รายงาน เรื่อง การเกษตรยุคใหม่ของประเทศไทย The Next Generation Farming of Thailand ของคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ส านักกรรมาธิการ ๑ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
รายงาน เรื่อง การเกษตรยุคใหม่ของประเทศไทย The Next Generation Farming of Thailand ของคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ส านักกรรมาธิการ ๑ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ก รายนามคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานคณะกรรมาธิการ นายสยาม หัตถสงเคราะห์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง นายนิคม บุญวิเศษ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ นายดล เหตระกูล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ห้า นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายสราวุธ อ่อนละมัย ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายนพ ชีวานันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายภาควัต ศรีสุรพล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการ นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เลขานุการคณะกรรมาธิการ
ข รายนามที่ปรึกษา ผู้ช านาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ (ปัจจุบัน) ๑. นายศักดิ์ สมบุญโต ที่ปรึกษาประจ าคณะกรรมาธิการ ๒. นางสาวอารีรัตน์ เลาพหล ที่ปรึกษาประจ าคณะกรรมาธิการ ๓. นายสิทธา สุวิรัชวิทยกิจ ผู้ช านาญการประจ าคณะกรรมาธิการ ๔. นางสาวอัจจิมา ศิริอ่อน นักวิชาการประจ าคณะกรรมาธิการ ๕. นายธาดา โอฬาริก เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๖. นายธีรชาติ ก่อตระกูล เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๗. นายศิลป์วิชญ์ น้อยสมมิตร เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๘. นางสุดนภา เจริญเวชชการ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๙. นายธนบดี มณีสว่างวงศ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๐. นายพันธสร กฤษฎาธิวุฒิ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๑. นายอัฎฐพร ด ารงกุล เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๓. นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๔. นายพิศฐ์ศักดิ์ เครือไชย เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๕. นายยอดยิ่ง ชุมแสง ณ อยุธยา เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๖. นายกิตตินันท์ พจน์ประสาท เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๗. นายธีระพจน์ ผดุงธรรม เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๘. นายชัยยะวัฒน์ พึงจิตติสานติ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๙. นายอภิวงษ์ วนะไชยเกียรติ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๐. นายปกรณ์ เกยานนท์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๑. นางสาวกมลชนก วรรณวิจิตร เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๒. นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๓. นายนาคร วรกานนท์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๔. นายณัฐวุธ จุลกะเศียน เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๕. นางสาวรินนภา คุณะวัฒน์สถิต เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๖. นายธนกฤต แก้วนุ้ย เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๗. นายวีรชน วังกาวี เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๘. นางสาวชนัญชิดา ศิริโภคพัฒน์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๙. นางสาวธนัชพร พงษ์โภคา เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ
ค รายนามที่ปรึกษา ผู้ช านาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ (ในอดีต) ๑. นายปกรณ์เกียรติ ไพรวัลย์ นักวิชาการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒. นางทิพวรรณ ซ าซูดิน นักวิชาการประจ าคณะกรรมาธิการ ๓. นายนิปัจกร กรรณสูต นักวิชาการประจ าคณะกรรมาธิการ ๔. นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธ์ นักวิชาการประจ าคณะกรรมาธิการ ๕. นายศิลปชัย บุญราย เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๖. นายวรฐ สุนทรนนท์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๗. นายธนกฤต สายเครื่อง เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๘. นายกิตติโชค จิตต์สดศรี เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๙. นายณัฐพงษ์ มงคลนาวิน เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๐. นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๑. นายธนพันธ์ วงษ์ชินศรี เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๓. นางสาวภริณ ธนบุญญากิตติ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๔. นายชิษณุพงศ์ ปานอ าพันธ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อภิญญา กลิ่นประทุม เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๖. นายสหทัศน์ สถาพรวรศักดิ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๗. นายสุรวุติ อิทธิโรจนกุล เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๘. นายชัยยศ จิรบวรกุล เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑๙. นายสุประวีณ์ อนรรฆพันธ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๐. นายธวัชชัย กุลาตี เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๑. นายเจษฎา วิริยะสุนทรพันธ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๒. นายประยุทธ์ ศุภวราพงษ์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๓. นางสาวจันทร์เพ็ญ ใจกล้า เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๔. นายทิพย์ธนวัฒน์ พงษ์วัฒนา เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๕. นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒๖. นายนิรุฬ วรกานนท์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ
ง รายนามที่ปรึกษาประจ าคณะกรรมาธิการ (ไม่มีค่าตอบแทน) รายนามที่ปรึกษาประจ าคณะกรรมาธิการ (ปัจจุบัน) ๑. นางทรงพร โกมลสุรเดช ๒. นายเฉลิมชัย วิรุณสาร ๓. นายยอด ชินสุภัคกุล ๔. ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ ๕. นายกัญจนาภา ประสิทธิลาโภ ๖. นายไพศาล อิทธิธรรม ๗. พลโท ปรัญชา เฉลิมวัฒน์ ๘. นายอภิจิต เจริญเวชชการ ๙. นายชัยทัต แซ่ตั้ง ๑๐. นายปริญญา จารวิจิต ๑๒. นายศิริชัย สุขสันติชัย ๑๓. นายสรร ก่อนันทวัฒน์ ๑๔. นายเจษฎา วิริยะสุนทรพันธ์ รายนามที่ปรึกษาประจ าคณะกรรมาธิการ (อดีต) ๑. นายจ ารัส บุตรดี ๒. นายไฟรัช บุญประกอบวงศ์ ๓. นายสุรวุต อิทธิโรจนกุล ๔. นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ๕. นายธัชกร แต้ศิริเวช ๖. นายธนกร ภัทรบุญสิริ ๗. นายภัทร ภมรมนตรี
จ รายนามคณะอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทางดิจิทัลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง นายชัยชนะ มิตรพันธ์ อนุกรรมาธิการ นายปรัชญา อนัตเมฆ อนุกรรมาธิการ นายธเนศ กิตตินเรศวร อนุกรรมาธิการ นางสาวภัคธภา ฉัตรโกเมศ อนุกรรมาธิการ นางสาวนวพร สอดศรี อนุกรรมาธิการ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อนุกรรมาธิการ นายนพดล เทียมนรา เลขานุการ คณะอนุกรรมาธิการ
ฉ รายนามที่ปรึกษาประจ าคณะอนุกรรมาธิการ ๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรศิลป์ จยาวรรณ ๒. ร้อยโท เจษฎา ศิวรักษ์ ๓. นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน ๔. นายกิตตินันท์ พจน์ประสาท ๕. นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ ๖. นางสุวรรณา หรรษาจารุพันธ์ ๗. นายเชาวน์วัศ วณิชพันธุ์ ๘. นายชติพจน์ ศรีเมือง ๙. นางสมจิตต์ ธีระชุติกุล ๑๐. นายรัชกฤต ภูชัชวณิชกุล ๑๑. นายชัยทัต แซ่ตั้ง ๑๒. นายเศกสิทธิ์ เสงี่ยมศักดิ์ ๑๓. นายศิลป์วิชญ์ น้อยสมมิตร ๑๔. นายศิลปชัย บุญราย ๑๕. นายแสงเทียน เชิดชิด ๑๖. นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ๑๗. พันเอก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทวิวัชร วีระแกล้ว ๑๘. รองศาสตราจารย์อุดมเกียรติ นนทแก้ว ๑๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์นริศ หนูหอม ๒๐. นายปริญญา หอมอเนก ๒๑. นายเลิศรัตน์ รตะนานุกูล ๒๒. นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์ ๒๓. นายพงศธร สายสุจริต ๒๔. นายชัชวาล กาญจนะหุต ๒๕. นางสุดนภา เจริญเวชชการ
ช รายงานการศึกษา ของคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ---------------------------------------- ตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจ าปี ครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีหน้าที่ และอ านาจตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ ในการกระท ากิจการ การสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและการพัฒนาด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย ๑. นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานคณะกรรมาธิการ ๒. นายสยาม หัตถสงเคราะห์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๓. พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ๔. นายนิคม บุญวิเศษ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม ๕. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ๖. นายดล เหตระกูล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ห้า ๗. นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๘. นายสราวุธ อ่อนละมัย ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๙. นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๐. นายนพ ชีวานันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๑. นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายภาควัต ศรีสุรพล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑๓. นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๔. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๕. นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เลขานุการคณะกรรมาธิการ อนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ได้ลาออก จากต าแหน่งกรรมาธิการ และในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจ าปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้ง นายดล เหตระกูล เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม แทนต าแหน่งที่ว่าง บัดนี้ คณะกรรมาธิการได้ด าเนินการพิจารณาศึกษาเรื่อง เรื่อง การเกษตรยุคใหม่ของ ประเทศไทย The Next Generation Farming of Thailand เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผล การพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๔
ซ ๑. การด าเนินงาน ๑.๑ คณะกรรมาธิการได้มีมติแต่งตั้ง นายพิศณุ พลพืชน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน คณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส านักกรรมาธิการ ๑ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรท าหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามข้อบังคับการประชุม สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคสี่ ๑.๒ คณะกรรมาธิการได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อท าหน้าที่ติดตาม และตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์หรือกิจการอื่น ที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๖ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบด้วย ๑. พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๓. นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๔. นายชัยชนะ มิตรพันธ์ อนุกรรมาธิการ ๕. นายปรัชญา อนันตเมฆ อนุกรรมาธิการ ๖. นายธเนศ กิตติธเนศวร อนุกรรมาธิการ ๗. นางสาวภัคธภา ฉัตรโกเมศ อนุกรรมาธิการ ๘. นางสาวนวพร สอดศรี อนุกรรมาธิการ ๙. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อนุกรรมาธิการ ๑๐. นายนพดล เทียมนรา อนุกรรมาธิการและเลขานุการ อนึ่ง เมื่อวันที่ นางสาวชลิดา อภิบาลภูธร ได้ลาออกต าแหน่งอนุกรรมาธิการ และในคราวการประชุมคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๓๑ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งนางสาวนวพร สอดศรี เป็นอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ในคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แทนต าแหน่งที่ว่าง ๒. วิธีการพิจารณาศึกษา ๒.๑ คณะกรรมาธิการได้จัดให้มีการประชุม จ านวน ๓ ครั้ง ๒.๒ คณะกรรมาธิการได้ด าเนินการโดยเชิญหน่วยงานมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงและ ประกอบการพิจารณา ดังนี้
ฌ ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑. นายระพีภัทร์ จันทร์ศรีวงศ์ เลขาธิการส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร ๒. นายสุชาติ ผุแปง ผู้อ านวยการส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์สารสนเทศการเกษตร ส านักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล นายปรีสาร รักวาทิน ผู้อ านวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุน การพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ ๓. ผลการพิจารณาศึกษา คณะกรรมาธิการขอรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง การเกษตรยุคใหม่ของ ประเทศไทย The Next Generation Farming of Thailandโดยคณะกรรมาธิการได้มอบหมายให้ คณะอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ด าเนินการพิจารณาศึกษากรณีดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมาธิการได้พิจารณารายงานของ คณะอนุกรรมาธิการด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว และได้มีมติให้ความเห็นชอบกับรายงานดังกล่าว โดยถือเป็นรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ จากการพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอรายงาน การพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ โดยมีรายละเอียดตามรายงานท้ายนี้ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณา หากสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบด้วยกับผลการพิจารณาศึกษาของ คณะกรรมาธิการ ขอให้โปรดด าเนินการตามแต่จะเห็นสมควรต่อไป ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของ ประเทศชาติและประชาชนสืบไป
