The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงาน ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Itsara Wapeeso, 2024-02-29 08:22:27

โครงงาน ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต

โครงงาน ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต

ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต DB Scrub, coffee soap mixed with honey and yogurt. นางสาวก้อย นพชำนาญ รหัสประจำตัวนักศึกษา 65302010001 นายอิศรา วาปีโส รหัสประจำตัวนักศึกษา 65302010004 โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ประเภทวิชาพาณิชยกรรม สาขาวิชาการบัญชี สาขางานการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน ปีการศึกษา 2566


DB Scrub, coffee soap mixed with honey and yogurt. Miss.Koy Nopchamnan 65302010001 Mister.Itsara Wapeeso 65302010004 This Project is part of the Advanced Vocational Certificate program. Commerce Subject type Accounting major Accounting Burapha Prachin Technical College Academic Year 2023


ชื่อโครงงาน ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต DB Scrub, coffee soap mixed with honey and yogurt. ผู้รับผิดชอบโครงงาน 1. นางสาวก้อย นพชำนาญ สาขา วิชาการบัญชี 2. นายอิศรา วาปีโส สาขา วิชาการบัญชี อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน 1. อาจารย์บุหงา อินเพชร ลายมือชื่อ................................. โครงงานฉบับนี้ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการดังมีรายนามต่อไปนี้ 1. นายชาคริต สุริยะฉาย ประธานกรรมการ…………………….. 2. นายสุรินทร์ สมบัติ รองประธานกรรมการ……………….. 3. นางนฤมล รอตเสียงล้ำ กรรมการ……………………………….… 4. นางสาวนันท์นภัส มะลิทองพงศ์ กรรมการ……………………………….… 5. นางสาวพิมลณัฐ รองวัง กรรมการ…………………………………. 6. นางสาวสาวิตรี แว่นศิลา กรรมการ……………………………….…


ก บทคัดย่อ หัวข้อโครงงาน ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต รายชื่อผู้จัดทำ 1. นางสาวก้อย นพชำนาญ 2. นายอิศรา วาปีโส ครูผู้สอน อาจารย์บุหงา อินเพชร ที่ปรึกษา อาจารย์พิมลณัฐ รองวัง ระดับการศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชา การบัญชี สาขางานการบัญชี ปีการศึกษา 2566 โครงงานดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต เป็นการประยุกต์นำความรู้ด้าน ผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย โดยคณะผู้จัดทำได้ศึกษาข้อมูลจากผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้าน การศึกษาครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อจำทำ สบู่สครับสูตร กากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของ กากกาแฟ น้ำผึ้ง และโยเกิร์ต เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผลิตภัณฑ์สบู่สครับ จากผลการดำเนินการโครงงานดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต พบว่าได้รับ ความสนใจจากบุคคลทั่วไป และจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่มีความสนใจจะศึกษาค้นค้าข้อมูล เกี่ยวกับสบู่สครับ ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.48


ข Abstract Project title DB Scrub, coffe soap mixed with honey and yogurt. List of creators 1. Miss.Koy Nopchamana 2. Mister.Itsara Wapeeso Teacher Miss Bunga Inpet Adviser Miss Phimonnat Rongwang Education Level high vocationl Certificate Field of study Commerce, Accounting field Academic Year 2023 DB Project: Coffee grounds scrub soap mixed with honey and yogurt is an application of knowledge in body cleansing products. The organizing team studied information from people with specific knowledge. The purpose of this study is to remember Scrub soap recipe Coffee grounds mixed with honey and yogurt to study the effectiveness of coffee grounds, honey and yogurt to study satisfaction with scrub soap products. From the results of the DB project Coffee grounds scrub soap mixed with honey and yogurt found that it received interest from the general public. And it will be useful for users who are interested in studying and searching for information about scrub soap. Satisfaction is at a high level with an average of 4.48.


ค กิตติกรรมประกาศ การจัดทำโครงงานดีบี สบู่ครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา วิชา โครงงาน ประเภทพาณิชยกรรม สาขาการบัญชี สาขางานการบัญชี โดยมุ่งศึกษาเกี่ยวกับการ สร้างนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ และให้นักศึกษาได้รู้หลักการคิดต้นทุนของสินค้าสำเร็จรูป การศึกษาครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยได้รับความอนุเคราะห์จาก อาจารย์บุหงา อินเพชร ครูผู้สอนวิชาโครงงาน ที่ให้คำปรึกษา แนะนำ และให้ข้อคิดต่าง ๆ ในการศึกษาอย่างยิ่ง จึงขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ ขอขอบพระคุณ อาจารย์ พิมลณัฐ รองวัง ครูที่ปรึกษาวิชาโครงงานดีบี สบู่ครับกากกาแฟ ผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต ที่ให้ความรู้คำปรึกษา พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะและตรวจสอบความถูกต้องใน การทำงานค้นคว้าครั้งนี้จนเสร็จสมบูรณ์ ขอขอบพระคุณ อาจารย์สาวิตรี แว่นศิลา กรรมการสอบวิชาโครงงานดีบี สบู่ครับกากกาแฟ ผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต ที่ให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือในการออกไปค้นคว้าหาข้อมูลจนเสร็จ การค้นคว้าครั้งนี้ ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม การค้นคว้าครั้งนี้ จึงใคร่ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีจากการค้นคว้าดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต ฉบับนี้ผู้ศึกษาขอมอบแด่ทุก ๆ ท่าน ที่ได้เมตตาให้ความกรุณาชี้แนะข้อมูลดังกล่าวข้างต้น รวมถึงผู้ เป็นบิดา มารดา และสมาชิกในครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ และสนับสนุนในการทำการศึกษาครั้งนี้ ด้วยดีเสมอมา คณะผู้จัดทำ


ง สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ Abstrct ก ข กิตติกรรมประกาศ ค สารบัญ สารบัญ (ต่อ) ง จ-ฉ สารบัญตาราง สารบัญรูปภาพ สารบัญรูปภาพ (ต่อ) ช ซ ฌ บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1-2 1.2 วัตถุประสงค์ของการทำงาน 1.3 เป้าหมายการทำงาน 2 2 1.4 ขอบเขตของการทำงาน 2 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการศึกษา 2-3 1.6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 3 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 สบู่ 4 2.1.1 ความหมายของสบู่ 4-6


จ 2.1.2 ประเภทของสบู่ 6-7 2.2 ส่วนผสม 7 2.2.1 เบสสบู่กลีเซอรีน 7-9 2.2.2 กากกาแฟ 9-12 2.2.3 โยเกิร์ตธรรมชาติ 12-14 2.2.4 น้ำผึ้ง 14-18 2.3 สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 19 2.3.1 ความหมายของ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 19-20 2.3.2 ประโยชน์ของการใช้ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 20 2.4 แนวคิดและทฤษฎีความพึงพอใจ 20 2.4.1 ความหมายของความพึงพอใจ 21-22 2.4.2 ลักษณะของความพึงพอใจ 22 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 22-25 2.6 กรอบแนวคิดในการจัดทำโครงการ 25 บทที่ 3 วิธึการดำเนินงาน 3.1 วัตถุดิบอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงาน 26 3.1.1 วัตถุดิบหลัก 26-27 3.1.2 อุปกรณ์ 28-29 3.1.3 วิธีการทำ 29-33 3.1.4 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา 34 3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล 35 สารบัญ (ต่อ)


ฉ 3.4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 36-37 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 การวิเคราะห์ข้อมูล 38 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 38-41 แนวทางในการประกอบอาชีพและพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ 41 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา อภิปรายและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการศึกษา 42-43 5.2 อภิปรายผล 43-44 5.3 ข้อเสนอแนะ 44 บรรณานุกรม 45 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบเสนอหัวข้อโครงงาน ภาคผนวก ข แบบสอบถามความพึงพอใจ ภาคผนวก ค เนื้อหาสื่อการเรียนรู้ ภาคผนวก ง ประวัติผู้จัดทำ สารบัญ (ต่อ)


ช สารบัญตาราง ตาราง หน้า ตารางที่ 4.1 ข้อมูลทั่วไปของแบบสอบถาม 36 ตารางที่ 4.2 ตารางความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และ โยเกิร์ต 37


ซ สารบัญรูปภาพ รูปภาพ หน้า ภาพที่ 2.1 เบสสบู่กลีเซอรีน 7 ภาพที่ 2.2 กากกาแฟ 9 ภาพที่ 2.3 โยเกิร์ตธรรมชาติ 12 ภาพที่ 2.4 น้ำผึ้งธรรมชาติ 13 ภาพที่ 3.1 เบสสบู่กลีเซอรีน 25 ภาพที่ 3.2 กากกาแฟ 25 ภาพที่ 3.3 โยเกิร์ตธรรมชาติ 26 ภาพที่ 3.4 น้ำผึ้งธรรมชาติ 26 ภาพที่ 3.5 น้ำเปล่า 26 ภาพที่ 3.6 ซีลห่ออาหาร 26 ภาพที่ 3.7 หม้อ 27 ภาพที่ 3.8 กระบวยปากเป็ด 27 ภาพที่ 3.9 พิมพ์ซิลิโคน 27 ภาพที่ 3.10 เตาแก๊ส 28 ภาพที่ 3.11 นำกากกาแฟตากแดด 28 ภาพที่ 3.12 ต้มน้ำรอให้เดือด 29 ภาพที่ 3.13 ละลายกลีเซอรีน 29 ภาพที่ 3.14 ใส่กากกาแฟลงไปในหม้อเบสกลีเซอรีน 30


ฌ ภาพที่ 3.15 ใส่น้ำผึ้งลงไป 30 ภาพที่ 3.16 นำส่วนผสมชั้นที่ 1 เทลงใส่พิมพ์ 31 ภาพที่ 3.17 นำโยเกิร์ตใส่ลงไปในหม้อส่วนผสมชั้นที่ 2 31 ภาพที่ 3.18 นำส่วนผสมชั้นที่ 2 เทลงพิมพ์ 32 ภาพที่ 3.19 แกะออกจากพิมพ์ ติดโลโก้ แบรนด์ พร้อมจำหน่าย 32 ภาพที่ 3.20 สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโย เกิร์ต 34 สารรูปภาพ (ต่อ)


1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา สบู่ ซึ่งช่วยทำให้ร่างกายของเราสะอาดและหอมสดชื่น มีทั้งสบู่ก้อนและสบู่เหลว ปัจจุบันนี้มี สบู่หลากหลายชนิดที่ผลิตออกมาให้เราได้เลือกซื้อได้ เช่น สบู่สมุนไพร สบู่กลิ่นผลไม้ต่างๆ สบู่เพื่อ บำรุงผิวพรรณ ที่มีวางขายกันในปัจจุบันอยู่หลากหลาย นอกจากก้อนไขมันแล้ว ยังมีวัตถุดิบธรรมชาติ อย่างอื่นอีกที่คนสมัยก่อนนิยมเอามาใช้เป็นสบู่ โดยเฉพาะพืชและมีเรื่องประหลาดว่าเกิดขึ้นที่ เกาะไซ โมลัสในทะเลอีเจียน ซึ่งมีก้อนบางอย่าง หน้าตาเหมือนสบู่เกิดขึ้นเองทั่วไปรอบๆ ทั้งเกาะ เมื่อลองเอา มาถูตัวและซักผ้า ก็สะอาดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเวลาฝนตกหนักเจ้าก้อนนี้ จะมีฟองออกมาเป็นจำนวน มาก จนทั้งเกาะปกคลุมไปด้วยฟองหนาและมีความสูงเกือบฟุต สบู่สมัยใหม่ที่เราเห็นว่าทั้งสวยทั้ง หอม เริ่มมีขึ้นในปีค.ศ. 1879 แต่เดิมฝรั่งไม่ค่อยชอบอาบน้ำและไม่สนใจเรื่องโรคผิวหนังเท่าไร จนกระทั่งวงการแพทย์มีข้อมูลว่าแบคทีเรียบนผิวหนังและเสื้อผ้าสามารถทำให้เป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมาได้ ก็เลยเกิดความตื่นตัวในการใช้สบู่ถูตัวมากขึ้น ต่อมาสบู่ก้อนเกิดจากเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อ คนงานคนหนึ่งในโรงงานสบู่ของ นายฮาร์เลย์ พร็อกเตอร์ ลืมปิดเครื่องปล่อยให้ส่วนผสมถูกตีอยู่ใน เครื่องนานเกินไป แต่ส่วนผสมที่ได้กลับมีความพิเศษตรงที่เบากว่าเดิมและลอยน้ำได้ พร็อกเตอร์ เลย จับมือ กับนักเคมีชื่อ เจมส์ แกมเบล ร่วมกันผลิตสบู่แบบใหม่ที่มีฟองนุ่ม เบา และลอยน้ำได้ เรียกว่า “สบู่ไอวอรี่” ซึ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จากนั้นก็มีการคิดค้นใส่สี กลิ่น และ คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ลงใน สบู่ จนออกมาเป็นสบู่อย่างที่เราใช้กันทุกวันนี้ กากกาแฟ (Ground coffee) คือ เศษที่ได้จากการคั่วบดกาแฟแล้วนำไปชงดื่มเรียบร้อยแล้ว จะถูกทิ้งภายหลังจากการสกัดเพื่อให้ได้น้ำกาแฟออกมา แต่ในกากกาแฟจะยังคงเหลือสารอาหาร สำคัญ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เรานิยมนำเอากากกาแฟมาใช้ในการดูแลผิว ด้วยการผสมกับ ส่วนผสมตามธรรมชาติ ใช้ขัดหรือพอก ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย ก็ล้วนช่วยดึงเอาสารพิษ ตกค้าง เติมความใสให้ผิวสุขภาพดีได้ปัจจุบันมีการนำกากกาแฟที่ได้จากกการคั่วบดกาแฟที่นำไปชง ดื่มเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะทิ้งภายหลังจากการสกัดเพื่อให้ได้น้ำออกมา แล้วหมดประโยชน์ ไม่ สามารถนำกลับมาชงดื่มใหม่ได้อีกสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้หลายๆอย่าง เช่น ดับกลิ่นใน ตู้เย็นหรือตู้กับข้าว ใช้หมักผมให้เงางามหรือแม้กระทั่งนำมาขัดผิวที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก จากปัญหาดังกล่าวผู้ศึกษาจึงมีความสนใจที่จะศึกษา และได้มีการจัดทำโครงการ สบู่สครับ กากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต มาทำในรูปแบบของสบู่ เพื่อไว้สครับและชำระร่างกายให้สะอาดที่มา จากกากกาแฟโดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยประทินผิว กำจัดสารพิษภายนอก รวมถึงน้ำผึ้งที่


