การมีสว่ นรว่ มทางการเมอื งระดับท้องถ่ินของประชาชน
ในองค์การบริหารส่วนตาํ บลบ้านเลา่ อําเภอเมอื งชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
LOCAL POLITICAL PARTICIPATION OF THE PEOPLE IN THE
ORGANIZATION ADMINISTRATION OF BAN LAO SUBDISTRICT,
MUEANG CHAIYAPHUM DISTRICT CHAIYAPHUM PROVINCE
นางสาววชั รมน จันรอง
วทิ ยานิพนธน์ ีเ้ ป็นสว่ นหน่ึงของการศึกษา
ตามหลักสูตรปรญิ ญารัฐศาสตรมหาบณั ฑิต
บัณฑิตวทิ ยาลัย
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
พทุ ธศักราช ๒๕๖๓
การมสี ่วนรว่ มทางการเมืองระดบั ท้องถนิ่ ของประชาชน
ในองค์การบริหารสว่ นตําบลบา้ นเลา่ อาํ เภอเมืองชัยภูมิ จงั หวัดชัยภมู ิ
นางสาววชั รมน จันรอง
วทิ ยานพิ นธน์ ้ีเปน็ ส่วนหนึ่งของการศึกษา
ตามหลกั สูตรปรญิ ญารฐั ศาสตรมหาบณั ฑติ
บณั ฑิตวิทยาลยั
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
พุทธศักราช ๒๕๖๓
(ลิขสิทธ์ิเป็นของมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั )
Local Political Participation of the People in the
Organization Administration of Ban Lao Subdistrict,
Mueang Chaiyaphum District Chaiyaphum Province
Miss. Watcharamon Chanrong
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of
the Requirements for the Degree of
Master of Political Science Program
Graduate School
Mahachulalongkornrajavidyalaya University
C.E. 2020
(Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University)
ก
ชื่อวทิ ยานพิ นธ์ : การมสี ่วนร่วมทางการเมืองระดบั ท้องถิน่ ของประชาชนในองคก์ าร
บริหารส่วนตาํ บลบ้านเลา่ อาํ เภอเมืองชยั ภมู ิ จังหวัดชัยภูมิ
ผวู้ ิจัย : นางสาววัชรมน จนั รอง
ปริญญา : รฐั ศาสตรมหาบัณฑติ
คณะกรรมการควบคุมวิทยานพิ นธ์
: ดร.ปรัชญา มโี นนทองมหาศาล, น.บ. (นติ ิศาสตร)์ , น.ม. (นติ ิศาสตร)์ ,
ศศ.ม. (รัฐศาสตร)์ , Ph.D. (Political Science)
: ผศ. ดร.ชาญชยั ฮวดศรี, พธ.บ. (สงั คมศกึ ษา), M.A. (Political Science),
Ph.D. (Political Science)
วันสาํ เรจ็ การศกึ ษา : ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังน้ี ๑) เพี่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับ
ท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ๒) เพื่อ
เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้าน
เล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ๓) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตามหลักสังคห
วตั ถุ๔ กบั การมสี ่วนร่วมทางการเมอื งระดับท้องถ่ินของประชาชนในองคก์ ารบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า
อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ และ ๔) เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัย มีจํานวน
๓๘๐ คน และผู้ให้ข้อมูลสําคัญ จํานวน ๑๑ คน เคร่ืองมือใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม และแบบ
สัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบ่ียงเบน
มาตรฐาน โดยการทดสอบค่าที (t-test) ทดสอบคา่ เอฟ (F-Test) และหาค่าสมั ประสทิ ธิ์สหสมั พนั ธ์ (r)
ผลการวจิ ยั พบว่า
๑) ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วน
ตาํ บลบ้านเลา่ อาํ เภอเมอื งชัยภมู ิ จังหวัดชยั ภมู ิ โดยรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง
๒) เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหาร
ส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ พบว่า ประชาชนที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา
และอาชีพต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่น ในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอ
เมอื งชยั ภมู ิ จงั หวดั ชัยภูมิ โดยรวมไม่แตกตา่ งกนั
๓) ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุ ๔ กับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
พบวา่ มีความสมั พนั ธ์กนั เชิงบวก
๔) แนวทางการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่น พบว่า ภาครัฐควรให้ประชาชน
ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นให้มากข้ึน และมีการเผยแพร่ข้อมูล
ข่าวสารในส่ือออนไลน์ต่าง ๆ ให้ความสําคัญกับประชาชน โดยการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดง
ข
ความคิดเห็นรอบด้านในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การมีส่วนร่วมทางการเมือง
นโยบายและการทํางานของพรรคการเมือง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากยิ่งขึ้น
ในการตัดสินใจเก่ียวกับบทบาทหน้าท่ี นโยบาย การพัฒนาและการแก้ปัญหาของชุมชน และเปิด
โอกาสให้ประชาชนได้ติดตามตรวจสอบความก้าวหน้าของโครงการที่องค์การบริหารส่วนตําบลได้
ดําเนินการ การตรวจสอบการใชง้ บประมาณ และดา้ นอ่ืน ๆ
ค
Thesis Title : Local Political Participation of the People in the
Organization Administration of Ban Lao Subdistrict,
Mueang Chaiyaphum District Chaiyaphum Province
Researcher : Miss. Watcharamon Chanrong
Degree : Master of Political Science Program
Thesis Supervisory Committee
: Dr. Pruchya Meenonthongmahasan, Bachelor of Laws,
Master of Laws, M.A. (Political science), Ph.D. (Political
science)
: Asst. Prof. Chanchai Huadsri, B.A. (Social Study),
M.A. (Political Science), Ph.D. (Political Science)
Date of Graduation : May 27, 2021
Abstract
This research had the following objectives: 1) to study the level of local
political participation of the people in the Ban Lao Subdistrict Administrative
Organization, Mueang Chaiyaphum District, Chaiyaphum Province; 2) to compare the
local political participation of the people in the Ban Lao Subdistrict Administrative
Organization; 3) to study the relationship between the implementation of the Four
Saṅgahavatthu Dhamma (Bases of Social Solidarity) with the local political
participation of the people in the Ban Lao Subdistrict Administrative Organization; 4)
to study problems and guidelines for local political participation of the people in the
Ban Lao Sub-District Administrative Organization. This was mixed-method research.
The sample used in the research consisted of 380 people and 11 key informants.
The research instruments were: questionnaires and interviews. The statistics used for
data analysis were: Frequency, Percentage, Mean and Standard Deviation, t-test, F-
test, and the correlation coefficient (r).
The results of the research were as follows:
1) The level of local political participation of the people in the Ban Lao
Subdistrict Administrative Organization overall was at a moderate level.
2) The comparison of the local political participation of the people in the
Ban Lao Subdistrict Administrative Organization found that people with differences in
sex, age, education, and occupations indifferently participated in local politics.
ง
3) The relationship between the implementation of the Four Saṅgahavatthu
Dhamma and local political participation of the people in the Ban Lao Subdistrict
Administrative Organization revealed a positive relationship.
4) Local political participation guidelines are that the government should
provide people with more information about local political participation. Also, there
should be the dissemination of information in various online media and value the
people by allowing them to express their opinions in various ways in expressing their
opinions about the election, political participation, political party policies, and
functions. It should give people more opportunities to participate in politics in
making decisions about their roles, duties, policies, development, and solutions to
community problems, and give the public an opportunity to monitor the progress of
the project undertaken by the Subdistrict Administrative Organization, including
budget consumption and other aspects.
จ
กิตตกิ รรมประกาศ
วทิ ยานิพนธ์ฉบับน้ีสําเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความเมตตานุเคราะห์ของคณะกรรมการท่ี
ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ประกอบด้วย ดร.ปรัชญา มีโนนทองมหาศาล ประธานกรรมการควบคุม
วิทยานิพนธ์ และ ผศ.ดร.ชาญชัย ฮวดศรี กรรมการ ที่ได้กรุณาให้คําปรึกษา แนะนํา ดูแลเอาใจใส่ให้
ความชว่ ยเหลือในการปรบั ปรุงแกไ้ ขมาดว้ ยดโี ดยตลอด
ขอกราบขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบเครื่องมือในการวิจัยทั้ง ๕ ท่าน คือ
พระครูสุตธรรมภาณี, ผศ., ผศ.ดร.บุรินทร์ ภู่สกุล, ผศ.ดร.วิทยา ทองดี, ผศ.ดร.สุรพล พรมกุล,
ผศ. ดร.ปัญญา คล้ายเดช ที่ให้ความอนเุ คราะห์ตรวจสอบความถกู ตอ้ งทัง้ ดา้ นภาษา เน้ือหา ระเบียบ
วิธแี ละเครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการดาํ เนินการวิจยั ครัง้ น้ี
ผู้วิจัยขอขอบคุณองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ท่ีได้
กรุณาให้ความช่วยเหลือ อํานวยความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์
รสู้ กึ ปลาบปล้ืมใจเปน็ ทส่ี ดุ ทไ่ี ดร้ ับความกรณุ าเป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
ขอขอบคุณคณะกรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ คือ ผศ.ดร.ยุทธนา ประณีต ประธาน
สอบป้องกันวิทยานิพนธ์, รศ.ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ กรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ ท่ีได้ให้
ข้อเสนอแนะเพอ่ื ใหว้ ทิ ยานิพนธฉ์ บับนมี้ ีความถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขนึ้
สุดท้ายน้ี ขอขอบพระคุณพระครูศรีปริยัติพิมล, พระมหาสังคม ชยานนฺโท, ดร.,
นายธนวัฒน์ วิชัยสูง ตลอดจนอาจารย์ บุคลากรทุกท่าน และขอบคุณคณาจารย์คณะรัฐศาสตร
มหาบัณฑิตทุกท่าน ประสิทธ์ิประสาทวิทยาการ และประสบการณ์ รวมถึงให้ความเมตตาเอ้ือเฟ้ือ
ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ และเป็นกําลังใจให้แก่ผู้วิจัยมาตลอด รวมถึงเพื่อน ๆ ทุกรูปที่คอย
ช่วยเหลือแนะนําแนวทางในระหว่างเรียน และมารดา บิดา ลุง ป้า น้า อา ญาติสนิท มิตรสหาย พ่ีๆ
น้อง ๆ ทค่ี อยช่วยเหลือด้วยดตี ลอดมา ขอขอบคณุ เป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
นางสาววัชรมน จันรอง
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
สารบัญ ฉ
เรือ่ ง หนา้
บทคัดย่อภาษาไทย ก
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ค
กติ ติกรรมประกาศ จ
สารบญั ฉ
สารบญั ตาราง ซ
สารบญั แผนภาพ ญ
คําอธบิ ายสัญลกั ษณ์และคาํ ยอ่ ฎ
บทท่ี ๑ บทนํา ๑
๑.๑ ความเปน็ มาและความสาํ คญั ของปญั หา ๑
๑.๒ คาํ ถามการวิจัย ๓
๑.๓ วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย ๓
๑.๔ ขอบเขตการวิจัย ๓
๑.๕ สมมติฐานการวิจยั ๕
๑.๖ นยิ ามศัพท์เฉพาะทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ๕
๑.๗ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการวจิ ัย ๖
บทที่ ๒ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจยั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง ๘
๒.๑ แนวคดิ เกยี่ วกบั การปกครองส่วนท้องถิน่ ๘
๒.๒ แนวคดิ เกย่ี วกบั การมสี ว่ นร่วมทางการเมือง ๑๒
๒.๓ แนวคดิ เกย่ี วกบั องค์การบรหิ ารส่วนตําบล ๒๔
๒.๔ หลกั พุทธธรรมทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการมีส่วนรว่ มทางการเมือง ๓๗
๒.๕ บริบทของตําบลบา้ นเล่า อําเภอเมอื งชยั ภมู ิ จังหวัดชยั ภมู ิ ๔๖
๒.๖ งานวิจัยท่ีเก่ยี วข้อง ๔๙
บทท่ี ๓ วิธีดาํ เนนิ การวจิ ยั ๖๕
๓.๑ รปู แบบวธิ วี จิ ยั (Research Design) ๖๕
๓.๒ ประชากร กลมุ่ ตวั อย่าง และผใู้ หข้ ้อมูลสาํ คญั ๖๖
๓.๓ เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย ๖๘
๓.๔ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ๗๒
๓.๕ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ๗๒
ช
บทท่ี ๔ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ๗๕
๔.๑ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลพน้ื ฐาน ๗๖
๔.๒ ผลการวเิ คราะห์ตามวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัย ๗๙
๔.๓ องค์ความรทู้ ไี่ ด้รบั จากการวิจัย ๑๐๔
บทที่ ๕ สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ๑๐๕
๕.๑ สรปุ ผลการวิจัย ๑๐๖
๕.๒ อภปิ รายผลการวจิ ยั ๑๑๑
๕.๓ ขอ้ เสนอแนะ ๑๒๐
บรรณานุกรม ๑๒๒
ภาคผนวก ๑๒๗
ภาคผนวก ก รายนามผเู้ ช่ยี วชาญในการตรวจสอบเครื่องมือวิจัย ๑๒๘
ภาคผนวก ข หนงั สือขอความอนเุ คราะห์ตรวจแกไ้ ขเครื่องมือทใี่ ชใ้ นการทําการวจิ ยั ๑๓๐
ภาคผนวก ค หนังสอื ขอความอนุเคราะหใ์ นการสมั ภาษณ์เพ่ือการวิจัย ๑๓๖
ภาคผนวก ง เครอ่ื งมอื วิจัยท้งั เชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพ ๑๔๘
ภาคผนวก จ ผลของการหาค่า IOC แบบสอบถามและค่าสัมประสิทธ์แอลฟา่ ๑๖๐
ภาคผนวก ฉ ประมวลภาพจาการศกึ ษาภาคสนามการสัมภาษณ์ ๑๖๙
ประวตั ิผวู้ จิ ยั ๑๗๕
ซ
สารบญั ตาราง
ตารางที่ หน้า
ตารางท่ี ๒.๑ สรปุ แนวคดิ เกยี่ วกบั การปกครองส่วนท้องถน่ิ ๑๒
ตารางท่ี ๒.๒ สรปุ แนวคิดเกยี่ วกับการมสี ว่ นร่วมทางการเมือง ๒๑
ตารางที่ ๒.๓ สรุปแนวคดิ เกยี่ วกับองคก์ ารบริหารส่วนตําบล ๓๔
ตารางที่ ๒.๔ จํานวนประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ ๔๙
๖๐
จงั หวดั ชยั ภูมิ ๖๗
ตารางท่ี ๒.๕ สรุปงานวิจัยทเี่ กยี่ วข้อง ๗๗
ตารางท่ี ๓.๑ จํานวนประชากรและกลุ่มตัวอย่างในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า ๗๗
๗๘
อาํ เภอ เมืองชัยภมู ิ จงั หวดั ชัยภมู ิ ๗๘
ตารางท่ี ๔.๑ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนกตาม
๗๙
เพศ
ตารางท่ี ๔.๒ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนกตาม ๘๐
อายุ ๘๑
ตารางที่ ๔.๓ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามจําแนกตาม
๘๒
ระดับการศกึ ษา
ตารางที่ ๔.๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนกตาม ๘๓
อาชพี
ตารางที่ ๔.๕ แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับ ท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชยั ภมู ิ จังหวดั ชัยภูมิ โดยภาพรวม
ตารางท่ี ๔.๖ แสดงค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับ ท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชยั ภูมิ จังหวัดชัยภมู ิ ด้านขอ้ มลู ข่าวสาร
ตารางที่ ๔.๗ แสดงค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับ ท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชัยภมู ิ จังหวดั ชยั ภูมิ ด้านการแสดงความคดิ เหน็
ตารางที่ ๔.๘ แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับ ท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอ
เมอื งชัยภูมิ จังหวัดชัยภมู ิ ดา้ นการตัดสินใจ
ตารางที่ ๔.๙ แสดงค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชยั ภูมิ จงั หวัดชยั ภมู ิ ดา้ นการติดตามตรวจสอบ
ฌ
ตารางท่ี ๔.๑๐ แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ๘๔
ระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง ๘๕
ชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ด้านส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้วยหลักสังคหวัตถุ ๔ ๘๖
โดยรวม ๘๗
๘๘
ตารางท่ี ๔.๑๑ แสดงค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ๘๙
ระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง ๙๐
ชยั ภมู ิ จงั หวัดชัยภมู ิ ด้านทาน (การให้ การเอือ้ เฟ้อื เผ่ือแผ)่ ๙๑
๙๒
ตารางท่ี ๔.๑๒ แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ๙๓
ระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชัยภูมิ จังหวดั ชยั ภมู ิ ดา้ นปยิ วาจา (วาจาเป็นท่รี ัก หรอื วาจาสุภาพ) ๙๕
ตารางที่ ๔.๑๓ แสดงค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับ ท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชัยภูมิ จังหวัดชยั ภูมิ ดา้ นอตั ถะจรยิ า (การประพฤตปิ ระโยชน)์
ตารางท่ี ๔.๑๔ แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชัยภูมิ จงั หวัดชยั ภมู ิ ดา้ นสมานตั ตตา (ความมีตนเสมอ)
ตารางที่ ๔.๑๕ แสดงการเปรียบเทียบการมสี ่วนร่วมทางการเมอื งระดับท้องถิน่ ของประชาชนใน
องค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ จําแนกตาม
เพศ
ตารางที่ ๔.๑๖ แสดงผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ิน
ของ ประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ
จงั หวัดชยั ภมู ิ จาํ แนกตามอายุ
ตารางที่ ๔.๑๗ แสดงผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ิน
ของ ประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ
จงั หวดั ชยั ภูมิ จาํ แนกตามระดับการศกึ ษา
ตารางที่ ๔.๑๘ แสดงผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ิน
ของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด
ชัยภมู ิ จําแนกตามอาชีพ
ตารางท่ี ๔.๑๙ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ของการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชยั ภูมิ จงั หวัดชัยภมู ิ ดา้ นการตัดสินใจ จาํ แนกตามอาชพี
ตารางท่ี ๔.๒๐ แสดงผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุ ๔
กับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหาร
ส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ มีความสัมพันธ์กันเชิง
บวก
สารบัญแผนภาพ ญ
แผนภาพที่ หน้า
แผนภาพที่ ๒.๑ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย ๖๔
แผนภาพที่ ๔.๑ องค์ความรู้ท่ีได้รับจากการวิจัย ๑๐๔
ฎ
คําอธบิ ายสัญลักษณ์และคาํ ย่อ
อักษรย่อในวิทยานิพนธ์ครั้งน้ี ใช้อ้างอิงจากพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย การอ้างอิงระบุ เล่ม/ข้อ/หน้า หลังอักษรย่อช่ือคัมภีร์ ให้ใช้อักษรย่อตัวพ้ืนปกติ เช่น
ที.สี.(ไทย) ๙/๒๗๖/๙๘. หมายถึง ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ภาษาไทย เล่ม ๙ ข้อ ๒๗๖ หน้า ๙๘ ฉบับ
มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั ๒๕๓๙
ก. คาํ ย่อช่อื คมั ภีรพ์ ระไตรปฎิ ก
พระสตุ ตันตปฎิ ก
คาํ ย่อ = สุตตันตปฎิ ก ชอ่ื คัมภรี ์ ภาษา
ท.ี ปา. (ไทย) = สุตตันตปฎิ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค (ภาษาไทย)
ม.ม. (ไทย) = สุตตันตปฎิ ก มัชฌิมนิกาย มชั ฌิมปัณณาสก์ (ภาษาไทย)
อง.ฺ จตกุ กฺ .(ไทย) = สุตตันตปฎิ ก องั คตุ ตรนิกาย จตกุ กนิบาต (ภาษาไทย)
อง.ฺ อฏฐฺ ก.(ไทย) = สตุ ตันตปิฎก อังคุตตรนกิ าย อฏั ฐกนบิ าต (ภาษาไทย)
ขุ.อติ ิ. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก ขทุ ทกนกิ าย อติ วิ ุตตกะ (ภาษาไทย)
ข.ุ ม. (ไทย) ขุททกนิกาย มหานิทเทส (ภาษาไทย)
บทท่ี ๑
บทนาํ
๑.๑ ความเป็นมาและความสาํ คัญของปัญหา
ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ถื อ เป็ น ห ลั ก ก า ร ท่ี สํ า คั ญ ใน ก า ร ป ก ค ร อ ง ใน ร ะ บ อ บ
ประชาธิปไตย โดยมีความสําคัญท้ังในฐานะท่ีเป็นเคร่ืองมือและจุดมุ่งหมาย กล่าวคือ ในฐานะ
เคร่ืองมือการมีสว่ นร่วมของประชาชนเป็นกระบวนการทปี่ ระชาชนได้มีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง
อย่างอิสระ โดยการร่วมทําร่วมกํากับดูแล และร่วมตรวจสอบการทํางานของผู้บริหาร อีกทั้งการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยน้ัน การเลือกตั้งเป็นกระบวนการทางการเมืองที่มีความสําคัญ และ
เป็นกลไกในการแสดงการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชน ซ่ึงจะทําให้ผู้บริหารมีความ
รับผิดชอบต่อสังคมมากย่ิงข้ึน รวมทั้งเป็นการป้องกันมิให้เกิดการกําหนดนโยบายที่ไม่เหมาะสม ส่วน
ในฐานะท่ีเป็นจุดมุ่งหมาย การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นการเพิ่มอํานาจให้กับประชาชนในแง่ของ
การมีทักษะความรู้ความชํานาญ และประสบการณ์ การรับผิดชอบดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มากยิ่งข้ึน ซ่ึงจะนําไปสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในท่ีสุด การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ การกระทํา
ใด ๆ ก็ตามที่เกิดโดยความเต็มใจไม่ว่าจะประสบผลสําเร็จหรือไม่ และไม่ว่าจะมีการจัดการอย่างไร
เป็นระเบียบหรือไม่ และไม่ว่าจะเกิดข้ึนเป็นคร้ังคราวหรือต่อเน่ืองกัน จะใช้วิธีท่ีถูกต้องตามกฎหมาย
หรือไม่ถูกกฎหมาย เพื่อผลในการท่ีจะมีอิทธิพลต่อการเลือกนโยบายของรัฐหรือต่อการบริหารงาน
ของรฐั หรอื ตอ่ การเลอื กผู้นาํ ทางการเมืองของรฐั บาล ไม่วา่ จะเป็นในระดบั ทอ้ งถน่ิ หรอื ระดบั ชาต๑ิ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนเข้ามามี
ส่วนร่วมในทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยได้อย่างเสรี ตามที่รัฐบาลได้กระจายอํานาจให้
องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ และประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ได้ถูก
บรรจุไว้ในมาตรา ๒๔๗ ถึง ๒๕๔ ในหมวด ๑๔ ของรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ ซ่ึงนับว่า
เป็นการกระจายอํานาจจากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่นท่ีเอ้ือต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยได้เป็น
อย่างดี อีกท้ังเป็นการเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนเข้ามามีส่วนรับผดิ ชอบ และการเรียนรู้การปกครองส่วน
ท้องถ่ิน เพื่อร่วมกันคิดร่วมกันทําพัฒนาท้องถ่ินของตนเองการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของ
ประเทศไทยขึ้นกับการพัฒนาชุมชนในการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างน้อยจะต้องมี ๔ มิติ
๑ บุญเสริม นาคสาร, การมีส่วนร่วมทางการเมอื งของประชาชน : ผลในทางปฏิบัติเมื่อ ครบรอบหก
ปีของการปฏิรูปการเมือง, (๘ มกราคม ๒๕๔๘), [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา: http://publiclaw.net/publaw/
view.aspx?id=๖๘๗ [๑ มิถนุ ายน ๒๕๖๑].