ญ บทสรุปผู้บริหาร เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เป็นแนวคิดในการปรับปรุงการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น (Optimization) โดยมุ่งหวังในการเพิ่มผลผลิต (Maximize Productivity) และลดต้นทุน (Minimize Cost) โดยการน าเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร และระบบเซ็นเซอร์เข้ามาใช้ ในการเก็บรวมรวบข้อมูล วิเคราะห์ และบริหารจัดการ กับเกษตรกร/แรงงาน การใช้พื้นที่เพาะปลูก การใช้น้ าอย่างเหมาะสม การใช้สารเคมีในการเพาะปลูก (การใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และสารก าจัดวัชพืช) อย่างมีประสิทธิภาพ ในประเทศไทยเกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงท าการเกษตรแบบดั้งเดิม เน้นการใช้แรงงานเป็นหลัก ท าให้มีต้นทุนแรงงานสูง และขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็น น้ า ปุ๋ย สารก าจัดศรัตรูพืช รวมถึงการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงท าให้ผลผลิตและปริมาณการ ผลิตไม่คงที่ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมการลดต้นทุนเพาะปลูกได้ การท าเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) จะเข้ามาแทนที่การท าเกษตรแบบดั้งเดิมในการเพิ่มประสิทธิภาพ ท าให้เกษตรกรต้องมี การปรับตัวในการใช้เทคโนโลยีรวมถึงการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความถูกต้อง ดังนั้น จึงต้อง มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรของไทยมีความสามารถและศักยภาพในเรื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้น การท าเกษตรในรูปแบบใหม่กลุ่มเกษตรกรรายใหญ่ที่มีความพร้อมทางด้านการลงทุน เป็นกลุ่ม เกษตรกรที่มีศักยภาพในการเริ่มใช้เทคโนโลยีดังกล่าวซึ่งท าให้สามารถได้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ (Economy of Scale) และการบริหารจัดการทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เกษตรกร ไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย จึงยังมีอุปสรรคอยู่มาก เช่น ขาดความรู้ ขาดความร่วมมือ และขาดความพร้อมด้านการเงินทุน จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวบรวมกลุ่มของเกษตร ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และได้รับการสนับสนุนและการช่วยเหลือจากภาครัฐ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริม ให้เกษตรกรท าการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงขอเสนอข้อสังเกตที่ส่งเสริมให้เกิด การน าเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรภายในช่วงระยะเวลา ๓ ปี ให้เกิดเป็นรูปธรรม ดังนั้น จึงควรผลักดัน นโยบายการพัฒนา ๓ ด้านหลักที่ส าคัญและเร่งด่วน ได้แก่ ๑. นโยบายการพัฒนาฐานข้อมูลทางการเกษตร (Agriculture Big Data) ความร่วมมือกันของภาครัฐในการรวบรวมข้อมูลและการบูรณาการข้อมูลให้เป็นแหล่ง ฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรทั้งหมดให้มีความชัดเจนถูกต้อง รวมถึงพัฒนาการออกแบบ สถาปัตยกรรมการจัดการระบบ Big Data เพื่อสนับสนุน “เกษตร ๔.๐” พร้อมน าเสนอข้อมูลใน รูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อให้เกษตรกรสามารถน าไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถใช้เป็น แหล่งมาตรฐานข้อมูลในการน าไปประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจในการวางแผนแก้ไขปัญหา ซึ่งฐานข้อมูลการเกษตรที่ส าคัญ ได้แก่ ข้อมูลพืช ภูมิประเทศ ข้อมูลดิน คุณภาพพืช ข้อมูลน้ า การพยากรณ์อากาศ นโยบายภาครัฐ และความต้องการทางการตลาด อย่างไรก็ตาม การพัฒนา
ฎ ระบบข้อมูลภาคเกษตรสามารถแบ่งได้เป็น ๔ ขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนจะใช้เทคโนโลยีหลัก และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ประกอบด้วย ๑) พัฒนาการการเชื่อมโยงการ ท างานและการติดตามสถานการณ์ทั้งด้านความต้องการ ทางการตลาดและการผลิต เพื่อเป็นการ เผยแพร่สถานการณ์ การเพาะปลูกของเกษตรกร ๒) การวิจัยและพัฒนาการเชื่อมโยงการท างานและ ระบบงานสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System; GIS) เพื่อเชื่อมโยงระบบงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ากับ ระบบแผนที่การเกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ๓) การพัฒนาการใช้ Crowdsourcing System เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างโปร่งใสแบบ Real Time และ ๔) การพัฒนาการเชื่อมโยงการท างานและระบบงานด้านการผลิตเข้ากับการเงินของ ครัวเรือนเกษตรเพื่อทราบความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและการเงินภายในครัวเรือน ตลอดจน ออกแบบชุดนโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของครัวเรือนเกษตรจากรุ่นปัจจุบันสู่รุ่นต่อไป ๒. นโยบายการพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming Agricultural) มุ่งเน้นไปที่ ๓ ส่วน ได้แก่ ๒.๑ การพัฒนาบุคลากร ทั้งเกษตรกรและเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้เกิดศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ แปลง Smart Farming และการรวมกลุ่มรวมแปลงของเกษตรกรรายย่อยหรือวิสาหกิจชุมชน ให้มีความรู้ในด้านเทคโนโลยี และการพัฒนาหลักสูตรการเกษตรอัจฉริยะที่เหมาะสมกับระบบ การเกษตรในประเทศ ๒.๒ การส่งเสริมการใช้และการพัฒนาแพลตฟอร์มการเกษตร (Farming Platform) เพื่อเชื่อมโยงและพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึง และใช้บริการเทคโนโลยีทางการเกษตรได้ ๒.๓ การมีนโยบายและกฎระเบียบ เพื่อส่งเสริมให้การท าการเกษตรมีประสิทธิภาพ มากขึ้น เช่น กฎหมายการใช้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบิน จากภายนอก (Drone) เพื่อการเกษตร นโยบายการควบคุมดูแลการเพาะปลูกตามพื้นที่เหมาะสม รวมถึงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของเกษตรกร ๓. นโยบายการตลาดทางการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Marketing) เป็นที่ยอมรับว่าราคาผลผลิตทางการเกษตรของประเทศไทยไม่สามารถควบคุมดูแล ได้ทั่วถึง การร้อยเรียงข้อมูลความต้องการทางการตลาดสู่การผลิตยังไม่สามารถท าได้ดีแบบครบวงจร ปัจจัยหลายด้านที่ท าให้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีก าไรที่เหมาะสมหรือขาดทุน คือ การที่เกษตรกร ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลและทิศทางความต้องการทางการตลาดว่ามีการแปรผันอย่างไร ท าให้เกษตรกร ไม่สามารถรู้ทิศทางและความต้องการทางการตลาดรวมทั้งราคาซื้อขาย โดยในประเทศไทยส่วนใหญ่ พ่อค้าคนกลางจะเป็นผู้ก าหนดราคา และการแก้ไขกลไกการตลาดที่ผ่านมาเป็นการแก้ไขระยะสั้น ซึ่งไม่มีความต่อเนื่องจากภาครัฐที่ไม่ครบวงจร ดังนั้น แผนงานและโครงการที่ส าคัญเพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการพัฒนา เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ในประเทศไทย จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือ
ฏ จากหลายภาคส่วน เพื่อให้เกิดการน าเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการยกระดับคุณภาพ ชีวิตเกษตรกร ตลอดจนหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในแต่ละโครงการ ดังนี้ ๑. นโยบายการพัฒนาฐานข้อมูลทางการเกษตร (Agriculture Big Data) ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agriculture Big Data) เพื่อติดตามการจัดท า Big Data และพัฒนาการต่อยอดสู่โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการเกษตรแห่งชาติในปีนี้ เพื่อบูรณาการฐานข้อมูลด้านการเกษตรจากหน่วยงาน และกระทรวงต่าง ๆ ตาม บันทึกความร่วมมือ (MOU) ซึ่งได้ลงนามบันทึกการพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการเกษตรแห่งชาติ และควรด าเนินการ เพื่อให้ข้อมูลมีความเป็นปัจจุบันอย่างสม่ าเสมอ อย่างไรก็ตามการพัฒนาระบบข้อมูลภาคเกษตร สามารถแบ่งได้เป็น ๔ แผนการพัฒนา ดังนี้ ๑.๑ พัฒนาการเชื่อมโยงการท างานและการติดตามสถานการณ์ทั้งด้านความต้องการ ตลาดและการผลิต รัฐบาลได้เริ่มโครงการ Big Data ผ่านโครงการ Farmerone.org เพื่อเป็นการ เผยแพร่สถานการณ์การเพาะปลูกของเกษตรกร อย่างไรก็ตามต้องท าการเพิ่มแนวโน้มความต้องการ ทางการตลาดและการผลิตที่ถูกต้อง รวดเร็ว แม่นย า และเข้าใจง่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่ เกษตรกรก าลังตัดสินใจเพาะปลูก ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือต่อเกษตรกรและสาธารณชน และน าไปสู่การใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการตัดสินใจในการผลิต โดยมีส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการด าเนินการ ๑.๒ การวิจัยและพัฒนาการเชื่อมโยงการท างานและระบบงานสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในปัจจุบัน ระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) เป็น Platform กลางที่รวบรวมสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทั้งนี้ หากภาครัฐสามารถเชื่อมโยงระบบงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ากับ Agri-Map เช่น Agriculture Info Portal (โรงงานแปรรูปที่ขึ้น ทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์) ก็จะช่วยให้การเลือกเพาะปลูกสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ รวมทั้ง การวางแผนบริหารจัดการการผลิตและการทราบความเสี่ยงในระดับพื้นที่ก็จะสามารถท าได้จริง โดยด าเนินการร่วมกับระบบงานที่ต้องเชื่อมโยง ทั้งนี้ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตรและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้รับผิดชอบด าเนินการร่วมกัน ๑.๓ การพัฒนาการใช้ Crowdsourcing System ก า รพัฒน า ร ะบบ Crowdsourcing System เพื่อก า ร วิเค ร า ะห์ ร าค าแ ล ะ สถานการณ์ต่าง ๆ ให้ทันกาล โดยอาศัยการส่งผ่านข้อมูลโดยผู้เล่นระบบที่อยู่ในตลาดแบบ Real Time ผ่าน Mobile Application เพื่อติดตามผลวัดเปรียบเทียบความผิดปกติของราคา ความต้องการของตลาด ภาวะการผลิต และสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด เพื่อให้พื้นที่ข้างเคียงสามารถเตรียมตัวรับสถานการณ์ หรือการตรวจสอบความเสียหายของผลผลิต โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร ส านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
ฐ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ส านักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) เป็นผู้รับผิดชอบด าเนินการ ๑.๔ พัฒนาการเชื่อมโยงการท างานและระบบงานด้านการผลิตเข้ากับการเงินของ ครัวเรือนเกษตร เพื่อทราบความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและการเงินภายในครัวเรือน ตลอดจน การออกแบบนโยบายที่บูรณาการทั้งด้านการผลิตและการเงินเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้าง การผลิตของครัวเรือนเกษตรในช่วงเปลี่ยนผ่านจากรุ่นปัจจุบันสู่รุ่นต่อไป โดยมีส านักงานเศรษฐกิจ การเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบด าเนินการ ๒. นโยบายการพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming Agriculture) ๒.๑ การพัฒนาบุคลากร ทั้งเกษตรกรและเจ้าหน้าที่รัฐ การพัฒนาบุคลากรทางด้านการเกษตรอัจฉริยะคือการท าให้เกษตรกรทั่วประเทศ เป็น Smart Farmer โดยมี Smart Officer เป็นเพื่อนคู่คิด มุ่งยกระดับมาตรฐาน ให้เป็นเกษตรกร คุณภาพที่สามารถปรับเปลี่ยนตนเองในการ เปิดรับข้อมูลข่าวสาร และการเรียนรู้ โดยใช้ความรู้ และเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหาร และการจัดการด้านการตลาดแก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาไปสู่ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร มืออาชีพ (Smart Entrepreneur) ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาเกษตรกร เป็น Smart Farmers จ านวน ๗๕,๓๐๐ ราย (ปีละประมาณ ๑๕,๐๐๐ คน) ภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ และร้อยละของเกษตรกรที่เป็น Smart Farmer ต่อเกษตรกรในวัยแรงงาน (อายุ ๑๘ - ๖๔ ปี) ทั้งหมด (ที่มา : แผนยุทธศาสตร์ ส่งเสริมการเกษตร ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) กรมส่งเสริมการเกษตร) โดยมีกรมส่งเสริม การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ๒.๑.๑ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ครบวงจร หรือการจัดตั้ง ศูนย์เกษตรอัจฉริยะ เพื่อติดตามการจัดท าศูนย์เกษตรกรอัจฉริยะที่มีความพร้อม เป็นแหล่งองค์ ความรู้ในพื้นที่ (แปลงทดลอง Smart Farming) ในพืชอายุสั้น เช่น การใช้ IoT Sensors Drone ภาพถ่ายดาวเทียม สภาพภูมิอากาศ ดิน และเครื่องจักรกล การน าข้อมูลมาช่วยด าเนินการแสดง ให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลและปรับปรุงเกษตรกรแบบเดิม ซึ่งใช้เป็น โมเดลในการขยายไปสู่พื้นที่น ๆ ต่อไปทั้งนี้ พื้นที่โครงการแปลงน าร่อง ๒ พื้นที่ ได้แก่ ๑) ข้าวจังหวัด สุพรรณบุรี ขนาดพื้นที่ ๑,๘๐๐ ไร่ ๒) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แปลงข้าวโพด จังหวัดนครสวรรค์ ขนาดพื้นที่ ๓๐ - ๖๐ ไร่ จะด าเนินการแล้วเสร็จภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๓ และเริ่มขยายไปยังแปลงเกษตรอื่น ๆ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ภายใต้การด าเนินการของส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร ๒.๑.๒ การรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อย (วิสาหกิจชุมชน) การที่เกษตรกรไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรรายย่อยท าให้ไม่มีศักยภาพในการ ลงทุน จึงจ าเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการรวมตัวเป็นกลุ่มที่มีความร่วมมือกันในการ
