48
น.ส.ภาวิณี เผ่าบริบูรณ์ 029 คหกรรม
49
โครงการปลูกหญ้าแฝก
บทที่ 8
50
โครงการปลูกหญ้าแฝก
จากสภาพปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินและสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ผลผลิต
ทางการเกษตรลดลง และบางพื้นที่ประสบปัญหาการชะล้างพังทลายของดินอย่างรุนแรง ดังนั้น จึงได้จัดทำโครงการรณรงค์
การปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีมหามงคลทรงเจริญ
พระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ขึ้น โดยแบ่งงานรณรงค์เป็น 2 ช่วง คือ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 15
มิถุนายน 2554 และวันที่ 15 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2554 เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในปีมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และร่วมเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” โดยดำเนินการใน
พื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการ ประชาชนรบ เกษตรกร นักเรียน อบต. หมอ
ดินอาสา หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ได้รับทราบถึงวิธีการและขั้นตอนในการนำหญ้าแฝกไปใช้ประโยชน์ เพื่อการ
อนุรักษ์ดินและน้ำและปรับปรุงสภาพแวดล้อม และรู้จักคุณประโยชน์ของหญ้าแฝก โดยร่วมกันปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่ต่างๆ
ตามความเหมาะสม ซึ่งการใช้ระบบหญ้าแฝกจะช่วยลดต้นทุนในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินให้น้อยลง ขณะ
เดียวกันประสิทธิภาพในการดักตะกอนดิน ป้องกันดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลันได้ในระดับหนึ่ง และความคงทนสามารถอยู่ได้
นานหลายปี พร้อมเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมอีกด้วยตามความเหมาะสม
หญ้าแฝกมีหลักวิธีดังนี้ จะช่วยการป้องกันการพังทลายของหน้าดิน รักษาความชุ่มชื้นในดิน เก็บกักตะกอนดินและสารพิษ
ต่าง ๆ ไม่ให้ไหลลงในน้ำ ซึ่งจะอำนวยผลประโยชน์อย่างยิ่งแก่การอนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนการฟื้นฟูดินและป่าไม้ให้
สมบูรณ์ขึ้น
51
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2534 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับหญ้าแฝกเป็นครั้งแรกกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ กปร. ใน
ขณะนั้นว่า ให้ทำการศึกษาทดลองปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และอนุรักษ์ความชุ่มชื้นไว้ใน
ดิน เพราะขั้นตอนการดำเนินงานเป็นวิธีการแบบง่าย ๆ ประหยัด และที่สำคัญคือเกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้
โดยไม่ต้องให้การดูแลภายหลังการปลูกมากนัก และได้พระราชทานพระราชดำริอีกกว่า 20 ครั้ง เกี่ยวกับการนำหญ้า
แฝกมาใช้ประโยชน์ในลักษณะต่างๆ
“ปลูกหญ้าแฝกจะต้องปลูกให้ชิดติดกันเป็นแผงและวางแนวให้เหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศ เป็นต้นว่าบน
พื้นที่สูงจะต้องปลูกตามแนวขวางของความลาดชันของร่องน้ำ บนพื้นที่ราบจะต้องปลูกรอบแปลงหรือปลูกตามร่อง
สลับกับพืชไร่ ในพื้นที่เก็บกักน้ำจะต้องปลูกเป็นแนวเหนือแหล่งน้ำ หญ้าแฝกมีหลักวิธีดังนี้ จะช่วยการป้องกันการพัง
ทลายของหน้าดิน รักษาความชุ่มชื้นในดิน เก็บกักตะกอนดินและสารพิษต่างๆ ไม่ให้ไหลลงในน้ำ ซึ่งจะอำนวยผล
ประโยชน์อย่างยิ่งแก่การอนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนการฟื้นฟูดินและป่าไม้ให้สมบูรณ์ขึ้น”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระราชทานแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2540
52
แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ
https://www.porpeang.org/content/
http://bonusdangnoiy.blogspot.com/p/blog-page_9.html
53
น.ส.เเพรพลอย ปาระเเดน 028 คหกรรม
54
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
บทที่ 9
55
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
จากการที่สมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรง
เยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะเห็นประชาชนอยู่ดีมีสุขตาม
สมควรแก่อัตภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ซึ่งถือว่า
เป็นอาชีพหลักของประเทศ จึงทำให้เกิด “โครงการส่วนพระองค์เกี่ยวกับการเกษตร
สวนจิตรลดา” ภายในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน อันเป็นราชฐานที่ประทับ
ในปีพุทธศักราช2504
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน เพื่อศึกษา ทดลองและวิจัยหาวิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ
งานทางด้านการเกษตรต่างๆ เช่น การปลูกข้าว การเลี้ยงโคนม การเพาะพันธุ์ปลานิล และ
อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นแบบอย่างในการนำไปปฏิบัติ
ตาม นอกจากนี้ยังเป็นการดำเนินการโดยไม่มุ่งหวังผลตอบแทน
56
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ
1. เป็นโครงการทดลอง โดยเก็บข้อมูลไว้เพื่อศึกษาและเพื่อผู้ที่สนใจขอข้อมูลมาเพื่อศึกษา ถ้าต้องการจะทำ
ตามหรือคิดว่าโครงการนี้ดีเป็นตัวอย่าง ก็ขอข้อมูลไปเพื่อพิจารณา และเริ่มกิจกรรมของหน่วยงานนั้น
2. เป็นโครงการตัวอย่าง
3. เป็นโครงการที่ไม่หวังผลกำไร หมายถึง โครงการใดก็ตามที่จัดทำขึ้นนั้น ถ้าหากว่าขาดทุนก็ยังทำต่อไป แต่
จะพิจารณาหาโครงการอื่นซึ่งสามารถที่จะทำกำไร นำมาสนับสนุนโครงการที่ขาดทุน เพราะฉะนั้นต้องไม่ท้อถอย
ต่อการที่จะทำแล้วขาดทุนต่อไป
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
1.แบบไม่ใช่ธุรกิจ โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ หมายถึง โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากราชการหลายๆ หน่วย
งาน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีรายรับและรายจ่ายประจำ เช่น การเลี้ยงและขยายพันธุ์ปลาหมอเทศ ทำป่าไม้สาธิต
หาข้าวทดลอง เลี้ยงโคนม การเลี้ยงขยายพันธุ์ปลานิล ปลูกข้าวไร่ จัดทำก๊าซชีวภาพ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
สวนพืชสมุนไพร อาคารวิจัยและพัฒนา
2.แบบกึ่งธุรกิจ ไม่ใช่ธุรกิจเต็มตัว เป็นโครงการที่มีรายรับและรายจ่าย ที่เรียกว่ากึ่งธุรกิจก็เพราะว่าไม่มีการ
แจกผลกำไร ไม่แบ่ง เพราะนำผลกำไรมาขยายงาน โครงการแบบกึ่งธุรกิจ ได้แก่ โรงโคนม ศูนย์รวมนม โรง
สีข้าวทดลอง โรงบดและอัดแกลบ ห้องปฏิบัติการทดลองเพื่อตรวจสอบคุณภาพของผลผลิต โรงผลิตน้ำผลไม้
โรงนมผงสวนดุสิต โรงนมเม็ด โรงเนยแข็ง โรงอบผลไม้ โรงบดและอัดแกลบ
โรงกลั่นแอลกฮอล์เพื่อการค้นคว้าน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น นำแอลกอฮอล์มาผสมกับน้ำมันเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์
โรงหล่อเทียนหลวง โรงผลิตกระดาษสา โรงเห็ดและโรงอาหารปลา เป็นต้น และมีโครงการวิจัยและพัฒนา
ปรับปรุงคุณภาพของผลผลิต ค้นคว้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของโครงการฯ ตลอดจนส่งเสริมเพิ่มความรู้ความ
สามารถให้กับเจ้าหน้าที่เป็นขวัญและกำลังใจเพื่อการวิจัยและพัฒนาของโครงการฯ
57
ตัวอย่างโครงการส่วนพระองค์
สวนจิตรลดาแบบไม่ใช่ธุรกิจ
1. “แปลงนาทดลอง” โครงการข้าวเพื่อเกษตรกรชาวไทย
เมื่อปี พ.ศ. 2498 สมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชินีนาถ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรกิจกรรมของสถานีทดลองพันธุ์ข้าวพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
(ปัจจุบันคือศูนย์วิจัยข้าวนครราชสีมา) ทำให้พระองค์สนพระราชหฤทัยที่จะทดลอง “ทำนา” ด้วย
พระองค์เอง จึงทรงใช้พื้นที่ในสวนจิตรลดา เพื่อการศึกษาทดลองเรียนรู้ศาสตร์จากดินและพืช
ข้าว (Oryza sativa L.) เป็นพืชอาหารคู่กับประเทศไทยมาแต่โบราณ การทำนาเป็นอาชีพหลักของ
ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ พระมหากษัตริย์ ทรงเห็นความสำคัญของผู้ประกอบอาชีพนี้ เมื่อถึงเดือน
หกของทุกปี ซึ่งเป็นระยะที่ชาวนาไทยเริ่มต้นการทำนา จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด พระราชพิธี
พืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อความเป็นสิริมงคล และบำรุงขวัญเกษตรกร ถือฤกษ์ยามเหมาะ
