๖๙ และกำรทดสอบจรวดมำอย่ำงต่อเนื่อง โดย สทป. ได้จัดตั้งโรงปฏิบัติกำรวิจัยและพัฒนำจรวด ณ จังหวัดนครสวรรค์ (รป.๑) และจังหวัดลพบุรี (รป.๒) ซึ่งมีศักยภำพในกำรผลิตจรวดที่มี ขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงล ำตัวได้สูงสุด ๔๐ เซนติเมตร รวมทั้งได้รับควำมส ำเร็จในกำรพัฒนำจรวด และกำรทดสอบจรวดขนำด ๑๒๒ มม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แสดงตำมภำพที่ ๔๖ ต่อไปนี้ ภาพที่ ๔๖ กำรทดสอบยิงจรวด ขนำด ๑๒๒ มม. (ที่มำ: สทป.) จึงสำมำรถพิจำรณำได้เบื้องต้นว่ำ ประเทศไทยมีควำมพร้อมในกำรพัฒนำเทคโนโลยีรองรับกำร พัฒนำ Spaceport อยู่พอสมควร รวมทั้งควำมสำมำรถของภำคสถำบันกำรศึกษำหรือมหำวิทยำลัย ในประเทศในกำรพัฒนำวิทยำศำสตร์และงำนวิจัยอื่น ๆ ที่มีควำมส ำคัญในกำรพัฒนำเพย์โหลด ให้กับดำวเทียม โดยที่เพย์โหลดต่ำง ๆ ดังกล่ำวจำกภำคกำรศึกษำจะต้องถูกส่งไปกับจรวด ของประเทศไทยจำกกำรพัฒนำ Spaceport Thailand ในอนำคต ดังนั้น ควำมพร้อมในวิทยำศำสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศไทยที่มีในเวลำนี้ สำมำรถใช้เป็นพื้นฐำนในกำรเรียนรู้กำรพัฒนำ ท่ำอวกำศยำนประเทศไทยได้ ทั้งนี้ยังมีอีกหลำยหน่วยงำนที่ด ำเนินกำรพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศ อยู่ในปัจจุบันและมีควำมร่วมมือกับ สทอภ. มำโดยตลอด อำทิ โครงกำร Thailand Space Consortium (TSC) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำรพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศ โดย TSC-1 เป็นกำรพัฒนำ ดำวเทียมวิจัย และ TSC-2 เป็นกำรพัฒนำดำวเทียมเพื่อกำรโคจรรอบดวงจันทร์ และยังมีแผน
๗๐ ส ำหรับ TSC-3 และ TSC-4ต่อไปในอนำคต โดยองค์กรที่เข้ำร่วมในกลุ่มภำคี TSC ได้แก่ สถำบันวิจัย ดำรำศำสตร์แห่งชำติ(สดร.) และสถำบันวิจัยแสงซินโครตรอน (สซ.) ๒) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ท่ำอวกำศยำน Spaceport ถือเป็นกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำน ที่ใหญ่ที่สุดด้ำนเทคโนโลยีอวกำศ โดยที่จะต้องมีส่วนประกอบส ำคัญ หรือ Spaceport Environment หลำยรำยกำร อำทิ อำคำรประกอบจรวด อำคำรตรวจวัดควำมเร็วลม อำคำรควบคุม อำคำรเติม น้ ำมันเชื้อเพลิง อำคำรทดสอบ หรืออำคำรประกอบเพย์โหลด เป็นต้น ซึ่งในกำรพัฒนำ ท่ำอวกำศยำนจะต้องมุ่งเน้นกำรพัฒนำจรวดและดำวเทียมเป็นส ำคัญ (ส ำหรับกรณีที่ไม่ได้พัฒนำ Spaceport ขึ้นมำเฉพำะเพื่อกำรท่องเที่ยว) ดังนั้น กำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนเพื่อกำรพัฒนำ ชิ้นงำน งำนวิจัย และระบบต่ำง ๆ ของจรวดหรือดำวเทียมจึงถือเป็นสิ่งส ำคัญที่จะท ำให้เกิดระบบ นิเวศน์กำรพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศ หรือ Ecosystem เพื่อน ำไปสู่กำรวิจัยและพัฒนำในส่วนอื่น ๆ และเป็นพื้นฐำนส ำคัญในกำรผลิตชิ้นงำนด้ำนอวกำศให้แก่ภำครัฐและภำคเอกชนได้ต่อไป ภำพที่ ๔๗ แสดงควำมพร้อมบำงส่วนของประเทศด้วยห้องปฏิบัติกำรทดสอบอุณหภูมิดำวเทียม หรือ Thermal Vacuum Chamber ณ ห้องปฏิบัติกำรทดสอบอุปกรณ์และวัสดุดำวเทียมวิจัย อวกำศ สถำบันวิจัยแสงซินโครตรอน จังหวัดนครรำชสีมำ ภาพที่ ๔๗ ห้องปฏิบัติกำรทดสอบอุปกรณ์และวัสดุดำวเทียมวิจัยอวกำศ (ที่มำ: สซ.)
๗๑ นอกจำกนี้สทอภ. อยู่ระหว่ำงด ำเนินกำรพัฒนำสร้ำง อำคำรสร้ำง ประกอบ และทดสอบดำวเทียม หรือ Assembly Integration and Test (AIT) ซึ่งจะด ำเนินกำรติดตั้งอุปกรณ์ทดสอบดำวเทียม ตำมมำตรฐำนสำกลต่ำง ๆ ยกตัวอย่ำงเช่น อุปกรณ์ทดสอบกำรสั่นสะเทือนของดำวเทียม Vibration Testing or Shaker อุปกรณ์ทดสอบควบคุมอุณหภูมิของดำวเทียม Thermal Vacuum Chamber หรือห้องสะอำดคลำสสูงเพื่อกำรประกอบชิ้นส่วนดำวเทียมต่ำง ๆ (Clean room 100 Class) เป็นต้น ซึ่งจะท ำให้ สทอภ. และหน่วยงำนทั้งภำครัฐและภำคเอกชนที่มีควำมสนใจในกำรพัฒนำ ดำวเทียมสำมำรถเข้ำใช้บริกำรเพื่อท ำกำรทดสอบดำวเทียมขนำดต่ำง ๆ ตั้งแต่ ดำวเทียมคิวบ์แซท CubeSat ที่มีน้ ำหนักประมำณ ๑–๑๐ กิโลกรัม ไปจนถึงดำวเทียมขนำดเล็ก Small Satellite ที่มีน้ ำหนักสูงสุดได้ถึง ๓๐๐ กิโลกรัม แสดงภำพอำคำร AIT ของ สทอภ. ในภำพด้ำนล่ำงต่อไปนี้ ภาพที่ ๔๘ อำคำรสร้ำง ประกอบและทดสอบดำวเทียม Assembly Integration and Test (AIT) ของ สทอภ.
๗๒ ๒.๒.๓ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะต้องอำศัยเทคโนโลยี กำรผลิตหลำกหลำยอุตสำหกรรม ซึ่งบำงอย่ำงประเทศไทยมีศักยภำพที่สำมำรถพัฒนำและ ผลิตได้ทันที เช่น โครงสร้ำงขนำดใหญ่ที่ใช้ในกำรยึดจับและตั้งล ำจรวด ณ ฐำนปล่อยจรวด ที่เรียกว่ำ Service Structure หรือ รำงเหล็กส ำหรับเคลื่อนจรวดจำกอำคำรประกอบจรวดมำที่ ฐำนปล่อยจรวด ที่เรียกว่ำ Crawlerway เป็นต้น โดยประเทศไทยสำมำรถผลิตได้โดยใช้ศักยภำพ และควำมสำมำรถในอุตสำหกรรมกำรผลิตโลหะเหล็กและอุตสำหกรรมก่อสร้ำงได้ทันที ภาพที่ ๔๙ NASA Service Structure (ที่มำ :https://www.nasa.gov/) ภาพที่ ๕๐ NASA Crawlerway (ที่มำ: : https://www.nasa.gov/) Crawlerway Service Structure Mobile Service Structure
๗๓ ประเทศไทยที่ผ่ำนมำ โดยรัฐวิสำหกิจและภำคเอกชนได้ด ำเนินธุรกิจอวกำศมำอย่ำงต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีดำวเทียมสื่อสำรของประเทศอย่ำงดำวเทียมไทยคม ๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นต้นมำ ธุรกิจในกำรสื่อสำรโทรคมนำคมด ำเนินมำอย่ำงต่อเนื่อง และดำวเทียมไทยคม ๔ ไอพีสตำร์ ยังเป็นดำวเทียมสื่อสำรดวงแรกของโลกที่มีขนำดใหญ่และให้บริกำรแบบ High-Throughput Satellite (HTS) คือ กำรมีสปอร์ตส่งสัญญำณไปในหลำยประเทศทั่วโลก ถึงแม้ว่ำกำรพัฒนำ ดำวเทียมดังกล่ำว ประเทศไทยหรือคนไทยจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือพัฒนำเอง แต่ในด้ำนธุรกิจแล้ว นับได้ว่ำบริหำรได้คุ้มค่ำและให้บริกำรประชำชนได้อย่ำงทั่วถึง ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ภำคเอกชนในประเทศเริ่มตื่นตัวในธุรกิจและอุตสำหกรรม อวกำศอย่ำงชัดเจน ดังข้อมูลจำกสถำบันบัณฑิตพัฒนบริหำรศำสตร์ หรือ NIDA ที่ได้กล่ำว ในบทสรุปผู้บริหำรไปแล้วนั้น จึงสำมำรถสรุปได้ถึงควำมพร้อมที่ประเทศไทยมีต่อธุรกิจอวกำศ ซึ่งธุรกิจและอุตสำหกรรมอวกำศจะเติบโตได้อย่ำงยั่งยืนนั้นจะต้องอำศัยปัจจัยอุปสงค์ (Demand) จำกภำครัฐอย่ำงต่อเนื่อง อำทิ โครงกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย หรือโครงกำรส ำรวจ ดวงจันทร์ ที่จะต้องอำศัยกำรพัฒนำและกำรผลิตชิ้นงำนอย่ำงต่อเนื่อง และเป็นกำรพัฒนำระยะยำว ที่จะท ำให้เกิดเศรษฐกิจอวกำศใหม่ หรือ New Space Economy ในประเทศไทยได้อย่ำงมั่นคง และยั่งยืน ดังนั้น จึงสำมำรถสังเกตได้ถึงควำมพร้อมจำกภำคเอกชนที่มีต่อกำรลงทุน ในอุตสำหกรรมอวกำศ และหำกรัฐบำลก ำหนดให้มีกำรหำรือกับภำคเอกชนในควำมร่วมมือ ด้ำนกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand ก็จะได้รับกำรตอบรับจำก ภำคเอกชนทันที เนื่องด้วยภำคเอกชน ยกตัวอย่ำงเช่น บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวำนซ์ เทคโนโลยี จ ำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยมีทรัพยำกรและงบประมำณในกำรลงทุนด้ำนกำรพัฒนำ เทคโนโลยีอวกำศแบบเชิงพำณิชย์ภำยในประเทศไทยสูง โดยที่ในปัจจุบัน บริษัท มิว สเปซฯ ได้มีแผน ที่จะส่งมนุษย์ไปเดินทำงในอวกำศในอีกประมำณ ๒ – ๓ ปี ข้ำงหน้ำ ซึ่งท ำให้เห็นถึง วิสัยทัศน์และควำมสนใจในกำรลงทุนด้ำนนี้เป็นอย่ำงมำก และบริษัท มิว สเปซฯ มีควำมยินดี ที่จะร่วมหำรือกับภำครัฐในกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทยทันทีเมื่อรัฐบำลมีควำมพร้อมที่จะ ร่วมลงทุนกับภำคเอกชน นอกจำกนี้ บริษัท ทีโอที จ ำกัด (มหำชน) ยังได้เริ่มต้นโครงกำรพัฒนำ ดำวเทียมอินเตอร์เน็ตเพื่อเตรียมแผนให้บริกำรประชำชนในด้ำน กำรสื่อสำรและควำมสะดวกสบำย ต่ำง ๆ โดยเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๓ บริษัท ทีโอที ได้ทดลองส่งระบบ Space IDC (Internet Data Center) ไปอวกำศเพื่อทดลองกำรบีบอัดข้อมูลในสภำวะอวกำศโดยควำมร่วมมือกับบริษัท มิว สเปซฯ ด้วยจรวด New Shepard ของ บริษัท Blue Origin (Aerospace Company) ซึ่งจำกกำรทดลอง