2 ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้าและผิวกาย และโยเกิร์ตที่สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายล้วนช่วยดึง สารพิษตกค้างทำให้สุขภาพดีได้ 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อศึกษาขั้นตอนวิธีการทำ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 1.2.2 เพื่อเป็นการสร้างอาชีพ และพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์ 1.2.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภค ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 1.3 เป้าหมายการทำงาน 1.3.1 สามารถทำให้ผิวหน้าและผิวกายของเรามีความชุ่มชื่น และขับสารพิษตกค้างออกจาก ร่างกาย 1.3.2 สามารถใช้งานได้จริงไม่เป็นอันตรายใดๆ และสามารถต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใน อนาคตได้ 1.3.3 เพิ่มประโยชน์ให้กากกาแฟที่ไร้ประโยชน์ 1.3.4 สามารถทำสบู่ใช้ได้เอง ไม่เสียค่าใช้จ่าย 1.4 ขอบเขตการทำงาน 1.4.1 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา คณะอาจารย์และบุคลากร ในวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน จำนวน 30 คน 1.4.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา คณะอาจารย์และ บุคลากรในวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน จำนวน 30 คน 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.5.1 สบู่ (SOAP) คือสารเคมีที่เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ และ น้ำมันที่มาจากสัตว์หรือพืช ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า สปองซิฟิเคชั่น คุณสมบัติของสบู่ หรือผลที่ได้ จากการ สปองซิฟิเคชั่นนี้ จะสามารถละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน และสามารถเก็บไขมันไว้ได้จึงมี ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้เป็นอย่างดี


3 1.5.2 กากกาแฟ (Ground coffee) คือ เศษที่ได้จากการคั่วบดกาแฟแล้วนำไปชงดื่ม เรียบร้อยแล้ว จะถูกทิ้งภายหลังจากการสกัดเพื่อให้ได้น้ำกาแฟออกมา แต่ในกากกาแฟจะยังคงเหลือ สารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เรานิยมนำเอากากกาแฟมาใช้ในการดูแลผิวด้วย การผสมกับส่วนผสมตามธรรมชาติ ใช้ขัดหรือพอก ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย ก็ล้วนช่วยดึงเอา สารพิษตกค้าง เติมความใสให้ผิวสุขภาพดีได้ 1.5.3 น้ำผึ้ง (Honey) เป็นผลผลิตจากน้ำหวานของดอกไม้ ผึ้งงานจะเก็บน้ำหวานมาจาก ดอกไม้แล้วนำมาสะสมไว้ในรังผึ้ง ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและทางกายภาพบางประการจาก กระเพาะน้ำหวานของผึ้ง ซึ่งจะมีเอนไซม์จากต่อมน้ำลายขับออกมาเปลี่ยนหรือเมตาบอไลซ์น้ำตาล กลูโคสและฟรุกโทส ให้เป็นน้ำตาลแปรรูป (Invert Sugar) 1.5.4 โยเกิร์ต (Yoghurt) หรือ นมเปรี้ยว มีคำจำกัดความ หมายถึง น้ำนมโค หรือผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากน้ำนมโคที่เพาะด้วยเชื้อจุลินทรีย์ ทั้งนี้อาจเติมวัตถุอื่นที่จำเป็นต่อกรรมวิธีการผลิตหรืออาจ ปรุงแต่งสีและรสด้วยก็ได้ ความหมายในเชิงวิทยาศาสตร์การอาหาร นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักของนม โดยมีการเติมเชื้อจุลินทรีย์หรือยีสต์ลงไปเพื่อหมักให้เกิดกรดแล คติค ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีรสเปรี้ยว มีกลิ่นเฉพาะตัวตามแต่เชื้อที่ใช้ 1.5.5 ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกของประชากรที่ใช้ในการศึกษาที่มีต่อผลิตภัณฑ์ ดีบี สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยนเกิร์ต 1.5.6 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา หมายถึง ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา ของวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน 1.5.7 บุคลากรทางการศึกษา หมายถึง ผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่ ในวิทยาลัยเทคนิคบูรพา ปราจีน 1.5.8 นักเรียน หมายถึง ผู้ศึกษาอยู่ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ใน วิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน 1.5.9 นักศึกษา หมายถึง ผู้ศึกษาอยู่ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ใน วิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน 1.6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.6.1 ได้รู้ขั้นตอนวิธีการทำ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 1.6.2 ได้แนวทางในการประกอบอาชีพและต่อยอดเชิงพาณิชย์ 1.6.3 ได้ทราบถึงความพึงพอใจของผู้ใช้ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต


4 บทที่ 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง การศึกษาเรื่อง “โครงการผลิตภัณฑ์สบู่สครับกากกาแฟสผมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต”ผู้ศึกษาได้ ดำเนินการศึกษาเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 2.1 สบู่ 2.1.1 ความหมายของสบู่ 2.1.2 ประเภทของสบู่ 2.2 ส่วนผสม 2.2.1 เบสสบู่กลีเซอรีน 2.2.2 กากกาแฟ 2.2.3 โยเกิร์ต 2.2.4 น้ำผึ้ง 2.3 สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต 2.3.1 ความหมายของสบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 2.3.2 ประโยชน์ของสบู่กากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 2.4 ความพึงพอใจ 2.4.1 ความหมายของความพึงพอใจ 2.4.2 ลักษณะความพึงพอใจ 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.6 กรอบแนวคิดในการจัดทำโครงงาน 2.1 สบู่ 2.1.1 ความหมายของสบู่ คนสมัยก่อนไม่ได้ใช้สบู่ถูตัวเหมือนกับสมัยนี้การอาบน้ำในสมัยนั้นยุ่งยากมากต้องใช้ขี้เถ้า ผสม น้ำแล้วเอามาทาตัว จากนั้นก็ทาทับด้วยน้ำมันหรือ ไขมัน แล้วล้างออกด้วยน้ำ นับว่าเป็นความ ฉลาด ของคนในสมัยนั้น เพราะในทางวิทยาศาสตร์ องค์ประกอบเคมีของขี้เถ้ากับไขมันนั้น คล้ายกับ องค์ประกอบของสบู่มาก สบู่ก้อนแรกของโลกเกิดขึ้นบนแท่นบูชายัญ เมื่อ 2500 ปีที่แล้ว ชาวโรมันที่ อยู่ในพิธีสังเกตว่า เมื่อสัตว์ถูกเผาบนแท่นไม้ จะมีไขมันไหลออกมาและเมื่อฝนตกลงมาโดนใส่ไขมันนั้น


5 จะจับตัวแข็ง กลายเป็นก้อนไหลลงไปในลำธาร แม่บ้านที่เอาผ้ามาซักที่ลำธารได้นำเอาก้อนไขมันนี้มา ถูลงบนผ้าปรากฎว่าผ้าสะอาดขึ้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาไขมันแพะไปต้มกับขี้เถ้าจากการเผาไหม้ กลายเป็นสบู่ในยุคเริ่มแรกนอกจากก้อนไขมันแล้วยังมีวัตถุดิบธรรมชาติอย่างอื่นอีกที่คนสมัยก่อนนิยม เอามาใช้เป็นสบู่ โดยเฉพาะพืชและมีเรื่องประหลาดว่าเกิดขึ้นที่ เกาะไซโมลัสในทะเลอีเจียน ซึ่งมีก้อนบางอย่าง หน้าตาเหมือนสบู่เกิดขึ้นเองทั่วไปรอบๆ ทั้งเกาะ เมื่อลองเอามาถูตัวและซักผ้า ก็ สะอาดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเวลาฝนตกหนักเจ้าก้อนนี้ จะมีฟองออกมาเป็นจำนวนมาก จนทั้งเกาะปก คลุมไปด้วยฟองหนาและมีความสูงเกือบฟุตสบู่สมัยใหม่ที่เราเห็นว่าทั้งสวยทั้งหอม เริ่มมีขึ้นในปีค.ศ. 1879 แต่เดิมฝรั่งไม่ค่อยชอบอาบน้ำและไม่สนใจเรื่องโรคผิวหนังเท่าไร จนกระทั่งวงการแพทย์มี ข้อมูลว่าแบคทีเรียบนผิวหนังและเสื้อผ้าสามารถทำให้เป็นโรคร้ายแรงอื่นๆตามมาได้ ก็เลยเกิดความ ตื่นตัวในการใช้สบู่ถูตัวมากขึ้น ต่อมาสบู่ก้อนเกิดจากเหตุการณ์นึง เมื่อคนงานคนหนึ่งในโรงงานสบู่ ของ นายฮาร์เลย์ พร็อกเตอร์ ลืมปิดเครื่องปล่อยให้ส่วนผสมถูกตีอยู่ในเครื่องนานเกินไป แต่ส่วนผสม ที่ได้กลับมีความพิเศษตรงที่เบากว่าเดิมและลอยน้ำได้ พร็อกเตอร์ เลยจับมือ กับนักเคมีชื่อ เจมส์ แกมเบล ร่วมกันผลิตสบู่แบบใหม่ที่มีฟองนุ่ม เบา และลอยน้ำได้ เรียกว่า “สบู่ไอวอรี่” ซึ่งขายดีเป็นเท น้ำเทท่า จากนั้นก็มีการคิดค้นใส่สี กลิ่น และ คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ลงในสบู่ จนออกมาเป็นสบู่อย่างที่ เราใช้กันทุกวันนี้ ในสมัยโบราณ แม้ส่วนผสมของสบู่จะเป็นที่รู้จักกันบ้างแล้วและใช้กันอยู่ในเมโสโปเตเมีย แต่ ก็ยังไม่มีการนำเอามาทำสบู่ มีบ้างก็เอาส่วนผสมเหล่านี้ไปทำผงซักฟอก ซึ่งผงซักฟอกในสมัยคลาสสิก ก็ไม่ได้มีคุณภาพอะไรมากนัก ส่วนผสมในการทำผงซักฟอกของพวกเขาก็มี รำข้าว, แก้วหินภูเขาไฟที่ มีลักษณะพรุนคล้ายฟองน้ำ, ด่างในผัก ต่อมา พลีนี (Pliny หรือ Gaius หรือ Caius Plinius Secundus, ค.ศ.23 79, ถูกขนานนามว่า พลีนีผู้อาวุโส , เป็นนักธรรมชาติวิทยาชาวโรมัน) ได้เขียน บันทึกเรื่องชนิดของสบู่แบบอ่อนของชาวกอล (Gauls ชาวยุโรปโบราณอาศัยแถบเหนือของอิตาลี, ฝรั่งเศส, เบลเยียม) แต่นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่านั่นคือ น้ำมันใส่ผมที่ทำมาจากไขมันที่เมื่อผสม กับด่างแล้วไม่สามารถเป็นสบู่ได้ในโลกยุคกลาง (Middle Ages) มี การทำสบู่ในยุโรปโดยใช้ถ่านจาก ไม้ผสมกับไขมันสัตว์และน้ำมันปลา เป็นสบู่เหลวที่มีกลิ่นเหม็น พวกเขาใช้สำหรับทำความสะอาด เสื้อผ้า และก็ไม่ได้ใช้ทำความสะอาดร่างกายกันอย่างแพร่หลาย และโดยปกติชาวยุโรปก็มิได้ใช้สบู่ใน การทำความสะอาดร่างกายเลย และก็อย่าคาดหวังว่าในยุโรปจะมีการปรับปรุงการทำสบู่ก่อนกลาง ศตวรรษที่ 18 ซีเรีย เป็นแหล่งทำสบู่ก้อนที่มีชื่อเสียง ซึ่งใช้ทำความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะ นัก โบราณคดีได้ขุดพบหลักฐานการทำสบู่ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 8 ส่วนนักภูมิศาสตร์ในศตวรรษที่ 10 ได้ รายงานว่าเมือง นาบลุส (Nablus) ในปาเลสไตน์เป็นแหล่งส่งออกสบู่ที่โด่งดังมากของสมัยกลางสบู่ยัง ถูกผลิตขึ้นในดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิมุสลิม รวมทั้งอัล-


