รายงานผลการพัฒนาครึง่ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
3.2.4 กาลังคนดา้ นสขุ ภาพ
การบริการสุขภาพท่ีได้มาตรฐานและมี อยู่ในลาดับที่ 3 ส่วนเภสัชกรและพยาบาลวิชาชีพ
คุณภาพ ต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการ อยูใ่ นลาดับที่ 4 ดังภาพที่ 3.5 ในด้านการสร้างขวัญ
กาลังคนด้านสุขภาพให้เพียงพอและเหมาะสมต่อ กาลังใจและธารงรักษาบุคลากร มีการปรับปรุงการ
ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน ตลอดจน จ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับ
พรอ้ มเผชิญกับสถานการณ์ ความเปล่ยี นแปลง ไม่ว่า หน่วยบริการสาธารณสุข รวมทั้งการขับเคล่ือนแผน
จะเป็นอุบัติการณ์ของโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้า รวมท้ัง สร้างสขุ พบว่าดัชนีความสุขของเจ้าหน้าท่ีกระทรวง
การเพ่ิมขึ้นของผู้สูงอายุและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สาธารณสุขมีค่าเฉล่ียความสุขภาพรวมสูงข้ึน ส่วน
กระทรวงสาธารณสุขได้มีการผลิตกาลังคนด้าน ดัชนีสุขภาวะขององค์กรลดลง ส่งผลให้อัตราการคง
สุขภาพ ในหลักสูตรต่างๆ ได้แก่ การผลิตพยาบาล อยู่ของบุคลากรอยู่ระหว่าง ร้อยละ 97.1-91.4 ใน
ศาสตรบัณฑิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ต้ังแต่ พ.ศ. 2560- พ.ศ. 2560-2561 บรรลุคา่ เปา้ หมาย
2562 ส่วนการผลิตสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต ผลการพัฒนาด้านบุคลากรเป็นเลิศใน
การแพทย์แผนไทยบัณฑิต และประกาศนียบัตร ครึ่งแผนยุทธศาสตรข์ องกระทรวงสาธารณสุข พบว่า
วิชาชีพชั้นสูง มีแนวโน้มลดลง สาหรับการพัฒนา การกระจายกาลังคนด้านสุขภาพของบุคลากร ใน 4
กาลังคนด้านสุขภาพ เพิ่มข้ึนจากร้อยละ 59.3 ใน สาขาหลัก มีความเหลื่อมล้าระหว่างภาคและเขต
พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 79.8 ใน พ.ศ. 2561 ส่วน สุขภาพ แม้วา่ จะกระจายอานาจให้เขตสุขภาพมีการ
การกระจายกาลังคนด้านสุขภาพ ใน 4 สาขาหลัก บริหารจัดการกาลังคนดา้ นสขุ ภาพ แต่ยงั ไม่ก้าวหน้า
ยังมีความเหล่ือมล้าระหว่างภาค เขตสุขภาพและ มากนัก ส่วนในด้านความสุขของคนทางาน พบว่า
กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร เมื่อเปรียบเทียบ เจ้าหน้าที่มีความสุข ร้อยละ 63.6 ใน พ.ศ. 2562
กาลังคนด้านสขุ ภาพใน 4 สาขาหลักในกลุ่มประเทศ และดัชนีสุขภาวะขององค์กร ร้อยละ 55.3 ใน พ.ศ.
อาเซียนต่อพันประชากร พบว่า ใน พ.ศ. 2559 2562 ไม่สามารถประเมินได้ เน่ืองจากไม่ได้กาหนด
ประเทศไทยมสี ดั ส่วนแพทย์อยู่ในลาดบั ที่ 6 ทนั ตแพทย์ ค่าเป้าหมายตวั ช้ีวดั
“
บุคลากร
เปน็ เลศิ
”
40
รายงานผลการพัฒนาครึ่งแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ภาพที่ 3.5 สัดส่วนบคุ ลากรทางการแพทยต์ อ่ ประชากร 1,000 คน ในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น พ.ศ.2559
สดั ส่วนแพทย์ ตอ่ ประชากร 1,000 คน สดั สว่ นทนั ตแพทย์ ต่อประชากร 1,000 คน
3 0.6 0.5
2.3 0.5 0.4 0.4
0.4 0.3
2 1.7 1.5 0.3
1 0.8 0.6 0.5 0.5
0.2 0.1 0.1
0.2 0.1 NA 0.1 0.0 0.0 0.0 NA
0 0
ัอตรา ่สวน ่ตอ ัพนประชากร ัอตรา ่สวน ่ตอ ัพนประชากร
มาเลเซีย
สิงคโปร์
บรูไนฯ บรูไนฯ
สิงคโปร์
มาเลเซีย
เวียดนาม ไทย
เมียนมาร์ สปป.ลาว
สปป.ลาว เมียนมาร์
ไทย กัมพูชา
อินโดนีเซีย อินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์
กัมพูชา เวียดนาม
ฟิลิปปินส์
สัดส่วนเภสชั กร ต่อประชากร 1,000 คน สัดสว่ นพยาบาล ตอ่ ประชากร 1,000 คน
1 0.9 8 7.1 6.5
ัอตรา ่สวน ่ตอ ัพนประชากร ัอตรา ่สวน ่ตอ ัพนประชากร
ฟิลิปปินส์0.8 สิงคโปร์6
มาเลเซีย
0.6 0.5 0.5 สิงคโปร์ บรูไนฯ4.1
เวียดนาม มาเลเซีย
บรูไนฯ ไทย
สปป.ลาว เวียดนาม
อินโดนีเซีย
ไทย
อินโดนีเซีย กัมพูชา
สปป.ลาว
กัมพูชา เมียนมาร์
เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์
0.4 0.3 4 2.3
0.2 0.2 0.2
0.1 1.4 1.3 1.0 1.0 0.9
0.2 0.0 NA 2 0.2
0 0
ทีม่ า : World health statistics 2018: monitoring health for the SDGs,
sustainabledevelopment goals, World Health Organization 2018
3.2.5 ระบบการเงินการคลงั สขุ ภาพและหลกั ประกนั สขุ ภาพ
กระทรวงสาธารณสุขได้ดาเนินการสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับคนไทยครอบคลุม ร้อยละ
99.92 และมีการจัดสรรงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวเพ่ิมเป็น 3,426.6 บาท ใน พ.ศ. 2562 มีการพัฒนา
และขยายชุดสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันในด้านการรักษาพยาบาล บริการฟื้นฟูสมรรถภาพ
และเพิม่ การดูแลกลมุ่ เฉพาะ ได้แก่ ผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยจิตเวชเร้ือรังในชุมชน และผู้สูงอายุ
ท่ีมีภาวะพึ่งพิง ส่งผลให้ผู้ป่วยนอกใช้บริการสุขภาพเพิ่มข้ึน 184.56 ล้านคร้ัง ใน พ.ศ. 2562 ผู้ป่วยในใช้
บริการสุขภาพเพิ่มข้ึน 6.2 ล้านคร้ัง ใน พ.ศ. 2562 ครัวเรือนท่ีเกิดวิกฤติทางการเงินจากการจ่ายค่า
รักษาพยาบาล มีแนวโน้มลดลง เหลือร้อยละ 2.26 ใน พ.ศ. 2560 และครัวเรือนต้องกลายเป็นครัวเรือน
ยากจนภายหลังจากการจ่ายคา่ รกั ษาพยาบาล ลดลงเหลือร้อยละ 0.24 ใน พ.ศ. 2560 สาหรับการลดความ
เหลือ่ มลา้ ระหว่าง 3 กองทุน พบว่า มกี ารดาเนนิ การเฉพาะนโยบาย “เจ็บปว่ ยฉุกเฉินวกิ ฤต มีสิทธิทุกท่ี” ให้
ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้าไปรับการรักษาท่ีโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนท่ีอยู่ใกล้ท่ีสุด โดยไม่ต้องสารองเงินค่า
รักษาพยาบาลในระยะเบ้ืองต้น 72 ชั่วโมงแรก สาหรับการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของ
โรงพยาบาล พบว่า กระทรวงสาธารณสขุ ได้เพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการบริหารจัดการการเงินการคลัง และเพิ่ม
เงินสารองฉุกเฉินในการดาเนินงาน ส่งผลให้โรงพยาบาลที่ประสบภาวะวิกฤตทางการเงินระดับ 7 ลดลง
อยา่ งตอ่ เนื่อง จากรอ้ ยละ 15.2 ใน พ.ศ. 2558 เหลือร้อยละ 0.1 ใน พ.ศ. 2562
41
รายงานผลการพัฒนาครึง่ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ผลการพัฒนาด้านการเงินการคลังสุขภาพและหลักประกันสุขภาพในคร่ึงแผนยุทธศาสตร์กระทรวง
สาธารณสุข พบว่า ประชาชนมีหลักประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น แต่การดาเนินการเร่ืองลดความเหล่ือมล้าของ 3
กองทุนคือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนสวัสดิการข้าราชการและกองทุนประกันสังคม ที่ผ่าน
มามีความคืบหน้าไม่มากนัก มีการดาเนินงานลดความเหล่ือมล้าเฉพาะนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มี
สิทธิทกุ ที่” เนอื่ งจากขาดหน่วยงานเจา้ ภาพหลกั ดาเนนิ การ
3.2.6 ระบบขอ้ มูลข่าวสารและกฎหมายด้านสขุ ภาพ
กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาระบบข้อมูลและ เพ่ิมขึ้นเป็น 42 จังหวัด จาก 76 จังหวัด ส่วนการ
สารสนเทศด้านสุขภาพให้มีคุณภาพ ถูกต้อง และ พัฒนาคุณภาพข้อมูลการป่วยไม่มีการดาเนินการ
เช่ือถือได้ โดยได้ดาเนินการพัฒนาคุณภาพข้อมูลการ ต่อเน่ือง มีการดาเนินการใน พ.ศ. 2560 เพียงปีเดียว
ป่วยและการตาย มีจังหวัดที่ผ่านเกณฑ์คุณภาพ แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีการพัฒนาโรงพยาบาล
ข้อมูลสาเหตุการตายเพ่ิมข้ึนเป็น ร้อยละ 55.8 ใน ให้เป็น Smart Hospital แต่ยังไม่มีการดาเนินงานที่
พ.ศ. 2562 ส่วนข้อมูลการป่วย มีการพัฒนาคุณภาพ ชัดเจนของหน่วยงานระดับกรมในส่วนกลาง และจาก
ข้อมูลใน พ.ศ. 2560 เพียงปีเดียว นอกจากนี้ยังใช้ การประเมนิ ของสานักงานพัฒนารัฐบาลดจิ ิทัล ได้แบ่ง
เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพ การจัดกลุ่มท่ีมีความพร้อมเป็นรัฐบาลดิจิทัล เป็น 4
ได้แก่ การแลกเปล่ียนข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยใน กลุ่ม คือ 1) กลุ่มที่มีความโดดเด่นด้านระดับความ
โรงพยาบาลระดับตติยภูมิและทุติยภูมิ เพ่ือให้ผู้รับ พร้อมของรัฐบาลดิจิทัลสูงและมีความพร้อมทาง
บริการเข้าถึงข้อมูลของตนเอง มีการจัดทาหนังสือ พฒั นาท่ดี ีข้ึนอยา่ งโดดเดน่ (Developed) 2) กลุ่มท่ีมี
แสดงความยินยอมให้เปดิ เผยขอ้ มูลทางอเิ ล็กทรอนิกส์ ความโดดเด่นในระดับสูงแต่มีการพัฒนาความพร้อม
เพ่ือการบริการสุขภาพ (Consent Form) แต่ยังไม่มี ลดลงหรือดีข้ึนเล็กน้อยถึงปานกลาง (Maintain) 3)
การใช้อย่างแพร่หลายในโรงพยาบาล และการพัฒนา กลุ่มท่ีมีความโดดเด่นด้านระดับความพร้อมรัฐบาล
โรงพยาบาลให้เป็น Smart Hospital เริ่มดาเนินการ ดิจิทลั ต่าถงึ ปานกลาง แต่มีการพัฒนาความพร้อมฯ ที่
ใน พ.ศ. 2562 พบว่า โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาล
ทั่วไป ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 ส่วนโรงพยาบาลสังกัด ดีขึ้นจากปีที่แล้วอย่างโดดเด่น (Rising Star) และ 4)
กรม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 โรงพยาบาลชุมชนผ่าน
เกณฑ์ ร้อยละ 72.0 ในด้านการพัฒนากฎหมายด้าน กลุ่มที่มีความโดดเด่นด้านระดับความพร้อมรัฐบาล
สุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายด้าน ดิจิทัลต่าถึงปานกลาง และมีการพัฒนาความพร้อมฯ
สาธารณสุขและตราออกเป็นพระราชบัญญัติสาคัญ ต่า (Developing) พบว่า กระทรวงสาธารณสุขถูกจัด
ระหว่าง พ.ศ. 2560-2562 จานวน 13 ฉบับ และ ให้อยู่ในกลุ่มท่ี 3 Rising Star คือกลุ่มที่มีความพร้อม
สานักงานสาธารณสุขจังหวัดมีการบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลดิจิทัลต่าถึงปานกลาง ดังน้ัน หน่วยงานระดับ
ด้านสาธารณสุขเพ่ิมข้ึน เป็นร้อยละ 97.4 ใน พ.ศ. กรม ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ควรมีแผนพัฒนา
2562 ความพร้อมในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ให้สอดคล้องกับ
แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพ่ือให้องค์กรสามารถ
ผลการพัฒนาด้านข้อมลู ข่าวสารและสารสนเทศ บริหารงานและให้บริการผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างมี
ด้านสุขภาพในคร่ึงแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวง ประสิทธิภาพ
สาธารณสุข พบวา่ มีการพฒั นาขอ้ มูลสาเหตุการตาย
42
รายงานผลการพฒั นาครึง่ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
3.2.7 ระบบธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาระบบบริหารจัดการด้านสาธารณสุขโดยใช้ธรรมาภิบาล มีการพัฒนา
คณุ ธรรมและความโปร่งใส ผ่านกระบวนการประเมิน ITA เน้นการประเมินตนเองตามแบบประเมินหลักฐาน
เชิงประจักษ์ พบว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA เพิ่มข้ึนเป็นร้อยละ
96.9 ใน พ.ศ. 2562 บรรลุค่าเป้าหมาย และได้รับรางวัลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการ
ดาเนนิ งานของหนว่ ยงานภาครัฐ ระดับ A ใน พ.ศ. 2562 นอกจากน้ีในการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ
ภาครัฐ (PMQA) กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ กรม สานักงาน
สาธารณสขุ จงั หวัด (สสจ.) และสานักงานสาธารณสขุ อาเภอ ผ่านเกณฑ์พัฒนาคุณภาพ ร้อยละ 99.4 บรรลุค่า
เป้าหมาย และไดร้ ับรางวัลองค์กรภาครัฐยอดเยี่ยม ประจาปี พ.ศ. 2561 (United nations Public Service
Awards 2018) และสานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคมุ โรค ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ระดับยอดเยี่ยม
ใน พ.ศ. 2562 นอกจากน้ีมีการสร้างระบบธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการการจัดซื้อยาร่วมของยา
เวชภัณฑ์ทีไ่ ม่ใช่ยา วสั ดุวทิ ยาศาสตรแ์ ละวัสดุทนั ตกรรม เพิม่ ข้นึ เป็นรอ้ ยละ 27.5 ใน พ.ศ. 2562
ผลการพัฒนาด้านธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในคร่ึงแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข
พบว่า การพัฒนาคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และการพัฒนา
คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ มีผลการดาเนินงานบรรลุเป้าหมายท่ีกาหนด ส่วนการจัดซื้อยาร่วมของยา
เวชภัณฑ์ท่ีไม่ใช่ยา วัสดุวิทยาศาสตร์และวัสดุทันตกรรม ดาเนินการได้ร้อยละ 27.5 ต่ากว่าค่าเป้าหมายที่
กาหนด (ร้อยละ 30) จึงควรบริหารระบบการจัดซื้อยาร่วมของหน่วยงานในจังหวัดและเขตสุขภาพให้มี
ประสทิ ธิภาพมากยิ่งขึ้น
43
บทท่ี 4
ผลการพฒั นาครงึ่ แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวง
สาธารณสขุ (พ.ศ. 2560-2564)
รายยุทธศาสตร์
รายงานผลการพัฒนาครึง่ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
4. ผลการพฒั นาครงึ่ แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสขุ
(พ.ศ. 2560-2564) รายยทุ ธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสขุ ได้จดั ทาแผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสขุ ระยะ 20 ปี โดยใช้กรอบความ
เปน็ เลศิ 4 ดา้ น มีการวางแผนการดาเนินงานเป็น 4 ระยะ ซ่ึงระยะที่ 1 (พ.ศ. 2560-2564) เน้นการปฏิรูป
ระบบสุขภาพ และมีการดาเนินงานตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560-2562 เป็นระยะเวลา 3 ปี มีผลการ
พฒั นาดังนี้
4.1 ผลการดาเนนิ งานเมอื่ เปรยี บเทียบเปา้ หมายของแผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสขุ (พ.ศ. 2560-2564)
เกณฑ์ในการวัดผลการดาเนินงานครึ่งแผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2560-2564)
เปรียบเทียบกับเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2560-2564) แบ่งเป็น 5 ระดับ
ดังน้ี
สญั ลักษณ์ เกณฑ์ระดับ ผลการดาเนนิ งาน
ตา่ กว่าคา่ เปา้ หมายระดับวิกฤต ต่ากว่ารอ้ ยละ 50.9 ของค่าเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์
ตา่ กว่าค่าเป้าหมายระดับเสี่ยง รอ้ ยละ 51.0-75.9 ของค่าเป้าหมาย
ต่ากว่าคา่ เปา้ หมาย รอ้ ยละ 76-99.9 ของค่าเปา้ หมาย
บรรลคุ ่าเปา้ หมาย บรรลุค่าเปา้ หมาย รอ้ ยละ 100 หรือมากกวา่
ประเมินไม่ได้ ไม่มขี อ้ มูล หรือไมร่ ะบุเป้าหมาย หรือเปา้ หมายไมช่ ัดเจน
แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. ทงั้ นมี้ ปี ัจจัยเสย่ี งที่อาจส่งผลต่อการดาเนินงาน
2560-2564) มีตัวชี้วัดท้ังหมด 118 ตัวช้ีวัด เป็นตัวช้ีวัด ตามแผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสขุ ในอีก 2
ตามแผนยุทธศาสตร์ฯ 116 ตัวชี้วัด และเป็นตัวช้ีวัดที่ ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2563-2564) ดังนี้
เพิ่มใหม่ 2 ตวั ชว้ี ัด (ER คุณภาพ และ Digital Trans-
formation) จากการประเมินพบว่า บรรลุค่าเป้าหมาย 1) การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา
ของแผนยทุ ธศาสตรฯ์ จานวน 33 ตัวชี้วัด (ร้อยละ 28.0)
และยังมีสถานการณ์การบรรลุเป้าหมายต่ากว่ากาหนด 2019 ทีย่ ังไมส่ ิ้นสดุ
โดยเป็นระดับต่ากว่าค่าเป้าหมาย จานวน 25 ตัวช้ีวัด
(รอ้ ยละ 21.2) ต่ากว่าคา่ เปา้ หมายระดบั เสี่ยง จานวน 17 2) พฤติกรรมสุขภาพของประชาชนท่ีแย่ลง
อนั เนือ่ งจากภาวะเศรษฐกจิ
ตัวชี้วัด (ร้อยละ 14.4) ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต 3) การปรับแผนงาน/โครงการท่ีเน้นการคุม
จานวน 18 ตวั ชี้วัด (ร้อยละ 15.3) และประเมินไม่ได้ 25 การแพร่ระบาดและการรักษาพยาบาล
ตัวช้ีวัด (ร้อยละ 21.2) ซ่ึงจะต้องมีการวิเคราะห์และหา ผู้ป่วยโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019
