The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทักษะการเรียนรู้ ทร11001

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nattakita Jomsri, 2023-12-06 00:00:04

ทักษะการเรียนรู้ ทร11001

ทักษะการเรียนรู้ ทร11001

92 ท่านอาจารย์ดร.โกวิท วรพิพฒัน์เคยกล่าวไวว้า่“คิดเป็ น” เป็นคา เฉพาะที่หมายรวมทุกอยา่ง ไวใ้นตวัแลว้เป็นคา ที่บูรณาการเอาการคิด การกระทา การแกป้ ัญหาความเหมาะสม ความพอดีความเชื่อ วฒันธรรมประเพณีคุณธรรมจริยธรรม มารวมไวใ้นคา วา่“คิดเป็ น” หมดแลว้นนั่คือ ตอ้งคิดเป็น คิดชอบ ทา เป็น ทา ชอบ แกป้ ัญหาไดอ้ยา่งมีคุณธรรมและความรับผดิชอบ ไม่ใช่เพียงแค่คิดอยา่งเดียวเพราะเรื่อง ดงักล่าวเป็นขอ้มูลที่ตอ้งนา มาประกอบการคิด การวเิคราะห์อยา่งพอเพียงอยแู่ลว้ กระบวนการเรียนรู้ตามทิศทางของ “คิดเป็ น” น้ีผูเ้รียนส าคญที่สุด ผู้สอนเป็ นผู้จัดโอกาส ั จดักระบวนการจดัระบบขอ้มูลและแหล่งการเรียนรู้รวมท้งัการกระตุน้ ใหก้ระบวนการคิด การวิเคราะห์ ได้ใช้ขอ้มูลอย่างหลากหลาย ลึกซ้ึงและพอเพียง นอกจากน้ัน “คิดเป็ น” ยงัครอบคลุมไปถึงการหล่อ หลอมจิตวิญญาณของคนทา งาน กศน. ที่ปลูกฝังกนัมาจากพี่สู่น้องนับสิบ ๆ ปีเป็นตน้ว่า การเคารพ คุณค่าของความเป็นมนุษยข์องคนอยา่งเท่าเทียมกนัการทา ตวัเป็นสามญัเรียบง่าย ไม่มีมุม ไม่มีเหลี่ยม ไม่ “คิดเป็ น” ปัญหา กระบวนการคิดเป็ น ความสุข ข้อมูลที่ต้องน ามาพิจารณา ไม่พอใจ ลงมือปฏิบัติ ลงมือปฏิบัติ พอใจ ตนเอง สังคม วิชาการ การวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล ที่หลากหลายและพอเพียง อยา่งละเอียดรอบคอบ การตัดสินใจ เลือกแนวทางปฏิบัติ


93 มีอตัตา ให้เกียรติผอู้ื่นดว้ยความจริงใจ มองในดีมีเสีย ในเสียมีดีในขาวมีดา ในดา มีขาว ไม่มีอะไรที่ขาว ไปท้งัหมด และไม่มีอะไรที่ดา ไปท้งัหมด ท้งัน้ีตอ้งมองในส่วนดีของผอู้ื่นไวเ้สมอ จากแผนภูมิดงักล่าวน้ีจะเห็นว่าคิดเป็นหรือกระบวนการคิดเป็นน้นัจะตอ้งประกอบดว้ย องคป์ระกอบต่าง ๆ ดงัต่อไปน้ี 1. เป็ นกระบวนการเรียนรู้ที่ประกอบด้วยการคิด การวิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลประเภท ต่าง ๆไม่ใช่การเรียนรู้จากหนงัสือหรือลอกเลียนจากตา ราหรือรับฟังการสอนการบอกเล่า ของครูแต่เพียงอยา่งเดียว 2. ขอ้มูลที่นา มาประกอบการคิด การวิเคราะห์ต่าง ๆ ตอ้งหลากหลาย เพียงพอครอบคลุม อย่างน้อย 3 ด้าน คือขอ้มูลทางวิชาการขอ้มูลเกี่ยวกบัตนเองและขอ้มูลเกี่ยวกบัสังคม สิ่งแวดลอ้ม 3. ผู้เรียนเป็ นคนส าคัญในการเรียนรู้ ครูเป็ นผู้จัดโอกาสและอ านวยความสะดวกในการจัดการ เรียนรู้ 4. เรียนรู้จากวิถีชีวิต จากธรรมชาติและภูมิปัญญา จากประสบการณ์และการปฏิบัติจริง ซึ่งเป็ น ส่วนหน่ึงของการเรียนรู้ตลอดชีวติ 5. กระบวนการเรียนรู้เป็ นระบบเปิ ดกว้าง รับฟังความคิดของผู้อื่นและยอมรับความเป็ นมนุษย์ ที่ศรัทธาในความแตกต่างระหวา่งบุคคล ดงัน้นัเทคนิคกระบวนการที่นา มาใชใ้นการเรียนรู้ จึงมกัจะเป็นวธิีการสานเสวนาการอภิปรายถกแถลงกลุ่มสัมพนัธ์หรือกลุ่มสนทนา 6. กระบวนการคิดเป็นน้นัเมื่อมีการตดัสินใจลงมือปฏิบตัิแลว้จะเกิดความพอใจ มีความสุข แต่ถา้ลงมือปฏิบตัิแลว้ยงัไม่พอใจก็จะมีสติไม่ทุรนทุรายไม่เดือดเน้ือร้อนใจแต่จะกลบัยอ้น ไปหาสาเหตุแห่งความไม่ส าเร็จไม่พึงพอใจกบัการตดัสินใจดงักล่าวแลว้แสวงหาขอ้มูล เพิ่มเติม เพื่อหาทางเลือกในการแกป้ ัญหาแลว้ทบทวนการตดัสินใจใหม่จนกวา่จะพอใจกบั การแกป้ ัญหาน้นั ท่านเขา้ใจเรื่องของคิดเป็น และกระบวนการคิดเป็นหรือยงั ? อย่าลืมใส่เครื่องหมาย เพื่อประเมิน ตนเองด้วย เข้าใจดี เข้าใจพอสมควร


94 เรื่องที่ 4 ฝึ กทักษะการคิดเป็ น คิดเป็น เป็นเรื่องของการสร้างสมประสบการณ์ที่จะทา ความเขา้ใจกบัความจริงของชีวิต คิดเป็นนอกจากจะเป็นการทา ความเขา้ใจกบัหลกัการและแนวคิดแลว้กระบวนการเรียนรู้จะเนน้หนกัไป ที่การฝึกปฏิบตัิจากกรณีตวัอย่าง และจากการปฏิบตัิจริงในวิถีการดา รงชีวิตประจา วนัรวมท้งัการได้ แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์จากการสานเสวนาหรืออภิปรายถกแถลงกบัเพื่อนในกลุ่มดว้ย คนมีทกัษะสูงก็จะสามารถมองเห็นทางเลือกและช่องทางในการแกป้ ัญหาไดร้วดเร็วและคล่องแคล่วมาก ข้ึน ฉะน้นัการฝึกปฏิบตัิบ่อยคร้ัง และดว้ยวิธีที่หลากหลายก็จะช่วยให้การแกป้ ัญหาไม่ผิดพลาดมากนกั ในตอนสุดท้ายน้ีเป็นการเสนอกิจกรรมตวัอย่างให้ครูและผูเ้รียนได้ร่วมกันปฏิบตัิเพื่อเพิ่มพูนทกัษะ “คิดเป็ น” ให้เข้มแข็ง เฉียบคม ฉับไว จนเกิดสภาพคล่องเป็นธรรมชาติและใช้เวลาในการคิด การตัดสินใจที่รวดเร็วข้ึนดว้ย กิจกรรมฝึ กทักษะที่ 1 กรณีตัวอย่างเรื่อง “ชาวบ้านบางระจัน” ในราวปีพ.ศ. 2310 พม่าขา้ศึกไดย้กทพัมาโจมตีกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ในสภาพอ่อนแอขาดความ สมานฉันท์สามคัคีแต่มีชาวบา้นบางระจนักลุ่มหน่ึงมีผูน้า ส าคญัเช่น ขุนสวรรค์พนัเรือง นายทองแสง ใหญ่นายแท่น นายดอก นายทองเหม็น และนายจนัหนวดเข้ียว ผู้มีฝี มือทางการรบโดยมีพระอาจารย์ ธรรมโชติพระสงฆ์ผู้แก่กลา้ทางคาถาอาคมเป็นศูนยร์วมขวญักา ลงัใจไดร้วมกา ลงักนัเขา้โจมตีพม่าขา้ศึก จนไดร้ับชยัชนะถึง 7คร้ัง ท้งัๆ ที่มีกา ลงันอ้ยกว่ามากต่อมากจนพม่าไม่กลา้ออกจากค่ายมารบดว้ยแต่ ใชว้ิธียิงปืนใหญ่มาทา ลายค่ายของชาวบา้นบางระจนัจนเสียหายผูค้นลม้ตายไปมาก ชาวบา้นบางระจนั ส่งคนไปขอปืนใหญ่จากกรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้รับการอนุญาตเพราะกลัวพม่าจะแย่งชิงระหว่างทาง ชาวบ้านบางระจนัจึงรวบรวมโลหะที่มีอยู่หล่อปืนใหญ่เอง แต่ความที่ขาดวิชาการความรู้การหล่อ ปืนใหญ่จึงไม่ประสบความส าเร็จ ในที่สุดชาวบา้นบางระจนัซ่ึงถนัดในการรบแบบใช้กา ลงัฝีมือก็ไม่ สามารถเอาชนะพม่าขา้ศึกได้ตอ้งถูกโจมตีแตกพา่ยไป ประเด็น 1. ถา้ท่านเป็นคนไทยในสมยัน้ัน ท่านคิดจะไปช่วยชาวบา้นบางระจนัต่อสู้กบัขา้ศึกหรือไม่ เพราะเหตุใด 2. หากท่านจะใชก้ระบวนการ “คิดเป็ น” ในการตดัสินใจคร้ังน้ีท่านจะใชข้อ้มูลประกอบการ ตดัสินใจอยา่งไรบา้ง 1) ขอ้มูลตนเอง (ตวัท่านและชาวบา้นบางระจนั ) 2) ขอ้มูลสังคมและสิ่งแวดลอ้ม 3) ข้อมูลทางวิชาการ


95 กิจกรรมฝึ กทักษะที่ 2 กรณีตัวอย่าง เรื่อง ข่าวที่น่าสนใจ ให้ผู้เรียนและผสู้อนร่วมกนัสนทนาถึงข่าวสารที่ไดร้ับการกล่าวขวญัและวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อ ในปัจจุบัน แลว้เลือกข่าวที่น่าสนใจมา1ข่าว ที่บุคคลในข่าวไดต้ดัสินใจกระทา การอยา่งใดอย่างหน่ึงไป ตามที่ปรากฏในข่าวน้นัสมมติว่าผูเ้รียนเป็นบุคคลในข่าวน้นัผูเ้รียนจะตดัสินใจ เหมือนบุคคลในข่าว หรือไม่เพราะอะไร ใหแ้ สดงวธิีการแยกแยะขอ้มูลท้งั3 ดา้นประกอบการคิดการตดัสินใจใหช้ดัเจนดว้ย สาระของข่าว ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... การตดัสินใจของท่าน ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... เพราะขอ้มูลที่ศึกษา มีดงัน้ี ข้อมูลทางวิชาการ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ขอ้มูลทางสังคมสิ่งแวดลอ้ม. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ขอ้มูลเกี่ยวกบัตนเอง ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................