๗๔ ท ำให้มีควำมต้องกำรที่ส่งดำวเทียมขนำดเล็กเพื่อท ำหน้ำที่รับ-ส่งสัญญำณอินเตอร์เน็ตบริกำร ประชำชนในประเทศ ด้วยกำรส่งดำวเทียม จ ำนวน ๑๐–๒๐ ดวง โดยจะเริ่มต้นส่งดำวเทียม อินเตอร์เน็ตดวงแรกในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป นอกจำกนี้ ควำมสำมำรถในกำรพัฒนำดำวเทียมชิ้นส่วนของภำคเอกชนของไทย ก็ถูกจัดอยู่ในระดับ Space Grade ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่ำงควำมสำมำรถของภำคเอกชนบำงรำย ที่สำมำรถรับงำนพัฒนำชิ้นส่วนดำวเทียมในโครงกำร THEOS - 2 ของ สทอภ. ได้อย่ำงสมบูรณ์ และผ่ำนมำตรฐำนของบริษัทพัฒนำดำวเทียม Surrey ประเทศอังกฤษ แสดงชิ้นส่วนดำวเทียม ที่ภำคเอกชนของไทยเป็นผู้ผลิตและทดสอบครบวงจร ดังต่อไปนี้ ภาพที่ ๕๑ ชิ้นส่วนดำวเทียมที่ผลิตในประเทศ ทั้งนี้ประสบกำรณ์ในกำรพัฒนำและผลิตชิ้นส่วนดำวเทียมอย่ำงต่อเนื่องจะท ำให้ ภำคเอกชนมีควำมเข้มแข็งในกำรผลิตชิ้นส่วนดำวเทียม และกำรให้ควำมรู้รวมทั้งโอกำสจะท ำให้ ภำคเอกชนเหล่ำนี้ขยำยตัวและเติบโต อย่ำงมีประสิทธิภำพจนสำมำรถ ที่จะรองรับควำมต้องกำร จำกภำครัฐในกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนขนำดใหญ่หรือกำรพัฒนำยำนอวกำศได้ในที่สุด
๗๕ ตารางที่ ๗ หน่วยงำนที่สำมำรถให้กำรสนับสนุนและพัฒนำสิ่งอ ำนวยควำมสะดวก Outer Space Launching Infrastructure Spaceport Infrastructure หน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน Runway ภำคอุตสำหกรรมก่อสร้ำง ธุรกิจรับจ้ำงก่อสร้ำง Launch Pad ภำคอุตสำหกรรมเครื่องกล/ อุตสำหกรรมกำรผลิต/ระบบ หุ่นยนต์อัตโนมัติ ธุรกิจน ำเข้ำเครื่องจักรกลขนำดใหญ่/ ธุรกิจระบบอัตโนมัติโรงงำนอุตสำหกรรม Assembly Building ห้องสะอำดขนำดใหญ่/สทอภ./ สวทช. ธุรกิจประกอบทดสอบยำนยนต์ Engine Test ภำคอุตสำหกรรมพลังงำน/ ปิโตรเคมี - Hangar ภำคอุตสำหกรรมกำรบินและ อวกำศ ธุรกิจกำรท่ำอำกำศยำน/สำยกำรบิน Launch Control สทอภ./ทอ./สทป. ไทยคม/NT Fuel Handling ภำคอุตสำหกรรมพลังงำน/ ปิโตรเคมี ธุรกิจน ำเข้ำเชื้อเพลิงเหลว LN/LOX Terminal กำรท่ำอำกำศยำน ธุรกิจกำรท่ำอำกำศยำน/สำยกำรบิน Service Structure ภำคอุตสำหกรรมเครื่องกล/ อุตสำหกรรมกำรผลิต/ระบบ หุ่นยนต์อัตโนมัติ ธุรกิจรับจ้ำงก่อสร้ำง Crawlerway Wind Tower ภำคอุตสำหกรรมพลังงำน/ กรมอุตุฯ ธุรกิจตรวจวัดสภำพอำกำศ/กังหันลม
๗๖ Spaceport Infrastructure หน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน Water Tower ภำคอุตสำหกรรมก่อสร้ำง/ ระบบควบคุมกำรส่งน้ ำ ธุรกิจรับจ้ำงก่อสร้ำง Sound Suppression - - Geotextile Tube ภำคอุตสำหกรรมกำรผลิต และสิ่งทอ ธุรกิจกำรวำงท่อทำงทะเล Flame Trench - -
บทที่ ๓ การวิเคราะห์สภาพปัญหาและผละกระทบ ๓.๑ เศรษฐกิจและสังคม กำรพัฒนำธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ Launching Service และธุรกิจกำร ให้บริกำรพื้นฐำนกำรน ำส่ง Space Launching Infrastructures จะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศ มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ก่อให้เกิดกำรขยำยตัวของกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ (Economic Activity) ที่เพิ่มมำกขึ้น อำทิ มีสัดส่วนของกำรจ้ำงงำน กำรเพิ่มขึ้นของแรงงำน หรือกำรมีผลิตภัณฑ์ และบริกำรที่มีมูลค่ำเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมำจำกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกำรพัฒนำธุรกิจประเภทนี้ โดยหลักคือกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำน Spaceport รวมถึงมีกำรเปลี่ยนแปลงในเชิงรูปแบบของธุรกิจ ภำยในประเทศมำกขึ้น ภาพที่ ๕๒ UK Spaceport Value Waterfall has Far-Reaching Potential
๗๘ จำกภำพที่ ๕๒ แสดงให้เห็นถึงโครงสร้ำงกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ (Economic Activity) ในรูปแบบกำรจ้ำงงำนแบบขั้นบันได ตั้งแต่กระบวนกำรเริ่มต้นจัดตั้งท่ำอวกำศยำน UK Spaceport ไปจนถึงกระบวนกำรใช้ประโยชน์และต่อยอดเชิงธุรกิจ โดยสำมำรถสรุปได้ดังนี้ o เริ่มจำกกิจกรรมแรกของกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำน คือ กิจกรรมกำรก่อสร้ำง (Construction) ก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำนและกำรลงทุน เพื่อกำรพัฒนำและปรับปรุงพื้นที่ o กิจกรรมที่เกี่ยวกับกำรปฏิบัติกำรต่ำง ๆ (Operation) ก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำน กำรลงทุน และรำยได้เพิ่มขึ้น ในกิจกรรมนี้เป็นกำรเริ่มต้นของกำรเกิดอุตสำหกรรมต่ำง ๆ o กิจกรรมที่เกิดขึ้นในล ำดับต่อมำ คือ อุตสำหกรรมกำรท่องเที่ยว (Tourism) และกำรศึกษำ (Education) โดยในกิจกรรมนี้ยังคงก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำน กำรลงทุน รำยได้ รวมถึงแรงบันดำลใจ และควำมสนใจในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอวกำศให้กับ ภำคกำรศึกษำ o และในล ำดับสุดท้ำย คือ กำรเป็นผู้ประกอบกำรใหม่ มีกำรต่อยอดและใช้ประโยชน์ จำกเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำน (Spaceport) ก่อให้เกิดกำรจ้ำงงำนกำรลงทุน รำยได้ และกำรมีอุตสำหกรรมที่หลำกหลำยมำกขึ้น อำทิ อุตสำหกรรมภำพยนตร์ อุตสำหกรรมกีฬำ และกำรจัดงำนเทศกำลต่ำง ๆ เป็นต้น ๓.๑.๑ การวิเคราะห์อุตสาหกรรมอวกาศในประเทศไทย กำรวิเครำะห์อุตสำหกรรมอวกำศในประเทศไทย รวมทั้งแนวโน้มและทิศทำง ของอุตสำหกรรมอวกำศ ท ำได้โดยกำรใช้ข้อมูลอนุกรมเวลำของอุตสำหกรรมอวกำศ โดยใช้ข้อมูล กิจกำรที่เกี่ยวข้องกับอุตสำหกรรมอวกำศที่ได้ในส่วนก่อนหน้ำนี้ มำวิเครำะห์แนวโน้มกำรเติบโต ของอุตสำหกรรม ทั้งในแง่ของมูลค่ำตลำด จ ำนวนสถำนประกอบกำร กำรจ้ำงงำน มูลค่ำกำรค้ำ ระหว่ำงประเทศ ฯลฯ รวมทั้งวิเครำะห์ Contribution ของแต่ละอุตสำหกรรมย่อยภำยใต้อุตสำหกรรม อวกำศที่มีต่อกำรเติบโตของอุตสำหกรรมโดยรวม ซึ่งจะท ำให้เห็นทิศทำงกำรเปลี่ยนแปลง ของอุตสำหกรรมได้อย่ำงชัดเจน ผลกระทบในอุตสาหกรรมอวกาศ ผลกระทบในอุตสำหกรรมอวกำศสำมำรถจ ำแนกออกเป็นผลกระทบทำงเศรษฐกิจ และผลกระทบทำงสังคม ซึ่งครอบคลุมผลกระทบด้ำนอื่น ๆ นอกเหนือจำกผลกระทบทำงเศรษฐกิจ ผลกระทบทำงเศรษฐกิจของอุตสำหกรรมอวกำศสำมำรถจ ำแนกออกเป็นผลกระทบโดยตรง ผลกระทบโดยอ้อม และผลกระทบชักน ำ ผลกระทบทั้งสำมรวมผลกระทบทำงเศรษฐกิจทั้งหมดของ อุตสำหกรรมอวกำศ
๗๙ (ก) การวิเคราะห์ผลกระทบโดยตรง กำรวิเครำะห์ผลกระทบโดยตรงสำมำรถกระท ำได้โดยกำรรวบรวมข้อมูลทำง กำรเงินของธุรกิจที่อยู่ในอุตสำหกรรมอวกำศเพื่อน ำมำค ำนวณตัวชี้วัดต่ำง ๆ และข้อมูลดังกล่ำวเป็น ข้อมูลที่ได้มำจำกส ำมะโนอุตสำหกรรมซึ่งจัดท ำทุก ๆ ๕ ปี และกำรส ำรวจธุรกิจกำรค้ำและบริกำร ของส ำนักงำนสถิติแห่งชำติ โดยจะมีกำรจัดท ำอย่ำงต่อเนื่องทุก ๆ ๒ ปี หรือข้อมูลงบกำรเงินของ สถำนประกอบกำรที่จดทะเบียนพำณิชย์กับกรมพัฒนำธุรกิจกำรค้ำ กระทรวงพำณิชย์ ในส่วนของ กำรค ำนวณอัตรำกำรน ำเข้ำ - ส่งออกของอุตสำหกรรม สำมำรถใช้ข้อมูลสัดส่วนผลผลิตที่ไป จ ำหน่ำยในต่ำงประเทศ และสัดส่วนวัตถุดิบที่น ำมำจำกต่ำงประเทศ ซึ่งได้มำจำกส ำมะโน อุตสำหกรรมและกำรส ำรวจทำงธุรกิจกำรค้ำและกำรบริกำรเช่นเดียวกัน หรืออำจใช้ข้อมูลมูลค่ำ กำรน ำเข้ำ - ส่งออกของกรมศุลกำกร ในกรณีของกำรน ำเข้ำส่งออกสินค้ำ หรือข้อมูลกำรช ำระเงิน ระหว่ำงประเทศของธนำคำรแห่งประเทศไทย ในกรณีของกำรน ำเข้ำส่งออกบริกำรเพื่อน ำมำใช้ใน กำรค ำนวณได้ (ข) การวิเคราะห์ผลกระทบโดยอ้อม (Indirect Impacts) ผลกระทบโดยอ้อมแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ๑) ผลกระทบโดยอ้อม อันเกิดจำกอุตสำหกรรมต้นน้ ำ และ ๒) ผลกระทบภำยนอก ซึ่งเกิดจำกอุตสำหกรรมปลำยน้ ำของ อุตสำหกรรมอวกำศ และกลุ่มเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสำหกรรมอวกำศ (Wider Space Economy) ผลกระทบโดยอ้อมส่วนแรกเป็นผลกระทบของอุตสำหกรรมอวกำศ ในส่วน ที่ท ำให้เกิดกิจกรรมทำงเศรษฐกิจในอุตสำหกรรมต้นน้ ำ ซึ่งผลิตสินค้ำหรือบริกำรเพื่อป้อนเป็น ผลิตปัจจัยกำรผลิตขั้นกลำง (Intermediate Inputs) ให้แก่อุตสำหกรรมอวกำศ แต่เนื่องจำก อุตสำหกรรมต้นน้ ำเหล่ำนั้นอำจผลิตสินค้ำหรือบริกำรให้แก่ภำคเศรษฐกิจอื่น ๆ ด้วยนอกเหนือจำก อุตสำหกรรมอวกำศ จึงไม่สำมำรถใช้มูลค่ำรวมของอุตสำหกรรมเหล่ำนั้นโดยตรงเพื่อแสดง ผลกระทบของอุตสำหกรรมอวกำศ ในส่วนนี้คณะผู้วิจัยจึงใช้ข้อมูลตำรำงปัจจัยกำรผลิต (Input - Output Table) เพื่อค ำนวณค่ำตัวทวี (Multiplier) อันเกิดจำกควำมเชื่อมโยงไปข้ำงหลัง (Backward Linkage) ของอุตสำหกรรมอวกำศ ซึ่งจะท ำให้สำมำรถค ำนวณผลกระทบโดยอ้อม โดยผลกระทบ ดังกล่ำวครอบคลุมผลกระทบลูกโซ่อันเกิดจำกอุตสำหกรรมต้นน้ ำ ที่ส่งต่อไปยังอุตสำหกรรมอื่น ๆ อีกต่อหนึ่งด้วย
