The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการดำเนินโรงเรียนวิถีพุทธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sam.akkadhammo, 2021-10-19 06:09:59

คู่มือการดำเนินโรงเรียนวิถีพุทธ

คู่มือการดำเนินโรงเรียนวิถีพุทธ

๕๑คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๒. ความไม่มันใจในศักยภาพของมนุษย์ ดูวา่ นักเรียนมีความม่ันใจในตัวเองหรือไม่
เขามีความเชือ่ ว่าสามารถท่ีจะพัฒนาตนเองได้และเห็นว่าต้องพฒั นาตนเองหรอื ไม่

ถ้าเขามีจิตสำนึกในการพัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่แล้ว จะส่งผลให้มีความมุ่งม่ัน และ
อุตสาหะเอาใจใส่ในการเรียนรู้ ถ้าเขาขาดจุดน้ี ก็จะไม่เอาใจใส่ในการพัฒนาตนเอง ซึ่งผู้ให้การแนะ
แนวต้องตรวจสอบดู และพยายามมองให้เห็นปญั หาทีแ่ ทจ้ ริง

ความมีเหตุผล คือ การพิจารณาด้วยปัญญา อะไรเป็นคุณเป็นโทษ เป็นประโยชน์ หรือมิใช่
ประโยชน์ (โยนิโสมนสิการ) มองส่ิงต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนตามความเป็นจริง ด้วยเหตุปัจจัย มุมมองท่ีเป็น
คุณต่อการพัฒนาตนเอง ท่ีเอื้อต่อจิตใจ การแนะแนวท่ีมุ่งให้บุคคลรู้จักคิดก่อให้เกิดผลดี คือ ทำให้
เขา้ ใจสภาพปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ ได้อย่างถกู ต้อง

เม่ือมีความรูท้ ี่ถูกต้องก็ส่งผลให้มีการปฏิบัติถูกต้องตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อความ
สงบเรียบรอ้ ยของสงั คม การอยู่ร่วมกันของมนษุ ยท์ ่ีสำคญั ก่อให้เกิดผลดีตอ่ ชวี ติ ของตนเอง

การรู้คิด เป็นการค้นหาความจริงมองเห็นความเป็นจริงของสิ่งน้ัน สืบสาวหาเหตุปัจจัยส่วน
แบบที่สอง มองให้เป็นธรรมโอสถเพ่ือชโลมจิตใจ ถ้ามองเป็นยาพิษ ต้องพัฒนาวิธีคิดใหม่ด้วยโยนิโส
มนสิการ คิดในทางเหน็ อกเห็นใจ จิตใจประกอบด้วยเมตตา เปน็ การเพมิ่ ความชุ่มชน่ื ใหก้ บั หวั ใจ

วินัยชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคม คือ การจัดระเบียบชีวิตตนเองและจัดสรรความสงบ
สขุ ให้เกิดขน้ึ ในสงั คม การทบ่ี ุคคลปฏิบัติตามระเบียบ ปฏิบัตติ ามขอบเขตของสังคมที่กำหนดร่วมกัน
จะทำให้เกิดความสงบสุขแก่ชุมชน สังคม ประเทศชาติ ตลอดทั้งความร่มเย็นของโลก ถ้ามีวินัยก็
สามารถพฒั นาตนเองไดอ้ ย่างตอ่ เนอื่ ง และย่ังยืน

กระบวนการที่ช่วยพัฒนาชีวิตมนษุ ย์ก็คือ การศึกษา การวจิ ัยชีวติ อย่างต่อเน่ือง ตลอดเวลา
ทุก ๆ ลมหายใจเข้าออก ทั้งน้ี ตอ้ งทำให้ครบกระบวนการทงั้ ๓ ชว่ ง คอื ดวู ่า คนที่มปี ัญหาน้นั เขาเป็น
อยา่ งไร เขามีท่าทตี่ ่อประสบการณเ์ ขา้ มาในชวี ิตอย่างไร และปฏบิ ัตติ อบสนองต่อส่ิงนนั้ เปน็ ไปเพ่ือการ
เก้ือกูลคุณภาพชีวิตท่ีดีงามหรือไม่ ช่วงท่ี ๒ มีการแสดงออกอย่างไร มีการนำเอาข้อมูลมาใช้ในการ
พัฒนาชีวิตให้เจริญงอกงามหรอื ไม่ เป็นวิธกี ารตรวจสอบไดอ้ ีกวิธีการหนงึ่

หัวใจของการแนะแนวเชิงพุทธ “การคิดเป็น” คือ วิธีการแก้ปัญหาตามหลักอริยสัจ รู้เหตุ
รู้ผล แก้ตามแนวเหตุและผล เป็นการใช้ปัญญานำมิใช่ใช้ตัณหาคือความยากเป็นตัวนำชีวิต (ปัญญา
คือ ความรอบรู้ทั่วถึง) ในขณะท่ีเราพัฒนาปัญญาอยู่นั้น หากจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ ก็อาจจะเปิดช่อง
ให้อวิชชา ความไม่รู้เข้ามามีอิทธพิ ลต่อกระบวนการพัฒนาตนเองได้ ซ่งึ กระบวนการที่ป้องกนั อวิชชา
ก็คอื การฝกึ สมาธใิ ห้เกิดสตใิ หเ้ ข้มแข็ง เพอื่ เป็นฐานสำคัญต่อการพัฒนาปญั ญาอย่างยั่งยืน

ซึ่งคนเราจะสามารถพัฒนาตนเองได้นั้นจะต้องพัฒนาปัญญาให้อยู่เหนืออิทธิพลของตัณหาที่
เข้ามาในชีวิต (ถ้าตณั หาเข้ามาอวชิ ชาจะมีอิทธิพลตอ่ ชีวติ มนุษย์) ทำใหบ้ ุคคลหลงผิดคิดผิด กระทำผิด
อันเป็นผลจากตัณหาและอวิชชา ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ตัณหาและอวิชชามีความเข้มแข็งมากข้ึน
สง่ ผลตอ่ การแกไ้ ขปัญหาชวี ิต ทีไ่ ม่ถูกตอ้ ง เชน่ อาศัยอำนาจดลบันดาลจากภายนอก อ้อนวอนขอจาก
เทพเจ้า หรอื ใช้ไสยศาสตร์มาเป็นทพี่ ึ่ง หากเราพึ่งพลงั จากข้างนอก เราก็จะเสียโอกาสในการพัฒนา
ตนเองให้เจรญิ งอกงามตอ่ ไป

ฉะน้ัน หลักการแนะแนวทางพระพุทธศาสนานั้น ต้องมุ่งให้บุคคลสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง ตาม
หลักเหตุและผล ตามหลักอริยสัจ กล่าวคือ ทุกข์ เม่ือเกิดปัญหาต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาพิจารณาถึงสาเหตุ ที่เรียก

๕๒คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

กว่า สมุทัย ว่า เหตุแห่งปัญหาน้ันอยู่ที่ไหน เม่ือเราพบแล้วก็ทำการกำจัดเหตุนั้นได้ (กำจัดจุดอ่อนของปัญหา)

เรียกว่า นิโรธ ขณะเดียวกันก็พิจารณาว่าความต้องการของเราคืออะไรกำหนดจุดมุ่งหมายแล้ววางวิธีปฏิบัติเพ่ือ

แก้ไขปัญหาน้ัน ๆ วิธีการปฏิบัตินี้ เรียกว่า “มรรค”เม่ือรู้แนวทางแล้วก็ลงมือปฏิบัติ หากบุคคลได้ดำเนินการตาม

กระบวนเช่นน้ี ก็จะสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนได้ ปัญหาคืออะไร? (ทุกข์) มีสาเหตุเกิดจากอะไร
(สมทุ ัย) วธิ กี ารแกป้ ญั หาเป็นแบบไหน (นโิ รธ) ลงมอื ปฏบิ ัติ (มรรค) ๑๕

❖ จดุ มุง่ หมายของชวี ิตมีความสำคัญตอ่ การแนะแนว

ผู้ที่ทำหน้าท่ีแนะแนวต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ และจุดมุ่งหมาย

ของชีวิตถึงจะสามารถดำเนินการการแนะแนวได้ดีและมีประสิทธิภาพ การแนะแนวเกี่ยวกับ

จุดมุ่งหมายของชีวิต เป็นส่ิงท่ีสำคัญต่อการพัฒนาตนเองของบุคคล คนที่จะพัฒนาตนเองได้ มีปัญญา

มีชวี ิตท่ดี ี ควรรจู้ ดุ หมายของชีวิต การรจู้ กั จดุ หมายของชีวิตกเ็ พ่อื

๑. เพอ่ื จะไดม้ แี นวทางในการดำเนนิ ชีวติ ทด่ี ีงาม

๒. เพอ่ื ใชส้ ำรวจตนดว้ ยตนเองและเพ่ือจะได้มีความมนั่ ใจในตนเอง ในการท่จี ะพัฒนาตนให้ย่งิ ข้ึนไป

พทุ ธศาสนาสอนวา่ “ชีวิตทีด่ ีงามจะตอ้ งดำเนนิ ให้บรรลถุ ึงจดุ หมาย ๓ ขัน้ คือ

๑. ประโยชน์ปัจจุบัน หรือ จุดมุ่งหมายที่มองเห็นของชีวิตน้ี คือ ประโยชน์ทางด้านสุขภาพ

เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เช่น มีทรัพย์สินที่จะพึ่งตนเองได้ในทางเศรษฐกิจ ทางสังคมก็มีเพื่อนฝูง รักใคร่ มีบริวาร

มสี ถานะเป็นท่ียอมรบั ของคนท้ังหลาย เหล่านี้เรียกว่า เป็นประโยชนเ์ บื้องต้น

๒. ประโยชน์เบอื้ งหน้า คือ มชี ีวติ ท่ดี ีงาม มีคุณคา่ มคี ุณธรรมความดี เปน็ ประโยชน์

ทำให้มีความมั่นใจในคุณค่าของชวี ิตของตน เร่ิมต้ังแต่เป็นผู้มีความประพฤติดงี าม มีปญั ญารู้เขา้ ใจโลก

และชีวิตพอสมควร ได้ทำความดีงามบำเพ็ญประโยชน์ไว้ เป็นความมั่นใจในคุณค่าของชีวิตของตนเอง

ซ่ึงเชื่อมโยงไปถึงโลกหน้าด้วย คือทำให้มีความมั่นใจในชีวิตเบื้องหน้า ไม่ต้องกลัวปรโลก จึงเป็น

ประโยชนร์ ะยะยาว ตา่ งจากข้อแรกทีเ่ ปน็ ประโยชน์เฉพาะหนา้ ระยะสั้น

๓. ประโยชน์สูงสุด คือ การมีจิตใจเป็นอิสระ ด้วยปัญญาท่ีรู้เท่าทันความจริงของ

โลก และชีวติ หลุดพ้นจากความครอบงำของกิเลส และความทกุ ข์ สามารถทำจิตใหป้ ลอดโปร่ง ผ่อง

ใส่ได้ทุกเวลา แม้จะมีอารมณ์เข้ามากระทบก็ไม่หวั่นไหว ไม่ขุ่นมัว ไม่เศร้าหมอง แต่โปร่งโล่ง

ปราศจากทกุ ข์ เป็นประโยชนส์ ูงสุด เรยี กวา่ ปรมตั ถะ

รวมเป็นประโยชนห์ รอื จดุ มุ่งหมาย ๓ ขน้ั คอื

๑. อัตตัตถะ ประโยชน์ตน ๒. ปรัตถะ ประโยชนผ์ ู้อ่ืน

๓. อุภยัตถะ ประโยชนร์ ่วมกันทง้ั สองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ตนเองก็ต้องทำให้ครบ ๓ ข้ัน คอื ปัจจุบนั เบ้ืองหน้า และสูงสุด ส่วน

ประโยชน์ผู้อื่นกต็ ้องชว่ ยให้เขาบรรลุไดท้ ั้ง ๓ ขั้น ขณะเดยี วกันประโยชน์ส่วนรวมกต็ ้องเสริมสนบั สนุน

การมีส่วนร่วมท้ังรูปธรรม และนามธรรม ซ่ึงจะทำให้เกิดการพัฒนาทั้งตนและผู้อื่น ส่งผลให้เกิดการ

พัฒนา เช่น กิจกรรมที่ดีงาม และวัฒนธรรมประเพณี ที่ส่งเสริมสติปัญญาและกุศลของชุมชนท้ังหมด

๑๕ พระมหาสรวิชช์ อภิปญฺโญ, เอกสารประกอบการสัมมนาโรงเรียนวิถีพุทธช้ันนำ รุ่นท่ี 8
(พระนครศรอี ยุธยา : จฬุ าบรรณาคาร, ๒๕๕๙), หน้า ๘๕ - ๘๖

๕๓คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

สรุปจุดมุ่งหมายของชีวิต ช่วยให้บุคคลได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเอง เกิดความ
มั่นใจในแนวทางและจุดหมาย ซึง่ เป็นเครอ่ื งมอื สำคัญในการแนะแนว

❖ กระบวนการช่วยเหลือให้บุคคลสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ด้วยการพัฒนาปัญญา
สามารถนำปัญญามาใชใ้ นการแกไ้ ขปัญญาชีวิตของตนเองได้ด้วยตนเอง ซ่ึงจุดเริ่มต้นของการแนะแนว
เกิดจากบุคคลท่ีขาดปัญญา ขาดจิตสำนึกในการพัฒนาตน ขาดความม่ันใจในการพัฒนาตนเอง ไม่
เช่ือมั่นในตนเอง ไม่มองเห็นตนเองในฐานะที่เป็นมนุษย์ที่ฝึกได้ ขาดแรงจูงใจที่ถูกต้องต่อการพัฒนา
ตนเอง ขาดความรู้จักคิด “คิดไม่เป็น” และมีท่าทีที่ไม่ถูกต้องต่อส่ิงทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิต ซ่ึง
ลกั ษณะเชน่ น้ี หากเกดิ ขน้ึ กบั บุคคลแลว้ ยอ่ มสง่ ผลต่อการดำเนนิ ชีวติ อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุน้ีบุคคลจำเป็นต้องมีกัลยาณมิตร ที่ทำหน้าท่ีกระตุ้นเตือนและแนะแนววิธีการแก้ไข
ปรับปรุงพฤติกรรมท่ีนำไปสู่การลด หรือแก้ไขปัญหาน้ันด้วยการพัฒนาตนเอง เข้าใจจุดมุ่งหมายของ
ชีวิตเพ่ือเอาชนะปัญหาอุปสรรคท่ีเกิดขึ้นด้วยตนเอง ขณะเดียวกันผู้ที่ทำหน้าท่ีเป็นผู้แนะแนวจะต้อง
เข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ความต้องการของมนุษย์ และลักษณะของมนุษย์ที่สามารถพัฒนา
ตนเองหรือเป็นท่ีพึ่งของตนเองได้ เพื่อจะได้นำมาสำรวจ และวิเคราะห์ตัวตนของผู้ที่เกิดปัญหา (ผู้
รับคำแนะแนว) ผู้ให้การแนะแนว จะต้องมีคุณลักษณะพเิ ศษ จงึ จะสามารถใชก้ ระบวนการแนะแนวให้
เกิดประสิทธิภาพได้ คือ เป็นผู้น่ารักมีบุคลิกภาพที่ชวนให้เข้าหา เม่ือเด็กมีปัญหาเกิดความทุกข์ ก็
อยากเข้าไปหาหรือเข้าไปปรึกษา “ปิโย” เป็นผู้น่าวางใจ หนักแน่น น่าเคารพนับถือ น่าเช่ือถือ ทำให้
รู้สกึ ว่าไม่มีภยั อนั ตราย อบอนุ่ ม่นั คงปลอดภัย “คร”ุ เปน็ ผู้น่าเจรญิ ใจ เปน็ ผู้มีภมู ิรู้ มภี ูมธิ รรมภมู ิปัญญา
สงู เปน็ คนมีการศกึ ษาพัฒนาตนดแี ลว้ “ภาวนโี ย”เป็นผู้ร้จู กั พดู หรอื พดู เปน็

“วตฺตา”เป็นผู้ รู้จักฟัง หรือ ฟังเก่งมีความอดทนในการฟัง อดทนต่อการรับฟังปัญหา อดทด
ต่อการระบายความทุกข์ “วจนกฺขโม” เป็นผู้ที่สามารถอธิบายเรื่องท่ียากให้งา่ ยได้ “คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺ
ตา” และ เป็นผู้ท่ีไม่ชักจูงบุคคลไปในทางที่ผิดหรือนอกเร่ือง คือ ขณะเดียวกันต้องมีทิศทางท่ีชัดเจน
ในการแนะแนว โดยมีเป้าหมายและนำไปสู่จุดหมายซ่ึงจะแก้ปัญหาได้ ด้วยวิธีท่ีถูกต้อง “โน จฎฺฐาเน
นโิ ยชเย” รวมเป็น ๗ ประการ เรยี กว่า คุณธรรมหรือองค์คุณของกัลยาณมิตร ซึ่งเราใช้เป็นคุณสมบัติ
ของครโู ดยทว่ั ไป ซ่ึงผทู้ ำหนา้ ทีแ่ นะแนวควรมีคุณสมบัตเิ ชน่ นีเ้ ป็นพิเศษ

“การพัฒนาตนเองโดยแนวทางและหลักการน้ี (ตามแนวพุทธศาสตร์) เป็นสาระสำคัญของ
การที่จะช่วยให้บุคคลท่ีประสบปัญหา มีความทุกข์ได้พัฒนาตนจนพึ่งตนเองได้ การพึ่งตนเองได้ก็คือ
การปฏิบัตติ ามหลักทวี่ ่ามีปัญญาเป็นเคร่ืองนำทางในการดำเนินชวี ิต ไม่มีอวชิ ชาหรือตัณหาเปน็ เครื่อง
ดำเนินชีวิต เม่ือถึงข้ันนี้ก็จะเป็นการบรรลุจุดมุ่งหมายของการดำเนินชีวิตท่ีดี” ดังที่พระพุทธเจ้าทรง
ตรสั ว่า “ชีวติ ทเ่ี ป็นอยู่ดว้ ยปญั ญา เรากลา่ ววา่ เปน็ ชวี ติ ท่ปี ระเสริฐ”

๕๔คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

บทที่ ๕
การพฒั นาครใู นโรงเรียนวิถพี ทุ ธ

❖ การพฒั นาครูโรงเรียนวิถีพุทธ
หลกั การ
ผ้บู ริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรมีความสำคัญต่อการพัฒนาผู้เรียนในระบบไตรสิกขา ท้ังในฐานะเป็น

ผู้อบรมสั่งสอน ผู้จัดการเรียนรู้ และการเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตน บุคลากรทุกคนพัฒนาตามหลัก
ไตรสิกขา มีคุณลักษณะเป็นผู้มีความรู้พุทธธรรมเป็นอย่างดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สามารถจัดการเรียนรู้ตามวิถี
พุทธ และเป็นกัลยาณมิตร มีลักษณะของการเป็นผู้ท่ี “สอนให้รู้ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น”พร้อมจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนา
ไดเ้ ป็นอย่างดี

