รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รหอ้ งเรยี นการจัดการครวั 1
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
บทที่ 1
บทนำ
ความเปน็ มาและความสำคญั
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดการศึกษา
และการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา อันเนื่องมาจากนโยบายกระจายอำนาจการจัดการศึกษา
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้กำหนดไว้ในกฎหมายสำคัญหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างย่ิง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีสิทธิ
ที่จะจัดการศึกษาและเข้าไปมีส่วนร่วมจัดการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช 2542 และแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พุทธศักราช 2545 กำหนดใหก้ ารจดั ระบบโครงสร้าง
และกระบวนการจัดการศึกษาให้ยึดหลักการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิ จัดการศึกษาระดับใด
ระดับหนึ่ง หรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถ่ิน
ของตนเอง อีกทั้งให้กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบาย
ของรฐั และได้มาตรฐานการศกึ ษา
ต่อมาได้มีการประกาศใช้แผนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพุทธศักราช
2542 นอกจากนี้พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น พุทธศักราช 2542 กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบ ได้แก่ เทศบาล
เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรุงเทพมหานคร มีอำนาจ
หน้าที่ในการจัดการศึกษา และให้มีการถ่ายโอนภารกิจการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
พร้อมทั้งได้กำหนดให้สร้างความพร้อมเพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจ บุคลากร งบประมาณ
และทรัพย์สิน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้หน่วยงานของรัฐ
ที่ถ่ายโอนภารกิจให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ให้คำแนะนำและปรึกษาทางเทคนิค วิชาการและ
การดำเนินงานให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความเหมาะสม และดำเนินการฝึกอบรมต่าง ๆ
รวมทั้งกฎหมาย กฎและระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ รัฐยังได้กำหนดนโยบายไว้อย่างชัดเจน
ว่าให้เตรียมความพร้อมในการจัดการศึกษาแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปี 2558 มีองค์กร
ปกครองสว่ นท้องถ่ินจำนวนมากถึง 7,853 แหง่ ซึ่งประกอบดว้ ย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง
โรงเรยี นองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สูตรห้องเรียนการจัดการครัว 2
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
เทศบาล 2,440 แห่ง องค์การบรหิ ารสว่ นตำบล 5,335 แห่ง กรงุ เทพมหานคร 1 แห่ง และเมืองพัทยา
1 แหง่ (กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถิน่ , 2559) ซง่ึ ในปัจจุบันมีองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินทมี่ ีอำนาจ
หน้าที่จัดการศึกษาในระบบอยู่แล้วตามกฎหมายเฉพาะขององค์กรปกครองส่ว นท้องถิ่นในแต่ละ
รูปแบบ คือ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร
และเมืองพัทยา โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดการศึกษาที่มีโรงเรียนในสังกัด 1,481 แห่ง
แยกเป็นสังกัดเทศบาล 658 โรงเรียน องค์การบริหารส่วนตำบล 52 โรงเรียนองค์การบริหารส่วน
จังหวัด 326 โรงเรียน สังกัดเมืองพัทยา 10 โรงเรียน และสังกัดกรุงเทพมหานคร 435 โรงเรียน
ซึ่งส่วนใหญ่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยกเว้นกรุงเทพมหานครที่จัดการศึกษาถึงระดับอุดมศึกษา
และเทศบาล นครนครปฐมที่จัดการศึกษาถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
อย่างไรก็ตามในส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้จัดการศึกษาในระบบโดยตรงก็ได้ให้
ความสำคัญในการจัดการศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เช่น จัดศูนย์พัฒนา
เด็กเล็ก จัดฝึกอบรมวิชาชีพ และจัดแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งเข้าไปมีส่วนร่วม
ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ และจะมีการจัดการศึกษาในระบบต่อไป
เมอื่ ผ่านการประเมินความพรอ้ มและความสมัครใจของสถานศึกษาในท้องถิน่ ของตนเอง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษา
และการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษามาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และยิ่งจะมีบทบาทมากขึ้น
ในอนาคต อนั เน่ืองมาจากนโยบายการกระจายอำนาจการจดั การศึกษาสู่องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น
ซ่ึงไดก้ ำหนดไว้ในกฎหมายสำคัญหลายฉบับดังกล่าวแลว้ ขา้ งตน้ ปัจจบุ ันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีการจัดการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษา
ตามอัธยาศัย รวมทั้งมีส่วนร่วมส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาของรัฐ โดยมีองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเป็นจำนวนไม่น้อยที่สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับวิถีชีวิต
ของชุมชนและท้องถิ่น จนเป็นที่ประจักษแ์ ละยอมรบั ของผปู้ กครองและชมุ ชน
จากการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2550 : 43)
พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีปัญหาและอุปสรรคในการบริหารจัดการศึกษาหลายประการ
เชน่ ผู้บรหิ ารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขาดความร้คู วามเข้าใจในการศกึ ษา หรือไม่เห็นความสำคัญ
ด้านการศึกษา ขาดความต่อเนื่องทางการเมืองเนื่องจากผู้บริหารมีวาระในการดำรงตำแหน่งครู
ขาดขวัญกำลังใจและความก้าวหน้าทางวิชาชีพเมื่อเปรียบเทียบกับสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้ไม่เพียงพอในการบริหารจัดการท้องถิ่นของตน ยังต้องพึ่งพิง
งบประมาณจากส่วนกลาง ทำให้ไม่มีความคล่องตัวในการบริหาร และที่สำคัญผู้บริหารสถานศึ กษา
ขาดความรู้ความเข้าใจและความมุ่งมั่นในการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง ส่งผลให้คุณภาพ
โรงเรยี นองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สตู รหอ้ งเรยี นการจดั การครัว 3
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นหลายแห่งไม่เปน็ ทีย่ อมรบั จากชุมชนและผู้ปกครอง
ในการสง่ บุตรหลานเพอ่ื เขา้ เรียนสถานศึกษาในสังกัด เป็นตน้
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ระดับจังหวัด
มีโรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด จำนวน 1 แห่ง คือ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
ซึ่งเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 ในระดับอนุบาล 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6
เป็นแหล่งการเรียนรู้ท่ีสำคัญย่ิงในการพัฒนาผู้เรียนและผลิตกำลังคนในจังหวัดเชียงรายให้มีศักยภาพ
ที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันด้านการศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี
กับนานาประเทศได้ ดังนั้น การมี “โรงเรียนคุณภาพ” ในสังกัดถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ
ในการเป็นกลไกให้เกิดการพัฒนาการจดั การศึกษาให้มคี ุณภาพ มคี วามเป็นเลศิ และมีความเสมอภาค
ในการให้บริการทางการศึกษาที่เท่าเทียมกันในมาตรฐานวิชาการ มีความยึดหยุ่นและหลากหลาย
ในทางปฏิบัติ การจัดการศึกษาเพื่อสู่ความเป็นเลิศ จึงเป็นเป้าหมายในการพัฒนาสถานศึกษา
ให้มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ มาตรฐานเป็นต้นแบบการพัฒนา
อย่างเป็นรูปธรรม ความสำเร็จของ “โรงเรียนคุณภาพ” ของสถานศึกษาในสังกัดจะส่งผลให้บรรลุ
ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ บัญญัติไว้ว่า
“บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึง
และมีคุณภาพ...” นอกจากนี้ยังจะช่วยขจัดปัญหาวิกฤตทางการศึกษาต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น
คุณภาพสถานศึกษาที่แตกต่างกัน คุณภาพผู้เรียนที่จะพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
และความเหลื่อมล้ำในการเข้ารับการบริการทางการศึกษา การบริหารจัดการศึกษาที่ทำให้โรงเรียน
มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ความเป็นอิสระและความคล่องตัว สามารถบริหารตนเอง
ได้อย่างมีคุณภาพจากการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีผู้บริหารสถานศึกษาเป็นแกนนำ
ที่สำคัญในการเป็นผู้นำให้คณะกรรมการสถานศึกษา ครู อาจารย์ ผู้ปกครองและชุมชน
เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ซึ่งในประเทศสหรฐั อเมริกาได้มี การพฒั นาหลกั การและกระบวนการ
บริหารโดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐานใหเ้ ปน็ กลไกในการปฏิรูปการศึกษา และแพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ
เช่น นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และได้พบว่าการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาให้ดีขึ้นนั้นต้องปรับรื้อและพัฒนาระบบการบริหารโรงเรียน โดยมุ่งปรับระบบโครงสร้าง
การบริหารโรงเรียนใหม่ ให้มีการกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษาไปยังโรงเรียนมากขึ้น
และให้โรงเรียนบรหิ ารแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รหอ้ งเรียนการจัดการครัว 4
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
จึงเป็นความมุ่งมั่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการนำของผู้บริหาร
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
กับการศึกษาที่จะขับเคล่ือนในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา เพื่อยกระดับและคุณภาพของทรพั ยากร
มนุษย์ให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เป็นคนดี คนเก่ง และสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอันมีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาและดูแลการบริการ
สาธารณะทั้งปวงที่มีอยู่ในชุมชน หมู่บ้าน ตำบล และจังหวัดของตนเอง เดิมทีให้ความสนใจ
ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเสียเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนมาก
ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาคนมากยิ่งขึ้น อันเกิดจากวิกฤตการศึกษาสังคม เศรษฐกิจ
และการเมืองของประเทศ ตลอดถึง ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี ซ่ึงจะต้องมีการเตรียมคนให้ทัน
ต่อกระแสการเปลยี่ นแปลงของโลก และเตรยี มคนเขา้ สู่การแข่งขันในเวทนี านาชาติดว้ ยกระบวนการ
ทางการศกึ ษา
ในสภาพความเป็นจริงปรากฏว่า มีปัญหาอีกมากที่เกิดจากการบริหารจัดการศึกษาไม่เป็น
ไปตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา ส่งผลให้การบริหารจัดการศึกษาเกิดปัญหาและอุปสรรคไม่บรรลุ
ผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ หรือสำเร็จอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังเช่น ชุมชนอยากมีโอกาส
ในการมีส่วนร่วม แต่โรงเรียนขาดวิสัยทัศน์หรือยึดติดระบบราชการ (สำนักงานเลขาธิการสภา
การศึกษา. 2547 : 61) หรือผลการประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพ
การศึกษา (สมศ.) รอบแรก พ.ศ. 2544-2548 พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา 6,389 คน จาก 32,000
คน ไม่ได้มาตรฐาน และโดยภาพรวมมาตรฐานจากการประเมินท่ีไม่ได้รับรองมากทส่ี ดุ คือ มาตรฐาน
ผู้เรียนด้านการคิดวิเคราะห์ การใฝ่รู้ใฝ่เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งสาเหตุเบื้องต้นเกิดข้ึน
จากการบริหารวิชาการหรือการจัดการเรียนรู้ของผู้บริหารสถานศึกษา (สำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพการศึกษา. 2551 : 15) แสดงให้เห็นถึงปัญหาการขาดการบริหารจัดการศึกษา
ไม่เป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาที่บริหารจัดการเชิงกระจายอำนาจและการบริหาร
โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาสำหรับสถานศึกษา
ที่มีผลการประเมินรอบแรกและรอบที่สอง อยู่ในระดับปรับปรุงและระดับพอใช้ นอกจากนั้นรายงาน
การศึกษาหลายชิ้นระบุว่าความล้มเหลวของ การปฏิรูปการศึกษาหรือการจัดการศึกษานั้น
เกิดจากผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งการจัดการศึกษาในโรงเรียนจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่
กบั ตัวแปรท่สี ำคัญท่ีสุด คอื สถานศกึ ษา
โรงเรียนองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รหอ้ งเรียนการจดั การครวั 5
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายในการจัดการศึกษา
ของสถานศึกษาในสังกัด ให้เป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา จึงมีความสำคัญและจำเป็น
ในการพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ และเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก
และเยาวชนในจังหวัดเชียงราย โดยมีหลักการบริหารที่สำคัญคือ “ให้โอกาส เพิ่มคุณภาพ
เพื่ออนาคตที่ดีกว่า” การจัดจัดการศึกษาของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
ได้จัดหลักสูตรไว้ 3 หลักสูตรดังนี้ หลักสูตร English Program หลักสูตรปกติและหลักสูตรกีฬา
ภายใต้ปรัชญาการศึกษา “วิชาการเด่น เป็นเลิศภาษา นำกีฬาสู่สากล พัฒนาความเป็นมนุษย์
ให้สมบูรณ”์
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายโดยผู้บริหารสถานศึกษาให้ความสำคัญ
ในการจัดการศึกษา กำหนดกรอบแนวคิดในการจัดการศึกษา คือ การให้ความรักก่อนให้ความรู้
สร้างคนดีก่อนคนเก่ง 1 โรงเรียน 3 หลักสูตร 4 ช่วงชั้น 14 โปรแกรมรายวิชา ห้องเรียนการจัดการ
ครวั และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) เป็นหน่ึงในหลักสตู รปกตทิ ี่เปดิ ข้ึน
เพื่อการพัฒนาผู้เรียนที่ผู้ปกครอง หรือสถานศึกษาอื่น ๆ เห็นว่าเป็นนักเรียนที่ไม่พร้อมที่จะเรียน
ให้มีโอกาสมาเข้าเรียนในสถานศึกษา การจัดการศึกษาของหลักสูตรสถานศึกษามีเป้าหมายสำคัญ
เพือ่ นำไปส่คู วามสำเร็จในการพัฒนาตนเองของผูเ้ รยี นซึง่ จะเป็นกำลงั สำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ
ในอนาคตอันใกล้ อันจะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตประชากรในจังหวัดเชียงราย ท้องถิ่น ชุมชน สังคม
อยู่รว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ุข ยงั ประโยชน์ถงึ สว่ นรวม บา้ นเมือง ประชาชนและประเทศชาติไดอ้ ยา่ งยัง่ ยืน
จากการที่โรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจังหวดั เชียงรายไดจ้ ัดการเรยี นรู้ ห้องเรียนการจดั การ
ครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ในปีการศึกษา 2563 แล้วอาจมี
ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งนี้สืบเนื่องจากปัจจัยหลายประการ โรงเรียนองค์การบริหาร
สว่ นจังหวัดเชียงรายโดยองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชยี งรายจึงได้ศกึ ษาผลการจดั การเรียนรู้ห้องเรียน
การจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ขึ้น โดยมุ่งหวังว่า
ผลการดำเนนิ การครัง้ นจี้ ะเป็นขอ้ มูลให้ผเู้ ก่ยี วข้อง ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลพ้ืนฐานในการพฒั นาการจัดการเรียนรู้
ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากย่งิ ขน้ึ
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รหอ้ งเรยี นการจดั การครวั 6
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
วตั ถุประสงค์ของการถอดหลักสูตร
1. เพื่อศึกษาสภาพปจั จบุ ันและปัญหาของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรหอ้ งเรยี นการจัดการ
ครัวและศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
2. เพื่อรายงานผลการจัดการศกึ ษาหลกั สูตรหอ้ งเรยี นการจดั การครัวและศิลปะการประกอบ
อาหาร (Smart Chef Program : SCP) ประจำปีการศกึ ษา 2563 (เพ่อื พัฒนา ปรบั ปรุง
หลกั สูตรห้องเรยี นการจดั การครวั และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program :
SCP) ตอ่ ไป
3. เพื่อหาแนวทางการพฒั นา ปรับปรงุ การจัดการศึกษาหลกั สูตรห้องเรยี นการจัดการครวั
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและ
ประสทิ ธิผล
ขอบเขตของการดำเนนิ การ
1. ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา
การดำเนินการคร้งั นี้ ผดู้ ำเนินการรวบรวมเนอื้ หาดังนี้
1) ผลการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสถานศึกษา ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบ
อาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรยี นองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั เชยี งราย
- ผลการจดั โครงสรา้ งรายวิชาเพมิ่ เติมการจดั การเรยี นรู้
- ผลการเรยี น
- ผลการปฏิบตั ิงานภาคปฏบิ ัติ
2) ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสถานศึกษา
ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program: SCP)
ของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจงั หวัดเชยี งราย
2. ประชากร
1) ประชากร ได้แก่
1. ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา จำนวน 4 คน
2. ครูผู้สอนทจี่ ดั การเรียนรู้ในหอ้ งเรียนการจดั การครวั และศิลปะการประกอบ
อาหาร (Smart Chef Program: SCP) ของโรงเรยี นองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดเชยี งราย
จำนวน 3 คน
โรงเรียนองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรหอ้ งเรยี นการจดั การครวั 7
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
3. นักเรียนที่กำลังศึกษาห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร
(Smart Chef Program: SCP) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดเชยี งราย จำนวน 14 คน
4. นักเรียนที่กำลังศึกษาห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร
(Smart Chef Program: SCP) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนองค์การบริหาร
ส่วนจงั หวดั เชียงราย จำนวน 9 คน
5. นักเรียนที่กำลังศึกษาห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร
(Smart Chef Program: SCP) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนองค์การบริหาร
สว่ นจังหวัดเชยี งราย จำนวน 10 คน
6. ผู้ปกครองนักเรียนที่กำลังศึกษาในห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการ
ประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
จำนวน 20 คน
3. ตัวแปร
3.1 ตวั แปรตน้ ได้แก่ จดั การเรียนรหู้ ลักสูตรสถานศึกษา ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะ
การประกอบอาหาร (Smart Chef Program: SCP) ของโรงเรียนองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดเชยี งราย
3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่
1) ผลการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสถานศึกษา ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะ
การประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจังหวัดเชียงราย
2) ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสถานศึกษา
ห้องเรียนการจดั การครัวและศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรียน
องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั เชยี งราย
โรงเรียนองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรหอ้ งเรียนการจดั การครวั 8
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
กรอบแนวคดิ ในการดำเนนิ การ ตวั แปรตาม
1) ผลการจัดการเรียนรู้หลักสูตรสถานศึกษา
ตัวแปรต้น ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร
ก า ร จ ั ด ก า ร เ ร ี ย น รู้ (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรยี นองคก์ ารบรหิ าร
หลักสูตรสถานศึกษา ส่วนจังหวัดเชียงราย
ห้องเรียนการจัดการครัวและ 2) ปัญหา อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้หลักสูตร
ศลิ ปะการประกอบอาหาร สถานศึกษา ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะ
( Smart Chef Program : การประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
SCP) ของโรงเรยี นองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชียงราย
3) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการบริหารจัดการ
หลักสูตรสถานศึกษา ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะ
ก า ร ป ร ะ ก อ บ อ า ห า ร ( Smart Chef Program : SCP)
ของโรงเรียนองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เชยี งราย
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. การจัดการเรียนรู้ หมายถึง การจัดสถานการณ์ สภาพการณ์ หรือกิจกรรมการเรียนรู้
ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ อันก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนมีความเจริญงอกงาม
และพัฒนาการทัง้ ทางกายและทางสมอง อารมณ์และสงั คม
2. หลักสูตรสถานศึกษาห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร
(Smart Chef Program : SCP) หมายถึง แนวการจัดประสบการณ์ ที่มีการจัดทำเป็นแผนการจัด
สภาพการเรียนรู้หรือโครงการพัฒนาการศึกษา โดยมีการกำหนดวิธีการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียน
เกิดผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมายตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ ให้กับนักเรียนห้องเรียน
การจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ที่กำลังศึกษา
อยใู่ นปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั เชยี งราย
โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รหอ้ งเรียนการจัดการครวั 9
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ
1. รายงานผลการจดั การศึกษาหลักสูตร ผลการจดั การเรยี นรหู้ ลักสตู รห้องเรยี นการจัดการ
ครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรียน
องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดเชยี งราย มีพฒั นาการทเ่ี ปน็ ไปในทิศทางที่ดขี ึน้ ในร้อยละ 80
- ผลการจดั โครงสรา้ งรายวชิ าเพม่ิ เตมิ
- ผลการเรียน
- ผลการปฏบิ ัตงิ านภาคปฏิบตั ิ
2. ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการของผู้บริหาร โดยหาแนวทาง
การพัฒนา ปรับปรุง การจัดการศึกษาหลักสูตรห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะ
การประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
มากยงิ่ ขน้ึ
3. ภาพแห่งความสำเร็จ
โรงเรียนองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสตู รหอ้ งเรยี นการจดั การครวั 10
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง
รายงานผลการดำเนินการหลักสูตรสถานศึกษา ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการ
ประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อรายงานผลการจัดการศึกษาตามหลักสูตรปกติ ห้องเรียนการจัดการครัว
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP) ของโรงเรียนองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดเชียงราย (2) เพื่อรายงานปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนรู้
หลักสูตรปกติ ห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program :
SCP) ของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ผู้ดำเนินการได้ศึกษาแนวคิด หลักการ
และงานศึกษาท่เี ก่ยี วข้องเอกสารท่ีเกยี่ วข้องดงั น้ี
1. การดำเนินการถอดบทเรียน
2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2
พ.ศ. 2545 กับการนำหลักสตู รการศกึ ษาขั้นพื้นฐานพทุ ธศกั ราช 2544 ไปใชใ้ นสถานศกึ ษา
3. หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานพทุ ธศักราช 2551
4. หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชียงราย
5. แนวทางการบริหารจดั การหลักสูตรสถานศกึ ษาของสถานศึกษา
6. ข้อมูลโรงเรยี นองค์การบริหารสว่ นจังหวัดเชยี งราย
7. การจัดการเรยี นรู้
8. โครงสร้างเวลาเรียนหอ้ งเรยี นการจดั การครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef
Program : SCP)
9. โครงสร้างเวลาเรียนรายชั้นปีห้องเรียนการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร
(Smart Chef Program : SCP)
การดำเนนิ การถอดบทเรียน
การดำเนินการถอดบทเรียนเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดในการถอดบทเรียน ผลที่ได้จากการ
ดำเนินกจิ กรรมนจี้ ะทำให้ทีมงานถอดบทเรียนและผ้รู ว่ มถอดบทเรียนเกดิ การเรียนรจู้ ากประสบการณ์
ในการปฏิบัติงานของผู้ร่วมถอดบทเรียน และได้แนวคิดใหม่ที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานต่อไป
การดำเนินการถอดบทเรยี นมขี ั้นตอนดังนี้
โรงเรยี นองค์การบริหารส่วนจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรห้องเรยี นการจัดการครัว 11
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ขั้นที่ 1 การถอดบทเรียน ทีมงานถอดบทเรียนควรแจ้งกำหนดการ ระยะเวลาและสถานท่ี
จะดำเนินการถอดบทเรียนให้กลุ่มเป้าหมายให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เตรียม
ความพร้อม และเข้าร่วมการถอดบทเรียนครบทุกคน การถอดบทเรียนมีขั้นตอนที่สำคัญ 5 ขั้นตอน
ดังน้ี (ศุภวลั ย์ พลายนอ้ ย, 2556:74)
1. การสร้างบรรยากาศในการถอดบทเรยี น
2. การกำหนดกตกิ าในการถอดบทเรยี น
3. การจัดกิจกรรมอนุ่ เครื่อง
4. การเข้าสปู่ ระเดน็ สำคัญของการถอดบทเรียน
5. การสรปุ ผลการถอดบทเรียน
ซึ่งสามารถอธบิ ายรายละเอียดข้นั ตอนในการถอดบทเรียนไดด้ ังนี้
1. การสร้างบรรยากาศในการถอดบทเรียนการสร้างบรรยากาศให้ผู้ร่วมถอด
บทเรียนเกิดความผ่อนคลายและมีความเป็นกันเองเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเริ่มต้น
การถอดบทเรียน ผู้อำนวยกระบวนการต้องดำเนินการสร้างบรรยากาศดังกล่าวให้เกิดขึ้นเมื่อทีมงาน
ถอดบทเรียนและผูเ้ ข้าร่วมถอดบทเรียนอยู่พร้อมหน้าการเริม่ ต้นสร้างบรรยากาศในการถอดบทเรยี น
ควรใช้เกมหรือเพลงประกอบท่าทางในการละลายพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมถอดบทเรียนและทีมงาน
ถอดบทเรียน เพื่อให้ทุกคนเกิดความสนุกสนานและได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมขั้นตอนต่อไป
กระบวนการต้องอธิบายให้ผู้เข้าร่วมถอดบทเรียนทราบว่าทุกคนที่เข้าร่วมถอดบทเรียน
มีความเสมอภาคกัน หมายความว่าต่อไปนี้จะไม่มีใครเป็นหัวหน้า เป็นผู้บริหาร เป็นลูกน้อง
เป็นนายก อบต. หรือเป็นชาวบ้าน แต่ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมดหากผู้อำนวยกระบวนการ
สามารถทำให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนทุกคนกลับไปเป็นเด็กได้จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เกิด
บรรยากาศมคี วามเป็นอสิ ระมากข้ึนและลดบรรยากาศท่ีเป็นทางการ ซ่งึ จะส่งผลใหผ้ ู้รว่ มถอดบทเรียน
เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งคำถามแปลก ๆ เกิดขึ้นในระหว่างการถอดบทเรียน นอกจากน้ี
การเรยี กเฉพาะชื่อของผู้ร่วมถอดบทเรียนจะชว่ ยใหบ้ รรยากาศท่ีผ่อนคลายมากกว่าการเรียกตำแหน่ง
ของผรู้ ่วมถอดบทเรียน อกี ทง้ั เปน็ การกระต้นุ ให้ผู้ร่วมถอดบทเรยี นมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมมากขน้ึ
2. การกำหนดกติกาในการถอดบทเรียนการกำหนดกติกาในการถอดบทเรียน
มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนเข้าใจในหน้าที่ของตนเอง สร้างบรรยากาศที่ดีในการ
ถอดบทเรียน และทำให้การถอดบทเรียนเกิดความราบรื่นวิธีการกำหนดกติกาในการถอดบทเรี ยน
ผู้อำนวยกระบวนการควรให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดกติกาเพื่อให้ทุกคนเกิด
ความสบายใจในระหว่างการถอดบทเรียนประเด็นสำคญั ที่ควรกำหนดในกตกิ าการถอดบทเรียน ได้แก่
โรงเรียนองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรหอ้ งเรยี นการจดั การครัว 12
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
2.1 เป้าหมายการถอดบทเรียน เพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนเกิดการเรียนรู้
จากการปฏิบตั กิ จิ กรรมทผ่ี ่านมา
2.2 วิธีการถอดบทเรียน ใช้การระดมความคิดของผู้ร่วมถอดบทเรียน
เน้นการแลกเปลยี่ นความคิดเห็น ไม่เนน้ การโตเ้ ถียงหรอื การทะเลาะวิวาท
2.3 หน้าที่ของผู้ร่วมถอดบทเรียน ทุกคนต้องให้ข้อเสนอแนะที่เป็น
ประโยชน์ในการปฏิบัติงานทุกคนต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและเสนอแนะแนวทาง
การปรับปรงุ วธิ ีการปฏิบตั งิ านให้ดีขน้ึ
2.4 ข้อพึงระวังในการถอดบทเรียน ต้องไม่มีการตำหนิบุคคลใด ๆ
ที่เข้าร่วมถอดบทเรียนและไม่มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ร่วมถอดบทเรียน เมื่อผู้ร่วมถอด
บทเรียนได้ร่วมกันกำหนดกติกาเรียบร้อย ผู้อำนวยกระบวนการควรบันทึกกติกาดังกล่าว
ลงในกระดาษฟลิปชาร์ตและติดไว้บนผนังห้องใหผ้ ูร้ ่วมถอดบทเรยี นมองเหน็ ทั่วทุกคน
3. การจัดกิจกรรมอุ่นเครื่องผู้อำนวยกระบวนการต้องชี้แจงให้ผู้ร่วมถอดบทเรียน
เกิดความเข้าใจในวัตถุประสงค์และวิธีการดำเนินกิจกรรม เพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้ทบทวน
ความทรงจำจากการเข้าร่วมกิจกรรมที่ผ่านมาวิธีการจัดกิจกรรมอุ่นเครื่อง ผู้อำนวยกระบวนการ
ควรเตรียมการเขียนวัตถุประสงคแ์ ละวธิ ีการดำเนินกจิ กรรมอย่างเป็นขน้ั ตอนลงในกระดาษฟลิปชาร์ต
ไว้ล่วงหน้า และนำมาใช้ประกอบการชี้แจงให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะนำไปสู่
ผลลัพธท์ ต่ี ้องการจากการถอดบทเรยี น
4. เขา้ สูป่ ระเดน็ สำคญั ของการถอดบทเรียนในการเร่ิมต้นการถอดบทเรยี น ผ้อู ำนวย
กระบวนการต้องอธิบายขั้นตอนการสกัดความรู้จากผู้ร่วมถอดบทเรียน และเป้าหมายของ
การถอดบทเรียนคอื รายงานผลการปฏบิ ัติงานและบทเรียนจากการปฏบิ ัติงานของผู้ร่วมถอดบทเรยี น
และกระตนุ้ ใหผ้ ูร้ ว่ มถอดบทเรียนได้ร่วมถอดบทเรียนตามลำดบั ขั้นตอนต่อไปน้ี
4.1 การเล่าประสบการณ์จากวธิ กี ารปฏบิ ตั ิงานของผรู้ ่วมถอดบทเรยี น
4.2 การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวิธีการปฏิบัติงานที่กำหนด
ในแผนปฏิบัตงิ านกบั วิธกี ารปฏิบัตงิ านจริง
4.3 การวิเคราะห์ผลการปฏิบตั งิ านท่ีทำไดเ้ ป็นอย่างดีของผู้ร่วมถอดบทเรียน
4.4 การให้ข้อเสนอแนะวธิ ีการปฏบิ ัตงิ านตอ่ ไปใหด้ ขี ึ้นของผู้ร่วมถอดบทเรียน
4.5 การวเิ คราะหอ์ ปุ สรรคที่เกิดขึ้นระหวา่ งการปฏิบตั ิงานผู้รว่ มถอดบทเรียน
4.6 การให้ข้อเสนอแนะวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอุปสรรคในการปฏิบัติงาน
ของผรู้ ่วมถอดบทเรยี น
โรงเรียนองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รหอ้ งเรยี นการจัดการครัว 13
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
4.7 ขอ้ เสนอแนะในสงิ่ ท่คี วรทำเพม่ิ เตมิ ในการปฏิบตั ิงานทผ่ี า่ นมาของผ้รู ว่ ม
ถอดบทเรียน
4.8 การประเมินความพึงพอใจผลการปฏิบัติงานท่ผี า่ นมาของผูร้ ่วมถอดบทเรียน
หน้าที่ของผู้จดบันทึกในระหว่างการถอดบทเรียนทั้ง 8 ข้ันตอน ผู้จดบันทึกต้องดำเนินการจดบันทึก
รายละเอียดข้อมูลทั้งหมดของผู้รว่ มถอดบทเรียน บันทึกเสียงการถอดบทเรียนทุกขั้นตอนและสังเกต
บรรยากาศในระหว่างการถอดบทเรียนพร้อมจดบันทกึ ไว้ประกอบการจดั ทำรายงานการถอดบทเรียน
วิธกี ารดำเนินงานในขัน้ ตอนการถอดบทเรยี น มรี ายละเอียดดังน้ี
4.1 การเลา่ ประสบการณ์จากวธิ ีการปฏิบัติงานของผู้ร่วมถอดบทเรียน
ผู้อำนวยกระบวนการเริ่มเปิดประเด็นให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนเล่าประสบการณ์จากวิธีการปฏิบัติงาน
ซึ่งควรใช้วิธีการแสวงหาอาสาสมัครที่จะเริ่มต้นเล่าประสบการณ์เป็นคนแรก ถ้าไม่มีใครสมัครใจ
ผู้อำนวยกระบวนการรีบดำเนินการปรับแผนโดยการต้องระบุชื่อผู้ร่วมถอดบทเรียนซึ่งอาจจะใช้ช่ือ
ที่เริ่มต้นด้วยพยัญชนะ ก เป็นผู้เล่าประสบการณ์เป็นคนแรก หรืออาจจะเลือกผู้ที่มีอายุมากเป็น
ผู้เริ่มต้นเล่าประสบการณ์ เป็นต้นระหว่างการเล่าประสบการณ์ของผู้ร่วมถอดบทเรียน ผู้อำนวย
กระบวนการควรเปิดโอกาสให้ผู้เล่าประสบการณ์มีความอิสระในการเล่าประสบการณ์ หากมี
ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา สามารถสอดแทรกประเด็นดังกล่าวได้
ในระหว่างการเล่าประสบการณ์หากผู้เล่าประสบการณ์ในลำดับต่อมากล่าวว่า ประสบการณ์ในการ
ปฏิบัติงานของตนเองเหมือนกับประสบการณ์ของคนก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยกระบวนการต้องตั้งคำถาม
ทันทีว่าประสบการณ์ที่เหมอื นกันมีเรื่องอะไรบ้าง การตั้งคำถามดังกล่าวทำให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้มี
โอกาสเล่าประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกบั กตกิ าทีก่ ำหนดไว้ในขั้นตน้
4.2 การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวิธีการปฏิบัติงานที่กำหนด
ในแผนปฏิบัติงานกับวิธีการปฏิบัติงานจริงก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนนี้ ผู้อำนวยกระบวนการ
ต้องเขียนขั้นตอนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงานลงในกระดาษฟลิปชาร์ตไว้ล่วงหน้า ผู้อำนวย
กระบวนการสรุปขั้นตอนการดำเนินงานของผู้ร่วมถอดบทเรียนจากการเล่าประสบการณ์ท่ี ผ่านมาลง
ในกระดาษฟลิปชาร์ตติดไว้บนกระดานด้านหน้า เพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนสามารถมองเห็นได้ทุกคน
ผู้อำนวยกระบวนการนำกระดาษฟลิปชาร์ตซึ่งมีรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติ
งานนำมาติดใกล้กับกระดาษ ฟลิปชาร์ตที่สรุปขั้นตอนการดำเนินงานของผู้ร่วมถอดบทเรียน
เพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้ศึกษารายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานทั้ง 2 ส่วนผู้อำนวยกระบวน
การเปิดประเด็นการสนทนาให้ผู้รว่ มถอดบทเรียนวเิ คราะห์เปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างข้ันตอน
การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงานและขั้นตอนการดำเนินงานของผู้ร่ วมถอดบทเรียนผู้อำนวย