มาตรการดาเนินงานท่ีสามารถขับเคลื่อนการดาเนินงาน 4) ภาระงานที่เพิม่ ข้ึนของบุคลากรทางการ
ให้บรรลุผลใน พ.ศ. 2564 ดังตารางที่ 4.1 และภาพท่ี
4.1-4.2 แพทย์และสาธารณสุข
45
รายงานผลการพฒั นาคร่งึ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางท่ี 4.1 ผลการดาเนนิ งานสามปขี องตวั ช้วี ดั แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข
(พ.ศ. 2560-2564) จาแนกรายยทุ ธศาสตร์
ยทุ ธศาสตร์ จานวน บรรลุคา่ เป้าหมาย ตา่ กว่าคา่ เป้าหมาย ต่ากวา่ ค่าเปา้ หมาย ต่ากวา่ ค่าเปา้ หมาย ประเมิน
(≥ร้อยละ 100) (ร้อยละ 76.0-99.9) ระดับเส่ียง ระดบั วกิ ฤต ไมไ่ ด้
(รอ้ ยละ 51.0-75.9) (≤ร้อยละ 50.9)
ส่งเสริมสุขภาพ 31 10 (32.3%) 11 (35.5%) 1 (3.2%) 8 (25.8%) 1 (3.2%)
ปอ้ งกันโรค และ
ค้มุ ครองผบู้ รโิ ภค
เปน็ เลศิ
บริการเปน็ เลิศ 57 11 (19.3%) 9 (15.8%) 10 (17.6%) 6 (10.5%) 21 (36.8%)
บคุ ลากรเปน็ เลิศ 6 2 (33.3%) 1 (16.7%) 1 (16.7%) 2 (33.3%) 0 (0.0%)
บริหารเป็นเลศิ ด้วย 24 10 (41.7%) 4 (16.7%) 5 (20.8%) 2 (8.3%) 3 (12.5%)
ธรรมาภิบาล
รวม 118 33 (28.0%) 25 (21.2%) 17 (14.4%) 18 (15.3%) 25 (21.2%)
ภาพที่ 4.1 ผลการดาเนินงานสามปขี องตัวช้ีวดั แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข
(พ.ศ. 2560-2564) จาแนกรายยทุ ธศาสตร์
จานวนตัวช้ีวดั แยกเป้าหมายรายยทุ ธศาสตร์
120 รวม บรรลุคา่ เปา้ หมาย 118
ตา่ กวา่ คา่ เปา้ หมาย ต่ากวา่ คา่ เปา้ หมายระดบั เสย่ี ง
100 ตา่ กวา่ คา่ เปา้ หมายระดบั วกิ ฤต ประเมนิ ไมไ่ ด้
80
60 57
40 31 10 (32,3%) 24
11 (35.5%)
20 1 (3.2%) 6
8 (25.8%)
0 1 (3.2%)
11 (19.3%)
สง่ เสรมิ สุขภาพ ปอ้ งกนั โรค และ 9 (15.8%)
คุม้ ครองผู้บริโภคเป็นเลิศ 10 (17.6%)
6 (10.5%)
21 (36.8%)
2 (33.3%)
1 (16.7%
1 (16.7%)
2 (33.3%)
0 (0.0%)
10 (41.7%)
4 (16,7%)
5 (20.8%)
2 (8.3%)
3 (12.5%)
33 (28.0%)
25 (21.2%)
17 (14.4%)
18 (15.3%)
25 (21.2%)
บรกิ ารเปน็ เลิศ บคุ ลากรเป็นเลิศ บรหิ ารเปน็ เลศิ ด้วยธรรมาภิบาล รวม
46
ภาพที่ 4.2 ผลการพฒั นาคร่งึ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2560-2
ผลการพฒั นาบรรลคุ า่ เป้าหมาย ผลการพัฒนาตา่ กวา่ คา่ เป้าหมาย ผลการพฒั นาต่ากว
33 ตัวชวี้ ัด (≥ร้อยละ 100) 25 ตัวช้ีวดั (ร้อยละ 76.0-99.9) เสียง17 ตัวชีว้ ดั (ร
1. เด็กอายุ 0-5 ป มพี ัฒนาการ 1. เดก็ อายุ 0-5 ป สงู ดสี มสว่ น 1. การตายมารดา
สมวยั
2. IQ 2. ผูป้ ่วยเบาหวานคว
2. EQ
3. เด็กอายุ 0-12 ป ฟันดีไมมผี ุ 3. เดก็ อายุ 6-14 ปี สงู ดสี มสว่ น 3. ระบบจัดการการด
4. ผสู้ งู อายุที่ชว่ ยเหลอื ตนเองได้
5. EOC & SAT 4. การคลอดมชี ีพ ประเทศ
6. อตั ราผปู้ ว่ ย DM รายใหม่
7. โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเรง็ 5. วัยท้างานมคี า่ ดัชนีมวลกายปกติ 4. ทารกตาย
ท่อนา้ ดี 6. อัตราการฆ่าตวั ตายส้าเรจ็ 5. อัตราการเสียชีวติ
8. อัตราผ้ปู ่วย HT รายใหม่
9. ผลิตภณั ฑ์อาหารสด และอาหาร 7. LTC กระแสเลือดแบบ
แปรรปู 8. พชอ. 6. อตั ราการตายของ
10. สถานพยาบาลผา่ นเกณฑ์ 9. ผลิตภัณฑ์สขุ ภาพไดมาตรฐานตามเกณฑ์ท่ี
47 ก้าหนด 7. หัวใจ
มาตรฐาน จดั ตงั Heart Fail
11. AMR 10. สถานประกอบการเพ่อื สุขภาพไดรับการ
12. ผปู้ ว่ ยนอกได้รับบรกิ ารแพทย์ สง่ เสรมิ 8. ผใู้ ช้ ผเู้ สพ บา้ บดั
แผนไทย 11. ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควบคุมระดับความ 9. ผปู้ ่วยยาเสพติดรับ
13. รพ.ระดับ S มี ทีม Capture
ดันโลหติ ได้ ต่อเนอื่ ง 1 ปี
the fracture
14. อตั ราตายจากโรคมะเรง็ ตับ 12. ผู้ปว่ ย DM HT ประเมนิ โอกาสเสี่ยงต่อ 10. ER คณุ ภาพ
15. ต้อกระจกชนดิ บอด
16. ใหบ้ รกิ าร IMC ในรปู แบบต่างๆ โรคหัวใจ 11. ผปู้ ว่ ยฉุกเฉนิ วิกฤต
17. One Day Surgery
18. ECS คณุ ภาพ 13. อตั ราตายของผูป้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง การแพทยฉ์ กุ เฉนิ
14. ผ้ปู ว่ ยโรคซึมเศรา้ 12. หนว่ ยงานทม่ี กี าร
15. ผปู้ ว่ ยมะเร็งได้รบั การรักษาภายใน 13. รพ.สต. ติดดาว (ห
ระยะเวลาท่กี า้ หนด 14. ขอ้ มลู ผู้ป่วย
16. อตั ราตายจากโรคมะเรง็ ปอด 15. Smart Hospital
17. CKD 16. จา้ นวนตา้ รับยาแผ
18. การรกั ษาผปู้ ่วยวัณโรคปอดรายใหม่และ 17. จา้ นวนงานวจิ ัยสม
กลับเป็นซ้า
2564 (จานวน 118 ตัวชว้ี ัด)
ว่าคา่ เป้าหมายระดับ ผลการพฒั นาต่ากว่าค่าเปา้ หมาย ผลการพัฒนาทีประเมินไมไ่ ด้
ร้อยละ 51.0-75.9) ระดบั วิกฤต 18 ตวั ช้วี ดั 25 ตัวชี้วดั
(≤รอ้ ยละ 50.9)
1. สถานบริการท่ีมกี ารคลอดมาตรฐาน 1. DRP
วบคุมระดบั นา้ ตาลได้ 2. รพช. มีหน่วยบรกิ ารผสู้ งู อายุ 2. การใช้ยาทอ่ี อกฤทธ์กิ วา้ ง/สงวน
ดอื ยาตา้ นจุลชีพของ 3. HIV และโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพันธ์ สา้ หรบั เชอื ดือยา
4. การจมน้าของเด็กอายนุ ้อยกว่า 15 ปี 3. คา่ ใชจ้ ่ายดา้ นยา
5. อบุ ตั ิเหตุทางถนน 4. เครอื ข่าย รพ.ดา้ นการดูแลผู้ป่วยแบบ
ตจากการตดิ เชือใน 6. การจัดการมูลฝอยติดเชอื ประคับประคอง
บรนุ แรง 7. จงั หวัดจัดการปจั จัยเสี่ยงจาก 5. องค์ความรใู้ นการดูแลผ้ปู ่วยแบบ
งผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลือด สง่ิ แวดล้อม ประคบั ประคอง
8. PCC 6. คลังเครือ่ งมือดแู ลผ้ปู ่วยแบบ
lure Clinic 9. RDU ประคบั ประคอง
3 เดอื น 10. การตดิ เชอื ดือยาในกระแสเลอื ด 7. OPIOIDS MODEL
บการติดตามดแู ล 11. สง่ ตอ่ ผปู้ ว่ ยนอกเขตสขุ ภาพ 8. การดูแลผู้ป่วยแบบประคบั ประคองท่ี
12. ผปู้ ่วยประคบั ประคองไดร้ ับการดแู ล บา้ น
ตามมาตรฐาน 9. Capture the fracture ที่มีภาวะ
ติทมี่ าด้วยระบบ 13. บริจาคอวัยวะ กระดกู หักซ้า
น 14. อุบัตกิ ารณข์ องวัณโรค 10. ผู้ปว่ ย Capture the fracture ผ่าตดั
รนา้ ดัชนคี วามสุขไปใช้ 15. เขตสุขภาพมกี ารบริหารจัดการการ ภายใน 72 ชม.
ห้าดาว) ผลิตและพฒั นากา้ ลงั คน 11. ผูป้ ว่ ย STEMI
16. อสค. มคี วามรอบรดู้ ้านสขุ ภาพและ 12. จดั ตัง Anticoagulant Clinic
l เปน็ แกนนา้ 13. Heart Attack Alert Campaign
ผนไทยแหง่ ชาติ 17. ระบบประกันสุขภาพมาตรฐาน 14. ลดการกลับเขา้ รกั ษาในโรงพยาบาลซ้า
มุนไพร เดยี วกนั 15. หน่วยบรกิ าร IMC มรี ะบบติดตาม
18. ยากลมุ่ เปา้ หมาย ประเมินผล
ผลการพฒั นาบรรลุคา่ เป้าหมาย ผลการพัฒนาต่ากว่าคา่ เป้าหมาย ผลการพัฒนาต่ากว
33 ตวั ช้ีวดั (≥ร้อยละ 100) 25 ตวั ชวี้ ดั (ร้อยละ 76.0-99.9) 17 ตัวชว้ี ัด (ร
19. อัตราการเสียชีวติ ผ้ปู ่วยฉกุ เฉนิ 19. ความครอบคลุมการรกั ษาผู้ป่วยวณั โรค
วกิ ฤต รายใหม่
20. การจดั บรกิ ารอาชีวอนามยั และ 20. มูลคา่ ผลติ ภัณฑ์สมุนไพร
เวชกรรมส่งิ แวดลอ้ ม 21. บคุ ลากรท่ไี ด้รบั การพฒั นาตามเกณฑท์ ่ี
21. เมืองสมนุ ไพร ก้าหนด
22. อัตราการคงอย่ขู องบคุ ลากร 22. การจัดซอื ยารว่ ม
23. ครอบครวั สามารถดูแลสุขภาพ 23. รพศ./รพท./รพ.สังกดั กรม ผา่ น HA ขนั 3
24. รพช. ผ่าน HA ขนั 3
ตนเองได้ 25. วกิ ฤตทางการเงิน ระดับ 7
24. ITA
48 25. ควบคมุ ภายใน
26. PMQA
27. ข้อมูลสาเหตุการตาย
28. ชุดสิทธปิ ระโยชน์หลกั /กลาง
29. ผลงานวจิ ัย/R2R
30. งบประมาณการวจิ ัย
31. ยาและเครื่องมอื แพทย์ท่ีได้รับ
การขึนทะเบียน
32. นวตั กรรมเทคโนโลยีสุขภาพ
33. กฎหมายท่ีได้รบั การแก้ไขและมี
การบังคับใช้
วา่ คา่ เปา้ หมายระดับเสียง ผลการพฒั นาต่ากวา่ คา่ ผลการพัฒนาทปี ระเมนิ ไมไ่ ด้
รอ้ ยละ 51.0-75.9) เปา้ หมายระดับวกิ ฤต 25 ตวั ชว้ี ดั
18 ตัวชีว้ ัด (≤รอ้ ยละ 50.9)
16. Minimally Invasive Surgery (MIS)
17. ผู้ปว่ ยไม่ฉุกเฉินมาใช้บริการหอ้ งฉุกเฉิน
18. Community-Based EMS
19. ขอ้ มูลและสารสนเทศ ECS
20. ECS Value-based Payment
21. มาตรฐานอาคารสถานที่หอ้ งฉุกเฉนิ
22. ประชากรกลุ่มเปราะบางและกลมุ่ เสีย่ ง
วัณโรค
23. HIE
24. เข้าถึงข้อมลู สุขภาพตนเอง
25. มาตรฐานการจา่ ยเงินระบบ
หลกั ประกนั สุขภาพ
รายงานผลการพฒั นาครง่ึ แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
4.2 ผลการพฒั นาคร่งึ แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2560-2564 จาแนกรายยุทธศาสตร์
4.2.1 ผลการพฒั นาดา้ นส่งเสรมิ สขุ ภาพ ปอ้ งกันโรค และคุม้ ครองผบู้ รโิ ภคเปน็ เลศิ
กระทรวงสาธารณสุขได้มีการดาเนินงาน กว่าท่ีกาหนด 21 ตัวช้ีวัด (ร้อยละ 67.7) โดยเป็น
ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและควบคุมโรค ใน ระดับต่ากว่าคา่ เปา้ หมาย 11 ตัวชี้วัด (ร้อยละ 35.5)
ทุกกลุ่มวัยต้ังแต่แรกเกิดจนถึงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริม ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับเสี่ยง 1 ตัวชี้วัด (ร้อยละ
สภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการมีสุขภาพดี รวมถึง 3.2) และต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต 8 ตัวชี้วัด
คุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและบริการ (ร้อยละ 25.8) นอกจากน้ียังมีประเมินไม่ได้ 1
สุขภาพ เพื่อคนไทยทุกกลุ่มวัยมีสุขภาพดี โดยการมี ตัวช้ีวัด (ร้อยละ 3.2) เน่ืองจากไม่สามารถหาอัตรา
ส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีผลการพัฒนา พบว่า ความครอบคลุมของการเข้าถึงบริการตรวจวินิจฉัย
บรรลุค่าเป้าหมาย จานวน 10 ตัวชี้วัด (ร้อยละ ในประชากรกลมุ่ เปราะบางและเสยี่ งวัณโรค
32.3) ขณะที่ยังมีสถานการณ์การบรรลุเป้าหมายต่า
ผลการพฒั นาที่สาคญั มดี งั นี้
1)1. กล่มุ วัย
เด็ก 0-5 ปี มีพัฒนาการสมวัยครั้งแรกและ 53.1 ใน พ.ศ. 2562 สาหรับพัฒนาการด้านสูงดีสมส่วน
หลังการติดตามเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 78.0 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ือง จากร้อยละ 49.1 ใน พ.ศ. 2560 เป็น
ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 87.1 ใน พ.ศ. ร้อยละ 58.9 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (ร้อยละ
2562 บรรลุคา่ เป้าหมายท่ีกาหนด (ร้อยละ 85) มีข้อสังเกต 63 ใน พ.ศ. 2564) ในส่วนของความครอบคลุมการได้รับ
ว่า เด็กปฐมวัยที่มีพัฒนาการล่าช้าได้รับการกระตุ้น วัคซีนขั้นพื้นฐานในเด็กอายุ 0-5 ปี มีแนวโน้มเพิ่มข้ึน
พัฒนาการด้วย TEDA4I มีความครอบคลุมเพียงร้อยละ ดงั ตารางท่ี 4.2
ตารางที่ 4.2 ความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนข้ันพืน้ ฐานในเด็ก 0-5 ปี พ.ศ. 2559-2562
วคั ซีน พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562
(ร้อยละ) (รอ้ ยละ) (ร้อยละ) (รอ้ ยละ)
BCG 94.8 95.1 95.0 97.4
90.0 92.4
DTP3 91.7 90.3 90.1 92.6
OPV3 92.0 90.3 90.0 92.4
HB3 91.7 90.3 88.9 91.7
Measles 90.7 89.0 84.6 89.7
73.0 82.6
JE2 83.3 84.7 87.1 89.9
JE3 74.6 74.2 82.5 85.9
DTP4 87.1 87.2
DTP5 80.2 81.6
ทีม่ า : ระบบรายงาน Health Data Center พ.ศ. 2559-2562
49
รายงานผลการพฒั นาครง่ึ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
เด็กวัยเรียน จากรายงานของกรม สุขภาพในช่องปากของเด็กเพ่ิมข้ึนเล็กน้อย จากร้อย
สุขภาพจิต พ.ศ. 2554 และพ.ศ. 2559 ละ 42.2 ใน พ.ศ. 2561 เป็น ร้อยละ 43.1 ใน พ.ศ.
2)พบว่า เด็กไทยมีระดับสติปัญญาเฉลี่ย 2562 เด็กอายุต่ากว่า 15 ปี มีอัตราการเสียชีวิตจาก
94.6 ใน พ.ศ. 2554 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 98.2 การจมน้า ลดลงจาก 6.3 ต่อประชากรแสนคนใน
ใน พ.ศ. 2559 ซึ่งต่ากว่าค่าเกณฑ์มาตรฐานสากล พ.ศ. 2560 เป็น 4.9 ต่อประชากรแสนคน ใน พ.ศ.
(IQ=100) มีความฉลาดทางอารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต (3 ต่อ
ขึ้นไป ร้อยละ 83.3 ใน พ.ศ. 2561 และเด็กอายุ 6- ประชากรแสนคน ใน พ.ศ. 2564)
14 ปี สูงดีสมส่วน ลดลงจาก ร้อยละ 65.6 ใน พ.ศ. จากสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหา
2560 เป็น ร้อยละ 62.4 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่า สุขภาพของเด็กในวัยเรียน แม้ว่าจะมีแผนงานโครงการ
เป้าหมาย (ร้อยละ 66 ใน พ.ศ. 2564) เด็กวัยเรียนมี เพ่ือการพัฒนาสุขภาพเด็ก แต่ผลการดาเนินงานไม่
พฤติกรรมสุขภาพท่พี ึงประสงค์ด้านการบริโภคอาหาร ประสบผลสาเรจ็ เท่าที่ควร ดงั นั้นควรพัฒนากลไกการ
กิจกรรมทางกาย และทันตสุขภาพ ร้อยละ 46.6 ใน ขับเคล่ือนการดาเนินงานและการประสานความ
พ.ศ. 2560 สาหรับสขุ ภาพฟันในเด็กไทยกลุ่มอายุ 12 ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น กระทรวงศึกษาธิการ
ปีที่ได้รับการตรวจ พบว่า ฟันดีไม่มีผุเพ่ิมขึ้นจาก องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน และผู้ปกครองของเด็ก
3)ร้อยละ 71.7 ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 83.5 ใน
พ.ศ. 2562 ส่วนอัตราการเข้าถึงบริการการตรวจ
วัยรุ่น พบว่า เด็กวัยรุ่นสูงดีสมส่วนลดลง ใน พ.ศ. 2558 เป็น 174.6 ต่อประชากรแสนคน
จากร้อยละ 67.8 ใน พ.ศ. 2560 เป็น ใน พ.ศ. 2562 ดังภาพที่ 4.3 ส่วนอัตราการคลอดมี
ร้อยละ 59.2 ใน พ.ศ. 2562 ส่ว น ชีพต่อพันประชากรหญิง อายุ 15-19 ปี ลดลงจาก
พฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ 44.8 ต่อพันประชากรหญิง อายุ 15-19 ปี ใน พ.ศ.
ของวยั รุน่ กับแฟนหรอื คนรักมีไม่ถึงร้อยละ 50 ขณะที่ 2558 เป็น 35.0 ต่อพันประชากรหญิงอายุ 15-19 ปี
การใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์กับทุก ใน พ.ศ. 2561 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย ใน พ.ศ. 2564
ประเภทคู่นอนเพิ่มข้ึนอยู่ระหว่างร้อยละ 50-60 ดัง (ไม่เกิน 34 ต่อพันประชากรหญิงอายุ 15-19 ปี)
ตารางท่ี 4.3 ส่งผลให้อัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทาง ดังภาพท่ี 4.4
เพศสัมพันธ์เพ่ิมข้ึนจาก 127.1 ต่อประชากรแสนคน
ตารางท่ี 4.3 พฤติกรรมทางเพศของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 และ ปวช. 2 พ.ศ. 2557-2561
การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในการมเี พศสมั พนั ธก์ บั แฟนหรอื คนรกั
พ.ศ. นักเรยี น ม.5 (รอ้ ยละ) นกั เรยี น ปวช. 2 (ร้อยละ)
เพศชาย เพศหญงิ เพศชาย เพศหญิง
2557 43.7 28.0 25.2 22.0
2558 43.3 38.1 29.8 25.0
2559 46.1 36.9 38.5 28.9
2560 50.0 44.1 35.8 34.7
2561 47.8 45.0 44.8 32.6
50
รายงานผลการพัฒนาคร่ึงแผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในการมเี พศสมั พนั ธก์ บั ค่นู อนประเภทอน่ื ๆ
พนักงานบริการหญงิ (ร้อยละ) หญิงอื่น (รอ้ ยละ) ผู้ชาย/ชายอนื่ (รอ้ ยละ)
พ.ศ. นักเรียน ม.5 นักเรยี น ปวช. นกั เรยี น ม.5 นักเรียน ปวช. นักเรยี น ม.5 นักเรยี น ปวช.
ชน้ั ปีท่ี 2 ชน้ั ปที ่ี 2 ชนั้ ปที ่ี 2
เพศชาย เพศหญิง เพศชาย เพศหญิง เพศชาย เพศหญงิ เพศชาย เพศหญงิ เพศชาย เพศหญิง เพศชาย เพศหญิง
2557 66.7 63.5 43.9 42.5 37.5 35.4 37.5 37.6
2558 71.4 61.5 60.0 48.2 50.0 44.4 55.6 40.0
2559 73.2 69.0 50.0 47.8 50.0 50.0 52.8 50.0
2560 68.3 66.7 55.0 48.4 50.0 54.5 57.1 48.9
2561 61.5 70.6 60.0 53.1 50.0 56.1 60.4 55.1
ทีม่ า : รายงานผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมทีส่ ัมพันธก์ บั การตดิ เชื้อเอชไอวี กลมุ่ นักเรียน ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561,
สานักระบาดวทิ ยา กรมควบคุมโรค
ภาพท่ี 4.3 อตั ราป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นและเยาวชนอายุ 15-24 ปี พ.ศ. 2558-2562
อัตราปว่ ยตอ่ ประชากร
แสนคน
200 174.6
2 5 6 2 พ.ศ.