หลกั คิด
การพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีรูปแบบวิธีการหลากหลาย เหมาะสมกับ
ลักษณะและเง่ือนไขของโรงเรียน แนวทางสำคัญหน่ึงในการพัฒนาบุคลากร คือการปฏิบัติธรรมในวิถีชีวิตประจำวัน
ทั้งนผี้ ้บู ริหารควรเป็นผู้นำในการพัฒนาตนเอง และการปฏบิ ัตเิ ป็นตวั อย่าง
หลกั ทำ
แนวทางการจัดพัฒนาบุคลากร เชน่

1. วิเคราะห์สภาวะธรรม และลกั ษณะของบุคลากร
2. คน้ หาบุคลากรแนวรว่ มหรือแกนนำ
3. วางแผนพัฒนาบุคลากร โดยการสร้างศรัทธา สร้างความเข้าใจด้วยวิธีท่ี
เหมาะสมกบั ลักษณะของบคุ ลากร
4. จัดกิจกรรมท่ีเป็นตัวอย่างสะท้อนให้เห็นความสำเร็จ ท้ังกิจกรรมรูปธรรม
และกจิ กรรมพัฒนาจติ
5. ให้การยกย่อง ชมเชย แก่บุคลากรท่ีพัฒนาจนเป็นแบบอย่างได้ ลักษณะแนว
กจิ กรรมพฒั นาบคุ ลากร เช่น การจัดอบรมใหญป่ ระจำปี

จัดการพฒั นาจิต เจริญปญั ญายอ่ ยรายสปั ดาห์ หรอื รายเดือน
จัดกลมุ่ สนทนาธรรม
จัดฟังเทศน์ ปฏิบัตธิ รรมในโอกาสวนั สำคัญ
จัดศึกษาดงู าน หรอื ปฏิบตั ิธรรมในสำนกั ตา่ ง ๆ
ส่งเสริมการศึกษา ปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง โดยจัดห้องสมุดและสื่อต่าง ๆ ให้ยืม
หรอื ใชศ้ ึกษา จัดห้องวิปสั สนา ฯลฯ
ส่งเสรมิ การถอื ศีล 5 เป็นวิถชี วี ิต
สง่ เสรมิ การประเมินผลปฏิบตั ิธรรม และสอบอารมณ์(วปิ ัสสนา)

ฯลฯ

๕๕คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

คณุ ลกั ษณะสำคัญของบคุ ลากรโรงเรียนวถิ ีพุทธ
ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
1. ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา
2. ละเลิกจากอบายมขุ
3. ถือศลี 5 เป็นนิจ
4. มีอดุ มการณท์ ี่จะพฒั นาตนเองและดำเนนิ ชีวติ ทดี่ ีงาม
5. เป็นผนู้ ำและปฏบิ ัตติ นเปน็ แบบอยา่ งในการทำความดี
ครู อาจารย์และบคุ ลากร
1. ศรทั ธาในพระพุทธศาสนา
2. ละเลกิ จากอบายมขุ
3. ถือศีล 5 เป็นนจิ
4. มีอดุ มการณท์ จ่ี ะพฒั นาตนเองและดำเนินชวี ติ ทีด่ งี าม
5. มีความเป็นกัลยาณมติ รตอ่ ศษิ ย์ ๑๖
อย่างไรก็ดี พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ได้กลา่ วถึงคุณสมบัติของครูวถิ พี ุทธที่ดี ควร

มีลกั ษณะ ดงั น้ี
๑.น่ารัก คำว่าน่ารักในที่นีห้ มายความว่า เปน็ บคุ ลิกภาพท่ีชวนใหเ้ ขา้ หา ผู้แนะแนวควรต้องมี

ลักษณะที่ว่า เมื่อเด็กมีปัญหาเกิดความทุกข์ ก็อยากเข้าไปหาหรือเข้าไปปรึกษา เพราะว่าผู้ที่มีปัญหา
เกิดคิดหาที่ปรึกษา เม่ือเห็นผู้แนะแนวท่ีมีคุณสมบัติดีแล้วก็อยากจะเข้าไปปรึกษาด้วย คำว่าน่ารักใน
ภาษาบาลีเรียกวา่ “ปิโย”

๒.น่าวางใจ ครูแนะแนวต้องมีลักษณะที่น่าไว้วางใจได้ หนักแน่น น่าเคารพนับถือ น่าเชื่อถือ
ทำให้รู้สึกว่าไม่มีภัยอันตราย อบอุ่นมั่นคงปลอดภัย ควรเข้าไปขอคำปรึกษาได้ ถ้ามีลักษณะท่าทางไม่
นา่ ไว้วางใจ ก็ไม่ไหว ลกั ษณะท่นี ่าเคารพน่าไว้วางใจนภี้ าษาบาลีเรียกวา่ “คร”ุ

๓.น่าเจริญใจ คือ บุคลิกภาพท่าทางต่าง ๆ ที่แสดงออกดูแล้วทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นผู้มี
ภูมิรู้ มีภูมิธรรมภูมิปัญญาสูง เป็นคนมีการศึกษาพัฒนาตนดีแล้ว ซ่ึงผู้เข้าหาน้ันรู้สึกภูมิใจที่ได้เข้า
ใกล้ชิดและเหน็ วา่ น่าเอาอยา่ ง คือชวนให้อยากปฏิบตั ิตามในทางภาษาบาลเี รียกวา่ “ภาวนโี ย”

๔.รู้จักพูดหรือพูดเป็น ข้อนี้เป็นลักษณะสำคัญมาก สามข้อแรกน้ันเป็นบุคลิกภาพที่จะทำให้
เกิดการปรึกษาและการแนะแนวข้ึน โดยนำมาซึ่งการพบปะและการทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป แตข่ ้อ ๔
และขอ้ ต่อจากนเี้ ป็นส่วนประกอบตา่ ง ๆ ในการทำหนา้ ท่ี

การเป็นนักพูดท่ีดีไม่ใช่หมายความว่า จะต้องพูดเองไปหมด ผู้ท่ีมีความทุกข์ หรือต้องการ
คำปรึกษา เขาก็จะพูดไปตามทางของเขา ชัดเจนบ้าง สับสนบ้าง บางทีก็ไม่กล้าพูด หรอื พูดแล้วพูดไม่
ถูก พูดไม่แจ่มกระจ่าง ผู้แนะแนวต้องรู้จักพูดให้เขากล้าท่ีจะแสดงออกมา กล้าระบายความทุกข์
ออกมา หรือสามารถท่ีจะแสดงออกซึ่งปัญหาอย่างชัดเจน โดยผู้แนะแนวจะต้องช่วยให้เขารู้จักและ

๑๖ นิ ภ า แย้ ม วจี, เส้ น ท างสู่ โรงเรีย น วิถี พุ ท ธ , [ออน -ไลน์ ]. เข้าถึงแห ล่งข้อมู ลได้ จาก :
http://www.moe.go.th/main2/article/article_banjerdporn/school_bud.htm,เข้ า ถึ ง เม่ื อ ๑ ๒ ธ .ค .
๒๕๖๑.

๕๖คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

เขา้ ใจปัญหาของเขาเองไปทล่ี ะด้านสองดา้ น ตามลำดบั ตวั อย่าง เช่น เมอ่ื มีบุคคลผใู้ ดผู้หน่ึงเข้ามาหา
พระพุทธเจ้า จะมาถามหาคำตอบจากพระองค์ บางที พระองคก์ ็ทรงช่วยให้เขาตอบปัญหาของเขาเอง
โดยท่ีพระองค์ทรงใช้วิธี เป็นผู้ถาม บุคคลนั้นก็จะพบคำตอบได้ด้วยตนเอง นักแนะแนวควรนำวิธีนี้ไป
ใช้ในการเป็นนักพูด โดยเป็นผู้ช่วยให้เขาพูด จนกระทั้งทำให้เขาตอบปัญหาของตนเองได้ หากเขาหา
คำตอบไม่ได้จริงๆ เราก็มีวิธีการท่ีจะเสนอแนะให้เขาพบคำตอบได้ ให้เห็นทางออกในการแก้ปัญหา
ลักษณะท่เี ป็นนกั พูดอย่างได้ผลนี้ ภาษาบาลเี รียกวา่ “วตตฺ า”

๕.รู้จักฟัง หรือ ฟังเก่ง หมายถึง ความเก่งในการฟัง นอกจากหมายถึงจับเรื่องได้ไวและ
ชัดเจนแล้ว ก็รวมถึงการมีความอดทนในการฟังด้วย อดทนต่อการรับฟังปัญหา อดทดต่อการระบาย
ความทกุ ข์ เพ่ือจะได้ร้เู หตุปัจจัย และคิดค้นวิธีการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการรู้จักตัวเขาและปัญหาของ
เขาอย่างแท้จริง เช่น รู้ว่าเขาทำอะไร บกพรอ่ งอย่างไร จุดท่ีจะแก้ไขอยู่ตรงไหน เรียกในภาษาบาลีว่า
“วจนกขฺ โม”

๖.แถลงเร่ืองลึกซึ่งได้ คือ เม่ือมีปัญหาท่ียากหรือลึกซ่ึงก็สามารถคล่ีคลายให้เข้าใจได้ ใน
การศกึ ษาและ ในการแก้ปญั หาจะต้องพบกบั ปม และเรอ่ื งท่ียากหรือลึกซ่ึงอยู่เร่ือยๆ ผู้ทที่ ำหน้าที่แนะ
แนวต้องสามารถอธิบายเน้ือหาเรื่องราวและคลี่คลายปมประเด็นต่าง ๆ ใหเ้ ห็นชัดเจนและเข้าใจไดง้ ่าย
อะไรที่ซับซ้อนกต็ ้องจบั เอามาหรอื หยบิ ออกมาพูดให้เห็นและอธบิ ายใหก้ ระจ่ายอนั น้ีเป็นความสามารถ
ในการปฏิบตั ทิ ี่เรียกว่า “คมภฺ ีรญจฺ กถํ กตฺตา”

๗.ไม่ชักจูงไปในทางท่ีผิดหรือนอกเร่ือง คือ จะต้องมีทิศทางท่ีชัดเจนในการแนะแนว โดยมี
เป้าหมายและนำไปสู่จุดหมายซ่ึงจะแก้ปัญหาได้ ด้วยวิธีที่ถูกต้อง หากผู้แนะแนวปฏิบัติไม่ถูกตอ้ งออก
นอกเรอื่ งราว หรือชักจูงไปในทางเสยี หาย โดยแนะนำผดิ ๆ หรือแนะนำวธิ ีการทไ่ี ม่ถูกต้อง แนะแนวไป
แทนทเ่ี ขาจะแกป้ ัญหาได้ กก็ ลบั กลายเปน็ สร้างปญั หา อนั นีเ้ รียกว่า “โน จฎฐฺ าเน นโิ ยชเย”

รวมเป็น ๗ ประการ เรียกว่า คุณธรรมหรือองค์คุณของกัลยาณมิตร ซ่ึงเราใช้เป็นคุณสมบัติ
ของครูโดยท่ัวไป ซ่ึงผู้ทำหน้าที่ในโรงเรียนวิถีพุทธควรมีคุณสมบัติเช่นน้ีเปน็ พิเศษ ขณะเดียวกันผู้ท่ีจะ
สามารถพัฒนาตนเองหรือพ่ึงพาตนเองได้น้ัน จำเป็นต้องมีความพร้อมด้านแรงจูงใจอันเป็นปัจจัย
ภายในตน (ฉนั ทะ) ลักษณะของบุคคลทพ่ี ึง่ ตนเองได้ จงึ จะสามารถแกไ้ ขปญั หาดว้ ยตนเองได้ ๑๗

๑๗ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), ถึงเวลา มารื้อปรับระบบพัฒนาคนกันใหม่ . พิมพ์คร้ังท่ี ๕.
(กรงุ เทพฯ: มลู นธิ พิ ทุ ธธรรม,๒๕๔๓), หนา้ ๔๒ - ๔๕

๕๗คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

บทท่ี ๖
การพฒั นาโรงเรียนวถิ ีพทุ ธ

❖ ประเภทของโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธ

๑. โรงเรียนวิถีพทุ ธทั่วไป (Buddhist Oriented School)
๒. โรงเรียนวิถีพุทธช้ันนำ(The Leading Buddhist Oriented School)
๓. โรงเรยี นวถิ ีพทุ ธพระราชทาน(The royal award Buddhist Oriented School)

1.โรงเรียนวถิ พี ทุ ธทั่วไป (Buddhist Oriented School)

โรงเรียนวิถีพุทธทั่วไป เป็นโรงเรียนวิถีพุทธที่ดำเนินการตามมาตรฐานและ ตัวช้ีวัดของอัต
ลักษณ์ ๒๙ ประการในโรงเรียนวิถพี ทุ ธ ดงั นี้

๑) ได้สมัครลงทะเบยี นในระบบเว็บไซต์
๒) มกี ารดำเนินการตามตัวชี้วัดอตั ลักษณ์วถิ ีพทุ ธครบทั้ง ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗

ประการ)
๓) มีการประเมินตนเองตามอัตลักษณ์วถิ ีพุทธครบทั้ง ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗ ประการ)

ในระบบ ระยะ ๙ เดอื นและ ๑๒ เดอื น อย่างต่อเน่ือง
๔) มีกิจวัตรประจำวนั ประจำสัปดาหด์ ้านวถิ ีพุทธ และกิจกรรมวนั สำคัญทาง

พระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ
๕) มีโครงการวถิ ีพุทธในแผนยทุ ธศาสตร์ และแผนปฏิบัตกิ ารประจำปีของสถานศึกษา

❖ อตั ลกั ษณ์ ๒๙ ประการสู่ความเปน็ โรงเรยี นวิถีพทุ ธ

ความเป็นมาของอัตลักษณ์ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ๑๘ การศึกษาและ
พัฒนาอัตลกั ษณ์โรงเรยี นวิถีพุทธท่ไี ดด้ ำเนนิ มานน้ั ได้มขี นั้ ตอนท่ีผ่านมาดงั น้ี

๑. การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อศึกษา เพ่ือให้การศึกษาแล ะพัฒ นาอัตลักษณ์
โรงเรียนวิถีพุทธครอบคลุมและเป็นตัวแทนที่ดีของโรงเรียนของประเทศไทย ผู้วิจัยจึงได้พัฒนา
เครื่องมื อส ำห รับ ก ารรับ สมั ค รโรงเรีย น ทั่ วไป ป ระเท ศ ทั้ งที่ เป็ น โรงเรีย น วิถีพุ ท ธแล ะ
ไม่เป็นโรงเรียนวิถีพุทธผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตด้วยเว็บไซต์ www.vitheebuddha.com
เพื่อให้โรงเรียนที่มีความพร้อมและสนใจได้ลงทะเบียนสมัคร โดยโรงเรียนจะต้องส่งข้อมูล

๑๘ ฝ่ายบริการการฝึกอบรม ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๒๕๕๕. (หน้า
๒๒)

๕๘คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

เพ่ือใช้ประกอบในการพิจารณาโรงเรียนวิถีพุทธประกอบด้วย ข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน
และข้อมูลการดำเนินงานตามแนวทาง ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธแล้วทำการคัดเลือก
ตัวแทนโรงเรียนทัง้ หมดจำนวน ๑๐๐ โรงเรียน เพื่อนำมาศึกษาต่อไป

๒. จดั ทำสนทนากลุ่ม (Focus group) โดยนำโรงเรียนทั้งหมด จำนวน ๑๐๐ โรงเรียน ทีเ่ ป็น
ตั ว แ ท น ข อ ง โ ร ง เรี ย น วิ ถี พุ ท ธ ทั่ ว ป ร ะ เท ศ ม า ป ร ะ ชุ ม เชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร เพ่ื อ แ ล ก เป ล่ี ย น เรี ย น รู้
รับฟังปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะการดำเนินงานตามแนวทาง ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียน
วิถีพุทธเพื่อสังเคราะห์หาข้อสรุป แนวปฏิบัติของการพัฒ นาอัตลักษณ์ โรงเรียนวิถีพุทธ
ในข้ันตอนนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพโดยการแบ่งกลุ่มออกเป็น ๕ กลุ่ม ๆ ละ ๒๐ คน
แบ่งตามประเด็นพิจารณาได้แก่ ภูมิภาคที่ตั้ง ขนาดโรงเรียน ในเมืองกับชนบท โรงเรียนแกนนำ
กับไม่เป็นโรงเรยี นแกนนำ และโรงเรยี นทม่ี ีระดบั มากท่ีสดุ กับนอ้ ยทีส่ ดุ

๓. ทดลองใช้ในสภาพจริง นำแนวปฏิบัติไปทดลองใช้ในสภาพจริงกับโรงเรียนที่สมัครใจเพื่อ
ทดลองใช้จำนวน ๒๐ โรงเรียน จากตัวแทนจำนวน ๑๐๐ โรงเรียน ใชร้ ะยะเวลาทดลอง ๓ เดอื น

๔. ประเมินผลโดยคณะทำงานประเมินผล เพื่อตรวจสอบผลสำเร็จของการดำเนนิ งาน โดยใช้
กรอบแนวคิด CIPP model ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) ได้แก่ การประเมินสภาพแวดล้อม การ
ประเมินปัจจัยนำเข้า การประเมินกระบวนการ และการประเมินผลผลิตที่ได้ จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ได้แก่ ประชาชนในพ้ืนท่ี บุคลากรในโรงเรียน นกั เรยี น ส านักงานเขตพื้นท่ี

๕. สรุปผลการดำเนินงานและรายงาน สรุปผลและรายงานอัตลักษณ์โรงเรียนวิถีพุทธ การ
ประเมินผลความสำเร็จของโครงการต่อสำนักงานคณ ะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปปฏิบตั ิ

ซึ่งจากแนวทางการดำเนินการท่ีรับทราบร่วมกันต้ังแต่เร่ิมต้น คณ ะผู้ บริหาร ครู
และพระอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ร่วมกันวิเคราะห์ สังเคราะห์
แนวทางดำเนินการเดิมยกร่างเป็นแนวทางดำเนินการ ท่ีเป็นรูปธรรมอีกคร้ัง สอดคล้องกับ
ตัวช้ีวัดแนวทางการดำเนินงาน โรงเรียนวิถีพุทธ พ.ศ. ๒๕๔๘ แบ่งเป็น ๕ ด้าน รวม ๒๙ ประการ
และคณะยกรา่ งไดน้ ำร่างฯไปสอบถามความเหน็ ของผู้เกยี่ วข้องหลายคร้ัง

รวมท้ังผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เม่ือวันที่ ๑๘ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๓ จึงประกาศให้โรงเรียนวิถีพุทธทราบและเป็นแนวทาง ในการประเมินตนเองตั้งแต่ พ.ศ.
๒๕๕๓ เป็นต้นมา