โรงเรยี นองค์การบริหารสว่ นจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สตู รห้องเรยี นการจัดการครวั 14
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
กระบวนการควรสร้างบรรยากาศที่ดีให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอน
การดำเนินงานอยา่ งอสิ ระ
4.3 การวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงานที่ทำได้เป็นอย่างดีของผู้
ร่วมถอดบทเรียน ผู้อำนวยกระบวนการนำข้อมูลข้ันตอนการดำเนินงานของผู้ร่วมถอดบทเรียน
ที่เขียนในกระดาษฟลิปชาร์ตมานำเสนออีกครั้ง เพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้วิเคราะห์
ผลการปฏิบัติงานที่ทำได้ดี และค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้การปฏิบัติงานประสบผลสำเร็จ
ผู้อำนวยกระบวนการสรุปประเด็นจากการวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงานที่ทำได้ดีและสาเหตุที่ทำให้
การปฏิบตั ิงานประสบผลสำเรจ็ ลงในกระดาษฟลปิ ชาร์ต
4.4 การให้ข้อเสนอแนะวิธีการปฏิบัติงานต่อไปให้ดีขึ้นของผู้
ร่วมถอดบทเรียน ผู้อำนวยกระบวนการนำข้อมูล สรุปประเด็นจากการวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงาน
ที่ทำได้ดีและสาเหตุที่ทำให้การปฏิบัติงานประสบผลสำเร็จที่เขียนลงในกระดาษฟลิปชาร์ต
ให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้ศึกษาและค้นหาวิธีการปฏิบัติงานต่อไปให้ดีขึ้นกว่าเดิมผลลัพธ์ที่สำคัญ
ในขั้นตอนนี้คือ ต้องได้ข้อเสนอแนะหรือข้อสรุปแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์
กำหนดแนวทางการปฏบิ ัตงิ านที่เปน็ ประโยชน์ในอนาคต
4.5 การวิเคราะห์อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน
ผู้ร่วมถอดบทเรียน ผู้อำนวยกระบวนการนำข้อมูลขั้นตอนการดำเนินงานของผู้ร่วมถอดบทเรียน
ที่เขียนไว้ในกระดาษฟลิปชาร์ตมานำเสนออีกครั้ง เพื่อให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้วิเคราะห์อุปสรรค
ที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานและค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้การปฏิบัติงานไม่บรรลุเป้าหมาย
ผู้อำนวยกระบวนการสรุปประเด็นจากการวิเคราะห์อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน
และค้นหาสาเหตุหรอื ปัจจัยท่ีทำใหก้ ารปฏิบตั ิงานไม่บรรลเุ ป้าหมายลงในกระดาษฟลิปชาร์ต
4.6 การให้ข้อเสนอแนะวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอุปสรรคในการปฏิบัติงาน
ของผู้ร่วมถอดบทเรียนผู้อำนวยกระบวนนำข้อมูลสรุปประเด็นจากการวิเคราะห์อุปสรรคที่เกิดข้ึน
ระหว่างการปฏิบัติงานและค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้การปฏิบัติงานไม่บรรลุเป้าหมายที่เขียน
ในกระดาษฟลิปชาร์ตให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนได้ศึกษาและค้นหาวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอุปสรรค
ในการปฏิบัติงานผลลัพธ์ที่สำคัญในขั้นตอนนี้คือ ต้องได้ข้อเสนอแนะหรือข้อสรุปแบบเฉพาะเจาะจง
ซง่ึ สามารถนำไปใชป้ ระโยชน์กำหนดแนวทางการปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิดอุปสรรคในการปฏิบตั งิ านในอนาคต
4.7 ขอ้ เสนอแนะในสง่ิ ทคี่ วรทำเพ่ิมเตมิ ในการปฏิบตั ิงานท่ีผา่ นมาของผู้ร่วม
ถอดบทเรียนผู้อำนวยกระบวนการเริ่มเปิดประเด็นและกระตุ้นให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนให้ข้อเสนอแนะ
เพิ่มเติมในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ถ้าไม่มีข้อเสนอแนะใดๆจากผู้ร่วมถอดบทเรียนก็สามารถข้าม
ข้นั ตอนนไี้ ด้
โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรหอ้ งเรียนการจัดการครัว 15
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
4.8 การประเมินความพึงพอใจผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของผู้ร่วมถอด
บทเรียนการถอดบทเรียนในขั้นตอนสุดท้าย ผู้อำนวยกระบวนการต้องจัดเตรียมบัตรคำเพื่อให้ผู้ร่วม
ถอดบทเรียนทุกคนได้ประเมินความพึงพอใจในการปฏิบัติงานที่ผ่านมาการกำหนดค่าคะแนน
ความพึงพอใจ ค่าคะแนนความพึงพอใจน้อยที่สุดมีเท่ากับ 1และค่าคะแนนความพึงพอใจมากที่สุด
มคี า่ เทา่ กบั 10 ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้
ข้อพงึ ระวังในการถอดบทเรียน
ก่อนการถอดบทเรียน ผู้อำนวยกระบวนการควรจัดแบ่งเวลาการถอดบทเรียน
ในแต่ละขั้นตอนให้ความเหมาะสมในระหว่างการถอดบทเรียน ผู้อำนวยกระบวนการตอ้ งหมั่นสังเกต
พฤติกรรมของผู้เข้าร่วมถอดบทเรียนตลอดเวลา หากบรรยากาศในการถอดบทเรียนเริ่มเกิดความตึง
เครียด ให้ยุติการถอดบทเรียนทันที ซึ่งระยะเวลาในการผ่อนคลายของผู้ร่วมถอดบทเรียนควรอยู่
ระหว่าง 10-15 นาทคี วรจัดอาหารว่างและเคร่อื งด่ืมให้แกผ่ ูร้ ่วมถอดบทเรียนและทีมงานถอดบทเรยี น
ขน้ั ท่ี 2 การบนั ทกึ บทเรียน
การบันทึกบทเรียนเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของผู้จดบันทึก ในขั้นตอนนี้ผู้จดบันทึกต้อง
มีการปฏิบัติงานรวม 3 ขั้น คือ การเตรียมตัวก่อนการบันทึก การบันทึกข้อมูลการถอดบทเรียน
และการสรุปรายงานการถอดบทเรยี น โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี
1. การเตรียมตัวก่อนการบันทึกบทเรียน ผู้จดบันทึกควรเตรียมความพร้อมก่อนดำเนนิ การ
ถอดบทเรียนใน 4 ประเด็นคือศึกษารายละเอียดโครงการ ศึกษารายละเอียดการถอดบทเรียน
จัดเตรียมอุปกรณ์ในการบันทึกการถอดบทเรียน และเตรียมความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ
ซ่งึ มีรายละเอียดดังนี้
1.1 การศึกษารายละเอียดโครงการในการศึกษารายละเอียดโครงการ ผู้จดบันทึก
ควรนำรายละเอียดโครงการมาศึกษาให้เกิดความเข้าใจและดำเนินการจดบันทึกรายละเอียดโครงการ
ให้แล้วเสร็จ จะทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้นและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเขียนรายงาน
การถอดบทเรียน
1.2 การศึกษารายละเอียดการถอดบทเรียนข้อมูลที่ใช้จะเกี่ยวข้องกับการศึกษา
กรอบแนวคิดการถอดบทเรียน ขั้นตอนการถอดบทเรียน และประเด็นคำถามในการถอดบทเรียน
มีรายละเอียดดังนี้การศึกษากรอบแนวคิดการถอดบทเรียน ผู้จดบันทึกควรนำกรอบแนวคิด
การถอดบทเรียนมาศึกษาให้เกิดความเข้าใจในภาพรวมของการถอดบทเรียนทั้งหมด วัตถุประสงค์
ของการถอดบทเรียน และสามารถนำหัวข้อและประเด็นที่ปรากฏในกรอบแนวคิดการถอดบทเรียน
เขยี นบรรยายเป็นเน้ือเร่ืองในเชิงพรรณนาและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเขียนรายงานการถอด
โรงเรยี นองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรหอ้ งเรียนการจัดการครัว 16
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
บทเรียนการศึกษาขั้นตอนการถอดบทเรียน ผู้จดบันทึกควรนำขั้นตอนการถอดบทเรียนมาศึกษา
ให้เกิดความเข้าใจในแต่ละขั้นตอน มีวิธีการดำเนินงานอย่างไรบ้าง เพื่อวางแผนการจดบันทึกข้อมูล
สำคัญที่จะเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนการศึกษาประเด็นคำถามในการถอดบทเรียน จากประเด็นคำถาม
ซึ่งทมี งานถอดบทเรยี นกำหนดไว้ ผ้จู ดบันทกึ สามารถนำข้อมูลประเด็นคำถามดังกล่าวไปใช้ประโยชน์
ในการจัดทำแบบฟอร์มบนั ทกึ บทเรียน
1.3 การจัดเตรียมอุปกรณ์ในการบันทึกการถอดบทเรียนอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้
ในการบันทึกการถอดบทเรียน ได้แก่ แบบฟอร์มบันทึกบทเรียน เครื่องบันทึกเสียง แถบบันทึกเสียง
แบตเตอร่ี และสมุดบันทึก
1) การจัดทำแบบฟอร์มบันทึกบทเรียนผู้จดบันทึกสามารถนำข้อมูล
ประเด็นคำถามใช้ในการจัดทำแบบฟอร์มบันทึกบทเรยี น ซ่ึงจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้จดบันทึก
ในระหวา่ งการถอดบทเรียน
แบบฟอรม์ บนั ทกึ บทเรยี น มรี ายละเอยี ดดังนี้
แบบบนั ทกึ บทเรยี นในโครงการ….........................................................................
หนว่ ยงานรบั ผิดชอบ.............................................................................................
วัน/เดือน/ปี ทถี่ อดบทเรียน.......................................................................................
รายชื่อผู้รว่ มถอดบทเรียน......................................................................................
รายชอื่ ทีมงานถอดบทเรยี น...................................................................................
รายชื่อผูอ้ ำนวยกระบวนการ..................................................................................
วัตถปุ ระสงค์ของการถอดบทเรียน.........................................................
รายละเอยี ดของโครงการ.....................................................................................
วิธีปฏิบัติงานของผู้รว่ มถอดบทเรียน.............................................................
วิธปี ฏบิ ัตงิ านท่ีกำหนดในแผนปฏบิ ัตงิ านของโครงการ................................................
เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของวิธีปฏบิ ตั ิงานของผู้ร่วมถอดบทเรยี นกับวธิ ี
ปฏบิ ัติงานที่กำหนดในแผนปฏบิ ตั ิงานของโครงการ.....................................
สิ่งท่ีทำได้ดีจากการปฏิบัติงานของผรู้ ว่ มถอดบทเรียน..........................................
สาเหตุที่ทำได้ด.ี ..............................................................................................
ข้อเสนอแนะวธิ ปี ฏิบตั งิ านต่อไปใหด้ ีข้ึน.......................................................
อุปสรรคในการปฏบิ ตั ิงาน...................................................................
สาเหตุของการเกิดอุปสรรคในการปฏิบัติงาน..........................................
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรห้องเรียนการจัดการครวั 17
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ข้อเสนอแนะวธิ ปี ้องกนั ไมใ่ ห้เกดิ อุปสรรคในการปฏิบัตงิ าน......................
ขอ้ เสนอแนะสิง่ ทคี่ วรกระทำเพ่ิมเติมในการปฏบิ ตั ิงานที่ผา่ นมา.................................
วธิ ีการปฏิบัตงิ านทจ่ี ะทำใหค้ ะแนนความพงึ พอใจเพ่ิมข้ึนในการปฏิบัตงิ านต่อไป
2) การจัดเตรียมเครื่องบันทึกเสียงและอุปกรณ์ผู้จดบันทึกควรจัดหาเครื่อง
บันทึกเสียงที่มีคุณภาพดี ใช้งานสะดวก ผู้จดบันทึกควรทดลองใช้งานเครื่องบันทึกเสียงก่อนวันที่
จะดำเนินการถอดบทเรียน เพื่อทดสอบคุณภาพของเครื่องบันทึกเสียงว่าสามารถใช้งานได้จริง
และได้ทดลองใช้งานจริงทำใหเ้ กดิ ความคล่องตัวในการใช้เครื่องบนั ทึกเสียงเคร่ืองบันทึกเสียงที่ต้องใช้
แถบบันทึกเสียง ผู้จดบันทึกควรจัดเตรียมแถบบันทึกเสียงให้มีปริมาณเพียงพอกับระยะเวลา
ที่ต้องบันทึกเสียงระหว่างการถอดบทเรียน ส่วนเครื่องบันทึกเสียงที่ไม่ต้องใช้แถบบันทึกเสียง ได้แก่
เครอื่ งMP3 หรอื MP4 ผจู้ ดบนั ทึกต้องคดั ลอกหรือลบไฟลข์ ้อมลู ในเคร่ืองบันทกึ เสยี งเพื่อให้มีพ้ืนที่ว่าง
ในการบันทึกเสียงเพียงพอกับระยะเวลาที่ต้องบันทึกเสียงในกรณีที่เครื่องบันทึกเสียงไม่สามารถ
ใช้ไฟฟ้าและต้องใช้เฉพาะแบตเตอรี่เท่านั้น ผู้จดบันทึกควรจัดเตรียมแบตเตอรี่สำรองให้เพียงพอ
กับระยะเวลาที่ต้องบันทึกเสยี งในระหว่างการถอดบทเรียน
3) การจัดเตรียมสมุดบันทึกสมุดบันทึกเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการปฏิบัติงาน
ของผู้จดบันทึก การจดั เตรียมสมุดบันทึกที่ดีควรมีจำนวนหน้าเพียงพอต่อการจดบันทึกข้อมูลระหว่าง
การถอดบทเรียนการเตรียมสมุดบันทึกไว้พร้อมใช้งานทำให้การปฏิบัติงานของผู้จดบันทึก
มคี วามคล่องตัว เมอื่ จดบันทกึ ข้อมูลเสรจ็ แล้วสามารถนำไปเกบ็ ไวไ้ ด้เป็นระเบยี บและเกิดความสะดวก
ในการคน้ หา
1.4 การเตรียมความพร้อมทางร่างกายและจิตใจในการเตรียมความพร้อม
ทางร่างกาย ผู้จดบันทึกควรออกกำลังกายให้ร่างกายเกิดความกระฉับกระเฉง สมองเกิดความตื่นตัว
และควรบริหารมือให้มีความพร้อมในการจดบันทึก นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดและควรนอนหลับพักผ่อนในช่วงกลางคืนให้เพียงพอ
อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนที่จะดำเนินการถอดบทเรียนในวันรุ่งขึ้นส่วนการเตรียมความพร้อม
ทางจิตใจ ควรฝึกสมาธิให้มีความมั่นคง ทำจิตใจให้เบิกบาน มองโลกในแง่ดีและเห็นคุณค่าของการ
จดบันทึกข้อมูลจากการถอดบทเรียน ซึ่งมีผลทำให้ทีมงานถอดบทเรียน ผู้ร่วมถอดบทเรียน
และผสู้ นใจเกิดได้นำข้อมูลดงั กลา่ วไปใชป้ ระโยชน์ในการเรียนรหู้ ลังจากเสรจ็ สิ้นการถอดบทเรียน
2. การบันทึกข้อมูลการถอดบทเรียน สิ่งที่ต้องดำเนินการ เมื่อเริ่มต้นการถอดบทเรียน
ผู้จดบันทึกควรเปิดเครื่องบันทึกเสียงและดำเนินการบันทึกเสียงตั้งแต่การสร้างบรรยากาศ
ในการถอดบทเรียน การกำหนดกติกาในการถอดบทเรียน การจัดกิจกรรมอุ่นเครื่อง
และการถอดบทเรียนข้อมลู ท่ตี ้องจดบันทึกระหวา่ งการถอดบทเรยี น มดี ังน้ี
โรงเรยี นองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สตู รหอ้ งเรียนการจดั การครัว 18
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
2.1 ข้อมูลขั้นตอนและวิธีการจัดกิจกรรมถอดบทเรียน โดยเริ่มต้นจาก
การสร้างบรรยากาศในการถอดบทเรียน การกำหนดกติกาในการถอดบทเรียน การจัดกิจกรรม
อนุ่ เครื่อง และการถอดบทเรยี นซงึ่ เปน็ กจิ กรรมสดุ ทา้ ย
2.2 ข้อมูลจากการเล่าเรื่อง การวิเคราะห์ และการอภิปรายของผู้ร่วมถอดบทเรียน
ในขั้นตอนการถอดบทเรียน ซึ่งผู้จดบันทึกควรนำแบบฟอร์มการถอดบทเรียนมาใช้ประโยชน์
ในการจดบันทึกข้อมูลตามประเดน็ ท่ีกำหนดไว้
2.3 ข้อมูลบรรยากาศระหว่างการถอดบทเรียน ซึ่งเริ่มตั้งแต่การสร้างบรรยากาศ
ในการถอดบทเรียน การกำหนดกติกาในการถอดบทเรียน การจัดกิจกรรมอุ่นเครื่อง และการถอด
บทเรียนเมื่อสิ้นสุดการถอดบทเรียน ผู้จดบันทึกต้องตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูล
อีกครัง้
3. การสรุปรายงานการถอดบทเรียนเมื่อเสร็จสิ้นการถอดบทเรยี น ผู้จดบันทึกจะต้องอ่าน
รายงานการถอดบทเรียนให้ผู้ร่วมถอดบทเรียนและทีมงานถอดบทเรียนได้รับทราบข้อมูล
ที่ได้จดบนั ทกึ ทง้ั หมด หากมีข้อมูลในขนั้ ตอนใดท่ไี มช่ ดั เจนหรือไม่สมบรู ณ์ ผู้จดบนั ทกึ สามารถเพิ่มเติม
รายละเอียดของข้อมูลดังกล่าวตามข้อเสนอแนะของผู้ร่วมถอดบทเรียนและทีมงานถอดบทเรียน
เพอ่ื ให้ขอ้ มลู มคี วามสมบูรณ์
พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิม่ เตมิ พ.ศ. 2553)
1. หมวด 1 บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการ
พระราชบัญญัติฉบับนี้มีเจตนารมณ์ที่ต้องการเน้นย้ำว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไป
เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม
มีจริยธรรมและวฒั นธรรมในการดำรงชวี ิตสามารถอยู่รว่ มกบั ผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข
2. การจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังน้ี
1) เป็นการศกึ ษาตลอดชวี ิตสำหรับประชาชน
2) ให้สงั คมมีส่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษา
3) การพฒั นาสาระและกระบวนการเรียนรใู้ ห้เป็นไปอย่างตอ่ เนือ่ ง
3. สำหรบั เรือ่ งการจัดระบบ โครงสรา้ งและกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยดึ หลกั ดังนี้
1) มีเอกภาพดา้ นนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏบิ ัติ
2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครอง
สว่ นทอ้ งถ่ิน
โรงเรียนองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรหอ้ งเรียนการจดั การครวั 19
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
3) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาและจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุก
ระดับและประเภท
4) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากร
ทางการศึกษาอยา่ งต่อเนอ่ื ง
5) ระดมทรพั ยากรจากแหลง่ ตา่ ง ๆ มาใชใ้ นการจดั การศกึ ษา
6) การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถิ่น เอกชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคม
4. หมวด 2 สทิ ธิและหนา้ ทที่ างการศกึ ษา
1) บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า
สบิ สองปี ที่รฐั ต้องจัดให้อยา่ งท่วั ถงึ และมคี ณุ ภาพโดยไมเ่ กบ็ ค่าใชจ้ ่าย
2) บุคคล ซึ่งมีความบกพร่องทางด้านต่าง ๆ หรือมีร่างกายพิการ
หรอื มีความตอ้ งการเปน็ พเิ ศษ หรือผู้ดอ้ ยโอกาสมสี ิทธแิ ละโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเปน็ พเิ ศษ
3) บิดามารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลในความดูแลได้รับ
การศึกษาทง้ั ภาคบงั คับ และนอกเหนอื จากภาคบังคับตามความพร้อมของครอบครวั
4) บิดามารดา บุคคล ชุมชน องค์กร และสถาบันต่าง ๆ ทางสังคมที่สนับสนุน
หรือจดั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน มสี ทิ ธิได้รับสทิ ธปิ ระโยชนต์ ามควรแกก่ รณีดงั นี้
- การสนับสนุนจากรัฐให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดูและ
ให้การศึกษาแก่บตุ รหรือผซู้ ่ึงอยูใ่ นความดแู ล รวมทง้ั เงินอดุ หนุนสำหรบั การจัดการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
