The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาการพัฒนาทักษะชีวิต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by basketballs.iit, 2019-06-23 22:26:43

วิชาการพัฒนาทักษะชีวิต

วิชาการพัฒนาทักษะชีวิต

44

แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 8 หน่วยท่ี 4

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชวี ิตเพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนคร้งั ที่ 8 (19-21)
จานวน 3 ช.ม.
ช่ือหน่วย/เรอื่ ง การพฒั นาสมรรถภาพทางกาย

สาระสาคญั

สมรรถภาพทางกายมรี ากฐานจากการมสี ขุ ภาพดี สามารถสรา้ งขน้ึ ไดด้ ว้ ยการทาใหร้ า่ งกายไดอ้ อกกาลงั
กาย ดงั นนั้ การทจ่ี ะรกั ษาใหร้ า่ งกายมสี มรรถภาพคงอย่เู สมอนนั้ จาเป็นตอ้ งมกี ารออกกาลงั กายเป็นประจา และ
มกี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายเพอ่ื ตรวจสอบความสามารถและความสมบรู ณ์แขง็ แรงของรา่ งกายรวมทงั้ นาผล
การปรบั ปรุงและพฒั นาสมรรถภาพทางกายต่อไป

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 อธบิ ายความหมายและประโยชน์ของสมรรถภาพทางกายได้
2 เปรยี บเทยี บองคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพและสมรรถภาพทางกายท่ี

เกย่ี วขอ้ งกบั ทกั ษะได้
3 วเิ คราะหป์ ัจจยั ของสมรรถภาพทางกายได้
4 เปรยี บเทยี บวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพและวธิ กี ารทดสอบ

สมรรถภาพทางกายสาหรบั เดก็ ไทยได้
5 ประเมนิ สมรรถภาพทางกายของตนเองได้

6. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเร่อื ง

6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
6.2 ความมวี นิ ยั
6.3 ความรบั ผดิ ชอบ
6.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
6.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
6.6 การประหยดั
6.7 ความสนใจใฝ่รู้
6.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
6.9 ความรกั สามคั คี
6.10 ความกตญั ญกู ตเวที

45

สมรรถนะรายวิชา

3. พฒั นาสมรรถภาพทางกายใหส้ ามารถปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามลกั ษณะงาน
4. เป็นผนู้ าและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย

เน้ อื หาสาะ

1 ความรเู้ ร่อื งสมรรถภาพทางกาย
2 การทดสอบสมรรถภาพทางกาย

กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

1. ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ่ี
ผา่ นมา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพอ่ื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเช่อื มโยงความรใู้ หม่
กบั ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดมิ

2.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาเรอ่ื งสมรรถภาพทางกายเป็นสง่ิ สาคญั ในการช่วยเสรมิ สรา้ งใหบ้ คุ คลสามารถ
ประกอบภารกจิ และดารงชวี ติ อย่อู ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ยงั ทาใหบ้ คุ คลปราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็

3.ครแู สดงรปู ภาพสมรรถภาพทางกาย เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ น้อื หา

ขนั้ สอน

4. ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอ่ื งความรเู้ ร่อื งสมรรถภาพทางกาย โดยอธบิ าย
ความหมายและประโยชน์ของสมรรถภาพทางกาย และองคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกาย

5. ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบบรรยาย อธบิ ายเกย่ี วกบั ความรเู้ ร่อื งสมรรถภาพทางกาย โดยใชส้ อ่ื Power
Point ประกอบการอธบิ าย

6. ครใู ชเ้ ทคนิควธิ กี ารจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื (Cooperative Learning) หมายถงึ กระบวนการเรยี นรทู้ ่ี
จดั ใหผ้ เู้ รยี นไดร้ ว่ มมอื และชว่ ยเหลอื กนั ในการเรยี นรโู้ ดยแบง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นทม่ี คี วามสามารถต่างกนั ออกเป็นกลุ่ม
เลก็ ซง่ึ เป็นลกั ษณะการรวมกลมุ่ อย่างมโี ครงสรา้ งทช่ี ดั เจน มกี ารทางานรว่ มกนั มกี ารแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ มี
การช่วยเหลอื พง่ึ พาอาศยั ซง่ึ กนั และกนั มคี วามรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั ทงั้ ในสว่ นตนและสว่ นรวมเพ่อื ใหต้ นเองและ
สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มประสบความสาเรจ็ ตามเป้าหมายทก่ี าหนดไว้ ดงั น้ี

1). แบง่ ผเู้ รยี นเป็นกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน
2).ความหมายและประโยชน์ของสมรรถภาพทางกาย
3) องคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกาย
4) นาเสนอหน้าชนั้ เรยี น
7.ครใู ชเ้ ทคนคิ การบรรยาย เพ่อื อธบิ ายปัจจยั ของสมรรถภาพทางกาย
8.ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ สมรรถภาพทางกายเป็นสง่ิ จา เป็นและสา คญั อยา่ งยง่ิ สา หรบั การดารงชพี ในปัจจบุ นั
การมสี มรรถภาพทางกายทด่ี เี ป็นผลทาใหม้ สี ขุ ภาพดสี มรรถภาพทางกายแบง่ เป็น 2 ประเภท คอื สมรรถภาพ

46

ทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพ และสมรรถภาพทางกายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ทกั ษะ โดยมปี ัจจยั หลกั 2 ประการทท่ี าให้
รา่ งกายมนุษยเ์ รามสี มรรรถภาพทางกายดี คอื ปัจจยั ภายในไดแ้ ก่ อายุ เพศ สภาพร่างกาย จติ ใจ และพรสวรรค์
ปัจจยั ภายนอก ไดแ้ ก่ อาหาร สารกระตุน้ สภาพอากาศ เคร่อื งนุ่งหม่ การออกกาลงั กาย และการพกั ผอ่ น

9.ครสู นทนากบั ผเู้ รยี นว่าการทดสอบสมรรถภาพทางกายเป็นกจิ กรรมทส่ี าคญั เมอ่ื ไดผ้ ลการทดสอบนาไป
เปรยี บเทยี บกบั เกณฑม์ าตรฐานนาผลการทดสอบมาปรบั ปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ ง และพฒั นาสมรรถภาพ

10.ครแู ละผเู้ รยี นอธบิ ายความสาคญั ของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย และวตั ถุประสงคใ์ นการทดสอบ
สมรรถภาพทางกาย

11.ครแู ละผเู้ รยี นสาธติ การทดสอบสมรรถภาพทางกาย โดยการทดสอบสมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั
สขุ ภาพมขี นั้ ตอนการทดสอบ ดงั น้ี

1) ชงั่ น้าหนกั วดั สว่ นสงู
2) นงั่ งอตวั
3) นอนยกตวั
4) ดนั พน้ื
5) เดนิ /วงิ่ 1.6 กโิ ลเมตร (1 ไมล)์

12.ครเู ปิด VDO ใหผ้ เู้ รยี นดแู ละปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพ
เพอ่ื ฝึกใหผ้ เู้ รยี นสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้

13.ครเู ปิด VDO ใหผ้ เู้ รยี นสาธติ การทดสอบสมรรถภาพทางกายสาหรบั เดก็ ไทย อายุ 7-18 ปี
14.ผเู้ รยี นตอบคาถามชวนคดิ ทาใบงาน และทาแบบฝึกหดั ทา้ ยหน่วย

ขนั้ สรปุ และการประยุกต์

15.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หาทเ่ี รยี น การทดสอบสมรรถภาพทางกายมี 2 แบบคอื 1) แบบทดสอบ

สมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพ ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน คอื ชงั่ น้าหนกั วดั สว่ นสงู นงั่ งอตวั นอนยกตวั ดนั

พน้ื และเดนิ /วง่ิ 1.6 กโิ ลเมตร 2) แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายสาหรบั เดก็ ไทย อายุ 7-18 ปี มกี ารทดสอบ 7

อย่างไดแ้ ก่ 1) วดั ความหนาของไขมนั ใตผ้ วิ หนงั 2) ลุกนงั่ 60 วนิ าที 3) ดนั พน้ื 30 วนิ าที 4) ยนื กระโดดไกล

5) นงั่ งอตวั 6) วงิ่ ออ้ มหลกั และ 7) วงิ่ ระยะไกล 1,600 เมตร เมอ่ื ทาการทดสอบเสรจ็ แลว้ ใหน้ าผลมาเปรยี บเทยี บ

กบั เกณฑเ์ พ่อื ประเมนิ สมรรถภาพของตนเอง

16.สรปุ สาระสาคญั เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ ละนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ และประเมนิ ผเู้ รยี นดงั น้ี

ชอ่ื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วุฒภิ าวะ

1.

2.

3.

4.

5.

47

สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพ่อื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สอ่ื PowerPoint

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอ่ื งมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)

48

4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.แนะนาใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ จากแหลง่ เรยี นรอู้ ่นื ๆ
2.อ่านและทบทวนเน้อื หา

49

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรุปหลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

ปัญหาท่ีพบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

50

แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 9 หน่วยท่ี 4

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชวี ิตเพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนคร้งั ท่ี 9 (22-24)
จานวน 3 ช.ม.
ชื่อหน่วย/เร่อื ง การพฒั นาสมรรถภาพทางกาย

สาระสาคญั

สมรรถภาพทางกายมรี ากฐานจากการมสี ขุ ภาพดี สามารถสรา้ งขน้ึ ไดด้ ว้ ยการทาใหร้ ่างกายไดอ้ อกกาลงั
กาย ดงั นนั้ การทจ่ี ะรกั ษาใหร้ า่ งกายมสี มรรถภาพคงอย่เู สมอนนั้ จาเป็นตอ้ งมกี ารออกกาลงั กายเป็นประจา และ
มกี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายเพอ่ื ตรวจสอบความสามารถและความสมบรู ณ์แขง็ แรงของร่างกายรวมทงั้ นาผล
การปรบั ปรงุ และพฒั นาสมรรถภาพทางกายต่อไป

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 อธบิ ายความหมายและประโยชน์ของสมรรถภาพทางกายได้
2 เปรยี บเทยี บองคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพและสมรรถภาพทางกายท่ี

เกย่ี วขอ้ งกบั ทกั ษะได้
3 วเิ คราะหป์ ัจจยั ของสมรรถภาพทางกายได้
4 เปรยี บเทยี บวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายทส่ี มั พนั ธก์ บั สขุ ภาพและวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทาง

กายสาหรบั เดก็ ไทยได้
5 ประเมนิ สมรรถภาพทางกายของตนเองได้

6. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเรอ่ื ง

6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
6.2 ความมวี นิ ยั
6.3 ความรบั ผดิ ชอบ
6.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
6.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
6.6 การประหยดั
6.7 ความสนใจใฝ่รู้
6.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
6.9 ความรกั สามคั คี
6.10 ความกตญั ญกู ตเวที

51

สมรรถนะรายวิชา

3. พฒั นาสมรรถภาพทางกายใหส้ ามารถปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามลกั ษณะงาน
4. เป็นผนู้ าและมสี ว่ นร่วมในการจดั กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย

เน้ ือหาสาระ

3 การเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย

กิจกรรมการเรียนรู้

ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน

1.ครกู ล่าววา่ ผทู้ ท่ี ดสอบสมรรถภาพและเม่อื ทราบผลการประเมนิ แลว้ หากค่าไดต้ ่ากว่าเกณฑม์ าตรฐาน
ซง่ึ เป็นขอ้ บง่ ชว้ี า่ ตอ้ งมกี ารปรบั ปรงุ และพฒั นาใหด้ ขี น้ึ วธิ กี ารเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกายและคงไวซ้ ง่ึ ระดบั ทด่ี ี
นนั้ สว่ นหน่งึ โดยการใชว้ ธิ กี ารออกกาลงั กายตามปกติ

2.ผเู้ รยี นเล่าถงึ การออกกาลงั กายของตนเองในแต่ละวนั สปั ดาห์ หรอื เดอื น

ขนั้ สอน

3.ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบบรยายเพอ่ื อธบิ ายการเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย ในเรอ่ื งหลกั การออก
กาลงั กายทวั่ ไปเพ่อื พฒั นาสมรรถภาพทางกาย

4.ครสู อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอ่ื งปัจจยั ทส่ี ง่ เสรมิ หรอื เกย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาสมรรถภาพ
ทางกาย

5.ครใู ชเ้ ทคนคิ การบรรยายเพอ่ื บอกการพฒั นาสมรรถภาพทางกาย การเป็นผนู้ าและมสี ว่ นรว่ มในการจดั
กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย

6.ครใู ชส้ อ่ื วดี ที ศั นแ์ สดงการพฒั นาสมรรถภาพทางกายและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมเสรมิ สรา้ ง
สมรรถภาพทางกาย

7.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ ว่าสมรรถภาพทางกายของตนเองเป็นอยา่ งไรและเมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั เพ่อื นมคี วาม
แตกต่างกนั หรอื ไมอ่ ยา่ งไร

8.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าสมรรถภาพทางกายในสมยั มธั ยมศกึ ษาและปัจจบุ นั มคี วามแตกต่างกนั
หรอื ไมอ่ ย่างไร

9.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าในการทดสอบสมรรถภาพทางกายครงั้ ต่อไป นกั ศกึ ษาคดิ วา่ ตวั เองจะตอ้ ง
พฒั นาสมรรถภาพของตวั เองอยา่ งไร

10ผเู้ รยี นเปรยี บเทยี บองคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกายลงในตารางทก่ี าหนด และวเิ คราะหป์ ัจจยั ของ
สมรรถภาพทางกายลงในตารางทก่ี าหนด

11.ผเู้ รยี นเปรยี บเทยี บวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทางกาย ทงั้ 2 วธิ ลี งในตารางทก่ี าหนด
12.ผเู้ รยี นทดสอบสมรรถภาพทางกายแลว้ นาผลการทดสอบมาใสไ่ วใ้ นตารางประเมนิ สมรรถภาพทางกาย
พรอ้ มบอกวธิ กี ารเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกายของตนเอง

52

ขนั้ สรปุ และการประยุกต์

13.ครสู รปุ โดยถามคาถามหรอื กาหนดปัญหาโดยใหผ้ ูเ้ รยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ าย
คาตอบใหเ้ พอ่ื นทกุ คนในกล่มุ ของตนเองเขา้ ใจ

14.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปการออกกาลงั กาย เป็นการพฒั นาสมรรถภาพทางกาย โดยเรมิ่ ออกกาลงั กายจาก
น้อยไปหามาก จากมากไปหาหนกั จนเกดิ ความเหน็ดเหน่ือยออกกาลงั กายเป็นประจาและสม่าเสมอ และเลอื ก
ชนิดการออกกาลงั กายทใ่ี ชก้ ลา้ มเน้อื มดั ใหญ่ วธิ กี ารพฒั นาสมรรถภาพ จะตอ้ งควบคมุ น้าหนกั ตวั เพมิ่ ความจุปอด
เพมิ่ สมรรถภาพของระบบไหลเวยี นโลหติ ผนู้ าและผมู้ สี ว่ นร่วมในการจดั กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพ คอื ผรู้ ่วม
กจิ กรรมการออกกาลงั กาย และกจิ กรรมนนั ทนาการ ซง่ึ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามแนวทางการเป็นผนู้ าและผมู้ สี ว่ นร่วมทด่ี ี

15.ครใู ชว้ ธิ สี มุ่ ผเู้ รยี นทกุ กลุม่ ตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พ่อื นฟังทงั้ ชนั้ เรยี น
16.ผเู้ รยี นตอบคาถามชวนคดิ ทาใบงาน และทาแบบฝึกหดั ทา้ ยหน่วย

ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพอ่ื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.สอ่ื PowerPoint , วดิ ที ศั น์

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายช่อื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

53

เครอ่ื งมือวดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

รว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ ่าน และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.ฝึกทกั ษะโดยทากจิ กรรมใบงาน แบบฝึกหดั
2.อ่านและทบทวนบทเรยี น

54

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

55

แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 10 หน่วยที่ 5

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชวี ติ เพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนครง้ั ที่ 10 (25-
27)
ชือ่ หนว่ ย/เรือ่ ง นันทนาการเพ่อื ส่งเสริมสขุ ภาพที่สมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน
จานวน 3 ช.ม.

สาระสาคญั

นนั ทนาการมคี วามสาคญั และจาเป็นต่อการดารงชวี ติ ทงั้ ต่อตวั เอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คมและ
ประเทศชาติ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ นนั ทนาการในชมุ ชนจะช่วยสรา้ งคนใหเ้ ป็นผมู้ เี หตุผลลดปัญหาอาชญากรรม และ
ช่วยพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มทด่ี ี

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 บอกความสาคญั ของนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คมได้
2 จดั กจิ กรรมนนั ทนาการ ในชมุ ชนและสงั คมได้
3 เลอื กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คมได้
4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเรอ่ื ง

4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
4.2 ความมวี นิ ยั
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
4.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝ่รู้
4.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
4.9 ความรกั สามคั คี
4.10 ความกตญั ญกู ตเวที

สมรรถนะรายวิชา

2. เลอื กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสง่ เสรมิ สขุ ภาพดว้ ยกจิ กรรมพลศกึ ษาสขุ ภาพและนนั ทนาการตามหลกั การ

เน้ ือหาสาระ

1 นนั ทนาการในชุมชนและสงั คม
2 การจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม

56

กิจกรรมการเรียนรู้

ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน

1.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาว่าสงั คมในปัจจบุ นั ใหค้ วามสาคญั กบั การจดั สวสั ดกิ ารสงั คมในหลายรปู แบบ
กจิ กรรมนนั ทนาการเป็นสว่ นหน่งึ ของสวสั ดกิ ารทร่ี ฐั ใหก้ ารสนบั สนุน เพอ่ื ลดความเครยี ดและสง่ เสรมิ สขุ ภาพกาย
และจติ ใจ รวมทงั้ สรา้ งเสรมิ กาลงั ใจ และสรา้ งความสมดุลของชวี ติ สง่ เสรมิ ใหค้ นไทยมคี ุณภาพชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ

2.ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม

ขนั้ สอน

3.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบบรรยาย ดว้ ยการเล่าอธบิ ายแสดงสาธติ ใหผ้ เู้ รยี นเป็นผฟู้ ังและเปิดโอกาสให้
ผเู้ รยี นซกั ถามปัญหาไดใ้ นตอนทา้ ยของการบรรยายนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม โดยกล่าวความสาคญั ของ
นนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม

4.ครแู ละผเู้ รยี นใชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายปัจจยั สนบั สนุนนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม
5.ครเู ปิด VDO ใหผ้ เู้ รยี นดกู ารจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม เชน่ เกม ละคร ดนตรี การ
เตน้ ราและกจิ กรรมเขา้ จงั หวะ ลลี าศ การละเล่นพน้ื เมอื ง เตน้ ราประกอบเพลง การรอ้ งเพลงคาราโอเกะ กฬี าเพอ่ื
นนั ทนาการทางสงั คม การจดั การแสดงศลิ ปหตั ถกรรม งานเลย้ี งสงั สรรค์ การรบั ประทานอาหารนอกบา้ น งาน
ปารต์ ้ี ปิกนิก กจิ กรรมทางศาสนา เป็นตน้
6.ครใู ชส้ อ่ื Power Point แสดงกจิ กรรมสาธารณประโยชน์ เป็นกจิ กรรมนนั ทนาการเพอ่ื สงั คมทส่ี ง่ เสรมิ
ในเร่อื งคุณธรรมจรยิ ธรรม การใหแ้ ละการรบั ความรว่ มมอื ของชมุ ชน อนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจ และการ
พฒั นาจติ ใจของบคุ คลและสงั คม เชน่ สมาคม มลู นธิ ิ องคก์ าร อาสาสมคั ร ชมรมอนุรกั ษธ์ รรมชาติ สภากาชาด
ไทย ฯลฯ
7.ผเู้ รยี นสรุปว่ากจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คมช่วยสง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ เกดิ การพฒั นาใหม้ คี วาม
สมบรู ณ์ ทงั้ ดา้ นร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา โดยมปี ัจจยั ทส่ี นบั สนุน ไดแ้ ก่ ปัจจยั ดา้ นบุคคล
ดา้ นการจดั การบรกิ ารสงั คมดา้ นกจิ กรรมนนั ทนาการทเ่ี ป็นสอ่ื ในการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ กจิ กรรมอาสาสมคั ร
เป็นกจิ กรรมสาธารณประโยชนท์ ไ่ี ดบ้ าเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อสงั คม พฒั นาชุมชน สงั คมและประเทศชาติ
8.ครกู ลา่ วว่าการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการจะตอ้ งไดร้ บั การสง่ เสรมิ และดาเนนิ การพรอ้ มกบั ใหค้ วาม
ร่วมมอื จากหลายหน่วยงาน เพอ่ื เปิดโอกาสใหบ้ ุคคลไดม้ สี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมมากทส่ี ดุ
9.ครอู ธบิ าย โดยเปิด VDO ประกอบเพ่อื เชอ่ื มโยงเรอ่ื งการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม
10.ครแู ละผเู้ รยี นจดั ทาโครงการจดั นนั ทนาการเพ่อื บรกิ ารและสวสั ดกิ ารสงั คม โครงการทรพั ยากรทาง
นนั ทนาการ หรอื โครงการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการ เป็นตน้ เพ่อื แสดงการมสี ว่ นร่วมช่วยสงั คม
11.ครแู ละผเู้ รยี นแนะนาการเป็นผนู้ ากจิ กรรมนนั ทนาการ ประกอบดว้ ย หลกั ของผนู้ ากจิ กรรม
นนั ทนาการ คุณสมบตั ขิ องผนู้ านนั ทนาการ ปัจจยั สาคญั ของการเป็นผนู้ ากจิ กรรมนนั ทนาการ
12.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ ทผ่ี า่ นมาตนเองเคยเหน็ การจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม
หรอื ไม่รสู้ กึ อยา่ งไรกบั การจดั กจิ กรรมนนั้

57

13.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม ทต่ี นเองสนใจควรเป็นกจิ กรรม
ใด และหากจะจดั กจิ กรรมดงั กลา่ วนกั ศกึ ษาจะมวี ธิ กี ารดาเนินกจิ กรรมอยา่ งไร

14.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ การนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คมมคี วามสาคญั และจาเป็นต่อการ
ดารงชวี ติ ใหส้ รปุ ความสาคญั ลงในตาราง

15.ผเู้ รยี นเขยี นแผนการดาเนินงานการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คมทต่ี นเองอาศยั อยู่ ตาม
รายละเอยี ดดงั น้ี

1) ชอ่ื โครงการ
2) หลกั การและเหตุผลในการจดั กจิ กรรม
3) วตั ถุประสงคใ์ นการดาเนนิ การ
4) วธิ ดี าเนนิ การและผทู้ ร่ี บั ผดิ ชอบ
5) ระยะเวลา สถานท่ี วสั ดุอปุ กรณ์และงบประมาณ
6) ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั
7) วธิ กี ารประเมนิ ผลโครงการ
16.ผเู้ รยี นจดั กจิ กรรมสาธารณประโยชน์ เป็นนนั ทนาการเพ่อื สงั คมเป็นกจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ ในเร่อื ง
คุณธรรม จรยิ ธรรม การใหแ้ ละการรบั ความรว่ มมอื ของชมุ ชน ใหน้ กั ศกึ ษารวมกล่มุ กนั นาเสนอกจิ กรรม
สาธารณประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั พิ รอ้ มกลบั มานาเสนอผลจากการปฏบิ ตั ิ
17.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นบนั ทกึ บญั ชคี รวั เรอื น เพ่อื ใหเ้ กดิ การปฏบิ ตั พิ ฒั นาความรู้ ความคดิ และปฏบิ ตั ิ
ถกู ตอ้ ง กอ่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ ในดา้ นอาชพี หรอื เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม ซง่ึ การทาบญั ชคี รวั เรอื นเป็นเรอ่ื ง
การบนั ทกึ รายรบั รายจา่ ยประจาวนั /เดอื น/ปี วา่ มรี ายรบั รายจา่ ยจากอะไรบา้ ง จานวนเท่าใด รายการใดจ่ายน้อย
จ่ายมาก จาเป็นน้อยจาเป็นมาก กอ็ าจลดลงหรอื เพม่ิ ขน้ึ ตามความจาเป็น ถา้ ทกุ คนคดิ ไดก้ แ็ สดงว่าเป็นคนรจู้ กั
พฒั นาตนเอง มเี หตุมผี ล รจู้ กั พอประมาณ รกั ตนเอง รกั ครอบครวั รกั ชมุ ชน และรกั ประเทศชาตมิ ากขน้ึ จงึ เหน็
ไดว้ า่ การทาบญั ชคี รวั เรอื น คอื วถิ แี หง่ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาชวี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์
18.ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ เน้อื หาทเ่ี รยี น โดยการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม ควรเป็นหน้าทท่ี งั้
ของประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ทร่ี บั ผดิ ชอบ โดยอาศยั ทรพั ยากรทางนนั ทนาการ ไดแ้ ก่ สถานท่ี อปุ กรณ์และ
บคุ ลากร โดยการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการจะตอ้ งมแี ผนการดาเนนิ การ เลอื กกจิ กรรมใหเ้ หมาะสม มหี ลกั การจดั
และการบรกิ าร สถานท่ี อปุ กรณ์และสงิ่ อานวยความสะดวก งบประมาณ การประเมนิ ผลและการรายงานผล
ซง่ึ ผนู้ ากจิ กรรมนนั ทนาการ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในชมุ ชนมบี ทบาทสาคญั ในการเป็นผคู้ อยชแ้ี นะ ช่วยเหลอื
สนบั สนุนและกระตุน้ ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมใหป้ ระสบความสาเรจ็ ตามจดุ ประสงคท์ ว่ี างไว้
19.ครสู มุ่ ถามผเู้ รยี นรายบคุ คล เพอ่ื ทดสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี น
20.ผเู้ รยี นตอบคาถามชวนคดิ ใบงาน และแบบฝึกหดั ทา้ ยหน่วย

58

ส่ือและแหล่งการเรียนรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพอ่ื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สอ่ื PowerPoint

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอ่ื งมือวดั ผล

1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

รว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล

1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)

59

4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ ่าน และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.อา่ นและทบทวนเน้อื หา
2.ทากจิ กรรมใบงาน
3.จดั ทาโครงการนนั ทนาการเพอ่ื สง่ เสรมิ สขุ ภาพทส่ี มั พนั ธก์ บั ชมุ ชนทเ่ี หมาะสม

60

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................

61

แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 11 หน่วยที่ 6
สอนครง้ั ท่ี 11 (31-33)
รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชีวิตเพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3)
จานวน 3 ช.ม.
ชื่อหน่วย/เรือ่ ง การเสริมสรา้ งสมั พนั ธภาพท่ีดีกบั ครอบครวั เพ่ือน

และสงั คม

สาระสาคญั

การสรา้ งสมั พนั ธภาพเป็นปัจจยั สาคญั อยา่ งหน่งึ ในการดารงชวี ติ การมสี มั พนั ธภาพกบั บุคคลอน่ื
จะเป็นพน้ื ฐานของการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของบคุ คล และสามารถดารงชวี ติ อยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ ทงั้ ในครอบครวั
เพ่อื นและสงั คม โดยใชท้ กั ษะการโน้มน้าวใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจความตอ้ งการและเหตผุ ลของตนเอง

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 อธบิ ายหลกั พน้ื ฐานในการสรา้ งสมั พนั ธภาพได้
2 วเิ คราะหส์ มั พนั ธภาพในครอบครวั ได้
3 อธบิ ายทกั ษะการ สรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู้ น่ื ได้
5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรมค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเร่อื ง

5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
5.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที

สมรรถนะรายวิชา

5. โน้มน้าวให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจความต้องการและเหตผุ ลของตนเองด้วยเทคนิคและวิธีการประชาธิปไตย

เน้ อื หาสาระ

1 การสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี ี
2 ทกั ษะทจ่ี าเป็นในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ

62

กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

1.ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ผ่ี ่าน
มา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพ่อื ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเช่อื มโยงความรใู้ หม่กบั
ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเล่าประสบการณ์เดมิ

2.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั ว่าในสงั คมบุคคลตอ้ งมคี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั การสรา้ งความสมั พนั ธจ์ งึ ควรมี
อย่ทู กุ สถานทแ่ี ละทกุ สภาวการณ์ไมว่ า่ จะเป็นครอบครวั เพอ่ื น และสงั คม

ขนั้ สอน

3.ครใู ชเ้ ทคนคิ การบรรยายอธบิ ายการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี ี โดยครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอน
หลกั พน้ื ฐานในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ

4.ครเู ปิดวดี ทิ ศั น์แสดงปัจจยั ทช่ี ว่ ยสง่ เสรมิ สมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล ภาษาทใ่ี ชใ้ นการสอ่ื ความหมาย
สมั พนั ธภาพในครอบครวั องคป์ ระกอบของสมั พนั ธภาพในครอบครวั

5.ครใู ชเ้ ทคนคิ การบรรยาย เพ่อื อธบิ ายแนวทางสง่ เสรมิ สมั พนั ธภาพทด่ี ใี นครอบครวั
6ครแู ละผเู้ รยี นสรุปการมคี วามสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั ผูอ้ ่นื เป็นสงิ่ ทจ่ี าเป็นในการมชี วี ติ ของมนุษย์ โดยมหี ลกั
พน้ื ฐานในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ ไดแ้ ก่ การมวี ตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกนั การเคารพในสทิ ธแิ ละความเป็นตวั เองของ
บคุ คล โครงสรา้ งและแบบแผนของสมั พนั ธภาพการสอ่ื สาร การรจู้ กั ตนเองและสงิ่ แวดลอ้ ม การห่วงใย และการ
ซอ่ื สตั ย์ โดยมปี ัจจยั ทช่ี ่วยสง่ เสรมิ สมั พนั ธภาพระหว่างบคุ คล ไดแ้ ก่ ความพอใจรว่ มกนั การรจู้ กั และไวว้ างใจกนั
บรรทดั ฐานสว่ นบุคคล การเปิดเผยความรสู้ กึ การเคารพและยอมรบั ในบุคคลอ่นื เช่นเดยี วกบั สมั พนั ธภาพใน
ครอบครวั ทส่ี มาชกิ ทุกคนควรมคี วามรกั ความเขา้ ใจ มคี วามเคารพนบั ถอื มสี ทิ ธิ เสรภี าพ รแู้ ละปฏบิ ตั ติ นตาม
บทบาท หน้าทข่ี องตน มเี วลาใหก้ นั มคี วามเสยี สละ ใหอ้ ภยั กนั รว่ มแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ โดยใชก้ ารสอ่ื สาร
ทางบวก
7.ครใู ชเ้ ทคนิคการเรยี นรโู้ ดยใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นร่วม โดยครจู ะแสดงการมคี วามสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั ผอู้ น่ื เป็น
สงิ่ จาเป็นในการมชี วี ติ ของมนุษย์ บคุ คลรจู้ กั ตนเองไดจ้ ากการมคี วามสมั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื การสรา้ งและคงไวซ้ ง่ึ
สมั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู้ น่ื จะเกดิ บรรลุผลไดต้ อ้ งอาศยั คณุ ลกั ษณะทส่ี าคญั ของบคุ คลในการยอมรบั และสง่ เสรมิ ซง่ึ
กนั และกนั รวมทงั้ การมที กั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพกบั ผอู้ ่นื
8 ครใู ชเ้ ทคนคิ การเรยี นรโู้ ดยใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นร่วม โดยครจู ะแสดงทกั ษะทจ่ี าเป็นในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ
ไดแ้ ก่ คุณลกั ษณะสาคญั ของบุคคลในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ ทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู้ ่นื และขนั้ ตอน
การสรา้ งสมั พนั ธภาพ หลกั การสรา้ งสมั พนั ธภาพในครอบครวั
9. ครใู ชเ้ ทคนคิ การบรรยายเพ่อื ธบิ ายคุณลกั ษณะสาคญั ของบคุ คลในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ ตอ้ งยอมรบั
และใหเ้ กยี รติ การเขา้ ใจสาระและความรสู้ กึ และความจรงิ ใจ รวมทงั้ มที กั ษะในการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู้ ่นื
ไดแ้ ก่ การเปิดเผยตนเอง การไวว้ างใจซง่ึ กนั และกนั การสอ่ื สารทเ่ี ขา้ ใจตรงกนั ประกอบดว้ ย ทกั ษะการฟัง ทกั ษะ
การทวนเน้อื หาทกั ษะสะทอ้ นความรสู้ กึ และทกั ษะการถาม

10.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นบนั ทกึ บญั ชคี รวั เรอื น เพอ่ื ใหเ้ กดิ การปฏบิ ตั พิ ฒั นาความรู้ ความคดิ และปฏบิ ตั ิ

63

ถกู ตอ้ ง ก่อใหเ้ กดิ ความเจรญิ ในดา้ นอาชพี หรอื เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม ซง่ึ การทาบญั ชคี รวั เรอื นเป็นเร่อื ง
การบนั ทกึ รายรบั รายจ่ายประจาวนั /เดอื น/ปี ว่ามรี ายรบั รายจ่ายจากอะไรบา้ ง จานวนเทา่ ใด รายการใดจา่ ยน้อย
จ่ายมาก จาเป็นน้อยจาเป็นมาก กอ็ าจลดลงหรอื เพมิ่ ขน้ึ ตามความจาเป็น ถา้ ทกุ คนคดิ ไดก้ แ็ สดงว่าเป็นคนรจู้ กั
พฒั นาตนเอง มเี หตมุ ผี ล รจู้ กั พอประมาณ รกั ตนเอง รกั ครอบครวั รกั ชมุ ชน และรกั ประเทศชาตมิ ากขน้ึ จงึ เหน็
ไดว้ า่ การทาบญั ชคี รวั เรอื น คอื วถิ แี หง่ การเรยี นรเู้ พ่อื พฒั นาชวี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์
11.ครใู ชค้ าถามหรอื กาหนดปัญหาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบให้

