เอกสารรายงานผล โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ มีนาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงแรม ที เค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร จัดการสัมมนาโดย กองวิชาการและแผนงาน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดทำเอกสารรายงานผลโดย กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ACTION PLAN SDGs
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 2 สารบัญ ประเด็น หน้า บทสรุปผู้บริหาร 3 1. พิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการ 13 กรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2. การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในประเทศไทย 14 3. การนำแผนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในมิติของภาคเอกชน 22 4. เวทีสัมมนา ตัวอย่างการบูรณาการความร่วมมือการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ 28 5. แนวทางการเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที 37 6. แผนปฏิบัติการของกรมการปกครอง สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ 47 7. องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อน SDGs 52 (การนำแนวคิด Local สู่เลอค่า สู่การสร้างพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ)
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 3 บทสรุปผู้บริหาร กรมการปกครอง ได้จัดทำโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการ กรมการปกครองอย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อสร้างการรับรู้การประกาศใช้แผนปฏิบัติราชการของ กรมการปกครองและแผนปฏิบัติการด้านที่กรมการปกครองมีส่วนเกี่ยวข้องที่เชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในรูปแบบการบรรยายพิเศษ ประชุมเชิงปฏิบัติการ และสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างวันที่ 1 – 3 มีนาคม 2566 ณ โรงแรมทีเค พาเลช แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร สามารถสรุปประเด็นที่สำคัญ ของโครงการตามข้างต้น ได้ดังนี้ การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในประเทศไทย เมื่อปี 2558 ประเทศไทยร่วมลงนามรับรองวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นกรอบการพัฒนาของโลกเพื่อร่วมกันบรรลุการพัฒนาทาง สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยวาระการพัฒนาดังกล่าว ประกอบด้วย เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 17 เป้าหมายหลัก (Goals) และ 169 เป้าหมายย่อย (Targets) ที่มีความเป็นสากล เชื่อมโยงและเกื้อหนุน กัน และกำหนดให้มี 247 ตัวชี้วัด เพื่อใช้ติดตามและประเมินความก้าวหน้าของการพัฒนา
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 4 การพัฒนาที่ยั่งยืน คือ แนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันโดยไม่ลิดรอน ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นต่อไปในอนาคต (Brundtland Report, 1987) โดยการ บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth) ความครอบคลุมทางสังคม (Social Inclusion) และ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection) SDGs 17 เป้าหมาย จัดกลุ่มตามปัจจัยที่เชื่อมโยงกันใน 5 มิติ (5P) ได้แก่ 1) การพัฒนาคน (People) มุ่งแก้ปัญหาความยากจน ความหิวโหย และลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคม (เป้าหมายที่ 1 ถึง 5) 2) สิ่งแวดล้อม (Planet) มุ่งเน้นการปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสภาพภูมิอากาศ (เป้าหมายที่ 6 และ เป้าหมายที่ 12 ถึง 15) 3) เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง (Prosperity) ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสอดคล้องกับธรรมชาติ(เป้าหมายที่ 7 ถึง 11) 4) สันติภาพและความยุติธรรม (Peace) ยึดหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีสังคมที่มีความสงบ สุขยุติธรรมและไม่แบ่งแยก (เป้าหมายที่ 16) 5) ความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership) มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (เป้าหมายที่ 17)
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 5 คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างแผน การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย (Thailand’s SDG Roadmap) ซึ่งแผน การขับเคลื่อนฯ ครอบคลุมการดำเนินการหลักใน 6 ด้าน ดังนี้ 1) การสร้างการตระหนักรู้โดยให้ทุกภาคส่วนเกิดความรู้ความเข้าใจในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2) การเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนกับแผน 3 ระดับของประเทศ 3) กลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นกลไก สนับสนุนการขับเคลื่อนในระดับนโยบาย และมีหน่วยงานภาครัฐร่วมบูรณาการความร่วมมือ 4) การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยยึดหลักความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล เพื่อจัดทำแผนงาน - โครงการที่สำคัญ ต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและยุทธศาสตร์ชาติ 5) ภาคีการพัฒนา โดยสนับสนุนความร่วมมือกับทุกภาคส่วน 6) การติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยระบบฐานข้อมูลกลาง ที่มีการรายงานความก้าวหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ การขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่(SDG Localization) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยมีกลไกการขับเคลื่อน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับพื้นที่ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 รับทราบผล การประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ 1/2562 วันที่ 19 ธันวาคม 2562 ซึ่งที่ประชุม เห็นชอบหลักการแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย (Thailand’s SDG Roadmap) และเห็นชอบหลักการจัดกลุ่มจังหวัดเป็น 4 ระดับ จำแนกตามระดับการพัฒนา ได้แก่ 1) กลุ่มที่ 1 เป็นพื้นที่/จังหวัดที่มีความเหลื่อมล้ำสูง ยังขาดความพร้อม และต้องได้รับ การสนับสนุนอย่างเร่งด่วน 2) กลุ่มที่ 2 เป็นพื้นที่/จังหวัดที่มีศักยภาพ แต่ยังมีข้อจำกัดในการพัฒนา 3) กลุ่มที่ 3 เป็นพื้นที่/จังหวัดที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะพัฒนา 4) กลุ่มที่ 4 เป็นพื้นที่/จังหวัดที่มีความเข้มแข็ง และพร้อมขยายผลไปภายนอก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ร่วมคัดเลือกจังหวัด/พื้นที่นำร่อง ในพื้นที่ 6 ภาคทั่วประเทศ กระจายตัวตามกลุ่มจังหวัด 4 ระดับ การพัฒนา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5 แห่ง ประกอบด้วยจังหวัดนำร่อง 9 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ นราธิวาส น่าน ยโสธร เลย ลพบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานีฉะเชิงเทรา พื้นที่นำร่อง 5 แห่ง ได้แก่ เทศบาลตำบล วังไผ่ (จังหวัดชุมพร) เทศบาลเมืองศรีสะเกษ (จังหวัดศรีสะเกษ) เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไร่ (จังหวัดอุทัยธานี) และองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ (จังหวัดกระบี่) เพื่อทดลองจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนาท้องถิ่นที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในระดับพื้นที่ ต่อไป
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 6 การนำแผนไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ในมิติของภาคเอกชน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (Siam Cement Group: SCG) ก่อตั้ง เมื่อ พ.ศ. 2456 ตามพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างSCGC (ธุรกิจเคมิคอลส์) และ SCGP (ธุรกิจแพคเกจจิ้ง) มีพนักงานกว่า 57,000 คน ทั่วโลก โดยมีวิสัยทัศน์“เอสซีจีจะเป็นผู้นำตลาดภูมิภาคอาเซียน ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้า และโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า พร้อมมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นอกจากนี้ทาง SCG ยังมี 4 อุดมการณ์สำคัญ ประกอบด้วย ตั้งมั่นในความเป็นธรรม มุ่งมั่นในความเป็นเลิศเชื่อมั่น ในคุณค่าของคน ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมปัจจุบันทั่วโลกต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ โดยองค์กรภาคธุรกิจ ที่รวมตัวกันในระดับโลกได้แบ่งปัญหาออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ “Climate Emergency, Nature In Crisis, and mounting inequality” นอกจากนั้นในช่วงระยะเวลา 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ดังนี้ “Covid-19, Inflation & Geopolitics, and Climate Emergency” จากปัญหาเหล่านี้ ทำให้องค์กรได้มีการ จัดทำกรอบการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ประกอบด้วย 3 มิติ คือ “Growing Economy, Protecting Environment, and Caring Society” ในการขับเคลื่อน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SCG เชื่อว่าจะต้องดำเนินการเป็นห่วงโซ่คุณค่า คำนึงถึงองค์กรอื่น ๆ มีการแบ่งปัน ข้อมูลรวมถึงเชิญมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนขององค์กรการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ SCG ในช่วงแรกมีการดำเนินการเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย การสร้างการยอมรับจากชุมชน รอบ ๆ บริเวณโรงงานเพียงเท่านั้น ระยะต่อมาเนื่องจากความคาดหวังของนักลงทุนที่เข้ามาร่วมงานกับองค์กร ได้คำนึงถึงความยั่งยืนและคำนึงต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จำเป็นต้องนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มาปรับใช้ โดยได้มีการจัดลำดับความสำคัญ และมีการจัดกลุ่มไว้ 3 ด้าน และได้มีการพัฒนา SCG Sustainable Development Guidelines 2008 ผ่านการสังเคราะห์เป็น SCG Sustainable Development Framework 2021 สำหรับบุคลากรขององค์กรโดยแนวทางการจัดการสู่ความยั่งยืนของ SCG ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน 1) ตั้งคำถามโดยการประเมินความเสี่ยงและโอกาสของประเด็นที่สนใจ 2) การจัดตั้งคณะทำงาน และผู้เกี่ยวข้องผู้ขับเคลื่อนงานกำหนดนโยบาย เป้าหมายในการบรรลุตามเป้าประสงค์ 3) การจัดทำกลยุทธ์ ต้องมีการจัดทำแผนในระยะยาว ระยะกลาง ระยะสั้น และมีการทบทวนเป้าหมายในทุกปี 4) การนำไปปฏิบัติ ผ่านคณะทำงานในแต่ละเรื่อง 5) การติดตามประเมินผลโดยผู้บริหารในทุก ๆ ไตรมาส นอกจากนี้ยังได้มีจัดทำ Supplier Development for Sustainability สำหรับคู่ค้าด้วย ความรับผิดชอบ ขององค์กร ในการดำเนินกิจการให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับสังคม เข้มแข็งและสิ่งแวดล้อมที่ยืน จึงนำแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) มาใช้ในการดำเนินธุรกิจทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ ระดับอาเซียน และระดับโลก พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนผลักดันแนวทาง ESG 4 Plus “มุ่ง Net Zero - Go Green - Lean เหลื่อมล้ำ - ย้ำร่วมมือ” ที่ SCG กำหนดอย่างเป็นรูปธรรม โดยยึดหลักความเป็นธรรม และโปร่งใสเป็นหัวใจ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 7 เวทีสัมมนาตัวอย่างการบูรณาการความร่วมมือการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ ประเด็นเสวนาที่ 1 การรับรู้เกี่ยวกับ SDGs ในระดับพื้นที่ ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน มีระดับการรับรู้มากน้อยเพียงใด อำเภอไทรน้อย : ในส่วนของภาครัฐ โดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยมีระดับ การรับรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับ SDGs ค่อนข้างดี เพราะปัจจุบันกระทรวงฯ มีความตื่นตัวในการขับเคลื่อน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างมาก เพื่อให้การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่เป็นไปตามกรอบแนวทาง ที่กระทรวงฯ กำหนด การพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้งาน Function ของตัวเอง หน่วยงาน กรม กองต่างๆ ในสังกัด กระทรวงฯ มีระดับการรับรู้ฯ ที่ดีและในส่วนของภาคประชาชนนั้น การรับรู้อยู่ในระดับที่รับทราบว่าเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) คืออะไร แต่อาจไม่ทราบถึงรายละเอียด อำเภอเกาะลันตา : การรับรู้เรื่อง SDGs เป็นไปได้ยาก แต่ในพื้นที่เกาะลันตามีลักษณะเฉพาะที่ซับซ้อน อย่างมาก เกาะลันตาทำรายได้ภาคการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศสูง และมีจุดแข็งที่สำคัญที่สุดคือภาคเอกชน และภาคประชาสังคม (NGOs)ซึ่ง SDGs ถูกสร้างการรับรู้จากภาคส่วนเหล่านี้ โดยภาคเอกชนและภาคประชาสังคม มีความเข้าใจลึกซึ้งถึงแนวทางปฏิบัติในระดับพื้นที่ การรับรู้พวกนี้ เป็นเรื่องระดับโลก (Global Agenda) กล่าวคือ ภาคราชการอยู่ในพื้นที่ ต้องตีพื้นที่ให้แตก ซึ่งจะสัมพันธ์กับการรับรู้ โดยเฉพาะในพื้นที่เฉพาะเช่นนี้ ซึ่งในพื้นที่เกาะลันตา ระดับการรับรู้ การปฏิบัติให้เห็นผล จะถูกผลักดันโดยภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เป็นสำคัญ ทำให้ภาครัฐ โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง นายอำเภอต้องพยายามทำความเข้าใจ SDGs เพื่อสามารถลงไป หนุนเสริมภาคส่วนๆ ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นเสวนาที่ 2 ฝ่ายปกครอง ได้แก่ นายอำเภอ และปลัดอำเภอ มีบทบาท และความสำคัญ ในการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่อย่างไร ตลอดจนยกตัวอย่าง Best Practices เพื่อเป็นตัวอย่าง การพัฒนาที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม อำเภอไทรน้อย : ในแต่ละพื้นที่ จะมีบริบท และสภาพภูมิสังคมที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ในส่วนของ อำเภอไทรน้อย ภาคเอกชน องค์กร รัฐวิสาหกิจ และภาคประชาสังคม ไม่ได้มีบทบาทมากมายนัก แต่จะมีการทำกิจกรรมต่างๆ ในบริบทเฉพาะขององค์กร เช่น การทำ CSR เพื่อประชาสังคม การขับเคลื่อนการนำ ต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ จะเป็นบทบาทของฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะกระตุ้น ส่งเสริม ผลักดัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ให้เกิดความยั่งยืนในระดับพื้นที่ ในส่วนของตัวอย่าง จากการที่ อ.ไทรน้อย ได้มีโอกาสเป็น 1 ใน 18 อำเภอนำร่อง อำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการ ในปี 2565 หลังจากการเข้าอบรม ทางอำเภอได้ทำโครงการเสนอไปให้เกิดการดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง การระดมภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมกันดำเนินโครงการที่มีประโยชน์และสร้างความยั่งยืน เนื่องจาก อำเภอไทรน้อยมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไร่นา และสวน ผสมผสานกับสภาพการขยายตัวของสังคมเมือง พื้นที่บางส่วน จึงประกอบด้วยโรงงานอุตสาหกรรม และหมู่บ้านจัดสรร ทั้งนี้อ.ไทรน้อย เป็นพื้นที่ที่มีลำคลองต่างๆ มากมาย
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 8 สภาพคลองตื้นเขิน มีผักตบชวากระจุกตัวหนาแน่น ส่งผลต่อประสิทธิภาพการระบายน้ำ นำไปสู่ปัญหาน้ำท่วม ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ทีม อำเภอไทรน้อย และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินโครงการ “Care คลอง Care คุณ” เข้าสู่การพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยตามโครงการอำเภอนำร่องอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการฯ ประจำปี พ.ศ. 2565 เพื่อกระตุ้น ส่งเสริม ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันฟื้นฟู พัฒนา และรวมพลดูแลรักษาแหล่งน้ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าว เป็น 1 ในความภาคภูมิใจ ทำให้เกิดการตระหนัก ปลุกกระตุ้น ความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน จึงเกิดขึ้น เพราะได้ชื่อว่าเป็นอำเภอนำร่อง ทำให้เกิดความตื่นตัวในการดำเนินโครงการฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถทำให้ในห้วงเวลาต่อมา สามารถลดปริมาณน้ำท่วมในพื้นที่ได้ถึง 80% ขณะนี้ ขยายผลโครงการฯ ต่อยอดไปในพื้นที่ทุกตำบลในอำเภอไทรน้อย อำเภอเกาะลันตา : ปัจจุบัน มีความท้าทายในการพัฒนาพื้นที่ใน อ.เกาะลันตาในหลากหลายด้าน เกิดปัญหาช่องว่างของการพัฒนา กล่าวคือมีช่องว่างระหว่างรายได้สูง แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีรายได้จากการ ท่องเที่ยวมาก แต่เป็นพื้นที่ที่มีตัวเลขกลุ่มเปราะบาง จากฐานข้อมูล TPMAP และ Thai QM มากเป็นอันดับ 1 ใน จังหวัดกระบี่ ความเป็นสังคมแบบพหุวัฒนธรรม ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะการจะเชื่อมโยง การท่องเที่ยวกระแสหลักที่ทำรายได้ให้กับประเทศ แต่รายได้ไม่ถูกกระจายไปสู่คนท้องถิ่น กับการท่องเที่ยวแบบ ชุมชนให้รายได้กระจายลงสู่ชุมชนนั้น จึงเกิดโครงการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวโดยชุมชน ดึงรายได้จากการ ท่องเที่ยวกระแสหลักมาสู่การท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยการจัดทำหนังสือเดินทาง “คนรักษ์ลันตา (Passport Unique Lanta)” การสร้างจุดเช็คอินห้ามพลาด @เกาะลันตา เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ ได้ท่องเที่ยวไปตามจุดต่างๆในชุมชนอย่างทั่วถึง เป็นกลไกที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน อนุรักษ์ภูมิปัญญาของชุมชน ตามความสามารถของชุมชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดความยั่งยืน แนวทางการเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ ประเทศไทยมีพันธกิจในการดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงข้อตกลง และความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสหประชาชาติได้กำหนดวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (๒๐๓๐ Agenda for Sustainable Development) เป็นกรอบการพัฒนาร่วมกันของประชาคมโลก โดยกำหนดให้มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable DevelopmentGoals: SDGs) ๑๗ เป้าหมาย เป็นแนวทางให้แต่ละประเทศดำเนินการร่วมกันเพื่อพัฒนาในทุกมิติโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แผนการขับเคลื่อน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย (Thailand’s SDG Roadmap) เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อน SDGs ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ ได้อย่างบูรณาการ ประกอบด้วย (๑) การสร้างการตระหนักรู้ (๒) การเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนกับแผน ๓ ระดับของประเทศ (๓) กลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน (๔) การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน (๕) ความร่วมมือกับภาคีการพัฒนา และ (๖) การติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 9 การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการ ในทุกระดับโดยมีกลไกระดับพื้นที่ (SDGs Localization) ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานระดับจังหวัด องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในระดับพื้นที่ เป็นรากฐานสำคัญในการ ขยายผลการขับเคลื่อน SDGs ไปสู่การปฏิบัติอย่างไรก็ดี ผลสรุปจากการลงพื้นที่และหารือร่วมกับหน่วยงาน ในพื้นที่ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ยังคงพบว่า (๑) ระดับของความตระหนักรู้และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันและยังขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน (๒) การสนับสนุน จากผู้บริหารและการประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ตลอดจนการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่มีความสำคัญ ในการผลักดันการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนให้บรรลุผล (๓) กระบวนการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด และแผนพัฒนาท้องถิ่น ตลอดจนการติดตามและประเมินผล ควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และควรเน้นการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (EvidenceBased Approach) (๔) ข้อมูลตัวชี้วัดระดับจังหวัด ที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดของ SDGs ที่นำมาใช้พัฒนาตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดยังมีจำนวนน้อย อาจยัง ไม่สามารถสะท้อนบริบทการพัฒนาของพื้นที่ได้เท่าที่ควร และ (๕) ในการจัดเก็บข้อมูลตัวชี้วัดระดับท้องถิ่นยังมี ความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ทั้งในด้านชุดข้อมูล และคุณภาพของการจัดเก็บข้อมูลตามหลักวิชาการ ซึ่งยังจำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มเติม และศึกษาแนวทางการขับเคลื่อน SDGs ในระดับท้องถิ่นที่เหมาะสมต่อไป แผนปฏิบัติการด้าน ของกรมการปกครองสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ 1. “แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปี พ.ศ. 2566” (ส่วนงบประมาณ กองวิชาการและแผนงาน) - ความหมาย: งบประมาณรายจ่าย คือ จำนวนเงินอย่างสูงที่อนุญาตให้จ่ายหรือให้ก่อหนี้ ผูกพันได้ ตามวัตถุประสงค์ละภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายแผน การปฏิบัติงาน คือ แผนการปฏิบัติงานของหน่วยรับงบประมาณในรอบ ปีงบประมาณ และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ คือ แผนแสดงรายละเอียด การใช้จ่ายงบประมาณสำหรับหน่วยรับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานในรอบปีงบประมาณ - วงจรงบประมาณ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน 1) ทบทวน/วางแผน 2) การจัดทำคำขอ งบประมาณและจักทำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 3) การอนุมัติ โดยการพิจารณาของ สส. สว. และการตรา เป็น พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 4) การบริหารงบประมาณ โดยการจัดทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้งบประมาร 5 ) การติดตามและประเมินผล ผ่านระบบ GFMIS ทั้งนี้การดำเนินงานของกรมการ ปกครอง มีการจัดทำและบริหารงบประมาณที่สอดคล้องกับวงจรงบประมาณข้างต้น