143.4 161.2 166.2
2560 2561
127.1
100
2558 2559
ทม่ี า : กองระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค
ภาพท่ี 4.4 อัตราคลอดมชี ีพของหญงิ อายุ 15-19 ปี ต่อพนั ประชากร พ.ศ. 2558-2561
อตั ราตอ่ พนั ประชากร
หญงิ 15-19 ปี
100
44.8 42.5 39.6 35
0 2559 2560 2561 พ.ศ.
2558
4)ทม่ี า : สถิตสิ าธารณสุข กองยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนงาน สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ
วัยทางาน พบว่า ประชาชนวัยทางานอายุ 30-44 ปี มีค่าดัชนีมวลกาย คงที่ร้อยละ
51.8-52.8 ใน พ.ศ. 2560-2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 56 ใน พ.ศ. 2564) นอกจากน้ี
พบว่า วัยทางานมกี ารตรวจคดั กรองความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็งเต้านม เพ่ิมข้ึน ขณะที่
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลกู ไดเ้ พยี งรอ้ ยละ 56.4 ใน พ.ศ. 2562 ดังตารางที่ 4.4
51
รายงานผลการพฒั นาครง่ึ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางที่ 4.4 ความครอบคลุมของการตรวจคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสงู มะเร็ง
พ.ศ. ความดันโลหติ สูง เบาหวาน มะเร็งเตา้ นม มะเร็งปากมดลูก (สะสม)
2559 79.3 74.6 52.7 -
2560 86.8 83.8 65.8 -
2561 87.0 86.5 72.6 -
2562 87.8 87.4 74.3
56.4
ทีม่ า : ระบบรายงาน Health Data Center พ.ศ. 2559-2562, กระทรวงสาธารณสุข
หมายเหตุ : 1. ตรวจคดั กรองความดันโลหติ สูง และเบาหวาน ในประชากรอายุ 35 ปขี นึ้ ไป
2. ตรวจคัดกรองมะเรง็ เตา้ นมด้วยตวั เองและเจ้าหนา้ ที่ ในประชากรหญงิ อายุ 30-70 ปี
3. ตรวจคัดกรองมะเรง็ ปากมดลกู ในประชากรหญงิ อายุ 30-60 ปี เปน็ ผลการดาเนินงานสะสม
ปีงบประมาณ 2558-2562
สาหรับพฤติกรรมสุขภาพของคนวัยทางาน ปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2552
ที่สารวจในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2547- พบว่า แนวโน้มของประชากรไทยสูญเสียปีสุขภาวะ
2561 พบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพท่ีมีความ จากปัจจัยเส่ียงที่เก่ียวกับโรคไม่ติดต่อมากขึ้น
เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเพิ่มข้ึน ในด้านน้าหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์
เกิน ภาวะอ้วน และการด่ืมแอลกอฮอล์อย่างหนัก การสูบบุหร่ี การบริโภคผักและผลไม้ที่ไม่เพียงพอ
ขณะที่การสูบบุหร่ีและการด่ืมแอลกอฮอล์ลดลง ส่วน ภาวะอ้วนและการออกกาลังกาย (รายงานภาระโรค
การกินผักผลไม้ มีการเพ่ิมขึ้นเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้อง และปัจจัยเส่ียงของประชากรไทย, สานักงานพัฒนา
กับการศึกษาเปรียบเทยี บการสูญเสียปีสขุ ภาวะจาก นโยบายสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ) ดงั ตารางท่ี 4.5
ตารางท่ี 4.5 พฤตกิ รรมสขุ ภาพของคนวัยทางานอายุ 15 ปขี ้ึนไป พ.ศ. 2547, พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2550,
พ.ศ. 2553, พ.ศ. 2558 และ พ.ศ. 2561
พ.ศ. น้าหนกั เกิน ความชกุ ของภาวะอ้วน การกินผกั การออก การสบู การด่ืม การดมื่ แอลกอฮอล์
(BMI≥25.0 kg/m2) (BMI≥30 kg/m2) ผลไม้ กาลงั กาย บหุ ร่ี แอลกอฮอล์ อยา่ งหนกั
2547 15.3 2.6 17.3 23.0 21.6 35.6 3.2
2548 16.1 3.0 17.3 30.9 22.3 37.4 3.6
2550 19.1 3.7 22.5 37.5 21.5 36.1 3.6
2553 21.3 4.4 21.7 42.0 18.7 29.5 4.3
2558 30.5 7.5 24.3 NA 21.3 36.2 7.3
2561 22.7 7.8 NA NA 16.8 23.3 5.9
ท่มี า : รายงานการสารวจพฤตกิ รรมเสยี่ งโรคไมต่ ิดตอ่ และการบาดเจบ็ พ.ศ. 2547, พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2550, พ.ศ. 2553,
พ.ศ. 2558 และ พ.ศ. 2561, กรมควบคมุ โรค
พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซ่ึงมีแนวโน้ม
เพมิ่ ขนึ้ ดังตารางท่ี 4.6
52
รายงานผลการพฒั นาครงึ่ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางท่ี 4.6 ความชุก (ร้อยละ) ของภาวะสขุ ภาพคนไทย พ.ศ. 2547, พ.ศ. 2548, พ.ศ. 2550,
พ.ศ. 2553 พ.ศ. 2558 และ พ.ศ. 2561
ภาวะสุขภาพ พ.ศ. 2547 พ.ศ. 2548 พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2553 พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2561
ความดันโลหิตสงู 8.0 8.3 9.4 9.1 15.3 16.5
เบาหวาน 3.2 3.7 3.9 4.2 8.3 9.8
หลอดเลือดสมอง 0.8 0.9 1.1 1.6 0.7 0.7
หัวใจขาดเลอื ด 1.1 1.1 1.5 1.6 0.8 0.8
5)ท่ีมา : รายงานการสารวจพฤติกรรมเสย่ี งโรคไมต่ ิดตอ่ และการบาดเจบ็ พ.ศ. 2547, 2548, 2550, 2553, 2558 และ 2561,
กรมควบคุมโรค
วัยผู้สูงอายุ จากการสารวจของสานักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 10.7 ใน พ.ศ. 2550 เป็นร้อยละ 16.7 ใน พ.ศ. 2560 รัฐบาลจึงได้
ประกาศนโยบายการขับเคลื่อนการดาเนินงานการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care)
ในชุมชน บูรณาการร่วมกับกระทรวงท่ีเก่ียวข้อง กระทรวงสาธารณสุขจึงพัฒนารูปแบบการบริการ
สาธารณสุขเพ่ือรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ พบว่า ตาบลท่ีมี
ระบบการส่งเสรมิ สุขภาพดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชนผ่านเกณฑ์เพ่ิมขึ้น จากร้อยละ 51.1 (3,709 จาก
7,255 ตาบล) ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 86.6 (6,282 จาก 7,255 ตาบล) ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่า
เป้าหมาย ใน พ.ศ. 2564 โดยผู้สูงอายุท่ีได้รับการดูแลมีจานวนเพ่ิมข้ึนจาก 83,598 คน ใน พ.ศ. 2560
เป็น 167,118 คน ใน พ.ศ. 2562 และได้มีการฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียงเป็นติดบ้าน และติด
บ้านเป็นติดสงั คม มจี านวนเพมิ่ ขนึ้ ดังตารางท่ี 4.7
ตารางท่ี 4.7 การดแู ลส่งเสรมิ สขุ ภาพและการฟื้นฟสู มรรถนะผสู้ ูงอายุในชมุ ชน พ.ศ. 2560-2562
การดแู ลสง่ เสริมสขุ ภาพและการฟน้ื ฟสู มรรถนะผู้สงู อายุ พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562
ผู้สงู อายทุ ีไ่ ดร้ บั การดแู ลในชมุ ชน
การฟ้นื ฟูสมรรถนะผสู้ ูงอายุ กลุ่มติดเตยี ง เป็น ติดบา้ น 83,598 คน 166,518 คน 167,118 คน
การฟืน้ ฟูสมรรถนะผู้สูงอายุ กลมุ่ ตดิ บา้ น เปน็ ติดสังคม 1,621 คน 2,499 คน 2,992 คน
6,858 คน 8,716 คน 7,962 คน
ทมี่ า : กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ
สาหรับพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ ใน พ.ศ. 2550, 2554, 2557 และ 2560
ได้แก่ การออกกาลังกายเป็นประจาลดลง การรับประทานผักผลไม้เป็นประจาและการด่ืมน้าสะอาดอย่าง
พอเพียงเป็นประจาเพ่มิ ข้ึน ส่วนพฤติกรรมเส่ียงของผ้สู ูงอายไุ ด้แก่ การสบู บุหรี่เป็นประจา ด่ืมสุรา/เคร่ืองดื่ม
ที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจา ลดลง นอกจากน้ี จากการสารวจของกรมอนามัย พบว่า ผู้สูงอายุมีพฤติกรรม
สขุ ภาพทีพ่ ึงประสงค์ลดลง จากรอ้ ยละ 54.4 ใน พ.ศ. 2561 เป็นร้อยละ 51.2 ใน พ.ศ. 2562 ซึ่งผู้สูงอายุที่
มพี ฤตกิ รรมเสีย่ งดงั กลา่ วจะส่งผลให้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ความ
ดันโลหิตสูง เบาหวาน อ้วน อ้วนลงพงุ เมแทบอลิกซนิ โดรม ดังตารางท่ี 4.8 และตารางท่ี 4.9
53
รายงานผลการพัฒนาครงึ่ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางที่ 4.8 รอ้ ยละของผ้สู งู อายทุ ี่มพี ฤติกรรมสง่ เสริมสขุ ภาพและพฤติกรรมเสี่ยง พ.ศ. 2550, 2554,
2557 และ 2560
รายการ พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2554 พ.ศ. 2557 พ.ศ. 2560
ผสู้ ูงอายุท่มี ีพฤติกรรมสง่ เสริมสขุ ภาพ 41.2 37.8 32.4 26.5
ออกกาลงั กายเป็นประจา 63.1 58.7 64.9 67.7
รบั ประทานผกั /ผลไม้เปน็ ประจา 57.0 52.1 58.5 59.8
ดม่ื นา้ สะอาดอยา่ งเพยี งพอเปน็ ประจา
12.6 8.4 9.5 7.3
ผู้สงู อายุที่มีพฤตกิ รรมเสย่ี ง 3.0 3.3 2.8 2.3
สบู บุหร่ีเป็นประจา 1.8 2.0 1.5 1.2
ดม่ื สรุ า/เครื่องดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล์เป็นประจา
สูบบุหรแี่ ละดืม่ สรุ า/เคร่ืองด่ืมท่มี แี อลกอฮอล์เปน็ ประจา
ทม่ี า : รายงานการสารวจประชากรสงู อายุในประเทศไทย พ.ศ. 2560, สานักงานสถิตแิ หง่ ชาติ
จากรายงานการสารวจสขุ ภาพประชาชนโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ท่ี 5 พ.ศ. 2557 พบวา่ โรค
เรอื้ รังทพี่ บบ่อยในผู้สูงอายุ ไดแ้ ก่
ตารางท่ี 4.9 ความชุกของโรคเร้อื รังในผ้สู ูงอายุ 60 ปขี ้ึนไป พ.ศ. 2557
ภาวะเส่ยี งต่อโรคหวั ใจและ ความชกุ จานวนประชากร* โรคเร้อื รังท่ีสาคัญ ความชุก จานวนประชากร*
(รอ้ ยละ) (แสนคน)
หลอดเลอื ด (รอ้ ยละ) (แสนคน)
4.8 4.6
ความดันโลหติ สูง 53.2 52 กลา้ มเน้อื หวั ใจขาดเลือด 2.7 2.6
เบาหวาน 18.1 17 หลอดเลือดสมอง 1.6 1.6
คอเลสเตอรอลในเลือดสูง 19.0 18 ถุงลมโป่งพอง/หลอดลม 5.6 5.4
ปอดอดุ ก้ันเร้อื รงั 4.6 4.4
22.5 22
อ้วน (BMI 7.25 kg/m2) 35.4 34 เกาต์
อว้ นลงพงุ 49.4 48 หอบหดื
เมแทบอลกิ ซนิ โดรม 46.8 44 ข้อเขา่ เสือ่ ม
ทมี่ า : รายงานการสารวจสขุ ภาพประชาชนโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557, สถาบนั วจิ ัยระบบสาธารณสขุ
หมายเหตุ : * จานวนประชากรทม่ี ภี าวะดังกลา่ ว คาดประมาณ (แสนคน) คานวณจากประชากรอายุ 60 ปีขนึ้ ไป
2. ระบบป้องกนั เฝา้ ระวงั ควบคุมโรค และลดปจั จยั เสยี่ งดา้ นสขุ ภาพ
1) ระบบปอ้ งกนั เฝา้ ระวงั โรค
ปัจจุบันแนวโน้มของการเกิดโรคอุบัติใหม่ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เตรียมความพร้อมใน
เพิ่มข้ึน องค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉิน การรับมือกับโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้า โดยให้จังหวัดมี
ด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อมีเหตุการณ์ การต้ังศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) และทีม
ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขท่ีก่อให้เกิดความเส่ียงต่อ ตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) บรรลุเป้าหมายร้อย
ประเทศอ่ืนๆ จากการแพร่ระบาดระหว่างประเทศ ละ 100 ต้ังแต่ พ.ศ. 2560-2562 โดยกระทรวง
มาแล้ว 5 ครั้ง และคร้ังที่ 6 โรคติดเชื้อไวรัสโคโร สาธารณสขุ มีแนวทางในการดาเนินงานเพื่อลดผู้ติด
นา 2019 (COVID-19) เม่ือ พ.ศ. 2562 ประเทศ เชื้อโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้า ได้แก่ การคัดกรอง
ไทยยังประสบกับปัญหาโรคอุบัติ ใหม่อุบัติซ้าที่มี ประชาชนท่ีช่องทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ
โอกาสเกิดข้ึนและมีโอกาสเสียชีวิต ได้แก่ โรคซาร์ สื่อสารความรู้เร่ืองโรคแก่ประชาชน กรณีพบผู้ติด
ไ ข้ ห วั ด น ก ไ ข้ ห วั ด ใ ห ญ่ H1N1 โ ค วิ ด 1 9 เชื้อใหด้ าเนนิ การตามมาตรฐานสากล
54
รายงานผลการพฒั นาครง่ึ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
2) การควบคมุ โรค
- อตั ราปว่ ยตายดว้ ยโรคติดตอ่
โรคติดต่อท่ีสาคัญท่ียังเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ได้แก่ ไข้เลือดออก อุจจาระร่วง
เฉียบพลัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วัณโรค และเอดส์ ท่ียังเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน ดังตารางที่ 4.10
ตารางท่ี 4.10 อตั ราป่วยและตายด้วยโรคติดต่อท่สี าคญั ตอ่ ประชากรแสนคน พ.ศ. 2558-2562
โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562
อตั ราป่วย อตั ราตาย อัตราป่วย อตั ราตาย อัตราป่วย อัตราตาย อตั ราป่วย อตั ราตาย อัตราป่วย อัตราตาย
อุจจาระรว่ ง 1,854.21 0.005 1,847.05 0.01 1,571.83 0.003 1,843.43 0.01 1,639.12 0.01
เฉยี บพลัน
โรคเอดส์ 598.20 144.44 631.50 160.09 661.38 177.65 689.84 193.88 731.19 210.08
โรคตดิ ต่อทาง 61.40 - 63.83 - 67.37 - 65.66 - 61.92 -
เพศสัมพนั ธ์
ไข้เลือดออก 224.65 0.24 99.77 0.09 82.76 0.11 84.21 0.01 133.07 0.01
ทมี่ า : รายงานเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยา (รง.506), กองระบาดวทิ ยา กรมควบคุมโรค
NAP Web Report, สานกั งานหลกั ประกันสุขภาพแหง่ ชาติ
ประเทศไทยตัง้ เปา้ ลดอตั ราอบุ ัตกิ ารณ์วัณ 90 ใน พ.ศ. 2564) และมีอัตราตายของวัณโรค
โรคลง รอ้ ยละ 12.5 ตอ่ ปี จาก 171 ตอ่ ประชากร ร้อยละ 6.7-8.2 ในปี 2556-2560 แล้วลดลงเหลือ
แสนคนในปี พ.ศ. 2557 ให้เหลอื 88 ตอ่ แสน รอ้ ยละ 7.9 ใน พ.ศ. 2561 ดังตารางที่ 4.11
ประชากร เมอ่ื ส้นิ ปี พ.ศ. 2564 กระทรวงสาธารณสขุ นอกจากนี้ ใน พ.ศ. 2560-2561 ได้มี
ได้ดาเนนิ การพัฒนาระบบการสง่ ตอ่ มีการคัดกรอง นโยบายในการเรง่ รดั คัดกรองวัณโรคในกลุ่มเส่ียง 7
วณั โรคเชิงรกุ ในกลมุ่ เสย่ี ง และขน้ึ ทะเบยี นผปู้ ว่ ย กลมุ่ ไดแ้ ก่ ผสู้ ัมผสั ใกลช้ ดิ ของผปู้ ่วยวณั โรค แรงงาน
วัณโรครายใหม่ และมีระบบการติดตามการรักษา ข้ามชาติ นักเรียน ผู้สูงอายุที่มีโรคร่วม บุคลากร
ผ้ปู ว่ ยวัณโรคทกุ ราย เพอ่ื ให้ผปู้ ่วยไดร้ บั การรักษา สาธารณสุข ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ต้องขัง รวม
ตามมาตรฐานจนผลการรกั ษาสาเร็จ ส่งผลให้ ทั้งส้ิน 5 ล้านคน ด้วยการเอกซเรย์ทรวงอกทุกราย
อบุ ตั ิการณว์ ัณโรค ลดลง จาก 172 ตอ่ แสนประชากร และวินิจฉัยว่าเป็นวัณโรค 22,784 ราย โดยเฉพาะ
ใน พ.ศ. 2558 เหลือ 153 ต่อแสนประชากร ใน การค้นหา เพ่ือคัดกรองวัณโรคในเรือนจา ซ่ึง
พ.ศ. 2561 ตา่ กวา่ คา่ เป้าหมายระดับวิกฤต (ลด กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
อบุ ตั ิการณ์ของวัณโรค ร้อยละ 12.5 ตอ่ ปี) และอัตรา ดาเนินการเพื่อยุติวัณโรคในเรือนจา ตั้งแต่ พ.ศ.
ความสาเร็จการรักษาผปู้ ว่ ยวณั โรคปอดรายใหม่และ 2560 พบผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจา 3,905 ราย และ
กลับเป็นซา้ มแี นวโน้มคงท่ี ระหว่าง รอ้ ยละ 85.0- 4,401 รายใน พ.ศ. 2560 และ พ.ศ. 2561 ตาม
85.7 ใน พ.ศ. 2558-2562 ตา่ กว่าคา่ เปา้ หมาย (≥ ลาดบั และไดน้ าผปู้ ่วยเขา้ สู่ระบบดูแลการรักษาตาม
ร้อยละ 90 ใน พ.ศ. 2564) นอกจากนี้ ความครอบ- มาตรฐาน ทาให้ผู้ต้องขังมีสิทธิและความเสมอภาค
คลุมการรกั ษาผปู้ ว่ ยวัณโรครายใหมแ่ ละกลับเปน็ ซา้ ในการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างท่ัวถึง จนได้รับ
ลดลงจาก ร้อยละ 81.4 ใน พ.ศ. 2555 เปน็ ร้อยละ รางวัลเลิศรฐั ประจาปี 2561 สาขาบริการภาครัฐ
76.8 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเปา้ หมาย (รอ้ ยละ
55
รายงานผลการพฒั นาคร่ึงแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางท่ี 4.11 สถานการณ์วัณโรคของประเทศไทย พ.ศ. 2555-2562
รายการ 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562
จานวนผู้ปว่ ยทคี่ าดประมาณ 117,000 116,000 114,000 112,000 110,000 108,000 106,000
จาก WHO (ราย)
อบุ ัตกิ ารณ์ (Incidence) 172 170 171 172 172 156 153
คาดประมาณโดย WHO 7.4 6.7 7.7 8.1 8.1 8.2 7.9
อัตราตาย (รอ้ ยละ) - - - 85.8 87.0 85.4 85.0 85.7
อัตราความสาเร็จจากการ
รกั ษาผปู้ ่วยวณั โรคปอดราย 81.4 81.4 82.5 81.3 83.2 83.8 84.1 76.8
ใหม่และกลับเปน็ ซา้
รอ้ ยละความครอบคลุมการ
รกั ษาผ้ปู ่วยวณั โรครายใหม่
และกลบั เป็นซา้
ที่มา : กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข
สถานการณโ์ รคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รังเป็นปัญหาสุขภาพอันดบั หนึ่งของโลกและเป็นสาเหตุการเสียชีวิต
อันดับต้นๆของคนทั่วโลกและของประเทศไทย โดยสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมาจาก
พฤติกรรมสุขภาพท่ีไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ การบริโภคอาหารที่ส่งผล
เสียต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม อัตราป่วยและอัตราตายด้วยโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ มะเร็ง เบาหวาน ความดัน
โลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อุบัติเหตุทางถนน ยังมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึน ซ่ึงอัตราตายจากอุบัติเหตุ
ทางถนน เพ่ิมจาก 24.1 ต่อประชากรแสนคน ใน พ.ศ. 2560 เป็น 26.1 ต่อประชากรแสนคน ใน พ.ศ.