เพ่อื นทุกคนเขา้ ใจ
12.ผเู้ รยี นสรุปคุณลกั ษณะสาคญั ของบคุ คลในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ ตอ้ งยอมรบั และใหเ้ กยี รติ การเขา้ ใจ

สาระและความรสู้ กึ และความจรงิ ใจ รวมทงั้ มที กั ษะในการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู้ ่นื ไดแ้ ก่ การเปิดเผยตนเอง
การไวว้ างใจซง่ึ กนั และกนั การสอ่ื สารทเ่ี ขา้ ใจตรงกนั ประกอบดว้ ย ทกั ษะการฟัง ทกั ษะการทวนเน้อื หาทกั ษะ
สะทอ้ นความรสู้ กึ และทกั ษะการถาม

13.ครใู ชว้ ธิ สี มุ่ ผเู้ รยี นทกุ กลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พอ่ื นฟังทงั้ ชนั้ เรยี น
14.ผเู้ รยี นฝึกทกั ษะทาใบงาน และแบบฝึกหดั ทา้ ยหน่วย

สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพ่อื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สอ่ื PowerPoint , วดิ ที ศั น์

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
4. คาถามชวนคดิ

64

5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
เครอื่ งมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.ทากจิ กรรมใบงาน และแบบประเมนิ ผลทา้ ยหน่วย
2.อ่านและทบทวนเน้อื หา

65

บนั ทึกหลงั การสอน

ข้อสรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

66

แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 12 หน่วยท่ี 6
สอนครง้ั ที่ 12 (34-36)
รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชีวติ เพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3)
จานวน 3 ช.ม.
ชือ่ หนว่ ย/เรือ่ ง การเสริมสรา้ งสมั พนั ธภาพที่ดีกบั ครอบครวั เพอื่ น

และสงั คม

สาระสาคญั

การสรา้ งสมั พนั ธภาพเป็นปัจจยั สาคญั อยา่ งหน่งึ ในการดารงชวี ติ การมสี มั พนั ธภาพกบั บุคคลอน่ื
จะเป็นพน้ื ฐานของการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของบคุ คล และสามารถดารงชวี ติ อย่อู ยา่ งมคี วามสขุ ทงั้ ในครอบครวั
เพอ่ื นและสงั คม โดยใชท้ กั ษะการโน้มน้าวใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจความตอ้ งการและเหตผุ ลของตนเอง

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

4 อธบิ ายขนั้ ตอนในการพดู โน้มน้าวใจดว้ ยเทคนคิ และวธิ กี ารประชาธปิ ไตยได้

5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง

5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
5.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที

สมรรถนะรายวิชา

5. โน้มน้าวใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจความตอ้ งการและเหตผุ ลของตนเองดว้ ยเทคนคิ และวธิ กี ารประชาธปิ ไตย

เน้ อื หาสาระ

3 การพดู โน้มน้าวใจ

67

กจิ กรรมการเรียนรู้

ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

1.ครสู นทนากบั ผเู้ รยี นว่าการพดู เป็นเคร่อื งมอื สอ่ื สารทม่ี อี านุภาพมากทส่ี ดุ เพราะเป็นทกั ษะ การสอ่ื สาร
ทส่ี าคญั และจาเป็นต่อการดาเนนิ ชวี ติ ของมนุษย์ การพดู ในโอกาสต่างๆ เพ่อื ใหค้ วามรู้ ความบนั เทงิ โน้มน้าว
และจรรโลงใจ ช่วยใหผ้ พู้ ดู และผฟู้ ังเกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ตลอดจนมที ศั นคตทิ ด่ี ตี ่อกนั

2.ผเู้ รยี นยกตวั อย่างการพดู โน้มน้าว

ขนั้ สอน

3. ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบบรรยาย และสาธติ เพอ่ื อธบิ ายการพดู โน้มน้าวใจ ไดแ้ ก่ ความสาคญั ของ
การพดู องคป์ ระกอบของการพดู การพดู โน้มน้าวใจ และองคป์ ระกอบขนั้ ตอนพน้ื ฐานในการโน้มน้าวใจ

4.ครแู ละผเู้ รยี นสาธติ การพดู โน้มน้าวใจ หมายถงึ การพดู เพ่อื ชกั ชวนใหผ้ ฟู้ ังเกดิ ความเชอ่ื ถอื หรอื
เหน็ ดว้ ยทงั้ ความคดิ และการกระทา ตามความมงุ่ หมายของการพดู

5.ครเู ปิด VDO เพ่อื สาธติ ขนั้ ตอนในการพดู โนม้ น้าวใจ การพดู โน้มน้าวใจมขี นั้ ตอนในการพดู ดงั น้ี
5.1. ขนั้ การสรา้ งความสนใจผสู้ ง่ สารควรใชถ้ อ้ ยคา สานวนตลอดวธิ กี ารพดู ใหค้ มคายทาใหผ้ รู้ บั สารเกดิ
ความสนใจและตอ้ งการทจ่ี ะฟังตอ่ ไป ท่วงทที ่าทางของผสู้ ง่ สารตอ้ งมคี วามกระตอื รอื รน้ จะสามารถโน้มน้าวจติ ใจ
ผรู้ บั สารใหเ้ กดิ ความเล่อื มใสศรทั ธาในตวั ผสู้ ่งสาร
5.2. ขนั้ สรา้ งความตอ้ งการ เป็นการชใ้ี หเ้ หน็ ความจาเป็น หมายความวา่ ผสู้ ง่ สารพยายามใหผ้ รู้ บั สาร
ตระหนกั ถงึ ความจาเป็นบางอยา่ งทต่ี อ้ งทา หรอื ปฏบิ ตั คิ วามทผ่ี สู้ ง่ สารแนะนา และเป็นเร่อื งทจ่ี าเป็นต่อผรู้ บั สาร
5.3. ขนั้ สรา้ งความพอใจ เป็นขนั้ ทผ่ี สู้ ง่ สารทาใหผ้ รู้ บั สารเหน็ จรงิ ตรงกบั ใจผรู้ บั สาร ผสู้ ง่ สารเสนอขอ้ คดิ
ต่างๆ ถา้ เป็นการโฆษณาสนิ คา้ กจ็ ะเป็นการเสนอผลติ ภณั ฑต์ ่างๆ ซง่ึ ทาใหผ้ รู้ บั สารรสู้ กึ ว่า น่เี องคอื ผลติ ภณั ฑท์ ่ี
ฉนั ตอ้ งการ
5.4. ขนั้ สรา้ งมโนภาพ ผสู้ ง่ สารพยายามใชถ้ อ้ ยคาใหผ้ รู้ บั สารมองเหน็ ประโยชนข์ องสงิ่ นนั้ ๆ หรอื ผสู้ ง่ สาร
พยายามยกตวั อยา่ ง อุปมาอปุ มยั และยกเหตุการณ์ต่างๆ มาประกอบใหผ้ รู้ บั สารเหน็ ภาพทต่ี อ้ งการอยา่ งชดั เจน
5.5 ขนั้ เรยี กรอ้ งใหเ้ กดิ การกระทา เป็นขนั้ สดุ ทา้ ยทผ่ี สู้ ง่ สารเชอ่ื ถอื เกดิ ความคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม และ
กระทาตามทผ่ี สู้ ง่ สารตอ้ งการ เช่น ตดั สนิ ใจเลอื กซอ้ื หรอื เลอื กตวั แทน
6.ครอู ธบิ าย และสาธติ การโน้มน้าวดว้ ยเทคนิคและวธิ กี ารประชาธปิ ไตย และใหผ้ ูเ้ รยี นปฏบิ ตั ติ าม
7.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่ามคี วามรสู้ กึ ถงึ สมั พนั ธภาพกบั เพอ่ื นและครอบครวั อย่างไรบา้ ง
8.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ วา่ สมั พนั ธภาพทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั เพอ่ื นหรอื ครอบครวั เหมอื นหรอื คลา้ ยคลงึ กบั ความคดิ
ทไ่ี ดจ้ ากการเรยี นรนู้ ห้ี รอื ไม่อยา่ งไร
9.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าในอนาคต ตนเองจะปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรพอ่ื ใหม้ สี มั พนั ธภาพทด่ี ที งั้ กบั เพ่อื น
และครอบครวั
10.ผเู้ รยี นแสดงความสามารถในการสรา้ งสมั พนั ธภาพขน้ึ อยกู่ บั ความสามารถและทกั ษะทางสงั คมของ
บุคคล ใหน้ กั ศกึ ษาทาแผนผงั ความคดิ (mind maping) สรปุ หลกั พน้ื ฐานในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ

68

11.ผเู้ รยี นแสดงความสมั พนั ธภาพในครอบครวั หมายถงึ ลกั ษณะทางพฤตกิ รรมภายในครอบครวั ท่ี
ประกอบดว้ ย พอ่ แม่ และลกู ๆ ใหน้ กั ศกึ ษาวเิ คราะหส์ มั พนั ธภาพในครอบครวั ตนเอง และบอกวธิ สี ง่ เสรมิ
สมั พนั ธภาพทด่ี ใี นครอบครวั

11.1. สมั พนั ธภาพในครอบครวั ฉนั
12.2. วธิ สี ง่ เสรมิ สมั พนั ธภาพทด่ี ใี นครอบครวั ฉนั
12.ผเู้ รยี นทากจิ กรรมทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ว่ามติ รภาพจะก่อใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้ ตอ้ งอาศยั เวลา ความพยายามและ
ทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี ตี ่อกนั ใหน้ กั ศกึ ษาอธบิ ายทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี ที ต่ี นเองใช้
12.1. เพ่อื นของฉนั คอื
12.1 ทกั ษะทใ่ี ชใ้ นการคบเพอ่ื น ไดแ้ ก่
12.3. มวี ธิ กี ารสรา้ งสมั พนั ธภาพอยา่ งไร
13.ผเู้ รยี นทากจิ กรรมในการจดั ทาโครงการดาเนินงานกจิ กรรมนนั ทนาการในชมุ ชนและสงั คม จะตอ้ งมี
การพดู โน้มน้าวใหค้ นในชมุ ชนมคี วามคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม นกั ศกึ ษาจะมขี นั้ ตอนการพดู โน้มน้าวใจอยา่ งไร ใหเ้ ขยี น
วธิ กี ารพดู ลงในตารางทก่ี าหนด
13.1.ขนั้ ตอนในการพดู โน้มน้าวใจ
13.2.วธิ กี ารพดู
14. ครใู หค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ ในการทาบญั ชีรายรบั -รายจา่ ย ซง่ึ เป็นการจดบนั ทกึ เหตุการณ์ต่าง ๆ เกย่ี วกบั
การเงนิ หรอื บางสว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การเงนิ โดยผ่านการวเิ คราะห์ จดั ประเภทและบนั ทกึ ไวใ้ นแบบฟอรม์ ทก่ี าหนด
เพ่อื แสดงฐานะการเงนิ และผลการดาเนนิ งานของตนเองหรอื ครอบครวั ในช่วงระยะเวลาหน่งึ เป็นวธิ ชี ว่ ย
ตรวจสอบการใชจ้ ่ายของครอบครวั วา่ มรี ายจ่ายสมดลุ กบั รายรบั และใชจ้ ่ายอยา่ งมเี หตุผลตามความจาเป็น
พอเหมาะกบั สภาพครอบครวั หรอื ไม่ หากสามารถปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภค เพอ่ื ลดรายจ่ายทไ่ี มจ่ าเป็น
เกนิ ตนได้ จะช่วยใหม้ เี งนิ เกบ็ ออมเพ่อื เป็นรากฐานสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทดี ใี นชวี ติ ได้