๒
มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเช่ือมโยงกันโดยการมีการเมืองเป็นฝ่ายบริหารจัดการประเทศตั้งแต่ชุมชน
ท้องถิ่น ถงึ ระดับชาติ
ส่วนในจังหวัดชัยภูมิผู้วิจัยได้สํารวจการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินในองค์การ
บริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ พบปัญหาที่น่าสนใจดังน้ี ๑) ประชาชน
ไม่ได้รับรู้/ได้รับรู้ข่าวสาร ไม่เพียงพอ ตัวแทนประชาคมตําบลหมู่บ้าน และประชาชนทั่วไปยังไม่ได้
รับรหู้ รอื ไม่ได้รบั ข้อมูล ขา่ วสารอยา่ งเพียงพอเก่ยี วกบั ช่องทางและกฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งที่จะเอือ้ ตอ่ การ
มีส่วนร่วมของประชาชน ในการกํากับดูแล และตรวจสอบการบริหารงานของ องค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ิน ทําให้ตัวแทนประชาคม และประชาชนท่ัวไปไม่รู้ว่าสามารถเสนอถอดถอนคณะผู้บริหาร
ท้องถ่ิน/ผู้บริหารท้องถ่ินได้ ไม่รู้ว่ามี สิทธิที่จะเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นได้ เป็นต้น หรือ หากจะมีส่วน
ร่วมแล้ว ก็มักจะเป็นเพียงการร่วม รับรู้ข้อมูลท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชุมและ แจ้งให้รู้
เท่านั้น เป็นการส่ือสารทางเดียวมากกว่าจะ เป็นการส่ือสารสองทาง ๒) ประชาชนไม่เข้าใจอย่าง
เพียงพอเก่ียว กับความสําคัญและวิธีการเข้ามีส่วนร่วมจากการท่ีประชาชนในท้องถิ่นไม่ได้รับ/ได้รับ
ข้อมูลข่าวสาร ไม่เพียงพอ ทําให้ประชาชนไม่เข้าใจถึงเหตุผลความ จําเป็นในการต้องเข้าไปร่วมและ
วิธีการในการกาํ กับ ดแู ลและตรวจสอบการทํางานของคณะผู้บรหิ าร ท้องถิน่ /ผู้บรหิ ารทอ้ งถนิ่ สมาชิก
สภาท้องถ่ิน เช่น การเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมฟังการ ประชุมสภาท้องถ่ินได้ แต่ใน
ข้อเท็จจริง นอกจาก ประชาชนส่วนมากจะไม่รู้ว่าสามารถเข้าฟังได้แล้ว ยังไม่รู้ว่าทําไมตนเองจึงต้อง
เสียเวลาไปน่ังฟัง สมาชิกสภาอภิปรายถกเถียงกันในการออก ข้อบัญญัติท้องถ่ินด้วย ๓) ประชาชนไม่
มีโอกาสเข้ามีส่วนร่วม ในทางหลักการแล้วแม้ว่าจะมีกฎหมายท่ีสนับสนุน ส่งเสริมให้ประชาชนได้มี
ส่วนรว่ มในการกํากับดูแล และตรวจสอบการทํางานขององค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินก็ตาม แต่ในทาง
ปฏิบัติ ผู้บริหารองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินจํานวนหนึ่งก็ไม่สนับสนุน การมีส่วนร่วมของประชาชน
ในการกํากับดูแล และตรวจสอบการบริหารงานของตน เนื่องจาก เห็นว่า บทบาทของประชาชนใน
เร่ืองน้ีเป็นการ จับผิดการทํางานของตนเอง หรืออาจทําให้ การทํางานล่าช้า เป็นต้น ๔) ประชาชนไม่
เข้ามีส่วนร่วม ในทางปฏิบัติแล้ว นอกจากการไปใช้สิทธิเลือกตั้งระดับ ท้องถิ่นแล้วประชาชนมักจะมี
ส่วนร่วมในขอบเขต ท่ีจํากัดเน่ืองจากประชาชนในท้องถิ่นโดยเฉพาะ ชุมชนชนบทต่างมีภารกิจท่ีต้อง
ทํามาหากินเล้ียง ครอบครัว จึงเห็นว่า การไปร่วมในการกํากับดูแล และตรวจสอบการทํางานของ
คณะผู้บริหารท้องถ่ิน/ ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถ่ินเป็นการ เสียเวลาหรือไม่มีความรู้ความ
เข้าใจเพียงพอในเร่ือง ที่จะเข้าไปร่วมหรือเห็นว่าอาจเป็นอันตรายต่อ ตัวเองและครอบครัว
ในการศึกษาการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนเป้าหมายที่สําคัญของการพัฒนาระบบ
การเมืองการปกครองขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแบบประชาธิปไตย ซ่ึงเป็นตัวชี้วัดถึงระบบการ
ปกครองส่วนท้องถ่ินได้ คือ องค์การปกครองส่วนท้องถ่ินใดท่ีมีประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับสูงย่อมแสดงถึงความเป็นประชาธิปไตยสูงแต่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่ประชาชนมีส่วน
ร่วมทางการเมืองต่ําย่อมแสดงถึงความเป็นประชาธิปไตยต่ําไปด้วย หากนําความสําคัญของปัญหา
ดังกล่าวมานน้ั ดงั นั้นผวู้ ิจัยจงึ มีความสนใจทจ่ี ะศกึ ษาเกย่ี วกบั การมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับทอ้ งถิ่น
ของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อาํ เภอเมืองชยั ภมู ิ จงั หวดั ชัยภูมิ เพอ่ื นาํ ผลการวจิ ัย
น้ีได้ไปนําเสนอให้กับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องซ่ึงอาจนําไปใช้ในการพัฒนาองค์กรให้มีความเจริญ
๓
สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาท้องถิ่นได้มากที่สุด เพ่ือให้เกิดองค์ความรู้กับประชาชนในเขต
องคก์ ารบริหารส่วนตําบลบา้ นเลา่ อําเภอเมอื งชยั ภมู ิ จงั หวัดชัยภมู ิต่อไป
๑.๒ คาํ ถามการวิจัย
๑.๒.๑ การมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วน
ตําบลบ้านเล่า อาํ เภอเมอื งชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เป็นอยา่ งไร
๑.๒.๒ เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินของประชาชน ในองค์การ
บริหารสว่ นตําบลบา้ นเล่า อําเภอเมืองชยั ภมู ิ จังหวัดชัยภมู ิ แตกต่างกันอย่างไร
๑.๒.๓ ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุ ๔ กับการมีส่วนร่วมทางการ
เมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด
ชยั ภูมิ เป็นอย่างไร
๑.๒.๔ ปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของ
ประชาชนในองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลบ้านเลา่ อําเภอเมอื งชัยภูมิ จงั หวดั ชัยภมู ิ ควรเป็นอยา่ งไร
๑.๓ วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย
๑.๓.๑ เพ่ีอศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิน่ ของประชาชนในองค์การ
บรหิ ารส่วนตาํ บลบ้านเล่า อาํ เภอเมืองชัยภูมิ จงั หวดั ชยั ภมู ิ
๑.๓.๒ เพ่ือเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินของประชาชนใน
องคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมอื งชัยภมู ิ จังหวัดชัยภมู ิ
๑.๓.๓ เพื่อศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการปฏิบัตติ ามหลักสังคหวตั ถุ ๔ กับการมีสว่ นรว่ ม
ทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ
จังหวัดชัยภมู ิ
๑.๓.๔ เพ่ือศึกษาปัญหาและแนวทางการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินของ
ประชาชนในองค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลบ้านเลา่ อาํ เภอเมืองชยั ภมู ิ จงั หวดั ชยั ภมู ิ
๑.๔ ขอบเขตการวิจยั
๑.๔.๑ ขอบเขตดา้ นเนื้อหา
ในการศึกษาคร้ังน้ี ผู้วิจัยมุ่งศึกษา “การมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของ
ประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบา้ นเล่า อําเภอเมอื งชัยภูมิ จังหวดั ชยั ภมู ิ” ดงั น้ี
ขอบเขตดา้ นเน้ือหา ซ่ึงประกอบด้วย
การมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบล
บ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ๕ ด้าน คือ ๑) ด้านข้อมูลข่าวสาร ๒) ด้านการแสดงความ
คิดเหน็ ๓) ด้านการตัดสนิ ใจ ๔) ด้านการติดตามตรวจสอบ และ๕) สังคหวัตถุ ๔
๔
๑.๔.๒ ขอบเขตดา้ นตัวแปร
ในการศึกษาครั้งน้ี ผู้วิจัยกําหนดขอบเขตด้านตัวแปรท่ีใช้ในการวิจัย “การมีส่วนร่วม
ทางการเมืองระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ
จงั หวัดชยั ภูมิ” ดงั น้ี
ขอบเขตดา้ นตัวแปร ซง่ึ ประกอบด้วย
๑. ตัวแปรต้น (Independent Variables) คือ ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบ
แบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศกึ ษา อาชพี และหลกั สงั คหะวตั ถุ ๔
๒. ตัวแปรตาม (Dependent Variables) คือ ความคิดเห็นการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ใน
๕ ด้าน คือ ด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านการแสดงความคิดเห็น ด้านการตัดสินใจ ด้านการติดตาม
ตรวจสอบ
๑.๔.๓ ขอบเขตด้านประชากร/และผู้ใหข้ อ้ มลู สําคญั
ผู้วิจัยกาํ หนดขอบเขตขอบเขตด้านประชากร/และผ้ใู ห้ข้อมูลสาํ คญั ท่ีใช้ในการวิจัย “การมี
ส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชยั ภูมิ จงั หวดั ชยั ภูมิ” ซงึ่ ประกอบด้วย
๑. ประชากร ได้แก่ ประชากรท่ีอาศัยในเขตพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอ
เมืองชัยภมู ิ จังหวดั ชัยภมู ิ จาํ นวน ๓๘๐ คน
๒. ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ (Key Information) ผู้วิจัยทําการสัมภาษณ์ เชิงลึก (In depth
Interview) จํานวน ๑๑ คน ได้แก่ ๑) รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ๑ คน ๒) กํานัน ๑ คน
๓) พนักงานองค์การบริหารส่วนตําบล ๓ คน ๔) สมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบล ๑ คน ๕) ผู้ใหญ่บ้าน
๓ คน ๖) ประธานกองทุนหมูบ่ า้ น บ้านเลา่ ๑ คน ๗) รองประธานกองทุนหมบู่ ้าน บ้านเลา่ ๑ คน
๑.๔.๔ ขอบเขตด้านพ้นื ท่ี
พ้ืนท่ีในการวิจัย ได้แก่ พ้ืนที่ในเขตขององค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมือง
ชัยภมู ิ จังหวดั ชยั ภมู ิ
๑.๔.๕ ขอบเขตด้านระยะเวลา
ระยะเวลาในการดําเนินงานวจิ ัย ต้ังแตเ่ ริ่มตน้ จนถึงเก็บรวบรวมขอ้ มลู และสรปุ ผล รวมทั้ง
การจัดทําเป็นวิทยานิพนธ์ เป็นเวลาท้ังส้ิน ๔ เดือน ตั้งแต่เดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ ถึงเดือน
ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
๕
๑.๕ สมมติฐานการวจิ ยั
๑.๕.๑ ประชาชนที่มีเพศต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถ่ินของประชาชนใน
องค์การบรหิ ารส่วนตําบลบา้ นเลา่ อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวดั ชยั ภูมิ แตกตา่ งกนั
๑.๕.๒ ประชาชนที่มีอายุต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนใน
องค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชยั ภมู ิ จงั หวดั ชยั ภูมิ แตกต่างกนั
๑.๕.๓ ประชาชนท่ีมีระดับการศึกษาต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของ
ประชาชนในองคก์ ารบริหารส่วนตําบลบ้านเลา่ อาํ เภอเมืองชยั ภมู ิ จังหวดั ชยั ภมู ิ แตกต่างกัน
๑.๕.๔ ประชาชนที่มีอาชีพต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนใน
องค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเลา่ อาํ เภอเมอื งชยั ภมู ิ จังหวดั ชัยภมู แิ ตกต่างกัน
๑.๕.๕ ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุ ๔ กับการมีส่วนร่วมทางการ
เมืองระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัด
ชยั ภูมิ มีความสัมพันธ์กันเชงิ บวก
๑.๖ นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย
การมีส่วนร่วมทางการเมือง หมายถึง การทํากิจกรรมท่ีมีอิทธิพลต่อการเมืองซึ่งมี
ผลกระทบต่อการกําหนดนโยบายหรือการตัดสินใจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต่อ
กระบวนการเลือกผู้บริหารท้องถ่ิน ท้ังโดยทางตรงและทางอ้อม ในด้านการไปใช้สิทธิเลือกต้ัง และ
ดา้ นการเข้ารว่ มกิจกรรมทางการเมอื ง ดา้ นการตรวจสอบและประเมนิ ผลทางการเมอื ง
การเมืองระดับท้องถิ่น หมายถึง การปกครองในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า
อําเภอเมอื งชัยภูมิ จังหวดั ชัยภูมิ ทสี่ ว่ นราชการกระจายอํานาจใหอ้ งคก์ ารบริหารกจิ การเพ่ือประชาชน
และโดยประชาชนในท้องถ่ินน้ัน เพื่อให้ประชาชนในท้องถ่ินมีโอกาสปกครองและบริหารงานท้องถ่ิน
ด้วยตนเอง เพื่อสนองความต้องการของท้องถ่ิน ให้งานดําเนินไปอย่างมีประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล
ตรงกับความต้องการของประชาชน
ประชาชน หมายถึง ราษฎรท่ีมีภูมิลําเนา และมีสิทธิออกเสียงเลือกต้ัง ในเขตองค์การ
บรหิ ารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชยั ภูมิ จงั หวดั ชยั ภูมิ
องค์การบริหารส่วนตําบล หมายถึง เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินระดับตําบล โดย
ปกติจะประกอบด้วยหลายหมู่บ้านหลายชุมชนในเขตองค์การบริหารส่วนตําบล น้ัน มีฐานะเป็นนิติ
บุคคลและเป็นราชการบริหารส่วนทอ้ งถ่นิ มชี ่ือและเขตพ้นื ท่รี ับผดิ ชอบของตนเองโดยเฉพาะ
การมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชน หมายถึง ข้อมูลข่าวสารท่ี
ประชาชนได้รับทราบเก่ียวกับภาครัฐ และภาคเอกชนทั้งหมด ได้แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับทาง
การเมือง ตัดสนิ ใจ และได้ตดิ ตรวจสอบ ของการมีส่วนรว่ มทางการเมอื ง มที ้ังหมด ๔ ดา้ น
๑) ด้านข้อมูลข่าวสาร คือ ข้อมลู ข่าวสารการทํางานไมโ่ ปรง่ ใส เน้ือหาข่าวสารที่ประชาชน
ได้รับหรือสนใจ ได้รับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองจากโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ส่ือท่ีออกมา
เสนอข่าวทางการเมืองมคี วามนา่ เชอื่ ถือ มคี วามสนใจในข้อมูลขา่ วสารการมีส่วนร่วมทางการเมอื ง
๖
๒) ด้านการแสดงความคิดเห็น คือ มีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง มีการ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง คิดว่าเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ มีส่วนร่วมทางการ
เมือง หน่วยงานของรัฐในระดับจังหวัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง การไปใช้สิทธิเลือกต้ัง
หรือการมีส่วนรว่ มทางการเมอื งควรมกี ระบวนการกล่อมเกลาและปลูกฝังตงั้ แตเ่ ยาวชนขนึ้ ไป
๓) ด้านการตัดสินใจ คือ การตัดสินใจทางการเมือง เช่น การออกไปใช้สิทธิเลือกต้ังเป็น
สิ่งจําเป็น การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีความจําเป็นกับประเทศชาติ การออกไปใช้สิทธิของตัวเองใน
การมีส่วนรว่ มเป็นประโยชน์ การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีประโยชน์ต่อตัวท่าน ปัจจัยของบุคคล และ
ทศั นคตขิ องผ้นู าํ มผี ลกระทบตอ่ การมสี ่วนร่วมเปน็ ประโยชน์
๔) ด้านการติดตามตรวจสอบ คือ การใช้งบประมาณของ อบต. การตรวจสอบงานจัดซื้อ
จัดจ้างของ อบต. การตรวจสอบผลของความก้าวหน้าตามโครงการที่ อบต. การเข้าร่วมชุมนุมทาง
การเมืองประท้วงรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ติดตามผลงานและตรวจสอบการทํางานของ
นักการเมืองที่ท่านเลือกเข้าไปว่าทําอะไรให้แก่ชุมชนและสังคม การจัดทําแผนพัฒนาตําบล การเข้า
ร่วมกิจกรรมทางการเมือง (ประชาคม) การตรวจรับงานโครงการที่ อบต. ดําเนินการ การเข้ารับฟัง
การประชุมสภา อบต. การเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการติดตามและประเมินผล
แผนพัฒนา อบต.