๘๐ (ค) การวิเคราะห์ผลกระทบชักน า (Induced Impacts) ผลกระทบชักน ำ เป็นผลกระทบทำงเศรษฐกิจซึ่งเกิดจำกอุตสำหกรรมอวกำศ ที่ท ำให้เกิดกิจกรรมทำงเศรษฐกิจอื่น ๆ ตำมมำ นอกเหนือจำกผลกระทบโดยตรงและผลกระทบ โดยอ้อมดังกล่ำวข้ำงต้น เช่น กำรขยำยตัวทำงเศรษฐกิจที่เกิดจำกรำยได้ที่เพิ่มขึ้นของแรงงำน ในอุตสำหกรรมต่ำง ๆ และรำยได้ภำษีที่เพิ่มขึ้นของภำครัฐ เป็นต้น การประเมินผลกระทบเบื้องต้นในอุตสาหกรรมอวกาศ จำกกำรประเมินผลกระทบเบื้องต้นในอุตสำหกรรมอวกำศโดยสังเขปพบว่ำ กำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย จะส่งผลที่ดีต่อกำรพัฒนำธุรกิจกำรค้ำในเชิงพำณิชย์ ท ำให้เกิดกำรน ำเข้ำ - ส่งออกในอุปกรณ์และชิ้นส่วนทั้งเพื่อกำรประกอบจรวดและกำรสร้ำง ดำวเทียม รวมไปถึงกำรเกิดกำรน ำเข้ำวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่ำง ๆ อย่ำงต่อเนื่องมำกขึ้น ในประเทศ ท ำให้เกิดควำมต้องกำรในกำรสร้ำง กำรผลิต และกำรทดสอบในชิ้นงำนมำกยิ่งขึ้น ในเทคโนโลยีอวกำศ พร้อมทั้งเกิดกำรจ้ำงงำนและเกิดอำชีพใหม่ ๆ ให้กับประเทศ อำทิ อำชีพ กำรรีดท่อจรวด อำชีพกำรเชื่อมท่อจรวด อำชีพกำรเคลือบฉนวนกันควำมร้อน อำชีพกำรทดสอบ ระบบขับเคลื่อนจรวด อำชีพกำรขัดท่อจรวด อำชีพกำรหล่อโลหะชิ้นส่วนจรวด อำชีพรับจ้ำงขนย้ำย จรวดไปยังสถำนที่ส่ง อำชีพเก็บชิ้นส่วนจรวดจำกกำรยิงไปอวกำศ หรืออำชีพที่เกิดขึ้นจำก งำนบริกำรในอำคำรท่ำอวกำศยำน เป็นต้น ยิ่งไปกว่ำนั้น กำรวำงแผนเพื่อส่งดำวเทียมภำยในประเทศด้วยท่ำอวกำศยำน ที่สร้ำงขึ้นเองจะพบว่ำ ต้องอำศัยระยะเวลำในกำรพัฒนำทั้งดำวเทียมและจรวดน ำส่งเป็น ระยะเวลำนำน อย่ำงน้อย ๓ – ๕ ปี ต่อกำรส่งใน ๑ ครั้ง จึงท ำให้ธุรกิจและอุตสำหกรรมอวกำศ เกิดกำรลงทุนซึ่งจะท ำให้มีควำมยั่งยืนได้ระยะหนึ่ง แต่หำกมีกำรพัฒนำหรือควำมต้องกำร ส่งดำวเทียม งำนวิจัย หรือวัตถุอวกำศอื่น ๆ อย่ำงต่อเนื่องในประเทศหรือกำรว่ำจ้ำง จำกต่ำงประเทศ จะท ำให้อุตสำหกรรมอวกำศเกิดควำมยั่งยืนและมั่นคง และประชำชนหรือผู้รับจ้ำง งำนต่ำง ๆ จะมีอำชีพและช่องทำงในกำรประกอบอำชีพอย่ำงมั่นคงเพิ่มมำกยิ่งขึ้น กำรพัฒนำ ท่ำอวกำศยำนในประเทศ จึงส่งผลให้เกิดผลกระทบจำกต้นน้ ำไปสู่ปลำยน้ ำและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งทำงตรงและทำงอ้อมอย่ำงชัดเจนทั้งในระยะสั้น ระยะกลำง และระยะยำวอย่ำงเป็นระบบ ตลอดจนเกิด ผลกระทบชักน ำต่ำง ๆ เช่น เกิดกำรเรียนรู้รูปแบบใหม่ในระบบกำรศึกษำที่เรียกว่ำ Learning Creativity ซึ่งเป็นกำรเรียนรู้จริงที่มำกกว่ำกำรบรรยำย เกิดกำรสร้ำงวิชำชีพเพื่อผลิต บุคลำกรให้กับกำรท ำงำนหรือประกอบกิจกำรที่เกี่ยวกับท่ำอวกำศยำนของประเทศในเชิงพำณิชย์ และอื่น ๆ อีกมำกมำย
๘๑ ผลกระทบเชิงสังคม วิธีกำรทั่วไปที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ผลกระทบเชิงสังคม คือ กำรวิเครำะห์ต้นทุน และผลประโยชน์ (Cost Benefit Analysis) โดยท ำกำรระบุรำยกำรต้นทุนและผลประโยชน์ ด้ำนสังคมที่เกิดขึ้นจำกอุตสำหกรรมอวกำศ หลังจำกนั้นจึงใช้วิธีในกำรประเมินมูลค่ำของต้นทุน และผลประโยชน์แต่ละรำยกำรให้อยู่ในรูปของตัวเงิน (Monetary value) เพื่อน ำมำค ำนวณ มูลค่ำเพิ่มเชิงสังคม (Social Value Added : SVA) ของอุตสำหกรรมอวกำศต่อไป ตัวอย่ำง ผลประโยชน์ด้ำนสังคมอันเกิดจำกอุตสำหกรรมอวกำศ เช่น ควำมสะดวกในกำรติดต่อสื่อสำร ระหว่ำงบุคคลหรือองค์กรที่เพิ่ม อรรถประโยชน์ (Utility) ของประชำชนที่เพิ่มขึ้นจำกกำร ชมรำยกำรโทรทัศน์/วิทยุที่ถ่ำยทอดสัญญำณผ่ำนดำวเทียม ควำมสำมำรถในกำรจัดกำรผลกระทบ จำกสภำพภูมิอำกำศหรือภัยธรรมชำติได้ดีขึ้น ควำมสะดวกในกำรเดินทำงที่เพิ่มขึ้นจำก กำรใช้เครื่องมือในกำรน ำทำง ควำมเป็นอยู่ (Well - Being) ของประชำชนที่ดีขึ้นจำกกำรมีรำยได้ จำกกำรจ้ำงงำนในอุตสำหกรรมอวกำศและอุตสำหกรรมเกี่ยวเนื่อง เป็นต้น วิธีกำรประเมินมูลค่ำของต้นทุนและผลประโยชน์เชิงสังคมมีหลำกหลำย กำรเลือกใช้ขึ้นอยู่กับประเภทของต้นทุนหรือผลประโยชน์นั้น ๆ เช่น กำรประเมินต้นทุนหรือ ผลประโยชน์ด้ำนเวลำของประชำชน สำมำรถใช้รำยได้ของประชำชนเป็นค่ำประมำณค่ำเสียโอกำส ด้ำนเวลำให้อยู่ในรูปตัวเงิน กำรประเมินผลประโยชน์ด้ำนควำมสะดวกในกำรติดต่อสื่อสำร สำมำรถ ใช้ควำมเต็มใจในกำรจ่ำย (Willingness to Pay) ของประชำชน มำเป็นค่ำประมำณผลประโยชน์ ที่เกิดขึ้น เป็นต้น ข้อมูลเหล่ำนี้มักได้มำจำกกำรส ำรวจควำมคิดเห็นของประชำชนในแต่ละประเด็น อย่ำงเจำะจง อย่ำงไรก็ตำม ด้วยข้อจ ำกัดทั้งด้ำนเวลำและทรัพยำกร จึงท ำให้ไม่สำมำรถใช้วิธีเก็บ ข้อมูลด้วยกำรส ำรวจข้อมูลภำคสนำมในภำคประชำชน ดังนั้น กำรประเมินต้นทุนและผลประโยชน์ ด้ำนสังคมในโครงกำรนี้จึงจ ำกัดเฉพำะวิธีกำรที่ใช้ข้อมูลทุติยภูมิเท่ำนั้น ซึ่งอำจท ำให้ได้มูลค่ำ ผลกระทบด้ำนสังคมที่ไม่ครอบคลุมทั้งหมด ผลกระทบเชิงสังคมที่ส ำคัญที่ท ำกำรประเมินในกรณีนี้ ได้แก่ สวัสดิกำรสังคม (Social Welfare) ซึ่งเกิดจำกกำรจ้ำงงำนในอุตสำหกรรมอวกำศและ อุตสำหกรรมเกี่ยวเนื่อง ทั้งอุตสำหกรรมต้นน้ ำ อุตสำหกรรมปลำยน้ ำ และกลุ่มเศรษฐกิจ ที่เชื่อมโยงกับอุตสำหกรรมอวกำศ ซึ่งท ำให้ครัวเรือนมีรำยได้ สวัสดิกำรสังคมดังกล่ำวประเมิน จำกอรรถประโยชน์ของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจำกกำรมีรำยได้ โดยวัดในรูปของตัวเงิน
๘๒ การประเมินผลกระทบเชิงสังคม จำกกำรประเมินผลกระทบเบื้องต้นเชิงสังคม โดยสังเขปพบว่ำ เมื่อเกิดกำรจ้ำงงำน ในกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำน ไม่ว่ำจะเป็นกำรท ำงำนเพื่อกำรพัฒนำจรวดและชิ้นส่วนโดยตรง กำรท ำงำนเพื่อกำรพัฒนำดำวเทียมและชิ้นส่วนโดยตรง กำรท ำงำนในโรงงำนอุตสำหกรรมกำรผลิต จรวดและชิ้นส่วน กำรท ำงำนที่เกี่ยวกับคลังน้ ำมันเชื้อเพลิงจรวด กำรท ำงำนในโรงงำนปิโตรเคมี กำรท ำงำนในอุตสำหกรรมกำรถลุงแร่ถลุงเหล็กเพื่อน ำมำสร้ำงจรวดกำรท ำงำนในอุตสำหกรรมก่อสร้ำง หรือกำรท ำงำนบริกำรต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นจำกกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย ซึ่งกำรจ้ำงงำนต่ำง ๆ จะส่งผลกระทบโดยตรงไปสู่สังคมในเรื่องของสวัสดิกำรแรงงำนซึ่งเป็นสิ่งแรกที่จะเกิดขึ้น และนับเป็นสิ่งที่ดีส ำหรับประชำชนผู้รับจ้ำงหรือแรงงำนดังกล่ำวต่ำง ๆ นอกจำกนี้ จะเป็นกำรเพิ่ม อำชีพใหม่ ๆ ในประเทศและกำรเพิ่มรำยได้ให้กับครัวเรือนแล้ว ยังเกิดกำรกระจำยรำยได้ไปสู่ธุรกิจ รำยย่อยและรำยใหญ่ต่ำง ๆ ในประเทศ ซึ่งจะส่งผลที่ดีให้กับประชำชนในสังคม ทั้งในเรื่องชีวิต ควำมเป็นอยู่ คุณภำพชีวิต และควำมรู้ที่ได้จำกกำรประกอบอำชีพต่ำง ๆ ซึ่งกำรพัฒนำท่ำอวกำศ ยำนประเทศไทยจะส่งผลดีให้กับประเทศไทยในทุก ๆภำคส่วนได้อย่ำงแท้จริง ๓.๒ สิ่งแวดล้อม กำรท ำธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ Launching Service จ ำเป็นต้องพัฒนำ โครงสร้ำงพื้นฐำนกำรให้บริกำรหรือ Launching Infrastructure ซึ่งจะต้องใช้พื้นที่ขนำดใหญ่ ในกำรก่อสร้ำงเฉกเช่นเดียวกับสนำมบินนำนำชำติสุวรรณภูมิหรือใหญ่กว่ำ รวมทั้งจะต้องเป็นพื้นที่ ติดทะเลเพื่อป้องกันและเป็นกำรสร้ำงควำมปลอดภัยในขณะท ำกำรส่งจรวดขึ้นสู่อวกำศ ดังนั้น พื้นที่ในบริเวณใกล้เคียง อำทิ ชำยฝั่ง หรือ ต ำแหน่งตกของชิ้นส่วนจรวด ย่อมได้รับ ผลกระทบโดยตรง กำรพัฒนำธุรกิจน ำส่ง Launching Service จะท ำให้เกิดผลกระทบทำงอุตสำหกรรม อวกำศอย่ำงมั่นคงถำวร และอำจจะส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบแก่พื้นที่ที่ใช้ในกำรจัดท ำ ธุรกิจดังกล่ำว ผลกระทบเชิงบวก พื้นที่ที่ท ำธุรกิจน ำส่งนี้จะได้รับกำรปรับปรุงและน ำควำมเจริญมำสู่พื้นที่ ไม่ว่ำจะเป็น กำรคมนำคม ระบบไฟฟ้ำ ร้ำนค้ำ และอื่น ๆ ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีเข้ำถึง เมืองและประชำกรรวมทั้ง เศรษฐกิจในชุมชนจะเติบโตและได้รับกำรยกระดับขึ้นเป็นอย่ำงมำก หรืออำจจะกลำยเป็น เมืองอวกำศ หรือ Space City ได้ในทันที โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งประชำชนในพื้นที่จะมีอำชีพและ