6 อันดาลุส (สเปนภายใต้การปกครองของมุสลิม) ที่ซึ่งน้ำมันมะกอกหาได้ง่ายดายมาก ในช่วงปี 1200 ที่ เมืองเฟซ (Fez) ประเทศ โมรอกโก ที่เดียวก็มีผู้ผลิตสบู่ถึง 27 ราย ในศตวรรษที่ 13 ยุโรปนำเข้าสบู่ จากดินแดนมุสลิมในเมดิเตอร์เรเนียน และส่งข้ามเทือกเขาแอลป์ไปยังยุโรปผ่านอิตาลีที่ยุโรปสมัย กลาง ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับทำสบู่เลย ที่เก่าแก่ที่สุดก็เป็นงานเขียนในปี 1547 ชื่อ The Secrets of Master Alexis of Piedmont ในงานเขียนของอาหรับ เราพบสูตรสั้นๆ ในผลงานด้านเคมีของอัล-ราซี นักวิทยาศาสตร์มุสลิมผู้ยิ่งใหญ่ ที่โลกตะวันตกรู้จักในนาม ราเซส (Muhammad ibn Zakarīya al-Rāzi เปอร์เซีย: رازی زكريای Zakaria ye Razi; อารบิก: ابو الرازی زكريا بن محمد بکر ;ละติน: Rhazes หรือ Rasis ค.ศ.865-925) ส่วนสูตรที่ละเอียด จริงๆ เป็นของ อัล-อันตากี (Da ud al-Antaki เสียชีวิตในปี 1599) แพทย์ชาวซีเรีย เขียนในสมัย ศตวรรษที่ 16 แต่ในบทความนี้เราจะเสนอสูตรทำสบู่อย่างละเอียดจากเอกสารที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ ล่าสุด เป็นสูตรสมัยศตวรรษที่ 13 เขียนไว้ใน Al-mukhtara` fi funun min al- suna` (Inventions from the Various Industrial Arts หรือ การคิดค้นจากศิลปะอุตสาหกรรม) ซึ่งถูกรวบรวมไว้โดย King al-Muzaffar Yusuf ibn `Umar ibn `Ali ibn Rasul กษัตริย์แห่งเยเมนในปี 1295และเพราะ สูตรนี้เป็นวิธีการทำสบู่ของชาวเยเมนซึ่งที่นั่นไม่มีน้ำมันมะกอก พวกเขาจึงใช้น้ำมันงาเป็นส่วนผสม แทน 2.1.2 ประเภทของสบู่ สบู่ในตลาดบ้านเราปัจจุบันมีความหลากหลายสูงมาก ถ้านับรวมตลาดห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตรวมถึง OTOP กับสบู่ที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยวแล้ว พอจะแยกได้ 6 ชนิดดังนี้ 2.1.2.1 สบู่กลีเซอรีน (Synthetic glycerine) ผลิตจากกลีเซอรีนเคมี มักเราพบเห็น เป็นก้อนขุ่น เดี๋ยวนี้มีคนเอามาทำเป็นดอกไม้, ผลไม้พร้อมกับใส่น้ำหอมกลิ่นผลไม้และสีลงไปเพื่อเพิ่ม ความฉูดฉาดให้น่าหยิบน่าจับ สบู่ประเภทนี้ไม่ควรเอามาอาบน้ำ เพราะมีโอกาสแพ้ได้มาก อาจทำให้ ผิวลอกเป็นขุยบางคนอาจคันหรือใช้แล้วผิวแห้ง วัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นเคมี 2.1.2.2 สบู่กลีเซอรีน เป็นสบู่ที่ใช้กลีเซอรีนเคมีเกรดดีขึ้นอีกหน่อยเพื่อทำสบู่ อาจใส่ active ingredients หรือสารสกัดบางตัวเพื่อให้ประโยชน์กับผิว ส่วนจะใช้กับตัวหรือใช้กับหน้าก็ แล้วแต่ผู้ผลิตเลยครับ ไม่อันตรายเท่าเกรดที่เป็นเคมีล้วน 2.1.2.3 สบู่ที่ขายตามร้านค้าหรือ Supermarket ทั่วไป สบู่ประเภทนี้ผลิตในแบบ Mass production คือผลิตครั้งละหลักแสนถึงหลายแสนก้อนในการผลิตแต่ละครั้ง ถือเป็นสบู่ที่ใช้กับ ทั่วไปเลย หลักๆคือใช้ถูตัว บางคนเอาไปซักล้าง อันนี้แล้วแต่ ภายนอกดูเป็นก้อนแข็งแต่เมื่อถูกน้ำ ส่วนใหญ่จะเละง่าย สบู่แบบนี้ก็มีทั้งคนใช้แล้วแพ้และไม่แพ้ ราคาไม่แพง


7 2.1.2.4 สบู่ที่เป็น Liquid soap หรือสบู่เหลวมีส่วนผสมของกลีเซอรีนและสารให้ ฟองเช่น SLS ส่วนใหญ่จะมีลักษณะขุ่น, เหลว ส่วนมีสีหรือไม่มีสีแล้วแต่สูตรการผลิต ใช้อาบน้ำและ สามารถเอาไปซักล้างได้ 2.1.2.5 สบู่เหลวคุณภาพดีกว่าสบู่ก้อนที่ขายในร้านค้า ข้อเท็จจริงคือ สบู่เหลวและ สบู่ก้อนที่ผลิตในเชิงอุตสาหกรรม (ที่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต) เป็นสบู่ที่ใช้สารชะล้างเป็นตัวทำให้ เกิดฟองเหมือนกัน ใส่น้ำหอมเหมือนกัน แต่สบู่เหลวสามารถสร้างความรู้สึกสะอาดสดชื่นได้มากกว่า เช่นฟองมากกว่าหรือกลิ่นหอมกว่าเท่านั้น แต่การที่ฟองมากกว่าไม่ได้หมายความว่าชะล้างได้ดีกว่า หรือสะอาดกว่าเจลอาบน้ำจัดได้ว่าเป็น “สบู่” ประเภทนึงที่เป็นทางเลือกของผู้บริโภค เพราะสามารถ ใส่ active ingredients หรือสารสกัดที่เป็นประโยชน์กับผิวได้มากกว่า 4 ประเภทแรก เพราะ เจ ลอาบน้ำส่วนใหญ่เป็นสูตรน้ำเพื่อใช้น้ำทำละลาย active ingredients ที่ผู้ผลิตใส่ลงไปเพื่อให้เหมาะ กับการเป็นสบู่มากกว่าสารชะล้าง แต่ยังมีผู้ผลิตที่ยังใช้สาร SLS เป็นส่วนผสมบ้าง 2.1.2.6 สบู่ธรรมชาติ (Natural soap) สามารถเรียกอีกอย่างได้ว่า “สบู่น้ำมัน” เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นน้ำมันธรรมชาติ (Nut oil, Seed oil, Grain oil) เอามาทำปฏิกริยาทาง เคมีระหว่าง Sodium Hydroxide (โซดาไฟ) กับน้ำ ซึ่งผลของการเกิดปฏิกริยาเคมีทำให้เกิดสารใหม่ คือ กลีเซอรีนธรรมชาติ (Natural Glycerine) แต่ยังคงคุณค่าของน้ำมันที่ให้คุณประโยชน์กับผิว สูตร การผลิตของสบู่ประเภทนี้มีความเป็นธรรมชาติสูงมากถึง 90% + การผลิตสบู่ประเภทนี้ใน ต่างประเทศถือเป็นงาน Craft งานนึงเลย `2.2 ส่วนผสม 2.2.1 เบสสบู่กลีเซอรีน ภาพที่ 2.1 เบสสบู่กลีเซอรีน


8 ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของ “สบู่” สักแบรนด์ได้ ทำให้อัตราการแข่งขันในตลาดมี เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว การมองหา “ตัวช่วยเพิ่มมูลค่า” ให้กับ“สบู่” ที่คุณกำลังจะสร้างจะทำหรือกำลังจะ ผลิตจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพราะจะทำให้สบู่ของคุณมีมูลค่ามีความแตกต่างน่าจับต้องและน่าซื้อมาก ยิ่งขึ้นประกอบกับเทรนด์คนรักสุขภาพที่มากขึ้นในปัจจุบันจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าจะทำ “สบู่” ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดทั้งทีก็ต้องเป็นสบู่ที่ดีต่อผิวอ่อนโยนต่อผู้ใช้รวมถึงมีสารสกัดจาก ธรรมชาติเป็นส่วนประกอบในสบู่นั้นๆด้วยรู้จัก“สบู่”ก่อนผลิต“สบู่”จุดเด่นของสบู่มักจะอยู่ที่การฟอก แล้วมีฟองขึ้นมาให้ได้สัมผัสซึ่งกว่า 50% ของสบู่ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด จะใช้กรดไขมันที่ต้องใช้ สารเคมีเพื่อสกัดออกมาแต่กระบวนการดังกล่าวจะให้“ฟองน้อยและมีความอ่อนโยนต่อผิวต่ำ” จึงต้องมีการเติมสารเพิ่มฟองและสารลดการตึงผิวเข้าไป[สังเกตว่าล้างหน้าด้วยสบู่แล้วผิวหน้าจะแห้ง ตึงกว่าปกติ ก่อนออกวางจำหน่ายให้กับผู้บริโภคได้เลือกซื้อ“เบสสบู่กลีเซอรีน”ตัวช่วยของคนอยาก ทำธุรกิจนอกจากการเติมสารเพิ่มฟองและลดการตึงผิวแล้วยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วย “เพิ่มมูลค่า” และ “สร้างความแตกต่าง” ให้กับสบู่ของคุณได้คือ“เบสสบู่กลีเซอรีน” หนึ่งในวัตถุดิบ [หัวเชื้อสบู่] สำคัญที่ ช่วยลดการเติมสารเคมีให้กับสบู่ของคุณ โดยเบสสบู่กลีเซอรีนคือ“เบสธรรมชาติ”ที่ไม่จำเป็นต้องเติม สารเพิ่มฟองใดๆ ให้กับสบู่ ของคุณอีกเพราะเบสชนิดนี้ผลิตจากไขมันพืชและน้ำด่างก่อนนำเข้าสู่ กระบวนการผสานกับสูตรผสมที่ลงตัว จนกลายเป็น“สบู่กลีเซอรีนแบบธรรมชาติ”ที่มีคุณภาพ มากกว่าอ่อนโยนต่อผิวผู้ใช้อย่างเห็นได้ชัดมีคุณสมบัติช่วยชะล้างสิ่งสกปรกทำความสะอาดผิวได้เป็น อย่างดีทำไมต้อง “เบสสบู่กลีเซอรีน”การใช้เบสสบู่กลีเซอรีน ไม่เพียงแต่เป็นการลดการใช้สารเคมีที่ ไม่จำเป็นเท่านั้น แต่เบสสบู่ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาแต่ละสูตรจะช่วยดึงคุณค่าของสมุนไพรที่เติมลงไปในเบส ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นซึ่งเบสสบู่กลีเซอรีนมีหลายชนิดให้คุณเลือกใช้เช่นเบสสบู่นม แพะสดที่มีการผสมนมแพะสดลงไป ตั้งแต่ขั้นตอนของการทำเบสสบู่ จึงทำให้เนื้อเบสสบู่มีฟอง ละเอียดหนานุ่มให้สัมผัสเหมือนได้อาบน้ำนมทุกครั้งที่ใช้, เบสสบู่ กลีเซอรีน ผสมว่านหางจระเข้สด ที่ เลือกใช้ว่านหางจระเข้จากแปลงปลูกแบบเกษตรอินทรีย์จาก อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ มาเป็น ส่วนประกอบในเบสสบู่และใส่เนื้อว่านลงไปเต็มๆ จึงทำให้ได้สบู่ที่ฟองละเอียดช่วยบำรุงผิวทำให้ผิว แลดูกระจ่างใสผิวนุ่มเนียน เหมาะกับการผลิตสบู่เพื่อผิวขาว กระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัด เบสสบู่กลีเซอ รีนต้อง “Natural Soap Base” Natural Soap Base ไม่เพียงแต่ผลิตจัดจำหน่ายเบสสบู่ธรรมชาติที่ ไม่ต้องใช้สารเพิ่มฟองสารซักฟอกในการผลิตสบู่เท่านั้น แต่ NaturalSoapBase เรายังมุ่งมั่นคิดค้น พัฒนาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ “เบสสบู่กลีเซอรีน” แต่ละสูตรที่ดีที่สุดด้วยประสบการณ์การพัฒนา สูตรในห้องแลปวิจัยที่ได้มาตรฐานยาวนานมากว่า 5 ปี โดยมีอาจารย์จากคณะเภสัชกรรม


9 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่คอยให้คำปรึกษาดูแลด้านการผลิตและควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิด ไม่เพียง เท่านั้นNaturalSoapBaseยังเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดจากไขมันพืชที่เหมาะสมกับสบู่แต่ละสูตร โดยเฉพาะ ใช้น้ำด่างน้ำตาลจากโรงงานที่ได้มาตฐาน และส่วนผสมที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพพร้อม มอบเอกสารแจ้งแหล่งที่มาของวัตถุดิบ, การตรวจมาตรฐานของสินค้าที่คุณสามารถนำไปแนบแสดง เพื่อเพิ่มความมั่นใจเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นอีกด้วย แค่คุณมีไอเดียพร้อม กับเลือกเบสสบู่กลีเซอรีนในแบบที่ใช่ของตัวเอง แล้วนำไปต่อยอดสร้างรายได้ทันทีตั้งแต่ตอนนี้ 2.2.2 กากกาแฟ ภาพที่ 2.2 กากกาแฟ ประโยชน์ของกากกาแฟ หากพูดถึงเครื่องดื่มที่คนทั่วโลกนิยมดื่มมากที่สุด หนึ่งใน นั้นจะต้องมีกาแฟติดอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะกาแฟคือเครื่องดื่มที่สามารถชงได้หลากหลาย รูปแบบ และยังมีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างจากเครื่องดื่มทั่วไป โดยเฉพาะกาแฟสดที่ชงจากเมล็ด กาแฟคั่วบดใหม่ ๆ ผ่านการกรองหรือการบีบอัด จนได้น้ำกาแฟที่กลั่นจากเมล็ดกาแฟคุณภาพ ก็ยิ่ง เป็นที่ชื่นชอบของคอกาแฟทุกครั้งที่ทำเมนูกาแฟสด จะมีสิ่งหนึ่งที่เหลือจากการปรุงกาแฟเสมอ นั่น คือ “กากกาแฟ” ที่มักถูกมองข้ามเพราะได้คั้นเอาน้ำกาแฟหอมๆ ออกมาจนหมดแล้ว แต่ทราบ หรือไม่ว่าประโยชน์ของกากกาแฟนั้นมีหลากหลาย สามารถเป็นผู้ช่วยประจำบ้านของใครหลายคนได้ ดีเลยทีเดียว กากกาแฟ (Ground coffee) คือ เนื้อของเมล็ดกาแฟคั่วบดที่ผ่านการชง หรือการสกัด เอาน้ำกาแฟออกมา ส่วนที่เหลือจะเป็นกากแห้งๆ หรือเศษกาแฟที่ดูไร้ค่าและถูกทิ้งไปอย่างน่า เสียดายทั้งที่จริงๆแล้วกากกาแฟสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือน หรือแม้กระทั่งดูแลผิวพรรณ ได้ด้วยประโยชน์ของกากกาแฟมีมากกว่าที่คิด ด้วยคุณสมบัติเรื่องกลิ่น เนื้อสัมผัส และสารอาหารบาง ชนิดที่ค้างอยู่ในกากกาแฟ จึงสามารถนำไปใช้งานในครัวเรือนได้แบบครอบจักรวาล และนี่คือตัวอย่าง การนำกากกาแฟไปใช้ประโยชน์ปกติเรามักเอาน้ำใส่ชามมารองขาตู้กับข้าว ป้องกันไม่ให้มดไต่เข้าตู้ แต่ปัญหาคือยุงที่มักมาวางไข่ในชามใส่น้ำ แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้กากกาแฟทาที่ขาตู้ ก็จะแก้ปัญหามด