แนวทางดำเนินการ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธทำให้โรงเรียนมีแนวทางการ
พฒั นาโรงเรียนท่เี ป็นรูปธรรมมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน และมหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยร่วมกันนำอัตลักษณ์ ๒๙ ประการสู่คว ามเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ
ไปเป็นตัวชี้วัดในการคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำมาอย่างต่อเน่ือง เพ่ือรับใบประกาศเกียรติคุณ
ยกย่องจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเพื่อให้การคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธ
ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นอย่างเรียบร้อย ได้โรงเรียนวถิ พี ุทธทมี่ ีคุณภาพจำนวน ๑๐๐ โรงเรยี นจากโรงเรยี น
วถิ พี ุทธทั้งหมด ๑๒,๑๖๒ โรงเรียนให้เป็นตัวอย่างแก่โรงเรียนอื่น ๆ ไดจ้ ึงเห็นควรจดั โครงการดังกลา่ ว
และพัฒนาอัตลักษณ์ ๒๙ ประการสู่ความเป็นโรงเรียนวถิ ีพุทธซึง่ อตั ลักษณท์ ้ัง ๒๙ ประการมี ดังนี้

๕๙คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

ดา้ นกายภาพ ด้านกิจกรรม ดา้ นการเรียนการ ด้านพฤติกรรม ดา้ นการส่งเสริม
ประจำวันพระ สอน นกั เรียน ครู วิถพี ุทธ
ผู้บริหารโรงเรียน

๑) มีปา้ ยโรงเรียนวิถี ๑) ใสเ่ สื้อขาวทุก ๑) บรหิ ารจิต เจริญ ๑) รักษาศีล ๕ ๑) ไม่มอี าหารขยะ

พทุ ธ คน ปัญญา กอ่ นเข้าเรียน ขายในโรงเรยี น

เชา้ -บา่ ย ท้งั ครู และ

นักเรียน

๒)มพี ระพทุ ธรปู ๒) ทำบุญใส่บาตร ๒) บรู ณาการวถิ พี ทุ ธ ๒) ยม้ิ งา่ ย ไหวส้ วย ๒) ไม่ดดุ ่า นักเรยี น

บรเิ วณหน้าโรงเรยี น ฟังเทศน์ ทุกกลมุ่ สาระและใน กราบงาม

วนั สำคัญทาง

พระพทุ ธศาสนา

๓) มีพระพทุ ธรปู ๓) รับประทาน ๓) ครู พานักเรยี นทำ ๓) ก่อนรบั ประทาน ๓) บรหิ ารจติ

ประจำห้องเรยี น อาหารมังสวริ ัติใน โครงงานคุณธรรม อาหารจะมกี าร เจริญปญั ญา ก่อน

มอื้ กลางวัน กจิ กรรมจติ อาสา พจิ ารณาอาหาร การประชุมทกุ ครงั้

สัปดาหล์ ะ ๑ ครัง้ รับประทานอาหารไม่

ดงั ไม่หก ไมเ่ หลอื

๔) มีพุทธศาสน ๔) สวดมนตแ์ ปล ๔) ครู ผบู้ ริหาร และ ๔) ประหยัด ออม ๔) ช่นื ชมคุณความ

สภุ าษติ วาทะธรรม นักเรียนทุกคน ไป ถนอมใชเ้ งนิ และ ดหี นา้ เสาธงทกุ วัน

พระราชดำรัสติด ปฏิบตั ศิ าสนกิจทีว่ ัด สง่ิ ของ

ตามทตี่ ่าง ๆ เดอื นละ ๑ ครัง้

มวี ดั เป็นแหลง่ เรียนรู้

๕) มคี วามสะอาด ๕) ครู ผบู้ ริหาร และ ๕) มนี สิ ยั ใฝร่ ู้ สสู้ ่งิ ๕) โฮมรมู เพ่อื

สงบ รม่ รืน่ นกั เรยี นทุกคน เข้า ยาก สะท้อนความรู้สึก

ค่ายปฏิบัตธิ รรมอย่าง เช่น ความรู้สกึ ทไี่ ด้

นอ้ ยปลี ะ ๑ คร้ัง ทำความดี

๖) มีหอ้ งพระพทุ ธ ๖) ครู ผบู้ รหิ าร

ศาสนาหรอื ลาน และนกั เรยี น มี

ธรรม สมุดบันทึกความดี

๗) ไม่มสี ง่ิ เสพติด ๗) ครู ผ้บู ริหาร

เหล้าบุหร่ีในโรงเรยี น และนกั เรียน สอบ

๑๐๐% ไดธ้ รรมะศึกษาตรี

เป็นอยา่ งน้อย

๘) มพี ระมาสอน

อยา่ งสม่ำเสมอ

ซง่ึ ท้ังหมดนส้ี ามารถสรุปไดเ้ ป็นแผนภมู ิเพื่อให้เป็นการจดจำไดง้ ่ายและนำไปติดไวใ้ นสถานศกึ ษาให้ผู้ที่

เกย่ี วขอ้ งและนักเรียนไดเ้ ข้าใจในแนวทางการไปสู่ความเปน็ โรงเรียนวิถีพุทธต่อไปดังน้ี

๖๐คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

แผนภูมิ ๒๙ ประการสคู่ วามเป็นโรงเรียนวิถีพทุ ธ
ทมี่ า: www.vitheebuddha.com/main.php?url=news_view&id=222&cat=F

จงึ เห็นสมควรทจ่ี ะมีการไดพ้ ัฒนาตนเองไปสู่ความเป็น อัตลักษณ์ ๒๙ ประการของการเป็น
โรงเรียนวิถีพุทธ และเพื่อให้เปน็ แนวทางการในพัฒนาให้เป็นโรงเรียนวิถีพุทธที่สมบูรณ์แบบ และเป็น
แนวทางตอ่ ๆ ไป ได้กำหนดให้ ๒๙ ประการสคู่ วามเป็นโรงเรยี นวิถีพุทธ เป็นแนวทางของการประเมิน
ถงึ ความเปน็ ไปไดใ้ นแตล่ ะด้าน

แนวทางดำเนินการ ๒๙ ประการสคู่ วามเป็นโรงเรยี นวิถีพุทธ ประกอบด้วย
๑. ด้านกายภาพ ๗ ประการ

๑.๑ มีปา้ ยโรงเรียนวถิ พี ทุ ธ
๑.๒ มีพระพุทธรปู หน้าโรงเรยี น
๑.๓ มีพระพุทธรปู ประจำหอ้ งเรยี น
๑.๔ มีพระพทุ ธศาสนสภุ าษติ วาทะธรรม พระราชดำรัสตดิ ตามที่ตา่ ง ๆ
๑.๕ มีความสะอาด สงบ ร่มรนื่
๑.๖มหี อ้ งพระพทุ ธศาสนาหรอื ลานธรรม
๑.๗ ไม่มสี ง่ิ เสพตดิ เหล้า บุหร่ี ๑๐๐ %

๖๑คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๒. ดา้ นการเรยี นการสอน ๕ ประการ
๒.๑ บริหารจติ เจรญิ ปัญญา ก่อนเข้าเรยี น เชา้ บา่ ย ทง้ั ครู และ นักเรียน
๒.๒ บูรณาการวิถีพทุ ธ ทกุ กลุ่มสาระ และในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
๒.๓ ครู พานักเรียนทำโครงงานคุณธรรม กิจกรรมจิตอาสาสัปดาห์ละ ๑ ครัง้
๒.๔ ครู ผู้บริหาร และ นักเรียน ทุกคน ไปปฏิบัติศาสนกิจท่ีวัดเดือนละ ๑ ครั้ง มีวัดเป็น

แหล่งเรยี นรู้
๒.๕ ครู ผ้บู รหิ าร และ นักเรียนทุกคน เข้าค่ายปฏบิ ตั ิธรรมอยา่ งน้อยปลี ะ ๑ ครงั้

๓. ด้านพฤติกรรม ครู ผู้บรหิ ารโรงเรยี นและนกั เรยี น ๕ ประการ
๓.๑ รกั ษาศลี ๕
๓.๒ ยิ้มงา่ ย ไหวส้ วย กราบงาม
๓.๓ ก่อนรับประทานอาหารจะมกี ารพิจารณาอาหารรบั ประทานอาหาร ไม่ดัง ไม่หก ไมเ่ หลอื
๓.๔ ประหยดั ออม ถนอมใช้ เงนิ และ สิง่ ของ
๓.๕ มีนสิ ยั ใฝ่รู้ สู้สงิ่ ยาก

๔. ด้านการส่งเสรมิ วถิ ีพุทธ ๘ ประการ
๔.๑ ไมม่ ีอาหารขยะขายในโรงเรียน
๔.๒ ไมด่ ุ ด่า นักเรยี น
๔.๓ ช่ืนชมคณุ ความดี หน้าเสาธงทกุ วัน
๔.๔ โฮมรูมเพ่อื สะทอ้ นความรูส้ กึ เชน่ ความรู้สกึ ท่ไี ดท้ ำความดี
๔.๕ ครู ผู้บริหาร และนกั เรียน มสี มดุ บนั ทกึ ความดี
๔.๖ ครู ผบู้ รหิ าร และนักเรยี น(ป.4 ขึน้ ไป) สอบไดธ้ รรมศึกษาตรีเป็นอยา่ งนอ้ ย
๔.๗ บริหารจติ เจรญิ ปัญญา กอ่ นการประชุมทกุ คร้งั
๔.๘ มีพระมาสอนอยา่ งสม่ำเสมอ

๕. ด้านกจิ กรรมประจำวนั พระ ๔ ประการ
๕.๑.ใส่เส้อื ขาวทุกคน
๕.๒.ทำบญุ ใส่บาตร ฟังเทศน์
๕.๓. รบั ประทานอาหารมังสวิรตั ใิ นม้ือกลางวัน
๕.๔ สวดมนตแ์ ปล

❖ การวิเคราะหล์ ักษณะของกิจกรรม คณุ ค่า ปญั หา/อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข

๑. ดา้ นกายภาพ ๗ ประการ

- มีป้ายโรงเรยี นวถิ ีพทุ ธ - มพี ระพทุ ธรปู หนา้ โรงเรียน

- มีพระพุทธรูปประจำห้องเรียน - มพี ระพทุ ธศาสนสุภาษติ วาทะธรรม พระราช

ดำรสั ติดตามที่ตา่ ง ๆ

- มคี วามสะอาด สงบ ร่มรื่น - มีหอ้ งพระพุทธศาสนาหรอื ลานธรรม

- ไมม่ สี ่งิ เสพติด เหลา้ บหุ รี่ ๑๐๐ %

๖๒คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

คุณค่าที่ได้รบั ได้คุณค่าด้านจิตใจ สะอาด สว่าง สงบ บรรยายภาพเอื้อต่อการเรียนการสอน
ของโรงเรียนวิถีพุทธ เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ มีองค์พระครองใจ ไว้สักการบูชา
เป็นหลักธรรมในการเตือนจิต สุขภาพกายและจิตดี ฝึกฝนด้วยภาวนา มีห้องท่ีเป็นสัดส่วน มีศีลห่าง
อบายมขุ ทำชวี ติ ให้ประณีต สนองแนวนโยบายของรัฐ สรา้ งวินัย สงั คมปลอดอบายมุข สิ่งเสพติด

ปัญหา/อุปสรรค งบประมาณมีไม่เพียงพอ พื้นท่ีมีจำนวนจำกัด บุคลากรไม่ให้ความให้ความ
รว่ มมอื

แนวทางการแก้ไข หางบสนับสนุน ปรับตามสภาพพ้ืนท่ี เช่น ห้องเรียน หน้าห้องเรียน
พฒั นาบคุ ลากร สรา้ งความเข้าใจใหก้ ับบคุ ลากร

๒. ด้านการเรยี นการสอน ๕ ประการ
- บรหิ ารจิต เจรญิ ปญั ญา กอ่ นเข้าเรียน เช้า บ่าย ท้ังครู และ นกั เรียน
- บูรณาการวถิ พี ทุ ธ ทกุ กลมุ่ สาระ และในวนั สำคัญทางพระพทุ ธศาสนา
- ครู พานักเรยี นทำโครงงานคุณธรรม กิจกรรมจิตอาสาสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
- ครู ผู้บริหาร และ นักเรยี น ทุกคน ไปปฏบิ ตั ิศาสนกจิ ท่ีวดั เดือนละ ๑ คร้งั มีวดั เป็นแหลง่ เรยี นรู้
- ครู ผู้บรหิ าร และ นกั เรยี นทกุ คน เขา้ ค่ายปฏิบัติธรรมอย่างนอ้ ยปีละ ๑ ครง้ั
คุณค่าท่ีได้รบั ได้ฝึกสมาธิ ฝกึ สติ ทำให้เกิดปัญญา สร้างวนิ ัย ซ่ึงจะนำไปสู่การมีจิตอาสาของ

นักเรียนต่อชุมชน ปลูกฝังนิสัยความมีน้ำใจและจิตสาธารณะ นักเรียนได้แสดงออกถงึ พฤติกรรมความ
รว่ มมอื กันในการช่วยเหลอื สงั คม

ปัญหา/อุปสรรค เวลาในการจัดกิจกรรมมีน้อย บุคลากรบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือ
ผู้อำนวยการบางคนไม่ให้ความสำคัญทางกิจกรรม นักเรียนขาดความสนใจ ขาดบุคคลผู้รับผิดชอบ
อย่างจริงจัง และขาดต้นแบบท่ีเป็นแบบอย่างท่ีถูกต้อง งบประมาณของโรงเรียน มีน้อย และมุ่งไป
พฒั นาดา้ นอนื่

แนวทางการแก้ไข สร้างความตระหนักให้บุคลากรครู ผู้บริหาร และนักเรียน เห็นคุณค่าถึง
ความสำคัญในการพฒั นา และจัดอบรมเพ่อื เพิม่ พนู ความรู้

๓. ดา้ นพฤติกรรม ครู ผู้บรหิ ารโรงเรยี น และนกั เรียน ๕ ประการ

- รกั ษาศีล ๕ - ยิ้มง่าย ไหว้สวย กราบงาม

- กอ่ นรบั ประทานอาหารจะมีการพิจารณาอาหารรับประทานอาหาร ไม่ดงั ไม่หก ไมเ่ หลือ

- ประหยัด ออม ถนอมใช้ เงิน และ ส่ิงของ - มนี ิสัยใฝ่รู้ สูส้ ่งิ ยาก

คุณค่าที่ได้รับ ทำชีวิตได้เป็นปกติสุข ไม่เบียดเบียนผู้อื่น สมาทานศีลหน้าเสาธง บูรณาการ
ครูประจำชั้นประเมินทุกวนั กอ่ นเลิกเรียน ย้ิมงา่ ย ไหว้สวย ทำให้น่ารักน่าชนื่ ชม รักษาวฒั นธรรม อ้นดี
งามของไทย การพิจารณาอาหาร ไม่ดัง ไม่หก ไม่เหลือ ทำให้รู้จักความพอประมาณ มีสติ กตัญญู ไม่
หลงในรส กลิ่น มีมารยาทในการรับประทานอาหาร การประหยัดอดออมถนอมใช้เงินและสิ่งของ ทำ
ให้รู้จักใช้จ่ายอย่างพอเพียง รู้คุณค่าของคนและสิ่งของรู้จักการวางแผนในการใช้จ่าย และมีนิสัย ใฝ่รู้
ส่สู ่ิงยาก ทำให้มีความขยนั อดทน มีความเพยี ร ความพยายาม มงุ่ มัน่ สู่ความสำเร็จ

๖๓คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

ปัญหา/อุปสรรค์ รักษาศีลไม่ครบทุกข้อ นักเรียนมาสาย ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงของโรงเรียน
ส่อื และเทคโนโลยไี ม่เพียงพอ และตอ้ งขอการสนบั สนนุ จากภายนอก

แนวทางการแก้ไข หาสอื่ ให้นักเรียนได้เรียนร้อู ย่างพอเพียง

๔. ด้านการส่งเสรมิ วิถพี ุทธ ๘ ประการ

- ไมม่ ีอาหารขยะขายในโรงเรียน - ไมด่ ุ ด่า นักเรยี น

- ชน่ื ชมคณุ ความดี หน้าเสาธงทกุ วัน - มีพระมาสอนอย่างสมำ่ เสมอ

- โฮมรูมเพื่อสะท้อนความรู้สกึ เช่นความรสู้ ึกที่ได้ทำความดี

- ครู ผบู้ ริหาร และนักเรียน มีสมุดบนั ทึกความดี

- ครู ผู้บริหาร และนกั เรียน สอบไดธ้ รรมศกึ ษาตรีเป็นอย่างนอ้ ย

- บรหิ ารจิต เจริญปัญญา กอ่ นการประชมุ ทุกครั้ง

คุณค่าที่ได้รับ ทำให้มีสุขภาพดี รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ มีการช่ืนชม

ความดีทำให้เกิดความปล้ืมใจในส่ิงท่ีได้ทำ พร้อมทั้งมีสมุดที่บันทึกความดีคอยย้ำเตือนให้ทำดี รู้

หลักธรรมคำสอนในพระพทุ ธศาสนา สามารถแก้ไขปญั หา

ปญั หา/อุปสรรค์ ขาดต้นแบบที่สามารถเปน็ แบบอย่างท่ถี ูกต้อง บุคลากรบางส่วนไม่ให้ความ

ร่วมมอื งบประมาณของโรงเรยี น มนี ้อย และมงุ่ ไปพฒั นาดา้ นอ่ืน

แนวทางการแก้ไข สร้างความตระหนักให้บุคลากรครู ผู้บริหาร และนักเรียน เห็นคุณค่าถึง

ความสำคญั ในการพฒั นาใหก้ ำลังใจในการทำความดี

๕. ดา้ นกิจกรรมประจำวนั พระ ๔ ประการ

- ใส่เสื้อขาวทกุ คน - ทำบญุ ใส่บาตร ฟงั เทศน์

- รับประทานอาหารมงั สวิรตั ิในม้ือกลางวัน - สวดมนต์แปล

คณุ ค่าท่ีได้รับ ใสเส้ือขาว เว้นจากการปรงุ แต่ง แสดงความร่วมใจ ใสบาตร ฟังเทศน์ เสียสละ

เอ้ือเฟ้ือ สร้างปัญญา ขัดเกลาจิตใจ สร้างเสริมปัญญา อาหารมังสวิรัติ รักษาศีล ความเมตตากรุณา

เวน้ จากการฆา่ สัตว์ สวดมนตแ์ ปล ฝกึ สมาธิ เขา้ ใจซง้ึ ในพระธรรมคำสอน

ปัญหา/อุปสรรค์ เส้ือขาว ผู้ปกครองซื้อเองให้งบประมาณโรงเรียน ความร่วมมือ สร้าง

ตระหนัก ประชาสมั พันธ์ ให้เหน็ ความสำคญั ของกิจกรรม อาหารมังสวิรตั ิ ให้ความรู้ สร้างกิจกรรม ให้