96 กิจกรรมฝึ กทักษะที่ 3 กรณีตัวอย่างเรื่อง “เหตุเกดิทโี่นนหมากมุ่น” ผมสิบตรีมนั่มีเขียน ประจา อยู่ร.พนั11ขณะน้ีปฏิบตัิการอยทู่ ี่อรัญประเทศคืนน้นัผมกบัเพื่อน อยหู่มวดลาดตระเวน เราจะตอ้งแบ่งกนัออกลาดตระเวนเป็นหมู่ๆ ในขณะที่เรารออยใู่นบงัเกอร์บางคน ก็นงั่บางคนก็เอนนอน ...คุยกนัอย่างกระซิบกระซาบ เสียงปืนดงัอยู่เป็นจงัหวะไม่ไกลนกัเราจะตอ้ง ออกลาดตระเวนตรวจดูว่า พวกขา้ศึกที่ชายแดนจะรุกล้า เขา้มาหรือไม่เราไม่เคยนึกดอกครับว่า ทหาร ญวนกบัเขมรเสรีที่กา ลงัต่อสู่กนัน้นัจะรุกล้า เขา้มาในเขตของเราแมเ้ขากา ลงัรบติดพนักนัอยู่ พอไดเ้วลาหมู่ของเราตอ้งออกไปลาดตระเวน เดือนก็มืด คนันาที่เราเหยียบย่า มาน้นั เราเห็นเป็ น เส้นด า ๆ ยืดยาว... ข้างหน้าคือหมู่บา้นโนนหมากมุ่น เราเดินอย่างแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดข้ึน เพราะเราไม่ไดอ้ยทู่ ี่เส้นก้นัเขตแดน ทนัใดน้นัเองเสียงปืน ดงัข้ึน จากขา้งซ้าย จากขา้งขวา ดูเหมือนจะมาท้งัสามดา้น อะไรกนันี่เกิดอะไรข้ึนที่บา้นโนนหมากมุ่น เราจะท าอย่างไร ผมคิดว่าเสียงปืนมาจากปืนหลายกระบอกจา นวนมากกว่าปืนเราหลายเท่านัก ผมกระโดดลงในปลกัควายขา้งทางลูกนอ้งของผมก็กระโดดตาม ทุกคนคิดถึงตวัเองก่อน หลบกระสุน เอาตวัรอด มือผมกุมปืนไว้ผมจะทา อย่างไร สั่งสู้รึอาจจะตายหมด ถอยรึไม่ได้ไม่ได้เราอาจจะถอย ไม่รอด มนัมืดจนไม่รู้วา่เราตกอยใู่นสถานการณ์อยา่งไร เพื่อนผมล่ะผมเป็นหวัหนา้หมู่ตอ้งรับผิดชอบ ลูกน้องของผมด้วย เราทุกคนมีปืนคนละกระบอก มีกระสุนจา กัด จะสู้หรือจะถอย ค่ายทหารอยู่ ไม่ห่างไกลนักช่วยผมทีเถอะครับ ผมตอ้งรับผิดชอบต่อหน้าที่ลาดตระเวน ผมต้องรับผิดชอบชีวิต ลูกนอ้งผมทุกคน ผมจะทา อยา่งไรโปรดช่วยผมตดัสินใจวา่ผมจะสั่งสู้หรือสั่งถอย ประเด็น 1. ถา้ท่านเป็น ส.ต.มนั่มือเขียน จะตดัสินใจอยา่งไร เพราะอะไร 2. ในการที่ท่านจะตดัสินใจน้นัท่านตอ้งใชข้อ้มูลอะไรบา้ง วิธีด าเนินการ 1. วทิยากรเล่าเหตุการณ์บา้นโนนหมากมุ่น 2. แบ่งกลุ่มสมาชิกออกเป็น 5 -6กลุ่ม เพื่อร่วมกนัคิดและร่วมอภิปรายถกแถลงตามประเด็น ในเหตุการณ์ที่เกิดที่บา้นโนนหมากมุ่น ประมาณ 10 นาที 3. ใหทุ้กกลุ่มไดน้า เสนอผลการคิด วเิคราะห์ตามประเด็นที่กา หนด 4. สรุปประเด็นในกลุ่มใหญ่


97 กิจกรรมฝึ กทักษะที่ 4 กรณีตัวอย่างเรื่อง “เรื่องของฉันเอง” ให้ผู้เรียนทุกคนคิดถึงปัญหาที่เกิดข้ึน หรือเคยเกิดข้ึนกบัตนเองมา 1 เรื่องและแสดงวธิีการ แกป้ ัญหาน้นัอยา่งคนคิดเป็น โดยการแสวงหาขอ้มูลท้งั3 ดา้น อยา่งพอเพียงมาประกอบการพิจารณา ในการแกป้ ัญหาน้นั ใหช้ดัเจน และบนัทึกกระบวนการดงักล่าวไวด้ว้ย 1. ลกัษณะของปัญหาที่นา ไปสู่กระบวนการแกป้ ัญหาแบบคนคิดเป็น คืออะไร 2. ขอ้มูลท้งั3 ประการ ที่จะน ามาเป็ นข้อมูลประกอบการคิดการตัดสินใจเป็นอยา่งไรใหเ้สนอ รายละเอียดของข้อมูลตามสมควร 3. กระบวนการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อการกา หนดทางเลือกในการแกป้ ัญหาทา อยา่งไร มีทางเลือก กี่ทางอะไรบ้าง 4. ท่านตดัสินใจเลือกทางเลือกข้อไหน เพราะเหตุใด 5. ท่านจะนา ทางเลือกไปปฏิบตัิอยา่งไร 6. ท่านพอใจและมีความสุขกบัการแกป้ ัญหาน้นัหรือไม่อยา่งไร กิจกรรมท้ายเล่ม 1. ใหค้รูและผเู้รียนท้งักลุ่มช่วยกนัเขียนบนัทึกหรือบนัทึกลงแผน่ซีดีรอมสรุปกระบวนการ เรียนรู้วิชา “คิดเป็ น” ของกลุ่มผเู้รียนกลุ่มน้ีและใหแ้ สดงความคิดเห็นส้ัน ๆ ต่อผลที่ไดจ้าก การศึกษารายวชิาน้ี 2. ใหผ้เู้รียนแต่ละคนอธิบายส้ัน ๆ ถึงสิ่งที่ไดเ้รียนรู้เพิ่มข้ึนจากการเรียนรายวชิาคิดเป็น 3. ครูและผเู้รียนจดัทา แฟ้มสะสมงานของผเู้รียนแต่ละคนในรายวชิาคิดเป็น เพื่อเป็นการ ประเมินผลการเรียนรายบุคคล


98 บทที่ 5 การวิจัยอย่างง่าย สาระส าคัญ 1. การวจิยัเป็นการหาคา ตอบที่อยากรู้อยา่งมีระบบ เพื่อใหไ้ดร้ับคา ตอบที่เชื่อถือได้ 2. การวจิยัทา ใหเ้กิดความรู้ใหม่ๆ และผู้วิจัยได้ฝึ กการศึกษาค้นคว้าอยา่งเป็นระบบ 3. การวจิยัทา ไดโ้ดยมีข้นัตอนการวจิยัอยา่งง่าย ๆ 3ข้นัตอน 4. การเขียนรายงานการวิจยัอยา่งง่ายเป็นการเขียนให้ผอู้ื่นเขา้ใจเหตุผลที่ทา วิจยัวธิีการ/ ข้นัตอนการทา วิจยัและผลการวจิยั ผลการเรียนรู้ทคี่าดหวงั เมื่อจบบทน้ีผเู้รียนสามารถ 1. อธิบายความหมายและประโยชน์ของการวิจัยได้ 2. ระบุข้นัตอนของการทา วิจยัได้ 3. อธิบายวิธีเขียนรายงานการวิจยัง่าย ๆ ได้ ขอบข่ายเนื้อหา เรื่องที่1 วจิยัคืออะไร มีประโยชน์อยา่งไร เรื่องที่ 2 ทา วจิยัอยา่งไร เรื่องที่ 3 เขียนรายงานการวิจยัอยา่งไร ส ื่อการเรียนรู้ 1. บทเรียนวิจัยออนไลน์ (http://www.elearning.nrct.net/)ของส านักงานคณะกรรมการวิจัย แห่งชาติ 2. เข้าไปค้นข้อมูลโดยพิมพ์หัวเรื่องวิจัยที่ต้องการศึกษาใน http://www.google.co.th 3. วารสารเอกสาร งานวจิยัและวทิยานิพนธ์ต่าง ๆ


99 เรื่องที่ 1 วิจัยคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ความหมายของการวิจัย ผู้เรียนระดับประถมศึกษา 2 คน ที่ต้องเรียนหัวข้อการวิจยัอยา่งง่ายในเทอมน้ีกา ลงัพดูคุยอยา่ง วติกกงัวลที่ตอ้งเรียนวิจยัดงัน้ี สมชาย “ท่าจะแยเ่ทอมน้ีตอ้งเรียนวิจยัดว้ย มนัคืออะไรก็ไม่รู้แต่คงยากมาก ๆ แน่เลย” สมหญิง “ใช่ๆ พี่เราที่อยมู่หาวทิยาลยับอกวา่ ปวดหวัมากเลย ทา วจิยันี่ตอ้งไปคน้หนงัสือ มากมาย ตอ้งรู้เรื่องสถิติบอกวา่กวา่จะทา วจิยัเสร็จใชเ้วลาเป็นปีๆ เลยล่ะ” สมชาย “แต่วิจยัของเราแค่ระดบั ประถม และหัวขอ้คือวิจยัอย่างง่าย คงไม่ยากเหมือนวิจยัใน มหาวทิยาลยัหรอกแต่ที่เราสงสัยคือวจิยัคืออะไรแลว้ทา ไมพวกเราต้องเรียนวิจัยด้วย มีประโยชน์อะไร” ผเู้รียนหลายคน คงมีปัญหาขอ้ สงสัยเหมือนสมชายและสมหญิง เราลองมาหาคา ตอบกนัเถอะวา่ วจิยัคืออะไร มีประโยชน์อยา่งไร วิจัยคืออะไร การวจิยัเป็นการหาคา ตอบที่สงสัยที่อยากรู้อยา่งเป็นระบบ ไม่ใช่คาดเดา หรือสรุปเอาเองคา ตอบ น้นจึงจะเชื่อถือได้ ั ตัวอย่างเช่ น สงสัยว่า ผูเ้รียนระดบั ประถมศึกษาใน ศรช. แห่งน้ีใช้เวลาว่างทา อะไร จะไป สังเกตหรือสอบถามผู้เรียนเพียง 2 - 3คน แลว้มาสรุปว่า เวลาวา่งผูเ้รียนใน ศรช. น้ีชอบเล่นดนตรีก็คง ไม่ได้แต่ตอ้งไปสังเกตหรือทา แบบสอบถามไปให้ผูเ้รียนที่มีจา นวนมากพอจะเป็ นตัวแทนของ ผู้เรียน ท้งัหมดตอบแลว้นา มาสรุปวา่ผเู้รียนส่วนใหญ่ใชเ้วลาวา่งทา อะไร เป็นตน้ อีกตวัอยา่งหน่ึง เช่น ถา้ผเู้รียนสงสัยวา่ผกับุง้ที่ชอบกินน้นัจะข้ึนไดเ้จริญงอกงามในดินชนิดใด ระหวา่งดินทรายกบัดินเหนียวผเู้รียนสามารถพิสูจน์ขอ้สงสัย โดยทดลองปลูกผกับุง้ในดินท้งั2 ชนิดน้นั โดยตอ้งควบคุมสภาพแวดลอ้มทุกอย่างให้เหมือน ๆ กนัเช่น จา นวนเมล็ดพนัธุ์ผกับุง้ที่ปลูกการรดน้า การใส่ปุ๋ย เมื่อครบเวลาที่จะนา ผกับุง้มาทา อาหารผูเ้รียนก็จะสามารถสรุปไดว้่าผกับุง้สามารถข้ึนได้ดี ในดินชนิดไหนมากกวา่กนั การทดลองเช่นน้ีเราเรียกว่า เป็นการวิจยัเรื่อง “การเปรียบเทียบความเจริญเติบโตของผักบุ้งที่ ปลูกในดินทรายกบัดินเหนียว” ซึ่งเป็ นการศึกษาหาความจริงที่อยากรู้ โดยวิธีการทดลองปฏิบัติจริง และ ที่สา คญัที่ผเู้รียนตอ้งทา เพื่อใหก้ารตอบคา ถามน้ีน่าเชื่อถือคือการจดบนัทึกทุกข้นั ตอนของการปลูกผักบุ้ง ในดินท้งั2 ชนิด ต้งัแต่เริ่มตน้เตรียมดิน การปลูกการดูแลรักษา ให้น้า ใส่ปุ๋ย และบนัทึกผลเมื่อผกับุง้ เริ่มงอกจนเก็บมาทา อาหารได้เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของผกับุง้ในดินท้งั2 ชนิด เกี่ยวกบัจา นวนตน้ ที่งอก ความสูงของต้น ความสมบูรณ์แข็งแรง เป็ นต้น