ข้นั สรุปและการประยุกต์

15.ครใู ชค้ าถามหรอื กาหนดปัญหาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบ
ใหเ้ พ่อื นทกุ คนในกลุ่มของตนเองเขา้ ใจ

16.ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ เน้อื หาทเ่ี รยี นการพดู เป็นเครอ่ื งมอื สอ่ื สารทม่ี อี านุภาพมากทส่ี ดุ โดยเฉพาะอยา่ ง
ยงิ่ การพดู โน้มน้าวใหผ้ อู้ ่นื เขา้ ใจความตอ้ งการและเหตุผลของตนเอง มจี ดุ มุ่งหมายเพ่อื ใหผ้ ฟู้ ังเกดิ ความเชอ่ื ถอื
เกดิ ความประทบั ใจ และเพอ่ื ใหผ้ ฟู้ ังกระทาตามผพู้ ดู โดยมขี นั้ ตอน คอื ขนั้ การสรา้ งความสนใจ ขนั้ สรา้ งความ
ตอ้ งการ ขนั้ สรา้ งความพอใจ ขนั้ สรา้ งมโนภาพ และขนั้ เรยี กรอ้ งใหเ้ กดิ การกระทา ดว้ ยเทคนิคและวธิ กี าร
ประชาธปิ ไตย ตามหลกั การอานาจอธปิ ไตยโดยเป็นของปวงชนหลกั เสรภี าพ หลกั ความเสมอภาค หลกั การ
ปกครองโดยกฎหมาย และหลกั การเสยี งขา้ งมาก

17.ผเู้ รยี นตอบคาถามชวนคดิ ทากจิ กรรมใบงาน และแบบทดสอบทา้ ยหน่วย

69

สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพ่อื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สอ่ื PowerPoint

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอื่ งมือวดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยปผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

รว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)

70

4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.ทาใบงาน
2.อา่ นและทบทวนเน้อื หา

71

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาท่ีพบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

72

แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ 13 หน่วยท่ี 7

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชีวติ เพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนคร้งั ที่ 13 (37-39)
จานวน 3 ช.ม.
ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง การส่งเสริมสุขภาพที่สมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน

สาระสาคญั

การเจบ็ ป่วยหรอื การเกดิ โรคนอกจากเกดิ จากเชอ้ื โรคแลว้ มนุษยย์ งั เจบ็ ป่วยหรอื เกดิ โรคไดจ้ ากพฤตกิ รรม
การดารงชวี ติ ของตนเอง การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพเพ่อื นาไปสกู่ ารมสี ขุ ภาพทด่ี ี นอกจากจะเรมิ่ ดว้ ย
ตนเองแลว้ การมสี ว่ นร่วมของครอบครวั และชุมชน จะเป็นแรงเสรมิ เพอ่ื การมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพทถ่ี ูกตอ้ ง
อยา่ งยงั่ ยนื

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1 อธบิ ายความหมายของการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ และวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหว่างพฤตกิ รรมสขุ ภาพกบั การ

เกดิ โรคได้
2 ระบบพฤตกิ รรมสขุ ภาพทค่ี วรปฏบิ ตั เิ พ่อื สง่ เสรมิ และป้องกนั โรคได้
3 ออกแบบวธิ กี ารใชก้ ระบวนการทางประชาสงั คมในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพได้

4. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเรอ่ื ง

4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
4.2 ความมวี นิ ยั
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
4.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝ่รู้
4.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
4.9 ความรกั สามคั คี
4.10 ความกตญั ญกู ตเวที

สมรรถนะรายวิชา

2. เลอื กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสง่ เสรมิ สขุ ภาพดว้ ยกจิ กรรมพลศกึ ษา สขุ ศกึ ษาและนนั ทนาการตามหลกั การ
4. เป็นผนู้ าและมสี ว่ นร่วมในการจดั กจิ กรรม เสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย
6. วางแผนดาเนินชวี ติ ใหส้ อดคลอ้ งกบั วชิ าชพี

73

เน้ อื หาสาระ

1 พฤตกิ รรมการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ
2 กระบวนการประชาสงั คมในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ

กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ผ่ี ่าน
มา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเชอ่ื มโยงความรใู้ หมก่ บั
ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดมิ

2.ผเู้ รยี นสนทนากบั ครวู า่ สขุ ภาพดเี ป็นเป้าหมายพน้ื ฐานทางสงั คม การสง่ เสรมิ สขุ ภาพจงึ เป็นกระบวนการ
สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนเพมิ่ สมรรถนะในการควบคมุ และพฒั นาสขุ ภาพของตนเอง โดยทก่ี ระบวนการ เพอ่ื การ
สง่ เสรมิ สขุ ภาพใหค้ รบถว้ นสมบรู ณ์คอื การชน้ี า การเพมิ่ ความสามารถ และการไกลเ่ กลย่ี

ข้นั สอน

3. ครใู ชแ้ ผนภาพ และสอ่ื Power Point อธบิ ายพฤตกิ รรมการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ โดยการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ
หมายถงึ กระบวนการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนเพมิ่ สมรรถนะในการควบคุม และพฒั นาสขุ ภาพของตนเอง

4. ครใู ชส้ อ่ื Power Point และสอ่ื วดี ทิ ศั น์ ประกอบการอธบิ ายการประชมุ นานาชาตเิ ร่อื ง การสง่ เสรมิ
สขุ ภาพ (Health Promotion) ในปี พ.ศ. 2529 ณ กรงุ ออตตาวา ประเทศแคนาดา ไดป้ ระกาศเพอ่ื สง่ เสรมิ สขุ ภาพ
และไดบ้ ง่ ชก้ี ลยุทธพ์ น้ื ฐานทส่ี าคญั 3 ประการ เพ่อื ใหเ้ กดิ กระบวนการสง่ เสรมิ สขุ ภาพใหค้ รบถว้ นสมบรู ณ์ คอื

4.1.การชน้ี า (Advocacy)
4.2. การเพมิ่ ความสามารถ (Enabling)
4.3. การไกล่เกลย่ี (Mediating)
5. ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบบรรยาย เพ่อื อธบิ ายแนวคดิ เกย่ี วกบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพ ประเภทของ
พฤตกิ รรมสขุ ภาพ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤตกิ รรมสขุ ภาพกบั การเกดิ โรค พฤตกิ รรมสขุ ภาพทค่ี วรปฏบิ ตั เิ พ่อื
สง่ เสรมิ และป้องกนั โรค
6.ครอู ภปิ รายสรปุ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ หมายถงึ กระบวนการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนเพม่ิ สมรรถนะในการ
ควบคมุ และพฒั นาสขุ ภาพตนเองมกี ารเปลย่ี นแปลงดา้ นสขุ ภาพซง่ึ เกดิ ขน้ึ ทงั้ ภายในและกายนอกโดยอาศยั
ความรคู้ วามเขา้ ใจ ทศั นคตแิ ละการปฏบิ ตั ติ นทางสขุ ภาพทเ่ี กย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั อย่างเหมาะสมมผี ลดตี ่อสขุ ภาพ
ประกอบดว้ ยการรกั ษาสขุ อนามยั สว่ นบคุ คลอยเู่ สมอ บรโิ ภคอาหารสกุ สะอาดปลอดภยั ครบ 5 หม่อู ยา่ ง
หลากหลายและเพยี งพอ ออกกาลงั กายดว้ ยวธิ กี ารทถ่ี กู ตอ้ งสม่าเสมอ จดั การอารมณ์และความเครยี ดดว้ ยวธิ กี าร
ทเ่ี หมาะสม หลกี เลย่ี งการสบู บุหร่ี การด่มื สรุ า การเสพสารเสพตดิ พฤตกิ รรมสาสอ่ นทางเพศและอบายมขุ ต่างๆ
ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มภายในบา้ นและชมุ ชนใหถ้ กู สขุ ลกั ษณะ และตรวจสขุ ภาพประจาอย่างน้อยปีละ 1 ครงั้
7.ครอู ภปิ รายเพ่อื นาเขา้ สบู่ ทเรยี นถงึ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพโดยใชก้ ระบวนการทางประชา
สงั คม เป็นสงิ่ สาคญั ทจ่ี ะเป็นแรงเสรมิ เพ่อื การมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพทด่ี แี ละถกู ตอ้ ง เป็นแนวคดิ ทค่ี นในชมุ ชนจะตอ้ ง

74

มสี ว่ นร่วม ตงั้ แต่รว่ มในการรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร รว่ มคดิ วางแผนหารปู แบบวธิ กี าร ร่วมตดั สนิ ใจรว่ มทางานและรว่ ม
ตรวจสอบประเมนิ ผล

8.ครใู ชเ้ ทคนคิ การการบรรยาย ประกอบการอธบิ ายกระบวนการประชาสงั คมในการปรบั เปลย่ี น
พฤตกิ รรมสขุ ภาพ และใชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอน

9,ครใู ชส้ อ่ื Power Point เพ่อื อธบิ ายเรอ่ื งกระบวนการประชาสงั คม การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ
วธิ กี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ แนวคดิ การใชก้ ระบวนการประชาสงั คมในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม
สขุ ภาพ

10.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าในครอบครวั ของตนเองนนั้ มใี ครเจบ็ ป่วยดว้ ยโรคหรอื อาการใดบา้ ง
พฤตกิ รรมใดทท่ี าใหม้ อี าการเชน่ นนั้

11.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าขอ้ มลู การศกึ ษาภาวะโรคของคนไทย พบวา่ มสี าเหตมุ าจากโรคไมต่ ดิ ต่อ
เป็นหลกั และโรคตดิ ต่อทเ่ี กดิ จากพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไ่ี ม่เหมาะสม รวมทงั้ การบาดเจบ็ โดยเฉพาะจากอุบตั เิ หตุ
จราจร นกั ศกึ ษาคดิ วา่ มคี วามเหมอื นกบั ทไ่ี ดเ้ รยี นรหู้ รอื ไมอ่ ยา่ งไร

12.ผเู้ รยี นทากจิ กรรมโดยถา้ หากตนเองไดเ้ ป็นผนู้ าชมุ ชนในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ ผเู้ รยี น
คดิ วา่ เร่อื งใดทค่ี วรปรบั เปลย่ี นบา้ ง และมวี ธิ กี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพอย่างไร

13.ผเู้ รยี นทากจิ กรรมหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤตกิ รรมสขุ ภาพกบั การเกดิ โรค ดงั น้ี
พฤตกิ รรมสขุ ภาพ
พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก
โรคและการเจบ็ ป่วย

14.ผเู้ รยี นระบุพฤตกิ รรมสขุ ภาพทต่ี นเองปฏบิ ตั อิ ยแู่ ลว้ และวธิ แี กไ้ ขปรบั ปรุง เพ่อื ใหม้ สี ขุ ภาพดตี ลอดไป
พฤตกิ รรมสขุ ภาพทป่ี ฏบิ ตั ิ
พฤตกิ รรมสขุ ภาพทต่ี อ้ งปรบั ปรุง