- การลดหยอ่ นหรือยกเว้นภาษีสำหรบั คา่ ใช้จา่ ยการศึกษา
5. หมวด 3 ระบบการศกึ ษา
1) การจดั การศกึ ษามีสามรปู แบบ คือ
- การศกึ ษาในระบบ - การศกึ ษานอกระบบ - การศึกษาตามอัธยาศยั
สถานศึกษาจัดได้ทั้งสามรูปแบบ และให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ระหว่างรปู แบบ
เดยี วกนั หรอื ต่างรูปแบบได้ ไมว่ า่ จะเป็นผลการเรยี นจากสถานศึกษาเดยี วกนั หรือไม่กต็ าม
2) การศึกษาในระบบมสี องระดับ คอื
- การศึกษาขั้นพ้นื ฐานซึ่งจดั ไม่น้อยกวา่ 12 ปี ก่อนระดับอุดมศึกษา
- ระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น 2 คือ ระดบั ตำ่ กวา่ ปริญญาและระดบั ปรญิ ญา
3) ให้มีการศึกษาภาคบังคับเก้าปี นับจากอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด จนอายุย่างเข้าปีที่สิบหกหรือ
เม่อื สอบไดช้ ้นั ปีท่เี ก้าของการศกึ ษาภาคบังคบั
4) สำหรับเร่อื งสถานศึกษานั้น การศกึ ษาปฐมวยั และการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ให้จัดใน
โรงเรยี นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรหอ้ งเรยี นการจัดการครัว 20
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
1) สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั
2) โรงเรยี น ไดแ้ ก่ โรงเรยี นของรฐั เอกชน และโรงเรยี นท่สี งั กัดสถาบันศาสนา
3) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล
ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน
ศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบนั ทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่น
เปน็ ผู้จัด
6. หมวด 4 แนวการจดั การศกึ ษา
- การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ผู้เรียนทุกคน สามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ ดังนั้นกระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน ได้พัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มตามศกั ยภาพ
- การจัดการศึกษาทั้งสามรูปแบบในหมวด 3 ต้องเน้นทั้งความรู้ คุณธรรม และกระบวนการ
เรยี นรู้ ในเร่อื งสาระความรู้
7. หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา
ส่วนท่ี 1 การบรหิ ารและการจัดการศกึ ษาของรัฐ
- แบ่งเป็นสามระดับ คือ ระดับชาติ ระดับเขตพื้นที่การศกึ ษาและระดับสถานศึกษา
เพ่อื เปน็ การกระจายอำนาจลงไปสทู่ ้องถิน่ และสถานศึกษาใหม้ ากท่สี ดุ
1.1 ระดับชาติ ให้มีกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีอำนาจหน้าที่ กำกับดูแล
การศึกษาทุกระดับและทุกประเภทรวมทั้ง การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม กำหนดนโยบาย
แผน และมาตรฐานการศึกษาสนับสนุนทรัพยากรรวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล
การจัดการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม กระทรวง มีองค์กรหลักที่เป็นคณะ บุคคลในรูปสภา
หรือคณะกรรมการสี่องค์กร คือ สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ คณะกรรมการ
การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน
คณะกรรมการการอุดมศึกษา คณะกรรมการการศาสนาและวฒั นธรรม
1.2 ระดับเขตพน้ื ที่การศึกษา การบรหิ ารและการจัดการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานและการอุดมศึกษา
ระดับตำ่ กว่าปรญิ ญา ให้ยึดเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาโดยคำนึงถึงปริมาณสถานศกึ ษา และจำนวนประชากร
เปน็ หลกั
1.3 ระดับสถานศึกษา ให้แต่ละสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และสถานศึกษาอุดมศึกษาระดับ
ต่ำกว่าปริญญา มีคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อทำหน้าที่กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการ
ของสถานศึกษาและจัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกั บสภาพปัญหาในชุมชนและสังคมภูมิ
ปัญญาทอ้ งถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คณะกรรมการสถานศึกษาประกอบด้วย ผแู้ ทน ผู้ปกครอง
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รห้องเรียนการจัดการครัว 21
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ผู้แทนครู ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนศิษย์เก่าของสถานศึกษา
และผู้ทรงคุณวุฒิ และให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการ ทั้งนี้
ใหก้ ระทรวงกระจายอำนาจ ทง้ั ด้านวชิ าการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารทั่วไป
ไปยังคณะกรรมการและสำนักงานการศึกษาฯ เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาโดยตรง
8. หมวด 6 มาตรฐานและการประกนั คุณภาพการศึกษา
- ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วยระบบการประกัน
คุณภาพภายใน ระบบการประกันคณุ ภาพภายนอก
- หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกับคุณภาพภายใน
ซง่ึ เป็นสว่ นหนงึ่ ของการบรหิ าร และจดั ทำรายงานประจำปีเสนอต่อหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้องและเปิดเผย
ต่อสาธารณชน
- ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ทกุ ห้าปี โดยสำนักงานรบั รองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ซง่ึ เปน็ องค์การมหาชน
9. หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา
- ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ตามมาตรา 53 ทำให้เกิด พรบ. สภาครูและบุคลากร
ทางการศึกษา 2546
- ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู ตามมาตรา 54 ทำให้เกิด
พรบ. ระเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
- ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาอื่น
ทง้ั ของรัฐและเอกชน ต้องมใี บอนญุ าตประกอบวชิ าชพี
ทั้งนี้ ยกเว้น ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย จัดการศึกษาในศูนย์การเรียน วิทยากรพิเศษ
และผู้บรหิ ารการศึกษาระดบั เหนือเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
10. หมวด 8 ทรัพยากรและการลงทนุ เพื่อการศกึ ษา
- ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน
ท้ังจากรฐั องค์กร ปกครองสว่ นท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน เอกชน องค์กรเอกชน
องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอน่ื และตา่ งประเทศมาใช้จดั การศึกษา
- สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล มีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา
ใช้และจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถานศึกษา ทั้งที่เป็นที่ราชพัสดุ และที่เป็นทรัพย์สินอ่ืน
รวมทั้งหารายได้จากบริการของสถานศึกษาที่ไม่ขัดกับภารกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ที่สถานศึกษา
โรงเรยี นองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รหอ้ งเรยี นการจัดการครัว 22
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ของรัฐได้มา ทั้งจากผู้อุทิศให้หรือซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษา ให้เป็นกรรมสิทธิ์
ของสถานศึกษา บรรดารายได้และผลประโยชน์ต่าง ๆ ของสถานศึกษาของรัฐดังกล่าว ไม่เป็นรายได้
ทตี่ อ้ งสง่ กระทรวงการคลงั
11. หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศกึ ษา
- รัฐจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการ
ส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่น เพื่อประโยชน์
สำหรบั การศึกษา การทะนุบำรงุ ศาสนา ศลิ ปะและวฒั นธรรมตามความจำเปน็
- รัฐส่งเสรมิ สนับสนนุ ให้มีการศึกษาและพฒั นา การผลิตและพฒั นาแบบเรยี น ตำรา
สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยจัดให้มีเงินสนับสนุน และเปิดให้
มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยี
เพอื่ การศกึ ษา
- ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกที่ทำได้
อนั จะนำไปสู่การแสวงหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื งตลอดชวี ิต
- ให้มีการระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
จากเงินอุดหนุนของรัฐ ค่าสัมปทานและผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการ ด้านสื่อสารมวลชน
เทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กร
ประชาชน รวมทั้งให้มีการลดอัตราค่าบริการเป็นพิเศษในการใช้เทคโนโลยี ให้มีหน่วยงานกลาง
ทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม และประสานการศึกษา การพัฒนาและการใช้
รวมทัง้ การประเมนิ คุณภาพและประสทิ ธภิ าพของการผลิตและการใช้เทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา
การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3)
พ.ศ.2553
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ถือว่าเป็นความพยายามที่จะทำการปฏิรูป
การศึกษาครั้งสำคญั ซึง่ ดำเนินการจดั ทำขึน้ ด้วยความรว่ มมือจากหลายฝา่ ย ไมว่ ่าจะเปน็ ฝา่ ยการเมือง
ฝ่ายข้าราชการ ครู อาจารย์ บุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชน องค์กร และสถาบันต่าง ๆ
มีการศึกษาปัญหา ประมวลองค์ความรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีการระดมผู้รู้
นักปราชญ์มาชว่ ยกนั คิด ช่วยกันสร้างเปา้ หมายของการศกึ ษาไทย
โรงเรยี นองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสตู รหอ้ งเรยี นการจัดการครวั 23
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายที่กำหนดขึ้นเพื่อแก้ไข
หรือแก้ปัญหาทางการศึกษา และถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปการศึกษา อาจสรุป
หลกั การสำคญั ได้ 7 ดา้ น ดังน้ี
1. ด้านความเสมอภาคของโอกาสทางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ปรากฏตามนยั มาตรา 10 วรรค
1 คือ การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย มาตรา 8
(1) การจัดการศกึ ษาให้ยดึ หลักว่าเปน็ การศกึ ษาตลอดชวี ิตสำหรับประชาชน
2. ด้านมาตรฐานคุณภาพการศึกษา ปรากฏตาม มาตรา 9 (3) กำหนดมาตรฐานการศึกษา
และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา และ มาตรา 47 ให้มีระบบ
ประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย
ระบบประกันคณุ ภาพภายในและระบบประกนั คณุ ภาพภายนอก
3. ดา้ นระบบบรหิ ารและการสนับสนนุ ทางการศกึ ษา ปรากฏตาม มาตรา 9 (2) การจดั ระบบ
โครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้ (1) มีเอกภาพด้านนโยบายและหลากหลาย
ในการปฏิบัติ (2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น (3) ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้จัดการศึกษา (4) การมีส่วนร่วมของบุคคล
ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน
ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสงั คมอ่ืน ๆ
มาตรา 43 การบรหิ ารและการจัดการศึกษาของเอกชน ให้มีความเปน็ อิสระ โดยมกี ารกำกับ
ติดตาม การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากรัฐ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาเช่นเดียวกับการศกึ ษาของรฐั
4. ด้านครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ปรากฏตาม มาตรา 9 (4) มีหลักการ
ส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครู คณาจารย์
และบคุ ลากรทางการศึกษาอย่างต่อเน่ือง
มาตรา 52 ให้กระทรวงส่งเสริมให้มีระบบ กระบวนการผลิต การพัฒนาครู คณาจารย์
และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ และมาตรฐานที่เหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง
โดยการกำกับและประสานให้สถาบันที่ทำหน้าที่ผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ รวมทั้งบุคลากร
ทางการศึกษาให้มีความพร้อมและมีความเข้มแข็งในการเตรียมบุคลากรใหม่และการพัฒนาบุคลากร
ประจำการอย่างต่อเนื่อง รัฐพึงจัดสรรงบประมาณและจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์
และบุคลากรทางการศกึ ษาอยา่ งเพยี งพอ
โรงเรยี นองค์การบริหารส่วนจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรห้องเรยี นการจัดการครัว 24
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
5. ด้านหลักสูตร ปรากฏตาม มาตรา 8 (3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้
ให้เป็นไปอย่างต่อเนือ่ ง มาตรา 27 ให้คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกำหนดหลกั สูตรภาคบังคับ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อความเป็นไทย ความเป็นพล เมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต
และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระ
ของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม
และประเทศชาติ
มาตรา 28 หลักสูตรสถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งหลักสูตรสถานศึกษาสำหรับบุคคลพิการ
ต้องมีลักษณะหลากหลาย ทั้งนี้ให้จัดตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต
ของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัยและศกั ยภาพ
สาระของหลักสูตรทั้งที่เป็นวิชาการและวิชาชีพ ต้องมุ่งพัฒนาคนให้มีความสมดุล
ทง้ั ดา้ นความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศกึ ษา นอกจากคุณลักษณะในวรรคหนึ่งและวรรคสอง
แล้ว ยงั มคี วามมุ่งหมายเฉพาะท่ีจะพฒั นาวชิ าการ วิชาชพี ชั้นสูง และด้านการค้นคว้า วจิ ัย เพ่ือพัฒนา
องคค์ วามรแู้ ละพัฒนาทางสังคม
มาตรา 24 (1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัด
โดยคำนงึ ถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล
6. ด้านกระบวนการเรียนรู้ ปรากฏตาม มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียน
ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการ
จัดการศกึ ษาต้องส่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี นสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ
มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ใหส้ ถานศึกษาและหน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้องดำเนนิ การ
ดังนี้ (1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญ
สถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา (3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้คิดได้ คิดเป็น ทำเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รู้
อย่างตอ่ เน่อื ง (4) จัดการเรยี นการสอนโดยผสมผสานสาระความรดู้ ้านต่าง ๆอยา่ งได้สดั ส่วนสมดุลกัน
รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
(5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ครูสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อมสื่อการเรียน และอำนวย
ความสะดวกเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึง
ของกระบวนการจัดการเรียนรู้ ทั้งนี้ครูและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกัน จากสื่อการเรียนการสอน
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรห้องเรยี นการจัดการครวั 25
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
และแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ (6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสาน
ความร่วมมือกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียน
ตามศกั ยภาพ
มาตรา 25 รัฐต้องเร่งส่งเสริมการดำเนินงาน และการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ทุกรูปแบบ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมดุ ประชาชน พิพธิ ภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์
อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูล และแหล่งการเรียนรู้
อนื่ อย่างพอเพยี งและมปี ระสทิ ธิภาพ
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน
ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบควบคู่
ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดบั และรปู แบบการศึกษา
มาตรา 8 (1) และ (3) การจัดการศึกษายึดหลักดังนี้ (1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับ
ประชาชน (3) การพฒั นาสาระและกระบวนการเรียนร้ใู ห้เป็นไปอยา่ งต่อเนื่อง
7. ด้านทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ปรากฏตาม มาตรา 9 (5) การจัดระบบ โครงสร้าง
และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้ (5) ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการ
จดั การศกึ ษา
มาตรา 58 ให้มีการระดมทรัพยากรการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน
ทั้งจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน เอกชน องค์กรเอกชน
องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอื่น และต่างประเทศ มาใช้ในการจัด
การศกึ ษา
มาตรา 60 ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษา ในฐานะที่มีความสำคัญสูงสุด
ตอ่ ความม่ันคงย่ังยนื ของประเทศ โดยจัดสรรเปน็ เงินงบประมาณเพื่อการศกึ ษา