100 จากตวัอยา่งท้งั2 เรื่องดงักล่าว จะเห็นวา่ที่เรียกวา่การวจิยัน้นั ประกอบดว้ยสิ่งสา คญัคือ 1. คา ถาม ปัญหา หรือขอ้ สงสัยต่าง ๆ เช่น อยากรู้วา่เพื่อน ๆ ใน ศรช. ใชเ้วลาวา่งทา อะไร หรือ สงสัยวา่ผกับุง้จะข้ึนไดด้ีในดินทรายหรือดินเหนียว 2. กระบวนการหาค าตอบที่เป็นระบบ ไม่ใช่การคาดเดาแต่ตอ้งไปสังเกต สอบถาม สัมภาษณ์ หรือทดลองปฏิบัติจริง โดยไปศึกษาวิธีปลูกผักบุ้ง การดูแลรักษา แล้วมาปลูกจริง สังเกต บันทึกผล ที่ เกิดข้ึนทุกข้นัตอน 3. รายงานผลการดา เนินงาน หรือเรียกวา่รายงานการวจิยัเป็นการเขียนใหผ้อู้ื่นทราบ วา่ทา ไม จึงสนใจทา วจิยัเรื่องน้นัๆ มีวธิีการและข้นัตอนการทา วิจยัอยา่งไรและผลสรุปที่ไดจ้ากการวจิยัเป็น อยา่งไร ประโยชน์ของการวิจัย ประโยชน์ของการวิจัย สา หรับผทู้า วจิยัเอง มีหลายประการดงัน้ี 1. ทา ใหม้ีความสนใจกระตือรือร้น สงสัยอยากรู้อยากเห็นในสิ่งรอบตวั 2. ฝึ กการเป็ นคนมีเหตุผลเมื่อมีปัญหาขอ้สงสัย ตอ้งหาคา ตอบที่ถูกตอ้งไม่ใช่การคาดเดาหรือ สรุปเอง 3. ฝึกการศึกษาคน้ควา้จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ 4. ฝึกการเป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต อดทน 5. ฝึกการจดบนัทึกเขียนเรียบเรียงอยา่งเป็นระบบ 6. ฝึกการทา งานร่วมกบัผอู้ื่น ประโยชน์ของการวิจัย ส าหรับผู้อื่น/หน่วยงาน/สังคม 1. ความรู้ใหม่ที่นา ไปใชใ้นการพฒันางานดา้นต่าง ๆ 2. นวตักรรมสิ่งประดิษฐใ์หม่ๆ กิจกรรมที่ 1 ให้ผู้เรียนเขียนสรุปความหมายของการวิจัยตามความเขา้ใจของตนเองและนา เสนอในการพบกลุ่ม กิจกรรมที่ 2 ใหผ้เู้รียนไปศึกษาคน้ควา้และยกตวัอยา่งวา่มีนวตักรรม หรือสิ่งประดิษฐใ์หม่ๆ อะไรบา้ง ที่เกิดข้ึนจากผลของการวจิยั


101 เรื่องที่ 2 ท าวิจัยอย่างไร ขั้นตอนของการท าวิจัย โดยทวั่ ไป การวิจยัอยา่งง่าย มีข้นัตอนที่เขียนเป็นแผนภูมิได้ดงัน้ี ขั้นตอนแรก ค าถามที่ต้องการค าตอบคืออะไรเป็นข้นัตอนที่สา คญัมากเพราะการวิจยัจะเริ่มตน้จาก ปัญหาความสนใจ ความต้องการหาค าตอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งของผู้วิจัยเอง ขั้นตอนที่สอง วธิีการหาคา ตอบที่ตอ้งการรู้ทา อยา่งไรข้นัตอนน้ีผวู้จิยัตอ้งแสดงวา่จะมีแนวทางวธิีการ หาค าตอบอยา่งไรบา้ง โดยตอ้งเขียนรายละเอียดใหผ้อู้่านมองเห็นภาพรวมของการ ดา เนินการวจิยัท้งัหมด ขั้นตอนที่สาม รายงานผลการหาคา ตอบ เป็นข้นัตอนสุดทา้ยเมื่อไดร้ับคา ตอบจากการวจิยัแลว้นา มา เขียนเป็นรายงานใหผ้อู้ื่นทราบวา่ทา ไมจึงสนใจทา วจิยัเรื่องน้นัๆ มีวธิีการทา วจิยั อยา่งไรและผลที่ไดจ้ากการทา วจิยัเป็นอยา่งไร ในข้นัตอนของการทา วจิยัท้งั3ข้นัตอนดงักล่าว มีรายละเอียดและวธิีการดา เนินการดงัต่อไปน้ี 1. ค าถามที่ต้องการค าตอบ คืออะไร เป็นข้นัตอนแรกของการวิจยัที่ผวู้จิยัตอ้งตอบใหไ้ดว้า่อยากรู้อะไร มีปัญหาขอ้ สงสัยอะไร ค าถามที่ต้องการค าตอบคืออะไรเรียกวา่เป็นคา ถามการวิจยั ตวัอยา่งคา ถามการวิจยัเช่น อาหารประเภทใดที่วยัรุ่นชอบกิน วยัรุ่นใชเ้วลาวา่งทา อะไรลกัษณะ ครูที่วยัรุ่นชอบเป็นอยา่งไรผกัชีข้ึนไดด้ีในดินชนิดใด ฯลฯ เป็นตน้ ที่มาของค าถามการวิจัย ได้มาจากปัญหา ข้อข้องใจ ความสนใจของผู้วิจัยเอง หรือได้มาจาก การพดูคุยกบัผอู้ื่นแลว้เกิดประเด็นคา ถาม หรือไดม้าจากการศึกษาคน้ควา้อ่านหนงัสือแลว้เกิดความสนใจที่ จะหาค าตอบ เป็ นต้น ขั้นตอน ค าถามที่ต้องการค าตอบ คืออะไร วธิีการหาคา ตอบที่ตอ้งการรู้ทา อยา่งไร รายงานผลการหาค าตอบ


102 2. วธิีการหาคา ตอบทตี่้องการรู้ทา อย่างไร เมื่อผวู้ิจยัมีคา ถามการวจิยัแลว้ข้นัตอนต่อไปผวู้จิยัตอ้งเขียนแสดงใหเ้ห็นวา่จะมีแนวทาง/วิธีการ หาค าตอบ ในเรื่องที่สนใจหรืออยากรู้อยา่งไรโดยเขียนรายละเอียดใหค้รอบคลุมหวัขอ้ต่อไปน้ี 1. จะท าวิจัยเรื่องอะไร (ชื่อเรื่องที่วิจัย) 2. ทา ไมจึงทา เรื่องน้ี(เหตุผลที่สนใจทา วจิยัเรื่องน้ีคืออะไร) 3. อยากรู้อะไรบ้างจากการวิจัย (วัตถุประสงค์การวิจัย) 4. มีวธิีการข้นัตอนการวจิยัอยา่งไร(อธิบายรายละเอียดของการดา เนินงานวิจยัระยะเวลา แผนการด าเนินงาน) 5. ประโยชน์ที่ได้จากการวิจัยคืออะไร 3. รายงานผลการหาค าตอบ เป็นข้นัตอนสุดทา้ยของการวิจยัเมื่อทา วิจยัเสร็จเรียบร้อยแลว้เรียกวา่ เป็ นรายงานการวิจัย เขียนเพื่อให้ผอู้่านเขา้ใจถึงเหตุผลที่ทา วจิยัสิ่งที่อยากรู้ในการทา วจิยัวธิีการ/ข้นัตอนของการทา วจิยั และผลการวิจัย กิจกรรมที่ 3 ให้ผู้เรียนเขียนค าถามการวิจัยตามความสนใจของตนเอง คนละ 3 ค าถาม กิจกรรมที่ 4 1. ใหผ้เู้รียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ5คน 2. ในกลุ่มใหแ้ต่ละคนนา เสนอคา ถามการวจิยัตามที่ตนเองสนใจที่เคยเขียนไวใ้นกิจกรรมที่3 3. กลุ่มพิจารณาเลือกคา ถามการวจิยัที่น่าสนใจที่สุดมา 1 ค าถาม 4. ระดมสมองในกลุ่มวา่จากคา ถามการวจิยัที่เลือกมาจะทา วิจยัเรื่องอะไร ทา ไม จึงทา เรื่องน้ีอยากรู้ คา ตอบอะไรจะเกิดประโยชน์อยา่งไรและมีแนวทาง/วธิีการทา วจิยัอยา่งไรบา้ง 5. ส่งตวัแทนไปนา เสนอรายละเอียดในขอ้4 ในการพบกลุ่มใหญ่