10 ไต่ตู้กับข้าวได้แล้วกากกาแฟสามารถใช้แทนถ่านไม้เพื่อดูดกลิ่นในตู้เย็นได้ดี หากที่บ้านชงกาแฟดื่มเอง และมีกากกาแฟอยู่แล้ว หรือสามารถหยิบได้จากร้านกาแฟ วิธีนี้ตอบโจทย์และได้ผลดี ไม่มีกลิ่นอับมา กวนใจอีกเลยกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดได้ทุกที่ โดยเฉพาะในบ้านและรถยนต์ หากเกิดแล้วย่อมทำลาย บรรยากาศ หรือทำให้บ้านไม่น่าอยู่ ปัญหานี้กากกาแฟช่วยได้ เพียงนำกากกาแฟห่อด้วยผ้าแล้ววางไว้ ในรถ หรือมุมต่างๆ ของบ้าน แม้จะเป็นพื้นที่กว้าง กากกาแฟมีสรรพคุณเด่นเรื่องการดูดกลิ่นอยู่แล้ว รับรองว่าได้ผลไม่แพ้กากกาแฟดูดกลิ่นใน ตู้เย็นกลิ่นของกาแฟนั้นดึงดูดแมลงสาบสุดๆ เราจึงสามารถทำที่ดักแมลงสาบโดยการ นำกากกาแฟที่ ใช้แล้วมาใส่ลงในขวดโหลหรือกระป๋อง จากนำกาว 2 หน้ามาติดที่ปากกระป๋องด้านใน นำไปตั้ง บริเวณที่มแมลงสาบชอบเดินผ่าน เมื่อแมลงสาบได้กลิ่นและเดินเข้าไปในขวดโหลก็จะตายในที่สุด เครื่องใช้ในครัวอย่างหม้อ หรือกระทะ ที่มักมีคราบเปรอะเปื้อนและรอยไหม้จากการใช้งาน สามารถ ทำให้กลับมาเหมือนใหม่ได้ แค่นำกากกาแฟมาบรรจุถุงผ้าขนาดพอดีมือจับ แล้วนำไปขัดหม้อ กระทะ ที่มีคราบฝังแน่น ก็จะสะอาดได้อย่างง่ายดาย แถมช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วยอีกประโยชน์ของ กากกาแฟที่หลายคนยังไม่ทราบ เพียงนำกากกาแฟผสมน้ำร้อนและน้ำยาล้างจานนิดหน่อย ค่อย ๆ เท ลงในท่อน้ำที่อุดตัน จะช่วยแก้ปัญหาโดยไม่ต้องใช้โซดาไฟที่ออกฤทธิ์รุนแรง สามารถใช้ได้ทั้งท่ออ่าง ล้างจาน อ่างล้างหน้า หรือท่อในบริเวณอื่นๆ ทั่วไปเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลยาก เกิดริ้ว รอยง่าย สามารถแก้ปัญหาเมื่อเกิดรอยขีดข่วนได้โดยใช้กากกาแฟ ผสมกับน้ำมันมะกอก ทาทับ บริเวณที่มีร่องรอยกวนใจ ทิ้งไว้สักพักจึงเช็ดออก รอยเหล่านั้นก็จะค่อยๆหายไปกากกาแฟไม่เป็น อันตรายต่อสัตว์เลี้ยง แถมมีคุณสมบัติเรื่องกลิ่นที่ช่วยป้องกันเจ้าสี่ขา โดยเฉพาะน้องแมวไม่ให้ไป รบกวนแปลงปลูกต้นไม้ ด้วยการผสมกากกาแฟและเปลือกส้ม โรยไว้รอบๆ บริเวณที่ไม่ต้องการให้ น้องเข้าไป หรือสำหรับน้องสุนัข กากกาแฟสามารถขจัดเห็บหมัดที่ดึงออกยากได้แค่ผสมเข้ากับแชมพู อาบน้ำของน้องๆช่วยกำจัดเห็บหมัดจากสัตว์เลี้ยงหากสัตว์เลี้ยงของคุณรู้สึกทนทุกข์ทรมานกับเห็บ หมัด คันยุบยิบจะดึงออกก็ลำบากเสียจริง ให้เจ้าของผสมกากกาแฟเข้ากับแชมพูอาบน้ำน้องของสัตว์ เลี้ยง จะช่วยกำจัดเจ้าเห็บหมัดจอนป่วนให้หายไปลดกลิ่นอับของรองเท้าเพียงนำกากกาแฟที่ตากแห้ง แล้ว ใส่ในถุงผ้าเล็ก หรือห่อด้วยผ้าแล้วมัดไว้ แล้วยัดลงในรองเท้า ทิ้งไว้ 2-3 วัน เพียงเท่านี้กลิ่นเหม็น ของรองเท้าก็จะถูกกำจัดออกไปดึงดูดหนอนไส้เดือนสู่แปลงปลูกหนอนไส้เดือนคือผู้ช่วยพรวนดินชั้นดี ให้กับแปลงปลูก เพราะเข้าไปซอกซอนในดิน ช่วยให้ดอกไม้ ต้นไม้เจริญเติบโตดี หากยากเพิ่มหนอน ไส้เดือนในแปลงปลูก ก็แค่เอากากกาแฟมาโรยที่แปลง กลิ่นของกากกาแฟจะดึงดูดหนอนไส้เดือนเข้า มาเพิ่มได้เร่งประสิทธิภาพให้ปุ๋ยอินทรีย์กากกาแฟให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมต่อการทำเกษตรแบบอินทรีย์ โดยเฉพาะคนรักต้นไม้ที่นิยมทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง แนะนำให้เติมกากกาแฟลงไปในถังหมักทุกครั้ง จะทำ


11 ให้ได้ปุ๋ยคุณภาพดี เร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้ได้แบบเห็นผลปลี่ยนดอกไม้ให้เป็นโทนสีฟ้าดอกไม้ บางชนิดสามารถเปลี่ยนสีได้ เมื่อค่า pH ในดินเปลี่ยนแปลง โดยการโรยกากกาแฟไว้ที่ดินกากจะไป ลดค่า pH ในดินให้ต่ำลง แล้วเรื่องน่าทึ่งก็เกิดขึ้น เมื่อดอกไม้กลายเป็นสีฟ้าไปโดยปริยายช่วยลดรอย คล้ำของริมฝีปากหากใครมีปัญหาริมฝีปากคล้ำ สามารถนำกากกาแฟมาผสมกับน้ำผึ้ง ทำเป็นมาส์ กปาก เพื่อบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่น ไม่แห้งแตก และมีสีที่สดใสขึ้นได้ สครับเพื่อการดูแลผิวพรรณหลาย คนอาจเคยเห็นสครับกาแฟที่วางขายทั่วไป สครับเหล่านั้นเราเองก็สามารถทำได้ที่บ้านโดยใช้กาก กาแฟมาตากให้แห้งและเก็บไว้สำหรับขัดถูทำความสะอาดร่างกาย สามารถใช้ผสมกับน้ำนมหรือครีม ก็ได้ เพื่อเพิ่มความลื่นละมุน แนะนำให้ใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ นำไปใช้ได้ดีกับผิวส่วนที่ดำด้าน เช่น ข้อศอก และควรหลีกเลี่ยงส่วนที่บอบบางเช่น จุดซ่อนเร้น หรือใบหน้า ข้อสำคัญคือกากกาแฟที่ นำมาใช้ต้องเป็นแบบที่บดละเอียด และสะอาดเท่านั้นสำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟ และศึกษาเรื่องราว เกี่ยวกับกาแฟมาบ้างย่อมทราบว่าประโยชน์ของกากกาแฟมีมากกว่าแค่รสชาติ หรือ คาเฟอีน เพราะกากกาแฟที่หลายคนนำไปทิ้ง ก็สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายไม่แพ้กัน สำหรับใครที่ชง กาแฟดื่มเอง หรือมีแหล่งที่แจกจ่ายกากกาแฟเพื่อให้ประโยชน์ แนะนำให้ลองนำมาใช้ในครัวเรือน แล้วจะพบว่ากากกาแฟคือของมีค่า ที่ครั้งหน้าต้องเก็บไว้ใช้อีกครั้งวิธีเก็บรักษากากกาแฟไม่ให้ขึ้นรา นำไปตากแดด ควรนำกากกาแฟสดที่ได้มา ไปวางตากแดดให้แห้ง สังเกตได้จากสีของกากกาแฟจะ เป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ โดยสามารถบี้ให้กากกาแฟไม่อัดแน่นเป็นก้อน เพื่อให้แน่ใจว่ากากกาแฟของเราไม่ มีความชื้นหลงเหลืออยู่ หลังจากตากจนแห้งสนิท ให้นำกากกาแฟมาพักในบ้านให้คลายความร้อน ก่อน จึงเก็บใส่ขวดโหล หรือภาชนะที่ปิดสนิทไม่มีอากาศเข้าได้ค่ะหากใครไม่สะดวกนำกากกาแฟไป ตากแดด เราขอแนะนำวิธีนี้เลย นำกากกาแฟเข้าไมโครเวฟ วิธีนี้ประหยัดเวลาสุดๆ โดยการบี้กาก กาแฟให้ไม่เป็นก้อน แล้วนำกากกาแฟเข้าไมโครเวฟ 2-3 นาที (คอยเปิดดูเพื่อระวังกากกาแฟไหม้) จากนั้นเมื่อกากกาแฟแห้งสนิทนำกากกาแฟมาพักให้คลายความร้อน แล้วเก็บใส่ขวดโหล หรือภาชนะ ที่ปิดสนิทไม่มีอากาศเข้าได้ สามารถเก็บกากกาแฟไว้ในอุณภูมิห้อง โดยไม่จำเป็นต้องนำเข้าตู้เย็นกาก กาแฟกับการย้อมผ้าแม้ว่ารสชาติความอร่อยจะถึงคั้นออกมาจนหมดและเหลือแค่เพียงส่วนของกาก กาแฟอย่างเดียวแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ของมันก็คือสีน้ำตาลอ่อนๆที่สามารถนำเอาใช้เป็นสีสำหรับ การมัดย้อมผ้าแบบง่ายๆให้กลิ่นอายความคลาสสิคที่สามารถเอาไปประยุกต์สำหรับการย้อมผ้าได้อย่า หลากหลายที่สำคัญยังมีความปลอดภัยจากสารเคมีด้วยสีที่มาจากธรรมชาติกากกาแฟกับ ส่วนประกอบสำคัญในการทำปุ๋ยหมักชีวภาพปุ๋ยหมักชีวภาพคือการสร้างสรรค์อาหารสำหรับพืชพันธุ์ ด้วยระบบที่ปลอดภัยจากสารเคมี เป็นแนวทางเกษตรอินทรีย์ที่ใช้สำหรับการปลูกผักออร์แกนิก ส่วน ในการทำปุ๋ยชนิดนี้ยังเป็นการนำเอาวัตถุดิบเหลือใช้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเศษผลไม้ เศษอาหาร


12 หรือเศษใบไม้มาใช้เป็นส่วนผสม การนำเอากากกาแฟมาใช้เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบ จะช่วยกระตุ้น คุณสมบัติของปุ๋ยหมักให้มีคุณค่าทางอาหารสำหรับพืชได้มากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มแร่ธาตุบางชนิดที่ หาได้ยาก ช่วยทำให้พืชพันธุ์เจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรงกากกาแฟกับการบำรุงดินและ ป้องกันศัตรูพืชเนื่องจากรสชาติของกาแฟที่มีความขมอ่อนๆ ทำให้แมลงศัตรูพืชบางชนิดที่เดินผ่านเข้า มาในเขตแดนของแปลงปลูกไม่กล้าเข้าใกล้ เนื่องจากจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นและความขมของกาแฟที่ไม่ น่าภิรมย์สำหรับมัน การนำกากกาแฟมาใช้เพียงแค่โรยไว้รอบๆพื้นที่เพาะปลูกบนหน้าดิน รอบๆ โคน ต้นไม้และดอกไม้ที่ต้องการ ซึ่งนอกจากความขมของมันแล้ว ความหยาบของกากยังช่วยป้องกันเหล่า หอยทากไม่ให้สามารถเลื้อยเข้ามาในแปลงปลูกได้อีกด้วยกากกาแฟกับการกำจัดกลิ่นอันไม่พึง ประสงค์คุณสมบัติที่น่าสนใจของกากกาแฟเหลือใช้ คือความสามารถในการดูดซับกลิ่นที่ไม่พึง ประสงค์ทั้งหลายแหล่ เราสามารถนำเอากากกาแฟเทใส่ถ้วยหรือถุงผ้าไว้ตามซอกของตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า หรือภายในห้องเพื่อช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ โดยเฉพาะในตู้เย็นที่เต็มไปด้วยกลิ่นของอาหารคาว หวานมากมายตีกันภายในอีกทั้งเรายังสามารนำเอากากกาแฟมาใช้ดับกลิ่นเหม็นอับภายในรองเท้า หลังจากถอดรองเท้าแล้วให้นำกากกาแฟมัดใส่ถุงผ้า ยัดเอาไว้ในรองเท้าทุกครั้งหลังการใช้งาน หรือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 2.2.3 โยเกิร์ตธรรมชาติ ภาพที่ 2.3 โยเกิร์ตธรรมชาติ ส่วนประกอบของโยเกิร์ตหลักของโยเกิร์ต คือ นมหรือผลิตภัณฑ์นม เช่น นมสด พร่องมันเนย ครีมสด (ไขมัน เนยร้อยละ 30-48) นมข้นขาดมันเนย นมผง พร่องมันเนย วัตถุเจือปน อาหาร ได้แก่ : วัตถุให้ความหวาน ปกติที่ใช้ส่วนใหญ่ คือซูโครสหรือน้ำตาลทราย ในลักษณะเป็นผง หรือของเหลว อาจใช้น้ำตาลอ้อยดิบ น้ำผึ้ง หรือน้ำผลไม้ที่เข้มข้น ประโยชน์ของโยเกิร์ต คือ ผลิตภัณฑ์จากนมซึ่งเกิดจากการหมักระหว่างนม และโปร ไบโอติกส์ หรือ แบคทีเรียดี ๆ ที่ยังมีชีวิต เมื่อเรากินเข้า ไป แบคทีเรียเหล่านี้ก็จะไปสร้างความสมดุล