ตระหนักถึง ความสำคญั ของอาหารประกอบอาหารให้สสี ันและรสชาตินา่ รบั ประทาน

แนวทางการแกไ้ ข ขอความร่วมมอื จากภาคสว่ นอน่ื ๆ หาเสื้อนักเรียนให้เพียงพอ

๖๔คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

❖ แนวปฏิบตั ิท่ีดขี องอตั ลักษณ์ 29 ประการ

๑. มาตรฐานด้านกายภาพ

ตัวชี้วดั แนวปฏิบตั ทิ ่ีดี (หมายเลข คือเกณฑใ์ หค้ ะแนน)

๑. มปี า้ ยโรงเรียนวถิ พี ุทธ ๑. มีปา้ ยโรงเรยี นวิถีพทุ ธ ติดไว้ภายในหอ้ งใดห้องหนงึ่

คำนิยาม: ป้ายโรงเรียนวิถีพุทธ ๒. มีปา้ ยโรงเรยี นวิถีพทุ ธ ตดิ ไว้หนา้ อาคารใดอาคารหนงึ่

มลี ักษณะ ดังน้ี ๓. มปี า้ ยโรงเรยี นวถิ ีพทุ ธ ตดิ ไวห้ น้าบริเวณโรงเรยี น

(ขนาด ๑.๕ ม. x ๘๐ ซม.) ๔. มีป้ายโรงเรียนวิถีพุทธ ติดไว้หนา้ บริเวณโรงเรยี น เหน็ เดน่ ชัด

* ป้ายโรงเรยี นวิถีพทุ ธมีรายละเอยี ดในครบถว้ น ดังตัวอยา่ ง

๒. มพี ระพุทธรูปบริเวณหน้า ๑. มพี ระพทุ ธรูปบรเิ วณหน้าโรงเรียน
โรงเรยี น ๒. มพี ระพทุ ธรูปอยใู่ นซุ้มบริเวณหน้าโรงเรียน
๓. มพี ระพทุ ธรปู อยู่ในซมุ้ บริเวณหนา้ โรงเรียนและเครอื่ งบูชา
๔. มีพระพุทธรูปอยู่ในซุ้มบริเวณหน้าโรงเรียนมีเคร่ืองบูชาและให้นักเรียน
ไหวท้ กุ วัน

๓. มีพระพุทธรปู ประจำห้องเรียน ๑. มพี ระพุทธรปู หรือภาพพระพทุ ธรูปประจำห้องเรยี น
๒. มพี ระพทุ ธรปู ประจำห้องเรยี นอยู่ด้านหน้าในทที่ สี่ มควร
๓. มีพระพุทธรูปประจำห้องเรียนอยู่ด้านหน้าในท่ีที่สมควร และมีการทำ
ความสะอาด
๔. มีพระพุทธรูปประจำห้องเรียนอยู่ด้านหน้าในที่ท่ีสมควร มีการทำความ
สะอาดและมีการเคารพพระพทุ ธรปู เป็นประจำ

๔. มพี ระพุทธศาสนสภุ าษติ วาทะ ๑. มพี ทุ ธศาสนสภุ าษิต วาทะธรรม พระราชดำรัส ตดิ ตามที่ต่าง ๆ
ธรรม พระราชดำรสั ติดตามท่ีต่าง ๒. มีพุทธศาสนสุภาษิต วาทะธรรมพระราชดำรัส ติดตามท่ีต่าง ๆและมี
ๆ การปรับปรุงอยู่เสมอ

๓. มีพุทธศาสนสุภาษิต วาทะธรรมพระราชดำรัส ติดตามที่ต่าง ๆและมี
การปรับปรุง อยู่เสมอโดยนกั เรียนมสี ว่ นร่วมในการจดั ทำ
๔. มีพุทธศาสนสุภาษิต วาทะธรรมพระราชดำรัส ติดตามท่ีต่าง ๆและมี
การปรับปรงุ อยู่เสมอโดยนกั เรยี นมีส่วนรว่ มในการจดั ทำอยา่ งตอ่ เน่ือง

๕. มีความสะอาด สงบ รม่ รืน่ ๑. มคี วามสะอาด สงบ ร่มร่นื ในห้องเรยี นและบริเวณโรงเรยี น
๒. มีความสะอาด สงบ ร่มรื่นในห้องเรียน บรเิ วณโรงเรยี น
โดยดำเนินการอยา่ งต่อเนอ่ื ง
๓. มคี วามสะอาด สงบ ร่มรื่นในหอ้ งเรียน บรเิ วณโรงเรียน
โดยดำเนนิ การอย่างตอ่ เนอ่ื งและนักเรยี นมีส่วนรว่ ม
๔. มคี วามสะอาด สงบ รม่ ร่นื ในห้องเรียน บรเิ วณโรงเรยี น
โดยดำเนนิ การอย่างตอ่ เนื่องและนักเรยี นมสี ่วนรว่ มทกุ คน

๖๕คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๖. มีห้องพระพระพุทธศาสนา ๑. มีห้องพระพทุ ธศาสนา หรือลานธรรม

หรอื ลานธรรม ๒. มีหอ้ งพระพทุ ธศาสนา หรอื ลานธรรมและมตี ารางการใช้

๓. มีหอ้ งพระพทุ ธศาสนา หรือลานธรรมมตี ารางการใช้ มกี ารใช้จรงิ

๔. มหี ้องพระพุทธศาสนา หรือลานธรรมมตี ารางการใช้

มกี ารใชจ้ รงิ และนักเรียนมีสว่ นร่วมในการดูแลรักษา

๗. ไม่มีส่ิงเสพติด เหล้า บุหร่ี ๑. มีสิ่งเสพติด เหลา้ บหุ รี่ ในโรงเรียนระหวา่ ง๔๐ -๕๐ %
๑๐๐% ๒. มสี ิ่งเสพติด เหล้า บหุ ร่ี ในโรงเรียนระหวา่ ง๒๐ -๓๙ %

๓. มีสง่ิ เสพตดิ เหล้า บุหร่ี ในโรงเรียนระหว่าง๑๐ -๑๙ %
๔. ไม่มีสิ่งเสพตดิ เหล้า บหุ รี่ ในโรงเรียน ๑๐๐ %

๒. มาตรฐานด้านพฤตกิ รรม นกั เรยี น ครู ผูบ้ รหิ ารโรงเรียน

ตัวชีว้ ดั แนวปฏบิ ตั ิท่ดี ี(หมายเลข คือเกณฑ์ใหค้ ะแนน)

๘. รักษาศลี ๕ ๑. ผ้บู รหิ าร ครู นักเรียน ตำ่ กว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัติได้ ครบ๕ ข้อ
๒. ผู้บริหาร ครู นกั เรียน รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ไิ ด้ ครบ๕ ข้อ
๓. ผูบ้ ริหาร ครู นักเรียน ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิได้ ครบ๕ ขอ้
๔. ผ้บู รหิ าร ครู นักเรยี น ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติได้ ครบ๕ ข้อ

๙. ยม้ิ งา่ ย ไหวส้ วย กราบงาม ๑. นักเรียน ครูและผบู้ รหิ าร ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ
๒. นกั เรยี น ครูและผบู้ ริหาร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ
๓. นกั เรยี น ครแู ละผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ
๔.นักเรียน ครูและผู้บริหาร ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ตั ิ

๑๐. ก่อนรับประทานอาหารจะมี ๑. นักเรียน ครแู ละผู้บริหาร ต่ำกว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ
การพิจารณาอาหาร รับประทาน ๒. นักเรยี น ครแู ละผบู้ รหิ าร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ
อาหารไมด่ งั ไมห่ ก ไม่เหลือ ๓. นักเรยี น ครูและผบู้ รหิ าร ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ

๔. นักเรยี น ครแู ละผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๑๑. ประหยดั ออม ถนอมใช้ เงนิ ๑. นักเรยี น ครแู ละผ้บู ริหาร ต่ำกวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ

และสิ่งของ ๒. นักเรยี น ครูและผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ

๓. นกั เรยี น ครแู ละผู้บรหิ าร ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ

๔. นักเรยี น ครแู ละผู้บริหาร รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ตั ิ

๑๒. มีนสิ ัยใฝร่ ู้ สู้ส่งิ ยาก ๑. นักเรียน ครแู ละผบู้ รหิ าร ตำ่ กวา่ ร้อยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ
๒. นกั เรยี น ครแู ละผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ
๓. นักเรียน ครูและผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ
๔. นักเรยี น ครูและผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๖๖คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๓.มาตรฐานด้านกจิ กรรมประจำวันพระ

ตัวชว้ี ดั แนวปฏิบัติท่ดี ี(หมายเลข คือเกณฑใ์ ห้คะแนน)

๑. ใสเ่ สอื้ สขี าวทุกคน ๑. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรียน ต่ำกว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ
๒. ครู ผู้บรหิ าร นักเรยี น รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ
๓. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรยี น ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ
๔.ครู ผูบ้ รหิ าร นกั เรยี น ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๒. ทำบุญใส่บาตร ฟงั เทศน์ ๑. ครู ผูบ้ รหิ าร นักเรียน ต่ำกวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ
๒. ครู ผู้บริหาร นักเรยี น รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ
๓. ครู ผบู้ ริหาร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ
๔. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๓. รับประทานอาหารมังสวิรตั ในมือ้ ๑. ครู ผู้บรหิ าร นักเรยี น ต่ำกวา่ ร้อยละ ๕๐ ปฏิบัติ
กลางวนั ๒. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรียน รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ตั ิ
๓. ครู ผบู้ ริหาร นักเรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบตั ิ
๔. ครู ผบู้ ริหาร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ

๔.สวดมนตแ์ ปล ๑. ครู ผู้บรหิ าร นักเรยี น ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ
๒. ครู ผู้บริหาร นักเรยี น ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ตั ิ
๓. ครู ผบู้ ริหาร นกั เรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ
๔.ครู ผบู้ ริหาร นักเรยี น ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ

๔. มาตรฐานด้านการสง่ เสริมวถิ ีพทุ ธ

๑. ไมม่ ีอาหารขยะขายในโรงเรยี น ๑. ไมม่ ีอาหารขยะขายในโรงเรียนเปน็ บางวนั
๒. ไมม่ ีอาหารขยะขายในโรงเรยี นทุกวนั
๓. ไม่มีอาหารขยะขายในโรงเรยี นทกุ วนั แต่นกั เรียนนำมาเอง
๔. ไม่มอี าหารขยะขายในโรงเรยี นทกุ วนั และปลูกฝังให้นกั เรียนไม่ซื้อ
อาหารขยะนอกโรงเรียน

๒. ไม่ดดุ า่ นกั เรยี น ๑. ครู ผบู้ รหิ าร ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบัติ
๒. ครู ผู้บริหาร รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ
๓. ครู ผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ
๔. ครู ผู้บรหิ าร รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติ

๓. ช่ืนชมคุณความดหี น้าเสาธงทุกวัน ๑. ปฏิบตั ิ โดยไมเ่ ต็มใจ
๒. ปฏิบตั ิ โดยไม่เตม็ ใจและทำตามคำส่งั
๓. ปฏิบตั ิด้วยความเต็มใจ
๔. ปฏิบตั ิ ด้วยความเต็มใจ เหน็ คณุ ค่า และโนม้ น้าวใหน้ ักเรยี นทำ
ความดี

๖๗คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๔. โฮมรูมเพ่ือสะท้อนความรู้สึกเช่น ๑. ปฏบิ ตั ิ โดยไมเ่ ต็มใจ
ความรู้สึกที่ไดท้ ำความดี ๒. ปฏิบัตโิ ดยไมเ่ ต็มใจและทำตามคำสั่ง
๓. ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความเต็มใจ
๔. ปฏิบตั ิ ด้วยความเต็มใจ เหน็ คุณคา่ และโน้มน้าวใหน้ ักเรยี นดี

๕. ครู ผู้บริหาร และนักเรียน มสี มุด ๑. ครู ผบู้ รหิ าร นกั เรียน ต่ำกว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ
บันทกึ ความดี ๒. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรียน รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ
๓. ครู ผ้บู รหิ าร นักเรยี น รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ
๔. ครู ผู้บริหาร นักเรียน ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ตั ิ

๖. ครู ผู้บริหาร และนักเรยี นสอบได้ ๑. ครู ผบู้ ริหาร นักเรียน ตำ่ กว่ารอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบัติ
ธรรมะศกึ ษาตรเี ปน็ อยา่ งน้อย ๒. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรยี น รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏบิ ัติ
๓. ครู บรหิ าร นักเรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ
๔. ครู ผู้บริหาร นักเรียน ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๗. บริหารจติ เจริญปัญญา กอ่ นการ ๑. ครูและปฏบิ ตั ิ โดยไม่เต็มใจ
ประชุมทุกครั้ง ๒. ครูและปฏิบัติ โดยไมเ่ ต็มใจและทำตามคำสั่ง
๓. ครูและปฏิบตั ิ ด้วยความเต็มใจ
๔. ครแู ละปฏิบัติ ด้วยความเต็มใจและเห็นคณุ ค่า

๘. มพี ระมาสอนอย่างสมำ่ เสมอ ๑. นกั เรียนไดเ้ รียนกับพระ ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐
๒. นักเรยี นได้เรียนกับพระ รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ
๓. นกั เรยี นไดเ้ รียนกบั พระ ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ
๔. มีนักเรียนได้เรียนกับพระ ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๕.มาตรฐานการเรียนการสอน

๑. บริหารจติ เจรญิ ปญั ญา ก่อนเข้าเรียน ๑. นกั เรียน ตำ่ กวา่ ร้อยละ ๕๐ ปฏิบัติ

เช้า – บ่าย ท้งั ครู และนักเรียน ๒. ครูและนกั เรียน รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ

๓. ครูและนกั เรยี น รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ

๔. ครแู ละนกั เรียน รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

๒. บูรณาการวิถีพุทธทุกกลุ่มสาระและ ๑. มคี รู ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ปฏิบตั ิ

ในวนั สำคัญทางพทุ ธศาสนา ๒. มคี รู รอ้ ยละ ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ

๓. มีครู ร้อยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ

๔. มีครู รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบตั ิ

๓. ครูพานักเรียนทำโครงงานคุณธรรม ๑. มคี รู ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ปฏบิ ัติ
หรอื กจิ กรรมจติ อาสา สปั ดาห์ละ ๑ คร้ัง ๒. มคี รู รอ้ ยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบตั ิ

๓. มีครู รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏิบัติ
๔. มีครู ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ัติ

๖๘คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๔. ครู ผู้บริหาร และนักเรียนทุกคนไป ๑. ครู ผ้บู รหิ าร นกั เรยี น ตำ่ กวา่ ร้อยละ ๕๐ ปฏบิ ตั ิ

ปฏิบัติศาสนกิจที่วัดเดือนละ ๑ คร้ัง มี ๒. ครู ผู้บริหาร นักเรยี น ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ

วดั เป็นแหลง่ เรียนรู้ ๓. ครู ผบู้ ริหาร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ัติ

๔. ครู ผบู้ รหิ าร นกั เรยี น ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏบิ ตั ิ

๕. ครู ผู้บริหาร และนักเรียนทุกคนเข้า ๑. ครู ผบู้ ริหาร นกั เรยี น ตำ่ กว่าร้อยละ ๕๐ ปฏิบัติ
ค่ายปฏบิ ัติธรรมอย่างน้อยปลี ะ ๑ คร้ัง ๒. ครู ผู้บริหาร นักเรียน ร้อยละ ๕๐ -๖๙ ปฏิบัติ

๓. ครู ผบู้ รหิ าร นักเรียน รอ้ ยละ ๗๐ -๘๙ ปฏบิ ตั ิ
๔. ครู ผู้บรหิ าร นกั เรยี น รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ปฏิบัติ

2.โรงเรียนวิถพี ทุ ธชนั้ นำ (The Leading Buddhist Oriented School)

โรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำเป็นโรงเรียนวิถีพุทธท่ีมีผลงานดีเด่นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน จนเป็น
แบบอย่างได้ และมีการดำเนินการตามมาตรฐานและ ตัวช้ีวัดของอัตลักษณ์ ๒๙ ประการในโรงเรียน
วิถีพุทธ อย่างชัดเจนอย่างเป็นเป็นประจักษ์ และมีกิจกรรมหรือโครงการที่เด่นชัดเชิงประจักษ์ ด้วย
กระบวนการกัลยาณมิตร

❖ คุณสมบัติและตัวชว้ี ดั โรงเรียนวิถพี ทุ ธช้ันนำ
๑) ไดส้ มคั รลงทะเบยี นในระบบเว็บไซต์
๒) มกี ารดำเนนิ การตามตวั ชีว้ ดั อัตลกั ษณ์วถิ ีพทุ ธครบทง้ั ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗
ประการ) และประเมินตนเองตามอัตลักษณ์วิถพี ุทธในระบบ ระยะ ๙ เดอื นและ ๑๒
เดือน อย่างต่อเนื่อง ไมน่ อ้ ยดว่า ๒ ปตี ่อเนื่อง
๓) มีกิจวัตรประจำวนั ประจำสัปดาหด์ ้านวถิ ีพุทธ และกจิ กรรมวันสำคัญทาง
พระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ จนเปน็ วิถีชวี ติ
๔) มโี ครงการวถิ ีพทุ ธในแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษา
๕) มกี ารดำเนนิ กจิ กรรม/โครงการเดน่ ด้านวิถีพุทธ อยา่ งเป็นรูปธรรม ต่อเนอื่ งกนั อย่าง
นอ้ ย ๒ ปี และสง่ ผลดีตอ่ ครู บคุ ลากรและผเู้ รยี น
๖) มกี ารบรู ณาการวิถีพุทธสู่การเรียนการสอนรวมท้งั มแี ผนการจดั การเรยี นรู้ทบ่ี รู ณา
การวถิ ีพุทธทุกกลุ่มสาระ
๗) มีการอบรมพฒั นาผู้บรหิ าร ครุ บุคลากร ในด้านวิถีพุทธและการปฏิบัติธรรม
ตอ่ เน่ือง ไม่น้อยกว่า ๓ ปี
๘) มกี ารอบรมพฒั นาผูเ้ รยี นในด้านวิถีพุทธและปฏบิ ตั ิธรรมต่อเนื่อง ไม่นอ้ ยกว่า ๓ ปี

❖ โรงเรียนท่ีมีสิทธิ์สมัครรบั การคดั เลือกโรงเรียนวถิ พี ุทธช้ันนำ (ต้องมีทุกข้อ)
๑ . ส มั ค รเข้ าร่วม โค รงก ารโรงเรีย น วิถี พุ ท ธ แ ล ะล งท ะเบี ย น เว็บ ไซ ต์

www.vitheebuddha.com ไมน่ ้อยกวา่ 3 ปี
๒ . มี ผ ล ก ารป ระเมิ น ต น เอ งต าม อั ต ลั ก ษ ณ์ ๒ ๙ ป ระก าร ใน เว็บ ไซ ต์

www.vitheebuddha.com ตอ่ เนือ่ งกัน อย่างนอ้ ย 2 ปี ไดผ้ ลการประเมินโดยรวมระดับดี ขน้ึ ไป