จากหลักการสำคัญดังกล่าวข้างต้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน
เปน็ สำคัญ คอื
1. ด้านหลักสูตร กล่าวถึงการปฏิรูปหลักสูตรให้ต่อเนื่อง เชื่อมโยง มีความสมดุลในเนื้อหา
สาระ ทั้งที่เป็นวิชาการ วิชาชีพ และวิชาว่าด้วยความเป็นมนุษย์ และให้มีการบูรณาการเนื้อหา
หลากหลายทม่ี ีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ได้แก่
1.1 เนอื้ หาเกยี่ วกบั ตนเองและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งตนเองกบั สงั คม
1.2 เนื้อหาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การบำรุงรักษา ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและ
สง่ิ แวดล้อม
1.3 เนื้อหาเกีย่ วกับศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย
โรงเรยี นองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รหอ้ งเรยี นการจัดการครวั 26
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
1.4 เน้อื หาความรู้และทกั ษะด้านคณติ ศาสตรแ์ ละภาษา เน้นการใชภ้ าษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง
1.5 เน้ือหาความรูแ้ ละทักษะในการประกอบอาชพี และการดำรงชวี ติ อย่างมีความสุข
2. ด้านกระบวนการเรียนรู้ กล่าวถึง กระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถ
เรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองได้ โดยถือวา่ ผ้เู รียนมีความสำคัญทีส่ ุด กระบวนการจดั การศึกษาต้องส่งเสริม
ให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ และเป็นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอด
ชีวิต ดังข้อมูลที่ระบุไว้เป็นหัวใจของการปฏิรูปการศึกษาที่สำนักนโยบายและแผนการศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2543) ได้สรุปถึงลักษณะกระบวนการจัดการ
เรียนรู้ในสาระของพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ ไว้ดังนี้
2.1 มีการจัดเนือ้ หาท่ีสอดคลอ้ งกับความสนใจ ความถนัดของผูเ้ รียน
2.2 ให้มกี ารเรียนรู้จากประสบการณ์และฝึกนสิ ัยรกั การอ่าน
2.3 จดั ให้มีการฝึกทักษะกระบวนการและการจดั การ
2.4 มกี ารผสมผสานเนื้อหาสาระด้านตา่ งๆ อย่างสมดุล ปลูกฝังคุณธรรม
2.5 จดั การส่งเสรมิ บรรยากาศการเรยี นเพ่อื ใหเ้ กดิ การเรยี นรูแ้ ละรอบรู้
2.6 จัดใหม้ กี ารเรยี นร้ไู ดท้ กุ เวลา ทุกสถานที่ และให้ชุมชนมีส่วนรว่ มในการจดั การเรยี นรูด้ ว้ ย
3. ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้โดยผู้เรียน
เป็นสำคัญ จะต้องประเมินผู้เรียนตามสภาพจริง โดยการใช้วิธีการประเมินผู้เรียนหลาย ๆ วิธี ได้แก่
การสงั เกตพฤติกรรมการเรียนและการรว่ มกิจกรรม การใชแ้ ฟ้มสะสมงาน การทดสอบ การสัมภาษณ์
ควบคไู่ ปกบั กระบวนการเรียนการสอน ผู้เรยี นจะมโี อกาสแสดงผลการเรียนรู้ไดห้ ลายแบบ ไม่เพียงแต่
ความสามารถทางผลสัมฤทธ์ิการเรียนซึ่งวัดได้โดยแบบทดสอบเทา่ น้ัน การวัดและการประเมินผลการ
เรียนรู้แบบนี้แสดงให้เห็นความแตกต่างอันเกิดจากผลการพัฒนาตนเองของผู้เรียนในด้านต่าง ๆ
ได้ชัดเจนมากขน้ึ
หลักสูตรและองค์ประกอบของหลกั สตู ร
ความหมายของหลกั สตู ร
ในแวดวงนักศึกษาผู้ให้ความหมายของหลักสูตรไว้มากมาย โดยไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็น
พ้องกับความหมายใดเพียงความหมายเดียว เพราะหลักสูตรเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
แต่อาจแบ่งกลุ่มความหมายของหลักสูตรได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มความหมายที่เน้นถึงเน้ือหาสาระ
ที่จะต้องเรียนรู้ 2) กลุ่มความหมายที่เน้นความหมายสำคัญของจุดหมายที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน
และ 3) กลมุ่ ความหมายทเ่ี น้นกระบวนการที่จะพัฒนาผเู้ รียน
โรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รหอ้ งเรียนการจัดการครัว 27
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
กาญจนา คุณารกั ษ์ (2535 : 1-4) ได้รวบรวมความหมายหลักสูตรไว้ดังน้ี
1. หลักสตู ร คอื รายวิชาหรือรายการเน้อื หาท่ีสอนโรงเรยี น
2. หลกั สูตร คือ ประสบการณท์ ีจ่ ดั ให้แกผ่ ู้เรยี น
3. หลกั สตู ร คือ กิจกรรมการเรยี นการสอนและวสั ดอุ ปุ กรณ์
4. หลักสูตร คือ สิ่งที่โรงเรียน ผู้ปกครอง คาดหมายหรือมุ่งหวังจะให้ผู้เรียนได้รับหรือ
มีคณุ สมบัตใิ นสิ่งน้นั ๆ
5. หลกั สูตร คือ พาหนะที่จะนำผู้เรียนไปสูค่ วามสำเรจ็ ตามเปา้ หมายของการศกึ ษา
6. หลกั สตู ร คือ สิง่ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ ทางการเรียน และสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
7. หลกั สูตร คือ กระบวนการปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างครู นกั เรยี น และสิง่ แวดลอ้ มการเรียน
8. หลักสูตร คือ แผนหรือแนวทาง หรือข้อกำหนดในการจัดการศกึ ษาของโรงเรยี น
9. หลักสูตร คือ เอกสาร หนังสือหลักสูตร และเอกสารประกอบหลักสูตรใด ๆ เช่น
แผนการสอน คูม่ อื ครู แบบเรยี น เปน็ ตน้
10.หลกั สูตร คอื วิชาความรสู้ าขาหน่ึงท่ีวา่ ด้วยทฤษฎี หลักการ และแนวปฏบิ ตั ิในการพัฒนา
หลกั สตู ร
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2537 : 12) ได้ให้แนวคิดวา่ หลักสูตร คือ มวลประสอบการณ์ทัง้ ปวงท่จี ัดให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ครบถ้วนตามมาตราฐานคุณภาพสากล มาตรฐานความเป็นชาติไทยและ
มาตรฐานทช่ี มุ ชนทอ้ งถ่นิ ตอ้ งการ
สงัด อทุ รานนั ท์ (2538 : 6) กลา่ ว หลักสูตร หมายถงึ ลักษณะใดลกั ษณะหนึง่ ตอ่ ไปนี้
1. หลักสูตร คือ สิ่งท่ีสร้างขึ้นในลักษณะของรายวิชา ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสาระที่จัด
เรียงลำดับความยากงา่ ย หรอื เป็นขัน้ ตอนอยา่ งดีแลว้
2. หลักสูตร ประกอบด้วยประสบการณ์ทางเรียนซึ่งได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อมุ่งหวงั จะให้เดก็
ไดเ้ ปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมในทางท่ตี อ้ งการ
3. หลกั สูตร เป็นสิง่ ทส่ี งั คมสรา้ งข้ึนสำหรับใหป้ ระสบการณ์ทางการศึกษาแกเ่ ด็กในโรงเรียน
4. หลักสูตร ประกอบด้วยมวลประสบการณ์ทั้งหมดของผู้เรียน ซึ่งเขาได้ทำได้รับรู้ และ
ได้ตอบสนองต่อการแนะแนวของโรงเรยี น
ใจทพิ ย์ เชือ้ รัตนพงษ์ (2539 : 9) ใหค้ วามหมายหลกั สตู รว่า คือ SOPEA ประกอบด้วย
S คือ Subject matter ไดแ้ ก่ เน้ือหาทีใ่ ช้ในการเรยี นการสอน
O คือ Object ไก้แก่ วัตถุประสงค์
P คอื plans ไดแ้ ก่ แผนสำหรับจัดโอกาสการเรียนรหู้ รือประสอบการณแ์ กน่ ักเรียนทค่ี าดหวัง
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสตู รห้องเรยี นการจัดการครวั 28
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
E คือ learner’s experience ไดแ้ ก่ ประสบการณ์ทั้งปวงของผ้เู รียนมาจดั โดยโรงเรยี น
A คือ education activities ได้แก่ กจิ กรรมทาวการศกึ ษาท่ีจดั ใหก้ ับผ้เู รยี น
ชมพันธุ์ กุญชน ณ อยุธยา (2540 :3-5) ได้อธิบายความหมายของ “หลักสูตร”
ว่ามีความแตกต่างกันไปตั้งแต่ความหมายที่แคบสุดจนจนถึงกว้างสุด แต่จำแนกความคิดเห็น
ของนักศกึ ษาทีไ่ ดใ้ หน้ ิยามความหมายของหลกั สูตร ออกเป็น 2 ใหญ่ ๆ ดังนี้
1. หลักสูตร หมายถึง แผนประสบการณ์การเรียน นักการศึกษาที่มีความคิดเห็นว่าหลักสูตร
หมายถึง แผนประสบการณ์การเรียนนั้น มองหลักสูตรในลักษณะที่เป็นเอกสาร หรือโครงการ
การศึกษาที่สถาบันการศึกษาได้วางแผนไว้ เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาตามแผนหรือโครงการที่กำหนดไว้
หลักสูตรตามความหมายนีห้ มายถึงรวมถึง แผนการเรียนหรอื รายวชิ าต่าง ๆ ที่กำหนดให้เรียนรวมท้ัง
เนื้อหาวิชาของรายวิชาต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนการสอนและการประเมินผล ซึ่งได้กำหนดไว้ในแผน
ความคิดเห็นของนักศึกษากลุ่มนี้ไม่รวมถึงการนำหลักสูตรไปใช้หรือการเรียนการสอนที่ปฏิบัติจริง
แต่ทง้ั แผนประสบการณก์ ารเรียนกับการสอนทป่ี ฏบิ ัติจริงมคี วามสัมพนั ธ์กันอยา่ งใกลช้ ดิ
2. หลักสูตร หมายถึง ประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่สถาบันการศึกษาจัดให้ซึ่งหมาย
รวมถึงประสบการณ์การเรียนและการนำหลักสูตรไปใช้ด้วย แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวคิดของทั้ง
ทาบาและ ไทเลอร์ที่เห็นว่า หลักสูตรประกอบด้วยจุดมุ่งหมายประสอบการณ์ทางการศึกษาหรือ
เนื้อหาการจัดประสบการณ์ทางการศึกษาหรือจัดการเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนและ
การประเมนิ ผล
ธำรง บัวศรี (2542 : 7) กล่าวว่า หลักสูตร คือ แผนซึ่งได้ออกแบบจัดทำขึ้นเพื่อแสดง
จุดมุ่งหมายการจัดเนื้อหาสาระกิจกรรมและมวลประสบการณ์ในแต่ละโปรแกรมการศึกษา เพื่อให้
ผู้เรียนมีพฒั นาการในดา้ นต่าง ๆ ตามจดุ หมายทีไ่ ดก้ ำหนดไว้
มาเรียม นิลพันธุ์ (2543 : 6) กล่าวว่า หลักสูตร หมายถึง เอกสารข้อกำหนดเกี่ยวกับมวล
ประสบการณ์ เพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาไปในแนวทางที่ต้องการ ทั้งนี้ นักการศึกษาและนักพัฒนา
หลกั สูตรประเทศ ไดใ้ ห้ความหมายและคำจำกดั ความของหลักสูตรไว้ โดยสรปุ ดงั น้ี
คาสเวลและแคมเบล (Caswell and Cambell 1935 : 66) ได้ให้จำกัดความว่าหลักสูตร
เป็นสิง่ ทป่ี ระกอบดว้ ยประสบการณ์ท้งั มวลของเด็ก ภายใตก้ ารแนะแนวของครู
ไทเลอร์ (Tyler. 1949 : 79) ได้สรุปว่าหลักสูตรเป็นสิ่งที่เด็กจะต้องเรียนรู้ทั้งหมด
โดยมีโรงเรยี นเป็นผู้วางแผนและกำกบั เพ่ือให้บรรลถุ งึ จุดหมายของการศกึ ษา
ทาบา (Taba. 1962 : 11) ให้คำสรุปเกี่ยวกับหลักสูตรอย่างสั้น ๆ ว่าหลักสูตรเป็นแผน
การเก่ยี วกบั การเรยี นรู้
โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รห้องเรียนการจัดการครัว 29
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ก๊ดู (Good. 1973 : 157) ไดใ้ ห้ความหมายของหลกั สตู รไว้ 3 ประการ ดงั นี้ คอื
1. หลักสูตร หมายถึง เนื้อหาวิชาที่จัดไว้เป็นระบบให้ผู้เรียนได้ศึกษา เพื่อสำเร็จหรือ
รับประกาศนียบัตรในสาขาวิชาหน่ึง
2. หลักสูตร หมายถึง เค้าโครงสรา้ งทั่วไปของเนื้อหาหรือสิ่งเฉพาะท่ีจะต้องสอน ซึ่งโรงเรยี น
จดั ใหแ้ ก่เดก็ เพ่ือให้สำเรจ็ การศกึ ษาและสามารถเขา้ ศึกษาต่อในทางอาชพี ต่อไป
3. หลักสูตร หมายถึง กลุ่มวิชาและการจัดประสบการณ์ที่กำหนดไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนภายใต้
การแนะนำของโรงเรียนและสถานศึกษา
โอลิวา (Oliva. 1992 : 8-9) ได้ให้นิยามความหมายของหลักสูตรโดยแบ่งเป็นการให้นิยาม
โดยยึดจุดประสงค์ บรบิ ทหรือสภาพแวดลอ้ ม และวิธดี ำเนินการหรือยทุ ธศาสตร์ ดงั นี้
1. การให้นิยามโดยยึดจุดประสงค์ (Purpose) หลักสูตรจึงมีภาระหน้าทีที่จะทำให้ผู้เรียน
ควรจะเป็นอย่างไร หรือมีลักษณะอย่างไร หลักสูตรในแนวคิดนี้จึงมีความหมายในลักษณะที่เป็น
วิธีการที่นำไปสู่ความสำเร็จตามจุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมายนั้น ๆ เช่น หลักสูตร คือ การถ่ายทอด
มรดกทางวัฒนธรรม หลกั สตู ร คอื การพฒั นาทกั ษะการคดิ ผู้เรียน เป็นตน้
2.การใหน้ ิยามโดยยึดบริบทหรอื สภาพแวดลอ้ ม (Contexts) นิยามของหลกั สูตร ในลกั ษณะ
นี้จึงเป็นการอธิบายถึงลกั ษณะทั่วไปของหลักสตู รซึ่งแล้วแต่วา่ เนื้อหาสาระของหลักสตู รนัน้ มลี ักษณะ
เป็นอย่างไร เช่น หลักสูตรที่ยึดเนื้อหาวิชา หรือหลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือหลักสูตร
ท่ีเนน้ การปฏริ ปู สังคม เป็นต้น
3. การให้นิยามโดยยึดวิธีดำเนินการการหรือยุทธศาสตร์ (Strategies) เป็นการนิยาม
ในเชงิ วธิ ีดำเนนิ การทีเ่ ปน็ กระบวนการ ยุทธศาสตร์หรือเทคนิควิธกี ารในการจัดการเรยี นการสอน เช่น
หลักสูตร คือ กระบวนการแก้ปัญหา หลักสูตร คือ การอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม การทำงานกลุ่ม หลักสูตร
คอื การเรียนรู้เปน็ รายบุคคล หลกั สูตร คอื โครงการหรอื แผนการจดั การเรียนการสอน เปน็ ต้น
โอลิวา ได้สรุปความหมายของหลักสูตรไว้ว่า หลักสูตร คือ แผนงานหรือโครงการ
ทจี่ ดั ประสบการณ์ท้ังหมดให้แก่ผูเ้ รียน ภายใต้การดำเนินงานของโรงเรยี น และในทางปฏิบัติหลักสูตร
ประกอบดว้ ยจำนวนของแผนการต่าง ๆ ที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร และมขี อบเขตกว้างหลายหลาย
เป็นแนวทางของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ต้องการ ดังนั้น หลักสูตรอาจเป็นหน่วย (Unit)
เป็นรายวิชา (course) หรือเป็นรายวิชาย่อยต่าง ๆ (sequence of courses) แผนงานหรือโครงการ
ทางการศกึ ษาดังกลา่ วนอ้ี าจจดั ขึน้ ไดท้ ั้งในและนอกชนั้ เรยี นหรอื โรงเรียนก็ได้
โรงเรียนองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลักสตู รหอ้ งเรยี นการจดั การครัว 30
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
จากที่กล่าวมาแล้วสามารถสรุปได้ว่า หลักสูตร หมายถึงมวลประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ
ที่จัดให้ผู้เรียนทัง้ ในและนอกหอ้ งเรียน ซึ่งมีลักษณะเป็นกิจกรรม โครงการหรือแผน เพื่อเป็นแนวทาง
ในการจัดการเรยี นการสอนให้ผเู้ รียน ได้พัฒนาและมีคณุ ลักษณะตามความมุ่งหมายท่ีไดก้ ำหนดไว้
ความสำคัญของหลกั สตู ร
นักการศึกษาหลายท่านได้แสดงทัศนะและความคิดเห็นที่เกี่ยวกับความสำ คัญของหลักสูตร
ว่าหลกั สูตรมคี วามสำคญั อยา่ งไรต่อการจัดการศึกษา ซง่ึ สว่ นใหญ่เห็นตรงกันวา่ หลักสูตรมคี วามสำคัญ
ต่อการกำหนดมาตรฐานและคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนในแต่ละวัย
แต่ละระดับการศึกษาได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพทัดเทียมกันหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะมีผลกระทบ
ต่อผู้เรียนว่าควรเรียนรู้สาระการเรียนรู้อะไร มีเนื้อหาสาระมากน้อยเพียงใด จาการศึกษาเอกสาร
พบว่ามีผู้ทีก่ ลา่ วถงึ ความสำคญั ของหลกั สตู รไว้โดยสรปุ ดงั นี้
สนั ต์ ธรรมบำรงุ (2527 : 152) สรุปความสำคญั ของหลกั สตู รไว้ 9 ประการ คอื
1. หลักสูตร เป็นแผนปฏิบัติงานหรือเครื่องชี้แนวทางปฏิบัติงานของครู เพราะหลักสูตร
จะกำหนดจุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการประเมินผลไว้
เป็นแนวทาง
2. หลักสูตรเปน็ ข้อกำหนดแผนการเรียนการสอน อนั เป็นสว่ นรวมของประเทศ เพ่ือนำไปสู่
ความม่งุ หมายตามแผนการศกึ ษาชาติ
3. หลักสูตรเป็นเอกสารของทางราชการ เป็นบัญญัติของรัฐบาล หรือเป็นธรรมนูญ
ในการจัดการศึกษา เพอ่ื ใหบ้ คุ คลที่เก่ียวขอ้ งกับการศกึ ษาปฏบิ ัตติ าม
4. หลักสูตรเป็นเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา เพื่อควบคุมการเรียนการสอนในสถานศึกษา
ระดับตา่ งๆ และยังเปน็ เกณฑ์มาตรฐานอย่างหน่งึ ในการจัดสรรงบประมาณ บคุ ลากร อาคาร สถานที่
วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ ของการศึกษาของรัฐแกส่ ถานศึกษาอีกด้วย
5. หลักสูตรเป็นแผนการดำเนินงานของผู้บริหารการศึกษา ที่จะอำนวยความสะดวก
และควบคมุ ดูแลตดิ ตามให้เป็นไปตามนโยบายการจัดการศกึ ษาของรัฐบาลด้วย
6. หลักสูตรจะกำหนดแนวทางในการส่งเสริมความเจริญงอกงามและพัฒนาการของเด็ก
ตามจุดมุ่งหมายของการศกึ ษา
7. หลักสูตรจะกำหนดและลกั ษณะรปู รา่ งของสังคมในอนาคตได้วา่ จะเป็นไปในรูปใด
8. หลักสูตรจะกำหนดแนวทางให้ความรู้ ทักษะ ความสามารถ ความประพฤติที่จะเป็น
ประโยชน์ต่อสังคม อันเป็นการพัฒนากำลังซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจแบะสังคมแห่งชาติ
ท่ีไดผ้ ล
โรงเรยี นองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรห้องเรยี นการจัดการครวั 31
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
9. หลักสูตรจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความเจริญของประเทศ เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือ
ในการพัฒนาคน ประเทศใดจัดการศึกษาโดยมีหลักสูตรที่เหมาะสม ทันสมัย มีประสิทธิภาพ
ทันต่อเหตุการณแ์ ละการเปลยี่ นแปลงย่อมได้กำลังท่ีมีประสิทธิภาพสูง
พงษ์ศกั ดิ์ ภูกาบขาว (2540 : 18-19) กลา่ วถงึ ความสำคัญของหลักสูตรไวดังน้ี
1. หลกั สตู รย่อมเปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ิงานของครู
2. หลักสูตรย่อมเป็นแนวทางในการส่งเสริมความเจริญงอกงามและพัฒนาการของเด็ก
ตามจุดมงุ่ หมายของการศกึ ษา
3. หลักสูตรย่อมกำหนดแนวทางในการจัดประสบการณ์ว่าเด็กควรได้รับสิ่งใดบ้างที่เป็น
ประโยชน์แกเ่ ดก็ โยตรงและแก่สังคม
4. หลักสูตรย่อมกำหนดว่า เนื้อหาวิชาอะไรบ้างที่จะช่วยให้เด็กมีชีวิตอยู่ในสังคม
อย่างราบร่นื เปน็ พลเมืองดขี องประเทศชาติและบำเพ็ญประโยชน์แกส่ งั คม
5. หลักสตู รย่อมกำหนดวิธีการดำเนินชีวติ ของเดก็ ให้เป็นไปด้วยความราบร่ืนและผาสุข
6. หลักสูตรย่อมกำหนดแนวทางความรู้ ความสามรถ ความประพฤติ ทักษะและเจตคติ
ในอนั ทีจ่ ะอยรู่ ่วมกนั ในสังคม และบำเพญ็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชนและประเทศ
จากทกี่ ล่าวมาแล้วสรปุ ไดว้ ่า หลกั สูตรเป็นส่ิงสำคัญในการจัดการศึกษา 3 ระดับ คอื
1. ระดับประเทศ เป็นการชี้ให้เห็นถึงแนวทางการจัดการศึกษาโดยภาพและเป็นตัว
บง่ ชี้ใหเ้ หน็ แนวโนม้ สังคมกับการจดั การศึกษาในอนาคต
2. ระดับสถานศึกษา ซึ่งนับได้ว่าหลักสูตรเปน็ หวั ใจและจดุ เด่นของการจัดการเรียนการสอน
ในสถานศกึ ษานนั้ ๆ