103 เรื่องที่ 3 เขียนรายงานการวิจัยอย่างไร การเขียนรายงานการวิจัยอย่างง่าย ๆ การเขียนรายงานการวิจยัอยา่งง่าย ๆ ส่วนใหญ่จะประกอบดว้ยหวัขอ้ต่อไปน้ี 1. ชื่อเรื่องที่วิจัย 2. ชื่อผู้วิจัย 3. เหตุผลที่ทา วจิยั (ทา ไมจึงทา วจิยัเรื่องน้ี) 4. อยากทราบอะไรจากการวิจัย (วัตถุประสงค์การวิจัย) 5. วธิีการดา เนินการวิจยั (ข้นัตอน/วธิีการ/ระยะเวลาการวิจยั) 6. ผลการวิจัย (ข้อค้นพบจากการวิจัย) กิจกรรมที่ 1 คา ตอบอาจมีหลากหลาย แต่ที่ส าคัญคือ ความหมายของการวิจัย ต้องการมีศึกษาค้นคว้า หาค าตอบอยา่งเป็นระบบ ไม่ใช่การคาดเดาหรือสรุปเอาเอง กิจกรรมที่ 2 คา ตอบเป็นไปตามสิ่งที่ผูเ้รียน ไดไ้ปศึกษาคน้ควา้และยกตวัอย่างเกี่ยวกบันวตักรรม ผลงาน สิ่งประดิษฐท์ ี่เกิดข้ึนจากการวจิยั กิจกรรมที่ 3 ค าตอบเป็ นไปตามค าถาม การวจิยัของผเู้รียนแต่ละคน กิจกรรมที่ 4 ค าตอบในข้อ 4 ให้ครอบคลุมชื่อเรื่องที่วิจัย เหตุผลความเป็ นมาที่ท าวิจัย วัตถุประสงค์การวิจัย วธิีการ/ข้นัตอนการวจิยั ประโยชน์ไดร้ับจากการวิจยั กิจกรรมที่ 5 ค าตอบให้ครอบคลุมชื่อเรื่องที่วิจัย ชื่อผู้วิจัย เหตุผลที่ท าวิจัย วัตถุประสงค์การวิจัย วิธีการ ด าเนินการวิจัย ผลการวิจัย กิจกรรมที่ 5 ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มไปศึกษาคน้ควา้รายงานการวจิยัในเอกสารหรือเวบ็ไซตแ์ละเขียนสรุปรายงาน การวจิยัที่สนใจใหค้รอบคลุมท้งั6 หวัขอ้ขา้งตน้เป็นรายงานกลุ่มส่งครูประจา กลุ่ม เฉลยกิจกรรม


104 บทที่ 6 ทักษะการเร ี ยนร ู้และศักยภาพหลกัของพน ื้ท ี่ในการพฒันาอาช ี พ ในปัจจุบนัโลกมีการแข่งขนักนัมากข้ึน โดยเฉพาะการประกอบอาชีพต่าง ๆ จา เป็นตอ้งมีความรู้ ความสามารถความชา นาญการ ท้งัภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ผู้ที่ประสบผลส าเร็จในอาชีพของตนเอง จะต้อง มีการค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถให้สอดคล้องกบัการ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การที่จะจดัการอาชีพให้ไดผ้ลส าเร็จน้ัน จ าเป็ นต้องมีปัจจัยหลายด้าน การ เรียนรู้ปัจจัยด้านศักยภาพหลกัของพ้ืนที่เป็นเรื่องที่สา คญัเรื่องหน่ึงที่ตอ้งเรียนรู้ เรื่องที่ 1 ความหมาย ความส าคัญของศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพ ศกัยภาพหลกัของพ้ืนที่คือ ทกัษะการเรียนรู้ที่ส าคญัที่จะตอ้งนา มาพฒันา เป็นขอ้มูลหลกัในการ ประกอบอาชีพ หรือพัฒนาอาชีพเป็ นข้อมูลสา คญัที่จะทา ใหก้ารประกอบอาชีพ หรือการพฒันาอาชีพน้นัๆ เพิ่มขีดความสามารถในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคม เป็นทกัษะการเรียนรู้ที่คา นึงถึงสภาพแต่ละ พ้ืนที่ที่มีความแตกต่าง และมีความตอ้งการของทอ้งถิ่นไม่เหมือนกนัความส าเร็จในการประกอบอาชีพ ในพ้ืนที่หน่ึง อาจไม่เป็นความส าเร็จในอีกพ้ืนที่หน่ึงได้การศึกษาเรื่องการประกอบอาชีพหรือพฒันา อาชีพจึงตอ้งเนน้การศึกษาศกัยภาพหลกัของพ้ืนที่เป็นสา คญั ในสภาพปัจจุบันด้วยพลวัตหรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการสื่อสารเทคโนโลยี ของโลกเป็นไปอยา่งรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลต่อสังคมไทย ท้งัการแข่งขนั ในระดบัชาติและระดบัโลก ท้งัระดบัภูมิภาคอาเซียน และทุกภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกดว้ยการจดัการศึกษาดา้นอาชีพในปัจจุบนัจึงตอ้ง เป็ นการพัฒนาประชากรของประเทศให้มีความรู้ความสามารถ และทักษะการเรียนรู้ในการประกอบ อาชีพ เป็นการแก้ปัญหาการว่างงานและส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจชุมชน ซึ่ง กระทรวงศึกษาธิการไดก้า หนดยทุธศาสตร์2555 ภายใตก้รอบเวลา 2 ปีที่จะพฒันา 5ศกัยภาพ ของพ้ืนที่ ใน 5กลุ่มอาชีพใหม่สามารถแข่งขนัไดใ้น 5 ภูมิภาคหลกัของโลก“รู้เขา รู้เรา เท่าทนัเพื่อแข่งขนัไดใ้น เวทีโลก” และกระทรวงศึกษาธิการได้กา หนดภารกิจที่จะพฒันายกระดบัการจดัการศึกษา เพื่อพฒันา ศกัยภาพ และขีดความสามารถให้ประชาชนได้มีอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ที่มนั่คงเป็นบุคคลที่มี ระเบียบวินัยเปี่ ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม มีจิตส านึกความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมภายใต้ หลกัการพ้ืนฐาน ที่ค านึงถึงศักยภาพและบริบทของพ้ืนที่ที่แตกต่างกนั โดยเน้นการประกอบอาชีพให้ สอดคลอ้งกบัหลกัการพ้ืนที่และการพฒันา 5ศกัยภาพหลกัของพ้ืนที่ใน 5กลุ่มอาชีพใหม่คือกลุ่มอาชีพ ด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการและบริการ ตาม ยุทธศาสตร์ 2555ของกระทรวงศึกษาธิการไดอ้ยา่งต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเนน้5ศกัยภาพของพ้ืนที่


105 คือศกัยภาพของธรรมชาติในแต่ละพ้ืนที่ศกัยภาพของศิลปวฒันธรรม ประเพณีองค์ความรู้ภูมิปัญญา และวถิีชีวติของแต่ละพ้ืนที่และศกัยภาพของทรัพยากรมนุษยใ์นแต่ละพ้ืนที่ เรื่องที่2 การวิเคราะห์ศักยภาพหลักของพื้นที่ในการพัฒนาอาชีพ 1. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นที่หมายถึง สิ่งต่าง ๆ(สิ่งแวดลอ้ม) ที่เกิดข้ึนเอง ตามธรรมชาติและมนุษย์สามารถนา มาใช้ประโยชน์ได้เช่น บรรยากาศ ดิน น้า ป่าไม้ทุ่งหญา้ สัตวป์่า แร่ธาตุ พลังงาน และก าลังแรงงานมนุษย์เป็นต้น ดังน้ัน การแยกแยะเพื่อน าเอาศักยภาพของ ทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพ้ืนที่เพื่อน ามาใช้ประโยชน์ในด้านการประกอบอาชีพต้องพิจารณาว่า ทรัพยากรทางธรรมชาติที่จะตอ้งนา มาใชใ้นการประกอบอาชีพในพ้ืนที่มีหรือไม่มีเพียงพอหรือไม่ถา้ไม่มี ผู้ประกอบการตอ้งพิจารณาใหม่วา่จะกอบอาชีพที่ตดัสินใจเลือกไวห้รือไม่เช่น การผลิตน้า แร่ธรรมชาติ แต่ในพ้ืนที่ไม่มีตาน้า ไหลผา่นและไม่สามารถขุดน้า บาดาลได้ซ่ึงผปู้ระกอบการจะตอ้งพิจารณาวา่ยงัจะ ประกอบอาชีพน้ีอีกหรือไม่และถ้าตอ้งการประกอบอาชีพน้ีจริง ๆ เนื่องจากตลาดมีความต้องการมา ก็ตอ้งพิจารณาวา่การลุงทุนหาแร่ธาตุที่จะมาใชใ้นการผลิตคุม้หรือไม่ 2. ศักยภาพของพนื้ทตี่ามหลกัภูมิอากาศ หมายถึงลกัษณะของลมฟ้าอากาศที่มีอยปู่ระจา ทอ้งถิ่นใด ทอ้งถิ่นหน่ึงโดยพิจารณาจากค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิประจา เดือนและปริมาณน้า ฝนในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ของปีเช่น ภาคเหนือของประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็น หรือเป็ นแบบสะวันนา (Aw) คืออากาศร้อนช้ืน สลบักบัฤดูแลง้เกษตรกรรม กิจกรรมที่ทา รายได้ต่อประชากรในภาคเหนือ ได้แก่การทา สวน ทา ไร่ ท านาและเล้ียงสัตว์ภาคใตเ้ป็นภาคที่มีฝนตกตลอดท้งัปีทา ให้เหมาะแก่การปลูกพืชเมืองร้อนที่ต้องการ ความชุ่มช้ืนสูง เช่น ยางพารา ปาล์มน้า มนัเป็นตน้ดงัน้นัการประกอบอาชีพอะไรก็ตามจา เป็นพิจารณา สภาพภูมิอากาศด้วย 3. ศักยภาพของภูมิประเทศและท าเลที่ต้ังของแต่ละพืน้ที่หมายถึงลกัษณะของพ้ืนที่และทา เล ที่ต้งัในแต่ละจงัหวดั ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกนัเช่น เป็ นภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่ม ที่ราบชายฝั่ง สิ่งที่เราตอ้ง ศึกษาเกี่ยวกบัลกัษณะภูมิประเทศเช่น ความกว้างความยาวความลาดชัน และความสูงของพ้ืนที่ เป็ นต้น ซึ่ งในการประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตามไม่ว่าจะเป็นการผลิต การจ าหน่าย หรือการให้บริการก็ตาม จ าเป็นตอ้งพิจารณาถึงทา เลที่ต้งัที่เหมาะสม 4. ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่จากการที่ประเทศไทย มีสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภาค จึงมีความ แตกต่างกนั ในการดา รงชีวติของประชากรท้งัดา้นวฒันธรรม ประเพณีและการประกอบอาชีพ ระบบการ เกษตรกรรม สังคมไทยเป็ นสังคมเกษตรกรรม (agrarian society) กล่าวคือ ประชากรร้อยละ 80 ประกอบ อาชีพเกษตรกรรม หรือกล่าวอีกนยัหน่ึงไดว้า่คนไทยส่วนใหญ่มีวถิีชีวิตผกูพนักบัระบบการเกษตรกรรม