ฑ ท าเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) อย่างเป็นรูปธรรมและได้รับการส่งเสริมเงินทุนอย่างเหมาะสม โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ ธ.ก.ส เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ๒.๑.๓ พัฒนาหลักสูตรการเกษตรอัจฉริยะ สนับสนุนทุนการฝึกอบรมและทุนการศึกษา เพื่อผลิตบุคลากรด้านเกษตร อัจฉริยะ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรและเครือข่ายด้านเกษตรอัจฉริยะ เป็นกลไกส าคัญในการพัฒนา คนเพื่อให้เกิดความพร้อมส าหรับการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ที่เหมาะสมกับระบบ การเกษตรนประเทศไทย และมีหน่วยงานกลางของประเทศเพื่อก าหนดหลักสูตรที่ชัดเจน ลดความ ซ้ าซ้อนของหลักสูตรและงบประมาณของประเทศ ๒.๒ การส่งเสริมการใช้และการพัฒนาแพลตฟอร์มการเกษตร (Farming Platform) ๒ .๒ .๑ ก า รส่งเส ริมก า รใช้แพลตฟอ ร์มก า รเกษต ร (Farming Platform) เพื่อเชื่อมโยงระบบและแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ บน Platform เดียวกัน ปัจจุบันกระทรวงเกษตรมีแอพพลิเคชั่นมากกว่า ๔๐ แอพพลิเคชั่น (ที่มา : https://www2.moac.go.th/) อย่างไรก็ตาม การที่เกษตรกรจะสามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก จึงจ าเป็นอย่างยิ่งในการจัดท าให้อยู่บน Platform เดียวกัน และเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ด าเนินการ ๒.๒.๒ พัฒนาแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม พัฒนาแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม ได้แก่ ๑) ระบบตรวจจับโรคและแมลงศัตรูพืช (Pest Recognitions) เพื่อติดตามการจัดท าระบบแจ้งเตือนโดยการพยากรณ์ระยะเวลาที่มีความเสี่ยง จะติดโรค และสามารถควบคุมหรือป้องกันระยะโรคติดต่อหรือโรคระบาดทางพืชได้ทันเวลา รวมถึงการแนะน าการใช้สารเคมี เสร็จภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๓ ตามภารกิจของส านักงานเศรษฐกิจ การเกษตร ๒) การพัฒนาระบบการช่วยตัดสินใจ IoT Platform แสดงผลบนจอภาพ (Dashboard) เพื่อแสดงผลแปลงปลูก โดยมีรายละเอียดของพืช ที่ตั้งแปลง พันธุ์พืช ระยะการเติบโตของพืช คาดการณ์การเก็บเกี่ยว คาดการณ์ผลผลิต รวมถึงแนวทางในการจัดการน้ า เพื่อให้เกษตรกรสามารถ ตัดสินใจด าเนินการในการเพาะปลูกได้อย่างแม่นย าให้ครอบคลุมพืช ได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยง สัตว์ มันส าปะหลัง และสับปะรด เสร็จภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ ตามภารกิจของส านักงานเศรษฐกิจ การเกษตร ๒.๓ การมีนโยบายและกฎระเบียบ ๒.๓.๑ กฎหมายด้านการใช้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุม การบินจากภายนอก (Drone) กฎหมายข้อบังคับการบินโดรนรวมถึงโดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งต้องมี การติดตามการจัดท ากฎหมายข้อบังคับการใช้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุม การบินจากภายนอก (Drone) เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถควบคุม
ฒ การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เสร็จภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีส านักงานการบินพลเรือน แห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบ ๒.๓.๒ นโยบายการควบคุมดูแลการเพาะปลูก (Zoning) ตามพื้นที่เหมาะสม กฎระเบียบข้อบังคับในการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม ไม่มุ่งเน้นหรือ สนับสนุนการปลูกพืชตามแนวโน้มของราคาตลาด ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ด าเนินการ ๒.๓.๓ นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลในการลงทะเบียนเกษตรกร พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังนั้นการให้ความส าคัญในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลของเกษตรกร ในการลงทะเบียนเกษตรกร จึงมีความส าคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว ของเกษตรกร และการแสวงหาประโยชน์หรือเปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบโดยมีกรมส่งเสริมการเกษตร และส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบ ๓. นโยบายการตลาดทางการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Marketing) ๓.๑ การสร้างแพลตฟอร์มการตลาดอัจฉริยะ (Smart Marketing Platform) เพื่อติดตาม การจัดท าการเกษตรแบบครบวงจร ที่สอดคล้องกับนโยบายการตลาดน าการผลิตของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ซึ่งจะต้องมีศักยภาพให้สอดคล้องรองรับความต้องการของตลาด ผ่านระบบ e-Commerce โดยมีการบริหารจัดการทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถเข้าถึง ผู้ประกอบการและผู้ต้องการโดยตรง ทั้งนี้การควบคุมคุณภาพของผลผลิตและการตลาดแบบครบ วงจร จะต้องมีการกระบวนการทดสอบคุณภาพและให้การรับรองมาตรฐาน และคุณภาพของผลผลิต ครบวงจร เสร็จภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๓ ตามแผนงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวง พาณิชย์ ๓.๑ การรับรองผลผลิตที่ได้ตามมาตรฐานซึ่งจะน าไปสู่สินค้าที่ได้มาตรฐาน เพื่อติดตาม การจัดท ามาตรฐานการควบคุมปริมาณการผลิตและคุณภาพจะสามารถก าหนดปริมาณการผลิตมี มาตรฐานได้ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด การก าหนดช่วงการผลิตที่เหมาะสมจะ สามารถก าหนดต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้และมีโอกาสที่จะประสบความส าเร็จทางการตลาดสูงขึ้น เสร็จภายในปีพ.ศ. ๒๕๖๓ ตามแผนงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ข้อสังเกตหรือเสนอแนะเพิ่มเติม ๑. การร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเป็นเรื่องส าคัญที่จะสามารถช่วยให้เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ด าเนินการไปอย่างรวดเร็วและมีทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น การบูรณาการการท างาน ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องและมีการแบ่งหน้าที่ ผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนรวมทั้งการก าหนดเวลาแล้วเสร็จ จะต้องสอดคล้องกัน ๒. อุปกรณ์ตรวจวัด (Sensor) ถือจัดเป็นหัวใจส าคัญส่วนหนึ่งของเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ยังมีราคาสูง ซึ่งความต้องการใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ประเทศไทยมีความพร้อม และศักยภาพในการคิด ประดิษฐ์ ประยุกต์ และผลิตใช้เองให้เหมาะสมกับความต้องการของเกษตรกร
ณ ไทยรวมทั้งสามารถที่จะยกระดับประสิทธิภาพเครื่องจักรกลการเกษตรให้เข้ากับเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ได้ดี ซึ่งจะท าให้ราคาอุปกรณ์มีราคาถูกลงอย่างมาก และเหมาะสมกับความ ต้องการในตลาดประเทศไทย ดังนั้นภาครัฐควรให้การสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นสถาบันหรือ ผู้ประกอบการที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว ในการช่วยปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดรวมทั้ง การยกระดับความสามารถเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคตของไทย ๓. จัดตั้งหน่วยงานหรือศูนย์กลางที่มีหน้าที่ในการรับรองผลผลิตที่ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งจะน าไปสู่สินค้าที่ได้มาตรฐาน โดยสามารถก าหนดบทบาทและหน้าที่ ได้แก่ ความสามารถในการ ติดต่อลูกค้าสัมพันธ์ความสามารถในการทราบจ านวนความต้องการของตลาดที่ชัดเจนจะสามารถ น ามาก าหนดแผนการเพาะปลูกได้ความสามารถในการควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และรับรอง คุณภาพสินค้าเกษตรให้ได้รับมาตรฐานสากล ความสามารถในการคัดกรอง จ าแนกแยกบรรจุภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน ความสามารถในการจัดส่งผลผลิตจากศูนย์การตลาดอัจฉริยะสู่มือลูกค้าโดยตรง ความสามารถในการควบคุมราคากลางให้กับเกษตรกรซึ่งจะท าให้เกษตรกรสามารถมองเห็นก าไร จากผลผลิตได้อย่างชัดเจน (Pricing Center) ๔. ภาครัฐควรมีการสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรรายย่อยในการ ใช้แพลตฟอร์มและแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงข้อมูล ภาครัฐอาจมีการใช้การให้สิทธิประโยชน์ ด้านการลดหย่อนภาษี หรือด้าน อื่น ๆ เป็นตัวชี้น าเพื่อเอื้อประโยชน์และสนับสนุนให้ได้จริง
ด สารบัญ หน้า รายนามคณะกรรมาธิการ ก รายนามคณะอนุกรรมาธิการ จ รายงาน ช บทสรุปผู้บริหาร ญ สารบัญ ด สารบัญภาพ ถ สารบัญตาราง ท บทที่ ๑ บทน า ๑ ๑.๑ ความเป็นมา ๑ ๑.๒ วัตถุประสงค์ ๗ ๑.๓ วิธีการพิจารณา/วิธีการด าเนินงาน ๗ ๑.๔ กรอบและแนวทางการศึกษา ๗ บทที่ ๒ การทบทวนวรรณกรรม ๘ ๒.๑ ลักษณะเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ๘ ๒.๒ ผลประโยชน์ของเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ๑๐ ๒.๓ สถานการณ์ของเกษตรอัจฉริยะในประเทศไทย ๑๐ ๒.๓.๑ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๑๐ ๒.๓.๒ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๑๒ ๒.๓.๓ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ๑๓ และแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ๒.๓.๔ แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเกษตร ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ๑๖ กรมส่งเสริมการเกษตร ๒.๓.๕ การด าเนินงานเกษตรอัจฉริยะและเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรของไทย ๑๖ ๒.๔ ปัจจัยที่ส่งผลให้เทคโนโลยีประสบความส าเร็จ ๑๘
ต สารบัญ หน้า ๒.๕ กรณีศึกษาในต่างประเทศ ๑๙ ๒.๕.๑ สาธารณรัฐประชาชนจีน ๑๙ ๒.๕.๒ ประเทศสหรัฐอเมริกา ๒๑ ๒.๕.๓ ประเทศสวีเดน ๒๒ บทที่ ๓ การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) ๒๔ ๓.๑ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี ๒๔ ๓.๒ ด้านการตลาดและการสนับสนุน ๒๖ บทที่ ๔ ผลการศึกษา ๒๙ บทที่ ๕ ข้อสังเกตหรือเสนอแนะที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย ๓๒ ๑. นโยบายการพัฒนาฐานข้อมูลทางการเกษตร (Agriculture Big Data) ๓๒ ๒. นโยบายการพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming Agricultural) ๓๔ ๓. นโยบายการตลาดทางการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Marketing) ๓๗ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๓๙ บรรณานุกรม ๔๑ ภาคผนวก ๔๓ ภาคผนวก ก ค าสั่งแต่งตั้ง ๔๔ ภาคผนวก ข ภาพกิจกรรม ๔๗ ภาคผนวก ค รายนามเจ้าหน้าที่ประจ าคณะกรรมาธิการผู้จัดท า ๔๙
ถ สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ ๑ ความมั่นคงทางอาหารในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ ๑ ภาพที่ ๒ พื้นที่ประเทศไทย ๔ ภาพที่ ๓ พื้นที่การเกษตรของประเทศไทย ๕ ภาพที่ ๔ การปลูกผักกาดหอมภายในอาคารของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น ๖ ภาพที่ ๕ แนวคิดระบบเกษตรอัจฉริยะ ๘ ภาพที่ ๖ เกษตรอัจฉริยะ (ที่มา: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๑๗ ภาพที่ ๗ ปัจจัยขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ ๑๙ ภาพที่ ๘ ระบบปัญญาประดิษฐ์ทางการเกษตรของ Alibaba ๑ ๒๐ ภาพที่ ๙ ระบบปัญญาประดิษฐ์ทางการเกษตรของ Alibaba ๒ ๒๑ ภาพที่ ๑๐ ระบบ Blockchain ของ Walmart ๒๒ ภาพที่ ๑๑ ระบบ Supply Chain ของ Walmart ๒๒ ภาพที่ ๑๒ ระบบฟาร์มในเมืองของบริษัท Plantagon ๑ ๒๓ ภาพที่ ๑๓ ระบบฟาร์มในเมืองของบริษัท Plantagon ๒ ๒๓ ภาพที่ ๑๔ ฐานข้อมูลการเกษตร (Agriculture Big Data) ๓๒
ท สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ ๑ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๑๐ ตารางที่ ๒ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๑๒ ตารางที่ ๓ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ๑๓ และแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ตารางที่ ๔ แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเกษตร ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ๑๖ กรมส่งเสริมการเกษตร ตารางที่ ๕ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี ๒๔ ตารางที่ ๖ ด้านการตลาดและการสนับสนุน ๒๖ ตารางที่ ๗ แผนด าเนินงานติดตาม/ประเมินผลของคณะกรรมาธิการ ๓๘ ในเรื่องเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)
บทที่ ๑ บทน า ๑.๑ ความเป็นมา จากการคาดการณ์จ านวนประชากรของโลกที่ปัจจุบันมีจ านวน ๗.๖ พันล้านคน และจะเพิ่มขึ้น เป็นกว่า ๙ พันล้านคน ในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ ซึ่งจะท าให้สังคมเมือง (Urbanization) มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง ร้อยละ ๗๐ น าไปสู่ความต้องการอาหารที่จะเพิ่มขึ้นถึงเกือบร้อยละ ๖๐ ซึ่งหมายถึงความต้องการพื้นที่ ท าการเกษตรที่เพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบันอีกประมาณ ๕๙๓ ล้านเฮกตาร์ หรือกว่า ๓,๗๐๐ ล้านไร่ทั่วโลก ท าให้ภาคเกษตรกรรมจ าเป็นต้องใช้น้ าในการผลิตมากขึ้นถึงกว่าร้อยละ ๗๐ ดังนั้น หลายประเทศ จึงตระหนักในการพัฒนาระบบการผลิตอาหารและการเกษตรกรรมที่จะกลายเป็นประเด็นส าคัญ ส าหรับอนาคตในศตวรรษที่ ๒๑ นี้ ซึ่งระบบการเกษตร เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม จะพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกันในรูปแบบของนวัตกรรมแขนงต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ๑ ระบบเกษตรอัจฉริยะและการเกษตร ในชุมชนเมืองโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในรูปแบบใหม่ ๆ จึงมีบทบาทส าคัญเพื่อการเพิ่ม ประสิทธิภาพการท าการเกษตรของโลก รูปที่ ๑ ความมั่นคงทางอาหารในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ ๑ สิตาวีร์ธีรวิรุฬห์, (๒๕๕๙),“สมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) การท าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”.