๘๓ แหล่งท ำมำหำกินเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบไปยังกำรเพิ่มขึ้นของรำยได้ คุณภำพชีวิต และโอกำส ทำงกำรศึกษำ ผลกระทบเชิงลบ นอกจำกสิ่งแวดล้อมและสภำพแวดล้อมที่จะถูกปรับเปลี่ยนไปอย่ำงสิ้นเชิงแล้ว กำรปล่อย จรวดที่ล้มเหลว หรือเกิดกำรระเบิดหรือควำมผิดพลำดร้ำยแรงจะเป็นควำมเสียหำยมหำศำล ที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ เกิดควำมเสี่ยงของกำรปนเปื้อนในดินและน้ ำเนื่องจำกกำรปล่อย สำรพิษ และ ณ จุดนี้ในกำรพัฒนำจรวดเชิงพำณิชย์ขนำดเล็ก มีโอกำสที่ค่อนข้ำงดีที่จะล้มเหลว เป็นประจ ำ ปัจจุบันจรวดขนำดเล็กมีอัตรำควำมล้มเหลว ร้อยละ ๒๖ ตำมบันทึกกำรเปิดตัว ของ Electron และ Astra Rockets 1 2 และ 3 ของ Rocket Lab บันทึกเหล่ ำนี้เ ริ่มต้น ด้วยกำรเปิดตัวจรวดอิเล็กตรอนครั้งแรกในปี๒๕๖๐ และด ำเนินไปจนถึงเดือนเมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๔ (รำยงำนกำรปล่อยยำนอวกำศ) กำรปล่อยจรวด Astra ครั้งแรกจำกเกำะ Kodiak รัฐอำก้ำในปีค.ศ. ๒๐๑๘ ส่งผลให้จรวดท ำงำนผิดปกติสร้ำงควำมเสียหำยให้กับท่ำอวกำศ และงำนแก้ไขซึ่งรวมถึงกำรส่งดินมำกกว่ำ ๒๐๐ ตัน ไปช ำระล้ำง (New Scientist 2019) ดินถูกท ำ ให้ร้อนถึง ๓๑๕ °C เพื่อท ำให้ไฮโดรคำร์บอนที่ตกค้ำงกลำยเป็นไอ จำกนั้นเทอร์มอล ออกซิไดเซอร์ จะท ำให้แก๊สมีอุณหภูมิ๘๗๐ °C กำรปล่อยจรวดล้มเหลวเป็นประจ ำ และบำงครั้งปัญหำทำงเทคนิค เล็กน้อยก็น ำไปสู่กำรระเบิดล้มเหลว (อ้ำงอิง : Space ๒๐๒๐) บันทึกกำรปล่อยจรวดแอสตร้ำคือ ๐/๒ ส ำหรับควำมส ำเร็จ/ควำมพยำยำมที่จะปล่อยจรวดแอสตร้ำ ๓ ในปีค.ศ. ๒๐๒๐ เนื่องจำก ควำมล้มเหลวในกำรเชื่อมต่อไฟฟ้ำและส่วนผสมของจรวดที่ไม่เหมำะสม (รำยงำนกำรปล่อย ยำนอวกำศปี๒๐๒๐) ไม่เพียงแต่กำรปล่อยจรวดที่อำจเป็นอันตรำยระหว่ำงกำรปล่อยล้มเหลวเท่ำนั้น แต่ยังเกิด จำกกำรปล่อยส่วนประกอบและเศษชิ้นส่วนในกำรบินที่เข้ำสู่ชั้นบรรยำกำศและ/หรือตกลงสู่พื้นโลก อย่ำงอิสระในลักษณะที่ไม่มีกำรควบคุม (อ้ำงอิง : CNBC ๒๐๒๐) กำรปล่อยจรวด ณ ฐำนปล่อย จรวดของ NASA ฟลอริดำ แสดงให้เห็นว่ำกำรส่งจรวดเกิดผลกระทบต่อสัตว์ป่ำอย่ำงชัดเจน เนื่องจำกกำรปล่อยจรวดที่มีสถำนะเป็นโลหะหนักบ่อยครั้งระหว่ำงกำรน ำส่ง งำนวิจัยชิ้นหนึ่ง ได้ศึกษำเกี่ยวกับฝูงจระเข้ใกล้ศูนย์อวกำศเคนเนดีแสดงให้เห็นว่ำจระเข้ในบริเวณใกล้เคียงมีระดับ โลหะหนักในตับเพิ่มมำกขึ้น รวมทั้งลิเธียม นิกเกิล และปรอท ในตับมำกกว่ำจระเข้จำกส่วนอื่น ๆ ในฟลอริดำ (Horai et al. 2014) นอกจำกนี้แม้ว่ำทุกอย่ำงจะด ำเนินไปได้ด้วยดีภำรกิจปล่อยจรวดส่วนใหญ่จะปล่อย ชิ้นส่วนที่ถูกทิ้ง (หรือที่เรียกว่ำ “ขยะอวกำศ”) ให้โคจรรอบโลกไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีควำมพยำยำม ในกำรกู้คืนหรือกำรก ำจัดอย่ำงเหมำะสม (NASA 2016) NASA ประมำณกำรว่ำมนุษย์ได้ทิ้งขยะอวกำศ
๘๔ ที่มีขนำดใหญ่กว่ำซอฟต์บอลที่โคจรรอบโลกไปแล้วกว่ำ ๒๐,๐๐๐ ชิ้น (NASA 2013) จรวดขนำดเล็ก ได้รับกำรออกแบบให้ปล่อยส่วนประกอบระหว่ำงกำรบิน ซึ่งเพียงแค่ตกลงสู่พื้นผิวโลกและโดยทั่วไป จะลงจอดในมหำสมุทร สิ่งนี้คำดคะเนเพื่อควำมปลอดภัย แต่ไม่ค ำนึงถึงผลกระทบที่ยั่งยืน ต่อระบบนิเวศโดยรอบสถำนที่ปล่อยจำกกำรออกแบบ จรวดขนำดเล็กจะปล่อยชิ้นส่วนต่ำง ๆ ออกเป็นขั้นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผำไหม้หรือตกลงสู่พื้นผิวโลกด้ำนล่ำง กำรปล่อยส่วนประกอบ ในระหว่ำงกำรปล่อยบ่อยครั้งจะส่งผลให้เศษซำก อนุภำค และส่วนประกอบจรวดที่ปกคลุม ด้วยจรวดสะสมในทะเลสำบในที่สุด ในนิวซีแลนด์บันทึกกำรปล่อยจรวดแสดงให้เห็นว่ำชิ้นส่วน ของจรวดได้รับกำรกู้คืนจำกกำรลงจอดในมหำสมุทรในบำงครั้ง อย่ำงไรก็ตำม มีควำมเป็นไปได้ มำกกว่ำที่จะไม่มีกำรพยำยำมกู้คืนชิ้นส่วน เนื่องจำกมีควำมยำกล ำบำก เป็นต้น
บทที่ ๔ นโยบายยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน สิ่งส ำคัญประกำรหนึ่งในกำรศึกษำแนวคิดกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย คือ แผนกำรพัฒนำนี้ได้ถูกวำงรำกฐำนหรือก ำหนดไว้เป็นเป้ำหมำยของประเทศชำติแล้วหรือยัง ถึงแม้ว่ำแผนพัฒนำประเทศชำติจะสำมำรถปรับเปลี่ยนได้ตำมควำมจ ำเป็นและควำมเหมำะสม แต่แนวทำงกำรพัฒนำศักยภำพของประเทศด้ำนเทคโนโลยีอวกำศได้ถูกก ำหนดและวำงรำกฐำน ไว้อย่ำงสมบูรณ์แบบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งแผนกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนก็ได้ถูกระบุไว้ใน (ร่ำง) แผนแม่บทอวกำศแห่งชำติ ๒๐ ปี ที่จัดท ำขึ้นโดย ส ำนักงำนพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศและ ภูมิสำรสนเทศ หรือ สทอภ. ไว้เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน แผนแม่บทอวกำศแห่งชำติ ๒๐ ปี ดังกล่ำว ประกอบไปด้วย ๑) รักษำผลประโยชน์ ของชำติ มีควำมปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจำกกำรใช้เทคโนโลยีอวกำศเพื่อควำมมั่นคง ๒) ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีอวกำศเพื่อกำรบริหำรจัดกำรเชิงพื้นที่อย่ำงยั่งยืน ๓) เพิ่มมูลค่ำทำง เศรษฐกิจอุตสำหกรรมอวกำศของประเทศ ๔) มีโครงสร้ำงพื้นฐำนกิจกำรอวกำศที่ครบวงจร เหมำะสมและส่งเสริมกำรใช้งำนอย่ำงคุ้มค่ำ ๕) สร้ำงนวัตกรรมอวกำศที่เป็นของคนไทยสู่กำรใช้งำน อย่ำงคุ้มค่ำ มีคุณภำพมำตรฐำน เป็นที่ยอมรับในระดับนำนำชำติ๖) มีบุคลำกรที่มีควำมรู้ควำม เชี่ยวชำญและท ำงำนร่วมกันกับต่ำงประเทศอย่ำงต่อเนื่องเพื่อให้เกิด Technology Transfer ๗) มีควำมร่วมมือกับต่ำงประเทศแบบ ๒ ทำง ทั้งให้และรับเพื่อประโยชน์ในกำรสร้ำงศักยภำพ ด้ำนอวกำศของประเทศไทยแบบก้ำวกระโดด (Springboard) และ ๘) มีกฎหมำยอวกำศและ หน่วยงำนกลำง ด้ำนอวกำศแห่งชำติเพื่อท ำหน้ำที่ในกำรจัดท ำนโยบำย ขับเคลื่อนยุทธศำสตร์ และบูรณำกำรภำรกิจด้ำนอวกำศให้มีเอกภำพ ร่วมกับหน่วยงำนภำครัฐ เอกชน สถำบันกำรศึกษำ และหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยแผนแม่บทอวกำศแห่งชำติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ประกอบด้วย ๘ ยุทธศำสตร์ ดังต่อไปนี้ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ : การพัฒนากิจการอวกาศเพื่อความมั่นคง กิจกำรอวกำศมีควำมส ำคัญยิ่งต่อภำรกิจควำมมั่นคงของชำติไม่ว่ำจะเป็นกำรป้องกันภัย คุกคำม กำรบริหำรจัดกำรควำมมั่นคงของชำติ ทั้งพื้นที่ชำยแดนและชำยฝั่งทะเล กำรเตรียมควำม พร้อมแห่งชำติ กำรรักษำควำมมั่นคงของฐำนทรัพยำกรธรรมชำติ สิ่งแวดล้อม กำรปกป้องรักษำ ผลประโยชน์ทำงทะเล รวมทั้งควำมมั่นคงในห้วงอวกำศและยุทธศำสตร์กำรพัฒนำกิจกำรอวกำศ เพื่อควำมมั่นคง
๘๖ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ : กิจการอวกาศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เทคโนโลยีอวกำศมีประโยชน์มำกมำยในกำรพัฒนำประเทศไม่ว่ำจะเป็นด้ำนกำรเกษตร ทรัพยำกร สิ่งแวดล้อม และกำรบริหำรจัดกำรเชิงพื้นที่ในมิติอื่น ๆ ซึ่งประเทศไทยได้น ำข้อมูล จำกดำวเทียมส ำรวจมำใช้ประโยชน์ในกำรพัฒนำประเทศอย่ำงต่อเนื่องนับตั้งแต่ได้มีกำรจัดตั้ง สถำนีรับสัญญำณข้อมูลจำกดำวเทียมเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยเริ่มจำกด้ำนทรัพยำกรและสิ่งแวดล้อม และด้วยศักยภำพของเทคโนโลยีอวกำศที่มีควำมก้ำวหน้ำอย่ำงรวดเร็ว กำรใช้ประโยชน์ จึงเพิ่มสูงขึ้นในกิจกรรมด้ำนต่ำง ๆ จึงจ ำเป็นต้องมีกำรก ำหนดยุทธศำสตร์กิจกำรอวกำศ เพื่อกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องเฉพำะอุตสำหกรรมปลำยน้ ำที่เกิดจำกกำรใช้ประโยชน์ จำกดำวเทียมสื่อสำรเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจอุตสำหกรรมด้ำนโทรศัพท์ ธุรกิจด้ำนสื่อโทรทัศน์ และวิทยุ กลุ่มธุรกิจด้ำนอินเตอร์เน็ตและสื่อสำร ส ำหรับอุตสำหกรรมที่เป็นต้นน้ ำ ได้แก่ ด้ำนกำรพัฒนำดำวเทียม กำรพัฒนำชิ้นส่วนดำวเทียม กำรพัฒนำระบบภำคพื้นดิน หรือกำรพัฒนำ ระบบน ำส่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนั้น ประเทศไทยยังไม่มีศักยภำพและโครงสร้ำงพื้นฐำนที่เข้มแข็ง เพียงพอที่จะด ำเนินกำรพัฒนำและผลิต ดังนั้น จึงจ ำเป็นต้องเร่งพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำน เพื่อส่งเสริมภำคเอกชนให้เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรใช้งำนและพัฒนำอุตสำหกรรมและพำณิชยกรรม ด้ำนอวกำศ และพัฒนำห่วงโซ่คุณค่ำอุตสำหกรรมอวกำศและเพิ่มขีดควำมสำมำรถกำรแข่งขัน ยุทธศาสตร์ที่ ๔ : การบริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศของประเทศ ๔.๑ ระบบดาวเทียมสื่อสาร (Communications Satellite) ดำวเทียมสื่อสำร มีบทบำทส ำคัญในกำรสื่อสำรโทรคมนำคมในทุกภำคส่วนทั้งภำครัฐ ภำคเอกชน และประชำชน ภำยในประเทศและระหว่ำงประเทศ ธุรกิจสื่อสำรผ่ำนดำวเทียมในตลำดโลกมีกำรขยำยตัวอย่ำง รวดเร็วและเติบโตอย่ำงต่อเนื่อง โดยเฉพำะกำรให้บริกำรโทรทัศน์ โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ผ่ำนดำวเทียม ซึ่งถือเป็นบริกำรหลักของธุรกิจสื่อสำรผ่ำนดำวเทียมรวมถึงด้ำนบริกำรสำธำรณะ และด้ำนควำมมั่นคงของประเทศ ๔.๒ ระบบดาวเทียมส ารวจโลก (Earth Observation Satellite Systems /Remote Sensing) กำรใช้งำนข้อมูลส ำรวจโลกของประเทศไทยในระยะแรกเป็นกำรรับภำพถ่ำย จำกดำวเทียมจำกต่ำงประเทศเพื่อกำรแปลผลและตีควำม ต่อมำได้มีกำรก่อสร้ำงสถำนีรับสัญญำณ จำกดำวเทียมส ำรวจโลกที่เขตลำดกระบัง โดยถือได้ว่ำระบบส ำรวจโลกด้วยดำวเทียม (Earth Observation System) ของไทยได้เริ่มมีโครงสร้ำงพื้นฐำนที่เป็นรูปธรรมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมำ
๘๗ ทั้งนี้ ได้มีกำรปรับปรุงสถำนีรับสัญญำณเป็นระยะ ๆ ทั้งในด้ำนกำรเพิ่มประสิทธิภำพและ ควำมหลำกหลำยในกำรรับสัญญำณดำวเทียมจำกต่ำงประเทศ ตำมควำมต้องกำรกำรใช้งำน รวมทั้งได้มีกำรส่งดำวเทียมส ำรวจโลกดวงแรกของไทยขึ้นสู่วงโคจรใน ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ นั่นคือ ดำวเทียมไทยโชต (THEOS - 1) อย่ำงไรก็ตำม เทคโนโลยีดำวเทียมส ำรวจนั้นมิได้จ ำกัด เพียงกำรถ่ำยภำพและกำรส ำรวจสภำพอำกำศ (กลุ่มดำวเทียมอุตุนิยมวิทยำ) เท่ำนั้น แต่ยังรวมไปถึง ระบบดำวเทียมส ำรวจโลกในแบบอื่น ๆ โดยสำมำรถแบ่งเป็นกลุ่มได้ ดังนี้ ดำวเทียมส ำรวจ และ High Altitude Platform อื่น ๆ กลุ่มดำวเทียมนำนำชำติ (Constellation) และกลุ่มดำวเทียม น ำทำง (GNSS) ยุทธศาสตร์ที่ ๕ : การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอวกาศ ที่ผ่ำนมำประเทศไทยยังขำดนโยบำยกำรวิจัยพัฒนำและกำรส ำรวจอวกำศที่ชัดเจน กำรด ำเนินกิจกรรมกำรค้นคว้ำวิจัยต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องยังท ำอยู่ในระดับสถำบันกำรศึกษำต่ำง ๆ ตำมสำขำวิชำที่เปิดสอน กำรขำดกำรสนับสนุนอย่ำงต่อเนื่องจำกภำครัฐจำกกำรที่ไม่มีนโยบำย รองรับ ท ำให้งำนวิจัยเหล่ำนี้ไม่สำมำรถด ำเนินไปได้อย่ำงต่อเนื่องหรือไม่สำมำรถน ำไปพัฒนำ ต่อยอดได้เท่ำที่ควร ตลอดจนสถำบันกำรศึกษำในประเทศยังไม่มีกำรเปิดกำรเรียนกำรสอน ในสำขำวิชำด้ำนอวกำศ หรือเปิดสอนเพียงหลักสูตรและบำงสำขำวิชำเท่ำนั้น เช่น สำขำวิชำ ดำรำศำสตร์ ซึ่งเป็นเพียงสำขำย่อยในคณะวิทยำศำสตร์จึงจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่ต้องมีกำรวำงแผนกำร พัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนเพื่อสร้ำงองค์ควำมรู้และบุคลำกรอย่ำงครอบคลุมและเป็นระบบ เพื่อรองรับกำรเข้ำไปมีส่วนร่วมในกำรวิจัยและส ำรวจอวกำศกับต่ำงประเทศ รวมทั้งกำรร่วมมือกัน เพื่อพัฒนำดำวเทียมหรือเทคโนโลยีอวกำศขั้นสูงต่อไป ยุทธศาสตร์ที่ ๖ : การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน คนเป็นปัจจัยส ำคัญยิ่งในกำรพัฒนำทุกด้ำน โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกิจกำรอวกำศเป็นภำรกิจ ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหลำยสำขำวิชำ จึงจ ำเป็นต้องมีบุคลำกรที่มีควำมรู้ ควำมช ำนำญ และประสบกำรณ์หลำกหลำยในกำรด ำเนินงำน ในปัจจุบันประเทศไทยยังมีบุคลำกรด้ำนนี้ อยู่ค่อนข้ำงจ ำกัดและไม่เพียงพอต่อภำรกิจที่ด ำเนินอยู่ แนวโน้มในอนำคตควำมต้องกำรบุคลำกร ด้ำนนี้จึงมีเพิ่มขึ้น ดังนั้น ประเทศจึงควรเร่งผลิตและพัฒนำบุคลำกรด้ำนอวกำศในทุกสำขำ เพื่อรองรับกำรขับเคลื่อนแผนแม่บทอวกำศแห่งชำติให้สำมำรถด ำเนินกำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ รวมทั้งเพื่อควำมต่อเนื่องในกำรพัฒนำและต่อยอดกำรเรียนรู้ในอนำคต
๘๘ ยุทธศาสตร์ที่ ๗ : การพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ กิจกำรอวกำศเป็นกิจกำรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพำะ หำกแต่เป็นภำรกิจที่ไร้พรมแดนจึงไม่อำจหลีกเลี่ยงกำรเกี่ยวข้องกับประเทศอื่น ๆ ได้ รวมทั้งกิจกำร อวกำศสำมำรถน ำมำใช้ประโยชน์อย่ำงมหำศำลทั้งกำรสร้ำงสรรค์และกำรท ำลำยล้ำง ปัจจุบัน จึงมีองค์กำรระหว่ำงประเทศที่ตั้งขึ้นเพื่อก ำกับและก ำหนดกฎเกณฑ์ กติกำ ให้มีกำรใช้ประโยชน์ จำกอวกำศอย่ำงสันติและยุติธรรม รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศในด้ำนต่ำง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกิจกำรอวกำศ นอกจำกนี้กิจกำรอวกำศยังเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ วิชำกำรหลำกหลำยสำขำและกำรพัฒนำเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำรผลิตและกำรพัฒนำ ในประเทศชั้นแนวหน้ำ และในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่สำมำรถพึ่งพำตนเองได้และยังต้องน ำเข้ำ ทั้งเทคโนโลยีและองค์ควำมรู้จำกต่ำงประเทศ ดังนั้น ควำมร่วมมือระหว่ำงประเทศจึงเป็นสิ่งส ำคัญ และจ ำเป็นอย่ำงยิ่งในกำรพัฒนำและด ำเนินกิจกำรอวกำศของประเทศไทยโดยมีเป้ำหมำย ดังนี้ ๑) สร้ำงเครือข่ำยควำมร่วมมือพันธมิตรกับองค์กำรระหว่ำงประเทศและประเทศ ในภูมิภำคต่ำง ๆ เพื่อกำรถ่ำยทอดองค์ควำมรู้และเทคโนโลยี เพื่อกำรพัฒนำประเทศแบบ ก้ำวกระโดด (Springboard) รวมทั้งกำรพัฒนำบุคลำกรกำรส ำรวจอวกำศ กำรวิจัยพัฒนำ นวัตกรรม อุตสำหกรรม พำณิชยกรรมและกฎหมำย กฎ/กติกำที่เกี่ยวข้องกับกิจกำรอวกำศ รวมทั้งกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลต่ำง ๆ
๘ ภาพที่ ๕๓ ควำมเชื่อมโยงแผนแม่บทอวกำศแห่งชำติกับยุทธศำสตร์ชำติ๒๐
๙ ปีแผนพัฒนำฯฉบับที่ ๑๒ และเป้ำหมำย SDGs
๙๐ ๒) ประเทศไทยมีบทบำทส ำคัญในองค์กำรระหว่ำงประเทศและในเวทีระดับนำนำชำติ รวมทั้งเป็นที่ยอมรับในศักยภำพด้ำนอวกำศ ยุทธศาสตร์ ๘ : การสร้างกลไกขับเคลื่อนแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ เนื่องจำก ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงำนที่รับผิดชอบในกำรก ำหนดนโยบำยจัดท ำยุทธศำสตร์ และก ำกับดูแลกิจกำรด้ำนอวกำศของประเทศ ดังนั้น ยุทธศำสตร์ที่ ๘ จึงมุ่งเน้นกำรจัดตั้งหน่วยงำน เพื่อกำรบริหำรจัดกำรกิจกำรอวกำศในระดับนโยบำย และสร้ำงกลไกเพื่อกำรขับเคลื่อนแผนแม่บท อวกำศแห่งชำติรวมไปถึงพิจำรณำข้อกฎหมำยภำยในประเทศกฎหมำยและสนธิสัญญำระหว่ำง ประเทศที่เกี่ยวข้องกับกิจกำรอวกำศ รวมทั้งผลักดันพระรำชบัญญัติกิจกำรอวกำศแห่งชำติ ฯลฯ เพื่อกำรขับเคลื่อนยุทธศำสตร์อวกำศทั้ง ๘ ยุทธศำสตร์ที่กล่ำวมำข้ำงต้น รวมถึง กำรด ำเนินงำนที่สนับสนุนกิจกำรอวกำศ และกำรประสำนงำนกับหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่ำงประเทศ โดยมีภำรกิจขับเคลื่อน ๙ ภำรกิจดังนี้ (๑) กำรขับเคลื่อนอวกำศเพื่อ ควำมมั่นคง (๒) กำรขับเคลื่อนกำรใช้ประโยชน์ภูมิสำรสนเทศจำกอวกำศ (๓) กำรขับเคลื่อน เศรษฐกิจอวกำศของประเทศ (๔) กำรส่งเสริมนวัตกรรมและอุตสำหกรรมอวกำศ (๕) กำรพัฒนำ และบริหำรดำวเทียมสื่อสำร (๖) กำรพัฒนำและบริหำรดำวเทียมส ำรวจโลก (๗) กำรวิจัยและ กำรส ำรวจห้วงอวกำศ (๘) กำรพัฒนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอวกำศ และ (๙) กำรขับเคลื่อน สถำบันวิทยำกำรอวกำศแห่งชำติ โดยสำมำรถสรุปควำมเชื่อมโยงแผนแม่บทอวกำศแห่งชำติ ๒๐ ปี เข้ำกับแผนนโยบำยอื่น ๆ ได้ตำมภำพที่ ๔๐ ดังต่อไปนี้(หมำยเหตุ: คณะกรรมกำรนโยบำยอวกำศแห่งชำติ เห็นชอบในกำร ประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ วันที่ ๒๗ กรกฎำคม ๒๕๖๐)
๙ ภาพที่ ๕๔ (ร่ำง) แผนแม่บทอวกำศแห่งชำ
๑ ำติ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐) หน้ำ ๘๐ ข้อ ๔.๑
