The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานผลการนิเทศ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Raewitthiya School, 2022-07-25 00:00:13

รายงานผลการนิเทศสพม.สร 2-2564

รายงานผลการนิเทศ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

รายงานผลการนิเทศบรู ณาการโดยใชพ้ น้ื ทเ่ี ปน็ ฐาน
ผา่ นกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชีพ
(Professional Learning Community : PLC)
และการพัฒนาบทเรียนรว่ มกัน (Lesson Study) คร้งั ที่ 2/2564

ประจำปีการศกึ ษา 2563

กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา

สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ

การนิเทศ ติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษา เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดีข้ึน
โดยความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา ยึดหลักการพื้นฐานในการกระตุ้นเตือน
การประสานงาน การให้คำปรึกษา ชี้แนะ ชี้นำ กระตุ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนางานของครูและผู้บริหาร
การนิเทศ ติดตามการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ตั้งอยบู่ นพ้ืนฐานของหลักการประชาธิปไตย ยอมรับในความ
แตกต่างระหว่างบุคคล สร้างความร่วมมือกันในการแก้ปัญหาด้านการบริหาร การเรียนการสอน การสร้าง
บรรยากาศ ที่ส่งเสริมและสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้บริหาร ครู มุ่งส่งเสริมการสร้างขวัญกำลังใจ เน้นการสร้าง
มนุษย์สัมพันธ์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหาร ครูมีความเจริญก้าวหน้าทางวิชาชีพ ปรับปรุงระบบการ
บริหาร การเรยี นการสอนให้ดีขึน้ ส่งผลต่อคณุ ภาพของผู้เรยี นที่ไดร้ บั การพฒั นาให้เป็นคนท่ีมีความสมบูรณ์ทั้ง
ร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญา เป็นคนดี คนเก่ง และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ เป็นบทบาทและหน้าที่ทีส่ ำคัญ
ของผู้นิเทศ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจากการวิเคราะห์สภาพปัญหา โดยมีข้อมูลความสำเร็จ จุดแข็ง
จุดอ่อน จุดพัฒนา ของสถานศึกษาในสังกัด รวมทั้งข้อมูลการประเมินคุณภาพภายใน และการประเมิน
คุณภาพภายนอกของสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) โดยได้
แสวงหาแนวทางและรูปแบบในการช่วยเหลือ แก้ไข ส่งเสริม พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ด้วย
กระบวนการ/วิธกี ารทีห่ ลากหลาย ท้ังกระบวนการสง่ เสรมิ การนิเทศภายในที่เปน็ ระบบ การนิเทศจากภายนอก
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จึงได้
ปรับเปลี่ยนรูปแบบการนิเทศ แบบออนไลน์ เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
แผนการนิเทศ ติดตาม การดำเนินงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ครั้งที่ 2/2564 นี้
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในนิเทศ ติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษาในสังกัด เพื่อพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาตามกลยุทธก์ ารนิเทศภายในของสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาผ่านกระบวนการชมุ ชนแห่งเรียนรู้ทาง
วิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โดยใช้กระบวนการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson
study)

ขอขอบคณุ คณะผจู้ ดั ทำที่ได้รว่ มมือกันจัดทำแผนนิเทศตดิ ตามการดำเนินงานของสถานศึกษาในสังกัด
เล่มนี้ และนำแนวทางการนิเทศสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสำเร็จต่อการพัฒนา
คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาต่อไป

สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษาสุรินทร์
มีนาคม 2565

สารบัญ

เรื่อง หนา้

คำนำ………………………………………………………………………………………………………………. ก

สารบัญ……………………………………………………………………………………………………………. ข

สว่ นที่ 1 บทนำ……………………………………………………………………………………………….… 1

ความเปน็ มาและความสำคญั ………………………………………………………………………… 1

วสิ ยั ทศั น์.................................................................................................................. 2

ค่านิยมองค์กร………………………..…………………………………………………………………… 2

วัฒนธรรมองคก์ ร .................................................................................................. 2

พันธกจิ ……………………………………………………………………………………………………….

เป้าประสงค์............................................................................................................. 2

กลยทุ ธก์ ารนเิ ทศ………………………………………………………………………………………… 3

ขอบข่ายการนิเทศ………………………………………………………………………………………. 4

สว่ นท่ี 2 หลกั การแนวคิดการนเิ ทศการศึกษา………………………………………………………. 7

หลกั การนเิ ทศการศกึ ษา……………………………………………………………………………… 7

รปู แบบการนิเทศ……………………………………………………………………………………….. 7

การนเิ ทศภายใน………………………………………………………………………………………… 9

กระบวนการนเิ ทศภายในโรงเรียน โดยการใชก้ ระบวนการเปดิ ชน้ั เรยี น

(Lesson study) 10

แผนภมู ิการนเิ ทศ สพม.สรุ นิ ทร์ ครงั้ ที่ 2 การศึกษา 2564………………………………. 17

ส่วนที่ 3 การนเิ ทศ ตดิ ตามการจัดการศึกษา 18

วตั ถุประสงคข์ องการนิเทศติดตาม………………………………………………………………… 18

ขอบขา่ ยการนเิ ทศ………………………………………………………………………………………. 19

เป้าหมายโรงเรยี นท่ีรับการนิเทศ ตดิ ตามของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

มธั ยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์………………………………………………….…………………………………. 19

การดำเนนิ การนเิ ทศ ตดิ ตาม……………………………………..…………………………………. 25

สว่ นที่ 4 ปฎทิ ินและเครื่องมือนเิ ทศ……………………………….……………………………………. 30

ระยะท่ี 1……………………………………………………………………………………………………. 30

ระยะท่ี 2……..……………………………………………………………………………………..……… 32

แนวทางการนเิ ทศ ...................................................................................................

ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………. 37

เครื่องมอื นเิ ทศ .............................................................................................................. 38

1

ส่วนที่ 1

บทนำ

ความเป็นมาและความสำคญั

สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์ไดด้ ำเนนิ การนิเทศ ติดตามการดำเนินงาน
ของสถานศึกษาในสังกดั ตามนโยบายและการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานเขตพื้นท่ีการศึกษาอย่างต่อ
เนือง โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบและวิธีการ การใช้ทักษะและเทคนิคการนิเทศท่ี
หลากหลาย การใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning
Community : PLC) ในการพัฒนาการเรียนการสอน โดยมุ่งหวังให้เกิดสัมฤทธิผลในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริม สนับสนุน ให้สถานศึกษาได้พัฒนา
ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็มความสามารถ ครูได้รับการพัฒนาเป็นครูมืออาชีพ จัดการเรียนรู้
เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้เรียนต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ผู้เรียนต้องได้รับการ
พัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งทักษะชีวิตและการทำงาน ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้าน
สารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้น ครูจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ซึ่งเป็นการเรียนรู้โดยการฝึกลงมือทำ (Learning by Doing and Thinking) ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
และบรรลุตามมาตรฐานตัวชี้วัดของหลักสูตร จากการนิเทศ ติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษา
อย่างต่อเนื่อง พบว่า กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนกับการพัฒนาคุณภาพด้านงานวิชาการด้วย
กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ส่งผลให้
ครูมีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยรอบด้านอย่างแท้จริง โรงเรียนมีกระบวนการนิเทศภายในท่ี
เข้มแข็งและเป็นระบบ ครูผู้สอนมคี วามกระตือรือร้น ขวนขวายที่จะหาความรู้ เทคนิคต่าง ๆ เพื่อนำมา
ปรับปรงุ การเรยี นการสอนของตนอยูเ่ สมอ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดป้ ระกาศใหส้ ถานศึกษาในสังกัด

เนื่องจากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ยังมีความรุนแรงอย่าง
ต่อเนื่อง จึงต้องเลือ่ นการเปิดภาคเรียนเพื่อความปลอดภัยและระวังป้องกันนกั เรยี น นักศึกษา ครู และ
บุคลากรทางการศึกษา ไม่ต้องเสี่ยงกับการตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อให้มีระยะเวลารับการฉดี
วัคซีนของครูและบุคลากรทางการศึกษา และรองรับการย้ายสถานศึกษาของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้น
การเลือ่ นเปดิ ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 หากมีสถานศึกษาใดในพื้นที่ท่ีตงั้ อยู่ในพืน้ ท่ีควบคุมสูงสุด
หรือพื้นที่สีแดง และพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม ประสงค์จะดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2564 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้น ดำเนินการ
ประเมนิ ความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข ทม่ี ี 44 ข้อ โดยต้อง
ผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่ออนุญาตให้โรงเรียน
หรอื สถานศึกษาแห่งนน้ั สามารถจดั การเรียนการสอนได้ก่อนวนั ที่ 1 พฤศจกิ ายน 2564 ส่วนโรงเรียนใน
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี,
จังหวดั ปทมุ ธานี และจงั หวัดสมทุ รปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อน สามารถจัดการเรยี นไดใ้ นรูปแบบ
การสอนออนไลน์ และออนแอร์เท่านั้น และปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 พร้อมกันในวันที่ 11
พฤศจิกายน 2564 โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด คือ
กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี, จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ ห้ามใช้อาคารสถานที่
เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ยังเปิดเรียนที่โรงเรียนไม่ได้ สำหรับพื้นที่

2

ควบคมุ สงู สุด หรือพ้นื ทส่ี ีแดง มี 17 จงั หวัด ไดแ้ ก่ จังหวัดกาญจนบรุ ี, จังหวดั ชลบุรี, จังหวดั ฉะเชิงเทรา,
จังหวัดตาก, จังหวัดนครปฐม, จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดนราธิวาส, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์,
จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา, จงั หวัดเพชรบรุ ี,จังหวดั ยะลา, จงั หวดั ระนอง, จงั หวดั ระยอง, จงั หวัดราชบุรี,
จังหวัดสมุทรสาคร, จังหวัดสงขลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ใช้อาคารสถานที่เปิดเรียนได้ โดยผ่าน
ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการโรคตดิ ต่อจังหวัด สว่ นทเี่ หลือ 56 จงั หวัดเป็นพนื้ ทคี่ วบคุม หรือพ้ืนที่สี
ส้ม เปิดเรียนได้ตามมาตรการ ศบค. สถานศึกษาพิจารณารูปแบบการเรียนการสอน โดยยึดหลักความ
ปลอดภัยสูงสุดของเด็ก ครู ผู้ปกครอง เป็นที่ตั้ง นักเรียนทุกคนต้องไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้ ไม่
บังคบั วา่ เด็กทกุ คนในโรงเรยี นเดียวกนั ต้องเรียน เหมือนกัน การตัดสนิ ใจใช้รูปแบบใดในการจัดการเรียน
การสอน รวมถึงการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ขออนุญาตกับ
คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้ถูกต้อง และปฏิบัติตาม ข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขอย่าง
เครง่ ครดั การนิเทศ มคี วามสำคัญตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษายา่ งยง่ิ เพราะการนเิ ทศการศกึ ษาเป็น
การรวม ความคิดทางสมองของผูใ้ ห้การนิเทศ ผู้รับการนิเทศ และผู้สนับสนุนการนิเทศเข้าด้วยกนั เพ่ือ
ผลสุดท้าย ที่แท้จริงคือการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการศึกษาให้บรรลุจุดหมายของหลักสูตร
และนกั เรียน มคี ณุ ภาพตามท่ีมุ่งหวังไว้ทุกประการ แตก่ ารดำเนินงานใดๆ กต็ ามจำเป็นต้องมีข้ันตอนใน
การดำเนินงาน การนิเทศการศึกษาก็เป็นไปในทำนองเดียวกันก็ต้องการความมุ่งหวังให้การดำเนินการ
ประสบผลสำเร็จลลุ ว่ ง ด้วยดีและมปี ระสิทธิภาพให้สนองตอบกบั สภาพปัจจุบนั ทโ่ี รงเรยี นมีความเหล่ือม
ล้ำและแตกต่างหลากหลาย ทงั้ มาตรฐานและคณุ ภาพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 โดยมุ่งหวังให้ เกิดการนิเทศด้วยวิธีการที่หลากหลาย เข้าถึงสถานศึกษาทุก
กลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงครูทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อการพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดคุณภาพที่มีความ
เท่าเทียมกันทุกแห่ง ทั้งนี้เพื่อลดช่องว่างทางการเรียนรู้ และ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของผู้เรียน
บนฐานของระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ ให้เป็นไปตามนโยบายและ เจตนารมณ์ของหน่วยงานต้นสังกัด
ต่อไป

จากสภาพปัญหาข้างต้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ได้ปรับรูปแบบการ
นิเทศ ติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โดยพัฒนา
กระบวนการนิเทศออกเป็น สองรูปแบบทั้ง การนิเทศแบบออนไซต์ (on-site) และการนิเทศแบบ
ออนไลน์ (online) โดยสนบั สนุนการดำเนนิ งานการขับเคลอื่ นโยบายสู่การปฏบิ ัติ 6 ด้าน สอดคล้องกับ
นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและมาตรฐานการศึกษาของ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ 6 ด้าน
สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและมาตรฐานการ
มัธยมศึกษา กำหนดแนวทางและแผนปฏิบัติการนิเทศ โดยใช้รูปแบบ TPS MODLE และรูปแบบการ
บริหารจดั การสำหรบั สถานศึกษา TPS MODEL FOR SCHOOL การมีส่วนรว่ ม การแลกเปล่ียนเรยี นรู้
ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) เพื่อ
กำหนดวสิ ัยทศั น์ พันธกิจ เปา้ ประสงค์ กลยทุ ธ์การนิเทศ ขอบขา่ ยการนเิ ทศ ตัวชี้วดั เปา้ หมายการนเิ ทศ
รูปแบบการนิเทศ กระบวนการนิเทศ ที่เน้นการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอนผ่าน
กระบวนการชุมชนแห่งการเรยี นร้ทู างวชิ าชีพ (Professional Learning Community : PLC) ดังนี้

3

วตั ถุประสงค์การรายงาน
1. เพ่ือรายงานผลการนิเทศ ตดิ ตามการดำเนินงานของสถานศึกษา ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา

2564 ของสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษาสุรนิ ทร์ สอดคล้องกับนโยบาย กลยุทธ์ จุดเนน้ ของ
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน

2. เพอื่ จัดทำขอ้ มลู สารสนเทศ สำหรับการการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของสำนกั งานเขต
พ้นื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาสรุ นิ ทร์

วสิ ยั ทศั น์

สำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์เปน็ องค์กรคุณภาพ สร้างทุนมนุษย์ด้วย
นวัตกรรม น้อมนำศาสตร์พระราชาสกู่ ารพฒั นาท่ยี ่งั ยนื

คา่ นิยมองคก์ ร

รับผดิ ชอบ มีนำ้ ใจ ให้บรกิ าร ประสานงานอยา่ งกัลยาณมติ ร

วฒั นธรรมองค์กร

“ร่วมคิด รว่ มทำ ร่วมรับผิดชอบ”

พันธกิจ

1. จัดการศกึ ษาเพ่ือเสริมสร้างความม่ันคงของสถาบนั หลักของชาติและการปกครองในระบอบ
ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข

2. ส่งเสริมศกั ยภาพผ้เู รยี นเพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี นให้
มีความรู้ ทักษะวชิ าการ ทักษะชีวติ ทกั ษะอาชีพ คุณลักษณะในศตวรรษท่ี 21

3. ส่งเสริม พฒั นาข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา มสี มรรถนะตรงตามสายงาน และ
มีวัฒนธรรมการทำงานท่ีมุ่งเน้นผลสมั ฤทธ์ิอยา่ งมืออาชีพ

4. สร้างโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลือ่ มล้ำ ให้ผเู้ รยี นทุกคนไดร้ ับบริการทางการศึกษา
อย่างทวั่ ถึงและเท่าเทียม

5. สง่ เสรมิ การจัดการศึกษาเพ่อื พฒั นาคุณภาพชีวิตทเ่ี ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม ยดึ หลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง และเป้าหมายการพัฒนาท่ียัง่ ยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)

6. สง่ เสริมระบบบริหารจดั การแบบบูรณาการ และส่งเสรมิ ให้ทุกภาคส่วนมสี ว่ นร่วมในการจัด
การศึกษา โดยใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัล (Digital Technology) เพือ่ มงุ่ สู่ Thailand 4.0

เป้าประสงค์ของการนิเทศ ติดตามการดำเนินงานของสถานศกึ ษา
1. ผ้เู รียนมคี วามรกั ในสถาบันหลกั ของชาติและยดึ ม่ันการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี

พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมอื ง มหี ลักคิดที่ถกู ต้องและเปน็ พลเมืองดี
ของชาติ มีคุณธรรมจรยิ ธรรมมคี า่ นยิ มทีพ่ งึ ประสงค์ มีจิตสาธารณะ รับผดิ ชอบต่อสงั คมและผู้อ่ืน
ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต มธั ยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินยั รักษาศีลธรรม โดยน้อมนาพระบรมราโชบาย
รชั กาลที่ 10 สกู่ ารปฏบิ ัติ

4

2. ผเู้ รยี นทม่ี ีความสามารถพิเศษดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ศลิ ปะ ดนตรี กีฬา ภาษาและ
อ่ืน ๆไดร้ บั การพัฒนาอยา่ งเต็มตามศักยภาพ

3. ผเู้ รยี นเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรคู้ ิดรเิ ริ่มและสร้างสรรค์นวตั กรรม มีความรู้ มีทกั ษะ มี
สมรรถนะตามหลกั สูตร และคณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 มสี ขุ ภาวะท่ีเหมาะสมตามวยั มี
ความสามารถในการพ่งึ พาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และการเป็นพลเมืองพลโลกท่ี
ดี (Global Citizen) พร้อมก้าวสสู่ ากล นำไปสู่การสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ระดับประเทศ และ
นานาชาติ

4. ผเู้ รียนทมี่ ีความตอ้ งการจำเป็นพิเศษ (ผู้พิการ) กล่มุ ชาติพนั ธ์ุ กลุ่มผ้ดู อ้ ยโอกาสและกลุ่มที่อยู่
ในพน้ื ทีห่ า่ งไกลทุรกนั ดาร ได้รับการศึกษาอยา่ งท่วั ถึง เทา่ เทียม และมีคณุ ภาพ

5. ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา เปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ มคี วามร้แู ละจรรยาบรรณตาม
มาตรฐานวชิ าชพี เปน็ ผสู้ ร้างสรรค์นวตั กรรม ใชเ้ ทคโนโลยี และน้อมนำศาสตร์พระราชามาใชใ้ นการ
จัดการเรียนรู้

6. ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษามีภาวะผู้นำทางวิชาการ นำเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชบ้ รหิ ารงาน ยึด
หลัก ธรรมาภิบาลและน้อมนาศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏบิ ัติ

7. สถานศึกษาจดั การศึกษา เพื่อการบรรลเุ ปา้ หมายการพัฒนาอยา่ งยั่งยืน (Sustainable
Development Goals: SDGs) และสร้างเสริมคณุ ภาพชีวิตทเ่ี ป็นมติ รกับสิ่งแวดลอ้ ม ตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง

8. สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาและสถานศกึ ษา มีการบริหารจดั การแบบบูรณาการเชงิ พนื้ ที่ มี
ระบบข้อมลู สารสนเทศท่ีมีประสทิ ธภิ าพ มกี ารกำกบั ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลอย่างเป็นระบบ
ใชง้ านวจิ ัย เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลและนวัตกรรมเป็นฐานโดยใช้รูปแบบ TPS Model ในการบริหารจดั การ
คณุ ภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสุรินทร์

กลยุทธ์การนิเทศ
สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาสุรนิ ทร์ได้กำหนดกลยทุ ธ์การนเิ ทศภายในของ

สถานศึกษาในสังกดั ครง้ั ท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 ดงั นี้
1. การนเิ ทศ ตดิ ตามการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
2. การนิเทศบรู ณาการโดยใชพ้ ้ืนท่เี ป็นฐานเพ่ือคุณภาพการศึกษาใหม้ ีความเหมาะสม ผา่ น
กระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชพี (Professional Learning Community :
PLC) ดังนี้
2.1 พฒั นาหลักสูตรและกระบวนการเรยี นรู้
2.2 การอ่านออกเขียนได้ อ่านคล่องเขียนคลอ่ ง เพ่ือพฒั นาสู่การอา่ นคิดวิเคราะห์
2.3 การจัดการเรยี นร้เู ชงิ รกุ (Active learning)
2.4 การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยี การศึกษาทางไกล (DLTV /DLIT)
2.5 การยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
2.6 การประกนั คณุ ภาพการศึกษา
2.7 การจดั การศึกษาของโรงเรยี นในโครงการพเิ ศษ

5

2.8 การส่งเสริมกจิ กรรมการเรียนการสอนภาษาองั กฤษ สะเต็มศึกษา DLIT การ
พัฒนาสมรรถนะทสี่ ำคัญของผู้เรียนสูม่ าตรฐานสากล การปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามคา่ นยิ มหลัก
ของคนไทย 12 ประการ หา่ งไกลยาเสพติด การสร้างจิตสำนกึ ในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดล้อม การประยกุ ต์ใช้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการดำเนินชีวิต

2.9 การจัดการศึกษาการบรรลเุ ปา้ หมายการพฒั นาอย่างย่ังยนื (SDGs) เพือ่ สรา้ ง
เสริมคณุ ภาพชีวิตทีเ่ ปน็ มติ รกับสิง่ แวดลอ้ มตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

2.10 การพฒั นาคุณภาพจัดการเรียนการสอนเรยี นรวม
3. การนเิ ทศภายในโรงเรยี น โดยการพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาท้งั ระบบให้
สามารถจัดการเรียนรู้ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวชิ าชีพ
(Professional Learning Community : PLC) ผา่ นการพัฒนาบทเรยี นรว่ มกัน (Lesson study)
4. พฒั นาระบบการทดสอบ การประเมนิ การประกันคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษา
ทุกระดับตามหลักสูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
5. พัฒนาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาใหม้ ีความรเู้ รือ่ งการวจิ ัยและการนำไปประยุกต์ใช้
กบั การเรยี นการสอน
6. การจดั การเรยี นรูภ้ าษาองั กฤษและภาษาพ้นื ถ่ิน (ภาษาแม)่ เน้นเพ่ือการส่ือสาร
7. การจดั การเรยี นรเู้ พอ่ื พัฒนากระบวนการคิด เนน้ วิทยาการคำนวณ
8. การจดั การเรียนรู้เพื่อฝึกทกั ษะการคดิ แบบมีเหตผุ ล และเป็นขนั้ ตอน (Coding)
9. การสง่ เสริมการเรียนรูเ้ พื่อยกระดับการประเมินสมรรถนะ นักเรียนมาตรฐานสากล
(Programmer for International Student Assessment : PISA)
10. การจดั การเรียนรสู้ ่งเสรมิ วินยั นักเรียน
11. การสง่ เสริมการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรยี น
12. การนิเทศตามนโยบายและจุดเน้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน
และกระทรวงศึกษาธิการ

การบริหารและการจัดการศกึ ษาดว้ ยทมี (SMART TEAMS) ประกอบด้วย
1. คุณลกั ษณะของผู้บรหิ าร สพม.สรุ นิ ทร์ (SMART DIRECTORS) : “CHANGS”
C = Change (ผู้นำการเปล่ยี นแปลง) H = Human Ability (ผมู้ ศี ักยภาพ)
A = Achievement (เนน้ ผลสัมฤทธิ์) N = Nice (ดี)
G = Good Governance (มหี ลักธรรมมาภบิ าล) S = Service mind (มจี ติ บรกิ าร)
2. คุณลักษณะของครู สพม.สุรินทร์ (SMART TEACHERS) : “KRUDEE”
K = Knowledge (มคี วามรู้) R = Responsibility (มคี วามรบั ผิดชอบ)
U = Use Innovation (ใช้สารสนเทศ สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลย)ี
D = Development (มกี ารพฒั นา) E1 = Evaluation (การวัดผล ประเมินผล)
E2 = Ethics (คุณธรรม จรยิ ธรรม)
3. คุณลกั ษณะของบุคลากร สพม.สรุ นิ ทร์ (SMART EDUCATIONAL PERSONNEL) :

“PRASAN”

6

P = Personality (บคุ ลิกภาพ) R = Responsibility (ความรบั ผดิ ชอบ) A = Attitude
(เจตคติ)

S = Service mind (บรกิ ารเป็นเลิศ) A = ACHIEVEMENT (มุ่งผลสมั ฤทธ์ิ)
N = Network Building and Participatory (สร้างเครอื ข่ายและการมีสว่ นรว่ ม)
4. คณุ ลักษณะของนักเรยี น สพม.สรุ ินทร์ (SMART STUDENTS) : “DEKSAREN”
D = Democracy(มคี วามเปน็ ประชาธิปไตย) E = Ethics มคี ณุ ธรรม จริยธรรม
K = Knowledge (มีความรู้ ใฝ่เรียนรู้มีทักษะจำเป็นในศตวรรษท่ี 21)
S = Sufficiency หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง A = Achievement การมงุ่
ผลสัมฤทธิ์
R = Responsibility มีความรับผดิ ชอบ E = Enjoy (มีความสุข) N = Network(สร้าง
เครอื ข่าย)

การบรหิ ารจดั การคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสรุ ินทร์
โดยใชร้ ปู แบบ TPS Model

7

การบรหิ ารจดั การคุณภาพการศึกษา สำหรบั การบรหิ ารระดับสถานศกึ ษา
TPS Model for Schools

กลยทุ ธ์การนเิ ทศการศึกษา
สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ไดก้ ำหนดกลยทุ ธก์ ารนิเทศภายในของ

สถานศกึ ษาในสังกัด ครง้ั ที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ตามแผนการนิเทศบูรณาการโดยใช้พน้ื ทีเ่ ป็นฐานเพื่อ
คณุ ภาพการศึกษาให้มคี วามเหมาะสมผ่านกระบวนการชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ทางวิชาชพี (Professional
Learning Community : PLC) ดังน้ี

งานนโยบายและจุดเนน้ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน และ
กระทรวงศึกษาธกิ าร

1. การบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาสรุ ินทร์ โดยใช้รูปแบบ
TPS MODEL
2. รปู แบบการบริหารจัดการสำหรับสถานศกึ ษา TPS MODEL FOR SCHOOL
3. นวตั กรรมและวิธกี ารปฏิบัตทิ ่ีเปน็ เลิศ
4. การนเิ ทศสังเกตการสอนภายในโรงเรยี น โดยการพัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทั้ง

8

ระบบใหส้ ามารถจดั การเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ าง
วชิ าชพี ((Professional Learning Community : PLC) ผ่านการพัฒนาบทเรียนร่วมกนั (Lesson
study)

5. พฒั นาระบบการทดสอบ การประเมนิ การประกนั คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ทกุ ระดับตามหลักสตู รการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

6. พัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาให้มคี วามรเู้ ร่ืองการวิจัยและการนำไปประยุกตใ์ ช้กบั
การเรยี นการสอน

7. การจัดการเรยี นร้ภู าษาอังกฤษและภาษาพื้นถนิ่ (ภาษาแม)่ เนน้ เพอื่ การสือ่ สาร
8. การจัดการเรยี นร้เู พ่อื ฝึกทกั ษะการคิดแบบมเี หตผุ ลและเป็นขั้นตอน (Coding)
9. การสง่ เสรมิ การเรยี นร้เู พ่ือยกระดบั การประเมินสมรรถนะนักเรยี นมาตรฐานสากล

(Programmer for International Student Assessment : PISA)

ขอบขา่ ยการนเิ ทศ
สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษาสรุ นิ ทร์ กำหนดขอบข่ายการนเิ ทศ ติดตามการ

ดำเนินงานของสถานศึกษาในสงั กดั ดังน้ี
ระยะที่ 1 การนิเทศ ตดิ ตามการเตรยี มความพร้อมก่อนเปิดภาคเรยี น ภาคเรียนท่ี 1

ปีการศกึ ษา 2564 ระหว่างวันท่ี 25 พฤศจิกายน 2564 ถงึ วนั ท่ี 27 ธนั วาคม 2564
ระยะท่ี 2 การนเิ ทศบูรณาการโดยใช้พ้ืนท่ีเป็นฐานผ่านกระบวนการชมุ ชนแห่งเรียนรทู้ าง

วิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) และการพฒั นาบทเรียนรว่ มกัน (Lesson
study ) ภาคเรียนที่ 2/2564 จำนวน 40 โรงเรียน ดังน้ี

1) การนเิ ทศการจัดการเรียนการสอนแบบออนไซด์ (On-site) และ แบบออนไลน(์ Online)
ต้ังแต่เดือนพฤศจกิ ายน 2564 เปน็ ตน้ ไป

2) การนิเทศการจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์(Online) สำหรับโรงเรียนที่มคี วามพรอ้ ม
ระหว่าง พฤศจกิ ายน 2564 ถึง กมุ ภาพันธ์ 2565

9

กรอบแนวคดิ การนิเทศ
โดยใช้กระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวิชาชีพ(Professional Learning

Community : PLC) ผ่านการพัฒนาบทเรียนรว่ มกนั (Lesson study)

10

แผนการนเิ ทศบูรณาการ
โดยใชพ้ นื้ ท่ีเปน็ ฐานผ่านกระบวนการชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชพี

(Professional Learning Community : PLC)

วเิ คราะหข์ ้อมลู ผลการดำเนินงานนิเทศ ติดตาม 3 ระดับ
(ระดบั โรงเรียน ระดับสหวทิ ยาเขต ระดบั เขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา)

จัดทำแผนนิเทศ ตดิ ตามการดำเนนิ ของสถานศึกษา

เสนอแผนนิเทศต่อที่ประชุม (ประธาน
สหวิทยาเขต/ ก.ต.ป.น.)