2562 ตา่ กวา่ ค่าเปา้ หมายระดบั วิกฤต (ลดลงรอ้ ยละ 50 จากปี 2554) ดังตารางท่ี 4.12
พ.ศ. 2560 องค์การอนามัยโลกได้รายงานความก้าวหน้าของการดาเนินงานด้านโรคไม่ติดต่อ
ช้ีให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศไทย เป็นอันดับสามของโลกร่วมกับฟินแลนด์และนอร์เวย์ และเป็น
อันดับ 1 ในอาเซียนท่ีมีประสบการณ์โดดเด่นในการจัดการด้านโรคไม่ติดต่อ การให้ความสาคัญกับการ
ปอ้ งกนั ควบคุมโรคและลดปัจจัยเสีย่ ง
ตารางท่ี 4.12 อตั ราป่วยและตายดว้ ยโรคไม่ตดิ ต่อทีส่ าคัญ พ.ศ. 2558-2562
โรคไมต่ ดิ ต่อ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562
อัตราปว่ ย อตั ราตาย อตั ราป่วย อตั ราตาย อตั ราป่วย อตั ราตาย อตั ราปว่ ย อตั ราตาย อัตราปว่ ย อตั ราตาย
มะเรง็ 888.9 112.8 939.7 117.7 977.5 117.6 1,036.4 120.3 NA 118.3
เบาหวาน 1,233.5 19.4 1,292.8 22.3 1,345.0 22.0 1,439.0 21.9 NA 18.0
ความดนั โลหิตสงู 1,901.1 12.1 2,008.9 12.2 2,091.3 13.1 2,245.1 13.1 NA 13.0
โรคหัวใจ 1,352.1 37.3 1,388.2 43.4 1,416.9 39.9 1,463.0 39.7 NA 39.0
โรคหลอดเลือด 429.9 43.3 451.4 48.7 466.0 47.8 506.2 47.1 NA 48.7
สมอง
อุบัตเิ หตทุ างถนน 84.1 22.3 96.2 23.8 101.7 24.1 110.3 25.1 NA 26.1
ทม่ี า : รายงานการป่วย พ.ศ. 2558-2561, กองยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนงาน สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ
สถิตสิ าธารณสุข กองยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนงาน สานกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ
หมายเหตุ : อัตราตาย พ.ศ. 2562 เปน็ ขอ้ มูลเบ้อื งต้น อาจมีการเปลีย่ นแปลง
56
รายงานผลการพฒั นาคร่งึ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
3) ลดปจั จยั เส่ียงดา้ นสขุ ภาพ
มาตรการที่สาคัญเพื่อปกป้องประชาชนจาก เพ่ือให้ผู้ป่วยมีการปรับพฤติกรรมที่เส่ียงต่อการเกิดโรค
ปัจจยั เสีย่ งต่อสุขภาพ โดยดาเนินการยกระดับกฎหมาย การควบคุมระดับน้าตาลในเลือด ผลการดาเนินงาน
ว่าด้วยการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเคร่ืองด่ืม พบว่า ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่จากกลุ่มเส่ียงฯ ลดลง
แอลกอฮอล์ การห้ามใช้ไขมันทรานส์ การใช้มาตรการ เหลือร้อยละ 1.9 ใน พ.ศ. 2562 บรรลุค่าเป้าหมาย
ทางภาษีสาหรับเครื่องดื่มท่ีมีปริมาณน้าตาลสูง การ (ร้อยละ 2.16 ใน พ.ศ. 2564) ผู้สงสัยป่วยความดัน
ขบั เคล่ือนยุทธศาสตร์การลดการบริโภคเกลือและโซเดียม โลหติ สูงได้รับการวัดความดันโลหิตท่ีบ้าน เพ่ิมข้ึนจาก
การจากดั การทาการตลาดของอาหารทดแทนนมแม่ ร้อยละ 26.9 ใน พ.ศ. 2561 เป็นร้อยละ 51.0 ใน
จากสถานการณ์โรคเบาหวานและความดัน พ.ศ. 2562 บรรลุค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 40) และ
โลหิตสูงของประเทศไทยมีความน่าเป็นห่วง หากเกิด ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตได้
โรคแทรกซ้อน เช่น โรคไตหรือโรคอื่นๆ เนื่องจากเป็น ดี ร้อยละ 36.4 ในพ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 44.2 ใน
สาเหตุการตายกอ่ นวัยอันควร กระทรวงสาธารณสขุ ได้ พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (มากกว่าร้อยละ 50)
มีการคดั กรองผู้ปว่ ยเบาหวาน ความดนั โลหิตสงู รายใหม่ ดงั ตารางที่ 4.13, ตารางท่ี 4.14 และตารางท่ี 4.15
ตารางท่ี 4.13 รอ้ ยละของผปู้ ว่ ยเบาหวานรายใหมจ่ ากกลมุ่ เสยี่ งฯ พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. กลุม่ เสย่ี งเบาหวาน ผูป้ ่วยรายใหม่ ร้อยละ
2560 2,516,408 54,814 2.2
2561 1,645,009 32,169 2.0
2562 1,640,558 31,030 1.9
ทีม่ า : ระบบรายงาน Health Data Center พ.ศ. 2560-2562, กระทรวงสาธารณสขุ
ตารางท่ี 4.14 ร้อยละของผสู้ งสยั ปว่ ยความดนั โลหติ สงู ไดว้ ัดความดนั โลหติ สูงทบ่ี า้ น พ.ศ. 2561-2562
พ.ศ. สงสยั ความดันโลหิตสงู วัดความดันโลหิตที่บ้าน รอ้ ยละ
26.9
2561 883,305 237,943 51.0
2562 800,118 408,248
ที่มา : ระบบรายงาน Health Data Center พ.ศ. 2561-2562, กระทรวงสาธารณสุข
ตารางท่ี 4.15 รอ้ ยละผู้ปว่ ยโรคความดนั โลหติ สูงทคี่ วบคมุ ความดนั โลหติ ไดด้ ี พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. จานวนผปู้ ว่ ยความดันโลหติ สงู จานวนผปู้ ว่ ยความดนั โลหติ สูงทคี่ วบคมุ ร้อยละ
ท่ีอยใู่ นเขตรบั ผดิ ชอบ ความดนั โลหิตได้ดที ี่อยูใ่ นเขตรบั ผิดชอบ 36.4
41.7
2560 5,598,872 2,036,897 44.2
2561 5,851,668 2,440,281
2562 6,084,195 2,686,112
ทมี่ า : ระบบรายงาน Health Data Center พ.ศ. 2560-2562, กระทรวงสาธารณสุข
3. การคุ้มครองผบู้ รโิ ภคดา้ นสขุ ภาพ ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและบริการ
สขุ ภาพ ดังนี้
- ผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพ การดาเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพ่ือให้ผู้บริโภคมีความ
ปลอดภัย สนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ในการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ตลอดจนการเฝ้าระวัง ตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพในท้องตลาด
เพือ่ ให้เกิดความปลอดภยั แก่ผู้บรโิ ภค และสรา้ งความเชื่อมั่นในการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่คนไทยทุก
คน รวมถึงเนน้ การนานวตั กรรมใหมๆ่ และระบบอิเล็กทรอนิกส์มาพัฒนาระบบงานเพ่ือพัฒนาเศรษฐกิจของ
ประเทศและคณุ ภาพชวี ิตของประชาชนในการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์สุขภาพ ผลการดาเนนิ งานทส่ี าคัญมีดังน้ี
57
รายงานผลการพัฒนาคร่ึงแผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
1) ความปลอดภยั ของผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ
(1) ความปลอดภัยของอาหารสดและ ปฏิบัติการได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย มากกว่า
อาหารแปรรูป พบว่า ผลิตภัณฑ์อาหารสดและ ร้อยละ 84 บรรลุค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 70) ดัง
อาหารแปรรูปที่ผ่านการตรวจวิเคราะห์ทางห้อง ตารางที่ 4.16
ตารางท่ี 4.16 รอ้ ยละของผลิตภัณฑอ์ าหารสดและอาหารแปรรปู ทีผ่ ่านการตรวจวิเคราะห์ทาง
หอ้ งปฏิบัตกิ าร พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. จานวนผลติ ภณั ฑ์สขุ ภาพ จานวนผลิตภัณฑ์สขุ ภาพผา่ นมาตรฐาน ร้อยละ
ท่ีตรวจวิเคราะห์ (ตัวอยา่ ง) และมีความปลอดภัย (ตัวอยา่ ง)
2560 27,043 26,329 97.4
2561 882 746 84.6
2562 641 548 85.5
ทม่ี า : สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสขุ
หมายเหตุ : พ.ศ. 2560 ผลิตภณั ฑ์ท่ีผา่ นมาตรฐานด้วยชดุ ทดสอบเบอ้ื งตน้ และการตรวจวิเคราะห์ทางหอ้ งปฏิบัติการ
(2) ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ มาตรฐาน ร้อยละ 97.0-98.0 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย
พบว่า ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับการตรวจสอบได้ (ร้อยละ 99) ดงั ตารางท่ี 4.17
ตารางท่ี 4.17 ร้อยละของผลิตภณั ฑส์ ขุ ภาพทไ่ี ดร้ ับการตรวจสอบมาตรฐานตามเกณฑท์ กี่ าหนด
พ.ศ. 2560-2561
พ.ศ. จานวนตวั อยา่ ง จานวนผลิตภัณฑ์ผา่ นมาตรฐาน ร้อยละ
2560 241,517 234,289 97.0
98.0
2561 211,039 206,865
ท่ีมา : สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
(3) การพัฒนาปรับปรุงกระบวนการออกใบอนุญาตผลติ ภัณฑส์ ุขภาพ
รัฐบาลได้เดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจไปสู่ ระยะเวลากระบวนการพิจารณาอนุญาต เฉลี่ยร้อยละ
“Thailand 4.0” โดยให้ความสาคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ 27.4 ลดเอกสารท่ีซ้าซ้อน เช่น การข้ึนทะเบียนวัคซีน
สขุ ภาพ ซ่ึงมมี ูลค่าการผลิตและการส่งออกสูงมากต่อปี สาหรับมนุษย์ จากเดิมพิจารณา 350 วัน เหลือ 280
กระทรวงสาธารณสุขได้ขานรับนโยบายดังกล่าว โดย วัน การขึ้นทะเบียนตารับยาเพื่อการส่งออก จากเดิม
ปรับปรงุ กระบวนการออกใบอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ พจิ ารณา 45 วัน เหลือ 20 วัน ทาให้มีการอนุญาตแล้ว
ใหร้ วดเรว็ ยิง่ ขึน้ เชน่ การปรับลดระยะเวลาการพิจารณา เสร็จเพ่ิมข้ึน จาก 605,019 รายการ ใน พ.ศ. 2559
อนุญาต ปรับปรุงกฎระเบียบ มอบอานาจให้ส่วน เป็น 810,302 รายการ ใน พ.ศ. 2561 ทั้งน้ี ผลลัพธ์
ภูมิภาคดาเนินการใช้อานาจ ตามมาตรา 44 ตลอดจน จากการปรับเปล่ียนการให้บริการ พบว่า ผู้รับบริการมี
นาระบบ e-Submission มาเพิ่มประสิทธิภาพในการ ความพึงพอใจต่อการให้บริการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ
ออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการ และเพ่ิมช่องทางการ 74.03 ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 79.85 ใน พ.ศ.
ชาระเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ e-payment ส่งผลใหล้ ด 2561
58
รายงานผลการพัฒนาคร่ึงแผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
2) ความร้แู ละพฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพของประชาชน
กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้
ประชาชนมีความรู้และมีพฤติกรรมการบริโภคท่ีถูกต้องผ่านสื่อ โทรทัศน์
วิทยุ หนงั สือพิมพ์ สื่อสังคมออนไลน์ และผ่าน Oryor smart Application
ซ่ึงเป็นหน่ึงในกลไกในการให้ความรู้ และส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภค
ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างถูกต้อง เหมาะสม โดยในช่วง พ.ศ. 2558-2562
ได้สารวจความรู้และพฤติกรรมการบริโภคของบริโภค (จานวนประมาณ
3,000 คน) พบว่า ความรู้และพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพมี
แนวโนม้ คงท่ี ดังภาพท่ี 4.5
ภาพที่ 4.5 รอ้ ยละของประชาชนที่มคี วามรู้และพฤติกรรมการบรโิ ภคผลิตภณั ฑ์สุขภาพที่ถกู ตอ้ ง
พ.ศ. 2558-2562
ร้อยละ ความรู้ พฤติกรรมท่ีถูกต้อง
100 90.2 90.2 90.3 93.1 91.0
81.6 82.8 82.5 73.0 79.7
80
60
40
20
0
2558 2559 2560 2561 2562 พ.ศ.
ทม่ี า : สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสขุ
3) การลดปจั จยั เสยี่ งจากการบริโภคผลติ ภณั ฑอ์ าหารทไี่ มเ่ หมาะสม
ปจั จุบันสถานการณ์ภาวะโภชนาการเกิน รวม 5,503 ผลิตภัณฑ์ ต้องแสดงฉลากหวาน มัน
และการเกิดโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง มีแนวโน้มเพิ่มสูงข้ึน เค็ม หรือฉลาก GDA (guideline daily amount)
ส่วนหน่ึงมาจากการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารท่ีไม่ ซึ่งจะแสดงค่าพลังงาน น้าตาล ไขมัน และโซเดียม
เหมาะสมต่อสุขภาพ ดังน้ัน กระทรวงสาธารณสุขจึง ในหนึ่งหน่วยบรรจุภัณฑ์ เช่น ซอง ถุง กล่องของ
ได้พัฒนาปรับปรุงรูปแบบการแสดงฉลากอาหารให้ ผลิตภัณฑ์อาหารน้ัน โดยฉลากหวาน มัน เค็ม จะ
เป็นเคร่ืองมืออย่างง่ายในการเลือกซื้อ เลือกบริโภค แสดงอยู่ด้านหน้าบรรจุภัณฑ์ และร่วมกับหน่วยงาน
ผลิตภัณฑ์อาหารให้เหมาะสมกับสุขภาวะ หรือเลือก ที่เกี่ยวข้อง พัฒนาสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือก
ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการท่ีดีกว่า โดยได้ สุขภาพ โดยมีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร จานวน 441
กาหนดให้ผ้ผู ลิตผลิตภัณฑ์อาหาร 13 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ผลติ ภัณฑ์ ได้รบั ตราสัญลกั ษณด์ ังกล่าว
59
รายงานผลการพัฒนาครง่ึ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
- บรกิ ารสุขภาพ
กรมสนับสนนุ บริการสุขภาพมีบทบาทหนา้ ทใ่ี นการดแู ลสถานพยาบาลและสถานประกอบการให้มี
คุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้ผรู้ ับบรกิ ารมีความปลอดภยั ในการมาใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ โดยมผี ลการดาเนนิ งานดังน้ี
(1) สถานพยาบาลภาคเอกชนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 100 (2,391 แห่ง พ.ศ. 2561, 2,482
แห่ง พ.ศ. 2562) บรรลุคา่ เป้าหมาย (ร้อยละ 100) นอกจากน้ี ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส
โคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศยกเว้นโรงพยาบาลที่ให้บริการเฉพาะผู้ป่วยโรคติดเช้ือ
ไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการและดาเนินการสถานพยาบาลเป็นการช่ัวคราว
ชว่ ยย่นระยะเวลาในการจดั ต้ังสถานพยาบาล แตต่ ้องเปน็ ไปตามมาตรฐานรองรบั ผู้ปว่ ยไดเ้ ต็มศกั ยภาพ
(2) สถานประกอบการเพ่ือสุขภาพได้รับการส่งเสริมให้ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกาหนด เพ่ิมขึ้น
จาก ร้อยละ 87.3 ใน พ.ศ. 2560 เปน็ ร้อยละ 95.8 ใน พ.ศ. 2562 ตา่ กวา่ คา่ เป้าหมาย (รอ้ ยละ 100)
(3) การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศนู ยก์ ลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) มีศูนย์กลางบริการ
หลกั 4 ด้าน คือ
1) บริการสขุ ภาพ
2) บริการเพ่ือสง่ เสริมสขุ ภาพ
3) บริการวิชาการและงานวิจัย
4) ยาและผลติ ภัณฑ์สขุ ภาพ
ผลลัพธ์ท่ีได้จากการดาเนินงานตามนโยบาย
ดงั กลา่ ว คือ มนี ักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาใช้บริการด้าน
การแพทย์ในประเทศไทย จานวน 534,495 คน มี
ค่าใชจ้ า่ ยบรกิ ารดา้ นการแพทย์ จานวน 183,858.8 บาท
ต่อคน รวมค่าใช้จ่ายบริการด้านการแพทย์ ประมาณ
114,951.86 ล้านบาทต่อปี ใน พ.ศ. 2561 และ
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาใช้บริการเชิงสุขภาพ
(สปา/นวดแผนไทย/น้าพุร้อน) และบริการสุขภาพอ่ืนๆ
ใน พ.ศ. 2561 มีจานวน 38,178,194 คน มีค่าใช้จ่าย
ด้านบรกิ ารเชิงสุขภาพ 474,205.18 ล้านบาทตอ่ ปี
4) การบรหิ ารจดั การสงิ่ แวดลอ้ มและคมุ้ ครองสขุ ภาพประชาชนจากมลพษิ สงิ่ แวดลอ้ ม
การพัฒนาระบบอนามัยสิ่งแวดล้อมเน้นการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงจากส่ิงแวดล้อมต่อสุขภาพ
โดยสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาล จังหวัด ท้องถิ่น ในการบริหารจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อ
สนบั สนนุ การพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม และส่ิงแวดล้อม อนั ส่งผลใหค้ นไทยมสี ขุ ภาพและคุณภาพชีวิตท่ีดี มีผล
การดาเนนิ งานดังน้ี
60
รายงานผลการพัฒนาคร่งึ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
(1) โรงพยาบาล GREEN & CLEAN Hospital
ในการพัฒนาโรงพยาบาลสังกัดกระทรวง ร้อยละ 25.6 (245 แห่ง) รองลงมา ระดับดีมาก
สาธารณสุขให้ได้มาตรฐานอนามัยส่ิงแวดล้อม ร้อยละ 45.1 (432 แห่ง) ระดับดี ร้อยละ 24.7
เป็นไปตามหลักสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน และเป็น (237 แห่ง) และระดับพื้นฐาน ร้อยละ 4.6 (44
มิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยกิจรรม GREEN กลยุทธ์ แหง่ ) ดงั ตารางที่ 4.18
CLEAN พบว่า ใน พ.ศ. 2562 โรงพยาบาล Plus
ตารสาังกงัดทก่ี 4ระ.1ท8รพรว.ง้อศสย.าล2ธะา5ขร6อณ0งส-โรุข2งผ5พา่ 6นย2เากบณาฑล์ทรีพ่ะฒัดับนดาีมอานกามยั ส่ิงแวดลอ้ มได้ตามเกณฑ์ GREEN & CLEAN
พ.ศ. จานวน ไมไ่ ด้รับ ไมผ่ ่านเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์
โรงพยาบาล การประเมนิ พืน้ ฐาน ระดบั ดี ระดบั ดมี าก ระดบั ดีมาก
(แหง่ )
ท้งั หมด PLUS
2560 959 6 (0.6%) 70 (7.3%) 495 (51.6%) 287 (29.9%) 101 (10.5%) -
2561 958 - - 194 (20.3%) 388 (40.5%) 376 (39.3%) -
2562 958 - - 44 (4.6%) 237 (24.7%) 432 (45.1%) 245 (25.57)
ท่ีมา : กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข
ปี 2560 โรงพยาบาลไมไ่ ด้รับการประเมนิ 6 แหง่ เน่ืองจากไม่มีความพร้อม
หมายเหตุ : ปี 2562 เร่มิ มกี ารประเมินเกณฑร์ ะดับดมี าก PLUS
(2) โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมีการควบคุมการจัดการมูลฝอยติดเช้ือด้วย
ระบบ Digital Infectious Control
กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลัก Infectious Control ตามเกณฑ์ทีก่ าหนด จึงถือว่า
ในการพัฒนาระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ ตาม ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต อย่างไรก็ตาม
แผนแม่บทการบริหารจัดการมูลฝอยของประเทศ แม้ว่าโรงพยาบาลจะไม่ได้ใช้งานด้วยระบบ Digital
พ.ศ. 2559-2564 และส่งเสริมให้โรงพยาบาลสังกัด Infectious Control แต่ก็มีการควบคุมกากับการ
กระทรวงสาธารณสุข ใช้งานระบบควบคุมกากับ ขนส่งมูลฝอยติดเชื้อ โดยการใช้เอกสารควบคุม
การขนส่งมูลฝอยติดเช้ือ (Infectious Waste กากับมูลฝอยติดเช้ือ เพ่ือให้เกิดความมั่นใจได้ว่า
Manifest System) รอ้ ยละ 68.5 ใน พ.ศ. 2560 มูลฝอยติดเชื้อที่เกิดจากโรงพยาบาลสังกัดกระทรวง
เพิ่มเป็นร้อยละ 70.7 และ 91.0 ใน พ.ศ. 2561 สาธารณสุข ไม่ได้เล็ดลอดออกจากระบบการ
และ พ.ศ. 2562 ตามลาดับ และไมไ่ ดม้ กี ารควบคุม จดั การและไม่ก่อใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ ประชาชน
การจัดการมูลฝอยติดเชื้อด้วยระบบ Digital
61
รายงานผลการพัฒนาครงึ่ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
(3) จังหวัดมีระบบจัดการปจั จัยเสีย่ งจากสงิ่ แวดลอ้ มและสขุ ภาพระดบั พนื้ ฐานข้ึนไป
เพยี ง 3 ใน 5
ปัญหามลพิษท่ีเกิดข้ึนกับสิ่งแวดล้อม ระดับจังหวัด พ.ศ. 2562 ระดับดีมาก ร้อยละ
เป็นปัญหาสาคัญท่ีส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น 2.6 (2 จงั หวัด) ระดับดี ร้อยละ 14.5 (11 จังหวัด)
ปัญหามลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้า มลพิษ ระดับพื้นฐาน ร้อยละ 43.4 (33 จังหวัด) และไม่
ทางเสียงหรือมลพิษจากขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ผา่ นพ้ืนฐาน ร้อยละ 39.5 (30 จงั หวัด) ถือว่า ต่า
ปัจจัยเสี่ยงจากส่ิงแวดล้อมเหล่านี้ กระทรวง กว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต (ระดับดีมาก ร้อย
สาธารณสุขได้มีการประเมินระบบจัดการปัจจัย ละ 70) ดงั ตารางท่ี 4.19
เส่ียงจากสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพใน
ตารางที่ 4.19 ร้อยละของจงั หวดั ที่มรี ะบบจัดการปจั จยั เสี่ยงจากส่ิงแวดล้อมและสุขภาพอยา่ ง
บรู ณาการ มีประสิทธภิ าพและยั่งยืน
ปีงบประมาณ คา่ เปา้ หมาย ผลการประเมนิ
พ.ศ.