๒ ประเทศไทยซึ่งถือเป็นประเทศเกษตรกรรม เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเป็น ผู้น าในการผลิตอาหารและผลิตผลทางการเกษตรหลากหลายชนิดก็โดนผลกระทบจากสภาวะที่คาดการณ์ ดังกล่าวข้างต้นโดย มีประเด็นข้อพิจารณาทางด้านเกษตรกรรม ดังต่อไปนี้ แนวโน้มการขาดแคลนแรงงานเกษตรอันเกิดจากการย้ายงานไปอาชีพที่มีรายได้สูงกว่า การผลิตในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากนัก จึงยังเป็นการใช้ แรงงานในการท าการเกษตรแบบดั้งเดิม สถานการณ์แรงงานในภาคอุตสาหกรรมจึงมีความขัดแย้งกัน ในช่วง ๒๕ ปีที่ผ่านมา การจ้างงานในภาคการเกษตรมีความผันผวนเป็นอย่างมาก มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน ระหว่างสาขาการผลิตอย่างเห็นได้ชัดเจนในหลายช่วงเวลา แรงงานภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจาก ภัยธรรมชาติและแรงดึงดูดจากการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศ เช่น การใช้นโยบายค่าจ้าง แรงงาน ๓๐๐ บาทต่อวันที่ส่งผลให้แรงงานบางส่วนย้ายเข้ามาท างานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ เป็นจ านวนมากหลังจากปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นมา ส่งผลให้ภาคเกษตรกรรมประสบปัญหาแรงงานลดลง และในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา แรงงานภาคอุตสาหกรรมยังคงมีความต้องการเรียกร้องเพื่อเพิ่มค่าจ้าง แรงงานขั้นต่ าอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะกระทบถึงระบบการผลิตในภาคการเกษตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรายได้จากผลผลิตการเกษตรไม่เพิ่มขึ้น และโดยเฉพาะสินค้าเกษตรปฐมภูมิบางชนิดกลับมี ราคาตกต่ าลง รวมทั้งกรณีบางพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติรุนแรง ๒ และจากนโยบาย การปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ าในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ นี้ ก็ยิ่งจะท าให้ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบ หลายด้านอีกเช่นกัน การยกระดับการผลิตในภาคเกษตรกรรมแผนใหม่หรือเกษตรอัจฉริยะจึงเป็น หนทางหนึ่งที่จะท าให้ระบบเกษตรกรรมของประเทศไทยได้พัฒนาในส่วนต่าง ๆ โดยการส่งเสริมและ ผลักดันการน าเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้งานร่วมกับภาคเกษตรกรรม เพื่อบรรลุเป้าหมาย ของเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคงและยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผลผลิตต่อไร่ที่ยังไม่สูง ประสิทธิภาพในการผลิตภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยมีอัตราที่ต่ ากว่า ค่าเฉลี่ยของโลกและประเทศคู่แข่งอยู่มาก เช่น ผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ของโลกมีค่าประมาณ ๗๑๒ กิโลกรัม ต่อไร่ ในขณะที่ประเทศไทยมีผลผลิตข้าวต่อไร่ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพียง ๔๓๒ กิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น ซึ่งยังตามหลังประเทศคู่แข่งอีกหลายประเทศ เช่น ประเทศจีนที่สามารถ สร้างผลผลิตข้าวได้มากถึง ๑,๑๐๔ กิโลกรัมต่อไร่๓ การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อท าการเกษตร สาเหตุของการบุกรุกพื้นที่ป่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นใน ๒ กรณี คือ ๑) การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อท าเกษตรแปลงใหญ่ของนายทุน เช่น การบุกรุกเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขายให้กับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ และ ๒) การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อท ากินของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย และไม่มีที่ดินเป็นของตนเองที่มีการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ ร่วมกับประชาชน ๒ สยามรัฐ, (๒๕๖๑), ภาพรวมสถานการณ์แรงงาน,บทบรรณาธิการ. ๓ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม, (๒๕๖๐), การเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของ คณะอนุกรรมาธิการ.
๓ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ดังตัวอย่างเช่น การด าเนินการจัดสรรที่ดินท ากินให้กับชุมชนตามนโยบาย ของรัฐบาล ในพื้นที่ต าบลระบ า อ าเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น ๔ ที่ดินท ากินของเกษตรกร การบริหารจัดการที่ดินของรัฐในอดีตสร้างปัญหาความขัดแย้ง และกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสม น าไปสู่ความเสียหายทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จากรายงานการปฏิรูปที่ดินและการจัดการที่ดิน พบว่าปัญหาในการบริหารจัดการที่ดิน เกิดจากปัญหาหลัก ๗ ประการ ได้แก่ ๑) การบุกรุกพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ ๒) ความขัดแย้งเรื่อง แนวเขตที่ดิน ๓) การกระจายการถือครองที่ดินท ากิน ๔) การไร้ที่ดินท ากิน ๕) การไม่ท าประโยชน์ ในที่ดินหรือการใช้ที่ดินไม่เต็มศักยภาพ ๖) การถือครองที่ดินขนาดใหญ่ และ ๗) ปัญหาด้านการบริหาร จัดการที่ดิน ๕ จะเห็นได้ว่าปัญหาหลักในการบริหารจัดการที่ดินทั้ง ๗ ประการ ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้อง กับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมทั้งสิ้น เพราะที่ดินถือเป็นปัจจัยหลักของเกษตรกรที่ใช้ในการประกอบ อาชีพและยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย ระบบการตลาดที่ไม่สัมพันธ์กับระบบการผลิตในภาคการเกษตร หรืออีกนัยหนึ่งคือ มีการผลิต เกินความต้องการของตลาด ท าให้ราคาสินค้าเกษตรมีความผันผวนสูง ความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหลักของความเสี่ยงในภาคการเกษตร โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรในพืชเศรษฐกิจที่ส าคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ ามัน มันส าปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อย มีราคาผันผวนหรือราคาตกต่ า จนเกิดการชุมนุมเรียกร้องจากเกษตรกรให้ภาครัฐเข้ามามีมาตรการด าเนินการช่วยเหลือในระบบการผลิต ของพืชแต่ละชนิดในเกือบจะทุกฤดูการผลิตที่ผ่านมา สาเหตุการผันผวนของราคาสินค้าเกษตรมีผลส าคัญมาจากสภาวะผลผลิตล้นตลาด ซึ่งมักจะเกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาของการเก็บเกี่ยวพืชผลนั้น ๆ และยังได้รับผลกระทบจากราคาผลผลิตต่าง ๆ ในตลาด ต่างประเทศตกต่ า ประกอบกับปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ ผลผลิตต่อพื้นที่ต่ า ปัจจัยการผลิตมีราคาสูงจึงส่งผลให้ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เป็นต้น ๖ ในอดีตประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีความมั่งคั่งของทรัพยากรทางด้านอาหาร มีความอุดมสมบูรณ์จนกล่าวได้ว่า “ในน้ ามีปลา ในนามีข้าว” เนื่องจากสภาพภูมิประเทศมีความเหมาะสม ในการท าการเกษตร พืชพันธุ์ธัญญาหารสามารถหาได้จากธรรมชาติรอบตัว แต่ปัจจุบันสภาพแวดล้อม ที่เคยสมบูรณ์เริ่มมีความเสื่อมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการผลิต สินค้าในระบบอุตสาหกรรมเป็นหลัก อันก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคและไม่เอื้ออ านวยต่อการท า เกษตรกรรมแบบดั้งเดิมอีกต่อไป ตัวอย่างเช่นการเกิดสภาวะโลกร้อน ท าให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป ๔ พิมพ์ไทย, (๒๕๖๒), “รมช.มนัญญา” ดัน “อุทัยธานีโมเดล” แก้ปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เดินหน้าส่งเสริมเกษตรกร ปลูกพืชผักปลอดภัย ไร้สารเคมี สู่มาตรฐาน GAP. ๕ คณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ, (๒๕๕๙) ,การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการ. ๖ , กลุ่มงานบริการวิชาการ ๒ ส านักวิชาการ, ราคาสินค้าเกษตรตกต่ า.