106 และระบบการเกษตรกรรมน้ีเองได้เป็นที่มาของวฒันธรรมไทยหลายประการ เช่น ประเพณีขอฝน ประเพณีลงแขกและการละเล่นเตน้กา ร าเคียว เป็นตน้ 5. ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพืน้ที่หมายถึง เป็นการนา ศกัยภาพของแต่ละบุคคล ในแต่ละพ้ืนที่มาใช้ในการปฏิบตัิงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างให้แต่ละบุคคลเกิดทศันคติที่ดี ต่อองคก์าร ตลอดจนเกิดความตระหนกัในคุณค่าของตนเอง เพื่อนร่วมงานและองคก์าร เมื่อพิจารณาถึง ทรัพยากรมนุษยใ์นแต่ละพ้ืนที่โดยเฉพาะภูมิปัญญาไทย แมว้่ากาลเวลาจะผ่านไป ความรู้สมยัใหม่จะ หลั่งไหลเข้ามามาก แต่ภูมิปัญญาไทยก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่นการรู้จัก นา เครื่องยนตม์าติดต้งักบัเรือใส่ใบพดัเป็นหางเสือ ทา ให้เรือสามารถแล่นไดเ้ร็วข้ึน เรียกวา่เรือหางยาว การรู้จกัทา การเกษตรแบบผสมผสาน สามารถพลิกฟ้ืนคืนธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์แทนสภาพเดิมที่ถูก ทา ลายไป การรู้จกัออมเงิน สะสมทุนให้สมาชิกกู้ยืม ปลดเปล้ืองหน้ีสิน และจดัสวสัดิการแก่สมาชิก จนชุมชนมีความมนั่คง เขม้แข็ง สามารถช่วยตนเองไดห้ลายร้อยหมู่บา้นทวั่ประเทศเช่น กลุ่มออมทรัพย์ คีรีวงจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดในรูปกองทุนหมุนเวียนของชุมชน จะเห็นไดว้า่การวิเคราะห์ศกัยภาพมีความส าคญัและจา เป็นต่อการพฒันาอาชีพให้เขม้แข็งมาก หากได้วิเคราะห์แยกแยะศกัยภาพของตนเองอย่างรอบด้าน ปัจจยัภายในตวัตนผูป้ระกอบการ ปัจจยั ภายนอกของผูป้ระกอบการ โอกาสและอุปสรรคในการประกอบธุรกิจการคา้ยิ่งวิเคราะห์ไดม้ากและ ถูกตอ้งแม่นยา มากจะทา ให้ผปู้ระกอบการรู้จกัตนเองอาชีพของตนเองไดด้ียิ่งข้ึนเหมือนคา กล่าว รู้เขา รู้เรา รบร้อยคร้ัง ชนะท้งัร้อยคร้ัง เรื่องที่ 3 ตัวอย่างอาชีพที่สอดคล้องกับศักยภาพหลักของพื้นที่ 1. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านเกษตรกรรม กลุ่มการผลิต เช่น การผลิตไมด้อกเพื่อการคา้การผลิตปุ๋ยอินทรีย์การผลิตไก่อินทรีย์ กลุ่มแปรรูป เช่น การแปรรูปปลานิลแดดเดียวการแปรรูปท าไส้กรอกจากปลาดุก กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การเกษตรแบบยงั่ยนืการเกษตรผสมผสานตามแนวทาง เกษตรทฤษฎีใหมแ่ละแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การฝึ กอบรมเกษตรทางเลือก ภายใตเ้ศรษฐกิจพอเพียง


107 ตัวอย่างอาชีพ การปลูกพช ื ผกัโดยวธิีเกษตรธรรมชาติ ปัจจุบันการเพาะปลูกของประเทศไทยประสบปัญหาหลายประการที่ส าคัญ ประการแรกคือ พ้ืนที่ทา การเกษตรส่วนใหญ่เป็นดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ประการที่สองเกษตรกรประสบปัญหา แมลงศตัรูรบกวนและหนทางที่เกษตรกรเลือกใช้แก้ปัญหาส่วนใหญ่ก็คือสารเคมีฆ่าแมลง ซึ่ งเป็ น อนัตรายต่อเกษตรกรผูผ้ลิตและผูบ้ริโภค และเกิดมลพิษในสภาพแวดลอ้ม ทางการแกป้ ัญหาดงักล่าว ตามแนวพระราชด าริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ก็คือ“แนวทาง การเกษตรธรรมชาติแบบยงั่ยืน” ซึ่งจะเป็ นแนวทางที่จะท าให้ดินเป็ นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็ นดินที่ มีชีวิต มีศกัยภาพในการผลิตและให้ผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภยัจากสารพิษต่าง ๆ ทางการเกษตร ดงัน้นัผเู้รียนควรมีความรู้ความเขา้ใจ ทกัษะและเจตคติเกี่ยวกบั แนวพระราชด าริของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) หลักเกษตรธรรมชาติการปรับปรุงดินโดยใช้ปุ๋ ยอินทรีย์ และปุ๋ ยชีวภาพ ดินและอินทรียวัตถุในดิน ชมแปลงสาธิต - ทดลองเกษตรธรรมชาติการป้องกนัและ กา จดัศตัรูพืชโดยวิธีเกษตรธรรมชาติการทา สมุนไพรเพื่อป้องกนัและกา จดัศตัรูพืช มาตรฐานเกษตร ธรรมชาติ ศฝก.ฝึกปฏิบตัิการทา ปุ๋ยหมกั ปุ๋ยน้า ชีวภาพและน้า สกดัชีวภาพ ฝึ กปฏิบัติการเพาะกล้าและฝึ ก ปฏิบัติงานในแปลงเกษตร มาตรฐานเกษตรธรรมชาติMOA มาตรฐานเกษตรธรรมชาติศฝก. การจัด ดอกไม้การแปรรูปผลผลิตการเกษตรการวางแผนการปลูกพืชผักโดยวิธีเกษตรธรรมชาติในอนาคต การ ติดตามผลและให้ค าแนะน า การวิเคราะห์5 ศักยภาพของพนื้ที่ในกลุ่มอาชีพใหม่ด้านเกษตรกรรม ที่ ศักยภาพ รายละเอียดที่ควรพิจารณาในประเด็น 1 การวิเคราะห์ทรัพยากรธรรมชาติ ในแต่ละพ้ืนที่ - ดินมีความสมบูรณ์ -ไม่มีแมลงศตัรูรบกวน - มีแหล่งน้า และลกัษณะภูมิประเทศที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้า ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสมในการท าการเกษตร 2 การวิเคราะห์พ้ืนที่ตามลกัษณะ ภูมิอากาศ ฤดูกาล ภูมิอากาศเหมาะสมต่อการปลูกพืชผักเช่น ไม่อยใู่นพ้ืนที่ น้า ท่วม มีอากาศเยน็ ไม่ร้อนจดั


108 ที่ ศักยภาพ รายละเอียดที่ควรพิจารณาในประเด็น 3 การวิเคราะห์ภูมิประเทศและทา เลที่ต้งั ของแต่ละพ้ืนที่ - เป็ นฐานการผลิตทางการเกษตร - มีแหล่งชลประทาน -ไม่มีความเสี่ยงจากภยัธรรมชาติที่มีผลความเสียหายรุนแรง - มีพ้ืนที่พอเพียงและเหมาะสม - มีการคมนาคมที่สะดวก 4 การวิเคราะห์ศิลป วัฒนธรรม ประเพณี และวถิีชีวติของแต่ละพ้ืนที่ - มีวิถีชีวิตเกษตรกรรม - ประชาชนสนใจในวิถีธรรมชาติ 5 การวิเคราะห์ทรัพยากรมนุษย์ ในแต่ละพ้ืนที่ - มีภูมิปัญญา/ผรูู้้เกี่ยวกบัเกษตรธรรมชาติ - มีกระแสการสนับสนุนเกษตรธรรมชาติจากสังคมสูง 2. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านอุตสาหกรรม ภาคการผลิต ได้แก่ กลุ่มไฟฟ้าและอเิลก็ทรอนิกส์เช่น ช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ช่างเชื่อมโลหะดว้ย ไฟฟ้าและแก๊ส ช่างเชื่อมเหล็กดดั ประตูหนา้ต่าง ช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร ช่างเดินสายและติดต้งั อุปกรณ์ไฟฟ้ า กลุ่มเสื้อผ้า สิ่งทอเช่น การทา ซิลคส์กรีน การท าผ้ามัดย้อมและมัดเพนท์ การท าผ้า ดว้ยกี่กระตุกการทา ผา้บาติค กลุ่มเครื่องยนต์เช่น การซ่อมรถจกัรยานยนตแ์ละเครื่องยนต์ช่างเครื่องยนตช์ุมชน ช่างเคาะตวัถงัรถยนต์ กลุ่มศิลปะประดิษฐ์และอัญมณีเช่น การแกะสลกัวสัดุอ่อนเบ้ืองตน้การข้ึนรูป กระถางต้นไม้ด้วยแป้ นหมุน การทา ของชา ร่วยดว้ยเซรามิคการออกแบบเครื่องโลหะและรูปภณัฑ์อญัมณี ตัวอย่างอาชีพ การเป็ นตัวแทนจ าหน่ายที่พักและบริการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรม ในกลุ่มประเทศภูมภิาคอาเซียนโดยใช ้ คอมพวิเตอร ์ อนิเตอร ์ เน็ต สืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของประชาคมโลกที่มีการติดต่อสื่อสารกนัมากข้ึนอยา่งรวดเร็ว และกลุ่มประเทศอาเซียนไดม้ีนโยบายให้เกิดประชาคมอาเซียนข้ึน ซ่ึงหมายถึงคนในภูมิภาค ดงักล่าวจะ ติดต่อไปมาหาสู่กนัมากข้ึน และในการน้ีการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนก็จะมีมากข้ึนจากความ สนใจใคร่รู้ใคร่เห็นเกี่ยวกบั ประเพณีวฒันธรรมของชาติเพื่อนบา้น การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมบริการ


109 ที่มีการเจริญเติบโตอยา่งรวดเร็วทวั่ โลก โดยมีเอกลกัษณ์เฉพาะตวัซ่ึงแตกต่างจากอุตสาหกรรมประเภท อื่น ๆ คือการสร้างรายไดเ้ป็นเงินตราต่างประเทศเขา้ประเทศเป็นจา นวนมหาศาลเมื่อเทียบกบัรายไดจ้าก สินค้าอื่นๆ การขยายตวัของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวดงักล่าว ทา ให้ธุรกิจที่เกี่ยวขอ้งกบัการท่องเที่ยว ไดแ้ก่ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารคมนาคม และขนส่ง มีการขยายตวัตามไปดว้ยและการท่องเที่ยวยงัถูกใช้ เป็นเครื่องมือในการกระจายรายไดแ้ละความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ ใหแ้ก่ชุมชนในทอ้งถิ่น และยงัมีบทบาทในการกระตุน้ ให้เกิดการผลิตและการน าเอาทรัพยากรธรรมชาติ ต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อยา่งเหมาะสม โดยอยใู่นรูปของสินคา้และบริการเกี่ยวกบัการท่องเที่ยว ดงัน้นัการรวบรวมนา เสนอขอ้มูลการใหบ้ริการเกี่ยวกบัการท่องเที่ยวโดยการเป็นตวักลางระหวา่งสถาน ประกอบการ/ผูป้ระกอบการกบัผูใ้ช้บริการ จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจและมีโอกาสก้าวหน้าสูง ดงัน้ัน ผเู้รียนจึงควรมีความรู้ความเขา้ใจ ทกัษะและเจตคติเกี่ยวกบัธุรกิจที่พกัและการให้บริการการท่องเที่ยว เชิงวฒันธรรมในกลุ่มประเทศอาเซียน การใชค้อมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตสา หรับการเป็นตวัแทนจา หน่าย ระหวา่งเจา้ของ/ผปู้ระกอบการการท่องเที่ยวเชิงวฒันธรรมกบัผใู้ชบ้ริการผา่นทางอินเตอร์เน็ต การเจรจา ต่อรองในฐานะตวัแทนจา หน่าย การประเมินผลและพฒันาธุรกิจของตน การวิเคราะห์5 ศักยภาพของพนื้ที่ในกลุ่มอาชีพใหม่ด้านอุตสาหกรรม ที่ ศักยภาพ รายละเอียดที่ควรพิจารณาในประเด็น 1 การวิเคราะห์ทรัพยากรธรรมชาติ ในแต่ละพ้ืนที่ ขอ้มูลของแหล่งท่องเที่ยว 2 การวิเคราะห์พ้ืนที่ตามลกัษณะภูมิอากาศ แหล่งท่องเที่ยวมีบรรยากาศที่เหมาะสม 3 การวิเคราะห์ภูมิประเทศและทา เลที่ต้งั ของแต่ละพ้ืนที่ มีทา เลที่ต้งัในชุมชน สังคม ที่มีการคมนาคมสะดวก 4 การวิเคราะห์ศิลป วัฒนธรรม ประเพณี และวถิีชีวติของแต่ละพ้ืนที่ - ทุนทางสังคมและวัฒนธรรม การบริโภคของตลาดโลก มีแนวโนม้กระแสความนิยมสินคา้ตะวนัออกมากข้ึน - มีศิลปะวฒันธรรม ประเพณีและวถิีชีวติแบบด้งัเดิม และเป็ นเอกลักษณ์ 5 การวิเคราะห์ทรัพยากรมนุษย์ ในแต่ละพ้ืนที่ แรงงานมีทกัษะฝีมือและระบบประกนัสังคม และมีความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี


110 3. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านพาณชิยกรรม การค้าและเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ กลุ่มพฒันาผลติภัณฑ์การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อชุมชน การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อชุมชน การพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ การขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต (e-Commerce) การสร้างร้านค้าทางอินเทอร์เน็ต กลุ่มผู้ประกอบการเช่น การประกอบการธุรกิจชุมชน ร้านคา้ปลีกกลุ่มแม่บา้น และวสิาหกิจชุมชน ตัวอย่างอาชีพ โฮมสเตย์ อาชีพโฮมสเตย์ เป็นการประกอบอาชีพโดยน าต้นทุนทางสังคม คือ ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้มมาบริหารจดัการเพื่อเพิ่มมูลค่าจูงใจให้นกัท่องเที่ยวเขา้มาสัมผสักบัการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในรูปแบบโฮมสเตย์ ในการจัดการศึกษาวิชาอาชีพโฮมสเตย์ ยึดหลักการของการศึกษาตลอดชีวิต โดยให้สังคมเขา้มามีส่วนร่วมในการจดัการศึกษา เน้นการพฒันาสาระและกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ ชุมชนเป็นฐาน ควบคู่กบัสร้างองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพโฮมสเตย์ภายใต้ยุทธศาสตร์การใช้ ต้นทุนทางธรรมชาติ ทุนทรัพยากรบุคคล ทุนภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้ ทุนทางวัฒนธรรม ทุน งบประมาณของรัฐ และทุนทางความรู้มาใช้จดักิจกรรมการเรียนรู้การจดัการศึกษาอาชีพโฮมสเตย ์ เป็นการจดัการกิจกรรมการเรียนรู้ที่เสริมสร้างศกัยภาพให้ผูเ้รียนไดม้ีความรู้และสามารถพฒันาตนเอง และกลุ่มไปสู่การบริหารจดัการที่มีมาตรฐาน เป็นไปตามหลกัการของโฮมสเตย์นา ไปสู่การเชื่อมโยงองค์ ความรู้ที่หลากหลาย ซ่ึงเกิดจากฝึกประสบการณ์โดยการจดัทา โครงการประกอบอาชีพโฮมสเตย์ดงัน้นั ผู้เรียนจึงควรมีความรู้ความเขา้ใจ ทกัษะและเจตคติเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยว นโยบายการ ท่องเที่ยวของประเทศไทยความรู้พ้ืนฐาน และมาตรฐานการจดัการโฮมสเตย์การจดักิจกรรม น าเที่ยว การตอ้นรับนกัท่องเที่ยวการบริการ มคัคุเทศก์การสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวโฮมสเตย์การประกอบ อาหารการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ภาษาองักฤษเพื่อการท่องเที่ยวและการบริหารจัดการ


111 การวิเคราะห์5 ศักยภาพของพนื้ที่ในกลุ่มอาชีพใหม่ด้านพาณิชยกรรม ที่ ศักยภาพ รายละเอียดที่ควรพิจารณาในประเด็น 1 การวิเคราะห์ทรัพยากรธรรมชาติ ในแต่ละพ้ืนที่ - มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดสนใจ ชวนให้ผู้คนมาเที่ยว และพักค้างคืน - มีโปรแกรมที่น่าสนใจในการศึกษาธรรมชาติและพกัผอ่นที่ดี -ไม่ถูกรบกวนจากแมลงและสัตว์อื่น ๆ 2 การวิเคราะห์พ้ืนที่ตามลกัษณะภูมิอากาศ - ใกลแ้หล่งน้า ทะเล มีทิวทศัน์ที่สวยงาม - ภูมิอากาศไม่แปรปรวนบ่อย ๆ 3 การวิเคราะห์ภูมิประเทศและทา เลที่ต้งั ของแต่ละพ้ืนที่ - มีทา เลที่ต้งัพอดีไม่ใกลไ้กลเกินไป - มีการคมนาคมสะดวกในการเดินทาง -ข้อมูลแต่ละพ้ืนที่ที่เราเลือกอยใู่กลจุ้ดท่องเที่ยวหรือไม่สะดวก ในการเดินทางดว้ยความปลอดภยัเพียงใด มีคู่แข่งที่สา คญัหรือไม่ 4 การวิเคราะห์ศิลป วัฒนธรรม ประเพณี และวถิีชีวติของแต่ละพ้ืนที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวฒันธรรมที่เป็นธรรมชาติอยใู่นพ้ืนที่มี การประชาสัมพนัธ์ที่ดีจากองคก์รท่องเที่ยว 5 การวิเคราะห์ทรัพยากรมนุษย์ ในแต่ละพ้ืนที่ - มีผู้ประกอบการ และแรงงานที่มีความรู้ความสามารถ - มีความร่วมมือจากชุมชนในดา้นการเป็นมิตรกบัแขกที่มาใช้ บริการ 4. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ คอมพวิเตอร์และธุรการ ได้แก่ Software กลุ่มออกแบบ เช่น โปรแกรม AUTO CAD เพื่องานออกแบบก่อสร้างออกแบบชิ้นส่วน อุตสาหกรรม เขียนแบบเครื่องกลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Solid Work กลุ่มงานในส านักงาน เช่น Office and Multimedia การจัดท าระบบข้อมูลทางการเงิน และบัญชีด้วยโปรแกรม Excel และโปรแกรมบญัชีสา เร็จรูปเพื่อใชใ้นการทา งานทางธุรกิจ การใช้คอมพิวเตอร์ในส านักงานด้วยโปรแกรม Microsoft Office การพัฒนาโปรแกรมด้วย MS Access โดยใช้ระบบงานบุคคล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สา หรับการประกอบธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต Hardware ช่างคอมพิวเตอร์เช่น ซ่อม ประกอบ ติดต้งัระบบบา รุงรักษาคอมพิวเตอร์และเครือข่าย


112 ตัวอย่างอาชีพ ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เพอ ื่ธุรกจิ ในปัจจุบนัเทคโนโลยีกา้วเขา้มามีบทบาทในชีวิตประจ าวันของมนุษย์มากข้ึน สิ่งหน่ึงที่เห็นได้ ว่ามีการเติบโตอย่างรวดเร็วนั่นคือ ธุรกิจอุตสาหกรรมด้าน Animationการสร้างความบันเทิง และ งานสร้างสรรค์การออกแบบโดยการใช้คอมพิวเตอร์ หลักสูตรทางด้าน Animation จึงน่าจะตอบสนอง ความตอ้งการของกลุ่มธุรกิจ Animation หลักสูตร Animation เพื่อธุรกิจเป็นหลกัสูตรอาชีพที่สร้างสรรค์ สามารถน าไปประกอบอาชีพที่สร้างรายไดเ้ป็นอย่างดีท้งัในปัจจุบนัและอนาคต ดงัน้ัน ผูเ้รียนควรมี ความรู้ความเข้าใจ ทกัษะและเจตคติเกี่ยวกับความหมาย ความส าคัญ และประโยชน์ของความคิด สร้างสรรค์ เทคนิคการคิดเชิงสร้างสรรค์ การกา จดัสิ่งกีดก้นัความคิดเชิงสร้างสรรค์ความรู้เบ้ืองต้น เกี่ยวกบั Animation เพื่อธุรกิจ การออกแบบ Animation เพื่อธุรกิจ Animation Workshop ประโยชน์และ โทษของการใช้คอมพิวเตอร์ จรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ กฎหมายที่เกี่ยวขอ้งเกี่ยวกบัการ ประกอบอาชีพ การทา ธุรกิจ Animation การวิเคราะห์5 ศักยภาพของพนื้ที่ในกลุ่มอาชีพใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ ที่ ที่ ศักยภาพ รายละเอียดที่ควรพิจารณาในประเด็น 1 การวิเคราะห์ทรัพยากรธรรมชาติ ในแต่ละพ้ืนที่ ข้อมูลของทรัพยากรธรรมชาติ ที่พอเพียง และสะดวก ในการเข้าถึง 2 การวิเคราะห์พ้ืนที่ตามลกัษณะ ภูมิอากาศ -อุณหภูมิความช้ืน ความกดอากาศลม และปริมาณน้า ฝน รวมไปถึงปัจจยัที่เกี่ยวขอ้งอื่นในทางอุตุนิยมวิทยา - ที่ต้งัตามแนวละติจูด ความใกล้ไกลจากทะเล - มีข้อมูลของภูมิอากาศ 3 การวิเคราะห์ภูมิประเทศ และท าเล ที่ต้งัของแต่ละพ้ืนที่ มีข้อมูลภูมิประเทศ และทา เลที่ต้งัต่าง ๆ 4 การวิเคราะห์ศิลป วัฒนธรรม ประเพณีและวถิีชีวติของแต่ละพ้ืนที่ มีขอ้มูลเกี่ยวกบัวัฒนธรรม ประเพณี ที่ผสมผสานของ หลายพ้ืนที่ 5 การวิเคราะห์ทรัพยากรมนุษย์ ในแต่ละพ้ืนที่ มีแรงงานที่มีทักษะฝี มือความรู้ ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยีการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาอยา่งต่อเนื่อง