2560 ร้อยละ 100 ของจังหวัดมีระบบ ไมผ่ า่ เกณฑ์ พืน้ ฐาน ดี ดมี าก
จัดการปัจจัยเสี่ยงจากส่ิงแวดล้อม รอ้ ยละ 39.5 0
2561 และสุขภาพฯ ผ่านเกณฑ์ระดับพน้ื ฐาน (30 จงั หวัด) ร้อยละ รอ้ ยละ 14.5
ร้อยละ 90 ของจังหวัดมีระบบ 0
2562 จัดการปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 34.2 46.1 (11 จังหวัด)
และสุขภาพฯ ผ่านเกณฑ์ระดับพ้นื ฐาน (26 จังหวดั ) รอ้ ยละ 2.6
ร้อยละ 100 ของจังหวัดมีระบบ (35 จงั หวดั ) (2 จังหวัด)
จัดการปัจจัยเสี่ยงจากส่ิงแวดล้อม รอ้ ยละ 39.5
และสขุ ภาพฯ ผา่ นเกณฑ์ระดับพ้ืนฐาน (30 จงั หวดั ) ร้อยละ รอ้ ยละ 17.1
48.7 (13 จังหวดั )
(37 จงั หวัด)
ร้อยละ ร้อยละ 14.5
43.4 (11 จงั หวัด)
(33 จังหวัด)
ทม่ี า : กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข
(4) การพัฒนาชุมชนเข้มแข็งในการจดั การอนามัยสงิ่ แวดล้อมชมุ ชน
การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมชุมชน เม่ือเทียบกับ พ.ศ. 2560-2561 และใน พ.ศ.
ผลการดาเนนิ งานพบว่า ร้อยละ 60 ของตาบล มี 2562 กรมอนามัย ได้พัฒนาชุมชนเข้มแข็งในการ
ชุมชนทีม่ ีศักยภาพในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม จดั การอนามัยสิ่งแวดลอ้ มชุมชน (Activity Com-
และมตี ้นแบบชมุ ชนเขม้ แขง็ ด้านอนามัยส่ิงแวดล้อม munity) รอ้ ยละ 64.33 (4,667 ตาบล) และการ
อยา่ งนอ้ ยอนามัยละ 2 ชุมชน พัฒนาชุมชนต้นแบบ ชุมชนเข้มแข็งด้านอนามัย
แนวโน้มการดาเนินงานพัฒนาศักยภาพ สิง่ แวดล้อม จานวน 43 แห่ง ดงั ภาพท่ี 4.6
ชุมชนด้านการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
62
รายงานผลการพฒั นาคร่ึงแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ภาพที่ 4.6 การพฒั นาชุมชนเข้มแขง็ ในการจดั การอนามยั สง่ิ แวดลอ้ มชมุ ชน พ.ศ. 2562
ศูนยอ์ นามยั ที่ 1 พ้ืนทตี่ น้ แบบดา้ นอนามยั ศูนยอ์ นามัยที่ 7 พน้ื ทต่ี น้ แบบดา้ น
สง่ิ แวดลอ้ ม จานวน 2 แห่ง อนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม จานวน 2 แหง่
ศนู ยอ์ นามยั ท่ี 8 พ้นื ทต่ี น้ แบบดา้ นอนามยั
สง่ิ แวดลอ้ ม จานวน 6 แห่ง
ศูนย์อนามัยท่ี 10 พนื้ ทตี่ น้ แบบดา้ น
อนามัยสง่ิ แวดลอ้ ม จานวน 4 แหง่
ศูนย์อนามยั ท่ี 2 พื้นทต่ี น้ แบบดา้ นอนามัย ศูนยอ์ นามัยท่ี 9 พ้นื ทตี่ น้ แบบดา้ นอนามยั
สง่ิ แวดลอ้ ม จานวน 2 แหง่ สงิ่ แวดลอ้ ม จานวน 2 แหง่
ศนู ยอ์ นามัยท่ี 3 พ้นื ทตี่ น้ แบบดา้ นอนามัย ศนู ยอ์ นามัยที่ 6 พนื้ ทต่ี น้ แบบดา้ นอนามัย
สิง่ แวดลอ้ ม จานวน 10 แหง่ สงิ่ แวดลอ้ ม จานวน 7 แห่ง
ศนู ยอ์ นามัยท่ี 4 พน้ื ทตี่ น้ แบบดา้ นอนามยั ศูนย์อนามยั ที่ 11 พื้นทต่ี น้ แบบดา้ นอนามยั
สิ่งแวดลอ้ ม จานวน 2 แห่ง ส่งิ แวดลอ้ ม จานวน 2 แห่ง
ศูนย์อนามยั ที่ 5 พน้ื ทต่ี น้ แบบดา้ นอนามยั ศูนย์อนามัยที่ 12 พน้ื ทตี่ น้ แบบดา้ นอนามยั
ส่ิงแวดลอ้ ม จานวน 7 แห่ง ส่ิงแวดลอ้ ม จานวน 2 แหง่
รวมพนื้ ท่ตี ้นแบบดา้ นอนามยั ส่งิ แวดล้อม
(GREEN&CLEAN Communities) ทัง้ หมด 43 แห่ง
ทม่ี า : กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข
63
รายงานผลการพัฒนาครึง่ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
(5) การลดและป้องกันผลกระทบตอ่ สุขภาพจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศและ
สง่ิ แวดล้อม
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับ ทางตรงและทางอ้อม เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ
ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคติดต่อ โรคที่เกิดจากความร้อนอาหารและ
และสิ่งแวดล้อม ดังน้ัน จึงจาเป็นต้องมีนโยบาย โภชนาการในภยั แล้งหรือนา้ ท่วม การบาดเจ็บหรือ
มาตรการหรือแนวทางด้านสาธารณสุขทเ่ี ตรียมการ การเสียชวี ิตจากภยั พิบตั ิ ดงั นั้น กระทรวงสาธารณสุข
ดูแลและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ไดพ้ ัฒนาระบบการจัดการความเส่ียงด้านสิ่งแวดล้อม
ท่ีอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพ ท่ีกระทบต่อสุขภาพในพ้ืนท่ีเสี่ยงและพื้นที่เฉพาะ
ภูมิอากาศและส่ิงแวดล้อมท่ีมีแนวโน้มจะมีความ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษและระเบียงเศรษฐกิจภาค
รุนแรงมากข้ึน การเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตะวันออก ดงั นี้
และส่ิงแวดล้อมจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพท้ัง
1) หมอกควนั ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้ดาเนินการเฝ้าระวังและลดผลกระทบต่อสุขภาพ การพัฒนา
ชุมชนต้นแบบเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ 9 ชุมชน จัดทาข้อมูลคาดการณ์ผลกระทบต่อ
สุขภาพจากมลพิษอากาศ และได้รับรางวัลเลิศรัฐ สาขาบริการภาครัฐ ประจาปี พ.ศ. 2561
ประเภทรางวัล นวัตกรรมการบริการเร่ือง “ระบบเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละออง
กรณปี ญั หาหมอกควัน”
2) สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 พบค่าเกินมาตรฐานและมีปริมาณอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อ
สุขภาพของประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่หน้าพระลาน
จงั หวดั สระบุรี ได้ดาเนินการเฝ้าระวังและลดผลกระทบต่อสุขภาพ จัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายใน
การจัดการความเส่ียง และจัดทาเครื่องมือเฝ้าระวังและเตือนภัยสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ
สาหรบั ประชาชน
3) พื้นท่ีเฉพาะในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและจัดทา GIS
Mapping การพัฒนาแอพพลิเคชั่น (@ RISK) ในการประเมินความเสี่ยงจากมลพิษส่ิงแวดล้อม
และการส่อื สารความเส่ยี งใหแ้ ก่ประชาชน การพัฒนาต้นแบบการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ /
ต้นแบบชุมชนเฝ้าระวังด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม กรณีผลกระทบจากโรงหลอมใน อบต. หัวสาโรง
อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และกรณีผลกระทบจากฝุ่นละอองในพ้ืนท่ี อบต. ทางเกวียน จ.ระยอง
และการพฒั นากฎหมาย
64
รายงานผลการพฒั นาครง่ึ แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
4) พ้ืนที่เฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษ พบว่า มี 9 จังหวัดในเขตเศรษฐกิจพิเศษมีฐานข้อมูลและการ
เฝ้าระวังด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม มีชุมชนต้นแบบด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (GREEN and CLEAN
Cities) จังหวัดละ 1 พ้ืนท่ี มีเคร่ืองมือประเมินความเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมจากการ
ประกอบกิจการ จานวน 5 เร่ือง และมีหลักสูตรการจัดการด้านอนามัยส่ิงแวดล้อม สาหรับ
เจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ ที่ปฏิบัติงานพ้ืนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
5) พ้ืนท่ีเสี่ยงมลพิษสิ่งแวดล้อม พบว่า มีการเฝ้าระวังด้านอนามัยส่ิงแวดล้อมในพ้ืนที่เส่ียงมลพิษ
สิ่งแวดล้อม กรณีเหมืองแร่ทองคา โรงไฟฟ้าชีวมวล การพัฒนาชุมชนต้นแบบการเฝ้าระวังด้าน
อนามัยส่ิงแวดล้อมในพ้ืนท่ีอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 15 ชุมชน พัฒนาเคร่ืองมือ (Tools) ในการ
ตรวจสอบเหตุราคาญ สาหรบั เจ้าหนา้ ท่ี อปท. ในพนื้ ทเ่ี มืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
นอกจากน้กี ระทรวงสาธารณสขุ ได้จัดทาแผนยุทธศาสตร์รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ด้านสาธารณสุข พ.ศ. 2561-2573 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ
ส่งิ แวดล้อม
65
ตารางท่ี 4.20 ตารางเป้าหมายตัวชวี้ ดั แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2560-25
เปน็ เลิศ (Promotion, Prevention & Protection Excellence)
เปา้ หมายการพัฒนา ตวั ชวี้ ดั /เป้าหมาย
66 1) คนไทยทุกกลุ่มวยั มีสขุ ภาพดี
2) ทกุ ภาคสว่ นมีส่วนร่วมในการสง่ เสริมสขุ ภาพ ปอ้ งกันโรค
ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย เดก็ มีพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 100 สถานบริการสาธารณสุขท่ีมีการคลอด
มาตรฐาน
อัตราสว่ นการตายมารดาไทยไม่เกิน 15 ต่อการเกดิ มี
ชพี แสนคน
ร้อยละ 85 ของเด็กอายุ 0-5 ปี มพี ฒั นาการสมวัย
รอ้ ยละ 63 ของเด็กอายุ 0-5 ปี สงู ดสี มส่วน
✥ เดก็ วยั เรียน IQ/EQ ดี สุขภาพแข็งแรง สูงดีสม เด็กไทยมรี ะดบั สตปิ ญั ญาเฉลีย่ ไมต่า้ กว่า 100
สว่ น ฟันดีไม่มีผุ
ร้อยละ 80 ของเด็กไทยมีความฉลาดทางอารมณ์อยู่
ในเกณฑ์ปกติขนึ ไป
รอ้ ยละ 60 เดก็ กลุ่มอายุ 0-12 ปี ฟันดีไมม่ ผี ุ
ร้อยละ 66 ของเด็กอายุ 6-14 ปี สงู ดีสมสว่ น
✥ อัตราการคลอดมีชีพในหญิงอายุ 15 - 19 ปี อัตราการคลอดมีชีพ ไม่เกิน 34 ต่อพันประชากร
ลดลง หญิงอายุ 15-19 ปี
ประชาชนวัยทา้ งานมดี ชั นีมวลกายปกติ ร้อยละ 56 ของประชาชนวัยท้างาน อายุ 30-44 ปี
มคี า่ ดัชนมี วลกายปกติ
564 ดา้ นส่งเสริมสขุ ภาพ ป้องกันโรค และคมุ้ ครองผู้บริโภค
ผลการด่าเนินงานตามแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2560-2564 ผลการประเมนิ
2560 2561 2562 ครงึ แผนเมือเทียบกับ
เป้าหมายแผนยุทธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ.
2560-2564
ร้อยละ 89.0 รอ้ ยละ 90.9 หนว่ ยงานยกเลกิ ตวั ชวี ดั ต่้ากวา่ ค่าเป้าหมายระดับ
(130 จาก 146 แหง่ ) (10 จาก 11 แหง่ ) วกิ ฤต (รอ้ ยละ 1.1)
21.8 ต่อการเกดิ มีชพี 19.9 ตอ่ การเกดิ มีชีพ NA ต่้ากว่าค่าเปา้ หมายระดับ
100,000 คน 100,000 คน เสย่ี ง (รอ้ ยละ 67.3)
รอ้ ยละ 78.0 ร้อยละ 80.7 รอ้ ยละ 87.1 บรรลุคา่ เป้าหมาย
ร้อยละ 49.1 ร้อยละ 50.8 ร้อยละ 58.9 ต้่ากวา่ คา่ เป้าหมาย
98.2 (พ.ศ.2559) - - (รอ้ ยละ 93.5)
-
- รอ้ ยละ 83.3 ต่้ากว่าคา่ เปา้ หมาย
(ร้อยละ 98.2)
บรรลุคา่ เปา้ หมาย
รอ้ ยละ 71.7 รอ้ ยละ 74.6 รอ้ ยละ 83.5 บรรลคุ ่าเปา้ หมาย
รอ้ ยละ 65.6 ร้อยละ 65.6 รอ้ ยละ 62.4 ต้า่ กว่าค่าเป้าหมาย
(2,445,825 จาก 3,726,904 คน) (2,930,082 จาก 4,467,062 คน) (3,101,908 จาก 4,967,870 คน) (รอ้ ยละ 94.5)
ต่า้ กว่าค่าเป้าหมาย
39.6 35.0 NA
(รอ้ ยละ 97.1)
ร้อยละ 51.8 ร้อยละ 52.8 ร้อยละ 51.9
ตา้่ กว่าคา่ เปา้ หมาย
(รอ้ ยละ 92.7)
เปา้ หมายการพฒั นา ตวั ชวี้ ัด/เป้าหมาย
✥ ตา้ บลท่ีมีระบบการส่งเสริมสขุ ภาพดแู ลผู้สูงอายุ LTC รอ้ ยละ 95 (
ระยะยาวในชมุ ชนผา่ นเกณฑ์
✥ สัดส่วนของผู้สูงอายุกลุ่มที่สามารถช่วยเหลือ อัตราของผู้สูงอายุท่ีช่วยเหลือตนเองได้เพิ่มขึนหรือ
ตนเองได้ไม่น้อยกว่า 8 เท่า ของกลุ่มที่ต้องการ คงท่ี
ความชว่ ยเหลอื ในการท้ากิจวัตรประจ้าวัน - ผสู้ งอายุติดเตียง เปน็ ผูส้ ูงอายุตดิ บ้าน
✥ โรงพยาบาลรัฐมีการจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุ - ผูส้ งู อายุติดบา้ น เปน็ ผ้สู งู อายุตดิ สงั คม
ไม่นอ้ ยกว่า รอ้ ยละ 95
จา้ นวนผ้สู ูงอายุทีไ่ ด้รับการดแู ล
รพช. มหี นว่ ยบริการผู้สงู อายุอย่างนอ้ ย รอ้ ยละ 75
67 ทุกอ้าเภอมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 80 ของอ้าเภอท่ีมีคณะกรรมการพัฒนา
ระบบอา้ เภอ (พชอ.) คณุ ภาพชวี ิตระดับอ้าเภอ (พชอ.) ที่มีคุณภาพ (702
อา้ เภอ)
3) มรี ะบบป้องกัน ควบคุมโรค ระบบเฝา้ ระวงั โรคทีสามารถตอบสนองได้ทนั ที
ไม่มกี ารกาหนดเป้าหมายการพัฒนา ร้อยละ 100 ของจังหวัดมีศูนย์ปฏิบัติการภาวะ
ฉุกเฉิน (EOC) และทีมตระหนักรู้สถานการณ์
(Situation Awareness Team: SAT) ท่ีสามารถ
ปฏิบตั งิ านได้จรงิ
✥ ลดผู้ติดเชือ HIVรายใหม่ให้เหลือน้อยกว่า 1,000ราย ร้อยละ 94 ของกลุ่มประชากรหลักท่ีเข้าถึงบริการ
✥ ไม่มที ารกแรกเกิดที่ตดิ เชอื HIV การป้องกัน HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เชิง
✥ ผู้ติดเชือ HIV ทุกคนเข้าถึงการรักษาด้วยยา รุก
ตา้ นไวรสั
✥ ลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจาก HIV ลงเหลือ
น้อยกวา่ 4,000 ราย
✥ ลดการตีตราและเลือกปฏบิ ัติ เหลอื ไม่เกินรอ้ ยละ6
ผลการประเมิน
ผลการด่าเนนิ งานตามแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2560-2564 ครงึ แผนเมอื เทียบกบั
เป้าหมายแผนยทุ ธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ.
2560 2561 2562 2560-2564
รอ้ ยละ 51.1 รอ้ ยละ 71.1 รอ้ ยละ 86.6 ต้า่ กวา่ ค่าเป้าหมาย
(3,709 จาก 7,255 ต้าบล) (5,158 จาก 7,255 ต้าบล) (6,282 จาก 7,255 ต้าบล) (ร้อยละ 91.2)
- เพม่ิ ขนึ ร้อยละ 11.9 - บรรลคุ า่ เปา้ หมาย
1,621 คน 2,499 คน 2,992 คน ต้า่ กวา่ คา่ เปา้ หมาย
6,858 คน 8,716 คน 7,962 คน ระดบั วิกฤต
166,518 คน 167,118 คน (รอ้ ยละ 15.6)
83,598 คน
รอ้ ยละ 11.7 - - ตา้่ กวา่ คา่ เป้าหมาย
(91 จาก 781 แหง่ ) (ร้อยละ 82.9)
มีคณะกรรมการ พชอ. มีคณะกรรมการ 878
มคี ณะกรรมการ พชอ. 747 อ้าเภอ อ้าเภอและ
200 อ้าเภอ
คณะกรรมการ พชอ. ท่มี ี
คุณภาพ 582 อา้ เภอ
ร้อยละ 66.3
รอ้ ยละ 100 รอ้ ยละ 100 รอ้ ยละ 100 บรรลุค่าเป้าหมาย
(76 จาก 76 แห่ง) (76 จาก 76 แห่ง) (76 จาก 76 แห่ง)
ร้อยละ 41.9 (163,247 ร้อยละ 46.5 (194,618 - ตา่้ กว่าคา่ เป้าหมาย
ระดับวิกฤต
จาก 389,937 คน) จาก 418,548 คน) (รอ้ ยละ 49.5)
เป้าหมายการพฒั นา ตวั ชวี้ ดั /เป้าหมาย
✥ อัตราการเสียชีวิตด้วยมะเร็งท่อน้าดีลดลง ร้อยละ 80 ของต้าบลจัดการสุขภาพในการเฝ้าระวัง
ปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อ
คร่งึ หนึง่ น้าดี
✥ อัตราการติดเชือพยาธิใบไม้ตับลดลงน้อยกว่า
อตั ราการเสยี ชวี ิตจากการจมน้าของเด็กอายุน้อยกว่า
รอ้ ยละ 1 15 ปี (ไม่เกนิ 3 ตอ่ ประชากร 100,000 คน)
✥ อัตราการเสียชีวิตจากการจมน้าและอุบัติเหตุ
ทางถนนลดลง
อตั ราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตทุ างถนน ลดลงร้อยละ
50 จากปี 2554 (14,033 คน)
68 ✥ อัตราผู้ป่วย Diabetes Mellitus (DM) ราย อัตราผู้ป่วย DM รายใหม่จากกลุ่มเส่ียงฯ ไม่เกินร้อย
ใ ห ม่ จ า ก ก ลุ่ ม เ สี่ ย ง เ บ า ห ว า น แ ล ะ อั ต ร า ผู้ ป่ ว ย ละ 2.16
Hypertension (HT) รายใหม่จากกลุ่มเส่ียงความ
ดันโลหิตสงู ลดลง อัตราผปู้ ่วย HT รายใหม่ โดยมมี าตรการในกลุ่มสงสัย
ปว่ ยให้วดั ความดันโลหติ สงู ที่บ้าน ≥ร้อยละ 40
ลดอัตราอุบัติการณ์ของวัณโรคลงให้เหลือ 88 อุบัติการณ์ของวัณโรค (คาดประมาณการโดย
ต่อประชากร 100,000 คน ใน พ.ศ. 2564 และ 10 องคก์ ารอนามยั โลก)
ตอ่ ประชากร 100,000 คน เมื่อสินปี 2579 อัตราความส้าเร็จการรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอดราย
ใหมแ่ ละกลับเป็นซ้า ≥ รอ้ ยละ 90
ร้อยละความครอบคลุมการรักษาผู้ป่วยวัณโรคราย
ใหม่และกลับเป็นซ้า (TB Treatment Coverage)
≥ ร้อยละ 90 ของคา่ คาดประมาณจ้านวนผู้ป่วยวัณ
โรค (172/แสนประชากร)
เร่งรัดการเข้าถึงบริการตรวจวินิจฉัยในประชากร
กลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสยี่ งวัณโรค เช่น ผู้สัมผัส ผู้
ติดเชือเอชไอวี ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ต้องขัง
แรงงานข้ามชาตใิ หค้ รอบคลมุ ร้อยละ 90
ผลการดา่ เนินงานตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2560-2564 ผลการประเมิน
ครงึ แผนเมือเทียบกบั
2560 2561 2562 เปา้ หมายแผนยทุ ธศาสตร์
- กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ.