13 ให้จุลินทรีย์เจ้าถิ่นในลำไส้ ผลก็คือ ระบบขับถ่ายและสุขภาพโดยรวมของเราจะดีขึ้นนั่นเองโยเกิร์ต เป็นอาหารที่ดูดี มีชาติตระกูล เหมาะกับสาวรุ่นใหม่อย่างเราเป็นที่สุดแต่เบื้องหลังหน้าตาสวยใส การ ทานโยเกิร์ตที่ได้ผลที่สุดควรจะทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีการ แต่งกลิ่นแต่งรสเพิ่มน้ำตาลลงไป แต่ถ้าไม่ชอบความเปรี้ยวของมัน จะเอาไปทานแทนมายองเนสหรือปั่นรวมกับผลไม้ให้เป็นน้ำผลไม้ อร่อยๆ ก็เป็นไอเดียที่ดี ทีมงาน toptenthailand ขอเสนอ 10 ประโยชน์ของโยเกิร์ตที่คุณอาจยังไม่รู้ มาก่อนโยเกิร์ตช่วยลดกลิ่นปาก ฟันผุ โรคเหงือกมีการวิจัยจากแดนปลาดิบโน้นว่า การเลือกทานโย เกิร์ยสูตรไร้น้ำตาลนั้นจะช่วยลดอาการกลิ่นตุๆ ที่ปากได้ นอกจากนี้แมงก็ไม่มีทางกินฟันให้ผุแน่นอน แถมยังไม่มีโรคเหงือกให้เจ็บปวดเล่นอีกด้วยล่ะ ขอบอกนิดๆ น่ะว่าที่เราไม่มีกลิ่นมากนั้นก็เนื่องมาจาก แบททีเรียสองสหายทั้งแลคโตบาซิลลัสและสเตร็ปโตค็อสคัส ต่างช่วยกันขยันขันแข็งทำลายปริมาณ ไฮโดรเจนซัสไฟด์ที่เป็นต้นเหตุของอาการ กลิ่นปากนั้นเอง โยเกิร์ตย่อยง่ายกว่านมสาวๆ หลายคนร้อง อี้เมื่อได้ยินคำว่านม ก็เพราะว่าดื่มนมทีไรมีอันต้องวิ่งเข้าห้องน้ำกันแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว นั่น เพราะว่าคุณนั้นไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในน้ำนมได้ แต่ถ้าคุณหันมาทานโยเกิร์ตรับรองได้ ว่าไม่มีปัญหาเรื่องท้องเสียอย่างแน่นอน จ้า เพราะขั้นตอนการทำโยเกิร์ตนั้นน้ำตาลแลตโตสจะถุก เปลี่ยนเป็นน้ำตาลกาแลคโต สและกลูโคส โยเกิร์ตจึงทานง่ายแถมยังย่อยง่ายไร้ปัญหาโยเกิร์ตย่อยง่าย โยเกิร์ตย่อยง่าย เพราะน้ำตาลแลคโตสเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดการแพ้นมหรือท้องเสียถูกเปลี่ยน เป็น กรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนนี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนนม เคซีน ซี่งเป็น โปรตีนย่อยยาก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโตสและ โปรตีนเคซีนป้องกันมะเร็งได้ป้องกันมะเร็งได้ด้วย เพราะแลคโตบาซิลัสจะสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง ได้ และช่วยยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรท ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่งช่วยป้องกัน โรคหลอดเลือดหัวใจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะแลคโตบาซิลัสในนมเปรี้ยวจะช่วย ควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจได้. ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ง่ายขึ้นช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ง่ายขึ้น และกรดแลคติคใน นมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วยให้การย่อยแคลเซียมในนมดีขึ้นแก้ท้องเสียคนที่ท้องเสียเป็นเพราะมี เชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทั้งหลายการกิน โยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาอย่างรวดเร็วทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่ายมีวิตามินให้ วิตามินโดยเฉพาะไรโบฟลาวิน หรือ วิตามินบี 1 และวิตามินเคที่นมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วย สังเคราะห์วิตามินในลำไส้ป้องกันแผลในกระเพาะป้องกันแผลในกระเพาะ แล็กโตบาซิลลัสจะช่วย หยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ H.Pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะกว่า 90%ส่งเสริม ภูมิคุ้มกันส่งเสริมภูมิคุ้มกัน มีการศึกษามากมาย ชี้ว่าการกินโยเกิร์ตทุกๆ วันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ


14 ในร่างกาย ดังนั้น โปรไบโอติกส์สำคัญมากๆ เพราะมันช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับเซลล์ ซึ่งจะ ปกป้องคุณจากไวรัส ปรสิต และมะเร็ง คุณจะได้มีชีวิตยืนยาวยิ่งขึ้น 2.2.4 น้ำผึ้ง ภาพที่ 2.4 น้ำผึ้งธรรมชาติ ประโยชน์ของน้ำผึ้ง คือ (Honey) คือผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้และจากแหล่ง อื่น ๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้ว สะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้น ๆ จึงทำให้ สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกส้ม ดอกลำไย ดอกลิ้นจี่ ก็จะ แตกต่างกันออกไป ซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มนานาชนิด น้ำผึ้งมี ส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรักโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและ แร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 กรดโฟลิก วิตามิน ซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุ ทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสาร ที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลักน้ำผึ้งช่วยดีทอกซ์ร่างกายสรรพคุณของน้ำผึ้งข้อแรกที่ หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ก็น้ำผึ้งสามารถช่วยดีทอกซ์ร่างกายได้ โดยในน้ำผึ้งมีแบคทีเรียชนิดดีทั้ง “โพรไบโอติกส์”และ“แลคโตบาซิลัส”ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง และสามารถขับถ่ายได้ดียิ่งขึ้น โดยสูตร การใช้สรรพคุณของน้ำผึ้งในข้อนี้ วัตสันขอแนะนำให้ลองนำน้ำผึ้ง ผสมกับน้ำอุ่น และมะนาว ดื่ม 1 แก้วใหญ่ ๆ ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน ก่อนจะอาบน้ำแปรงฟัน รับรองว่าจะช่วยให้สามารถขับถ่ายได้ดี รู้สึกโล่งสบายรับยามเช้าแน่นอนน้ำผึ้งช่วยบรรเทาอาการหวัด และเจ็บคออย่างที่รู้กันดีว่าสรรพคุณ ของน้ำผึ้งในทางยานั้นมากมาย สรรพคุณของน้ำผึ้งที่นิยมมาใช้กันนั่นก็คือช่วยเพิ่มความชุ่มคอในช่วง ที่มีอาการเจ็บคอ แต่รู้หรือไม่ว่าสรรพคุณทางยาของน้ำผึ้งนั้นยังสามารถช่วยบรรเทาอาการหวัดได้อีก ด้วย เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อได้ด้วย หากเริ่มมีอาการหวัด และเจ็บคอเมื่อไหร่อย่าลืมนึกถึง


15 สรรพคุณของน้ำผึ้งที่ช่วยบรรเทาอาการได้ เพียงแค่ผสมกับน้ำอุ่นและค่อย ๆ จิบทั้งวัน รับรองว่าช่วย ได้แน่นอนน้ำผึ้งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดอีกสรรพคุณของน้ำผึ้งที่น่าสนใจ เป็นอย่างยิ่ง และหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ก็คือน้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการช่วยลดความเสี่ยงการเกิด โรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดอย่างเช่นช่วยลดความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือดได้ อาจจะเป็นเพราะน้ำตาลที่พบในน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลประเภทฟรุกโตส ซึ่งให้ความหวานเทียบเท่ากับ น้ำตาลปกติ แต่ให้แคลอรีน้อยกว่า และยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นได้ช้ากว่าน้ำตาลปกติ น้ำผึ้ง ยังเป็นน้ำตาลที้เกิดจากผลไม้และดอกไม้ตามธรรมชาติ สรรคุณของน้ำผึ้งจึงมีวิตามินต่าง ๆ ที่มี คุณประโยชน์มากต่อร่างกายอีกด้วยน้ำผึ้งช่วยรักษาแผลเนื่องจากสรรพคุณของน้ำผึ้งนั้นสามารถช่วย ฆ่าเชื้อได้ ดังนั้นน้ำผึ้งก็สามารถช่วยรักษาแผล และสมานแผลให้แผลหายได้เร็วขึ้นด้วย โดยสามารถ ใช้ได้กับทั้งแผลสดและแผลเปื่อย โดยแผลสดก่อนที่จะใช้น้ำผึ้ง ควรล้างแผลให้แห้งด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาแผลด้วยน้ำผึ้งก่อนที่จะปิดด้วยผ้าพันแผล และเปิดแผลออกมาล้างทุกวันและทาด้วยน้ำผึ้ง ซ้ำ เนื้อแผลจะค่อยๆ เป็นเนื้อแดงโดยไม่มีหนองและไม่ติดเชื้อ และก็จะมีผิวหนังใหม่ขึ้นมาปกคลุม แผล ส่วนแผลเปื่อยที่มีหนอง หรือคราบหนองให้ทำความสะอาดแผล และเอาหนองออกก่อน แล้ว ค่อยรักษาแผลด้วยน้ำผึ้งตามวิธีการข้างต้นได้เช่นเดียวกันน้ำผึ้งช่วยให้หลับสบายสรรพคุณของน้ำผึ้ง นอกจากช่วยในด้านสุขภาพแล้ว สรรพคุณของน้ำผึ้งในการช่วยเรื่องความผ่อนคลายก็สามารถทำได้ดี ไม่แพ้กัน สำหรับใครที่มักจะมีอาการนอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท วัตสันขอแนะนำให้นำน้ำผึ้ง ผสมกับน้ำอุ่นหรือนมอุ่น ความหวานของน้ำผึ้งจะไปช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกดี และรู้สึกผ่อนคลายได้ มากขึ้น และในน้ำผึ้งยังมีกรดเดซิโนอิคที่มีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดี และช่วยบรรเทา อาการนอนไม่หลับได้อีกด้วยน้ำผึ้งช่วยชะลอวัยหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินมาว่า สรรพคุณของน้ำผึ้ง นั้นเป็นยาอายุวัฒนาช่วยในการชะลอวัยได้ เป็นเพราะในน้ำผึ้งมี สารอนุมูลอิสระในกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติสุดมหัศจรรย์ทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเต่ง ตึงในการผิวพรรณ ทำให้การเกิดรอยเหี่ยวย่นเป็นไปได้ช้าลง ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้ดูสวยงาม ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ และยังช่วยลดระดับคลอเรสเตอรัลในเส้นเลือดได้อีก ด้วย วิธีการใช้สรรพคุณของน้ำผึ้งก็ง่ายแสนง่าย เพียงรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง หรือใช้ แทนน้ำตาลในมื้ออาหารต่าง ๆ ก็จะช่วยให้ร่างการได้รับสรรพคุณของน้ำผึ้งได้แล้วน้ำผึ้งช่วยให้ผิวสวย สรรพคุณของน้ำผึ้งในด้านความสวยความงามก็ถือว่าเด็ดไม่แพ้สมุนไพร และสารจากธรรมชาติอื่น ๆ โดยสรรพคุณของน้ำผึ้งในแง่ของความงามนั้นสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกบนผิวหน้า และในน้ำผึ้งยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าสูตรการมาส์กหน้าด้วยตนเองก็มักจะหยิบเอาสรรพคุณของน้ำผึ้งมาเป็น