สมตามประเพณี โดยสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูพระราช
พิธีนี้ และปรับปรุงพิธีการบางอย่าง ให้เหมาะสมกับยุคสมัยด้วย
ปัจจุบันนาข้าวทดลองสวนจิตรลดา ได้ทำการปลูกข้าวนาสวน และข้าวไร่ในฤดูฝน หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว
ในช่วงฤดูแล้ง จะปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนในนาข้าวด้วย
58
1.การทำข้าวนาสวน (Lowland Rice) เป็นการปลูกข้าวแบบตกกล้า ปักดำเป็นแถวในสภาพดินมีน้ำขัง พื้นที่
ประมาณ 3.6 ไร่ ปลูกข้าวพันธุ์หลัก ซึ่งเป็นพันธุ์มาตรฐานที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในภาคต่างๆ
2.การปลูกข้าวไร่ (Upland Rice) เป็นการปลูกแบบใช้เมล็ดหยอดหลุม ให้เป็นแถวบนที่ดอน ไม่มีน้ำขัง พื้นที่
ประมาณ 1.2 ไร่ ส่วนใหญ่อาศัยน้ำ ฝนเป็นหลัก ปลูกทั้งพันธุ์ข้าวเหนียวและข้าวเจ้า ที่เป็นพันธุ์ดีส่งเสริมให้
ปลูกในแหล่งที่มีการปลูกข้าวไร่ของประเทศ
3.การปลูกพืชหมุนเวียน (Rotation Crops) เป็นการปลูกพืชตระกูลถั่วชนิดต่างๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่ว
ลิสง ในฤดูแล้ง หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ เพื่อเป็นการปรับปรุงบำรุงดินและสาธิตการปลูกพืชไร่ หลังการทำนา
ทำให้พื้นที่นาเกิดประโยชน์ให้มากที่สุด
2. โรงสีข้าวตัวอย่าง
สมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุยเดชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งโรงสีข้าวตัวอย่างขึ้นในปีพ.ศ.
๒๕๑๔ เพื่อทำการทดลองสีข้าวและสร้างยุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกแบบต่าง ๆ และในปัจจุบันได้ดัดแปลงยุ้งฉาง
แบบสหกรณ์ให้สามารถนำข้าวเปลือกเข้าและออกจากยุ้งไปสีโดยไม่ต้องใช้คนแบกขน
2.1 เครื่องสีข้าวปิ่นแก้ว สร้างเมื่อปี พ.ศ.2516 นับเป็นเครื่องสีข้าวต้นแบบของโครงการ
2.2 เน้นให้เห็นถึงทฤษฎี เศรษฐกิจพอเพียง ด้วยเครื่องจักรที่ไม่สลับซับซ้อน ให้อัตราการผลิตที่พอเหมาะแก่
เกษตรกรรายย่อย สามารถสีข้าวได้ 1,000 กิโลกรัมต่อชั่วโมง
59
3. เอทานอล
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเอทานอลภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาเริ่มตั้งแต่การทดลองปลูกอ้อยหลายพันธุ์เพื่อคัด
เลือกพันธุ์ที่ดีที่สุดนำมาทำแอลกอฮอล์นอกจากอ้อยที่ผลิตได้ภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาแล้วในหลวงยังทรงมีพระ
ราชดำริให้ออกไปรับซื้ออ้อยจากเกษตรกรเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบอีกด้วยโดยโรงงานแอลกอฮอล์ซึ่งมีทั้งเครื่องหีบอ้อยถังหมักหอก
ลั่นขนาดเล็กเริ่มเดินเครื่องการผลิตครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๕๒๙สามารถผลิตแอลกอฮอล์๙๑เปอร์เซ็นต์ได้ในอัตรา๒.๘ลิตรต่อชั่วโมง
ต่อมาเนื่องจากวัตถุดิบมีไม่เพียงพอจึงเปลี่ยนมาใช้กากน้ำตาลและมีการสร้างอาคารศึกษาวิจัยหลังใหม่ภายในโครงการส่วน
พระองค์สวนจิตรลดานั่นเองสำหรับแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้ในช่วงแรกยังไม่สามารถนำไปผสมกับเบนซินได้จึงนำผลผลิตที่ได้ไปทำ
เป็นน้ำส้มสายชูแทนและต่อมาก็ทำเป็นแอลกอฮอล์แข็งใช้อุ่นอาหารให้กับทางห้องเครื่องของสวนจิตรลดาเนื่องจากเดิมใช้
แอลกอฮอล์เหลวแต่การเปลี่ยนแปลงนั้นมีที่มาจากครั้งหนึ่งเมื่อมีการขนส่งแอลกอฮอล์เหลวไปยังพระตำหนักทางภาคเหนือก็มี
เคราะห์ร้ายรถเกิดอุบัติเหตุทำให้ไฟไหม้รถทั้งคันเพราะแอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ต่อจากนั้นมาจึงได้มีการคิดนำ
แอลกอฮอล์มาทำเป็นเชื้อเพลิงแข็งเพื่อความปลอดภัยแทนและหลังจากนั้นความมุ่งมั่นของพระมหากษัตริย์นักพัฒนาก็ไม่เคยหยุด
ยั้ง พระองค์ทรงติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิดโรงงานแอลกอฮอล์จึงมีการปรับปรุงการกลั่นเรื่อยมาจนกระทั่ง
สามารถผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ หรือ“เอทานอล”ได้เป็นผลสำเร็จการผสมแอลกอฮอล์กับเบนซินของโครงการ
ส่วนพระองค์สวนจิตรลดาในระยะแรกเป็นการนำน้ำมันและเอทานอลมาผสมในถังธรรมดา ใช้แรงงานคนเขย่าให้เข้ากันต่อมา