15.ผเู้ รยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยสมมตวิ า่ นกั ศกึ ษาเป็นแกนนาปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพในชมุ ชน
นกั ศกึ ษาจะออกแบบวธิ กี ารดาเนินการอยา่ งไร

16.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นควรการทาบญั ชดี ว้ ยความละเอียดรอบคอบ มคี วามเพียรพยายามในการนา
ความรไู้ ปใชใ้ หป้ ระสบความสาเรจ็ และมคี วามระมดั ระวงั ขอ้ ผดิ พลาดทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ ไดใ้ นระหวา่ งการทางาน
หรอื หลงั จากปฏบิ ตั หิ น้าทด่ี ว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ซง่ึ เป็นการสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ท่ีดีในตวั เองตามแนวทางปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียง ดงั นนั้ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง จงึ เป็นหลกั การดาเนินชวี ติ การทางาน การบรหิ าร การ
พฒั นา รวมถงึ การดาเนินกจิ กรรมในดา้ นต่างๆ ของมนุษย์ ทเ่ี นน้ แนวทางสายกลางยดึ หลกั ความพอประมาณ
ความมเี หตุผล และมภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี ี ภายใตเ้ งอ่ื นไขความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั และเงอ่ื นไขคณุ ธรรม ความ
ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ความเพยี ร ขยนั อดทน และการแบง่ ปัน

ข้นั สรุปและการประยุกต์

17.ครูและผูเ้ รยี นสรุปเน้ือหาท่เี รยี น การท่จี ะทาให้บุคคลเกดิ การปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมสุขภาพ เพ่อื
นาไปส่กู ารมสี ุขภาพท่ดี ตี ้องเรมิ่ ด้วยตนเอง และการปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมสุขภาพดว้ ยการมีส่วนร่วมของ

75

ครอบครวั และชุมชน โดยการใหช้ ุมชนมสี ่วนร่วมตงั้ แต่การใหร้ บั รขู้ อ้ มลู ข่าวสาร ร่วมคดิ ร่วมตดั สนิ ใจ รวมทา

และร่วมตรวจสอบประเมนิ ผล ใชแ้ นวคดิ การใชก้ ระบวนการทางประชาสงั คมในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ

คอื แนวคดิ เรอ่ื งผนู้ า ชมุ ชน ความสาคญั ของกล่มุ ค่านยิ มของสงั คม ระบอบประชาธปิ ไตย และความรบั ผดิ ชอบ

18.ผเู้ รยี นตอบคาถามชวนคดิ ทาใบงาน และแบบทดสอบทา้ ยหน่วย

1ต.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี

ช่อื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน

1.

2.

3.

4.

5.

สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพอ่ื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สอ่ื PowerPoint , วดิ ที ศั น์

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายช่อื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

76

เครอ่ื งมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

รว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

อา่ นและทบทวนเน้อื หา

77

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาท่ีพบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

78

แผนการจดั การเรียนร้แู บบบรู ณาการที่ 14 หน่วยท่ี 8

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชีวิตเพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนครง้ั ท่ี 14 (40-42)
จานวน 3 ช.ม.
ชื่อหนว่ ย/เรือ่ ง การป้องกนั ภยั ในชมุ ชน

สาระสาคญั

ในชมุ ชนอาจมคี วามเสย่ี งในดา้ นปัญหาทางเพศ ยาเสพตดิ อบุ ตั ภิ ยั และสารพษิ การศกึ ษาเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจ
ปัญหาและหาวธิ กี ารป้องกนั ภยั ในชมุ ชน จะทาใหช้ มุ ชนปลอดภยั สง่ ผลต่อสขุ ภาพและการดารงชวี ติ อย่างมี
ความสขุ

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 อธบิ ายสขุ ภาวะทางเพศและอนามยั เจรญิ พนั ธใุ์ นวยั รุ่นได้
2 วเิ คราะหป์ ัจจยั และพฤตกิ รรมเสย่ี งต่อการตงั้ ครรภใ์ นวยั รุ่นได้
3 แสดงทกั ษะปฏเิ สธเพอ่ื หลกี เลย่ี งการมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไมต่ งั้ ใจได้
4 วเิ คราะหป์ ัจจยั สาคญั ทท่ี าใหเ้ ดก็ และเยาวชนเสพยาเสพตดิ ได้
5 เสนอแนวทางการป้องกนั ยาเสพตดิ ได้
6. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเร่อื ง

6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
6.2 ความมวี นิ ยั
6.3 ความรบั ผดิ ชอบ
6.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
6.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง
6.6 การประหยดั
6.7 ความสนใจใฝ่รู้
6.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
6.9 ความรกั สามคั คี
6.10 ความกตญั ญกู ตเวที

สมรรถนะรายวิชา

1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการทางพลศกึ ษา สขุ ศกึ ษาและนนั ทนาการเพ่อื พฒั นา
ทกั ษะชวี ติ และสขุ ภาพ

79

เน้ อื หาสาระ

1 เพศศกึ ษารอบดา้ น
2 การป้องกนั ภยั จากยาเสพตดิ

กิจกรรมการเรียนรู้

ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน

1.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาเกย่ี วกบั เพศศกึ ษารอบดา้ น เป็นการเรยี นรทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื งเพศทุกแงม่ ุม และ
พฒั นาทกั ษะทจ่ี าเป็นคอื การวเิ คราะห์ ไตร่ตรอง การประเมนิ โอกาสเสย่ี ง การสรา้ งและรกั ษาสมั พนั ธภาพรวมถงึ
การตดั สนิ ใจอยา่ งรอบคอบในเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั วถิ ที างเพศของตนเอง โดยทม่ี เี น้อื หาทค่ี รอบคลมุ เร่อื ง “เพศ
สภาวะ” การมองเรอ่ื งเพศในมุมสงั คมวฒั นธรรมทม่ี สี ว่ นกาหนดความเป็นชายหรอื หญงิ วถิ กี ารดาเนนิ ชวี ติ ตาม
รสนิยม คา่ นยิ มและความเชอ่ื ในเร่อื งเพศของตนเองภายใตส้ ภาพสงั คมในปัจจบุ นั

2.ผเู้ รยี นยกตวั อย่างลกั ษณะของเพศหญงิ และเพศชาย โดยแสดงรปู ภาพประกอบ

ขนั้ สอน

4.ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบบรรยาย เพอ่ื อธบิ ายเรอ่ื งเพศศกึ ษารอบดา้ น และใชส้ อ่ื Power Point
ประกอบ

5.ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบบรรยาย เพ่อื อธบิ ายเร่อื งเพศวถิ ี ไดแ้ ก่ ความหมายของเพศวถิ ี มติ ขิ องเพศ
วถิ ี เพศวถิ ที เ่ี ปลย่ี นแปลงไป

6.ครแู สดงวดี ที ศั น์เกย่ี วกบั สขุ ภาวะทางเพศและอนามยั เจรญิ พนั ธใ์ นวยั รุ่น ไดแ้ ก่เร่อื งเพศเป็นเร่อื ง
ธรรมชาติ เมอ่ื ทอ้ งไม่พรอ้ มทาอยา่ งไรดี การคมุ กาเนดิ การตงั้ ครรภใ์ นวยั รุ่น ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการตงั้ ครรภใ์ นวยั รนุ่
พฤตกิ รรมของวยั รุ่นทเ่ี สย่ี งต่อการมเี พศสมั พนั ธ์ ความเสย่ี งของการตงั้ ครรภแ์ ละการคลอดในวยั รนุ่ การทาแทง้
เถ่อื น และความรนุ แรงทางเพศ

7.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอนเร่อื งทกั ษะปฏเิ สธเพ่อื หลกี เลย่ี งการมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไม่ตงั้ ใจ
8.ครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั อธบิ าย และเปิดวดี โี อประกอบเพอ่ื ศกึ ษาเร่อื เพศวถิ เี ป็นองคป์ ระกอบหลกั อย่าง
หน่งึ ของชวี ติ มนุษยอ์ นั ประกอบดว้ ยมติ ริ า่ งกาย จติ ใจ จติ วญิ ญาณ สงั คม เศรษฐกจิ การเมอื งและวฒั นธรรม โดย
แบ่งเป็น 6 มติ ิ คอื มติ ขิ องความปรารถนา มติ ขิ องการนาเสนอรา่ งกาย มติ ขิ องพฤตกิ รรมและกริ ยิ ามารยาท มติ ิ
ของการดงึ ดดู ทางเพศสมั พนั ธ์ โดยทเ่ี พศวถิ มี กี ารเปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา ไดแ้ ก่ เพศสมั พนั ธท์ เ่ี ปลย่ี นไปเพศ
วถิ ที างเลอื กทเ่ี ปลย่ี นไปตามความหลากหลายทางเพศ การคา้ บรกิ ารทางเพศทเ่ี ปลย่ี นไปและเพศศกึ ษาท่ี
เปลย่ี นไปปัญหาทางดา้ นสขุ ภาวะทางเพศและอนามยั เจรญิ พนั ธุ์ นบั เป็นสว่ นสาคญั ของภาระดา้ นสขุ ภาพโดยรวม
ของเยาวชน
9.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั ว่าประเทศไทยประสบปัญหาสารเสพตดิ ทงั้ ในดา้ นการเป็นพน้ื ทก่ี ารผลติ การ
เป็นพน้ื ทก่ี ารคา้ การเป็นพน้ื ทแ่ี พร่ระบาด และเป็นทางผา่ นสารเสพตดิ โดยมตี วั ยาหลกั ทป่ี ระสบปัญหา คอื ฝ่ิน
เฮโรอนี กญั ชา ยาบา้ สาระเหย โคเคน และสารเสพตดิ ประเภทวตั ถุออกฤทธบิ์ างชนิด

80

10 ครแู ละผเู้ รยี นเปิด VDO เพอ่ื ศกึ ษาการป้องกนั ภยั จากยาเสพตดิ ในเร่อื งสภาพปัญหายาเสพตดิ ใน
ประเทศไทย ปัจจยั สาคญั ทท่ี าใหเ้ ดก็ และเยาวชนเสพยาเสพตดิ การป้องกนั ยาเสพตดิ

11.ผเู้ รนี นทาใบงาน และแบบทดสอบทา้ ยหน่วย

ขนั้ สรปุ และการประยุกต์

12.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หารทเ่ี รยี นว่า ปัญหายาเสพตดิ ในประเทศไทยเป็นพน้ื ทผ่ี ลติ เป็นพน้ื ทก่ี ารคา้

เป็นพน้ื ทร่ี ะบาด และเป็นทางผา่ นยาเสพตดิ ปัจจยั ทท่ี าใหเ้ ดก็ และเยาวชนเสพยาเสพตดิ เน่อื งจากบคุ ลกิ ภาพ

สว่ นตวั แบบหวนั่ ไหว เปิดกวา้ ง ทา้ ทาย อยากรอู้ ยากลองวติ กกงั วลและซมึ เศรา้ ปัจจยั ครอบครวั เกย่ี วกบั แบบ

แผนการเลย้ี งดู ความสมั พนั ธข์ องสมาชกิ ในครอบครวั ระดบั การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในครอบครวั ระดบั ความ

คาดหวงั ต่อสมาชกิ ในครอบครวั และสภาพเศรษฐกจิ ของครอบครวั รวมทงั้ ปัจจยั สง่ิ แวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ กลมุ่ เพ่อื น

โรงเรยี น ชุมชน สงั คม วฒั นธรรม และคา่ นิยม การป้องกนั ยาเสพตดิ ทาไดโ้ ดยการป้องกนั ตนเอง โดยศกึ ษาหา

ความรู้ ไม่ทดลองใชแ้ ละใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ การป้องกนั ครอบครวั สรา้ งความรกั และเขา้ ใจสรา้ ง

ครอบครวั ใหอ้ บอุ่น และการป้องกนั ชุมชน โดยการรว่ มกนั ของประชาชนในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ

13.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี

ชอ่ื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน

1.