16 ส่วนผสมเสมอ โดยสูตรมาร์คหน้าด้วยน้ำผึ่งง่ายๆ ที่วัตสันอยากจะนำมาแนะนำก็คือ กล้วยบด ผสม กับโยเกิร์ต และน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้าไว้ซักประมาณ 15 นาที รับรองว่าผิวหน้าเนียน นุ่ม ใส อย่าง แน่นอนน้ำผึ้งช่วยบำรุงเส้นผมสรรพคุณของน้ำผึ้งข้อสุดท้ายที่จะหยิบยกมาเป็นข้อมูลให้กับชาววัตสัน นั่นก็คือการใช้น้ำผึ้งช่วยในการบำรุงเส้นผม โดยสรรพคุณของน้ำผึ้งนั้นจะช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรง มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจจะสะสมอยู่บนหนังศีรษะโดยที่ไม่รู้ตัว โดยวิธีการใช้ สรรพคุณของน้ำผึ้งในข้อนี้คือหลังจากสระผมเสร็จ ให้ใช้น้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอก นำมาชโลมบน ศีรษะให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วจึงล้างออก รับรองว่าเส้นผมจะนุ่มสลวยและแข็งแรงได้มาก ขึ้นอย่างแน่นอนสรรพคุณของน้ำผึ้งสามารถช่วยให้ชาววัตสันได้ทั้งดูแลสุขภาพ และความงามได้ครบ วงจร แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างนั้นควรจะต้องใช้อย่างพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไปเพื่อให้สรรพคุณของน้ำผึ้ง สามารถส่งผลต่อร่างกายได้อย่างเต็มที่ด้านความงาม ลดสิวผด รอยสิวบนใบหน้าได้ เพียงแค่มาส์ก หน้าด้วยน้ำผึ้งวันละ 15-20 นาที แล้วล้างออก บำรุงเส้นผมให้เงางาม โดยให้ผสมน้ำผึ้งและน้ำมัน มะกอก นำมาชโลมบนเส้นผมทิ้ไว้15 นาทีรักษาผิวหน้าแห้งเป็นขุย ให้นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนผสมกับไข่แดง 1 ฟอง คนให้เข้ากันแล้วพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกใช้น้ำผึ้งทาริมฝีปากจะช่วยบำรุงให้ริม ฝีปากชุ่มชื้นยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันผิวจากการทำลายของรังสียูวี และเสริมสร้างเซลล์ใหม่ให้แก่ผิวหนังนำ กล้วยหอมบดรวมกับน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้า จะช่วยบำรุงให้ผิวหน้าชุ่มชื้น นุ่ม ดูอ่อนกว่าวัยสรรพคุณ น้ำผึ้งนั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย การเลือกซื้อน้ำผึ้งแท้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม น้ำผึ้ง ที่ดีจะมีลักษณะข้นหนืด ไม่มีตะกอน ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเฉพาะจากเกสรดอกไม้ แล้วมีวิธีดู อย่างไรว่าอันไหนเป็นน้ำผึ้งแท้ หรือน้ำผึ้งปลอมตามไปดูกันทดสอบด้วยไฟโดยการจุ่มไม้ขีดไฟในน้ำผึ้ง หากไม่ขีดไฟจุดไฟติดแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ หากหยดน้ำผึ้งลงบนทิชชู่แล้วจะไม่ไหลซึมลงกระดาษทิชชู่ ลงไป จะคงรูปอยู่บนผิวทิชชู่เขย่าขวดน้ำผึ้งเพื่อดูฟองอากาศและการแยกชั้น น้ำผึ้งแท้จะมีฟองอากาศ ใหญ่ ลอยตัวเร็ว ไม่เห็นการแยกชั้นของน้ำผึ้ง ส่วนน้ำผึ้งปลอมจะมีฟองอากาศมาก ลอยตัวช้า มองเห็นการแยกตัวเป็นชั้นเอาน้ำผึ้งหยดลงในแก้วใส่น้ำเย็น น้ำผึ้งแท้จะรวมเป็นก้อนจมลงก้นแก้ว แล้วค่อยละลายหากน้ำผึ้งแท้มดจะไม่ขึ้นการเลือกน้ำผึ้งแท้มารับประทานนั้น ในปัจจุบันเป็นเรื่องยาก มากที่จะตรวจสอบว่าน้ำผึ้งที่คุณซื้อมาจะเป็นน้ำผึ้ง 100% หรือเปล่า เพราะในผู้ผลิตบางรายอาจจะ ใส่สารปลอมแปลงลงไปผสมในน้ำผึ้งเพื่อให้เจือจาง นอกจากจะตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ซึ่ง แน่นอนว่ามันก็มีราคาแพงมากและเป็นเรื่องที่ยุ่งยากนั่นเอง แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการซื้อมาจากเจ้าที่เรา ไว้ใจได้จริง ๆ หรือไม่เราก็ควรประเมินด้วยสาตาเปล่า ๆ ของเรานี้แหละ มาดูวิธีการเลือกน้ำผึ้งกันให้ ดูที่ความเข้มข้นและความหนืดเป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าในน้ำผึ้งนั้นไม่มีน้ำผสมอยู่ ดูจากสี สีต้องเป็น ธรรมชาติ คือสีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาลใส และไม่ขุ่นทึบ ต้องมีกลิ่นหอมตามชนิดของดอกไม้นั้น ๆ เช่น


17 น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งจากดอกลำไย ต้องสะอาด ไม่มีกาก ไขผึ้ง หรือมีเศษของตัวผึ้งปะปนอยู่ รวม ไปถึงวัสดุแขวนลอยต่าง ๆ น้ำผึ้งต้องไม่แยกชั้นและต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ต้องไม่มีการใส่สารปรุงแต่ง รส กลิ่น หรือสี ลงในน้ำผึ้ง ต้องไม่มีกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นบูด และต้องไม่มีฟอง น้ำผึ้งแท้เมื่อนำมาหยดใส่ กระดาษไข ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่ซึมอย่างแน่นอน ในบางครั้งน้ำผึ้งที่นำมาขายนั้นอาจจะได้มาจาก น้ำหวานของเกสรดอกไม้ที่เป็นพิษ เช่น น้ำหวานจากดอกไม้ต้นตาตุ่มทะเล ดังนั้นก่อนซื้อควร สอบถามให้แน่ใจเสียก่อนถึงที่มาของน้ำผึ้ง ข้อสุดท้ายทดสอบโดนการหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา แล้ว สังเกตการละลายถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อคนเข้ากันแล้วน้ำผึ้งจะไม่ละลายทันทีนำไปรักษาแผล : ตัวน้ำผึ้ง มีคุณสมบัติหลากหลายและหนึ่งในนั้นคือการที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการ เจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ ทำให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ช่วยรักษาแผล สมานแผล ลด อาการอักเสบ รวมไปถึงการทำให้แผลหายเร็วขึ้นอีกรักษาอาการนอนไม่หลับ น้ำผึ้งมีสรรพคุณเป็นยา ระงับประสาทอ่อนๆ เหตุเพราะความหวานของน้ำผึ้งนั้นมีคุณสมบัติที่จะช่วยให้ร่างกายผลิตเมลา โทนินขึ้นและสารนี้จะทำให้เกิดอาการง่วงและหลับได้ลึกมากขึ้นนั่นเองสุขภาพดีขึ้น น้ำผึ้งสามารถ รักษาอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ และยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย รวมถึงการลดกรดในกระเพาะ อาหารได้เป็นอย่างดีด้วยช่วยในเรื่องผิว ด้วยผลการวิจัยทั่วโลกชี้ไปทางเดียวกันว่าตัวน้ำผึ้งนั้นมีฤทธิ์ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่าไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ มีความสามารถกำจัดเชื้อ โรคได้แต่ไม่ได้ทำลายเนื้อเยื่อ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ถูกนำน้ำผึ้งไปแปรรูปเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ความ สวยความงามต่างๆอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบันสารสำคัญในน้ำผึ้งน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำประมาณ ร้อยละ 20 น้ำตาลชนิดต่างๆ เช่น กลูโคส ฟรักโทส และลีวูโลส ประมาณร้อยละ 79 โดยมีปริมาณ น้ำตาล "ฟรักโทส" มากกว่าน้ำตาล "กลูโคส" เล็กน้อย ทำให้น้ำผึ้งไม่ตกผลึก และมีรสหวานกว่า น้ำตาลชนิดอื่นๆกรดชนิดต่างๆ ประมาณร้อยละ 0.5 ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยโดยกรดที่พบมาก คือ กรดกลูโคนิก วิตามิน (ไรโบฟลาวิน ไนอะซิน) เอนไซม์ และแร่ธาตุ (แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส) ประมาณร้อยละ 0.5 โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้ม จะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มี สีอ่อน ซึ่งจะเห็นได้ว่าองค์ประกอบหลักของน้ำผึ้ง คือน้ำตาล และเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็นส่วน ใหญ่ ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย โดยน้ำผึ้ง 100 กรัม จะให้พลังงาน 303 แคลอรีน้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางยาคือ สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ ได้ เพราะน้ำผึ้งมีความเข้มข้น ของน้ำตาลสูง ซึ่งความเข้มข้นนี้เองจะช่วยกำจัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียใช้ในการเจริญเติบโต รวมถึง น้ำผึ้งมีความเป็นกรดสูง และมีปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนที่จำเป็น นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ และสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยยับยั้ง การเจริญเติบโตของแบคทีเรียด้วย ดังนั้นเมื่อเราใช้น้ำผึ้งทาบาดแผลจึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้


18 และทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบเอนไซม์ในน้ำผึ้งมีหลายชนิด มีหน้าที่ช่วยย่อยคาร์โบไฮเดรตได้ น้ำผึ้ง จึงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และแก้อาการท้องผูกในเด็กและผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดีเปลี่ยนน้ำผึ้งเป็น อาหารและยารักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลและลดการอักเสบน้ำผึ้งถือว่าเป็นยารักษาแผลชั้น เลิศ โดยสามารถใช้แก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้ผลชะงัดนัก โดยให้ใช้น้ำผึ้งทาบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อน ลวก ยิ่งทาบ่อยยิ่งดี หรือถ้าเกิดถูกมีดบาดหรือมีบาดแผล หลังจากล้างทำความสะอาดแผลให้สะอาด แล้ว ให้น้ำผึ้งทาหรือจะใช้น้ำผึ้งผสมกับผงขมิ้นชัน คลุกเคล้าให้เข้ากันดี แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น แผล จะช่วยลดการอักเสบและช่วยให้แผลหายเร็ว เพราะทั้งน้ำผึ้งและขมิ้นชันนั้น มีสรรพคุณรักษา บาดแผล สมานเนื้อเยื่อและบำรุงผิวอีกด้วยรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อราใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณ กลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้งต้านข้ออักเสบผสมน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้งแก้อาการท้องผูกและแก้ท้องเสียน้ำผึ้งเป็นทั้งยาระบายและแก้ท้องเสีย กล่าวคือถ้าเป็นน้ำผึ้งเก่าคือน้ำผึ้งที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไปจะช่วยแก้ท้องเสีย แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งใหม่ประเภท เพิ่งเก็บจากรังไม่นานจะมีสรรพคุณเป็นยาระบาย โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ ก่อน 6 เดือน ชาจะเป็นยา ระบายในเด็กอ่อนที่ปลอดภัยยิ่งการใช้น้ำผึ้งแท้สักประมาณ 1 ช้อนชา ผสมน้ำต้มสุกสัก 3 ช้อนหรือ อาจกินร่วมกับผักผลไม้ เช่น การกินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการ ท้องผูกได้เช่นกันบำรุงเลือดเทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซีก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำ ร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือดสำหรับผิวหน้าสดใสน้ำผึ้งเป็นผลิตผลจากธรรมชาติที่ใช้ในการดูแลผิวพรรณ คู่กับน้ำนมมาอย่างยาวนาน นับแต่สมัยพระนางคลีโอพัตราอันเลอโฉมแห่งอียิปต์ คือน้ำผึ้ง ในน้ำผึ้งมี สารเพิ่มความชุ่มชื้น มีฮอร์โมนมีสารที่มีฤทธิ์สารต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถผสมในสมุนไพรอื่นที่มี สรรพคุณในการบำรุงผิวเช่น นม กล้วย มะละกอ ขมิ้น บัวบก มะม่วง เป็นต้น โดยพอกหน้า ทิ้งไว้ สักครู่ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่ายๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอมครึ่งลูกมาบดผสมกับ น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้ใช้น้ำผึ้งไม่ผา นความร้อนจะมีเอนไซม์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้นเพื่อผมเงางามหลังสระผมเสร็จนำ น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึง ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใดๆ


19 2.3 สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 2.3.1 ความหมายของสบู่ครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต คือกรดเกลือของไขมันที่เกิดจากปฏิกิริยาซาพอนิฟิเคชัน (saponification) ซึ่งเป็นปฏิกิริยา ระหว่างไขมันหรือน้ำมัน (ไทรกลีเซอไรด์) ที่ได้จากพืชหรือสัตว์ กับสารละลายด่างในอุณหภูมิที่ เหมาะสม ทำให้เกิดสบู่ และมีผลพลอยได้เป็นกลีเซอรีนหรือกลีเซอรอล ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นต่อ ผิวอีกด้วยสบู่ (soap) จัดเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประเภทหนึ่ง มีคุณสมบัติในการชำระล้างขจัด คราบสิ่งสกปรก ในอดีตสบู่ไม่ได้ถูกใช้สำหรับการทำความสะอาดร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ใช้สำหรับ สระผม ซักผ้า ล้างจาน และทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ต่อมามีการค้นพบสารซักฟอก (detergent) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบสิ่งสกปรกที่ดีกว่าสบู่ สบู่จึงมีบทบาท ลดลงเหลือเพียงใช้สำหรับทำความสะอาดร่างกายสบู่ถูตัวสบู่ถูตัว มี 5 ชนิด ได้แก่สบู่ถูตัวทั่วไป (toilet soap)สบู่ที่เติมสารระงับเชื้อ (antimicrobial soap)สบู่ประเทืองผิว (beauty soap)สบู่เด็ก (baby soap)สบู่สังเคราะห์ (synthetic soap) จากบันทึกพบว่า การใช้สบู่ครั้งแรกเกิดขึ้นประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตกาลโดยชาวสุเมเรียนใช้สบู่ที่ทำจากน้ำและขี้เถ้าผสมกับไขมันสัตว์ เพื่อทำความ สะอาดจานและขนสัตว์ก่อนการย้อมสีเดิมทีสบู่ใช้เป็นยารักษาโรคเอกสารทางการแพทย์ประมาณ 1500 ปีก่อนคริสตกาล อธิบายถึงการสร้างสบู่ที่ใช้รักษาโรคผิวหนังในปัจจุบัน สบู่มักมีคุณสมบัติใน การรักษาสิว ผื่นคัน สะเก็ดเงิน และ โรคผิวหนังชนิดอื่น ๆอ่างอาบน้ำโรมันแห่งแรกถูกสร้างขึ้น 312 ปีก่อนคริสตกาลเมื่ออารยธรรมโรมันก้าวหน้า การอาบน้ำก็เช่นกัน เมื่ออ่างอาบน้ำเกิดขึ้น มีความคิด ว่าการใช้สบู่ในการชำระล้างคงได้รับการเผยแพร่ไปทั่วอาณาจักรโรมันเช่นกันการล่มสลายของ จักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ. 476 นำมาสู่การล่มสลายของสุขอนามัยในยุโรปส่วใหญ่เกิดภัยพิบัติในยุคมืด และ อายุขัยของคนลดลงเหลือประมาณ 35 ปีในศตวรรษที่ 8 สบู่ได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในอิตาลี และสเปน ตามมาด้วยประเทศฝรั่งเศสช่วงปลายยุค 1600 ผู้คนเริ่มเห็นความเชื่อมโยงระหว่าง สุขอนามัยส่วนบุคคลกับโรคภัยค.ศ. 1853 ระเบิดถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยทำจากอนุพันธ์ทางเคมีของกลี เซอรีน (ไนโตรกลีเซอรีน) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เหลือใช้จากการทำสบู่นักวิจัยในลอนดอนประเมินว่าถ้าทุก คนล้างมือด้วยสบู่เป็นประจำ จะสามารถป้องกันการเสียชีวิตได้นับล้านคสบู่ยังคงใช้เพื่อทำความ สะอาดร่างกายนำสบู่ก้อนเล็กๆ มาหลอมให้กลายเป็นสบู่ก้อนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมด้วยการนำเศษสบู่ไป ต้มกับน้ำโดนความร้อนจนสบู่ก้อนเล็กๆ หรือเศษสบู่มีเนื้อเนียนเข้ากัน แล้วเติมน้ำมันมะพร้าวสกัด เย็นเพิ่มเข้าไปหลังจากได้น้ำสบู่เนียนๆ คุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวจะทำให้สบู่จับตัวกันได้ง่ายขึ้น แล้วเทส่วนผสมที่ได้ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ก่อนจะนำไปแช่ตู้เย็นและนำออกมาแกะเมื่อส่วนผสม ทั้งหมดแข็งตัวทำความสะอาดเล็บเป็นเคล็ดลับที่ดีสำหรับการป้องกันไม่ให้เศษผง เศษดินเข้าไปติด