จัดประชมุ ช้แี จงผู้บรหิ ารโรงเรยี น ในสงั กดั

ประชุมชี้แจงรองวชิ าการและครูผ้นู เิ ทศภายในโรงเรียนในสังกดั

ดำเนนิ การนเิ ทศภายในโดยใชก้ ระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรูท้ างวิชาชีพผ่านการพัฒนาบทเรยี น
รว่ มกัน

สรปุ ผลการดำเนินงานและวิเคราะห์จุดเด่น /จุดพฒั นา

นเิ ทศสง่ เสริม นิเทศแนะนำจดุ พฒั นา

สรปุ ผลและจัดทำรายงาน
ยกย่องเชดิ ชู พฒั นาตอ่ ยอด สร้างเครอื ข่ายชุมชน และขยายผล

11

สว่ นที่ 2
หลักการแนวคดิ การนิเทศการศึกษา

การนเิ ทศการศึกษา

1. ความหมายของการนเิ ทศการศึกษา
การนิเทศ (Supervision) คือ การช่วยเหลือแนะนำปรับปรุง บริการการให้ความร่วมมือ

และการประสานงานให้ผู้ที่ปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงานทำงานได้ดีขึ้น การนิเทศสามารถนำไปใช้กับ
งานที่ ต้องอาศัยผู้ดูแลตรวจตราให้คำแนะนำ คอยช่วยเหลือ บริการและบริหารงานเพื่อให้งานสำเร็จ
ลลุ ่วงไปตามวตั ถุประสงค์ทว่ี างไวซ้ งึ่ ไดม้ ี ผู้ใหค้ วามหมายของคำวา่ การนิเทศการศึกษาไว้แตกต่างกัน ดงั น้ี

แฮร์ริส (Harris อ้างใน นพพร ละออเอี่ยม, 2550 :10) ได้กล่าวถึงความหมายของการนิเทศ
การศึกษาว่าหมายถึง สิ่งที่บุคลากรในโรงเรียนกระทำต่อบุคคลหรือส่ิงหนึ่งสิ่งใดโดยมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือ
จะคงไว้หรือเปลี่ยนแปลงปรับปรุงการดำเนินการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และส่งผล
สะท้อนไปถึงการพฒั นานักเรยี นด้วย

ส่วนสเปียร์ส (Spears อ้างใน อัญชลี ธรรมะวิธีกุล, 2555) ได้ให้คำจำกัดความของคำว่าการ
นิเทศไว้ว่า การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการที่จะทำให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอน
ของครู โดยการทำงานรว่ มกบั บคุ คลที่เก่ยี วข้องกบั การน้ีเปน็ กระบวนการกระตุน้ ความเจริญก้าวหน้าของ
ครู และมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือครู เพื่อให้ครูได้ช่วยตนเองได้สอดคล้องกับ ไวลส์ และโลเวลล์ (Wiles &
Lovell อ้างใน อัญชลี ธรรมะวิธีกุล , 2555) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษา คือ การแนะนำซึ่งกันและกัน
วางแผนรว่ มกันปรึกษาหารอื กนั เพ่ือหาทางปรับปรงุ การเรยี นการสอนให้ดีขน้ึ

สำหรับนักการศึกษาและนักวิชาการไทย ได้ให้ความหมายของการนิเทศการศึกษาไว้อย่าง
หลากหลายโดย นิพนธ์ ไทยพานิช (2531 : 17) ได้ให้ความหมายของการนิเทศการศกึ ษาไว้ว่าเป็นความ
พยายามของบุคลากรทางการศึกษาที่จัดทำกิจกรรมและให้บริการกับผู้บริหารและครูในทางตรงและ
ทางอ้อม ที่จะปรับปรุงการเรียนการสอนของครู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียนของ
นักเรียนเช่นเดียวกับ อัญชลี โพธิ์ทอง (2544 : 65) กล่าวถึงความหมายของการนิเทศการศึกษาว่า เป็น
กระบวนการในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ โดยการนิเทศการศึกษาเป็นการ
พัฒนาคุณภาพของนักเรยี นโดยผ่านตัวกลางคอื ครู และบุคลากรอื่นๆ ทเี่ กี่ยวข้องทางการศึกษา

ส่วน บุญศรี ใสลาเพาะ (2551 : 25) กลา่ ววา่ การนิเทศการศึกษา คือ กระบวนการหรือ
กิจกรรมในการปฏบิ ตั ิงานรว่ มกันระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนเิ ทศ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
ทีเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ

ในขณะที่ อรรถพล ปิ่นมัน (2550 : 29) สรุปว่า การนิเทศการศึกษาเป็นการหาวิธีการ
ช่วยเหลือครู และครู รูจ้ กั การชว่ ยเหลอื ตนเอง มคี วามเชือ่ มันในตนเองมากขึ้นและสามารถวเิ คราะห์
ปัญหาต่างๆ ได้โดยผูบ้ รหิ ารและคณะครู ในสถานศกึ ษาต้องร่วมมอื กัน ทำงานเป็นทีม

นอกจากน้ี สงดั อุทรานันท์ (อา้ งใน รชั นี ลาภรตั นทอง, 2553 : 6) ไดใ้ หค้ วามหมายของ
การนิเทศการศึกษาว่า เปน็ กระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างครู และบุคลากรทางการศึกษา เพ่ือให้
ไดม้ าซึ่งผลสัมฤทธิส์ ูงสุดในการเรียนของนักเรียน

12

จากความหมายของการนิ เทศการศึกษาดังกล่าวข้างต้นสรุปได้ว่า การนิเทศการศึกษา
หมายถึง กระบวนการพัฒนาครู เพื่อให้ครูปรับปรุงและพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้การจัด
การศึกษาบรรลุ จุดมุ่งหมายที่วางไว้การนิเทศการศึกษาจึงเป็นกระบวนการในการแนะนำช่วยเหลือครู
ให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งการนิเทศนั้นอยู่บนหลักการของ
ประชาธปิ ไตย ไดแ้ ก่ การเคารพซ่งึ กันระหว่างผูน้ เิ ทศและผูร้ บั การนเิ ทศ

2. ความสำคัญและความจำเปน็ ของการนิเทศการศึกษา
การนิเทศการศึกษาเปน็ ศาสตร์ทางการบริหารท่ีมีความสำคัญในการพัฒนาครู ให้มีความรู้

ความสามารถ และมีเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดมีนักวิชาการที่
กลา่ วถึงความสำคัญของการนิเทศการศึกษาไว้ดงน้ีั

ชาญชยั อาจณิ สมาจาร (ม.ป.ป. : 5-6) กล่าวถงึ ความสำคัญของการนิเทศการศึกษา ดังนี้
1 การนเิ ทศการศกึ ษามีความจำเปน็ ในการให้บริการทางวชิ าการการศึกษาเป็นกจิ กรรม

ท่ีซบั ซ้อนและยุง่ ยาก เพราะเก่ยี วข้องกับบคุ คลการนเิ ทศการศกึ ษาเป็นการใหบ้ รกิ ารแกค่ รู
จำนวนมากท่ีมีความสามารถตา่ ง ๆ กนั อกี ประการหนึง่ การศึกษาได้ขยายตวั ไปอยา่ งมากเมื่อไม่นานมาน้ี
ส่งิ เหล่านี้กต็ องอาศัยความชว่ ยเหลือท้งั น้นั

2) การนิเทศการศึกษามีความจำเป็นต่อความเจริญงอกงามของครู แม้ว่าครู จะได้รับ
การฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่างดี ตามแต่ครูจะต้องปรับปรุงการฝึกฝนอยู่เสมอในขณะทำงานในสถานการณ์
จรงิ

3) การนิเทศการศึกษามคี วามจำเป็นตอ่ การชว่ ยเหลอื ครูในการตระเตรยี มการสอน
เนื่องจากครูต้องปฏิบัติงานในกิจกรรมต่าง ๆ กัน และจะต้องเผชิญกับภาวะที่ค่อนข้างหนักครูจึงไม่อาจ
สละเวลาได้มากเพียงพอต่อการตระเตรียมการสอนการนิเทศการศึกษาจึงสามารถลดภาระของครูได้ใน
กรณี ดังกลา่ ว

4) การนิเทศการศึกษามีความจำเป็นต่อการทำให้ครูเป็นบุคคลที่ทันสมัยอยู่เสมอจาก
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีอยู่เสมอทำให้เกิดพัฒนาการทางการศึกษาทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติ
ข้อแนะนำท่ีได้จากการวเิ คราะห์ จากการอภิปราย และจากขอ้ คน้ พบของการวิจยั มีความจำเป็นต่อความ
เจริญเติบโตดงั กลา่ ว การนเิ ทศการศึกษาสามารถใหบ้ รกิ ารได้

5) การนิเทศการศึกษามีความจำเป็นต่อภาวะผู้นำแบบประชาธิปไตยการนิเทศ
การศึกษาสามารถใช้ประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังสามารถรวมพลังของทุกคนที่ร่วมอยู่ใน
กระบวนการทางการศกึ ษาด้วย

สว่ นสทุ ธนู ศรไี สย์ (2545 : 7-8) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการนเิ ทศการศึกษาไวว้ า่ การ
นเิ ทศการศกึ ษาสามารถเปน็ ประโยชนต์ อ่ ครู ได้ดงนี้ั

1) การนิเทศช่วยให้ครู มีความเชื่อมั่นในตนเอง ถ้าครูยังมีความสนใจเกี่ยวกับเร่ืองต่าง
ๆ ในห้องเรียนครูก็จะเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบและจะมีความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานทุก
ดา้ น

2) การนิเทศสนับสนุนให้ครูสามารถประเมินผลการทำงานได้ด้วยตนเองครูสามารถ
มองเห็นด้วยตนเองวา่ ประสบผลสำเร็จในการสอนได้มากน้อยเพยี งใด

3) การนิเทศช่วยให้ครูได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกันครูผู้สอนแต่ละคน
สามารถสังเกตการทำงานหรอื การสอนของครูคนอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงการสอนของตนนอกจากนี้จะมีการ

13

แลกเปลยี่ นวัสดุอุปกรณ์การสอนและรับเอาวิธีการใหม่ๆ จากครคู นอ่ืนไปทดลองใช้ รวมทั้งเรียนรู้วิธีการ
ช่วยเหลือให้การสนับสนนุ แก่ครคู นอื่น ๆ ดว้ ย

4) การนิเทศช่วยกระตุ้นครูให้มีการวางแผนจัดทำจุดมุ่งหมายและแนวปฏิบัติไปพร้อม
ๆ กันครูแต่ละคนสามารถให้ความช่วยเหลือเพื่อนครู ด้วยกันเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาการสอนอย่าง
กว้าง ๆ ภายในโรงเรียนการวางแผนฝึกหรือให้บริการเสริมวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรและการกระตุ้น
ให้ครูผู้สอนทำงานวิจัยเกี่ยวกับชั้นเรียนรวมทั้งการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานของครูกับกลุ่มและ
ชี้ให้เห็นความสามารถในการควบคุมและจัดการความน่าเชื่อถือและความเป็นวิชาการของครู คนนั้นได้
เปน็ อยา่ งดี

5) การนิเทศจะเป็นกระบวนการที่ท้าทายความสามารถของครูให้มีความคิดเชิง
นามธรรมสูงขึ้นในขณะปฏิบัติงานครูผู้สอนจะได้รับข้อมูลย้อนกลับ ซึ่งเป็นผลมาจากผลการประเมิน
ข้อมูลเหล่านี้ จะสะท้อนให้เห็นข้อดีและข้อเสียของการปฏิบัติงานรวมทั้งแนวคิดหลายแนวทางที่จะใช้
เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะเป็นวิธีการหนึ่งที่ท้าทายและ
ชว่ ยพฒั นาแนวคิดเชิงนามธรรมของครู ใหส้ ูงข้นึ ดว้ ย

สอดคล้องกับ วิจิตร วรุตบางกูร (อ้างใน สถาพร เถรวงแก้ว, 2550 : 22) ซึ่งได้กล่าวถึง
ความสำคญั และความจำเปน็ ของการนิเทศการศึกษาดงั นี้

1) สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะการศึกษาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้อง
กบั การเปลี่ยนแปลงของสังคมดว้ ย ซึง่ การนเิ ทศการศึกษาจะช่วยให้เกิดการเปล่ียนแปลงขึ้นในองค์การที่
เกย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษา

2) ความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งแม้แต่แนวคิดเกี่ยวกับการเรียน
การสอนกเ็ กดิ ข้ึนใหมต่ ลอดเวลาการนิเทศการศกึ ษาจงึ ชว่ ยทำให้ครูมีความรู้ทันสมยั อย่เู สมอ

3) การแกป้ ัญหาและอุปสรรคตา่ งๆ เพอื่ ใหก้ ารเรยี นการสอนพัฒนาข้ึนจำเป็นตอ้ งได้รับ
การชแ้ี นะหรือการนิเทศการศึกษาจากผู้ชำนาญการโดยเฉพาะ จึงจะทำให้แก้ปัญหาได้สำเร็จลุล่วงกล่าว
โดยสรุป การนิเทศมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเนื่องจากกระบวนการนิ เทศเป็น
กระบวนการที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถ ความ
ชำนาญ เพิ่มพูนศักยภาพในการปฏิบัติงานในด้านการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาผู้เรียนให้
สอดคล้องบริบททางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนา
คณุ ภาพของผูเ้ รยี น

3. จดุ มุ่งหมายของการนเิ ทศการศกึ ษา
นักวิชาการกล่าวถงึ จุดมุ่งหมายของการนเิ ทศการศึกษาไวด้ งนี้ั
เซอร์ จีโอแวนนี และสตาร์ แรทท์ (Sergiovanni and Starratt, 2007 อ้างใน เก็จกนก

เอื้อวงศ์, 2556 : 8) ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาว่าเป็นการชว่ ยเหลือสถานศึกษาโดย
เพิ่มโอกาสและความสามารถของสถานศึกษา เพื่อให้มีการดำเนินการที่มีประสิทธิ ภาพมากขึ้นในการ
ส่งเสริมความสำเร็จทางวิชาการของนักเรียนบีช และไรน์ ฮาร์ทซ (Beach and Reinhartz, 2000 อ้าง
ใน เก็จกนก เอื้อวงศ์, 2556 : 8) กล่าวถึงจดุ มุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาวา่ เป็นการดำเนินการเพือ่
สนับสนุนส่งเสริมครูให้มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาและความงอกงามในวิชาชีพในระยะยาว ซึ่งจะส่งผล
สูงสดุ ตอ่ คณุ ภาพ การเรียนการสอน ความงอกงามและการพัฒนาดังกล่าวขึ้นอยู่กบั ระบบท่ีมีพื้นฐานจาก
ความไว้วางใจและการให้การสนับสนุนความพยายามของครู ในการพัฒนาประสิทธิภาพการสอนในช้ัน

14

เรียนสอดคลอ้ งกับ เบอรต์ ัน และบรคู เนอร์ (Burton and Brueckner, 1955 อา้ งในปรีชา คมั ภรี ปกรณ์
2549: 96-97) ได้กำหนดจุดมุง่ หมายของการนิเทศการศึกษาโดยแบ่งออกเปน็ 3 ระดับคือ

1) เป้าหมายสูงสุดของการนิเทศ คือการส่งเสริมความเจริญเติบโตของผู้เรียนเพื่อการ
นำไปสู่ การพัฒนาสงั คมให้ดขี ้ึน

2) เป้าหมายรองของการนิเทศ คือ การส่งเสริมการใช้ภาวะผู้นำในการพยายาม
ปรับปรุงโปรแกรมการศึกษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตลอดปีทุกระดับการศึกษาภายในระบบการ
พฒั นาและจากประสบการณก์ ารเรียนรหู้ รือเนอ้ื หาหน่ึงไปยังอีกเนื้อหาหนึ่ง

3) เป้าหมายในระดับตน้ คือการร่วมมอื กันพฒั นาองค์ประกอบท่ีพงึ ประสงค์ในการเรียน
การสอนไดแ้ ก่

3.1) กระบวนการนเิ ทศในทกุ รปู แบบจะชว่ ยในการปรบั ปรุงการจัดการเรียนการ
สอน

3.2) การนิเทศจะช่วยสร้างสิ่งแวดลอ้ มหรอื บรรยากาศทางกายภาพสังคม
และจิตวิทยาที่เอ้ือต่อการเรยี น

3.3) การนเิ ทศจะชว่ ยในการประสานและบูรณาการความพยายาม และวสั ดุ
ทางการศกึ ษาทั้งหมดเพ่ือให้การศึกษาดาเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง

3.4) การนเิ ทศจะชว่ ยในการประสานความร่วมมือของทกุ คนเพ่ือแก้ปัญหา
ของตนเองและคนอ่นื อนั จะเป็นการสง่ เสรมิ วิธกี ารสอนที่ถูกต้องและป้องกนั ปัญหาในการสอน

3.5) การนิเทศจะช่วยกระตุ้นและพัฒนาผู้สอนให้มีความคิดในทางสร้างสรรค์
เชน่ เดียวกับสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน (2546: 24-25) ได้ระบุถงึ จุดมุ่งหมายของการ
นิเทศการศกึ ษาโดยมุ่งเนน้ ท่กี ระบวนการพัฒนาครใู นด้านต่างๆ ดังนี้

3.5.1) เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีให้แก่ครูในด้านความเป็นผู้นำทางวิชาการและ
ทางความคิดความมมี นุษยสัมพนั ธ์ความคิดริเริม่ สร้างสรรค์และความมุ่งมันมีอุดมการณ์ในอันที่จะอบรม
นักเรียนให้เปน็ ผูม้ ีคณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ตี ามความตอ้ งการของสังคมและประเทศชาติ

3.5.2) เพื่อพัฒนาวิชาชพี ครู และเสริมสร้างสมรรถภาพด้านการสอนให้แก่ครูใน
ด้าน การวิเคราะห์และปรับปรุงจุดประสงค์การเรียนรู้วิธีการศึกษาพื้นฐานความรู้ของผู้เรียนการเลือก
และปรับปรุงเนื้อหาการสอนการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน การพัฒนาการใช้ประกอบการเรียน
การสอนการดำเนนิ กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้เหมาะสม และการประเมนิ ผลการเรียนการสอน

3.5.3) เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานของครู โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ได้แก่
ความร่วมมือกันจดั กิจกรรมการเรียนการสอนและการแก้ปัญหาการสอนการร่วมมือกันทำงานอยา่ งเป็น
ขั้นตอนมีระบบระเบียบการร่วมมือกันทำงานด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจและยอมรับ ซึ่งกันและกัน
การร่วมมือกันทำงานอย่างมีเหตุมีผลในการพัฒนาหลักสูตรสามารถปฏิบัติได้ถูกต้องและก้าวหน้าเกิด
ประโยชน์สูงสุดการประสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายการนิเทศและแหล่งวิทยาการในการบริการ
ชว่ ยเหลอื งานวิชาการของโรงเรียน

3.5.4) เพ่ือสรา้ งขวญั และกำลังใจในตำแหน่งวิชาชพี โดยสร้างความมน่ั ใจใน
ความถูกตอ้ งเก่ยี วกบั การใชห้ ลกั สตู รและการสอนสรา้ งความสบายใจในการทำงานร่วมกันและสร้าง
ความกา้ วหน้าในวชิ าชพี ครู ส่วน สงดั อุทรานันท์ (อ้างใน รัชนี ลาภรตั นทอง, 2553 : 7) ไดก้ ล่าวถึง
จดุ มุ่งหมายของการนเิ ทศการศกึ ษาว่า มจี ุดมุง่ หมายทสี่ ำคัญ 4 ประการ ดังน้ี

15

(1) เพื่อพัฒนาคน หมายถึง การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการทำร่วมกันกับ
ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาเพื่อให้ครแู ละบุคลากรได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางทด่ี ขี ึ้น

(2) เพื่อพัฒนางาน หมายถึง การนิเทศการศึกษามีเป้าหมายสูงสดุ อยู่ท่ีผู้เรียนซึ่ง
เปน็ ผลผลติ จากการจัดกระบวนการเรยี นรู้ของครู และบคุ ลากรทางการศึกษาโดยเหตนุ ี้การนเิ ทศที่จัดขึ้น
จงึ มีจุดหมายทจ่ี ะพัฒนางาน คอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนที่ดขี ึ้น

(3) เพื่อสร้างการประสานสัมพันธ์ หมายถึง การนิเทศการศึกษาเป็นการสร้าง
การประสานสัมพันธ์ระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกัน รับผิดชอบ
ร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันซึ่งไม่ใช่เปน็ การทำงานภายใต้ การถูกบังคับและคอยตรวจ
ตราหรือคอยจบั ผิด

(4) เพือ่ สร้างขวัญและกำลังใจ หมายถึง การจดั กิจกรรมการนิเทศท่ีมงุ่ ให้กำลังใจ
แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญอีก ประการหนึ่งของการนิเทศ
เนื่องจากขวญั และกำลงั ใจเปน็ สงิ่ สำคญั ท่ีจะทำใหบ้ ุคคลมีความต้ังใจทำงาน หากนเิ ทศไม่ไดส้ ร้าง
กำลงั ใจแก่ผู้ปฏิบัติงานแลว้ การนิเทศการศึกษากย็ อมประสบผลสำเรจ็ ไดย้ าก

สำหรับ บนั ลอื พฤกษะวนั (อ้างใน เกจ็ กนก เอ้ือวงศ์, 2556 : 9) กล่าวว่าจดุ มุ่งหมายของ
การนเิ ทศภายในโรงเรียนทส่ี ำคญั 5 ประการ

1) มงุ่ พัฒนาบุคลากรในหนว่ ยงานให้ได้รบั ความรเู้ พิ่มความสามารถในการปฏิบัติงานให้
ดขี ้นึ

2) มุ่งพัฒนางานการเรยี นการสอนและสรา้ งสรรค์งานให้มีประสิทธิภาพ
3) มุ่งพฒั นาการประชาสมั พันธ์ เพอ่ื สรา้ งความเข้าใจในการจัดการศกึ ษาและ
การนเิ ทศตลอดจนการดำเนนิ กิจกรรมของโรงเรียนในอันที่จะไดร้ บั ความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่ายทง้ั
ในและนอกชมุ ชน
4) ส่งเสรมิ การสร้างขวัญและกำลงั ใจของบุคลากรให้ทำงานด้วยความม่ันใจมีกำลงั ใจใน
การทำงาน
5) ประสานงานและอำนวยความสะดวกส่งเสรมิ การนิเทศจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ
จากแนวคิดข้างตน้ พบว่า จดุ มุ่งหมายของการนิเทศการศึกษามีจุดมงุ่ หมายสูงสุด คือการพัฒนาคุณ ภาพ
ผู้เรียนโดยผ่านกระบวนการนิเทศ เพื่อพัฒนาครู ให้มีภาวะผู้นำทางวิชาการในการพัฒนาปรับปรุง
หลักสูตรและกระบวนการเรยี นการสอนเสริมสร้างสมรรถนะด้านการสอนการปฏิบัติงานของครูส่งเสริม
การประสานความร่วมมือในการแก้ปัญหาในการจดั การเรียนการสอนและเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ครูมี
ความไว้วางใจและความมนั คงในความก้าวหน้าในวชิ าชพี
4. หลักการของการนิเทศการศึกษา
หลักการของการนเิ ทศการศึกษาน้ันมาจากความคดิ ความเชื่อของนักการศึกษาท่ีมีต่อการ
นเิ ทศการศึกษา ไดแ้ ก่
ฮอย และฟอร์ สิธ (Hoy and Forsyth, 1986 อา้ งใน เก็จกนก เอื้อวงศ์, 2556 : 10)
กล่าวว่าการท่ผี นู้ ิเทศจะดำาเนิน การนิเทศการเรียนการสอนได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพไดน้ ั้น ผ้นู เิ ทศตอ้ งมี
สมมติฐานตอ่ การพฒั นาการเรียนการสอน ดงั น้ี
1) บคุ คลท่ีเป็นหวั ใจของพฒั นาการเรยี นการสอนได้คือครู
2) ครูต้องการอิสรภาพที่จะพัฒนาการเรียนการสอนตามแบบฉบบั ของตนเอง