113 5. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านบริหารจัดการและการบริการ กลุ่มท่องเทยี่วไดแ้ก่การอบรมมคัคุเทศก์พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม พนกังานผสมเครื่องดื่ม การทา อาหารวา่งนานาชาติการฝึกอบรมภาษาและธุรกิจโฮมสเตย์ กลุ่มสุขภาพ ไดแ้ก่การนวดแผนไทย นวดลูกประคบ สปาการดูแลเด็กและผู้สูงอายุ กลุ่มการซ่อมแซม และบ ารุงรักษาการซ่อมเครื่องปรับอากาศรถยนต์การซ่อม เครื่องยนตด์ีเซลการซ่อมเครื่องยนตเ์บนซิน การซ่อมเครื่องยนตเ์ล็กเพื่อการเกษตรการซ่อมจกัร อุตสาหกรรม คมนาคมและการขนส่ง วิชาชีพด้าน Logistics หรือการขนส่งสินคา้ทางอากาศและทางเรือ การก่อสร้าง กลุ่มช่างต่างๆเช่น การปูกระเบ้ือง ช่างไมก้่อสร้าง ช่างสีอาคาร กลุ่มการผลติวสัดุก่อสร้าง เช่น การทา บล็อคคอนกรีต การผลิตซีเมนต์ ตัวอย่างอาชีพ การพฒันากล่มุอาชีพทอผ้าพน ื้เม ื อง ในปัจจุบันน้ีผา้พ้ืนเมืองของไทยในภาคต่าง ๆ กา ลงัไดร้ับการอนุรักษฟ์้ืนฟูและพัฒนา รวมท้งั ไดร้ับการส่งเสริมให้นา มาใชส้อยในชีวิตประจา วนักนัอย่างกวา้งขวางมาก ดงัน้นัจึงเกิดมีการผลิตผา้ พ้ืนเมืองในลกัษณะอุตสาหกรรมโรงงาน โดยมีบริษทัจา้งช่างทอ ทา หน้าที่ทอผา้ดว้ยมือตามลวดลายที่ กา หนดให้ โรงงานหรือบริษัทจัดเส้นไหมหรือเส้นด้ายที่ย้อมสีเสร็จแล้วมาให้ทอ เพื่อเป็ นการควบคุม คุณภาพ บางแห่งจะมีคนกลางรับซ้ือผา้จากช่างทออิสระซ่ึงเป็นผปู้ั่นดา้ย ย้อมสีและทอตามลวดลายที่ ต้องการเองที่บ้าน แต่คนกลางเป็นผกู้า หนดราคาตามคุณภาพและลวดลายของผา้ที่ตลาดตอ้งการในบาง จงัหวดัมีกลุ่มแม่บา้นช่างทอผา้ที่รวมตวักนัทอผา้เป็นอาชีพเสริม และน าออกขายในลักษณะสหกรณ์ เช่น กลุ่มทอผา้ของศิลปาชีพ อย่างไรก็ตามในสภาพที่ได้กล่าวมาแลว้ขา้งตน้น้ันเป็นการทอเพื่อขาย เป็ นหลักการทอผา้พ้ืนบา้นพ้ืนเมืองหลายแห่งยงัทอลวดลายสัญลกัษณ์ด้งัเดิม โดยเฉพาะในชุมชนที่มี เช้ือสายชาติพนัธุ์บางกลุ่มที่กระจายตวักนัอยใู่นภาคต่างๆ ของประเทศไทย ศิลปะการทอผา้ของกลุ่มชน เหล่าน้ีจึงนบัว่าเป็นเอกลกัษณ์เฉพาะกลุ่มอยู่จนถึงทุกวนัน้ีหากจะแบ่งผา้พ้ืนเมืองของกลุ่มชนเหล่าน้ี ตามภาคต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชดัเจนข้ึนในภูมิภาคต่าง ๆและมีการปรับปรุงพัฒนาสีสัน คุณภาพ และ ลวดลาย ให้เขา้กับรสนิยมของตลาด ดงัน้ัน ผูเ้รียนจึงควรมีความรู้ความสามารถ ทกัษะและเจตคติ เกี่ยวกบัการวิเคราะห์สภาพกลุ่มอาชีพ/ธุรกิจของกลุ่มอาชีพทอผา้พ้ืนเมือง และวิเคราะห์สถานภาพของ กลุ่มอาชีพ/ธุรกิจ


114 การวิเคราะห์ 5 ศักยภาพของพนื้ที่ในกลุ่มอาชีพใหม่ด้านบริหารจัดการและการบริการ ที่ ศักยภาพ รายละเอียดที่ควรพิจารณาในประเด็น 1 การวิเคราะห์ทรัพยากรธรรมชาติ ในแต่ละพ้ืนที่ มีทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถน ามาเป็ นวัตถุดิบ 2 การวิเคราะห์พ้ืนที่ตามลกัษณะภูมิอากาศ มีภูมิอากาศที่เหมาะสม 3 การวิเคราะห์ภูมิประเทศและทา เลที่ต้งั ของแต่ละพ้ืนที่ - เป็ นศูนย์กลางหัตถอุตสาหกรรม - มีถนนที่เอ้ือต่อการบริการดา้นการคา้การลงทุน และ การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกบั ประเทศเพื่อนบา้น สามารถติดต่อคา้ขาย กบั ประเทศเพื่อนบา้น มีพ้ืนที่ชายแดนติดกบั ประเทศเพื่อนบา้น มีอาณาเขตติดต่อกบั ประเทศเพื่อนบา้น การค้าชายแดน 4 การวิเคราะห์ศิลป วัฒนธรรม ประเพณี และวถิีชีวติของแต่ละพ้ืนที่ มีแหล่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวขอ้ง ทุนทางสังคมและวฒันธรรม 5 การวิเคราะห์ทรัพยากรมนุษย์ ในแต่ละพ้ืนที่ มีภูมิปัญญา และฝี มือแรงงาน กิจกรรม 1. ใหผ้เู้รียนรวมกลุ่ม และอภิปรายวา่ศกัยภาพหลกัของพ้ืนที่ในการพฒันาอาชีพในพ้ืนที่ชุมชน ของตนเองควรจะเน้นศักยภาพใดเป็ นพิเศษ เพราะเหตุใด 2. ให้ผูเ้รียนรวมกลุ่ม และอภิปรายว่าอาชีพความคิดสร้างสรรค์ในพ้ืนที่ของชุมชนของตนเอง ควรเน้นจะเน้นเรื่องใดเป็ นพิเศษ เพราะเหตุใด


115 กุลขณิษฐ์ ราเชนบุณขวัทน์. เอกสารประกอบการบรรยายเรื่องกระบวนการวิจัย. ในการประชุมสัมมนา งานวิจัยโครงการวิจัยพัฒนาคุณภาพ กศน. ปี งบประมาณ 2552 (วันที่ 29 -30 มิถุนายน 2552). คณาพร คมสัน. 2540 การพฒันารูปแบบการเรียนรู้ด้วยการน าตนเองในการอ่านภาษาองักฤษเพอื่ความเข้าใจส าหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชยัฤทธ์ิโพธิสุวรรณ. 2541. รายงานการวจิัยเรื่อง ความพร้อมในการเรียนรู้โดยการชี้น าตนเองของผู้เรียนผู้ใหญ่ของ กจิกรรมการศึกษาผู้ใหญ่บางประเภท. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. . 2544. การศึกษาผู้ใหญ่: ปรัชญาตะวันตกและการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ชยัยศ อิ่มสุวรรณ์. “คิดเป็ นคือคิดพอเพียง”. วารสาร กศน., มีนาคม 2550, หน้า 9 -11. ชุมพล หนูสง และคณะ 2544. ปรัชญาคิดเป็ น (หนังสือรวบรวมค าบรรยายและบทสัมภาษณ์ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ ในโอกาสต่าง ๆ)กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์อักษรไทย ทองอยู่แกว้ไทรฮะ. “คิดเป็ น: เพอื่นเรียนรู้สู่อนาคต”. วารสาร กศน. มีนาคม 2550, หน้า 12 -16. นัดดา อังสุโวทัย. 2550. การพฒันารูปแบบการเรียนการสอนวชิาเคมีทเี่น้นกระบวนการเรียนรู้แบบน าตนเองของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี.วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบันฑิต สาขาวิชา วิทยาศาสตรศึกษา, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. บุญใจศรีสถิตนรากูร. ระเบียบวิธีการวิจัยทางพยาบาลศาสตร์. พิมพค์ร้ังที่3กรุงเทพฯ : บริษัทยูแอนด์ ไออินเตอร์มีเดียจา กดั, 2547. บุญศิริ อนันตเศรษฐ. 2544. การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนเพอื่เสริมสร้างความสามารถในการเรียนรู้ด้วย ตนเองของผู้เรียนในระดับมหาวทิยาลัย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขาอุดมศึกษา,จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. บูซาน, โทนี. ใช้หัวคิด, 2541. (ธัญญา ผลอนันต์ ผู้แปล). กรุงเทพฯ : ขวัญข้าว ’95. ฝ่ ายวิชาการบิสคิต. 2550. ฟัง คิด อ่าน เขียน. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์บิสคิต. พนิต เข็มทอง. เอกสารประกอบการบรรยายเรื่อง มโนทัศน์การวิจัยในชั้นเรียน. ในการประชุมสัมมนา งานวิจัยโครงการวิจัยพัฒนาคุณภาพ กศน. ปี งบประมาณ 2552 (วันที่ 29 -30 มิถุนายน 2552). พิสณุ ฟองศรี. วิจัยชั้นเรียน หลักการและเทคนิคปฏิบัติ. พิมพค์ร้ังที่7.กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ,์ 2551. ไมตรี บุญทศ. คู่มือการทา วจิัยในโรงเรียน.กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น, 2549. บรรณานุกรม


