไฟฟ้าแรงสูง 115 เควี แห่งใหม่
ด้วยเสาไฟฟ้าวงจรคู่ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร และติดตั้งหม้อแปลง 115/22 เควี ขนาด 25 เอ็มวีเอ จำนวน 1 ชุด

พร้อมก่อสร้าง Collector System Station และเชื่อมโยงกับกังหันลมแต่ละต้นด้วยสายส่ง 22 เควี แบบฝังใต้ดิน

39

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

https://www.egat.co.th/index.php?
option=com_content&view=article&id=2229&Itemid=244

40

นายจักริน โพธิกิตติพงศ์ 036 คหกรรม

41

โครงการฝายชะลอ
ความชุ่มชื้น
บทที่ 7

42

โครงการฝายชะลอความชุ่มชื้น
: Check Dam

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม
นาถบพิตร ทรงทราบดีว่าประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทางการเกษตรและอาศัย
น้ำฝน จึงทรงเน้นการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำเป็นพิเศษและทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระ
ราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับรูปแบบ
ที่เหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจรวม
ทั้งรูปแบบการพัฒนาต่างๆ ที่ทำให้เกษตรกรพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องทำลาย
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้าไปศึกษาและนำ
ไปใช้ในการประกอบอาชีพได้โดยที่มีการอนุรักษ์ ต้นน้ำลำธารและพัฒนาป่าไป
พร้อมๆ กัน สุดท้ายความชุ่มชื้นจะเกิดขึ้นและจะบรรเทาปัญหาการขาดแคลน
น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ในที่สุด โดยพระราชทานพระราชดำริให้มีการสร้าง
ฝายชะลอความชุ่มชื้น (Check Dam) ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่

43

Check Dam คือ สิ่งที่ก่อสร้างขวางกั้นทางเดินของลำน้ำ ซึ่งปกติมักจะกั้นห้วยลำธารขนาดเล็กใน
บริเวณที่เป็นต้นน้ำหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ทำให้พืชสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และหากช่วงที่น้ำไหลแรง
ก็สามารถชะลอการไหลของน้ำให้ช้าลงและกักเก็บตะกอนไม่ให้ไหลลงไปในบริเวณลุ่มน้ำตอนล่าง นับเป็น
วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำได้ดีมาก

วิธีการหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชดำรัสว่า “การปลูกป่าทดแทนป่าไม้ที่ถูก
ทำลายนั้นจะต้องสร้างฝายเล็กเพื่อหนุนน้ำส่งไปตามเหมืองไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูกทั้งสองด้าน ซึ่งจะให้น้ำค่อยๆ แผ่ขยายออกไป
ทำความชุ่มชื้นในบริเวณนั้นด้วย”

ในส่วนของรูปแบบและลักษณะ Check Dam นั้น ได้พระราชทานพระราชดำรัสไว้ว่า "...ให้พิจารณาดำเนินการสร้างฝายราคา
ประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถิ่น เช่น แบบทิ้งหินคลุมด้วยตาข่าย ปิดกั้นร่องน้ำกับลำธารเล็กๆเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บ
กักน้ำและตะกอนดินไว้บางส่วนโดยน้ำที่กักเก็บไว้จะซึมเข้าไปในดิน ทำให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้าง ต่อไปจะสามารถ
ปลูกพันธุ์ไม้ป้องกันไฟ พันธุ์ไม้โตเร็วและพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้มีสภาพเขี้ยวชอุ่มขึ้นเป็นลำดับ..."
ประเภทของ Check Dam นั้น ทรงจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังพระราชดำรัส คือ

Check Dam ชนิดที่หนึ่งสำหรับให้มีความชุ่มชื้น รักษาความชุ่มชื้น
Check Dam อีกอย่างสำหรับป้องกันมิให้ทรายลงในอ่างใหญ่

44

จึงอาจกล่าวได้ว่า Check Dam นั้น ประเภทแรก คือ ฝายต้นน้ำลำธารหรือฝายชะลอความชุ่ม
ชื้น ส่วนประเภทที่สองนั้น เป็นฝายดักตะกอนนั่นเอง




รูป : ฝายต้นน้ำลำธาร หรือฝายชะลอความชุ่มชื้น

รูป : ฝายดักตะกอน
การสร้าง Check Dam พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพิตร พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า"...สำหรับ Check Dam ชนิดป้องกันไม่ให้ทรายลง
ไปในอ่างใหญ่จะต้องทำให้ดีและลึก เพราะทรายลงมากจะกักเก็บไว้ ถ้าน้ำตื้นทรายจะข้ามไปลงอ่างใหญ่ได้
ถ้าเป็น Check Dam
สำหรับรักษาความชุ่มชื้นไม่จำเป็นต้องขุดลึกเพียงแต่กักน้ำให้ลงไปในดิน แต่แบบกักทรายนี้จะต้องทำให้ลึกและ
ออกแบบอย่างไร ไม่ให้น้ำลงมาแล้วไล่ทรายออกไป..."