20 ภายในเล็บ โดยก่อนลงมือทำสวน ปลูกต้นไม้ หรือขุดดิน ฯลฯ คุณควรขูดเล็บกับก้อนสบู่เพื่อให้เศษ สบู่เข้าไปติดในเล็บแทนเศษผง เศษดินต่างๆ ที่จะต้องเข้าไปติดในระหว่างการทำสวน เพราะสบู่จะทำ หน้าที่เป็นตัวกั้นไม่ให้สิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปในเล็บได้ เมื่อทำสวนเสร็จแล้ว ก็ทำความสะอาดมือและ เล็บได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเศษดินติดตามซอกเล็บบรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อยได้สบู่ หนึ่งก้อนสามารถช่วยบรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อยได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่นำสบู่จุ่มน้ำและถู ให้ทั่วบริเวณที่แมลงกัด สบู่จะทำหน้าที่เป็นชั้นบางๆ เคลือบผิวหนังส่วนที่โดนแมลงกัด และช่วย บรรเทาอาการคัน ทั้งยังช่วยเตือนไม่ให้เราเกาผิวในบริเวณนั้นปลดซิปใช้สบู่ก้อนรูดไปตามซิปที่มี ลักษณะฝืด ความลื่นของสบู่จะช่วยทำให้ซิปทำงานได้ง่าย สะดวกขึ้นช่วยหยิบเศษแก้วถ้าทำแก้วแตก เศษแก้วขนาดใหญ่นั้นเป็นเรื่องง่ายในการเก็บ แต่สำหรับเศษแก้วเล็กๆ นั้น ให้ใช้สบู่ก้อนจุ่มน้ำให้ เปียกแล้วกดไปตามพื้นที่มีเศษแก้วขนาดเล็กหล่นอยู่ สบู่ก้อนเหล่านั้นก็จะช่วยเก็บเศษแก้วที่หล่นให้ หมดได้ 2.3.2 ประโยชน์ของสบู่กากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต ประโยชน์และสรรพคุณของกากกาแฟกากกาแฟเป็นสครับขัดผิวจากธรรมชาติที่ช่วยทำให้ผิว นุ่มขึ้น สดใสขึ้น ผิวดูสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม หลายคนจึงนิยมใช้กากกาแฟขัดผิวเป็นประจำช่วยผลัด เซลล์ผิวใหม่กากกาแฟช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เผยผิวใหม่ที่ใสกว่า ดูเนียนกว่า เราจึงรู้สึกว่า ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดกากกาแฟสามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน เลือดของเราให้ทำงานได้ดีขึ้น ผิวแลดูมีเลือดฝาด อมชมพู ดูเปล่งปลั่งช่วยลดรอยแดงจากสิวกาก กาแฟมีสารที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย จึงช่วยให้การอักเสบของสิวและอาการแดงจากผดผื่นลดลงได้ช่วย ลดเซลลูไลท์การสครับผิวด้วยกากกาแฟอย่างสม่ำเสมอในบริเวณที่มีเซลลูไลท์เป็นการกระตุ้นไขมันที ละน้อยจนค่อยๆ สลายไป จึงทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนและใสขึ้นช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลา เจนกากกาแฟมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่าง ใสขึ้น มีความนุ่มและชุ่มชื้นมากขึ้นช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในกากกาแฟมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูล อิสระซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวไม่แลดูแก่ก่อนวัย 2.4 แนวคิดและทฤษฎีความพึงพอใจ ความพึงพอใจ (Satisfaction) เป็นทัศนคติที่เป็นนามธรรมไม่สามารถมองเห็นเป็นรูปร่างได้ การที่เราจะทราบว่าบุคคลมีความพึงพอใจหรือไม่สามารถสังเกตโดยการแสดงออกที่ค่อนข้าง สลับซับซ้อน จึงเป็นการยากที่จะวัดความพึงพอใจโดยตรง แต่สามารถวัดได้โดยทางอ้อมโดยการวัด ความคิดเห็นของบุคคลเหล่านั้น และการแสดงความคิดเห็นนั้นจะต้องตรงกับความรู้สึกที่แท้จริงจึง


21 สามารถวัดความพึงพอใจนั้นได้ พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2556 กล่าวไว้ว่า"พึง" เป็นคา ช่วยกริยาอื่น หมายความว่า "ควร" เช่น พึงใจ หมายความว่า พอใจ ชอบใจ และคาว่า "พอ" หมายความว่า เท่าที่ต้องการ เต็มความต้องการ ถูกชอบ เมื่อนาคาสองคามาผสมกัน "พึงพอใจ" จะ หมายถึง ชอบใจ ถูกใจตามที่ต้องการ ซึ่งสอดคล้องกับ กชกร เบ้าสุวรรณ และคณะ (2550) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกยินดี พอใจ ขอบใจขอบุคคลหนึ่งที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะ เกิดขึ้นได้ต่อเมื่อบุคคลเหล่านั้นได้รับการตอบสนองในสิ่งที่ตนตนเองต้องการหรือเป็นไปตามเป้าหมาย ที่วางไว้ เมื่อความต้องการของบุคคลนั้นได้รับการตอบสนองหรือบรรลุมุ่งหมายในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดังกล่าว จะลดลงหรือไม่เกิดขึ้นหากความต้องการหรือจุดมุ่งหมายนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง 2.4.1 ความหมายของความพึงพอใจ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2556) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจ หมายถึง รัก และชอบใจ จิราพร กาจัดทุกข์ (2552) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกที่เป็นการยอมรับ ความรู้สึกที่ยินดีความรู้สึกชอบในการได้รับบริการหรือได้รับการตอบสนองตามความคาดหวังหรือ ความต้องการที่บุคคลนั้นได้ตั้งไว้ สมบัตร บารมี (2551) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกเป็นสุขที่เกิดจากทัศนคติ ทางด้านบวกที่มีต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นทั้งจากภายในและภายนอกของปัจเจกบุคคล วิมลสิทธิ์ หรยางกูร (2549) กล่าวถึงความหมายของความพึงพอใจว่า ความพึงพอใจเป็นการ ให้ค่าความรู้สึกของคนที่สัมผัสกับโลกทัศน์เกี่ยวกับการจัดการสภาพแวดล้อมค่าความรู้สึกของบุคคลที่ มีต่อการจัดการจัดสภาพแวดล้อมจะแตกต่างกัน เช่น ความรู้สึกดี เลว พอใจ ไม่พอใจ สนใจ ไม่สนใจ อุทัยพรรณ สุดใจ (2545) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคล ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยอาจเป็นไปในเชิงประเมินค่าว่าความรู้สึก หรือทัศนคติต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดนั้น เป็นไปในทางบวกหรือทางลง มณี โพธิเสน (2543) ให้ความหมายไว้ว่า ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกยินดี หรือเจตคติที่ดี ของบุคคลเมื่อได้รับการตอบสนองความต้องการของตน ทาให้เกิดความรู้สึกที่ดีในสิ่งนั้น ๆ โวลแมน (Wolman) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึก (Felling) มี ความสุขเมื่อได้รับผลสาเร็จตามความมุ่งหมายที่ต้องการหรือตามแรงจูงใจ วรูม (Vroom) ได้กล่าวว่า ทัศนคติและความพึงพอใจในสิ่งหนึ่งสามารถใช้แทนกันได้ เพราะ ทั้งสองคานี้หมายถึง ผลทีได้จากการที่บุคคลเข้าไปมีส่วนร่วมในสิ่งนั้น ทัศนคติด้านบวกจะแสดงให้ เห็นถึงสภาพความพึงพอใจในสิ่งนั้นและทัศนคติด้านลบจะแสดงให้เห็นถึงสภาพความพึงพอใจ


22 มอร์ส (Morse) ได้กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถลดความตึง เครียดของบุคคลให้น้อยลงได้ ถ้าความตึงเครียดมีมากก็จะทาให้เกิดความไม่พอใจ ซึ่งความตึงเครียดนี้ มีผลมากจากความต้องการของมนุษย์ หากมนุษย์มีความต้องการมากก็จะเกิดปฏิกิริยาเรียกร้อง แต่ถ้า เมื่อใดความต้องการได้รับการตอบสนอง ก็จะทาให้เกิดความพอใจ สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือทัศนคติอย่างหนึ่งที่มีลักษณะเป็นนามธรรม ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างได้ ที่บุคคลได้รับการตอบสนองความต้องการของตนเอง ซึ่งอาจเป็นผลบวก หากตรงกับความต้องการ หรือเป็นผลลบหากไม่ตรงกับความต้องการของบุคคล 2.4.2 ลักษณะความพึงพอใจ สุรศักดิ์ นาถวิล (2544) ได้กล่าวถึง ลักษณะความพึงพอใจไว้ดังนี้ ความพึงพอใจเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกทางบวกของบุคคล หรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด บุคคลจะรับรู้ความพึงพอใจ จาเป็นต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบตัว การ สอบสนองความต้องการของมนุษย์ ส่วนบุคคลด้วยการโต้ตอบกับบุคลอื่นและสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจา วันทาให้แต่ละคนมีประสบการณ์รับรู้ เรียนรู้ สิ่งที่ได้รับการตอบสนองแตกต่างกันไป และหากสิ่งที่ ได้รับเป็นไปตามความต้องการก็จะก่อให้เกิดความพึงพอใจ ความพึงพอใจเกิดจากการประเมินความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่ได้รับ จริงในสถานการณ์บริการก่อนที่ลูกค้าจะมาใช้บริการใดก็ตาม มักจะมีมาตรฐานของการบริการนั้นไว้ ในใจอยู่ก่อนเสมอแล้ว ซึ่งมีแหล่งอ้างอิงมาจากคุณค่าหรือเจตคติที่ยึดถือต่อบริการจากโฆษณา การให้ คามั่นสัญญาของผู้ให้บริการเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ผู้ใช้บริการเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จิระพล รัตน์รอดกิจ และคณะ (พ.ศ. 2559) ได้ศึกษาโครงการเรื่องการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อ การตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นจากกากกาแฟการศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา พฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นของผู้บริโภคและปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นจากกากกาแฟ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการออกแบบแผนการตลาดโดยกลุ่ม ตัวอย่าง คือ ประชากรในที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอายุ 20-50 ปี จำนวน 400 คน แบบไม่ระบุเพศ อาชีพ และรายได้ วิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ในการวิเคราะห์ข้อมูล ทั่วไป และใช้การวิเคราะห์ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด โดยการวัดระดับความสำคัญแบบ มาตรส่วนประเมินค่า 5 ระดับตามแนวคิดของ Likert scale ผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากเป็นผู้หญิง ร้อยละ 52 มีอายุระหว่างช่วง 26-30 ปี การศึกษาสูงสุดอยู่ใน


23 ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีอาชีพข้าราชการหรือเป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ต่อเดือน 20,001- 30,000 บาท และที่พักอาศัยเป็นบ้าน ใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นคือในห้องน้ำ เหตุผลหลักที่ใช้เพื่อลดกลิ่น อันไม่พึงประสงค์ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ห้างสรรพสินค้า คิดเป็นร้อยละ 56.8 โดยตัวเองเป็นผู้มี อิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ และมีผู้ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นที่ทำมาจากกากกาแฟ จำนวน 372 คน คิดเป็นร้อยละ 93 ผลการศึกษาปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นจาก กากกาแฟพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นจากกากกาแฟ คือ ผลิตภัณฑ์ สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการ มีราคาใกล้เคียงกับสินค้าตามท้องตลาด ทั่วไป สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายช่องทาง และมีพนักงานขายหรือเจ้าหน้าที่ที่สามารถ ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด จึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เน้นการใช้งานได้จริง และใช้ตกแต่งได้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ โดยราคาจะไม่สูงเกินไป วางขายที่ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าใกล้คอนโดมิเนียม และการขายออนไลน์ มีการจัดบูทตามห้างและรายการ โทรทัศน์ วรรณวิภา ไชยชาญ และคณะ (พ.ศ. 2560) ได้ศึกษาโครงงานเรื่องความเป็นไปได้ในการผลิต ปุ๋ยหมักจากกากกาแฟผสมขี้เค้กจากโรงงานปาล์มน้ำมันในลังโฟมงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาความ เป็นไปได้ในการผลิตปุ๋ยหมักจากกากกาแฟผสมขี้เค้กจากโรงงานปาล์ม น้ำมันในลังโฟม เป็นการศึกษา ในระดับห้องปฏิบัติการ วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของ กากกาแฟและขี้ เค้ก, เพื่อศึกษาคุณสมบัติของปุ๋ยหมักที่ได้ งานวิจัยนี้ทำการศึกษาอัตราส่วนของกากกาแฟต่อขี้เค้ก ที่ อัตราส่วนแตกต่างกัน คือ 100:0, 50:50 และ 0:100 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำหนักผลการทดลอง พบว่า กากกาแฟและขี้ เค้กมีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยหมักได้ เนื่องจากมี ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการ เจริญเติบโตของพืชหลงเหลืออยู่ กระบวนการหมักปุ๋ยแบบใช้ออกซิเจนจะ เสร็จสมบูรณ์โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 30 วัน ปุ๋ยหมักที่ได้จะมีความชื้น อยู่ในช่วง 4.12-8.96 เปอร์เซ็นต์ ค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ในช่วง 7.08-7.24 และค่าการนำไฟฟ้า อยู่ในช่วง 1.857-3.722 ms/cm ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แต่มีปริมาณอินทรียวัตถุต่ำกว่า มาตรฐาน ดังนั้น ต้องมีการเพิ่มวัสดุ อื่นๆ เป็นวัสดุร่วมเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ ศศิกานต์ ปานปราณีเจริญ และคณะ (พ.ศ. 2563) ได้ศึกษาโครงงานเรื่องารวิเคราะห์ องค์ประกอบทางเคมีและสมบัติทางโครงสร้างของกากกาแฟพันธุ์อาราบิก้าการวิเคราะห์ทางเคมีของ กากกาแฟในงานวิจัยนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและสมบัติทางโครงสร้าง ซึ่ง องค์ประกอบทางเคมีของกากกาแฟ พบว่ามีปริมาณความชื้นเท่ากับ 2.84±0.17% ปริมาณเถ้าเท่ากับ 14.93±0.55% ปริมาณโปรตีนเท่ากับ 10.93±0.03% ปริมาณไขมันเท่ากับ 14.42±0.43% และ