๔ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมด้านการเกษตร รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ าและ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า สภาวะการกระจายตัวและพฤติกรรมของประชากรเปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยมีพื้นที่ทั้งหมด ๓๒๐,๖๙๖,๘๘๙ ไร่ แบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินได้เป็น ๓ ประเภทใหญ่ ๆ คือ ๑) พื้นที่ป่าไม้ ๑๐๒,๑๑๙,๔๕๐ ไร่ ๒) พื้นที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ๑๔๙,๒๓๖,๒๓๓ ไร่ และ ๓) พื้นที่นอกการเกษตร เช่น พื้นที่ในเขตเทศบาล และสุขาภิบาล ซึ่งรวมถึง ที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้าง ย่านการค้า ที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน โรงพยาบาล วัด ถนน ทางหลวง ทางรถไฟ สนามบิน แม่น้ าล าคลอง หนองบึง อ่างเก็บน้ า สถานที่ราชการ และที่พื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ ประโยชน์ทางการเกษตรคิดเป็นพื้นที่ ๖๙,๓๔๑,๑๑๖ ไร่ ๗ รูปที่ ๒ พื้นที่ประเทศไทย จากพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตร จ านวน ๑๔๙,๒๓๖,๒๓๓ ไร่ แบ่งเป็นนาข้าว ๖๙ ,๙๖๔ ,๘๖๒ ไร่ พืชไร่ ๓๑ ,๑๕๔ ,๐๐๐ ไร่ ส วนไม้ผลและไม้ยืนต้น ๓๔ ,๙๑๕ ,๒๗๔ ไร่ สวนผักและสวนไม้ดอกไม้ประดับ ๑,๓๙๘,๓๘๓ ไร่ และพื้นที่ในการเกษตรอื่น ๆ คือ พื้นที่ ของครัวเรือนเกษตรกรที่ถือครองอยู่ ได้แก่ สระน้ า คูน้ า บ่อปลา บ่อกุ้ง ทางน้ า หรือทางถนนที่มีอยู่ ในแปลงเกษตร ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ที่รกร้าง ฟาร์ม และสิ่งปลูกสร้างที่ถือครองอยู่นอกเหนือจากที่ใช้ ประโยชน์ทางการเกษตรข้างต้น คิดเป็นพื้นที่ ๑๑,๘๐๓,๗๑๔ ไร่ ๗ อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ ๑
๕ รูปที่ ๓ พื้นที่การเกษตรของประเทศไทย จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีประชากรหลายล้านคนที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับการประกอบอาชีพ ทางการเกษตรซึ่งสัมพันธ์กันกับความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม แต่ในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ จะมองว่าอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพของผู้มีรายได้น้อย เพราะท างานหนักแต่กลับได้ผลตอบแทนน้อย ปัจจุบันแนวคิดในการพัฒนาเกษตรกรรมด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีร่วมด้วยจึงเป็นการพัฒนา ในอีกแนวทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้สามารถยกระดับผลผลิตให้มากขึ้นและมีกระบวนการผลิตที่ได้ประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น โดยในศตวรรษที่ ๒๑ นี้ ระบบเกษตรกรรมของโลกจะเข้าสู่ยุคแห่งการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ครั้งใหญ่ คือระบบเกษตรกรรมอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งส าคัญของ ภาคเกษตรกรรมใน ๒ รูปแบบ คือ ๑) การเปลี่ยนจากเกษตรกรรมที่พึ่งพาสารเคมีสู่การเกษตรแบบชีววิทยาสังเคราะห์ (Bio-Agriculture หรือ Synthetic Biology) ๒) การเปลี่ยนจากเกษตรกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Farming) ซึ่งเป็นการท าเกษตรแบบดั้งเดิม ที่ต้องต่อสู้กับสภาพดินฟ้าอากาศสู่เกษตรกรรมในร่ม (Indoor Farming) ที่ท าการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ในสิ่งปลูกสร้างที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมตลอดระยะเวลาของระบบการผลิตพืชหรือสัตว์ชนิดนั้น ๆ เช่น การท าไร่ในอาคารสูง (Vertical Farming) การท าเกษตรในแนวดิ่ง การท าฟาร์มในเมืองเพื่อเป็นแหล่ง ผลิตอาหารได้เองทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ยังสามารถท าให้มีการปลูก เนื้อสัตว์ (In Vitro Meat) แทนการเลี้ยงสัตว์ที่มีชีวิต ประกอบด้วย การปลูกเนื้อไก่เฉพาะส่วนเนื้ออกไก่ และการผลิตอาหารสังเคราะห์ (Synthetic Food) เป็นต้น
๖ รูปที่ ๔ การปลูกผักกาดหอมภายในอาคารของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น ๘ เมื่อระบบการเกษตรเปลี่ยนเข้าสู่ยุคสมัยของเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) โดยมี การประยุกต์ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์เข้ามาเสริมการท างานภายในฟาร์มเพื่อท าหน้าที่ ในการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ให้เกษตรกรเจ้าของฟาร์มสามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในฟาร์ม ด้วยอุปกรณ์ตรวจวัด (Sensor) หรือ อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณหรือปริมาณทางฟิสิกส์ต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ เสียง แสง การสัมผัส เป็นต้น ทั้งนี้ ในกระบวนการผลิตอาหารในปริมาณมากป้อนประชากรโลก ที่จะมีจ านวนมากขึ้นในอนาคต เกษตรกรและบุคลากรทางการเกษตรจะให้ความส าคัญกับการท าฟาร์ม ที่มีความแม่นย าสูง (Precision Farming) มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดด้วยการดูแล ทุกกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นย า ผ่านระบบเซ็นเซอร์ที่เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ด้วย เครื่องมือสมัยใหม่เพื่อให้กระบวนการผลิตถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มหว่านเมล็ด รดน้ า ให้ปุ๋ย ให้ยาปราบศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว และการคัดเลือกผลผลิต เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดตามความต้องการ ๙ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องปรับตัวในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร โดยเน้นการท าเกษตร ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ๘ Greenspace.market, (2562). ๙ อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ ๑
๗ ๑.๒ วัตถุประสงค์ ๑.๒.๑ สร้างความเข้าใจและการตระหนักถึงความส าคัญของเกษตรอัจฉริยะ ๑.๒.๒ สรุปทบทวนกรณีศึกษาแนวทางการพัฒนาและด าเนินการทางด้านเกษตรอัจฉริยะ ๑.๒.๓ สรุปสถานะปัจจุบันด้านเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย ๑.๒.๔ เสนอกรอบแนวทางการพัฒนาและการด าเนินการด้านเกษตรอัจฉริยะเพื่อยกระดับชีวิต เกษตรกรของประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างเหมาะสม ๑.๓ วิธีการพิจารณา/วิธีการด าเนินงาน รายงานผลการศึกษาฉบับนี้ อาศัยการค้นคว้า รวบรวม และวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอัจฉริยะ แนวคิดระบบเกษตรอัจฉริยะ แผนแม่บทด้านเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย และกรณีศึกษา จากต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศสวีเดน จากการสืบค้น ข้อมูลจากฐานข้อมูลงานวิจัยออนไลน์ น าไปสู่การวิเคราะห์ช่องว่าง เพื่อน าเสนอแนวทางการด าเนินงาน เกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย โดยการวิเคราะห์ข้อจ ากัดด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวปฏิบัติ ในการด าเนินงานที่ส าคัญที่ประเทศไทยสามารถท าได้ ในระยะเวลา ๓ ปี เพื่อสร้างความตระหนัก จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจภาพรวมเกษตรอัจฉริยะ และเกิดความร่วมมือในการบูรณาการ ภาคการเกษตรทั้งระบบของประเทศไทย น ามาซึ่งการยกระดับชีวิตเกษตรกร ตลอดจนเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันด้านเกษตรกรรมในตลาดโลก ๑.๔ กรอบแนวทางในการศึกษา กรอบแนวทางในการศึกษาฉบับนี้ เป็นการศึกษาแนวคิดระบบเกษตรอัจฉริยะจากแผนยุทธศาสตร์ ของประเทศไทย ได้แก่ ๑) ยุทธศาสตร์ชาติ(พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๒) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๓). ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๕๙) และ ๔) แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเกษตร ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อน าไปเปรียบเทียบกับกรณีศึกษาจากต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศสวีเดน
บทที่ ๒ การทบทวนวรรณกรรม ๒.๑ ลักษณะเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เกษตรอัจฉริยะ คือการบูรณาการการใช้เทคโนโลยีเข้ากับระบบการเกษตรรูปแบบเดิมที่เคยปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อการบริหารจัดการฟาร์มให้มีผลผลิตสูงสุดโดยใช้วัตถุดิบในการท าการเกษตรในปริมาณ น้อยที่สุด รูปที่ ๕ แนวคิดระบบเกษตรอัจฉริยะ การท าเกษตรอัจฉริยะเป็นการน าเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งระบบคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร อุปกรณ์ ตรวจวัด (Sensor) และเทคโนโลยีชีวภาพมาผสมผสานกับงานด้านการเกษตร ควบคู่กับการท า จีโอเอ็นจิเนียริง (Geoengineering) ที่จะน าเอาเทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ เข้ามาช่วย เช่น การเปลี่ยนพื้นดิน ที่ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้อย่างทะเลทรายให้เป็นแหล่งผลิตอาหารในอนาคต ซึ่งอนาคตระบบเกษตร อัจฉริยะจะเกิดในประเทศไทยมากขึ้น สมบูรณ์แบบขึ้น ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
๙ ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ต (Internet) และเครือข่ายที่รองรับภาคการเกษตร รวมทั้งนักวิชาการต่าง ๆ เริ่มให้ความส าคัญมากขึ้น เช่น มีระบบการจัดการพืชโดยอาศัยเครื่องมือที่ทันสมัย มากขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจวัด (Sensor) ต่าง ๆ ที่จ าเป็นในการวัดค่าและตรวจสอบค่าต่าง ๆ เช่น ชุดตรวจวัดสภาพภูมิอากาศ ชุดวัดความชื้นดิน วัดขนาด หรือวัดความยาว เป็นต้น นอกจากนี้ ระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจวัด (Sensor) เทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้ง นาโนเทคโนโลยี จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร เปลี่ยนไร่นาและฟาร์มเกษตรธรรมดากลายเป็น ฟาร์มอัจฉริยะ (Intelligent Farm) ซึ่งเป็นฟาร์มอัจฉริยะที่ท างานกึ่งอัตโนมัติ หากมีการจัดสรรเทคโนโลยี อย่างเหมาะสมจะสามารถบริหารจัดการระบบฟาร์มได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมระบบ การให้น้ าและการให้ปุ๋ยแบบอัตโนมัติ ดังนั้น แนวโน้มของการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะจึงมีทิศทาง ดังนี้ ๑) มีการติดตามข้อมูลและกิจกรรมในไร่ด้วยเซ็นเซอร์ (Field Sensors) ต่าง ๆ รวมไปถึง การใช้เครื่องจักรกล หุ่นยนต์ และเครื่องทุ่นแรงที่มีระบบอัจฉริยะ ๒) การน าอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Devices) เข้ามามีส่วนในการท าไร่ท านา การบันทึก และเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้น ๓) การน าระบบประมวลผล (Cloud Computing) ที่จะท าให้ตัวแปร (Parameter) ในการเพาะปลูก ปัจจัยการผลิต สภาพผลผลิต เชื่อมโยงกันหมด จากไร่นาไปสู่โรงงานแปรรูป และผู้จัดส่งอาหาร ไปถึงผู้บริโภค รวมถึงการเชื่อมโยงบริการอื่น ๆ ในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งหมด ซึ่งในห่วงโซ่คุณค่า ผลิตภัณฑ์จะต้องมีคุณภาพที่จ าเป็นต้องมี (Must be Quality) และคุณภาพที่จูงใจการซื้อ (Attractive Quality) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล ตัวแปรตั้งแต่ต้นน้ ายังปลายน้ า ดังนั้น การจะสร้างคุณค่า (Value) หรือ ประโยชน์อื่นมาประกอบกันให้เป็นประโยชน์สุดท้ายที่ลูกค้าต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีขั้นตอน ของกระบวนการสร้างคุณค่าที่ต่อเนื่องเป็นขั้นตอนเหมือนห่วงโซ่ของกิจกรรมที่มีความเกี่ยวพันกัน เพื่อสร้างประโยชน์สุดท้ายในผลิตภัณฑ์หรือบริการ เมื่อการเพาะปลูกเชื่อมโยงเข้ากับห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งหมด ตัวแปรต่าง ๆ สามารถ ที่จะน ามาเชื่อมโยงกันด้วยรูปแบบทางคณิตศาสตร์ และขั้นตอนหรือวิธีการค านวณส าหรับการเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Algorithm) ซึ่งหมายถึงวิธีการแบ่งการท างานออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ มีการท างาน ที่แน่นอนตั้งแต่ต้นจนจบ ก็จะท าให้เกษตรกรสามารถใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ราคาพืชผลจาก อุปสงค์และอุปทาน (Demand - Supply) ได้ ปัจจุบันหลายประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรป เริ่มให้ความส าคัญกับการลงทุนด้านเกษตรและอาหารมากขึ้น และต่อไปโลกจะเข้าสู่อาหารยุคดิจิทัล ที่ผู้บริโภคเป็นผู้ผลิตอาหารเองโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย ๑๐ ๑๐ เพิ่งอ้าง