๙๒ จำกเนื้อหำประเด็นยุทธศำสตร์ชำติ ๒๐ ปี แผนพัฒนำฯ ฉบับที่ ๑๒ และแผนแม่บทอวกำศแห่งชำติ ๒๐ ปีจะพบว่ำมีควำมสอดคล้องในเชิงนโยบำยที่มุ่งเพื่อพัฒนำวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และโครงสร้ำงพื้นฐำนของประเทศในทุก ๆ ด้ำน โดยยุทธศำสตร์ที่ ๔ ของแผนแม่บทอวกำศ แห่งชำติ ๒๐ ปี ได้กล่ำวไว้อย่ำงชัดเจนถึงกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนที่ส ำคัญในกำรพัฒนำประเทศ และแผนกำรด ำเนินงำนในยุทธศำสตร์ที่ ๔ ได้มีกำรระบุแผนกำรด ำเนินงำนกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำน นำนำชำติประจ ำภูมิภำคอำเซียน (ASEAN Spaceport) (แสดงในภำพที่ ๕๔) ไว้เช่นนี้ จึงเห็นได้ว่ำ แผนกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำน (Spaceport) ในประเทศไทย ได้จัดเป็นส่วนหนึ่งของกำรพัฒนำ โครงสร้ำงพื้นฐำนเพื่อกำรแข่งขันทำงเศรษฐกิจและเป็นกำรพัฒนำระบบโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุด ของประเทศ และท ำให้เกิดควำมเชื่อมโยงระหว่ำงแผนยุทธศำสตร์ชำติ ๒๐ ปี แผนพัฒนำเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๒ และแผนแม่บทอวกำศแห่งชำติ ๒๐ ปี อย่ำงสมบูรณ์ จำกภำพที่ ๕๓ และ ๕๔ จะเห็นได้ว่ำ กำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนในแผนแม่บทอวกำศ แห่งชำติ ๒๐ ปี มีควำมเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศำสตร์ชำติ ๒๐ ปี และแผนพัฒนำเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ ๑๒ บนพื้นฐำนของกำรพัฒนำเทคโนโลยี นวัตกรรม กำรพัฒนำองค์ ควำมรู้ และก ำลังคนที่เป็นส่วนส ำคัญในกำรพัฒนำประเทศ
บทที่ ๕ ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ และบทสรุป ๕.๑ ข้อเสนอแนะในด้านกฎหมายที่ควรบังคับใช้เบื้องต้น ปัจจุบันกิจกำรอวกำศมีควำมส ำคัญและส่งผลกระทบต่อกำรด ำเนินชีวิตประจ ำวัน ของประชำชน ท ำให้มีหน่วยงำนจำกภำครัฐและภำคเอกชน ให้ควำมสนใจและร่วมด ำเนินกิจกรรม เพิ่มขึ้นมำก นอกจำกนี้ ภำรกิจด้ำนกิจกำรอวกำศยังมีควำมส ำคัญต่อกำรพัฒนำเศรษฐกิจ ของประเทศ นโยบำยด้ำนเศรษฐกิจอวกำศเป็นองค์ประกอบในกำรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ ประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลก อย่ำงไรก็ตำมที่ผ่ำนมำนโยบำยกำรบริหำรกิจกำรอวกำศของประเทศไทย ด ำเนินกำรภำยใต้ระเบียบส ำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยกำรบริหำรกิจกำรอวกำศ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีข้อจ ำกัดเรื่องล ำดับชั้นของกฎหมำย กำรบังคับใช้งำน อำทิ กำรก ำหนดหลักเกณฑ์ปฏิบัติส ำหรับภำคเอกชน ซึ่งไม่อำจกระท ำได้เว้นแต่จะอำศัยอ ำนำจ ตำมกฎหมำยในระดับพระรำชบัญญัติ กฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกิจกำรอวกำศที่ใช้ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมปัญหำและผลกระทบ ที่เกิดจำกกำรด ำเนินกิจกรรมอวกำศในหลำยส่วนที่ส ำคัญและจ ำเป็นต้องก ำหนดผู้รับผิดชอบ ได้แก่ ๑) กำรก ำกับและด ำเนินกำรจดทะเบียนวัตถุอวกำศ เนื่องจำกปัจจุบันและในอนำคตจะมี กำรส่งวัตถุอวกำศขึ้นสู่วงโคจรอย่ำงต่อเนื่อง โดยเฉพำะกำรส่งดำวเทียมขนำดเล็กที่หน่วยงำนจำก สถำบันกำรศึกษำและภำคเอกชนจ ำนวนมำกต้องกำรน ำส่งขึ้นสู่อวกำศ ซึ่งรัฐมีหน้ำที่ต้องก ำกับดูแล เพื่อให้สอดคล้องกับควำมรับผิดชอบตำมข้อตกลงและกฎหมำยรวมทั้งพันธกรณีระหว่ำงประเทศ ด้ำนอวกำศที่ประเทศไทยได้เข้ำเป็นภำคี ๒) กำรเฝ้ำระวังภัยทำงอวกำศ/กำรจัดกำรและช่วยเหลือจำกอุบัติเหตุทำงอวกำศ โดยในช่วง ๒ - ๓ ปีที่ผ่ำนมำ มีกำรพบวัตถุจำกอวกำศ รวมทั้งซำกชิ้นส่วนจรวดน ำส่งตกลงสู่พื้นโลก บริเวณภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยหลำยครั้ง ซึ่งอำจเป็นอันตรำยต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของประชำชนได้ ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมำยเฉพำะรองรับเรื่องนี้และไม่มีหน่วยงำน รับผิดชอบอย่ำงเป็นรูปธรรม ดังนั้น เพื่อให้กำรให้บริกำรสถำนที่น ำส่ง หรือ ธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศขึ้นสู่ วงโคจรสำมำรถด ำเนินกิจกำรได้อย่ำงถูกต้องและเป็นไปตำมกฎหมำยทั้งในระดับสำกล ประเทศไทยจึงต้องตรำ (ร่ำง) พระรำชบัญญัติกิจกำรอวกำศ พ.ศ. .... และก ำหนดให้มีองค์กร เพื่อท ำหน้ำที่จัดท ำนโยบำยและแผนกิจกำรอวกำศ รวมทั้งจัดให้มีกลไกเพื่อสนับสนุนและส่งเสริม
๙๔ ให้ทั้งภำครัฐและภำคเอกชน มีส่วนร่วมในกำรพัฒนำกิจกำรอวกำศ และก่อให้เกิดเศรษฐกิจอวกำศ (New Space Economy) เพื่อให้เป็นอุตสำหกรรมที่สำมำรถขับเคลื่อนประเทศไทยให้หลุดพ้นจำก กับดักรำยได้ปำนกลำงได้ต่อไป ๕.๒ ข้อเสนอแนะในด้านการด าเนินธุรกิจอวกาศในประเทศไทย แม้จะดูเหมือนว่ำเทคโนโลยีอวกำศที่จ ำเป็นส ำหรับธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ หรือ Outer Space Launching Service และธุรกิจกำรให้บริกำรโครงสร้ำงพื้นฐำนส ำหรับธุรกิจ น ำส่ง หรือ Outer Space Launching Infrastructure จะเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศไทยที่ยังไม่มี ทั้งองค์ควำมรู้และบุคลำกรที่มีควำมเชี่ยวชำญในประเทศ แต่แท้จริงแล้ว ประเทศไทยได้ด ำเนิน กิจกำรด้ำนจรวดมำยำวนำน และกลำยเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นเมืองมำนำนแล้ว ได้แก่ “งำนประเพณีบุญบั้งไฟ” ของจังหวัดยโสธร บุญบั้งไฟ มีที่มำจำกนิทำนพื้นบ้ำนเรื่องพญำคันคำก เรื่องผำแดงนำงไอ่ ซึ่งในนิทำน พื้นบ้ำนดังกล่ำวได้กล่ำวถึง กำรที่ชำวบ้ำนได้จัดงำนบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นกำรบูชำพญำแถนหรือ เทพวัสสกำลเทพบุตร ซึ่งชำวบ้ำนมีควำมเชื่อว่ำพระยำแถนมีหน้ำที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตำม ฤดูกำลและมีควำมชื่นชอบไฟเป็นอย่ำงมำกหำกหมู่บ้ำนใดไม่จัดท ำกำรจัดงำนบุญบั้งไฟบูชำ ฝนก็จะ ไม่ตกถูกต้องตำมฤดูกำล อำจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้ำนได้ โดยทั้งนี้กำรจัดงำนประเพณีบุญบั้งไฟ ของจังหวัดยโสธรได้รับกำรสนับสนุนจำกกำรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในกำรประชำสัมพันธ์งำน ประเพณี เป็นที่รู้จักแก่ชำวไทยและต่ำงประเทศ นับแต่ ปี ๒๕๒๓ และอีกหนึ่งงำนที่เกี่ยวข้อง คือ “งำนบุญบั้งไฟตะไลล้ำน” ของ จังหวัดกำฬสินธุ์ เป็นชุมชนภูไทขำวเก่ำแก่ก่อตั้งหมู่บ้ำนมำประมำณ ๑๕๐ ปี เป็นบั้งไฟที่ขึ้นในแนวนอนที่เรียกว่ำ ตะไล เป็นต้นแบบตะไลแห่งแรกของไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพำะตัวของบุญบั้งไฟของบ้ำนกุดหว้ำ แห่งนี้ นอกจำกนี้แล้วในพื้นที่ภำคเหนือ ก็มีกำรจัดงำนประเพณีบุญบั้งไฟ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดงำนประเพณีบุญบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่ โดยกำรสนับสนุนขององค์กำรบริหำรส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจำกประชำกรในเขตพื้นที่ ส่วนใหญ่ อพยพมำจำก เขตภำคอีสำน ในหลำยสิบปี ก่อนหน้ำ ส่วนภำคใต้ ยังสำมำรถพบกำรจัดงำนบุญบั้งไฟ ในเขตอ ำเภอสุคิริน จังหวัดนรำธิวำส โดยเป็นกำรละเล่นของชำวอีสำนที่ย้ำยถิ่นฐำนมำปักหลักที่นี่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยถือเป็นเพียง พื้นที่เดียวในภำคใต้ของไทย นอกจำกภำคอีสำนที่มีกำรเล่นประเพณีนี้
๙๕ และงำนประเพณีบุญบั้งไฟในภำคกลำงของไทยก็มีปรำกฏด้วยเช่นกัน ในพื้นที่ อ ำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ และอ ำเภอลำนสัก จังหวัดอุทัยธำนี เนื่องจำกชำวบ้ำนในพื้นที่ดังกล่ำว ร้อยละ ๘๕ เป็นชำวอีสำนที่ได้ย้ำยถิ่นฐำนมำประกอบอำชีพเกษตรกรรม และได้น ำวัฒนธรรม ประเพณีบุญบั้งไฟที่ถือเป็นควำมเชื่อว่ำ พระยำแถนมีหน้ำที่คอยดูแลให้ฝนตกต้องตำมฤดูกำล จึงท ำให้ประเพณีบุญบั้งไฟที่สืบทอดกันมำจนถึงปัจจุบัน ภาพที่ ๕๕ งำนประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร โดยที่ผ่ำนมำ หำกไม่นับรวมหน่วยงำนด้ำนควำมมั่นคง เช่น สถำบันเทคโนโลยีป้องกัน ประเทศ ที่มีกำรพัฒนำจรวดประเภทขีปนำวุธ (Missile) อย่ำงต่อเนื่องแล้ว ก็มีอีกหลำยหน่วยงำน ที่ให้ควำมสนใจในกำรพัฒนำจรวดประเภทที่มีลักษณะคล้ำยบั้งไฟนี้ โดยได้ท ำกำรทดลองส่งขึ้นไป ได้ควำมสูงจำกพื้นดินประมำณ ๓-๑๐ กิโลเมตร ทั้งนี้ กำรทดสอบต่ำง ๆ เป็นไปเพื่อกำรทดลอง ทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี และควำมก้ำวหน้ำของประเทศ นอกจำกนี้ ทีมเยำวชนไทยจำกจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัยยังได้ทุ่มเทควำมพยำยำม ที่จะพัฒนำจรวดควำมเร็วเสียง หรือ Sounding Rocket ที่มีขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงประมำณ ๑๕ เซนติเมตร และมีควำมยำวประมำณ ๒.๕ เมตร โดยสำมำรถท ำควำมสูงได้ถึง ๓ – ๕ กิโลเมตร ในกำรแข่งขันระดับนำนำชำติณ ประเทศสหรัฐอเมริกำ
๙๖ ภาพที่ ๕๖ กำรพัฒนำจรวดบั้งไฟช้ำงสำร ๑ ของทีมนักศึกษำ สถำบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้ำ เจ้ำคุณทหำรลำดกระบัง (สจล.)