๖๙คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๓. ผู้บริหาร และคณะครู อาจารย์ มีความใส่ใจในการดำเนินงานโครงการโรงเรียน
วถิ พี ุทธ

๔. ไม่เคยไดร้ ับประกาศยกยอ่ งเป็นโรงเรียนวถิ พี ุทธช้ันนำมาก่อน
เอกสารท่โี รงเรยี นตอ้ งส่งประกอบการสมคั ร

๑.เขียนรายงาน กิจกรรม/ผลงานดีเด่น ของสถานศึกษาด้านท่ีเก่ียวกับโรงเรียนวิถี
พุทธ ปีการศึกษาท่ีจะสมัคร

๒.เขียนอธิบายโดยรวม ไม่ควรเกิน ๕ กิจกรรม/โครงงาน พร้อมภาพ เอกสาร
ประกอบอน่ื ๆ จำนวน ไม่เกนิ 15 หนา้ กระดาษ เอ ๔ ไม่ต้องมภี าคผนวก

๓.แผนการสอนบูรณาการวิถีพุทธ ในสาระวิชา 8 กลุ่มสาระๆละ ๑ คาบ ระดับช้ัน
ใด สาระย่อยเรื่องใดก็ได้ ( ไม่เกิน ๓ หน้า ) ท่ีแสดงให้เห็นวิธีจัดการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมการพัฒนาทักษะ
ศตวรรษท่ี ๒๑และวิถีพุทธ (หากโรงเรียนผ่านการพิจารณารอบแรก จะมีคณะไปเย่ียมและขอชมการ
จัดการเรียนรู้แผนนี)้

๔ .แ น บ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร ป ร ะ เมิ น ต น เอ งข อ งโร งเรี ย น จ า ก เว็ ป ไซ ด์
www.vitheebuddha.com โดยส่งั พมิ พจ์ ากระบบเวบไซต์วถิ ีพทุ ธ

๓.โรงเรยี นวิถีพุทธพระราชทาน (The royal award Buddhist Oriented School)

การมีโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน เนื่องจากโรงเรียนวิถีพุทธท่ัวไปได้พัฒนาจนได้รับการยก
ย่องเป็นโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำและได้มีการดำเนินกิจกรรมภายในโรงเรียนจนเป็นตัวอย่างแก่ชุมชน
ตามหลักไตรสิกขา และเป็นแบบอย่างในการพัฒนาโรงเรียนตามแนวโรงเรียนวิถีพุทธจนเป็นรูปธรรม
มี“นวัตตกรรม”ชัดเจน ในเชิงประจักษ์แก่โรงเรียนต่าง ๆ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
และสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน จงึ เห็นสมควรยกยอ่ งโรงเรยี นวิถีพทุ ธช้ันนำนี้ ไปอีก
ระดับหนึ่งให้ได้รับรางวัลระดับสูงสุด คือ โรงเรียนวิถีพุทธพระราชทานจากสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติโรงเรียนวิถีพุทธให้เป็น
สถานศึกษาต้นแบบด้านคุณธรรมจริยธรรมท่ีมีคุณค่าจึงได้กำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกโรงเรียนวิถี
พทุ ธพระราชทานและจกั ได้มอบหมายคณะกรรมการตรวจคดั เลอื กประเมินเชงิ ประจักษ์ต่อไป

❖ กระบวนการคัดเลอื กโรงเรียนวถิ ีพุทธพระราชทาน
๑) คณุ สมบตั ขิ องโรงเรยี นวถิ ีพุทธพระราชทาน

๑) ได้สมัครลงทะเบียนในระบบเวบ็ ไซต์
๒) มีการดำเนินการตามตวั ช้วี ัดอตั ลกั ษณ์วิถีพทุ ธครบทั้ง ๒๙ ประการ (อาชวี ะ ๓๗

ประการ) และประเมนิ ตนเองตามอัตลักษณว์ ิถีพุทธในระบบ ระยะ ๙ เดอื นและ ๑๒
เดือน อย่างตอ่ เน่ือง ไมน่ อ้ ยดว่า ๔ ปตี ่อเน่อื ง
๓) ไดร้ บั การคัดเลอื กเปน็ สถานศึกษาวถิ ีพทุ ธชั้นนำมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๒ ปี
๔) ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามตามมาตรฐาน ๕ ด้าน ตัวชวี้ ดั ๕๔ ประการของสถานศึกษาวิถี
พทุ ธพระราชทาน มเี อกสารรวบรวมไว้ และมีผลเป็นรูปธรรม

๗๐คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

๕) มีแผนยุทธศาสตร์ สถานศึกษาวิถพี ทุ ธ ระยะ ๕ ปี และแผนปฏบิ ติการสถานศึกษา
วิถพี ทุ ธประจำปี(ซึ่งอาจเปน็ ฉบบั เดียวกับแผนยทุ ธศาสตร์สถานศึกษา)

๖) มนี วตั กรรมวถิ ีพุทธ ด้านปัจจัยนำเขา้ ที่ได้ผล เปน็ รปู ธรรมชัดเจน
๗) มีนวตั กรรมวิถพี ุทธ ดา้ นกระบวนการทีไ่ ด้ผล เป็นรูปธรรมชัดเจน
๘) มีแผนพัฒนาเครอื ข่ายวิถีพุทธและมีการดำเนินการจนได้ผลดี
๙) ผ้บู ริหาร ครู บุคลากรทุกคน ประกอบศาสนพธิ พี นื้ ฐานได้ สวดมนต์ทำวัตรแปลได้

และปฏบิ ตั ิธรรมได้ถกู ต้อง
๑๐) นักเรยี น นักศึกษา ตง้ั แต่ ป.๔ ขน้ึ ไป ทุกคนสามารถประกอบศาสนพธิ ีพ้ืนฐานได้
สวดมนต์ทำวตั รแปลได้ และปฏบิ ตั ธิ รรมได้ถูกต้อง
๑๑) นกั เรยี น นกั ศึกษาแกนนำ สามรถนำประกอบศาสนพิธี เปน็ ศาสนพธิ กี รและ
วทิ ยากรคุณธรรมได้
❖ ข้ันตอนการสมคั ร
๒.๑ ดาวนโ์ หลดใบสมคั รทเี่ วบ็ ไซต์โรงเรยี นวถิ ีพุทธ www.vitheebuddha.com ในหวั ข้อ
“โรงเรียนวิถพี ทุ ธพระราชทาน” แล้วกรอกใบสมัครตามแบบฟอรม์ ท่กี ำหนด
๒.๒แนบเอกสารหลักฐานมาพร้อมใบสมัครโดยดาวน์โหลดจากเว็บไซต์โรงเรียนวิถีพุทธ
www.vitheebuddha.com ในหวั ข้อ “โรงเรยี นวถิ พี ทุ ธพระราชทาน” ซึ่งมีรายละเอียดดังน้ี
๒.๒.๑ แบบรายงานผลการประเมินโรงเรียนตามอัตลักษณ์โรงเรียนวิถีพุทธ ๒๙ ประการสู่
ความเป็นโรงเรียนวิถีพุทธท่ีได้ประเมินตนเองแล้วในช่วงปี โดยปริ้นท์จากเว็บไซต์โรงเรียนวิถีพุทธ
พร้อมรบั รองสำเนาถกู ต้อง
๒.๒.๒ แบบรายงานผลการประเมนิ โรงเรียนวถิ ีพุทธพระราชทาน ๕๔ ตวั ชว้ี ดั ตามแบบฟอร์ม
ทีก่ ำหนด(ดาวโหลดจากเว็บไซดโ์ รงเรียนวิถพี ุทธ)
๒.๒.๓ ตัวอย่างแผนการสอน สาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีบูรณาการวิถีพุทธสู่สาระการเรียนรู้ท่ี
สามารถใช้จริง และประเมินได้ มา ๒ แผนการสอน (โรงเรียนใดผ่านการคัดเลือกรอบแรก ทางผู้ตรวจ
เยยี่ มจะไปดูแผนการสอนทีส่ ง่ มาน้ี ๑ แผน)
๒.๒.๔ รายงาน นวัตกรรม ทมี่ ีจดุ เด่นในการพัฒนาโรงเรียนส่คู วามเปน็ วถิ พี ุทธเปน็ ท่ีประจกั ษ์
❖ รายละเอยี ดการเขียนวัตกรรม ดังน้ี
๑. ให้เขยี นรายงานนวัตกรรม/โครงการ/กิจกรรมท่ไี ด้ดำเนนิ การในชว่ งปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ท่ีมี
จุดเดน่ ในการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมตามตวั ช้ีวัดการดำเนินงานโรงเรียนวถิ ีพุทธพระราชทานจำนวน
๒ นวัตกรรม/โครงการ/กิจกรรม ดังนี้ (ข้อบ่งชี้คุณภาพ ๕๔ ข้อ จากตัวช้ีวัดโรงเรียนวิถีพุทธ
พระราชทาน)
๑.๑ นวัตกรรม ที่มีความสอดคล้องส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตามตัวชี้วัด ด้านปัจจัย
นำเข้า (Input) จำนวน ๑ นวตั กรรม ตามข้อบ่งช้ีคณุ ภาพข้อใดขอ้ หนึง่ หรือหลายข้อ
๑.๒ นวัตกรรม ท่ีมีความสอดคล้องส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตามตัวชี้วัด ด้าน
กระบวนการ (Process) จำนวน ๑ นวัตกรรม/โครงการ/กิจกรรม ตามข้อบ่งชีค้ ุณภาพข้อใดข้อหนึ่ง
หรือหลายขอ้

๗๑คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ

2. ความยาวรวมแต่ละนวัตกรรม ไม่เกิน ๑0 หน้ากระดาษ A4 (รวมรูปภาพและเอกสาร
หลักฐานประกอบ) โดยแยกเป็น ๒ เล่ม โดยแสดง Model กระบวนการคิดท่ีชัดเจน และมีการบูรณา
การสู่พุทธธรรมได้

3. หัวข้อในการเขยี นรายงาน
๑) ชื่อนวตั กรรม
๒) ทม่ี าและความสำคัญ/สอดคลอ้ งกบั ตบช.ใด
๓) วตั ถุประสงค์
๔) ภาพ Model 1 หนา้
๕) อธบิ ายข้ันตอนและกระบวนการดำเนนิ งาน
๖) หลกั ธรรมทใ่ี ช้ในโครงการ
๗) ผลการดำเนินงาน
๘) ประโยชน์และการเผยแพรน่ วัตกรรม
๑๐) แนวทางการพฒั นาต่อยอดนวตั กรรม

คู่มอื มาตรฐานการดำเนนิ งานโรงเรีย
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษา

กระทรวงศึกษาธิการได้สนับสนุนให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณธ

วิถีพุทธ พร้อมท้ังจัดทำเอกสารแนวทางการดำเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธ เพ่ือเป็น

โดยกำหนดตวั ช้ีวัดการดำเนนิ งานโรงเรียนวิถีพทุ ธไว้อยา่ งชัดเจน ซ่ึงไดผ้ า่ นการพิจ

๑. ดา้ นปัจจยั นาเขา้ ๒. ดา้

๓. ดา้ นผลผลิต ๔. ดา้ น

เอกสารตัวช้ีวัดฉบับน้ีจะเป็นเครื่องมือท่ีช่วยให้ผู้บริหารโรงเรียน

โรงเรยี นวิถพี ุทธไดช้ ัดเจนและมปี ระสิทธภิ าพเพมิ่ ขนึ้

มาตรฐานที่ ๑ ดา้ นปจั จัยนำเข้า (Input)

องคป์ ระกอบหลักที่ ๑.๑ บุคลากรมีคุณลกั ษณะท่ดี ี

องคป์ ระกอบยอ่ ย ๑.๑.๑ ผู้บรหิ าร

องคป์ ระกอบตัวชี้วดั

ตัวชีว้ ัดที่ ๑.๑.๑.๒ มี ๔ หมายถึง ผบู้ รหิ ารมพี รหมวิหารธรรมประจำใจ เมต
พรหมวิหารธรรมประจำใจ ประสบความสำเร็จท้งั ในและนอกองคก์ ร มีจติ ใจเป็นก

๓ หมายถึง ผู้บริหารมีพรหมวิหารธรรมประจำใจ เมต
นอกองคก์ าร มีจติ ใจเปน็ กลาง และมีความยตุ ธิ รรมใน
๒ หมายถึง ผู้บรหิ ารมีพรหมวิหารธรรมประจำใจ เม
มจี ิตใจเป็นกลาง และมคี วามยตุ ิธรรมในการบริหารจดั ก
๑ หมายถึง ผบู้ รหิ ารมพี รหมวหิ ารธรรมประจำใจ เมต

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๒

ยนวถิ พี ทุ ธพระราชทาน พ.ศ.๒๕๕๘
าขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

ธรรมควบคู่กบั การพัฒนาทกุ ด้านอย่างองค์รวม โดยมีการส่งเสริมโครงการโรงเรียน
นเครื่องมือในการนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงา นโรงเรียนวิถีพุทธ
จารณาจากผู้ทรงคณุ วุฒิหลายคณะแล้ว ตวั ชว้ี ดั จะประกอบด้วย ๔ มาตรฐาน คอื
านกระบวนการ
นผลกระทบ
นและครู สามารถตรวจสอบ ทบทวนและประเมินผลการดำเนินงานการพัฒนา

ข้อบ่งช้คี ุณภาพ
ตตา กรณุ าต่อนักเรยี น ครู ผปู้ กครองและผทู้ ี่มาตดิ ต่อหรอื ผู้รบั บริการ มคี วามยินดีต่อผู้ท่ี
กลาง และมคี วามยุติธรรมในการบรหิ ารจดั การศึกษาทคี่ รอบคลุมอย่างสมำ่ เสมอ
ตตา กรุณาต่อนักเรียน ครู ผู้ปกครอง มีความยินดีต่อผู้ที่ประสบความสำเร็จท้ังในและ
นการบรหิ ารจดั การศึกษาทค่ี รอบคลุมอย่างสมำ่ เสมอ
มตตา กรุณาต่อนักเรียน ครู มีความยินดีต่อผู้ที่ประสบความสำเร็จท้ังในและนอกองค์การ
การศึกษาท่คี รอบคลุมอย่างสม่ำเสมอ
ตตา กรณุ าต่อนกั เรียน มีความยินดตี อ่ ผ้ทู ่ีประสบความยุตธิ รรมในการบริหารท่ีครอบคลมุ

องค์ประกอบตัวชี้วดั

ตัวชว้ี ดั ที่ ๑.๑.๑.๓ มีความ ๔ หมายถึง ผู้บริหารมีความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง ต่อหน้า
ซื่อสัตย์ จรงิ ใจใน การ ประโยชน์สว่ นรวม ด้วยความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้อยา่ ง
ทำงาน ๓ หมายถึง ผู้บริหารมีความซ่ือสตั ย์ตนเอง ต่อหนา้ ท่ี

เพ่อื ประโยชนส์ ว่ นรวม ดว้ ยความโปร่งใส ตรวจสอบไดอ้
๒ หมายถึง ผู้บริหารมีความซ่อื สัตยต์ ่อตนเอง ตอ่ หนา้
ส่วนรวม ดว้ ยความโปรง่ ใส ตรวจสอบไดอ้ ยา่ งนอ้ ย ๒ ป
๑ หมายถึง ผู้บริหารมีความซ่ือสัตย์ ต่อตนเอง ต่อหน
สว่ นรวม ดว้ ยความโปร่งใส ตรวจสอบได้อย่างนอ้ ย ๑ ป

ตัวช้วี ัดที่ ๑.๑.๑.๔ มคี วาม ๔ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธิบ

เข้าใจท่ีถูกต้องในพระ เช่ือมนั่ ในหลกั พระพทุ ธศาสนาซง่ึ เป็นแนวทางในการพฒั

รตั นตรัย นบั ถือและศรทั ธา ๓ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธิบ

ในพระพุทธศาสนา เชอ่ื ม่นั ในหลกั พระพทุ ธศาสนาซ่ึงเปน็ แนวทางในการพัฒ

๒ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ ความเข้าใจสามารถอธิบ

เชื่อมนั่ ในหลกั พระพุทธศาสนาซงึ่ เป็นแนวทางในการพฒั

๑ หมายถึง ผูบ้ รหิ ารมคี วามรู้ ความเขา้ ใจสามารถอธบิ

องคป์ ระกอบยอ่ ยท่ี ๑.๑.๒ ครู

ตวั ชีว้ ดั ที่ ๑.๑.๒.๑ มีวิถี ๔ หมายถึง ครูมีวิถีชีวิตสอดคล้องกับหลักพุทธธรร

ชวี ติ ท่สี อดคลอ้ งกบั หลกั อบายมุข มจี ิตใจท่ีดงี าม สามารถเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ีแก

พุทธธรรม (ลด ละ เลิก ๓ หมายถงึ ครมู วี ิถชี ีวติ ท่สี อดคลอ้ งกับหลกั พทุ ธธรรม

อบายมุข) มศี ีลธรรม และ ๒ หมายถึง ครูมีวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับหลักพุทธธรรม

ปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอย่างท่ดี ี หรือเดอื นเกิดของตนเอง

๑ หมายถึง ครูมีวิถชี ีวิตทส่ี อดคลอ้ งกบั หลกั พุทธธรรม

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๓

ขอ้ บ่งชี้คุณภาพ
าที่ มีความจริงใจในการทำงานทุกกิจกรรม กำหนดเป้าหมาย ในการพัฒนางานเพ่ื อ
งตอ่ เน่ืองมากวา่ ๓ ปีการศึกษา
มีความจริงใจทำงานทุกกิจกรรม ตามขอบข่ายหน้าท่ี กำหนดเป้าหมายในการพัฒนางาน
อยา่ งน้อย ๓ ปกี ารศึกษา
าท่ี มคี วามจรงิ ใจในการทำงานทุกกิจกรรม มีเปา้ หมายในการพฒั นางาน เพ่ือประโยชน์
ปกี ารศึกษา
น้าท่ี มีความจริงใจในการทำงานทุกกิจกกรม มีเป้าหมายในการพัฒนางาน เพ่ือประโยชน์
ปกี ารศกึ ษา
บายและแสดงออกถึงความศรัทธาในพระรัตนตรัย ประโยชน์ของคุณงาม ความดี ความ
ฒนาชวี ิตท่ีดี ให้กบั ครู นกั เรยี น ผปู้ กครองและบคุ คลในชมุ ชน ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง
บายและแสดงออกถึงความศรัทธาในพระรัตนตรัย ประโยชน์ของคุณงาม ความดี ความ
ฒนาชวี ิตทด่ี ี ใหก้ ับครู นกั เรียน ผู้ปกครอง อย่างต่อเน่อื ง
บายและแสดงออกถึงความศรัทธาในพระรัตนตรัย ประโยชน์ของคุณงาม ความดี ความ
ฒนาชวี ิตทด่ี ี ใหก้ ับครู นกั เรียน อยา่ งต่อเนอื่ ง
บายและแสดงออกถงึ ความศรทั ธานพระรตั นตรัย ประโยชน์ของคุณงาม