๑๐ ๒.๒ ผลประโยชน์ของเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) การน าเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาใช้ในการพัฒนาการเกษตรของประเทศ ไทย จะเป็นการยกระดับการแข่งขันทางเศรษฐกิจประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยประโยชน์จากการใช้งาน เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) สามารถแบ่งออกเป็น ๔ รูปแบบ ดังนี้ ๑. การพัฒนาบุคลากรด้านเกษตรกรรม เสริมสร้างทักษะและศักยภาพของเกษตรกรในประเทศ ให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีทั้งการผลิตและการตลาด ๒. การพัฒนาสินค้าเกษตรและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร และเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี เกษตรอัจฉริยะจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม ที่เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ ๓. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ให้เกษตรกรสามารถ ใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงแหล่งทุน ผู้ให้บริการ การบริหารจัดการไปจนถึงตลาด ๔. การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรให้สามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ๒.๓ สถานการณ์ของเกษตรอัจฉริยะในประเทศไทย วิวัฒนาการของระบบเกษตรอัจฉริยะเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน เพื่อมีจุดประสงค์ในการแก้ปัญหา ความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้นจากจ านวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ในขณะที่พื้นที่การเพาะปลูก กลับลดลงอันเนื่องมาจากสภาพแลดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความขาดแคลนด้านแรงงาน ในการท าเกษตรกรรม การวิจัยและคิดค้นทางด้านนวัตกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีต่าง ๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้ระบบการผลิตในภาคเกษตรกรรมต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพื่อการเพิ่ม ผลผลิตและการเพิ่มประสิทธิภาพให้ทันกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ๑๑ ส าหรับประเทศไทย มีการก าหนดยุทธศาสตร์ของประเทศในหลายระดับ เพื่อเป็นทิศทาง ในการก าหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติเพื่อการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ ดังนี้ ๒.๓.๑ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) วิสัยทัศน์ ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนา ตามหลักปรัชญาเศรษกิจพอเพียง คติพจน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เป้าหมาย ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและ ยั่งยืน ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น ๑๑ อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ ๘
๑๑ ตัวชี้วัด รายได้ประชาชาติ การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และการ กระจายรายได้ ผลิตภาพการผลิตของประเทศ ทั้งในปัจจัยการผลิตและแรงงาน การลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน การเกษตรสร้างมูลค่า เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น เกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป เกษตรอัจฉริยะ เกษตรอัจฉริยะ น าเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเป็นฟาร์มอัจฉริยะ เพื่อ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในเชิงมูลค่าและปริมาณต่อพื้นที่สูงสุด และ เตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีการค านึงถึง การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างสมดุล เกษตรอาหารและเกษตรพลังงาน โดยสร้างและน าเทคโนโลยี นวัตกรรม และ วิทยาการสมัยใหม่มาใช้ในการเกษตร ใช้เทคโนโลยีเกษตรด้านความแม่นย า เทคโนโลยีการผลิตพืชในโรงเรือนเพาะปลูก ด้วยการใช้ระบบอัตโนมัติและ เซ็นเซอร์อัจฉริยะติดตามการเปลี่ยนแปลง ทั้งความชื้น แสง และอุณหภูมิภายใน ฟาร์ม เพื่อให้ได้ผลผลิตตรงตามความต้องการ คุณภาพคงที่ และสามารถวางแผน ระบบการตลาดดีขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีการช่วยบันทึกข้อมูลส าคัญและติดตามการ บริหารจัดการภายในโรงเรือนและฟาร์ม การปรับเปลี่ยนการท าเกษตรกรรมให้ เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งส่งเสริมการ ถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรให้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและ นวัตกรรมทางการเกษตร การจัดการภาคเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบ การผลิตทางการเกษตรให้ปลอดวัสดุเหลือใช้ ตลอดจนพัฒนาระบบประกันภัยทาง การเกษตรที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนและจูงใจให้เกษตรกรใช้เครื่องมือดังกล่าวบริหาร จัดการความเสี่ยงในการท าเกษตรกรรม รวมถึง การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปัจจัยการผลิต เทคโนโลยีการเกษตรใหม่ ๆ และการใช้ วิทยาการด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พันธุวิศวกรรม ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีทาง การเกษตรที่สามารถน ามาใช้ประโยชน์ทั้งในเรื่องการปรับสภาพดิน การตรวจจับ สารเคมีตกค้าง การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคสัตว์ และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และคุณค่าทางโภชนาการ ลดการใช้
๑๒ สารเคมีในการเกษตร รวมทั้งยืดอายุการเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษาเพื่อยืด ระยะเวลาจ าหน่ายผลผลิตและการส่งออก พร้อมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยเครื่องจักรกลการเกษตรให้สูงขึ้นด้วยการวิจัยและพัฒนา การสร้างและ ก าหนดคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเครื่องจักรกลและอุปกรณ์การเกษตร รวมทั้ง การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ การ ประยุกต์ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมและเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากการประยุกต์ใช้ ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างยั่งยืนให้กับ ภาคเกษตร การสร้างฐานข้อมูลการเพาะปลูกระดับประเทศ การจัดการด้าน ชลประทาน ทะเล และชายฝั่ง รวมทั้งการติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ๒.๓.๒ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ส่วนที่ ๓ แผนย่อยของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการเกษตร ๓.๕ แผนย่อยเกษตรอัจฉริยะ การพัฒนาศักยภาพการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยอาศัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการใช้และการเข้าถึงเทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบข้อมูลส าหรับวางแผนการผลิต เพื่อพัฒนาเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรอัจฉริยะที่ สามารถน าองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้พัฒนาไปสู่รูปแบบฟาร์มอัจฉริยะ ๓.๕.๑ แนวทางในการพัฒนา ๑) ส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปัจจัยการผลิต เครื่องจักรกลและอุปกรณ์การเกษตร รวมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรแห่งอนาคต อาทิ เกษตรแม่นย า เกษตรในร่ม และ เกษตรแนวตั้ง เพื่อน ามาใช้ในกระบวนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตการเกษตรทั้งเชิง ปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ และทดแทนแรงงานภาคเกษตรที่ลดลงและเข้าสู่สังคมสูงอายุ ๒) พัฒนาศักยภาพเกษตรกรในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมทาง การเกษตร การจัดการภาคเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงองค์ความรู้ด้านการผลิตและ การตลาดต่าง ๆ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เทคโนโลยี ดิจิทัล ฐานข้อมูลสารสนเทศทางการเกษตรต่าง ๆ เพื่อการวางแผนการเกษตร และพัฒนา เกษตรกรให้เป็นเกษตรกรอัจฉริยะที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ๓) สนับสนุนและส่งเสริมการท าระบบฟาร์มอัจฉริยะ โดยการถ่ายทอดและสนับสนุนให้เข้าถึงองค์ ความรู้และเทคโนโลยีแก่เกษตรกรในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการวางแผนการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าที่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรใน เชิงมูลค่าและปริมาณต่อพื้นที่สูงสุด และทดแทนการผลิตดั้งเดิม
๑๓ ๓.๕.๒ เป้าหมายและตัวชี้วัด เป้าหมาย ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย ปี ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ ปี ๒๔๖๖ - ๒๕๗๐ ปี ๒๕๗๑ - ๒๕๗๕ ปี ๒๕๗๖ - ๒๕๘๐ ๑. สินค้าที่ได้ จากเทคโนโลยี สมัยใหม่/ อัจฉริยะมี มูลค่าเพิ่มขึ้น มูลค่าสินค้าที่มี การใช้เทคโนโลยี สมัยใหม่/ อัจฉริยะ (เฉลี่ย ร้อยละ) เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๓ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๔ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๖ ๒. ผลผลิตต่อ หน่วยของ ฟาร์มหรือ แปลงที่มีการใช้ เทคโนโลยี สมัยใหม่/ อัจฉริยะเพิ่มขึ้น ผลผลิตต่อหน่วย ของฟาร์มหรือ แปลงที่มีการใช้ เทคโนโลยี สมัยใหม่/ อัจฉริยะ (เฉลี่ย ร้อยละ) เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๕ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๒๐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๒๕ ๒.๓.๓ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) และแผนพัฒนา การเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ส่วนที่ ๒ แผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ๓ กรอบแนวคิด และทิศทางการพัฒนาของแผนพัฒนาการเกษตร ๓.๓ การปรับตัวของเกษตรกรสู่เกษตรกรมืออาชีพ เกษตรกรจ านวนมาก ยังมีข้อจ ากัดในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการผลิตเชื่อมโยงจนถึงการแปรรูปและ การตลาด การขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะปุ๋ยเคมี สารเคมีการเกษตร ท าให้เกษตรกรใช้ปัจจัยการผลิตดังกล่าวมากเกินความจ าเป็น นอกจากท าให้ต้นทุนการผลิตสูงแล้ว ยังก่อให้เกิดการตกค้างของสารพิษในผลผลิตการเกษตร ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคใน ระยะยาว อีกทั้งยังท าให้ดินเสื่อมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง การพัฒนาการเกษตรให้เติบโต ได้อย่างยั่งยืน ต้องอาศัย “เกษตรกร” เป็นศูนย์กลางการพัฒนา ดังนั้น การปรับตัวของเกษตรกร จึงเป็น ปัจจัยส าคัญอย่างยิ่งที่จะท าให้เป้าหมายการพัฒนาการเกษตรของประเทศบรรลุผลส าเร็จได้ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ให้ความส าคัญกับการพัฒนาเกษตรกรเป็น Smart Farmer ที่มีความพร้อมทั้งในแง่องค์ ความรู้ด้านการผลิต การตลาด มีการน าเทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิธีการปฏิบัติที่ดีมาใช้ผสมผสาน
๑๔ กับองค์ความรู้สมัยใหม่ที่เหมาะสมในการพัฒนาการเกษตร โดยค านึงถึงคุณภาพมาตรฐานสินค้าและ ปริมาณความต้องการของตลาด รวมถึงความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมเป็นส าคัญ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร วัตถุประสงค์ ๑) เพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นคง สามารถพัฒนาอาชีพเกษตร เพื่อสร้างรายได้และมีความ ภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ๒) เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรมืออาชีพ ๓) เพื่อพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป้าหมาย ๑) เกษตรกรมีรายได้เงินสดสุทธิทางการเกษตรเพิ่มขึ้นเป็น ๕๙,๔๖๐ บาทต่อครัวเรือน ในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ ๒) พื้นที่การท าเกษตรกรรมยั่งยืนเพิ่มขึ้นเป็น ๕.๐๐๐.๐๐๐ ไร่ ในปีพ.ศ. ๒๕๖๔ ๓) รักษามาตรฐานระดับความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพ และปริมาณธุรกิจ ของสถาบันเกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓ ต่อปี ตัวชี้วัด ๑) รายได้เงินสดสุทธิทางการเกษตร ๒) จ านวนพื้นที่การท าเกษตรกรรมยั่งยืน ๓) จ านวนสถาบันเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งและรายได้สุทธิของสถาบันเกษตรกร แนวทางการพัฒนา ๕ แนวทาง ๑) พัฒนาองค์ความรู้ของเกษตรกรสู่เกษตรกรมืออาชีพ (Smart Farmer) ด้วยการ ๒) เสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย การท าเกษตรอินทรีย์ การ ปรับปรุงดิน การผลิตพันธุ์ดี (พืช ประมง ปศุสัตว์) การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีอย่าง ถูกต้องตามค่าวิเคราะห์ดิน การป้องกันและก าจัดศัตรูพืชตามหลักวิชาการ การวางแผน การผลิต บริหารจัดการสินค้าเกษตร การบริหารจัดการต้นทุน การท าบัญชีรายจ่าย/ บัญชีต้นทุนอาชีพ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรที่ส าคัญ การผลิตสินค้า ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มีการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาการผลิต รวมถึงเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการตลาดแก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาไปสู่ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรมืออาชีพ (Smart Entrepreneur) ๓) พัฒนากระบวนการทางความคิดของเกษตรกรไปสู่เกษตรกรมืออาชีพ เน้นการน าความรู้ ที่ได้รับจากการอบรมไปต่อยอดความคิดในการพัฒนาการผลิตไปสู่การแปรรูปขั้นต้น เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด รวมถึงการบริหารการตลาดตั้งแต่ระดับชุมชน จังหวัด และตลาดต่างประเทศ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมทั้งการถอด