16

3) การเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมการสอนของครู จำเปน็ ต้องได้รบั การสนบั สนนุ
ทางสังคม รวมท้ังการจัดให้มีการกระตนุ้ ทางปัญญาและทางวชิ าชีพ

4) แบบแผนการนิเทศทีย่ ึดติดตายตวั และการใช้การบบี บงั คับจะไม่ทำให้เกิด
ความสำเรจ็ ในการพัฒนาการสอน

5) การพฒั นาการสอนมกั จะประสบความสำเรจ็ ในสถานการณก์ ารทำงานแบบ
เพอื่ นร่วมวิชาชพี ไมใ่ ช่การแสดงออกวา่ เหนอื กวา่ และเป็นการสนับสนนุ ใหค้ รู มีการแสวงหาความร้แู ละมี
การทดลองกวา้ ง ไม่มีท่าทคี ุกคามผู้อ่ืนมีความนา่ ไวว้ างใจ และสามารถมีสมั พันธภาพแบบเสริมพลังจูงใจ
ซึ่งกันและกันระหว่างครู และผู้นิเทศ ซึ่งทำให้เกิดความงอกงามด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายการนิเทศจึงเป็นการ
เรียนรู้ตลอดชีวีตสมมตฐิ านทีบ่ ีชและไรนฮ์ ารท์ นำเสนอไวป้ ระกอบด้วย

5.1) ครู สามารถแก้ไขปญั หาการเรียนการสอนโดยการปรับพฤติกรรมของตนเอง
5.2) การตระหนักถึงความจำเปน็ ในการปรบั พฤติกรรมของตนเองต้องมาจาก
ภายในตัวครู เองมากกวา่ การถูกบังคับจากผู้อืน่
5.3) พฤติกรรมการสอนของครู จะไดร้ ับการศกึ ษาวิเคราะห์และระบุได้อย่างชดั เจน
โดยผ่านการอภิปรายแลกเปลี่ยนการเรียนรู้กนั อยา่ งไม่เปน็ ทางการการเยี่ยมชน้ั เรียนและการสังเกตอย่าง
เป็นระบบ
5.4) ผู้นิเทศสามารถใหม้ ุมมองทเี่ ป็นประโยชน์ แก่ครไู ดโ้ ดยใช้การเสนอแนะการ
อภปิ รายแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ อยา่ งเอ้อื อำนวยและการสังเกตห้องเรียน
5.5) เม่ือได้สารสนเทศที่ชัดเจนเป็นทยี่ อมรับครูจะเป็นผู้มบี ทบาทสำคัญใน
การกำหนดสงิ่ ท่ีต้องการการเปล่ยี นแปลง
5.6) คุณภาพการปฏิบัติงานของครู และผู้นิเทศจะสูงขึ้นเมื่อสัมพันธภาพของครู
และผู้นิเทศมีลกษณะของความเป็นเพื่อนและอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจความร่วมมือการเคารพ
และความมันใจซึ่งกันและกันในส่วนของหลัก การการนิเทศ เซอร์จิ โอแวนนีและสตาร์ แรทท์
(Sergiovanni and Starratt, 1983 อ้างใน เก็จกนก เอื้อวงศ์, 2556 : 11) กล่าวถึงหลักการนิเทศ
การศกึ ษาดังน้ี

5.6.1) การนเิ ทศการศึกษาต้องคานึงถึงการปรับปรุ งการเรี ยนการสอนและ
การดาเนินการโดยทวั ไปรวมทงั้ จัดให้มีความพร้อมทางวตั ถุตา่ งๆ

5.6.2) การนิเทศการศึกษาและการบริ หารการศกึ ษามีความสัมพนั ธ์กนอยา่ ง
ใกล้ชดิ

5.6.3) การนิ เทศการศึกษาที่ดี ตอ้ งอยู่บนพนื้ ฐานของปรชั ญาวิทยาศาสตรแ์ ละ
ความเปน็ ประชาธปิ ไตย

5.6.4) การนเิ ทศการศึกษาท่ดี ีเมือ่ อย่ใู นสถานการณ์ท่ไี ม่สามารถใชว้ ิธกี ารทาง
วิทยาศาสตร์ได้อาจใช้วธิ กี ารศึกษาปรับปรงุ และประเมนิ ผลการผลิต

5.6.5) การนิเทศการศึกษาทด่ี ีควรเป็นความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์
5.6.6) การนิเทศการศึกษาที่ดีตอ้ งมีการวางแผนอย่างเป็นระบบมีการประสาน
ความร่วมมอื และจดั ให้มกี จิ กรรมอย่างต่อเน่ือง

17

5.6.7) การนิเทศการศึกษาที่ดีต้องเป็นวิชาชีพนอกจากนี้ สงัด อุทรานันท์ (อ้าง
ใน รชั นี ลาภรัตนทอง, 2553 : 10) ไดก้ ล่าวถงึ หลกั การสำคัญของการนิเทศการศึกษาซง่ึ ประกอบด้วย 3
หลกั การใหญ่ดงั น้ี

หลักการที่ 1 การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันของผู้บริหารผู้นิเทศ
และผู้รับการนิเทศ โดยการดำเนินการนิเทศต้องมีการทำงานเป็นขั้นตอน (Steps) มีความต่อเนื่อง
(Continuity) ไมห่ ยดุ นิง่ (Dynamic) และมีความเกยี่ วข้องสัมพันธ์ (Interaction) ในหมูผ่ ปู้ ฏบิ ัตงิ าน

หลักการท่ี 2 การนิเทศการศกึ ษามีเป้าหมายอยู่ที่คุณภาพของผู้เรียนแต่การดำเนินงาน
นั้นต้องผ่านตัวกลางคือ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ไม่ใช่การดำเนินการกบั นกั เรียนโดยตรง แต่การ
นิเทศการศกึ ษาเป็นการทำงานโดยผ่านตวั ครู และบุคลากรทางการศึกษาซ่ึงถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน
กับครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพัฒนาให้บุคคลเหล่านี้ มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถ
ปฏบิ ตั งิ านได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ

หลักการที่ 3 การนิเทศการศึกษาเน้นบรรยากาศแห่งความเป็นประชาธิปไตยซึ่งไม่ได้
หมายถึงเฉพาะบรรยากาศแห่งการทำงานร่วมกันเท่านั้น และจะหมายรวมถึงการยอมรับซึ่งกันและกัน
การเปลี่ยนแปลงบทบาทในฐานะผู้นำและผู้ตาม ตลอดจนการยอมรับผิดชอบต่อผลงานร่วมกันด้วย
สอดคล้องกับ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (อ้างใน เก็จกนก เอื้อวงศ์, 2556 : 11) กล่าวถึงหลักการนิเทศ
การศกึ ษาไวด้ งั น้ี

1) การนเิ ทศการศึกษาควรมีการบริหารอย่างเป็นระบบมีการวางแผนเป็นการ
ดำเนนิ งานเปน็ โครงการ

2) การนิเทศการศกึ ษาถือหลักการมสี ว่ นร่วมในการทำงานคือ ความเป็นประชาธปิ ไตย
เคารพในความคิดเหน็ ของผูอ้ ่ืนเหน็ ความแตกตา่ งระหว่างของบคุ คลเป็นความรว่ มมือร่วมใจกนั

3) การดำเนินงานและใชค้ วามร้คู วามสามารถในการปฏบิ ตั ิงานเพื่อใหง้ านนั้นไปสู่
เป้าหมายที่ต้องการ

4) การนิเทศการศึกษาจะให้ได้ผลดีควรใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา
และช่วยให้ผู้ร่วมงานได้ศึกษาปัญหา ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจพื้นฐานเสียก่อน
จากหลกั การของการนเิ ทศการศึกษาดังกล่าวข้างตน้ เป็นหลักการที่สามารถจะนำไปใชใ้ นการดำเนินการ
นิเทศของผู้นิเทศ เป็นแนวทางในการปฏิบัติการนิเทศการศึกษาของหน่วยงานทางการศึกษา ซึ่ง
ประกอบด้วยหลักการทส่ี ำคัญ คือหลกั ของการมงุ่ ประโยชน์เพ่ือการพฒั นาครเู ป็นสำคัญ หลักแห่งความ
ร่วมมือของผู้บรหิ าร ผู้นิเทศและครู หลักของการสรา้ งสัมพนั ธภาพบนความเท่าเทียมและการยอมรับซ่งึ
กันและกัน หลักของความเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง และหลักของความยืดหยุนให้อิสระในการ
พัฒนาตนเอง

5. ภารกิจของการนเิ ทศการศึกษา
การนิเทศการศึกษามีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาครู และพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพครู

เพื่อให้ครูได้ปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบให้เป็นไปตามเป้าหมายของสถานศึกษาและจุดมุ่งหมายในการจัด
การศึกษา คือการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและการดำเนินการนิเทศการศึกษาให้บรรลุผลสำเร็จดังกล่าว
จำเป็นต้องปฏบิ ัตหิ น้าที่ให้ครอบคลุมภารกจิ ต่างๆ นักวิชาการได้กลา่ วถึงภารกิจของการนิเทศการศึกษา
ไว้ดังนี้ กลิกแมน , กอร์ คอบ และโรสกอร์ ดอน (Glickman, Gordon and Ross Gardon, 2009 อ้าง

18

ใน เก็จกนก เอื้อวงศ์, 2556 : 12) ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษาเพื่อความสำเร็จของ
สถานศึกษาในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนโดยกลา่ วถึงภารกจิ ของการนิเทศ 5 ประการได้แก่

1) การให้การช่วยเหลือโดยตรง (Direct Assistance) ผู้นิเทศจะติดต่อสัมพันธ์กับผู้รับ
การนิเทศอย่างต่อเนื่องเป็นการส่วนตัว โดยอาจเข้าไปสังเกตการสอน และให้การช่วยเหลือแนะนำครู
เป็นรายบุคคล เพ่ือการพัฒนาการเรียนการสอน โดยอาศัยการนิเทศแบบคลนิ ิกการนิเทศแบบเพื่อนสอน
เพื่อน การสาธิตการสอน และการให้การสนับสนุนช่วยเหลือให้คำแนะนำเกี่ยวกับสื่อการเรียนการสอน
และทรพั ยากรในการนิเทศอ่นื ๆ

2) การพัฒนาโดยกลุ่ม (Group Development) ผู้นิเทศมีการจัดประชุมครู เพื่อ
แก้ปัญหาการดำเนินการกลุ่มที่มีประสิทธิภาพต้องมีผู้นำกลุ่มที่มีทักษะระหว่างบุคคลที่ดีกลุ่มที่มี
ประสิทธิภาพจะมี 2 มิติ โดยมิติแรก คือ มิติด้านภาระงาน (Task Dimension) กลุ่มจะต้องมีแนวทาง
และเป้าประสงค์ของกลุ่ม เช่น กลุ่มเพื่อพัฒนาตารางแผนการสอนใหม่ หลักสูตรใหม่หรือแผนพัฒนา
วิชาชีพและมิติที่สองคือมิติด้านบุคคล (Person Dimension) กลุ่มที่มีประสิทธิภาพและมีการใช้ทักษะ
ระหวา่ งบคุ คลอยา่ งดี สมาชกิ กลุ่มจะมีความพึงพอใจ ซ่งึ จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการทำงานร่วมกัน การ
ที่กลุ่มมีลักษณะละเอียดอ่อนและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของสมาชิก ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศใน
การพบปะกันและช่วยให้กลุ่มบรรลภุ ารกิจทตี่ ั้งไว้

3) การพัฒนาทางวิชาชีพ (Professional Development) มีการดำเนินการ 2 ระดับ
ระดับแรก คือ ครู แต่ละคนต้องมีโอกาสในการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อการสนับสนุนการประกอบ
วิชาชีพของตนและการทำให้บรรลุเป้าหมายของวิชาชีพระดับที่สอง คือ ครู ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ
โรงเรียนหรือหน่วยงาน ต้องทำความเข้าใจเรียนรู้ใช้ทักษะความรู้ และโปรแกรมการพัฒนาร่วมกันที่จะ
ให้บรรลุเป้าหมายของหน่วยงานการพัฒนาทางวิชาชีพอาจมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการวางแผนระยะยาว
การประชุมเพื่อการแก้ปัญหา การทดลอง การสนับสนุนทางการบริหารกิจกรรมกลุ่มย่อยการให้ข้อมูล
ย้อนกลบั การสาธิตการสอนและการสอนแนะ

4) การพัฒนาหลักสูตร(Curriculum Development) สถานศึกษาที่ประสบ
ความสำเรจ็ ครูต้องเขา้ ไปเกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลกั สูตร โดยตอ้ งมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตร
ตั้งแต่จุดมุ่งหมายของหลักสูตรเนื้อหาของหลักสูตร การจัดการหลักสูตรและสามารถนำหลักสูตรไปสู่
กระบวนการเรียนการสอนในช้ันเรียน และสอดคลอ้ งกับสภาพการณ์ต่าง ๆ ของสถานศึกษา ผู้นเิ ทศและ
ครู ตอ้ งทำงานร่วมกันในการพิจารณาวัตถุประสงค์ของหลักสูตรศึกษาและทำความเขา้ ใจเกี่ยวกับเนื้อหา
หลักสตู รและรปู แบบของหลักสูตรท่มี ีความเหมาะสมกับผู้เรียนเพิม่ ทางเลือกและข้อตกลงของครู ในการ
นำหลกั สูตรไปปฏบิ ตั ิ

5) การวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) เป็นการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับ
สภาพที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนและสถานศึกษา และแสวงหาแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนการ
นิเทศจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือให้ครูมีความสามารถในการทำวิจัยเชิงปฏิบัติการ เมื่อครูขาด
ความพร้อมในการวิจัยเชิงปฏบิ ัติการ มีความรู้ความสามารถและการตระหนักถึงความสำคัญในระดับต่ำ
ผู้นิเทศอาจเลือกวิธีการนิเทศแบบสั่งการ เพื่อให้ครูได้ศึกษา อ่านบทความเกี่ยวกับการวิจัยเพื่อให้เกิด
การพัฒนา และเมื่อครูมีความพร้อมในระดับหนึ่งผู้นิเทศอาจเลือกใช้วิธีการนิเทศแบบสั่งการและให้
ข้อมูลโดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเป้าหมายของการวิจัยการเก็บ รวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูลรวมทงั้
การจัดทำแผนปฏิบัติการ แล้วจึงใช้การนิเทศแบบร่วมมือ และหากครูสามารถพัฒนาเองจนสามารถ

19

ยกระดับความรู้ ความสามารถได้แล้วจึงสามารถใชก้ ารนเิ ทศแบบไม่ชี้นำ กลิกแมน กล่าวว่าการวิจยั เชงิ
ปฏิบัติการเป็นแกนหลักของภารกิจการนิเทศโดยส่วนใหญ่ เมื่อกล่าวถึงภารกิจการนิเทศจะเป็นการ
กล่าวถึงโดยแยกออกจากกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้วในการพัฒนาการเรียนการสอนตามภาระงานที่
กล่าวถึงมีความสัมพันธ์กันการวิจัยเชิงปฏิบัติการจึงสามารถเป็นแกนหลักและเป็นกลไกที่จะช่วย
ผสมผสานงานต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน ภารกิจการนิเทศทั้ง 5 ลักษณะข้างต้นเป็นสิ่งสำคัญในการ
สนับสนุนและการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อพัฒนาครูผู้นิเทศต้องวางแผนในการดำเนินการตามภารกิจ
ทั้งหมดโดยการรวมเป้าหมายของสถานศึกษาและความต้องการของครูให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อจะนำไปสู่
พลังในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนอย่างไรก็ตามการที่ผู้นิเทศจะปฏิบัติตามภารกิจ 5
ประการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นผู้นิเทศจะต้องมีสิ่งจำเป็นเบื้องต้น (Prerequisites) ได้แก่ ความรู้
ทักษะระหว่างบุคคล และทักษะเชิงเทคนิค เพื่อการปฏิบัติภารกิจของการนิเทศการศึกษา โดยการ
ดำเนินการตามภารกิจดังกล่าวจะช่วยให้ครูได้ร่วมกันดำเนินการเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายของสถานศึกษา
และความต้องการของครู การที่จะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนได้นั้นผู้นิเทศต้องมี
สง่ิ จำเปน็ เบื้องตน้ คือความรแู้ ละทกั ษะพนื้ ฐานได้แก่

1) ความรู้ผู้นิเทศจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของครูและสถานศึกษา มี
ความรู้ความเข้าใจ เกยี่ วกบั การพฒั นาครู และหลักการในการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ รวมทัง้ แนวปฏิบัติในการ
นิเทศซ่งึ เป็นทางเลือกใหมๆ่ ทไี่ มเ่ คยปฏบิ ตั มิ าก่อน

2) ทักษะระหว่างบุคคล ผู้นิเทศต้องเข้าใจว่าพฤติกรรมการปฏิบัติงานของตนจะส่งผล
กระทบต่อครู ผู้รับ การนิเทศทักษะนี้จะสามารถนำมาใช้เพื่อการสนับสนุนให้เกิดสัมพันธภาพเชิงบวก
ระหวา่ งผูน้ เิ ทศและผูร้ บั การนิเทศ

3) ทักษะเชิงเทคนิค ได้แก่ ทักษะในการสังเกต การวางแผน การวัด และประเมินผล
และการพัฒนาการเรียนการสอน ความรู้และทักษะพื้นฐานดังกล่าวเป็นองค์ประกอบของการนิเทศ ซ่ึง
จะเปน็ กลไกในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาส่วน แฮริส (Harris, 1985 อ้างใน เกจ็ กนก เออ้ื วงศ์, 2556 :
14) นักวิชาการที่นำเสนอแนวคิดสำคัญในการนิเทศการเรียนการสอน ได้แบ่งภาระงานนิเทศออกเป็น
10 ประการดงั นี้

1) งานพัฒนาหลักสูตร (Developing Curriculum) เป็นงานที่เกี่ยวกับการออกแบบ
พัฒนาหลักสูตรจัดทำแนวทางการพัฒนาหลักสูตร กำหนดมาตรฐานหลกั สตู ร จัดทำหน่วยการเรียนการ
สอนและสรา้ งรายวิชาใหม่ๆใหเ้ หมาะสมกับสภาพการณ์ของสถานศึกษา

2) งานจัดการเรียนการสอน (Organizing for Instruction) เป็นงานที่ต้องมีการ
จดั เตรียมทัง้ ผเู้ รียนครูและบคุ ลากรพนื้ ที่และวัสดุ อุปกรณ์ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เวลาและวตั ถุประสงคก์ ารสอน

3) การจัดเตรียมบุคลากร (Providing Staff) เป็นการจัดให้มีบุคลากรที่เพียงพอและมี
ความสามารถเหมาะสมกับในการเรียนการเรยี นการสอน โดยดำเนินการคดั เลอื ก บรรจุ ทดสอบและการ
พัฒนาบคุ ลากร

4) การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก (Providing Facilities) เป็นการออกแบบและ
จัดเตรยี มเครือ่ งมือ ส่ือ อุปกรณ์ เพือ่ การเรียนการสอนและมีการพฒั นาปรบั ปรงุ ห้องเรยี นและเครื่องมือ
อุปกรณก์ ารสอน

5) การจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ (Providing Materials) เปน็ การคดั เลือกและจัดหาอุปกรณ์
การสอนที่เหมาะสมกบั หลกั สตู รและการเรียนการสอน

20

6) การจดั อบรมบุคลากรประจำการ (Arranging for In-Service Education) เป็นการ
วางแผนและจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ที่จะพัฒนาการปฏิบัติงานของครู ในสถานศึกษา อาจจัดเป็น
การประชุมปฏิบัติการ การประชุมหารือการศึกษาดูงานการฝึกอบรม รวมทั้งการจัดการศึกษาที่เป็น
ทางการอื่นๆ

7) การปฐมนิเทศ (Orientation Staff Members) เป็นการให้ขอมูลที่มีความจำเป็นที่
จะให้บุคลากรปฏิบัติตามหน้าที่ท่ีรับผิดชอบและเป็นการช่วยเหลอื บุคลากรบรรจุใหม่ให้สามารถปรบั ตวั
และมีความคนุ้ เคยกบั ส่งิ อำนวยความสะดวกบุคลากรอื่นๆ และชมุ ชน

8) งานประสานบรกิ ารพิเศษสำหรับนักเรียน (Relating Special Pupil Services) เป็น
การจัดบริการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนกระบวนการเรียนการสอนเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานโยบาย
การจัดลำดับความสำคญั ของงานและการกำหนดความสมั พันธ์ระหว่างการบริการบคุ คลและการบริการ
ทีจ่ ดั ขน้ึ เพ่ือวัตถปุ ระสงค์ทางการสอนของสถานศึกษา

9) การพัฒนาการประชาสัมพันธ์ (Developing Public Relation) เป็นการเชื่อม
ความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชนให้มีความเข้าใจอันดีต่อกันเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูล
สารสนเทศแก่ชุมชนและรับขอ้ มลู จากชมุ ชนเพือ่ ประโยชน์ในการสนับสนุนการเรยี นการสอน

10) การประเมนิ การเรียนการสอน (Evaluating Instruction) เป็นการวางแผนการจัด
องค์การและการปฏิบัติตามกระบวนการในการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์และการตีความข้อมูล
เพื่อนำผลการประเมินมาใช้ตัดสินใจในการปรับปรุงการเรียนการสอนอย่างไรก็ตามภารกิจตามที่กล่าว
ท้ังหมดน้ี แฮรสิ เสนอว่ามภี ารกิจเพยี ง 5 ประการที่ถอื วา่ เป็นภารกิจหลัก คอื การประเมนิ การเรียนการ
สอนงานพัฒนาหลักสูตร การจัดอบรมบุคลากรประจำการ การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ และการจัดเตรียม
บุคลากร

การนิเทศภายในโรงเรียน

1. ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน
การนเิ ทศภายในเปน็ กระบวนการที่ดำเนินการในโรงเรียน โดยบุคลากรภายในโรงเรียนเปน็ ผู้มี

บทบาทในการนิเทศไดม้ นี กั การศึกษาใหค้ วามหมายตามแนวคดิ และความเช่ือของแตล่ ะบคุ คลดังนี้
อดุ มศักดิ์ พลอยบตุ ร (2536: 57) ไดใ้ หค้ วามหมายว่า การนิเทศภายในโรงเรยี น หมายถึงการ

สอนงาน มีการชี้นำ(แนะนำ) มีการทำเป็นตัวอย่าง หาทางยั่วยุส่งเสริมให้กาลังใจในการปฏิบัติงาน
พัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ สำหรับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2536: 23) ให้
ความหมายว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึงการปฏิบัติงานร่วมกัน ระหว่างผู้บริหารกับครูใน
โรงเรียนให้มีคุณภาพตามที่หลักสูตรกำหนดส่วน สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
(2541: 42) ได้ให้ความหมาย ของการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ว่าการนิเทศภายในโรงเรียนเป็นการ
ส่งเสริมสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือในโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามภารกิจหลกั
คือ การสอนหรอื การสร้างเสริมพฒั นาการของนักเรียนทุกด้าน ทัง้ รา่ งกาย สตปิ ญั ญา จิตใจอารมณ์ และ
สังคมให้เตม็ วยั และตามศกั ยภาพ โดยความร่วมมือของบคุ ลากรในโรงเรียนทำนองเดยี วกบั ปรยี าพร วงศ์
อนุตรโรจน์ (2546: 223) ได้ให้ความหมายของการนเิ ทศภายในไว้ดงั น้ี

21

การนิเทศภายในสถานศึกษา หมายถึง การนิเทศที่มีการริเริ่มและจัดดำเนินการโดยบุคลากร
ภายในสถานศึกษาและในหลายโอกาสก็เชิญบุคลากรภายนอกเป็นวิทยากรร่วมโครงการและ วไลรัตน์
บุญสวัสดิ์ (อ้างใน รัชนี ลาภรัตนทอง, 2553 : 12) กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การ
ทำงานของผู้บรหิ ารโรงเรียนที่ ทำร่วมกับครใู นการพฒั นาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตาม
วัตถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของการศึกษาที่กำหนดไว้นอกจากนี้ สิปปนนท์ เกตุทต (อ้างใน รัชนี ลาภรัต
นทอง, 2553 : 12) กล่าววา่ การนิเทศการศึกษาภายในโรงเรยี นเองเป็นผู้นเิ ทศ ได้แก่ ครู ผู้ช่วย ครูใหญ่
หรือหัวหน้าหมวดวิชา รวมทั้งครู ที่มีความรู้ความ สามารถ และความชำนาญ ตลอดจนมีประสบการณ์
ในการสอนเฉพาะสาขาวิชาบุคลากรเหล่านี้ จะตอ้ งสามารถทำการนเิ ทศครู ในโรงเรยี นในรูปของการเป็น
พเี่ ลีย้ งการปรึกษางานในหมู่คณะ การใหค้ วามรู้เพิ่มเติมโดยยึดถือหลักการผนึกกำลังปฏิบัติงานได้สำเร็จ
ด้วยดีส่วน สนอง เครือมาก และวิสิฐ วงศ์จิตราทร (อ้างใน สุรชัย คูณแก้ว, 2555 : 14) ได้ให้
ความหมายไว้ว่า การนิเทศภายในเป็นความรว่ มมือของบคุ ลากรภายในโรงเรยี นในการทีจ่ ะปรบั ปรงุ แก้ไข
หรือพัฒนาการสอนของครู เพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพสอดคล้องกับ กิติมา ปรีดีดิลก (อ้างใน
สุรชัย คูณแก้ว, 2555 : 14) กล่าวถึงการนิเทศภายในว่า เป็นการนิเทศบุคลากรในโรงเรียนเอง ผู้นิเทศ
อาจได้แก่ ผู้บริหาร ผู้ช่วยผู้บริหารหัวหน้าหมวดวิชา และหัวหน้าฝ่ายต่างๆ การนิเทศภายในจะเกิด
ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น จะต้องทำอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ เมื่อนิเทศแล้วจะต้องได้ผลตาม
จุดมุ่งหมายของการนิเทศซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจของการนิเทศ 4 ประการคือ พัฒนาคน พัฒนางาน
ประสานสัมพันธ์ และสร้างขวัญและกำลังใจด้าน ชุมศักดิ์ อินทร์รักษ์ (อ้างใน สุรชัย คูณแก้ว, 2555 :
14) ได้กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียนอาจรวมถึงกระบวนการที่นำไปสู่การปรับปรุงการสอน โดย
การทำงานร่วมกับครู อาจารย์และนักเรียนเป็นกระบวนการกระตุ้นและช่วยเหลือครู ให้รู้จักช่วยตนเอง
เพอื่ พฒั นาการสอน