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 10 2. “แผนการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กรมการปกครอง พ.ศ. 2566 – 2570” (กองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง) - กรมการปกครอง อยู่ระหว่างการประการใช้แผนการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กรมการปกครอง พ.ศ. 2566 – 2570 ซึ่งเป็นแผนที่กำหนดทิศทางการพัฒนาและการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในอีก 5 ปี ข้างหน้า โดยมีแนวทาง หรือยุทธศาสตร์ จำนวน 3 ประเด็น ได้แก่ 1) สร้างระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ตามหลักธรรมาภิบาล โดยการจัดทำระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน ความล่าช้า และลดความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงาน เช่น ระบบการขอย้ายออนไลน์ การลาออนไลน์ระบบ E-Learning เป็นต้น นอกจากนี้ ยังนำหลักธรรมาภิบาล มาใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เช่น การบรรจุแต่งตั้ง การโยกย้าย เลื่อนระดับ และประเมินผลการปฏิบัติงาน 2) สร้างระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีสมรรถนะสูง และมีคุณธรรม ทั้งการพัฒนา สายอาชีพ และการอบรมเพิ่มความรู้ ซึ่งแบ่งเป็น Carrier Development and TrainingDevelopment 3) สร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติราชการ สร้างความผูกพันภายในองค์กร ได้แก่ (1) การเพิ่มสวัสดิการที่นอกเหนือจากสิทธิข้าราชการ ผ่านกองทุนสวัสดิการกรมการปกครอง (2) การยกย่องเชิดชู บุคลากรที่มีผลการปฏิบัติงานเป็นเลิศ ผ่านโครงการนายอำเภอแหวนเพชร ปลัดอำเภอแหวนทองคำเป็นต้น (3) สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของกรมการปกครองร่วมกัน (4) ระบบ Mentor Coaching 3. แผนปฏิบัติการด้านดิจิทัลของกรมการปกครอง พ.ศ. 2566 - 2568” (ศูนย์สารสนเทศ เพื่อการบริหารงานปกครอง) - เป็นแผนระยะ 3 ปี เนื่องจาก เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจัดทำแผนที่ระยะเวลา ไม่สั้นและไม่ยาวเกิดไปจึงเหมาะสมกับแผนประเภทนี้ แนวทางในการขับเคลื่อน ประกอบด้วย 4 แนวทาง/ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) บูรณาการระบบฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยการ พัฒนาด้านระบบฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพสูง ทุกหน่วยงานสามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทุกที่ ทุกเวลา เช่น ระบบประมวลผล Cloud Computer โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูล Data Center 2) การยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลตามแนวทางมาตรฐานสากล เน้นให้บริการ ภาครัฐโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาประยุกต์ในการให้บริการประชาชน เช่น Portal กลาง การให้บริการ Digital ID และ e - Signature Digital Signature 3) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์มาตรฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อป้องกัน ลดความเสี่ยง จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มุ่งหวังให้ระบบเครือข่ายและระบบสารสนเทศของกรมการปกครอง ความมั่นคง ปลอดภัย ได้แก่ Cyber Security และ Data Security
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 11 4) การเพิ่มสมรรถนะบุคลากร ยกระดับทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรมีกำลังคนที่มีทักษะด้านดิจิทัลที่เหมาะสม เป็นกลไกขับเคลื่อนงาน และการปรับเปลี่ยนภาครัฐ สู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล 4. แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมกรมการปกครอง ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566- 2570) (ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กรมการปกครอง) ประกอบด้วย 4 แนวทางในการดำเนินงาน 1) บุคลากรกรมการปกครองมีกิจกรรมการปฏิบัติตนที่สะท้อนการมีคุณธรรม จริยธรรมเพิ่มขึ้น 2) คะแนนเฉลี่ยการประเมิน ITA ของกรมการปกครองและอำเภอ ไม่น้อยกว่า 95 คะแนน 3) กรมการปกครอง มีเครือข่ายที่ร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณะเพิ่มขึ้น 4) บุคลากร และประชาชนได้รับการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตตากการส่งเสริมคุณธรรม “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา กตัญญู” มุ่งหวังเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คนดี คนเก่ง คนมีคุณภาพ 5. “แผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบกรมการปกครอง ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570)” 3 แนวทางในการดำเนินงาน 1) บุคลากรกรมการปกครองมีวัฒนธรรมและพฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริต 2) คะแนนเฉลี่ยการประเมิน ITA ของกรมการปกครองและอำเภอ ไม่น้อยกว่า 95 คะแนน 3) เรื่องกล่าวหาร้องเรียนการทุจริต และประพฤติมิชอบของกรมการปกครอง มีจำนวนลดลง “ปลูกจิตสำนึก ปรับฐานคิด เปลี่ยนพฤติกรรม เปิดโอกาส” มุ่งหวังเป็นกรมการปกครองใสสะอาด ไม่โกง โปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อน SDGs (การนำแนวคิด Local สู่เลอค่าสู่การสร้างพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในระดับพื้นที่ของ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ นั้น ได้ใช้หลักการ 3 เสาหลัก ของมิติความยั่งยืน (Three Pillars of Sustainability) คือ มิติด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนฯ ไปสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ จนเกิดโครงการ Life Community Museum Buengkan Local สู่เลอค่า + SDGs ศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ ประกอบด้วย 4 เป้าหมายหลัก คือ เป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่ เป้าหมายที่ 2 ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคง ทางอาหารและยกระดับโภชนาการและส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 12.b พัฒนาและใช้เครื่องมือ ติดตามผลกระทบการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนซึ่งสร้างงานและส่งเสริมวัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เป้าหมายที่ 16 ส่งเสริมสังคมที่สงบสุขและครอบคลุมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกคน เข้าถึงความยุติธรรม และสร้างสถาบันที่มีประสิทธิภาพ รับผิดชอบ และครอบคลุมในทุกระดับ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 12 เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ มีลักษณะเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่จุดอับสัญญาณ จากข้อจำกัดดังกล่าวในพื้นที่ จึงเกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระกับชาวบ้าน ในชุมชนและหน่วยงานราชการเพื่อจะพัฒนา อ.โซ่พิสัย ให้คนในชุมชนมีรายได้และอาชีพที่มั่นคง เป็นชุมชน SDGs เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงเกิดพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬ และเกิดการพัฒนาเป็นชุมชนท่องเที่ยว ต้นแบบโซ่พิสัยยั่งยืนตามแนวทาง SDGs จาก Local สู่ เลอค่า ในพื้นที่หมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งทางเศรษฐกิจทางสังคม และทางสิ่งแวดล้อม โดยการเกิดการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบโซ่พิสัยยั่งยืนตามแนวทาง SDGs จาก Local สู่ เลอค่า มีลักษณะที่สำคัญในการพัฒนาฯ ดังนี้ 1) ธรรมะ + ธรรมชาติ + ธรรมดา ปี พ.ศ. 2560 เลือกกลับบ้าน ในวันที่มีแรง กล่าวคือ จะได้มีพลัง มาสร้างสรรค์ ชุมชนมีชีวิต พัฒนาบ้านของครอบครัวนำมาปรับปรุงเป็นต้นแบบเครือข่ายของการสร้าง ความยั่งยืน ที่มาของชื่อ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬ ซึ่งการสร้างความยั่งยืนชุมชนต้องอาศัยเครือข่าย 2) จากพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นศูนย์เครือข่ายนำศิลปะร่วมสมัย ออกมาพัฒนาชุมชนในหมู่บ้าน เพื่อสร้างความยั่งยืนไปด้วยกันไม่ได้เปลี่ยนแค่บ้าน 1 หลัง แต่เปลี่ยนทั้งหมู่บ้าน กระจายทั่วหมู่บ้านชุบชีวิต ชาวบ้านให้มีชีวิตชีวา เกิดเสียงหัวเราะและสร้างรายได้ให้ครอบครัว 3) ชุมชนสร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้นำวัตถุดิบท้องถิ่นใส่ดีไซน์ร่วมสมัยผลิตภัณฑ์ จากต้นคล้าเดิม คือ กระติ๊บข้าวเหนียวผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน จ.บึงกาฬ 4) โซ่พิสัยโมเดล แนวคิดการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย เพื่อการพัฒนายั่งยืน เปลี่ยนสถานที่ “บวร” บ้าน วัด ราชการ ให้เป็นพื้นที่...มีชีวิต Local สู่ เลอค่า 5) SDGs เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อ.โซ่พิสัย การท่องเที่ยวชุมชนที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยใช้ศิลปะร่วมสมัย Soft Power ทุนวัฒนธรรมในพื้นที่
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 13 1. พิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการ กรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดย ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนา เชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครองอย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในวันนี้ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา กรมการปกครองประกาศใช้แผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) และแผนปฏิบัติราชการรายปี(พ.ศ. 2566) เพื่อเป็นทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจของกรมการปกครอง ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนระดับรอง และนโยบายสำคัญของชาติ โดยแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง ทั้งสองฉบับ มีการปรับเปลี่ยน วิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ของกรมการปกครอง ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคม ความต้องการของประชาชน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ ของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ กรมการปกครองได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทย ให้ขับเคลื่อนเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ทั้ง 17 เป้าหมายหลัก ผ่านกลไกการขับเคลื่อน ในระดับจังหวัดและอำเภอ โดยมี “นายอำเภอ” เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายและบูรณาการความร่วมมือ จากทุกกระทรวง เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการบริหารราชการในพื้นที่รับผิดชอบจึงถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเรา จะร่วมกันรับความรู้ จากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนา
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 14 ที่ยั่งยืน (SDGs) ในระดับพื้นที่ การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการนำแผนปฏิบัติราชการ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และหวังว่า ทุกท่านจะนำองค์ความรู้นี้ ไปต่อยอด เผยแพร่ นำไปสู่การพัฒนา ในพื้นที่จังหวัดหรือภารกิจของสำนัก/กอง ที่ท่านรับผิดชอบต่อไป สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณกองวิชาการและแผนงาน ที่ได้ดำเนินการจัดโครงการฯ ในครั้งนี้ และขอให้การดำเนินงานสำเร็จลุล่วง บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ทุกประการ บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ขอบคุณครับ 2. การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในประเทศไทย โดย นายพันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์ รักษาการณ์นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือ ระหว่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำหรับหัวข้อการบรรยายในวันนี้ จะเป็นเรื่องของภาพรวมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของประเทศไทย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ในส่วนแรก เราจะพูดถึง คำนิยาม ความหมาย ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ว่ามันคืออะไร สาระสำคัญอยู่ตรงไหน และส่วนที่ 2 จะพูดถึงว่า ปัจจุบัน การขับเคลื่อนของประเทศไทยเป็นไปในทิศทางไหน มีรูปแบบการทำงานอย่างไร แล้วปิดท้าย จะเป็นช่วงการแลกเปลี่ยนความเห็น ถาม - ตอบ กันในห้องประชุมเริ่มกันด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มี 17 เป้าหมายหลัก ที่เป็นกรอบแนวทางจาก UN ที่ประเทศไทยไปรับมา ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจว่า เป็นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว ความจริงแล้วไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 15 จะครอบคลุมใน 3 มิติ นั่นคือ มิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยแนวคิดของการพัฒนาจะมุ่งให้เป็น การพัฒนาที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง กล่าวคือ จะต้องโอบอุ้มทุกคน ทุกส่วนของสังคม ให้มีโอกาสพัฒนา ไปพร้อมกันและเป้าหมายการพัฒนายั่งยืนถือเป็นกรอบการพัฒนาที่ทั่วโลกยึดถือและนำมาปฏิบัติ เพื่อมุ่งบรรลุ เป้าหมายภายในปี ค.ศ. 2030 โดยมี17 เป้าหมายหลัก 169 เป้าหมายย่อย รวมถึงมีตัวชี้วัด 247 ตัวชี้วัด เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของแต่ละประเทศ แต่ละเมือง แต่ละจังหวัด สำหรับแนวคิดเรื่องของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หมายถึง การที่เราบริโภคกันอยู่ในทุกวันนี้ จะต้องสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับคนรุ่นปัจจุบัน แต่เราต้องไม่ไปเอาเปรียบคนใน รุ่นถัดไป เราจะต้อง ไม่เห็นแก่ตัว และจะต้องส่งต่อความเจริญรุ่งเรืองนี้ให้กับคนในรุ่นถัดไปด้วย เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนี้ แบ่งเป็น 3 มิติหลัก คือ การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมหรือการควบคุมทางสังคม และการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมซึ่งจะเน้นย้ำให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องของหลักการมากกว่าที่จะมุ่งท่องจำว่า 17 เป้าหมายการพัฒนา มีอะไรบ้าง โดยการจัดกลุ่มเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในแต่ละด้านจากองค์การสหประชาชาติ ได้จัดกลุ่มออก มาเป็น 5 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 การพัฒนาคน ที่มุ่งเน้นการยุติความหิวโหย ขจัดความยากจน และไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างคนจนกับคนรวย หรือความเหลื่อมล้ำระหว่างเชื้อชาติ เพศ ศาสนา เพื่อให้ทุกคนต้องมีโอกาสเท่าเทียมกัน ดังนั้น มิติการพัฒนาคนจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องลดความยากจน การลดความหิวโหย สาธารณสุข ความเท่าเทียม ทางเพศ และเรื่องการศึกษา มิติที่ 2 เรื่องสิ่งแวดล้อม จะมุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ รวมถึง สภาพภูมิอากาศเพื่อให้คนในรุ่นต่อไปได้มีอากาศบริสุทธิ์ ได้มีน้ำสะอาด มิติที่ 3 เรื่องของเศรษฐกิจและความมั่งคั่ง จะมุ่งให้คนมีความเป็นอยู่ที่ดี ขณะเดียวกัน การบริโภค การกินอยู่และการใช้ชีวิตจะต้องไม่ไปเบียดเบียนหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มิติที่ 4 เรื่องสันติภาพและความยุติธรรม เป็นประเด็นที่เน้นย้ำมากเหมือนกัน เพราะว่าการพัฒนา จะเกิดขึ้นได้ เมื่อสังคมไม่เกิดความขัดแย้ง ไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้งและความไม่เป็นธรรม สิ่งเหล่านี้ มีความสำคัญและจำเป็นที่ทำให้การพัฒนาสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะว่าถ้ายังยังขัดแย้งกันอยู่ การพัฒนา และโครงการดี ๆ คงจะเกิดได้ยาก มิติที่ 5 คือ หุ้นส่วนการพัฒนา จะเป็นเรื่องของการสร้างความร่วมมือต่าง ๆ ทั้งหมดนี้คือ องค์ประกอบหลักใน 5 ด้านของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในแต่ละด้าน ก็จะมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องหลักอยู่แล้ว ทั้งหมดนี้คือภาพรวมทั้งหมดของแนวคิดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าเป็นกรอบในการมองเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน และเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนนี้ไม่สามารถเน้นเฉพาะเป้าหมายที่ 1 หรือ 2 ได้ เพราะแต่ละเป้าหมายมีความเกี่ยวโยงกัน ซึ่งเราอาจมองให้ลึกลงไปอีก ว่าความจริงแล้วไม่ใช่แค่ 17 เป้าหมาย แต่มีอีก 169 เป้าหมายย่อย ที่บ่งบอกว่า ในรายละเอียดในเรื่องนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งผมจะยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการลดความยากจน ว่าการลดความยากจนไม่ได้มองแค่ว่าคนมีกินมีใช้อย่างเดียว แต่มองว่าบางที ความยากจนเกิดมาจากโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาด้วย การที่เขาไม่ได้รับการศึกษาที่ดี จึงทำให้ไม่มีทักษะ การทำงานจึงไม่มีโอกาสสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 16 นอกจากนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแต่ละเรื่องเราประสบความสำเร็จไปมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ในแต่ละเป้าหมายย่อยจะมีตัวชี้วัดประกอบ ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 247 ตัวชี้วัด เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน วางกรอบแนวทางมาแบบนี้ และขับเคลื่อนการพัฒนานี้เป็นประโยชน์ต่อสื่อสารกับประชาคมโลก เช่น การดำเนินการเรื่องน้ำสะอาดของประเทศไทย เวลาไปพูดกับคนอื่นอาจจะอธิบายได้ยากหรือใช้เวลานาน แต่ว่าถ้าเราพูดถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนก็จะเกิดความเข้าใจที่ตรงกันกับประเ ทศอื่น ถือเป็นโอกาส ในการเชื่อมต่อกับคนในประชาคมโลก อาจนำไปสู่การสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโอกาสต่าง ๆ ที่มาจากต่างประเทศ ทั้งภาคเอกชน หรือองค์กรระหว่างประเทศ ในลำดับต่อไป จะพูดถึงทิศทางและแนวทางการขับเคลื่อนของประเทศไทยในเรื่องของ SDGs ว่ามีรูปแบบและแนวทางแบบใดบ้าง ซึ่งเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในส่วนของสภาพัฒน์ในนามของ “คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อน SDGs มองว่า เป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน เราไม่ได้ทำเพื่อองค์การสหประชาชาติ (UN) หากแต่จริง ๆ เราทำเพื่อประเทศของเราเอง เพราะว่า เรามองว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนกับยุทธศาสตร์ชาติ คือเส้นทางเดียวกัน เพราะในหลายเรื่องที่ทำ ใน SDGs และยุทธศาสตร์ชาติ จะมีความคล้ายคลึงกันหลายด้าน เช่น การลดความยากจน การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเศรษฐกิจไปสู่นวัตกรรม ดังนั้น การที่เราขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผน 3 ระดับ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่ แล้ว กล่าวคือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดทำ RoadMap ของประเทศไทยในเมื่อปี พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) ซึ่งจะใช้เป็นแผนหลักในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไปสู่ปี ค.ศ. 2030 โดยแบ่งเป็น 6 ด้านหลัก ดังนี้