24 ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเท่ากับ 56.88% ลักษณะสัณฐานวิทยาของกากกาแฟก่อนและหลังสกัดไขมัน เมื่อนำไปวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (SEM) พบว่ารูปที่ได้จากกากกาแฟ ก่อนสกัดน้ำมันอนุภาคจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เมื่อผ่านการสกัดน้ำมันจะเห็นว่าอนุภาคจะกระจาย ตัวแยกออกจากกัน สาเหตุเนื่องมาจากการที่หยดน้ำมันภายในอนุภาคได้ถูกสกัดออกมาจากรูพรุนของ กากกาแฟ บนพื้นผิวของกากกาแฟพบปริมาณคาร์บอนและออกซิเจนโดยได้จากการวิเคราห์ผ่าน อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณเอกซ์เรย์ (EDS) หมู่ฟังก์ชันหลักของกากกาแฟจะถูกนำไปวิเคราะห์ด้วย เครื่องฟลูเรียร์ทรานส์ฟอร์ม อินฟราเรดสเปคโทรโฟโตมิเตอร์ (FT-IR) ซึ่งผลจากการทดลองนี้สามารถ นำไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นในระดับอุตสาหกรรมต่อไป มัทนภรณ์ ใหม่คามิ(พ.ศ. 2564) ได้ศึกษาโครงงานเรื่องผลของดินผสมกากกาแฟต่อการงอก และการเจริญเติบโตของต้นกล้าผักบุ้งจีนผักบุ้งจีนเป็นผักเศรษฐกิจที่บริโภคกันอย่างแพร่หลายและมี คุณค่าทางอาหารสูง เมื่อกระแสความนิยมผักปลอดภัยและผักอินทรีย์มีมากขึ้น กากกาแฟจึงเป็นอีก หนึ่งทางเลือกที่จะนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของวัสดุปลูก เนื่องจากมีส่วนประกอบของธาตุอาหารพืชที่ อาจช่วยในการเติบโตของผักบุ้งจีนได้ การทดลองนี้ได้ศึกษาผลของดินผสมกากกาแฟในอัตราส่วนต่าง ๆ ต่อการงอกและการเจริญเติบโตของผักบุ้งจีน โดยพบว่าเปอร์เซ็นต์การงอกเมล็ดผักบุ้งจีนไม่ แตกต่างกันเมื่อเพาะในดินที่มีกากกาแฟผสม 5-10-15 และ 20% แต่ดินที่มีกากกาแฟผสม 5-10 และ 15% ส่งเสริมเวลาเฉลี่ยในการงอกและดัชนีการงอกได้ หลังการปลูก 2 สัปดาห์ ผักบุ้งจีนที่ปลูกด้วย ดินผสมกากกาแฟ 5% มีเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น ความยาวลำต้น และจำนวนใบมากกว่าที่ปลูกด้วย 15 และ 20% และหลังการปลูก 4 สัปดาห์ น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของผักบุ้งจีนแต่ละทรีตเมนต์ ไม่แตกต่างกัน แต่พบว่าผักบุ้งจีนที่ปลูกดินที่ผสมกากกาแฟ 0 5 และ 10% มีจำนวนรากมากกว่าที่ ปลูกในดินที่ผสมกากกาแฟ 15 และ 20% ส่วน pH ทุกทรีตเมนต์มีค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นการผสมกาก กาแฟไปในดินในอัตราส่วนที่เหมาะสมอาจเป็นวัสดุปลูกทางเลือกหนึ่งที่จะใช้ส่งเสริมการเจริญเติบโต ของพืชได้ ลัดดา ทองชูช่วย และคณะ (พ.ศ. 2565) ได้ศึกษาโครงงานเรื่องการศึกษาสมบัติของเชื้อเพลิง อัดแท่งจากกากกาแฟและกากมะพร้าวการศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาอัตราส่วน ที่เหมาะสมระหว่างกากกาแฟและกากมะพร้าวในการขึ้นรูปเป็นเชื้อเพลิงอัดแท่ง (2) เพื่อศึกษาชนิด ของแป้งที่เหมาะสมในการทำหน้าที่เป็นตัวประสานในการขึ้นรูปเชื้อเพลิงอัดแท่งจากกาแฟและกาก มะพร้าวโดยเปรียบเทียบระหว่างแป้งมันสำปะหลังกับแป้งข้าวเจ้า (3) เพื่อศึกษาสมบัติทางกายภาพ เชื้อเพลิงอัดแท่งจากกากกาแฟและกากมะพร้าววิธีดำเนินการวิจัย (1) ทดสอบสมบัติของกากกาแฟ กากมะพร้าว แป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวเจ้า (2) ขึ้นรูปเชื้อเพลิงอัดแท่งโดยใช้แป้งมันสำปะหลัง


25 และแป้งข้าวเจ้าเป็นตัวประสาน (3) ทดสอบสมบัติทางด้านกายภาพของเชื้อเพลิงอัดแท่งที่ใช้แป้งมัน สำปะหลังและแป้งข้าวเจ้าเป็นตัวประสาน ผลการวิจัยพบว่า เชื้อเพลิงอัดแท่งที่ผสมระหว่างกาก กาแฟและกากมะพร้าวโดยใช้แป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวเจ้าเป็นตัวประสานอัตราส่วน 2.5:7.5:2.6, 5:5:2.6, 7.5:2.5:2.6 และ 10:0:2.6 สามารถอัดเป็นแท่งได้ ยกเว้นอัตราส่วน 0:10:2.6 ไม่สามารถอัดเป็นแท่งได้ การทดสอบสมบัติของเชื้อเพลิงอัดแท่งให้ค่าความหนาแน่นสูงสุดที่ 0.815 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในอัตราส่วน 10:0:2.6 โดยมีแป้งมันสำปะหลังเป็นตัวประสาน มีค่าดัชนี การแตกร่วนสูงสุดเท่ากับ 0.998 ในอัตราส่วน 10:0:2.6 โดยมีแป้งข้าวเจ้าเป็นตัวประสาน และมีค่า ความต้านทานแรงกดมากที่สุดเท่ากับ 265 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ในอัตราส่วน 10:0:2.6 โดยมี แป้งมันสำปะหลังเป็นตัวประสาน จากผลการวิจัยจะเห็นว่าการใช้แป้งมันและแป้งข้าวเจ้าเป็นตัว ประสานจะได้เชื้อเพลิงอัดแท่งที่มีสมบัติทางกายภาพแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย 2.6 กรอบแนวคิดในการจัดทำโครงงาน สบู่ครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้งและโย เกิร์ต เพื่อศึกษาขั้นตอน วิธีการทำ สบู่ส ครับกากกาแฟ ผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต เพื่อเป็นการสร้างอาชีพ และพัฒนาต่อยอดเชิง พาณิชย์ เพื่อศึกษาความพึง พอใจของผู้บริโภค ดีบี สบู่สครับกาก กาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต


26 บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน ในการศึกษาเรื่อง สบู่ครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต เพื่อศึกษาขั้นตอนวิธีการทำ และศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต และศึกษา แนวทางการประกอบอาชีพและพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โดยศึกษาและได้ดำเนินการตาม ขั้นตอนดังนี้ 3.1 วัตถุดิบอุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน 3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.4 สถิติการใช้ข้อมูล 3.1 วัตถุดิบอุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน 3.1.1 วัตถุดิบหลัก ประกอบด้วย ภาพที่ 3.1 เบสสบู่กลีเชอรีน ภาพที่ 3.2 กากกาแฟ


27 ภาพที่ 3.3 โยเกิร์ตธรรมชาติ ภาพที่ 3.4 น้ำผึ้งธรรมชาติ ภาพที่ 3.5 น้ำเปล่า ภาพที่ 3.6 ซีลห่ออาหาร


28 3.1.2 อุปกรณ์ ประกอบด้วย ภาพที่ 3.7 หม้อ ภาพที่ 3.8 กระบวยปากเป็ด ภาพที่ 3.9 พิมพ์ซิลิโคน


29 ภาพที่ 3.10 เตาแก็ส 3.1.3 วิธีการทำ ขั้นตอนวิธีการทำสบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 3.1.3.1 นำกากกาแฟมาตากแดด 1-2 วัน ภาพที่ 3.11 นำกากกาแฟตากแดด (ถ่ายเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567)


30 3.1.3.2 ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อนเทน้ำลงในกระทะ/หม้อ ตั้งน้ำรอให้เดือด ภาพที่ 3.12 ต้มน้ำรอให้เดือด (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567) 3.1.3.3 นำกลีเซอรีนใส่ลงในหม้อ ทำการละลายเรื่อยๆและละลายจนหมด ภาพที่ 3.13 ละลายกลีเซอรีน (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567)


31 3.1.3.4 ใส่กากกาแฟลงไปในหม้อ ใช้ช้อนคนเพื่อให้เข้ากันกับกลีเซอรีน ภาพที่ 3.14 ใส่กากกาแฟลงไปในหม้อกลีเซอรีน (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567) 3.1.3.5 ใส่น้ำผึ้งลงไปในอ่างผสม ภาพที่ 3.15 ใส่น้ำผึ้งลงไป (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567)


32 3.1.3.6 นำส่วนผสมชั้นที่1 เทลงใส่แม่พิมพ์ซิลิโคน พักไว้ 30-40 นาที ภาพที่ 3.16 นำส่วนผสมชั้นที่1 เทลงใส่พิมพ์ (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567) 3.1.3.7 นำโยเกิร์ตใส่ลงไปในหม้อกลีเซอรีน คนส่วนผสมให้เข้ากัน ภาพที่ 3.17 นำโยเกิร์ตใส่ลงในหม้อส่วนผสมชั้นที่ 2 (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567)


33 3.13.8 นำส่วนผสมชั้นที่2 เทลงใส่แม่พิมพ์ซิลิโคน พักไว้ 50-60 นาที ภาพที่ 3.18 นำส่วนผสมชั้นที่2 เทลงใส่พิมพ์ (ถ่ายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567) 3.1.3.9 นำออกจากแม่พิมพ์ ห่อด้วยซีลห่ออาหาร ใส่แพ็คเก็จจิ้งติดสติ๊กเกอร์โลโก้แบรนด์ ภาพที่ 3.19 แกะออกจากพิมพ์ ติดโลโก้แบรนด์ พร้อมจำหน่าย (ถ่ายเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567)


34 3.1.4 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้กำหนดประชากรที่ใช้ในการศึกษาแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Random Sampling) โดยประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการ ศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน 10 คน นักเรียน นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบูรพาปราจีน 10 คน ประชาชนบ้านหนองเต่าชน 10 คน รวมทั้งหมด 30 คน นำมาศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และโยเกิร์ต 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาความพึงพอใจ ในการศึกษาครั้งนี้ผู้จัดทำได้กำหนดเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ 1. แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์สบู่สครับกากกาแฟผสมน้ำผึ้ง และ โยเกิร์ต เครื่องมือที่ใช้ประเมินผลเป็นแบบสอบถาม แบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจ ตอนที่ 3 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสมุนไพรสกัดเย็น ศึกษาข้อมูลและทฤษฎีที่ เกี่ยวข้อง จัดทำแบบสอบถาม ดำเนินการประเมิน แบบสอบถามคอนโด วิเคราะห์ผลข้อมูลและเก็บ ทานตะวัน รวบรวมข้อมูล สรุปผลการประเมิน ปรับปรุงแก้ไข


35 ภาพที่ 3.20 สอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์สบู่สครับกากกาแฟน้ำผึ้งและโยเกิร์ต 3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ค้นคว้า ข้อมูล และความรู้ที่เกี่ยวข้อง ในการทำ DB Coffee Scrub สบู่สครับกากกาแฟ ผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต 2. ศึกษา วิธีการทำ และ จัดเตรียมวัสดุ/อุปกรณ์ DB Coffee Scrub สบู่สครับกากกาแฟ ผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต 3. ดำเนินงานตามขั้นตอน วิธีการ ที่วางแผนไว้ 4. ติดตามผลการดำเนินงาน และ ตรวจสอบความต้องการ/ข้อเสนอแนะของผู้บริโภค 5. สรุปผลการดำเนินงาน


36 3.4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการดำเนินงาน“โครงการบาล์มสมุนไพรไล่ยุงจากตะไคร้หอม Mosquito repellent herbal balm from citronella”ผู้ศึกษาได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. สถิติพื้นฐาน ได้แก่ 1.1 หาค่าร้อยละ โดยใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด. 2546) = เมื่อ p แทน ค่าร้อยละ f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นค่าร้อยละ N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด 1.2 การหาค่าเฉลี่ย โดยใช้สูตร N X X เมื่อ X แทน คะแนนเฉลี่ย X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด p f N x 100


37 1.3 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน มีสูตรดังนี้ S.D. = N X 2 - (X) 2 N (N-1) เมื่อ S.D. แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน X 2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกกำลังสอง (X)2 แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดยกกำลังสอง N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 2. เกณฑ์ที่ใช้ในการแปลความหมายของค่าสถิติ สำหรับการประเมินความพึงพอใจ/ความ คิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม ดังนี้ 4.51 - 5.00 หมายถึง ความพึงพอใจ / ความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3.51 - 4.50 หมายถึง ความพึงพอใจ / ความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก 2.51 - 3.50 หมายถึง ความพึงพอใจ / ความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง 1.51 - 2.50 หมายถึง ความพึงพอใจ / ความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย 1.00 - 1.50 หมายถึง ความพึงพอใจ / ความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด


Click to View FlipBook Version