จากความหมายที่กล่าวข้างต้น การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง กระบวนการในการ
ปฏิบัติงานทางการศึกษาที่ผู้บริหารโรงเรียนและบุคลากรภายในโร งเรียนร่วมมือกันจัดขึ้นเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน อันจะนำมาซึ่งสัมฤทธิ์ ผลสูงสุดในการเรียนของนักเรียนและ
เพื่อให้เกิดการพัฒนาขึ้นในตัวผู้เรียนในทุก ด้านโดยบุคลากรในโรงเรียนรวมถึงเป็นการพัฒนา
ความก้าวหนา้ ของครูอีกทางหนึ่งดว้ ย ซึ่งการนิเทศถือเป็นทั้งศาสตร์และศิลปเ์ พราะกระบวนการนิเทศที่
จดว่าเป็นศาสตร์ ก็เพราะกระบวนการนี้เป็นปรัชญาที่แสวงหาความจริงความรู้และคุณค่าในสิ่งต่างๆ ท่ี
เกี่ยวกับการศึกษาส่วนที่ว่าเป็นศิลป์ เพราะต้องอาศัยเทคนิควิธีการและมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงาน
รว่ มกับผอู้ น่ื การติดตอ่ ประสานงานการจงู ใจเพ่อื การเปลยี่ นแปลงไปส่เู ปา้ หมายของการจัดการศึกษา

2. ความมุ่งหมายของการนเิ ทศภายในโรงเรียน
บนั ลือ พฤกษะวนั (2537: 80) ไดก้ ำหนดจุดมงุ่ หมายการนิเทศภายในไว้ 3 ประการดังน้ี
1) มุง่ พัฒนาบคุ ลากรใหห้ น่วยงานไดร้ บั ความรู้ เพ่อื เพ่ิมความสามารถในการปฏบิ ัติงานใหด้ ี

ข้นึ
2) มุ่งพฒั นางาน หมายถึง งานการเรียนการสอนและสร้างสรรค์งานใหม้ ีประสทิ ธิภาพ
3) มุ่งเสริมการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการศึกษาและการนิเทศ

ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนเพื่อพัฒนางานกิจการนักเรียน งานธุรการ งานการเงิน
และพัสดุ งานอาคารสถานที่ งานสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนให้มีประสิทธิภาพตาม
ภาระหน้าที่ โดยผู้บริหารต้องนิเทศครู ผู้สอน เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถปรับปรุงหรือพัฒนางานให้มุ่ง

22

คุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเรียนรู้และมีสัมฤทธิ์ ผลตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร นอกจากนี้ ปรียา
พร วงศอ์ นุตรโรจน์ (2546: 225) กลา่ วถึงความมงุ่ หมายของการนิเทศภายในไว้ดังนี้

1) เพ่ือพฒั นาและสง่ เสรมิ การบรหิ ารและงานวชิ าการของสถานศึกษา
2) เพื่อการบรหิ ารงานวิชาการในสถานศกึ ษาให้มปี ระสทิ ธิภาพยิ่งขึน้
3) เพื่อสำรวจวเิ คราะห์ วจิ ยั และประเมิน ผลเพือ่ ปรบั ปรงุ คุณภาพและมาตรฐาน
การศกึ ษา
4) เพื่อพัฒนาหลักการและสอ่ื การเรยี นการสอนใหไ้ ด้มาตรฐานและเอกสารทางวชิ าการให้
มีประสทิ ธภิ าพสอดคล้องกบั ความต้องการและจำเปน็ ของสถานศึกษาและครู อาจารย์
5) เพ่ือพฒั นาบุคลากรโดยเฉพาะครู อาจารย์ให้มีความรู้ทักษะและประสบการณ์อัน
จำเปน็ ทจ่ี ะนำไปใชใ้ นการเรียนการสอนการจัดการศึกษาท้ังใหส้ ามารถแกป้ ญั หาเหลา่ น้ันได้
3. ความสำคญั และความจำเปน็ ของการนิเทศภายในโรงเรียน
ชารี มณี ศรี (2538: 201-202) ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีการนิเทศภายใน
โรงเรียนดังนี้ การนิเทศภายนอกไม่ทั่วถึงและการนิเทศไม่มีคุณภาพพัฒนาบุคลากรในโรงเรียน โดยไม่
หวังพึ่งหรือรอคอยการพฒั นาจากผู้อื่นการช่วยเหลือกันและกัน ส่งเสริมใหโ้ รงเรยี นสามารถนิเทศตนเอง
ได้การปรับปรุงงานวิชาการโดยการนิเทศภายในได้รวดเร็ว เกชา กลั่นเพ็ง (2545 : 12-13) ได้สรุป
ความสำคัญของการนิเทศภายในโรงเรยี น ดงั น่้ี
1) การนิเทศภายในกระทำโดยบุคลากรทุกคนของโรงเรียนเอง ซึ่งรู้ถึงปัญหาและสาเหตุ
ของปัญหาด้านการเรียนการสอน ปัญหาเกี่ยวกับตัวเด็ก ผู้ปกครอง ชุมชนและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้เป็น
อย่างดีเยี่ยม เพราะอยู่ใกล้ชิดกับปัญหาหรือเผชิญปัญหาด้วยตนเอง จึงแก้ปัญหาได้ถูกต้องตรงจุดได้
มากกวา่ บคุ คลอ่ืนที่อยูภ่ ายนอกโรงเรยี น
2) การนิเทศภายใน บุคลากรผู้ทำหน้าที่นิเทศกับครู มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
ทำให้มีบรรยากาศการนิเทศที่ดีไม่เกิดความคับข้องใจอันเกิดจากความมันใจในกระบวนการนิเทศและผู้
นเิ ทศ
3) การนิเทศภายในเป็นการสร้างกระบวนการนิเทศการเรียนการสอนที่มีความต่อเนื่อง
สม่ำเสมอ เพราะทั้งผู้นิเทศและครู โรงเรียนเดียวกันใกล้ชิดกันอยู่แลว้ อาจใช้เป็นแบบทั้งที่เป็นทางการ
และรปู แบบที่ ไม่เป็นทางการผสมผสานกนั ไป ซึง่ ก่อใหเ้ กดิ ผลดี ต่อการนเิ ทศการเรยี นการสอน
4) การนิเทศภายใน ช่วยแก้ปัญหาด้านการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงทีใน
ลกั ษณะรว่ มมอื รว่ มใจกนั ระหวา่ งครู กับศกึ ษานิเทศก์
5) การนิเทศภายในช่วยให้ครู และบุคลากรของโรงเรียนมีความรู้เท่าทันกับความ
เปลี่ยนแปลงทั้ง ในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาวิทยากรและเทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่
ตลอดเวลา โดยใชร้ ะบบตดิ ต่อสอ่ื สารช้ีแจง แนะนำระหวา่ งบคุ คลในโรงเรียน
6) การนิเทศภายในช่วยลดปัญหาที่เกิดจากการใช้ระบบการนิเทศจากภายนอก ซึ่งมี
ขอ้ จำกดั ทงั้ ด้านอัตรากำลังคน งบประมาณ ส่งิ อำนวยความสะดวก เวลาและอืน่ ๆ นานาประการซึ่งเป็น
เหตุ ให้การนิเทศจากภายนอก มีประสิทธิภาพไม่ดีพอโรงเรียนได้รับผลน้อยไม่ทันต่อความต้องการใน
การพฒั นา
7) การนเิ ทศภายในเป็นการใช้บุคลากรท่มี ีอยู่อยา่ งคมุ้ ค่า สามารถใช้บุคลากรของโรงเรียน
ทำหน้าทท่ี ง้ั ดา้ นการสอนและด้านการนิเทศทั้งสองอย่างควบคู่กนั ไป ท้ังนเี้ พราะปัจจบุ ันครูประถมศึกษา

23

ได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ความสามารถจนมีบุคลากรท่ีมีคุณวุฒิสูงทัง้ ที่จบปริญญาตรี ปริญญาโท
ปริญญาเอก ทางด้านการศึกษา บุคลากรบางส่วนก็มีประสบการณ์สูงเพราะได้คลุกคลีกับกิจกรรมการ
เรียนการสอนบางกลุ่มประสบการณ์ มาเป็นเวลานานจนมีผลงานดี เด่นเป็นตัวอย่างที่ยอมรับในวง
การศึกษาจึงควรให้บุคลากรดังกล่าวได้แสดงความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาของ
โรงเรยี นอยา่ งเต็มศกั ยภาพ

8) การนิเทศภายในเปน็ การสนองเจตนารมณ์สูงสดุ ของการนเิ ทศการศึกษาท่ีตอ้ งการให้ครู
ได้นิเทศซึ่งกันและกันหรือสามารถนิเทศกันเองได้ เช่นเดียวกับ กนก พานทอง (2547 : 22) กล่าวถึง
ความจำเป็นในการนิเทศภายในโรงเรียนว่า เป็นการส่งเสริมคุณภาพการเรียนการสอน เนื่องจากขาด
แคลนผู้ทำหน้าที่นิเทศการศึกษาโดยตำแหน่งมีจำกัด จึงไม่สามารถสนองความต้องการนิเทศการศึกษา
ของโรงเรียนต่างๆ ได้ทั่วถึงตลอดจนสิ่งสนับสนุนอื่นๆ ประกอบกับปัจจุบันบุคลากรภายในโรงเรียนมี
ความรู้ความสามารถเพียงพอเป็นผู้รู้ปัญหาอย่างแท้จริง และสามารถจะติดตามการปฏิบัติงานหรือผล
การนิเทศได้ตลอดเวลา เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน ทำให้งานดำเนินไปถึงจุดมุ่งหมายโดยไม่ขาดความต่อเนื่อง
และยงั เปน็ การสร้างการยอมรับซ่ึงกันและกันดว้ ยในขณะท่ี ปรียาพร วงศอ์ นตุ รโรจน์ (2548 : 262-263)
ได้กล่าวถึง ความสำคัญและความจำเปน็ ของการนิเทศภายในโรงเรียนว่า เป็นหน่วยปฏิบัติในการพฒั นา
คุณภาพการศึกษา การศึกษาจะมีคุณภาพขึ้นอยู่กับการจัดการเรียนการสอนของครู ในสถานศึกษา
ดังนั้นภารกิจหลักของโรงเรียนก็คือ การดำเนินงานด้านวิชาการ ได้แก่ งานหลักสูตรและการเรียนการ
สอน และมีภารกิจในการสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น งานอาคารสถานที่ งานบุคลากร งานกิจการ
นกั เรยี น งานความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งโรงเรียนกับชุมชน งานธุรการและการเงนิ และไดก้ ล่าวถงึ ความสำคัญ
ของการนเิ ทศการเรยี นการสอนดังน้ี

8.1) ศกึ ษานิเทศก์มีจำนวนจำกดั ไม่สามารถนเิ ทศได้อยา่ งท่ัวถึงและเจาะลึกถึงการเรยี น
การสอนในห้องเรยี น

8.2) การนเิ ทศภายในโรงเรยี นเปน็ การใช้ทรัพยากรในโรงเรยี นให้เกิดประโยชนส์ ูงสุดซึ่ง
บุคลากรมี จำนวนมากและมคี วามชำนาญในสาขาเปน็ การพฒั นาและปรับปรุงคุณภาพการศึกษาด้วย

8.3) การนิเทศภายในโรงเรียนจะสร้างความใกลช้ ดิ ความคุ้นเคยกันและการทำงาน
รว่ มกันมคี วามรู้สึกเปน็ เจ้าของรว่ มกนั เกิดความสัมพันธท์ ี่ดีต่อกนั ในการทำงาน

8.4) การประสานในโรงเรยี นสะดวกเพราะความคุน้ เคยกัน สามารถประชาสมั พนั ธ์งาน
ได้ท่ัวถึง

จากแนวความคิดหลากหลายที่ กล่าวมาโดยสรุปว่า การนิเทศภายในโรงเรียนมีความ
จำเปน็ ตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ทั้งน้ี เพราะการนิเทศการศึกษาเปน็ ตวั แทนของการเปล่ียนแปลง
โดยการนำเอาความเปลีย่ นแปลงจากภายนอกมาสู่โรงเรียนแต่การนิเทศการศึกษาจากภายนอกโรงเรียน
ไม่สามารถสนองตอบความต้องการของโรงเรียนได้ เพราะจำนวนศึกษานิเทศก์มีน้อยขาดงบประมาณ
เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่จะทำการนิเทศภายในโรงเรียนได้อย่างทั่วถึงและที่สำคัญบุคลากรในโรงเรียน
ยอ่ มรูป้ ญั หา สามารถแก้ปัญหาและสามารถทจ่ี ะทำการนเิ ทศกันเองได้

4. หลักการนิเทศภายในโรงเรยี น
หลักการนิเทศภายในสถานศึกษาเป็นแนวปฏิบัติที่ผู้นิเทศต้องนำไปปฏิบัติขณะทำการ

นเิ ทศการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาโดยเฉพาะทางด้านวิชาการจะบรรลุผลตามความม่งุ หมายที่วางไว้อย่าง
มปี ระสิทธิภาพผ้ดู ำเนินงานต้องมีหลักยดึ ในการทำงานหลกั การนเิ ทศภายในสถานศึกษามีดังนี้

24

1) การนิเทศควรมีการบริหารเปน็ ระบบและมกี ารวางแผนการดำเนนิ งานเป็นโครงการ
2) การนิเทศตอ้ งถือหลักการมีสว่ นร่วมในการทำงานคือมีความเป็นประชาธปิ ไตย
เคารพในความคดิ เหน็ ของผอู้ ่ืนเห็นความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล เน้นความร่วมมือรว่ มใจกันในการ
ดำเนนิ งาน เพ่ือใหง้ านนนั้ ไปสู่เปา้ หมายทีต่ ้องการ
3) การนเิ ทศเป็นงานสร้างสรรคเ์ ปน็ การแสวงหาความสามารถพเิ ศษของแต่ละบุคคล
ให้แต่ละบุคคลได้แสดงออกและพฒั นาความสามารถเหลา่ นนั้ ไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี
4) การนิเทศเป็นการแก้ปญั หาท่ีเกิดขึน้ จากการเรยี นการสอน โดยให้ครู อาจารย์ได้
เรียนร้วู ่าปัญหาของตนเองเป็นอย่างไร จะหาวธิ ีแกไ้ ขปญั หานนั้ ไดอ้ ย่างไร
5) การนิเทศเป็นการสร้างสภาพแวดลอ้ มในการทำงานให้ดีขึ้นสรา้ งความเข้าใจระหวา่ ง
กนั สร้างมนุษยส์ ัมพนั ธ์ มีวิธีการทำงานท่ีดีและความสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้
6) การนิเทศเป็นการสรา้ งความผูกพันและความมนั คงตอ่ งานอาชีพ รวมทง้ั ความเชอ่ื
มันในความสามารถของตนเองเกิดความพึงพอใจในการทำงาน
7) การนเิ ทศเปน็ การพฒั นาและสง่ เสริมวชิ าชพี ครูให้มีความรูส้ ึกภาคภูมิใจในวชิ าชีพวา่
เปน็ อาชพี ที่ตอ้ งใช้วชิ าความรู้และความสามารถและสามารถทจ่ี ะพัฒนาได้ ชารี มณี ศรี (2538: 201-
202) ไดก้ ลา่ วถงึ หลักการนิเทศการศึกษาเพื่อเป็นแนวทางให้ผบู้ ริหารไดป้ ระสบผลสำเรจ็ ในการพัฒนา
คณุ ภาพการศึกษาดังนี้
1) การนเิ ทศการศึกษาเปน็ การชว่ ยกระต้นุ เตือนการประสานงานและแนะนำให้เกดิ
ความงอกงามแก่ครู โดยทวั่ ไป
2) การนเิ ทศตง้ั อย่บู นรากฐานของประชาธปิ ไตย
3) การนเิ ทศเปน็ กระบวนการสง่ เสรมิ สรา้ งสรรค์
4) การนิเทศกบั งานปรบั ปรงุ หลกั สตู รเป็นงานท่ีเกีย่ วพนั กัน
5) การนิเทศคือการสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธ์
6) การนเิ ทศมุง่ สรา้ งเสริมบำรุงขวญั
7) การนิเทศมีจุดมงุ่ หมายท่ีจะขจัดชอ่ งระหว่างโรงเรยี นและชมุ ชนโดยเฉพาะในชนบท
5. ข้นั ตอนในการบริหารงานนเิ ทศภายในโรงเรียน
กิติมา ปรีดดี ลิ ก ได้กล่าวสรุปแนวคดิ ของ แฮรสิ (Harris, อา้ งใน สมพงษ์ นิยมลักษณ์
,2548 : 42) เกี่ยวกับข้ันตอนของกระบวนการนิเทศการศึกษา ไวด้ ังนี้
1) ขนั้ วางแผน (Planning) ได้แก่ การคดิ การตั้งวตั ถปุ ระสงค์ การคาดการณ์ ไว้ล่วงหนา้
การกำหนดตารางงาน การค้นหาวิธีปฏบิ ัติงาน และการวางโปรแกรมงาน
2) ขั้นการจดั โครงการ (Organizing) ได้แก่ การต้ัง เกณฑ์ มาตรฐาน การรวบรวม
ทรัพยากรท่ีมีอยทู่ ้ังคนและวัสดอุ ุปกรณ์ ความสัมพันธแ์ ต่ละข้นั การมอบหมายงาน การประสานงานการ
กระจายอำนาจตามหน้าท่ี โครงสรา้ งขององค์การ และการพฒั นานโยบาย
3) ข้นั การนำสู่การปฏบิ ตั ิ (Leading) ได้แก่ การตดั สินใจ การเลือกสรรบุคคล การเรา้
การจงู ใจให้มีกำลังคิดริเริ่มอะไรใหม่ ๆ การสาธติ การจงู ใจและให้คำแนะนำการสื่อสาร การกระตุ้น
ส่งเสริมกำลังใจ การแนะนำนวตั กรรมใหม่ ๆ และให้ความสะดวกในการทำงาน
4) ขน้ั การควบคมุ (Controlling) ได้แก่ การสงั่ การ การให้รางวัล การลงโทษ การให้
โอกาส การตำหนิ การไล่ออก และการบงั คับใหก้ ระทำตาม

25

5) ขั้นประเมินผล (Appraising) ได้แก่ การตัดสินการปฏบิ ตั ิงาน การวิจัย การวัดผล การ
ปฏิบัติงานกิจกรรมทสี่ ำคญั คอื พจิ ารณาผลงานในเชิงปฏิบตั ิว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด และวัดผลดว้ ยการ
ประเมินอย่างมีแบบแผน มีความเที่ยงตรง ทั้งนี้ควรจะมีการวิจัยด้วยส่วน ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจ น์
(2546: 232-235) ได้กล่าวถึงขั้นตอนในการบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษาสามารถสรุปได้ว่า การ
นิเทศจะประกอบด้วยบุคคล 2 กลุ่มคือ ผู้นิเทศและผู้รับ การนิเทศ เพื่อร่วมกันทำงานให้บรรลุ
จดุ มุ่งหมายทตี่ ัง้ ไวร้ ว่ มกนั โดยมขี นั้ ตอนในการนิเทศ ดงั นี้

ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการในการนิเทศเป็นขั้นตอนท่ี
เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ก่อนที่ผู้นิเทศจะดำเนินการนิเทศ ผู้นิเทศต้องทราบสภาพปัญหา และความ
ต้องการของผู้รับการนิเทศ สภาพปัจจุบันเป็นสภาพที่เป็นจริงและกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วน ความ
ตอ้ งการ หมายถึง เปน็ จุดสดุ ทา้ ยที่ตอ้ งการจะไปถงึ เป็นสภาพท่คี าดหวังวา่ จะเกดิ

ขนั้ ตอนท่ี 2 การวางแผนและการจัดทำโครงการนิเทศ การวางแผนตามลักษณะงานนิเทศ
ภายในโรงเรียนหมายถึงวิธีการที่อาศัยหลักการและเหตุผลและข้อมูลที่ได้จากการศึกษาสภาพปัจจุบัน
และปัญหาความต้องการของสถานศึกษาว่ามีความต้องการนิเทศในด้านใดบ้างแล้วนำมาจัดทำแผนและ
โครงการต่อไปในการวางแผนยังกำหนดวิธีการว่าจะทำอย่างไรโดยกำหนดเป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องและ
สัมพนั ธ์กนั

ขั้นตอนที่ 3 การดำเนินงาน การดำเนินการนิเทศเป็นการนำแผนงานหรือโครงการไป
ปฏบิ ัติเพ่ือให้ได้ตามความต้องการหรอื เปา้ หมายที่วางไว้ซ่ึงจะมีรายละเอยี ดของแต่ละขน้ั ตอนดงั น้ี

1) การให้ความรู้ในงานที่ ปฏิบัติเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจถึงสิ่งที่จะดำเนินการว่า
จะต้องอาศัยความรู้ความสามารถอย่างไรบ้างจะมีขั้นตอนในการดำเนนิ การอย่างไรและจะทำอย่างไรจึง
จะทำให้ได้ผลงานออกมาอย่างมีคณุ ภาพเป็นความจำเป็นสำหรับการเร่ิมการนิเทศที่จดั ขึ้นใหมเ่ พ่ือจะได้
สร้างความเข้าใจกันและทำให้การนเิ ทศนนั้ ได้ผล

2) การปฏบิ ัตงิ านประกอบดว้ ยการปฏบิ ัตงิ านที่ได้รับความร่วมมอื จากผู้บริหารผใู้ ห้การ
นิเทศและผู้รับการนิเทศ

3) การสร้างขวัญและกำลังใจผรู้ ับการนเิ ทศควรได้รับการเสริมกำลังใจ โดยเฉพาะจาก
ฝ่ายบริหารเพื่อให้ผู้รับการนิเทศมีความมั่นใจและทำงานด้วยความพึงพอใจการสร้างขวัญและกำลังใจ
ควรปฏิบัติไปพร้อมๆ กับการทำงานจึงจะได้ผลขั้นตอนที่ 4 การประเมิน ผลการนิเทศ การประเมิน ผล
เป็นขั้นสุดท้ายในการดำเนินการผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการประเมินผลได้แก่ผู้บริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบ
หนา้ ที่ใหท้ ำการประเมนิ ผลหลกั การที่ใช้ในการประเมนิ ผลดังน้ี

1) การประเมินผลต้องอาศยั ข้อมลู ทีน่ า่ เชื่อถือโดยการตั้งจุดมุ่งหมายทช่ี ดั เจนการใช้
เครอ่ื งมอื และการรวบรวมข้อมลู ท่เี หมาะสมรวมท้ังการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้เป็นทีย่ อมรับของฝา่ ยนเิ ทศ
ครู อาจารยแ์ ละนักเรยี นนักศึกษา

2) การประเมนิ ผลเปน็ ขนั้ ตอนหนงึ่ ของการนเิ ทศทจี่ ำเปน็ ต้องทำเมื่อไดจ้ ดั ทำโครงการ
นเิ ทศแล้ว

3) การประเมินผลต้องอาศยั ข้อมูลจากหลายฝา่ ยท้ังจากผ้บู ริหารผ้นู ิเทศและผรู้ บั การ
นิเทศ

26

4) การประเมนิ ผลสามารถทำได้ 2 ระยะคือ การประเมินผลระหวา่ งโครงการ เพื่อจะได้
พจิ ารณาวธิ ดี ำเนินการเพื่อปรับปรงุ โครงการ สว่ นการประเมินผลสรุปเป็นการประเมนิ ผลเพ่อื การ
ตัดสินใจถึงผลที่ไดร้ บั จากโครงการ

5) การประเมินผลเปน็ ระบบมี 3 ส่วนคอื
5.1) การประเมินผลทปี่ ัจจยั นำเข้าได้แก่ การประเมนิ ผลทม่ี ุ่งตัวนักเรยี นนักศึกษา

เครื่องมอื วสั ดุอปุ กรณ์ที่ใช้ในการสอนรวมท้ังคุณสมบตั ิและความสามารถของครูผู้สอน
5.2) การประเมินผลท่กี ระบวนการเป็นการประเมินขณะดำเนนิ การตามโครงการเพ่ือ

การปรบั ปรงุ
5.3) การประเมนิ ผลผลติ เปน็ การประเมนิ ผลหลงั จากดำเนินตามโครงการ แล้ว

พจิ ารณาผลท่ีไดจ้ ากโครงการว่าบรรลจุ ดุ มุ่งหมายตั้งไว้หรือไมก่ ารประเมนิ ผลมีเทคนิควิธกี ารดงั นี้
5.3.1) การประเมนิ ผลเชิงปรมิ าณ ซึ่งสามารถจะดำเนินการไดใ้ นลกั ษณะ