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 17 ด้านที่ 1 เป็นในเรื่องของการสร้างความตระหนักรู้เพื่อทำให้คนรู้ว่าอันนี้เป้าหมายการพัฒนาเป็นอย่างไร ด้านที่ 2 คือการเชื่อมโยงกับเป้าหมายกับแผน 3 ระดับของประเทศ ด้านที่ 3 เป็นเรื่องของกลไกการพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องมีตัวขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ เพื่อทำให้สาระสำคัญ ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนก้าวไปสู่การปฏิบัติได้ ด้านที่ 4 เป็นเรื่องของกลไกการดำเนินงานการวางแผนโครงการต่าง ๆ จะต้องเอาเรื่องของ SDGs เข้าไปเป็นหลักการในการจัดทำ ด้านที่ 5 จะเป็นการมุ่งเน้นภาคีการพัฒนา หมายความว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของ ภาครัฐอย่างเดียว แต่ว่าเป็นเรื่องของประชาชนทุกคน รวมถึงทุกภาคส่วนของสังคมที่จะมาร่วมกันทำให้มันเกิดขึ้น ด้านที่ ๖ คือเรื่องของการติดตามและประเมินผล ในเรื่องของการสร้างความตระหนักรู้ ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมกัน ภายในคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้มีการจัดทำเว็บไซต์เพื่อเป็น แหล่งในการเรียนรู้และก็เป็นแหล่งในการแบบสืบค้นข้อมูลเป็นฐานข้อมูลให้เราไปทำงานต่อว่าเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน ปัจจุบันมีอะไรบ้างและทำไปถึงไหนแล้ว ที่เว็บไซต์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประเทศไทย https://sdgs.nesdc.go.th/ นอกจากการทำเว็บไซต์แล้ว ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานคล้ายกับงานแฟร์ของ SDGs มีลักษณะเป็นงานสัมมนา การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย ชื่องาน “ก้าวพอดี” จัดโดยสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในทุกปี ซึ่งเป็นงานแสดงความสำเร็จ ของ SDGs และเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย ครั้งที่ผ่านมาจัดไป เมื่อวันที่ 22 - 25 กันยายน 2565 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีองค์กรเข้าร่วมมากกว่า 50 องค์กร ตลอดระยะเวลา 4 วันที่จัดงาน มีประชาชนเข้าร่วมงานมากกว่า 1,000 คน นอกจากนี้ มีการจัดทำ สื่อการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทุกท่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้ โดยสามารถเข้าที่ YouTube พิมพ์ว่า SDG Thailand จะมีสื่อในการสร้างความตระหนักรู้ นอกจากนี้ จะมีสื่อ การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ SDGs ที่เกี่ยวกับการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหรือ S.E.A ซึ่งเป็น เครื่องมือในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ว่าพื้นที่ไหนเหมาะสมกับการจัดทำโครงการการพัฒนารูปแบบไหน เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นเครื่องมือใช้ในการทำงานแล้ว ก็ใช้ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืนด้วย และส่วนสุดท้ายของการสร้างความตระหนักรู้ก็คือ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้มีการจัดทำเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เพราะว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเนี่ยมีส่วนในการสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจของพอเพียงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การพัฒนาอย่างสมดุล มีเหตุและผล และนี่คือภาพรวม ทั้งหมดของการขับเคลื่อนในเชิงสร้างความตระหนักรู้ ต่อไปก็คือ การเชื่อมโยงกับแผน 3 ระดับของประเทศ ในเรื่องของการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน เรามองว่า ไม่อยากให้ SDGs เป็นงานเพิ่มให้กับส่วนราชการในระดับปฏิบัติหรือระดับท้องที่ แต่อยากให้มองว่า งานนี้เป็นงานเกื้อหนุนและหนุนเสริมให้งานที่เราทำอยู่ มีความสมบูรณ์มากขึ้น มีมิติในเชิงสากลมากขึ้น ดังนั้น จึงนำไปสู่การเชื่อมโยงกับแผน 3 ระดับ นั่นหมายความว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่าง ๆ มีความ สอดคล้องและตรงกับยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระดับเป้าหมาย มีส่วนเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 18 ชาติในประเด็นต่าง ๆ ใน 23 ประเด็น ขณะเดียวกัน ในประเด็นย่อยหรือว่าเป้าหมายย่อยของยุทธศาสตร์ชาติ หรือแผนแม่บทก็มีส่วนในความสอดคล้องกับเป้าหมายย่อยของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนยังมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ซึ่งประกาศใช้เมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ดังนั้น ท่านก็เชื่อมั่นได้ว่า ถ้าท่านขับเคลื่อนงานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 และยุทธศาสตร์ชาติแล้ว สิ่งที่ท่านทำจะมีส่วนในการเกื้อหนุนและส่งเสริม SDGs ไปด้วยอยู่ในตัว ซึ่งตรงนี้จะปรากฏอยู่ในความเชื่อมโยงในระบบ eMENSCR ที่ท่านกรอกโครงการต่าง ๆ เข้าไปใน ระบบ ซึ่งทางสภาพัฒน์ได้เชื่อมโยงอยู่แล้ว ว่าแต่ละโครงการที่สอดคล้องกับแผนแม่บทในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ฐานราก มันก็จะเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ 8 เป้าหมายที่ 1 ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไปในตัวด้วย ดังนั้น งานแต่ว่าตอบหลายโจทย์เลย สิ่งนี้คือหลักการในเรื่องของการเชื่อมโยงกับแผน 3 ระดับ ส่วนที่ 3 ที่อยู่ภายใต้ RoadMap คือกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ตรงนี้อยากจะถือโอกาส เป็นการเน้นย้ำว่าปัจจุบันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มีคณะกรรมการระดับชาติหลัก ชื่อว่าคณะกรรมการ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้มอบให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม กลไกนี้เป็นกลไกการติดตามขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในระดับประเทศ และนอกจากนี้ ก็ยังประกอบไปด้วยคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มาจากผู้บริหารของกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ทำหน้าที่เป็นกรรมการ เพื่อบูรณาการการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศ และยังมีคณะอนุกรรมการ คณะคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะอนุกรรมการด้านเศรษฐกิจพอเพียง คณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการด้านเอกชน รวมถึงเยาวชน เป็นส่วนในการขับเคลื่อน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนลงไปสู่การปฏิบัติ อันนี้เราพูดถึงในระดับนโยบายนะครับ ส่วนการแบ่งความรับผิดชอบ ในระดับเป้าหมาย (target) เป็นหน่วยงาน C1 และ C2 จะเน้นย้ำการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน กล่าวคือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของภาครัฐอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งภาคเอกชนภาคประชาสังคม รวมถึง องค์กรระหว่างประเทศ ภาควิชาการ เพราะว่า แต่ละภาคส่วนจะมีจุดแข็ง และจุดอ่อนไม่เหมือนกันเช่นภาครัฐอาจจะมีจุดแข็งในเรื่องของ authority มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่อาจจะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ระเบียบข้อบังคับที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน แต่ได้ภาคเอกชนที่ทำเรื่องนั้น อยู่แล้ว เข้ามาหนุนเสริมหรือภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของท่านให้ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนจึงเปิดกว้างให้กับทุก ๆ ภาคส่วนได้เข้ามาทำงานร่วมกัน มุ่งเน้นการทำงาน ในเชิงเชิงรุก และสุดท้ายซึ่งน่าจะเกี่ยวกับทุกท่านก็คือกลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่ใน RoadMap อธิบายไปว่า เป้าหมายการขับเคลื่อนระดับพื้นที่ จะให้จังหวัดเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนหลัก แต่ไม่ใช่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด คนเดียวนะ แต่หมายรวมถึงองคาพยพต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ ทั้งสถาบันการศึกษา องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และล่าสุดได้ทราบจากทางกระทรวงมหาดไทย ว่ามีการทำ MOU กับทางองค์การสหประชาชาติ ในเรื่องการขับเคลื่อน 76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน นำไปสู่การจัดตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด จะเห็นเด่นชัดว่า การขับเคลื่อนระดับพื้นที่ได้เข้าไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์แล้ว และนี่คือภาพรวมของกลไกการขับเคลื่อนของประเทศไทยในเรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีการถ่ายทอดจากระดับนโยบายลงสู่ระดับหน่วยงานและระดับพื้นที่
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 19 ตามที่กล่าวไปเป็นมีในเรื่องของการขับเคลื่อนของหน่วยงาน C1 และ C2 ซึ่ง C1 และ C2 ในที่นี้ หมายถึงว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมี 17 เป้าหมายหลัก มีการแบ่งหน่วยงานระดับกระทรวง ที่เป็นคนรับผิดชอบตามเป้าหมายหลัก 17 เป้าหมาย นอกจาก เป้าหมายหลักยังมีอีก 169 เป้าหมายย่อย ที่ได้มีการแบ่งหน่วยงานรับผิดชอบ โดยมีลักษณะให้เป็นหน่วยงานประสานหลัก 1 เป้ามาย ต่อ 1 หน่วยงาน แต่ไม่ได้หมายความว่างานนั้น จะเป็นความรับผิดชอบเฉพ าะหน่วยงานนั้นอย่างเดียวนะครับ แต่หน่วยงาน C1 และ C2 เป็นเพียงผู้ประสาน เพราะว่าการขับเคลื่อนความยากจน ถ้าจะให้กระทรวงมหาดไทย ทำอย่างเดียวก็คงไม่จบ เพราะว่าความยากจนมันเกี่ยวพันในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องของสวัสดิการสังคม เรื่องของ เรื่องน้ำ กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ประสานหลักในเป้าหมายนั้น เป็นการเน้นย้ำว่าเป้าหมายการพัฒนายั่งยืน ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการแบ่งผู้รับผิดชอบไว้แล้ว ส่วนกลไกการขับเคลื่อนของประเทศไทยในภาพรวม ปัจจุบัน จะนำหลัก PDCA หรือหลักวงจรการบริหารงานคุณภาพ Plan Do Check Act มาใช้ หมายถึงว่า มีการวางแผนมีการเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้ากับแผนระดับประเทศในทุกระดับ Plan คือ แผนการพัฒนายั่งยืนของเรามีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในหลายเรื่อง Do คือการเขียนโครงการหรือการจัดทำโครงการต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงหลักในการตอบโจทย์เป้าหมาย ของยุทธศาสตร์ชาติ เพราะว่าถ้าจัดทำโครงการต่าง ๆ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติก็จะไม่หลุดจากกรอบการ ดำเนินงาน เพราะว่ามีการเชื่อมโยงกันตั้งแต่ตอนวางแผนไปแล้ว ดังนั้น จึงขอให้เพียงแค่จัดทำโครงการต่าง ๆ ให้สอดคล้องตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ก็เพียงพอแล้ว Check คือ การตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผล ทุกหน่วยงาน ซึ่งเข้าใจว่าตอนนี้ใช้ระบบ eMENSCR ในการกรอกโครงการ ถือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ประเทศไทยได้รับทราบว่าโครงการต่าง ๆ หรือแนวทางการ ดำเนินการต่าง ๆ ในเรื่อง SDGs ประเทศไทยทำอะไรแล้ว ไปถึงไหนบ้าง และโครงการที่ทำมีส่วนในการผลักดัน SDGs อย่างไร นี่คือส่วนในการทำให้เกิดระบบเช็คเพื่อการติดตามและตรวจสอบ Act คือ การติดตามแก้ไขจากข้อมูลที่เกิดจาก Check ว่าเราอาจจะมีข้อจำกัดที่ทำให้ยังดำเนินการ ไม่ถึงเป้าหมาย นี่ก็จะเป็นโอกาสในการแก้ไขและให้ข้อเสนอแนะ เพื่อติดตามจุดอ่อนต่อไป ส่วนที่ 4 เรื่องการดำเนินงานเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบันประเทศไทยได้มี การจัดทำ RoadMap เพื่อการขับเคลื่อนของเป้าหมายเฉพาะตัว เช่น เป้าหมายที่ 4 เรื่องของการศึกษาอย่างมี คุณภาพ กระทรวงศึกษาธิการก็จะต้องทำ RoadMap เพื่อขับเคลื่อนการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในเรื่อง เป้าหมายที่ 4 ออกมา ปัจจุบันทั้ง 17 เป้าหมายหลัก มี RoadMap ครบถ้วนแล้ว การขับเคลื่อนระดับพื้นที่และกลไกการดำเนินงานในปัจจุบัน มีการติดตามและประเมินผลจาก ตัวชี้วัดที่เรียกว่า การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด โดยมีกลไกของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบ บูรณาการ (ก.บ.จ.) และคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ) ดำเนินการอยู่ทุกปีซึ่งได้นำเอา หลักการของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมาใช้ในการทำตัวชี้วัดว่าในแต่ละพื้นที่ ในแต่ละจังหวัด มีการพัฒนาไปใน ระดับใดโดยให้มีความสอดคล้องกับแนวทางของสหประชาชาติ คือแบ่งเป็น 5 มิติ แต่จะหยิบตัวชี้วัดเฉพาะ บางส่วนที่มีความสอดคล้องกับริบทของไทย ตัวประเมินผลตัวนี้ก็จะสามารถใช้เป็นข้อมูลของท่านในการติดตาม ข้อมูลต่าง ๆ ว่าท่านมีจุดอ่อนหรือจุดแข็งตรงไหน และควรเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในเชิงพื้นที่อย่างไร
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 20 นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางสภาพัฒน์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้ ความรู้เกี่ยวกับ SDGs ในเชิงพื้นที่แล้ว ในช่วงปี พ.ศ. 2564 ในลักษณะออนไลน์ โดยให้องค์ความรู้เกี่ยวกับ การขับเคลื่อนเชิงพัฒนา การขับเคลื่อน SDGs เชิงพื้นที่ว่าควรเน้นย้ำประเด็นอะไรบ้าง และมีเครื่องมืออะไรให้ ติดตาม ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก facebook และ YouTube ที่ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารประกอบนี้ ในส่วนที่ 5 เรื่อง ภาคีการพัฒนา ตามที่ได้เน้นย้ำไปแล้วว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ได้มองในเรื่อง ของภาครัฐอย่างเดียว ภาครัฐเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นและเป็นผู้ประสานหลัก เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนยังมีส่วน อื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคเอกชน อย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทต่าง ๆ หรือเครือข่าย ภาคเอกชนจะมีความกระตือรือร้นในเรื่องนี้มาก และในปัจจุบันเขาไม่ได้ทำเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเดียวแล้ว มีการ มองในมิติทางสังคม เช่น เรื่องการศึกษา การสร้างโอกาสความเท่าเทียมทางสังคม ความหลากหลายทางเพศ ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มีส่วนร่วมกับเอกชนในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ นอกจากนี้ มีภาคประชาสังคมในมิติขององค์การระหว่างประเทศก็ดี เช่น โครงการสหประชาชาติแห่งประเทศไทยที่มาลงนาม MOU ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อน 76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา แล้วก็มีเรื่องขององค์การ สหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการพัฒนาที่จะขับเคลื่อนจังหวัดยั่งยืนในอีก 15 พื้นที่ต่อไป หลักการของการขับเคลื่อน ของภาคีการพัฒนา เรามองว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเหมาะสมที่จะมาเติมเต็มส่วนที่ดีของสังคมให้ดีขึ้น ไม่ใช่การนำไปสู่การสร้างภาระงานหรือสร้างความไม่สบายใจให้กับพื้นที่ เพราะนี่เป็นกรอบการพัฒนาที่เป็นโอกาส ที่ดีกับทุกภาคส่วน ที่คำนึงถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศ ความเหลื่อมล้ำ หรือแม้กระทั่งคนไร้รัฐ ป้าหมายการ พัฒนาที่ยั่งยืนจะมุ่งประสานการทำงานกับทุกภาคส่วน แต่สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำก็คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ได้อยากจะให้เกิดการยึดติดกับตัวชี้วัดมากเกินไป เพราะตัวชี้วัดที่บางครั้งตัวเลขที่ดีแต่ในภาพจริงของสังคม เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนยังไม่เกิดขึ้นจริง ตัวชี้วัดจึงเป็นแค่เครื่องมือหนึ่ง ที่บอกเราว่าเราทำงานไปถึงไหน มากกว่า นอกจากนี้ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่สามารถมองเพียงเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งได้ เพราะมันเป็น การพัฒนาแบบองค์รวม ส่วนที่ 6 คือ ระบบการติดตามและประเมินผล ซึ่งการติดตามและประเมินผลที่ผ่านมาในช่วง 5 แรก ของไทยหลังจากที่รับเอา SDGs เข้ามาเป็นหลักการในการขับเคลื่อนของประเทศ และตอบรับตามพันธกิจ ของสหประชาชาติ ประเทศไทยถือว่ามีการขับเคลื่อนอยู่ในระดับที่ดีพอสมควร ซึ่งดีกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยจะมี เกณฑ์การให้คะแนนเป็นเกรดสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว ซึ่งสีแดง หมายความว่า ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ตามที่กำหนดไว้ สีเหลือง หมายถึง ใกล้เคียงแล้วแต่ว่ายังไม่บรรลุผล และสีเขียว หมายถึง บรรลุผลแล้ว แต่การประเมินผลนี้ ไม่ได้หมายความว่า การที่ได้รับการประเมินเป็นสีแดงหรือสีส้มจะไม่บรรลุผล แต่เป็นการ บ่งบอกว่ามีโอกาสที่จะไม่บรรลุ เพราะว่าเรายังเหลือเวลาอีก 7 ปีที่จะก้าวไปถึงปี ค.ศ. 2030 ซึ่งหมายความว่า เป้าหมายที่เป็นตัวสีแดงหรือสีส้มอาจจะเป็นสิ่งที่เราต้องเร่งขับเคลื่อนกันหน่อย เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยที่เป็นจุดที่ท้าทายจริง ๆ จะเป็นประเด็นโภชนาการและสารอาหาร มากกว่าเรื่องของการกินอิ่มนอนหลับ เพราะว่าประเทศของเรามีจุดแข็งคือเป็นครัวของโลก เป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่สิ่งที่น่ากังวลของไทย คือเรื่องของคุณภาพอาหาร ว่าเป็นไปตามหลักโภชนาการหรือเปล่า อย่างเช่นเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 12.2 ชี้ว่าเกิดภาวะเตี้ย ผอมแห้ง และอ้วนในเด็กสูงมาก และเรื่องการทำเกษตรแบบ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 21 ดั้งเดิมที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ปุ๋ยแบบทำลายหน้าดิน หรือการเทน้ำทิ้งในจุดที่ไม่สามารถบำบัดได้ ทำให้ประเทศไทยยังเป็นสีแดงอยู่ และยังไกลจากค่าเป้าหมายที่ต้องการบรรลุไว้ นอกจากเรื่องของอาหารแล้วก็มีเรื่องของสุขภาพด้วย เช่น ยังมีคนเสียชีวิตจากโรคความเครียด โรคไม่ติดต่อแต่ร้ายแรง อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดัน เรื่องของค่าฝุ่น PM 2.5 เรื่องอุบัติเหตุทางท้องถนน ที่ประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลก นอกจากจะมีเรื่องมิติทางท้องทะเลที่ประเทศไทยยังถือว่า ยังไม่ใกล้เคียงกับ การบรรลุเป้าหมาย เนื่องจากความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมทางทะเล ทะเลในหลายพื้นที่ยังไม่ได้รับ การคุ้มครองโดยกฎหมาย ในส่วนที่กล่าวมานี้ถือเป็นภาพรวมของประเทศไทย ที่ว่าประเทศไทยยังอยู่ห่างไกลจาก เป้าหมาย ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้บรรลุผลนำไปสู่ข้อเสนอแนะในจากเล่มรายงาน 5 ปี ว่าประเทศไทยจะต้องเร่ง ดำเนินการในเรื่องของเป้าหมายย่อยที่เป็นสีแดงและเป้าหมายย่อยสีส้มให้เท่าทันกับเทรนด์ของโลกมากขึ้น และต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง คำว่าบูรณาการ อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังแล้วสวยหรู แต่ว่าจริง ๆ แล้ว สามารถปฏิบัติได้ค่อนข้างยาก เพราะในระดับการปฏิบัติเอง ยังมีการแบ่งงานเป็นตามลักษณะ ไซโลอยู่ ดังนั้น จึงอยากจะขอให้ยึดผลลัพธ์ของการพัฒนาเป็นตัวตั้ง เพื่อให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคได้หลาย ๆ เรื่องไปได้ นอกจากนี้จะต้องสร้างความตระหนักรู้ในเรื่อง SDGs ให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ต้องทำให้คนเข้าใจว่า SDGs ไม่เท่ากับเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่มีมิติของสังคม มีเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งเรื่องสิทธิมนุษยชน ความหลากหลายทางเพศอยู่ด้วยการที่เราเข้าใจ SDGs จะทำให้เรามีกรอบคิดหรือทัศนคติเข้ากับประชาคมโลก หรือเข้ากับโลกปัจจุบันได้ครับเพราะว่า บางอย่างที่เราปฏิบัติอยู่อาจจะไปลดทอน หรือเบียดบังอีกกลุ่มหนึ่งได้ เช่น การล้อเลียนเรื่องเชื้อชาติ ซึ่งในหลักการของ SDGs เขาไม่ยอมรับนะครับ เพราะถือว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ หรือว่าความหลากหลายทางเพศการที่เราเข้าใจ SDGs จะทำให้เราเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของสังคม ในยุคปัจจุบันได้มากขึ้น แล้วจะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับสังคมโลกได้มากขึ้น ข้อเสนอแนะข้อต่อมา ก็คือการพัฒนาระบบการติดตามข้อมูล ก็ต้องยอมรับว่าเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืนของไทย ยังไม่มีระบบในการติดตามความคืบหน้าและการเก็บเก็บข้อมูลที่เป็นสากลมากนัก เพราะว่า การจัดเก็บข้อมูลในระดับพื้นที่ บางทีเราไม่ได้จัดเก็บแบบลงรายละเอียดมากเท่าที่ควร ตรงนี้อาจจะต้องมีการ พัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องและมีความเป็นสากลมากขึ้น ข้อเสนอแนะข้อถัดมา เกี่ยวกับการประเมินและติดตามของ SDGs คือจะต้องเน้นย้ำในเรื่องของหลักการล้มแล้วลุกไว หมายถึงว่า ปัจจุบันโลกได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในมิติต่าง ๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สถานการณ์โลกผันผวน