รอ้ ยละ 98.6 รอ้ ยละ 89.6
(211 จาก 214 ต้าบล) (550 จาก 614 ต้าบล) 2560-2564
บรรลุค่าเปา้ หมาย
6.3 ตอ่ ประชากร 100,000 6.1 ต่อประชากร 100,000 4.9 ตอ่ แสนประชากร ต้า่ กวา่ คา่ เป้าหมาย
ระดบั วกิ ฤต
คน (717 คน) คน (681 คน) (550 คน) ข้อมลู เบอื งตน้ (รอ้ ยละ 36.7)
อาจมีการปรับ ต่้ากว่าคา่ เปา้ หมาย
ระดบั วกิ ฤต
15,700 คน 16,437 คน 17,136 คน (ร้อยละ 44.2)
(24.1 ต่อประชากร (25.1 ตอ่ แสนประชากร) (26.1 ต่อแสนประชากร) บรรลคุ ่าเปา้ หมาย
100,000 คน) เพมิ่ ขึน เพ่ิมขึนร้อยละ 17.1 จากปี เพม่ิ ขึนร้อยละ 22.1 จากปี บรรลุคา่ เป้าหมาย
รอ้ ยละ 11.9 2554 2554 ต่า้ กว่าค่าเปา้ หมาย
ระดับวกิ ฤต
ร้อยละ 2.2 รอ้ ยละ 2.0 รอ้ ยละ 1.9
ต้่ากว่าค่าเป้าหมาย
(54,814 จาก (32,169 จาก (31,030 จาก (ร้อยละ 95.2)
2,516,408 คน) 1,645,009 คน) 1,640,558 คน) ต้่ากวา่ ค่าเป้าหมาย
(ร้อยละ 85.3)
- รอ้ ยละ 26.9 (237,943 ร้อยละ 51.0 (408,248
จาก 883,305 คน) จาก 800,118 คน)
156 ตอ่ แสนประชากร 153 ต่อแสนประชากร -
รอ้ ยละ 85.4 รอ้ ยละ 85.0 รอ้ ยละ 85.7
รอ้ ยละ 83.8 รอ้ ยละ 84.1 รอ้ ยละ 76.8
- - มีการดา้ เนนิ งานในกลมุ่ ประเมนิ ไมไ่ ดเ้ น่ืองจาก
เส่ียง 7 กลมุ่ รวมทงั สนิ ไมม่ กี ารคดิ อัตราความ
5 ลา้ นคน ครอบคลุม
เปา้ หมายการพัฒนา ตัวชว้ี ดั /เป้าหมาย ผล
4) มีระบบคุ้มครองผู้บรโิ ภคทมี ปี ระสทิ ธภิ าพ
ประชาชนไดร้ ับอาหารท่มี คี วามปลอดภัยเป็น ร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์อาหารสด และ รอ้ ยละ
27
ไปตามเกณฑ์ที่ก้าหนด มีความรู้และพฤติกรรมการ อาหารแปรรปู มีความปลอดภยั
ร้อยละ
บรโิ ภคผลิตภณั ฑ์อาหารทถ่ี ูกต้อง 24
ประชาชนได้บริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพและ ร้อยละ 99 ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับการ (2,530
ไดร้ บั บรกิ ารสุขภาพทมี่ ีคุณภาพ ตรวจสอบได้ มาตรฐานตามเกณฑ์ท่ี พัฒนาจ
ด้วยระบ
ก้าหนด 68.5 (6
ร้อยละ 100 ของสถานพยาบาลผ่านเกณฑ์ (30
(35
มาตรฐานท่ีกฎหมายก้าหนด (11
สถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้รับการ
ส่งเสริม พัฒนาให้ได้มาตรฐานตามที่
กฎหมายกา้ หนด
69 5) มรี ะบบการบริการจัดการสงิ แวดลอ้ มทเี อ้ือต่อสุขภาพของประชาชน
โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เป็น โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มี
โรงพยาบาลที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม และเป็น การควบคุมการจัดการมูลฝอยติดเชือด้วย
แหล่งเรียนรู้ในการจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อมให้ ระบบ Digital Infectious Control
ชมุ ชน
ลดผลกระทบต่อสุขภาพจากปัจจัยเสี่ยงจาก ร้อยละ 70 ของจังหวัดผ่านเกณฑ์จัดการ
ขยะและมลพิษสิ่งแวดลอ้ มของประชาชน ปัจจัยเสี่ยงจากส่ิงแวดล้อมและสุขภาพ
ระดับดีมาก
- ไมผ่ ่านพืนฐาน
- ระดบั พืนฐาน
- ระดบั ดี
- ระดบั ดมี าก
หมายเหตุ : (รอ้ ยละ) ในคอลมั น์ ผลการประเมนิ ครึง่ แผนฯ หมายถงึ ผลการดา้ เนนิ งานทท่ี า้ ไ
ลการดา่ เนนิ งานตามแผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2560-2564 ผลการประเมิน
2560 2561 2562 ครึงแผนเมือเทยี บกับ
เปา้ หมายแผนยุทธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสุข
พ.ศ. 2560-2564
ะ 97.4 (26,329 จาก ร้อยละ 84.6 ร้อยละ 85.5 บรรลุคา่ เป้าหมาย
7,043 ตวั อยา่ ง)
(746 จาก 882 ตวั อย่าง) (548 จาก 641 ตัวอย่าง)
97.0 (234,289 จาก ร้อยละ 98.0 (206,865 จาก - ตา่้ กวา่ คา่ เปา้ หมาย
41,517 ตัวอยา่ ง) 211,039 ตวั อย่าง) (รอ้ ยละ 99.0)
- รอ้ ยละ 100 รอ้ ยละ 100 บรรลคุ ่าเป้าหมาย
(2,391 จาก 2,391 แหง่ ) (2,482 จาก 2,482 แหง่ )
รอ้ ยละ 87.3 ต้่ากว่าคา่ เป้าหมาย
0 จาก 2,898 แหง่ ) ร้อยละ 100 รอ้ ยละ 95.8 (รอ้ ยละ 95.8)
(4,216 จาก 4,216 แหง่ ) (11,520 จาก 12,025
แหง่ )
จดั การมลู ฝอยติดเชือ พัฒนาจดั การมูลฝอยติดเชือ พฒั นาจัดการมลู ฝอยติด ต่า้ กว่าคา่ เปา้ หมาย
บบ Manifest รอ้ ยละ ดว้ ยระบบ Manifest รอ้ ยละ เชอื ดว้ ยระบบ ระดับวกิ ฤต
656 จาก 958 แห่ง) 70.7 (677 จาก 958 แห่ง)
Manifest รอ้ ยละ 91.0 ต่้ากว่าคา่ เปา้ หมาย
รอ้ ยละ 39.5 ร้อยละ 34.2 (872 จาก 958 แหง่ ) ระดับวกิ ฤต (ร้อยละ
จาก 76 จังหวดั ) (26 จาก 76 จงั หวัด)
รอ้ ยละ 46.1 ร้อยละ 39.5 3.7)
จาก 76 จงั หวดั ) ร้อยละ 48.7 (30 จาก 76 จงั หวดั )
รอ้ ยละ 14.5 (37 จาก 76 จงั หวดั )
จาก 76 จงั หวดั ) รอ้ ยละ 43.4
ร้อยละ 17.1 (33 จาก 76 จงั หวดั )
- (13 จาก 76 จงั หวดั )
รอ้ ยละ 14.5
- (11 จาก 76 จงั หวดั )
รอ้ ยละ 2.6
(2 จาก 76 จงั หวัด)
ไดเ้ มอ่ื เทยี บกับเปา้ หมาย
รายงานผลการพัฒนาครง่ึ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
4.2.2 ผลการพฒั นาดา้ นบรกิ ารเปน็ เลศิ (Service Excellence)
กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ท้ังระดับ
ปฐมภูมิ ทุตยิ ภูมิ ตตยิ ภูมิ ที่เชื่อมโยงกับศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง
เป็นเครือข่ายอย่างบูรณาการ โดยจัดให้มีการดาเนินงานในรูปแบบ
ของเขตสุขภาพ 12 เขต และกรุงเทพมหานคร และใช้ทรัพยากร
ร่วมกนั ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สุดต่อประชาชน โดยมีเป้าหมายให้ประชาชน
เข้าถงึ บริการที่มีคุณภาพ ทั่วถึงและเป็นธรรม ลดอัตราป่วย ลดอัตรา
ตาย ลดความแออัด และลดระยะเวลารอคอย ในปีงบประมาณ
2560-2562 ดาเนนิ การ 20 สาขา ครอบคลุมความเชย่ี วชาญระดับสูง
บริการหลักและบริการพ้ืนฐาน ได้แก่ 1) สาขาระบบบริการปฐมภูมิ
และสุขภาพอาเภอ 2) สาขาโรคไม่ติดต่อ 3) สาขาการพัฒนาระบบ
บรกิ ารเพอื่ ใชย้ าอย่างสมเหตุผล 4) สาขาทารกแรกเกดิ 5) สาขาการ
ดูแลระยะเปลี่ยนผ่านผู้ป่วยก่ึงเฉียบพลันและการดูแลประคับประคอง
6) สาขาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน 7) สาขา
สุขภาพจิตและจิตเวช 8) สาขาอายุรกรรม 9) สาขาออร์โธปิดิกส์
10) สาขาโรคหัวใจ 11) สาขาโรคมะเร็ง 12) สาขาไต 13) สาขา
ตา 14) สาขาการรับบริจาคและการปลูกถ่ายอวัยวะ 15) สาขายา
เสพติด 16) สาขาศัลยกรรม 17) สาขาอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 18)
สาขาสุขภาพช่องปาก 19) สาขาแม่และเด็ก และ 20) สาขากัญชา
ทางการแพทย์ มีผลการพัฒนาพบว่า บรรลุค่าเป้าหมาย จานวน 11
ตัวชี้วดั (ร้อยละ 19.3) ขณะที่ยังมีสถานการณ์การบรรลุเป้าหมายต่า
กว่าที่กาหนด จานวน 25 ตัวชี้วัด (ร้อยละ 43.9) โดยเป็นระดับต่า
กว่าค่าเป้าหมาย 9 ตัวชี้วัด (ร้อยละ 15.8) ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับ
เสย่ี ง 10 ตัวช้ีวัด (ร้อยละ 17.6) และต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต
6 ตัวชี้วัด (ร้อยละ 10.5) นอกจากน้ียังมีประเมินไม่ได้ 21 ตัวช้ีวัด
(ร้อยละ 36.8) เนื่องจากไม่มีข้อมูล ผลการพัฒนาในสาขาท่ีสาคัญมี
ดงั นี้
1) พัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาระบบบรกิ ารปฐมภมู แิ ละสขุ ภาพอาเภอ
กระทรวงสาธารณสุขได้กาหนดนโยบาย การแพทย์ปฐมภูมิท่ีมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
การปฏิรูประบบสุขภาพด้านปฐมภมู ิ โดยพฒั นาระบบ ดแู ลประชาชนในสัดสว่ นทเ่ี หมาะสม” หลักการและ
คลนิ ิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster) เพือ่ ให้ เป้าหมายของคลินิกหมอครอบครัว “บริการทุกคน
สอดรับกบั รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ฉบับ ทุกที่ ทุกอย่าง ทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยี” ดังนั้น
ปี พ.ศ. 2560 กาหนดในหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ กระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคล่ือนนโยบายดังกล่าว
มาตรา 258 ดา้ นอนื่ ๆ ขอ้ (6) ซึ่งระบวุ า่ “ใหม้ รี ะบบ จัดให้มีทีมหมอครอบครัวดูแลประชาชน จานวน
70
รายงานผลการพัฒนาครง่ึ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
10,000 คนต่อ 1 ทีม ประกอบด้วย 9 สหวิชาชีพ จัดต้ังคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอาเภอ
ได้แก่ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวหรือแพทย์ท่ีผ่าน (พชอ.) เพื่อการจัดการปัญหาสุขภาพในพ้ืนที่ ได้แก่
การอบรมด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ทันตแพทย์ สง่ิ แวดลอ้ ม ผพู้ ิการ ผู้สงู อายุ ผู้ป่วยติดเตียง อุบัติเหตุ
พยาบาลวิชาชีพหรือพยาบาลเวชปฏิบัติ ทันตาภิบาล ครบทุกอาเภอจานวน 878 อาเภอ ใน พ.ศ. 2562
เภสชั กร เจา้ พนักงานเภสัชกร นักวิชาการสาธารณสุข และคณะ กรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอาเภอ
แพทย์แผนไทย และนักกายภาพบาบัด โดยมีคลินิก ท่ีมีคุณภาพ จานวน 582 อาเภอ คิดเป็นร้อยละ
หมอครอบครัวท่ีเปิดดาเนินการในพ้ืนที่ เป็น 1,180 66.3 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (ร้อยละ
ทีมสะสม ใน พ.ศ. 2562 ดูแลประชาชนกว่า 10 80) และท่ีผ่านมาได้กาหนดประเด็นคุณภาพชีวิต
ลา้ นคน ตา่ กว่าคา่ เป้าหมายระดบั วิกฤต (3,250 ทีม) และขับเคลือ่ นในการแก้ไขปญั หา 2,454 โครงการ
และดาเนนิ การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอาเภอ โดย
2) พัฒนาระบบบริการสขุ ภาพ สาขาโรคไมต่ ดิ ต่อเรอื้ รงั
- ด้วยสภาพสังคมที่เปล่ียนแปลงไป พฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมท่ีเส่ียงทาให้เกิดผล
กระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต
สูง และโรคหลอดเลือดสมอง ท่ีเป็นภัยเงียบทาให้เกิดความเจ็บป่วย ความพิการ การสูญเสีย
สุขภาวะ คณุ ภาพชีวติ การตายก่อนวัยอันควร เป็นภาระตอ่ การรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายใน
การรักษาพยาบาลทั้งของครอบครัวและประเทศชาติ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการรณรงค์
เร่ืองเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดสมอง โดยควบคุมระดับน้าตาลในเลือดของ
ผู้ป่วยและประเมินโอกาสเส่ียงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง จัดตั้งหออภิบาลผู้ป่วยโรค
หลอดเลือดสมองในโรงพยาบาลระดับ A, S และ M จานวน 83 แห่ง มีเตียงสาหรับผู้ป่วยโรค
หลอดเลือดสมอง จานวน 714 เตียง ผลการดาเนินงาน มีอัตราตายของผู้ป่วยโรคหลอดเลือด
สมอง ลดลงจากร้อยละ 8.7 ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 7.9 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่า
เปา้ หมาย (< รอ้ ยละ 7 ใน พ.ศ. 2564) ดังตารางท่ี 4.21
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้าตาลได้ เพ่ิมข้ึนร้อยละ 23.0 ใน พ.ศ.
2560 เป็นรอ้ ยละ 28.3 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับเส่ียง (≥ ร้อยละ 40 ใน พ.ศ.
2564) ดงั ตารางท่ี 4.22
- ผู้ป่วยโรคความดนั โลหติ สูงสามารถควบคมุ ความดันโลหติ ได้ เพม่ิ ขน้ึ ร้อยละ 36.4
ใน พ.ศ. 2560 เปน็ ร้อยละ 44.1 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากวา่ ค่าเปา้ หมาย (≥ร้อยละ 50 ใน พ.ศ.
2564) ดงั ตารางที่ 4.23
- ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ข้ึนทะเบียนได้รับการประเมินโอกาสเส่ียงต่อ
การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD RISK) เพิ่มข้ึนจากร้อยละ 74.8 ใน พ.ศ. 2560 เป็น
ร้อยละ 88.6 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (มากกว่าร้อยละ 90 ใน พ.ศ. 2564) ดัง
ตารางท่ี 4.24
71
รายงานผลการพัฒนาคร่งึ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางท่ี 4.21 อัตราตายของผูป้ ่วยโรคหลอดเลือดสมอง พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. ผปู้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมอง ผปู้ ่วยโรคหลอดเลือดสมองตาย คิดเป็นรอ้ ยละ
2560 133,049 11,578 8.7
2561 136,367 11,077 8.1
2562 145,985 11,516 7.9
ทีม่ า : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ตารางท่ี 4.22 ผู้ปว่ ยโรคเบาหวานสามารถควบคมุ ระดับนา้ ตาลได้ พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. ผ้ปู ว่ ยเบาหวานท่ีลงทะเบยี นใน ผู้ป่วยทรี่ ะดบั ค่าน้าตาลอยู่ในเกณฑ์ท่ี คดิ เป็นร้อยละ
พนื้ ท่ี
ควบคุมได้ 23.0
2560 2,657,984 611,252 23.0
171,475 28.3
2561 746,328 820,574
2562 2,897,164
ที่มา : กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ
ตารางท่ี 4.23 ผู้ป่วยโรคความดันโลหติ สงู สามารถควบคุมระดบั ความดนั โลหติ ได้ พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. ผ้ปู ว่ ยโรคความดนั โลหิตสูง สามารถควบคมุ ระดับความดันโลหิตได้ คิดเปน็ รอ้ ยละ
2560 5,598,872 2,036,897 36.4
2561 5,851,668 2,440,281 41.7
2562 6,084,195 2,686,112 44.1
ที่มา : กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข
ตารางท่ี 4.24 รอ้ ยละของผู้ป่วยเบาหวาน ความดนั โลหติ สูงท่ีขึน้ ทะเบียน ไดร้ บั การประเมินโอกาสเสยี่ ง
ตอ่ โรคหวั ใจและหลอดเลือด พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. ผูป้ ว่ ยทีข่ ึ้นทะเบียน ผู้ป่วยทีไ่ ด้รับการประเมนิ โอกาสเสยี่ ง คดิ เป็นร้อยละ
2560 2,638,135 1,972,275 74.8
2561 2,380,286 2,036,097 85.5
2562 2,451,419 2,171,745 88.6
ท่ีมา : กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข
3) พฒั นาระบบบริการเพอ่ื ใชย้ าอย่างสมเหตผุ ล (Rational Drug Use : RDU)
องค์การอนามัยโลกประมาณว่ามากกว่าคร่ึงหนึ่งของการใช้ยาเป็นไปอย่างไม่เหมาะสม
หรือไม่สมเหตุผล เกิดปัญหาต่อประสิทธิผลของการรักษาและเชื้อโรคดื้อยามากขึ้น ในประเทศไทยคาด
วา่ มมี ลู คา่ สูญเสียทางเศรษฐกิจจากการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึงปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ดาเนินนโยบายส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในโรงพยาบาล พบว่า
โรงพยาบาลทใี่ ชย้ าอยา่ งสมเหตุสมผลข้ันที่ 2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.3 พ.ศ. 2561 เป็นร้อยละ 41.4 ในปี
พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต (RDU ข้ันที่ 3 ≥ร้อยละ 80 ใน พ.ศ. 2564) ดังตารางท่ี 4.25
72
รายงานผลการพัฒนาครง่ึ แผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
สาหรับโรงพยาบาลที่มีระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 82.9 ใน พ.ศ.
2561 เป็นร้อยละ 96.6 ใน พ.ศ. 2562 บรรลุเป้าหมาย (≥ร้อยละ 70) ดังตารางท่ี 4.26 การดาเนินงาน
ดังกล่าวส่งผลให้คา่ ใชจ้ า่ ยด้านยาปฏิชวี นะลดลง ใน พ.ศ. 2560-2562 จานวน 239 ล้านบาท ลดการใช้ยา
ปฏิชีวนะทีไ่ มจ่ าเปน็ ได้ 5.2 ล้านคน ดังตารางที่ 4.27 และอัตราการติดเช้ือดื้อยาในกระแสเลือดต่อผู้ป่วยที่
ตดิ เช้อื แบคทีเรียสาคญั 8 ชนิด ลดลงรอ้ ยละ 0.42 เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง พ.ศ. 2561 และ 2562 ต่ากว่า
ค่าเปา้ หมายระดบั วกิ ฤต (ลดลงร้อยละ 50 ใน พ.ศ. 2564)
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกไดม้ ีการประเมนิ ผลสมรรถนะหลกั ด้านการดอื้ ยาตา้ นจุลชีพ ตามกฎ
อนามัยระหว่างประเทศ ใน 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การตรวจจับการด้ือยาต้านจุลชีพ การเฝ้าระวังการติด
เชอื้ ที่เกดิ จากเช้ือด้อื ยา แผนงานป้องกนั และควบคมุ การติดเชื้อในโรงพยาบาล (Health care-associated
Infection หรือ HCAI) และกิจกรรมกากับ ดูแล การใช้ยาต้านจุลชีพ ได้คะแนนระดับ 3 ต่ากว่าค่า
เปา้ หมายระดับเสยี่ ง (ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 4 ทกุ องค์ประกอบ ใน พ.ศ. 2564)
ตารางท่ี 4.25 รอ้ ยละของโรงพยาบาลทใ่ี ช้ยาอย่างสมเหตสุ มผล RDU ข้นั ท่ี 3 ≥ รอ้ ยละ 80
พ.ศ.ผ เป้าหมายทต่ี ัง้ ไว้ (แห่ง) ผลการประเมิน (แห่ง) คดิ เป็นร้อยละ
2560 ข้นั 1 870 535 61.5
ขนั้ 2 - - -
2561 ขั้น 1 894 767 85.8
ขนั้ 2 894 65 7.3
2562 ข้ัน 1 896 894 99.8
ขั้น 2 896 371 41.4
ท่มี า : กองบริหารการสาธารณสขุ สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ตารางที่ 4.26 ร้อยละของโรงพยาบาลมรี ะบบการจดั การดื้อยาต้านจุลชพี อยา่ งบรู ณาการ
(AMR) (≥ ร้อยละ 70)
พ.ศ. เปา้ หมายท่ตี ้ังไว้ ผลการประเมนิ คดิ เปน็ ร้อยละ
2560 - --
2561 117 97 82.9
2562 119 115 96.6
ท่ีมา : กองบรหิ ารการสาธารณสขุ สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสุข
ตารางท่ี 4.27 การลดการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไมจ่ าเป็น พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. ลดการใช้ยาโดยไม่จาเปน็ (ราย) ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นยาปฏิชวี นะ (บาท) คดิ เป็นร้อยละ
-
2560 2,454,120 113,736,600
ลดลงร้อยละ 5.3
2561 2,394,262 107,750,300
2562 404,280 17,684,218
ทม่ี า : กองบรหิ ารการสาธารณสขุ สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ
หมายเหตุ : พ.ศ. 2562 เป็นข้อมูล 8 เดือน
73
รายงานผลการพัฒนาครึง่ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
4) พฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาทารกแรกเกดิ
ใน พ.ศ. 2558 ประเทศไทย มีอัตราตายของทารก
แรกเกิดเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากประเทศ
สิงคโปร์ และมาเลเซีย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ดาเนินการ
ดูแลทารกแรกเกิด ด้วยการพัฒนาระบบบริการสุขภาพทารก
แรกเกดิ บริการเครื่องควบคุมอณุ หภมู ิกายสาหรบั เดก็ ทารกและ
เด็กโต (cooling system) ในโรงพยาบาลระดับ A เขตละ
1 แห่ง รวม 12 แห่ง ครบทุกเขตสุขภาพ มีบริการเตียงผู้ป่วย
ทารกแรกเกิดวิกฤต (เตียง NICU) ในโรงพยาบาลระดับ A-M1
จานวน 116 แห่ง โดยมีจานวนเตียงผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤต
1,013 เตียง แต่อย่างไรกด็ ี อตั ราตายทารกแรกเกดิ พ.ศ. 2560-
2562 มีอัตราคงท่ี คือ 3.2-3.3 ต่อทารกเกิดมีชีพพันคน ต่ากว่า
ค่าเป้าหมายระดบั เสีย่ ง (<2.5 ตอ่ ทารกเกิดมชี ีพพันคน ใน พ.ศ.
2564)
5) ศูนย์ความเปน็ เลศิ ทางการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามความ สถานบริการได้เสนอยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้ว และ
ร่วมมือ 20 โรงเรียนแพทย์ จาก 19 มหาวิทยาลัย อยู่ระหวา่ งการพิจารณาของสานักงานสภาพัฒนาการ
กับ 12 เขตสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขร่วมมือ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพ่ือเสนอขอความ
กนั พัฒนาระบบบริการสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ เห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งเป้าหมายการ
ทุกเขตสุขภาพ โดยใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อให้ ดาเนินงานคือ มุ่งพัฒนาประเทศให้มีความเป็นเลิศ
ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ด้า นบ ริก าร ทา งก าร แ พท ย์ โ ด ยร่ ว ม มือ กั บ
รักษาเบ็ดเสร็จภายในเขตสุขภาพ เมื่อวันที่ 17 สถาบนั การศกึ ษาและการวิจัยทางการแพทย์ โดยใช้
กุมภาพันธ์ 2559 และได้ร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ทรัพยากรสุขภาพให้เกิดความคุ้มค่า ใช้ประโยชน์
ได้แก่ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในการจดั ทายทุ ธศาสตร์ จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ท่ีจัดต้ังข้ึนใน
การจดั ตัง้ ศูนย์ความเปน็ เลิศทางการแพทยใ์ นภาพรวม แต่ละพ้ืนท่ีได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมท้ังกาหนดให้
ของประเทศ ระยะยาว (5-10 ปี) ประกอบด้วย 3 การส่งต่อผปู้ ว่ ยนอกเขตสขุ ภาพลดลง พบว่า การส่ง
ยุทธศาสตร์หลัก คือ การสร้างความสามารถในการ ต่อผู้ป่วยออกนอกเขตสุขภาพ ลดลงร้อยละ 3.7 ใน
แข่งขันระหว่างประเทศ การสร้างความเข้มแข็ง พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต (ลดลง
ใหก้ ับระบบสขุ ภาพและการลดความเหล่อื มล้าของ ร้อยละ 10 ต่อปี)
74
รายงานผลการพฒั นาคร่งึ แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
6) สาขาการดแู ลระยะเปลย่ี นผา่ นผปู้ ว่ ยกง่ึ เฉยี บพลนั และการดแู ลประคับประคอง
ในปัจจุบันโรคท่ีพบเป็นสาเหตุของการ Medication ในผู้ป่วยประคับประคอง 4 กลุ่มโรค
เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากโรคเรื้อรังท่ีต้องการการ 2 กลุ่มอายุ ร้อยละ 33.7 (32,716 จาก 97,011
รักษายาวนานและซับซ้อน สถานการณ์น้ีเกิดขึ้นทั่ว ราย) ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับวิกฤต
โลกรวมถึงประเทศไทย แพทย์มักมุ่งเน้นแต่การ (ร้อยละ 85 ในผู้ป่วย 8 กลุ่มโรค ใน พ.ศ. 2564)
รักษาตัวโรคและการใช้เทคโนโลยียืดชีวิตให้ผู้ป่วย นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้
อยู่ได้นานท่ีสุด ทาให้ละเลยคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โรงพยาบาลชุมชนทกุ แห่งให้บรกิ ารสุขภาพการดูแล
รวมถึงการขาดการจัดการความทุกข์ทรมานจากตัว ระยะกลาง (Intermediate Care) รับผู้ป่วยพ้น
โรคและการรักษาจนเมื่อโรคอยู่ในระยะที่เกินกว่า วิกฤตมาดูแล โดยเน้น 3 โรคสาคัญคือ โรคหลอด
จะรักษาได้ และผู้ป่วยอยู่ในระยะใกล้เสียชีวิต เลือดสมอง การบาดเจ็บท่ีสมอง และการบาดเจ็บท่ี
แพทย์จึงหันมาหาการรักษาแบบประคับประคอง สนั หลัง พบว่า โรงพยาบาลชุมชนสามารถให้บริการ
กระทรวงสาธารณสุขได้มีการพัฒนาระบบการดูแล Intermediate Care ในรูปแบบต่างๆ (Variety of
ผู้ป่วยแบบประคับประคองในโรงพยาบาลทุกระดับ care) เพิ่มขน้ึ จากร้อยละ 56.6 ใน พ.ศ. 2561 เป็น
เพ่ิมขึ้นจาก 496 แห่ง ใน พ.ศ. 2560 เป็น 816 รอ้ ยละ 74.3 ใน พ.ศ. 2562 บรรลุค่าเป้าหมาย (ไม่
แห่ง ใน พ.ศ. 2561 และมีการบรรเทาอาการปวด น้อยกวา่ รอ้ ยละ 50)
และจัดการอาการต่างๆ ด้วย Strong Opioids
7) พัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยผ์ สมผสาน
จากกระแสและความตื่นตัวของประชาชน สมุนไพรเพ่ือการรกั ษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ
ทีต่ ้องการจะมสี ขุ ภาพดีพรอ้ มๆ ไปกับกลุม่ ประชาชนท่ี ส่งผลให้ผู้ป่วยนอกได้รับบริการแพทย์แผนไทยท่ีได้
เจ็บป่วยเร้ือรังที่ต้องการดูแลสุขภาพตนเอง ทาให้ มาตรฐาน รวมส่งเสริมสุขภาพ เพ่ิมข้ึนร้อยละ 14.4
กระแสนิยมในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผน ใน พ.ศ. 2557 เป็นร้อยละ 21.7 ใน พ.ศ. 2562 ดัง
ไทยและการแพทย์ทางเลือกเป็นท่ียอมรับอย่าง ภาพท่ี 4.7 และการเข้าถึงบริการแพทย์แผนไทย ไม่
แพรห่ ลาย กระทรวงสาธารณสุขได้มกี ารส่งเสริมการ รวมส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มข้ึนจากร้อยละ 19.8 ใน
จัดบริการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ พ.ศ. 2560 เป็น ร้อยละ 21.4 ใน พ.ศ. 2562 ถือว่า
ทางเลือกในโรงพยาบาลทุกระดับ รวม 732 แห่ง บรรลุคา่ เป้าหมาย (ร้อยละ 20 ไมร่ วมสง่ เสรมิ ฯ)
เพือ่ ลดการใช้ยาแผนปจั จบุ นั และสง่ เสริมการใช้
ภาพที่ 4.7 รอ้ ยละของผู้ป่วยนอก ทไ่ี ด้รับบริการรักษาพยาบาล การสง่ เสรมิ สุขภาพ ปอ้ งกนั โรค
ด้วยการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พ.ศ. 2557-2562
รอ้ ยละ 15.0 16.7 19.8 24.5 21.7
30 2558 2559 2560 2561 2562 พ.ศ.
20 14.4
10
0
2557
ทีม่ า: กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
75
รายงานผลการพฒั นาครง่ึ แผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
นอกจากน้ี รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่ ระดับจังหวัดผ่านโครงการพัฒนาเมืองสมุนไพร
เก่ียวข้อง ได้ตระหนักถึงความสาคัญของการพัฒนา (Herbal City) พ.ศ. 2560-2564 เพื่อให้องค์กรท่ี
สมุนไพรไทย ซ่ึงเป็นภูมิปัญญาและทรัพยากรท่ี เก่ียวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกัน
สาคัญของประเทศ จึงได้มีการจัดทาแผนแม่บท ขับเคล่ือนอย่างเป็นระบบ ครบวงจร อย่างย่ังยืน
แห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 โดยใน พ.ศ. 2562 สามารถจัดตั้งเมืองสมุนไพร ได้
พ.ศ. 2560-2564 มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการผลิต 14 จังหวดั บรรลุค่าเป้าหมาย (13 จังหวัด) ส่งผลให้
และใช้ประโยชน์สมุนไพรอย่างมีคุณภาพ เต็ม มลู คา่ ผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรเพม่ิ ขน้ึ จาก 100,000 ล้าน
ประสิทธิภาพและครบวงจร ซึ่งจะส่งผลต่อความ บาท ใน พ.ศ. 2557 เป็น 280,000 ล้านบาท ใน
ม่ันคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของสมุนไพรไทย สามารถสร้าง พ.ศ. 2561 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย ใน พ.ศ. 2564
มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของไทย ประกอบกับ (2.9-3.62 แสนล้านบาท) และมูลค่าการบริโภค
ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลาง วั ต ถุ ดิ บ ส มุ น ไ พ ร แ ล ะ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ส มุ น ไ พ ร
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ ในรูปแบบยา ภายในประเทศ เพ่ิมข้ึนจาก 38,861.3 ล้านบาท ใน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเคร่ืองสาอาง กระทรวง พ.ศ. 2559 เปน็ 52,125.3 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2562
สาธารณสุขจึงได้ขับเคล่ือนนโยบายสู่การปฏิบัติใน
8) พัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาสขุ ภาพจติ และจติ เวช
เน่ืองจากการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยจิต โรงพยาบาลเฉพาะทาง ส่งผลให้ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
เวชค่อนข้างต่า กระทรวงสาธารณสุขจึงได้พัฒนา เขา้ ถงึ บริการสขุ ภาพจิต เพิม่ ข้นึ จากร้อยละ 54.4 ใน
ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชในเขตสุขภาพ พ.ศ. 2560 เปน็ ร้อยละ 68.2 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่า
เพ่ือจัดบริการสาหรับผู้ป่วยทางสุขภาพจิตและจิต ค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 70 ใน พ.ศ. 2564) ใน
เวช สามารถดูแลผู้ป่วยจิตเวชในพื้นท่ีได้ มีการ ขณะเดียวกันพบว่า อัตราการฆ่าตัวตายสาเร็จมี
พัฒนาหอผู้ป่วยจิตเวชในโรงพยาบาล A-S จานวน แนวโน้มคงที่เป็น 6.6 ต่อแสนประชากร ใน พ.ศ.
18 แห่ง และ M2 จานวน 1 แห่ง มีเตียงฉุกเฉินจิต 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (ไม่เกิน 6.0 ต่อแสน
เวชที่รับดูแลผู้ป่วยภายใน 3-5 วัน ในโรงพยาบาล ประชากร ใน พ.ศ. 2564)
ระดับ A จานวน 34 แห่ง ก่อนส่งไปรักษาต่อใน
9) พัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาอายรุ กรรม
ภาวะติดเช้ือในกระแสเลือด (sepsis) เป็นปัญหาทาง
สาธารณสุขที่สาคัญของประเทศไทยเนื่องจากเป็นภาวะที่รุนแรง
มีลักษณะอาการของโรคท่ีดาเนินอย่างรวดเร็ว และมีอัตราการ
เสียชีวิตสูงในโรงพยาบาลของประเทศไทย ปัจจุบัน อุบัติการณ์
และอัตราตายของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดมีแนวโน้มเพิ่มมาก
ขึ้น โดยอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากการติดเชื้อในกระแสเลือด
แบบรุนแรงชนิด Community Acquired Sepsis มีแนวโน้ม
คงท่ีอยู่ระหว่าง ร้อยละ 32.3-34.8 ใน พ.ศ. 2560-2562 ต่ากว่า
คา่ เป้าหมายระดับเสีย่ ง (< ร้อยละ 24 ใน พ.ศ. 2564)
76
รายงานผลการพัฒนาครึ่งแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
10) พัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาออร์โธปดิ กิ ส์
ภาวะกระดูกสะโพกหักเป็นภาวะทางออร์ ในโรงพยาบาลระดับ S ได้ ร้อยละ 100 (50 แห่ง
โธปิดกิ ส์ ที่มสี ถิติอนั ดับหนงึ่ ของการนอนโรงพยาบาล จาก 50 แห่ง) บรรลุค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 40 ของ
ในผปู้ ว่ ยสงู วัย ซ่ึงพบอัตราการเกิดกระดูกสะโพกหัก โรงพยาบาลระดับ S ที่มีทีม Capture the fracture)
ซ้าซ้อนในผู้ป่วยกลุ่มนี้สูงถึงร้อยละ 30 กระทรวง และได้ขยายการสร้างทีมไปสู่โรงพยาบาลชุมชน
สาธารณสขุ มกี ารจัดต้งั ทีม Capture the fracture M1, M2 รอ้ ยละ 80.8 (97 แหง่ จาก 120 แหง่ )
11) พฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาโรคหวั ใจ
โรคหัวใจและหลอดเลือดกาลังเป็นปัญหา ใน พ.ศ. 2556 เป็น 690 แห่ง ใน พ.ศ. 2562 การ
สาธารณสุขในระดับโลกและประเทศไทย จากสถิติ ตรวจสวนหัวใจและการขยายหลอดเลือดหัวใจใน
องค์การอนามัยโลก พ.ศ. 2559 พบมีผู้เสียชีวิตจาก โรงพยาบาลระดับ A รวม 30 แห่ง และจัดต้ังคลินิก
โรคหลอดเลือดหวั ใจ 17.7 ล้านคนต่อปี คิดเป็นร้อย หัวใจล้มเหลว (Heart failure Clinic) ในโรงพยาบาล
ละ 31 ของสาเหตุการตายท้ังหมด ซ่ึงเป็นสาเหตุ ระดบั A และ S จานวน 64 แห่ง จาก 119 แห่ง ต่า
การตายอนั ดับหน่ึงของโลก กระทรวงสาธารณสุขจึง กว่าค่าเป้าหมายระดับเสี่ยง (119 แห่ง) ผู้ป่วยโรค
ได้ดาเนินการขยายบริการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจโดย กล้ามเน้ือหัวใจตายเฉียบพลัน (STEMI) ได้รับยา
ให้บริการผ่าตัดโรคหัวใจเพ่ิมขึ้น จาก 12 แห่ง ใน ละลายลิ่มเลือด จานวน 2,279 คน ส่งผลให้อัตรา
พ.ศ. 2556 เป็น 24 แห่ง ใน พ.ศ. 2561 มีการ ตายของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ คงท่ีระหว่าง
กาหนดช่องทางดว่ น (Fast track) เพ่อื ลดระยะเวลา 31.4-31.8 ต่อแสนประชากร ใน พ.ศ. 2560-2562
และขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วยให้รวดเร็ว ทันเวลา ต่ากว่าเป้าหมายระดับเสี่ยง (ไม่เกิน 24 ต่อแสน
ส่งเสริมให้โรงพยาบาลชุมชนตั้งแต่ระดับ 30 เตียง ประชากร)
ขึ้นไป ให้ยาละลายล่ิมเลือดเพ่ิมขึ้นจาก 460 แห่ง
12) พฒั นาระบบบริการสขุ ภาพ สาขาโรคมะเรง็
โรคมะเร็ง ถือว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิต สาหรับอัตราตายจากโรคมะเร็งปอด คงท่ีระหว่าง
อันดับหน่ึงของคนไทย และมีแนวโน้มการเกิดโรค 21.0-21.4 ต่อแสนประชากร ใน พ.ศ. 2560-2562
เพิ่มขึน้ พบผปู้ ่วยรายใหม่ประมาณ 120,000 คนต่อ ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (19 ต่อแสนประชากร ใน พ.ศ.
ปี ปัจจัยเสี่ยงท่ีทาให้เกิดโรคมะเร็งมาจากสิ่งแวดล้อม 2564) ในส่วนของการรักษามะเร็ง 5 อันดับแรก
ภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนใน ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้าดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้า
อาหาร อากาศ เครื่องดื่ม เป็นต้น รวมถึงปัจจัย นม มะเร็งลาไส้ใหญ่และทวารหนัก และมะเร็งปาก
ภายในร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม มดลูก โดยทั่วไปมีการรักษา 3 วิธี ได้แก่ การรักษา
ความบกพร่องของภูมิคุ้มกันและภาวะทุพโภชนาการ ด้วยการผ่าตัด การรักษาด้วยเคมีบาบัด และการ
โดยพบอัตราตายของโรคมะเร็งทุกชนิด ใน พ.ศ. รักษาด้วยรังสีรักษา ภายในระยะเวลาที่กาหนด ต่า
2562 เป็น 118.3 ต่อแสนประชากร อัตราตายจาก กว่าค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 85 ของผู้ป่วยมะเร็ง 5
โรคมะเร็งตับ ลดลงจาก 25.1 ต่อแสนประชากร ใน อันดับแรก ได้รับการรักษาภายในระยะเวลาที่
พ.ศ. 2560 เป็น 21.6 ต่อแสนประชากร ใน พ.ศ. กาหนด ใน พ.ศ. 2564) ดังตารางท่ี 4.28, ตารางที่
2562 บรรลคุ า่ เปา้ หมาย (23.7 ต่อแสนประชากร) 4.29 และ ตารางท่ี 4.30
77
รายงานผลการพฒั นาครึ่งแผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางที่ 4.28 ร้อยละของผปู้ ว่ ยมะเรง็ ทไี่ ดร้ บั การรกั ษาดว้ ยการผ่าตัดภายในระยะเวลา 4 สปั ดาห์
พ.ศ. จานวนผ้ปู ว่ ยมะเรง็ ผูป้ ่วยมะเร็งไดร้ ับการรกั ษาด้วย คดิ เปน็ ร้อยละ
รกั ษาดว้ ยการผา่ ตดั
การผ่าตดั ภายในระยะเวลา 4 79.0
2560 - 72.1
2561 13,312 สปั ดาห์ 70.8
2562 13,097 -
ที่มา : กรมการแพทย์ 9,597
9,268
ตารางที่ 4.29 รอ้ ยละของผู้ปว่ ยมะเรง็ ทไ่ี ด้รบั การรกั ษาดว้ ยเคมีบาบัดภายในระยะเวลา 6 สปั ดาห์
พ.ศ. จานวนผู้ป่วยมะเรง็ ผู้ปว่ ยมะเร็งได้รบั การรกั ษาดว้ ย คดิ เป็นร้อยละ
รกั ษาดว้ ยเคมีบาบัด
เคมีบาบัดภายในระยะเวลา 6 81.9
2560 - 73.5
2561 17,961 สปั ดาห์ 70.6
2562 17,711 -
ทม่ี า : กรมการแพทย์ 13,203
12,496
ตารางที่ 4.30 รอ้ ยละของผ้ปู ่วยมะเร็งท่ไี ดร้ บั การรกั ษาดว้ ยรังสรี ักษาภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์
พ.ศ. จานวนผู้ปว่ ยมะเร็ง ผ้ปู ่วยมะเร็งได้รบั การรกั ษาด้วย คดิ เปน็ รอ้ ยละ
รักษาด้วยรังสีรักษา รงั สรี ักษาภายในระยะเวลา 6
สปั ดาห์
2560 - - 74.6
2561 7,787 4,102 52.7
2562 9,526 5,239 55.0
ที่มา : กรมการแพทย์
13) พัฒนาระบบบริการสขุ ภาพ สาขาโรคไต
คนไทยป่วยด้วยโรคไตประมาณ 8 ล้าน ระดับ จานวน 858 แห่ง จัดระบบบริการเพื่อเพิ่ม
คน ในจานวนน้ีประมาณ 100,000 คน ป่วยระยะ การคัดกรองโรคไตในผู้ป่วยเบาหวานและความดัน
สุดท้ายและต้องรับการบาบัดทดแทนไตด้วยการ โลหิตสูง พบวา่ ผ้ปู ว่ ยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ท่ีมี
ฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง ซ่ึงต้องใช้ อัตราการลดลงของ eGFR<4 ml/min /1.73 m2/yr
งบประมาณในการดูแลรักษากว่าสองพันล้านบาท ลดลงจากร้อยละ 63.1 ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ
ต่อปี และมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นต่อเน่ืองประมาณ 60.3 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย (ร้อยละ
15-20% กระทรวงสาธารณสุขได้จัดต้ังคลินิก CKD 69 ใน พ.ศ. 2564) ดังตารางท่ี 4.31
(Chronic Kidney Disease) ในโรงพยาบาลทุก
78
รายงานผลการพัฒนาคร่ึงแผนยุทธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
ตารางท่ี 4.31 รอ้ ยละของผู้ปว่ ยโรคไตเรือ้ รงั ทมี่ ีอตั ราการลดลงของ eGFR<4 ml/min/1.73 m2/yr
พ.ศ. ผูป้ ว่ ย CKD ผูป้ ่วยที่มีอัตราลดลงของ eGFR<4 ml/min/1.73 m2/yr คิดเปน็ ร้อยละ
2560 604,189 381,185 63.1
2561 330,600 197,507 59.7
2562 404,007 243,653 60.3
ทม่ี า : กรมการแพทย์
14) พฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาจกั ษวุ ทิ ยา
จากการสารวจพบว่าประชากรไทยมี จะพบในผู้สูงอายุ หากไม่ได้รับการรักษา ปล่อยทิ้ง
ความชุกภาวะตาบอดร้อยละ 0.59 สาเหตุสาคัญ ไว้จะนาไปสู่ภาวะตาบอด พบว่า ผู้ป่วยต้อกระจก
ของภาวะตาบอดคือ ต้อกระจก ร้อยละ 51.0 ต้อ ชนิดบอด (Blinding Cataract) ได้รับการผ่าตัด
หิน ร้อยละ 9.8 ภาวะตาบอดในเด็ก ร้อยละ 5.7 ภายใน 30 วัน คงท่ีระหว่าง 83.5-84.6 ใน พ.ศ.
เบาหวานเข้าจอตา ร้อยละ 2.5 กระจกตาขุ่น 2560-2562 บรรลุค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 80)
ร้อยละ 2.0 โดยต้อกระจก (Cataracts) ส่วนมาก ดงั ตารางที่ 4.32
ตารางท่ี 4.32 ร้อยละของผ้ปู ว่ ยต้อกระจกชนิดบอด (Blinding Cataract) ได้รบั การผา่ ตัดภายใน
30 วนั พ.ศ. 2560-2562
พ.ศ. ผ้ปู ว่ ยตอ้ กระจกชนิดบอดทงั้ หมด ผู้ป่วยไดร้ บั การผ่าตดั คิดเปน็ รอ้ ยละ
2560 52,014 43,736 84.1
2561 47,552 40,248 84.6
2562 60,438 50,489 83.5
ทม่ี า : กรมการแพทย์
15) พัฒนาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาปลกู ถา่ ยอวยั วะ
ผู้ป่วยระยะสุดท้ายมีจานวนมากท่ีทุกข์ ครอบครัวและสังคมต่อไป กระทรวงสาธารณสุข
ทรมานจากการที่อวัยวะสาคัญ เช่น หัวใจ ตับ ไต พัฒนาให้มีศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะในโรงพยาบาล
ปอด ไม่สามารถทางานได้ตามปกติ วิธีรักษา ระดับเขต รวม 12 เขต มีศูนย์รับบริจาคอวัยวะใน
ทางการแพทย์ท่ีดีที่สุดสาหรับผู้ป่วยเหล่าน้ีคือ การ โรงพยาบาล 65 แห่ง โดยพบอัตราส่วนของจานวน
ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ด้วยอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธา ผู้ยินยอมบริจาคอวัยวะต่อจานวนผู้ป่วยเสียชีวิตใน
ซ่ึงได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะหรือได้ โรงพยาบาล เพ่ิมขึ้นเล็กน้อย จากร้อยละ 0.2 ใน
จากญาติท่ีมีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะของ พ.ศ. 2561 เป็นร้อยละ 0.3 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่า
บุคคลนั้น เพอ่ื ช่วยเหลอื ผอู้ ื่นมาปลูกถ่าย จึงจะช่วย คา่ เป้าหมายระดับวกิ ฤต (รอ้ ยละ 1 ใน พ.ศ. 2564)
ให้ผู้ป่วยในระยะสดุ ท้ายมีชีวิตอยู่ เป็นประโยชน์ต่อ
79
รายงานผลการพฒั นาคร่งึ แผนยทุ ธศาสตรก์ ระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
16) พฒั นาระบบบรกิ ารรกั ษาผปู้ ่วยยาเสพติด
ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหายาเสพติด ร้อยละ 53.6 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมาย
มาช้านาน โดยสภาพปัญหาได้เปลี่ยนแปลงไปตาม ระดับเส่ียง (ร้อยละ 76 ใน พ.ศ. 2564) สาหรับ
สถานการณ์ของโลกในยุคปัจจุบัน เด็กและเยาวชน ผู้ป่วยยาเสพติดท่ีบาบัดครบตามเกณฑ์ท่ีกาหนด
เริ่มใช้ยาเสพติดมีอายุน้อยลง พบว่าผู้ใช้ผู้เสพที่ และได้รับการติดตามดูแลต่อเนื่อง 1 ปี ลดลง จาก
บาบัดครบตามเกณฑ์ท่ีกาหนดของแต่ละระบบ ร้อยละ 74.9 ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 41.2 ใน
หยุดเสพต่อเน่ืองหลังจาหน่ายจากการบาบัด 3 พ.ศ. 2562 ต่ากว่าค่าเป้าหมายระดับเสี่ยง (ร้อยละ
เดือน ลดลงจาก ร้อยละ 94.1 ใน พ.ศ. 2560 เป็น 80 ใน พ.ศ. 2564) ดงั ตารางท่ี 4.33
ตารางท่ี 4.33 ร้อยละของผู้ใช้ ผ้เู สพ ทีบ่ าบัดครบตามเกณฑ์ที่กาหนด พ.ศ. 2560-2562
ตัวช้วี ดั /เป้าหมาย หนว่ ยวัด ผลการดาเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ.
2560 2561 2562
ผใู้ ช้ ผู้เสพ ท่ีบาบดั ครบตามเกณฑ์ท่ีกาหนดของแตล่ ะระบบ ร้อยละ
หยุดเสพตอ่ เน่อื งหลังจาหนา่ ยจากการบาบดั 3 เดือน รอ้ ยละ 94.1 64.7 53.6
ผู้ป่วยยาเสพตดิ ทบ่ี าบัดครบตามเกณฑ์ทก่ี าหนด และได้รับการ 74.9 48.6 41.2
ตดิ ตามดูแลตอ่ เนื่อง 1 ปี
ทีม่ า : ศนู ย์อานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ประมวลผลจากระบบขอ้ มลู การบาบัดรกั ษา
และฟ้นื ฟผู ้ตู ดิ ยาเสพติดของประเทศ
17) พฒั นาระบบบริการสขุ ภาพ สาขาศลั ยกรรม
ในปัจจุบันการรักษาโรคท่ีต้องใช้การผ่าตัด เพม่ิ ข้ึนจาก 3,718 ราย ใน พ.ศ. 2561 เป็น 9,688
ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวก่อนผ่าตัด และหลังผ่าตัด ต้อง ราย ใน พ.ศ. 2562 ถือว่าบรรลุเป้าหมาย (ร้อยละ
นอนพักฟื้นต่อในโรงพยาบาล เพ่ือสังเกตและเฝ้า 15 ของผู้ป่วยท่ีเข้ารับการผ่าตัดแบบ ODS) สามารถ
ระวังภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาและการผ่าตัด ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย ใน
รวมถึงการจัดการความเจ็บปวดจากการผ่าตัด พ.ศ. 2561 จานวน 3,718,000 บาท ใน พ.ศ.
จนกระทั่งได้รับอนุญาตให้กลับบ้านโดยแพทย์ผู้ทา 2562 จานวน 9,688,000 บาท และลดวันนอนใน
การผา่ ตัด ทาให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา โรงพยาบาล 7,436 วัน ใน พ.ศ. 2561 และ
ท่ีสูงมาก กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีการพัฒนา 19,376 วัน ใน พ.ศ. 2562
ระบบการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับ (One Day นอกจากน้ี กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนา
Surgery : ODS) คอื ผูป้ ่วยเตรียมตัวกอ่ นการผ่าตัด ระบบบริการการผ่าตัดที่มีการทาลายเน้ือเยื่อน้อย
มาจากที่บ้านและมารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ซึ่ง (MinimallyInvasiveSurgery)ดาเนนิ การใน 1 กลุ่มโรค
หลังพักฟ้ืนจากการผ่าตัดไม่กี่ช่ัวโมง ผู้ป่วยสามารถ คือ โรคน่ิวในถุงน้าดีและถุงน้าดีอักเสบ มีผู้ป่วยเข้า
ชว่ ยเหลือตัวเองและกลบั บา้ นได้ภายในวันเดียว ลด รับการผ่าตัดจานวน 12,528 ราย ใน พ.ศ. 2562
ภาระค่าใช้จ่ายรวมท้ังการเสียรายได้และลดระยะ ประเมินไม่ได้เน่ืองจากไม่มีข้อมูลผู้ป่วยท้ังหมดท่ี
เวลารอคอยการรักษา ลดความแออัด ใน พ.ศ. วินิจฉัยว่าสามารถผ่าตัดแบบ MIS ได้ (ร้อยละ 25
2561 ดาเนินการใน 12 กลุ่มโรค และเพิ่มเป็น 24 ของผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดแบบ MIS จานวน 2
กลุ่มโรค ใน พ.ศ. 2562 บรรลุเป้าหมาย (หัตถการ กลุ่มโรค และเพิ่มหัตถการอย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อ
เพ่มิ ข้ึนร้อยละ 5 ตอ่ ปี) มผี ปู้ ว่ ยทไ่ี ด้รับการผา่ ตัด ปี)
80
รายงานผลการพัฒนาคร่ึงแผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2560-2564
18) พฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาอบุ ตั เิ หตแุ ละฉกุ เฉนิ
สถานการณ์การพัฒนาระบบการแพทย์ เปน็ 1,794,563 ราย ใน พ.ศ. 2562 และผู้ป่วยฉุกเฉินท่ีมา
ฉุกเฉินของประเทศไทย พบว่ามีผู้ป่วยท่ีใช้บริการห้อง ด้วยระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เพ่ิมขึ้นจากร้อยละ 18.9
ฉุกเฉินปี 2544 ประมาณ 12 ล้านครั้ง โดยเป็นผู้ป่วย ใน พ.ศ. 2560 เป็นร้อยละ 22.5 ใน พ.ศ. 2562 ต่ากว่า
ฉกุ เฉินประมาณร้อยละ 30 หรือ 4 ล้านครั้ง คาดประมาณ ค่าเป้าหมายระดับเส่ียง (ร้อยละ 30 ใน พ.ศ. 2564) และ
ว่าผู้ป่วยฉุกเฉิน เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล ปีละประมาณ พบว่าอัตราการเสียชีวิตผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต ภายใน
60,000 คน กระทรวงสาธารณสุขให้ความสาคัญในการลด 24 ชั่วโมง ร้อยละ 2.0 ใน พ.ศ. 2561 เป็น ร้อยละ 5.7 ใน
อัตราการเสียชีวิตในกลุ่มโรคฉุกเฉิน จึงได้พัฒนาระบบ พ.ศ. 2562 บรรลุค่าเป้าหมาย (น้อยกว่าร้อยละ 12)
บริการการแพทย์ฉุกเฉินและระบบส่งต่อ โดยการพัฒนา นอกจากนี้ได้มีการพัฒนาโรงพยาบาลระดับ A และ S
ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินคุณภาพ (Emergency Room : สามารถทาการรักษาโดยการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ
ER) ในโรงพยาบาลระดับ F2 ข้ึนไป ร้อยละ 58.2 ใน พ.ศ. จานวน 115 แห่ง ทาให้อัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยมี
2560 และมีระบบการรักษาพยาบาลฉุกเฉินคุณภาพ แนวโน้มสูงข้ึน อัตราตายของผู้ป่วยบาดเจ็บต่อสมอง
(Emergency Care System : ECS) ในโรงพยาบาลระดับ ลดลงจาก ร้อยละ 8.5 ใน พ.ศ. 2557 เป็นร้อยละ 6.8 ใน
F2 ข้ึนไป ร้อยละ 80.1 ใน พ.ศ. 2560 ส่งผลให้ประชาชน พ.ศ. 2558 และลดลงเหลือร้อยละ 2.9 ใน พ.ศ. 2561 และ
เข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินโดยการแจ้งผ่านหมายเลข จดั ใหม้ ี Burn Unit ในโรงพยาบาลศูนย์ จานวน 11 แหง่
1669 เพิ่มข้ึนจาก 1,579,743 ราย ใน พ.ศ. 2560
19) กัญชาทางการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ได้กาหนดให้มีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาการใช้กัญชาทาง
การแพทย์ (Medical Cannabis Service Plan) เพ่ือเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคให้กับประชาชนท่ี
เจ็บปว่ ยทรมานจากกลมุ่ โรคร้ายแรง เรื้อรัง และไม่ตอบสนองต่อการรักษา โดยจัดต้ังคลินิกบริการกัญชา
ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จานวน 222 แห่ง มีผู้มารับบริการ 2,194 คน
จานวน 4,687 คร้ัง จา่ ยยา 1,042 ขวด ใน พ.ศ. 2562
20) การพฒั นาพนื้ ท่ีเขตเศรษฐกจิ พเิ ศษ (Special Economic Zone : SEZ) และพื้นทร่ี ะเบยี ง
เศรษฐกจิ ภาคตะวนั ออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
จากนโยบายของรฐั บาลทป่ี ระกาศให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ ครอบคลุมพ้ืนท่ี 10 จังหวัดชายแดน
และเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ครอบคลุม 3 จังหวัด
เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดภัยคุกคามกับส่ิงแวดล้อมและมลภาวะ
ต่างๆ มากข้ึน เช่น ปัญหาสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม ปัญหามลภาวะท่ีเป็นพิษ และปัญหาจากการ
เคล่ือนย้ายของแรงงานข้ามชาติ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงจาเป็นต้องมีการจัดบริการอาชีวอนามัย
และส่ิงแวดล้อม เน้นการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคและภัยสุขภาพจากการประกอบอาชีพและส่ิงแวดล้อม ผล
การดาเนนิ งาน ใน พ.ศ. 2562 ในเขตเศรษฐกิจพเิ ศษ (SEZ และ EEC) พบว่า รพศ./รพท. และ รพช. ผ่าน
เกณฑ์มาตรฐานการจัดบริการอาชีวอนามัยและส่ิงแวดล้อมระดับเร่ิมต้น จานวน 59 แห่ง จาก 62 แห่ง
คิดเป็นร้อยละ 95.2 บรรลุค่าเป้าหมาย (ร้อยละ 95) โดยพ้ืนที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก มีการ
จัดบริการอาชีวอนามัยและเวชกรรมส่ิงแวดล้อมใน รพศ./รพท. และ รพช. ผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับ
เร่ิมต้นพัฒนา 16 แห่ง ระดับดี 2 แห่ง ระดับดีมาก 6 แห่ง และระดับดีเด่น 6 แห่ง และในพ้ืนที่เขต
เศรษฐกิจพิเศษมีการจัดบริการอาชีวอนามัยและเวชกรรมส่ิงแวดล้อมใน รพศ./รพท. และ รพช. ผ่าน
เกณฑม์ าตรฐานระดับเรม่ิ ตน้ พฒั นา 20 แหง่ ระดับดี 1 แห่ง และระดบั ดีเด่น 8 แหง่
81
ตารางท่ี 4.34 ตารางเปา้ หมายตวั ชว้ี ดั แผนยทุ ธศาสตร์กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2560-2564 ด้านบ
เปา้ หมายการพัฒนา ตวั ชว้ี ัด/เปา้ หมาย
1) มีหมอครอบครัวดแู ลประชาชนทุกครัวเรือน มีคลินิกหมอครอบครัวที่เปิดด้าเนินการในพืนท่ี
เป้าหมายการด้าเนินงานในระยะ 10 ปี (พ.ศ. 3,250 ทมี
2560-2569) จัดตังคลนิ กิ หมอครอบครัว 6,500 ทีม ผ้ปู ว่ ยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดบั นา้ ตาลได้
เพื่อให้ประชาชนทกุ คนมแี พทย์เวชศาสตรค์ รอบครัว ≥ 40 %
และทมี สหวชิ าชพี ดูแลประชาชนทุกคน
2) มรี ะบบบรกิ ารสขุ ภาพทีไดค้ ุณภาพมาตรฐาน
จา้ นวนผ้ปู ่วยโรคไม่ติดต่อเรือรงั ลดลง
82 ผ้ปู ว่ ยโรคความดนั โลหติ สงู สามารถควบคมุ ระดบั
ความดนั โลหติ ได้ ≥ 50%
ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูงท่ีขึนทะเบียน
ไดร้ ับการประเมนิ โอกาสเสีย่ งตอ่ โรคหวั ใจและหลอด
เลือด (CVD Risk) ได้ ≥ 90 %
อัตราตายของผูป้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมอง (I60-I69)
นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 7
1. ผู้ป่วยได้รับยาท่ีเหมาะสมกับปัญหาสุขภาพ โดย RDU ขนั ที่ 3 ≥ ร้อยละ 80
ใช้ยาในขนาดท่ีเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายด้วย ขันท่ี 1
ระยะเวลาการรักษาท่ีเหมาะสม และมีค่าใช้จ่ายต่อ
ผ้ปู ่วยและชุมชนนอ้ ยทสี่ ุด
2. ลดอัตราการป่วยจากการตดิ เชือดือยาต้านจลุ ชีพ
บรกิ ารเปน็ เลศิ (Service Excellence)
ผลการด่าเนนิ งานตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2560-2564 ผลการประเมิน
2560 2561 2562 ครึงแผนเมอื เทียบกบั
เปา้ หมายแผนยทุ ธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.
2560-2564
424 จาก 596 ทมี 806 จาก 845 ทีม 1,180 จาก 3,250 ทีม ต่้ากวา่ ค่าเป้าหมาย
ระดบั วกิ ฤต
(รอ้ ยละ 36.3)
รอ้ ยละ 23.0 ร้อยละ 26.9 รอ้ ยละ 28.3 ต้า่ กว่าคา่ เปา้ หมาย
(611,252 จาก (746,328 จาก (820,574 จาก ระดบั เสี่ยง
2,657,984 คน) 171,475 คน) 2,897,164 คน) (ร้อยละ 70.8)
รอ้ ยละ 36.4 ร้อยละ 41.7 ร้อยละ 44.2
(2,036,897 จาก (2,440,281 จาก (2,686,112 จาก ต่้ากว่าคา่ เปา้ หมาย
5,598,872 คน) 5,851,668 คน) 6,084,195 คน) (ร้อยละ 88.4)
รอ้ ยละ 74.8 ร้อยละ 85.5 รอ้ ยละ 88.6
(1,972,275 จาก (2,036,097 จาก (2,171,745 จาก ต่้ากว่าค่าเป้าหมาย
2,638,138) ราย) 2,380,286 ราย) 2,451,419 ราย) (รอ้ ยละ 98.4)
ร้อยละ 8.7 ร้อยละ 8.1 รอ้ ยละ 7.9 ต่้ากว่าคา่ เปา้ หมาย
(11,578 จาก (11,077 จาก (11,516 จาก (ร้อยละ 87.1)
1,133,049 ราย) 136,367 ราย) 145,985 ราย)
ตา่้ กวา่ ค่าเปา้ หมาย
- - - ระดับวกิ ฤต (ต่้ากวา่
ร้อยละ 50 ของค่า
รอ้ ยละ 61.5 ร้อยละ 85.8 รอ้ ยละ 99.8
(535 จาก 870 แห่ง) (767 จาก 894 แห่ง) (894 จาก 896 แห่ง) เป้าหมาย)
-