๙๗ ภาพที่ ๕๗ กำรพัฒนำจรวดควำมเร็วเสียง (Sounding Rocket) ของทีมนักศึกษำ จุฬำลงกรณ์ มหำวิทยำลัย นอกจำกนี้ยังมีนักศึกษำทั้งระดับมหำวิทยำลัยและโรงเรียนระดับมัธยมศึกษำที่ก ำลังเร่ง พัฒนำจรวดควำมเร็วเสียง Sounding Rocket เพื่อน ำไปแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกำ โครงกำร Spaceport America Cup ๒๐๒๓ และควำมยำกล ำบำกของเยำวชนเหล่ำนี้ คือ ควำมไม่เอื้ออ ำนวยในกำรพัฒนำต่ำง ๆ อำทิ กำรน ำเข้ำชิ้นงำนด้ำนจรวดที่ถูกตีตรำว่ำเป็นขีปนำวุธ ท ำให้ไม่สำมำรถน ำเข้ำได้ในทันที แต่ต้อง ขอใบอนุญำตจำกกระทรวงหรือกรมกำรที่สำมำรถออกใบอนุญำตได้ ซึ่งมีหลำยขั้นตอนและ ใช้เวลำมำกในกำรน ำเข้ำ และแม้จะน ำเข้ำเข้ำมำได้ แต่ก็ไม่มีพื้นที่ในประเทศให้เยำวชนเหล่ำนี้ สำมำรถทดลองได้เลย ๕.๒.๑ แนวทางการเริ่มต้นธุรกิจน าส่งในประเทศไทย ๕.๒.๑.๑ การก าหนดพื้นที่ทดลองจรวดความเร็วเสียงพิเศษ (Sounding Rocket Sandbox) เนื่องด้วยจรวดควำมเร็วเสียง (Sounding Rocket) ก ำลังเป็นที่นิยม ทั้งในประเทศและต่ำงประเทศตำมที่กล่ำวมำข้ำงต้น และเป็นจุดเริ่มต้นที่ส ำคัญของกำรพัฒนำ องค์ควำมรู้ด้ำนเทคโนโลยีจรวดและธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ Space Launching Service และเพื่อให้เยำวชนและหน่วยงำนภำครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สทป. หรือ สทอภ. และภำคเอกชน
๙๘ เช่น บ. มิว สเปซฯ หรืออื่น ๆ สำมำรถมีพื้นที่ใช้ในกำรทดลองกำรยิงจรวดควำมเร็วเสียงที่มีควำมสูง ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลเมตร (เนื่องจำก ที่ควำมสูงเกิน ๑๐๐ กิโลเมตรขึ้นไปจะเป็นสภำวะอวกำศ ที่อำจจะท ำให้ไม่สำมำรถค ำนวณทิศทำงหรือจุดตกที่ถูกต้องแม่นย ำได้) โดยภำครัฐสำมำรถก ำหนดพื้นที่ Sandbox พิเศษ ซึ่งอำจจะใช้พื้นที่ ของหน่วยงำนรัฐหรือหน่วยงำนทหำรหรือพื้นที่บริเวณห่ำงไกลไร้ผู้อยู่อำศัยในขอบเขตรัศมีประมำณ ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ เมตร และอนุญำตให้ใช้ควำมถี่ส ำหรับกำรเชื่อมส่งกับจรวดเพื่อกำรติดตำมและส่ง ข้อมูล และอำจจะก ำหนดให้มีหน่วยงำนหรือเอกชนด ำเนินกำรอ ำนวยควำมสะวกในกำรใช้พื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบมำตรฐำนจรวด ควำมปลอดภัย และอื่น ๆ ส่วนประกอบ Sounding Rocket Sandbox ๑. พื้นที่โล่ง รัศมีไม่ต่ ำกว่ำ ๕๐๐ เมตร ไร้ผู้อำศัยหรือมีผู้อยู่อำศัยน้อย ที่สุด (ไม่เกิน ๑๐ หลังคำเรือน) ๒. อนุญำตให้ใช้ควำมถี่เพื่อกำรเชื่อมต่อสัญญำณกับจรวดและควำมถี่ ของระบบติดตำม GPS/GNSS ๓. ก ำหนดให้มีหน่วยงำนหรือภำคเอกชนเข้ำอ ำนวยควำมสะดวก ในกำรน ำเข้ำอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกำรทดลองจรวดควำมเร็วเสียง เช่น Rocket Motor หรือ ดินขับจรวด เป็นต้น ๔. ก ำหนดให้มีกำรสร้ำงอำคำรเพื่อท ำกำรตรวจสอบมำตรฐำน อำคำรทดสอบก่อนยิง และติดตั้งระบบป้องกันภัย ระบบดับเพลิง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๕. ให้หน่วยงำนหรือภำคเอกชนก ำหนดขั้นตอนกำรน ำจรวด เข้ำทดลอง ที่ต้องมีกำรทดสอบมำตรฐำนควำมปลอดภัยและกำรขออนุญำตทดลองต่อไป เมื่อกำรอนุญ ำตใช้พื้นที่ Sandbox ประสบควำมส ำเร็จทั้งใน เรื่องกำรก ำกับดูแล กำรพัฒนำในวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยีจรวดควำมเร็วเสียง แนวทำงเพื่อกำรพำณิชย์และควำมร่วมมือจำกหลำย ๆ ประเทศ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงยกระดับสู่กำรทดลองส่งจรวดที่ควำมสูงมำกกว่ำ ๑๐๐ กิโลเมตร (อวกำศ) ต่อไป ๕.๒.๑.๒ การแข่งขันจรวดความเร็วเสียงในประเทศและระดับนานาชาติ เมื่อรัฐก ำหนดให้มีพื้นที่พิเศษ หรือ Sandbox ส ำหรับกำรทดลอง จรวดควำมเร็วเสียงขึ้นแล้ว ก็สำมำรถใช้พื้นที่ดังกล่ำวในกำรแข่งขันจรวดควำมเร็วเสียง ระดับประเทศและระดับนำนำชำติ (International Sounding Rocket Competition) ได้ต่อไป
๙๙ ยกตัวอย่ำงกิจกรรมที่สำมำรถเกิดขึ้นใน Sounding Rocket Sandbox และกิจกรรมอวกำศ ด้ำนจรวดต่ำง ๆ ดังต่อไปนี้ ๑. กำรแข่งขันจรวดควำมเร็วเสียงรุ่นประถม, มัธยม, มหำวิทยำลัย, วัฒนธรรมดั้งเดิม และ/หรือ มืออำชีพในวงกำร ที่ระดับควำมสูงของจรวดระยะต่ำง ๆ (ไม่เกิน ๑๐๐ กิโลเมตร) ๒. กำรแข่งขันจรวดควำมเร็วเสียงชิงถ้วยรำงวัลต่ำง ๆ อำทิพระรำชทำนฯ กระทรวงวัฒนธรรม นำยกรัฐมนตรี หรือ Spaceport America ฯลฯ ๓. กำรแห่จรวดรุ่นต่ำง ๆ ในวันประเพณีของจังหวัด งำนกีฬำสี ประจ ำจังหวัด หรือ กำรแสดงทำงวัฒนธรรมของประเทศต่ำง ๆ เป็นต้น ๔. กำรแสดงนิทรรศกำรจรวดและกำรส ำรวจอวกำศSpace Trade Show ๕. กำรเสวนำด้ำนจรวดบั้งไฟในเชิงวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมกำรท่องเที่ยว วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีอุตสำหกรรมและเชิงพำณิชย์เป็นต้น ๖. Space Platform ที่ประเทศไทยโดยรัฐบำลสำมำรถยกระดับ ควำมส ำคัญในประเพณีพื้นบ้ำนของชำวยโสธรในเวทีระดับโลกได้ ๕.๒.๒ ความคืบหน้าในประเทศเพื่อนบ้าน กำรพัฒนำเทคโนโลยีจรวดควำมเร็วเสียง (Sounding Rocket) ในต่ำงประเทศ มีอยู่จ ำนวนมำกในปัจจุบัน แต่ยังไม่มีประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สำมำรถส่งจรวดขึ้น อวกำศหรือส่งดำวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้เอง กำรส่งจรวดมี ๒ ลักษณะหลัก ๆ ได้แก่ ๑) แบบวงโคจร ย่อย หรือ Suborbital Launch ที่จรวดโคจรไม่ครบรอบโลก และ ๒) แบบวงโคจร หรือ Orbital Launch ที่จรวดสำมำรถโคจรได้รอบโลกและเข้ำสู่วงโคจร แสดงประเทศที่ก ำลังเริ่มต้นพัฒนำ เทคโนโลยีจรวดน ำส่งและสำมำรถน ำส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจรได้ส ำเร็จในปัจจุบัน ทั้งแบบ Suborbital และ Orbital Launch ตำมภำพต่อไปนี้
๑๐ ภาพที่ ๕๘ Orbital and Suborb (ที่มำ: Bry
๐๐ bital Launch Site of the World yce Tech)
๑๐๑ ๕.๒.๓ Cost of Inaction ต้นทุนของกำรอยู่เฉย หรือ Cost of Inaction เปรียบเสมือนกำรสูญเสีย จำกควำมนิ่งเฉย หรือควำมไม่พยำยำมที่จะพัฒนำสิ่งใดส ำหรับเรื่องนี้ จะท ำให้ประเทศล้ำหลัง และถูกแซงทั้งในด้ำนควำมเจริญทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ควำมมั่งคั่ง ควำมมั่นคง และคว ำมทันสมัย ยกตัวอย่ำงให้เห็นได้อย่ำงชัดเจนหำกจะเปรียบเทียบควำมเจริญ ทำงด้ำนเทคโนโลยีอวกำศและเศรษฐกิจอวกำศระหว่ำงประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกำ ซึ่งธุรกิจกำรน ำส่ง Space Launching Service ในสหรัฐอเมริกำมีผู้ประกอบกำรหลำยเจ้ำ ยกตัวอย่ำงเช่น SpaceX Relativity หรือ Blue Origin นอกจำกนี้ รัฐ ยังท ำหน้ำที่เป็นผู้สร้ำง อุปสงค์ที่ดี ได้แก่ ควำมต้องกำรส ำรวจอวกำศของ NASA และกำรสัมปทำนธุรกิจกำรน ำส่ง สัมภำระและนักบินอวกำศไปสู่สถำนีอวกำศนำนำชำติ ISS ท ำให้สหรัฐอเมริกำมีกำรแข่งขัน ทั้งในด้ำนกำรพัฒนำเทคโนโลยีจรวดน ำส่ง เทคโนโลยียำนอวกำศและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมำกมำย อย่ำงไรก็ตำม กำรเปรียบเทียบในเทคโนโลยีอวกำศระหว่ำงประเทศไทย และสหรัฐอเมริกำอำจจะมีควำมแตกต่ำงที่มำกเกินไปอย่ำงเห็นได้ชัดเนื่องจำกสำเหตุหลำยประกำร แต่หำกจะท ำกำรเปรียบเทียบกับประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกด้วยกันเอง ยกตัวอย่ำงเข่น ประเทศอินโดนีเซียที่ก่อนหน้ำนี้ได้มีควำมพยำยำมติดต่อกับบริษัท SpaceX ในกำรตั้งฐำนส่ง ดำวเทียมทำงตอนเหนือของเกำะปำปัว แสดงภำพข่ำวดังกล่ำว ดังต่อไปนี้
๑๐๒ ภาพที่ ๕๙ หน้ำข่ำวกำรแสดงจุดยืนด้ำนอวกำศของประเทศอินโดนีเซีย ข่ำวดังกล่ำวเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะไม่ประสบควำมส ำเร็จ เนื่องจำกเกิดกำรประท้วงจำกประชำชนในพื้นที่ด้วยเห็นว่ำกำรก่อสร้ำงท่ำอวกำศยำนจะท ำลำย สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของชำวพื้นเมือง อย่ำงไรก็ตำม หำกมีประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำมำรถน ำธุรกิจ กำรน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศได้สมบูรณ์จะท ำให้หลำยประเทศหันไปใช้บริกำรและประเทศ เจ้ำของท่ำอวกำศยำนจะมีควำมได้เปรียบในหลำย ๆ ด้ำน และมีอ ำนำจต่อรองทั้งทำงด้ำนเศรษฐกิจ