2.

3.

4.

5.

สื่อและแหล่งการเรยี นรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพ่อื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.แผน่ ใส
5.สอ่ื PowerPoint , วดี ทิ ศั น์

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

81

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอ่ื งมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.ทาแบบใบงาน และแบบประเมนิ ผล
2.อ่านและทบทวนเน้อื หา

82

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

83

แผนการจดั การเรียนร้แู บบบรู ณาการท่ี 15 หน่วยท่ี 8

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชวี ิตเพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนคร้งั ที่ 15 (43-45)
จานวน 3 ช.ม.
ชือ่ หน่วย/เรือ่ ง การป้องกนั ภยั ในชุมชน

สาระสาคญั

ในชมุ ชนอาจมคี วามเสย่ี งในดา้ นปัญหาทางเพศ ยาเสพตดิ อุบตั ภิ ยั และสารพษิ การศกึ ษาเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจ
ปัญหาและหาวธิ กี ารป้องกนั ภยั ในชุมชน จะทาใหช้ ุมชนปลอดภยั สง่ ผลต่อสขุ ภาพและการดารงชวี ติ อยา่ งมี
ความสขุ

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

6 อธบิ ายสาเหตุของอบุ ตั ภิ ยั และเสนอแนวทางการป้องกนั แกไ้ ขอบุ ตั ภิ ยั ของชมุ ชนได้

7 อธบิ ายสารพษิ ในชวี ติ ประจาวนั และวธิ กี ารเขา้ สรู่ า่ งกายได้

8 เสนอแนวทางการป้องกนั อนั ตรายจากสารพษิ ได้

9. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา

สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ในเรอ่ื ง

9.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 9.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั

9.2 ความมวี นิ ยั 9.9 ความรกั สามคั คี

9.3 ความรบั ผดิ ชอบ 9.10 ความกตญั ญกู ตเวที

9.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ

9.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง

9.6 การประหยดั

9.7 ความสนใจใฝ่รู้

สมรรถนะรายวิชา

1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการทางพลศกึ ษา สขุ ศกึ ษาและนนั ทนาการเพ่อื พฒั นา
ทกั ษะชวี ติ และสขุ ภาพ

เน้ อื หาสาระ

3 การป้องกนั อุบตั ภิ ยั ของชมุ ชน
4 การป้องกนั สารพษิ

84

กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น

1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ผ่ี ่าน
มา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเช่อื มโยงความรใู้ หม่กบั
ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดมิ

2.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าอบุ ตั ภิ ยั หรอื อุบตั เิ หตุ หมายถงึ เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ ทไ่ี ม่ไดค้ าด
ไวก้ ่อน ซง่ึ โดยทวั่ ไปมกั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลในทางลบ ไดแ้ ก่ สญู เสยี ทรพั ยส์ นิ ร่างกายบาดเจบ็ พกิ าร หรอื เสยี ชวี ติ
ขา้ วของเสยี หาย

ขนั้ สอน

3.ครใู ชส้ อ่ื Power Point อธบิ ายการป้องกนั อุบตั ภิ ยั ของชมุ ชน ไดแ้ ก่ อุบตั ภิ ยั สาเหตุของอุบตั ภิ ยั การ
ป้องกนั อุบตั ภิ ยั แนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขอบุ ตั ภิ ยั ของชมุ ชน การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการป้องกนั อุบตั ภิ ยั

4.ครแู สดงวดิ ที ศั น์ เพ่อื อธบิ ายอบุ ตั ภิ ยั เป็นภยั ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการจราจร จากการทางาน อบุ ตั ภิ ยั ทเ่ี กดิ ขน้ึ
ทบ่ี า้ นและทส่ี าธารณะ โดยมสี าเหตจุ ากบุคคลและสภาพแวดลอ้ ม การป้องกนั อุบตั ภิ ยั ทาได้ 3 ขนั้ ตอน ดงั น้ี
ขนั้ ตอนท่ี 1 ป้องกนั ไมใ่ หเ้ กดิ อบุ ตั ภิ ยั ขนั้ ตอนท่ี 2 ป้องกนั การบาดเจบ็ ขนั้ ตอนท่ี 3 ป้องกนั ไมใ่ หผ้ บู้ าดเจบ็
เสยี ชวี ติ หรอื พกิ าร แนวทางการป้องกนั อุบตั ภิ ยั แบ่งเป็นการป้องกนั อุบตั ภิ ยั จากการจราจร การป้องกนั อคั คภี ยั
และการป้องกนั ภยั เม่อื อยใู่ นทช่ี มุ ชน ซง่ึ ชมุ ชนควรเขา้ มามสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งในการดาเนนิ งาน รว่ มคดิ รว่ มตดั สนิ ใจ
แกป้ ัญหาของตนเอง สนบั สนุนและตดิ ตามผลการปฏบิ ตั งิ าน

5.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาถงึ การป้องกนั สารพษิ สารพษิ เป็นสารเมอ่ื เขา้ สรู่ า่ งกายในจานวนพอสมควรแลว้
ทาใหเ้ กดิ อนั ตรายชวั่ คราวหรอื ถาวรต่อรา่ งกายได้ สารพษิ เขา้ สรู่ า่ งกายไดท้ างปอด ทางปาก และทางผวิ หนงั

6.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอนเรอ่ื งสารพษิ ในชวี ติ ประจาวนั และการเขา้ สรู่ ่างกาย ประเภท
ของสารพษิ สารพษิ เขา้ สรู่ ่างกายไดท้ างใด สารพษิ จากครวั เรอื น และอน่ื ๆ

7.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ ว่าในชมุ ชนของตนเองมคี วามเสย่ี งต่อปัญหาเรอ่ื งเพศ ยาเสพตดิ อุบตั ภิ ยั และ
สารพษิ อย่างไร

8.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ วา่ ในชมุ ชนของตนเองมคี วามปลอดภยั ในเร่อื งใดสงู สดุ เพราะเหตใุ ด นกั ศกึ ษาคดิ
ว่าจะเสนอโครงการหรอื กจิ กรรมอะไร เพ่อื ทาใหช้ มุ ชนของตนเองน่าอยแู่ ละปลอดภยั จากปัญหาต่างๆ

9.ผเู้ รยี นอธบิ ายถงึ ปัญหาต่อไปน้ี
9.1. เพศวถิ เี ปลย่ี นแปลงไปตามความรสู้ กึ ของนกั ศกึ ษาว่ามอี ะไรบา้ ง และเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
9.2. สขุ ภาวะทางเพศทเ่ี ป็นปัญหาในวยั รนุ่ มอี ะไรบา้ ง เพราะเหตุใดจงึ เป็นเชน่ นนั้
9.3. การคมุ กาเนดิ ทเ่ี หมาะสมกบั นกั ศกึ ษาคอื อะไร
10.ผเู้ รยี นวเิ คราะหป์ ัจจยั และพฤตกิ รรมเสย่ี งต่อการตงั้ ครรภ์ของเพ่อื นผเู้ รยี นและเสนอวธิ กี ารป้องกนั และ
แกไ้ ข
11.ผเู้ รยี นจบั กลมุ่ ๆละ 5 คน แสดงบทบาทสมมติ โดยสรา้ งสถานการณ์ในการชกั ชวนคนรกั ใหม้ ี
เพศสมั พนั ธ์ และปฏเิ สธเพ่อื หลกี เลย่ี งการมเี พศสมั พนั ธโ์ ดยไมต่ งั้ ใจ

85

12.ผเู้ รยี นวเิ คราะหป์ ัจจยั สาคญั ทท่ี าใหเ้ ดก็ และเยาวชนเสพยาเสพตดิ ดงั น้ี
12.1. ปัจจยั สว่ นบุคคล
12.2. ปัจจยั ครอบครวั
12.3. ปัจจยั สง่ิ แวดลอ้ ม
12.4. ตวั นกั ศกึ ษาเองมคี วามเสย่ี งต่อการเสพยาเสพตดิ หรอื ไม่ วเิ คราะหป์ ัจจยั ท่ี 1-3

13.ผเู้ รยี นชว่ ยเสนอแนวทางการป้องกนั ยาเสพตดิ ในแต่ละระดบั ดงั น้ี
13.1. การป้องกนั ตนเอง มวี ธิ อี ย่างไร
13.2. การป้องกนั ครอบครวั มวี ธิ อี ยา่ งไร
13.3. การป้องกนั ชุมชน มวี ธิ อี ยา่ งไร

14.ผเู้ รยี นวเิ คราะหป์ ัญหาอบุ ตั ภิ ยั ในชมุ ชนของตนเอง และเสนอแนวทางการป้องกนั แกไ้ ขใหเ้ กดิ ความ
ปลอดภยั ในชมุ ชน

15.ผเู้ รยี นอธบิ ายวา่ สารพษิ ดงั กล่าวมอี ะไรบา้ ง และเขา้ สรู่ ่างกายไดอ้ ยา่ งไร
15.1. สารพษิ จากครวั เรอื น
15.2. สารพษิ จากการเกษตร
15.3. สารพษิ จากเครอ่ื งสาอาง
15.4. สารพษิ จากอุตสาหกรรม

16.ผเู้ รยี นวเิ คราะหต์ นเองวา่ มคี วามเสย่ี งทจ่ี ะไดร้ บั สารพษิ อะไรบา้ ง และมวี ธิ ปี ้องกนั อนั ตรายจากสารพษิ
เหล่าน้ไี ดอ้ ย่างไร

17.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นรจู้ กั การนาเอาความพอเพยี งไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ซง่ึ เป็นความพอประมาณ
ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเป็นทต่ี อ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี พี อสมควรต่อผลกระทบใดๆ อนั เกดิ จากการ
เปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน การตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนนั้ ตอ้ ง
อาศยั ทงั้ ความรแู้ ละคณุ ธรรมเป็นพน้ื ฐาน

ขนั้ สรปุ และการประยุกต์

18.ครสู รุปบทเรยี น โดยใช้ PowerPoint และอภปิ รายซกั ถามขอ้ สงสยั สารพษิ เป็นสารประกอบทาง
เคมที เ่ี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาตหิ รอื สงั เคราะหข์ น้ึ ทาใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อร่างกาย เป็นสารระคายเคอื ง สารกดั กรอ่ น
สารก่อภมู แิ พ้ สารขดั ขวางการหายใจ สารก่อมะเรง็ สารทาลายระบบสบื พนั ธแุ์ ละสารทาลายระบบประสาท
สารพษิ เขา้ สรู่ ่างกายได้ 3 ทาง คอื ทางปอด ทางปาก และทางผวิ หนงั สารพษิ ในครวั เรอื นเป็นผลติ ภณั ฑต์ ่างๆ ท่ี
มสี ารเคมเี ป็นสว่ นประกอบ ไดแ้ ก่ ผลติ ภณั ฑท์ าความสะอาดหอ้ งน้าครวั เรอื น ยาฆา่ แมลงเคร่อื งสาอาง กอ่ นใช้
ตอ้ งศกึ ษาฉลากทร่ี ะบุวา่ อนั ตราย สารพษิ เป็นพษิ สารกอ่ ความระคายเคอื ง ตดิ ไฟไดแ้ ละสารกดั กรอ่ น ใชอ้ ย่าง
ระมดั ระวงั สารพษิ จากการเกษตร เป็นสารกาจดั แมลงศตั รพู ชื และกาจดั วชั พชื สารพษิ จากอตุ สาหกรรม ซง่ึ
ประชาชนทกุ คนควรศกึ ษาถงึ อนั ตรายและการป้องกนั อนั ตรายจากสารพษิ เพ่อื ระมดั ระวงั ในการใชส้ ารต่างๆ