ดังนั้น เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ได้ทัน เราคงจะไม่สามารถติดตามได้ตลอดเวลาแต่สิ่งที่จะทำให้เป็นภูมิคุ้มกันของตัวเราเอง ก็คือหลักการรล้มแล้วลุกไว คือการเตรียมความพร้อมและศักยภาพของเราอยู่ตลอดเวลาให้เท่าทันกับความ เปลี่ยนแปลงของโลก และทั้งหมดนี้คือภาพรวมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย สำหรับทุกท่านที่อยากจะติดตามรายละเอียดและก็ไปที่เว็บไซต์ของ https://sdgs.nesdc.go.th/ จะเป็น ฐานข้อมูลสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 22 3. การนำแผนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในมิติของภาคเอกชน โดย นางสาวศิริวรรณ ป้องป้อม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (Siam Cement Group: SCG) วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาแชร์ประสบการณ์ในการทำงานของ SCG เป็น practice ในประเด็น การนำ SDGs ไปปฏิบัติในมุมมองของภาคเอกชน วันนี้ดิฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้มาแลกเปลี่ยนข้อมูล ให้ทุกท่านได้ฟังในวันนี้ก่อนอื่นขอแนะนำบริษัทปูนซีเมนต์ไทย หรือบริษัท SCG ที่ทุกท่านอาจจะพอคุ้นเคย มีใครทราบบ้างไหมคะว่าบริษัท SCG ก่อตั้งมาทั้งหมดกี่ปีแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุม : คุณศรัณย์ ผู้แทนจากจังหวัดนครสวรรค์ ตอบว่า 110 ปี บริษัท SCG ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) ซึ่งในปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 110 ในวิสัยทัศน์ ของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ที่ต้องการสร้างความเจริญในกับประเทศในการผลิตปูนซีเมนต์เพื่อเป็น รากฐานของประเทศ โดยบริษัทประกอบไปด้วย 3 ธุรกิจคือ 1) Cement and Build Materials Business 2) Chemicals Business และ 3) Packaging Business Cement and Build Materials Business (ธุรกิจ ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง) เป็นธุรกิจการผลิตปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างสำหรับการสร้างบ้าน อาทิเช่น ปูน หลังคา ฝ้า กระเบื้อง เป็นต้น ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ตราช้างและแบรนด์คอตโต้ ซึ่งธุรกิจที่แตกแขนง ออกมาเป็นอีกสองธุรกิจ คือ Chemicals Business (ธุรกิจเคมิคอลส์หรือปิโตเคมี) ซึ่งธุรกิจนี้มีฐานการผลิตหลักอยู่ ที่จังหวัดระยอง และธุรกิจที่สาม คือ Packaging Business (SCGP ธุรกิจแพคเกจจิ้ง) เป็นธุรกิจการผลิตกระดาษ A4 ภายใต้แบรนด์ Idea Green หรือ Idea Work และผลิตแพ็คเก็จจิ้ง บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ปัจจุบันธุรกิจ SDG ดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี ซึ่งในตอนนี้บริษัทได้ขยายธุรกิจไปหลายหลากประเทศ อาทิเช่น ประเทศนอร์เวย์ และประเทศสเปน ทั้งนี้ประกอบไปด้วยพนักงานทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวน 57,000 คน ที่เป็นกำลัง สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้แก่บริษัท SCG ตรงนี้ โดยบริษัท SDG มีวิสัยทัศน์ที่ว่าเราจะเป็นผู้นำในธุรกิจ ของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Business Leader) ที่จะขับเคลื่อนในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมในด้านสินค้า
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 23 และบริการต่างๆและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า รวมถึงการที่จะเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ด้วย อุดมการณ์ของ SDG ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง บริษัทเราจะมี 4 core values ซึ่งพนักงานทุกคน จะปลูกฝั่งในเรื่องพวกนี้ซึ่งจะประกอบไปด้วย 1) ตั้งมั่นในความเป็นธรรม 2) มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ 3) เชื่อมั่นในคุณค่าของคน 4) ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งอันนี้ถ้าดูในส่วนของ 4 core values บริษัทเราได้มีการจัดตั้งขึ้นตั้งแต่เราก่อตั้งบริษัทเมื่อ 110 ปีที่แล้ว ซึ่งในปัจจุบันก็คือจะเห็นว่าผู้บริหารของ SCG สมัยก่อนมีวิสัยทัศน์ค่อนข้างมีความสอดคล้องกับสิ่งที่พวกเราโฟกัสอยู่ในปัจจุบัน คือ เรื่อง Sustainable Development นั่นเองนะคะ ในปัจจุบันการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นส่วนที่มีความเชื่อมโยงกับการพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีการพัฒนาเข้มข้นขึ้นในทุกๆวัน จากการค้นหาและศึกษาข้อมูลองค์กรจากภาค ธุรกิจและองค์กรระดับโลก โดยพบปัญหาทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ คือ 1) Climate Emergency ซึ่งในเมื่อก่อน เราจะพบแค่ปัญหาด้าน Climate Change ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือภาวะโลกร้อนแต่ในปัจจุบัน ปัญหาด้าน Climate Change อาจจะมีความเข้มข้นน้อยลงโดยจะเห็นได้จากปัจจุบันโลกของเรามีอุณหภูมิที่สูงขึ้น และต่ำลงอย่างรวดเร็ว,น้ำท่วมซึ่งจากปัญหา Climate Change ได้ถูกยกระดับเป็นปัญหาด้าน Climate Emergency ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยกัน 2) Nature In Crisisแนวโน้มการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ เพราะว่ามนุษย์มีจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นแต่สวนทางกับทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอย่างจำกัดโดยแนวโน้ม การขาดแคลนในส่วนนี้จะมีมากขึ้น และ 3) Mounting Inequality เรื่องความเลื่อมล้ำของคนในสังคมซึ่งคาดว่า ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเห็นได้จากสถานการณ์หาเสียงในช่วงเลือกตั้งที่มีบางพรรคได้ยกนโยบายในเรื่องของ การลดความเลื่อมล้ำทางสังคมไทยขึ้นมาเป็นประเด็นในการหาเสียงกันบ้างแล้วนะคะ และยิ่งปัจจุบันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เขาเรียกว่าวิกฤตซ้อนวิกฤตซึ่งในส่วนนี้ถ้าถามว่าในภาคเอกชนเจอปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อ ภาคเอกชนโดยเฉพาะบริษัท SCG จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากทั้งตั้งแต่สถานการณ์โควิด - 19 ที่มีการล็อค ดาวน์หรือว่าการทำธุรกิจต่างๆ แต่เชื่อไหมว่าปัญหาโควิด - 19 ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท SCG มากนัก เพราะว่าทางบริษัทยังสามารถส่งออกสินค้าได้ปกติแต่จะมีบางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด – 19 โดยตรง เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และการท่องเที่ยว เป็นต้นหลังจากปัญหาโควิด - 19 กำลังจะซาลงต่อมาพบกับปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ที่เขากำลังมีปัญหากันอยู่ในปัจจุบันซึ่งส่งผลกระทบกับ ต้นทุนพลังงานและต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตและการส่งออกซึ่งส่วนนี้กระทบกับธุรกิจของเราเป็นอย่างมาก ในส่วนของบริษัท SCG จำเป็นต้องพึ่งพาการใช้พลังงานและวัตถุดิบในการขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กร และปัญหา เงินเฟ้อส่งผลให้ต้นทุนพลังงาน ต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น และอีกปัญหาหนึ่งคือปัญหา Climate Emergency ซึ่งในส่วนตรงนี้จากปัญหาหรืออะไรต่างๆ SDG เราได้มีการกำหนดกรอบการดำเนินงานตามวิธีการที่ เราจะสามารถทำธุรกิจหรือยืนหยัดต่อได้ในระยะยาวซึ่งทาง SDG ได้จัดตั้งกรอบ Sustainable Development ซึ่งตรงนี้จะเป็นกรอบที่ SCG ได้กำหนดขึ้นเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่แล้ว ที่เป็นกรอบที่คำนึงถึงการดำเนินงาน ในภาคธุรกิจและองค์กร SCG ในด้านผลกำไรด้านเศรษฐศาสตร์และการเศรษฐกิจที่บริษัทจะได้รับ และในขณะเดียวกันในการดำเนินธุรกิจจะต้องคำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมไปควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ ด้วยนะคะ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีนำกรอบ Sustainable Development เพื่อเป็นการบาลานซ์กรอบความคิดริเริ่ม
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 24 ในการดำเนินโครงการต่างๆของบริษัท SCG นอกจากมี Return กำไรทางธุรกิจแล้วนะคะ และสิ่งแวดล้อมจะต้อง ไม่มีการปล่อยมลพิษหรือว่าจะต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมและคนในสังคมด้วยนะคะ สุดท้ายแล้ว การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมันจะดำเนินต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีการกำกับดูแลอย่างเป็นธรรมและมีความโปร่งใส ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีรากฐานของความสุจริตและโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ด้วยนะคะ ในการดำเนินการเรื่องของ Sustainable ที่ยั่งยืนถ้าเราทำคนเดียวเราดีองค์กรเดียวมันก็ไม่ถือว่าเป็นการพัฒนา อย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้นเนี่ยในการคิดของเราคือเราจะต้องคิดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของเราก็คือคิดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึง ปลายน้ำ เช่น คู่ธุรกิจ Supplier ในการดำเนินการส่ง material สำหรับการผลิตให้กับเราเป็นฝั่งต้นน้ำของเรา และ ปลายน้ำของเรา คือ ฝั่งทางลูกค้าของเราของเราคือเราทำแล้วเนี่ยมันต้องดำเนินไปทั้งโครงสร้าง หรือ ระบบนิเวศน์องค์กร (ecosystem) เพราฉะนั้นเราจะต้องคิดห่วงโซ่คุณค่าที่จะต้องพาคู่ธุรกิจและลูกค้า ไปพร้อมกัน นอกจากนั้นเองเมื่อไปทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) แล้ว เราก็คำนึงถึงองค์กรอื่นๆด้วย อย่างเช่น พอเราดีทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) และห่วงโซ่ของเราทั้งหมดแล้ว เราก็มีการดำเนินการถ่ายทอด องค์ความรู้และอยากจะเชิญทุกภาคส่วนมาเป็นส่วนนึงในการดำเนินการแนวทางมุ่งสู่ความยั่งยืนไปด้วยกันกับเรา วิวัฒนาการของการพัฒนาที่ยั่งยืนของ SCG คือจากเมื่อก่อนเราดำเนินการแค่ให้เป็นไปตาม กฎข้อระเบียบหรือข้อบังคับทางกฎหมาย อย่างเช่น เรามีการปล่อยน้ำเสียหรือปล่อยมลพิษทางอากาศอย่างนี้ เราก็จะทำให้ผ่านแค่ข้อกำหนดทางกฎหมายใช่ไหมคะ ที่นี้ความเข้มข้นก็จะมีความเข้มข้นขึ้น อย่างเช่น บริษัทของเรามีโรงงานอยู่ในแวดวงของชุมชนอย่างนี้เราก็คือนอกจากกฎหมายแล้วเราก็ยกระดับมาเพื่อให้แบบ เป็น license to operate เหมือนกับว่าให้ทำและให้ยอมรับกับคนที่อยู่ในแวดล้อมของเราได้ด้วย อย่างเช่น เรามีโรงปูนอยู่ที่สระบุรีและเราก็ต้องอยู่คู่กับชุมชนนั้นให้ได้ด้วย บางอย่างการทำตามกฎหมายยังน้อยไป สำหรับการทำ SCG ในตอนนี้ แต่ว่าเรายังทำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราด้วย และวิวัฒนาการต่อมาเมื่อเราทำเพื่อให้ได้ license to operate แล้วอีกระดับนึงคือ SCG ของเราเป็นบริษัท มหาชนก็ต้องมีการระดมทุนจากนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาร่วมลงทุนกับเราซึ่งในปัจจุบันนี้นักลงทุนที่เข้ามาร่วม ลงทุนกับบริษัท SCG มีความคาดหวังค่อนข้างสูงนะคะก็คือเขาเหมือนกับเข้ามาทำธุรกิจกับเรานักลงทุนจะดู ในเรื่องของแนวทางและแผนงานในการดำเนินธุรกิจที่จะรับมือกับวิกฤต Climate Change อย่างไง และคุณมีแนวทางที่จะลดการใช้ถ่านหินยังไงบ้างและนี่ก็เป็นส่วนได้เสียสำคัญของ SCG ของเรานะคะ รวมถึงเมื่อ ประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้วทาง UN ได้ประกาศเป็น Sustainable Development Goals ทั้ง 17 เป้าหมายหลัก ในส่วนนี้ก็เป็นในการนำมาสังเคราะห์และนำมาจัดลำดับความสำคัญ ในการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของบริษัท SCG ตามเป้าหมาย SDGs ซึ่งเราได้จัดลำดับความสำคัญของของเป้าหมาย SDGs ให้มีความสอดคล้อง กับประเด็นที่ SCG ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งประเด็นการพัฒนายั่งยืนของ SCG มีอยู่ประมาณ สามด้าน คือ 1) Climate Change 2) Singular Economies 3) สุขภาพและความปลอดภัย ตรงนี้เราได้นำ SDGs ทั้ง 17 เป้าหมาย มาจัดลำดับ จนได้ออกมาเป็นเป้าหมายที่ความสำคัญ 10 ประการต่อ การพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท 5 เป้าหมาย คือ เป้าหมายที่ทำเพื่อโลก, การลดความเลื่อมล้ำ, เมืองและชุน ชนที่ยั่งยืน, ระบบนิเวศ, สันติภาพ และความร่วมมือการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น ในส่วนของเป้าหมาย SDGs
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 25 ที่มีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจ 5 เป้าหมาย เช่น เป้าหมายที่ 7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้, เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ,เป้าหมายที่ 9 โครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมและอุตสาหกรรม, เป้าหมายที่ 12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน, เป้าหมายที่ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ซึ่งเราได้นำเป้าหมายสำคัญของ SDGs มาจัดรูปแบบให้มีความสอดคล้องกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบในการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว ในส่วนของเป้าหมายในด้านสิ่งแวดล้อมประกอบไปด้วยการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) การลดการใช้น้ำน้ำและการลดใช้ทรัพยากร และเป้าหมาย Zero Waste to Landfill การที่ไม่นำ ของเสียไปฝังกลบเพราะว่าปัญหาเรื่องการฝังกลบส่งผลกระทบในระยะยาวค่อนข้างสูง เรามองว่าการฝังกลบ ของเสียมันไม่ได้เป็นการจัดการแค่การย้ายที่เก็บของเสียแต่การที่เอาลงไปฝังใต้ดินเราก็ไม่รู้ว่าระยะยาวแล้ว มันจะส่งผลยังไงต่อไปในอนาคตอาจจะส่งผลต่อน้ำใต้ดินที่มันจะไปกระทบต่อชุมชนต่าง ๆ ในระยะยาว ซึ่งเป้าหมายนี้เราประกาศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 บริษัทก็ล้มลุกคลุกคลานมาเพราะบริษัทของเราก็มีของเสีย ค่อนข้างเยอะแต่เราก็ต้องมีกลยุทธ์ในการดำเนินการไปให้ถึงเป้าหมายที่ทางบริษัทได้วางไว้โดยบริษัทตั้งเป้าหมาย ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และจะดำเนินการในด้านนี้ให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2555 ในบางตัวที่เราไม่สามารถจัดการ ได้จริงๆ เมื่อเราได้มีการฝังกลบเมื่อไหร่เราจะต้องทำรายงานถึงผู้บริหารรวมถึงแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ เกิดปัญหาตรงนี้ สมมุติว่าถ้าเราไม่มีวิธีการในการจัดการจริงๆ เราก็จะยอมลงทุนในด้านเทคโนโลยีและทำวิจัยเพื่อ นำของเสียตัวนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นและอีกส่วนหนึ่งจะเป็นในเรื่องของการปลูกต้นไม้ในพื้นที่สามล้านไร่ เพื่อดูดซับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป้าสำหรับสังคมมีการ คณะกรรมการก็คือเราเป็นภาคการผลิตสิ่งเดียว ที่เราคำนึงถึงก็คือคนหรือทรัพยากรมนุษย์บริษัทเชื่อมั่นในคุณค่าของคน เพราะว่าพนักงานทุกคนที่เป็นทรัพยากร ที่สำคัญสำหรับบริษัทเพราะฉะนั้นในการทำ ดำเนินการต่างๆ อุบัติเหตุ การเจ็บป่วย และการตาย ต้องเป็นศูนย์นะ คะต้องห้ามมีการเกิดอุบัติเหตุขึ้น และก็ในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมในด้านอาชีพของคนในสังคม และก็ยังมีความหลากหลายในเรื่องของความหลาหลาย คือ การส่งเสริมให้เกิดโอกาสการจ้างงานอย่างเสมอภาค (Equal Employment Opportunity) ที่เปิดโอกาสให้คนทุกเพศทุกวัยที่มีศักยภาพและทักษะพร้อมต่อการ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารได้ในบริษัทได้โดยไม่มีการกำหนดเพศ และในด้านของเศรษฐกิจและบรรษัทภิบาลจะมี เป้าของในเรื่องยอดขาย SCG Green Choice เป็นสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ผลิตให้กับผู้บริโภค ก็คือ 66.7% และคู่ธุรกิจของเราก็ต้องได้รับการผ่านการประเมินด้าน ESG Sustainable Development ด้วย 100 % ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 แล้วก็ด้วยจากระยะเวลาที่กล่าวไป ความคาดหวังหรือว่าด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนไป หน่วยงานความยั่งยืนของ SCG ก็ได้มีการรวบรวมแนวปฏิบัติหรือแนวปฏิบัติสากล หรือแม้กระทั่งเวลา มีใครมาประเมิน SCG เขาก็จะมีหลักเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งหลักเกณฑ์อันนี้ เจ้าหน้าที่เข้ามาประเมินของเรา ก็จะเป็นพวก แบบ บริษัทที่เป็นเหมือนกับกลุ่มนักลงทุน แล้วก็นำหลักเกณฑ์ต่างๆของเขามารวบรวม มาสังเคราะห์ แล้วนำมา เขียนปรับเป็นตัวแนวทางของเรา โดยฉบับล่าสุดเราได้เริ่มดำเนินการไปเมื่อประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถไปดาวน์โหลดอ่านได้ จาก website ของ SCG ซึ่งในตัวกรอบการดำเนินงานก็จะมี
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 26 การบริหารจัดการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability Management Approach) คือวิถีของ การที่จะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ ประเด็นแรก ต้องตั้งคำถามว่าทำไมในแต่ละเรื่องเนี่ยทำไมเราต้องทำเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องประเด็นต่างๆ มันมีเยอะ แล้วก็ต้องมาตั้งคำถามโดยการประเมินความเสี่ยง หาความเสี่ยงและก็โอกาสของแต่ละเรื่องที่เราจะทำ เราต้อวงมีการประเมินตรงนี้ก่อนว่า ถ้าเราไม่ทำ มันส่งผลกระทบด้านลบกับองค์กรเรายังไง แล้วถ้าเราทำเนี่ยมัน จะสร้างผลกระทบทางด้านบวกอย่างไร สามารถแสวงหาโอกาสจากในแต่ละเรื่องได้อย่างไรบ้าง พอได้ประเด็นที่ เป็นประเมินความเสี่ยงและก็โอกาส ประเด็นที่สอง คือการทำความตกลงร่วมกัน การดำเนินการจะต้องมีโครงสร้างในการกำกับดูแล เพื่อขับเคลื่อนการทำงานของเราในแต่ละเรื่อง ซึ่งก็จะมีการจัดตั้งคณะทำงาน ซึ่งเราก็จะมีเหมือนกับ จัดตั้งคณะทำงานหรือผู้เกี่ยวข้อง ในแต่ละเรื่องนะคะเพื่อที่จะเป็นคนขับเคลื่อนตั้งแต่พอได้คณะทำงานก็ต้องมี อะไรคะ นโยบายและข้อตกลงที่เป็นเป้าหมาย กำหนดกลยุทธ์ว่าและเราจะเดินไปยังไงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทำในแต่ละเรื่อง ประเด็นที่สาม เป็นเรื่องของการจัดทำกลยุทธ์ขององค์กรในแต่ละเรื่อง SCG จะต้องมีการทำแผน ระยะปานกลาง และแผนปฏิบัติการในระยะกลาง มีเป้าหมายระยะยาว ระยะกลาง แล้วก็ระยะสั้น ก็คือภายใน 1 ปี ทุกประเด็นจะถูกนำมาจัดทำเป็นแผน แผนระยะยาว ระยะกลางก็คือ 5 ปี ที่จะต้องมีการนำมาทบทวน แล้ว ก็ตั้งเป้าหมาย เหมือนแบบตั้งเป้าหมายใหม่ ทุก 5 ปี คือเป้าหมาย 5 ปี เราต้องทำทุก ๆ ปี เพราะว่า การที่เราจะ ไปถึง 5 ปี ที่ผ่านมามันโอเคหรือไม่ ก็จะมีการทบทวนเป้าหมาย แล้วก็นำมาสู่เรื่องของแอคชันที่เราจะทำใน แต่ละปี ประเด็นที่สี่ เป็นการนำไปปฏิบัติผ่านคณะทำงานที่ไปทำในแต่ละเรื่อง ประเด็นที่ห้า ต้องมีการติดตามและการทบทวนผลโดยผู้บริหาร จะเป็นการทบทวนทุก ๆ ไตรมาส มีไกด์ไลน์สำหรับพนักงาน ก็จะเป็นไกด์ไลน์เหมือนแบบเชิญชวน อันนี้ก็จะเป็นโครงสร้างในการทำงานในเรื่องของ การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) การขับเคลื่อนเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ SCG มีคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งอันนี้ จะมีผู้บริหารและผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่เป็นประธาน และประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของทุกธุรกิจ เข้ามานั่งเป็น คณะกรรมการนะคะ และมีการตั้งเป็นคณะทำงานย่อย โดยการกำกับของ SCG ส่วนในการกำกับดูแลในด้านความ ยั่งยืนอื่นๆ จะแบ่งเป็น มิติต่าง ๆ ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านสังคม และมิติด้านเศรษฐกิจ มีการกำหนด นโยบาย กำหนดเป้าหมาย กำหนดกลยุทธ์ มีคณะทำงานที่เกี่ยวข้องจากทุกธุรกิจของ SCG เข้าไปทำ ซึ่งโรงงาน กว่า 200 - 300 โรงงาน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการดูแลก็อาจจะยาก แต่ละธุรกิจเขาจะมีหน่วยงานการ พัฒนาที่ยั่งยืน กำกับดูแล ขับเคลื่อนในธุรกิจเอง พนักงาน SCG มีแค่ 2 รุ่น คือ มีรุ่นพี่กับน้อง คือ พนักงานทุกคนเรียกผู้บริหารหรือว่า CEO คือ เราสามารถเรียกว่าพี่ คือเราจะแทนกันแค่ 2 รุ่น อันนี้เป็นวัฒนธรรม อีกอันของ SCG มีแค่สองรุ่น ก็คือพี่กับ น้อง ในสองสามปีหลัง เราเหลือกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสนใจกับภาคธุรกิจ ถ้าสังเกตตอนนี้ ภาคธุรกิจส่วใหญ่