๑๕ บทเรียนและน าข้อเท็จจริงเป็นตัวอย่าง และสนับสนุนการศึกษาดูงานเกษตรกรตัวอย่าง ที่สามารถน าไปพัฒนาต่อยอดได้ ๔) พัฒนาศักยภาพศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านเป็นแหล่งเรียนรู้ และขยายฐานองค์ความรู้จาก ปราชญ์ชาวบ้านไปสู่เกษตรกรและชุมชนเครือข่ายอื่น ๆ โดยรวบรวมองค์ความรู้และภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ง่ายในทุกต าบล ประชาสัมพันธ์เกษตรกร ตัวอย่างที่ประสบความส าเร็จให้มากขึ้น ๕) พัฒนาศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ๘๘๒ ศูนย์ ให้เป็นศูนย์กลาง บูรณาการข้อมูลทางวิชาการจากภาครัฐ เช่น Agri-Map และเป็นแหล่งแลกเปลี่ยน เรียนรู้ข้อมูลชุมชน รวมทั้งพัฒนาศูนย์เครือข่ายและจุดเรียนรู้ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม วัตถุประสงค์ ๑) เพื่อส่งเสริมการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการเกษตรแบบบูรณาการ ร่วมกันทั้งของภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ๒) เพื่อผลักดันให้น าผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการเกษตรไปใช้ประโยชน์ ๓) เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง เป้าหมาย ๑) งบประมาณด้านงานวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนัวตกรรมด้านการเกษตรเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕ ต่อปี ๒) ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการเกษตรที่น าไปใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕ ต่อปี ๓) มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร และถูกน าไปประยุกต์ใช้เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕ ต่อปี ๔) เกษตรกรและผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางของระบบสารสนเทศ การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ต่อปี ตัวชี้วัด ๑) งบประมาณเพื่องานวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการเกษตรต่อ งบประมาณประจ าปีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒) จ านวนผลงานด้านวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการเกษตรถูกน าไปใช้ประโยชน์ ๓) จ านวนเกษตรกรและผู้รับบริการที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถ น าความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ ๔) จ านวนผู้ใช้บริการจากระบบสารสนเทศการเกษตร
๑๖ แนวทางการพัฒนา ๒ แนวทาง ๑) ส่งเสริมการน างานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ ๒) สนับสนุนการพัฒนาเกษตรกร ปราชญ์ชาวบ้าน หรือชุมชนต้นแบบสถาบันเกษตรกรใน การน าเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเองมาใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ รวมทั้งสนับสนุนการน าเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้าน การเกษตรมาใช้ในระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุน ตลอดจน พัฒนาระบบการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเข้าสู่การท าฟาร์มที่มีความ แม่นย าสูง (Precision Farming) เป็นการควบคุมต้นทุนการผลิต การใช้ทรัพยากร และ การตลาด โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการควบคุมการใช้น้ า การใส่ปุ๋ย การป้องกันโรค แมลงศัตรูพืช เทคนิคการผสมพันธุ์ และการเก็บเกี่ยว ๒.๓.๔ แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเกษตร ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) กรมส่งเสริม การเกษตร วิสัยทัศน์ เกษตรกรอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง เป้าหมายและตัวชี้วัด เป้าหมายและตัวชี้วัด ระยะ ๒๐ ปี เป้าหมาย/ตัวชี้วัด ปีที่ ๑ - ๕ (๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ปีที่ ๖ - ๑๐ (๒๕๖๕ - ๒๕๖๙) ปีที่ ๑๑ - ๑๕ (๒๕๗๐ - ๒๕๗๔) ปีที่ ๑๖ - ๒๐ (๒๕๗๕ - ๒๕๗๙) เจ้าภาพ ๑ เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร มีความเข้มแข็ง ๒) ร้อยละของเกษตรกรที่ เป็น Smart Farmer ต่อ เกษตรกรในวัยแรงงาน (อายุ ๑๘ - ๖๔ ปี) ทั้งหมด ร้อยละ๑๕ ร้อยละ ๔๐ ร้อยละ ๗๐ ร้อยละ๑๐๐ กองพัฒนา เกษตรกร ๒.๓.๕ การด าเนินงานเกษตรอัจฉริยะและเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรของไทย แนวทางการด าเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีแนวทางเกษตรอัจฉริยะการผลิตพืช ๘ แนวทาง ดังนี้ ๑. เทคโนโลยีด้านดิน ๒. เทคโนโลยีด้านพืช และอารักขาพืช ๓. เครื่องจักรกลเกษตร ๔. ระบบการให้น้ า
๑๗ ๕. เทคโนโลยีดาวเทียม และอากาศยานไร้คนขับ ๖. อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ๗. Big Data Platform ๘. ระบบช่วยตัดสินใจ และการใช้ประโยชน์ รูปที่ ๖ เกษตรอัจฉริยะ (ที่มา : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) นอกจากนั้น ยังมีการจัดท าแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะ พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ เพื่อช่วยยกระดับ มาตรฐานการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าเกษตรของประเทศไทยในตลาดโลก พร้อมน าเสนอโครงการเบื้องต้น ที่ควรด าเนินการในรูปแบบบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกร เพื่อลดผลกระทบจากสภาวะขาดแคลนแรงงาน ตอบสนองนโยบายการพัฒนาประเทศ และสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ดังนี้ ๑) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ๒) การสร้างแปลงเรียนรู้ต้นแบบเกษตรอัจฉริยะ ๓) การสร้างการรับรู้ เข้าถึง ใช้ประโยชน์ และการส่งเสริมขยายผลเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ๔) การพัฒนาการแปรรูปและการตลาดเกษตรอัจฉริยะ ๕) การส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการเกษตรอัจฉริยะ ๖) การพัฒนาบุคลากรและเครือข่ายด้านเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านบุคคล ให้พร้อมต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้านการเกษตร โดยมีปัจจัยแห่งความส าเร็จ ๖ ประการ ในการประสานความร่วมมือ และการสนับสนุนด้านต่าง ๆ เพื่อน าไปสู่ความส าเร็จของฐานข้อมูลการเกษตรแห่งชาติ ได้แก่ ๑) ข้อมูลต้องมีความเป็นเอกภาพ มีเจ้าภาพในการด าเนินงาน
๑๘ ๒) ข้อมูลที่เข้าสู่ระบบ ต้องเป็นข้อมูลที่มีความถูกต้อง ๓) ต้องมีการสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกร หรือผู้ให้ข้อมูล ๔) การขึ้นทะเบียนต่าง ๆ ต้องมีการปรับปรุงให้ถูกต้อง ทันสมัย ๕) บุคลากรทีมีความรู้ ทักษะเกี่ยวกับ Smart Farming และ Big Data ๖) เทคโนโลยี และงบประมาณ เช่นระบบคลาวด์กลางภาครัฐ นอกจากนี้ ส านักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีโครงการ ส่งเสริมเทคโนโลยีที่ใช้ในการเกษตรอย่างหลากหลาย เช่น โครงการโดรนเพื่อการเกษตร ประยุกต์ใช้ อากาศยานไร้คนขับเพื่อการเกษตร มุ่งส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน และยังมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนการพัฒนาศักยภาพก าลังคน และบุคลากรด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งสามารถสรุปปัญหาและข้อจ ากัดได้ ดังนี้ ๑. เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ขาดการเข้าถึงองค์ความรู้ทางการเกษตรที่จ าเป็น โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลภาคการเกษตร ๒. ปัญหาในการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ๓. การขาดการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ๔. ปัญหาแรงงานภาคการเกษตร (การเข้าสู่สังคมสูงอายุ) ๕. การขาดแคลนช่องทางการตลาดแลพการจ าหน่ายสินค้าการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ๖. ข้อจ ากัดในการพัฒนาการควบคุมคุณภาพและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ๒.๔ ปัจจัยที่ส่งผลให้เทคโนโลยีประสบความส าเร็จ ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เกิดระบบเกษตรอัจฉริยะ ท าให้เกิดความส าเร็จในด้านเทคโนโลยี โดยทั่วไป สามารถสรุปเป็นปัจจัยหลัก ๔ ด้าน ดังต่อไปนี้ ๑. ความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตร ประกอบด้วย ๔ ปัจจัยหลัก ได้แก่ ๑) พื้นที่ท าการเกษตรโดยรวมของโลกลดลง ๒) แหล่งน้ าเพื่อการเกษตรที่จ ากัด ๓) แรงงานในภาค การเกษตร และ ๔) ด้านสารเคมีต่าง ๆ เช่น ปุ๋ย สารก าจัดวัชพืชและศัตรูพืช ๒. ความต้องการผลิตผลทางการเกษตรที่เพิ่มขึ้น ทั้งพืชอาหาร และพืชเศรษฐกิจ เพื่อตอบสนอง ต่อการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ๓. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่ส่งผลกระทบให้ต่อผลผลิตทางการเกษตรลดลง ๔. ความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิต เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์ และระบบตรวจจับต่าง ๆ
๑๙ รูปที่ ๗ ปัจจัยขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ ๑๒ ๒.๕ กรณีศึกษาในต่างประเทศ ๒.๕.๑ สาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศจีน ก าลังด าเนินการจัดตั้งเขตสาธิต อุตสาหกรรมการเกษตรล้ าสมัย โดยตั้งเป้ากลายเป็น “ซิลิคอน แวลลีย์” ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อส่งเสริม การพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่และฟื้นฟูชนบท เป้าหมายของแต่ละเขตสาธิตเพื่อแก้ไขปัญหาส าคัญ และลดข้อจ ากัดและขีดความสามารถในการพัฒนาการเกษตรในประเทศจีน การที่รัฐบาลประเทศจีน ให้การสนับสนุนพื้นที่ดังกล่าวเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้พื้นที่เหล่านี้ให้เป็นแหล่งรวบรวมทรัพยากรระดับโลก ขณะนี้ประเทศจีนได้เริ่มมีเขตสาธิตแล้วทั้งหมด ๔ แห่ง ซึ่ง ๒ แห่งล่าสุดอยู่ในเมืองจิ้นจง มณฑลซานซี และเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู เขตสาธิตจิ้นจงจะมุ่งเน้นไปที่ด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ แห้งแล้ง และด้านอาหารเพื่อสุขภาพแห่งชาติ ในขณะที่เขตสาธิตหนานจิงจะเน้นไปที่การท าเกษตรสีเขียว (Green Agriculture) และการเกษตรอย่างชาญฉลาด เมืองเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร ในภาคตะวันออกของจีน๑๓ ๑๒ Researchgate.net, (2562), Internet of Things Platform for Smart Farming : Experiences and Lessons Learnt. ๑๓ ส านักข่าวซินหัวไทย, (๒๐๑๙), จีนเตรียมปั้น “เขตสาธิตการเกษตรล้ าสมัย” ทั่วประเทศมุ่งเป็น “ซิลิคอน แวลลีย์” ด้านการเกษตร.
๒๐ นอกจากนี้ บริษัท Alibaba ยังได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้งานในระบบ Alibaba Cloud ภายใต้ชื่อ “ET Agricultural Brain” เพื่อยกระดับเกษตรกรรมในประเทศจีน โดย ET Agricultural Brain จะท าการตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับ “การเลี้ยงหมู” ในแต่ละวัน เช่น ค่าดัชนีแสดงการเติบโต, การท้อง และปัจจัยด้านสุขภาพอื่น ๆ เพื่อช่วยผู้ดูแลฟาร์มติดตามตรวจสอบ กิจกรรมและเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้น ไปจนถึงการให้ค าแนะน าว่าควรจะดูแลรักษาด้านสุขภาพของหมู หรือเพิ่มผลผลิตได้อย่างไรบ้าง โดยการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ จะท าให้ประเทศจีนลดต้นทุนในระบบ การเลี้ยงหมูลงได้ถึง ๕๐,๐๐๐ ล้านหยวน หรือประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ ล้านบาท การมีการในไปใช้กับฟาร์ม หมูทั่วประเทศจีน ท าให้สามารถยกระดับการเลี้ยงหมูขึ้นมาเป็นผู้น าในระดับโลกได้ และนอกจากการใช้งาน ในระบบการเลี้ยงหมูแล้ว ET Agriculture Brain ยังได้น าไปใช้ในการปลูกแอปเปิล ซึ่งสามารถลดต้นทุนใน การผลิตได้ถึงปีละ ๑๐๐ ล้านบาท รวมทั้งการน าไปใช้ในการปลูกเมลอนอีกด้วย รูปที่ ๘ ระบบปัญญาประดิษฐ์ทางการเกษตรของ Alibaba ๑
๒๑ รูปที่ ๙ ระบบปัญญาประดิษฐ์ทางการเกษตรของ Alibaba ๒ บริษัท Alibaba นอกจากมีบทบาทเป็นผู้ให้บริการระบบปัญญาประดิษฐ์แล้ว ยังท าหน้าที่ เป็นตัวเชื่อมระหว่างธุรกิจภาคการเกษตรกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าและ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ๑๔ ๑๕ ๒.๕.๒ ประเทศสหรัฐอเมริกา Walmart ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้น าระบบ Blockchain มาใช้ ในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ไปยังแหล่งผลิตผักร่วมกับ ๑๑ บริษัทด้านอาหารที่ส่งสินค้า ให้กับ Walmart เพื่อแก้ปัญหาการติดเชื้อจากโรคระบาดที่ติดมากับระบบการผลิตและขนส่ง โดยระบบ Blockchain ที่น ามาใช้สามารถลดเวลาในการตรวจสอบย้อนกลับจากร้านค้า ไปยังแหล่งผลิตผักและ แปลงปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ที่เคยใช้เวลา ๗ วัน เหลือเพียง ๒.๒ วินาที นอกจากนั้น บริษัท IBM ซึ่งเป็น ผู้พัฒนาระบบที่เรียกว่า IBM Food Trust โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ให้กับ Walmart มีเป้าหมาย เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่มีประมาณ ๒๖๕ ล้านคนในแต่ละสัปดาห์๑๖ ๑๔ Fao.org, (2019). ๑๕ TechTalkThai.com, (๒๐๑๘), Alibaba เปิดบริการ AI เพื่อการเกษตรบน Cloud ช่วยเพิ่มผลผลิตได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น. ๑๖ News.walmart.com, (2019), Walmart and Sam’s Club to Require Real-Time, End-to-End Food Traceability with Blockchain.
๒๒ รูปที่ ๑๐ ระบบ Blockchain ของ Walmart รูปที่ ๑๑ ระบบ Supply Chain ของ Walmart ๒.๕.๓ ประเทศสวีเดน บริษัท PLANTAGON ในประเทศสวีเดน ได้พัฒนานวัตกรรมการปลูกผักแนวดิ่ง (Vertical Farming) เพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาความต้องการอาหารของประชากรในประเทศและทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น โดยแนวคิดในการพัฒนาระบบการท าฟาร์มแนวดิ่ง คือ การใช้พื้นที่ในเมืองที่มีจ ากัดมาใช้ประโยชน์ ในการผลิตอาหารส าหรับชุมชนเมือง และยังช่วยให้การท าการเกษตรในพื้นที่และสภาพอากาศ ไม่เอื้ออ านวย และไม่มีแหล่งน้ าส าหรับท าการเกษตรที่เพียงพอ ซึ่งข้อดีของการท าเกษตรรูปแบบนี้ จะสามารถลดระยะทางในการขนส่งสินค้าให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมปัจจัยการผลิต ที่ส าคัญ เช่น สภาพแวดล้อม การใช้น้ า และปัจจัยอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การลงทุนในนวัตกรรม
๒๓ และเทคโนโลยีการเกษตรชนิดนี้อาจยังไม่เหมาะกับประเทศไทยที่ยังมีพื้นที่ส าหรับการท าเกษตรพื้นราบ อีก๑๗ รูปที่ ๑๒ ระบบฟาร์มในเมืองของบริษัท Plantagon ๑ รูปที่ ๑๓ ระบบฟาร์มในเมืองของบริษัท Plantagon ๒ ๑๗ Plantagon.com, (2019).