หลักพทุ ธธรรมไดแ้ ก่ สังคหวัตถุ ๔ คือ ธรรมเครื่องยดึ เหนีย่ ว คือยึดเหนี่ยวใจบุคคล และ
ประสานหมชู่ นไว้ในสามัคคี หลกั การสงเคราะห์ ประกอบดว้ ยธรรม ๔ ประการดงั น้ี
๑. ทาน คือ การให้ หมายถึง เอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วยส่ิงของ
ตลอดถึงให้ความรู้และแนะนาํ สัง่ สอน
๒. ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ หมายถึง การมีวาจาเป็นที่รัก วาจาดูดด่ืมน้ําใจ หรือวาจา
ซาบซึ้งใจ คือกล่าวคําสุภาพไพเราะอ่อนหวานสมานสามัคคี ให้เกิดไมตรีและความรักใคร่นับถือตลอด
ถึงคาํ แสดงประโยชนป์ ระกอบด้วยเหตผุ ลเป็นหลักฐานจูงใจใหน้ ยิ มยอมตาม
๓. อัตถจริยา หมายถึง การประพฤติประโยชน์ คือ ขวนขวายช่วยเหลือกิจการ บําเพ็ญ
สาธารณประโยชน์ ตลอดถึงช่วยแกไ้ ขปรับปรุงสง่ เสรมิ ในทางจริยธรรม
๔. สมานัตตตา คือ ความมีตนเสมอ หมายถึง ทําตนเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติสม่ําเสมอ
กันในชนทั้งหลาย และเสมอในสุขทุกข์โดยร่วมรับรู้ร่วมแก้ไข ตลอดถึงวางตนเหมาะแก่ฐานะ ภาวะ
บุคคล เหตกุ ารณแ์ ละสงิ่ แวดล้อม ถูกต้องตามธรรมในแตล่ ะกรณี
๑.๗ ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั จากการวจิ ัย
๑.๗.๑ ทําให้ทราบระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนใน
องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลบา้ นเล่า อาํ เภอเมอื งชัยภมู ิ จังหวดั ชยั ภมู ิ
๑.๗.๒ ทําให้ทราบผลการเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับทอ้ งถ่นิ ของ
ประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ที่มี เพศ อายุ ระดับ
การศกึ ษา และอาชีพ
๑.๗.๓ ทําให้ทราบปัญหาและแนวทางการปรับปรุงการมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับ
ทอ้ งถ่นิ ของประชาชนในองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บลบา้ นเลา่ อําเภอเมอื งชยั ภูมิ จงั หวัดชยั ภูมิ
๗
๑.๗.๔ สามารถนําผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางสําหรับในการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ระดับท้องถ่ินของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
ให้มีประสิทธภิ าพสูงข้นึ ตอ่ ไป
บทท่ี ๒
แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวขอ้ ง
การศึกษาวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมทางการเมืองระดับท้องถิ่นของประชาชนในองค์การ
บริหารส่วนตําบลบ้านเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ” ผู้ศึกษาได้ค้นคว้าเนื้อหา ลักษณะที่
สําคัญ ของการมีสว่ นรว่ มทางการเมืองท้องถ่นิ ของประชาชน ที่มภี ูมิลาเนาอยู่ในตําบลบา้ นเล่า อําเภอ
เมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ นั้น มีระดับของการมีส่วนร่วมน้ันเป็นอย่างไรบ้าง มีประเด็นที่ศึกษา
ประกอบดว้ ย
๒.๑ แนวคิดเก่ยี วกบั การปกครองส่วนท้องถน่ิ
๒.๒ แนวคิดเกีย่ วกับการมีสว่ นรว่ มทางการเมือง
๒.๓ แนวคิดเก่ียวกับองคก์ ารบริหารส่วนตําบล
๒.๔ หลักพุทธธรรมท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การมสี ่วนรว่ มทางการเมอื ง
๒.๕ บรบิ ทของตาํ บลบา้ นเล่า อําเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภมู ิ
๒.๖ งานวจิ ัยท่เี กย่ี วข้อง
๒.๗ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั
๒.๑ แนวคิดเก่ียวกับการปกครองส่วนทอ้ งถิ่น
๒.๑.๑ ความหมายของการปกครองส่วนทอ้ งถิน่
การปกครองท้องถ่ิน หมายถึง การปกครองในรูปลักษณะการกระจาย อํานาจบางอย่างท่ี
รัฐได้มอบหมายให้ท้องถิ่นทํากันเอง เพ่ือให้ประชาชนในท้องถิ่นมีโอกาส ปกครองและบริหารงาน
ท้องถ่ินด้วยตนเอง เพ่ือสนองความต้องการส่วนรวมของประชาชนใน ท้องถิ่นให้งานดําเนินไปอย่าง
ประหยัด มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลตรงกับความประสงค์ของ ประชาชน โดยเหตุที่ว่า
ประชาชนในแต่ละท้องถ่ินย่อมจะทราบความต้องการของท้องถิ่นนั้น ๆ ได้ดีกว่าบุคคลอื่น และย่อมมี
ความผูกพนั ต่อท้องถิ่นน้นั โดยมงี บประมาณของตนเองและมอี สิ ระ ในการบรหิ ารงานพอสมควร๑
การปกครองส่วนท้องถ่ิน หมายถึง การให้คนในท้องถิ่นมีอิสระในการปกครองกันเอง
กล่าวอีกนัยหน่ึง คือ การปกครองตนเองโดยประชาชนในท้องถ่ิน ซ่ึงแนวคิดดังกล่าวมีพื้นฐานจาก
หลักการกระจายอํานาจการปกครอง (Decentralization) ท่ีหมายถึงการท่ีรัฐมอบอํานาจการ
๑ วิญญู อังคณารักษ์, แนวความคิดในการกระจายอํานาจปกครองท้องถ่ิน, (กรุงเทพมหานคร:
ม.ป.พ., ๒๕๔๗), หน้า ๑๒.
๙
ปกครองให้องค์กรอื่น ๆ ท่ีไม่ใช่องค์กรส่วนกลางจัดทําบริการสาธารณะบางอย่างภายใต้การกํากับ
ดูแลของรฐั ๒
การปกครองท้องถ่ิน หมายถึง การปกครองที่รัฐบาลมอบอํานาจให้ประชาชน ในท้องถิ่น
ใดท้องถ่ินหนึ่งจัดการปกครองและดําเนินการ บางอย่าง โดยดําเนินการกันเอง เพ่ือบําบัดความ
ต้องการของตน การบริหารงานของท้องถิ่นมีการจัดเป็นองค์การมีเจ้าหน้าท่ี ซึ่งประชาชนเลือกต้ัง
ข้นึ มาท้ังหมด หรือบางส่วน ทั้งนี้มีความเป็นอสิ ระในการบริหารงาน แต่รฐั บาลตอ้ งควบคุมดว้ ยวิธกี าร
ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม จะปราศจากการควบคุม ของรัฐหาได้ไม่เพราะการปกครองท้องถิ่นเป็นส่ิง
ทรี่ ัฐทาํ ใหเ้ กดิ ข้ึน๓
การปกครองส่วนท้องถ่ินในประเทศไทย มีรูปแบบการปกครองส่วนท้องถ่ิน ๒ รูปแบบ
ใหญ่ ๆ คอื
๑. การปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบท่ัวไป เป็นรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีอยู่ ทั่ว
ประเทศทุกจังหวัด มี ๓ ประเภทได้แก่ เทศบาลองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) และองค์การ
บริหารส่วนจงั หวัด (อบจ.)
๒. การปกครองสว่ นท้องถิ่นรปู แบบพเิ ศษ มกี ารบริหารจัดการไม่เหมือนกับรูปแบบ ทั่วไป
จะมีข้ึนเป็นกรณีๆ ไป ส่วนใหญ่จะเป็นเขตเมืองใหญ่ เช่น เมืองหลวงหรือเมืองท่องเที่ยว ซ่ึงไม่
เหมาะสมท่ีจะใช้รูปแบบทั่วไปมาใช้ในการปกครอง ปัจจุบันมีกรุงเทพมหานครและเมือง พัทยาท่ีเป็น
ประเภทน้ี
เทศบาล
เทศบาลโดยท่ัวไป หมายถึง ท้องถ่ินที่มีความเป็นเมือง หรือมีศูนย์กลางของความเป็น
เมืองอย่างเห็นได้ชัดเจน ซ่ึงไม่มีความจําเป็นจะต้องเป็นท้องท่ี ตามเขตการปกครองส่วนภูมิภาคแต่
อยา่ งใด ท้องท่ีเทศบาลนั้น อยู่ภายใต้การบริหารขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ทชี่ ่ือว่า เทศบาล โดย
องค์กรของเทศบาล ต้องมีสภาเทศบาล และมีคณะเทศมนตรีหรือนายกเทศมนตรี แล้วแต่กรณี ซ่ึง
เทศบาลในประเทศไทยแบง่ ออกเป็นสามระดับ คือ
๑. เทศบาลนคร คือ เขตท้องถิ่นชุมชนที่มีประชากรรวมกัน ๕๐,๐๐๐ คนข้ึนไป ท้ังมี
รายได้ อนั สมควรในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ตามพระราชบัญญัติเทศบาล
๒. เทศบาลเมือง คือ เขตท้องถ่ินชุมชนที่เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด หรือท้องถ่ินท่ีมี
ประชากรรวมกัน ๑๐,๐๐๐ คนข้ึนไป ท้ังมีรายได้อันสมควรในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ
เทศบาล
๒ โกวิทย์ พวงงาม, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย ปรับวิธีคิด เพิ่มความสามารถ และพลัง
สร้างสรรค์, (กรุงเทพมหานคร: เอกสารเผยแพร่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
๒๕๔๙), หนา้ ๑ – ๕.
๓ อุทยั หิรัญโต, การปกครองทอ้ งถ่ิน, (กรุงเทพมหานคร: โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๒๓), หน้า ๒.
๑๐
๓. เทศบาลตําบล คือ เขตท้องถ่ินชุมชนท่ีมีประชากรรวมกัน ๕,๐๐๐ คนขึ้นไป ท้ังมี
รายได้ อนั สมควรในการปฏิบัตหิ น้าท่ีตามพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล หรือ เป็นสขุ าภิบาลเดิมมาก่อนการ
ยก ฐานะสุขาภิบาลเป็นเทศบาลตําบล และแม้ว่า “เทศบาลตําบล”จะมีชื่อเรียกคล้ายกันหรือชื่อ
เดียวกัน กับ “ตําบล”แต่เทศบาลตําบลไม่จําเป็นจะต้องครอบคลุมตําบลเพียงตําบลเดียว หรือไม่
จําเป็นต้อง ๑๖ ครอบคลุมตําบลตามชื่อเทศบาลน้ัน เช่น เทศบาลตําบลแม่สาย ครอบคลุมบริเวณ
เมืองต่อเนื่อง ระหว่างตําบลเวียงพางคํา และตําบลแม่สาย พ้ืนท่ีนอกเหนือท้องที่เทศบาลน้ี มีฐานะ
เป็นทอ้ งท่ี ตําบล ซ่ึงต่อมากย็ กข้นึ เปน็ เทศบาลภายหลงั
โดยท้องท่ีเทศบาลทั้งสามรูปแบบน้ี จําเป็นจะต้องมีพระราชกฤษฎีกายกฐานะเขตชุมชน
นั้น ๆ ขึ้นเป็นเทศบาลในแต่ละระดับช้ันด้วย ดังน้ัน ในทางปฏิบัติ ท้องถิ่นบางแห่งอาจจะผ่านเกณฑ์
ท้ังด้านประชากร และรายได้แล้ว แต่ยังมีสถานะเป็นองค์กรในระดับท่ีต่ํากว่าท่ีควรจะเป็นอยู่ เน่ือง
ด้วยยงั ไมม่ ีการยกฐานะ
สาํ หรับเขตเทศบาลเมือง (บางแห่ง) และเขตเทศบาลนคร จะแบ่งเขตการปกครองย่อยลง
เป็นชุมชน ซึ่งมีฐานะเท่ากับ หมู่บ้าน ในระบบการปกครองส่วนภูมิภาค โดยชุมชนจะไม่มีตําแหน่ง
ผู้ใหญ่บ้าน และกํานัน ซ่ึงเป็นตําแหน่งของระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค และพิเศษสําหรับเขต
เทศบาลนครขนาดใหญ่หลายแห่งเช่น นครเชียงใหม่นครหาดใหญ่ เมืองพัทยา และ นครนนทบุรีมี
เขตการปกครองในระดับแขวง ซ่ึงเป็นการรวมชุมชนหลาย ๆ ชุมชนเข้าด้วยกัน โดยแขวงน้ีไม่ได้มี
อาณาเขตตามเขตตําบลแต่อย่างใด ท้องที่ตําบลโดยท่ัวไปคือส่วนท้องที่ชนบท หรือก่ึงเมือง ที่มีการ
กระจายตัวขอประชากร อย่างหลวม ๆ แต่อาจจะมีเขตชุมชนท่ีมีประชากรหนาแน่นกว่าจุดอื่น ๆ ใน
ท้องท่ีดว้ ย ในทางปฏิบตั ิ
ท้องที่ตําบลคือท้องที่ส่วนท่ีเหลือจากท้องท่ีเทศบาล โดยจะมีอาณาเขตครอบคลุมท้องที่
ตําบล ตามอย่างการปกครองส่วนภูมิภาคเป็นหลัก แต่หากพื้นท่ีส่วนหน่ึงส่วนใดท่ีอยู่ในเขตท้องท่ี
เทศบาลแล้ว ก็จะอยู่นอกเหนือจากเขตพ้ืนท่ีของท้องท่ีตําบล กล่าวคือ หากมีตัวเมืองอยรู่ ะหวา่ งกลาง
ของเขต ตําบล (ส่วนภูมิภาค) ในสองตําบล ซ่ึงเขตตัวเมืองน้ันได้รับการยกฐานะเป็นท้องที่เทศบาล
แล้ว พื้นท่ีส่วนท่ีเหลือที่ไม่เต็มตําบลคือท้องท่ีตําบล ซ่ึงจะอยู่ภายใต้การบริหารขององค์กรปกครอง
ส่วน ท้องถิ่นท่ีชื่อว่า องค์การบริหารส่วนตําบล โดยต้องมีสภาองค์การบริหารส่วนตําบล และมีนายก
องค์การบริหารส่วนตําบล เป็นผู้บริหาร ท้ังน้ี องค์การบริหารส่วนตําบล อาจไม่ได้ดูแลท้องท่ีตําบล
เดียว ในทางทฤษฎีอาจจะดูแลสองตําบลหรือมากกว่าก็ได้ ทั้งนี้ กฎหมายองค์การบริหารส่วนตําบล
ได้ระบุจํานวนประชากร ในการจัดตั้งท้องท่ีบริหารขององค์การบริหารส่วนตําบลไว้ ส่วน องค์การ
บริหารส่วนจังหวัด มีหน้าที่อุดหนุนท้องถิ่น (เทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตําบล) ในการดําเนิน
กิจการที่ท้องถิ่นไม่สามารถทําได้ โดยอาจจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ เกินขอบเขตอํานาจของท้องถิ่น
หรืออาจเป็นโครงการ ที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมของทุกท้องถ่ินใน จังหวัดเดียวกัน เช่น การก่อสร้าง
โครงสรา้ งพ้นื ฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น
๑๑
ผบู้ ริหารองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ
ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน คือ บุคคลท่ีทําหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารในองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยปกติแล้ว ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีที่มา ๒ ประการ คือ
การเลอื กตัง้ ผบู้ ริหารท้องถิ่นโดยตรง และการเลอื กตัง้ ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ โดยออ้ ม
ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีผู้บริหารคือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในเทศบาล
มีผู้บริหารคือ นายกเทศมนตรีในองค์การบริหารส่วนตําบลมีผู้บริหาร คือ นายกองค์การ บริหารส่วน
ตําบลในกรุงเทพมหานครมีผู้บริหารคือ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในเมืองพัทยามี ผู้บริหารคือ
นายกเมอื งพัทยา ผบู้ ริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะทาํ งานภายใต้การตรวจสอบและถ่วงดุลโดย
สภาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (สภาท้องถ่ิน) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะทํา หน้าที่