รม มีการปฏิบัติตนตามศีล ๕ ได้ครบถ้วนทุกข้อ อย่างสม่ำเสมอตลอดปี ลด ละเลิก
ก่ผู้อืน่ ได้
มีการปฏิบตั ติ นตามศีล ๕ ขอ้ ตดิ ต่อกัน อย่างนอ้ ย ๓ เดือน และมจี ติ ใจทด่ี ีงาม
ม มีการปฏิบัติตนตามศีล ๕ ได้ครบถ้วน ในโอกาสต่างๆ เช่น ทุกๆวันพระ หรือ ทุกๆวัน

ม มกี ารปฏิบตั ิตนตามศีล ๕ ได้ครบถ้วน เปน็ บางคร้งั บางโอกาสแล้วแต่ความพอใจ

องคป์ ระกอบตัวช้ีวดั ๔ หมายถงึ ครรู ้อยละ ๙๐ -๑๐๐ มีพรหมวิหารธรรม
ตวั ชีว้ ัดท่ี ๑.๑.๒.๒ มี ยินดีต่อผู้ที่ประสบความสำเร็จท้ังในและนอกองค์กร
พรหมวิหารธรรม มคี วาม สมาธิ ปัญญาอยา่ งสม่ำเสมอ
เป็นกัลยาณมิตรมงุ่ พัฒนา ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐ – ๘๙ มีพรหมวิหารธรรม
ใหผ้ เู้ รยี นเกิดความเจริญ ยินดีต่อผู้ท่ีประสบความสำเร็จท้ังในและนอกองค์กร ม
งอกงามตามหลักไตรสิกขา สมาธิ ปญั ญา อย่างสมำ่ เสมอ
๒ หมายถึง ครรู ้อยละ ๗๐ – ๗๙ มีพรหมวิหารธรรมป
ตวั ช้ีวัดท่ี ๑.๑.๒.๓ รู้ มีความยินดีต่อผู้ทป่ี ระสบความสำเรจ็ ทั้งในและนอกอง
เขา้ ใจ หลักการพัฒนา ศีล สมาธิ ปญั ญา อย่างสม่ำเสมอ
ผ้เู รียนตามหลักไตรสิกขา ๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐ – ๖๙ มีพรหมวิหารธรรมป
มคี วามยินดีตอ่ ผู้ท่ีประสบความสำเร็จท้ังในและนอกอง
ศีล สมาธิ ปญั ญา อยา่ งสม่ำเสมอ

๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐ -๑๐๐ มีความรู้ ความเข้าใ
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
๓ หมายถงึ ครูร้อยละ ๘๐ – ๘๙ มีความรู้ ความเขา้ ใ
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
๒ หมายถึง ครูรอ้ ยละ ๗๐ – ๗๙ มีความรู้ ความเข้าใ
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
๑ หมายถงึ ครูรอ้ ยละ ๖๐ – ๖๙ มีความรู้ ความเขา้ ใ
ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๔

ขอ้ บ่งชี้คณุ ภาพ
ม เมตตา กรณุ าต่อนักเรียน เพ่ือนครู ผู้ปกครองและผู้ท่ีมาติดต่อหรอื ผู้รับบรกิ าร มีความ
มีจิตใจเป็นกลาง และ มีความยุติธรรมในการอบรม พัฒนานักเรียนให้ครอบคลุมท้ัง ศีล

เมตตา กรุณาต่อนักเรียน เพื่อนครู ผู้ปกครองและผู้ท่ีมาติดต่อหรือผู้รับบริการ มีความ
มีจิตใจเป็นกลาง และ มีความยุติธรรมในการอบรม พัฒนานักเรียนให้ครอบคลุมทั้ง ศีล

ประจำใจ เมตตา กรุณาตอ่ นักเรียน เพ่ือนครู ผู้ปกครองและผู้ทม่ี าติดต่อหรือผู้รบั บรกิ าร
งคก์ ร มีจติ ใจเป็นกลาง และมีความยุติธรรมในการอบรม พัฒนานักเรียนใหค้ รอบคลุมท้ัง

ประจำใจ เมตตา กรุณาตอ่ นักเรยี น เพื่อนครู ผ้ปู กครองและผู้ท่ีมาตดิ ต่อหรือผู้รับบรกิ าร
งค์กร มีจติ ใจเป็นกลาง และมีความยุติธรรมในการอบรม พฒั นานักเรียนใหค้ รอบคลุมท้ัง

ใจในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื พัฒนานักเรียนได้ครอบคลุม ศีล สมาธิ ปัญญา

ใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนานักเรยี นได้ครอบคลุม ศีล สมาธิ ปญั ญา

ใจในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน เพ่ือพัฒนานักเรียนได้ครอบคลมุ ศีล สมาธิ ปัญญา

ใจในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื พัฒนานกั เรียนได้ครอบคลุม ศีล สมาธิ ปัญญา

องคป์ ระกอบหลกั ที่ ๑.๒ การบริหารจัดการดำเนินการอย่างมีระบบ

องค์ประกอบยอ่ ยท่ี ๑.๒.๑ ระบบบรหิ าร

องคป์ ระกอบตัวช้ีวัด

ตวั ช้วี ัดที่ ๑.๒.๑.๑ มี ๔ หมายถึง โรงเรียนมีการกำหนดวิสัยทัศน์ ปรัชญา

วสิ ัยทัศน์หรอื ปรัชญา พันธ จริยธรรม เพ่ือนำมาใช้เป็นแนวทางพัฒนาโรงเรียนวิถ

กิจ เปา้ หมาย ธรรมนญู หรอื มากกวา่ ๓ ปกี ารศึกษา

แผนกลยทุ ธท์ ม่ี ีจุดเน้นใน ๓ หมายถึง โรงเรียนมีการกำหนดวิสัยทัศน์ ปรัชญา

การพฒั นาโรงเรยี นวิถีพุทธ จริยธรรม เพ่ือใช้เป็นแนวทางพัฒนาโรงเรียนวิถีพุทธได

๓ ปกี ารศกึ ษา

๒ หมายถึง โรงเรียนมีการกำหนดวิสัยทัศน์ ปรัชญา

จรยิ ธรรม เพอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทางพฒั นาโรงเรียนวิถพี ุทธได

๒ ปีการศึกษา

๑ หมายถึง โรงเรียนมกี ารกำหนดวสิ ัยทัศน์ ปรัชญา พ

จริยธรรม เพ่ือใช้เป็นแนวทางพัฒนาโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธได

๑ ปีการศกึ ษา

ตัวชี้วดั ที่ ๑.๒.๑.๒ แตง่ ต้งั ๔ หมายถึง โรงเรียนมีการแต่งตั้งคณะกรรมการทป่ี รึก

คณะกรรมการทป่ี รึกษา หรอื ชมุ ชน พระสงฆแ์ ละบุคลากรในโรงเรยี น โดยผเู้ กี่ยว

หรอื คณะกรรมการ ๓ หมายถึง โรงเรียนมีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึก

ดำเนนิ งานโรงเรียนวถิ ีพุทธ หรือชุมชน พระสงฆแ์ ละบคุ ลากรในโรงเรียน โดยผู้เก่ียว

และบริหาร การดำเนนิ งาน ๒ หมายถึง โรงเรียนมีการแตง่ ต้ังคณะกรรมการทป่ี รึก

อย่างต่อเนือ่ งโดย หรือชมุ ชน พระสงฆ์และบุคลากรในโรงเรียน โดยผู้เก่ยี ว

ผู้เก่ียวข้องทกุ ฝา่ ย (บ ว ร) ๑ หมายถึง โรงเรียนมีการแต่งตงั้ คณะกรรมการท่ีปรกึ

มสี ว่ นรวม หรอื ชุมชน พระสงฆแ์ ละบุคลากรในโรงเรยี น โดยผู้เกีย่ ว

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๕

ข้อบ่งชีค้ ณุ ภาพ
พันธกิจ เป้าหมาย ธรรมนูญหรือแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเก่ียวกับคุณธรรม
ถีพุทธได้ ครอบคลุม อย่างชัดเจน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกส่วนที่เก่ียวข้อ ง

พันธกิจ เป้าหมาย ธรรมนูญหรือแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเก่ียวกับคุณธรรม
ด้ ครอบคลุม อย่างชัดเจน โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกส่วนท่ีเกี่ยวข้องอย่างน้อย

พันธกิจ เป้าหมาย ธรรมนูญหรือแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา จุดเน้นเก่ียวกับคุณธรรม
ด้ ครอบคลุม อย่างชัดเจน โดยใชก้ ระบวนการมสี ่วนรว่ มของทกุ ส่วนทีเ่ กย่ี วขอ้ งอย่างน้อย

พนั ธกจิ เปา้ หมาย ธรรมนญู หรือแผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา จดุ เนน้ เก่ยี วกับคุณธรรม
ด้ ครอบคลมุ อย่างชดั เจน โดยใชก้ ระบวนการมสี ว่ นร่วมของทุกสว่ นท่เี ก่ียวข้องอยา่ งน้อย

กษาหรอื คณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธ ประกอบด้วย ผู้ปกครอง
วขอ้ งทกุ ฝ่ายมสี ่วนรว่ มมกี ารดำเนนิ งานอย่างตอ่ เนือ่ งมากกว่า ๓ ปีการศึกษา
กษาหรอื คณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธ ประกอบด้วย ผู้ปกครอง
วข้องทุกฝา่ ยมีส่วนร่วมดำเนินงานอย่างตอ่ เนอ่ื งอย่างน้อย ๓ ปีการศกึ ษา
กษาหรอื คณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธ ประกอบด้วย ผู้ปกครอง
วขอ้ งทกุ ฝา่ ยมีสว่ นรว่ มดำเนินงานอย่างต่อเนื่องอยา่ งน้อย ๒ ปกี ารศกึ ษา
กษาหรือคณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถีพทุ ธ ประกอบด้วย ผู้ปกครอง
วข้องทุกฝา่ ยมีสว่ นร่วมดำเนินงานอยา่ งต่อเนื่องอย่างน้อย ๑ ปกี ารศึกษา

องค์ประกอบตัวชี้วดั

ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๑.๒.๑.๓ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ควา

ปลกู ฝังศรทั ธา สร้างเสริม อย่างหลากหลาย เชน่ การเข้าค่ายคณุ ธรรม อบรมสัมม

ปัญญาในพระพุทธศาสนา การศกึ ษา

ให้เกิดขึน้ กับบุคลากรและ ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความเ

ผเู้ กย่ี วข้อง หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม อบรมสัมมนา

การศกึ ษา

๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความเ

หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม อบรมสัมมนา

การศึกษา

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความเ

หลากหลาย เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม อบรมสัมมนา

การศกึ ษา

ตัวชว้ี ัดท่ี ๑.๒.๑.๔ รว่ มมือ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมร่วมกับ ผู้ปกครอง

กับผูป้ กครอง วัด และ สาธารณะประโยชน์ อยา่ งตอ่ เนื่อง มากกวา่ ๓ ปกี ารศ

ชุมชน เพือ่ พฒั นาผู้เรยี น ๓ หมายถึง โรงเรยี นจัดกิจกรรมรว่ มกบั ผู้ปกครอง วัดแ

และชุมชน สาธารณะประโยชน์ อยา่ งน้อย ๓ ปีการศึกษา

๒ หมายถึง โรงเรียนจดั กจิ กรรมรว่ มกับ ผูป้ กครอง วดั

สาธารณะประโยชน์ อยา่ งน้อย ๒ ปกี ารศกึ ษา

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมร่วมกบั ผ้ปู กครอง วดั

สาธารณะประโยชน์ อยา่ งน้อย ๑ ปีการศึกษา

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๖

ขอ้ บ่งชีค้ ุณภาพ
ามเข้าใจ ความเชื่อม่ัน ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรียน ครู ผู้ท่ีเก่ียวข้อง
มนา ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จรยิ ธรรม ฯลฯ มากกว่า ๓ ปี

เข้าใจ ความเช่ือม่ัน ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรยี น ครู ผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าง
ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ อย่างน้อย ๓ ปี

เข้าใจ ความเช่ือมั่น ความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนาให้แก่นักเรียน ครู ผู้ที่เก่ียวขอ้ ง อย่าง
ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ อย่างน้อย ๒ ปี

เข้าใจ ความเชื่อมัน่ ความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนาให้แก่นักเรยี น ครู ผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าง
ศึกษาดูงาน แลกเปล่ียนเรียนรู้ และโครงงานคุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ อย่างน้อย ๑ ปี

วัดและชุมชน หรือมีการเชิญผู้ปกครอง วัด ชุมชนมาร่วมกันพัฒนาชุมชนเพื่อให้เกิด
ศึกษา
และชมุ ชน หรือมกี ารเชิญผปู้ กครอง วัด ชุมชน มารว่ มกนั พฒั นาชุมชนเพ่อื ใหเ้ กดิ

ด และชุมชน หรือมกี ารเชญิ ผู้ปกครอง วดั ชมุ ชนมาร่วมกนั พัฒนาชุมชนเพอ่ื ใหเ้ กดิ

ด และชมุ ชน หรือมีการเชญิ ผปู้ กครอง วดั ชมุ ชนมารว่ มกันพัฒนาชุมชนเพอื่ ใหเ้ กิด

องคป์ ระกอบตัวช้ีวัด

ตัวชว้ี ัดที่ ๑.๒.๑.๕ มกี าร ๔ หมายถึง โรงเรยี นมีแผนนิเทศ และจัดกิจกรรมนเิ ทศ

นเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม การ ต่อเนอ่ื งมากกว่า ๓ ปกี ารศึกษา

ดำเนนิ งานโรงเรียนวิถีพุทธ ๓ หมายถงึ โรงเรยี นมีแผนนเิ ทศและจดั กิจกรรมนิเทศ

อย่างต่อเนื่อง ๒ หมายถงึ โรงเรียนมีแผนนเิ ทศและจัดกจิ กรรมนิเทศ

๑ หมายถงึ โรงเรยี นมแี ผนนเิ ทศและจดั กจิ กรรมนเิ ทศ

ตัวชว้ี ัดท่ี ๑.๒.๑.๖ มรี ะบบ ๔ หมายถึง โรงเรียนมีการตรวจสอบ ประเมินผลก

ตรวจสอบประเมินผล และ ข้อเสนอแนะ เพอ่ื นำขอ้ มลู ทไ่ี ดไ้ ปดำเนนิ การพัฒนางาน

เปดิ โอกาสให้มีการ ๓ หมายถึง โรงเรยี นมีการตรวจสอบ ประเมินผลการด

เสนอแนะอย่างเป็น ข้อเสนอแนะ เพ่ือนำข้อมูลท่ีได้ไปดำเนนิ การพัฒนางาน

กัลยาณมติ ร เพื่อการพัฒนา ๒ หมายถึง โรงเรยี นมีการตรวจสอบ ประเมินผลการด

อย่างต่อเนือ่ ง ข้อเสนอแนะ เพือ่ นำข้อมูลที่ได้ไปดำเนินการพฒั นางาน

๑ หมายถึง โรงเรยี นมกี ารตรวจสอบ ประเมนิ ผลการดำ

ขอ้ เสนอแนะ เพือ่ นำข้อมลู ที่ไดไ้ ปดำเนนิ การพัฒนางาน

องค์ประกอบย่อยที่ ๑.๒.๒ ระบบหลักสูตรสถานศึกษา

ตวั ช้ีวดั ที่ ๑.๒.๒.๑ มี ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ ของโรงเรียน มีหน่ว

หลกั สตู รสถานศึกษา หน่วย ชัดเจนต่อเนอื่ งทกุ ปีการศึกษา

การเรยี นรู้และแผน การ ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ ของโรงเรียนมีหน่วย

จดั การเรียนรู้ ทีบ่ รู ณาการ ชดั เจน ต่อเน่ืองทุกปีการศกึ ษา

พทุ ธธรรมทุกกลุ่มสาระการ ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ ของโรงเรียน มีหน่วย

เรียนรู้ ชดั เจน ตอ่ เน่อื งทกุ ปีการศกึ ษา

๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ ของโรงเรียน มีหน่วย

ชัดเจน เนือ่ งทกุ ปีการศึกษา

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๗

ขอ้ บ่งชี้คณุ ภาพ
ศ กำกับ ติดตาม การดำเนินงานตามโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธได้อย่างเหมาะสมและอย่าง

กำกับ ตดิ ตาม การดำเนินงานตามโครงการโรงเรยี นวิถีพทุ ธ อยา่ งต่อเนอื่ ง ๓ ปี
ศ กำกบั ติดตาม การดำเนนิ งานตามโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธ อย่างต่อเนอื่ ง ๒ ปี
ศ กำกับ ติดตาม การดำเนนิ งานตามโครงการโรงเรยี นวถิ พี ุทธ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง ๑ ปี
การดำเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประเมินหรือให้
นอย่างต่อเน่อื งมากวา่ ๓ ปกี ารศึกษา
ดำเนินโครงการโรงเรียนวิถพี ทุ ธ โดยเปดิ โอกาสให้ผเู้ กย่ี วขอ้ ง ร่วมประเมินหรือให้
นอยา่ งตอ่ เน่ือง อย่างน้อย ๓ ปกี ารศึกษา
ดำเนินโครงการโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธ โดยเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ ก่ยี วข้อง ร่วมประเมนิ หรอื ให้
นอยา่ งตอ่ เนื่อง อย่างนอ้ ย ๒ ปีการศึกษา
ำเนินโครงการโรงเรยี นวถิ ีพทุ ธ โดยเปิดโอกาสให้ผูเ้ กีย่ วข้อง ร่วมประเมินหรือให้
นอย่างต่อเนื่อง อยา่ งน้อย ๑ ปกี ารศกึ ษา

วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมที่ครอบคลุม

ยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีบูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมที่ครอบคลุม

ยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมที่ครอบคลุม

ยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีบูรณาการหรือสอดแทรกคุณธรรมที่ครอบคลุม

ตัวชี้วดั หลกั ท่ี ๑.๓ กายภาพและสิ่งแวดล้อมจดั อย่างรอบคอบ

องคป์ ระกอบยอ่ ยที่ ๑.๓.๑ สภาพแวดล้อม

องค์ประกอบตัวช้ีวัด

ตวั ชวี้ ดั ท่ี ๑.๓.๑.๑ จัด ๔ หมายถึง มีพระพุทธรูปประจำโรงเรียนและห้องเร

ประดษิ ฐานพระพุทธรูป เคารพได้ง่าย

ประจำโรงเรยี นและประจำ ๓ หมายถึง มีพระพุทธรูปประจำโรงเรียนและห้องเร

หอ้ งเรยี นเหมาะสม เคารพได้งา่ ย

๒ หมายถึง มีพระพุทธรูปประจำโรงเรียนและห้องเรีย

เคารพไดง้ า่ ย

๑ หมายถึง มีพระพทุ ธรูปประจำโรงเรียนและห้องเรีย

เคารพไดง้ า่ ย

ตวั ชี้วัดท่ี ๑.๓.๑.๒.มีปา้ ย ๔ หมายถงึ โรงเรียนมกี ารตดิ พุทธภาษติ วาทะธรรม พ

นิเทศ ป้ายคตธิ รรม คำขวญั ทหี่ ลากหลาย น่าสนใจ นกั เรียนมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำแ

คุณธรรม จริยธรรม ๓ หมายถึง โรงเรยี นมกี ารตดิ พุทธภาษิต วาทะธรรม พ

โดยทัว่ ไป ในบรเิ วณ ทหี่ ลากหลาย นา่ สนใจ นักเรยี นมีส่วนร่วมในการจดั ทำ

โรงเรยี น ๒ หมายถึง โรงเรียนมีการตดิ พุทธภาษิต วาทะธรรม พ

ทีห่ ลากหลาย น่าสนใจ

๑ หมายถึง โรงเรียนมกี ารตดิ พุทธภาษติ วาทะธรรม พ

ตวั ชี้วดั ที่ ๑.๓.๑.๓ ๔ หมายถึง โรงเรียนมีการจัดสภาพแวดล้อมภายในแ

สภาพโรงเรยี นสะอาด อย่างต่อเน่อื งและนักเรียนทกุ คนมีส่วนร่วม

ปลอดภยั สงบ รม่ รน่ื ๓ หมายถึง โรงเรยี นมีการจัดสภาพแวดล้อมภายในแล

เรยี บงา่ ยใกลช้ ิดธรรมชาติ ตอ่ เนอ่ื ง นกั เรียนมสี ว่ นร่วม

๒ หมายถงึ โรงเรียนมีการจัดสภาพแวดล้อมภายในแล

ต่อเน่ือง

๑ หมายถึง โรงเรียนมีการจดั สภาพแวดล้อมภายในและ

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๘

ขอ้ บ่งชี้คณุ ภาพ
รียน ร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ

รียน ร้อยละ ๘๐-๘๙ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ

ยน ร้อยละ ๗๐ – ๗๙ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ

ยน ร้อยละ ๖๐ – ๖๙ จัดประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ อย่างเหมาะสม สามารถแสดงความ

พระราชดำรัส ป้ายคติธรรม คำขวัญหรอื ขอ้ ความส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและรูปแบบ
และสามารถอ่านและเรยี นร้ไู ด้ อย่างต่อเน่อื ง
พระราชดำรัส ป้ายขอ้ ธรรม คำขวญั หรือข้อความส่งเสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรมและรูปแบบ

พระราชดำรสั ป้ายข้อธรรม คำขวัญหรอื ข้อความส่งเสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและรูปแบบ

พระราชดำรสั ปา้ ยข้อธรรม คำขวัญหรือข้อความสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรม
และภายนอกห้องเรียนได้สะอาด สงบ ร่มร่ืน เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย มีการดำเนินงาน

ละภายนอกหอ้ งเรียนได้สะอาด สงบ ร่มร่ืน เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย มีการดำเนนิ งานอยา่ ง

ละภายนอกห้องเรยี นได้สะอาด สงบ ร่มร่นื เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย โดยดำเนินการอย่าง

ะภายนอกห้องเรยี นไดส้ ะอาด สงบ รม่ ร่นื เปน็ ธรรมชาติ เรียบง่าย

องค์ประกอบตัวชี้วดั

ตัวชวี้ ัดท่ี ๑.๓.๑.๔ ๔ หมายถึง โรงเรียนปราศจากสือ่ หรอื สิ่งของท่ีส่งเสร

บรเิ วณโรงเรยี นปราศจาก ชุมชน ผ้ปู กครอง รว่ มกนั ดำเนนิ งาน อยา่ งต่อเนอ่ื งทุกป

ส่งิ เสพตดิ อบายมขุ ส่ิงมอม ๓ หมายถึง โรงเรียนปราศจากสื่อ หรือส่ิงของท่ีส่งเสร

เมาทุกชนดิ ผ้ปู กครอง รว่ มกนั ดำเนนิ งานอย่างตอ่ เนือ่ งทุก ปีการศกึ

๒ หมายถึง โรงเรียนปราศจากส่ือ หรือส่ิงของท่ีส่งเ

ผปู้ กครอง ร่วมกันดำเนินงานอยา่ งตอ่ เน่ืองทกุ ปีการศึก

๑ หมายถึง โรงเรียนปราศจากสื่อ หรือสิ่งของที่ส่งเสร

ดำเนนิ งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งทุก ปีการศกึ ษา

มาตรฐานที่ ๒ ดา้ นกระบวนการ (Process)

องคป์ ระกอบหลกั ท่ี ๒.๑ การเรยี น การสอนทบ่ี ูรณาการไตรสกิ ขา

องค์ประกอบยอ่ ยที่ ๒.๑.๑ กระบวนการจัดการเรียนรู้

องค์ประกอบตัวชี้วดั

ตัวชี้วัดที่ ๒.๑.๑.๑ ๔ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอด

จดั การเรยี นรโู้ ดยบรู ณาการ นำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั

พทุ ธธรรมหรือหลกั ๓ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอดแ

ไตรสิกขาในทกุ กล่มุ สาระ นำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั

การเรยี นรแู้ ละเช่ือมโยงกับ ๒ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอด

ชวี ิตประจำวัน นำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน

๑ หมายถึง ครูจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการ หรือสอด

นำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั

ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๑.๑.๒ ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดกิจกรรมการเรีย

สง่ เสริมให้มกี ารนำ แก้ปญั หาตา่ งๆท่ีเกิดข้ึน ในการดำเนินชวี ิตอย่างสมำ่ เสม

หลกั ธรรมมาเปน็ ฐานในการ ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ จัดการเรียนการสอนท

คิดวิเคราะห์และแก้ปญั หา เกิดข้ึนในการดำเนินชวี ิตอยา่ งสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๗๙

ข้อบ่งชี้คณุ ภาพ
ริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการสิ่งเสพติดและอบายมขุ หรือสิ่งมอมเมาตา่ งๆ โดยมี วัด
ปีการศึกษา
ริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการส่ิงเสพติดและอบายมุข หรือส่ิงมอมเมาต่างๆ โดยมีวัด
กษา
เสริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการสิ่งเสพติดและอบายมุข หรือส่ิงมอมเมาต่างๆ โดย
กษา
ริมให้นักเรียนกระตุ้นหรือต้องการส่ิงเสพติดและอบายมุข หรือสิ่งมอมเมาต่างๆ โดยมีการ

ข้อบ่งช้คี ณุ ภาพ
ดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขาในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน

แทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขา ๕-๗ กลุ่มสาระ การเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน

ดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขา๓-๔กลุ่มสาระ การเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน

ดแทรกหลักพุทธธรรม หลักไตรสิกขา๑-๒กลุ่มสาระ การเรียนรู้และส่งเสริมให้นักเรียน

ยนการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนนำหลักธรรมมาใช้ใน การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และ
มอและตอ่ เนื่อง
ท่ีส่งเสริมให้นักเรียนนำหลักธรรมมาใช้ในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาต่างๆท่ี

องค์ประกอบตัวชี้วัด

๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙จัดการเรียนการสอน ท

เกิดในกาดำเนนิ ชีวติ อย่างสมำ่ เสมอและต่อเนื่อง

๑ หมายถงึ ครูรอ้ ยละ ๖๐ –๖๙ จัดการเรียนการสอน

เกิดขึ้นในการดำเนินชวี ิตอยา่ งสม่ำเสมอและตอ่ เน่ือง

ตวั ชว้ี ัดที่ ๒.๑.๑.๓ ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดกระบวนการเรีย

จดั การเรียนรูท้ สี่ ่งเสริมการ มอบหมายให้ค้นควา้ จากแหล่งความรูต้ า่ ง ๆ

ใฝร่ ู้และแสวงหาความรู้ดว้ ย ๓ หมายถึง ครรู อ้ ยละ ๘๐-๘๙ จดั กระบวนการเรยี นก

ตนเอง มอบหมายให้คน้ ควา้ จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ

๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ จัดกระบวนการเรยี นก

มอบหมายใหค้ น้ ควา้ จากแหล่งความรตู้ า่ ง ๆ

๑ หมายถึง ครรู อ้ ยละ ๖๐-๖๙ จดั กระบวนการเรยี นก

มอบหมายใหค้ ้นควา้ จากแหล่งความรตู้ ่าง ๆ

ตวั ชีว้ ัดที่ ๒.๑.๑.๔ ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ จัดบรรยากาศการเ

จดั การเรยี นรูอ้ ย่างมี เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลใหน้ ักเรยี น และครูมคี วามส

ความสุข ทง้ั ผ้เู รียนรู้และ ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐- ๘๙ จัดบรรยากาศการเ

ผจู้ ดั การเรียนรู้ เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลให้นกั เรียน และครูมีความส

๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐- ๗๙ จัดบรรยากาศการเ

เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลให้นักเรยี น และครูมคี วามส

๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐- ๖๙ จัดบรรยากาศการเ

เมตตา และอ่อนโยน ส่งผลใหน้ ักเรยี น และครมู คี วามส

ตัวชี้วดั ท่ี ๒.๑.๑.๕ จัด ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๑๐๐ จัดกิจกรรมบริห

กจิ กรรมบรหิ ารจิตเจริญปัญญา ชวี ิตประจำวนั ตา่ ง ๆ
ทงั้ ในการเรียนการสอนและใน
กจิ กรรมการดำรงชีวิตประจำวนั ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ จัดกิจกรรมบริหารจิต
ชวี ติ ประจำวันต่าง ๆ

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๐

ขอ้ บ่งชี้คณุ ภาพ
ท่ีส่งเสริมให้นักเรียนนำหลักธรรมมาใช้ในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาต่างๆที่

ท่สี ง่ เสริมใหน้ ักเรยี นนำหลักธรรมมาใชใ้ นการคิดวิเคราะห์ ตดั สินใจ และแก้ปญั หาตา่ งๆท่ี

ยนการสอนเพื่อสง่ เสริมให้นกั เรียนใฝร่ ู้ รกั การเรยี นรู้ และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง หรือ

การสอนเพ่ือสง่ เสริมใหน้ ักเรยี นใฝ่รู้ รกั การเรียนรู้ และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง หรือ

การสอนเพื่อสง่ เสริมให้นักเรยี นใฝ่รู้ รักการเรยี นรู้ และแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง หรือ

การสอนเพื่อสง่ เสริมให้นักเรยี นใฝ่รู้ รักการเรียนรู้ และแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง หรือ

เรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ
สขุ ในการเรียนร้อู ยเู่ สมอ
เรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ
สขุ ในการเรยี นรูอ้ ยู่เสมอ
เรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ
สขุ ในการเรยี นรอู้ ย่เู สมอ
เรียนรู้โดยให้นักเรียนมีโอกาสเลือกตามความสนใจและความถนัดในการเรียนรู้ มีความ
สุขในการเรียนรู้อยเู่ สมอ
หารจิตเจริญปัญญาก่อนการเรียนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสริมให้นำไปใช้ใน

ตเจริญปัญญาก่อนการเรียนการสอนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสริมให้นำไปใช้ ใน

องคป์ ระกอบตัวช้ีวัด

๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ จัดกิจกรรมบริหารจิต

ชีวติ ประจำวนั ตา่ ง ๆ

๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ จัดกิจกรรมบรหิ ารจิต

ชวี ิตประจำวันตา่ ง ๆ

องคป์ ระกอบยอ่ ยที่ ๒.๑.๒ การใชส้ อ่ื และแหล่งเรยี นรู้

ตัวช้วี ัดที่ ๒.๑.๒.๑ ใชส้ อ่ื ๔ หมายถงึ ครรู ้อยละ ๙๐-๑๐๐ ใชส้ อ่ื ทหี่ ลากหลาย

การเรียนรู้ท่สี ง่ เสรมิ การใฝ่ เสมอ เช่น สือ่ ทีน่ กั เรยี นสนใจ และสื่อท่ีนักเรียนตอ้ งแส

รแู้ ละแสวงหาความร้ดู ว้ ย ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ ใช้ส่ือท่ีหลากหลายแล

ตนเองอยเู่ สมอ เสมอ เช่น ส่ือทน่ี กั เรียนสนใจ และสอ่ื ท่ีนกั เรียนตอ้ งแส

๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ ใช้ส่ือท่ีหลากหลายแล

เสมอ เชน่ สือ่ ท่ีนกั เรียนสนใจ และสือ่ ท่ีนักเรียนต้องแส

๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ ใช้สื่อที่หลากหลายแล

เสมอ เช่น ส่อื ท่นี กั เรยี นสนใจ และส่อื ท่ีนกั เรียนต้องแส

ตวั ชี้วัดที่ ๒.๑.๒.๒ นมิ นต์ ๔ หมายถึง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสอนพุทธศาสนาใ

พระสงฆ์ หรอื เชิญวทิ ยากร มาใหค้ วามรู้ หรือมาจัดกิจกรรมใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนร้เู ดือ

ภูมปิ ัญญาทางพทุ ธศาสนา ๓ หมายถึง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสอนพุทธศาสนา

สอนนกั เรียนสม่ำเสมอ ปญั ญาทางพระพทุ ธศาสนามาใหค้ วามรู้ หรอื มาจดั กจิ ก

๒ หมายถึง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสอนพทุ ธศาสนาให

ทางพระพุทธศาสนามาให้ความรู้ หรือมาจดั กจิ กรรมให

๑ หมายถึง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสอนพุทธศาสนาใ

ทางพระพุทธศาสนามาใหค้ วามรู้ หรือมาจัดกจิ กรรมให

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๑

ข้อบ่งช้ีคณุ ภาพ
ตเจริญปัญญาก่อนการเรียนการสอนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสริมให้นำไปใช้ใน

ตเจริญปัญญาก่อนการเรียนการสอนหรือก่อนจัดกิจกรรมต่างๆและส่งเสริมให้นำไปใช้ใน

ยและเหมาะสมที่ส่งเสริมใหน้ ักเรียนใฝร่ ู้และรักการเรียน และแสวงหาความรดู้ ้วยตนเองอยู่
สดงพฤตกิ รรมการเข้าหาส่ือ การสืบคน้ การเลือกขอ้ มลู
ละเหมาะสมที่ส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้และรักการเรียน และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่
สดงพฤตกิ รรมการเข้าหาส่ือ การสบื คน้ การเลือกข้อมูล
ละเหมาะสมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้และรักการเรียน และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่
สดงพฤตกิ รรมการเขา้ หาสื่อ การสืบค้น การเลือกข้อมลู
ละเหมาะสมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนใฝ่รู้และรักการเรียน และแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่
สดงพฤตกิ รรมการเขา้ หาสื่อ การสืบค้น การเลือกข้อมลู
ให้แก่นักเรียนตามตารางสอนทุกสัปดาห์ หรือเชิญวิทยากรภูมิปัญญาทางพระพุทธศาสนา
อนละอยา่ งน้อย ๑ ครัง้
าให้แก่นักเรียนตามตารางสอนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อ ๒ คร้ัง หรือเชิญวิทยากรภูมิ
กรรมใหน้ กั เรียนได้เรียนรู้อย่างนอ้ ย ๒ เดือนตอ่ ๑ ครั้ง
ห้แกน่ ักเรยี นตามตารางสอนอย่างน้อย ๓ สัปดาห์ต่อ ๑ ครั้ง หรือเชิญวิทยากรภูมิปญั ญา
หน้ กั เรยี นไดเ้ รียนรอู้ ย่างน้อย3เดือนต่อ ๑ ครงั้
ให้แก่นักเรียนตามตารางสอนอย่างน้อย4สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง หรือเชิญวิทยากรภูมิปัญญา
ห้นกั เรยี นได้เรยี นรูอ้ ย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครงั้

องค์ประกอบตัวช้ีวัด

ตัวชีว้ ดั ท่ี ๒.๑.๒.๓ จัดให้ ๔ หมายถึง โรงเรียนมีวดั หรอื ศาสนสถาน ท่ีใช้เป็นแ

นกั เรยี นไปเรยี นรู้ท่ีวัด หรอื สปั ดาหล์ ะ ๑ ครั้ง

ที่ศาสนสถานที่ใช้แหล่ง ๓ หมายถึง โรงเรยี นมีวดั หรือ ศาสนสถาน ที่ใช้เป็นแ

เรียนรปู้ ระจำของโรงเรียน ๒ สัปดาหต์ ่อ ๑ ครง้ั

อยา่ งต่อเนื่อง ๒ หมายถงึ โรงเรียนมีวดั หรือ ศาสนสถาน ที่ใช้เป็นแ

๓ สปั ดาห์ต่อ ๑ ครง้ั

๑ หมายถึง โรงเรียนมีวัด หรือ ศาสนสถาน ที่ใช้เป็นแ

น้อย ๔ สปั ดาห์ต่อ ๑ คร้ัง

องค์ประกอบย่อยท่ี ๒.๑.๓ การวัดประเมนิ ผล

ตวั ช้วี ัดที่ ๒.๑.๓.๑. มกี าร ๔ หมายถึง ครูร้อยละ ๙๐-๑๐๐ มีการวัดประเมนิ ผ

วดั ประเมนิ ผลตามสภาพ พฤติกรรมที่มีต่อส่ิงแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมที่ม

จริง ด้วยวธิ ีการที่ ถกู ตอ้ ง และนำข้อมูลจากการวัดประเมินผลมาใชใ้ นการ

หลากหลาย ครอบคลุมตาม ๓ หมายถึง ครูร้อยละ ๘๐-๘๙ มีการวัดประเมินผลต

หลักภาวนา ๔ (กาย ศลี จติ พฤติกรรมที่มีต่อส่ิงแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมที่ม

ปัญญา) โดยมีจดุ ประสงค์ ถูกตอ้ ง และนำข้อมูลจากการวดั ประเมินผลมาใชใ้ นการ

เนน้ เพ่ือพัฒนานักเรียน ๒ หมายถึง ครูร้อยละ ๗๐-๗๙ มีการวัดประเมินผล

ตอ่ เน่ือง พฤติกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมที่ม

ถกู ต้อง และนำข้อมูลจากการวดั ประเมินผลมาใชใ้ นการ

๑ หมายถึง ครูร้อยละ ๖๐-๖๙ มีการวัดประเมินผล

พฤติกรรมท่ีมีต่อสิ่งแวดล้อม (กาย) ด้านพฤติกรรมที่ม

ถูกต้อง และนำขอ้ มลู จากการวดั ประเมนิ ผลมาใช้ในการ

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๒

ข้อบ่งชี้คุณภาพ
แหล่งเรียนรู้ประจำโรงเรียน และมกี ารจดั กิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนไปเรยี นรู้อย่างน้อย

แหล่งเรียนรู้ประจำโรงเรียน และมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนไปเรยี นรู้อย่างน้อย

แหล่งเรียนรู้ประจำโรงเรียน และมีการจัดกิจกรรมที่สง่ เสริมใหน้ ักเรยี นไปเรียนรู้อย่างน้อย