45

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการ
พิจารณาสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น เพื่อสร้างระบบวงจรน้ำแก่ป่าไม้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ"...ให้ดำเนินการสำรวจหาทำเลสร้างฝาย
ต้นน้ำลำธารในระดับที่สูง ที่ใกล้บริเวณยอดเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ลักษณะของฝายดังกล่าวจำเป็นจะต้องออกแบบใหม่ เพื่อให้
สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ปริมาณมากพอสมควรเป็นเวลานาน 2 เดือน ...การเก็บรักษาน้ำสำรองได้นานหลังจากฤดูฝนผ่านไปแล้ว จะทำให้มี
ปริมาณน้ำหล่อเลี้ยง และประคับประคองกล้าไม้พันธุ์ที่แข็งแรงจะโตเร็วที่ใช้ปลูกแซมในป่าแห้งแล้งอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยการจ่าย
น้ำออกไปรอบ ๆ ตัวฝายจนสามารถตั้งตัวได้..."

รูปแบบของฝายสามารถแบ่งออกได้ ๓ แบบ

2. แบบเรียงด้วยหินค่อนข้างถาวร เป็นการ 1.แบบท้องถิ่นเบื้องต้น หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ฝาย
ก่อสร้างด้วยการเรียงหินเป็นผนังกั้นน้ำ แม้ว” เป็นการก่อสร้างด้วยวัสดุมีอยู่ตามธรรมชาติที่
ก่อสร้างบริเวณตอนกลางและตอนล่าง เช่น กิ่งไม้ ท่อนไม้ ขนาบด้วยก้อนหินขนาดต่างๆ ใน
ของลำห้วย หรือร่องน้ำ จะสามารถดัก ลำห้วย หรือร่องน้ำ โดยจะสามารถดักตะกอน ชะลอ
ตะกอน และเก็บกักน้ำในช่วงฤดูแล้งได้บาง การไหลของน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณพื้นที่
ส่วน รอบๆ ฝายได้




3. แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นการก่อสร้างแบบถาวร
ส่วนมากจะดำเนินการในบริเวณตอนปลายของลำห้วย
หรือร่องน้ำ ทำให้สามารถดักตะกอน และเก็บกักน้ำในฤดู
แล้งได้ดี ค่าก่อสร้างขึ้นอยู่กับขนาดของลำห้วย ซึ่งควรมี
ความกว้างไม่เกิน 4 เมตร

46

ประโยชน์ของฝายชะลอน้ำ

ฝายช่วยชะลอน้ำ ชะลอการไหลของน้ำ จากเดิมที่ฤดูน้ำหลากน้ำจะหลากลงสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว
ชะลอความแรงของน้ำหลาก ช่วยลดการกัดเซาะของตลิ่งลำน้ำ
ช่วยดักตะกอนแม่น้ำ กิ่งไม้ เศษไม้ ดิน โคลน ทราย ทำให้ลำน้ำหลังฝายตื้นเขินช้าลง เก็บกักน้ำ ทำให้เกิด
ความชุ่มชื้น ในบริเวณฝายและพื้นที่เหนือฝาย
ใช้ทำการเกษตรบริเวณใกล้เคียงได้ตลอดทั้งปี เช่น ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทำไร่ ทำสวน
เป็นแหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำ
เป็นแหล่งอาหารของชาวบ้าน ในพื้นที่ฝาย เช่น ปลา สาหร่ายน้ำจืด(เตา)
สร้างรายได้ให้ชาวบ้าน เช่น เก็บสาหร่ายน้ำจืด(เตา)ไปขาย
เก็บความชุ่มชื้น เพิ่มปริมาณ น้ำใต้ดิน เป็นประโยชน์ ในการทำประปาหมู่บ้าน
ใช้สัญจรขนส่ง สินค้าทางการเกษตร ข้ามลำน้ำ ร่นระยะทางการขนส่งได้
เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อน หย่อนใจ ของชาวบ้าน เช่น เด็กเล่นน้ำคลายร้อน สถานที่ออก กำลังกาย
เป็นสถานที่จัดงานประเพณีต่างๆ เช่น งานประเพณีลอยกระทง การแข่งเรือประเพณี

47

แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ

https://www.porpeang.org/content/5484/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87
%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0
%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B
8%8A%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%9
9-check-dam


Click to View FlipBook Version