3. ระดบั ห้องเรยี นซึ่งมีความสำคัญต่อการนำไปสู่การปฏิบตั ิ เพอ่ื จดั การเรียนรู้ทีเ่ กิดกบั ผู้เรียน
โดยตรง โดยมรี ายละเอียดและเอกสารประกอบทีก่ ำหนดแนวทางว่าจะสอนใคร เร่ืองใด เพ่อื อะไร
องค์ประกอบของหลกั สตู ร
องค์ประกอบของหลักสูตร นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ความหมายของหลักสูตรสมบูรณ์
และสามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน การประเมินผล และการปรับปรุงการเรียน
การสอนหรอื การพฒั นาหลักสูตรได้
องค์ประกอบของหลักสตู ร โดยทั่วไปมี 4 องคป์ ระกอบ
โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรห้องเรียนการจัดการครวั 32
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
1. ความมุ่งหมาย (objectives) คือ เป็นเสมือนการกำหนดทิศทางของการจัดการศึกษา
การจัดการเรียนการสอน เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาไปในลักษณะต่าง ๆ ที่พึงประสงค์อันก่อให้เกิด
ประโยชน์ในสังคมนั้นการกำหนดความมุ่งหมายของหลักสูตรต้องคำนึงถึงข้อมูลพื้นฐานของ สังคม
เพื่อประโยชน์ ในการแก้ปัญหา และสนองความต้องการของสังคมและผู้เรียน และต้องสอดคล้อง
สัมพันธ์กับนโยบายการจัดการศึกษาของชาติด้วย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ
กำหนดองค์ประกอบของหลักสูตรส่วนนี้ เป็น 2 ลักษณะ คือ “หลักการของหลักสูตร” หมายถึง
แนวทางหรือทิศทางในการจัดการศึกษาซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการจัดการศึกษาระดับนั้น ๆ
จะไดย้ ดึ ถือเป็นแนวปฏิบัติ “จดุ หมายของหลักสูตร” หมายถงึ พฤติกรรมต่าง ๆ หรอื คุณสมบัติต่าง ๆ
ท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้นึ แกผ่ ู้เรียน เม่ือผ่านกระบวนการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในหลักสตู รนนั้ แล้ว
2. เนื้อหาวิชา (Content) เป็นสาระสำคัญทีก่ ำหนดไว้ในหลักสตู รใหช้ ดั เจน โดยมุ่งให้ผู้เรยี น
ได้มีประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาไปสู่ความมุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหาสาระที่ได้กำหนดไว้
ต้องสมบูรณ์ ต้องผนวกความรู้ ประสบการณ์ ค่านิยม แนวคิด และทัศนคติเข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้เรียน
ได้พัฒนาท้ังในดา้ นความรู้ ความทศั นคติ และพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ อันพึงประสงค์
3. การนำหลักสูตรไปใช้ (Curriculum implementation) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่ง
เพราะเปน็ กิจกรรมที่จะแปลงหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติกจิ กรรมนั้นมหี ลายลักษณะ แต่กจิ กรรมที่สำคัญ
ที่สุด คือ กิจกรรมการเรียนการสอน หรือ อาจกล่าวได้ว่า “การสอนเป็นหัวใจของการนำหลักสูตรไป
ใช้” ดังนั้น ครูผู้สอนจึงเป็นผูท้ ี่มีบทบาทสำคัญในฐานะเปน็ ผู้จัดการเรียนรู้ การกำหนดวิธีการที่จะนำ
ผเู้ รยี นไปสู่ความม่งุ หมายของหลกั สูตร ประกอบดว้ ย
3.1 วธิ ีการจดั การเรยี นรู้ การกำหนดวิธกี ารจัดการเรยี นร้หู ลกั สตู รจะเน้นแบบยึดครู
เป็นสำคัญหรือยึดผู้เรียนเป็นสำคัญนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับปรัชญาการศึกษา หรือแนวความคิด ความเช่ือ
ในการจัดการศึกษาที่พึงประสงค์ และขึ้นอยู่กับจุดหมายของหลักสูตรนั้นเป็นสำคัญ สำหรับวิ ธีการ
จัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรในปัจจุบันเน้นแบบยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ หรือเน้น “การสอนคนมากกว่า
การสอนหนังสอื ” โดยมแี นวทางการจดั การเรียนรู้ เชน่ กระบวนการเรียนหรือวิธกี ารเรียนสำคญั พอ ๆ
กับเนื้อหาวิชาให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงและครูเป็นผู้กำกับการแสดงชี้แนะแนวทาง ผู้เรียนค้นหาความรู้
สรปุ และ ตดั สินใจเอง สอนปฏบิ ัตคิ วบคู่ไปกับทฤษฎี เป็นตน้
3.2 วัสดปุ ระกอบหลกั สูตร หมายถงึ วัสดุ เอกสาร รวมทัง้ สอ่ื การเรียนการสอน
ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ครูใช้หลักสูตรได้โดยง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แบ่งออกเป็น
2 ประเภท คือ
โรงเรยี นองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั เชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รห้องเรียนการจดั การครวั 33
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
3.2.1 วัสดุประกอบหลักสูตรสำหรับครู เช่น แผนการจัดการเรียนรู้
คู่มือครู คู่มือการใช้หลักสูตร คู่มือการประเมินผล คู่มือการแนะแนว คู่มือการจัดกิจกรรมเสริม
หลกั สูตร เปน็ ตน้
3.2.2 วัสดุประกอบหลักสูตรสำหรับนักเรียน เช่น หนังสือเรียน หนังสือ
แบบฝกึ หดั บตั รงาน หนังสอื อ่านเพมิ่ เตมิ แบบคดั ลายมอื เป็นตน้
3.3 การประเมินผล (evaluation) เป็นองค์ประกอบที่ชี้ให้เห็นว่าการนำหลักสูตร
แปลงไปสู่การปฏิบัตินั้น บรรลุจุดมุ่งหมายหรือไม่ หลักสูตรเกิดสัมฤทธิ์ผลมากน้อยเพียงใด
ข้อมลู จาการประเมินผลนีจ้ ะเป็นแนวทางไปส่กู ารปรับปรงุ และพฒั นาหลักสตู รต่อไป
ธำรง บวั ศรี (2538 : 7-8) ทีก่ ล่าวเน้นว่า หลกั สตู รประกอบด้วย 1) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร
2) จุดประสงค์ของการเรียนการสอน 3) เนื้อหาสาระและประสบการณ์ 4) วัสดุอุปกรณ์และสื่อ
การเรยี นการสอน 5) ประเมนิ ผล
จากแนวคิดต่าง ๆ ท่ีกลา่ วมาท้งั หมด สรปุ ไดว้ ่าองค์ประกอบสำคัญของหลักสูตร คือ
1. จุดมุ่งหมายของหลักสูตร เป็นผลส่วนรวมที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียนหลังจากเรียนจบ
หลกั สูตรไปแลว้
2. โครงสร้างเนื้อหาสาระ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ทักษะและความสามารถที่ต้องการให้มี
รวมทง้ั ประสบการณ์ท่ีต้องการใหไ้ ดร้ บั
3. อัตราเวลาเรียน เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ครบกระบวนการ
และมปี ระสิทธภิ าพ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนและสื่อ ทั้งนี้เพื่อให้แนวทางในการนำหลักสูตรไปใช้ในการจัด
กิจกรรมการเรยี นการสอน
5. การวัดและการประเมินผล เพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพ
ของหลักสูตรก่อนและหลงั การนำไปใช้
องค์ประกอบหลักสูตรเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และส่งผลถึงลักษณะโครงสร้าง รูปแบบ
ของหลักสูตรว่าจะเป็นอย่างไร โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญของ หลักสูตร คือ ความมุ่งหมาย
(objectives) เนื้อหาวิชา (Content) การนำหลักสูตรไปใช้ (Curriculum implementation)
การประเมินผล (evaluation)
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สูตรห้องเรียนการจดั การครัว 34
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
โครงสร้างหลกั สูตร
โครงสร้างของหลักสูตร หมายถึง การกำหนดรูปแบบของการจัดเนื้อหาสาระ การกำหนด
ขอบเขตหรือจำนวนความมากน้อยของสาระ รวมทัง้ เวลาเรยี น เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายของหลักสูตร
การกำหนดโครงสรา้ งเวลาเรยี นพื้นฐาน และเพิม่ เตมิ สถานศกึ ษาสามารถดำเนินการ ดงั นี้
- ระดับประถมศึกษา สามารถปรับเวลาเรียนพื้นฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตาม
ความเหมาะสม ทั้งนี้ ต้องมีเวลาเรียนรวมตามที่กำหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน และผู้เรียน
ตอ้ งมคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วดั ท่กี ำหนด
- ระดับมธั ยมศกึ ษา ตอ้ งจดั โครงสรา้ งเวลาเรียนพนื้ ฐานให้เปน็ ไปตามทก่ี ำหนดและสอดคล้อง
กับเกณฑก์ ารจบหลกั สตู ร
สำหรับเวลาเรียนเพิ่มเติม ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ให้จัดเป็นรายวิชา
เพมิ่ เตมิ หรอื กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน โดยพจิ ารณาใหส้ อดคล้องกับความพร้อม จุดเน้นของสถานศึกษา
และเกณฑ์การจบหลักสูตร เฉพาะระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3 สถานศึกษาอาจจัดให้เป็นเวลา
สำหรบั สาระการเรียนร้พู น้ื ฐานในกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทยและกลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่กำหนดไว้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ปีละ 120 ชั่วโมง และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 360 ชั่วโมงนั้น เป็นเวลาสำหรับปฏิบัติ
กิจกรรมแนะแนวกิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในส่วนกิจกรรม
เพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ให้สถานศกึ ษาจัดสรรเวลาใหผ้ ูเ้ รยี นไดป้ ฏิบตั ิกิจกรรม ดงั นี้
ระดบั ประถมศกึ ษา (ป.1 - 6) รวม 6 ปี จำนวน 60 ชว่ั โมง
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ (ม.1 - 3) รวม 3 ปี จำนวน 45 ชั่วโมง
ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 - 6) รวม 3 ปี จำนวน 60 ชั่วโมง
รูปแบบหลักสตู ร
หลักสูตรแต่ละรูปแบบจะแตกต่างกันในประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้ คือแนวความคิดหรือ
ปรัชญาในการจัดการศึกษาแตกต่างกนั จดุ เน้นของความมุ่งหมายแตกต่างกนั เป็นต้น จากหลักเกณฑ์
ความแตกต่างของหลกั สูตรดงั กล่าวขา้ งต้น อาจจำแนกรูปแบบของหลักสูตรได้ 8 รปู แบบ ดังน้ี
3.1 หลักสูตรแบบเนื้อหาวิชาหรือแบบรายวิชา เป็นหลักสูตรแบบดั้งเดิมหรือหลักสูตรเก่า
ที่เน้นการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาเป็นหลัก ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาความรู้ต่าง ๆ จะจัดไว้
เพ่ือถ่ายทอดอย่างมรี ะเบยี บตามทผี่ รู้ ู้ในแต่ละวิชาไดก้ ำหนดไว้
3.2 หลักสูตรแบบสัมพันธ์วิชา เป็นหลักสูตรที่มีพื้นฐานมาจากหลักสูตรแบบรายวิชา
เนื่องจากเมื่อนำหลักสูตรรายวิชาไปใช้การเรียนรู้ของผู้เรียนในแต่ละวิชาแตกแยกกันมากข้ึน
ผ้เู รยี นนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ได้น้อย เพอื่ แกป้ ัญหานี้ จึงนำเน้อื หาวชิ าตา่ ง ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึง
และมีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กนั จัดไว้ด้วยกัน
โรงเรียนองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลักสตู รหอ้ งเรียนการจัดการครัว 35
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
3.3 หลักสูตรแบบหมวดวิชา หรือสหสัมพันธ์ หลักสูตรลักษณะแบบนี้จุดมุ่งหมาย
จะผสมผสานเนื้อหาวิชาที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน หรือสาขาเดียวกัน ให้มีความสัมพันธ์ระหว่างวิชา
มากขึ้น ในลักษณะหมวดวิชา เช่น หมวดวิชาสังคมศึกษา ประกอบด้วยวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์
หนา้ ที่พลเมอื ง ศลี ธรรม เปน็ ตน้
3.4 หลักสูตรกิจกรรมและประสบการณ์ หลักสูตรลักษณะแบบนี้ต้องการแก้ไขข้อบกพร่อง
ของหลักสูตรแบบรายวิชา ที่ไม่คำนึงถึงความตอ้ งการและความสนใจของผู้เรียน หลักสูตรนี้จึงยึดเอา
กิจกรรม ความสนใจและประสบการณ์แวดล้อมมาเป็นแนวทางในการจัดลำดับประสบการณ์
การเรียนรู้ เพื่อให้ผเู้ รียนสามารถนำความร้ไู ปใช้ได้ในชีวติ จริง โดยยดึ ปรัชญาพพิ ัฒนาการเปน็ แนวทาง
ด้านการวัดผลให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียนมากกว่าปริมาณความรู้ความจำ โดยมีข้อดี
คือ สนองความต้องการ และความสนใจของผ้เู รียนเป็นการเรยี นอยา่ งมคี วามหมาย เป็นต้น
3.5 หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม หลักสูตรนี้ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดปรัชญาพิพัฒนาการ
นิยม ของ จอหน์ ดิวอี้ ซงึ่ เช่อื วา่ การเรยี นรู้เกดิ จากประสบการณ์ และประสบการณ์จะทำให้พฤติกรรม
เปลี่ยนแปลง หลักสูตรนี้จะยึดเอาสังคมและชีวิตของเด็กเป็นหลัก เช่น การมีส่วนร่วมในวัฒนธรรม
ประเพณีของสังคมที่แวดล้อมอยู่โดยพยายามให้เนื้อหามีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตเพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้
ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ เป็นต้น
3.6 หลักสูตรแกนกลาง หลักสูตรแบบนี้มีลักษณะผสมผสานเนื้อหาวิชาเพื่อที่จะตอบสนอง
ความต้องการและความสนใจของผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนที่มีความสัมพันธ์กับประสบการณ์ชีวิต
ของผู้เรียนของผูเ้ รียน หลักสูตรประกอบด้วยสิง่ ที่ผู้เรยี นต้องเรียนเป็นความรูห้ นึ่ง และส่วนที่ใชเ้ ลือก
ส่วนหนึ่ง หลักสำคัญอยู่ที่การจัดการเวลาเรียน และการจัดเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการ
ของผ้เู รยี นและขณะเดียวกนั เน้นการเรียนรทู้ างวชิ าการอยา่ งมีระบบ โดยมีข้อดี คอื มีการผสมผสาน
ทางด้านการเรียนรู้และเนื้อหาวิชา มีความเกี่ยวพันกับชีวิตและความสนใจของผู้เรียน
สนองความสนใจและความถนดั ของแต่ละบุคคล เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนศึกษาค้นคว้าหาความรูเ้ พิ่มเติม
ด้วยตนเอง
3.7 หลักสูตรแบบเอกัตภาพ หลักสูตรแบบนี้จัดเนื้อหาสาระของหลักสูตรไปตาม
ความเหมาะสมและความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคล การจัดหลักสูตรแบบนี้ขึ้นอยู่ดุลยพินิจ
ของครูผู้สอนที่จะวิเคราะห์ความต้องการ ระดับสติปริญญา และความสามารถของผู้เรียน
ได้อย่างถูกต้อง จัดการเรียนการสอนอยู่ในรูปของการจัดชุดการเรียนให้ผู้เรียนได้ศึกษาและพัฒนา
ความสามารถของตนไปตามลำดับ มี ข้อดีคือ ผู้เรียนสามารถได้เรียนได้ด้วยตนเอง โดยมีครูคอยให้
คำแนะนำปรึกษา ผู้เรียนยึดแนวการสอนที่จัดทำไว้ โดยไม่ต้องพบผู้สอนเป็นประจำ ผู้เรียน
ที่มีความสามารถสูงสามารถพัฒนาตนเองได้เต็มความสามารถ แต่มีข้อจำกัดที่ว่าความสัมพันธ์
โรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรหอ้ งเรียนการจัดการครวั 36
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ในการรวมกลุ่มมีน้อย ผู้เรียนที่ขาดความรับผิดชอบและไม่มีความซื่อสัตย์อาจจะไม่ได้ผลเต็มท่ี
การแกป้ ัญหาต่าง ๆ กระทำได้นอ้ ยและควรจะมาจากความคิดเหน็ ของกลุ่มมากกวา่ คนเดียว
3.8 หลักสูตรบูรณาการ เป็นการผสมผสานเนื้อหาเข้าด้วยกัน ไม่ แยกเป็นรายวิชา
โดยพยายามรวมประสบการณต์ า่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ อนั หนึง่ อันเดยี วกนั โดยจะคดั เลือกตัดตอนมาจากหลาย ๆ
สาขา แล้วมาจดั เปน็ กลุ่มหมวดหมู่ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนได้ประสบการณ์ท่ีต่อเน่ือง มีคุณค่าต่อการดำเนิน
ชีวิตและพัฒนาตนเอง การบูรณาการเนื้อหาวิขาต่าง ๆ จะเน้นที่ตัวเด็กและปัญหาสังคมเป็นสำคัญ
การจัดการเรียนสอน มุ่งให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรง และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการ การวัดผลจะเน้นพัฒนาการทุกด้าน
โดยเฉพาะด้านความสามารถในการแก้ปัญหามีข้อดี คือ ช่วยให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ต่อเนื่อง
มีประโยชน์โดยตรงต่อการดำรงชวี ติ เป็นหลักสตู รทมี่ กี ารผสมผสานกันอย่างดี
จากที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่า การกำหนดรูปแบบของหลักสูตรเป็นการพิจารณาเลือก
และจัดเนื้อหาวิชาของวิชาของหลักสูตรให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายของหลักสูตร โดยหลักสูตร
แต่ละรูปแบบจะมีจุดมุ่งหมายโครงสร้างหลักสูตรที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากการสร้างหลักสูตร
แต่ละครั้ง ตา่ งยุคต่างสมัย จึงต้องคำนึงถงึ พ้นื ฐานที่ตา่ งกันดว้ ย
ลกั ษณะของหลกั สตู รทีด่ ี
หลักสูตรที่ดีย่อมส่งผลดีต่อการบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียน กล่าวคือ
หลักสูตรที่ดีจะเป็นแนวทางให้ผู้บริหารโรงเรียนนำไปปฏิบัติได้ดี มีประสิทธิภาพทางด้านครูสามารถ
นำไปใช้ในการจัดการเรยี นการสอนให้เกดิ ผลดตี ่อผ้เู รยี น หลักสูตรทด่ี ีควรมลี กั ษณะดังนี้ คือ
1. หลักสูตรควรมีความคล้องตัว และสามารถปรับปรุงและยืดหยุ่นให้เหมาะสม
กับสภาพการณ์ตา่ ง ๆ ทเี่ ปลี่ยนแปลงได้เปน็ อย่างดี
2. หลักสูตรควรเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การเรียนการสอนได้บรรลุตามความมุ่งหมาย
ทกี่ ำหนดไว้
3. หลกั สตู รควรได้รบั การจัดทำหรอื พฒั นาจากคณะบคุ คลหลายฝา่ ย
4. หลักสตู รจะตอ้ งจดั ไดต้ รงตามความมงุ่ หมายของการศึกษาแห่งชาติ
5. หลักสูตรควรจะมีกิจกรรมกระบวนการและเนื้อหาสาระของเรื่องที่สอนบริบูรณ์
เพยี งพอท่ีจะช่วยให้ผู้เรยี นคดิ เป็น ทำเป็น แกป้ ัญหาเป็น และพฒั นาการเรียนผเู้ รียนในทกุ ๆ ดา้ น
6. หลักสูตรควรบอกแนวทาง ด้านสื่อการสอน การใช้สื่อ การวัดและประเมินผลไว้
อย่างชัดเจน
7. หลกั สูตรควรจะมีลักษณะท่ีสนองความตอ้ งการและความสนใจ ท้ังของนักเรยี นและสังคม
โรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รห้องเรียนการจดั การครัว 37
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
8. หลกั สูตรควรสง่ เสริมความเจริญงอกงามในตัวผเู้ รียนทุกด้าน รวมท้ังส่งเสรมิ ความคิดริเร่ิม
สรา้ งสรรค์
9. หลักสูตรควรชี้แนะแนวทางกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความรู้
ทกั ษะและเจตคติได้ด้วยตนเอง จากส่อื ตา่ งๆทอี่ ยรู่ อบตวั