บริหารงานภายในขอบเขตตามที่กฎหมายกําหนด และรับผิดชอบต่อสภาท้องถ่ินและ ประชาชนใน
เขตขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น
สรปุ ได้ว่า หลักการปกครองทอ้ งถิน่ มีสาระอนั สําคัญดังน้ี
๑. อาจมีรูปแบบหน่วยการปกครองท้องถิ่นหลายรูปแบบตามความแตกต่างของความ
เจรญิ ประชากรหรอื ขนาดพน้ื ที่
๒. ตอ้ งมีอาํ นาจอิสระ (Autonomy) ในการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ตามความเหมาะสม
๓. องค์การปกครองท้องถ่ิน ต้องมีสิทธิตามกฎหมายที่จะดําเนินการปกครองตนเองโดย
สทิ ธิน้ีแบ่งออกเปน็ ๒ ประการ คือ ประการทหี่ นงึ่ สทิ ธิที่จะตรากฎหมายหรือระเบียบขอ้ บังคับต่าง ๆ
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประการที่สองสิทธิในการกําหนดงบประมาณเพื่อบริหารกิจการ
ตามอาํ นาจหน้าที่ทม่ี ีอยู่
๔. มีองค์การที่จําเป็นในการบริหารและปกครองตนเอง คือ มีองค์กรฝ่ายบริหารและ
องค์กรฝ่ายนิตบิ ัญญตั ิ
๕. ประชาชนในท้องถิน่ มสี ว่ นร่วมในการปกครองท้องถน่ิ
การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นการปกครองท่ีรัฐบาลมอบอํานาจในการดําเนิน กิจกรรมท่ี
จําเป็นในท้องถิ่นน้ัน ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถ่ินได้มีอํานาจในการ ปกครองร่วมกัน
รับผิดชอบท้ังหมดหรือแต่เพียงบางส่วนในการบริหารท้องถ่ิน มีเจ้าหน้าท่ี ดําเนินการที่ประชาชนใน
ทอ้ งถน่ิ น้ันเลือกข้ึนมา ดาํ เนินการบริหารกิจการทเ่ี ปน็ บรกิ ารดา้ นพ้ืนฐาน ภายในท้องถ่นิ โดยอสิ ระ แต่
ก็ถูกกํากับดูแลจากรัฐบาลกลางในบางส่วนการปกครองท้องถิ่นปัจจุบันเป็นรากฐานที่สําคัญของการ
ปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นการกระจายอํานาจให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองด้วยการ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ปกครอง และบริหารงานท้องถิ่นของตนเอง
ตัดสินใจในกิจการท้องถิ่น ได้เอง การปกครองท้องถ่ินถือเป็นกระบวนการทางการเมือง ดังนั้นการ
บริหารการปกครองท้องถ่ิน เท่ากับยอมรับความต้องการของประชาชน ผู้บริหารท้องถิ่นถือว่าเป็น
ส่วนสําคัญต่อการบริหาร จัดการเป็นอย่างย่ิง เพราะต้องทําการจัดการแก้ไขปัญหาของชุมชนใน
ท้องถิ่นให้เป็นที่น่าเช่ือถือ เพราะปัญหาต่าง ๆ ในท้องถ่ินมีหลายส่ิงหลายอย่าง และสลับซับซ้อน การ
บริหารงานในปัจจุบันเป็นการบริหารงานภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัด ท้ังด้าน กําลังคน กําลัง
๑๒
เงิน วัสดุอุปกรณ์และวิธีการจัดการ องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นต้องปฏิบัติ หน้าท่ีตามท่ีกฎหมาย
บัญญัติไว้ และขณะเดียวกันก็มีหน้าท่ีตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งผู้บริหารต้องใช้
งบประมาณให้คุ้มค่าและเรยี นรู้แนวทางการทาํ งานใหม่ ๆ โดยเฉพาะ ความสมั พันธ์กับขา้ ราชการและ
เจา้ หน้าที่ปฏบิ ตั ิงาน
ตารางที่ ๒.๑ สรุปแนวคดิ เกี่ยวกบั การปกครองส่วนท้องถิน่
นกั วชิ าการ/แหลง่ ขอ้ มลู สรุปแนวคิด
วญิ ญู อังคณารกั ษ์ (๒๕๔๗, หน้า ๑๒)
การปกครองท้องถิ่น หมายถึง การปกครองใน
โกวิทย์ พวงงาม (๒๕๔๙, หนา้ ๑ – ๙) รูปลักษณะการกระจายอํานาจบางอย่างที่รัฐได้
อุทยั หริ ญั โต (๒๕๒๓, หนา้ ๒) มอบหมายให้ท้องถิ่นทํากันเอง เพ่ือให้ประชาชน
ใ น ท้ อ ง ถิ่ น มี โ อ ก า ส ป ก ค ร อ ง แ ล ะ บ ริ ห า ร ง า น
ท้องถิ่นด้วยตนเอง เพ่ือสนองความต้องการ
ส่วนรวมของประชาชนในท้องถ่ินให้งานดําเนินไป
อย่างประหยัด มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
ตรงกับความประสงค์ของประชาชน
การปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึง การให้คนใน
ท้องถิ่นมอี ิสระในการปกครองกันเอง กล่าวอีกนัย
หนึ่ง คือ การปกครองตนเองโดยประชาชนใน
ทอ้ งถ่นิ
การปกครองท้องถิ่น หมายถึง การปกครองที่
รัฐบาลมอบอํานาจให้ประชาชน ในท้องถ่ินใด
ท้องถ่ินหนึ่งจัดการปกครองและดําเนินการ
บางอย่าง โดยดําเนินการกันเองเพื่อบําบัดความ
ต้องการของตน
๒.๒ แนวคดิ เก่ยี วกับการมีส่วนร่วมทางการเมอื ง
๒.๒.๑ ความหมายของการมีส่วนรว่ มทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมือง คํากล่าวที่ว่า “การเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน และทุกคนไม่
สามารถปฏิเสธผลกระทบทางการเมืองต่อการดํารงชีวิตของประชาชนได้” คํากล่าวน้ีได้สะท้อนให้
นักวิชาการหลายท่านได้หันมาให้ความสนใจ และศึกษาไว้อย่างมากมายจนสามารถสะท้อนแนวคิด
ต่าง ๆ ออกมาตามบริบท ทางสังคมการเมือง และวัฒนธรรมของตนเอง โดยเฉพาะประเด็น
ความหมายการมีส่วนร่วมทางการเมืองมีผู้ให้แนวคิดไว้อย่างหลากหลาย และได้รวบรวมความหมาย
ของการมีส่วนร่วมทางการเมือง
๑๓
การมีส่วนร่วมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตําบลว่า ประชาชนสามารถมีวิธีการ
เข้าร่วมได้ ๓ ฐานะ ได้แก่
๑. ฐานะผู้ส่งเสรมิ คือ ๑) การมสี ่วนรว่ มโดยวธิ ีการเลือกตงั้ กล่าวคอื มคี วามเอาใจใสเ่ ข้า
ร่วมกจิ กรรมขององค์การบริหารส่วนตาํ บลสม่าํ เสมอ หรอื หากมีความสามารถและคณุ สมบัตเิ หมาะสม
ก็สามารถมีส่วนร่วมโดยวิธีการสมัครเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบล ๒) การมีส่วนร่วมใน
วิธีการทางกฎหมาย กล่าวคือ ปฏิบัติตามกฎหมายและเสียภาษีตามระเบียบข้อบังคับ ๓) การมีส่วน
ร่วมในวิธีการให้ด้านร่วมมือ กล่าวคือ สละแรงงานพัฒนาท้องถิ่น ร่วมกิจกรรมองค์การบริหารส่วน
ตําบล ร่วมมือกับหน่วยงานอ่ืน ๆ ช่วยเผยแพร่ข่าวสารและแสดงความคิดเห็นเพ่ือสนับสนุนหรือไม่
สนับสนนุ โครงการ
๒. ฐานะผู้รบั บรกิ าร กลา่ วคือ ๑) การมสี ่วนร่วมโดยวิธกี ารแจ้งปัญหาหรือความเดือดรอ้ น
สะท้อนภาพการบริการให้ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบลรับรู้ ๒) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการออก
ข้อบังคับท้องถ่ินหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น ๓) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการร่วมเป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัด
จา้ งโดยวิธสี อบราคา ประกวดราค่า
๓. ฐานะผู้ตรวจสอบ กล่าวคือ ๑) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการเป็นผู้ตรวจสอบพฤติกรรม
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบล ๒) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการตรวจสอบแผนพัฒนาองค์การ
บริหารส่วนตําบล ๓)การมีส่วนโดยวิธีการตรวจสอบจัดทําข้อบังคับงบประมาณรายจ่ายประจําปีว่า
ตรงกับแผนพัฒนาตําบลหรือไม่ ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการและค่าใช้จ่ายงบประมาณว่ามีความ
โปร่งใสหรือไม่ ๔) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการเข้ารับฟังการประชุมสภาอย่างสมํ่าเสมอ ๕) การมีส่วน
ร่วมโดยวิธีการขอรับทราบข้อมูลหากเห็นว่าการทํางานขององค์การบริหารส่วนตําบลไม่โปร่งใส
๖) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการคัดค้านข้อบังคับหรือมติขององค์การบริหารส่วนตําบล ที่ทําให้ประชาชน
เกิดความเดือดร้อน ๗) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการตรวจสอบการทํางานขององค์การบริหารส่วนตําบล
เมื่อเห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส ประชาชนในฐานะผู้ตรวจสอบต้องดําเนินการ โดยการแจ้ง
ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล หรือสมาชิกเพอ่ื คัดคา้ น หากพบผ้รู บั ผดิ ชอบในสภา ฯ เพิกเฉย
จะต้องแจ้งนายอําเภอฟ้องศาลหากคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตําบล หรือสมาชิกทํา
ความเสียหายให้กับประชาชนและรวบรวมประชาชนที่มีสิทธ์ิเลือกตั้งครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้ง
เข้าช่ือรอ้ งต่อผู้วา่ ราชการจังหวัดการบรหิ ารสว่ นตาํ บลได้๔
๒.๒.๒ ทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การมีส่วนรว่ ม
การมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวการปกครองในส่วนของท้องถ่ินนั้น เม่ือกล่าวถึงทฤษฎี
การมีสว่ นรว่ ม ก็สามารถจะสรปุ ไดด้ งั น้ี
๑. ทฤษฎีการเกล้ียกล่อมมวลชน (Mass Persuasion) เป็นวิธีการหน่ึงที่แก้ไขปัญหาการ
ขัดแย้งในการปฏิบัติงาน โดยผู้เกลี้ยกล่อม โดยเฉพาะความรู้ขั้นพ้ืนฐาน เพื่อให้ดําเนินงานบรรลุ
เป้าหมายท่ีตั้งไว้ดังน้ี การเกล้ียกล่อมจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่นาไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชน และถ้า
๔ วรทัต ลัยนันท์, การมีส่วนร่วมการปกครองส่วนท้องถ่ิน อ.บ.ต., (กรุงเทพมหานคร: บรรณกิจ,
๒๕๔๖), หนา้ ๔๔-๔๕.
๑๔
การเกลี้ยกล่อมน้ันเป็นเรื่องท่ีตรงกับความต้องการพ้ืนฐานของมนุษย์ย่อมส่งผลถึงการมีส่วนร่วมได้ใน
ทส่ี ดุ
๒. ทฤษฎีการระดมสร้างขวัญของคนในชาติ (National Morale) การมีส่วนร่วมในการ
ปฏบิ ัตกิ ารกจิ กรรมใด ๆ จาํ เป็นต้องใหป้ ระชาชนในชุมชนและผู้ปฏบิ ตั กิ ารมขี วัญทด่ี ี การสร้างขวญั ที่ดี
ต้องพยายามสร้างทัศนคติท่ีดีต่อผู้ร่วมงาน เช่น การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมไม่เอารัดเอาเปรียบให้
ขอ้ เทจ็ จริงเกี่ยวกบั งาน
๓. ทฤษฎีการสร้างความรู้สึกชาตินิยม (Nationalizing) เป็นปัจจัยที่มีความสําคัญนําไปสู่
การมีส่วนร่วมเป็นความรู้สึกท่ีจะอุทิศ หรือเน้นค่านิยมเรื่องผลประโยชน์ของชาติมีความพอใจในชาติ
ตนพอใจในเกียรติภมู ิ จงรักภกั ดีผูกพนั ตอ่ ทอ้ งถน่ิ
๔. ทฤษฎีการสร้างผู้นํา (Leadership) การสร้างผู้นําจะช่วยจูงให้ประชาชนทํางานด้วย
ความเต็มใจ เพ่ือบรรลุวัตถุประสงค์ หรอื เป้าหมายร่วมกัน เพราะผู้นําเป็นปัจจัยสําคัญในการรวบรวม
กลุ่มจงู ใจคนไปยังเป้าประสงค์ ผลของการสร้างผู้นําทําให้เกิดการระดมความร่วมมือปฏิบตั ิงานอย่างมี
คณุ ภาพ มคี วามคิดรเิ ร่ิมในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยดีนั่นเอง๕
จากการถึงทฤษฎีดังกล่าวข้างต้น อาจกล่าวสรุปได้ว่าการมีส่วนร่วมนั้นจะต้องมีหลักใน
การมีส่วนร่วมท่ีสําคัญ คือ การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ, การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการ, การมีส่วน
ร่วมในผลประโยชน์, การมีส่วนร่วมในการประเมินผล เพ่ือที่จะเสริมสร้างระดับการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนใหม้ ีประสิทธิภาพมากขึ้นและทําให้เกิดการพัฒนาขององค์การบรหิ าร
๒.๒.๓ รูปแบบการมีสว่ นร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
แนวความคิดของการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจําแนกเป็น ๔
แนวคดิ
๑. การมีส่วนรว่ มทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรง (Direct Democracy)
การมีส่วนร่วมในลักษณะนี้ ประชาชน หรือพลเมืองของรัฐจะทําหน้าท่ีเป็น “สภา” โดย
ทุกคนมีส่วนร่วมในการประชุมพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการ
กําหนดกฎเกณฑ์ในสังคมภายหลังเมื่อสมาชิกของสังคมเพ่ิมจํานวนมากข้ึน และสังคมมีความซับซ้อน
ขึ้นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรงกลายเป็นเร่ืองยากที่จะสามารถทําได้จริงเพราะ
ประชาชนทกุ คนไม่สามารถเข้ามาใชอ้ าํ นาจของตนเองไดใ้ นทุกกจิ กรรมของประเทศ
๒. การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน หรือประชาธิปไตย
โดยอ้อม(Representative Democracy) การมีส่วนร่วมในรูปแบบน้ี คือ การท่ีประชาชนได้ทําหน้าที่
เลือกผแู้ ทนของตน เขา้ ไปใชอ้ าํ นาจอธปิ ไตยแทนตนในรัฐสภา ผา่ นระบบ ที่เรยี กวา่ “การเลือกตง้ั ”
๓. การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แบบมีส่วนร่วม
(Participatory Democracy) หรือท่ีเรียกว่า “ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” เป็นการนําการมีส่วน
๕ อํานาจ อนันตชัย, การระดมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชน, (นนทบุรี:
มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๔๐), หน้า ๑๒๗-๑๓๐.
๑๕
ร่วม ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรงมาผสมผสานกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองใน
ระบอบประชาธปิ ไตยแบบตัวแทน และเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนมีส่วนรว่ มในทางการเมอื งการปกครอง
มากย่ิงข้ึน โดยให้ประชาชนได้มีอํานาจในการตรวจสอบ และควบคุมการทํางานของ “ผู้แทน” คือ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาแล้วแต่กรณีรวมทั้งการเปิดโอกาสให้ “สถาบัน
การเมือง” ต่าง ๆ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชนองค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน สื่อมวลชน สามารถทําหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐได้
อยา่ งเตม็ ท่ี
๔. การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แบบถกแถลง
(สานเสวนาหาทางออก) (Deliberative Democracy) เป็นประชาธิปไตยแบบถกแถลงท่ีเป็น
กระบวนการ สําคัญของประชาธิปไตยภาคพลเมือง ประชาธิปไตยชุมชน หรือประชาธิปไตยทางตรง
เป็นความพยายามท่ีจะแก้ไขปัญหาท่ีเกิดจากข้อบกพร่องของประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่เป็นรูปแบบ
สถาบันท่ีตายตัวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนที่มีความซับซ้อน และมีความ
แตกต่างหลากหลายได้ทั้งน้ีหลักการประชาธิปไตยแบบถกแถลงไม่ได้เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับระบอบ
ประชาธิปไตยแบบ ตัวแทน เพราะระบอบประชาธิปไตยทั้งสองแบบสามารถอยู่คู่กันได้ ซ่ึงระบอบ
ประชาธิปไตยแบบถกแถลงจะช่วยแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องต่าง ๆ ของระบบการเมืองแบบตัวแทน
โดยการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองที่มีความสํานึกทางการเมือง (Active Citizen) และมีจิตสาธารณะ
รวมหมู่ (Civic Life)รูปแบบการมีส่วนร่วมในลักษณะนี้ท่ีเห็นได้ชัด คือการที่ภาคประชาชน หรือภาค
พลเมอื งเข้ารว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ลกเปล่ียน ถกแถลงกนั เพอื่ นําเสนอแนวคดิ ของตนในการสร้างนโยบายท่ี
เหมาะสมสําหรับตนเองหลักการสําคัญของการมีส่วนร่วมในรูปแบบนี้ คือกระบวนการที่ให้ประชาชน
ทุกคน หรือภาคพลเมืองได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะ และตอบสนองข้อเรียกร้องเพื่อให้ตัวแทนของ
ตน หรือรัฐบาลนําไปปฏิบัติต่อไปการมีส่วนร่วมในทางการเมืองของประชาชนจึงสามารถทําได้หลาย
รปู แบบ รูปแบบทหี่ ลากหลายเหล่านไ้ี ดท้ าํ ให้ประชาชนมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งทก่ี วา้ งขึน้
การมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นกลไกหน่ึงท่ีทําให้ประชาชนได้มีโอกาสสื่อสารกับรัฐมาก
ย่ิงข้ึน ได้มีโอกาสในการส่ือสารและสานผลประโยชน์ร่วมกัน ทําให้การดําเนินนโยบายการเมือง
เศรษฐกิจ และสังคมเปลี่ยนผ่านไปสู่ “การเป็นประเด็นสาธารณะ” ท่ีทุกคน ทุกภาคส่วนต้องให้
ความสําคัญ และสนใจท่ีสําคัญการมีส่วนร่วมทางการเมืองทําให้เปลี่ยนข้ัวความคิดท่ีว่าการตัดสินใจ
ทางการเมือง และกิจกรรมทางการเมืองเปน็ เรื่องของ “นักการเมือง” ไปสู่การเป็น “เรื่องของทุกคน”
ข้อจํากัดของการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยสภาพเร้าระดมทางสังคม ถ้าสังคมมี
การเร้าระดมทางสงั คมตํา่ หมายความวา่ ราษฎรทีไ่ ด้รับการศึกษามจี ํานวนนอ้ ย การเขา้ ถงึ ส่ือมวลชนก็
มีน้อย การพัฒนาเป็นสังคมเมืองก็ตํ่า ส่ิงเหล่าน้ีก็คือข้อจํากัดของการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่สําคัญ
ภาวะทางเศรษฐกิจหรือการครองชีพประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี และมีความมั่งคั่งจะมีโอกาส
เป็นประชาธิปไตยได้มากกว่าประเทศที่ยากจนในประเทศยากจนราษฎรเองจะมีโอกาสเข้ามามีส่วน
ร่วมทางการเมืองน้อย แต่ถ้าความยากจน ความขาดแคลนและเดือดร้อนทางเศรษฐกิจมีมากเกินไป
จนอยู่ในภาวะเกินทนแล้ว อาจจะผลักดันให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากข้ึนก็ได้
ข้อจํากัดทางการเมือง ถ้าระบอบการเมืองเป็นระบอบประชาธิปไตยประชาชนก็จะมีส่วนร่วมทางการ
เมืองสูง แต่ถ้าการปกครองแบบเผด็จการ ประชาชนก็จะมีส่วนร่วมทางการเมืองตํ่า และจะเป็นไปใน
๑๖
รูปของการมีส่วนร่วมโดยการปลุกเร้าระดม เพ่ือสนับสนุนรัฐบาล วัฒนธรรมทางการเมือง ถ้าการมี
บทบาททางการเมืองทีจ่ าํ กดั อยู่แตเ่ ฉพาะกลุ่มบุคคลเพียงไมก่ ตี่ ระกูล ซึง่ กลมุ่ บคุ คลเหล่านมี้ ีทงั้ อิทธพิ ล
และอํานาจเงิน ทําให้คนมีความรู้ไม่อยากเข้ามายุ่งเก่ียวทางการเมือง ปัญหาการมีส่วนร่วมทางการ
เมืองของประชาชน ปัญหาความต่ืนตัวทางการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบ
ประชาธิปไตยน้ัน ต้องเป็นการมีส่วนร่วมแบบสมัครใจไม่ใช่เป็นแบบปลุกระดม สําหรับการมีส่วนร่วม
แบบเสรีหรือแบบสมัครใจน้ีจะเกิดขึ้นได้ เมอ่ื ประชาชนมีความสํานึกทางการเมอื งหรอื ความตื่นตัวทาง
การเมอื งเสียก่อน คนไทยยังมีส่วนร่วมทางการเมืองอยใู่ นระดับตํา่ เช่น การไปลงคะแนนเสียงเลอื กตั้ง
มีอัตราส่วนน้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงผู้ท่ีไปออกเสียงก็มักจะถูกจ้างวาน ชักจูง หรือ
ถูกระดมไป การเปล่ียนแปลงทางการเมืองของไทยจากอดีตเป็นต้นมา ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ได้มีส่วน
ร่วม ทั้งในด้านการสนับสนุนหรือการต่อต้านแสดงให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความน่ิงเฉยทาง
การเมือง ส่วนมากอยู่ในกลุ่มของผู้นําทางการเมืองไม่ก่ีกลุ่มก่ีตระกูล แม้แต่การปฏิวัติเม่ือ
พ.ศ. ๒๔๗๕ ตามเหตุการณ์ท่ีแสดงถึงความต่ืนตัวทางการเมืองและการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง
ของประชาชนอย่างกว้างขวาง คือเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ มีประชาชน นิสิต นักศึกษา
นักเรียน ร่วมกันเรียกร้องรัฐธรรมนูญต่อต้านการปกครองของ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพล
ประภาส จาํ รุเสถยี ร และพนั เอกณรงค์ กิตติขจร ผนู้ าํ ของประเทศขณะน้นั
ดังนั้น ปัญหาสําคัญของการมีส่วนร่วมของไทยอย่างหน่ึง คือ ประชาชนยังมีความนิ่งเฉย
หรือไม่ต่ืนตัวทางการเมืองมากพอ ปัญหาวัฒนธรรมทางการเมือง และการศึกษาวัฒนธรรมทาง
การเมืองที่มีส่วนร่วมในการกระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ วัฒนธรรมทางการเมือง
แบบประชาธิปไตยหรือวัฒนธรรมทางการเมืองแบบมีส่วนร่วมสําหรับเมืองไทยมีงานวิจัยหลายเรื่อง
สรุป และแสดงว่าวัฒนธรรมทางการเมืองของคนไทยไม่สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ทางการเมือง เพราะประชาชนโดยทั่วไปเช่ือวา่ การเมือง หรือการบริหารประเทศเป็นเรือ่ งของคนกลุ่ม
นอ้ ยบางกลุ่มเท่าน้ัน อีกประการหนึ่งคนไทยยังเห็นว่าการเมืองเป็นเร่ืองของผลประโยชน์อย่างชัดแจ้ง
จนเกินไป การเมืองเป็นเรื่องของความ “สกปรก” ความรู้สึกเช่นน้ีทําให้ประชาชน ขาดความศรัทธา
หรือความกระตือรือร้นท่ีจะเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง แต่ถ้าเข้ามาก็มักจะมีวัตถุประสงค์อย่างอื่น
เช่น เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินทอง หรือการช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นเรื่องของสํานึกทาง
การเมืองลักษณะของวัฒนธรรมทางการเมืองของคนไทยอีกประการหนึ่งท่ีไม่สนับสนุนการมีส่วนร่วม
ทางการเมือง คือ การยอมรับในอํานาจนิยมของความเป็นข้าราชการ นั้นคือ ประชาชนโดยท่ัวไปมอง
ว่าข้าราชการเป็นชนช้ันผู้นํา เมื่อข้าราชการแนะนํา หรือชักจูงไปในทางใดประชาชนจึงมักปฏิบัติตาม
โดยไม่โต้แย้ง ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการของประชาธิปไตย ในด้านการศึกษาการจัดการเรียนการ
สอนยังคงยึดนโยบายจากส่วนกลางยังไม่มีการกระจายอํานาจทางการศึกษา ลงไปสู่ภูมิภาค และ
ท้องถ่ินในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนก็เช่นกัน ยังคงเป็นบทบาทของผู้บริหาร และครูเท่าน้ัน
นักเรียน และผ้ปู กครองยงั ไม่มสี ่วนร่วมในการจดั การศึกษาให้เปน็ ไปตามความตอ้ งการของท้องถ่ิน
ปัญหาจากบทบาทของพรรคการเมืองการท่ีประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยมี
สาเหตุอีกประการหน่ึง คอื การขาดองค์กร หรือสถาบนั ทางการเมอื งท่คี อยกระต้นุ ให้ประชาชนมคี วาม
กระตือรือร้นทางการเมืองอยู่เสมอ และเป็นกลุ่มเป็นก้อน สถาบันทางการเมืองที่สําคัญคือ “ระบบ
๑๗
พรรคการเมือง” (Political Party) ในปัจจุบันพรรคการเมืองยังเป็นองค์กรท่ีอ่อนแอ และขาดความ
เป็นสถาบันที่ต่อเนื่องดีพอปัญหาที่สําคัญที่สุดของพรรคการเมืองไทย คือ การขาดองค์กรท่ีซับซ้อน
พอท่ีจะเผชิญกับความรับผิดชอบท่ีเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็วพรรคการเมืองไทยต้ังข้ึนจากการรวมตัวของ
บรรดาสมาชกิ เพื่อสนับสนุนผูน้ ําทางการเมืองคนใดคนหน่งึ เท่านัน้ พรรคการเมืองทุกพรรคไม่ว่าพรรค
เลก็ หรอื พรรคใหญ่มสี าขาพรรคน้อยมาก สาขาบางแหง่ มีแต่รูปแบบ ท่ีเปน็ ทางการเทา่ น้ันไม่มบี ทบาท
อะไร สาขาพรรคมีความสําคญั อยู่ ๒ ประการ คอื
๑) เป็นหน่วยงานของพรรคเช่ือมโยงกับประชาชนในเขตเลือกต้ัง และช่วยสร้างฐาน
สนบั สนนุ ของพรรคในหมปู่ ระชาชนเลือกตงั้
๒) เป็นหน่วยงานของพรรค ในการร่วมคัดเลือกผู้รับสมัครรับเลือกต้ังในเขตน้ัน ๆ สาเหตุ
ที่พรรคการเมืองอ่อนแอ อีกประการหน่ึง คือ ที่ประชุมใหญ่ของพรรค (Party Congress) ยังไม่มี
ระบบที่ดีพอขาดประสิทธิภาพ การประชุมใหญ่ของพรรคเป็นเร่ืองของสมาชิกบางคน บางกลุ่ม และ
มักอยู่ในกรุงเทพฯเท่าน้ัน ขาดสมาชิกพรรคตามสาขา และเขตต่าง ๆ นอกจากน้ีการบริหารงานใน
พรรคยังขาดหน่วยงานท่ีมีประสิทธิภาพ การแตกแยกภายในพรรคเป็นสาเหตุสําคัญอีกประการหน่ึงที่
ทําให้พรรคการเมืองขาดความเป็นสถาบันท่ีเข้มแข็งพอในพรรคแต่ละพรรคมีการแตกแยกกันสูง
มีการแบ่งกลุ่มแบ่งพรรคแบ่งพวกสนับสนุนบางคนตามความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือมีผล ประโยชน์
ร่วมกันอีกประการหน่ึงพรรคการเมืองไม่ได้มีการทํางานในฐานะพรรคอย่างต่อเนื่อง และยืนยาว
ถ้านับระยะเวลาที่พรรคการเมืองเริ่มก่อต้ัง เมื่อมีกฎหมายพรรคการเมืองคือ พ.ศ. ๒๔๙๘ ปัจจุบัน
ก็ประมาณ ๔๐ ปีแต่ตลอดเวลาน้ันพรรคการเมอื งหาได้มีระยะเวลาดําเนินการอย่างต่อเนอื่ งไม่ เพราะ
มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อย ๆ ช่วงเวลาที่ถูกยกเลิกนานท่ีสุด คือช่วง พ.ศ. ๒๕๐๑ ถึง ๒๕๑๑ เป็น
เวลาถึง ๑๐ ปี ประการสุดท้าย พรรคการเมืองยังไม่สามารถสร้างฐานมวลชนได้อย่างดี และมี
ประสิทธิภาพพรรคขาดความเช่ือมโยงกับสมาชิก และมวลชน ประชาชนเลือกผู้แทนเป็นการส่วนตัว
มากกว่าเลอื กในนามพรรคเปน็ ตน้ เหล่านี้คือสาเหตุท่ีทําให้พรรคการเมืองขาดการทํางานใหป้ ระชาชน
เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองได้ดีพอ๖ การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบ
ประชาธิปไตย
๒.๒.๔ กระบวนการมีสว่ นร่วม
กระบวนการมีส่วนร่วม หมายถึงการมีส่วนร่วมท่ีเป็นอิสระโดยความสมัครใจ ในการร่วม
คิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมลงมือการปฏิบัติ ร่วมประเมินผล และร่วมกับประโยชน์การมีส่วนร่วมของ
ประชาชนในการพัฒนา มิได้หมายถึงการให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรรมการพัฒนาของรัฐตามที่รัฐ
กําหนดแต่ หมายถึง การให้ประชาชนกลุ่มชุมชนร่วมกันคิด และตัดสินใจกําหนดทิศทางการ
พัฒนาการดํารงชีวิตร่วมปฏิบัติตามแผนของกลุ่ม หรือของชุมชน และรับประโยชน์ร่วมกันโดยรัฐเป็น
เพียงผู้สนับสนุน การร่วมคิด และตัดสินใจภายในกลุ่มเป็นเร่ืองยากท่ีจะทําให้ทุกคนมีส่วนร่วมจริง ๆ
และเป็นอิสระในการแสดงออกเพราะสมาชิกในกลุ่มมีศักยภาพฐานะอํานาจทางสังคมแตกต่างกัน
๖ ศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย, การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบ
ประชาธิปไตย, [ออนไลน]์ , แหล่งทีม่ า: http://dnfe.nfe.go.th/ilp/soc4/so31-4-4.htm [๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐].
๑๘
ปัจจัยวัฒนธรรมบางประการเป็นอุปสรรคต่อความเป็นอิสระในการแสดงออกคนแต่ละคนต่างมี
มุมมองในการตัดสินคุณค่าเรื่องต่าง ๆ ไม่เหมือนกันประสบการณ์ต่างกัน เหล่านี้อาจนําไปสู่การไม่
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน การมีส่วนร่วมเป็นการเข้าไปเก่ียวข้องทางความคิด จิตใจ อารมณ์
และทางกาย การมีส่วนร่วมมีความหมายมากกว่าการเป็นส่วนหน่ึงการมีส่วนร่วมมีความหมายทั้งใน
ด้านปริมาณ และคุณภาพ การมีส่วนร่วมครอบคลุมทั้งมิติด้านความสามารถเวลา และโอกาสที่จะมี
ส่วนร่วม การมีส่วนร่วมเป็นการกระทําจึงมีทั้งผู้กระทํา ผู้ถูกกระทําหรือผู้รับ และสาธารณชนผู้เป็น
บริบทของการกระทํา การมีส่วนร่วมตามความหมายข้างต้น จึงหมายถึงการท่ีบุคคลกระทําการใน
เร่ืองใดเร่ืองหน่ึง หรือในประเด็นที่บุคคลน้ันสนใจไม่ว่าเขาจะได้ปฏิบัติการเพื่อแสดงถึงความสนใจ
อย่างจริงจังหรือไม่ก็ตาม และไม่จําเป็นที่บุคคลนั้นจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมน้ันโดยตรงก็ได้
แต่การมีทัศนคติ ความคิดเห็น ความสนใจ ห่วงใยก็เพียงพอแล้วท่ีจะเรียกว่าเป็นการมีส่วนร่วมได้
และยังได้ให้คําจํากัดความของการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า “การมีส่วนร่วมของประชาชน”
หมายถึง การท่ีกลุ่มประชาชน หรือขบวนการท่ีสมาชิกของชุมชนที่กระทําการออกมาในลักษณะของ
การทํางานร่วมกันท่ีจะแสดงให้เห็นถึงความต้องการร่วมความสนใจร่วม มีความต้องการที่จะบรรลุถึง
เป้าหมายร่วมทางเศรษฐกิจ และสังคม หรือการเมือง หรือการดําเนินการร่วมกันเพื่อให้เกิดอิทธิพล
ตอ่ รองอํานาจ มติชน ไมว่ ่าจะเป็นทางตรง หรือทางออ้ ม หรือการดําเนินการเพื่อให้เกดิ อทิ ธิพลต่อรอง
อาํ นาจทางการเมอื ง เศรษฐกจิ การปรบั ปรงุ สถานภาพทางสงั คมในกลุ่มชุมชน๗
บวรศักด์ิ อุวรรณ โณ และถวิลวดี บุรีกุล๘ กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในระบอบ
ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมว่า หมายถึง การที่อํานาจในการตัดสินใจไม่ควรเป็นของกลุ่มคนจํานวน
น้อยแต่อํานาจควรได้รับการจัดสรรในระหว่างประชาชนเพื่อทุก ๆ คนได้มีโอกาสที่จะมีอิทธิพลต่อ
กจิ กรรมสว่ นรวม
คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม และคณะ๙ ให้ความหมายการมีส่วนร่วมของประชาชน (Public
Participation) หมายถึง การกระจายโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง และการบริหาร
เกี่ยวกับการตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ ร่วมท้ังการจัดสรรทรัพยากรของชุมชนและของชาติ ซึ่งจะส่งผล
กระทบต่อวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยการให้ข้อมูลแสดงความคิดเห็นให้คําแนะนํา
ปรึกษา ร่วมวางแผน รว่ มปฏบิ ัติรวมตลอดจนการควบคุมโดยตรงจากประชาชน
๗ เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ, การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการดําเนินนโยบายของรัฐบาลด้านการ
บรกิ ารจดั หางาน, (กรงุ เทพมหานคร: กองแผนงานและสารสนเทศ, ๒๕๖๐), หนา้ ๑.
๘ วรศักด์ิ อุวรรณ โณ และถวิลวดี บุรีกุล, ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory
Democracy), (กรุงเทพมหานคร: สถาบนั พระปกเกล้า, ๒๕๔๘), หนา้ ๒๙ – ๓๐.
๙ คะนึงนิจ ศรีบัวเอ่ียม และคณะ, แนวทางการเสริมสร้างประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ปัญหาอุปสรรคและทางออก, (กรุงเทพมหานคร: สถาบัน
พระปกเกลา้ , ๒๕๔๕), หน้า ๑.
๑๙
ปัทมา สูบกําปัง๑๐ ได้สรุปความหมายของการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ว่า หมายถึง
การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิในกระบวนการนโยบายสาธารณะทั้งในด้านการให้ และรับรู้ข้อมูล
ข่าวสาร การให้ความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะ การร่วมตัดสินใจ ทั้งในข้ันตอนการริเริ่มนโยบาย
การจัดทําแผนงาน โครงการหรือกิจกรรมท่ีอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และส่ิงแวดล้อม
การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การจัดการสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ รวมท้ัง
การปฏบิ ตั ิ การตดิ ตาม และประเมินผลตามนโยบายแผนงานโครงการหรอื กจิ กรรมน้ัน
๒.๒.๕ ระดบั การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน
การมีส่วนร่วมของประชาชนว่า จํานวนประชาชนท่ีเข้ามีส่วนร่วมในแต่ละระดับ จะเป็น
ปฏิภาคกับระดับของการมีส่วนร่วม กล่าวคือ ถ้าระดับการมีส่วนร่วมตํ่าจํานวนประชาชนที่เข้ามีส่วน
ร่วมจะมาก และย่ิงระดับการมีส่วนร่วมสูงข้ึนเพียงใด จํานวนประชาชนที่เข้ามีส่วนร่วมก็จะลดลง
ตามลําดับ ซ่ึงระดับของการมีส่วนร่วมของประชาชนเรียงตามลาดับจากต่ําสุดไปสูงสุด ได้แก่ระดับ
การให้ข้อมูล ระดับการเปิดความคิดเห็นของประชาชน ระดับการปรึกษาหารือ ระดับการวางแผน
จนถึงระดับการตัดสินใจร่วมกัน ระดับการร่วมปฏิบัติ ระดับการติดตามตรวจสอบ จนสูงสุดคือระดับ
การควบคุมโดยประชาชน
๑. ระดับการให้ข้อมูล เป็นระดับท่ีต่ําท่ีสุดและเป็นวิธีการที่ง่ายท่ีสุดของการดําเนินการ
เก่ียวกับการมีส่วนร่วม เป็นการให้ข้อมูลกับประชาชนเพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ไม่ได้มีการเปิด
โอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเหน็ สะท้อนกลับมา แนวทางในระดับนี้มีหลายวิธี เช่นการแถลงข่าว
การแจกขา่ ว การจดั นทิ รรศการ เป็นต้น
๒. ระดับเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นระดับขั้นท่ีสูงกว่าระดับแรก กล่าวคือ
มีการเร่ิมรับข้อมูลสะท้อนกลับจากประชาชนเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็น
แนวทางในการดําเนินการในระดับน้ี ส่วนใหญ่ จะเป็นการสํารวจความคิดเห็น และการบรรยายให้
ความรู้ โดยมกี ารซักถามได้ในประเด็นที่มีความสงสยั
๓. ระดับของการให้คําปรึกษาหารือ เป็นระดับการมีส่วนร่วมท่ีสูงข้ึน เป็นการเปิดรับฟัง
ความคิดเห็นของประชาชน และการเจรจาอย่างเป็นทางการ เพ่ือประเมินความก้าวหน้า และระบุ
ประเด็นหรือข้อสงสัย ต่าง ๆ สําหรับแนวทางในการดําเนินการในระดับนี้ เช่น การจัดประชุม การจัด
สัมมนาเชิงปฏิบตั กิ าร เปน็ ตน้
๔. ระดับการวางแผนร่วมกัน เป็นระดับการมีส่วนร่วมท่ีสูงข้ึนจากระดับของการให้
คําปรึกษาหารือ ซ่ึงมีขอบเขตไปถึงการร่วมกันวางแผนการดําเนินงาน และการรับผิดชอบผลการ
ดําเนินงานร่วมกัน ซึ่งจะพบว่ามีประเดน็ ความซับซ้อนและมขี ้อโต้แย้งมากมาย สาํ หรับแนวทางในการ
ดําเนินการในระดับนี้ เช่น การใช้กลุ่มท่ีปรึกษาซ่ึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาข้อ
ขดั แย้งรว่ มกนั เป็นตน้
๑๐ ปัทมา สูบกําปัง, การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชนในกระบวนการนิติบัญญัติ:
บทเรียนจากการเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าช่ือเสนอกฎหมาย, (กรุงเทพมหานคร: สถาบัน
พระปกเกลา้ , ๒๕๕๘), หน้า ๑.
๒๐
๕. ระดับการร่วมปฏิบัติ เป็นระดับที่สูงกว่าระดับการวางแผนร่วมกัน กล่าวคือ เป็นระดับ
ท่ีผู้ดําเนนิ การกบั ประชาชนรว่ มกันดําเนนิ โครงการ เพ่อื ใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ทีว่ างไว้
๖. ระดบั การร่วมตดิ ตามตรวจสอบ ประเมนิ ผล เป็นระดับที่มปี ระชาชนเขา้ ร่วมน้อย แต่มี
ประโยชน์ต่อการดําเนินงานเป็นอย่างมาก แนวทางในการดําเนินการในระดับนี้ คือ การจัดตั้ง
คณะกรรมการติดตามและประเมินผลที่มาจากหลายฝา่ ยท่ีเกีย่ วขอ้ ง
๗. ระดับการควบคุมโดยประชาชน เป็นระดับสูงสูดของการมีส่วนร่วมโดยประชาชน เพื่อ
แก้ไขปญั หาขอ้ ขดั แยง้ ทมี่ ีอยู่ท้ังหมด เชน่ การลงประชามติ เปน็ ต้น๑๑
ระดบั ความเขม้ ของการมีส่วนร่วมกวา้ ง ๆ เปน็ ๓ ระดับ
ระดับท่ี ๑ ระดับการมีส่วนร่วมเทียม (Pseudo-participation) หรือการมีส่วนร่วมแบบ
ถูกกระทํา (Passive participation) การมีส่วนร่วมในระดับนี้ผู้เข้าร่วมไม่มีอํานาจใดๆ ในการ
ตัดสินใจแต่เปน็ ฝ่ายกระทาํ ตามการตดั สินใจของบุคคลอ่ืนเทา่ น้ัน
ระดับที่ ๒ ระดับการมีส่วนร่วมบางส่วน (Partial participation) การมีส่วนร่วมในระดับ
น้ี ผูเ้ ข้ารว่ มมีสว่ นในการเสนอความคิดเหน็ แตอ่ าํ นาจในการตดั สนิ ใจอยทู่ ี่บุคคลอ่ืน
ระดับท่ี ๓ ระดับการมีส่วนร่วมท่ีแท้จริง (Genuine participation) การมีส่วนร่วมใน
ระดับน้ีความคิดเห็นของบุคคลท่ีเข้าร่วมได้รับการรับฟัง และยอมรับเป็นส่วนใหญ่ ซ่ึงแสดงให้เห็นว่า
อํานาจ การตัดสินใจอยู่ที่ผเู้ ข้าร่วมน่ันเอง๑๒
สรุปได้ว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นการปกครองโดยประชาชน และ
เพื่อประชาชน โดยบทบาททางการเมืองของประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตยจึงเป็น
หวั ใจสําคญั ของระบอบน้ี ทั้งนี้บทบาททางการเมอื งของประชาชนทส่ี ําคัญย่ิงประการหน่ึง คอื การเข้า
มีส่วนร่วมทางการเมือง เน่ืองจาก เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
มีส่วนร่วมในการกําหนดนโยบายของรัฐบาล และเป็นกระบวนการช้ีวัดพัฒนาการทางการเมืองใน
ระบอบประชาธิปไตยของแต่ละประเทศ ดังน้ันประเทศ ท่ีพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอยู่ในระดบั ท่ีดีแลว้ มักจะกําหนดให้ประชาชนทกุ ระดับ มีสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการ
เมอื งตามกฎหมาย และมผี ลในทางปฏบิ ตั ิอย่างเปน็ รูปธรรมในทกุ มติ ิของกระบวนการทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีหลายรูปแบบทั้งทางตรง และทางอ้อม ดังน้ี ทางตรง คือ
การที่ประชาชนของรัฐทั้งหมดเป็นผู้ใช้อํานาจในการปกครองโดยตรง ด้วยการ ร่วมกันประชุม
พิจารณาเรื่องต่าง ๆ หรือทําหน้าที่เป็นสภาเอง เนื่องจากอํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชน โดยมี
หลักการว่าประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม ในการกําหนดกฎเกณฑ์บัญญัติกฎหมาย ทางอ้อม คือ
ประชาชนเลอื กผ้แู ทน เพื่อทาํ หนา้ ทแี่ ทนตนในการบรหิ ารประเทศ ทัง้ ฝา่ ย บริหาร และฝ่ายนติ บิ ัญญตั ิ
เน่อื งจากประชาชนมีจํานวนมากเกินกวา่ จะให้โอกาสทุกคนใช้สทิ ธใิ นการปกครอง ประเทศ ดังนั้นการ
๑๑ ถวิลวดี บุรีกุล, ทศธรรม : การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี, (กรุงเทพมหานคร: สถาบันพระปกเกล้า,
๒๕๕๐), หนา้ ๒.
๑๒ วิรัติ ปานศิลา, วีระพงษ์ หาญรินทร์, และเบญจมาศ วระสีหะ, แนวคิด ทฤษฏี สู่การปฏิบัติการ
วางแผนแบบมีสว่ นรว่ มเพือ่ พัฒนาทอ้ งถิ่น, (มหาสารคาม: อภิชาติการพิมพ,์ ๒๕๔๕), หน้า ๒๓–๒๘.
๒๑
มีส่วนร่วมทางการเมืองทางอ้อม จึงเป็นหัวใจสําคัญ โดยเฉพาะการเลือกตั้งเพ่ือเลือกตัวแทน เข้าไป
บริหารประเทศ ประชาชนต้องร่วมมือร่วมใจกัน ไม่สนับสนุนการซื้อสิทธิขายเสียง ต่อต้านและกําจัด
การ ทุจริตคอรัปช่ัน กระบวนการซ่ึงประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีโอกาสแสดงทัศนะ
แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็น เพ่ือแสวงหาทางเลือกและการตัดสินใจต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการที่
เหมาะสมและเป็นทย่ี อมรับร่วมกัน
ตารางท่ี ๒.๒ สรุปแนวคดิ เกย่ี วกบั การมีส่วนร่วมทางการเมอื ง
นกั วิชาการ/แหล่งข้อมลู สรุปแนวคิด
วรทัต ลัยนนั ท์ (๒๕๔๖, หนา้ ๔๔ – ๔๕)
การมีส่วนร่วมของประชาชนในองค์การบริหาร
วรทัต ลยั นันท์ (๒๕๔๖, หน้า ๔๔ – ๔๕) (ต่อ) สว่ นตาํ บลมวี ธิ กี ารเข้าร่วมไดแ้ ก่
๑. ฐานะผู้สง่ เสรมิ กลา่ วคอื ๑) การมสี ่วนรว่ มโดย
วิธีการเลือกตั้ง กล่าวคือ มีความเอาใจใส่เข้าร่วม
กิจกรรมขององค์การบริหารส่วนตําบลสมํ่าเสมอ
หรอื หากมคี วามสามารถและคุณสมบัติเหมาะสมก็
สามารถมีส่วนร่วมโดยวิธีการสมัครเป็นสมาชิก
องค์การบริหารส่วนตําบล ๒) การมีส่วนร่วมใน
วิธีการท างกฎหมาย กล่าวคือ ปฏิบัติตาม
กฎหมายและเสยี ภาษีตามระเบยี บข้อบังคบั
๓ ) การมีส่วนร่วมในวิธีการให้ด้านร่วมมือ
กล่าวคือ สละแรงงานพัฒนาท้องถิ่น ร่วมกิจกรรม
องค์การบริหารส่วนตําบล ร่วมมือกับหน่วยงาน
อ่ืน ๆ ช่วยเผยแพรข่ ่าวสารและแสดงความคิดเห็น
เพ่ือสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนโครงการ ฐานะ
ผู้รับบริการ กล่าวคือ ๑) การมสี ่วนรว่ มโดยวิธีการ
แจ้งปัญหาหรือความเดือดร้อนสะท้อนภาพการ
บริการให้ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบลรับรู้
๒) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการออกข้อบังคับท้องถ่ิน
หรือขอ้ บัญญัตทิ ้องถิน่ ๓) การมีส่วนร่วมโดยวิธี
การร่วมเป็นคณะกรรมการจัดซ้ือจัดจ้างโดยวิธี
สอบราคา ประกวดราค่า ๓. ฐานะผู้ตรวจสอบ
กล่าวคือ ๑) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการเป็นผู้
ตรวจสอบพฤติกรรมสมาชิกสภาองค์การบริหาร
สว่ นตําบล ๒) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการตรวจสอบ
แผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตําบล ๓)การมี
ส่วน โดยวิธีการตรวจสอบ จัดทํ าข้อบั งคั บ
งบประมาณรายจา่ ยประจําปีว่าตรงกับแผนพฒั นา
๒๒
นักวชิ าการ/แหล่งขอ้ มลู สรุปแนวคิด
ตําบลหรือไม่ ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการและ
ค่าใช้จ่ายงบประมาณว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ ๔)
การมีส่วนร่วมโดยวธิ ีการเข้ารับฟังการประชุมสภา
อย่างสม่ําเสมอ ๕) การมีส่วนร่วมโดยวิธีการขอ
รับทราบข้อมูลหากเห็นว่าการทํางานขององค์การ
บรหิ ารส่วนตําบลไม่โปรง่ ใส ๖) การมีสว่ นร่วมโดย
วิ ธี ก า ร คั ด ค้ า น ข้ อ บั ง คั บ ห รื อ ม ติ ข อ ง อ ง ค์ ก า ร
บริหารส่วนตําบล ที่ทําให้ประชาชนเกิดความ
เดือดรอ้ น ๗) การมสี ว่ นร่วมโดยวิธกี ารตรวจสอบ
การทาํ งานขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล
อํานาจ อนนั ตชัย (๒๕๔๐, หนา้ ๑๒๗ – ๑๓๐) ทฤษฎีการสร้างผู้นํา (Leadership) การสร้างผู้นา
จะช่วยจูงให้ประชาชนทํางานด้วยความเต็มใจ
เพ่ือบรรลุวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายร่วมกัน
เพราะผู้นาเป็นปัจจัยสําคัญในการรวบรวมกลุ่มจูง
ใจคนไปยังเป้าประสงค์ ผลของการสร้างผู้นาทํา
ให้เกิดการระดมความร่วมมือปฏิบัติงานอย่างมี
คุณภาพ มีความคิดริเร่ิมในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยดี
นนั่ เอง
ศนู ยส์ ่งเสริมการศกึ ษาตามอธั ยาศัย (ออนไลน)์ การขาดองค์กรท่ีซับซ้อนพอท่ีจะเผชิญกับความ
รั บ ผิ ด ช อ บ ที่ เพิ่ ม ขึ้ น อ ย่ า ง ร ว ด เร็ ว พ ร ร ค ก า ร
เมืองไทยตั้งข้ึนจากการรวมตัวของบรรดาสมาชิก
พรรคมีความสําคญั อยู่ ๒ ประการ คือ
๑) เป็นหน่วยงานของพรรคเช่อื มโยงกบั ประชาชน
ในเขตเลือกตั้ง และช่วยสร้างฐานสนับสนุนของ
ศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย (ออนไลน์) พรรคในหมู่ประชาชนเลือกต้ัง๒) เป็นหน่วยงาน
(ตอ่ ) ของพรรค ในการร่วมคัดเลือกผู้รับสมัครรับ
เลือกตั้งในเขตนั้น ๆ สาเหตุที่พรรคการเมือง
อ่อนแอ อีกประการหน่ึง คือ ที่ประชุมใหญ่ของ
พรรค (Party Congress) ยังไม่มีระบบท่ีดีพอขาด
ประสิทธิภาพ
เกียรตขิ จร วจั นะสวสั ดิ์ (๒๕๖๐, หน้า ๑) กระบวนการมีส่วนร่วม หมายถึงการมีส่วนร่วมท่ี
เป็นอิสระโดยความสมัครใจ ในการร่วมคิด ร่วม
ตัดสินใจ ร่วมลงมือการปฏิบัติ ร่วมประเมินผล
และร่วมกับประโยชน์การมีส่วนร่วมของประชาชน
ในการพฒั นา มิไดห้ มายถึงการใหป้ ระชาชนเขา้ รว่ ม
๒๓
นกั วชิ าการ/แหล่งข้อมลู สรปุ แนวคดิ
กิจกรรรมการพัฒนาของรัฐตามที่รัฐกําหนดแต่
หมายถึง การให้ประชาชนกลุ่มชุมชนร่วมกันคิด
แ ล ะ ตั ด สิ น ใจ กํ า ห น ด ทิ ศ ท า งก า ร พั ฒ น า ก า ร
ดํารงชีวิตร่วมปฏิบัติตามแผนของกลุ่ม หรือของ
ชุมชน และรับประโยชน์ร่วมกันโดยรัฐเป็นเพียง
ผู้สนับสนุน การร่วมคดิ และตัดสนิ ใจ
วรศักด์ิ อุวรรณโณ และถวิลวดี บุรีกุล (๒๕๔๘, การมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วน
หนา้ ๒๙ – ๓๐) ร่วมว่า หมายถึง การที่อํานาจในการตัดสินใจไม่
ควรเป็นของกลุ่มคนจํานวนน้อยแต่อํานาจควร
ได้รับการจัดสรรในระหว่างประชาชนเพ่ือทุก ๆ คน
ไดม้ โี อกาสทจ่ี ะมีอทิ ธิพลต่อกจิ กรรมส่วนรวม
คะนงึ นิจ ศรบี วั เอี่ยม และคณะ การมีส่วนร่วมของประชาชน(Public Participation)
(๒๕๔๕, หนา้ ๑) หมายถงึ การกระจายโอกาสใหป้ ระชาชนมีส่วนรว่ ม
ทางการเมือง และการบริหารเก่ียวกับการตัดสินใจ
ในเร่ืองต่าง ๆ ร่วมทั้งการจัดสรรทรัพยากรของ
ชุมชนและของชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต
และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยการให้ข้อมูล
แสดงความคิดเห็นให้คําแนะนําปรึกษา ร่วม
วางแผน ร่วมปฏิบัติรวมตลอดจนการควบคุม
โดยตรงจากประชาชน
ปัทมา สบู กําปัง (๒๕๕๘, หนา้ ๑) การมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ว่า หมายถึง การ
เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิในกระบวนการ
นโยบายสาธารณะท้ังในด้านการให้ และรับรู้ข้อมูล
ข่าวสาร การใหค้ วามคดิ เห็น หรือขอ้ เสนอแนะ การ
ร่วมตัดสินใจ ทั้งในข้ันตอนการริเร่ิมนโยบาย การ
จัดทําแผนงาน โครงการหรือกิจกรรมที่อาจมี
ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และส่ิงแวดล้อม การ
วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การจัดการ
สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ รวมท้ังการ
ปฏิบัติ การติดตาม และประเมินผลตามนโยบาย
แผนงานโครงการหรือกิจกรรมน้นั
ถวิลวดี บรุ ีกุล (๒๔๔๐, หน้า ๒) ระดับของการมีสว่ นร่วม มี ๗ ระดบั
๑. ระดับการให้ข้อมูล เป็นระดับที่ตํ่าท่ีสุดและ
เป็นวิธีการที่ง่ายท่ีสุดของการดําเนินการเก่ียวกับ
การมสี ่วนร่วม
๒๔
นกั วิชาการ/แหลง่ ข้อมลู สรุปแนวคดิ
ถวลิ วดี บุรกี ลุ (๒๔๔๐, หนา้ ๒) (ตอ่ ) ๒. ระดับเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
วริ ัติ ปานศิลา, วรี ะพงษ์ หาญรนิ ทร,์ และ เป็นระดับขั้นที่สูงกว่าระดับแรก กล่าวคือ เปิด
เบญจมาศ วระสหี ะ (๒๕๔๕, หน้า ๒๓ – ๒๘) โอกาสใหป้ ระชาชนเขา้ มาแสดงความ
๓. ระดับของการให้คําปรึกษาหารือ เป็นระดับ
การมีส่วนร่วมท่ีสูงขึ้น เป็นการเปิดรับฟังความ
คิดเหน็ ของประชาชน
๔. ระดบั การวางแผนร่วมกัน เป็นระดับการมีส่วน
ร่วมทสี่ งู ข้ึนจากระดบั ของการใหค้ าํ ปรกึ ษาหารอื
๕. ระดับการร่วมปฏิบัติ เป็นระดับท่ีสูงกว่าระดับ
การวางแผนร่วมกัน กล่าวคือ เป็นระดับที่
ผู้ดําเนินการกับประชาชนร่วมกันดําเนินโครงการ
เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้
๖. ระดับการร่วมติดตามตรวจสอบ ประเมินผล
เป็นระดับทมี่ ปี ระชาชนเข้ารว่ มนอ้ ย แตม่ ี
ประโยชน์ตอ่ การดําเนินงานเปน็ อยา่ งมาก
๗. ระดับการควบคุมโดยประชาชน เป็นระดับ
สูงสุดของการมีส่วนร่วมโดยประชาชน เพื่อแก้ไข
ปัญ หาข้อขัดแย้งที่มีอยู่ท้ังหมด เช่นการลง
ประชามติ
ร ะ ดั บ ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ท่ี แ ท้ จ ริ ง (Genuine
participation) การมีส่วนร่วมในระดับนี้ความ
คิดเห็นของบุคคลที่เข้าร่วมได้รับการรับฟัง และ
ยอมรับเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอํานาจ
การตดั สนิ ใจอยทู่ ี่ผเู้ ขา้ รว่ มน่ันเอง
๒.๓ แนวคิดเก่ียวกบั องคก์ ารบริหารส่วนตําบล
๒.๓.๑ ความหมายขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลองคก์ ารบริหารส่วนตําบล หมายถงึ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
ท่ีจัดต้ังข้ึนตามพระราชบัญญัติแห่งกฎหมาย มีฐานะเป็นนิติบุคคล และเป็นราชการส่วนท้องถิ่น เขต
ขององค์การบริหารส่วนตําบลได้แกเ่ ขตตําบล รับผิดชอบดแู ลงานดา้ นบริการสาธารณะหรืองานต่าง ๆ
ทกี่ าํ หนดไวใ้ นพระราชบัญญัติ
๒๕
๒.๓.๒ ลักษณะขององค์การบริหารส่วนตําบลปัจจุบันจึงมีจํานวนองค์การบริหารส่วน
ตําบล
จํานวนท้ังส้ิน ๖,๖๑๖ แห่ง และมีการเปลี่ยนแปลงการแบ่งระดับองค์การบริหารส่วน
ตาํ บลเป็น ๓ ขนาด คือ
๑) องค์การบริหารสว่ นตําบลขนาดใหญ่ (ส่วนใหญ่จะเป็น องค์การบริหารส่วนตาํ บล
ชัน้ ๑ เดิม)
๒) องค์การบริหารส่วนตําบลขนาดกลาง (ส่วนใหญ่จะเป็น องค์การบริหารส่วน
ตาํ บล ชัน้ ๒ และ องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลช้ัน ๓ เดิม)
๓) องค์การบริหารส่วนตําบลขนาดเล็ก (ส่วนใหญ่จะเป็น องค์การบริหารส่วนตําบล
ช้ัน ๔ และ องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลชนั้ ๕ เดมิ )๑๓
หลักเกณฑ์สําคัญทใ่ี ช้ในการแบ่งขนาดองคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบล
๑) เกณฑ์ระดบั รายได้
๑.๑) รายได้ไม่รวมเงินอุดหนุนสูงกว่า ๒๐ ล้านบาท เป็น องค์การบริหารส่วน
ตาํ บลขนาดใหญ่
๑.๒) รายได้ไม่รวมเงินอุดหนุน ๖ - ๒๐ ล้านบาท เป็น องค์การบริหารส่วน
ตําบลขนาดกลาง
๑.๓) รายได้ไม่รวมเงินอุดหนุนต่ํากว่า ๖ ล้านบาท เป็น องค์การบริหารส่วน
ตําบลขนาดเลก็
๒) เกณฑต์ วั ชว้ี ัดด้านค่าใช้จา่ ยบุคลากร
๓) เกณฑ์ตวั ช้วี ดั ดา้ นเศรษฐกิจและสงั คม
๓.๑) จํานวนพน้ื ท่ี
๓.๒) จาํ นวนประชากร
๓.๓) จาํ นวนโครงสร้างพน้ื ฐาน
๓.๔) จํานวนโรงฆ่าสัตว์
๓.๕) จํานวนตลาดสด
๓.๖) จาํ นวนโรงงานนิคมอุตสาหกรรม
๓.๗) จาํ นวนโรงเรอื น
๓.๘) จาํ นวนศนู ย์พฒั นาเด็กเลก็
๓.๙) จํานวนโรงแรม
๓.๑๐) จาํ นวนศาสนสถาน
๓.๑๑) จาํ นวนสถานพยาบาล
๑๓ กรมการส่งเสริมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, พระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหาร
ส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗, แก้ไขเพ่ิมเติมถึง ฉบับที่ ๕, (กรุงเทพมหานคร: กรมการส่งเสริมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย, ๒๕๔๗), หนา้ ๑๒.
๒๖
๓.๑๒) จํานวนศูนยก์ ารคา้
๓.๑๓) การประกาศให้ องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล เป็นเขตควบคมุ อาคาร
๓.๑๔) การประกาศให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดและ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
๓.๑๕) จํานวนวัสดุ อุปกรณ์และเคร่ืองมือด้านการปูองกันและบรรเทาสา
ธารณภยั
๓.๑๖) จาํ นวนวสั ดุอปุ กรณ์และเคร่อื งมือดา้ นกาจัดขยะและสงิ่ ปฏิกลู
๓.๑๗) จํานวนโครงสร้างส่วนราชการ
๓.๑๘) จาํ นวนหน่วยกจิ การพาณิชย์
๔) เกณฑต์ วั ชวี้ ัดดา้ นประสทิ ธภิ าพในการปฏิบตั ิงาน
๔.๑) ประสิทธิภาพดา้ นการจดั เก็บรายได้
๔.๒) ประสิทธิภาพด้านการบรหิ ารแผนงานและงบประมาณ
๔.๓) ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลด้านงานบคุ คล
๔.๔) ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลด้านการบริการ
๕) เกณฑ์ตัวช้วี ัดด้านธรรมาภบิ าล
๕.๑) หลักนิติธรรม
๕.๒) หลักคณุ ธรรม
๕.๓) หลักความโปรง่ ใส
๕.๔) การมีสว่ นร่วมของประชาชน
๕.๕) หลกั ความรบั ผิดชอบ
๕.๖) ความคมุ้ ค่า๑๔
๒.๓.๓ องคป์ ระกอบขององคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล
โครงสร้าง องค์การบริหารส่วนตําบลใหม่เกิดขึ้นจากการเสนอแก้ไขเพ่ิมเติม
พระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๕
พ.ศ. ๒๕๔๖) เพ่ือให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหมวดว่าด้วยการ
ปกครองท้องถิน่ ทําใหโ้ ครงสร้างของสภาองค์การบรหิ ารสว่ นตําบลและคณะกรรมการบริหารองค์การ
บริหารส่วนตําบลเปล่ียนแปลงไป ๑) สภาองค์การบริหารส่วนตําบล (สภา อบต.) เป็นองค์กรฝ่ายนิติ
บัญญัติ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมาจากการเลือกต้ังของประชาชนโดยตรงในแต่ละ
หมู่บ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลน้ันหมู่บ้านละ ๒ คน ในกรณีเขตองค์การบริหารส่วนตําบลใด
มีเพียง ๑ หมู่บ้าน ให้สภาองค์การบริหารส่วนตําบลน้ันประกอบด้วยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน
ตําบล จํานวน ๖ คน ในกรณีที่เขตองค์การบริหารส่วนตําบลใดมีเพียง ๒ หมู่บ้าน ให้สภาองค์การ
บริหารส่วนตําบลนั้นประกอบด้วยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบล จํานวนหมู่บ้านละ ๓ คน
๑๔ โกวิทย์ พวงงาม, การปกครองท้องถ่ินไทยหลักการและมิติใหม่ในอนาคต, พิมพ์ครั้งที่ ๕,
(กรงุ เทพมหานคร: สาํ นกั พมิ พว์ ิญญูชน จาํ กัด, ๒๕๔๘), หนา้ ๑๕๕ - ๑๕๖.
๒๗
เขตเลือกต้ังสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบล คือ เขตหมู่บ้าน สภาองค์การบริหารส่วนตําบลมี
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบล ๑ คน รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบล ๑ คน
ซึ่งเลือกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบล แล้วให้นายอําเภอแต่งต้ังประธานและรอง
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลตามมติของสภาองค์การบริหารส่วนตําบลโดยที่ประธานและ
รองประธานสภาดํารงตําแหน่งจนครบอายุของสภาหรือมีการยุบสภาองค์การบริหารส่วนตําบล สภา
องค์การบริหารส่วนตําบลมีวาระ ๔ ปี นับแต่วันเลือกต้ัง และสมาชิกของสมาชิกสภาองค์การบริหาร
สว่ นตําบลส้ินสดุ ลงเมอื่
(๑) ถึงคราวออกตามอายุของสภาองค์การบริหารส่วนตําบลหรือเมื่อมีการยุบสภา
องค์การบรหิ ารสว่ นตําบล
(๒) ตาย
(๓) ลาออก
(๔) เป็นผู้ได้เสียในทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญากับองค์การบริหารส่วนตําบลท่ีตน
ดาํ รงตาํ แหนง่ หรือในกิจการที่กระทาํ ให้ องคก์ ารบริหารส่วนตําบล
(๕) ขาดคุณสมบัติหรือมลี ักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับคุณสมบัตผิ ู้มีสิทธิสมคั รรับเลือกต้ัง
เปน็ สมาชิกองค์การบริหารสว่ นตาํ บล
(๖) ไม่ได้อยู่ประจําในหมู่บ้านท่ีตนได้รับเลือกตั้งเป็นระยะเวลาติดต่อกันเกิน ๖
เดือน
(๗) ขาดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบลติดต่อกัน ๓ คร้ัง โดยไม่มีเหตุผลที่
สมควร
(๘) สภาองค์การบริหารส่วนตําบลมีมติให้พ้นจากตําแหน่ง เน่ืองจากมีพฤติกรรมท่ี
เสื่อมเสียหรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์การบริหารส่วนตําบลหรือทําให้องค์การบริหารส่วน
ตาํ บลเสือ่ มเสีย
(๙) ราษฎรในเขตองค์การบรหิ ารส่วนตําบลได้ลงคะแนนเสียงใหพ้ ้นจากตําแหน่ง๑๕
ก. สภาองค์การบรหิ ารส่วนตําบลมอี ํานาจหนา้ ท่ี ดังน้ี
๑) ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตําบล เพื่อเป็นแนวทางในการ
บริหารกิจการขององค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล
๒) พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตําบล ร่าง
ขอ้ บญั ญัติงบประมาณรายจ่ายประจาํ ปี และรา่ งข้อบญั ญตั งิ บประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
๓) ควบคุมการปฏิบัติงานของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ให้เป็นไปตาม
กฎหมาย นโยบาย แผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตําบล ข้อบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับของทาง
ราชการ
๔) เลือกประธานสภา รองประธานสภา และเลขานุการสภา องค์การบริหารส่วน
ตําบล
๑๕ เรอ่ื งเดียวกนั , หนา้ ๑๕๖-๑๕๘.
๒๘
๕) รับทราบนโยบายของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ก่อนนายกองค์การบริหาร
ส่วนตําบลเข้ารับหน้าท่ี และรับทราบรายงานแสดงผลการปฏิบัติงานตามนโยบายท่ีนายกองค์การ
บริหารสว่ นตําบลไดแ้ ถลงไว้ตอ่ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลทุกปี
๖) ในที่ประชุมองค์การบริหารส่วนตําบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมี
สิทธิ์ต้ังกระทู้ถามต่อนายกองค์การบริหารส่วนตําบลหรือรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลอัน
เกยี่ วกับงานในหน้าทไ่ี ด้
๗) สภาองค์การบริหารส่วนตําบลมีอํานาจในการเสนอบัญญัติขอเปิดอภิปรายทั่วไป
เพ่ือให้นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในปัญหาเกี่ยวกับการ
บริหารงานขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบลโดยไมม่ กี ารลงมติได้
๘) สภาองค์การบริหารส่วนตําบลมีอํานาจในการเลือกปลัดองค์การบริหารส่วน
ตําบล หรือสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลคนใดคนหนึ่งเป็นเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วน
ตําบลประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนตําบลมีหนา้ ที่ดําเนนิ การประชุมและดาํ เนินกิจการอืน่ ให้เป็นไป
ตามข้อบังคับการประชุมที่กระทรวงมหาดไทยกําหนด รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมี
หน้าที่ช่วยประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลปฏิบัติการตามหน้าที่ และกระทํากิจการตามที่
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมอบหมายในกรณีที่มีมีประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบล
หรือประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ปฏิบัติหน้าท่ี
ให้รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลปฏิบัติหน้าที่แทน ในการดําเนินการประชุมให้
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบล เป็นผู้เรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบลตามสมัย
ประชุมและเป็นผู้เปิดหรือปิดการประชุม หากว่าไม่มีประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบล หรือ
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลไม่เรียกประชุม ให้นายอําเภอเป็นผู้เรียกประชุมพร้อมทั้งเป็นผู้
เปิดหรือปิดการประชุมเมื่อตําแหน่งประธานสภาและรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลว่าง
ลงเพราะเหตอุ ่ืนใดนอกจากครบวาระ ใหม้ ีการเลือกประธานสภาหรือรองประธานสภาองค์การบริหาร
ส่วนตําบลแทนตําแหน่งที่ว่างภายใน ๑๕ วันนบั แต่วันท่ตี ําแหนง่ นัน้ ว่างลง และใหผ้ ูซ้ ึ่งได้รับเลอื กแทน
นั้นอยู่ในตําแหน่งได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซ่ึงตนแทน เลขานุการสภาองค์การบริหารส่วน
ตําบล มาจากปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลคนหนึ่งเป็น
เลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตําบล โดยมีหน้าท่ีรับผิดชอบงานธุรการและจัดการประชุมและ
งานอ่ืนใดตามท่ีประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมอบหมาย ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงความรู้
ความสามารถอันจะเป็นประโยชน์ต่อสภาองค์การบริหารส่วนตําบล เลขานุการสภาองค์การบริหาร
ส่วนตําบล หรอื เม่ือมีการยุบสภาองค์การบริหารสว่ นตาํ บล หรือสภาองค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลมีมติให้
พ้นจากตําแหน่งสมัยประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบล นายอําเภอต้องกําหนดให้สมาชิกสภา
องค์การบริหารส่วนตําบลดําเนินการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบลคร้ังแรกภายใน ๑๕ วัน
นับแต่วันประกาศผลการเลือกต้ัง และให้ที่ประชุมเลือกประธานสภา ๑ คน และรองประธานสภา
๑ คน ซึ่งประธานสภาและรองประธานสภานี้จะดํารงตําแหน่งจนครบวาระในกรณีที่สภาองค์การ
บรหิ ารส่วนตาํ บลไม่สามารถจัดให้มีการประชมุ ครัง้ แรกได้ภายใน ๑๕ วนั ดงั กลา่ วหรอื มีการประชมุ แต่
ไม่สามารถเลือกประธานสภาได้ นายอําเภออาจเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีคาส่ังยุบสภาองค์การ
บริหารส่วนตําบลในปีหนึ่งให้มีสมัยประชุมสามัญ ๒ สมัยหรือหลายสมัยแล้วแต่สภาองค์การบริหาร
๒๙
ส่วนตําบลจะกําหนด แต่ต้องไม่เกิน ๔ สมัย สมัยประชุมสามัญสมัยหนึ่ง ๆ ให้มีกําหนดไม่เกินสิบห้า
วัน แต่ถ้าจะขยายเวลาออกไปอีกจะต้องได้รับอนุญาตจากนายอําเภอ วันเร่ิมสมัยประชุมสามัญ
ประจําปีให้สภาองค์การบริหารส่วนตําบลกําหนด นอกจากประชุมสมัยสามัญแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นการ
จําเป็นเพื่อประโยชน์ขององค์การบริหารส่วนตําบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบล นายก
องค์การบริหารส่วนตําบล หรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมีจํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของ
จาํ นวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ อาจทําคําร้องยื่นตอ่ นายอาํ เภอขอเปิด
ประชุมวิสามัญถ้าเห็นสมควรให้นายอําเภอเรียกประชุมวิสามัยได้ สมัยประชุมวิสามัญให้กําหนดไม่
เกินสิบห้าวนั แตถ่ า้ จะขยายเวลาออกไปอีกจะต้องได้รับอนญุ าตจากนายอําเภอ๑๖
ข. นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล
เปน็ องคก์ รฝ่ายบริหาร เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารขององค์การบรหิ ารส่วนตําบล มาจาก
การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ิน หรือผู้บริหาร
ท้องถ่ิน นายกองค์การบริหารส่วนตําบลอาจแต่งต้ังรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลซึ่งมิใช่สมาชิก
สภาองค์การบริหารส่วนตําบลเป็นผู้ช่วยเหลือในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตําบล
ตามที่นายกองค์การบริหารส่วนตําบลมอบหมายได้ไม่เกิน ๒ คน และนายกองค์การบริหารส่วนตําบล
อาจแต่งต้ังเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตําบลคนหนึ่ง ซ่ึงมิได้เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วน
ตาํ บลหรือเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐได้
นายกองค์การบริหารส่วนตําบลมีวาระการดํารงตําแหน่ง ๔ ปี และสามารถดํารง
ตําแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกิน ๒ วาระ จะดํารงตําแหน่งได้อีกครั้งเมื่อพ้นระยะเวลา ๔ ปีนับแต่วันที่พ้น
จากตําแหน่ง แม้ดํารงตําแหน่งไม่ครบระยะเวลา ๔ ปีก็ให้นับเป็น ๑ วาระ ผู้ที่สมัครรับเลือกต้ังเป็น
นายกองค์การบริหารสว่ นตาํ บลตอ้ งมคี ณุ สมบัตแิ ละไมม่ ลี กั ษณะต้องห้าม ดังน้ี
๑) มีอายไุ มต่ า่ํ กวา่ ๓๐ ปีบรบิ ูรณใ์ นวนั เลอื กต้ัง
๒) จบการศึกษาไม่ต่ํากว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิก
สภาตาํ บล สมาชิกสภาท้องถน่ิ นกั บริหารท้องถน่ิ หรือสมาชิกรัฐสภา
๓) ไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริตหรือพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาตําบล สมาชิก
สภาท้องถ่ิน คณะผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถ่ินหรือเลขานุการหรือท่ี
ปรึกษาของผู้บริหารท้องถิ่น เพราะเหตุที่มีส่วนได้เสียไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือ
กิจการทกี่ ระทาํ กบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ยงั ไม่ถึง ๕ ปี นับถึงวันเลือกต้งั ๑๗
ค. นายกองค์การบริหารส่วนตําบลมอี ํานาจหน้าที่ ดังตอ่ ไปนี้
๑) ก่อนเข้ารับหน้าที่ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลต้องแถลงนโยบายต่อสภา
องค์การบริหารส่วนตําบลโดยไม่มีการลงมติ หากไม่สามารถดําเนินการได้ให้ทําเป็นหนังสือแจ้งต่อ
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลทุกคน และจัดทํารายงานการปฏิบัติงานตามนโยบายท่ีได้แถลง
ไวต้ ่อสภาองค์การบริหารส่วนตาํ บลเปน็ ประจาํ ทุกปี
๑๖ เรือ่ งเดยี วกนั , หนา้ ๑๕๙ - ๑๖๐.
๑๗ เรื่องเดียวกัน, ๑๖๐ -๑๖๑.
๓๐
๒) อํานาจหน้าท่ีตามมาตรา ๓๕/๕ พระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหาร
ส่วนตาํ บล (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ กําหนดไว้ดงั น้ี
๒.๑) กําหนดนโยบายโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบในการบริหารราชการ
ขององค์การบริหารส่วนตําบลให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย แผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตําบล
ข้อบัญญตั ริ ะเบียบ และขอ้ บังคับของทางราชการ
๒.๒) ส่ัง อนญุ าต และอนุมัติเกยี่ วกบั ราชการขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล
๒.๓) แต่งตั้งและถอดถอนรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลและเลขานุการนายก
องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล
๒.๔) วางระเบยี บเพ่อื ใหง้ านขององคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลเป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย
๒.๕) รกั ษาการใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบญั ญตั ิองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล
๒.๖) ปฏิบตั ิหน้าทอ่ี นื่ ตามที่บัญญัตไิ ว้ในพระราชบัญญตั นิ ี้และกฎหมายอ่นื
๓) ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล
ตามกฎหมาย และเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและลกู จ้างขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบล
๔) นายกองค์การบริหารส่วนตําบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือผู้ซ่ึง
นายกองค์การบริหารส่วนตําบลมอบหมาย มีสิทธิเข้าประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตําบลและมีสิทธิ
แถลงข้อเทจ็ จริง ตลอดจนแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับงานในหน้าทีข่ องตนเองต่อทีป่ ระชุม แตไ่ มม่ ีสิทธิ
ออกเสยี งลงคะแนน
๕) กรณีท่ีไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลและรอง
ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตําบลหรือสภาองค์การบริหารส่วนตําบลถูกยุบตามมาตรา ๕๓ หาก
มีกรณีที่สําคัญและจําเป็นเร่งด่วนซึ่งปล่อยให้เน่ินช้าไปจะกระทบต่อผลประโยชน์สําคัญของราชการ
หรือราษฎร นายกองค์การบริหารส่วนตําบลจําต้องดําเนินการไปพลางก่อนเท่าท่ีจําเป็นก็ได้ ในการ
ดําเนินงานขององค์การบริหารส่วนตําบล ให้นายกองค์การบริหารส่วนตําบลเป็นผู้แทนขององค์การ
บริหารส่วนตําบล และเม่ือนายกองค์การบริหารส่วนตําบลไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้รองนายก
องค์การบริหารส่วนตําบล ตามลําดับที่นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแต่งต้ังไว้เป็นผู้รักษาราชการ
แทน นอกจากนั้นนายกองค์การบริหารส่วนตําบลสามารถมอบอํานาจในการส่ัง อนุญาต อนุมัติ ให้
รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือหัวหน้าส่วนราชการขององค์การบริหารส่วนตําบลปฏิบัติ
ราชการแทนได้๑๘
ง. นายกองค์การบรหิ ารส่วนตําบลพน้ จากตาํ แหน่ง เมือ่
๑) ถึงคราวออกตามวาระ
๒) ตาย
๓) ลาออก โดยย่นื หนงั สือลาออกต่อนายอําเภอ
๔) ขาดคณุ สมบตั ิหรือมีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามทีก่ ฎหมายกําหนด
๑๘ เรอ่ื งเดียวกนั , หนา้ ๑๖๑-๑๖๒.
๓๑
๕) กระทําการฝ่าฝืนมาตรา ๖๔/๒ พระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหาร
ส่วนตาํ บล (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ คอื
๕.๑) ดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติหน้าท่ีอ่ืนใดในส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐหรือ
รัฐวสิ าหกิจเว้นแต่ตําแหน่งทดี่ ํารงตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย
๕.๒) รับเงินหรือประโยชน์ใด เป็นพิเศษจากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐหรือ
รัฐวิสาหกิจ นอกเหนือไปจากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติกับบุคคลธุรกิจ
การงานตาปกติ
๕.๓) เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาท่ีองค์การบริหาร
ส่วนตําบลนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทําให้แก่องค์การบริหารส่วนตําบลน้ันหรือท่ีองค์การ
บริหารส่วนตําบลน้ันจกระทํา บทบัญญัติมาตราน้ีมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่บุคคลดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง
ได้รับเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ หรือเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกันและ
มิให้ใช้บังคับกับกรณีที่บุคคลดังกล่าวตามวรรคหน่ึงรับเงินตอบแทนค่าเบ้ียประชุมหรือเงินอื่นใด
เนื่องจากการดํารงตําแหน่งกรรมาธิการของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สภาองค์การบริหาร
ส่วนตําบล หรือสภาท้องถ่นิ อ่นื หรอื กรรมการทีม่ ีกฎหมายบญั ญตั ิใหเ้ ปน็ โดยตาํ แหนง่
๖) ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้พ้นจากตําแหน่งตามมาตรา ๘๗/๑ วรรคห้าหรือมาตรา
๙๒
๖.๑) การพ้นตําแหน่งตามมาตรา ๘๗/๑ วรรค ๕ คือ การที่นายกองค์การบริหาร
ส่วนตําบลไม่ยอมนาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติมซ่ึงปรับปรุงแก้ไขโดยคณะกรรมการซึ่ง
ตั้งโดยนายอําเภอเพ่ือพิจารณาหาข้อยุติความขัดแย้งจากกรณีที่สภาองค์การบริหารส่วนตําบลไม่รับ
หลักการหรือไม่เห็นชอบกับร่างบัญญัติงบประมาณท่ีเสนอโดยนายกองค์การบริหารส่วนตําบลในคร้ัง
แรก เสนอต่อสภาองค์การบริหารส่วนตําบลเพ่ือพิจารณาใหม่ภายใน ๗ วันนับแต่ได้รับร่างข้อบัญญัติ
จากนายอําเภอ กรณีน้ีให้นายอําเภอรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดส่ังให้นายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลพ้นจากตําแหน่ง
๖.๒) การพ้นจากตําแหน่งตามมาตรา ๙๒ คือ นายอําเภอสอบสวนแล้วปรากฏว่า
กระทําการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือ
ปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่ กรณีน้ีนายอําเภอสามารถเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่ังให้นายก
องค์การบริหารส่วนตําบลพ้นจากตําแหนง่
๗) ถูกจาํ คุกโดยคาพิพากษาถงึ ทส่ี ดุ ใหจ้ ําคกุ
๘) ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลมีจํานวนไม่น้อยกว่าสาม
ในส่ีของจํานวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งท่ีมาลงคะแนนเสียงเห็นว่านายกองค์การบริหารส่วนตําบลไม่สมควร
ดํารงตําแหน่งต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพ่ือถอดถอนสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือ
ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถ่นิ ๑๙
๑๙ เร่ืองเดียวกัน, หน้า ๑๖๒ - ๑๖๓.
๓๒
จ. พนกั งานสว่ นตาํ บลมีหนา้ ท่ี ดงั ต่อไปน้ี
๑) สํานักงานปลัดองค์การบริหารสว่ นตาํ บล มีบทบาทเก่ียวกบั งานบริหารทั่วไป งาน
ธุรการ งานการเจ้าหน้าที่ งานสวัสดิการ งานประชุม งานเก่ียวกับการตราข้องบังคับตําบล งานนิติกร
งานการพาณิชย์ งานรัฐพิธี งานประชาสัมพันธ์ งานจัดทําแผนพัฒนาตําบล งานจัดทําข้องบังคับ
งบประมาณประจําปี งานขออนุมัติดําเนินการตามข้อบังคับ งานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องหรือได้รับ
มอบหมาย
๒) ส่วนการคลัง มีบทบาทเกี่ยวกับการรับเงิน การเบิกจ่าย การฝากเงิน การเก็บ
รักษาเงนิ
การตรวจเงิน การหักภาษีเงินได้ และการนาส่งภาษี การตัดโอนเงินเดือน การรายงานเงินคงเหลือ
การจดั ทางบทาํ บัญชที กุ ประเภท งานอ่ืน ๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งหรอื ไดร้ ับมอบหมาย
๓) ส่วนโยธา มีบทบาทเกี่ยวกับงานสํารวจ ออกแบบ เขียนแบบงานประมาณการ
ค่าใช้จ่ายตามโครงการ งานควบคุมอาคาร งานการก่อสร้าง งานซ่อมบํารุง งานอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องหรือ
ได้รบั มอบหมาย
๔) ส่วนสาธารณสุข (มีเฉพาะองค์การบริหารส่วนตําบลช้ันหนึ่ง) มีบทบาทเก่ียวกับ
งานสขุ าภบิ าล งานควบคุมโรคติดตอ่ งานอืน่ ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ งหรือได้รบั มอบหมาย
๒.๓.๔ หนา้ ที่ขององค์การบริหารสว่ นตาํ บล
๑) อํานาจหน้าท่ีขององคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบลตามพระราชบัญญตั ิสภาตําบลและองคก์ าร
บริหารส่วนตาํ บล พ.ศ. ๒๕๓๗ และแก้ไขเพิม่ เตมิ ถึงฉบบั ท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๔๖
๑.๑) มีอํานาจหน้าท่ีในการพัฒนาตําบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
(มาตรา ๖๖)
๑.๒) มีหนา้ ท่ตี ้องทาํ ในเขตองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล ดังนี้ (มาตรา ๖๗)
(๑) จัดใหม้ ีและบาํ รงุ รักษาทางนาํ้ และทางบก
(๒) รักษาความสะอาดของถนน ทางน้ํา ทางเดิน และท่ีสาธารณะ รวมทั้งกําจัด
มูลฝอยและส่ิงปฏิกลู
(๓) ปูองกนั โรคและระงับโรคตดิ ต่อ
(๔) ปูองกันและบรรเทาสาธารณภยั
(๕) ส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
(๖) สง่ เสรมิ การพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผสู้ ูงอายุ และผพู้ ิการ
(๗) คมุ้ ครอง ดแู ล และบํารุงรักษาทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม
(๘) บํารุงรักษาศิลปะจํารตี ประเพณี ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ และวฒั นธรรมอันดีของท้องถิน่
(๙) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมายโดยจัดสรรงบประมาณหรือ
บคุ ลากรใหต้ ามความจําเปน็ และสมควร
๑.๓) องค์การบริหารส่วนตําบลอาจจัดทํากิจการในเขต องค์การบริหารส่วนตําบล
ดงั นี้ (มาตรา ๖๘)
๓๓
(๑) ใหม้ นี าํ้ เพอื่ การอปุ โภค บรโิ ภค และการเกษตร
(๒) ให้มีและบาํ รงุ การไฟฟา้ หรือแสงสวา่ งโดยวธิ ีอ่นื
(๓) ใหม้ ีและบาํ รงุ รักษาทางระบายน้าํ
(๔) ให้มีและบํารุงสถานท่ีประชุม การกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจและ
สวนสาธารณะ
(๕) ใหม้ แี ละสง่ เสริมกล่มุ เกษตรกรและกจิ การสหกรณ์
(๖) ส่งเสรมิ ให้มีอุตสาหกรรมในครอบครัว
(๗) บาํ รุงและส่งเสริมการประกอบอาชพี ของราษฎร
(๘) การคุ้มครองดแู ลและรกั ษาทรัพยส์ ินอันเปน็ สาธารณสมบตั ิของแผ่นดิน
(๙) หาผลประโยชน์จากทรพั ย์สินขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล
(๑๐) ใหม้ ตี ลาด ท่าเทยี บเรือ และทา่ ข้าม
(๑๑) กจิ การเกี่ยวกับการพาณิชย์
(๑๒) การทอ่ งเทยี่ ว
(๑๓) การผังเมอื ง
๑.๔) หน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การหรอื หน่วยงานของรัฐ ในอันท่ีจะ
ดําเนินกิจการใดๆ เพ่ือประโยชน์ของประชาชนในตําบลต้องแจ้งให้ องค์การบริหารส่วนตําบล
ทราบล่วงหน้าตามสมควร หาก องค์การบริหารส่วนตําบลมีความเห็นเก่ียวกับการดําเนินกิจการ
ดงั กลา่ ว ใหน้ าความเหน็ ของ องค์การบริหารสว่ นตําบลไปประกอบการพจิ ารณาดําเนินกิจการนั้นดว้ ย
(มาตรา ๖๙)
๑.๕) การปฏิบัติงานตามอํานาจหน้าที่ของ องค์การบริหารส่วนตําบลต้องเป็นไป
เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี และให้คํานึงถึงการมีส่วน
ร่วมของประชาชนในการจัดทําแผนพัฒนา องค์การบริหารส่วนตําบลการจัดทางบประมาณ
การจัดซ้ือจัดจ้าง การตรวจสอบ การประเมินผลการปฏิบัติงาน และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
(มาตรา ๖๙/๑)
๑.๖) มีสิทธิได้รับทราบข้อมูลและข่าวสารจากทางราชการในเรื่องท่ีเกี่ยวกับการ
ดาํ เนินกิจการของทางราชการในตาํ บล (มาตรา ๗๐)
๑.๗) ออกข้อบัญญัติ องค์การบริหารส่วนตําบลเพื่อใช้บังคับในตําบลได้เท่าที่ไม่ขัด
ต่อกฎหมายหรืออํานาจหน้าที่ของ องค์การบริหารส่วนตําบลในการน้ีจะกําหนดค่าธรรมเนียมท่ีจะ
เรียกเกบ็ และกาํ หนดโทษปรับผ้ฝู ่าฝืนดว้ ยกไ็ ด้ แต่มใิ ห้กาํ หนดโทษปรบั เกิน ๑.๐๐๐ บาท (มาตรา ๗๑)
๑.๘) ขอให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นไปดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติกิจการของ
องค์การบรหิ ารสว่ นตําบลเปน็ การชวั่ คราวได้โดยไมข่ ดั จากตน้ สังกัดเดมิ (มาตรา ๗๒)
๓๔
๑.๙) ทํากิจการนอกเขต องค์การบริหารส่วนตําบลหรือร่วมกับสภาตําบลองค์การ
บริหารส่วนตําบลหรือหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอ่ืน เพื่อกระทํากิจการร่วมกันได้
(มาตรา ๗๓)๒๐
สรุปได้ว่า การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือกิจกรรมต่าง ๆ ตามความสมัครใจของสมาชิก
ในสังคมการเมืองท่ีจะเลือกกระทํา ซึ่งมีจุดมุ่งหมายทั้งทางตรง และทางอ้อมที่ต้องการมีอิทธิพลต่อ
การกําหนดนโยบายการดําเนินงานของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถ่ิน หรือในระดับชาติก็ตามซ่ึง
การกระทํานั้นอาจผิดกฎหมายหรือถูกกฎหมาย อาจใช้ความรุนแรง หรือไม่ใช้ความรุนแรง สําเร็จผล
หรือไม่ หรือกระทําโดยความสํานึก หรือชักจูงระดมพลังก็ได้ และองค์การบริหารส่วนตําบลเป็นการ
ปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบหน่ึงมีระเบียบและข้อบังคับเป็นของตนเองมีนายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลเป็นผู้บังคับบัญชากากับดูแลการทํางานของพนักงานส่วนตําบล ซึ่งมีประเด็นท่ีอาจสรุปได้
ประกอบด้วย ๔ ด้าน คือ (๑) ด้านข้อมูลข่าวสาร (๒) ด้านการแสดงความคิดเห็น (๓) ด้านการตัดสินใจ
และ (๔) การติดตามตรวจสอบ
ตารางที่ ๒.๓ สรุปแนวคดิ เกี่ยวกับองค์การบริหารสว่ นตาํ บล
นักวิชาการ/แหลง่ ข้อมลู สรปุ แนวคดิ
กรมการสง่ เสรมิ การปกครอง การแบง่ ระดบั องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลเป็น ๓ ขนาด คอื
กระทรวงมหาดไทย (๒๕๔๗, หน้า ๑) องค์การบริหารส่วนตําบลขนาดใหญ่ (ส่วนใหญ่จะเป็น
๑๒) องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บลช้ัน ๑ เดิม)
๒) องค์การบริหารส่วนตําบลขนาดกลาง (ส่วนใหญ่จะเป็น
องค์การบริหารส่วนตําบลชั้น ๒ และ องค์การบริหารส่วน
ตาํ บลชนั้ ๓ เดมิ )
๓) องค์การบริหารส่วนตําบลขนาดเล็ก (ส่วนใหญ่จะเป็น
องค์การบริหารส่วนตําบลช้ัน ๔ และ องค์การบริหารส่วน
ตาํ บลชั้น ๕ เดิม)
โกวทิ ย์ พวงงาม (๒๕๔๘, หน้า ๑๕๕ เกณฑต์ ัวชว้ี ัดด้านธรรมาภิบาล
– ๑๕๖) ๑) หลักนิติธรรม ๒) หลักคุณธรรม ๓) หลักความโปร่งใส
๔) การมีส่วนร่วมของประชาชน ๕) หลักความรับผิดชอบ
๖) ความคมุ้ ค่า
โกวิทย์ พวงงาม (๒๕๔๘, หน้า ๑๕๖ โค ร งส ร้ าง อ งค์ ก าร บ ริ ห าร ส่ ว น ตํ าบ ล ให ม่ เกิ ด
– ๑๕๘) ข้ึนจากการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาตําบล
และองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ (แก้ไขเพ่ิมเติม
ฉบับท่ี ๕ พ.ศ. ๒๕๔๖)เพ่ือให้สอดคล้องกับบทบัญญัติใน
๒๐ เรอ่ื งเดียวกัน, หน้า ๑๗๘ - ๑๘๑.
๓๕
นกั วิชาการ/แหล่งข้อมลู สรุปแนวคดิ
รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ร า ช อ า ณ า จั ก ร ไท ย ห ม ว ด ว่ า ด้ ว ย ก า ร
ปกครองท้องถ่ิน ทําให้โครงสร้างของสภาองค์การบริหาร
ส่วนตําบลและคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วน
ตําบลเปลี่ยนแปลงไป ๑) สภาองค์การบริหารส่วนตําบล
(สภา อบต.) เป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกสภาองค์การ
บริหารสว่ นตาํ บลมาจากการเลือกต้งั ของประชาชนโดยตรง
โกวิทย์ พวงงาม (๒๕๔๘, หน้า ๑๕๙ สภาองค์การบรหิ ารส่วนตําบลมอี ํานาจหน้าที่ ดังนี้
– ๑๖๐) ๑) ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตําบล
เพ่ือเป็นแนวทางในการบริหารกิจการขององค์การบริหาร
ส่วนตําบล ๒) พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติ
องค์การบริหารส่วนตําบล ร่างข้อบัญญัติงบประมาณ
รายจ่ายประจําปี ๓) ควบคุมการปฏิบัติงานของนายก
องค์การบริหารส่วนตําบล ๔) เลือกประธานสภา รอง
ประธานสภา และเลขานุการสภา องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บล
๕) รับทราบนโยบายของนายกอบต.๖) ในท่ีประชุมองค์การ
บริหารส่วนตําบลสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลมี
สิทธ์ิตั้งกระทู้ถามต่อนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ๗)
สภาองค์การบริหารส่วนตําบลมีอํานาจในการเสนอบัญญัติ
ขอเปิดอภิปรายท่ัวไป เพ่ือให้นายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลแถลงข้อเท็จจริง ๘)สภาองค์การบริหารส่วนตําบลมี
อํานาจในการเลือกปลัดองค์การบริหารส่วนตําบล หรือ
สมาชิกองค์การบรหิ ารสว่ นตําบลคนใดคนหน่งึ
โกวทิ ย์ พวงงาม (๒๕๔๘, หน้า ๑๖๐ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตําบล เป็นองคก์ รฝา่ ยบริหาร เป็น
– ๑๖๑) หัวหน้าฝ่ายบริหารขององค์การบริหารส่วนตําบล มาจาก
การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ตามกฎหมายว่าด้วยการ
เลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถ่ินนายก
องคก์ ารบริหารสว่ นตําบลมีวาระการดํารงตําแหนง่ ๔ ปี
โกวทิ ย์ พวงงาม (๒๕๔๘, หน้า ๑๖๑ นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลมีอํานาจหน้าท่ี
– ๑๖๒) ๑) ก่อนเข้ารับหน้าที่ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลต้อง
แถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนตําบล ๒) อํานาจ
หน้าท่ีตามมาตรา ๓๕/๕พระราช บัญญัติสภาตําบล และ
องค์การบริหารส่วนตําบล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓)
ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการของนายก
องค์การบริหารส่วนตําบลตามกฎหมายท่ีต้ังไว้ ๔) นายก