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 27 จะพูดถึง ESG ก็คือการทำธุรกิจบนพื้นฐานของ E = environment (สิ่งแวดล้อม) S = social (สังคม) G=government (ธรรมาภิบาล) ซึ่งถ้าดูตามบริบท ก็ไม่ได้ต่างกับ SD แต่เป็นคำใหม่ที่กลุ่มนักลงทุน ให้ความสำคัญมากขึ้น เขาเชื่อว่าในการทำธุรกิจ ต้องได้รับผลทางด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่จะไปยังไง ก็ต้อง คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ความเป็นธรรมโปร่งใสตรงนี้ด้วย ซึ่งเมื่อประมาณ เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2565 เราก็ได้ให้พนักงานทุกคนได้เข้าใจ ได้สื่อสารถึงพนักงานด้วย จะประกอบไปด้วย 5 ด้าน คือ การมุ่งเน้น Net Zero ปี ค.ศ.2050 (พ.ศ. 2593) ก็คือ เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปีค.ศ. 2050 ซึ่ง SCG เป็น ธุรกิจที่ใช้พลังงาน มีเจตจำนงที่จะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีอุปสรรคหรือยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงนะ คะ แต่เราก็ต้องไป คือเรามีกลยุทธ์ที่จะช่วยในเรื่องของการบรรลุ ตั้งแต่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ เลือกใช้เชื้อเพลิงที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการผลิตคาร์บอนต่ำ การที่พัฒนาในเทอคโนโลยี คือ การดักจับ และกักเก็บคาร์บอนเข้าไป รวมถึงการใช้ธรรมชาติเข้ามาช่วยในการทำเรื่องนี้นะคะ ซึ่ง SCG เราตั้งเป้า ว่าในปีค.ศ. 2050 แต่ว่าประเทศไทย เป้าประเทศที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ไปให้คำมั่นสัญญาไว้ที่กลาสโกว์คือเรา จะมุ่งสู่ Net Zero ภายในปีพ.ศ. 2593 เรายังอยู่กันมั้ย แต่คืออันนี้เราเซ็ตไว้ที่ปี ค.ศ. 2050 เมื่อก่อน SCG ใช้ เขื้อเพลิงที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างมาก เช่น ถ่านหิน เป็นอะไรที่ปล่อย ซีโอทู เพราะฉะนั้นอีกกลยุทธ์นึงคือ ต้องใช้เชื้อเพลิงพวกชีวมวล เช่น การใช้เกษตรเข้ามา ฟางข้าว เอามาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งตรงนี้ เราก็มีการเข้าไปทำโปรเจคร่วมกับคูโบต้า ที่เก่งทางด้านการเกษตร ในการหาชีวมวลของ SCG ในปีๆ นึง เราใช้ ถ่านหินค่อนข้างเยอะ และเรามีความต้องการที่ค่อนข้างมาก เราก็เลยเริ่มจากจังหวัดที่ใกล้ๆโรงงานเรา อย่างเช่น โรงงานเราอยู่ใกล้ๆ สระบุรี เราก็ไปหาตำแหน่งที่นาของเกษตรกร สร้างฉลากสินค้าขึ้นมา โดยมีมาตรฐาน ISO โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบเลยว่าสินค้าชิ้นนี้มีมาตรฐานที่จะได้ฉลาก Green Choice หรือไม่ ซึ่งเป็นฉลากที่ SCG กำหนดขึ้นมาเอง และตัวฉลากก็สามารถยืนยันกับลูกค้าได้แสดงความน่าเชื่อถือกับลูกค้าได้ และได้แนะนำ ผลิตภัณฑ์ต่างๆของ SCG ในการช่วยเหลือสังคม คือต้องสอนวิธีหาปลาไม่ใช่การเอาปลาไปให้ โดยเน้น 3 กลยุทธ์ คือ 1. รุกสร้างอาชีพ 2. ให้โอกาสทางการศึกษา 3. พัฒนาสาธารณสุข สนับสนุนทุนการศึกษาผ่านทุน SCG ให้ทุนกับคนที่เรียนผู้ช่วยพยาบาล ให้ที่อยู่กับคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ทำนวัตกรรมเกี่ยวกับโรคโควิด - 19 เช่น ห้องตรวจเชื้อ ห้องคัดกรอง และเงินบริจาค โดยกระจายทั่วทุกจังหวัดทั่วประเทศ และได้มีหน่วยงานที่เข้ามา ช่วยสนับสนุน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 28 4. เวทีสัมมนา ตัวอย่างการบูรณาการความร่วมมือการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ โดย นางสาววรรณี วุฒิฤทธากุล นายอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นายนพรัตน์ ศรีพรหม อำเภอเกาะลันตา จัวหวัดกระบี่ นายศุภิญโญ ทองนวล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองวิชาการและแผนงาน กรมการปกครอง: สวัสดีครับขออนุญาตแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ผมนายศุภิญโญ ทองนวล หัวหน้ากลุ่มงาน วางแผนยุทธศาสตร์ กองวิชาการและแผนงาน กรมการปกครองนะครับ สำหรับวันนี้เป็นอีกหนึ่งการสัมมนา ที่เราอยากจะจัดให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนตัวอย่างการทำงาน เมื่อวานเราเรียนจากสภาพัฒน์ไปแล้วใช่ไหมครับว่า ที่มาที่ไปของ SDGs การขับเคลื่อนกลไกต่าง ๆ ในระดับประเทศ และโครงสร้างต่าง ๆ ในระดับพื้นที่เป็นอย่างไร วันนี้เรามาลองดูตัวอย่างในการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่กันนะครับ ว่ามีแนวทางอย่างไรบ้างนะครับ อย่างที่ได้คุยกันตั้งแต่ต้นว่าตอนนี้เรื่อง SDGs ยังเป็น เรื่องค่อนข้างหลากหลาย ยังไม่ได้มีโครงสร้าง แนวทางที่เราทำกันจนคุ้นชินนะครับ เพราะฉะนั้น เราเลยต้อง พยายามหาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) หรือแนวทางวิธีการที่น่าสนใจที่เป็นแบบอย่างที่ดี วันนี้เป็น โอกาสที่ดีที่ท่านจ่าจังหวัด ผู้ช่วยจ่าจังหวัด ตัวแทนสำนักกองจะได้มารับฟังแนวทางการขับเคลื่อนในพื้นที่นะครับ เพื่อเป็นแนวทาง เป็นแบบอย่าง ไปบอกต่อกับนายอำเภอ ปลัดอำเภอในพื้นที่ครับ สำหรับวันนี้เราได้รับเกียรติจากท่านนายอำเภอทั้ง 2 ท่าน มาเป็นวิทยากรในการเสวนาครั้งนี้นะครับ ท่านแรก คือ นางสาววรรณี วุฒิฤทธากุล นายอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และอีกท่านหนึ่ง คือ นายนพรัต น์ ศรีพรหม อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่นี้ เราเลือกขึ้นมาจากความแตกต่างของพื้นที่ โดยอำเภอ ไทรน้อย จะเป็นตัวแทนพื้นที่จากภาคกลางจาก “โครงการอำเภอนำร่อง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข บูรณาการสร้าง นักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง กระทรวงมหาดไทย” หรือที่เรียกว่า CAST ในการดำเนินการในพื้นที่
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 29 จะมาบอกเล่าในภาพทั่วไปนะครับ อีกท่านคือ นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะที่เป็นพื้นที่ทางทะเล มีศิลปวัฒนธรรม และมีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อีกด้วย อันดับแรก อยากทราบถึงประสบการณ์และมุมมองของแต่ละท่านเกี่ยวกับการรับรู้เกี่ยวกับ SDGs ในระดับพื้นที่ของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ในพื้นที่ ว่ามีการรับรู้เรื่อง SDGs กันมากน้อยขนาดไหน นะครับ และบทบาทของนายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือฝ่ายปกครองเอง มีบทบาทความสำคัญในการขับเคลื่อน SDGs ในพื้นที่อย่างไร รวมถึง อยากให้ท่านยกตัวอย่างแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่ที่เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อยกมาเป็น Best practice ให้ผู้เข้าร่วมอบรมรับรู้ รับทราบ แนวทางในการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ ต่อไปครับ ขออนุญาตเริ่มจากท่านนายอำเภอไทรน้อยครับ นางสาววรรณี วุฒิฤทธากุล นายอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี: สวัสดีผู้เข้าอบรมทุกท่านนะคะ ก่อนอื่นขอเป็น 2 คำถามแรกก่อนนะคะ คำถามแรก เรื่องการรับรู้ของภาครัฐและประชาชนในพื้นที่มีมากน้อย แค่ไหน มุมมองส่วนตัว มองว่าการรับรู้เรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ SDGs ในส่วนของภาครัฐ มองว่า ภาครัฐส่วนใหญ่จะมีความรู้ในเรื่องนี้พอสมควร โดยเฉพาะส่วนราชการในพื้นที่ เช่น หัวหน้าส่วนราชการ จะมี ความรู้ความเข้าใจค่อนข้างดี โดยเฉพาะส่วนราชการที่อยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยของเรา ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน เรามีการขับเคลื่อนการพัฒนา SDGs ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกรมกองไหนในสังกัด กระทรวงมหาดไทยก็จะมีการดำเนินการส่วนนี้ค่ะ แต่ในส่วนราชการอื่น ๆ เช่น ประมง ปศุสัตว์ เขาอาจจะมี ความรู้เกี่ยวกับ SDGs บ้าง รู้ว่าเป้าหมายการพัฒนายั่งยืนที่กำหนดโดยกรอบของ UN คืออะไร แต่ในส่วนของ ประชาชนต้องยอมรับว่าเขาจะสนใจเรื่องที่ใกล้ตัว เรื่องที่เกี่ยวกับปากท้อง เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของเขา เพราะฉะนั้นในเรื่อง SDGs เขาจะเข้าใจรายละเอียดหรือแนวทางว่า ทำแล้วได้อะไร ประชาชนส่วนใหญ่น่าจะยังมี การรับรู้ไม่กว้างขวางมากนัก แต่ถ้าเป็นประชาชนที่เกี่ยวพันกับราชการหรือว่าเขามาติดต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กับ ราชการบ่อย ๆ ก็จะมีเข้าใจมากขึ้น
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 30 นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่: สำหรับพื้นที่อำเภอเกาะลันตา เป็นพื้นที่ ที่มีความพิเศษ และมีความสลับซับซ้อนพอสมควร เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะครับว่ามันสลับซับซ้อนอย่างไร และมีความ เชื่อมโยงกับการรับรู้อย่างไร ท่านเชื่อไหม เกาะลันตาทำรายได้ให้ประเทศใน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 5 - 6 พันล้านบาท ในภาคการท่องเที่ยว มีโรงแรมจำนวนมาก มีโรงแรมที่แพงที่สุดในจังหวัดกระบี่อยู่ด้วย หมายความว่า อำเภอ เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ มีจุดแข็งที่สำคัญที่สุดคือ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ที่นี่มี NGO ระดับโลกและ สื่อมวลชนอยู่ด้วย เรื่องเกี่ยวกับ SDGs ถูกรับรู้โดยกลุ่มพวกนี้แหละครับ ซึ่งมันทำให้ราชการอย่างเราตั้งคำถามว่า ตามเขา ทันหรือเปล่า อย่างนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวของที่นี่ มีความรู้เกี่ยวกับเรื่อง SDGs ดีมาก หากเขาเข้ามาติดต่อ หรือหารือกับหน่วยงานราชการเพื่อทำ Green Hotel เราจะตอบหรือให้ความเห็นได้หรือไม่ นอกจากเรื่อง SDGs เขายังเข้าใจไปถึงเรื่อง BCG ด้วย และยังมีตัวอย่างของพื้นที่เฉพาะ เช่น ภูเก็ต พังงา ที่เป็นจังหวัดที่เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ ที่ภาคเอกชนมีความรู้เรื่องพวกนี้ดีและลึกซึ้งกว่าราชการด้วยซ้ำ ซึ่งรู้ถึงกระบวนการและแนวทาง ปฏิบัติ ผมจะเล่าให้ท่านฟังในแนวทางปฏิบัติว่าในส่วนของการรับรู้ของพื้นที่ว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ สร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก มีโรงแรมระดับ 5 ดาว 6 ดาว มีทั้งหมด การรับรู้เรื่องนี้จึงเป็น Global agenda ที่เขาทำกัน เพราะฉะนั้น ในเมื่อบางพื้นที่ที่ต้องกระทบกับคนระดับโลกที่เข้ามาในพื้นที่ของเรา สิ่งนี้จะถูก รับรู้โดยภาคเอกชนหรือภาคประชาสังคม โดยเฉพาะ NGO ที่ทำเรื่องนี้แล้วเขาก็จะมาพาพวกเราทำด้วย ดังนั้น ถ้า ท่านอยู่ในพื้นที่พิเศษ ท่านต้องตีโจทย์พื้นที่ให้แตก ต้องเข้าใจความสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องการรับรู้ด้วย สำหรับการ รับรู้ทั้งหมดในพื้นที่ถูกผลักดันโดยภาคเอกชนที่เข้ามาเป็นตัวมาผลักดันให้ภาครัฐต้องสนับสนุนและหนุนเสริม โดย มีนายอำเภอและฝ่ายปกครองของเราเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ อย่างแรกอยากให้ลองวิเคราะห์พื้นที่ของตัวเองก่อนนะครับ ว่าพื้นที่ของเราเป็นแบบไหน มีภาคเอกชนที่เข้มแข็ง ภาครัฐเข้มแข็งหรือไม่ ในบางพื้นที่ไม่มีพื้นที่ท่องเที่ยวแบบเกาะลันตา ส่วนที่เข้มแข็งกว่า อาจจะเป็นข้าราชการหรือภาคเอกชนก็ได้นะครับ อาจจะไม่มี NGO เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้ หรืออาจจะเป็นคนที่รู้จัก ของคนทั่วไปมากกว่า หรือบางพื้นที่เราอาจจะต้องเป็นคนผลักดันและสร้างการรับรู้แทนนะครับ เนื่องจาก กรมการปกครองเองยังไม่เคยมีการอบรมกับเรื่อง SDGs เลยสักครั้งเดียว นี่คือครั้งแรกนะครับ เพราะฉะนั้น นี่คือการสร้างการรับรู้เพื่อเอาไปศึกษาต่อและขยายผลด้วยตนเอง สำหรับพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันเราอาจจะต้อง ไปร่วมมือกับเขา ทำให้เกิดการรับรู้มากขึ้น นางสาววรรณี วุฒิฤทธากุล นายอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี: สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีความแตกต่างกัน เพราะในส่วนของเกาะลันตาอาจจะมีความ เข้มแข็งในส่วนของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนสู่ประเด็นในเรื่องการพัฒนาต่าง ๆ โดยมีภาคราชการเป็นตัวหนุน เสริมแต่ในส่วนของอำเภอไทรน้อย ภาคเอกชน ภาคประชาชน รวมถึง รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อาจไม่ได้มี บทบาทมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการขับเคลื่อนงานในหน้าที่ของหน่วยงานเอง ส่วนการผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน จะทำในบริบทเฉพาะองค์กร เช่น รูปแบบของการทำ CSR ค่ะ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 31 ส่วนการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่จะขึ้นอยู่กับทางนายอำเภอ ปลัดอำเภอ และส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะเข้าไปกระตุ้นส่งเสริมผลักดันให้มีการรวมกลุ่มหรือการจัดทำกิจกรรมต่าง ๆ นะคะ ให้ตอบโจทย์การพัฒนา ที่ยั่งยืนในแต่ละเรื่อง ในส่วนของอำเภอไทรน้อยต้องบอกว่า นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง พื้นที่ภาคกลางส่วนใหญ่ น่าจะมีลักษณะเช่นเดียวกัน นอกจากบางพื้นที่ที่มีแหล่ง ท่องเที่ยวเยอะหรือมีภาคเอกชนที่เข้มแข็ง ก็จะมีการขับเคลื่อนในเรื่อง SDGs นี้เยอะพอสมควรควบคู่ไปกับ ทางราชการ โดยมีข้าราชการเป็นเพียงส่วนหนุนเสริมก็ได้นะคะ สำหรับพื้นที่อำเภอไทรน้อยได้มีโอกาสเป็นตัวแทน 1 ใน 18 อำเภอที่เข้าร่วมโครงการอำเภอนำร่อง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการ ของทางกระทรวงมหาดไทย เมื่อปีที่แล้วนะคะ หลังจากการอบรมเราต้องทำ โครงการเสนอให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้จัดให้มีการอบรมทุกอำเภอ ทั้ง 878 อำเภอ ในปีที่แล้ว มีการคัดเลือกอำเภอนำร่อง 18 อำเภอ จาก 76 อำเภอทั่วประเทศ ในส่วนของทีมงานภาคีเครือข่ายที่เราไปร่วมอบรมสัมมนา ทำให้เราอยากทำโครงการที่มีประโยชน์กับประชาชน ในพื้นที่ในวงกว้าง และมีความยั่งยืนด้วย จึงมาร่วมคิดกันถึงพื้นที่อำเภอไทรน้อยที่มีลำคลองอยู่ทุกตำบล ที่มี สภาพการใช้งานไม่ค่อยสะอาด มีผักตบชวาตัวหนาแน่น ในช่วงใดที่ส่วนราชการเข้าไปทำความสะอาด คลองจะมี ความสะอาดมากขึ้น แต่ช่วงไหนที่ส่วนราชการไม่เข้าไปทำ สภาพของน้ำจะค่อนข้างเน่า คุณภาพน้ำจะไม่ดี เราจึง อยากทำเรื่องคลองและน้ำ จึงกำหนดมาให้เป็นโครงการที่มีชื่อสั้น ๆ จำง่าย ว่า “โครงการแคร์คลอง แคร์คุณ” ค่ะ บางท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างนะคะ โครงการนี้เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของทางอำเภอไทรน้อย เมื่อได้มี การพูดคุยกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว พบว่า ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เขา ตระหนักถึงความสำคัญและกระตุ้นให้เขากลับมาดูแลในเรื่องลำคลองมากขึ้น แล้วพอได้ชื่อว่าเป็นอำเภอนำร่อง เขาก็เกิดความตื่นตัวที่จะช่วยทำให้เกิดเห็นผลเป็นรูปธรรม และภายใต้โครงการนี้ เรามุ่งเน้นไปที่ตัวชี้วัดที่คลอง พระพิมลก่อน เนื่องจาก คลองพระพิมล เป็นครองหลักที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของชาวอำเภอไทรน้อยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นคลองขุดที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เราอยากทำให้คลองนี้มีความสวยงาม จึงนำไปสู่การพัฒนา การท่องเที่ยว รวมถึง การกำจัดผักตบชวา โดยมีการนำผักตบชวามาแปรรูป เพื่อเสริมสร้างมูลค่าให้กับผักตบชวา มากยิ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะคะ เป็นเรื่องที่บางพื้นที่ทำจนประสบผลสำเร็จมาแล้ว แต่สำหรับไทรน้อย ยังไม่เคยทำอย่างเป็นรูปธรรม และยังไม่เคยมีใครชูในเรื่องนี้มาเป็นโครงการสำคัญของอำเภอไทรน้อย จากโครงการนี้ ทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจจากภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ร่วมขับเคลื่อนเรื่องนี้ไปพร้อมกัน โครงการนี้อาจไม่ใช่โครงการใหญ่โตในสายตาของใคร แต่สิ่งที่ได้รับจากโครงการนี้ คือ ความรักความสามัคคีในชุมชนที่มากขึ้น ซึ่งตอนนี้อำเภอของเราอยู่ระหว่าง การดำเนินการขยายคลองโดยจะทำต่อไปในทุกตำบลนะคะ ทั้งนี้ จะมีการติดตามผลในลำดับต่อไปค่ะ อำเภอไทรน้อย มีพื้นที่ส่วนใหญ่ ประกอบด้วย ไร่นาและสวนผสมผสาน ปัจจุบันมีการขยายตัวของสังคม เมือง จึงประกอบด้วยโรงงานอุตสาหกรรมและหมู่บ้านจัดสรร อำเภอไทรน้อย แบ่งการปกครองออกเป็น 7 ตำบล 68 หมู่บ้าน มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8 แห่ง อำเภอไทรน้อยเป็นพื้นที่ที่มีลำคลองต่าง ๆ อยู่ในทุกตำบล
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 32 โดยมีคลองพระพิมลเป็นคลองหลักที่ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญอยู่คู่กับวิถีชีวิตชาวไทรน้อยยาวนาน สภาพแหล่งน้ำ ที่ผ่านมามีการตื้นเขินตามกาลเวลาและมีผักตบชวากระจุกตัวหนาแน่นตามจุดต่าง ๆ ส่งผลต่อประสิทธิภาพ การระบายน้ำในช่วงฤดูฝน นำไปสู่ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอและพื้นที่การเกษตรไม่สามารถกักเก็บ น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงฤดูแล้ง อำเภอไทรน้อย โดยภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนจึงได้ร่วมกันดำเนินโครงการ แคร์คลองแคร์คุณ เข้าสู่การพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยตามโครงการอำเภอนำร่อง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการ และสร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลงประจำปี พุทธศักราช 2565 มีเป้าหมายที่สำคัญคือ 1) สร้างประสิทธิภาพการระบายน้ำและการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกัน ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน 2) ส่งเสริมและพัฒนาการ ท่องเที่ยวตลาดน้ำให้มีความยั่งยืน โดยมีกิจกรรมหลักตามโครงการฯ ประกอบด้วย กิจกรรมรวมพลคนแคร์คลอง เพื่อกระตุ้นส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันฟื้นฟูพัฒนาและดูแลรักษาคลองพระพิมล แก้ไขปัญหาลำคลองตื้นเขิน การระดมพลังประชาชนจัดเก็บผักตบชวาและวัชพืชอย่างต่อเนื่องทุกเดือน การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ตลาดน้ำ มีการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากผักตบชวา ทั้งนี้ อำเภอไทรน้อยได้รับดำเนินการตาม กิจกรรมที่กำหนดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีผลการดำเนินการที่สำคัญ ดังนี้ 1) การจัดกิจกรรม kick off รวมพลคนแคร์คลอง เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 โดยมีภาคี เครือข่ายทุกภาคส่วนรวม ทั้งประชาชนให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูพัฒนาและดูแลรักษาแหล่งน้ำ อย่างต่อเนื่อง 2) มีการจัดกิจกรรมจิตอาสา จัดเก็บผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่เป็นประจำทุกเดือน 3) สภาพคลองพระพิมลปัจจุบันตั้งแต่วัดไทรใหญ่จนถึงวัดไทรน้อย ระยะทาง 5.1 กิโลเมตร มีความ สะอาดน้ำในคลองมีคุณภาพดีขึ้น รวมถึง การระบายน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยป้องกันปัญหาอุทกภัยได้ดี ยิ่งขึ้น 4) มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น กิจกรรมสืบสานตำนานบอนสีไทรน้อย การบริการ พายเรือคายัค การจัดประเพณีตักบาตรกลางน้ำและลอยกระทง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประชาชน 5) การส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากผักตบชวา โดยจัดให้มีการฝึกอบรมความรู้และวิธีการนำ ผักตบชวาไปใช้ประโยชน์ เช่น การจัดทำปุ๋ย บล็อกทางเท้า วัสดุกันกระแทกให้กับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่าง ต่อเนื่อง รวมทั้ง ได้กำหนดแนวทางการนำไปใช้ประโยชน์ โดยจะมีการนำบล็อกทางเท้าไปใช้ซ่อมแซมสถานที่ ราชการ สถานที่สาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และบ้านเรือนของประชาชนที่เป็นครัวเรือนยากจนตาม ระบบ TPMAP และระบบ THAI QM สำหรับวัสดุกันกระแทก แบ่งจ่ายให้กับผู้ประกอบการที่สนใจนำไปใช้ เป็นการนำร่อง ทั้งหมดนี้ เราเชื่อว่าจะช่วยลดขยะจากผักตบชวาและสามารถแปลงขยะให้เป็นมูลค่า ช่วยลดต้นทุน การผลิต และนำไปต่อยอดสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไป ทั้งนี้ อำเภอไทรน้อยมุ่งมั่นที่จะทำให้อำเภอของเรา พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คืออำเภอไทรน้อยน่าอยู่สังคม มีความเข้มแข็งปลอดภัย ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 33 ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อมูลว่า การดำเนินโครงการนี้ ช่วยทำให้การระบายน้ำในลำคลองมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น คลองที่เคยตื้นเขินสามารถกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น นี่เป็นสิ่งดีที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ เราเน้นย้ำกับภาคี เครือข่ายเสมอว่า การที่จะทำให้การพัฒนามีความยั่งยืน คุณต้องทำเองและทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ ของอำเภอจะเปลี่ยนไปสักกี่คน สิ่งดีเหล่านี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไป เพราะนี่คือสิ่งที่เราอยากทำให้มันเกิดความยั่งยืน จริง ๆ และสำหรับการขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ นายอำเภอกับปลัดอำเภอมีบทบาทอย่างมาก แต่เราก็ เห็นว่า ถ้าสิ่งที่ทำจะเกิดผลดีกับพื้นที่ เรายินดีที่จะเหน็ดเหนื่อย ขอเพียงอย่างเดียวว่าให้เขาขับเคลื่อนการพัฒนานี้ ได้ด้วยตัวเองนะคะแล้วผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่กับพื้นที่เอง ขออนุญาตนำเรียนเพียงเท่านี้ค่ะ นายศุภิญโญ ทองนวล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองวิชาการและแผนงาน กรมการปกครอง: ขอขอบพระคุณอำเภอไทรน้อยมากครับ ท่านได้ยกตัวอย่างการขับเคลื่อน SDGs แบบเป็น รูปธรรมให้เราเห็น จากที่ฟังเมื่อสักครู่ จะขออนุญาตจับโยงกับ SDGs ในมุมมองของผมนะครับ การฟื้นฟูแหล่งน้ำ มีความใกล้เคียงกับโครงการในลักษณะนี้ ซึ่งมีการทำอยู่เรื่อย ๆ ใช่ไหมครับ แต่ผมชวนมองว่า จริง ๆ แล้ว ความธรรมดานี้สามารถกลายเป็นความไม่ธรรมดาได้ จากการเอาไปต่อยอดทำอันอื่นได้อีกมากมายนะครับ ถ้าเรา คิดทำแค่ว่าเราจะพัฒนาแหล่งน้ำ มันก็จะจบที่ตรงนี้ แต่ยังมีการเอาผักตบชวาไปทำอย่างอื่นนำไปเพิ่มมูลค่า นำไป ช่วยเหลือคนที่เขายังไม่มีงานทำ ทำให้น้ำสะอาดขึ้น และเพิ่มเติมต่อยอดด้านการท่องเที่ยว ก็จะกลายเป็นโครงการ ที่ตอบโจทย์ได้ในหลายมิติ อย่างที่ท่านนายอำเภอกล่าวว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากการสร้างภาคีเครือข่าย เกิดเป็น ความร่วมมือกันซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย SDGs เป้าหมายที่ 17 เมื่อเรานำไปเชื่อมโยงในโครงการหนึ่งจะ สามารถตอบโจทย์เป้าหมายอื่นได้ด้วย เช่น เป้าหมายที่ 8 เรื่องการเพิ่มรายได้ในเชิงเศรษฐกิจ เป้าหมายที่ 6 เรื่อง น้ำสะอาด ครับ ต่อไปจะเป็นตัวอย่างของอำเภอเกาะลันตา ขอเชิญท่านนายอำเภอครับ นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่: ขอบคุณครับ ท่านผู้เข้าร่วมอบรมครับ เรื่องแรกผมจะนำเรียนอย่างนี้ครับ พอพูดถึงเรื่อง SDGs เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเราพูดเรื่องความ ยั่งยืนกันมามากแล้ว เราจะทำอย่างไรให้ยั่งยืนรู้ไหมครับ วิสัยทัศน์ประเทศไทย คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โลกก็บอก ว่าให้เราต้องยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำไมต้องยั่งยืน ถ้าไม่ยั่งยืนแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 34 เมื่อสักครู่ผมได้นำเรียนว่า เกาะลันตาสร้างรายได้ให้ประเทศปีหนึ่ง 5 - 6 พันล้านบาท แต่ท่านเชื่อไหม ว่าอำเภอเกาะลันตาที่ผมอยู่ มีตัวเลขทางด้านบวกเป็นอย่างนี้ แต่ตัวเลขอีกด้านหนึ่งของอำเภอเกาะลันตา มีตัวเลขกลุ่มเปราะบางบนฐานข้อมูล TPMAP จากฐานข้อมูล Thai QM มากเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดกระบี่ แสดงถึงช่องว่างทางสังคม แสดงถึงความไม่ยั่งยืนหรือเปล่า แล้ว 5 - 6 พันล้านบาทหรือหมื่นล้านบาท นี่หมุนเวียน อยู่ในมือใคร ชาวบ้านเราได้อะไร ซึ่งจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ อำเภอเกาะลันตา มีสถานที่ท่องเที่ยว มีโรงแรมที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ มีห้องพัก ที่แพงที่สุดในจังหวัดกระบี่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง มีตัวเลขกลุ่มเปราะบางมากที่สุดในจังหวัดกระบี่ด้วย มีครัวเรือน เปราะบางมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 2,325 ครัวเรือน นี้จึงเป็นความท้าทายแรกในการพัฒนาของเรา ความท้าทายที่ 2 คือ ความเป็นพหุวัฒนธรรม เรามีพี่น้องชาวมุสลิม 95% มี 42 มัสยิด มีพี่น้องชาวเล ซึ่งมี วัฒนธรรมของตนเองมีภาษาของตัวเอง มีตัวอักษรของตัวเอง 2% มีคนไทยเชื้อสายจีน 1% มีไทยพุทธ 1% มีคนไทยเชื้อสายจีน มีศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดอายุนับไม่ได้ประมาณ 200 ปีอยู่ที่นั่น นอกจากนี้ ยังมีชุมชนชาว สวีเดนหรือชาวสแกนดิเนเวียเข้าไปอยู่ตั้งเป็นชุมชน อยู่แบบระยะยาว (Long Stay) ความท้าทายที่ 3 คือ ขยะที่อยู่บนเกาะจะบริหารจัดการอย่างไร ในส่วนของการท่องเที่ยวกระแสหลักที่ทำรายได้ให้กับประเทศแต่รายได้มันไม่ถูกกระจายไปสู่ชาวบ้าน ไม่ถูกกระจายไปสู่คนท้องถิ่นเราจะทำอย่างไร ที่จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกระแสหลักกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งพัฒนาชุมชน เขาไปทำอยู่ตลอด เช่น หมู่บ้านโอทอปนวัตวิถี ในส่วนของเราจึงทำโครงการหนึ่ง เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน เราประกาศเลยว่าการท่องเที่ยวกระแสหลักของภาคเอกชนที่เข้มแข็งแล้ว เช่น หอการค้า สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม ชมรมร้านอาหารพวกนี้เป็นกระแสหลัก และการท่องเที่ยว โดยชุมชน จะต้องมีความเชื่อมโยงกันเพื่อกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยว เราจะโปรโมทอย่างไร เรามี 10 ชุมชน ก็พยายามตั้งโมเดล เริ่มจากหมู่บ้านทุ่งหยีเพ็ง เป็นวัฒนธรรมของชุมชนชาวเล ที่มีชื่อเสียง ระดับโลก ท่านสามารถค้นหาจาก Google ได้เลย เป็นตัวอย่างการท่องเที่ยวโดยชุมชน “ลันตา Gondola” ทำโดยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่น่าชื่นชมคือ ทำโดยพวกเราเองทำมาแล้ว 20 ปี ที่เห็นสำเร็จขนาดนี้ทำ มาแล้ว 20 ปีบ้านนี้เคยมีปัญหาป่าโกงกาง มีป่าโกงกางผืนใหญ่ประมาณ 2,000 ไร่ ที่มีการให้สัมปทานเผาถ่าน จึงทำให้ป่าหายหมด พอปิดสัมปทานเตาถ่านลง จึงมีการฟื้นฟูป่าขึ้นใหม่โดยการทำทะเบียนเป็นป่าชุมชน ให้ขึ้น ทะเบียนเป็นป่าชุมชน แล้วก็นำการท่องเที่ยวใส่เข้าไป ล้มลุกคลุกคลานพอสมควรกว่าจะได้เป็นการท่องเที่ยว ชุมชน มีการสร้าง Story telling เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เช่น ตอนเช้าไปรับแสงอรุณแรกที่ปากอ่าว โดยผ่านเรือ พวกนี้ มีอาหารเช้าให้กินบนเรือ มีการร้อยเรียงเรื่องราว ปรากฏว่า นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาก เขาใช้เวลา 3 - 5 ปี กว่าจะได้ขนาดนี้มีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนของตัวเองขึ้นมา จากคนเข้าร่วม 3 คน 5 คน ตอนนี้มีผู้เข้าร่วมเป็น ร้อยคน มีรายได้ต่อวัน คิดเป็นหลักพันบ้านต่อครัวเรือน ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่ไปโรงแรม 4 ดาว 5 ดาวจะต้อง Booking โปรแกรมนี้ว่าตอนเช้า สาย เที่ยง มาล่องเรือแจวที่นี่ ซึ่งเป็นการดึงเอาเงินจากการท่องเที่ยวกระแสหลัก
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 35 มาต่อยอดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อให้มันเกิดการความสมดุลและความยั่งยืน นี่เป็นตัวอย่างที่เขาทำมานานแล้ว นะครับ เมื่อเราไปเห็นอย่างนี้ ในฐานะที่เราเป็นปลัดอำเภอ เป็นนายอำเภอ จึงเกิดความคิดต่อยอดว่า เราจะทำ อย่างไรให้จาก 1 เป็น 10 เพื่อดึงเม็ดเงินจากที่มีอยู่ในพื้นที่ไปสู่ชุมชนให้มากขึ้น ปัญหาใหญ่ของเกาะลันตา คือ เรามีเงินหมุนอยู่ในพื้นที่ในวันนึงเยอะมากนะครับ ตอนนี้ นักท่องเที่ยวประมาณ 6-7 หมื่นคน ที่เป็น ชาวต่างชาติ ประมาณ 6 - 7 หมื่นคน ที่เขาพร้อมจะจ่ายอยู่แล้ว นอกจากจ่ายโรงแรม ร้านอาหาร เขาจะมาจ่าย ให้บ้านชุมชนเราอย่างไร แต่สำหรับตัวอย่างทุ่งหยีเพ็งที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้วแล้ว ชาวบ้านพอถึงจุดนึง ชาวบ้านเขามีความพอเพียง มีความอิ่มตัวนะครับ เช่น วันนี้ออกเรือได้ 2 เที่ยว ได้เงินพันกว่าบาท เขาบอกพอแล้ว ทำให้ได้มีเวลาหรืออยู่กับครอบครัว นี่เป็นตัวอย่างที่ชาวบ้านจะรู้สึกถึงการได้รับอย่างต่อเนื่องและความเพียงพอ มันจะค่อย ๆ เกิดจาก 1 ไป 10 เพราะพื้นที่เรามีของดีตั้งเยอะ ลำดับต่อไป เราไปทำจุดเช็คอินห้ามพลาด โดยเอาหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยวมาจับเลย ซึ่งเราจะเปิดตัว ในวันพรุ่งนี้ ส่วนนี้เราต้องดึงรายได้จากการท่องเที่ยวกระแสหลักมาสู่การท่องเที่ยวหมู่บ้านชุมชนให้ได้ครับ เราทำ มานาน และเราทำมาเยอะมากนะ ตามหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี มีที่ล้มหายตายจากไปบ้าง จึงมาดูตรงส่วนที่ สามารถจะยั่งยืนได้ ซึ่งเรามีอยู่ 10 จุด เช่น มีศูนย์เพาะพันธุ์ปูให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เรื่องอาหารการกินให้นำมา รวมกับการท่องเที่ยวชุมชนผสมผสานและวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ SDGs แน่นอน นอกจากนี้ ชาวบ้านที่เป็นพี่น้องมุสลิม เขาเก่งในเรื่องของการคั่วกาแฟ ซึ่งการกินกาแฟ กินโกปี้กันตอนเช้าถือเป็นภูมิปัญญา ท้องถิ่นของเขา กาแฟคั่วมือบดมือจะต้องโปรโมตให้เขาได้มีตัวตน อย่าลืมว่าเราเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม การที่มี นักท่องเที่ยวเข้ามา ประเพณีรากเหง้าของเรา ตัวตนของเราจะต้องไม่หายไปด้วย กาแฟโกปี้ต้องยังอยู่ต่อไป ต่อมา คือ ท่าเรือบ้านโบราณที่มีคนจีนอยู่ เรามีบ้านโบราณเหลืออยู่หลังเดียวและเป็นบ้านเอกชน ผมบอก “โกครับ ขอ เปิดบ้านนี้หน่อยได้ไหม ให้เป็นจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยวหน่อย” ตอนนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันเต็ม ต่อไป คือ นาผืนสุดท้ายบนเกาะลันตา เขาอนุรักษ์ไว้ให้ชาวบ้านไปดู มีกระท่อม มีขนำริมนา ต่อไปคือ ชุมชนโต๊ะบาหลิว เป็นชุมชนชาวเล ชาวเลคือคนที่อยู่ในน้ำนะครับ อาชีพที่เขาเก่งที่สุดคือ ดำน้ำ เราเลยบอกเก่งดำน้ำ ก็ให้ทำฟรี ไดร์ฟ พานักท่องเที่ยวดำน้ำไปชมปะการัง แล้วท่านจะได้มีตัวตนเหลืออยู่ ลำดับต่อไป อำเภอเกาะลันตา เป็นอำเภอที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดกระบี่ มีอายุ 122 ปี ซึ่งเรามีอาคาร ที่ว่าการหลังเก่า ปัจจุบันเราอนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ และเรายังมีธนาคารปูม้าให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชม ว่าดำเนินการอย่างไร จะได้เป็นการท่องเที่ยวแบบกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและอนุรักษ์ภูมิปัญญา อัตลักษณ์ตัวตน ของเขาไว้ ไม่ให้หายไป เกิดเป็นความยั่งยืนตัว แม้ว่านักท่องเที่ยวเข้ามามากขนาดไหน จะมาจากสแกนดิเนเวีย จะมาจากจีน ความเป็นเกาะลันตาต้องไม่หาย นี่แหละคือ SDGs ที่ยั่งยืน ต่อไป สังกาอู้ เป็นชาวเลที่เป็นศูนย์กลางของพี่น้องชาวฮูลักลาโว้ย ที่มีประเพณีเรือเป็นของตัวเอง ซึ่งเราเป็นนายอำเภอ เป็นปลัดอำเภอ เมื่อมีกิจกรรมของกลุ่ม เราต้องไปกับเขานะ เพื่อเป็นศูนย์กลางให้เขา เห็นว่า
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 36 เขายังมีตัวตน มีอัตลักษณ์อยู่ เกาะลันตามีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีนายอำเภอเป็นประธานคณะกรรมการ ที่ปรึกษาอุทยาน เมื่อจะมีการดำเนินการใดจะต้องผ่านคณะกรรมการชุดนี้ด้วย ถ้าพวกเราไม่เข้าใจบทบาทของ ตนเองก็ขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เราต้องกำหนดแผนการขับเคลื่อนให้ชัดว่า อำเภอ ของเราจะพัฒนาไปในทิศทางไหน ในฐานะผู้จัดการเชิงพื้นที่ (Area Manager) ให้เป็นไปตามแบบชาวบ้าน ต้องการด้วย นอกจากนี้ อุทยานของเกาะลันตามีทางช้างเผือกอยู่ริมทะเล เราจะใช้จุดเด่นในข้อนี้ เป็นการดึง นักท่องเที่ยวมากระจายรายได้ให้อยู่ในพื้นที่ ให้เงินกลับเข้ามาในสู่กระเป๋าของคนพื้นถิ่น นี่เป็นตัวอย่างของ 1 โครงการที่ช่วยกันขับเคลื่อนนะครับ สรุปบรรทัดสุดท้าย คือ เราใช้กลไกของเราให้เป็นความยั่งยืน เรื่องนี้สำคัญ นะครับ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องทางวิชาการ ตัวอย่างพื้นที่ของผมทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ความยั่งยืนต้องคำนึงถึง ต้องถูกพูดถึง และต้องทำจริง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครทำได้ดีเท่าฝ่ายปกครอง เพราะเราเป็นหัวหน้าที่อยู่ในนั้น เราทำได้หน้าที่ที่สำคัญที่สุด และเราปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนนี้ไม่ได้สำหรับวันนี้ฝากไว้เท่านี้ ขอบคุณครับ นายศุภิญโญ ทองนวล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองวิชาการและแผนงาน กรมการปกครอง: ขอขอบพระคุณท่านนายอำเภอเกาะลันตาและท่านนายอำเภอไทรน้อยเป็นอย่างสูงนะครับ ที่ให้โอกาสมาร่วมเสวนา มาร่วมให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ตัวอย่างที่ดีในพื้นที่ ซึ่งท่านนายอำเภอทั้ง 2 ท่าน ได้มีการเน้นย้ำว่า ฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอนี่แหละ ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน SDGs ในพื้นที่ ให้บรรลุเป้าหมายได้เพราะฉะนั้น ขอฝากไว้เพื่อเป็นตัวอย่างดี ๆ ให้ท่านนำไปบอกต่อให้กับอำเภอที่อยู่ในพื้นที่ ให้เขามีมุมมองและแนวทางเพื่อนำไปปฏิบัติในพื้นที่ต่อไปขอบคุณครับ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 37 5. แนวทางการเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ โดย ศาสตราจารย์ ดร. สุรินทร์ คำฝอย อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สวัสดีครับตอนนี้ผมก็มีโครงการอบรม 878 อำเภอ ผมเอาข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยนะครับ มาวิเคราะห์ให้ดูแล้วก็อาจจะมานำเสนอว่าจริง ๆ แล้ว SDGs localization หรือว่างานขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ เราเป็น SDGs in Action เว้นวรรคนะ in เว้นวรรคแล้วก็ Action ถ้าเขียน in Action ติดกันคือไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไม SDGs มันถึงเกิดขึ้นทำไมมันมาอยู่กระทรวงมหาดไทยอันนี้สำคัญ ทำไมมันต้องทำ SDGs เดี๋ยวเราจะไล่กัน ไปในเรื่องของบริบทการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันบ้างนะครับช่วงของความสนใจ (Attention Spans) คือ สมาธิหรือว่าการมุ่งการโฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่งของมนุษย์ลดลงน้อยมากความสนใจแบบระดับโฟกัสเนี่ยนักวิจัย เค้าทำมาเขาบอกว่าปีค.ศ. 2013 ความสนใจของมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 3 - 5 วินาที ซึ่งน้อยกว่าปลาทอง เพราะปลาทองเวลาเอานิ้วไปจิ้มปลาทองมันจะมันจะสนใจนิ้วเราอยู่ประมาณ 9 วินาทีแล้วมันก็ว่ายไป สิ่งหนึ่งที่ทำ ให้ SDGs เร่งดำเนินการก็คือเรื่องของ COVID - 19 วิกฤต COVID - 19 ทำให้เห็นปัญหาของ SDGs ในด้านต่าง ๆ ธุรกิจทุกภาคส่วน เลยนะครับ ลบตั้งแต่ 45% นะครับยันถึง 5% เป็นอย่างต่ำนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นนะ ครับ แล้วก็โลกใบนี้อะไร ๆ ก็ Of Thing โดย Of Thing หมายความว่ามันวัดได้หมดกำแพงนะครับพื้นนะครับ มีเซ็นเซอร์ติดได้หมดเรามีงานวิจัยบางงานนะครับที่มหาวิทยาลัยผมเนี่ยเขาเอาเซ็นเซอร์ไปฝังบนพื้นของหมูนะครับ เล้าหมูไอ้หมูมันเดินแล้วหมูมันเดินทรงตัวไม่ดีจะเกิดโรคแล้วเขาก็สปอร์ตหมดเลยว่ามันต้องมีโรคอะไรสักอย่างนึง ก็ดึงมันออกมา Of Thingมีข้อมูลมหาศาลนะครับไหลเข้ามาแล้วบ้านเราเนี่ยข้อมูลพอมันมีมหาศาลนะเนี่ยนะครับ การทำงานเชิงพื้นที่เนี่ยมันต้องมีความสามารถอันหนึ่งคือกรองน้อยนะครับออกจากเสียง ก็คือต้องต้องแยกว่า
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 38 ข้อมูลไหนจริงข้อมูลไหนเท็จเพราะข้อมูลมันเยอะมากเราต้องเข้าใจนะว่า ประเทศไทยไม่ค่อยมี Big Data นะ แต่เรามี Data big big เยอะเต็มไปหมด แต่ไม่รู้เอามาวิเคราะห์ทำงานยังไงเพราะฉะนั้นการที่เรา ลงไปทำงานในเชิงพื้นที่เนี่ยเราจะเข้าใจถึงไอ้ข้อมูลเล็กๆมันอยู่เนี่ยครับแล้วข้อมูลเล็กๆถ้าเราเก็บถูกเราก็กรองได้ว่า ไอ้ข้อมูลไหนจริงหรือไม่จริงยกตัวอย่างเช่นบางจำได้ไหมเมื่อประมาณเท่าไหร่ 2 เดือน 3 เดือนที่แล้วที่เขาคุยกัน เรื่องว่าคนจนมีเท่าไหร่กันแน่ไม่รู้เอาข้อมูลตรงไหนถูกไหมฮะข้อมูลแบบตรงหรือเปล่านะครับพอไปสปอร์ตไปถึง อำเภอ นายอำเภออาจจะบอกว่าไม่ใช่ เท่านี้ของผมเยอะกว่านี้เพราะฉะนั้นทางกรมการปกครองก็จะเข้าใจตรงนี้ ได้มากกว่านะครับในการที่เราจะเห็นภาพนะครับเรารู้ดีอยู่แล้วก็มันก็มาถึงโลกนะครับเรื่องของความยั่งยืน ที่ COP 27 บอกเราอย่างนึงนะครับถ้าใครตามเรื่องนี้นะครับเขาบอกว่าโลกของเราเนี่ยภายใน 10 ปีถ้าไม่สามารถ ลดอุณหภูมิได้ใน 1.5 องศา ถ้าใครตามเรื่องนี้อย่างกับผมมาตั้งแต่ตอนต้นเขาเรียก 2D4 คือ 2 องศาตอนนี้ ลดเหลือ 1.5 นะครับเราต้องภายใน 10 ปีด้วยเพราะว่าถ้าเขาเกินนี้ไปถ้าทำไม่ได้โรคจะไม่มีวันเย็นอีกต่อไปมีแต่ ร้อนขึ้นร้อนขึ้นเพราะว่า Greenhouse gas ด้านนอกมันจะหนาหนาจนไม่สามารถลดได้เพราะฉะนั้นอันนี้สำคัญ มากใน COP27 เด็กรุ่นใหม่เริ่มมาประท้วงกันมากขึ้น แล้วก็ผมเห็นหลายหลายแผนพัฒนานะครับเราพูดถึงเรื่อง VUCA Word และ BANI Word เป็นโลกที่เปราะบาง มีความกังวลที่หลากหลาย คาดเดาได้ยาก และยากเกินกว่า ที่จะเข้าใจ แต่ของกระทรวงมหาดไทยยังอยู่ในสถานการณ์ของ VUCA Word พอ COVID - 19 มาก็ออกเป็นทาง BANI Word ลองนึกภาพถ้าอยู่ ๆ มันเกิดสงครามเรานึกในใจตอนแรกๆแหละขู่กันไปขู่กันมาเดือนนึงน่าจะจบ ตอนนี้จบไหมเป็นปีแล้วนะครับครบ 1 ปีแล้วนะครับราคาน้ำมัน ราคาแก๊สโลกสูงขึ้น แล้วก็ภาคพื้นยุโรปตอนนี้ช่วง ฤดูหนาวเริ่มปรับกระบวนการกันใหม่หมดเลย นั้นก็คือ BANI Word ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไป นั้นคือทำให้ SDGs มีเป้าหมายที่ท้าทายมากขึ้น และทาง UN ก็พยายามที่จะผลักดันเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันภาพรวม ของเศรษฐกิจไทยพอพูดถึงเศรษฐกิจจะเรียกว่า Ocean Strategy เวลาทำโครงการเพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรือไปลดความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขเราจะเดินหน้าทำยังไงถูกไหมครับเศรษฐกิจส่วน ใหญ่ของประเทศไทยต้องเข้าใจนะครับเราอยู่ในน่านน้ำสีแดง (Red Ocean) คือใช้ทรัพยากรเป็นส่วนใหญ่ ไม่สนใจ สิ่งแวดล้อม เผา ตัดต้นไม้ทำลายป่า เพื่อทำให้ต้นทุนมันถูกลงแรงงานถูกนั้นคือส่วนของน่านน้ำสีแดง ต่อมาคือยุค Thailand 4.0 คือจะขับเคลื่อนประเทศไทยจากน่านน้ำสีแดง (Red Ocean) เศรษฐกิจไปอยู่น่านน้ำสีน้ำเงิน (Blue Ocean) การใช้นวัตกรรมนำ เช่น Product ใหม่ ๆ เกิดขึ้นใน Business ตัวย่างเช่น netflix หรือว่า iPhone ยุคต่อไปคือ BCG Model (Bio Circular Green Economy Model) เป็นธุรกิจสีเขียวรักษาสิ่งแวดล้อม มากขึ้นหลังจาก UN ประกาศ หลายตลาดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Dow Jones Sustainability Index (DJSI) ก็ถูกบังคับว่าจะต้องใช้เงินรายได้ส่วนหนึ่งเนี่ยมาทำธุรกิจที่เป็นสีเขียว เป็นสิ่งที่เริ่มเกิดขึ้นในต่างประเทศจาก SDGs Move และสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลาทำธุรกิจก็เริ่มพูดถึงน่านน้ำสีขาว (White Ocean) เป็นพวก Social Enterprise หรือ วิสาหกิจชุมชน มันจะลง Area Based เป็นวิสาหกิจชุมชน อย่างเช่นว่า ทำธุรกิจแล้วได้กำไร ปัน กำไร 50 % ของกำไร ให้กับชุมชน เพื่อให้ชุมชนสร้างประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐ ประเทศ ไทยเริ้มมีแล้ว แต่ในต่างประเทศออกเป็นกฎหมายว่า ใครทำธุรกิจด้านนี้ลด Tax ทั้งสองน่านน้ำสีเขียวและสีขาว
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 39 เศรษฐกิจและสังคมก็ย้ายเข้ามาอยู่ใน 17 Goal ของ SDGs ประเทศไทยเนี่ยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก 22% นะครับในขณะที่ Sector เกษตรเนี่ยสูงสุดนะครับ 1% ของ GDP คือ 1 ล้านล้าน ถ้าเขาบอกว่าโตประเทศไทย ตอนนี้ GDP โต 1% แสดงว่าเราหาเงินได้ 1 ล้านล้านเราคิดอย่างนี้เอาสเกลมาข้างล่างเงิน 100 บาทที่ประเทศ ไทยหาได้ 22 บาทมาจากการท่องเที่ยวก็คิดภาพนี้หน่อย 22 บาทสมมุติเอามาเป็น 100 บาทนะทำเป็น เปอร์เซ็นต์นะ 22 บาทมาจากการท่องเที่ยว วันนี้โควิดมาไม่มีการท่องเที่ยวเงินหาย 22 บาทใช่ไหมครับ อันที่ 2 Sector ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศคือ Sector เกษตร กลายเป็นว่าเงิน 100 บาทที่หาได้ใช่ไหมครับของประเทศไทยมี มาจาก Sector เกษตร 2.7 บาทสูงสุดเพราะ Vary 2 บาท 70 สตางค์ หมายความว่าไงครับคนส่วนใหญ่ของ ประเทศหารายได้แค่ 2.7 บาท แล้วเวลาเงินตรงนี้มัน return กลับไปภาคเกษตรมันก็น้อยไงครับนั่นคือสาเหตุว่า ทำไมเกษตกรถึงมีรายได้น้อย เศรษฐกิจมันขาดสมดุล ประเทศไทย GDP จริงๆเนี่ยเราโตประมาณ 2.5 เท่านั้นเอง ที่ผ่านมา 3 ปีแล้ว กู้ 3 ปีติดกู้ประมาณ 600,000 - 700,000 บาท ประเทศไทยใน 1 ปีเนี่ยมีเงินประมาณ 8 แสนล้านบาทในการพัฒนาประเทศทั้งประเทศ 8 แสนล้านบาทเองนะซึ่งน้อยมาก 8 แสนล้านบาทเองเราจะทำ อะไรให้เกษตรกรหายจนคือมันต้องคิดกระบวนการใหม่เพราะฉะนั้นสำนักงบประมาณก็ต้องเริ่มมีการใช้ process Lyn ก่อนก็คือตัดทิ้งนะครับอันไหนไม่จำเป็นตัดทิ้งเรียงไปหรือว่าเริ่มมีกลไกลบูรณาการขึ้นมาเขาก็เริ่มมีการจัดสั่ง งบประมาณใหม่ งบประมาณยุทธศาสตร์ยุทธศาสตร์ใน 35% เพราะฉะนั้นถ้าเราเขียนแผนให้เข้ายุทธศาสตร์ กระทรวงกับยุทธศาสตร์ของสภาพัฒน์ 43% แล้วพอเปลี่ยนแผนนี้เสร็จปุ๊บกระทรวงทบวงกรมก็ต้องมาปรับแผน ระดับ 3 ให้เข้ากับสภาพัฒน์ เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่กระทรวงไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงกับสภาพัฒน์ได้ ก็ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ เพราะฉะนั้นแผนสภาพัฒน์คืออะไรเขาบอกว่า reminting Thailand คือ พลิกโฉม ประเทศไทยมี 13 มุดหมาย 4 Sector เศรษฐกิจมี 6 ด้านนะครับก็มีเรื่องของเกษตรมูลค่าสูงท่องเที่ยว ส่วนด้าน สังคมนะครับสังคมและสิ่งแวดล้อมสังคมมี 3 ด้าน อยู่ในกระทรวงมหาดไทยทั้ง 13 มุดหมาย โดยฉพาะองค์กร ของภาครัฐมีอยู่ 5 เป้าหมายหลัก 5 ตัวชี้วัด 1) การปรับโครงสร้างภาคการผลิตและบริการสู่เศรษฐกิจฐาน นวัตกรรม ตัวชี้วัด : รายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 8,800 ดอลลาร์ สรอ. 2) การพัฒนาคนสำหรับโลก ยุคใหม่ ตัวชี้วัด : ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) อยู่ในระดับสูงมาก (มีค่าไม่ต่ำกว่า 0.82) 3) การมุ่งสู่สังคมแห่ง โอกาสและความเป็นธรรม ตัวชี้วัด : ความแตกต่างของความเป็นอยู่ระหว่างกลุ่มประชากร ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ สู.สุด 10% และต่ำสุด 40% (Top 10/Bottom 40) ต่ำกว่า 5 เท่า 4) การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน ตัวชี้วัด : ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลงจากกรณีปกติอย่างน้อย 15% 5) การเสริมสร้างความสามารถของ ประเทศในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงภายใต้บริบทโลกใหม่ ตัวชี้วัด: ดัชนีรวมสะท้อน ความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนมีค่าไม่ต่ำกว่า 100 หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้า เกษตร และเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความ ยั่งยืน หมุดหมายที่ 3 ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญโลก หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทาง การแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่ สำคัญของภูมิภาค หมุดหมายที่ 6 ไทยเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่สำคัญของโลก หมุดหมาย ที่ 7 ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูงและสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ 8 ไทยมี