10. หลกั สตู รควรจดั ทำมาจากการศกึ ษาข้อมลู พ้ืนฐานดา้ นต่างๆอยา่ งรอบคอบ
11. เป็นหลกั สูตรทีย่ ึดผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ เน้ือหาและกจิ กรรมตอ้ งเหมาะสมกบั ธรรมชาติ
12. เนอ้ื หาและประสบการณต์ ้องสอดคล้องกับสภาพการดำรงชีวิตของผเู้ รยี น ประสบการณ์
ตอ้ งเป็นสง่ิ ทีใ่ กลต้ วั และสามารถนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั
สรุปหลักสูตร หมายถงึ มวลประสบการณ์ความรู้ตา่ งๆท่จี ัดให้ผู้เรียนทง้ั ในและนอกห้องเรียน
ซึ่งมีลักษณะเป็นกิจกรรม โครงการหรือแผน ซึ่งประกอบด้วย ความมุ่งหมายของการสอน
เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนได้พัฒนาและมีคุณลักษณะตามความมุง่ หมาย
ที่ได้กำหนดไว้ หลักสูตรเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการศึกษา ที่ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการจัดการศึกษา
ของประเทศ หรือกล่าวอีกในหนึ่งได้ว่าหลักสูตรเป็นหัวใจของการจัดการเรียนการสอน
ทก่ี ำหนดแนวทางว่าจะสอนใคร เรอ่ื งใด เพื่ออะไร
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551
กระทรวงศึกษาธิการ (2551 : 3) ได้ระบุหลักการ และจุดหมายของหลักสูตรการศึกษา
ขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ดังนี้
1. หลกั การ
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน มีหลักการทสี่ ำคัญดังนี้
1.1 เป็นการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรบานการเรียนรู้
เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจคติ และคุณธรรมบนพื้นฐาน
ของความเป็นควบค่คู วามเป็นสากล
1.2 เป็นการศกึ ษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนจะไดร้ ับการศกึ ษาอย่างสมำ่ เสมอภาค
และมคี ณุ ภาพ
1.3 เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการ
จดั การศกึ ษาให้สอดคล้องกบั สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิน่
1.4 เปน็ หลักสตู รท่ีมีโครงสรา้ งยดื หยุ่นท้งั ดา้ นสาระ เวลา และการจดั การการเรยี นรู้
1.5 เปน็ หลักสูตรทเ่ี น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจงั หวัดเชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรห้องเรียนการจัดการครัว 38
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
1.6 เป็นหลักสูตรที่จัดการศึกษาสำหรับ การศึกษาในระบบ นอกระบบ
และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุกกลมุ่ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรแู้ ละประสบการณ์
2. จุดมุ่งหมาย
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี มีปัญญา
มีความสุข และมีความเป็นไทย มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดจุดหมาย
เพื่อใหเ้ กดิ กบั ผูเ้ รยี น เม่ือจบการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ดงั นี้
2.1 มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัย
และปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2.2 มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา
การใชเ้ ทคโนโลยีและมที ักษะชีวติ
2.3 มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ท่ดี ี มสี ุขนิสยั และรกั การออกกำลงั กาย
2.4 มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิต
และการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข
2.5 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา
สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคม
อยา่ งมีความสุข
3. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน มงุ่ ให้ผู้เรยี นเกดิ สมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดงั น้ี
1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและสง่ สาร มีวัฒนธรรมในการใช้
ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
ขา่ วสารและประสบการณอ์ นั จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองและสงั คม รวมท้ังการเจรจาตอ่ รอง
เพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล
และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบ
ทมี่ ตี อ่ ตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้
หรอื สารสนเทศเพ่ือการตดั สินใจเก่ยี วกับตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ
โรงเรียนองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรห้องเรียนการจดั การครัว 39
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้
มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบ
ท่เี กิดขนึ้ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสงิ่ แวดล้อม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน
และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหา
และความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม
และสภาพแวดลอ้ ม และการรู้จักหลีกเลยี่ งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ่สี ่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อืน่
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยี
ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้าน
การเรยี นรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม
4. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เพื่อให้สามารถอย่รู ว่ มกบั ผ้อู นื่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดังนี้
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
2. ซ่ือสัตย์สุจริต
3. มีวนิ ยั
4. ใฝ่เรยี นรู้
5. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง
6. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มจี ิตสาธารณะ
นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้อง
ตามบรบิ ทและจดุ เนน้ ของตนเอง
5. มาตรฐานการเรยี นรู้
การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน จึงกำหนดให้ผู้เรยี นเรยี นรู้ 8 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ดงั นี้
โรงเรยี นองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สูตรห้องเรยี นการจดั การครวั 40
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
1. ภาษาไทย
2. คณิตศาสตร์
3. วิทยาศาสตร์
4. สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม
5. สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
6. ศลิ ปะ
7. การงานอาชพี และเทคโนโลยี
8. ภาษาตา่ งประเทศ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เชียงราย
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้การพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้ทันต่อการ
เปลีย่ นแปลงของสงั คมในศตวรรษที่ 21 เปน็ 3 หลักสตู รคือ
1. หลักสูตร (พิเศษ) ภาษาอังกฤษ (English Program : EP) เป็นหลักสูตร
ที่จัดกระบวนการเรียนการสอน โดยครูต่างชาติเจ้าของภาษา ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนในระดับปฐมวัย
และประถมศึกษา มีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นประชากร
ในประชาคมอาเซยี น สามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั และเปน็ พืน้ ฐานในการศึกษาต่อในระดับสูงข้ึน
ภายใตห้ ลักการตน้ ทนุ ต่ำ ๆ คณุ ภาพสูง
2. หลักสตู รปกติ ประกอบดว้ ยห้องเรียน ไดแ้ ก่
1. ห้องเรยี น (พิเศษ) เตรียมแพทย์-วิศวะ (Genius Science-Math : GSM)
เป็นห้องเรียนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนที่มีอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ได้รับการเรียนรู้
จากการปฏิบัติจริง รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยด้านแพทยศาสตร์
และวิศวกรรมศาสตรไ์ ด้
2. ห้องเรียน (พิเศษ) วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (Talented Science-
Math : TSM) เปน็ หอ้ งเรียนทีเ่ น้นให้ผเู้ รียนเข้าเรยี นในสาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพือ่ เตรียม
ความพร้อมให้ผู้เรียนที่มีความประสงค์เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
ในข้นั สูงตอ่ ไป
3. หอ้ งเรยี น (พิเศษ) เตรยี มความพร้อมสสู่ ี่เหล่าทัพ (Pre – Cadet : PCD)
เป็นห้องเรียนที่เน้นผู้เรียนที่มีความต้องการ ใฝ่ฝันอยากมีวิชาชีพรับราชการ อาทิ ตำรวจ ทหาร
นักบิน หรือวิชาชีพทีต่ ้องมีระเบียบวินัย มีความรับผดิ ชอบสูง สามารถเป็นผู้นำองค์กรต่าง ๆ ได้อย่าง
มีคณุ ภาพ
โรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจงั หวัดเชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สูตรห้องเรยี นการจดั การครวั 41
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
4. ห้องเรียน (พิเศษ) ความเป็นเลิศทางด้านภาษาอังกฤษ (Talented
English Program : TEP) เป็นห้องเรียนที่เน้นภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมผู้เรียนให้สามารถเลือกเรียน
ต่อ และทำงานอย่างหลากหลาย โดยมีความถนัดโดดเด่นด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษและเรียนจาก
ประสบการณ์จรงิ ในตา่ งประเทศได้ตามความถนัดอย่างมีคณุ ภาพ
5. หอ้ งเรียน (พเิ ศษ) ความเปน็ เลศิ ทางด้านภาษาจนี (Talented Chinese
Program : TCP) เป็นห้องเรียนที่เน้นภาษาจีน เพื่อเตรียมผู้เรียนให้สามารถเลือกเรียนต่อ
และทำงานอย่างหลากหลาย โดยมีความถนัดโดดเด่นด้านการสื่อสารภาษาจีนและแลกเปลี่ยน
ตา่ งประเทศได้ตามความถนดั อย่างมีคุณภาพ
7. ห้องเรียนทั่วไป (Talented General : TGP) เป็นห้องเรียนที่เน้น
ให้ผู้เรียนได้รับความรู้และเติมเต็มในส่วนที่นักเรียนสนใจ เพื่อเตรียมผู้เรียนสำหรับการเรียนต่อ
หลากหลายสาขาตามความถนัดและศักยภาพ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนค้นพบอัจฉริยภาพของตนเอง
และสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหพ้ ฒั นาได้เต็มศักยภาพ
8. ห้องเรียนผู้นำแห่งการพัฒนา (Citizen Empowerment Program :
CEP) เป็นห้องเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนได้รับโอกาสและพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ
โรงเรียนให้ความรักความสำคัญกับผ้เู รยี น สรา้ งทางเลือกท่ีหลากหลายกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ
ให้กับผู้เรียน ก้าวสู่เป้าหมายของชีวิตอย่างมีความสุข ให้ได้เรียนและจัดการศึกษาสร้างผู้นำ
แห่งการพฒั นาในอนาคต
9. ห้องเรียนความเป็นเลิศด้านธุรกิจค้าปลีก (Retail Mangement
Program : RMP) เป็นห้องเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง มีสมรรถนะ
ในการประกอบอาชีพ มีความรู้ มีรายได้ระหว่างเรียน และเข้าใจในชีวิตมีทางเลือกในอนาคต
สามารถทำงานในเครือ CP หรือเรียนต่อปริญญาตรี ปริญญาโท พร้อมทุนเรียนฟรีตามเงื่อนไข
ท่กี ำหนด
10. ห้องเรียนความเป็นเลิศด้านดนตรี ศิลปะ และการแสดง (Performing
Arts Program : PAP) เป็นห้องเรียนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความเป็นเลิศในด้านดนตรี ศิลปะ
และการแสดงสามารถปฏิบัติได้จริง กล้าแสดงออก และนำความสามารถสร้างรายได้ระหว่างเรียน
ภายใตห้ ลกั คดิ ได้ความรู้ ไดเ้ กรด ไดง้ าน
11. ห้องเรยี นเตรียมความพร้อมสู่นักบรหิ ารธุรกิจ (Pre – Mini Master of
Business Administration : Pre – Mini MBA) เป็นห้องเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนค้นหาความสามารถ
ความถนัดของตวั เองในด้านการประกอบธุรกิจ รวมทั้งหารายได้ระหว่างเรยี น เพื่อเป็นผูป้ ระกอบการ
ธรุ กจิ ในอนาคต มเี จตคติทด่ี ีตอ่ อาชีพสจุ ริต
โรงเรียนองค์การบริหารสว่ นจังหวดั เชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรหอ้ งเรยี นการจัดการครัว 42
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
12. ห้องเรียนเตรียมคุรุทายาท ( Pre – Educator Program : PEP)
เป็นห้องเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนที่มีความสนใจ และรักที่จะประกอบอาชีพครูซึ่งจะได้รับการปลูกฝัง
“จิตวิญญาณความเป็นครู” ตั้งแต่อยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยจัดการเรียนการสอน
เน้นทางด้านวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ เพื่อเตรียมผู้เรียนที่มีความประสงค์เข้าเรียนในสาขา
การศึกษาในวิชาเอกที่นักเรียนสนใจ เรียนรู้จริง ฝึกประสบการณ์จริง มีสื่อการเรียนการสอน
ที่ทันสมัย มีกิจกรรม โครงการที่ผู้เรียนมีส่วนร่วม เป็นการสานฝันให้เป็นจริง และก้าวสู่
“ครมู อื อาชพี ” ในอนาคตต่อไป
13. ห้องเรยี นเตรียมพาณชิ ย์นาวี (Merchant Marine Program : MMP)
ห้องเรียนเตรียมพาณิชย์นาวี เป็นห้องเรียนที่ส่งเสริมและเตรียมความพร้อมของผู้เรียนในด้านทักษะ
การเดินเรือทางทะเล โดยแยกเป็น 2 สาขาคือ สาขานายประจำเรือ และสาขาพนักงานประจำ เรือ
พาณิชย/์ เรอื สำราญ
14. หอ้ งเรยี นการจดั การครวั และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef
Program : SCP) เป็นหลักสูตรที่มุ่งหวังให้ผู้เรียน มีความรู้พื้นฐานตามแบบผู้เรียนในระดับ
มัธยมศึกษา และมีความรู้ด้านการประกอบอาหารมีทักษะในการประกอบอาหาร และบริการ
อีกทั้งยังมีการฝึกประสบการณ์จริงกับสถานประกอบการและผู้ประกอบการในจังหวัด
เพื่อเปน็ การศกึ ษาเรยี นร้จู ากผู้มีความรดู้ ้านอาหารอย่างจริงจงั
3. หลักสูตรอัจฉริยภาพทางด้านกีฬา (Excellent Sport : E – Sport) ประกอบด้วย
หอ้ งเรียน ไดแ้ ก่
1. ห้องเรียน อัจฉริยภาพทางด้าน กีฬา ( Excellent Sport : E – Sport)
เป็นห้องเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนพัฒนาความเป็นอัจฉริยภาพด้านกีฬา พัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศ
ด้านกีฬาต้นแบบ 4 ประเภท คือ ฟุตบอล แฮนด์บอล กรีฑา และวอลเล่ย์บอล เพื่อพัฒนาให้เป็น
นักกีฬาระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ (ทีมชาติ) และก้าวไปสู่การเป็นนักกฬี าอาชีพมีรายได้
ระดบั สูง โดยมีโคช้ หรอื ผ้ฝู กึ สอนระดับประเทศ
(วิชัย วงษ์ใหญ่ 2552 : 1) ได้กล่าวไว้ว่าแนวคิดหลักการบริหารหลักสูตรควรมีการ
ทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาอย่างชัดเจนและถูกต้องถือ
เป็นเครื่องมือที่สำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของชาติ โดยมีหลักและแนวคิด
ท่ีสำคญั 9 ประการ ดงั น้ี
1. การวางแผนงานหลักสูตร ในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านของการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน ทุกโรงเรียนจะมีทั้งหลักสูตรใหม่และหลักสูตรเก่า หลักสำคัญในการบริหารหลักสูตรคือ
โรงเรียนองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สูตรหอ้ งเรียนการจดั การครวั 43
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
จะต้องทำให้ผู้เรียนสูญเสียประโยชน์น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นจะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนหลักสูตร
ให้น้อยและสั้นที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี ต้องจัดระบบให้ดี มีข้อมูลที่ชัดเจน
และตระเตรียมทุกอย่างใหพ้ ร้อมรับการเปลย่ี นแปลง
2. การจัดระบบข้อมูลโรงเรียน นับเป็นพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่งในการบริหารหลักสูตร
ระบบข้อมูลโรงเรียนประกอบดว้ ยขอ้ มลู ตา่ งๆ ดังน้ี
1. หลักสตู ร - ระบบการสร้างหลักสูตร การบรหิ ารหลกั สูตร และการประเมนิ ผล
2. การบรหิ ารจดั การ - มีข้อมูลดา้ นผเู้ รียน ผู้สอน วา่ มีความพร้อมหรอื ไมเ่ พียงใด
3. ระบบขอ้ มลู - ครูอาจารย์ นกั เรียน บคุ ลากร ผูร้ ใู้ นชมุ ชน อาชพี ในพืน้ ที่
4. การวางแผนกลยุทธ์ 3 - 5 ปี - แสดงถงึ วิสยั ทัศน์ จดุ มงุ่ หมาย และข้ันตอนการปฏิบตั ิงาน
5. ระบบงบประมาณ - การบริหารงบประมาณจะต้องมีความชัดเจนตรวจสอบได้ มุ่งผลงาน
และเพือ่ พัฒนาการศกึ ษาเปน็ สำคญั
6. การพัฒนาการเรียนรู้ - สอื่ และข้อมูลเกีย่ วกับนวตั กรรมการเรียนการสอน การประเมินผล
การศกึ ษาอบรมของครู
7. ระบบช่วยเหลือ - มีข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล จำแนกเด็กเก่ง เด็กปกติ และเด็กด้อย
โอกาส เพ่ือใหก้ ารสนบั สนุนช่วยเหลอื อย่างสอดคลอ้ งกบั ความจำเป็นตอ้ งการของเด็กแต่ละกล่มุ
8. บริหารบุคคล - ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ครูอาจารย์ ท้ังในด้านการศกึ ษา การอบรม การจัดหา บรรจุ
และเลกิ จา้ ง เพอ่ื ช่วยในการพฒั นาครูให้เหมาะสมสอดคล้องกับหลักสตู รใหม่
9. การประเมินภายใน - จัดเตรียมข้อมูลการพัฒนาหลักสูตร บุคลากร และผลสัมฤทธ์ิ
ทางการศกึ ษาของเดก็ และโรงเรียน
ข้อมลู พน้ื ฐานโรงเรยี นองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เชียงราย
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ถือกำเนิดจากนโยบาย ในการจัดการศึกษา
เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนและประชาชนในจังหวัดเชียงราย
ตามที่ นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั เชียงราย แถลงไว้ต่อสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั เชียงราย
และผ่านการประเมินความพร้อม จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงรายเขตหนึ่ง