บทที่ ๓ การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) จากการศึกษาแนวคิดระบบเกษตรอัจฉริยะ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) แผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ(๓) ประเด็น การเกษตร (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๕๙) และ แผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเกษตร ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) กรมส่งเสริมการเกษตร และกรณีศึกษาจากต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศสวีเดน รายงานฉบับนี้จึงสามารถวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) ของสถานะปัจจุบันของประเทศไทย ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยในการผลิต การตลาด และการส่งเสริมสนับสนุนจากทุกภาคส่วน สรุปออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี และด้านการตลาดและการสนับสนุน ๓.๑ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี ในส่วนนี้จะเป็นการระบุและอธิบายถึงการส่งเสริมให้ภาคเกษตรมีความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี เพื่อช่วยในการผลิต การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว อย่างครบวงจร และให้เกษตรกรมีข้อมูลการเกษตร ที่ถูกต้องชัดเจน การก าหนดใช้เทคโนโลยีในการใช้งานที่เหมาะสมและแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และการใช้ เทคโนโลยีในการลดต้นทุนการเพาะปลูก ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีในเพื่อตรวจสอบ ดูแล และควบคุม ในทุกกระบวนการระหว่างการผลิต ซึ่งจะสามารถท าให้คุณภาพผลผลิตออกมามีคุณภาพสูงขึ้น สามารถ สรุปได้ดังนี้ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี สถานการณ์ปัจจุบัน แนวทางการด าเนินงาน ค าอธิบายแนวทางด าเนินงาน ขาดความรู้ความเข้าใจในการ ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ ก า ร แก้ปัญหาที่ถูกต้อง รวมถึงการ ขาดความเชื่อมั่นและความ มั่นใจในการเลือกใช้เทคโนโลยี ที่เหมาะสมรวมถึงอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีมีมีราคาสูง การให้ความรู้ความเข้าใจทางด้าน เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ก า ร แ น ะ น า ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ใ น ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ตลอดจนการแนะน าเทคโนโลยี เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสม กับการใช้งานและการแก้ไขปัญหา ในแต่ละกรณีไป การให้ความส าคัญ และส่งเสริมการใช้ข้อมูล (Data) การส่งเสริมความรู้และเทคโนโลยี พื้นฐานส าหรับเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เพื่อช่วยกัน ในการแก้ปัญหาการผลิตตั้งแต่ การวางแผนการเพาะปลูก จนถึง กระบวนการเก็บเกี่ยว รวมถึง ก า รส่งมอบผลผลิตท างก า ร เกษตร ตลอดจนท าให้เกษตรกร มีความเข้าใจเทคโนโลยีในการ
๒๕ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี สถานการณ์ปัจจุบัน แนวทางการด าเนินงาน ค าอธิบายแนวทางด าเนินงาน ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่จ าเป็น เกี่ยวกับการเกษตร เช่น ข้อมูลทาง น้ า ข้อมูลทางอากาศ ข้อมูลทางดิน เป็นต้น ประยุกต์ใช้ให้ตรงกับความต้องการ ของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ขาดแคลนบุคลากรภาคเกษตร รุ่นใหม่ ตลอดจนขาดความรู้มี ขีดจ ากัดเนื่องจากที่ผ่านมาใช้ ประสบการณ์เป็นต้นแบบใน ก า รเพ า ะป ลู ก เนื่ อง จ า ก เ ก ษ ต ร ก ร ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น เกษตรกรสูงวัย การออกแบบกลไกการยกระดับ การเกษตรในภาวะที่เข้าสู่สังคมสูง วัยด้วยการส่งเสริมและเผยแพร่ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาค เกษตรไทย การน าเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับ หรือทดแทนแรงงานสูงวัยเพื่อ เพิ่มผลผลิต และการดึงดูดให้ เ กษต รก รอ า ยุน้ อย (Young Smart Farmer) ให้ เ ข้ า ม าใน ภ า ค เ ก ษ ต ร ม า กขึ้ น ซึ่ง ใ น ต่างประเทศได้ใช้การให้แรงจูงใจ ท างก า รเงินใน ระย ะเ ริ่มต้น รวมถึงการถ่ายทอดความรู้ใน การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้กับแรงงานอายุน้อยเพื่อดึงดูด ให้แรงงานเหล่านี้สนใจหันมาท า เกษตรมากขึ้น ขาดข้อมูลทางด้านการเกษตร ที่ถูกต้อง เช่น ความเหมาะสม ของพื้นที่การเกษตรกับพืช ในการเพาะปลูก รวมถึงขาด ความรู้ในการเพาะปลูกและ การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและ ส่งเสริมการวิเคราะห์ข้อมูลที่จ าเป็น เพื่ออ านวยความสะดวกในการ ท างานการแบ่งเบาภาระตลอดจน การช่วยการประหยัดพลังงานคน และทรัพยากร การเตรียมเกษตรกรรุ่นใหม่ให้มี ความรู้ความเข้าใจในกา รใช้ เทคโนโลยี ตลอดจนการน า ข้อมูลที่จ าเป็นมาใช้วิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นย า ขาดเทคโนโลยีในการควบคุม ติดตาม ตรวจสอบ และการ วิเคราะห์ผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในระดับต่ า การใช้เทคโนโลยีเพื่อสามารถเข้าถึง แห ล่ง ข้อมูลใน ก า ร เพ า ะป ลู ก รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อใช้ ในการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา ได้ การใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยจัดการ ข้อก าหนด (Protocol) ที่ใช้เพื่อ เ ป็ น ม า ต ร ฐ า น ส า ห รั บ ก า ร เพ าะปลูกพืชแต่ล ะชนิด ซึ่ง เกษตรกรสามารถวางแผนการ เพาะปลูกตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้
๒๖ ด้านการผลิตและเทคโนโลยี สถานการณ์ปัจจุบัน แนวทางการด าเนินงาน ค าอธิบายแนวทางด าเนินงาน มีต้นทุนสูงมาก และคุณภาพ ผลผลิตต่ า อย่างมีประสิทธิภาพชัดเจนและ แม่นย า จะมีการก าหนดวัสดุ (Material) ที่ใช้ การก าหนดกระบวนการ หรือขั้นตอนการผลิต (Procedure) อย่างชัดเจน ขาดมาตรฐานความรู้และขาด ความสามารถในการตรวจสอบ การดูแลควบคุมในระหว่าง การผลิตท าให้คุณภาพผลผลิต ออกมามีคุณภาพต่ า การมีหน่วยงานที่ใช้งานเทคโนโลยี ในการปรับปรุงคุณภาพ รวมถึงการ ตรวจสอบคุณภาพและการรับรอง คุณภาพที่ได้มาตรฐานสากล หน่วยงานที่ท าหน้าที่เกี่ยวกับ การตรวจสอบและการติดตาม กระบวนการเพาะปลูกตั้งแต่ เริ่มต้นวางแผน มีการตรวจสอบ ติดตามเป็นระยะเวลาที่ชัดเจน และสามารถรับรองคุณภาพของ ผลผลิตทางการเกษตร เช่น การ ตรวจรับรองปริมาณสารเคมี ปนเปื้อนในพืชเกษตร เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงทางด้ าน ภูมิอากาศตลอดจนการเข้าถึง แหล่งน้ าของเกษตรกรที่มี ความยากล าบากขึ้น ก าหนดแนวทางการแก้ปัญหาทั้งใน ระยะสั้นและระยะยาว โดยอาศัย เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ าที่มี ป ร ะ สิท ธิภ าพ แ ล ะ จั ด ส ร รให้ เหม าะสมเพียงพอส าห รับการ อุปโภคบริโภคและการเพาะปลูกใน ภาคเกษตร การพัฒนาเทคโนโลยีการบริหาร จัดการน้ าอย่างมีประสิทธิภาพ กับพืชเศรษฐกิจ และการพัฒนา เ ค รื อ ข่ า ย ร ะ บ บ เ ตื อ น ภั ย ภูมิอากาศการเกษตรเพื่อเป็น แหล่งข้อมูลส าหรับการตัดสินใจ ปลูกพืชของเกษตรกรในแต่ละ พื้นที่ ๓.๒ ด้านการตลาดและการสนับสนุน ในส่วนนี้จะเป็นการระบุและอธิบายถึงการส่งเสริมให้ภาคเกษตรมีความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี เพื่อช่วยในการเชื่อมโยงเรื่องการตลาดจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคอย่างครบวงจร และให้เกษตรกรมีข้อมูล การเกษตรที่ถูกต้องชัดเจน การก าหนดใช้เทคโนโลยีในการใช้งานที่เหมาะสมและแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ การส่งเสริมการแปรรูปสินค้าให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนมาตรฐานของบรรจุภัณฑ์ของสินค้าการเกษตร และการส่งเสริมการวิจัยในส่วนมาตรฐาน
๒๗ ของพืชผลเกษตร คุณภาพผลผลิต การคิดค้นเทคโนโลยีอุปกรณ์ทางการเกษตร และรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ ด้านการตลาดและการสนับสนุน สถานการณ์ปัจจุบัน แนวทางการด าเนินงาน ค าอธิบายแนวทางด าเนินงาน ขาดความรู้ความเข้าใจการ เชื่อมโยงเรื่องการตลาดจาก ผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค มีเทคโนโลยีที่สามารถระบุความ ต้องการของตลาดที่มีความชัดเจน และสามารถการเชื่อมโยงระหว่าง ผู้ผลิตและผู้บริโภคได้ และควร มีการวิเคราะห์ข้อมูลหรือการใช้ เทคโนโลยีที่สามารถพยากรณ์หรือ ก าหนดปริมาณความต้องก า ร ผลผลิตทางการเกษตรและก าหนด ราคาก่อนการเพาะปลูก หรืออย่าง น้อยก่อนการขาย เป็นเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพ ในการบริหารจัดการตั้งแต่เริ่ม การผลิต การเก็บเกี่ยว การขนส่ง ต ร ว จ ส อ บ แ ล ะ ก า ร ค ว บ คุ ม คุณภาพ ขาดการวิเคราะห์และขาดการ ตรวจสอบข้อมูลที่ดี รวมถึง ข้อมูลของหน่วยงานยังไม่มี คุณภาพ (Quality) ไม่ทันเวลา (Timeliness)ท าให้ ย า กต่อ การคาดการณ์ความต้องการ ในอนาคตกับความต้องการ ของตลาด ใช้เทคโนโลยีในการการบริหาร จัดการตั้งแต่เริ่มการผลิต การเก็บเกี่ยว การขนส่ง การควบคุมคุณภาพจาก ผู้ผลิตถึงผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นย า เป็นเทคโนโลยีที่สามารถวิเคราะห์ ความเชื่อมโยงความต้องการของ ตลาดและความสามรถในการ เพาะปลูกเกษตรกร ตั้งแต่เริ่ม การผลิต การเก็บเกี่ยว การขนส่ง และการควบคุมคุณภาพ ขาดมาตรการส่งเสริมการแปร รูปสินค้าที่ได้มาตรฐานและ ม าต รฐ านบ ร รจุภัณฑ์ของ สินค้า ซึ่งในประเทศไทยจะ มุ่งเน้นเฉพ าะก า รส่งออก วั ต ถุ ดิ บ ท าง ก า ร เ ก ษ ต ร มากกว่าการพัฒนาการแปร รูปผลผลิตทางการเกษตร มีหน่วยงานสนับสนุนการแปรรูป สินค้าเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ไม่มุ่งเน้นเฉพาะการส่งออกวัตถุดิบ ตลอดจนการมีบรรจุภัณฑ์ที่ดีมี มาตรฐานเป็นที่ยอมรับสามารถ แข่งขันได้สู่ตลาดโลก สนับสนุนการแปรรูปสินค้าเกษตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่าง จริงจัง
๒๘ ด้านการตลาดและการสนับสนุน สถานการณ์ปัจจุบัน แนวทางการด าเนินงาน ค าอธิบายแนวทางด าเนินงาน ขาดการวิจัยที่มีการก าหนดให้ ทิศทางการเกษตรและเทคโนโลยี ที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า การเกษตร ที่ท าให้ไทยติดอยู่ เฉพาะการส่งออกวัตถุดิบ มีหน่วยงานที่ท าหน้าที่ในการวิจัย ครอบคลุมถึงการพัฒนาตลาดทั้ง ขนาดใหญ่และขนาดย่อย ตลอดจน การพัฒนาสนับสนุนและคิดค้น เครื่องจักรอุปกรณ์การเกษตรอย่าง จริงจัง มีหน่วยงานที่มีภารกิจที่วิจัยทั้ง ด้านเกษตรและการตลาดและ การพาณิชย์ ที่สอดคล้องกัน หรือ บูรณาการงานวิจัยให้สอดคล้อง กัน และสามารถน าไปใช้งานได้ จริง