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 40 พื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน หมุดหมายที่ 9 ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง และคนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม หมุดหมายที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและ สังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถลดความเสี่ยงปละผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การ พัฒนาแห่งอนาคต หมุดหมายที่ 13 ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน กลไก งบประมาณ พ.ร.บ. งบประมาณ จะประกาศทุกเดือนธันวาคม เน้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 เป็นหลัก การจัดทำงบประมาณรายจ่ายแผนงานบูรณาการ มีแผนบูรณาการทั้งหมด 11 แผน แต่แผนเกี่ยวข้องกับ กระทรวงมหาดไทยมีประมาณ 2-3 แผน ได้แก่ แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก แผน บูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนด้านความมั่นคงของกรมการปกครอง แผนปฏิบัติราชการ กระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2566 - 2570) มี 4 พันธกิจ มี 4 ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างความ สงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน ยุทธศาสต์ที่ 2 การลดความเลื่อมล้ำทางสังคม สร้างความเข้มแข็งของชุมชน และพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาภูมิภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ให้เติบโตอย่างสมดุล ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาองค์กรให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง สมัยก่อนมี 4 พันธกิจแต่มี 5 เป้าหมาย แต่ ปัจจุบันมี 4 ยุทธศาสตร์และมี 4 เป้าหมาย เป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ 1) ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน และสังคมสงบ 2) ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและชุมชนเข้มแข็ง 3) ภูมิภาค เมือง และพื้นที่เศรศฐกิจ มีความสามารถในการแข่งขัน และได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล 4) องค์กรสมรรถนะสูง ตอบโจทย์ประชาชน ยึด หลักธรรมมาภิบาล มีการประชุมวิชาการ SDG localization จัดโดย สกสว. ไปเอาข้อมูลมาจากตรงนั้น แล้ว ภาพนี้เป็นผู้ว่า ราชการจังหวัด ผมได้ภาพนี้จาก UN เว็บไซต์ของ UN ผู้ว่าลงนาม MOU กัน ทุกจังหวัดในการขับเคลื่อน SDG เชิงพื้นที่ซึ่งเราจะมาทำโจทย์นี้กันแล้วมีการยกตัวอย่าง ตัวอย่างการทำโจทย์มีอะไรบ้าง กำหนดแผนเลยว่า ปีค.ศ. 2037 ต้องเป็นไปตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ค.ศ. 2030 ต้องมีเป้าหมายอะไรบ้างทางด้าน SDG จะบอกเลยว่าขจัดความยากจนต้องหายไปใน ค.ศ. 2030 เหลืออีก 7 ปี อีก 7 ปี คนจนต้องหมดประเทศ คนจนกว่าประเทศเพราะมัน 7 ปีอยู่แล้วตามแผนแล้วก็มีทั้งหมดอยู่ 6 ด้านใน SDG ส่วนพวกนี้เขาตระหนักรู้ มาแล้วอยู่ตอนนี้เราอยู่ใน process XYZ เราอยู่ใน XYZ แล้วก็คือดำเนินการและเริ่มดำเนินการแล้ว XYZ ก็คือโครงการที่เป็นการดำเนินการเกือบทั้งหมดก็ลิงก์เชื่อมโยงกัน สภาพัฒน์ทำให้เห็นภาพด้านบนว่า SDG กับหมุดหมายต่างๆ มันไปด้วยกัน คือ โครงสร้างต่างๆของประเทศไทยมันจะมีเลขอยู่ฝั่งซ้ายแผนแม่บทต่างๆ แผนนี้คืออยู่ฝั่งนี้นะครับ จะมีเลขอยู่ฝั่งซ้าย เลขต่างๆเรียงกันมาแล้วเอาเขาเอาเลขนี้มา Map อยู่ใน SDG จะสังเกตว่า เบอร์ 10 มีแผนอะไรอยู่บ้างอันนี้โชว์ให้เห็นภาพว่ารูปนี้มันหมายถึงอะไรแต่ก็มีโปรแกรมให้ แล้วผม ทำโปรแกรมนี้ให้กับกระทรวงมหาดไทยแล้วมันจะมีโปรแกรมลิงก์ให้เราเลย เราทำโครงการนี้ไปเข้าตัวไหน ขอให้ เรากรอกถูก มันจะลิงก์ให้เราโดยอัตโนมัติ อันนี้คือ target ของแต่ละตัว นี่เป็นแผนนะครับ เลขนี่คือแผน เลขคือ เรียงตามนี้อันนี้มี 23 อันเรียงจาก 1 - 23 เลยแล้วก็ฝั่งนี้ก็คือเป็น SDG แต่ละเป้าหมายใช่ไหมครับก็ลิงก์กับ แผนยุทธศาสตร์อย่างไร ถ้าจะวาดแผนที่จากจุดจริงๆให้ดูง่ายขึ้น แผนที่เขาจะมีเรียงมา 13 หมุดหมาย
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 41 มี 13 หมุดหมายแล้วเขาก็จ่ายหมุดหมาย แล้วหมุดหมายแต่ละสีก็จะเรียงว่า หมุดหมายนี้ตอบโจทย์ SDG ไหน เพราะฉะนั้นมันง่ายกับเรามากในภาพนี้ก็คือว่าเวลาเราดูโครงการของเราโครงการเราตอบหมุดหมายนี้เราก็ไปดูว่า หมุดหมายที่ 1 เนี่ยมันลิงก์กับ SDG ไหน แล้วเราก็เป็นเรทของกระทรวงเราหน่อยกระทรวงเรามีพันธกิจไป เชื่อมโยงอันนี้ไหมถ้าไม่มีก็ลบตัวนั้นออก ถ้ามีแล้วก็ใส่เข้าไป นี้ก็ทำให้เรารู้ไว้ว่าเชื่อมโยงกับ SDG อย่างไร อันนี้คือ เป็นภาพใหญ่ๆ ภาพนี้ผมคิดว่าเขาทำได้ดี สภาพัฒน์ก็ทำได้ดีทำให้เราเห็นภาพว่าจริงๆ แล้วหมุดหมายที่เขาคิดมัน สอดคล้องกับโลกเหมือนกันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะมีมติออกมามีกฎระเบียบมาค่อนข้างชัดคือสมองซีกซ้ายก็ ไม่ต้องกลัวว่าคำนี้มีระเบียบรองรับไหมมีเป็นคำสั่งการเลยไล่มาตั้งแต่ทางซ้ายไปขวา แล้วผมเข้าใจว่าในหนังสือนั้น เมื่อกี้ผมแอบอ่านก็จะมีคำสั่งการเรียงมาเลย เรียงมาเลยเป็นภาพและก็จะมีถึงขนาดว่าตัวชี้วัดจังหวัด เขามี ประเด็นสำคัญในการแก้ปัญหา นักวิจัยหลังจากเวทีนั้นผมก็ไปฟังข้อสรุป การขับเคลื่อนโดยใช้กลไกจังหวัดหรือ ว่ากลไกกรมการปกครองจะมีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นที่ 1 นายอำเภอ มีการโยกย้ายตลอด ไม่นิ่งอยู่ในพื้นที่นั้น ผู้ว่าราชการก็มีการโยกย้ายก็เลยทำให้การประสานงานไม่ได้เป็นต่อเนื่องและผ่านไป เพราะว่าบางครั้งมันยึด ติดกับตัวบุคคล เพราะฉะนั้นต้องทำอย่างไรให้ SDG เป็นโครงการที่ฝังอยู่ในแผนของอำเภอ ก็เลยมี Dopa ที่มี แผนของกรมการปกครอง ที่มีแผนระดับอำเภอ ต้องเข้าไปดูในข้อมูล ก็จะมีแผนของแต่ละอำเภอ ว่าให้กำหนด ไว้ ใครมาเป็นนายอำเภอต้องปฏิบัติตามแผนนี้ในของ SDG ก็มีตัวชี้วัดออกมา เขามีการปรับปรุงตัวชี้วัดระดับ จังหวัด ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562 ปรับมาเรื่อย เพราะฉะนั้นอันนี้เขาจะประกาศไป ถ้าความก้าวหน้าไม่ถึงเขาก็จะปรับ ต่อไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเราต้องทำตามนี้ไหม มันเป็นกฎหมายไปแล้ว พอกระทรวงเราถูกมอบหมาย งานให้รับผิดชอบ เราก็เลยต้องดำเนินการทำตามนี้ เป็นงานฟังก์ชั่น เราก็ปรับให้มันเชื่อมโยงกับ SDG เท่านั้นเอง เขาก็มี 9 SDG ของประเทศไทย รอดูว่า SDG ทั้งหมด เขาบอกมี 9 ตัว 1 2 3 คือเป็นประเด็นที่ท้าทายมาก คือไม่มีความก้าวหน้าเลย ใน 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ก็คือ 1. เรื่อง SDG 2.1 เรื่องของในกลุ่มของความยากจนและเด็ก อาหาร เรื่องของโครงการต่างๆ โภชนาการ แล้วก็ 4 5 6 9 ประเด็น จะมีแต่ละ SDG 2.1 ก็คือ SDG 2 ส่วน SDG 3 ก็จะมี 3.4 3.6 3.9 ก็จะมีประเด็นรายประเด็น เขาก็ list มาให้อันนี้ก็เป็นประเด็นท้าทาย แต่ละกลุ่มก็ อาจจะหยิบประเด็นท้าทายอันนี้มาลองทำดูกัน มี 9 อันพอดี ประเด็นท้าทาย ผมจะเพิ่มให้ 1 อัน เอาอันนี้มาเป็น ประเด็นท้าทายในการแก้ปัญหา ลองช่วยกันระดมความคิด 9 อันนี้ แล้วก็มีกฎหมายออกมาเรียบร้อยของ กระทรวงมหาดไทย ใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562 ลงไปอำเภอถึงตำบลถึงปีพ.ศ. 2565 มีคำสั่งเรียบร้อยเป็นแนวทาง ปฏิบัติออกมา แล้วนี้ก็เป็นเรื่องของการบูรณาการภาพรวมของประเทศว่า กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่อะไร ตัวชี้วัดมีอะไรบ้างในการดีพอยก็จะมีหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบเรา ในการที่ตรวจสอบโครงการต่างๆ ก็จะมีตามระดับจังหวัดตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยก็ไล่มาตั้งแต่ ด้านล่างให้เห็นภาพด้านล่างขึ้นไปสู่ ด้านบน คราวนี้แผนมันยุ่งยากไปหมดเชื่อมโยงกัน กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายเรื่อง One Plan เขาทำ One Plan เพื่ออะไร หนึ่งจัดทำแผนในรูปแบบ เดียวกันแล้วก็ให้ประสานสอดคล้องทั้งอำเภอ ตำบล จังหวัดทำห้วงเวลาเดียวกันแล้วก็การสนับสนุนกระทรวง จังหวัด อำเภอที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ก็คือเอาคำนี้ภาษาอังกฤษที่เน้นผลลัพธ์เพื่อลดขั้นตอน ลดความซ้ำซ้อน จัดสรร ทรัพยากรที่เหมาะสมในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อมีวัตถุประสงค์แค่นี้ ทำอย่างไร เราเข้าไปดู Server ตัวนี้ได้
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 42 เลย ใครเคยเข้าอบรมกับผมแล้วพอเห็นภาพก็จะมีการเชื่อมโยงตัวชี้วัดกับกรมต่างๆ เขาจะให้ขึ้นมาเห็นภาพใหญ่ ของทั้งกระทรวง ว่าตัวชี้วัดนี้ใครทำอะไรอยู่ ใครทำโครงการอะไรอยู่ เราไม่แจมกับเขาได้ไหม เราไปร่วมกับเขาได้ ไหม เพราะว่าเขาต้องการเซตให้ทิศทางเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยต้องการเช็คว่าทิศทางเป็นไปทางเดียวกันไหม ใน 4 ยุทธศาสตร์ใหญ่ อันที่ 2. เรามีเว็บไซต์นี้ให้ มี SDG อยู่ในนั้นด้วยแต่มันยังไม่สมบูรณ์มากนัก เพราะว่าการ กรอกข้อมูลยังไม่เข้าสมบูรณ์ ถ้าอำเภอกรอกข้อมูลนายอำเภอเสร็จ ตั้งแต่อำเภอที่เราทำอบรม 878 อำเภอ มันจะ ลิงก์โครงการเข้ามา เราก็จะเห็นภาพทั้งกระทรวง แล้วเวลาที่เราจะขับเคลื่อน SDG เราก็ไปเลือกการขับเคลื่อนจาก อำเภอต่างๆได้ เพราะจะมีโครงการต่างๆที่นายอำเภอเสนอขึ้นมาหลังจากการอบรม อันนี้สำคัญเจาะข้อมูล เรื่อง แรกคือเรื่องการสื่อสารให้ชัดถ้าเราเห็น Y เดียวกัน ปัญหานี้มันจะไม่มีเลยว่าทำไมเราต้องทำ ผมคงไม่เน้นย้ำว่าทำไม SDG ต้องทำ มันเป็นสิ่งที่แบบผมคิดว่าเราอยู่ในโลกเดียวกัน มันเป็น One world One target นั่นคือ SDG เราต้องบริหารโดยข้อมูลผมจะยกตัวอย่างเช่น การขจัดความยากจน ดูนะ ฝรั่งบอกว่าเรามีคนจนอยู่ห้าล้าน ผมไม่รู้ใครผิดตอนนี้ ปลัดบอกงั้นก็เอาอำเภอกรมการปกครองไปตรวจมา จปฐ. เรามีเท่าไหร่ สุดท้ายมาใกล้ฝรั่งมากกว่า เห็นไหมนี่คือข้อมูลเราถ้าเรามีแค่ล้านสี่แล้วก็ชิวเลยถูกไหม ในการ แก้ปัญหาเพราะฉะนั้นเราอาจจะมีเมนูแก้จนมาแล้วมันไม่เวิร์คก็ได้นะ เมนูแก้จนเนี่ยผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะมีตั้ง 35 เมนู เมนูแก้จนไม่เหมือนเราไปสั่งอาหาร มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมคิดว่าเราอาจจะต้องมานั่งดูกันแล้ว ผมคิดว่ากลไกของกรมการปกครองเนี่ยเป็นสิ่งสำคัญมากในการค้นหา fake and fact เพราะฉะนั้นข้อมูลอย่างนี้ ผมก็ดูของฝรั่ง อย่างเขามาโพสต์ในบางกอกโพสต์ตอนที่นายกบอกเรามีคนจนเหลือล้านกว่าคนเอง ฝ่ายตรงข้ามก็ บอกเลยทันทีเนี่ย เขาบอกมาว่ามี 5 ล้าน แล้วมันก็ 5 ล้านจริงๆด้วย คราวนี้การตั้งเป้าหมายเนี่ยผมจะยกตัวอย่าง นี้ว่าผมอยากให้ท่านตั้งเป้าหมายจากขวามาซ้าย ปกติหน่วยงานราชการถ้าเราทำ SDG ให้สำเร็จ ไม่ใช่ทำ SDG ให้ เสร็จ เสร็จกับสำเร็จมันต่างกันถ้าทำ SDG ให้เสร็จตั้งจากซ้ายไปขวาหมายความว่าเราตั้งเป้าหมายจากซ้ายไปขวา ตลอด มีปีที่แล้วเราทำอะไร ปีนี้เราทำอะไร ปีนี้ทำอะไร เอา 3 ปีมาเฉลี่ยแล้วก็ตั้งไปซัก 10% 15% code rate มันก็สั้นมากนิดเดียวแต่ว่าเวลาแนวคิดแบบใหม่ บริษัทสตาร์ทอัพหรือว่าการทำงานแบบใหม่ เขาจะตั้งขวามาซ้าย ว่าสำเร็จนี่คืออะไรยกตัวอย่างเช่น SDG 1 ขจัดความยากจนละกัน ขจัดความยากจนบอกเลยว่าอำเภอนี้ต้องมีคน จนเป็นศูนย์ขจัดความยากจนได้ 100% ภายในกี่ปีนั่นคืองานสำเร็จ แล้วบอกว่าปีนี้ที่เราทำอยู่ เราจะทำอะไรนี่คือ การตั้งเป้าหมายจากขวามาซ้ายคือคิดจากขวาก่อน สมมุติว่าผมตั้งเป้าว่า บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของกระทรวง ดีไซน์ อำเภอ อำเภอนึง ก็ตั้งจากขวาเลยเป้าหมายผมคือขจัดความยากจน 100% ใน 3 ปี ทุกอย่างเนี่ยผมบอกว่า 100% ใน 3 ปีผมจัดอย่างนี้และ 100% ใน 3 ปีเนี่ยผมรู้เลยว่าประชาชน เราไม่สามารถทำสำเร็จได้หรอกในปีนี้ เพราะผมตั้งเป้าไว้ 3 ปีถูกไหมเพราะตั้งเป้า 3 ปีอันนี้คืองานสำเร็จผมเพราะฉะนั้นปี 66 ถ้าเราจะทำ เราให้ ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นก่อนจากตอนนี้เบสไลน์มีเท่านี้บาทเราเพิ่มขึ้น 2 เท่า 2 เท่าเนี่ยเราจะทำอะไร แล้วตรงนี้ สำคัญมากกลไกทำงานสมัยใหม่เขาจะบอกว่าข้อจำกัดเราที่ทำไม่สำเร็จในปีนี้มันคืออะไรเราก็จะ List ข้อจำกัดมา คืออุปสรรคต่างๆแล้วเขาจะมาตามงาน ตัวชี้วัดที่ดี เป้าหมายที่ดี มันไม่ได้บอกว่า ผ่านหรือไม่ผ่าน มันจะบอกว่าเรา พัฒนาอะไรในปีถัดไปอย่างเช่นปีนี้ผมทำให้รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น 2 เท่าแต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดมันยังมีอยู่ เราต้องแก้ไขตรงนี้ก่อน สมมุติว่าถ้าเรา list มามีอุปสรรคประมาณ 10 อัน แล้วเราขีดฆ่า มันก็จะหายไป พอมัน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 43 หายไปก็จะทำให้ขจัดความยากจนในที่สุด เพราะฉะนั้นเราได้แก้ปัญหา เราก็ทำโครงการไปปิดแก่นมันเพื่อตอบ โจทย์ยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยฝั่งซ้ายก็คือยุทธศาสตร์ที่ 2 เพราะฉะนั้นถ้าเราเขียนภาพแบบนี้ให้เห็น เนี่ยมันก็จะทำให้เราง่ายขึ้น เน้นอีกทีผลลัพธ์กับผลผลิตมันต่างกัน ผลผลิตทำแล้วได้เลยอย่างเช่น ผมบอกว่าผมจะ ทำโครงการรักษาสุขภาพโดยการผมวิ่ง 100 กิโลเมตรภายใน 1 เดือนแล้วผมวิ่ง 1 ปี เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำ กิจกรรมคือผมต้องวิ่งถูกไหมครับ แล้วผมต้องวิ่ง 100 กิโลเมตรใน 1 เดือนในทุกๆเดือน ผมก็ต้องมีกิจกรรมวิ่ง แล้วก็บอกว่าไปซื้อรองเท้ากลับไปซื้อนาฬิกาเพื่อจับเวลากับระยะทาง เพราะฉะนั้นผลผลิตผมจะรู้เลยว่าผมวิ่ง 100 กมไป 1 เดือนแต่ว่าผลลัพธ์ผมก็คือใน 1 ปีแล้วผมทำแบบนี้น้ำหนักผมลดลงกล้ามเนื้อผ มเพิ่มขึ้นนั่นคือ ผลลัพธ์ นั่นคือผลสัมฤทธิ์เชิงตัวเลขไปตรวจสุขภาพปลายปี เพราะฉะนั้นผลลัพธ์มันจะมาช้ากว่าผลผลิตเสมอ ผลผลิตทำกิจกรรมแล้วเห็นเลยแต่ผลลัพธ์เนี่ยอาจจะดีเลย์ อันนี้คือสำคัญ เดี๋ยวเราจะทำโจทย์ข้อนี้กันเราใช้ Business canvas ในการทำว่าวงกลมคือประชาชน ฝังสี่เหลี่ยมคือการบริการที่เราให้กับประชาชน คือเราทำ โครงการเราจะฝึกทำโครงการกัน ความสุขของประชาชนคืออะไร ความทุกข์ของประชาชนคืออะไร เราจะบำบัดทุกข์ยังไง เราจะบำรุงสุขจะทำยังไง ความร่วมมือจากประชาชนที่เราต้องการและบริการที่เราให้คือ อะไร บริการที่เราให้คือกิจกรรมที่เราทำ เดี๋ยวผมมีตัวอย่างให้ดูไม่ต้องซีเรียสว่าตอนนี้ยัง งงๆอยู่ มีกิจกรรมทำพอ เราทำ เดี๋ยวเราก็จะคิดออก หลังจากนั้นเราจะมาทำร่างโครงการกัน ร่างโครงการเลยเป็นแบบร่างข้อเสนอโครงการ เลยว่าโครงการที่เราเห็นจากภาพฉาย แต่เราควรทำอันนี้ พอเราทำอันนี้เสร็จ เราจะรู้ว่าผลผลิตที่สำคัญคืออะไร ผลผลิตที่สำคัญในโครงการนั่นคือกิจกรรมที่เราได้จาก Canvas จากตรงนี้แหละ หลังจากนั้นเราก็จะมาทำหาว่า ผลสัมฤทธิ์เชิงตัวเลขเป็นยังไง เดี๋ยวผมมีตัวอย่างให้ดู โครงการที่เราทำจากทั้งอำเภอทั้งอะไรก็แล้วแต่ อยากให้ทุกท่านปรับแนวความคิดหน่อยว่า ผมคิดว่าถ้ารถคันนี้ อันนี้คือ Locomotive Acts เล่าให้ฟัง นิดนึงว่าเขาออกกฎหมายนี้มาเพราะว่ารถยนต์มาแทนรถม้าเมื่อปี ค.ศ. 1865 คนก็กลัว ก็เลยออกกฎหมาย มา กฎหมายมี 2 ข้อ ข้อ 1 คือผมจะขับรถในกรุงลอนดอนผมต้องมีช่างยนต์นั่งข้างๆเอาภรรยานั่งไม่ได้แล้วก็เวลา ขับรถเข้ากรุงลอนดอนก็มีคนถือธงแดงโบก รถยนต์คันนี้ศักยภาพนะ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในการวิ่งคิดว่าคนถือ ธงแดงต้องวิ่งเทสเท่าไหร่ถึงจะได้ว่าวิ่งเร็วกว่ารถยนต์แสดงว่าลิมิตศักยภาพโดยตรงนี้ รถแทบคลานเต็มที่คนเราก็วิ่ง ประมาณ 1 กิโลเมตรวิ่งได้ 4 นาที เพราะฉะนั้นตรงนี้ต่างหากที่ผมคิดว่าเป็นตัวสำคัญมากว่าเราทำงานอาจจะต้อง ปลดธงแดงออกก่อนเพราะว่าความต้องการของประชาชนมาวิ่ง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเร็วมาก ถ้าเรายังใช้แบบเดิม ทำงานแบบเดิมมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ SDG ก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที อาจจะต้อง ทำงานแบบไม่ใช่สุดเขตแดนอำเภอ สุดเขตแดนจังหวัด อาจจะต้องทำงานแบบประตูสู่อาเซียนแบบนี้ อันนี้คือเจาะ แนวคิดก่อนการเปลี่ยนแปลง อยากเล่าให้ฟังเรื่องที่ว่าทฤษฎีที่ทำ การทำ workshop ก่อนด้านหลัง เมื่อปีพ.ศ. 2500 ผมเป็นนักศึกษา ที่ Tennessee แล้วก็ไปทำงาน Oak Ridge National Lab คืออันนี้ในห้องปฏิบัติการ Oak Ridge National Lab เป็นห้อง Lab แห่งชาติทำเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางด้านปรมาณูเป็นที่ที่ไอสไตน์คิดระเบิด ปรมาณูนี่แหละ ไอสไตน์เนี่ย fail มากหลังจากที่ทฤษฎีของเขาไปฆ่าคนเยอะแยะ เขาเลยขอรัฐบาลมาตั้ง Lab อัน นี้แล้วบอกว่าจะใช้เทคโนโลยีของเขาไปสร้างสรรค์โลกให้ดีขึ้น ก็เลยมีโครงการปรมาณูเพื่อสันติอะไรต่างๆ เอามา
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 44 สร้างโรงไฟฟ้าคือที่นี้ ในหลวงเราเสด็จปี ค.ศ. 1960 รูปนี้เป็นรูปที่อยู่ในปี พ.ศ. 2500 ผมได้รับโทรศัพท์จากกรุงวอชิงตันว่าจะมีโครงการตามรอยพระบาทให้ผมไปตาม ผมอยากที่จะปรับวิธีคิด มันอาจจะต้องปรับสักนิดนึง แล้วลองดูว่า ผมก็เลยไปหาข้อมูลใน microfiche เข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องมานั่งสแกน อ่าน อันนี้คือภาพที่บันทึกจากท่านเสด็จไปโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแรกคือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เสร็จไปดูแต่ท่านไม่ได้ดู โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไปสำรวจเกี่ยวกับการเกษตรพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าว่าไปดูข้อมูลนะแล้วก็กษัตริย์ของเราเนี่ยใน หลวงของเราเนี่ยเสด็จไปแล้วก็เห็นเปียโนว่างอยู่ก็ลง ทรงเปียโนในร้านอาหาร ท่านก็ทรงเปียโน ในร้านอาหาร ปรากฏว่าเล่นไปได้ครึ่งเพลงท่านก็หยุดคนร้านก็บอก เล่นต่อสิ เพราะมากเลย มีคนมาเล่นดนตรี อะไรแบบนี้ ก็เป็นช่วงเที่ยงที่ท่านพักจากการเดินทาง ท่านก็บอกว่า No time for Music My people is waiting ผมมีเวลาในการที่จะต้องเขียนสคริปให้กับทีมงานถ่ายทำเพราะตอนนั้นผมทำงานที่ Oak Ridge National ว่าคุณเป็นคนอธิบายหน่อยเป็นต้อนรับทีมหน่อย ไหน ๆ คุณก็เป็นคนไทยแล้วผมก็เลยต้องไปนั่งศึกษาหาข้อมูล ก็ได้ข้อมูลนี้มาจากแล้วนอกจากนั้น ท่านยังเสด็จไปดูเขื่อน ชื่อเขื่อน Fort Loudoun dam เขื่อนนี้เป็นเขื่อนที่เขา ใช้บริการชลประทานป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำ Tennessee ที่มีอินเดียแดงอยู่ เขาก็มีเขื่อนแล้วก็ใช้ผลิตไฟฟ้าท่านก็ เสด็จไปดูเมื่อปีค.ศ. 1960 กลับมาเรามีเขื่อนภูมิพล ลองย้อน timelineแล้วสำคัญตรงนี้พอไปถึงนักข่าวอเมริกา ถามว่า คุณเป็นกษัตริย์จริงเหรอ ทำไมกษัตริย์ต้องมาทำงานแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ นี่คือสไตล์นักข่าวอเมริกัน ใน หนังสือพิมพ์เขียนอย่างนี้เลย Are you ready The King ท่านก็ตรัสว่าจริงๆแล้ว King of Siam ตอนนั้นเราชื่อ ประเทศสยามใช่ไหม King of Siam it is King Side Job ผมก็เออ King Size Job คืออะไรก็ไปดู ผมขออนุญาต โค้ดพระราชดำรัสเป็นภาษาอังกฤษให้ทุกท่านอ่านว่าความหมาย the king Side Job คือ ท่านบอกว่าเมื่อปี 1960 King of Siam it is King Size Job เขาบอกว่ามีคนอยู่ 2 ประเภท ประเภทหนึ่งคือเป็นพวกเทคนิค ประเภทหนึ่งเป็นพวกปรัชญาแต่ถ้าแปลเป็นไทยตรงๆเลย ก็คือ คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด มี 2 ฝั่งเป็นหน้าที่ ของกษัตริย์เป็นหน้าที่ของคิง ที่ทำให้คน 2 กลุ่มเนี่ยทำงานด้วยกันได้ It is a King Size Job จริงๆ ค.ศ. 1960 ทุกวันนี้มันยังเป็นอยู่เลยนะเราอยู่พื้นที่ เราไม่ได้วางแผนเลย คนวางแผนบอกสภาพัฒน์ กพร. กำห นดตัวชี้วัด มาแล้วเราก็ต้องทำตาม ผมคิดว่าพอเราเห็นภาพนี้กระทรวงมหาดไทยมันกระทรวงแรกๆเลยครับในระบบราชการ ที่บอกว่าให้นายอำเภอเขียนแผนขึ้นมาแล้วตอนที่เขาเชิญผมทำอบรมนี้ผมได้รับงานว่า จริงๆแล้วมันคือ the king Side Job อีกงานนึงคือผมไปอบรมเขาเรียก Youth Leadership คนไปวิทยากรคนหนึ่งผมจำชื่อ Professor แม่น เลย Peter Senge เขาพูดถึงเรื่องทฤษฎี fifty Split ผมพูดกำลังปรับทัศนะคติเขารู้ว่าผมเป็นคนไทย เขาก็เรียก ผมขึ้นไปบนเวที เขาก็ถามว่าคุณรู้ไหมกษัตริย์คุณพูดว่าอะไร อบรมที่ต่างประเทศนะคุณรู้ไหม your king พูดว่า อะไร ใครจะไปรู้ พี่รู้ไหม ไม่มีใครรู้ ผมยังไม่เกิดเลยรูป 3 รูปนี้ผมไม่เกิดแต่รูปไม่ใช่แบบนี้ แต่ว่าผมจำรูปแม่นเลย ผม Search ใน Google มาทำ สไลด์ แล้ว professor บอกว่าถ้าคุณจะเป็น leadership ในอนาคตเนี่ยคุณต้องมี Low Model เขาก็ถามว่าคุณมียัง ยังก็ส่งผมมาอบรมไง แล้ว Peter Senge ก็บอกว่าถ้าคุณไม่มีคุณควรดูคนนี้แล้ว เขาก็บอกทฤษฎีของนายเนี่ยมาจากคนนี้แหละ ทั้ง ๆ ที่เราข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนกับเขาแต่ทฤษฎีมาจากประเทศ ไทย ผมก็รู้สึกแย่นะตอนนั้น เขาก็พยายามที่จะ Push ให้เรารู้สึกอายแหละว่าคุณคนไทย คุณยังไม่รู้เลยว่านี่มันคือ อะไร Peter Senge อธิบาย 3 รูปนี้อย่างนี้ว่าวิธีการทำงาน รูปแรกทรงนั่งกับพื้นแต่ว่ามีข้าราชการล้อมรอบหมดเลย