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยในเวลานั้น) จึงน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายหอผสม และ
สถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์แก่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา รวมถึงในปีพ.ศ.๒๕๔๔ ภาคเอกชน ๒ กลุ่ม ได้
น้อมเกล้าฯ ถวายเครื่องแยกน้ำออกจากเอทานอล (Dehydration Unit) ๒ แบบ คือ เครื่อง Molecular Sieve Dehydration
Unit และเครื่อง Membrane Dehydration Unit โดยปัจจุบันสถานีบริการเชื้อเพลิงในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
นอกจากผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์เติมให้กับรถยนต์ทุกคันของโครงการแล้ว งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงของโครงการส่วน
พระองค์สวนจิตรลดายังเป็นแหล่งความรู้แก่ประชาชนที่สนใจอีกด้วย จากต้นทางพระราชดำริของพระมหากษัตริย์ผู้เป็น
“ปราชญ์แห่งการพัฒนาพลังงาน” ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ก็ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนทั่วไปอย่างกว้าง
ขวาง
60
4.”การเพาะเลี้ยงปลานิล” แหล่งโปรตีนของพสกนิกรชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศ ทรง
พบความเป็นอยู่ของราษฎร ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยากจน และขาดสารอาหารประเภทโปรตีน ทำให้เป็นโรคขาด
สารอาหารกันมาก เนื้อสัตว์ราคาถูกที่พอจะหามาบริโภคได้คือปลา ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่ดั้งเดิม
จนมีคำกล่าวว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” แต่นับวันปลาที่มีอยู่ตามธรรมชาติก็จะลดลงเรื่อยๆ เพราะสภาพ
แวดล้อมเปลี่ยนแปลงและจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปลาโตไม่ทันการบริโภค
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เมื่อครั้งทรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าฟ้าชา
ยอากิฮิโต มกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นทูลเกล้าฯ ถวายลูกปลาสกุลเดียวกับปลาหมอเทศ ซึ่งเจริญเติบโตง่าย
ทนทาน และออกลูกง่าย จำนวน 25 คู่ (50 ตัว) น้ำหนักตัวละประมาณ 14 กรัม ความยาว 9 เซนติเมตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ปล่อยลงเลี้ยงในบ่อซิเมนต์ใกล้พระ
ตำหนักที่ประทับสวนจิตรลดาพระราชวังดุสิตต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ย้ายไปเลี้ยงในบ่อดิน
ขนาด10ตารางเมตร เมื่อเลี้ยงได้ประมาณ 5 เดือน ปรากฏว่าปลาชนิดนี้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก จึงทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อเพิ่มอีก 6 บ่อ ขนาดพื้นที่เฉลี่ยบ่อละ 70 ตารางเมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายปลาจากบ่อเดิมไปปล่อยในบ่อใหม่ทั้ง 6 บ่อ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ จึงทรงเริ่มศึกษา และทดลองขยายพันธุ์ปลาในบ่อปลาที่ขุดขึ้นในสวนจิตรลดา
เพื่อเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ปลาให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเพียงพอสำหรับการบริโภค ทรงเลือกเพาะพันธุ์ปลาพื้นเมือง
ของไทย และพันธุ์ต่างประเทศ ที่เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว และสามารถนำไปเพาะเลี้ยงในแหล่งน้ำทุกภูมิภาคได้
เมื่อทรงเห็นว่าได้ผลดีแล้วก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขยายพันธุ์ปลาเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ราษฎรเลี้ยงต่อไป
61
แหล่ง
อ้างอิง
และ
รูปภาพ
https://www.porpeang.org/content/5161/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A
3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B9%88%
E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0
%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B
8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%
B2
62
น.ส.พิชามญชุ์ รวมพล 045 คหกรรม