19.ผเู้ รยี นทาใบงาน และแบบทดสอบทา้ ยหน่วย

86

สื่อและแหล่งการเรยี นรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพ่อื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สอ่ื PowerPoint , วดี ทิ ศั น์

หลกั ฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอื่ งมือวดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น
รว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)

87

4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ ่าน และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

อ่านและทบทวนเน้อื หา

88

บนั ทึกหลงั การสอน

ข้อสรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

89

แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 16 หน่วยท่ี 9

รหสั 3000-1601 การพัฒนาทกั ษะชวี ิตเพ่ือสขุ ภาพและสงั คม (3-0-3) สอนครง้ั ที่ 16 (46-48)
จานวน 3 ช.ม.
ชือ่ หน่วย/เรือ่ ง ทกั ษะชีวิตและสุขภาพ

สาระสาคญั

ทกั ษะชวี ติ เป็นความสามารถของบุคคลทงั้ ความรู้ เจตคตแิ ละทกั ษะทป่ี รบั ตวั และเผชญิ ต่อสงิ่ เรา้ ต่างๆ
ในชวี ติ ไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ วยั ร่นุ เป็นกลมุ่ ทส่ี ามารถเปลย่ี นแปลงและปรบั ปรงุ พฤตกิ รรมได้ การสรา้ งสขุ ภาพเป็น
ความสามารถของบุคคลในการควบคมุ ดแู ลสขุ ภาพของตวั เองจงึ เป็นหน้าทข่ี องเรา

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1 อธบิ ายความสาคญั ของทกั ษะชวี ติ ได้
2 อธบิ ายสาเหตุทท่ี าใหเ้ กดิ ความบกพรอ่ งของทกั ษะชวี ติ ได้
3 วเิ คราะหป์ ัจจยั ทช่ี ว่ ยสนบั สนุนการเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ
4 ระบุปัญหาสขุ ภาพในวยั รุน่ และอธบิ ายวธิ กี ารสรา้ งทกั ษะชวี ติ กบั เดก็ และเยาวชนได้
5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาในเร่อื ง

5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
5.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที

สมรรถนะรายวิชา

1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการทางพลศกึ ษา สขุ ศกึ ษาและนนั ทนาการเพ่อื พฒั นา
ทกั ษะชวี ติ และสขุ ภาพ

90

เน้ อื หาสาระ

1 หลกั การพฒั นาทกั ษะชวี ติ
2 การสรา้ งทกั ษะสขุ ภาพเพอ่ื พฒั นาไปสทู่ กั ษะชวี ติ

กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

1.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั เร่อื งทกั ษะชวี ติ เป็นสมรรถนะสาคญั ทว่ี ยั รุ่นทกุ คนควรไดร้ บั การพฒั นาทงั้ ดา้ น
ความรู้ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ใหร้ จู้ กั สรา้ งสมั พนั ธภาพอนั ดรี ะหวา่ งบคุ คล รจู้ กั จดั การปัญหาและความขดั แยง้ ต่างๆ
อยา่ งเหมาะสม ปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การเปลย่ี นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม รจู้ กั หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ
ประสงคท์ ส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่นื ป้องกนั ตวั เองและจดั การกบั ชวี ติ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสอดคลอ้ งกบั
วฒั นธรรมและสงั คม

2.ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งการพฒั นาชวี ติ ของตนเองทผ่ี ่านมา

ขนั้ สอน

3.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายหลกั การพฒั นาทกั ษะชวี ติ ทกั ษะชวี ติ (Life-Skills) ไดแ้ ก่
ความสาคญั ของทกั ษะชวี ติ องคป์ ระกอบของทกั ษะชวี ติ สาเหตทุ ท่ี าใหเ้ กดิ ความบกพร่องของทกั ษะชวี ติ ปัจจยั ท่ี
ช่วยสนบั สนุนการเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ

4.ครแู ละผเู้ รยี นอภปิ รายสรุปทกั ษะชวี ติ เป็นความสามารถพน้ื ฐานของบุคคลทจ่ี ะจดั การกบั ชวี ติ ตนเอง
มคี วามสาคญั ต่อเดก็ และเยาวชน ต่อสงั คมและต่อการศกึ ษา เพอ่ื สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหต้ นเอง องคป์ ระกอบของทกั ษะ
ชวี ติ ไดแ้ ก่ การตดั สนิ ใจ การแกไ้ ขปัญหา ความคดิ สรา้ งสรรค์ ความคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ การสอ่ื สารอยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ การสรา้ งสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคล ความตระหนกั ในตนเอง ความเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ่นื การจดั การ
กบั อารมณ์ และการจดั การกบั ความเครยี ด สาเหตุทท่ี าใหเ้ กดิ ความบกพร่องของทกั ษะชวี ติ ไดแ้ ก่ บุคคลมที กั ษะ
คดิ ทอ่ี ่อนแอ กฎระเบยี บสว่ นตนทไ่ี ม่เป็นความจรงิ พดู คยุ กบั ตนเองในทางลบ และการไมเ่ ปลย่ี นแปลงสงิ่ แวดลอ้ ม
ปัจจยั สนบั สนุนใหเ้ สรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ ไดแ้ ก่ สมั พนั ธภาพทส่ี นบั สนุน การเรยี นรจู้ ากตวั อยา่ ง การเรยี นรจู้ ากผล
ทต่ี ามมา การสงั่ สอนและสอนตนเอง ขอ้ มลู ขา่ วสารและโอกาส ความวติ กกงั วลและความเช่อื มนั่

5.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั เร่อื งวยั รนุ่ เป็นกล่มุ ทส่ี ามารถเปลย่ี นแปลงและปรบั ปรุงพฤตกิ รรมได้ และ
พฤตกิ รรมทส่ี รา้ งขน้ึ ในชว่ งน้มี แี นวโนม้ ทจ่ี ะคงอย่ไู ดถ้ าวรมากกวา่ ในกลมุ่ ผใู้ หญ่ โดยเชอ่ื กนั วา่ ความตอ้ งการทาง
กายและอารมณจ์ ะแฝงอยใู่ นจติ ตงั้ แต่เกดิ จนตาย ทกั ษะชวี ติ เป็นตวั เช่อื มโยงระหวา่ งความรู้ ทศั นคตแิ ละดาเนิน
ไปสคู่ วามสามารถทแ่ี ทจ้ รงิ ซง่ึ ทกั ษะชวี ติ เป็นความสามารถทจ่ี ะนาไปสหู่ นทางแหง่ การมสี ขุ ภาพทด่ี ี

6.ครใู ชส้ อ่ื Power Point และสอ่ื วดี ทิ ศั น์ ประกอบการสอนเรอ่ื งการสรา้ งทกั ษะสขุ ภาพเพอ่ื พฒั นาไปสู่
ทกั ษะชวี ติ ไดแ้ ก่ ปัญหาสขุ ภาพในวยั ร่นุ ทกั ษะสขุ ภาพ (Health Skills) ทกั ษะชวี ติ กบั เดก็ และเยาวชน
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งทกั ษะชวี ติ และการป้องกนั พฤตกิ รรมทเ่ี ป็นปัญหา

7.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ วา่ ตนเองมคี วามบกพรอ่ งดา้ นทกั ษะชวี ติ ในเรอ่ื งใด และมสี าเหตุอะไรทท่ี าใหเ้ กดิ
ความบกพร่อง

91

8.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าในสงั คมปัจจุบนั ผเู้ รยี นคดิ วา่ ทกั ษะชวี ติ สามารถแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ย่างไร
9.ผเู้ รยี นแสดงความคดิ ว่าตนเองจะตอ้ งพฒั นาทกั ษะสขุ ภาพในดา้ นใด
10.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นรจู้ กั การนาเอาความพอเพยี งไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ซง่ึ เป็นความพอประมาณ
ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเป็นทต่ี อ้ งมรี ะบบภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี พี อสมควรต่อผลกระทบใดๆ อนั เกดิ จากการ
เปลย่ี นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน การตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กจิ กรรมต่างๆใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนนั้ ตอ้ ง
อาศยั ทงั้ ความรแู้ ละคุณธรรมเป็นพน้ื ฐาน

ข้นั สรุปและการประเมินผล

11.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หาทเ่ี รยี น ซง่ึ วยั รุ่นเป็นกลุ่มทพ่ี บปัญหาสขุ ภาพทางกาย ปัญหาเกย่ี วกบั
สขุ ภาพจติ ปัญหาชวี ติ และปัญหาทางเพศ การสรา้ งทกั ษะสขุ ภาพเพอ่ื พฒั นาทกั ษะชวี ติ มจี ดุ ม่งุ หมายเพอ่ื การ
สง่ เสรมิ การป้องกนั และการแกไ้ ขทส่ี อดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาและความตอ้ งการของวยั รุ่นในดา้ นสขุ ภาพอนามยั
ดา้ นความปลอดภยั ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มและคณุ ลกั ษณะท่ี
พงึ ประสงค์ โดยมที กั ษะทส่ี าคญั ต่อการมชี วี ติ ครอบครวั และการปรบั ตวั ในครอบครวั ไดแ้ ก่ การสรา้ งเจตคตขิ อง
ความเสมอภาคของทงั้ ชายและหญงิ สรา้ งค่านยิ มทด่ี ดี า้ นชวี ติ และครอบครวั และสรา้ งค่านิยมในเรอ่ื งเพศ
นอกจากน้ี ทกั ษะชวี ติ ยงั สามารถป้องกนั พฤตกิ รรมทเ่ี ป็นปัญหาดา้ นสขุ ภาพในขนั้ ตน้ ได้ เป็นหนทางแห่งการมี
สขุ ภาพทด่ี ี

12.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั
13.ผเู้ รยี นทาใบงาน และแบบทดสอบทา้ ยหน่วย

สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้

1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการพฒั นาทกั ษะชวี ติ เพ่อื สขุ ภาพและสงั คม
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.แผน่ ใส
5.สอ่ื PowerPoint , วดี ทิ ศั น์

หลกั ฐาน

1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

92

การวดั ผลและการประเมินผล

วิธีวดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
4. คาถามชวนคดิ
5. ใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอ่ื งมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ
5. ตรวจใบงาน
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น

ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจคาถามชวนคดิ เกณฑผ์ า่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
5. ตรวจใบงาน มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6. แบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กิจกรรมเสนอแนะ

1.อ่านและทบทวนเน้อื หา
2.แนะนาใหเ้ ตรยี มตวั สาหรบั การสอบปลายภาค

93

บนั ทึกหลงั การสอน

ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาท่ีพบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version