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 45 ท่านศึกษาของท่านมาอย่างดี มีข้อมูลมาอย่างดีเลยนะไม่มีดราม่ามีแต่ Data แล้วมีข้อมูลในแผนที่เป็นแผนที่ ส่วนพระองค์นั่งแต่เวลาถามข้าราชการก็จะบอกว่าดีครับอะไรแบบนี้ ทำตรงนั้นทรงพระปรีชามาก Peter Senge พูดนะ เขาพูดประมาณนี้ ผมก็อึ้งๆ ผมก็ไม่รู้ว่าท่านพูดว่าอะไรหรอก แต่สุดท้ายท่านไม่เชื่อ ท่านลงพื้นที่เองแล้วดู ล้อมรอบคืออะไร ไม่มีข้าราชการถามชุมชนถามความต้องการของชาวบ้านนั่นคือภาพฉาย ที่ทำก็มาจากทฤษฎี นี้แหละ ว่าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง รู้ก่อนทุกข์คืออะไร สุขคืออะไร แล้วความร่วมมือที่อยากได้จากประชาชน คืออะไร ซึ่งเขาพร้อมที่ให้เราอยู่แล้วก็จะเห็นภาพแบบนี้ แล้วสุดท้ายเขาบอกว่าแหล่งน้ำที่พระองค์ท่านคิดมาเนี่ย ไม่ใช่หรอก สร้างตรงนี้ไม่ได้ต้องไปสร้างตรงนู้น เนี่ยครับกลไก PDCA และ Plan Do Check Act ตลอด ข้อมูลไม่ เคยเชื่อ ไปลงดูพื้นที่จริงบริบทสังคมเปลี่ยนแปลงไปท่านถึงพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเมื่อปี 2517 ไง นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ผมมีความรู้สึกว่าประสบการณ์ตรง 2 งาน ถ้าท่านกลับไปดูคลิปตามรอยพระบาทปี 2005 คนที่ พรีเซนต์หน้าตาเหมือนอินเดียแดงและผมยาวถึงข้างหลัง นั่นคือผมเองที่ออกมาปี 2005 ตามรอยพระบาท ที่มณฑลรัฐ Tennessee แล้วก็ตรงนี้มันเป็นปรับ Mindset ตอนแรกผมไม่อยากกลับเมืองไทย พอเห็นภาพนี้ก็กลับ คำถามที่สำคัญในการเขียนโครงการ มี 4 คำถาม ทำแล้วประเทศได้อะไร ทำที่พื้นที่ไหน โครงการตอบโจทย์ต้นน้ำ กลางน้ำปลายน้ำ อย่างไร ทำไมต้องเป็นกระทรวงมหาดไทย เราจะทำกิจกรรมตอบ 4 อย่างนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เร็วๆ มีเวลาครึ่งชั่วโมงตามเกณฑ์ โครงการนี้ในทฤษฎีที่ทำทั้งหมดมาอยู่ในโครงการนี้เพื่อให้เห็นภาพ เราเรียกว่า โครงการนี้ว่า Social Lab มหาวิทยาลัยลงไปช่วยที่อำเภอคลองเขื่อน ใครมาจากคลองเขื่อนมั้ย ใกล้ๆ นะ ฉะเชิงเทรามีไหม มีนะรู้จักอำเภอนี้ใช่ไหมครับ ไม่มีสงสัยอยู่ใกล้กรุงเทพฯ อำเภอคลองเขื่อนอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการนี้เราไปดูจากเล่าให้ฟังสตอรี่ตอนแรก ตอนแรกเนี่ยเรา เวลาทำโครงการใช่ไหมครับ พระองค์ท่าน พระราชทานไว้เข้าถึง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาแล้วจริงๆ แล้วฝรั่งเรียก Design Thinking แต่จริงๆ แล้วมันอยู่บน พื้นฐานทฤษฎีตรงนี้แหละ Design Thinking มี 5 ขั้นตอน ซึ่งเราก็จะใช้รูปแบบเนี้ยในการทำโครงการกัน อันแรก ก็คือเข้าใจปัญหาก่อนเวลาเข้าใจปัญหาเราลงไปดูภาพ ตอนแรกมีเรื่องเล่าใน สจร. สมัยก่อนมีมะม่วงมาขายที่หัว ตะเข้คนเก่าคนแก่เขาจะเล่าให้ฟัง เราให้นักศึกษาทำสตอรี่นี้ ผมมาชี้แจงงบประมาณก็จะมีกรรมาธิการคนหนึ่งเขา ถามรู้ไหม สจร. ปลูกอะไรอร่อย ผมบอกไม่รู้ เพราะผมเป็นคนอยุธยาก็ตอบตรงๆ เพราะผมก็จะไปรู้ได้ไงว่าอำเภอ ลาดกระบัง ปลูกอะไรอร่อยผมไม่รู้ แต่เขาบอกว่ามีมะม่วงอร่อยมาก ก็ลองให้นักวิจัยไปลองสืบดูปรากฏว่ามะม่วง มันไม่ได้อยู่ใน สจร. ร่องมาจากบางคล้า แล้วสมัยก่อนอำเภอคลองเขื่อนเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอบางคล้า นักวิจัยก็ ลงไปดูในพื้นที่ปรากฏว่าอำเภอคลองเขื่อนไม่เป็นที่รู้จักแต่ปลูกมะม่วงดังจริงๆ ได้แชมป์วัดหลวงพ่อโสธร 3-4 ปี ซ้อนแต่ว่าเขาก็น้อยเนื้อต่ำใจว่ามันเป็นชื่อบางคล้าไปหมด เพราะว่าเคยอยู่บางคล้ามาก่อนแต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคน ของอำเภอคลองเขื่อน พอเราลงพื้นที่เราก็ดูว่ามัน Map กับแผน 13 ได้ไหม น้องนักศึกษากับอาจารย์ก็ลงไปทำ เขาก็เอาข้อมูลนี้มาให้ดูว่ามะม่วงมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง มะม่วงแปรรูปก็ 700-800 ล้าน อบแห้ง มะม่วงที่ขาย สุก 1800 ล้าน ขายและส่งออกไม่ได้ 1200 ล้าน มะม่วงมูลค่าทั้งหมดประมาณ 3000 ล้าน สามารถเกณฑ์ GDP ฝั่งเกษตรได้ แสดงว่าหมุดหมายที่ 1 ตอบโจทย์ เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มของมะม่วงได้ เพราะ GDP หมุดหมาย 1 ต้องโต 4.5 ถ้ามีเบสไลน์อยู่เท่านี้สามารถที่จะพัฒนาให้มะม่วงขายต่างประเทศได้ 1,200 ล้าน ที่ขายไม่ได้ออก ต่างประเทศไม่ได้ก็จะเพิ่มรายได้กับประเทศไทย ทำโครงการนี้มา 3-4 ปีแล้วดูคนปลูกมะม่วงได้มาจากกรมการ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 46 พัฒนาชุมชนก็ของกระทรวงมหาดไทย ขอข้อมูลมามีเกษตรกรกี่ราย ปลูกมะม่วงยังไง บางคล้ารายได้ต่อปีประมาณ 20 ล้านแต่ว่าคลองเขื่อนล้าน 7 ไม่ได้รับการสนับสนุนเพราะบางคล้าเป็นเจ้าใหญ่ บางคล้าอาจจะใช้แบรนด์ บางคล้าไปเอามะม่วงที่อื่นมาเป็นแบรนด์ก็มี เพราะฉะนั้นคลองเขื่อนก็ยังเป็นมะม่วงที่เป็นเฉพาะอยู่ในอำเภอคลอง เขื่อน ไปลงพื้นที่สัมภาษณ์เกษตรกร นี่คือการ empathizing แล้วถามคำถามว่าถ้าเพิ่มมูลค่าเกษตร หมุดหมาย 1 ตอบโจทย์กระทรวงมหาดไทยคือยุทธศาสตร์ที่ 2 เพิ่มมูลค่ามะม่วง ยุทธศาสตร์ที่ 2 ก็จะไปขจัดความยากจน ลด ใช้สารเคมี life on land ก็ได้ น้ำดีขึ้น life under water เพิ่มรายได้ลดความเลื่อมล้ำในเกษตรกร สามารถตอบ โจทย์ SDG ได้หลายจุด เพราะยุทธศาสตร์ที่ 2 ของ มท.เชื่อมโยงให้เห็น ทำไมเกษตรกรถึงจน ข้อ 1 ไม่สามารถ เข้าถึงบริการของภาครัฐได้ ข้อ 2 ต้นทุนการผลิตสูง ข้อ 3 การสนับสนุนไม่ตรงกับความต้องการ ข้อ 4 คือ เกษตรกรส่วนใหญ่ Aging Society เป็นคนสูงวัยไม่มีแรงงาน เราก็เลยให้ทำโครงการอะไรเพื่อปัญหานี้ เอาปัญหานี้ มาผ่านกระบวนการคิด มานิยามปัญหากันใหม่ ทำ fact finding ปรากฏว่าทำไมไม่ทำเรื่องเล่าดีๆ ทำ Story telling เพื่อการขายได้ ลิงก์กับการท่องเที่ยวหรือว่าการผลิต ทำไมไม่ไปส่งออกเมืองนอกเพราะมันใช้สารเคมีเยอะ หรือเปล่า ทำไมไม่ลดการใช้สารเคมีหรือว่าแปรรูปให้มันดีขึ้นเป็นแบบสินค้า High End เป็นด้านสุขภาพมี การตลาด แยกเป็นกลุ่มนักศึกษาเป็น project แล้วมีอาจารย์เข้าไปดู Story telling ต้องทำอะไร มีขั้นตอนอะไร ว่าต้องทำแบบไหนบ้าง มีสายพันธุ์ มีโมเดลไหน นักศึกษาเกษตรลงไปทำงานแปรรูปอาหารก็ลงไปศึกษาว่ามะม่วง จะแปรรูปเป็นอะไร แบบนี้คือ Story ที่จะเล่าให้ฟังว่า solution ก็คือเรื่องของ Social Lab เลือกเกี่ยวกับการทำ เศรษฐกิจชุมชนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในในชุมชนคลองเขื่อน การันตีราคาข้างต้นเพราะว่าสามารถทำได้ พอไปรับซื้อมะม่วงลุงบอกพอใจ 30 ให้ลุง 45 เลยแต่ลุงต้องเลิกใช้สารเคมีทั้งหมดต้นมะม่วงนี้ ลุงต้องสอน นักศึกษาด้วยตอนกิ่งมะม่วงยังไง แล้วลุงต้องเข้าเรียนวัดดิน วัดน้ำยังไง เพราะว่านักศึกษาไม่ได้อยู่ตลอด เราก็ไป สอนลุงต่างๆ มาใช้เครื่องมือเป็น เก็บตัวอย่างเป็น ก็มาดูว่าเอามะม่วงมาแปรรูปเป็นไอติม ไปลงพื้นที่เพ้นท์จริง ไม่เวิร์คขายไม่ออก เรามาทำ Business canvas กันใหม่ ตัวอย่างพิเศษ ตัวอย่างนี้เป้าหมายคือต้องการเอามะม่วง ไปขายต่างประเทศให้ได้ไม่ว่าจะเป็นแปรรูปหรือว่าจะขายสดต้องไปต่างประเทศให้ได้ ทุกข์ชาวบ้านเขาไม่มี ช่องทางการตลาด ความสุขเขาก็ต้องการได้ช่องทางตลาด การทำ SCG ถ้าเรา Merge เราบอกว่า One World One Target หรือว่า MOI One หรือ One Plan MOI ถ้าเป้าหมายเดียวกันทุกหน่วยงานมันช่วยหนุนเสริมกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็น resource ของหน่วยงานไหน สุดท้ายเราก็จะ Move ได้
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 47 6. แผนปฏิบัติการของกรมการปกครอง สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ โดย ผู้แทนกองวิชาการและแผนงาน กองการเจ้าหน้าที่ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหาร งานปกครอง และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กรมการปกครอง วิทยากร : แผนปฏิบัติการด้านของกรมการปกครองมีหลายแผน คือแผนการทำงานของกรมการปกครองในแต่ละ ด้านที่จะนำไปขับเคลื่อนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค วันนี้จะนำเสนอ ๕ แผน ได้แด่ ๑) แผนการปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ๒) การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ๓) แผนปฏิบัติการ ด้านดิจิตอลของกรมการปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๖๘ ๔) แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมกรมการ ปกครองระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ และ ๕) แผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบ ของกรมการปกครองระยะที่สอง ๑. แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ งบประมาณ ตาม พ.ร.บ. วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หมายถึง จำนวนเงินอย่างสูงที่อนุญาตให้จ่าย หรือให้ก่อหนี้ผูกพันได้ตามวัตถุประสงค์และภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย การจะใช้เงินจะต้องมีงานหรือวัตถุประสงค์ที่รองรับและจะต้องใช้ภายในเวลาที่กำหนดและจะต้องใช้ตาม ปีงบประมาณ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ถึง ๓๐ กันยายนในปีถัดไป ซึ่งเป็นวงจรในการปฏิบัติงาน โดยแผนเงินฯ คือแผนที่แสดงรายละเอียดการใช้จ่าย ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน โดยการจัดทำงบประมาณจะต้องเสนอ ครม. และต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมการ แข่งขัน และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลภาครัฐ) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ และ เป้าหมาย SDGs โดยมีลักษณะการทำงาน ๔ ประการ ดังนี้ ๑) เป็นกรอบแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ หน่วยงานต้องทำแผนเงินภายใน ๑๕ วันตั้งแต่การเริ่ม ปีงบประมาณ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 48 ๒) เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด ๓) เป็นกรอบแนวทางในการใช้จ่ายงบประมาณ ว่าจะใช้เมื่อไหร่ อย่างไร โดยจะแบ่งเป็นไตรมาส ๔) เป็นเครื่องมือในการกำกับการใช้จ่ายงบประมาณ งบประมาณปี ๒๕๖๖ มีวงจรทั้งสิ้น ๕ ขั้นตอน ได้แก่ ๑) ทบทวน วางแผน เริ่มทบทวนคำของบประมาณปี ๖๖ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี ๖๔ จากการนำผลการ ปฏิบัติงานตามแผนเงินมาทบทวนเพื่อจัดทำคำขอใหม่ ๒) จัดทำ หลังจากนั้น จะจัดทำคำของบประมาณใหม่ช่วงมกราคม ปี ๖๕ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการ พิจารณาของสำนักงบเพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ และนำเสนอ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ๓) อนุมัติ ครม. จะอนุมัติ พ.ร.บ. งบประมาณ ในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน ปี ๖๕ ๔) บริหาร ส่วนของแผนปฏิบัติการของกรมการปกครองอยู่ในขั้นตอนที่ ๕ คือการจัดทำแผนการ ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและเสนอสำนักงบประมาณภายใน ๑๕ วัน ก่อนเริ่มปีงบประมาณ เพื่อให้ได้รับการ จัดสรรก่อนเดือนตุลาคมและนำงบประมาณมาใช้จ่าย โดยการขอรับงวดแบ่งเป็น ๓ ไตรมาส (ไตรมาส ๑ : ๕๐% ไตรมาส ๒ : ๒๕% และไตรมาส ๓ : ๒๕%) ๕) ติดตามและประเมินผล ภาพรวมงบประมาณของกรมการปกครอง ในทุกปีกรมการปกครองจะได้รับงบประมาณประมาณ ๔๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายจ่ายประจำ อยู่ที่ ๙๒.๐๒% หรือประมาณ ๓๙,๐๐๐ ล้านบาท และมีส่วนของครุภัณฑ์ ได้แก่ การจัดหารถยนต์ ยานพาหนะ ต่างๆ และสิ่งก่อสร้าง ๘% หรือ ๓,๔๐๐ ล้านบาท ในส่วนของงบประจำเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรประมาณ ๘๐% ที่ เหลือ ๑๓% เป็นงบประมาณในการดำเนินงานของอำเภอประมาณ ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณให้ทุก ส่วนราชการแบ่งงบประมาณเป็น ๔ ไตรมาส แต่ในสัดส่วนของงบการลงทุนจะได้รับ ๑๐๐% เต็มตั้งแต่ไตรมาส แรกเนื่องจากจะต้องใช้ไปในการก่อหนี้ลงนามในสัญญา รายจ่ายบุคลากร เงินตาม พ.ร.บ. งบประมาณ ที่ได้รับในส่วนนี้จัดสรรไปแล้ว ๑๐๐% ซึ่งเพียงพอแค่เพียงไตรมาสที่ ๑ เท่านั้น ส่วนไตรมาสที่ ๒ ใช้จากเงินเหลือจ่าย ไตรมาสที่ ๓ - ๔ ผู้บริหารมีนโยบายจัดสรรให้ แต่ไม่สามารถตอบได้ ว่าเมื่อไหร่ ค่าอำนวยการภูมิภาค มีงบประมาณ ๕๐ กว่าล้าน ซึ่งจะหมดไปตั้งแต่ไตรมาสแรก เป็นค่าใช้จ่ายที่ขาดทุกปี ซึ่งจะบริหาร งบประมาณจากการปรับแผนหรือเงินที่เหลือจ่ายมาเติมให้ ค่าเบี้ยเลี้ยงสนาม อส. ในปีนี้จะได้รับเงินเต็มจำนวน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 49 ๒. การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ณ ตอนนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนให้เกิดเป็นรูปธรรม และยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์เพื่อการใช้งาน แผนการ บริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวบรวมมาจากแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนระดับ ๒ รวมทั้ง แนวทางการพัฒนาบุคลากรของ ก.พ. และแนวปฏิบัติราชการของกรมการปกครอง เพื่อให้สอดคล้องกับ แผนพัฒนาบุคลากรที่กรมการปกครองน่าจะต้องการพัฒนาสมรรถนะ จะแบ่งเป็น HRD (การเทรนบุคลากรเพื่อ พัฒนาศักยภาพ) และ HRM (การวางระบบด้านทรัพยากรมนุษย์) ประเด็นยุทธศาสตร์ (Strategic Issues) ๑) สร้างระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพมีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล ๑.๑) การจัดทำระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลโดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดขั้นตอน/ ความล่าช้า/ความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงาน ได้แก่ DPIS ระบบการเบิกจ่ายเงินเพิ่ม ระบบคำร้องขอย้ายออนไลน์ ระบบ e-learning และระบบการลาออนไลน์ ๑.๒) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ตามหลักธรรมาภิบาล ได้แก่ การสรรหา บรรจุ/แต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนระดับ ประเมินผลการปฏิบัติงาน พยายามเอาระบบเข้ามาช่วยเพื่อลดดุลยพินิจของผู้อนุมัติ และให้ทุกคน สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ๒) สร้างระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีสมรรถนะสูงและมีคุณธรรม แบ่งเป็น Career Development เพื่อพัฒนาศักยภาพในการพัฒนาศักยภาพตามสายงาน กับ Training Development มีแผน training roadmap เพื่อพัฒนาความรู้ ศักยภาพของบุคคล ๓) สร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติราชการและสร้างความผูกพันภายในองค์กร สร้างความรู้สึกให้คน ผูกพันและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรให้มากที่สุด เช่น สิทธิสวัสดิการที่นอกเหนือจากราชการ การรู้สึกเป็นเจ้าของ โดยการเป็นหุ้นส่วนทางความคิด ให้เป็นการสื่อสารสองทาง (two way communication) ให้มีสิทธิในการออก ความคิดเห็นและออกแบบ ให้มีระบบ อุปกรณ์ สถานที่ ที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติงาน มีระบบการให้คำแนะนำ เพื่อค้นหาคนที่มีความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ เพื่อส่งต่อความรู้ให้กับคนในองค์กร และการยกย่องเชิดชูคนที่มี ผลงานเป็นเลิศ ทั้งนี้ จะมีการสอบถามความเห็นของผู้มีส่วนร่วม เพื่อจะได้พัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรที่น่าอยู่ และมีศักยภาพ ๓. แผนปฏิบัติการด้านดิจิตัลของกรมการปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๖๘ เป็นแผนระยะ ๓ ปี เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไว และหากมีอะไรเพิ่มเติมจะทำในสองปีหลัง e-government หรือรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ มีมาก่อนหน้า ซึ่งทำให้การทำงานขององค์กรง่ายขึ้น แต่ไม่ตอบสนอง ต่อการบริการประชาชน จึงมีรัฐบาลดิจิตัล (Digital Government) ซึ่งมีการปรับกระบวนการการทำงานให้เร็วขึ้น ลดขั้นตอนการรอของประชาชน อีกสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือ (Open Government) คือการเปิดเผยข้อมูลและ การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อไม่ให้ประชาชนมีภาระในการรับบริการ โดยมี พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการ ภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล เพื่อวางแผนองค์กรว่าหน่วยงานจะเดินทางด้านดิจิทัลอย่างไรบ้าง ซึ่งจะทำให้ประชาชน
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติราชการกรมการปกครอง อย่างมีชีวิตและยั่งยืน ภายใต้หลักการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) | 50 ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องให้ประชาชนถ่ายเอกสารหรือหาเอกสารตัวจริงมาเพื่อเป็นหลักฐาน โดยมี การเชื่อมโยงแผน ๓ ระดับ ได้แก่ แผนระดับ ๑ แผนระดับ ๒ และแผนระดับ ๓ แนวทางขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ที่ ๑ : บูรณาการระบบฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ให้มีประสิทธิภาพสูง ที่ทุกหน่วยงานสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทุกที่ทุก เวลา โดย ๑) การใช้ระบบประมวลผล cloud computing ๒) มีโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ๓) การพัฒนาศูนย์ข้อมูล (data center) ๔) การสำรองข้อมูล (backup and recovery) และ ๕) การพัฒนา hardware และ software ทั้งหมด ยุทธศาสตร์ที่ ๒ : การยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลตามแนวทางมาตรฐานสากล คือการ เน้นให้บริการภาครัฐ โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการประชาชนปรับ วิธีการทำงานเป็นการให้บริการที่ให้ความสำคัญกับผู้รับบริการ ได้แก่ ๑) Portal กลางการให้บริการ ๒) e-signature และ digital signature ๓) D.DOPA การยืนยันตัวตน และ ๔) digital ID ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นมาตรการที่กำหนดขึ้น เพื่อป้องกันและลด ความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อให้ระบบเครือข่ายและระบบสารสนเทศของกรมการปกครองมีความ มั่นคง ปลอดภัย ได้แก่ ๑) cyber security ๒) data security และ ๓) cybersecurity awareness ยุทธศาสตร์ที่ ๔ : การเพิ่มสมรรถนะบุคลากรโดยการยกระดับทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกระดับอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรมีกำลังคนที่มีทักษะด้านดิจิทัลที่เหมาะสมที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยน ภาครัฐไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ได้แก่ ๑) digital literacy ขั้นพื้นฐานในการใช้คอมพิวเตอร์ ๒) digital proceed and service design สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะเพิ่มขึ้น และ ๓) digital leadership สำหรับผู้บริหารเพื่อที่ จะนำองค์กรไปสู่การดำเนินงานในอนาคต อนึ่ง แผนดิจิตอลของกรมยึดโยงกับแผนยุทธศาสตร์กรมการปกครองเพื่อสนับสนุนงาน ซึ่งหากแผน กรมการปกครองไปตอบสนองต่อเป้าหมาย SDGs ข้อไหน แผนปฏิบัติการด้านดิจิตอลของกรมการปกครอง ก็ตอบสนองยุทธศาสตร์SDGs ข้อนั้นเช่นกัน ๔. แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมกรมการปกครองระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ดำเนินการโดย ศูนย์ดำเนินการต่อต้านทุจริต กรมการปกครอง ซึ่งเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาใหม่ รับผิดชอบเรื่อง การส่งเสริมคุณธรรมและการต่อต้านทุจริต มุ่งเน้น ๔ เป้าหมายหลัก ได้แก่ ๑) บุคลากรกรมการปกครองมีกิจกรรมการปฏิบัติตนที่สะท้อนการมีคนทำจริยธรรมเพิ่มขึ้น ได้แก่ การสร้างพื้นที่และส่งเสริมคุณธรรมทำความดีปกครองสร้างคนดี การขับเคลื่อนกรมการปกครอง/อำเภอคุณธรรม ต้นแบบ การยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลองค์กรอำเภอคุณธรรม การส่งเสริมการนำคุณธรรมเพื่อการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒) กรมการปกครองมีเครือข่ายที่ร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณะเพิ่มขึ้น โดยการขับเคลื่อนงานจิตอาสา ตามโครงการจิตอาสาพระราชทาน