ประเมินผลเดยี วหรอื ประเมนิ ผลเป็นกลมุ่ ได้ผดู้ ำเนินการประเมนิ จะรวบรวมข้อมลู โดยใชเ้ คร่อื งมือชนิด
ต่างๆ จากบคุ คลทเี่ กี่ยวข้องการประเมนิ ผลน้ี ต้องใช้เครอ่ื งมือที่มีความเชอื่ ถือ และมีความเท่ียงตรง ใน
การวดั จึงอยทู่ ี่คุณภาพของเครอ่ื งมือท่ีใช้ เชน่ แบบสอบถามชนิดตา่ งๆ รวมท้ังการวเิ คราะห์ และการ
แปรผลขอ้ มลู ด้วย

5.3.2) การประเมนิ ผลเชิงคุณภาพเป็นการประเมินผล จากการสังเกตสมั ภาษณ์การ
ประชมุ สัมมนา ร่วมกัน อาจจะมแี บบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสัมภาษณ์ ประกอบดว้ ยกไ็ ด้ การประเมินผล
แบบนี้ ผู้ประเมินต้องมีความละเอียด ช่างสังเกต ขณะเดียวกันก็ต้องไม่มีอคติมีใจเป็นกลางโดยทั่ว ไป
การประเมิน ผลการนิเทศจะใช้เทคนิควิธี ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพประกอบกันไป เพื่อให้ได้ ขอมูลที่
ตองและเชอ่ื ถอื ได้

จากขนั้ ตอนการนิเทศท่ีกลา่ วมาขา้ งตน้ สรุปไดว้ ่า ในการจัดทาโครงการนเิ ทศนนั้ ควรจะได้
ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา และความต้องการในการนิเทศจัดทำแผนการนเิ ทศแล้วจึงนำแผนไปส่กู าร
ปฏิบตั ใิ ห้เปน็ ไปตามจุดมงุ่ หมายท่วี างไว้ควรมี การประเมินผลโครงการนิเทศเพอ่ื นำไปปรับปรงุ และ
พัฒนาการเรยี นการสอน

6. ขอบขา่ ยของการนิเทศภายในโรงเรียน
การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นการนิเทศการปฏิบัติงานของครู และบุคลากรทางการศึกษา

ตามขอบขา่ ยและภารกิจการบรหิ ารโรงเรียน สังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ท่ีเป็น
นิติบุคคลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารโรงเรียน เพื่อให้บรรลุภารกิจของโรงเรียนอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพประกอบดว้ ยงาน 4 ดา้ น ได้แก่

6.1 ดา้ นวชิ าการ
งานดา้ นวิชาการเป็นงานที่เก่ียวกบั การนำหลกั สูตรไปใช้ ใหบ้ รรลุตามจุดหมายของ

หลกั สูตรสถานศึกษา ตลอดจนคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคต์ ามที่กำหนดไว้ในหลักสตู รไดแ้ ก่
6.1.1 การพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา
6.1.2 การนาหลกั สตู รสถานศึกษาไปใชแ้ ละการออกแบบการจดั การเรยี นรู้
6.1.3 การสง่ เสริมและสนับสนนุ ให้ครู จดทาและใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้
6.1.4 การจดั การเรยี นการสอนตามแนวปฏริ ูปการเรียนรแู้ บบบรู ณาการ และเนน้

ทักษะการคิด

27

6.1.5 การจดั หาพัฒนาส่ือและเทคโนโลยที างการศึกษา
6.1.6 การสนบั สนนุ ให้ครู ผลติ และใช้ส่อื การเรียนรู้
6.1.7 การจดั กิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร
6.1.8 การจัดมมุ หนังสือ หอ้ งสมุด และแหล่งเรยี นรู้ในสถานศึกษา
6.1.9 การวัดและประเมินผลตามสภาพจรงิ
6.1.10 การสอนซ่อมเสรมิ
6.1.11 การวิจยั เพ่ือพฒั นาการศกึ ษา
6.1.12 การประกันคุณภาพการศึกษา
6.1.13 การสง่ เสริมและสนับสนนุ ให้ครจู ดั ทำแฟ้มขอ้ มูลนักเรยี นเปน็ รายบุคคล
6.1.14 การประเมินคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา
6.1.15 การจัดศนู ยโ์ สตทศั นูปกรณ์
6.1.16 การจัดบริการแนะแนว
6.2 ด้านบรหิ ารบุคคล
งานด้านบริหารบุคคล เป็นการจัดดาเนินการ เพื่อให้บุคลากรในสถานศึกษาได้รู้และ
เข้าใจหน้าที่ และความรับผิดชอบของตน การติดตามดูแลช่วยเหลือให้ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้
ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศในการทำงานให้ผู้ร่วมงานทุกคนเกิดความ
สำนกึ ในหน้าท่ีทรี่ ับผิดชอบสร้างความร่วมมือรว่ มใจในการปฏิบัติงาน ส่งเสรมิ ใหบ้ ุคลากรในสถานศึกษา
พฒั นาตนเองให้มคี วามสามารถในการปฏบิ ัติงานสงู ขน้ึ ได้แก่
6.2.1 การวางแผนอตั รากาลงั และกำหนดตำแหน่ง
6.2.2 การกำหนดความต้องการ หนา้ ทีแ่ ละความรับผิดชอบของบุคลากร
6.2.3 การมอบหมายหน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบ
6.2.4 การปฐมนเิ ทศบุคลากรใหม่
6.2.5 การจดั สวัสดกิ าร
6.2.6 การนเิ ทศ ตดิ ตามผลการปฏิบตั ิงาน
6.2.7 การพัฒนาบุคลากร
6.2.8 การสง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นได้ศึกษาต่อ
6.2.9 การประเมนิ ผลปฏิบัตงิ าน
6.2.10 การพิจารณาความดีความชอบ
6.2.11 การกำหนดมาตรฐานการปฏิบตั งิ านของบุคลากร
6.2.12 งานวนิ ัยและนิตกิ ร
6.3 ด้านบริหารท่ัวไป
งานดา้ นบริหารทัว่ ไปเป็นงานทเ่ี กี่ยวข้องกบั ระบบสำนักงาน ซึ่งมขี ้อกำหนด
กฎเกณฑ์ และวิธกี ารท่ีแนน่ อน ได้แก่
6.3.1 งานธรุ การและสารบรรณ
6.3.2 งานทะเบียนและรายงาน
6.3.3 งานข้อมลู และสารสนเทศ
6.3.4 งานจัดทำแผนปฏบิ ตั กิ ารและการจัดระบบการศึกษา

28

6.3.5 งานอาคารสถานทส่ี ิง่ แวดล้อม และความปลอดภัย
6.3.6 งานประชาสัมพันธ์
6.3.7 งานสวัสดกิ าร
6.3.8 งานพระราชบัญญตั ิการศกึ ษา
6.3.9 งานระเบียบ กฎหมาย กฎกระทรวง และข้อปฏบิ ัติต่างๆ
6.3.10 กิจกรรม 5 ส.
6.4 ดา้ นงบประมาณ
งานดา้ นงบประมาณเป็นงานทเี่ กยี่ วข้องกับระบบการเงินและพสั ดุ ไดแ้ ก่
6.4.1 งานงบประมาณ
6.4.2 งานจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี
6.4.3 งานจัดตง้ั และการของบประมาณประจำปี
6.4.4 งานเบกิ จา่ ยงบประมาณ
6.4.5 งานรายงานการใช้จา่ ยเงนิ งบประมาณประจำปี
6.4.6 การตรวจสอบ ตดิ ตาม และประเมนิ ประสิ ทธภิ าพการบรหิ ารงบประมาณ
6.4.7 การบริหารการเงิน
6.4.8 การบรหิ ารการบญั ชี
6.4.9 การบริหารงานพัสดุ
6.4.10 ระบบทรัพยากรและการลงทนุ เพ่ือการศกึ ษา
2.7 บทบาทของผูบ้ รหิ ารโรงเรียนกับการนเิ ทศการศกึ ษา
งานบริหารการศึกษามีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่คุณภาพของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตของการจัด
การศึกษา ดังนั้นในการบริ หารการศึกษา ผู้บริหารจำเป็นจะต้องทำงานสองอย่างคือ งานบริหารและ
งานนเิ ทศ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ผู้บริหารมีบทบาทในการนิเทศมากโดยเฉพาะการนเิ ทศภายในสถานศึกษาของ
ตนเอง
ไวส์ (Wiles อ้างใน อัญชลี ธรรมะวิธีกุล, 2555) ได้กล่าวถึงบทบาทของผู้บริหาร
สถานศึกษาฐานะผนู้ เิ ทศไว้ดงั นี้
1) บทบาทด้านมนษุ ยสัมพนั ธ์ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษามหี นา้ ท่ที ำใหเ้ กิดความเขา้ ใจอัน
ดภี ายในกลุ่มและพยายามขจัดขอ้ ขดั แย้งต่าง ๆ ท่เี กิดขนึ้ ในกลมุ่
2) บทบาทในฐานะผ้นู ำผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาทาหน้าทด่ี งต่อไปน้ี คอื พฒั นาความเป็นผู้
นาให้เกิดขึ้นแก่ตัวผู้อื่น ช่วยให้ผู้อื่นมี ความรับผิดชอบ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ร่วมในการใช้อำนาจ
และมสี ่วนร่วมในความรับผดิ ชอบ
3) บทบาทในดา้ นการจัดและดาเนินงานในหนว่ ยงาน ผบู้ ริหารสถานศกึ ษามีหน้าท่ีดังน้ี
คือพัฒนาการจัดองค์การของหน่วยงานในสถานศึกษา ช่วยให้ดำเนินงานของคณะกรรมการต่างๆ ใน
องค์การดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพในการตัดสินใจเรื่องใดก็ตามต้องดำเนินไปตามขั้นตอนของ
กระบวนการตัดสินใจ เมอ่ื กลมุ่ ตดั สินใจในเร่ืองใดไปแล้วจะต้องไม่คดั ค้าน พยายามทำให้ทุกคนในกลุ่มมี
เป้าหมายอนั เดียวกนั เพอ่ื ใหเ้ กิดวนิ ยั ในกลุ่ม และสง่ เสรมิ ให้มีวินัยในตนเอง
4) บทบาทในการคัดเลือกและการใช้ประโยชน์บุคลากร ผู้บริหารสถานศึกษามีหน้าที่
ดังนี้ คือ พิจารณาเลือกบุคลากรใหม่ให้ตรงกับความต้องการโดยให้ครูในสถานศึกษามีส่วนร่วมในการ

29

พิจารณาเลือกด้วย ช่วยให้บุคลากรที่เข้าทางานใหม่รู้สึกว่าเขาเป็นที่ต้องการของสถานศึกษามีความ
อบอนุ่ ใจ และมีความเชื่อมนั ในตนเอง

5) บทบาทในการสร้างขวัญของครูผู้บริหารสถานศึกษามีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ คือช่วยให้
ครพู อใจงานท่ที ำมีความสะดวกสบายปลอดภัยในการปฏิบตั ิงานใหค้ รมู ีส่วนรว่ มในการวาง โครงการและ
นโยบายต่างๆ ของสถานศึกษา ช่วยให้ครูเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง ให้ครูรู้สึกว่าตนเองมี
ความสำคัญ และเป็นที่ต้องการของบุคคลอื่น จัดให้มีการบริการต่างๆ คู่มือครูการศึกษาต่อ การอบรม
ฯลฯ ตามท่ีครู ต้องการ

6) บทบาทในการพัฒนาบุคลากร ผู้บริหารสถานศึกษามีหน้าที่ดังต่อไปนี้ คือ จัดให้มี
การอบรมในหน่วยงาน โดยจัดให้ตรงตามความต้องการของครู การประชุมครู ที่จดให้มีขึ้น ช่วยให้ครูมี
ความก้าวหน้าใช้วิธีการสังเกตการสอน แต่ต้องมีความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายใช้วิธีการวัดผลเพื่อพัฒนา
บคุ ลากรใหเ้ กิดประสทิ ธภิ าพการเรียนการสอน

ส่วนสุจริต เพียรชอบ (อ้างใน อัญชลี ธรรมะวิธีกุล , 2555) ได้กล่าวถึงบทบาทผู้บริหาร
สถานศกึ ษาในการนิเทศการศึกษาภายในสถานศกึ ษาดังนี้

1) ช่วยเหลือทางด้านวิชาการและด้านบริการ ได้แก่ปฐมนิเทศครูใหม่จัดประชุมครูก่อน
เปดิ ภาคเรียน สงั เกตการณ์สอนในชั้นการเยยี่ มชั้นเรยี นอน่ื ๆ การสาธิต การสอน การนิ เทศด้วยการให้
คำปรึกษาหารือเป็นรายบุคคลหรือรายหมู่ การประชมุ ปฏิบัตกิ าร การอบรมสมั มนา จดั หนงั สือที่มีคุณค่า
ทางวิชาการให้ครู ได้ศึกษา ปรับปรุงห้องสมุดให้ทันสมัย และแนะนำครู ให้ใช้ห้องสมุด แนะนำให้ครู
เป็นสมาชกิ ของสมาคมทางวิชาการต่างๆ จัดบริการโสตทัศนศึกษาให้แก่ครูเป็นอย่างดี และสนับสนุนให้
ครู ใชอ้ ปุ กรณเ์ หล่านั้น ตลอดจนสนับสนุนให้ครู ไปศกึ ษาต่อ

2) ช่วยเหลอื ครใู นดา้ นปญั หาสว่ นตัว
3) การสร้างขวัญของคณะครู ในสถานศกึ ษา
4) การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ านในสถานศึกษา
สำหรบั อำนวยพร วงษ์ถนอม (อา้ งใน อญั ชลี ธรรมะวธิ ีกลุ , 2555) ได้กล่าวถงึ บทบาทของ
ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาในการนเิ ทศการศกึ ษา ดงั น้ี
1) จดั ใหก้ ารปฐมนเิ ทศครู ใหมใ่ หเ้ ขา้ ใจในหนา้ ท่ีการงานท่ีตนรับผดิ ชอบ
2) สถานศึกษาจดั การอบรม หรอื ใหก้ ารนิเทศดว้ ยการสอนแก่ครู อย่างสม่ำเสมอ
3) แนะนาให้ครู ร้จู กดัดแปลงเนอื้ หาวิชาท่สี อนให้เหมาะสมแก่สภาพท้องถ่ิน
4) ชว่ ยให้ครมู คี วามเชื่อมันในความสามารถของตนที่ จะแก้ปัญหา และอุปสรรคใน
การเรียนการสอน
5) เสนอแนะวธิ ีสอนทเ่ี หมาะสมกับเนอ้ื หาวชิ า และสภาพแวดลอ้ มให้ครู
6) ส่งครไู ปสังเกตการสอนในสถานศึกษาอนื่ ๆ ที่เหน็ ว่าเป็นตวั อยา่ งท่ีดีได้
7) ใหค้ รูได้เข้าร่วมการฝกึ อบรมทางวิชาการที่จดั ข้นึ ภายในและภายนอกกลมุ่
สถานศึกษา
8) จัดให้มกี ารติดตามผลภายหลงั การฝกึ อบรม
9) จดั หาหนงั สอื ทางวชิ าการ คูม่ อื ครู วารสาร และบริการอนื่ ๆ เพื่อช่วยเหลือครู
ก้าวหนา้ ทางวิชาการ และวิชาชีพ

30

10) ผบู้ รหิ ารควรเยยี่ มชน้ั เรยี น เพ่ือมงุ่ ที่จะให้คำปรึกษาช่วยเหลอื และแก้ไขปญั หา
ทางการสอน

11) การบำรุงขวญั และใหก้ าลังใจแก่ครู
12) ผูบ้ ริหารควรมีเกณฑ์ในการพจิ ารณาความดีความชอบของครู โดยใชว้ ิธีความเป็น
ธรรมใหม้ ากที่สุด
13) จัดใหม้ ีการสัมมนาของคณะครู เพื่อแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับการเรียนการสอน
14) สนบั สนุนให้ครู มีโอกาสศกึ ษาในสาขาวิชาท่ีเกยี่ วข้อง และจะเป็นประโยชน์
โดยตรงต่อการศกึ ษา
15) จัดให้มีการประกวดการเรียนการสอนระหว่างสถานศึกษาภายในกลุ่ม สรุปได้ว่า
ผู้บริหารโรงเรยี นจะต้องบริหารงานโดยมีบทบาท 2 ประการ คือ งานบริหารและงานนิเทศ โดยบทบาท
ของผู้บริหารด้านการนิเทศนั้น ผู้บริหารจะตอ้ งให้การช่วยเหลือทางด้านวิชาการใหแ้ ก่ครู และบุคลากร
ในโรงเรียน การช่วยเหลือครู ในด้านปญั หาสว่ นตัว การสรา้ งขวัญและกาลังใจให้แก่ครู และบคุ ลากรใน
โรงเรียน การประเมินผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งการพัฒนาครู และบุคลากรในโรงเรียน เพื่อพัฒนา
คุณภาพผ้เู รยี นใหด้ ียงิ่ ขึน้
8. การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นกิจกรรมท่ีมีความสำคัญมากกิจกรรมหนึ่งที่เป็นส่อื
เช่อื มโยงระหวา่ งผูเ้ รียนและหลักสูตรช่วยให้การจัดการศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ท่ตี ้องการ ดังท่ี สุธี
ระ ทานตวณชิ (2532: 123) ไดก้ ล่าวว่า กจิ กรรมการเรียน หมายถึง กจิ กรรมท่ีช่วยกระตนุ้ ใหก้ ารเรียน
การสอนเป็นไปด้วยความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกล่าวคือทาใหผ้ ู้เรยี นมีความเข้าใจแจ่มแจง้ และจดจำได้นานยิ่งข้ึน
หรอื จะชว่ ยใหก้ ารเรยี นการสอนทจี่ ะดำเนนิ การในครัง้ ตอ่ ไปมีประสิทธิ ภาพมากขึ้น
สาหรับ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2535: 183) กล่าวว่า การจัดและการดำเนินการเรียนการ
สอนจะเป็นไปด้วยดี ต้องอาศัยการวางแผนการบริ หารงานที่มาจากความร่วมมือของบุคลากรใน
โรงเรียนโดยเฉพาะครูอาจารย์ ซึ่งเป็นตัวหลักสำคัญที่จะทำให้การเรียนการสอนมีคุณภาพ ในการ
บริหารงานจัดการเรียนการสอนผู้บริหารโรงเรียนควรยึดหลักการจัดการเรี ยนการสอนตามแนวของ
หลักสูตรกล่าวคือ ครู และนักเรยี นรว่ มกนั ดำเนนิ กิจกรรมต่างๆ โดยมเี ด็กเป็นศนู ย์กลางของความสนใจ
นั่นคือกิจกรรมของเด็กโดยเด็กและเพื่อเด็ก ครูเป็นผู้ดำเนินการให้กิจกรรมเป็นไปในแนวทางตามท่ี
แผนการสอนและคมู่ ือเสนอแนะไว้ เดก็ เปน็ ผู้ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ มากทส่ี ุดไมว่ ่าจะเป็นการสอนโดยวิธี
ใดๆ ก็ตาม ครูเป็นเพียงผู้ควบคุมดูแลและแนะนำเพื่อให้กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุ ประสงค์การ
เรียนรู้ของหลกั สตู ร
สว่ น ปรีชา คมั ภรี ปกรณ์ (อา้ งใน สมพงษ์ นิยมลกั ษณ์, 2548 : 26) กลา่ วถึงหลกั การจดั การ
เรยี นการสอนที่สำคัญไวห้ ลายประการคอื
1) ครูต้องเปิดโอกาสให้นักเรยี นได้เรียนรทู้ างด้านทฤษฎี และการปฏิบตั เิ พอ่ื ให้เกดิ
การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง เกิดความเข้าใจและสามารถปฏิบตั ไิ ดม้ ากกว่าการจำ
2) ครูควรเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ เกีย่ วกับวิธกี ารแกป้ ญั หา มีความคดิ
วจิ ารณญาณและรจู้ กั นำความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจำวนั ดงั น้ันการสอนของครูตอ้ งม่งุ ใหน้ ักเรยี นไดร้ ู้
วธิ กี ารแสวงหาความรู้มากกวา่ ใหท้ ่องจำ

31

3) เนื้อหาวชิ าท่ีจัดให้แกน่ กั เรียนต้องผสมผสานกนั และแสดงให้เหน็ ถงึ ความสัมพนั ธ์
ระหว่างความรตู้ ่างๆ ตลอดถึงความสัมพนั ธร์ ะหว่างกลมุ่ ประสบการณ์ท่เี รียนดว้ ยบทบาทของผบู้ ริหาร
โรงเรียนในด้านการจดั กิจกรรมเรียนการสอนนน้ั ผูบ้ ริหารโรงเรียนมีภารกิจที่จะตอ้ งกระทำ ดงั น้ี
(สำนกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ. 2536 : 8 -9)

3.1) จัดใหม้ ีแผนการสอนให้ครบถ้วนทกุ ชนั้ และทุกกลุ่มประสบการณ์ สำหรับ
หลักสตู รฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2533 มุง่ เนน้ ให้ครผู สู้ อนเปน็ ผู้จัดทำแผนการสอนเอง ผู้บริหารต้องเป็นผ้นู ำ
และกระตนุ้ ให้ครจู ัดทำและติดตามการนำไปใชด้ ว้ ย

3.2) จดั หอ้ งเรียนให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกับจานวนหอ้ งเรียน
3.3) จัดสถานที่ และอุปกรณเ์ ครื่องมือเครื่องใช้และหอ้ งพิเศษเพื่อสนบั สนุนการจดั
กจิ กรรม การเรยี นการสอนในกลุ่มประสบการณ์ต่างๆ ตามสภาพความพร้อมของโรงเรียน
3.4) ตรวจสอบการจดั ตารางสอนใหเ้ หมาะสมกับเวลาและสอดคล้องกบั อตั ราเวลา
เรียนในหลกั สูตรทุกกล่มุ ประสบการณท์ ุกชัน้ เรยี น และให้มีตารางสอนรวมของโรงเรียนด้วย
3.5) จดั ทำหรอื จดั หาเอกสารประกอบหลกั สตู รและแบบพิมพ์ต่างๆ ที่สนบั สนนุ การ
สอน เชน่ แนวการสอนคูม่ ือครู และเอกสารทเ่ี กย่ี วข้องสำหรบั ครูผู้สอนให้เพียงพอทุกระดับชัน้ และทกุ
กลุม่ ประสบการณ์
3.6) จดั ครูประจำชัน้ ครู ประจำวชิ าให้เหมาะสมโดยคำนงึ ถึงความรู้ความสามารถของ
ประสบการณ์และความถนัด
3.7) ติดตามการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนของครู โดยการตรวจแผนการสอนหรือ
บนั ทึกการสอนของครูอย่างสมำ่ เสมอ
3.8) เย่ยี มชน้ั เรียนหรอื สงั เกตการสอนโดยกำหนดเปน็ ปฏิทินปฏบิ ตั งิ านไว้
3.9) จัดครูเข้าสอนแทนครู ที่ขาดหรอื ครู ที่ไม่มาปฏิบัติงานโดยมกี ารบันทึกมอบหมาย
งานและบนั ทึกรายงานผลการปฏิบตั งิ านเป็นลายลกั ษณ์อักษร
3.10) ตดิ ตาม ให้การช่วยเหลือพิเศษ ชว่ ยแกป้ ัญหาในส่วนทเ่ี กย่ี วข้องกับการเรยี นการ
สอนใหแ้ ก่ครู ให้ขวัญและกำลังใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนตามหลกั สตู ร
3.11) เป็นผู้นำให้ครูปรับปรุงการเรียนการสอนให้รู้จกใช้เทคนิคและวิธีการสอนแบบ
ต่าง ๆ และเลือกกิจกรรมการสอน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ทักษะและเจตคติที่ดี สรุปได้ว่า การจัด
กิจกรรมการเรียนการสอน เป็นกิจกรรมที่สำคัญที่ผู้บริหารควรให้ความสนใจเพราะการเรียนจะบรรลุ
ตามเป้าหมายของหลักสูตรได้นั้น ต้องอาศัยกิจกรรมการเรียน การสอนเป็นสำคัญ ซึ่งผู้บริหารโรงเรียน
ต้องให้ความชว่ ยเหลือและสนบั สนนุ กระตุ้นใหค้ รจู ดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนใหเ้ หมาะสม
การศึกษาที่เกย่ี วข้อง สวสั ด์ิ เดชกลั ยาและคณะ (2549) ได้ศกึ ษาการดำเนนิ งานนิเทศ ภายใน
โรงเรยี นในสถานศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน สงั กัดสำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษานครนายก โดยมีวตั ถุ ประสงค์
1) เพ่ือศึกษาการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนในสถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน สงั กัดสำนัก
เขตพน้ื ทก่ี ารศึกษานครนายก
2) เพื่อเปรยี บเทยี บการดำเนินงานนเิ ทศภายในโรงเรียนในสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน สังกดั
สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษานครนายก โดยจำแนกตามขนาดของสถานศึกษาโดยได้ศึกษาขนั้ ตอนการ
ดำเนินงานนเิ ทศภายในโรงเรยี น 4 ขั้นตอนคือ