กระทรวงศึกษาธิการ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สามารถจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานได้
(โรงเรยี นองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดเชียงราย, 2554:3)
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย จัดตั้งขึ้นจากนโยบายในการจัดการศึกษา
เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน และประชาชนในจังหวัดเชียงราย ตามท่ี
นางรัตนา จงสุทธนามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายในขณะนั้น แถลงไว้ต่อสภา
โรงเรยี นองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรห้องเรยี นการจดั การครัว 44
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และผ่านการประเมินความพร้อมจากสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาเชียงรายเขต 1 กระทรวงศึกษาธิการให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สามารถ
จัดการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐานได้
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายเปิดทำการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา
ปีที่ 1 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2549 มีครูจำนวน 12 คน มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 126 คน
มีผู้บริหารสถานศึกษาคือ นายศราวุธ สุตะวงค์ โดยใช้อาคารศูนย์ส่งเสริมสาธิตและจำหน่ายสินค้า
พื้นเมือง (ข้างโรงเรยี นเทศบาล 6 นครเชียงราย) เป็นอาคารเรียนชัว่ คราว ในปี พ.ศ. 2550 ได้ย้าย
สถานที่ตั้งโรงเรียนมาอยู่ในบริเวณศูนย์บูรณาการการเรียนรู้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
(สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย) เปิดสอนในระดับชั้น อนุบาล 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 จัดการเรียน
การสอน 3 โปรแกรมหลักสูตร คอื โปรแกรมวทิ ยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ และโปรแกรมกีฬา – ภาษา
ปัจจบุ นั โรงเรยี นองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดเชยี งรายได้ดำเนนิ การจัดการศกึ ษาตามแนวทางดังน้ี
วิสยั ทศั น์
“โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย มุ่งพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มตามศักยภาพให้
เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษากำหนด รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ใช้เทคโนโลยีเป็น สื่อสาร
ภาษาต่างประเทศได้ มจี ิตสาธารณะ บนวิถชี ีวิตทอ้ งถ่นิ ลา้ นนา และก้าวสคู่ วามเปน็ สากลโลก”
พันธกจิ
1. จดั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ระดบั ปฐมวัย – มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
2. พฒั นาผูเ้ รียนอยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ
3. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน
ใชเ้ ทคโนโลยเี ปน็ และสามารถสอื่ สารภาษาต่างประเทศได้
4. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้ตระหนักรู้ความเป็นท้องถิ่น ขนบธรรมเนียม
ประเพณี วฒั นธรรม และกา้ วส่กู ารแขง่ ขันบนเวทีโลกหรือความเป็นสากล
5. พัฒนาผู้เรียนเพื่อความเป็นเลิศเฉพาะทาง ให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น อาทิ
ภาษาตา่ งประเทศ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกีฬาอาชีพ เป็นตน้
ยทุ ธศาสตร์การพัฒนา 4 ยุทธศาสตร์ คือ
ยุทธศาสตรท์ ี่ 1. การพัฒนาผู้เรียนสมู่ าตรฐานการศกึ ษา และความเป็นสากล
ยทุ ธศาสตร์ที่ 2. การพัฒนาครูสู่ครมู อื อาชพี
ยุทธศาสตรท์ ี่ 3. การพัฒนาการบรหิ ารจัดการศกึ ษา
ยทุ ธศาสตร์ที่ 4. การพฒั นาสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ ท่ยี อมรับและสมู่ าตรฐานสากล
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5. การพัฒนาด้านการศึกษาและการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์
โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั เชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลกั สตู รหอ้ งเรยี นการจดั การครัว 45
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
อตั ลกั ษณ์
“วิชาการเดน่ เปน็ เลศิ ภาษา นำกฬี าสู่สากล พฒั นาความเป็นมนุษย์ใหส้ มบูรณ์”
เอกลกั ษณ์
ใหค้ วามรักกอ่ นใหค้ วามรู้
สรา้ งคนดีก่อนคนเก่ง
ให้โอกาส เพม่ิ คุณภาพ เพือ่ อนาคตที่ดกี วา่
1 โรงเรยี น 3 หลักสูตร 4 ชว่ งชั้น 12 โปรแกรมรายวชิ า
แนวทางการจดั การศกึ ษา
1. ใหค้ วามรกั ก่อนใหค้ วามรู้
2. สร้างคนดีก่อนคนเก่ง
3. ให้โอกาส เพ่มิ คุณภาพ เพ่ืออนาคตท่ดี กี วา่
4. สรา้ งคน สรา้ งชุมชน สร้างชาติ
การจดั การเรยี นรู้
การเรยี นรู้ (Learning) นักการศกึ ษาไดใ้ หค้ วามหมายของการเรยี นรู้ ไว้ดังน้ี
สุรางค์ โค้วตระกุล (2550:186)ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ว่า หมายถึง
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
หรือจากการฝึกหัด รวมท้งั การเปลยี่ นแปลงความรขู้ องผูเ้ รียน
สรุ างค์ โคว้ ตระกุล (2550:186)ได้ใหค้ วามหมายของการเรยี นร้วู ่า หมายถงึ การเปลยี่ นแปลง
พฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือจากการฝึกหัด
รวมทงั้ การเปลีย่ นแปลงความรขู้ องผ้เู รียน
สิริอร วิชชาวุธ (2554:2) ได้กล่าวว่าการเรียนรู้มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือมนุษย์ต้องเกิด
การเปลี่ยนแปลงจากไม่รู้ เป็นรู้ ทำไม่ได้ เป็นได้ ไม่เคยทำ เป็นทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมน้ัน
เป็นไปอย่างถาวรการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด
จะเหน็ ไดว้ า่ การเรยี นรนู้ ั้นเกิดจากการเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมอยา่ งถาวรของบุคคล อนั เปน็ ผลมาจาก
ประสบการณ์ในอดีต ทั้งจากการฝึกฝน การปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์รอบตัวและมีปริมาณองค์
ความร้ทู เ่ี พม่ิ มากข้นึ
แนวคิดตามทฤษฎีการเรียนรขู้ อง เบญจมิน บลูม (Bloom Taxonomy)
อติญาน์ ศรเกษตริน (2543 : 72-74 อ้างในบุญชม ศรีสะอาด 2537 :Bloom : 18)
ได้กล่าวว่า จุดประสงค์สำคัญของการเรียนการสอน คือ การให้บุคคลเปลี่ยนแปลงไปในทาง
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชยี งราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรห้องเรยี นการจดั การครัว 46
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
ทพ่ี งึ ประสงคพ์ ฤติกรรมเหล่าน้ีจำแนกและจัดลำดบั หมวดหมู่และระดบั ความยากง่าย หมวดหมเู หล่าน้ี
เรียกว่าจุดมุ่งหมายของการศึกษาของ บลูม ( Taxonomy of Educational objective) :
ซง่ึ Benjamin Bloom (Bloom.1976) ไดแ้ บง่ เปน็ 3 หมวดดงั นี้
พฤติกรรมด้านพุทธพิสัย (Cognitive Domain) เป็นความสามารถทางด้านสติปัญญา
แบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 6 ระดบั ดังนี้
1. ความสามารถในการจดจำความร้ตู า่ งๆทไี่ ด้เรยี นรู้มา (Knowledge)
2. ความสามารถในการแปลความ ขยายความ ในสิ่งทไี่ ด้เรยี นรูม้ า (Comprehensive)
3. ความสามารถในการส่ิงทเ่ี รียนรู้มาใหเ้ กิดประโยชน์ (Application)
4. ความสามารถในการแยกแยะความรู้ออกเป็นส่วนๆและทำความเข้าใจในแต่ละส่วน
ว่าสมั พันธ์หรอื ตา่ งกันอย่างไร (Analysis)
5. ความสามารถในการรวบรวมความรู้ต่างๆหรือประสบการณ์ต่างๆให้เกิดเป็นสิ่งใหม่
(Synthesis)
6. ความสามารถในการตดั สินคุณค่าของความร้อู ย่างเปน็ เหตเุ ป็นผล (Evaluation)
ต่อมา Anderson and Krathwont (2001) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกศิษย์ของ Bloom ได้ปรับปรุง
พัฒนาให้เหมาะสม โดยเปลี่ยนแปลงขน้ั ตอนพฤติกรรมพุทธพิสยั ดังนี้
- ขนั้ ความรู้ความจำ เปลย่ี นเป็น จำ
- ข้นั ความเขา้ ใจ เปล่ยี นเป็น เข้าใจ
- ขัน้ การนำไปใช้ เปลย่ี นเปน็ ประยกุ ต์
- ขั้นการวิเคราะห์ เปลย่ี นเป็น วิเคราะห์
- ขั้นการสังเคราะห์ เปลย่ี นเปน็ ประเมินค่า
- ขั้นการประเมนิ ค่า เปล่ียนเป็น ริเร่ิมสรา้ งสรรค์
พฤติกรรมด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิด
ในจิตใจ ความเช่อื ความซาบซึ้ง ประกอบดว้ ยพฤติกรรม 5 ระดบั ดังนี้
1. ความต้งั ใจ สนใจในสงิ่ เรา้ หรอื รบั รู้ (Receive)
2. การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมทเ่ี กดิ ข้ึนหรือตอบสนองสิ่งเร้า (Respond)
3. ความรูส้ ึกซาบซ้ึงยินดี มเี จตคตทิ ่ีดี หรือคา่ นิยม (Value)
4. เห็นความแตกต่างในคุณค่า แก้ไขข้อบกพร่อง/ขัดแย้ง สร้างปรัชญา/เป้าหมาย
ให้แก่ตนเองหรอื การจัดระบบ (Organize)
5. ทำให้เกิดเป็นคุณลักษณะหนึง่ ของชีวติ ตนเองหรือ บคุ ลกิ ภาพ (Characterize)
โรงเรียนองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนนิ งานหลักสูตรห้องเรยี นการจัดการครัว 47
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) เป็นความสามารถในการปฏิบัติ
ประกอบด้วยพฤติกรรม 5 ระดบั ดังน้ี
1. ความสามารถในการสังเกตและรับรขู้ ้ันตอนการปฏิบตั ิ หรอื ข้นั รบั รู้ (Imitation)
2. ความสามารถในการทำตามขัน้ ตอนหรือรูปแบบ ทไ่ี ดร้ บั การแนะนำ (Manipulation)
3. ความสามารถในการทำงานด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีผู้ชี้แนะและพัฒนาการทำงาน
ดว้ ยตนเองใหม้ ปี ระสิทธภิ าพสูงขึน้ (Precision)
4. ความสามารถในการเลือกรูปแบบที่ตนเองพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ และฝึกฝนจน
เกดิ ความคล่องแคล่วเป็นอตั โนมตั ิชัดเจนตอ่ เน่อื งจน ชำนาญการ (Articulation)
5. ความสามารถที่เกิดจากการฝึกฝนจนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญในงานนั้นเป็นการเฉพาะ
และเปน็ ธรรมชาติ ขั้นเชยี่ วชาญ (Naturalization)
การจดั การเรียนรู้ (Learning Management)
นกั การศึกษาไดใ้ หค้ วามหมายของการจดั การเรยี นรู้ ไว้ดังนี้
สมุ น อมรวิวฒั น์ 2533:460) ไดใ้ ห้ความหมายของการจัดการเรียนรู้คอื สถานการณ์อย่างหนึ่ง
ทมี่ ีสง่ิ ตอ่ ไปนเี้ กิดขึ้น ได้แก่ มคี วามสัมพันธ์และมปี ฏิสัมพันธเ์ กิดขึ้น ระหว่างผู้สอนกับ ผู้เรียน ผู้เรียน
กับผู้เรียน ผู้เรียนกับสิ่งแวดล้อม และผู้สอนกับสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์และการมีปฏิสัมพันธ์
ก่อใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ ละประสบการณใ์ หม่ ผเู้ รยี นสามารถนำประสบการณใ์ หมน่ ้นั ไปใช้ได้
วชิ ัย ประสิทธ์วุฒิเวชช์ (2542 : 255) ได้กล่าวว่า การจัดการเรยี นรู้เปน็ กระบวนการทีม่ รี ะบบ
ระเบียบคลอบคลุมการคำเนินการ ตง้ั แตก่ ารวางแผน การจัดการเรียนรู้ จนถงึ การประเมนิ ผล
ฮู และ ดันแคน (Hough and Duncan 1970 : 144) อธิบายความหมายของการจัดการ
เรียนรู้ว่าหมายถึง กิจกรรมที่บุคคลได้ใช้ความรู้ของตนเองอย่างสร้างสรรค์เพื่อสนับสนุนให้ผู้อ่ืน
เกิดการเรียนรู้ และมคี วามผาสุกดงั นัน้ การจดั การเรยี นร้จู งึ เปน็ กจิ กรรมในแง่มุมตา่ ง ๆ 4 ดา้ นดงั นี้
1. การจัดการหลักสูตร (Curriculum)
2. การจดั การเรียนการสอน (Instruction)
3. การวัดผล (Measuring)
4. การประเมินผลการเรียนรู้ (Evaluation) หลงั การเรียนการสอน
โรงเรยี นองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดเชียงราย
รายงานการดำเนินงานหลกั สตู รห้องเรียนการจดั การครวั 48
และศิลปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
องคป์ ระกอบของการจัดการเรียนรู้
ผู้สอน จำเป็นจะต้องศึกษาจากข้อมูลหลายประการ เพื่อนำมาช่วยเสริมสร้างการจัดการ
เรียนรู้ของตน และการเรียนรู้ของผู้เรียน การจัดการเรียนรู้ไม่ว่าระดับใด จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ
3 ประการดงั ตอ่ ไปนี้
1. ผเู้ รียน
2. บรรยากาศทางจติ วทิ ยาทเ่ี อ้ือต่อการเรยี นรู้
3. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน บรรยากาศทางจิตวิทยาในชั้นเรียน ผู้เรียน ธรรมชาติ
ของผู้เรียน เป็นสิ่งที่ครูผู้สอนจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เกี่ยวกับความสามารถของสมอง
ความถนัด ความสนใจ พัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และจิตใจ ความต้องการพื้นฐานหรือ
เรยี กอีกอยา่ งหนึ่งว่า ศกั ยภาพผ้เู รียน
บรรยากาศทางจิตวทิ ยาที่เออ้ื ตอ่ การเรียนรู้
บรรยากาศใฝ่รูใ้ ฝ่เรียนถือเป็นบรรยากาศทางจติ วิทยาที่สำคัญที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรยี น
ครูผู้สอนต้องมที ักษะ ประสบการณ์และจติ วิทยาในการสร้างบรรยากาศดังกลา่ วได้โดยเลอื ก รูปแบบ
(Model) วิธกี าร (Innovation) เครอ่ื งมือ (Media) ตลอดจนเทคโนโลยี(Technology) เพมิ่ เสรมิ สรา้ ง
บรรยากาศที่เร้าให้ผู้เรียน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มากยิ่งขึ้น ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับบรรยากาศ
ทางจิตวิทยาในห้องเรียน ครูผู้สอนควรสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนทุกกลุ่มที่มีศักยภาพแตกต่างกัน
ด้วยความเอื้ออาทรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจที่จะเรียนรู้ของผู้เรียน ที่จะก้าวอย่างมั่นคง
เต็มศักยภาพของผ้เู รยี นแตล่ ะบุคคลให้สงู ยิ่งขน้ึ และอยา่ ลืมวา่
ผู้เรียนที่มีศักยภาพต่ำต้องการความช่วยเหลือจากครูผู้สอนและเพื่อนนักเรียนในการเรียนรู้
ให้ประสพผลสำเรจ็
ผู้เรียนที่มีศักยภาพปานกลาง ต้องการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองภายใต้การประคับประคอง
และให้กำลังใจของครู
ผู้เรียนที่มีศักยภาพสูงต้องการเรียนรู้ด้วยตนเอง ภายใต้การให้กำลั งใจและอำนวย
ความสะดวกในการเรียนรู้จากครูผู้สอน ให้โอกาส ผู้เรียนใช้ความฝัน จินตนาการ ความคิดริเร่ิม
สร้างสรรค์ประกอบการเรียนรู้
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวดั เชยี งราย
รายงานการดำเนินงานหลักสูตรหอ้ งเรียนการจดั การครวั 49
และศลิ ปะการประกอบอาหาร (Smart Chef Program : SCP)
หลักการพ้ืนฐานในการจดั การเรยี นรู้
ในการจัดการเรียนรู้สมัยใหม่ ผู้สอนจำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถหลายอย่าง
ในการจัดการเรียนรูใ้ หม้ ปี ระสทิ ธิภาพและเกิดประสิทธผิ ลสูงสดุ ดงั น้ี
1. หลักการรู้จักผู้เรียน ถือเป็นสิ่งแรกที่ผู้สอนต้องสามารถวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียนได้ว่า
เป็นอย่างไร มีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างไร มากน้อยเพียงใด ปกติสามารถแบ่งออกได้เป็น
3 กลุ่ม ดงั นี้
1.1 กล่มุ สติปญั ญาค่อนขา้ งออ่ น/เรียนรชู้ ้า กลุม่ นีส้ ามารถเรียนรู้ไดต้ อ่ เมอื่ ได้รับการช่วยเหลือ
หรือสอนจากครูอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงจะเรียนรู้สำเร็จเป้าหมายการเรียนรู้เพียงช่วยเหลือตนเองได้
โดยไมต่ อ้ งเปน็ ภาระแก่ผูอ้ น่ื ในการดำรงชีวติ
1.2 กลุ่มสติปัญญาปานกลาง กลุ่มนี้มีความสามารถในการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ต้องได้
รับคำชี้แนะ รูปแบบ วิธีการ จากครูผู้สอนภายใต้การให้กำลังใจการเรียนรู้จึงจะประสพผลสำเร็จ
ความตอ้ งการเรียนรเู้ พือ่ ประยุกต์ใชอ้ งค์ความรูใ้ หเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเองและเออ้ื แกผ่ ูอ้ ่นื รอบข้างได้
1.3 กลุ่มสติปัญญาสูง กลุ่มนี้เป็นความหวังของสังคมประเทศชาติในการช่วยให้เกิด
ความเจรญิ ก้าวหน้าทางวชิ าการและวิชาชีพในอนาคต กล่มุ น้มี ีความสามารถท่จี ะเรยี นรู้ได้ด้วยตนเอง
โดยต่อยอดจากการเรียนรู้จากครูแต่ต้องการความเป็นอิสระในการเรียนรู้ การใช้ความคิดริเร่ิม
สรา้ งสรรค์ จนิ ตนาการ ฉะนัน้ จึงตอ้ งการโอกาสและการให้ความสะดวกในการเรยี นรูอ้ ย่างหลากหลาย
รูปแบบไม่มีขีดจำกัด กลุ่มนี้มีเป้าหมายการเรียนที่ทำให้เกิดประโยชน์กับตนเองแล้วยังเพื่อผู้ อ่ืน
ประเทศชาติตลอดจนสง่ิ แวดล้อม ใช้องคค์ วามรู้เพือ่ สรา้ งมูลค่าเพ่ิม เปน็ ความหวงั ของทุกสงั คม
2. หลักการวางแผนและเตรียมจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องมีความรู้ความสามารถในการวาง
แผนการจัดการเรียนรู้และวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียนแต่ละศัก ยภาพ
ทั้งนี้กระบวนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่เหมาะสมสอดคล้องต่อการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม
ผูเ้ รียน เปน็ ปัจจยั สำคัญต่อการเลอื กวธิ กี ารจัดการเรยี นรดู้ ว้ ย
3. หลักการใช้จิตวิทยาการเรียนรู้ การจะจัดการเรียนรู้อย่างไรกับกลุ่มผู้เรียนใด
ครูผู้สอนต้องมีพื้นฐานความรู้ทางด้านจติ วทิ ยาการเรียนรู้ จิตวิทยาพัฒนาการ ทฤษฎีสมอง จิตวิทยา
แนะแนวและการให้คำปรึกษา เพื่อประกอบการตัดสิ้นใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสม
4. หลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การที่ครูผู้สอน จะเลือกรูปแบบการวัด
และประเมินผลการเรียนรู้รูปแบบใด ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการวัดและประเมินผล
ว่ามวี ัตถุประสงคอ์ ย่างไร เชน่
โรงเรียนองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดเชียงราย