วชริ าวธุ วิทยาลัย
แบบเรยี น ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 วชิ าสงั คมศกึ ษา 6 ส 16101
กลุม่ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สาระภูมิศาสตร์
เครื่องมือทางภูมศิ าสตร์
เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ส่ิงท่ีใช้ในการศึกษาข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เกี่ยวกับ
ตาแหนง่ ท่ีตง้ั การกระจาย ขอบเขต ความหนาแนน่ ของข้อมลู และปรากฏการณต์ า่ ง ๆ
เครอ่ื งมือทางภูมศิ าสตร์ อาจจาแนกกว้างๆ ไดเ้ ปน็ 2 กล่มุ คอื
1. ประเภทเคร่อื งมือและอปุ กรณ์ เชน่
1.1 เข็มทิศ เข็มทิศเป็นเครื่องมือพื้นฐานชนิดหน่ึงที่ใช้ในการศึกษาภูมิศาสตร์ เป็น
อุปกรณ์ที่นามาใช้หาทิศทาง เข็มทิศมีหลายชนิดและหลายรูปแบบ แต่มีหลักการในการทางาน
เหมือนกัน คือ เข็มบอกทิศ (เข็มแม่เหล็ก) ซ่ึงแกว่งไกวได้อิสระ จะทาปฏิสัมพันธก์ ับแรงดึงดดู ของ
ขั้วแมเ่ หลก็ โลก โดยปลายข้างหนึ่งของเข็มบอกทศิ จะชี้ไปทางทศิ เหนือเสมอ และส่วนปลายอกี ข้าง
หนงึ่ จะชไ้ี ปทางทิศใต้
เขม็ ทิศดา้ นสีแดงจะช้ีไป
ทางทิศเหนือ
แป้นองศาหมนุ ได้
ลูกศรแสดงทิศทางท่ีจะ เลนส์นูน
เดินไป
1.2 เครื่องวัดระยะทางในแผนที่ เป็น
เคร่ืองมือท่ีเหมาะสาหรับวัดระยะทางคดเคี้ยวไป
มา และทาให้ค่าความคาดเคล่ือนน้อย ลักษณะ
ของเคร่ืองมือประกอบด้วยลูกกลิ้งท่ีปลายติดกับ
ล้อท่ีเป็นหน้าปัดแสดงระยะทาง บนหน้าปัดมีเข็ม
เล็กๆคล้ายเข็มนาฬิกา เข็มจะวิ่งไปตามระยะที่
ลกู กลิง้ หมุนไปมีด้ามสาหรับจับ
1.3 กล้องสามมิติ เป็นเครื่องมือสาหรับ
มองภาพสามมิติ กล่าวคือ สามารถมอง
ความสูง-ต่าของภูมิประเทศในลักษณะ
สามมิติ ประกอบด้วยเลนส์ 2 อัน ซ่ึง
ส า ม า ร ถ ป รั บ ใ ห้ เ ท่ า กั บ ร ะ ย ะ ห่ า ง ข อ ง
สายตาผู้มองได้ ในการมองจะต้องวางภาพให้อยู่ในแนวเดียวกันและต้องเป็นภาพท่ีทาการถ่าย
ต่อเนื่องกัน ซึ่งแต่ละภาพจะมีรายขอบที่ทับกันหรือซ้อนกัน โดยพื้นที่ของภาพในแนวนอนให้ชาย
ขอบของภาพมพี น้ื ทท่ี ับซอ้ นกันประมาณรอ้ ยละ 60 และในแนวตง้ั รอ้ ยละ 20
1.4 บารอมเิ ตอร์ (barometer) เป็นเคร่ืองมือวดั ความกด
อากาศทน่ี ยิ มใช้ มี 3 ชนดิ คอื
1. 4. 1 บ า ร อ มิ เ ต อ ร์ แ บ บ ป ร อ ท ( mercury
barometer) เป็นบารอมิเตอร์มาตรฐานท่ีใช้กันอยู่ท่ัวไป
หน่วยท่ีใช้วัดความกดของอากาศ คือ มิลลิเมตรของปรอท
และมิลลิบาร์
1.4.2 บารอมิเตอร์แบบตลับ หรือแบบแอนิรอยด์
(aneroid barometer) ประกอบด้วยตลับโลหะบางๆ ท่ีสูบ
อากาศออกเกือบหมด ตรงกลางตลับมีสปริงต่อไปยังคาน
และเข็มชี้ เมื่อความกดอากาศเปล่ียนแปลงตลับโลหะจะ
พองหรือแฟบลง ทาให้สปริงดึงเข็มชี้ท่ีหน้าปัดตามความกด
อากาศ
1.4.3 บารอกราฟ (barograph) ใช้
หลักการเดียวกันกับบอรอมิเตอร์แบบ
ตลับ แต่ต่อแขนปากกาให้ไปขีดบน
กระดาษกราฟท่ีหุ้มกระบอกหมุนท่ีหมนุ
ดว้ ยนาฬกิ า จึงบนั ทึกความกดอากาศ
1.5 เทอร์โมมเิ ตอร์ เครื่องมอื วดั อุณหภมู ิ
อากาศ
1.6 มาตรวัดลม เป็นเครื่องมือวัดความเร็วของลม ที่นิยมใช้กัน
มากเป็นมาต รวัด ลม แ บบรูปถ้ วย ( cup annemometer)
ประกอบด้วยลูกถ้วยทรงกรวย 3 หรือ 4 ใบ มีแขนยึดติดกับแกน
ซึ่งอยู่ในแนวด่ิง และติดอยู่กับเคร่ืองอ่านความเร็ว ลูกถ้วยจะ
หมุนรอบเพลาตามแรงลม จานวนรอบหมุนจะเปลี่ยนเป็น
ระยะทาง โดยมีหน่วยเป็นกิโลเมตรหรือไมล์ อ่านได้จากหน้าปัด
ของเครื่องอ่านความเรว็
1.7 เครื่องวัดน้าฝน เคร่ืองวัดฝนเป็นเครื่องมือท่ีช่วยใน
การวัดปริมาณน้าฝน โดยใช้อุปกรณ์ท่ีมีลักษณะเป็นรูป
ทรงกระบอก มีกรวยต่อภาชนะรองรับ ภายในปากภาชนะ
รองรับมีขนาดแคบและพอดีกับกรวยเพื่อลดการสูญเสีย
เนอ่ื งจากการระเหย พืน้ ท่ีหนา้ ตัดของถงั รองรับน้าฝนมขี นาด
ตั้งแต่ 200-500 ตารางเซนติเมตร ปากถังมีลักษณะด้านใน
อยู่ในแนวตั้ง ส่วนด้านนอกจะลาดเอียงออกไป ด้านในของที่
รับนา้ ฝนถกู ออกแบบเพอื่ ปอ้ งกันการระเหยของน้าฝนออกไป
ข้างนอก การวัดปริมาณน้าฝนอาจใช้ถ้วยตวงหรือหย่อนไม้ท่ี
มมี าตรวดั ลงในขวดแกว้ รบั น้าฝน
1.8 ลูกโลก ลูกโลก คือ หุ่นจาลองของโลก สร้างด้วย
วัสดุต่างๆ เช่น กระดาษ ยาง พลาสติก เพื่อใช้ใน
การศึกษาภูมิศาสตร์ ลูกโลกช่วยให้มองเห็นภาพรวม
ของโลก โดยมีหลากหลายแบบตามวัตถุประสงค์ของ
การแสดงข้อมูล เช่น ลูกโลกท่ีแสดงรายละเอียดของ
ทวปี ประเทศ ทีต่ ้งั ของเมอื งหลวง หรือ ลูกโลกทแ่ี สดง
รายละเอียดของเส้นเมอริเดียนเพ่ือบอกพิกัดทาง
ภมู ิศาสตร์
2. ประเภทใหข้ อ้ มลู ไดแ้ ก่
1. แผนที่ เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ท่ีให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดพ้ืนท่ี ข้อมูลต่าง ๆ ทั้ง
ตาแหน่งของสถานที่ ลักษณะทางธรรมชาติของพื้นที่ และลักษณะภูมิประเทศ โดยนามาย่อ
สัดส่วนให้อยู่กระดาษ ยาง หรือแผ่นพลาสติก มีความแตกต่างจากลูกโลกเน่ืองจากจะแสดงข้อมูล
ในเชงิ พ้ืนราบ
ตวั อย่างแผนทโ่ี ลก
2. รูปถ่ายทางอากาศ เป็นรูปภาพแสดงภูมิประเทศที่
ปรากฏบนพ้ืนผิวโลก ถ่ายโดยใช้กล้องถ่ายรูปติดไว้กับเครื่องบิน
อากาศยานไรค้ นขบั (โดรน) มปี ระโยชนท์ าให้เราเหน็ ภาพรวมของ
พ้ืนท่ีที่เป็นบริเวณกว้าง ส่วนหน่วยงานที่จัดทารูปถ่ายทางอากาศ คือ
กรมแผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม
หลักการแปลความหมายจากรูปถ่ายทางอากาศ มหี ลกั การ ดงั น้ี
1. ความแตกต่างของความเข้มของสี วัตถุต่างชนิดกันจะมีการสะท้อนคลื่นแสง
ต่างกนั เชน่ ดินแหง้ ทไ่ี มม่ ีต้นไมป้ กคลุมจะสะทอ้ นคลื่นแสงมาก จงึ มีสีขาว น้าดูดซับเคลือ่ นแสง
มากจะสะท้อนคลื่นแสงน้อย จงึ มสี ดี า บ่อน้าต้นื หรือมตี ะกอนมากจะสะท้อนคล่นื แสงได้ดีกว่าบ่อ
นา้ ลกึ หรือเป็นนา้ ใส ปา่ ไม้หนาทึบจะสะท้อนคล่ืนแสงน้อยกว่าป่าไม้ถูกทาลาย ดังน้นั ป่าไมแ้ นน่
ทบึ จงึ มีสเี ข้มกว่าปา่ ถูกทาลาย เปน็ ต้น
2. ขนาดและรูปร่าง เช่น สนามฟุตบอลรปู สี่เหล่ยี มผืนผ้าขนาดใหญ่ เปน็ ตน้
3. เน้ือภาพและรูปแบบ เช่น ป่าไม้ธรรมชาติจะมีเรือนยอดเป็นจุดเล็กบ้างใหญ่บ้างมี
ระดับสูงต่า และไม่เรียงเป็นระเบียบ ส่วนป่าปลูกจะมีเรือนยอดสูงใกล้เคียงกันและเรียงเป็น
ระเบียบ เปน็ ตน้
4. ความสูงและเงา ในกรณีท่ีวัตถุมีความสงู เชน่ ต้นไมส้ งู ตกึ สงู เป็นต้น เมอ่ื ถ่ายรูป
ทางอากาศในระดบั ไม่สูงมาก และเป็นช่วงเวลาเช้า หรอื เวลาบา่ ยจะมเี งา ทาให้ชว่ ยในการแปล
ความหมายได้ดี
5. ต้าแหน่งและความสัมพันธ์ เช่น เรือในแม่น้า เรือในทะเล รถยนต์บนถนน ต่าง
แสดงตาแหน่งความสมั พนั ธ์ซึ่งกันและกนั เปน็ ต้น
6. ข้อมูลประกอบ เช่น ใช้แผนท่ีการใช้ท่ีดิน แผนที่ป่าไม้ประกอบการแปลความหมาย
ด้านการใช้ที่ดินและปา่ ไม้ เปน็ ตน้
7. การตรวจสอบข้อมูล ผูแ้ ปลจะตอ้ งมคี วามรทู้ ่จี ะนาองค์ประกอบมาผสมผสานกนั การ
ตรวจสอบข้อมูลภาคสนามจะ
ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร แ ป ล ค ว า ม ห ม า ย
ถูกต้องแม่นยา แต่รูปถ่ายทาง
อากาศที่ถ่ายในช่วงปีที่แตกต่าง
กันจะช่วยทาให้เห็นลักษณะการ
ใ ช้ ที่ ดิ น ท่ี มี ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง
ตลอดเวลา ท้ังโดยกิจกรรมของ
มนุษย์และตามสภาพธรรมชาติ
ตัวอย่าง รปู ถา่ ยทางอากาศ
จ.พระนครศรีอยธุ ยา
ประโยชนข์ องภาพถ่ายทางอากาศ มดี ังน้ี
1. ทาให้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงในลักษณะทางกายภาพของพ้ืนท่ีต่าง ๆ โดย
เปรียบเทียบจากรูปถ่ายที่ถ่ายในระยะเวลาแตกต่างกัน เช่น การสูญเสียพื้นท่ีป่าชายเลน การ
พงั ทลายของตลิง่ ริมแม่นา้ ท่ีเกดิ จากการกดั เซาะของคลื่น และการขยายตัวของชมุ ชนเมอื งเข้าไปใน
พน้ื ทเี่ กษตรกรรม
2. การวางแผนพฒั นาการใชท้ ี่ดนิ โดยนารูปถา่ ยทางอากาศไปใช้เพ่ือจัดทาแผนทแี่ ละ
จาแนกประเภท การใช้ที่ดินของประเทศ โดยกาหนดโซนหรือแบง่ พื้นท่เี ปน็ เขตอตุ สาหกรรม
เขตเกษตรกรรม และเขตชมุ ชนที่อยอู่ าศยั
3. การอนรุ กั ษ์พื้นทปี่ ่าไม้ รูปถ่ายทางอากาศทาให้ทราบถงึ สภาพความอดุ มสมบูรณ์ของป่า
ไม้ในพ้ืนท่ี ตา่ ง ๆ เพ่ือกาหนดแนวทางการอนรุ ักษ์และพฒั นาต่อไป
การศกึ ษาข้อมลู จากรูปถ่ายทางอากาศ ทาได้ 2 วิธี คือ ศึกษาดว้ ยตาเปล่า ศกึ ษาด้วย
กล้องสามมติ ิ (คอื การนารูปถา่ ยทางอากาศ 2 ใบ ที่ถา่ ยตอ่ เนอ่ื งกันมาวางหา่ งกนั เลก็ นอ้ ย เวลา
สอ่ งกลอ้ งภาพจะลอยข้ึนเปน็ แบบ 3 มิติ ทาให้เราสามารถศึกษาบริเวณภูมปิ ระเทศท่ีมคี วามสูงตา่
เชน่ ภเู ขา หุบเขา เปน็ ตน้ ) เนอื่ งจากรูปถา่ ยทางอากาศไมม่ ีคาอธบิ ายใด ๆ ทั้งสนิ้ จึงควรศกึ ษา
ควบคู่กบั แผนท่ดี ว้ ยจะทาให้เขา้ ใจงา่ ย
3. ภาพจากดาวเทยี ม
ภาพถ่ายดาวเทยี มเปรียบเทยี บกอ่ นและหลงั เกดิ แผ่นดนิ ไหว และเกิดคล่นื สนึ ามิถลม่ ญี่ปุ่น ภาพก่อนเกิด
เหตนุ ้นั เป็นภาพถา่ ยชว่ งปี 2010 และหลังเกิดเหตุ ถา่ ยชว่ งวันท่ี 12 มนี าคม 2011 ในภาพคือ โรงไฟฟ้า
นวิ เคลยี รท์ ฟ่ี ุกุชมิ า
1.3.1 ภาพถ่ายจากดาวเทียม (Satellite Imagery) เป็นภาพท่ีถูกถ่ายจากดาวเทียม โดย
อาศัยการทางานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในบรรยากาศ ภาพท่ีเราเห็นเกิดจากการประกอบกันของ
จุดภาพ ภาพถ่ายจากดาวเทียมมีประโยชน์อย่างมากในการศึกษาข้อมูลเพ่ือสารวจแหล่ง
ทรัพยากรธรรมชาติ ในปจั จบุ ันประเทศไทยมีสถานีรับสัญญาณภาพดาวเทียมลาดกระบัง ตั้งอยู่ท่ี
เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ทาให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่เคยพึ่งพาต่างประเทศ
1.3.2 การทางานรับภาพของดาวเทียม เรียกว่า กระบวนการรีโมทเซนซิง (Remote
Sensing) โดย ดาวเทียมจะเก็บข้อมูลของวัตถุหรือพ้ืนท่ีเป้าหมายบนพ้ืนผิวโลก จากรังสีท่ีสะทอ้ น
ขึ้นไปจากผิวโลกหรือจากอุณหภูมิของวัตถุนั้น ๆ บนพ้ืนผิวโลกจากนั้นดาวเทียมจะส่งข้อมูลเป็น
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามายังสถานีภาคพื้นดิน ซึ่งจะบันทึกเป็นข้อมูลเชิงตัวเลขในแถบบันทึกข้อมูล
เพ่ือนาไปประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์และนาเสนอเป็นแผน่ ฟิลม์
1.3.3 ภาพจากดาวเทยี มใหป้ ระโยชนใ์ นการศกึ ษาทางภมู ิศาสตร์ คอื นามาใช้จัดทาแผนที่
แสดงภมู ิประเทศของพน้ื ที่ต่าง ๆ ซงึ่ จะใหร้ ายละเอียดของตาแหนง่ ต่าง ๆ บนพนื้ โลกชัดเจนยิง่ ข้ึน
ภาพถา่ ยดาวเทยี ม แสดงภาพซูเปอร์ไตฝ้ ุ่นระดับ 5 “ฮากบิ ิส” ทเ่ี คลอื่ น
ตวั เขา้ สปู่ ระเทศญป่ี ุ่น
ความแตกต่างระหวา่ ง แผนที่ รูปถ่ายทางอากาศ และภาพถ่ายดาวเทยี ม
แผนท่ี รูปถ่ายทางอากาศ ภาพถา่ ยดาวเทยี ม
- นาเสนอขอ้ มูลลงบนแผน่ - บันทึกขอ้ มลู โดยถา่ ยจาก - ถ่ายจากดาวเทยี ม โดย
ระนาบตามมาตราส่วนที่
กาหนด อากาศยาน ดาวเทียมจะแปลขอ้ มลู และส่ง
- นาเสนอเฉพาะขอ้ มลู ที่
สาคัญตามวตั ถุประสงค์ของ - แสดงสิง่ ตา่ ง ๆ ทีป่ รากฏบน สญั ญานมายังพน้ื โลก
แผนทีน่ ัน้ ๆ
- ใชส้ ญั ลักษณแ์ ทนสงิ่ ตา่ ง ๆ พ้นื ผวิ โลกจากที่สงู ในมมุ กวา้ ง - ภาพทถ่ี ่ายจะครอบคลุม
- มกี ารบอกทศิ ทชี่ ดั เจน
- เป็นรูปทถ่ี ่ายในแนวด่งิ และ พ้นื ทบี่ ริเวณกว้างมากกว่า
แนวเฉียงกับพ้นื ผิวโลก ภาพถา่ ยทางอากาศ
- ผูใ้ ชค้ วรมีความชานาญใน
การแปลขอ้ มลู
แผนทีแ่ ละประเภทของแผนที่
แผนท่ี เป็นเครื่องมือท่ีแสดง
ลักษณะทางกายภาพโดยใช้สัญลักษณ์
แทนส่ิงต่าง ๆ และ ย่อส่วนลงบนวัสดุ
แบนราบ
ประเภทของแผนที่ แบ่งออกเปน็
1. แผนทีอ่ ้างอิง เปน็ แผนท่ที ใี่ ช้เป็น
หลกั ในการทาแผนทช่ี นดิ อื่น ๆ แผนท่ี
อ้างอิงทส่ี าคญั ได้แก่
แผนท่ีภมู ปิ ระเทศ คอื แผนท่ี
ที่ใชแ้ สดงลกั ษณะ ภูมิประเทศบน
พ้ืนผิวโลก เชน่ ทรี่ าบ ที่ราบสงู เนนิ
เขา แม่น้า เกาะ ถนน เมอื ง
ตวั อยา่ งแผนที่แสดงลกั ษณะ
ภูมิประทศ ของประเทศไทย
แผนท่ีชุด คือ แผนที่หลายแผ่นท่ีมีมาตราส่วนและรูปแบบเป็นอย่างเดียวกัน และครอบคลุมพ้ืนท่ี
หน่งึ โดยเฉพาะ เช่น แผนทีม่ าตราสว่ น 1:50,000 ชุด L 7018 ของกรมแผนท่ีทหาร
2. แผนที่เฉพาะเรอ่ื ง หรอื แผนทพี่ ิเศษ
เปน็ แผนทีท่ ี่สรา้ งขนึ้ เพือ่ แสดงรายละเอยี ดเฉพาะเรื่อง มีหลายชนดิ เชน่ แผนท่ีรัฐกจิ แผน
ที่ภมู ิอากาศ แผนท่ธี รณีวิทยา แผนทก่ี ารถือครองที่ดิน แผนทพ่ี ืชพรรณธรรมชาติ แผนทท่ี อ่ งเที่ยว
ตวั อยา่ งเชน่
2.1 แผนที่ภมู อิ ากาศ เป็นแผนทท่ี ี่แสดงถงึ ความกดอากาศ อุณหภมู ิ ทศิ ทางลม ปริมาณ
น้าฝน
ตัวอยา่ ง แผนที่แสดงเขตภมู ิอากาศของทวปี อเมริกาเหนือ
2.2 แผนที่รัฐกิจ เป็นแผนท่ีแสดงรายละเอียดในการปกครอง โดยแสดงอาณาเขตของ
ประเทศ เช่น จงั หวดั อาเภอ ตาบล หมบู่ ้าน
2.3 แผนที่ทอ่ งเทย่ี ว เป็นแผนทีท่ ี่แสดงเก่ียวกับสถานทท่ี ่องเท่ยี วที่สาคญั
ตัวอยา่ งแผนท่ีท่องเทีย่ ว ประเทศญ่ปี ุ่น
ตัวอยา่ งแผนท่ีท่องเที่ยว จงั หวดั ภูเกต็
2.4 แผนทปี่ ระวัตศิ าสตร์ เป็นแผนทีแ่ สดงเส้นทางการอพยพ การเดินทัพ และความเปน็ มา
ทางประวัตศิ าสตร์
แผนทปี่ ระวัติศาสตร์ แสดงเขตการปกครองสมัยสามก๊ก ของประเทศจีน
องค์ประกอบของแผนที่
องคป์ ระกอบสาคัญของแผนท่ี ไดแ้ ก่
1. ชอ่ื แผนที่ บอกให้รู้ว่าเป็นแผนทชี่ นิดใด เก่ยี วกับอะไร เชน่ แผนท่ที ่องเท่ียว
กรุงเทพฯ แผนทพ่ี ชื พรรณธรรมชาติ เป็นต้น
2. ทิศทาง โดยท่ัวไปกาหนดให้ส่วนบนของแผนท่ีเป็นทิศเหนือเสมอ
ตัวอย่างเคร่ืองหมายบอกทิศในแผนที่
วธิ ีการอ่านทิศ
3. มาตราสว่ น คือ ส่ิงท่ีแสดงให้ทราบถึงความสมั พันธ์ระหว่างระยะทางในแผนทีก่ บั
ระยะทางจรงิ บนพนื้ ผิวโลก
ตวั อยา่ งมาตราสว่ นในแผนท่ี
ขอ้ ควรรู้ สตู รในการคานวณมาตราสว่ น ระยะทางในแผนท่ี
มาตราส่วน =
ระยะทางจรงิ ในภูมปิ ระเทศ
เทศ
4. สญั ลกั ษณ์ คือ สงิ่ ที่กาหนดขึ้นในแผนที่เพ่ือใชแ้ ทนส่งิ ต่างๆท่ปี รากฏบนพ้นื ท่จี ริง อาจ
เป็นรูปทรงเรขาคณิต เปน็ เสน้ รูปร่าง หรอื กาหนดด้วยสี
สญั ลักษณส์ ที ี่ใชใ้ นแผนท่ี
เขียว ทร่ี าบ
เหลอื ง ท่รี าบสูง
เหลอื งเขม้ ทสี่ งู
น้าตาล ภเู ขา
ขาว หมิ ะ
ฟ้าเปน็ เส้น แม่น้า
ฟ้าอ่อน ทะเลนา้ ตน้ื
นา้ เงิน มหาสมุทรน้าลึก
ระบบพกิ ดั ทางภมู ศิ าสตร์ (Geographical Co-ordinate)
เปน็ การบอกตาแหนง่ บนพน้ื ผิวโลกดว้ ยคา่ ละติจูดและคา่ ลองจิจดู
ละตจิ ดู (Latitude) ลองจิจดู (Longitude)
- คือเสน้ สมมุติทีล่ ากรอบโลกในแนวนอน - เสน้ สมมุตทิ ีล่ ากรอบโลกในแนวตั้ง
- เส้นที่ยาวที่สุดคือเส้นศูนย์สูตร ซ่ึงแบ่งโลก - แต่ละเส้นมีความยาวเท่ากันหมด
เปน็ 2 สว่ น คือ ซีกโลกเหนือ และซกี โลกใต้ - เราจะนับเส้นลองจิจูดจาก เส้นลองจิจูด
- แตล่ ะเสน้ มีความยาวไม่เท่ากนั หลัก (Prime Meridian) ที่ลากผ่านเมือง
- เป็นเส้นท่ีใช้ในการแบ่งเขตอากาศของโลก กรนี ิชประเทศองั กฤษมคี า่ เปน็ 0 องศา
โดยวดั จากเสน้ ศูนย์สูตร (เมอริเดียนปฐม)
- มที ้ังหมด 180 เส้น - ระยะหา่ งกัน 1 องศา มีเวลาตา่ งกนั 4 นาที
ดังน้นั ระยะหา่ งกัน 15 องศา จะมเี วลาต่างกัน
1 ชัว่ โมง
- เส้นเปล่ียนวัน (International Dateline)
เป็นเส้นที่ 180 ทาให้ซีกตะวันออกมีเวลาเร็ว
กว่า ซีกโลกตะวันตก 1 วัน
- มีท้ังหมด 360 เส้น
เสน้ ละตจิ ูด จะมผี ลตอ่ ลกั ษณะภมู ิอากาศในแต่ละพื้นที่
เสน้ ลองจจิ ดู หรอื เส้นเมรเิ ดยี น เป็นเสน้ แบง่ เวลาของโลก
ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย
ประเทศไทย
ที่ต้งั บนคาบสมุทรอนิ โดจีน ระหว่างละตจิ ดู 5 องศา 37 ลิปดา
เหนือ กับ 20 องศา 27 ลิปดาเหนือ และระหว่างลองจจิ ูด
97 องศา 22 ลปิ ดาตะวันออก กบั 105 องศา 37 ลิปดา
ตะวนั ออก
ขนาด 513,115 ตารางกโิ ลเมตร
อาณาเขต ทิศเหนือติดเมียนมาร์ ,ลาว
ทศิ ตะวนั ตกติด เมียนมาร์
ทศิ ตะวนั ออกตดิ ลาวและกมั พชู า
ทิศใต้ตดิ มาเลเซีย
เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ฯ
ฤดกู าล 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดฝู น ฤดหู นาว
จงั หวดั ที่มีพน้ื ทมี่ ากทส่ี ดุ นครราชสีมา
ภเู ขาทีส่ ูงท่ีสดุ ดอยอนิ ทนนท์ จังหวดั เชียงใหม่ สูง 2,656 เมตร
แม่น้าที่ยาวที่สดุ แมน่ ้าชี
ส่วนทแี่ คบท่สี ดุ ของแหลมมลายู จ.ระนอง
สว่ นทแ่ี คบท่สี ุดของประเทศไทย จ. ประจวบคีรขี ันธ์
จุดเหนอื สดุ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
จุดใตส้ ุด อ.เบตง จ.ยะลา
จดุ ตะวันออกสุด อ.โขงเจยี ม จ.อบุ ลราชธานี
จดุ ตะวันตกสดุ อ.แม่สะเรยี ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน
อาณาเขต
พรมแดนยาวทีส่ ุดคอื ไทย-พม่า พรมแดนไทยลาวมีชายแดน
มีชายแดนติดต่อกับประเทศ ติดต่อกับประเทศไทยนับตั้งแต่
ไทยนับตั้งแต่บริเวณสามเหลย่ี ม บริเวณสามเหล่ียมทองคา จ.
ทองคา บ้านสบรวก อ.เชียง เชียงราย ผ่าน จ.พะเยา น่าน
แสน จ. เชียงราย ลัดเลาะ เ ล ย ห น อ ง ค า ย จ น ถึ ง
ชายแดนที่เป็นภูเขาและแม่น้า อุ บ ล ร า ช ธ า นี โ ด ย มี พื้ น ท่ี
ผ่าน จ.เชียงใหม่ ตาก ราชบุรี ชายแดนที่เป็นภเู ขา แมน่ ้า และ
บริเวณท่ีเป็นภูเขาใช้สันปันน้า ทรี่ าบแมน่ ้าโขง
เป็นแนวเขต บริเวณท่ีมีแม่น้า
ไหลใช้รอ่ งน้าลกึ เป็นแนวเขต พรมแดนประเทศไทยกัมพูชา
มีบริเวณท่เี รยี กวา่ ฉนวนไทยอยู่
พรมแดนประเทศไทยมาเลเซีย มีชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ที่ จ.สระแก้วติดกับกัมพูชา
นบั ต้ังแต่จงั หวัดสตลู สงขลา ยะลา และนราธิวาส มีร้ัวคอนกรีตท่ี เป็นบริเวณพรมแดนระหว่าง
จ. สตูล นอกจากน้ันใช้ทวิ เขาสนั กาลาครี ีและแม่นา้ โกลก กาหนด ป ร ะ เ ท ศ ที่ ไ ม่ มี เ ข ต แ ด น ท า ง
เขตแดน ชายแดนด้านน้ีมีเส้นทางคมนาคมท่ีติดต่อกันได้สะดวก ธรรมชาตกิ ้ัน
ท้งั ทางรถยนต์และรถไฟ ทาให้มีการตดิ ต่อไปมาหาสู่กันสะดวกใน
พ้ืนท่ี 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาชายแดนด้านนี้ เช่น การ
ลักลอบขนของหนภี าษี ปัญหาการทาประมง
ภมู ภิ าคของประเทศไทย
เราสามารถแบง่ ภมู ิภาคของประเทศไทยได้หลายแบบ ดงั ตอ่ ไปนี้
ในท่ีนี้เราจะแบ่งตามเกณฑ์ทางด้านภูมิศาสตร์เป็น ภาคเหนือ
หลัก ซ่ึงแบ่งออกเป็น 6 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาค ภาคตะวันออก
ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก
ภาคตะวนั ตก และ ภาคใต้ ภาคกลาง เฉียงเหนือ
ภาคตะวนั ตก ภาคตะวันออก
ภาคใต้
ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย
ภาคเหนอื
แผนท่ี จงั หวดั และแมน่ ้าสา้ คัญในภาคเหนอื
ลักษณะภูมปิ ระเทศ
มลี ักษณะภมู ปิ ระเทศเปน็ ภเู ขาสงู สลบั กับหุบเขาและท่รี าบลมุ่ แมน่ า้ ขนาดเลก็ ท่ีกระจายอย่ทู ั่วท้ังภาค
บริเวณท่ีเป็นภเู ขามีพน้ื ทปี่ ระมาณ 3 ใน 4 ของพนื้ ท่ี
ภมู ปิ ระเทศของภาคเหนือ ประกอบด้วย
1. ทวิ เขา ในภาคเหนอื ประกอบดว้ ยทิวเขาแดนลาว ทวเขาถนนธงชัย ทิวเขาผีปนั นา้ และ
ทิวเขาหลวงพระบาง
2. ที่ราบลุ่มแม่น้า แบ่ง
ออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่
- ท่ีราบหุบเขาแคบ ๆ
ที่เกิดจากแม่น้าลาธารไหลกัด
เซาะบริเวณภูเขา เป็นที่ราบผืน
เล็ก ๆ กระจายอย่ทู ่ัวไป
- ที่ราบที่เกิดในแอ่ง
แผ่นดิน มีการทับถมของโคลน
ตะกอนเป็นบริเวณกว้าง มีลาน้า
สายใหญ่ไหลผา่ น
3. แม่น้า ในภาคเหนือ แผนท่แี สดงลักษณะตาแหน่งของภเู ขา
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ตาม และแม่นา้ ในภาคเหนือ
การไหลของแมน่ ้า ได้แก่
- กลุ่มที่ไหลลงแม่น้า
เจ้าพระยา ได้แก่ แม่น้าปิง
แม่น้าน่าน
- กลุ่มท่ีไหลลงแม่น้า
โขง ได้แก่ แม่นา้ กก แม่น้าองิ
- กลุ่มท่ีไหลลงแม่น้า
สาละวิน ได้แก่ แม่น้าปาย แม่น้ายวม แม่น้าเมย แม่น้าเหล่านี้เมื่อไหลผ่านหุบเขาและท่ีราบจะนา
ตะกอนมาทบั ถมจนกลายเป็นพื้นที่อดุ มสมบรู ณ์ เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู และตั้งถนิ่ ฐาน
ทรพั ยากรธรรมชาติทส่ี า้ คญั ของภาคเหนอื
ภาค ดิน น้า ปา่ ไม้ แรธ่ าตุ
ภาคเหนือ
ไม่ค่อยอุดมสม- ไม่ค่อยอดุ มสม- มี ค ว า ม อุ ด ม อดุ มสมบูรณ์
บูรณ์ เพราะเป็น บูรณ์เนื่องจาก สมบูรณ์เพราะ มากเพราะเป็น
ดิ น ภู เ ข า ก า ร เป็นต้นน้าทาให้มี เป็นเขตเทือกเขา เขตเทือกเขาแร่ที่
พังทลายมีสูง มี น้ า ใ ช้ ไ ม่ ส ม่ า มีทั้งป่าดิบและ สาคัญ คอื ลกิ ไนต์
การตัดป่าไม้มาก เสมอ แม่น้าส่วน ป่าเบญจพรรณ (ถ่านหิน) ใน
จึงทาให้น้าชะล้าง ใหญ่เป็นแม่น้า ซ่ึงมีไม้สักเป็นไม้ จ.ลาปาง และ
หน้าดินเอาแร่ธาตุ สายเล็กๆ แต่มี ท่ี มี คุ ณ ค่ า ท า ง ปโิ ตรเลยี ม
ท่ีสาคัญไปและยัง เข่ือนช่วยกักเก็บ เศรษฐกจิ สูง อ.ฝาง
มีการทาไร่เลื่อน น้า เช่น เข่ือน จ.เชยี งใหม่
ล อ ย ท า ใ ห้ ดิ น สริ กิ ติ ิ์ จ.อุตรดิตถ์
เ ส่ื อ ม เ ร็ ว ใ น และมีแหล่งน้า
ปั จ จุ บั น มี ก า ร ตามธรรมชาติคือ
แก้ปัญหาโดยการ กว๊านพะเยา
ปลูกหญ้าแฝก
ลักษณะทางสงั คมของภาคเหนือ
ประชากรในภาคเหนือส่วนใหญ่จะตั้งถ่นิ ฐานบรเิ วณแอง่ ที่ราบ
ระหวา่ งภูเขา มีการประกอบอาชพี ทา้ นา ปลูกพชื ไร่ รวมท้งั มีการ
ปลูกผลไมเ้ มอื งหนาว
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ
เป็นแอ่งท่ีราบขนาดใหญ่ทางตอนกลาง มีการยกตัวสูงข้ึนบริเวณขอบทางด้านทิศ
ตะวนั ออกและทศิ ใต้เป็นทิวเขาเตี้ย ๆ มีลักษณะเป็นผาชนั หรอื ผาตงั้ และค่อย ๆ ลาดต่าลงอีกด้าน
หนง่ึ
ลกั ณณะภูมิประเทศของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือแบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะ ดงั นี้
1. แอ่งท่ีราบ ประกอบดว้ ย 2 แอ่งใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่
- แอ่งโคราช อยู่ด้านล่าง
ของเทือกเขาภูพาน มีแม่น้า ชี
มูล ไหลผ่าน ตอนกลางแอ่งเป็น
ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นบริเวณท่ีใน
อดีตแห้งแล้งมาก บางคร้ังหาก
ฝนตกหนักจึงทาให้เกิดน้าท่วม
โดยเฉพาะทุ่งกุลาร้องไห้หน้าแล้ง
กแ็ ลง้ จัดเพราะเป็นดินปนทราย
- แอ่งสกลนคร อยู่ทาง
ต อ น บ น ข อ ง ภ า ค มี แ ห ล่ ง น้ า ท่ี
สาคัญ คอื หนองหาน จ.สกลนคร
ซ่ึ ง เ ป็ น บ ริ เ ว ณ ที่ มี ค ว า ม อุ ด ม
สมบรู ณ์เหมาะกบั การทาเกษตร
2. ทิวเขา ประกอบด้วยทิวเขาเพชรบูรณ์
ตะวันออก ทิวเขาดงพญาเย็น ทิวเขาสันกาแพง และ
ทิวเขาพนมดงรักมีลักษณะเป็นผาชันหรือผาต้ัง และ
ทิวเขาท่ีอยู่ทางตอนในของภาค ได้แก่ ทิวเขาภูพาน
พ้นื ที่ภาคอีสานลาดเอยี งไปทางตะวันออก ในประเทศ
กัมพูชา แม่น้าหลายสายจึงไหลลงแม่น้าโขงอย่าง
รวดเร็วทาให้ใช้ประโยชนจ์ ากแมน่ ้าไดน้ ้อย
ทรัพยากรธรรมชาตทิ ีส่ า้ คัญของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ภาค ดิน น้า ปา่ ไม้ แรธ่ าตุ
ไมอ่ ดุ มสมบูรณ์ ไม่อุดมสมบูรณ์ ไมอ่ ุดมสมบูรณ์ ไมค่ ่อยอดุ ม-
เพราะ เน่ืองจากเป็นดิน เพราะถูก สมบรู ณเ์ พราะ
1. เปน็ ดนิ ทราย ทรายจึงไม่อุ้มน้า ทาลาย เพ่ือใช้ ไมค่ อ่ ยมภี เู ขา
ภาค เป็นปัญหาทพ่ี บ แ ล ะ เ ป็ น พ้ื น ท่ี เป็นท่ดี นิ ทากิน แรส่ าคญั คือ
ตะวันออกเฉียงเหนือ ทงั้ ภาค ล า ด เ อี ย ง ใ ช้ ป่าท่ขี ึ้นสว่ น เกลือหิน
2.เปน็ ดนิ เคม็ ประโยชน์จากน้า ใหญเ่ ป็นป่า
มีชั้นหินทรายซึ่งมี ได้น้อยมีแหล่งน้า ผลดั ใบ
เกลือแทรกอยู่ ตามธรรมชาติที่ (ปา่ โปร่ง)
สาคัญ คือ หนอง
หาน
ลกั ษณะทางสังคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
ประชากรในภาคตะวันออกเฉียง
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่
พนื้ ท่ีสว่ นใหญ่ประสบกบั ปัญหาความแหง้
แลง้ เน่ืองจากมีลกั ษณะเป็นดินทรายไม่
อุม้ นา้ จึงเหมาะกับการปลูกพืชท่ีตอ้ งการ
นา้ นอ้ ย เชน่ ออ้ ย ปอ มนั สาปะหลงั
เป็นตน้
มันสา้ ปะหลัง
ภาคกลาง
ลักษณะภูมปิ ระเทศ
ส่วนใหญ่เป็นท่ีราบลุ่มแม่น้า และอุดมสมบูรณ์ มีทิวเขาและท่ีสูงโดยรอบเป็นแนวที่ต่อ
เนอื่ งมาจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนอื สามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ 3 เขตย่อย ไดแ้ ก่
1. ท่ีราบภาคกลางตอนบน ต้ังแต่
จ . สุ โ ข ทั ย แ ล ะ พิ ษ ณุ โ ล ก ล ง ม า ถึ ง
จ.นครสวรรค์ เป็นที่ราบสลับเนินเขาหรือ
ภูเขาขนาดเล็ก และมีท่ีราบน้าท่วมถึงเป็น
บริเวณแคบ ๆ ริม 2 ฝั่งแม่น้า แม่น้าท่ีไหล
ผ่านภาคกลางตอนบน คือ แม่น้าปิง
แม่น้ายม และแม่น้าน่าน
2. ทร่ี าบภาคกลางตอนล่าง มีอาณาเขต
ต้ังแต่ จ.นครสวรรคล์ งไปจนถงึ อ่าวไทย เป็น
ที่ราบลุ่ม มีแม่น้าลาคลองไหลผ่าน พ้ืนท่ี
ส่วนใหญ่เป็นที่ราบน้าท่วมถึง มีแม่น้า
เจ้าพระยาเป็นแม่น้าสายหลักไหลลงสู่อ่าว
ไทยที่ จ.สมุทรปราการ และมีลาน้าสาขา
ของแม่น้าเจา้ พระยา ได้แก่ แมน่ ้าสะแกกรัง
แม่น้าท่าจีน แม่น้าน้อย แม่น้าลพบุรี และ
แมน่ า้ ป่าสกั
3. บรเิ วณขอบของที่ราบ ทางดา้ น
ตะวนั ตกและตะวันออกของภาคกลางเปน็
ทร่ี าบสลบั ภเู ขา เชอื่ มตอ่ กับทิวเขาและสัน
เขาที่เป็นแนวแบ่งเขตภาคกลางออกจากภาคตะวนั ตกและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
บรเิ วณขอบทางด้านทิศตะวนั ออกมที วิ เขาเพชรบูรณ์ตะวนั ตก คู่ขนานไปกบั ทิวเขา
เพชรบรู ณต์ ะวนั ออก และมลี ุม่ แมน่ ้าป่าสกั ค่นั ระหวา่ งกลาง
ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ส่ี า้ คญั ของภาคกลาง
ภาค ดิน น้า ปา่ ไม้ แร่ธาตุ
ภาคกลาง
อดุ มสมบรู ณ์ อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ ไมอ่ ดุ มสมบรู ณ์ ไมอ่ ุดมสมบูรณ์
ทีส่ ดุ เพราะเปน็ ท่ีสุดเพราะแม่น้า เพราะไมค่ ่อยมี แร่ธาตุท่สี าคญั
ดินตะกอนน้า ส า ย ใ ห ญ่ คื อ ภูเขา ส่วนในภาค คือ หนิ ออ่ น
พดั พา เจ้าพระยา กลางตอนลา่ ง หนิ ปนู (สระบุร)ี
มแี หลง่ นา้ ไมม่ ีป่าไมแ้ ล้ว ดนิ ขาว (ลพบุรี)
ธรรมชาติ คือ ส่วนใหญเ่ ปน็ ปโิ ตรเลยี ม
บึงบอระเพ็ด เป็น พืน้ ทีก่ ารเกษตร (จ.กาแพงเพชร)
แหล่งน้าที่มีความ ท่อี ย่อู าศยั และ
อุ ด ม - ส ม บู ร ณ์ โรงงาน
มากท่ีสุด มีเขื่อน อตุ สาหกรรม
ที่ใช้กักเก็บน้าไว้
ใ ช้ ใ น ห น้ า แ ล้ ง
แ ล ะ ป้ อ ง กั น น้ า
ท่วมกรุงเทพใน
หนา้ ฝน
ลักษณะทางสงั คมของภาคกลาง
ประชากรในภาคกลางส่วนใหญ่จะตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้า เพราะ
มีความอุดมสมบูรณ์ และประกอบอาชีพเกษตรกรรม เน่ืองจากมีพื้นที่
เป็นที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ และจากการที่มีแม่น้าหลายสาย จึงทาให้เกิด
ประเพณีและวฒั นธรรม เช่น ประเพณกี ารแขง่ เรือ รวมทัง้ ประกอบอาชีพ
ทานา ทาให้เกิดประเพณีการบูชาแม่โพสพ ประเพณีลงแขกเก่ียวข้าว
เปน็ ต้น
ภาคตะวันออก
แผนที่แสดงภมู ปิ ระเทศภาคตะวันออก
ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ
เปน็ ทรี่ าบล่มุ แม่นา้ และทีร่ าบชายฝ่ังทะเล แบ่งออกไดเ้ ปน็ 3 สว่ นใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่
1. ทวิ เขา ประกอบด้วยทิวเขาจันทบรุ ีอยู่ทางตอนกลางของภาคและทิวเขาบรรทัด อยู่ทาง
ทศิ ตะวนั ออกของภาค
2. ทร่ี าบลุ่มแมน่ ้า แบง่ เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่
- ท่ีราบลุ่มแม่น้าทางตอนบน มีท่ีราบ 2 ฝั่งแม่น้าเป็นบริเวณกว้าง ได้แก่ ท่ีราบลุ่มแม่น้า
บางปะกง และแมน่ ้าปราจีนบรุ ี
- ที่ราบลุ่มแม่น้าทางตอนล่าง เป็นที่ราบลุ่มแม่น้าขนาดเล็ก มีแม่น้าสายสั้น ๆ ไหลผ่าน
ได้แก่ แม่นา้ ระยอง แม่นา้ ประแส
3. ทรี่ าบชายฝั่งทะเล มีลักษณะเปน็ หาดโคลนและหาดทรายปนโคลน เชน่ หาดบางแสน
จ.ชลบุรี หาดแม่ราพึง จ.ระยอง มีเกาะบริเวณชายฝ่ังเป็นจานวนมาก เช่น เกาะสีชัง เกาะล้าน จ.
ชลบรุ ี เปน็ ตน้
แผนทแ่ี สดงจังหวัดในภาคตะวนั ออก
ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีสา้ คญั ของภาคตะวนั ออก
ภาค ดนิ น้า ปา่ ไม้ แร่ธาตุ
ไม่คอ่ ยอดุ มสม- ไ ม่ ค่ อ ย อุ ด ม เป็นป่าดิบ และ แรธ่ าตทุ ี่
บูรณ์มากเพราะ สมบูรณ์ เพราะ ป่ า ช า ย เ ล น สาคัญ คือ
ภาคตะวนั ออก มฝี นตกชุกมาก เป็นแม่น้าสาย บริเวณช า ย ฝ่ั ง แร่รัตนชาติ
จงึ ชะลา้ งหนา้ ดิน สั้นๆ มีเข่ือนน้อย ท ะ เ ล บ ริ เ ว ณ (จ.จนั ทบุรี,
จึงเกิดปัญหาขาด จังหวัดจันทบุรี จ.ตราด)
แคลนนา้ จดื และจงั หวัดตราด ทรายแก้ว
(จ.ระยอง)
ลักษณะทางสังคมของภาคตะวนั ออก
ประชากรในภาคตะวันออกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ
ทานาและทาสวนผลไม้ เนอื่ งจาก ลกั ษณะภูมิประเทศมีภูเขา
เนินเขาและท่ีราบชายฝ่ังทะเล ทาให้มีอากาศชุ่มชื้นและฝน
ตกชุก
อีกท้ังภาคตะวันออกมีที่ราบชายฝั่งทะเลและเกาะที่
สวยงาม จึงทาให้เกิดอุตสาหกรรม การท่องเท่ียว และการทา
ประมงน้าเค็ม
ภาคตะวันตก
แผนท่ี จงั หวดั และแมน่ ้าสา้ คัญในภาคตะวนั ตก
ลกั ษณะภูมิประเทศ
มีทวิ เขายาวตอ่ เนือ่ งจากภาคเหนอื ตามลาดเขาเปน็ ทรี่ าบลุ่มแมน่ ้า ส่วน
ที่ราบชายฝ่ังทะเลเป็นหาดเลนและป่าชายเลน โดยลักษณะภูมิประเทศแบ่ง
ออกเปน็
1. ทวิ เขา เกดิ จากการโก่งตวั ของเปลือกโลกเชน่ เดียวกบั ทิวเขาในภาคเหนือ
มีความสูงค่อนข้างมาก ประกอบด้วย ทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขาตะนาวศรี และมี
เขาโดดเปน็ กลมุ่ ภเู ขาหินปูน อยู่ในพน้ื ท่ี จ.ราชบรุ ี เพชรบุรี และประจวบครี ีขันธ์
2. ท่ีราบลุ่มแม่น้า ประกอบด้วยท่ีราบลุ่มแม่น้าปิงใน จ.ตาก ที่ราบลุ่ม
แม่น้าแควใหญ่และแม่น้าแควน้อย จ.กาญจนบุรี ที่ราบลุ่มแม่น้าแม่กลอง
จ.ราชบุรี ที่ราบลุ่มแม่น้าเพชรบรุ ี จ.เพชรบรุ ี และที่ราบลุ่มแมน่ า้
ปราณบุรี จ.ประจวบคีรขี นั ธ์
3. ท่ีราบชายฝั่งทะเล อยู่ในพื้นที่ จ.เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์
ส่วนใหญ่เป็นหาดโคลนและหาดทรายปนโคลน เช่น หาดชะอา
จ.เพชรบุรี หาดหัวหิน หาดมะนาว จ.ประจวบครี ีขันธ์
นา้ ตกเอราวัณ สถานทท่ี ่องเท่ียว
ทสี่ าคญั ในจังหวดั กาญจนบุรี
ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่สี า้ คัญของภาคตะวันตก
ภาค ดนิ น้า ปา่ ไม้ แร่ธาตุ
ภาคตะวันตก
ไม่ค่อยอดุ มสม- ไ ม่ ค่ อ ย อุ ด ม อดุ มสมบรู ณ์ อุดมสมบรู ณ์
บูรณ์เพราะเปน็
ดนิ ภเู ขาการสกึ สมบูรณ์เพราะ เพราะเปน็ เขต เพราะเป็นภเู ขา
กร่อนพังทลาย
สูง เป็นเขตเงาฝน ภูเขา มีป่าหลาย แรท่ ี่สาคญั คอื
แ ต่ มี เ ขื่ อ น ศ รี - ชนิดท้ังปา่ ดงดบิ สังกะสแี ละแร่
นครนิ ทร์ ปา่ ดิบเขา รัตนชาติใน
จ.กาญจนบุรีเป็น ป่าสนเขา จ.กาญจนบุรี
เข่ือนที่เก็บน้าได้ ปา่ ชายเลน
มาก ท่ีสุด แ ละ ปา่ เบญจพรรณ
ผลิตกระแส
ไฟฟ้าไดม้ ากท่สี ดุ
ลกั ษณะทางสงั คมของภาคตะวนั ตก
ประชากรในภาคตะวนั ตก
ส่วนใหญ่ จะประกอบอาชีพ
เพาะปลูกและเล้ียงสตั ว์ เนือ่ งจาก
มี พื้นที่ที่เป็นทิวเขาและที่ราบเชงิ
เขา ส่วนพื้นที่ท่ีติดกับทะเลจะมี
การทาประมงน้าเค็ม นอกจากน้ี
ยังมีการทาอุตสาหกรรมต่าง ๆ
เช่น การทาเหมืองแร่ การทา
พลอย การปน้ั โอง่ เป็นต้น
ฟารม์ เล้ียงหอย ปากอ่าวบางตะบูน จ.เพชรบรุ ี
ภาคใต้
แผนท่แี สดงลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ภาคใต้
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ
เปน็ คาบสมุทร มที ิวเขาเป็นแนวยาวต่อเนอ่ื งกันตง้ั แต่เหนอื สดุ ของภาคไปจนสดุ เขตแดน
ประเทศไทยขนาบด้วยท่ีราบชายฝั่งทะเลท้ัง 2 ด้าน คือ ดา้ นตะวันออกเปน็ อา่ วไทย และด้านทศิ
ตะวนั ตกเป็นทะเลอันดามัน ลกั ษณะภูมปิ ระเทศแบง่ ออกได้ ดงั น้ี
1. ทิวเขา ประกอบด้วยทิวเขาตะนาวศรี ทิวเขาภูเก็ต ทิวเขานครศรีธรรมราช และทิวเขา
สันการาคีรี
2. ท่ีราบชายฝง่ั ทะเล ประกอบดว้ ย
- ที่ราบชายฝ่ังอ่าวไทย เป็นชายฝ่ัง
แบบยกตัว มีบริเวณน้าตื้นกว้าง มีทั้งหาด
ทรายและหาดโคลน มีการทับถมของ
ตะกอนบริเวณชายฝ่ัง เกิดเป็นสันทรายยื่น
ยาวลงไปในทะเล ปลายสันทรายมีลักษณะ
โค้งงอ เช่น แหลมตะลมุ พุก
- ท่ีราบชายฝ่ังทะเลอันดามัน เป็นชายฝ่ังแบบ
ยุบตัว มีลักษณะเว้าแหว่งมาก มีอ่าวน้อยใหญ่และ
เกาะต่าง ๆ มากมาย มนี า้ ลกึ และท่ีราบแคบ ๆ ตาม
แนวชายฝง่ั ไม่กวา้ งเหมือนด้านอา่ วไทย
ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่สา้ คญั ของภาคใต้
ภาค ดิน น้า ป่าไม้ แรธ่ าตุ
ไ ม่ ค่ อ ย อุ ด ม - ไมค่ ่อยอุดมสม อุดมสมบูรณม์ าก อุดมสมบูรณม์ าก
สมบูรณ์ เพราะ บูรณเ์ พราะ เพราะเป็นเขต เพราะเป็นเขต
ฝ น ต ก ชุ ก จึ ง แม่น้า ภู เข า มีป่าทุ ก ภเู ขา แรส่ าคญั คือ
ชะล้างหน้าดิน สายสน้ั ๆ มีเขอ่ื น ประเภทยกเว้น ดีบุก(พังงา,ภูเก็ต)
ภาคใต้ และยังเป็นดิน น้อย แตป่ รมิ าณ ป่ า ผ ลั ด ใ บ ทรายแกว้ (สงขลา)
พรุ ฝนตกมากจงึ ป่าชายเลนพบ หินปนู
ส ภ า พ ดิ น เ ป็ น ช่วย มากท่ีสุดในฝ่ัง (นครศรีธรรมราช)
กรดไม่เหมาะแก่ ได้มาก อนั ดามัน ลกิ ไนต(์ กระบ่ี)
ก า ร เ พ า ะ ป ลู ก
และดินเค็มตาม
ชายฝง่ั ทะเล
ลกั ษณะทางสงั คมของภาคใต้
ประชากรในภาคใต้ส่วนใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกรรม
พชื ท่ีปลกู เป็นพชื ท่ีชอบน้าและ อากาศชนื้ เช่น ยางพารา ปาล์ม
นา้ มัน เป็นต้น ส่วนบรเิ วณชายฝ่งั ทะเลมกี ารทาประมงนา้ เค็ม
และเพาะเลยี้ งสตั ว์น้า
ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งลกั ษณะทางกายภาพกับเศรษฐกจิ และสังคม
เศรษฐกจิ ที่ส้าคญั ของประเทศไทย
ลักษณะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในแตล่ ะภมู ิภาคมีความสมั พนั ธ์กับลกั ษณะทาง
กายภาพและทรพั ยากรธรรมชาติของพน้ื ท่ี ทาให้ในแต่ละพื้นท่มี ีกจิ กรรมทางเศรษฐกิจทแี่ ตกตา่ ง
กนั ดังนี้
1. เกษตรกรรม
เกษตรกรรมเปน็ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ที่สาคญั ของประเทศ เนื่องจากประเทศไทย
มีดินและน้าที่อดุ มสมบูรณ์ และมลี ักษณะทางกายภาพทีห่ ลากหลาย เกษตรกรรมแตล่ ะประเภทจงึ
แตกตา่ งกนั ออกไปตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศและภูมิอากาศ พืชเศรษฐกจิ ที่นิยมปลกู ไดแ้ ก่
ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจที่
ปลูกมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้าภาค
กลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เน่ืองจากเป็นท่ีราบขนาดใหญ่ มีดิน
และน้าอุดมสมบรู ณ์
ยางพารา พืชเศรษฐกิจท่ีส่งออก
มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เติบโตได้ดี
บริเวณท่ีมีฝนตกชุก ปลูกมากในภาคใต้
และภาคตะวนั ออก
มันส้าปะหลงั นิยมนามาแปรรูปเป็น
อาหารสัตว์ แอลกอฮอล์ เติบโตได้ดีในเขต
ร้อนและสามารถปลูกได้ในบริเวณดินที่มี
ค ว า ม ส ม บู ร ณ์ ต่ า ป ลู ก ม า ก ใ น ภ า ค
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคกลาง
อ้อย เป็นพืชท่ีเติบโตได้ดีในเขตร้อนและมีปริมาณ
น้าฝนไม่มากจนเกินไป ผลผลิตท่ีได้นามาทาน้าตาล
ทราย ปลูกมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค
กลาง และภาคตะวนั ตก
แผนที่ แสดงแหลง่ ปลกู พชื เศรษฐกจิ ท่ีสาคญั ในประเทศ
ไทย
การเลีย้ งสตั ว์
สัตว์ทนี่ ิยมเลี้ยงไดแ้ ก่
สัตว์ปีก (เช่น เป็ด ไก่) โดยเล้ียงเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ และแบบปล่อย
ตามท่งุ นา พบมากใน จ.นครปฐม ชลบรุ ี สระบรุ ี
สุกร สว่ นใหญ่เลย้ี งเป็นฟาร์ม พบมากใน จ. นครนายก นครปฐม
โค กระบือ นยิ มเลย้ี งในบริเวณทม่ี ีทงุ่ หญ้าอดุ มสมบรู ณ์ เช่น
จ. สระบุรี ราชบุรี
แผนทแ่ี สดงพื้นทเี่ ล้ยี งสตั ว์
เศรษฐกิจ
การประมง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่
ประมงน้าจืด พบมากบริเวณแหล่งน้าธรรมชาติ
และท่ีราบลุ่มแม่น้า เช่น แม่น้าสะแกกรัง แม่น้า
เจา้ พระยา บึงบอระเพ็ด หนองหาน
ประมงน้าเคม็ พบมากบริเวณอ่าวไทย ทะเลอัน
ดามันและเขตนา่ นน้าสากล
ประมงน้ากร่อย พบบริเวณท่ีเป็นน้ากร่อย เช่น
สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา จันทบุรี มีการเพาะเล้ียงสัตว์
นา้ ในกระชัง
2.อตุ สาหกรรม อตุ สาหกรรมทีส่ า้ คญั ของไทย ได้แก่
อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ โดยเน้นผลิตเพ่ือส่งออกและ
จาหน่ายในประเทศ ตลาดสง่ ออกหลกั ได้แก่ มาเลเซยี และอนิ โดนีเซยี
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สร้างรายได้ร้อยละ 24 ของรายได้การส่งออกทั้งหมดของ
ประเทศ สินค้าที่สาคัญ ไดแ้ ก่ อปุ กรณไ์ ฟฟ้า คอมพวิ เตอร์ และชน้ิ ส่วนอิเล็กทรอนกิ ส์
อุตสาหกรรมเหล็กกล้า มีมูลค่าการส่งออกติดอันดับ 1 ใน 10 ของอุตสาหกรรมใน
ประเทศ และมีความสาคัญตอ่ การผลติ ช้นิ ส่วนยานยนตแ์ ละอเิ ล็กทรอนกิ ส์
อุตสาหกรรมอัญมณี ส่วนใหญ่พบท่ี จ. จันทบุรี ตราด และจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ท่ีพบแร่
รตั นชาติ
3.การท่องเทยี่ วและบริการ
การท่องเท่ียวเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเน่ีองและสร้างรายได้เป็นจานวนมาก มี
นักท่องเท่ียวมาประเทศไทยปีละประมาณ 38.3 ล้านคน ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีมีรายได้จาก
นกั ทอ่ งเทย่ี วมากเปน็ อันดบั 4 ของโลก
สงั คมและวัฒนธรรม
ลักษณะสังคมและวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาคของไทย มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะ
ทางกายภาพของแตล่ ะพื้นท่ี ได้แก่
ลักษณะทอี่ ยอู่ าศัย การแตง่ กาย ประเพณี
ภาคเหนอื
นยิ มสรา้ งบ้านใหม้ ีหน้าต่าง มีการปลกู ฝ้ายจานวนมาก ผ้าสว่ นใหญ่
ขนาดเล็กเพ่ือกนั ลมหนาว นยิ มทาจากฝ้าย เชน่ มอ่ ฮอ่ ม ผา้ ซิ่น
ภาคเหนือมภี เู ขาสูงและป่าไมม้ าก ทาให้มีความเชือ่ เก่ียวกบั ป่า เกดิ ประเพณี
เก่ียวกบั การอนรุ กั ษป์ ่าไม้และธรรมชาติ เชน่ ประเพณีบวชป่า ประเพณสี ืบ
ชะตาแมน่ ้า