32

2.1) การศึกษาสภาพปจั จุบนั ปัญหาและความต้องการ
ของสถานศกึ ษา

2.2) การวางแผนการนิเทศ
2.3) การดำเนินการนิเทศ
2.4) การประเมินผลการนเิ ทศและเพ่ือเปรยี บเทียบ
การดำเนนิ งานนเิ ทศภายในโรงเรียนในสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน สังกดั สำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษานครนายก โดยจำแนกตามขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
ข้าราชการครู จำนวน 244 คน ประกอบดว้ ยขา้ ราชการครู ในสถานศกึ ษาขนาดใหญจ่ านวน 42 คนและ
ข้าราชการครู ในสถานศึกษาขนาดเล็กจำนวน 202 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบ
มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 40 ข้อมีค่าความเชื่อมัน 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ได้แก่ คา่ รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบีย่ งเบนมาตรฐาน และคา่ ทดสอบ t–test สาหรับกลุม่ ตัวอยา่ งท่ีเป็น
อิสระตอ่ กนั ผลการวิจยั สรปุ ได้ดงั น้ี
1. สภาพการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนในสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน สงั กดั สำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษานครนายกโดยรวม อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ขั้นตอนการ
ดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียน 4 ขั้นตอน อยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน โดยเรียงลำดับจากมากไปหา
นอ้ ยได้ดังนี้ ขัน้ ท่ี 3 การดำเนินการนเิ ทศ ขน้ั ท่ี 2 การวางแผนการนเิ ทศ ขนั้ ที่ 1 การศึกษาสภาพปจั จุบัน
ปญั หาและความตอ้ งการของสถานศึกษา และขั้นท่ี 4 การประเมินผลการนเิ ทศ ตามลาดับ
2. ผลการเปรียบเทียบการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครนายก โดยจำแนกตามขนาดของสถานศึกษา พบว่าการดำเนิน
งานนิเทศภายในโรงเรียนตามขั้นตอนการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนทั้ง 4 ขั้นตอน คือ การศึกษา
สภาพปจั จุบันปัญหาและความตอ้ งการของสถานศกึ ษา การวางแผนการนเิ ทศ การดำเนินการนเิ ทศและ
การประเมนิ ผลการนเิ ทศของสถานศึกษาขนาดใหญ่และสถานศึกษาขนาดเล็กท้งั โดยรวมและรายด้านนั้น
ไม่แตกตา่ งกนั
จากงานวจิ ยั ข้างต้น พบว่า สถานศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
นครนายก มีการดำเนนิ งานนิเทศภายในโรงเรียนทั้ง 4 ขั้นตอน ไดแ้ ก่
1) การศึกษาสภาพปจั จุบันปัญหาและความต้องการของสถานศึกษา
2) การวางแผนการนเิ ทศ
3) การดำเนนิ การนิเทศ
4) การประเมินผลการนิเทศ
โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยในขั้นที่ 3 มีการดำเนินการมากที่สุด และขั้นที่ 4 มีการ
ดำเนินการน้อยที่สุด และจากการเปรียบเทียบการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนในสถานศึกษาขั้น
พื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครนายกของสถานศึกษาขนาดใหญ่และสถานศึกษาขนาด
เล็ก ทั้งไม่แตกต่างกัน เฉลียว นัยนา (2550)ได้ศึกษากระบวนการนิเทศภายในของสถานศึกษา ขั้น
พื้นฐานในอำเภอแม่สรวย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 2 โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษา
กระบวนการนิเทศภายในของสถานศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน กลุ่มประชากร คือ ผู้บริหารโรงเรยี นและครูผู้สอน
โรงเรียนในอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 2 ปี

33

การศึกษา 2547 จำนวน 533 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า และ
แบบปลายเปดิ นำขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าวเิ คราะห์โดยใชร้ อ้ ยละคา่ เฉลี่ย

ผลการศึกษากระบวนการนิเทศภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทั้ง 5 ขั้นตอน พบว่าการ
ปฏิบัติโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยของการปฏิบัติมากที่สุดคือ การวางแผนและ
กำหนดทางเลอื ก ส่วนดา้ นที่มคี ่าเฉลี่ยของการปฏบิ ตั นิ ้อยท่ีสุด คอื การประเมนิ และรายงานผลส่วนแนว
ทางการพัฒนากระบวนการนิเทศภายในของสถานศึกษาขัน้ พื้นฐานทั้ง 5 ขั้นตอน พบว่า มีขอเสนอแนะ
ดงั น้ี คือ ควรมกี ารสอบถามสภาพการจัดการเรียนการสอนของครู ครคู วรมีส่วนร่วมในการวางแผนการ
และดำเนินการนิเทศภายในสื่อและเครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศควรสอดคล้องกับสภาพการดำเนินการ
จดั การเรยี นการสอน และควรมีการสรุปผลการนิเทศภายในทุกครั้งท่ีมกี ารดาเนนิ การทุกครั้ง

จากงานวิจัย ข้างต้นพบว่า สถานศึกษาขั้นพื้นฐานในอำเภอแม่สรวย สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาเชียงราย เขต 2 มีการดำเนนิ การนเิ ทศภายในท้งั 5 ขนั้ ตอน อย่ใู นระดบั ปานกลาง ซึ่งแนวทาง
ในการพัฒนากระบวนการนิเทศภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทั้ง 5 ขั้น ตอนนั้น ควรมีการสอบถาม
เกี่ยวกับสภาพการจัดการเรียนการสอนของครู เปิดโอกาสให้ครู เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนการ
ดำเนินการนิเทศภายใน รวมทั้งสื่อและเครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศภายในควรมีความสอดคล้องกับสภาพ
การจัดการเรยี นการสอนของครู และควรนำผลสรุปเกีย่ วกับการนเิ ทศภายในมาใช้ในการพฒั นาปรับปรุง
การดำเนนิ งานใหด้ ยี ่งิ ขึ้น

กระบวนการนิเทศภายในโรงเรยี น โดยการใช้กระบวนการเปิดช้นั เรียน (Lesson study)

ในประเทศไทยการสอนโดยการใช้กระบวนการเปิดชั้นเรียน (Lesson study) นำมาใช้ครั้งแรก
ในปีการศึกษา 2547 โดย รศ.ดร.ไมตรี อินทรประสิทธ์ิ ได้มีการขยายตัวไปอย่างแพร่หลายในแวดวง
การศึกษาในระดับ ประถม มัธยม และอุดมศึกษาทั่วทุกภูมิภาค ในขณะเดียวกันก็ได้นำนวัตกรรม
Lesson study นี้มาใช้กับการสอนคณิตศาสตร์แก่นักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เพ่ือใหค้ ณาจารยแ์ ละนักศึกษาได้ใช้เพื่อให้ เกิดการเปลีย่ นแปลงและเปดิ โลกทัศน์ เพราะเป็นวิธีการที่ครู
เปน็ ผู้ลักดันใหเ้ กิดการปรับปรงุ การสอน โดยมเี ป้าหมายหลักอยู่นกั เรียน ทำใหค้ รคู ้นพบว่าการรว่ มมือกัน
อย่างดีระหว่างครูด้วยกัน ทำให้ครูได้มีโอกาสแลกเปล่ียนการเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนนวัตกรรม Lesson
study เป็นนวัตกรรมทีเ่ ป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยในการพัฒนาวิชาชีพครูเพราะเป็นแนวทางท่ีจะช่วยใหค้ รู
ได้ปรับปรุงการสอนดว้ ยตัวของครูเอง (teacher-led instruction improvement) และเปน็ การผลักดัน
ให้ครูเกิดความรู้สึกที่จะพัฒนาวิชาชีพครูภายใต้กระบวนการปรับปรุงการสอนด้วยตัวของครูเองอยู่
ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอใหม้ ผี ู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาดูแล เพราะจุดประสงค์หลักหรือจุดเน้นท่ี จะทำ
ใหเ้ กดิ ผลคอื นกั เรียน ดังน้ันการนำแนวทางนี้มาใช้ในการสอนของครูไมน่ า่ จะเป็นด้านเน้ือหา วิธกี ารสอน
ส่อื การสอน ท่นี ำมาใช้จะเกิดผลต่อการเรียนรู้ของนกั เรยี นมาก

นวัตกรรม Lesson study ได้รับการยอมรับในประเทศต่าง ๆ ว่ามีคุณค่าต่อครูสามารถ
เปลี่ยนแปลงครูและนักเรียนได้นวัตกรรม Lesson study จึงน่าจะได้รับการพิจารณาว่าเหมาะสมกับ
ประเทศไทยอย่างย่ิงในภาวะที่ประเทศไทยในปัจจุบัน ต้องการให้ครูได้ปฏิรูปการสอนตนเองเพื่อจะได้
ส่งผลต่อการปฏิรูปการเรียนของนักเรียนและใช้ในการพัฒนาวิชาชีพครูในประเทศไทยอันจะช่วยให้เกิด

34

ผลดีต่อการปฏิรูปครูเป็นอย่างยิ่ง (Inprasitha, 2009) Lesson study มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาครู
เหตุผลท่ี Lesson study ไดร้ บั ความนยิ มมีเหตุผลหลายประการ คือ

1. ทำให้เกดิ ความเข้าใจเกีย่ วกบั แนวคดิ ทางการศกึ ษาทีเ่ ก่ียวข้องกับแนว ปฏบิ ัติในการสอน
2. ปรับเปลีย่ นความคดิ และวิธกี ารสอน และการเรียนรู้
3. เรยี นรู้ท่ีจะพฒั นาการปฏบิ ัติการสอนของครูจากการสะท้อนผลของนักเรียน
4. ไดร้ ับการสนับสนุนและการช่วยเหลือจากเพื่อนครูแนวปฏิบตั ขิ อง Lesson study เป็น
กระบวนการปรับปรุงการสอนอย่างต่อเนอ่ื ง โดยมจี ุดมุ่งหมายให้ครูได้แลก เปล่ียนเรียนรู้เทคนิคการสอน
จากเพ่ือนครูด้วยกนั ทำให้เกดิ การยอมรับขอ้ บกพร่องของตนเองแล้วนำมาปรบั ปรุงแก้ไขใหม่
รศ.ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ ได้นำนวัตกรรม Lesson study โดยเอาวิธีการสอนคณิตศาสตร์
แนวใหม่ คือ Open Approach และ Lesson study เป็นวิธีการสอนแบบเปิดและทำให้เกิดการวิจัย
แผนการสอน ซึ่งอาจารย์ได้ไปศึกษามาจาก ประเทศญ่ีปุ่นวิธีการแบบเปิดนี้จะช่วยลดอุปสรรคเรื่อง
จำนวนเด็กต่อห้อง ที่มีมากเกินไปได้เพราะวิธีการแบบเปิด จะทำให้ครูได้ด้านความแตกต่างระหว่าง
บุคคลอย่างชัดเจนเพราะความแตกต่างระหว่างบุคคลจะเกิดคำตอบของนักเรียนท่ีเป็นกระบวนการ
น้ันเอง ต่อจากนี้จะขออธิบายเฉพาะการสอนแบบเปิดถ้าใช้ Open Approach Lesson study แล้วครู
ใหค้ วามสำคัญกับการใช้แผนการเรียนรู้จนทำให้เกิดเป็นการวิจัย แผนการสอนในชน้ั เรยี นเกิดข้ึน เพราะ
แผนการสอนคือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึง่ ในการสอนซึ่งมีกระบวนการ 3 ขั้นตอน คือ 1) ร่วมมือกัน
สร้างแผนการสอนของครูในกลุ่มคณิตศาสตร์หรือผู้สนใจ 2) ร่วมกันสังเกตการสอน 3) ประชุมเพ่ือ
สะทอ้ นผล การสอนรว่ มกนั

ครูจะประชุมเพื่อสร้างแผนการสอนร่วมกัน โดยกำหนดเรื่องท่ี สอนตามหลักสูตร
สถานศึกษาการสร้างแผนการสอนต้องยึดหลักการสร้างคำถามหรือคำสั่งปลายเปิดและให้ครอบคลุม
เนื้อหาที่ต้องการสอน ซึ่งเป็นวิธีการ Open Approach จากหลักการดังกล่าวครูทุกคนต้องช่วยกันคิด
แล้วแสดงความคิดนั้นร่วมกัน โดยคำถามท่ีจะต้องใช้ในชั้นเรียนต้องเป็นคำถามแบบเปิดแต่จะมีประเด็น
ความรู้ไว้ ในคำถามให้กับนักเรียนได้ร่วมกันคิดและหาคำตอบ เป้าหมายสำคัญของวิธีการสอนแบบเปิด
ต้องการให้นักเรียนทุกคนเรียนคณิตศาสตร์ได้สอดคล้องกับศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มท่ีใน
กระบวนการทางการคิดคณิตศาสตร์การปรับปรุงและพฒั นาการสอนลักษณะน้ีจะช่วยแก้ปัญหาครูท่ีต้อง
สอนกิจกรรมในลักษณะเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกปีได้เพราะจะทำใหครูสนุกกับการหาคำถามมาถามเด็กและ
คำตอบที่ได้กันแตกต่างกันในแต่ละปีช่วยลดปัญหาการเรียนระหว่างเด็กเก่งกับเด็กอ่อนให้เกิดความ
สมดุลกัน เนื่องจากนักเรียนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยที่ครูจะไม่ปฏิเสธคำตอบไปสู่ความรู้ให้กับ
นกั เรยี นแต่จะทำหนา้ ทเี่ ชื่อมโยงคำตอบไปสู่ความรู้ให้กับนกั เรยี น

กระบวนการของ Lesson Study โดยทวั่ ไปประกอบด้วย 8 ขน้ั ตอนดังน้ี (Inprasitha, 2003)
1. Problem Identify cation กำหนดประเด็นที่จะสอน ขึ้นอยู่กับความ ต้องการของ

นักเรียน
2. Class planning วางแผนการสอน โดยเน้นที่นักเรยี นและครูเป็นสำคัญ
3. Class implementation นำแผนการสอนไปใช้โดยเน้นบทเรียนที่ส่งเสริมการ

เรยี นรู้และกระบวนการคิดของนักเรยี นและแก้ไขความเข้าใจคลาดเคล่อื น
4. Class evaluation and review of result ประเมนิ ผลบทเรยี นว่าส่งผลตอ่ การ

เรยี นรรู้ของนักเรียนอย่างไรและร่วมกนั อภปิ รายสะท้อนความคิด

35

5. Reconsideration of class ปรบั ปรุงบทเรียนโดยอาศัยข้อมลู ทร่ี วบรวมได้
6. Implementation base on reconsideration นำแผนการสอนท่ีปรับปรุงแล้วมา
สอนนักเรียนกลุ่มอน่ื
7. Evaluation and review ประเมินผลบทเรียนและร่วมกันอภิปรายสะท้อนความคิด
เกีย่ วกบั บทเรยี น
8. Share result นำผลทไี่ ด้มาแลกเปลย่ี นเรยี นรู้รว่ มกัน
การศึกษาชน้ั เรยี นสงิ่ หนึ่งท่ตี ้องการ คือ การพจิ ารณาด้านเวลาและความพยายามในการกำหนด
ตารางการทำงานให้เรียบร้อยอย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้ลงมือกระทำก็จะเป็นผู้ท่ีสร้างคุณค่าด้านการใช้เวลา
และความพยายามจากในปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นที่จะปรับปรุงผลสัมฤทธ์ิของนักเรียนและการปลูกฝังความ
ตระหนักในทจ่ี ะใช้กับการศึกษาช้ันเรียนจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ท่ีแข็งแกร่งในหมู่ครู และการปรับปรุง
การสอนข้อค้นพบจากการศึกษาชั้นเรียนน้ีช่วยสร้างความเป็นมืออาชีพในการสอนให้แก่ครูและแนน่ อน
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการปรับปรุงการนำไปใช้และวิธีคิดในวิชา
คณิตศาสตร์ของพวกเขา แม้ว่ามันจะให้ประโยชน์มาก กระบวนการดังกล่าว ยังเหมือนอยู่ ในภาวะมี
อุปสรรคอย่างไรก็ตามครูต้องระลึกว่าจะต้องร่วมกันทำงานเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ของนักเรียนการ
แลกเปล่ียนจุดประสงค์ร่วมกันก็สามารถเพ่ิมคุณค่าได้เป็นอย่างดีทีเดียว และมันยังช่วยให้ครูได้จดจำใน
ประเด็นที่ได้สังเกต คือ อยู่ที่วิธีคิดของเด็ก ไม่ใช่ความสามารถในการสอนของพวกเขา สิ่งนี้มันสามารถ
ชว่ ยลดความกงั วลลงไปไดส้ ำหรบั ครู (Inprasitha, 2009) ในการจัดการเรยี นการสอนในวชิ าคณติ ศาสตร์
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) ระดับประถมในขั้นตอนแรกนั้นครูผู้ร่วมโครงการ
จะมาร่วมกัน สร้างแผนการจัดการเรียนรู้โดยดูว่าต้องการสอนนักเรียนเร่ืองอะไรบ้างและจะต้ังคำถาม
อย่างไร จากนั้นจะมากำหนดคำถามปลายเปิดให้ครอบคลุมประเด็นที่ต้องการสอนเด็ก ซ่ึงเป็น วิธีการ
แบบเปิด จะซอ่ นประเด็นความรู้ไว้ในคำถามให้เด็ก ๆ ได้ร่วมกันคดิ และหาคำตอบโดยคำตอบของเด็กแต่
ละคนอาจจะแตกต่างนักเรียนแต่ละคนจะมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่แตกต่างกันในการให้เหตุผล
และต้องยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันครูพยายามเช่ือมโยงข้อมูลที่เด็ก ๆ อธิบายซึ่งครูจะต้องใจ
เย็นไม่สรปุ ว่าความคิดของ ใครผิดหรอื ถูกแตเ่ มื่อเด็กมีความเห็นท่ผี ิดออกไป กอ็ าจจะมเี ด็กคนอืน่ ๆ เห็น
แย้งขึ้นมา เด็กในชั้นเรียนก็จะได้อภิปรายร่วมกัน ถกเถียงถึงความรู้นั้นด้วยกัน สุดท้ายครูและนกั เรยี นก็
จะร่วมกันสรปุ ประเด็นของความรู้ได้สำหรับจุดสำคญั ของวิธีการสอนด้วยวิธี แบบเปิดจะต้องให้นักเรียน
เปิดใจกว้างเกี่ยวกับคณิตศาสตร์โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนเรียนคณิตศาสตร์ได้ สอดคล้องกับ
ศักยภาพทางคณิตศาสตร์ ของตนและระดับของการกำหนดการเรียนรู้ด้วยตนเองนอกจากนี้ยังต้องการ
ให้เด็กสามารถใช้ศักยภาพของ ตนเองได้อย่างเต็มที่ในกระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ดังนั้น การได้
พัฒนาบทเรยี นร่วมกันและได้ร่วมกันดูว่าจุดมุ่งหมายของบทเรียนและวัตถุประสงค์มคี วามเหมาะสม กับ
หลกั สตู รทใ่ี ช้กับนักเรยี นชน้ั ต่าง ๆ อย่างไร และจะวัดความคิดของนกั เรียนระหว่าง บทเรียนน้ันอยา่ งไรก็
ถือว่าเป็นสิ่งท่ีสร้างคุณค่ามากการสังเกตบทเรียนและการสนทนาจากข้อสังเกตร่วมกนั แน่นอนว่า มันจะ
เกิดพลังการฝักที่สร้างการหยั่งรู้ที่ยิ่งใหญ่และได้ปรับปรุงความรู้วิชาการด้วยหากกลุ่มริเริ่มมีเวลาและ
ความสนใจก็มีความสำคัญต่อการดำเนินการต่อในกระบวนการทบทวนบทเรียนและการมีครูอ่ืนนำไป
สอนและมีการสังเกตบทเรียนอีกผู้บริหารมีความเช่ือว่านวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียนด้วยวิธีการแบบเปิด
จะเป็นการพัฒนาครูในด้านพฤติกรรมการสอนมีการเปล่ียนแปลงระบบการทำงานของครูที่เมื่อก่อนคิด
คนเดียววางแผนการทำงานคนเดียวเขียนแผนการจัดการเรียนรู้คนเดียวแล้วนำไปใช้สอน แต่การศึกษา

36

ชน้ั เรียนทำงานเป็นกลุ่ม เป็นระบบเกิดความสามัคคี ในหมคู่ ณะทำให้องค์กรพฒั นา ผู้บริหารได้รับทราบ
ถึงปัญหาด้านการจัดการเรียนการสอนการจัดตารางสอนการให้ความร่วมมือของครูในโรงเรียนทำให้
คณะทำงานมขี วัญและกำลังใจและส่งเสริมการดำเนินงานเป็นอย่างดีผู้รว่ มงานให้ความสำคัญในกิจกรรม
ที่ร่วมกันของคณะกรรมการดำเนินงานให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม ผู้บริหารเข้าร่วมกับคณะครู
และทีมวิจัยเข้าร่วมสังเกตการสอน เข้าร่วมการประชุมสะท้อนผล ในแต่ละสัปดาห์และเข้าร่วมกิจกรรม
อืน่ ๆ (Inprasitha, 2009)

กระบวนการการศึกษาชัน้ เรยี น สามารถแสดงได้ดงั แผนภมู ิต่อไปนี้ (Inprasitha, 2003)

ร่วมกนั สรา้ งแผนการจัดการเรยี นรู้

นำแผนการจัดการเรยี นรู้ไปใชแ้ ละสังเกตชนั้ เรียนตามตารางสอนปกติ

สะท้อนผลช้นั เรยี นทกุ สัปดาห์

สรุปผลการเรียนรู้ของครจู ดั ทำ open class

ปรับแผนการจัดการเรียนรู้เม่อื เรมิ่ ปีการศึกษาใหม่

ภาพที่ 1 แสดงรูปแบบกระบวนการการศึกษาช้นั เรยี น

ลำดับแรกของกระบวนการการศึกษาชน้ั เรียน
1. การสร้างสถานการณ์ปัญหาที่จะทำให้ผู้เรียนนำสถานการณ์นั้นไปเป็นโจทย์การ

เรียนรู้เด็กจะมีวิธีคิดที่แตกต่างกันในกลุ่มเด็ก ๆ พยายามช่วยกันคิดเพื่อให้กลุ่มของตนประสบ
ความสำเร็จแม้ว่าบางคร้ังอาจมีความขัดแย้งกันแต่เด็ก ๆ ก็สามารถสรุปเป็นข้อตกลงในกลุ่มของตนเอง
ได้

2. การสร้างส่ือการเรียนรู้จะช่วยให้ครูได้เห็นวิธีการคิดของผู้เรียนแต่ละคนท่ีแตกต่าง
กนั และช่วยให้ ผู้เรยี นแต่ละคนไดแ้ สดงความสามารถแสดงศักยภาพความสนใจและการเรียนรู้ท่ีแตกต่าง
กัน

3. การมีช่วงเวลาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนใช้เวลากับการเรียนรู้ท่ี
เกิดขึ้นครูเป็นเพียงผู้สังเกตและบันทึกวิธีคิดของเด็กที่ได้พบรวมถึงสภาพบรรยากาศภายในห้องเรียน

37

การมีส่วนร่วมของผู้เรียนพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนแนวความคิดทักษะกระบวนการของแต่ละคนซ่ึงมี
ครอู ีกคนคอยสังเกตแุ ละบันทกึ ส่ิงต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นเพอ่ื นำมาสะทอ้ นผลร่วมกันกับครูผู้สอน

4. การแลกเปลี่ยนแนวความคิดร่วมกัน ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะนำเสนอความ คิดที่กลุ่ม
ของตนคิดรว่ มกนั แล้วมานำเสนอผลงานของกลุ่มใหเ้ พื่อนๆ ในห้องได้รบั ฟงั

5. ขั้นสรุป ครูจะทำหน้าที่เชื่อมร้อยความคิดของทุกกลุ่มเข้าด้วยกันและนำไปสู้ความ
เขา้ ใจในเรือ่ งท่ีครูต้องการสอนโดยอาศยั ความเขา้ ใจของผู้เรียนท่ีมีอยู่เดมิ เป็นฐาน

6. นำสิ่งทไี่ ดว้ างแผนร่วมกนั มาสะท้อนถงึ ส่ิงทเ่ี กิดขึ้นในชนั้ เรยี นที่ครูไดร้ ่วมกันวางแผน
กันไว้และปรับปรุงในสิ่งที่ทำให้เกิดอุปสรรคในการคิดของเด็ก เช่น สื่อการ เรียนรู้มีขนาดเล็กเกินไป
กระดานแม่เหล็กไม่เพียงพอต่อจำนวนกลุ่มสีสันของสื่อไม่เร้าความสนใจเป็นต้น เพื่อที่ครูผู้สอนจะได้
นำไปปรับปรุงและพฒั นาต่อไป

7. แลกเปล่ียนเรียนรู้กับเพ่ือนร่วมวิชาชีพเพ่ือแลกเปล่ียนความรู้ประสบการณ์และ
ข้อเสนอแนะจากเพื่อนร่วมวิชาชีพในการพัฒนาการเรียนการสอนลักษณะต่อไปนี้ของ Lesson Study
ทำให้ Lesson Study แตกต่างจาก การพัฒนาครูทั่วไป คือ (1) Lesson Study เปิดโอกาสให้ครูได้
มองเห็นการสอนและการเรียนรู้ในชัน้ เรียนอย่างเป็นรูปธรรมครรู ่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกับการวางแผนการ
สอนการทำแผนการสอนไปใช้การสังเกตการสอนและสะท้อนความคิดเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในช้ัน
เรียน การที่ได้สังเกตการสอนจริงในชั้นเรียนทำให้ครูได้เข้าใจและเห็นภาพว่าการสอนที่ดีนั้นเป็น
อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจในสิ่งที่ตนกำลังเรียนได้ดียิ่งขึ้น (2) นักเรียนเป็นหัวใจสำคัญของ
โปรแกรมพัฒนาครูซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให ครูได้ศึกษา วิเคราะห์การกระบวนการเรียนรูและความ
เข้าใจของนักเรียนผานทางการสังเกตการสอนและการอภิปรายเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการสอน (3)
Lesson Study ทำให้ครูได้มีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดการปรับเปล่ียนพฤติกรรมในการสอนและ
การพัฒนาหลักสูตร

สรุป Lesson Study มีคุณลักษณะท่ีพบว่ามีประสิทธิภาพในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมของครู
เช่น การใช้สื่อของจริงเพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างมีความหมายการที่ครูได้สะท้อน
เกี่ยวกับการสอนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การที่ครูได้มีเครือข่ายสนับสนุนทางวิชาการภายใน
โรงเรียน ในขณะเดียวกนั Lesson Study หลีกเลย่ี งลักษณะอนั ไม่พึงประสงค์ทพ่ี บในการพฒั นาครูท่ัวไป
เช่น เป็นการอบรมระยะสั้น การอบรมท่ไี มต่ อ่ เน่ือง และไม่ไดป้ รบั ให้เหมาะสมกบั บริบทของโรงเรียนและ
ความต้องการของครูองค์ประกอบสำคัญของการทำ Lesson Study คือ กลุ่มของผู้สอนร่วมกันเตรียม
แผนการสอนของบทเรียน จากนั้นนำแผนการสอนนั้นไปสอนในชั้นเรียนโดยมีทีม Lesson Study และ
บุคลากรทางการศึกษาอื่น ๆ เข้าร่วมสังเกตการสอนหลังจากนั้นจะมีการอภิปรายหลังการสอนเพื่อ
วิเคราะห์การสอนบทเรียนน้ัน การศึกษาช้ันเรียนจะช่วยให้ครูสนใจกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดข้ึนใน
บทเรียนอีกท้ังเป็นโอกาสที่ครูจะได้รวบรวมข้อมูลจากการสอนตามแผนการสอนที่ทีม Lesson Study
ไดร้ ว่ มกันจดั ทำขน้ึ ระหว่างการอภิปรายหลังการสอน ครรู ่วมกันพจิ ารณาข้อมลู เพอื่