แหล่งเรียนรู้ประจำโรงเรียนแต่ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนไปเรียนรู้อย่าง

ผลตามสภาพจริง โดยวิธีการและเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย สามารถวัดได้ครอบคลุม ท้งั ดา้ น
มีต่อคนอ่ืน (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาที่มีความคิด ความรู้ท่ี
รพฒั นานักเรยี นอยา่ งต่อเนื่อง
ตามสภาพจริง โดยวิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลาย สามารถวัดได้ครอบคลุม ทั้งด้าน
มีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาที่มีความคิด ความรู้ท่ี
รพฒั นานักเรียนอย่างต่อเน่ือง
ลตามสภาพจริง ใช้วิธีการและเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย สามารถวัดได้ครอบคลุม ทั้งด้าน
มีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาท่ีมีความคิด ความรู้ ที่
รพัฒนานักเรียนอยา่ งต่อเนื่อง
ลตามสภาพจริง ใช้วิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลายสามารถวัดได้ครอบคลุม ทั้งด้าน
มีต่อคนอื่น (ศีล) ด้านคุณลักษณะของจิตใจ (จิต) และด้านปัญญาท่ีมีความคิด ความรู้ ที่
รพฒั นานักเรยี นอยา่ งต่อเน่ือง

องค์ประกอบท่ี ๒.๒ บรรยากาศและปฏิสมั พันธ์ท่เี ปน็ กัลยาณมติ ร

องคป์ ระกอบย่อยที่ ๒.๒.๑ บรรยากาศ ปฏิสัมพันธท์ สี่ ่งเสรมิ การสอนใหร้ ู้ ทำให้ดู อ

องคป์ ระกอบตัวชี้วดั

ตวั ชว้ี ัดท่ี ๒.๒.๑.๑ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ สนับสนุนให้ค

สง่ เสรมิ ความสมั พันธแ์ บบ ปรารถนาดี ช่วยเหลือกัน ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อ

กลั ยาณมิตร อ่อนน้อมถอ่ ม นักเรียน อยา่ งน้อยเดือนละ ๑ คร้ัง

ตน เคารพให้เกียรตซิ ง่ึ กนั ๓ หมายถงึ โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริม สนบั สนุนให้

และกัน ยิ้มแย้มมเี มตตาต่อ ปรารถนาดี ช่วยเหลือกัน ย้ิมแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อม

กนั ทง้ั ครูต่อนกั เรียน ครูต่อ นกั เรียน อย่างน้อย ๒ เดอื นตอ่ ๑ ครั้ง

ครู นกั เรยี นตอ่ นักเรยี น ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริม สนับสนุนให

และครูต่อผปู้ กครอง ช่วยเหลือกัน ย้ิมแยม้ แจม่ ใส ออ่ นน้อมถอ่ มตน เคารพให

นอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครัง้

๑ หมายถึง โรงเรยี นจัดกิจกรรมส่งเสริม สนับสนนุ ให้

ปรารถนาดี ช่วยเหลือกัน ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อ

นกั เรียน อยา่ งน้อยปีการศกึ ษาละ ๑ ครงั้

ตัวชวี้ ัดที่ ๒.๒.๑.๒ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้ทุกคน

ส่งเสรมิ บรรยากาศ พฒั นาสิ่ง ใหม่ ๆ จดั กิจกรรมสง่ เสริมยกย่องเชดิ ชูครู แ

ใฝ่รู้ ใฝเ่ รียน ใฝ่สร้างสรรค์ ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมให้ทุกคน

พฒั นาสง่ิ ใหม่ ๆ จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ยกยอ่ งเชดิ ชคู รู แ

๒ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้ทุกคน

พัฒนาสิ่ง ใหม่ ๆ จดั กจิ กรรมสง่ เสริมยกย่องเชิดชูครู แ

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมให้ทุกคน

พัฒนาส่ิง ใหม่ ๆ จัดกิจกรรมส่งเสรมิ ยกยอ่ งเชิดชูครู แ

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๓

อยู่ให้เห็น
ขอ้ บ่งช้คี ุณภาพ

ครู นักเรยี น ผปู้ กครอง มีความสัมพันธ์ หรอื ปฏิบตั ติ ่อกนั อยา่ งเป็นกัลยาณมิตร มคี วามรัก
อมตน เคารพให้เกียรติซ่ึงกันและกันมีเมตตาต่อกันทั้งครูต่อนักเรียนครูต่อครู นัก เรียนต่อ

ครู นักเรยี น ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ หรือปฏบิ ัติต่อกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร มีความรัก
มตน เคารพให้เกียรติซ่ึงกันและกันมีเมตตาต่อกันทั้งครูต่อนักเรียน ครูต่อครู นั กเรียนต่อ

ห้ครู นักเรียน ผู้ปกครองหรือปฏิบัติต่อกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร มีความรักปรารถนาดี
หเ้ กียรติซึ่งกันและกันมเี มตตาต่อกันทัง้ ครตู ่อนักเรยี น ครตู อ่ ครู นักเรยี นต่อนกั เรียน อยา่ ง

ครู นักเรียน ผ้ปู กครองมีความสัมพันธ์ หรือปฏิบัติตอ่ กนั อย่างเป็นกัลยาณมิตร มีความรัก
มตน เคารพให้เกียรติซ่ึงกันและกันมีเมตตาต่อกันทั้งครูต่อนักเรียน ครูต่อครู นักเรียนต่อ

นรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเน่ือง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด
และนักเรยี นทีม่ ีผลงานอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ คร้งั
นรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเน่ือง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด
และนกั เรยี นทม่ี ีผลงานอย่างนอ้ ย ๒ สปั ดาห์ตอ่ ๑ ครั้ง
นรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด
และนกั เรยี นที่มีผลงานอยา่ งนอ้ ยเดือนละ ๑ ครั้ง
นรักการเรียนรู้ เรียนรู้ ใฝ่สร้างสรรค์อย่างต่อเน่ือง และกระตุ้นให้ศึกษาค้นคว้าหรือคิด
และนักเรยี นที่มผี ลงานอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครงั้

องคป์ ระกอบตัวชี้วัด

ตวั ช้วี ัดท่ี ๒.๒.๑.๓ ๔ หมายถึง โรงเรยี นจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ใหบ้ ุคคลากรแ

สง่ เสริมบุคลากรและ หลากหลาย เชน่ กิจกรรมต้นแบบความดี กิจกรรมกระ

นักเรยี น ให้ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ๓ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมสง่ เสริมให้บุคคลากรแ

ตัวอย่างทด่ี ีต่อผู้อ่ืน หลากหลาย อย่างน้อย ๒ สปั ดาห์ตอ่ ๑ ครง้ั

๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมให้บุคคลาก

หลากหลาย อยา่ งนอ้ ย ๓ สัปดาหต์ ่อ ๑ ครง้ั

๑ หมายถึง โรงเรยี นจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ ให้บคุ คลากรแ

หลากหลาย อยา่ งน้อยภาคเรียนละ ๑ ครั้ง

ตวั ชว้ี ัดที่ ๒.๒.๑.๔ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริม ยกย่อง เชิดช

สง่ เสรมิ ยกยอ่ ง เชิดชู ผทู้ ำ ความดี มอบรางวัล หรอื ยกยอ่ งคนดใี นโอกาสตา่ ง ๆ ท

ดี เปน็ ๓ หมายถงึ โรงเรยี นจัดกิจกรรมสง่ เสริม ยกย่อง เชิดชู

ดี มอบรางวัล หรอื ยกย่องคนดีในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งน้อ

๒ หมายถึง โรงเรียนจดั กิจกรรมสง่ เสริม ยกยอ่ ง เชิดช

ดี มอบรางวัล หรอื ยกย่องคนดใี นโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งน้อ

๑ หมายถึง โรงเรยี นจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ ยกย่อง เชิดช

ดี มอบรางวัล หรือยกย่องคนดใี นโอกาสต่าง ๆ อยา่ งน

องคป์ ระกอบหลกั ท่ี ๒.๓ กิจกรรมพ้ืนฐานวิถีชวี ิต

องคป์ ระกอบยอ่ ยท่ี ๒.๓.๑ กิจกรรมพนื้ ฐานวถิ ีชีวติ ประจำวัน

ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๓.๑.๑ ฝกึ ฝน ๔ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมฝึกฝน อบรมให้นักเรยี

อบรมใหเ้ กิด การกนิ อยู่ ดู เหตุผล และได้ประโยชนต์ ามคุณคา่ แท้ตามหลักไตรสกิ ข

ฟัง เปน็ (ร้เู ข้าใจเหตุผล และ ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝนอบรมให้นักเรีย

ได้ประโยชนต์ ามคุณค่าแท้ เหตผุ ลและได้ประโยชน์ตามคณุ คา่ แทต้ ามหลกั ไตรสิกข

ตามหลักไตรสิกขา) ๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝนอบรมให้นักเรีย

เหตผุ ล และได้ประโยชน์ตามคุณค่าแทต้ ามหลกั ไตรสกิ ข

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๔

ข้อบ่งชีค้ ุณภาพ
และนักเรียน ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ตวั อย่างที่ดตี ่อผ้อู นื่ อย่างตอ่ เนื่องโดยมีกจิ กรรมทมี่ ีความ
ะตุน้ พเ่ี ป็นแบบอย่างแกน่ อ้ งๆ อย่างน้อยสปั ดาหล์ ะ ๑ คร้ัง
และนกั เรยี น ปฏิบัติตนเป็นตวั อย่างทดี่ ีต่อผอู้ นื่ อย่างตอ่ เนื่องโดยมีกิจกรรมทีม่ ีความ

กรและนักเรียน ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้อื่นอย่างต่อเน่ืองโดยมีกิจกรรมท่ีมีความ

และนกั เรยี น ปฏิบตั ิตนเป็นตัวอย่างท่ีดีต่อผอู้ นื่ อย่างต่อเน่ืองโดยมีกิจกรรมที่มคี วาม

ชู ผู้ทำ ดี เช่น ประกาศแนะนำคนดีประจำวัน จัดป้ายนิเทศ แนะนำประชาสัมพันธ์ผู้ทำ
ทกุ วัน
ผูท้ ำดี เช่น ประกาศแนะนำคนดีประจำวนั จัดป้ายนิเทศแนะนำประชาสมั พนั ธ์ผู้ทำความ
อยสัปดาหล์ ะ ๑ ครง้ั
ชู ผ้ทู ำดี เช่นประกาศแนะนำคนดีประจำวัน จัดป้ายนิเทศแนะนำประชาสัมพันธ์ผู้ทำความ
อย ๒ สัปดาหต์ อ่ ๑ ครง้ั
ชู ผู้ทำดี เช่นประกาศแนะนำคนดปี ระจำวนั จัดปา้ ยนิเทศแนะนำประชาสัมพนั ธ์ผู้ทำความ
นอ้ ยเดอื นละ ๑ ครั้ง

ยนมีลกั ษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงออกถึงการกนิ อยู่ ดู ฟัง เป็น(รเู้ ข้าใจ
ขา)ทุกวัน
ยนมีลักษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รู้เข้าใจ
ขา) อยา่ งน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครงั้
ยนมีลักษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รู้เข้าใจ
ขา)อยา่ งนอ้ ย ๒ สปั ดาหต์ อ่ ๑ คร้ัง

องคป์ ระกอบตัวชี้วัด

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมฝึกฝนอบรมให้นักเรีย

เหตผุ ล และไดป้ ระโยชน์ตามคณุ คา่ แทต้ ามหลักไตรสิกข

ตวั ชี้วัดท่ี ๒.๓.๑.๒ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมใหน้ ักเรยี นไดฝ้ ึกการชว่

สง่ เสริมกจิ กรรม สาธารณสมบัติจนเปน็ ลกั ษณะนสิ ัยทุกวัน

การรับผิดชอบดแู ลรกั ษา ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมใหน้ ักเรียนไดฝ้ ึกการช่ว

พัฒนาอาคารสถานท่แี ละ สาธารณสมบัติจนเปน็ ลักษณะนิสยั อย่างน้อยสปั ดาหล์ ะ

ส่ิงแวดลอ้ มอย่างสมำ่ เสมอ ๒หมายถึง โรงเรยี นจดั กจิ กรรมใหน้ กั เรยี นได้ฝึกการช่ว

จนเป็นนิสัย สาธารณสมบัติจนเป็นลกั ษณะนิสัยอยา่ งน้อย ๒ สปั ด

๑ หมายถึง โรงเรยี นจดั กจิ กรรมใหน้ กั เรียนได้ฝกึ การชว่

สาธารณสมบัติจนเปน็ ลักษณะนสิ ัยอยา่ งน้อยเดือนละ

องคป์ ระกอบย่อยที่ ๒.๓.๒ กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา

ตัวชี้วัดท่ี ๒.๓.๒.๑ ๔ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนป

ส่งเสริมปฏบิ ัติกิจกรรม ความสำคัญ และคณุ คา่ ของการปฏบิ ัติกจิ กรรมนัน้ ๆ ค

พระพทุ ธศาสนาอย่างเหน็ ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนป

คุณค่า รเู้ ข้าใจเหตผุ ล ความสำคัญ และคณุ คา่ ของการปฏบิ ัติกิจกรรมนนั้ ๆ ค

๒ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนป

ความสำคัญ และคุณค่าของการปฏิบตั กิ จิ กรรมนั้น ๆ ค

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียนป

ความสำคัญ และคุณคา่ ของการปฏิบตั กิ จิ กรรมนน้ั ๆ ค

ตัวชี้วัดท่ี ๒.๓.๒.๒ จดั กิจกรรม ๔ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมที่สง่ เสริมให้นกั เรยี นได
สง่ เสริมการระลกึ และศรัทธา เขา้ โรงเรียนทุกเชา้ การสวดมนต์ทกุ วนั กจิ กรรมวันพระ
ในพระรัตนตรยั เป็นประจำ
และในโอกาสสำคญั อย่าง ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมท่ีส่งเสรมิ ให้นกั เรียนได
ต่อเนื่อง เป็นวิถชี วี ติ เขา้ โรงเรียนทุกเชา้ การสวดมนต์ทกุ วนั กจิ กรรมวนั พระ
คร้ัง

คู่ มื อ ด ำ เ นิ น ง า น โ ร ง เ รี ย น วิ ถี พุ ท ธ | ๘๕

ข้อบ่งชีค้ ณุ ภาพ
ยนมีลักษณะและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันท่ีแสดงออกถึงการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น(รเู้ ข้าใจ
ขา) อย่างน้อยเดอื นละ ๑ คร้ัง
วยเหลอื และรบั ผิดชอบ ดูแลรักษา หรอื พฒั นาอาคารสถานที่ ส่งิ แวดล้อ สว่ นรวม หรือ

วยเหลอื และรับผิดชอบ ดูแลรักษา หรือพฒั นาอาคารสถานท่ี สิง่ แวดลอ้ มสว่ นรวม หรอื
ะ ๑ คร้ัง
วยเหลอื และรบั ผดิ ชอบ ดูแลรักษา หรือพฒั นาอาคารสถานท่ี สง่ิ แวดล้อมส่วนรวม หรอื
ดาห์ตอ่ ๑ ครั้ง
วยเหลอื และรับผดิ ชอบ ดูแลรักษา หรือพฒั นาอาคารสถานท่ี สงิ่ แวดลอ้ มสว่ นรวม หรอื
๑ ครงั้

ปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล
ควบคูก่ ันไปอยา่ งนอ้ ยสัปดาหล์ ะ ๑ คร้ัง
ปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล
ควบคกู่ ันไปอย่างน้อย ๒ สปั ดาหต์ ่อ ๑ คร้ัง
ปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล
ควบค่กู ันไปอยา่ งน้อย เดือนละ ๑ ครง้ั
ปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ศาสนาพิธีต่าง ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในเหตุผล
ควบคกู่ นั ไปอย่างนอ้ ย ภาคเรยี นละ ๑ ครงั้
ดร้ ะลกึ และเพมิ่ ศรทั ธาในพระรัตนตรยั อย่างสม่ำเสมอเป็นวิถีชวี ิต เช่น การกราบพระก่อน
ะ และจัดกิจกรรมบูชาพระรัตนตรัยในโอกาสวันสำคญั ต่าง ๆ ทุกวัน
ด้ระลกึ และเพิ่มศรทั ธาในพระรัตนตรัย อยา่ งสม่ำเสมอเปน็ วิถชี วี ิต เช่น การกราบพระก่อน
ะ และจดั กจิ กรรมบูชาพระรัตนตรัยในโอกาสวันสำคัญต่าง ๆ อย่างน้อยสัปดาหล์ ะ ๑

องค์ประกอบตัวชี้วัด

๒ หมายถึง โรงเรยี นจดั กิจกรรมที่ส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นได

เขา้ โรงเรยี นทกุ เช้า การสวดมนต์ทกุ วัน กจิ กรรมวันพระ

ครงั้

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกจิ กรรมทสี่ ่งเสรมิ ให้นักเรียนได

เข้าโรงเรียนทกุ เช้า การสวดมนตท์ กุ วนั กิจกรรมวันพระ

ตวั ชี้วัดท่ี ๒.๓.๒.๓ ๔ หมายถึง โรงเรียนจดั กิจกรรมสง่ เสริมใหค้ รูและนักเร

สง่ เสรมิ ใหท้ กุ คนมสี ว่ นร่วม กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมการประชาสัม

และคณุ คา่ ในการรกั ษาและ สปั ดาหล์ ะ ๑ คร้ัง

สบื ตอ่ พระพุทธศาสนา ๓ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมสง่ เสริมให้ครูและนกั เร

กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมการประชาสัมพ

สัปดาหต์ ่อ ๑ ครงั้

๒ หมายถึง โรงเรยี นจัดกิจกรรมส่งเสริมใหค้ รูและนกั เร

กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมการประชาสัม

เดอื นละ ๑ ครง้ั

๑ หมายถึง โรงเรียนจัดกิจกรรมสง่ เสริมให้ครูและนกั เร

กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมการประชาสัมพัน

เรยี นละ ๑ คร้งั

มาตรฐานท่ี ๓ ดา้ นผลผลติ (Output)

องค์ประกอบหลกั ท่ี ๓.๑ พัฒนา กาย ศีล จิต และปัญญา อยา่ งบรู ณาการ (ภาวนา

องค์ประกอบยอ่ ยที่ ๓.๑.๑ กาย (กายภาพ)

ตัวชีว้ ัด ๓.๑.๑.๑ บริโภค ๔ หมายถึง รอ้ ยละ ๙๐-๑๐๐ ของนักเรียนมีพฤติกรรม

ใชส้ อยปัจจัยส่ใี นปรมิ าณ หรือการกินการใช้ของในชีวิตประจำวันในปริมาณที่เหม

และคุณภาพที่เหมาะสม ได้ การไมเ่ ลือกรบั ประทานอาหาร ที่ดสู วยงาม รสชาตถิ ูกป

คุณคา่ แท้


Click to View FlipBook Version