116 ยุดา รักไทย และปานจิตต์ โกญจนาวรรณ. 2550. พูดอย่างฉลาด. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ยเูคชนั่จา กดั. ราชบัณฑิตยสถาน. 2546. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.กรุงเทพฯ : นานมีบุค๊ส์พบัลิเคชนั่ส์. รุ่งอรุณ ไสยโสภณ. 2550.การจัดกจิกรรมทเีสริมสร้างความพร้อมในการเรียนรู้โดยการชี้น าตนเองและความสามารถ ในการพฒันาหลกัสูตรสถานศึกษา.วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชีวศึกษา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. วนิษา เรซ. 2551. อจัฉริยะ...เรียนสนุก.กรุงเทพ ฯ : อจัฉริยะสร้างได้จา กดั. วิกร ตัณฑวุฑโฒ. 2536. หลกัการเรียนรู้ของผู้ใหญ่.กรุงเทพฯ : สา นกัส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. วชิยัวงษใ์หญ่. 2542. “ยกเครื่องเรื่องเรียนรู้: การเรียนรู้คือส่วนหนึ่งของชีวติทุกลมหายใจคือการเรียนรู้” สานปฏิรูป. 20 (พฤศจิกายน 2542) : 55 -61. วิภาดา วัฒนนามกุล. 2544. การพฒันาระบบการเรียนด้วยตนเองส าหรับนักศึกษาสาขาวชิาชึพสาธารณสุข. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, มหาวทิยาลยัขอนแก่น. ศรัณย์ ขจรไชยกุล. 2542. การใช้โปรแกรมการแนะแนวกลุ่มต่อการเพมิ่ความพร้อมของการเรียนรู้โดยการชี้น าตนเอง ของนักศึกษารอพนิิจช้ันปีที่2 มหาวทิยาลัยกรุงเทพ.วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยา การศึกษาและการแนะแนว, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ศันศนีย์ ฉัตรคุปต์. 2545. รายงานการวจิัยเรื่องการเรียนรู้รูปแบบใหม่:ยุทธศาสตร์ด้านนโยบายและการใช้ ทรัพยากร. กรุงเทพ ฯ : หา้งหุน้ ส่วนจา กดัภาพพิมพ.์ ศิริรัตน์ วีรชาตินานุกูล. ความรู้เบือ้งต้นเกี่ยวกบัสถิติและการวจิัย.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ, 2545 สนอง โลหิตวิเศษ, 2544. ปรัชญาการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษานอกระบบ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. สมคิด อิสระวัฒน์. 2538. รายงานการวจิัยเรื่องลกัษณะการเรียนรู้ด้วยตนเองของคนไทย.กรุงเทพ ฯ : คณะ สังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. . 2541 . รายงานการวจิัยเรื่องลกัษณะการอบรมการเรียนรู้ด้วยตัวเองของคนไทย.กรุงเทพ ฯ : คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. สมเจตน์ ไวทยาการณ์. หลักและการวิจัย. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2544. สมบัติ สุวรรณพิทักษ์. 2541. เทคนิคการสอนแนวใหม่ส าหรับการศึกษานอกโรงเรียน. กรุงเทพ ฯ : กองพัฒนาการ ศึกษานอกโรงเรียน.


117 สุนทรา โตบัว. 2546. การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพอื่เสริมสร้างลกัษณะการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักศึกษา พยาบาล. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สุรางค์ โค้วตระกูล. 2544. จิดวิทยาการศึกษา. (พิมพค์ร้ังที่5).กรุงเทพ ฯ : ส านักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุวัฒน์ วัฒนวงศ์. 2544. จิตวทิยาเพอื่การฝึกอบรมผู้ใหญ่.กรุงเทพ ฯ : ธีระป้ อมวรรณกรรม. . 2546. การเรียนรู้ด้วยการน าตนเองของผู้เรียนการศึกษาต่อเนื่องสายอาชีพ.วิทยานิพนธ์ ศิลปะศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชีวศึกษา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สา นกังานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2545.แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545 -2559). (พิมพค์ร้ังที่2 ). กรุงเทพ ฯ : บริษทัพริกหวานกราฟฟิคจา กดั. ส านักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. วิจัยแผ่นเดียว : เส้นทางสู่คุณภาพการอาชีวศึกษา.กรุงเทพฯ : ส านักงานวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา, 2547. . ม.ป.ป. 2545. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพ ฯ : บริษทัพริกหวานกราฟฟิคจา กดั. ส านักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน. 2549. แนวคิดสู่การปฏิบัติ: การเรียนรู้โดยการชี้น าตนเองส าหรับผู้ใหญ่. กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์อักษรไทย. อญัชลีชาติกิติสาร. 2542.การพฒันาคุณลกัษณะการเรียนรู้ด้วยตนเองของคนไทย. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร มหาบณัฑิต สาขาการศึกษาผใู้หญ่และการศึกษาต่อเนื่อง, มหาวิทยาลัยมหิดล. อุ่นตา นพคุณ, 2528.แนวคิดทางการศึกษานอกโรงเรียนและการพฒันาชุมชน เรื่องคิดเป็น.กรุงเทพฯ : กรุงสยามการพิมพ์. หน่วยศึกษานิเทศก,์2552. คัมภีร์ กศน. เอกสารหลักการและแนวคิดประกอบการด าเนินงาน กศน. กรุงเทพฯ : หน่วยศึกษานิเทศก์, ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย. “________________”, 2546. ใต้ร่มไทร(หนงัสือเกษียณอายรุาชการ ทองอยู่แกว้ไทรฮะ).กรุงเทพฯ : โรงพิมพอ์งคก์ารรับส่งสินคา้และพสัดุภณัฑ์(ร.ส.พ.) Brockett, R. G. and R. Hiemstra. 1991 . Self-direction in Learning : Perspectives in theory, research and practice. London : Routledge. . 1993. Seft-Direction in Adult Learning. (2 ed.). San Francisco : Champman and Hall, Inc. Brookfield, S.D. 1984. “Self-Directed Learning : A Critical Paradigm” Adult Education Quarterly. 35(2) : 59-71 . Caffarella, R.S. 1983. “Fostering Self-Directed Learning in Post-secondary Education” An Omnibus Of Practice and Research. (November 1983) : 7-26. nd


118 Candy, P.C. 1991. Self-Directed Learning. San Francisco : Jossey-Bass Publishers. Good, C. V. 1973. Dictionnary of Education. (3 ed.). New York : Mcgraw-Hill Book. Griffin, C. 1983. Curriculum Theory in Adult Lifelong Education. London : Crom Helm. Guglielmino, L. M. 1997. Development of the Self-directed Learning Readiness Scale. Georgia : Unpublished Doctoral Dissertation, University of Georgia. Knowles, M.S. 1975. “Self-Directed Learning : A Guide for Learner and Teacher. New York : Association Pess. Oddi, L.F. 1987. “Perspectives on Self-Directed Learning” Adult Education Quarterly. 38 (1987) : 97-107. Skager, R. 1977. Curriculum Evaluation for Lifelong Education. Toronto : Pergamon Press. . 1978. Lifelong Education and Evualuation Practice. Hamburg : Pergamon Pess and the UNESCO Institution for Education. Tough, A.1979. The Adult’s Learning projects. Toronto, Ontario Institute for Studies in Education. rd


119 คณะผ ู้จดัท า ที่ปรึกษา 1. นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. 2. ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน. 3. นายวัชรินทร์ จ าปี รองเลขาธิการ กศน. 4. ดร.ทองอยู่แกว้ไทรฮะ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาหลักสูตร กศน. 5. นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ ผอู้า นวยการกลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน ผู้เขียนและเรียบเรียง 1. บทที่ 1 การเรียนรู้ด้วยตนเอง ดร.รุ่งอรุณ ไสยโสภณ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 2. บทที่2 การใชแ้หล่งเรียนรู้ ดร.รุ่งอรุณ ไสยโสภณ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 3. บทที่ 3 การจัดการความรู้ ดร.รุ่งอรุณ ไสยโสภณ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 4. บทที่ 4 คิดเป็ น ดร.ทองอยู่แกว้ไทรฮะ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาหลักสูตร กศน. 5. บทที่5 การวจิยัอยา่งง่าย นางศิริพรรณ สายหงษ์ ข้าราชการบ านาญ ผู้บรรณาธิการและพฒันาปรับปรุง 1. บทที่ 1 การเรียนรู้ด้วยตนเอง ดร.รุ่งอรุณ ไสยโสภณ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 2. บทที่ 2 การใชแ้หล่งเรียนรู้ นายธวัชชัย ใจชาญสุขกิจ รักษาการในตา แหน่งผอู้า นวยการ ส านักงาน กศน. จังหวัดเพชรบุรี นางสาวสุพัตรา โทวราภา สถาบนัส่งเสริมและพฒันานวตักรรมการเรียนรู้ 3. บทที่ 3 การจัดการความรู้ นางอัจฉรา ใจชาญสุขกิจ ส านักงาน กศน.จังหวัดสมุทรสงคราม นางณัฐพร เช้ือมหาวนัสถาบนัการศึกษาและพฒันาต่อเนื่องสิรินธร 4. บทที่ 4 คิดเป็ น ดร.ทองอยู่แกว้ไทรฮะ ที่ปรึกษาส านักงาน กศน


120 5. บทที่5 การวจิยัอยา่งง่าย นางศิริพรรณ สายหงษ์ ข้าราชบ านาญ นางพิชญาภา ปิ ติวรา ข้าราชบ านาญ ผู้พฒันาและปรับปรุงคร้ังที่2 คณะท างาน 1. นายสุรพงษ์ มนั่มะโน กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 2. นายศุภโชค ศรีรัตนศิลป์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 3. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นางสาวศริญญา กุลประดิษฐ์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางสาวเพชรินทร์ เหลืองจิตวัฒนา กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน ผู้พมิพ์ต้นฉบับ 1. นางปิ ยวดี คะเนสม กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 2. นางสาวเพชรินทร์ เหลืองจิตวัฒนา กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 3. นางสาวกรวรรณ กวีวงษ์พิพัฒน์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นางสาวชาลีนี ธรรมธิษา กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางสาวอริศรา บ้านชี กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน ผู้ออกแบบปก นายศุภโชค ศรีรัตนศิลป์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน


121 คณะผู้พฒันาและปรับปรุง ครั้งที่ 2 ที่ปรึกษา 1. นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. 2. ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน. 3. นายวัชรินทร์ จ าปี รองเลขาธิการ กศน. 4. นางวัทนี จันทร์โอกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน 5. นางชุลีพร ผาตินินนาท ผเู้ชี่ยวชาญเฉพาะดา้นเผยแพร่ทางการศึกษา 6. นางอัญชลี ธรรมวิธีกุล หวัหนา้หน่วยศึกษานิเทศก์ 7. นางศุทธินี งามเขตต์ ผอู้า นวยการกลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน ผู้พฒันาและปรับปรุง คร้ังที่2 1. ดร.ทองอยู่แกว้ไทรฮะ ที่ปรึกษากลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 2. ดร.รุ่งอรุณ ไสยโสภณ หวัหนา้กลุ่มพฒันาการเรียนการสอน 3. นายสมชาย ฐิติรัตนอัศว์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางสาวชาลินี ธรรมธิษา กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน


122 คณะผู้ปรับปรุงข้อมูลเกยี่วกบัสถาบันพระมหากษตัริย ์ปีพ.ศ.2560 ที่ปรึกษา 1. นายสุรพงษ์ จ าจด เลขาธิการ กศน. 2. นายประเสริฐ หอมดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการ กศน. 3. นางตรีนุช สุขสุเดช ผอู้า นวยการกลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ผู้ปรับปรุงข้อมูล นางสาวกรรณิการ์ อินทราย กศน.เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร คณะท างาน 1. นายสุรพงษ์ มนั่มะโน กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 2. นายศุภโชค ศรีรัตนศิลป์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 3. นางสาวเบ็ญจวรรณ อ าไพศรี กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 4. นางเยาวรัตน์ ปิ่นมณีวงศ์กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 5. นางสาวสุลาง เพช็รสวา่ง กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 6. นางสาวทิพวรรณ วงค์เรือน กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 7. นางสาวนภาพร อมรเดชาวัฒน์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 8. นางสาวชมพูนท สังข์พิชัย กลุ่มพฒันาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย


Click to View FlipBook Version