(1) ทำความเขา้ ใจเกยี่ วกบั แนวคดิ ทางการศึกษาทีเ่ กี่ยวข้องกบั แนวปฏิบัตใิ นการสอน
(2) แบ่งปันความคดิ และปรับเปล่ยี นมมุ มองเกี่ยวกับการสอนและการเรียนรู้
(3) พจิ ารณาการสอนจากมุมมองของนักเรยี น
(4) แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครูด้วยกัน

38

กระบวนการนเิ ทศแบบ “PIDRE” มีข้นั ตอนดังน้ี
ข้ันท่ี 1 วางแผนการนเิ ทศ (Planning-P) เป็นขนั้ ทผ่ี ูบ้ ริหารผู้นเิ ทศและผรู้ ับการนิเทศจะ

ทำการประชุมปรกึ ษา หารือเพอ่ื ให้ไดม้ าซงึ่ ปญั หาและความตอ้ งการจำเปน็ ท่ีจะต้องมีการนิเทศ รวมท้ัง
วางแผนถงึ ขน้ั ตอนการปฏิบัติงานเก่ียวกบั การนิเทศทจ่ี ะจดั ข้นึ อกี ดว้ ย

ขั้นท่ี 2 ให้ความรคู้ วามเข้าใจในการทำงาน (Informing –I) เปน็ ขัน้ ตอนของการให้
ความรคู้ วามเข้าใจถึงส่ิงทจ่ี ะดำเนนิ งานวา่ จะต้องอาศัยความรคู้ วามสามารถอย่างไรบ้าง จะมีขัน้ ตอนใน
การดำเนนิ การอยา่ งไร และจะทำอย่างไรจงึ จะทำใหไ้ ดผ้ ลงานออกมาอย่างมีคุณภาพ ขนั้ น้ีจำเปน็ ทกุ ครั้ง
สำหรับการเรม่ิ การนิเทศทจ่ี ัดข้ึนใหมไ่ มว่ า่ จะเปน็ เรื่องใดก็ตาม และกม็ คี วามจำเปน็ สำหรับงานนเิ ทศที่
ยงั ไม่ได้ผล หรือได้ผลไมถ่ ึงขน้ั ทพี่ อใจซึ่งจำเป็นจะต้องทำการทบทวนให้ความร้ใู นการ ปฏิบตั ิงานที่
ถูกต้องอีกครง้ั หนึ่ง

ข้นั ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ตั งิ าน (Doing –D) ประกอบด้วยงานใน 3 ลักษณะคือ
3.1 การปฏบิ ตั งิ านของผู้รับนเิ ทศเป็นขัน้ ทผ่ี รู้ ับการนิเทศลงมือปฏบิ ัตงิ านตาม ความรู้

ความสามารถที่ได้รบั มาจากดำเนินการในขัน้ ท่ี 2
3.2 การปฏบิ ตั งิ านของผใู้ หก้ ารนเิ ทศ ขั้นนผี้ ้ใู หก้ ารนเิ ทศจะทำการนิเทศและควบคุม

คณุ ภาพให้งานสำเร็จออกมาทันตามกำหนดเวลาและมีคุณภาพสงู
3.3 การปฏบิ ตั งิ านของผู้สนับสนุนการนิเทศ ผู้บรหิ ารกจ็ ะใหบ้ ริการสนับสนนุ ในเร่ือง

วสั ดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเครอ่ื งใช้ต่าง ๆ ทจ่ี ะช่วยใหก้ ารปฏิบตั งิ านเปน็ ไปอย่างไดผ้ ล
ขั้นท่ี 4 สร้างเสรมิ กำลังใจ (Reinforcing –R) ขัน้ นเี้ ปน็ ขัน้ ของการเสริมกำลงั ใจของ

ผบู้ รหิ ารเพื่อใหผ้ ้รู ับการนิเทศมคี วามมน่ั ใจและบงั เกิดความพึงพอใจในการปฏิบัตงิ านขน้ั น้ีอาจจะ
ดำเนนิ การไปพร้อม ๆ กนั กับผู้ทร่ี บั การนเิ ทศกำลงั ปฏิบตั งิ านหรอื การปฏิบตั งิ านได้เสร็จส้นิ ลงไปแลว้ ก็ได้

ขั้นที่ 5 ประเมินการนิเทศ (Evaluating –E) เป็นขั้นที่ผู้นิเทศทำการประเมินผลการ
ดำเนินการซึ่งผ่านไปแล้วว่าเป็นอย่าง ไร หลังจากการประเมินผลการนิเทศหากพบว่ามีปัญหาหรือ
อุปสรรคอย่างหนึ่งอย่างใด ที่ทำให้การดำเนินงานไม่ได้ผลก็สมควรจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไขซึ่งการ
ปรบั ปรงุ แก้ไขอาจจะทำได้โดยการใหค้ วามรู้ในสิ่งที่ทำใหม่อีกครงั้ หน่งึ สำหรบั กรณที ่ผี ลงานออกมายังไม่
ถึงขั้นที่พอใจหรือดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมดสำหรับกรณีการดำเนินงานเป็นไปไม่ได้ผล
และ ถ้าหากการประเมินผลได้พบว่าประสบผลสำเร็จตามที่ได้ตั้งไว้หากจะได้ดำเนินการนิเทศต่อไปก็
สามารถทำไปไดเ้ ลยโดยไมต่ อ้ งใหค้ วามรใู้ นเรอื่ งนั้นอีก

การดำเนินการนิเทศตามวัฏจักรนี้จะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่งจนกว่าจะบรรลุผล
ตามจุดมงุ่ หมายท่ีวางไวห้ รือพัฒนาผ้รู ับการนิเทศให้เป็นไปตามต้องการ หากบรรลุสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย
แล้วตอ้ งการจะหยุดกระบวนการทำงานกถ็ ือวา่ การนเิ ทศได้สิ้นสุดลงแลว้ ครั้นต้องการเร่มิ นิเทศในส่ิงใหม่
หรอื ตั้งเปา้ หมายใหมก่ ็จะต้องดำเนนิ การ ตงั้ แต่เร่ิมแรกอีกดงั แสดงใหเ้ หน็ ความต่อเน่ืองของกระบวนการ
นเิ ทศการศกึ ษาใน

กระบวนการนเิ ทศโดยใช้วงจรของเดมมงิ (Circle Deming Cycle)
การนำวงจรเดมมิง (Deming circle) หรือโดยทั่วไปนยิ มเรียกกนั วา่ P-D-C-A มาใชใ้ นการ
ดำเนินการนเิ ทศการศึกษา โดยมีข้ันตอนทสี่ ำคัญ 4 ขน้ั ตอน คือ
1. การวางแผน (P-Planning)
2. การปฏบิ ตั ิตามแผน (D-Do)

39

3. การตรวจสอบ/ประเมินผล (C-Check)
4. การปรบั ปรงุ แกไ้ ข (A-Act)
ทัง้ นี้ กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษาของสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา
มัธยมศกึ ษา เขต 33 ไดน้ ำกระบวนการนิเทศทั้งแบบ PIDREและ PDCA มาประยุกตใ์ ช้ใหเ้ หมาะสมกบั
การนิเทศติดตามการจดั การศึกษาสำหรบั สถานศกึ ษา ส่วนการจัดการเรยี นการสอนของครูผู้สอนใน
สังกดั ไดส้ ่งเสรมิ สนบั สนนุ การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา โดยการใชก้ ระบวนการนิเทศทเ่ี นน้ ใหโ้ รงเรียนได้
ใชว้ ธิ ีการแบบเปิดช้นั เรยี น (Open Approach) ในการพฒั นาบทเรียน (Lesson Study) เพอ่ื ให้ครูได้
ร่วมกนั คดิ พัฒนา ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ สกู่ ารพัฒนานักเรยี นทีใ่ ห้เกดิ ความยั่งยืนและมี
ผลสัมฤทธิ์ทส่ี ูงข้ึนตามเปา้ หมายของโรงเรียนกำหนด

การนเิ ทศการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบออนไลน์
ความกา้ วหน้าทางด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างตอ่ เน่ือง

ประชาชนสามารถเข้าถงึ เทคโนโลยเี พอื่ การเรยี นรู้ได้งา่ ยขนึ้ ส่งผลให้การศกึ ษาของประเทศไทยเกดิ การ
ปรับตัวตอ่ การเปล่ียนแปลงเพื่อใหก้ ้าวทันตอ่ ความต้องการในการเรียนรู้ทม่ี ีความหลากหลาย การเรยี น
การนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์ (Online Learning) จงึ ไดเ้ ขา้ มามีบทบาทต่อการเรยี นการสอนในระดบั
การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานทสี่ อดคล้องกบั กระแสโลกาภวิ ฒั น์ และการศกึ ษาแบบไร้พรมแดน รวมท้ังการขยาย
โอกาสให้กับผูเ้ รยี นเลือกเรียนร้ไู ดท้ ุกท่ีทุกเวลา1เพื่อนำไปสกู่ ารพฒั นาผูเ้ รยี นให้เกิดการเรียนรตู้ ลอดชวี ิต
(Life-Long Learning) ปรับตัวตอ่ การเปล่ียนแปลงของสังคมโลก และเปน็ พลเมอื งทส่ี ร้างความยง่ั ยนื
ให้กบั ประเทศการเรยี นการนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์เปน็ วิธีการถ่ายทอดเน้ือหา รปู ภาพ วดิ ีโอ การใช้
สือ่ หลายๆประเภท (Multimedia) ร่วมกับการสนทนาแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ผา่ นอปุ กรณ์
อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นได้เข้าถงึ แหลง่ เรยี นรทู้ ่ีมีความหลายหลาย ทนั สมยั
สามารถเรียนรดู้ ้วยตนเองไดต้ ามความต้องการ ซง่ึ การเรียนการนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์มคี วามจำ
เป็นมากในปจั จบุ ัน เน่ืองจากการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ผู้เรยี นจำเปน็ ตอ้ งมีทักษะทางด้านการส่ือสาร
การใชค้ อมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศการรู้เท่าทันสอื่ เพ่ือสง่ เสริมใหเ้ กิดการเรียนรู้ตลอดชีวติ
รวมทัง้ ในสถานการณ์ปจั จุบันมีการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (Coronavirus
Disease 2019 - COVID-19) โดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศเปน็ ภาวะฉุกเฉินทางดา้ นสาธารณสุข
ทำใหส้ ถาบันการศึกษาไมส่ ามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกตหิ นึง่ ในมาตรการเพ่ือการควบคุมการ
แพร่กระจายเชอ้ื COVID-19 ภายใต้สถานการณ์ภาวะฉุกเฉินดา้ นสาธารณสขุ นน้ั ไดแ้ ก่ วิธกี ารเวน้
ระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เปน็ การเว้นระยะหา่ งในการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างบคุ คล
ทำใหเ้ กิดกระแสของการปรบั เปลยี่ นวถิ ีชีวิตการทำงานและการศึกษาจำนวนมาก โดยในสว่ นของ
การศกึ ษามีการปรับเปน็ รปู แบบการสอนออนไลน์ เพื่อให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรดู้ ้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง

องคป์ ระกอบการจดั การเรยี นการนิเทศการสอนแบบออนไลน์
การจัดการเรยี นการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ เป็นการจัดการเรียนรู้ท่ีผสมผสานองคค์ วามรู้

รว่ มกับ นวัตกรรมการเรยี นรู้และเทคโนโลยีท่ีทนั สมัย มรี ปู แบบการสอนทหี่ ลากหลาย องค์ประกอบของ
การจดั การ เรียนการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ สรุปไดด้ งั น้ี

40

1. ผสู้ อน (Instructor) เปน็ ผถู้ ่ายทอดเนื้อหา องค์ความรู้ต่างๆ ให้กับผู้เรียนใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ
ในเนือ้ หาประสบการณ์ ความเช่ียวชาญของผ้สู อน มสี ว่ นทำใหก้ ารสอนออนไลนบ์ รรลุเป้าหมาย ซงึ่
บทบาทของผูส้ อนเป็นผใู้ ห้คำแนะนำ (Guide) พ่ีเลีย้ ง (Mentor) เปน็ ผฝู้ ึก (Coach) อำนวยความสะดวก
(Facilitators) เพอื่ ช่วยให้ผเู้ รียนสามารถเล็งเหน็ ศักยภาพของตนเองในด้านการเรยี นรู้ รวมถงึ การพฒั นา
สมรรถนะ ในการเรยี นทักษะดา้ นความรู้ทใี่ ช้ในการทำงาน ความสามารถในการใชเ้ ทคนิคต่างๆ ในการ
ทำงานท่ีสอนกนั ได้ (Hard Skill) เพื่อนำไปสู่การปฏบิ ัติงานทเี่ หมาะสม และการพฒั นาทักษะด้าน
อารมณ์ ความสามารถในการอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่ืน รวมถงึ การพัฒนาตนเอง (Soft Skill) เพือ่ ใหส้ ามารถอยู่ใน
สงั คมรว่ มกับผู้อนื่ ได้อย่างมคี วามสุข รวมทง้ั การส่งเสริมใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจเน้ือหาการเรยี นไดร้ วดเร็วและ
นานขึ้น อย่างไรกต็ ามผสู้ อนต้องพฒั นา สมรรถนะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพือ่ ส่งเสริม
กระบวนการจัดการเรียนร้ไู ด้อย่างมีประสิทธิภาพ และชว่ ยใหม้ คี วามพรอ้ มในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้
ขณะทีส่ อน และควรมกี ารติดตามการเขา้ เรยี นของ ผูเ้ รยี นอยา่ งต่อเน่ือง เช่น ความถ่ขี องการเข้าเรียน
จำนวนชวั่ โมงการเรียน ปญั หาอุปสรรค ความต้องการใน การช่วยเหลอื เพิม่ เติมในการเรียน เพ่ือให้
ผเู้ รียนไดร้ ับประโยชนจ์ ากการเรียนการนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์เพ่ิมขึน้ จากประสบการณ์การจดั การ
เรยี นการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ของผนู้ ิพนธ์ ได้เตรยี มความพร้อมก่อนดำเนนิ การ สอน โดยเรยี นรู้
การใช้งานในระบบ และทดสอบการสอนออนไลนเ์ พ่ือประเมนิ ปัญหาอุปสรรค แนวทางแกไ้ ข ปญั หา
ขณะดำเนนิ การสอน รวมทั้งได้ปรบั บทบาทการสอนโดยเน้นเป็นผู้ใหค้ ำแนะนำ ผู้อำนวยความสะดวก
กบั ผูเ้ รยี นเพม่ิ ข้นึ เช่น เนื้อหาการเรยี น การสบื คน้ งาน รวมท้ังมีการตดิ ตามการเขา้ เรยี นของผู้เรยี นอย่าง
ตอ่ เนอ่ื ง

2. ผูเ้ รียน (Student) เปน็ ผู้รบั เน้อื หาและองคค์ วามรจู้ ากผู้สอน ซึ่งผูเ้ รียนจำเปน็ ตอ้ งมีความ
พร้อม ในด้านการใช้เทคโนโลยแี ละสารสนเทศ การรูเ้ ท่าทันสอื่ (Digital Literacy) สามารถสืบคน้
วิเคราะหข์ ้อมลู ประเมินเนือ้ หาอย่างเป็นระบบ โดยใช้วจิ ารณญาณในการตัดสนิ ใจเกีย่ วกบั ข้อมูลได้อยา่ ง
เหมาะสม มีการ เตรียมความพร้อมในการเรยี นรู้ เช่น การศกึ ษาขอบเขตของเนื้อหากอ่ นเข้าเรียน การ
สืบค้นข้อมูลท่เี ก่ียวข้อง กับการเรียนรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ การเตรยี มระบบเครือขา่ ยอินเตอร์เนต็ ให้
พรอ้ มใชง้ าน การเตรยี มสถานที่ สำหรับการเรยี นทเ่ี หมาะสม การตดิ ต่อสื่อสารแบบดิจิทัลกบั ผสู้ อน
เพือ่ ให้สามารถมีปฏสิ ัมพันธ์กับผูส้ อนได้ เหมาะสม รวมทั้งมีความฉลาดทางอารมณ์ในการใชส้ อื่ (Digital
Emotional Intelligence) อย่างเหมาะสม เชน่ การแบ่งปันข้อมลู ข่าวสารให้กับคนอ่นื การมีนำ้ ใจใน
โลกออนไลน์ เปน็ ตน้ รวมทั้งควรเป็นผู้ท่ีมคี วามรบั ผิดชอบในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และมีคณุ ธรรม
จรยิ ธรรมในการเรียนรู้ มีส่วนร่วมในการเรียน การสง่ งาน ตามกำหนด มีการทบทวนความร้อู ยา่ ง
สมำ่ เสมอ เพ่ือให้ผ้เู รยี นไดร้ บั ประโยชน์จากการเรียนการสอนแบบ ออนไลนเ์ พิ่มข้นึ ประสบการณก์ าร
จดั การเรยี นการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ของผนู้ ิพนธ์ พบว่า ในชว่ งแรกของ การเรมิ่ จัดการเรียนการ
นเิ ทศการสอนแบบออนไลน์ ผู้เรยี นยงั มปี ญั หาขาดความเข้าใจในการเข้าใช้งาน ความพร้อม ของอุปกรณ์
รองรับและระบบเครอื ข่ายอินเตอร์เนต็ ภายหลังทีผ่ ู้สอนให้คำแนะนำในการเตรียมความพรอ้ ม สำหรับ
การเรยี นรู้ พบวา่ ผเู้ รยี นสามารถปรับตวั เขา้ กับการเรียนการนิเทศการสอนแบบออนไลน์เพ่ิมมากขนึ้
มกี ารเขา้ เรยี นออนไลน์ผ่านโปรแกรมตา่ งๆ ได้อยา่ งคล่องแคลว่ รวมทง้ั มีการเตรียมความพรอ้ มของ
ตนเองก่อนเรยี น เช่น เตรียมเอกสาร เตรียมบทความวิชาการ เปน็ ต้น ทำใหเ้ กดิ การแลกเปลีย่ นเรยี นรใู้ น
ระหว่างการเรยี นรว่ มกับผู้สอนและเพ่ือนร่วมชน้ั เรยี น

41

3. เนอื้ หา (Content) เป็นส่วนสำคญั ที่ทำให้การเรียนการสอนบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ เนอ้ื หา
ควร มีการออกแบบโครงสรา้ งตามวตั ถปุ ระสงคข์ องรายวชิ า มกี ารวางแผนผงั รายวิชาเพื่อเป็นระบบนำ
ทาง เชอ่ื มโยงไปสเู่ น้ือหาต่างๆ ในบทเรียนสำหรับข้อความของเน้ือหาควรมีความชดั เจน กระชับ เขา้ ใจ
งา่ ย มีการปรับปรุงใหท้ นั สมัยอยู่ตลอดเวลา เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นศึกษาทำความเข้าใจไดด้ ้วยตนเองอย่าง
เหมาะสม รวมทั้งควรมีการจัดลำดับข้อมูล หวั ข้อย่อยต่างๆใหม้ ีการเช่ือมโยงกนั และเน้ือหาในบทเรียน
สามารถที่จะส่งเสริมให้ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ เพมิ่ เติมได้ภายหลังจากการเรยี นออนไลน์

4. สอ่ื การเรียนและแหล่งเรยี นรู้ (Instructional Media & Resources) ถือวา่ มคี วามสำคญั
เปน็ อย่างยง่ิ ต่อการจดั การศึกษา สอื่ การสอนทด่ี ีจะเป็นส่วนชว่ ยใหผ้ ้เู รียนสามารถทำความเขา้ ใจใน
เนอ้ื หา ขณะท่เี รยี นได้ สอ่ื ทใ่ี ช้ในการสอนควรทม่ี ีความแปลกใหม่ ดงึ ดดู ความสนใจของผูเ้ รยี นและ
กระตุ้นการเรียนรู้ เช่น วิดโี อ ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว สถานการณ์จำลอง บทความวชิ าการ เปน็ ตน้
อยา่ งไรกต็ ามผสู้ อนควรเลือกใชส้ ่ือใหเ้ หมาะสม เช่น ขนาดตัวหนังสือ สี ความคมชดั ของรูปภาพ ความ
ถกู ต้องของข้อมูล รวมทง้ั ส่ือท่ีนำมาใช้ควรมคี วามสอดคล้องกบั เนอ้ื หาของรายวชิ าเพื่อให้ผู้เรยี นเกิด
ความเขา้ ใจเพิม่ มากขึ้น นอกจากนแ้ี หล่งเรยี นรู้ (Resources) ไดแ้ ก่ หนงั สอื ตำรา E-book E-Journal
ห้องสมุด เป็นทางเลอื กท่ที ำใหผ้ เู้ รียนสามารถ เข้าถึงส่อื การเรียนรู้ ดว้ ยการสบื ค้นขอ้ มลู เพิ่มเติมเพื่อ
นำมาประกอบการเรยี น ซึง่ แหล่งเรยี นร้คู วรมีความหลากหลายให้ผูเ้ รยี นสืบค้นได้อย่างเพียงพอ ทำให้
ผ้สู อนไมจ่ ำเป็นต้องใสเ่ น้อื หาในบทเรยี นทงั้ หมด

5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ (Learning Process) เป็นกระบวนการออกแบบการเรียนรู้
ใหก้ ับผู้เรียนตามหวั ข้อ วัตถปุ ระสงค์ เนื้อหา สื่อการสอน กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีการวดั ประเมินผล โดย
อาศยั เทคโนโลยสี ารสนเทศ มาออกแบบวธิ กี ารจดั การเรยี นรภู้ ายใตก้ ระบวนการวิเคราะห์ (Analysis)
วางแผน ออกแบบ (Planning Design) นำไปใช้ (Implement) พฒั นา (Development) ประเมินผล
(Evaluation) หลักสูตรการเรียนรู้ใหก้ ับผู้เรียน ซึ่งกระบวนการจัดการเรยี นรทู้ ่ีมปี ระสิทธิภาพ ควร
สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นได้ สามารถนำเนอื้ หาไปประยุกต์ส่กู ารเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Learning)

6. ระบบการตดิ ต่อสื่อสาร (Communication Systems) มสี ่วนสำคญั ทำใหก้ ารจัดการเรยี น
การนิเทศการสอนแบบออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งการตดิ ตอ่ ส่ือสารแบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่

6.1 การสอื่ สาร ทางเดยี ว (One-Way Communication) เป็นการถา่ ยทอดเนื้อหา
ผ่านส่ือการสอน เชน่ วดิ ีโอ (Video) PowerPoint ภาพน่งิ (Slide) สถานการณจ์ ำลอง (Scenario)
กรณศี ึกษา (Case Study) โดยไมม่ ีปฏิสัมพันธ์ ระหวา่ งผู้สอนกบั ผ้เู รียน

6.2 การสือ่ สารสองทาง (Two-Way Communication) เป็นการถา่ ยทอดเนื้อหาผ่าน
สื่อการสอน เชน่ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) ระบบการจัด
บทเรียน (Learning Management System: LMS) หรือการเรียนโดยผา่ นแอปพลิเคชัน่ การประชุมทาง
วดิ โี อ เชน่ Google Hangout Meet, Zoom Meeting, Schoology, Webex, Microsoft Teams
เป็นต้น ซึง่ ผู้สอนและผู้เรยี นสามารถพูดคยุ ซักถามรว่ มกนั ได้ในขณะทส่ี อนและตรวจสอบความเขา้ ใจ
ของผ้เู รียนได้ จากประสบการณก์ ารจดั การเรียนการนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์ของผู้นพิ นธ์ พบวา่ การ
พิจารณาเลือกระบบการติดต่อสอ่ื สาร ทำให้เกิดการเรยี นรู้ถึงจุดเดน่ ข้อจำกัดของโปรแกรม ได้แก่
จำนวนผูเ้ ขา้ ใช้งานระยะเวลาใช้งาน ความคมชดั ของภาพ เสยี ง ทำให้การเรียนการนเิ ทศการสอนแบบ
ออนไลน์มปี ระสิทธภิ าพและเหมาะสม รวมทั้ง การเลอื กระบบการตดิ ต่อสื่อสารชนิดสองทางผ่าน

42

โปรแกรมต่างๆ สามารถสง่ เสริมใหผ้ ู้สอนและผู้เรยี นไดม้ ี ปฏสิ มั พันธร์ ่วมกันเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้เรยี นกลา้ ที่จะ
พูดคุยหรือซกั ถามกับผสู้ อนได้สะดวกมากขึ้น

7. ระบบเครือขา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Network Systems) เป็นชอ่ งทางในการอำนวย
ความสะดวกให้การเรยี นการสอนมีความราบรนื่ ได้ ระบบเครือขา่ ยสารสนเทศ ประกอบด้วย

7.1 ระบบเครือข่าย ภายในสถาบัน (Intranet) เปน็ ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ภายใน
สถานศึกษา ซ่งึ ให้ผ้เู รียนสามารถเขา้ มาใชเ้ ครอื ขา่ ยภายในสถานศึกษาสำหรบั การเรียนออนไลนไ์ ด้

7.2 ระบบเครือขา่ ยภายนอกสถาบัน (Internet) ทีเ่ ชอ่ื มต่อระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์
ท่ัวโลกเพื่อใหส้ ามารถติดตอ่ ส่ือสารได้รวดเรว็ ซ่ึงผูเ้ รียนสามารถใชเ้ ครอื ข่ายอนิ เตอร์เน็ตสำหรับการเข้า
เรยี นออนไลน์ได้ทกุ ท่ี ทุกเวลา รวมทง้ั สืบคน้ ข้อมลู ประกอบการเรยี นรู้ได้อย่างไรก็ตาม อาจมขี ้อจำกดั
เกย่ี วกบั ความพร้อมของนกั ศึกษาในเร่ืองการเตรียมอปุ กรณ์เชอ่ื มต่อกับระบบเครือข่ายเทคโนโลยี
สารสนเทศและพน้ื ที่ที่ไม่มีสัญญาณเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต รวมถึงความเร็วของอินเตอร์เน็ตอาจทำใหก้ าร
จดั การเรยี นการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ไมร่ าบร่นื ได้

8. การวัดและการประเมินผล (Measurement and Evaluation) จำเป็นต้องมีการวัดและ
ประเมินผล โดยมีการวัดและประเมนิ ผลท้ังระหวา่ งเรียน (Formative Assessment) เช่น การตงั้ คำถาม
การสังเกตพฤติกรรมผู้เรยี น สะท้อนคิด เป็นตน้ และภายหลงั จัดการเรียน (Summative Assessment)
เชน่ การทดสอบดว้ ยแบบทดสอบตา่ งๆ เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของผ้เู รยี น ประสิทธผิ ลของการเรยี น
เพ่ือสะท้อนความสามารถการเรียนรขู้ องผูเ้ รยี น ซงึ่ ควรมีความหลากหลาย เพ่ือวัดประเมินผลผูเ้ รียนให้
สอดคลอ้ งตามสภาพจริงอย่างไรกต็ ามผ้สู อนจำเป็นต้องออกแบบเครื่องมือวธิ ีการวดั และประเมนิ ผลใหม้ ี
ประสิทธภิ าพ รวมทั้งควรมีการส่งเสริมคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการทดสอบออนไลน์ เพื่อป้องกนั การทจุ ริต
ในระหวา่ งการสอบ จากประสบการณก์ ารจัดทดสอบแบบออนไลน์ พบว่าปญั หาของการทุจริตในการทำ
ข้อสอบมีนอ้ ย เนื่องจาก ผู้สอนมีการกำหนดวธิ ีการสอบชัดเจน มีระบบการจัดเรียงข้อสอบแบบสุม่ ทำให้
การเรียงลำดับข้อสอบแตล่ ะชุดทส่ี ่งให้ผูเ้ รียนทำการสอบนั้นจะไมเ่ หมือนกนั พร้อมทั้งมีเวลาเป็นตัว
กำหนดการส้นิ สุดใชง้ านในระบบและผู้เรียนตอ้ งเปดิ กล้องตลอดเวลาขณะทีม่ ีการทดสอบเพ่ือใหผ้ สู้ อนได้
สังเกตพฤติกรรมของผู้เรยี น แต่ละคนได้ ดังน้ันจงึ กล่าวได้ว่า องคป์ ระกอบของการจัดการเรยี นการนิเทศ
การสอนแบบออนไลน์เป็นสว่ นสำคัญทจี่ ะทำให้การเรยี นการสอนนน้ั เกดิ ประสิทธิภาพ ซึง่ องคป์ ระกอบ
ดังกล่าวจำเป็นอยา่ งย่งิ ที่จะต้องออกแบบให้มีความ สอดคลอ้ งกบั สถานการณจ์ ริง สามารถปรับเปลีย่ น
ใหเ้ หมาะกับผเู้ รยี นได้ ทั้งนี้ควรประเมินความพร้อมของ องค์ประกอบดังกลา่ ว การวิเคราะห์จดุ แข็ง
จุดอ่อนของการนำไปใช้ เพื่อนำไปสกู่ ารประยกุ ต์ใช้กับการเรยี น การนิเทศการสอนแบบออนไลน์ใหม้ ี
ความเหมาะสม อย่างไรก็ตามความทา้ ทายของการจดั การเรยี นการสอนแบบ ออนไลน์ไม่ไดข้ น้ึ อยู่กับ
เทคโนโลยสี ารสนเทศเพยี งอย่างเดียว แต่การเตรียมตวั ของผ้เู รยี นและผู้สอนก็มสี ว่ น สำคัญท่จี ำเป็นตอ้ ง
ปรบั มมุ มอง แนวความคิด รวมทั้งไมค่ วรยดึ ติดวิธกี ารเรยี นการสอนรปู แบบเดิมแต่ควรเปิด มุมมอง
แนวความคิด วธิ กี ารเรียนการสอนให้ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงทเี่ กิดขึ้น

43

รูปแบบการเรียนการนิเทศการสอนแบบออนไลน์
เมอื่ สถานการณ์ทสี่ ง่ ผลทำให้ผ้สู อนและผ้เู รยี นมปี ฏสิ มั พันธท์ างด้านวิชาการลดลง ไมส่ ามารถจดั

กระบวนการเรยี นการสอนตามปกติได้ จึงจำเปน็ อย่างยิ่งที่จะตอ้ งมีการปรับรปู แบบการเรยี นการสอนให้
มีความเหมาะสม ซึ่งการเรียนการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ถอื วา่ เป็นส่วนสำคัญทจ่ี ะทำใหเ้ กดิ การ
เรยี นรแู้ ละสามารถดำเนนิ การได้อยา่ งตอ่ เน่ือง แตส่ ิ่งท่ีต้องคำนงึ ถึงคือการคงไวซ้ ึง่ การมปี ฏสิ มั พันธ์
ระหวา่ งผู้สอนกับผู้เรียนเพราะการมีปฏสิ ัมพนั ธ์ของผูส้ อนและผเู้ รยี นจะส่งผลทำให้ผเู้ รียนมแี รงจงู ใจใน
การเรียนร้เู พื่อนำไปสู่การพฒั นาตนเองและยังส่งผลใหก้ ารเรยี นรมู้ ีคณุ ภาพ ปัจจบุ ันรปู แบบการเรยี นการ
นเิ ทศการสอนแบบออนไลน์มีหลากหลายวิธีที่ทำใหผ้ สู้ อนและผเู้ รยี นมีปฏสิ ัมพนั ธร์ ว่ มกนั สรปุ ได้ดงั น้ี

1. การเรยี นการสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ Massive Open Online Courses: MOOC
เปน็ รูปแบบการเรียนการสอนออนไลนท์ ม่ี ีการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งผูส้ อนและผู้เรียน ซงึ่ เป็นห้องเรยี น
ออนไลนท์ ีม่ ีขนาดใหญ่สำหรับนักเรียน นิสติ นักศกึ ษา ประชาชนท่วั ไปที่สนใจเขา้ เรยี นในสาขาที่ตนเอง
ตอ้ งการพฒั นาโดยมีองค์ประกอบ ไดแ้ ก่ วิดโี อการสอนบรรยายเนื้อหาและการยกตวั อย่างประกอบ
เอกสารการนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์ การตอบโตแ้ สดงความคดิ เหน็ ระหวา่ งผสู้ อนและผเู้ รียน การ
ประเมนิ ผลการเรียน และการทดสอบผลจากการสอนออนไลน์ด้วยรปู แบบ MOOC ของกชพรรณ
นุน่ สงั ข,์ วภิ าวรรณ ชะอุ่ม เพ็ญสุขสนั ตแ์ ละสายฝน เอกวรางกู พบวา่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวชิ า
จติ วทิ ยาพัฒนาการวยั ผู้สูงอายุ เทา่ กับ 80.9 สว่ นรายวิชาจติ วทิ ยาพัฒนาการวยั รุ่น เท่ากับ 86.6 รวมทั้ง
ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมการมีส่วนรว่ มในการเรียนรตู้ ั้งแต่ตน้ จนจบรายวชิ าจติ วทิ ยาพฒั นาการวัยผู้สูงอายแุ ละ
รายวิชาจิตวทิ ยาพัฒนาการวัยรนุ่ คา่ เฉล่ีย 47.21 และ 49.46 ตามลำดับ และสอดคล้องกับการศึกษา
ของวณชิ า พ่ึงชมภู, ณัฐธยาน์ สวุ รรณคฤหาสน์ และบำเหน็จ แสงรัตน์ พบว่า พฤติกรรมการเรียนรู้
ออนไลน์ในระบบ Thai MOOC ในการทำกจิ กรรมการเรยี นการสอนอยใู่ นระดบั มาก และผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิ จากผลการวจิ ยั ท่มี กี าร
ประยกุ ต์ใชว้ ิธกี ารสอนออนไลน์ด้วยรปู แบบ MOOC มีประเดน็ ทสี่ ำคัญท่ตี ้องมีการพฒั นาต่อจากการมี
ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผสู้ อนและผเู้ รียน เชน่ การพฒั นากระบวนการคิดข้ันสูง การคิดแก้ไขปัญหาอยา่ ง
สรา้ งสรรค์ เพื่อให้ผูเ้ รียนสามารถนำองคค์ วามรู้ไปใช้ในการปฏบิ ัติงานตอ่ ไป อย่างไรกต็ ามการออกแบบ
เนื้อหาในการเรียนมีความสำคัญ เนื่องจากเปน็ รูปแบบการเรียนรู้ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเขา้ เรียนได้
จึงควรออกแบบเน้ือหาให้สอดคล้องกับผ้เู รียนเพ่ือให้สามารถนำความรูไ้ ปใชใ้ นการดำเนินชีวติ ต่อไดอ้ ย่าง
เหมาะสม

2. การสอนดว้ ยรปู แบบ Modular Object Oriented Dynamic Learning
Environment (Moodle) ซง่ึ เปน็ ระบบการจดั การเรียนการสอนแบบเปิดเสมือนหอ้ งเรียนจริง ทำให้
ผู้สอนและผเู้ รียนสามารถมปี ฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งกันและกันได้ โดยผ้สู อนสามารถออกแบบเนือ้ หา กิจกรรม
การเรยี นแบบทดสอบ ชอ่ งทางมอบหมายงานและการส่งงาน นอกจากนัน้ สามารถสรา้ งห้องสำหรับ
การตอบโตร้ ะหวา่ งผสู้ อนและผู้เรียนได้ จากการศกึ ษาของธัญญธร เมธาลักษณ์ และคณะ พบว่ากลุม่
ตวั อยา่ งทีเ่ รียนด้วยโปรแกรม Moodle มคี ะแนนผลการสอบสงู กวา่ กลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทาง
สถติ ิ อย่างไรกต็ ามจากการศึกษาของ วริศา วรวงศ์, พูลทรพั ย์ ลาภเจียม และวราภรณ์ บญุ ยงค์ พบวา่
กล่มุ ทดลองท่ีไดร้ ับการจดั การเรียนการสอนด้วยโปรแกรม Moodle กับกลุ่มควบคมุ มีคะแนนความรู้ไม่
แตกต่างกนั จะเห็นได้ว่าการการเรียนดว้ ยโปรแกรม Moodle ในบางสาขายงั จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์
ปัญหา อปุ สรรค และความเป็นไปได้ของการใชร้ ปู แบบการเรียนด้วยโปรแกรม Moodle โดยเฉพาะ

44

สาขาวชิ าชีพที่จำเปน็ ต้องมีการฝกึ ทักษะร่วมขณะเรียน เพือ่ ใหก้ ารเรียนบรรลุวตั ถปุ ระสงคไ์ ด้ ดงั นั้นกรณี
ทีจ่ ำเปน็ ต้องฝึกทักษะปฏบิ ตั ิในระหว่างการเรียน ผสู้ อนควรสาธิตวธิ กี ารปฏิบตั ิอย่างละเอียด ชัดเจน
เพือ่ ให้ผู้เรียนสามารถทีจ่ ะทำความเขา้ ใจและ ปฏบิ ัติตามได้อย่างถูกต้อง

3. วิธกี ารเรยี นการสอนออนไลน์ผา่ นโปรแกรมการประชุมออนไลนไ์ ด้ เชน่ โปรแกรม Zoom
โปรแกรม Google Meeting Hangout เปน็ ต้น ซงึ่ เป็นโปรแกรมการประชมุ วดิ โี อทางไกลทีผ่ สู้ อน
สามารถ เตรียมเอกสารประกอบการสอน เช่น PowerPoint วิดโี อ รูปภาพ เอกสารการสอนในรูปของ
ไฟล์ Word Excel เป็นต้น โดยทีผ่ สู้ อนและผูเ้ รียนสามารถมปี ฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งการเรยี นการสอนได้
รวมทั้งสามารถ บนั ทึกไฟล์ภายหลังการสอนเพ่ือใหส้ ามารถเรยี นย้อนหลังได้ จากการศึกษาของ
เครอื หยก แย้มศรี พบว่า ภายหลังการใชแ้ อปพลเิ คช่ัน Zoom Cloud Meeting ช่วยสอนในรายวิชา
ปฏบิ ัติการผดุงครรภ์ สง่ ผลให้ คะแนนความรแู้ ละทกั ษะทางการพยาบาลสูงกว่าก่อนการเรยี นอยา่ งมี
นยั สำคญั ทางสถิติ อยา่ งไรก็ตามก่อนที่จะมีการเรยี นการสอนผา่ นโปรแกรมการประชุมออนไลน์ ผูส้ อน
ควรออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกบั ส่ือการสอน ระยะเวลารวมทงั้ ควรมกี ารประเมนิ ผลระหวา่ งและ
ภายหลงั การเรยี นการสอน เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจเน้ือหาของผู้เรียน จากกระบวนการจัดการเรยี น
การนิเทศการสอนแบบออนไลน์ท่ีสง่ เสริมใหผ้ ู้สอนและผเู้ รียนไดม้ ปี ฏสิ มั พันธ์ ระหวา่ งกันและกันด้วย
กระบวนการต่างๆ ข้างตน้ นั้น จำเปน็ อย่างยิง่ ท่ผี ูส้ อนตอ้ งมีการวิเคราะห์ถงึ หลกั สูตร วัตถุประสงค์
เนอ้ื หา วธิ ีการจดั การเรยี นการสอนการวัดประเมนิ ผลปัญหาและอุปสรรคตา่ งๆ เพอื่ ออกแบบการสอน
ออนไลน์ให้มปี ระสทิ ธิภาพอย่างไรกต็ ามหวั ใจสำคัญของการจดั การเรียนการนเิ ทศการสอนแบบออนไลน์
คอื ผเู้ รยี น สามารถทจ่ี ะนำความรูท้ ไ่ี ด้ไปต่อยอดองคค์ วามรู้ใหม่และนำไปใชใ้ นการดำเนินชวี ิต ซง่ึ เปน็ ส่งิ
ทท่ี ้าทาย ให้ผูส้ อนจำเปน็ ต้องออกแบบการสอนให้มีผลลัพธท์ ี่เหมาะสมกับผเู้ รียนต่อไปการประยกุ ต์ใช้
การเรียนการนิเทศการสอนแบบออนไลน์ การเรยี นการสอนภายใตส้ ถานการณฉ์ ุกเฉินทางด้านสขุ ภาพ
ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ รวมทง้ั ภาวะ หยุดชะงักทางการศกึ ษา (Education Disruption) ทเ่ี กิดข้นึ จาก
ปัญหาอน่ื ๆ ทำให้ไมส่ ามารถจัดการเรียนการสอนในชนั้ เรียนได้ตามปกติ สิ่งเหล่านีม้ ีความทา้ ทา้ ยกับ
ผู้สอนในยุคปัจจุบันท่จี ำเปน็ ต้องมีการปรบั ตัวใหเ้ ข้ากับการเปลย่ี นแปลงทีเ่ กิดขน้ึ เพื่อสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ
ความเขา้ ใจเน้ือหาการเรียนได้รวดเรว็ และนานขนึ้ อันจะนำไปส่กู ารพฒั นาศักยภาพของตนเองในการ
เรียนรตู้ ลอดชวี ติ (Life Long Learning) เพ่ือเปน็ ผใู้ หญ่ที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป

45

แผนภมู ิการนิเทศ สพม.สุรินทร์ ปีการศกึ ษา 2/2564

นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ (จุดเน้น สพฐ.) การนเิ ทศ ตดิ ตามนโยบาย /จดุ เนน้
กลยทุ ธ์ที่ 1 การเพิ่มโอกาสให้ผูเ้ รยี นเข้าถงึ บริการการศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษา
1. การปรับปรุงโครงสรา้ งหลกั สตู ร
อย่างทัว่ ถึง
จุดเนน้ ท่ี 1 เพิม่ โอกาสการเขา้ ถึงการศึกษาทม่ี ีคณุ ภาพ 2. การยกระดับผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนเพมิ่ ขนึ้ รอ้ ยละ3
จุดเนน้ ท่ี 2 ลดความเหลอ่ื มลำ้ ทางการศึกษา
กลยุทธท์ ่ี 2 การพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี นเทียบเคยี งมาตรฐานสากล 3. การส่งเสริมทกั ษะการเรียนรู้สูศ่ ตวรรษท่ี 21

บนพื้นฐานความเป็นไทย 4. การส่งเสรมิ กจิ กรรมสะเต็มศกึ ษา และวทิ ยาการคำนวณ
จุดเนน้ ที่ 1 เสรมิ สร้างคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ของผ้เู รียน
จุดเนน้ ที่ 2 เสริมสร้างความเขม้ แข็งในการพัฒนาผู้เรยี นอยา่ งมีคุณภาพ 5. การสง่ เสรมิ การจดั การศึกษาด้วย DLIT
จุดเน้นที่ 3 เสริมสร้างสุขภาพจติ สขุ ภาพกายทีด่ ีและมีทักษะอาชพี
6. การติดตามการบรหิ ารโรงเรียนมาตรฐานสากล/
กลยทุ ธท์ ี่ 3 การพฒั นาหลักสตู รและการจัดการเรยี นการสอน
จุดเน้นท่ี 1 พัฒนากรอบหลักสตู รทอ้ งถน่ิ และหลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นในฝนั /โรงเรยี นประชารฐั /โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล
จุดเน้นที่ 2 พัฒนากระบวนการเรยี นรู้
จุดเนน้ ท่ี 3 พฒั นาระบบนเิ ทศ ฯลฯ

กลยุทธ์ท่ี 4 พัฒนาคุณภาพข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา 7. การส่งเสรมิ ใหม้ ีทกั ษะอาชีพ (Career Skills) และ ดา้ นทักษะ
จุดเน้นที่ 1 การจดั ทำแผนกรอบอตั รากำลัง
จดุ เนน้ ที่ 2 การพัฒนาศกั ยภาพครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ชีวิต (Life Skills)
จดุ เนน้ ที่ 3 การสร้างระบบแรงจูงใจและขวญั กำลังใจขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากร
8. การวดั และประเมนิ ผลตามหลกั สตู ร 51
ทางการศึกษา
กลยุทธท์ ี่ 5 ICT เพ่ือการศกึ ษา 9. การจดั กจิ กรรมการจัดการขยะ สิง่ แวดลอ้ ม

จดุ เน้นที่ 1 สง่ เสริมการประยกุ ต์ใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศและการ 10. ระบบประกันคณุ ภาพภายใน
สื่อสารเพ่อื การบริหารจัดการและการจดั การเรยี นการสอน ในยคุ ไทยแลนด์ 4.0
กลยุทธ์ที่ 6 ดา้ นการบรหิ ารจัดการ 11. การนเิ ทศภายในโรงเรยี น ผา่ นกระบวนการชุมชนแห่งการ

จดุ เนน้ ท่ี 1 การกระจายอำนาจการบรหิ ารจัดการ เรียนรูท้ างวิชาชีพ
จุดเน้นที่ 2 การมีส่วนรว่ มในการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน
12. การดำเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ

13. การจดั การเรยี นการสอนเรยี นรวม

14. การจัดกจิ กรรมส่งเสริมทกั ษะการใช้ภาษาอังกฤษเพอ่ื การ

ส่อื สาร

15. การประเมนิ ความย่งั ยืนของสถานศกึ ษาพอเพียงและ

ยกระดบั เป็นโรงเรยี นแกนนำและศนู ย์การเรียนรู้

16. การดำเนินงานโรงเรยี นสุจรติ

17. การจัดกจิ กรรมลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้

18. การดำเนนิ งานโรงเรยี นวถิ ีพทุ ธ

19. การแก้ปญั หานกั เรยี นตดิ 0 ร มส.

20. การจดั กจิ กรรมสง่ เสริมนิสยั รักการอา่ น .

21. การดำเนนิ งานตามมาตรฐานการปฏิบัตงิ านมัธยมศึกษา

(8 ด้าน)

22. การบริหารจดั การคณุ ภาพโรงเรยี นขนาดเล็ก

สถานศึกษา กระบวนการนเิ ทศ
ของสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 33
1. ขับเคลอ่ื นนโยบายและจุดเนน้ ตามแผนกลยทุ ธ์สูร่ ะบบประกนั 1. จดั ทำแผนการนเิ ทศ ตามนโยบาย/จดุ เนน้ ของสพฐ.
คณุ ภาพภายในของสถานศึกษา นโยบายของเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา
2. พฒั นาระบบนเิ ทศภายใน 2. สรา้ งความรู้ ความเข้าใจรว่ มกันระหวา่ งเขตพืน้ ที่การศึกษากับ
3. จดั กิจกรรมตามนโยบายและจดุ เน้นฯ สถานศึกษา
4. สรุป ประเมินผลและรายงานผลต้นสงั กดั ฯ 3. ส่งเสรมิ และขับเคลอื่ นกระบวนการนเิ ทศผา่ นกระบวนการชมุ ชน
การเรยี นร้ทู างวิชาชพี (Professional Learning Community :
PLC) โดยใชก้ ระบวนการพฒั นาบทเรียนร่วมกัน (Lesson study)
4. ดำเนินการนเิ ทศตามปฏิทนิ การนิเทศ
5. เสริมสร้างกำลังใจแก่ผรู้ ับการนิเทศผ่านกระบวนการชุมชนแหง่
การเรียนร้ทู างวิชาชพี วชิ าชีพ (Professional Learning
Community : PLC) โดยใชก้ ระบวนการพฒั นาบทเรยี นรว่ มกัน
(Lesson study)
6. สรุป ประเมนิ และรายงานผลการนเิ ทศ
7. ปรบั ปรงุ แกไ้ ข

22

สว่ นท่ี 3
การนเิ ทศ ตดิ ตามการดำเนินงานของสถานศกึ ษาในสงั กัด

ของสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษาสรุ ินทร์ ดำเนนิ การขบั เคล่อื นโยบายสู่การปฏิบัติ 6 ด้าน
สอดคล้องกบั นโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ าร คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและมาตรฐานการศึกษา
ของสำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา โดยวเิ คราะห์ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นจากผลสอบทางการศึกษา
ระดับชาตขิ ัน้ พน้ื ฐาน (O-NET) ปกี ารศกึ ษา 2563 เพื่อพฒั นาคุณภาพการศึกษาให้มีความเหมาะสม และ
กำหนดแนวทางการนิเทศบูรณาการโดยใช้พนื้ ทีเ่ ปน็ ฐาน เพื่อกำหนดวสิ ัยทศั น์ พันธกิจ เปา้ ประสงค์ กลยทุ ธ์
การนิเทศ ขอบขา่ ยการนเิ ทศ ตวั ชว้ี ดั เปา้ หมายการนเิ ทศ รูปแบบการนเิ ทศ กระบวนการนิเทศ ที่เน้นการ
นิเทศการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ขู องครูผูส้ อนโดยใชก้ ระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นร้ทู างวิชาชีพ
(Professional Learning Community : PLC) ผา่ นการพัฒนาบทเรียนร่วมกนั (Lesson study) สู่การ
พฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้จากครสู นู่ ักเรยี นไดอ้ ย่างชดั เจนและเกดิ ความยัง่ ยืน

วตั ถุประสงค์
1. เพื่อนิเทศบูรณาการโดยใชพ้ นื้ ทีเ่ ปน็ ฐานในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาใหม้ ีความเหมาะสม
โดยใช้กระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนร้ทู างวิชาชพี (PLC)
2. เพื่อนิเทศ ตดิ ตาม งาน/กจิ กรรม/โครงการ ตามนโยบายกลยุทธแ์ ละจดุ เนน้
3. เพื่อนเิ ทศการจดั การเรียนการสอนในช้ันเรียนผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรยี นรู้ทาง

วชิ าชีพ (PLC) ในการพฒั นาบทเรียนรว่ มกนั โดยการใช้กระบวนการเปดิ ชน้ั เรยี น (Lesson study)

4. เพือ่ พัฒนาวชิ าชีพครูภายใต้กระบวนการปรับปรงุ พฤติกรรมการสอนดว้ ยตวั ของครูเอง

ขอบข่ายการนเิ ทศ
ดา้ นเน้อื หา
1. การบรหิ ารจัดการคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาสุรนิ ทร์ โดยใช้
รูปแบบ TPS MODEL
2. รปู แบบการบริหารจัดการสำหรบั สถานศกึ ษา TPS MODEL FOR SCHOOL
3. นวัตกรรมและวธิ กี ารปฏิบตั ทิ ีเ่ ปน็ เลิศ
4. งานตามนโยบายและกิจกรรม/โครงการต่างๆ
5. การนิเทศสังเกตการสอน

23

ด้านกลมุ่ เป้าหมาย
โรงเรียนในสงั กัด ภาคเรยี นที่ 2/2564 จำนวน 40 โรงเรียน

3. เปา้ หมายการนิเทศ

สหวทิ ยาเขต 1 สุรวิทยาคาร

ลำดับ โรงเรียน ขอบข่ายการนิเทศ นเิ ทศการจัดการเรยี นการสอน
ท่ี (ขอ้ 1 –4 ) ในชนั้ เรยี นโดยการใช้
กระบวนการเปิดช้ันเรียน
1 เทนมยี ์มติ รประชา ✓ (Lesson Study)
2 ศรไี ผทสมนั ต์ ✓
3 นาบวั วทิ ยา ✓ สพม.สร นิเทศภายใน
4 แสงทรพั ย์ประชาวทิ ยาคาร ✓ ✓✓

✓✓

✓✓

✓✓

สหวิทยาเขต 2 สริ นิ ธร

ลำดับ โรงเรยี น ขอบข่ายการนิเทศ นเิ ทศการจัดการเรียนการสอน
ท่ี (ขอ้ 1 –4 ) ในชั้นเรยี นโดยการใช้
กระบวนการเปดิ ช้ันเรยี น
1 สุรินทรภ์ ักดี ✓ (Lesson Study)
2 ทา่ สว่างวทิ ยา ✓
3 ศรรี ามประชาสรรค์ ✓ สพม.สร นิเทศภายใน
✓✓

✓✓

✓✓

สหวิทยาเขต 3 จอมสรุ ินทร์

ลำดบั โรงเรยี น ขอบขา่ ยการนเิ ทศ นิเทศการจัดการเรียนการสอน
ท่ี (ข้อ 1 –4 ) ในชั้นเรยี นโดยการใช้
กระบวนการเปิดชั้นเรียน
1 เมอื งลีงวิทยา ✓ (Lesson Study)
2 บุแกรงวทิ ยาคม ✓
3 หนองสนทิ วทิ ยา ✓ สพม.สร นเิ ทศภายใน
4 แร่วิทยา ✓ ✓✓
5 บึงนครประชาสรรค์ ✓
✓✓
✓✓

✓✓

✓✓


Click to View FlipBook Version