๑๐๓ กำรค้ำ และกำรเมืองตำมมำอย่ำงต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่ำนั้น หำกหลำย ๆ ประเทศหรือทุกประเทศ ในแถบนี้มีกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนขึ้นภำยในประเทศ นอกจำกเศรษฐกิจภำยในประเทศ ที่จะเจริญรุ่งเรืองแล้ว โครงกำรอวกำศต่ำง ๆ ก็จะน ำหน้ำประเทศที่ไม่พัฒนำไปอย่ำงมำก ไม่ว่ำจะ เป็นควำมรู้ในวิทยำศำสตร์อวกำศ เทคโนโลยีอวกำศ กำรส ำรวจอวกำศ หรือโครงกำรนักบินอวกำศ ตลอดจนอนำคตกำรเดินทำงข้ำมทวีปในระยะเวลำอันรวดเร็วที่จะสำมำรถใช้ท่ำอวกำศยำน ในกำรลงจอดของยำนอวกำศได้ซึ่งหำกประเทศต่ำง ๆ มีข้อจ ำกัดในกำรเดินทำงหรือมีเงื่อนไข ที่ไม่สำมำรถให้ชำวต่ำงชำติเข้ำใช้งำนได้เมื่อใด ประเทศไทยที่ไม่เริ่มต้นท ำอะไรเลย หรือ Inaction จะสำมำรถถูกตัดสิทธิกำรเข้ำถึงอวกำศได้และกลำยเป็นประเทศที่ล้ำหลังในที่สุด ๕.๓ บทสรุปรายงานการศึกษา จำกกำรศึกษำควำมเป็นไปได้และควำมเหมำะสมในกำรท ำธุรกิจ Outer Space Launching Service และธุรกิจ Outer Space Launching Infrastructure ตลอดจนแนวคิดกำร พัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทยในบทที่ผ่ำน ๆ มำ พบว่ำกำรท ำธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ จะสะท้อนถึงควำมเป็นไปได้และควำมเหมำะสมในกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำน Spaceport ที่นอกจำก จะเป็นกำรกระตุ้นเศรษฐกิจอวกำศและท ำให้เกิดธุรกิจอวกำศหมุนเวียนแล้ว ยังจะเพิ่มศักยภำพ และควำมสำมำรถในวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีอวกำศให้กับประเทศไทย รวมทั้งพัฒนำบุคลำกร ในประเทศให้มีควำมเชี่ยวชำญในกำรพัฒนำเทคโนโลยี และจะเป็นกำรชักน ำผู้เชี่ยวชำญและ นักลงทุนจำกทั่วโลกเข้ำสู่ประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจและสังคมยกระดับขึ้น ตลอดจน ท ำให้ประเทศมีควำมมั่นคงและเปลี่ยนบทบำทจำกประเทศปลำยน้ ำไปเป็นผู้ผลิตต้นน้ ำ และกลำยเป็น Space-Faring Nation ในที่สุด ดังนั้น กำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จึงมีควำมเหมำะสมและมีส่วนส ำคัญในกำรพัฒนำประเทศเป็นอย่ำงมำก ทั้งนี้ ในกำรพัฒนำดังกล่ำวจะต้องท ำกำรศึกษำถึงควำมเป็นไปได้ หรือ Feasibility Study (FS) อย่ำงละเอียดอีกครั้ง เพื่อกำรศึกษำอย่ำงรอบด้ำนก่อนกำรตัดสินใจเริ่มต้น ในกำรพัฒนำธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับท่ำอวกำศยำนในประเทศไทยอย่ำงจริงจัง กำรศึกษำควำมเป็นไปได้ (FS) ในกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะต้องประกอบไปด้วยหัวข้อต่ำง ๆ ดังต่อไปนี้ ๑. Market Segment Analysis Study ๒. Competitor Analysis Study ๓. Environmental Impact Study
๑๐๔ ๔. Spaceport Location Study ๕. Economic Analysis Study ๖. Regulation & Policy Study ๗. Legal Issues on Establishing Spaceport ๘. Benchmark Analysis (among other spaceports) ๙. Trade off Analysis ๑๐. International Best Practices ๑๑. Facility CapEx & OPEX Analysis ๑๒. Business Model ๑๓. Cost and Effectiveness ๑๔. Return of Investment ๑๕. Cost of Inaction ๑๖. Others (if any, need to discuss) ทั้งนี้ ในหัวข้อที่ ๑๒ เรื่อง Business Model จะต้องมีกำรศึกษำและระบุอย่ำงชัดเจนว่ำ ใครคือ Key Partner ของกำรพัฒนำในแต่ละด้ำนและส่วนประกอบแต่ละอย่ำงของ Spaceport รวมถึงจะต้องแสดงถึงวิธีกำรชักน ำ ให้ Key Partner เหล่ำนี้เข้ำมำร่วมด้วยอย่ำงไร รวมทั้ง ต้องตรวจสอบด้วยว่ำ Key Partner ที่เรำสนใจจะร่วมด ำเนินกำรด้วยนั้นมีควำมสำมำรถ และประสิทธิภำพเพียงใดและเพียงพอต่อกำรร่วมด ำเนินกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำนประเทศไทย หรือไม่อนึ่ง หัวข้อกำรศึกษำทั้งหมดดังกล่ำวจะต้องตอบโจทย์ในด้ำนต่ำง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย ด้านความยั่งยืนและความมั่นคง กำรจัดท ำธุรกิจน ำส่ง กล่ำวคือ กำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะสำมำรถสร้ำงควำมยั่งยืนและควำมมั่นคงให้กับประเทศไทยได้หรือไม่และอย่ำงไร เนื่องจำกท่ำอวกำศยำนประเทศไทย จะเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งด้ำนเทคโนโลยีอวกำศ ให้กับประเทศโดยตรง และที่ส ำคัญ คือกำรสร้ำงมั่นคงให้ทำงกำรทหำร เช่น กำรพัฒนำและ กำรส่งดำวเทียมชั้นควำมลับ (Reconnaissance satellite หรือ Spy Satellite) หรือกำรมีนักบิน อวกำศของประเทศในอนำคต เป็นต้น ด้านการค้าเชิงพาณิชย์และกฎระเบียบข้อบังคับ ท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะเปิดโอกำสทำงกำรค้ำและกำร ให้บริกำรทั้งภำยในและภำยนอกประเทศโดยจะต้องท ำกำรศึกษำในส่วนของกำรเข้ำใช้บริกำรจำก
๑๐๕ ทั้งภำคเอกชนและจำกต่ำงประเทศเพื่อให้ทรำบถึงปริมำณกำรใช้งำนของท่ำอวกำศยำนประเทศ ไทยในอนำคตหำกก่อตั้งและพร้อมให้บริกำรแล้ว รวมถึงกำรศึกษำในเรื่องของกฎระเบียบและ ข้อบังคับในกำรใช้งำนท่ำอวกำศยำนประเทศไทย ตลอดจนกำรออกกฎหมำยและระเบียบต่ำง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกันและไม่ติดขัดต่อกำรด ำเนินงำนทำงธุรกิจของภำคเอกชนและนักลงทุน ต่ำงประเทศ ด้านการพัฒนาจรวดและดาวเทียมในประเทศ ท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะสำมำรถสร้ำงสมรรถนะ และควำมสำมำรถในกำรพัฒนำจรวดหรือชิ้นส่วนของจรวด และดำวเทียมหรือชิ้นส่วนของดำวเทียม ภำยในประเทศไทยได้หรือไม่และอย่ำงไร ทั้งนี้ จะต้องศึกษำถึงควำมเป็นไปได้ในกำรจัดตั้ง นิคมอุตสำหกรรมอวกำศในประเทศเพื่อรองรับกำรลงทุนจัดตั้งโรงงำนประกอบทดสอบชิ้นส่วน จรวดและดำวเทียมโดยนักลงทุนจำกต่ำงประเทศ และกฎหมำยที่จะต้องพิจำรณำเพื่อช่วยเหลือ ในกำรเกิดกำรเริ่มต้นกำรลงทุนให้กับนักลงทุนต่ำงประเทศก็จ ำเป็นที่ต้องศึกษำอย่ำงละเอียดถี่ถ้วน เพื่อน ำเสนอเช่นกัน ด้านพื้นที่เชิงพาณิชย์และการบินน่านฟ้า ในกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะต้องศึกษำและน ำเสนอ ให้ชัดเจนว่ำประเทศไทยเหมำะสมที่จะสร้ำงท่ำอวกำศยำนให้เป็นแบบกำรให้บริกำรน ำส่ง (Launch Services) หรือให้บริกำรท่องเที่ยวในอวกำศ (Space Tourism) หรือสำมำรถกระท ำได้ทั้งสองอย่ำง พร้อมกัน และผลกระทบต่ำง ๆ ที่จะเกี่ยวข้อง เช่น กำรบินเชิงพำณิชย์ กำรบินปฏิบัติกำรทำงทหำร และควำมปลอดภัยของประชำชน เป็นต้น ดังนั้น จะต้องศึกษำรวมไปถึงเรื่องของ Safety Range, Safe Zone, Drop Zone หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จ าเป็นและแผนการด าเนินงาน กำรศึกษำในเรื่องของส่วนประกอบ Spaceport หรือโครงสร้ำงพื้นฐำนที่จ ำเป็น (Spaceport Environment) ยกตัวอย่ำงเช่น โรงประกอบจรวด แท่นยิงจรวด ฐำนกำรเติมน้ ำมัน เชื้อเพลิง โรงเก็บเครื่องบินหรือยำนอวกำศและอื่น ๆ เป็นต้น รวมทั้งศึกษำ ถึงแผนกำรด ำเนินงำน ขั้นตอนกำรด ำเนินงำน กำรจัดหำและจัดตั้งโครงสร้ำงต่ำง ๆ ระยะเวลำ งบประมำณในแต่ละส่วน เป็นต้น รูปแบบธุรกิจและการจัดการทางการเงิน รูปแบบธุรกิจและกำรจัดกำรทำงกำรเงินเป็นสิ่งส ำคัญที่จะต้องด ำเนินกำรศึกษำในเชิงลึก เพื่อไม่ให้เกิดควำมผิดพลำดในกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนประเทศไทย แม้ว่ำกำรจัดตั้งเป็นไปเพื่อ
๑๐๖ พัฒนำประเทศด้ำนต่ำง ๆ แต่ควำมคุ้มค่ำ จุดคุ้มทุน ก ำไรหรือขำดทุนเป็นเรื่องส ำคัญที่ต้องศึกษำ ให้ชัดเจน รวมไปถึงวิธีกำรกำรให้บริกำร ช่องทำงในกำรให้บริกำร จ ำนวนบุคลำกรหรือพนักงำน ที่ต้องกำร ปริมำณกำรสร้ำงงำน จ ำนวนอำชีพใหม่ที่จะเกิดขึ้นและมูลค่ำที่เกิดขึ้นในเชิงเศรษฐกิจ และสังคม และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม กำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมหรือไม่และอย่ำงไร เป็นประเด็นส ำคัญที่จะต้องท ำกำรศึกษำเชิงลึกอย่ำง ละเอียด เนื่องด้วยกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนประเทศไทยมีวัตถุประสงค์หลักประกำรหนึ่งคือกำรเพิ่ม GDP ให้กับประเทศ จุดคุ้มทุนและอนาคตในเชิงพาณิชย์ กำรศึกษำควำมเป็นไปได้ในกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนประเทศไทย Spaceport Thailand จะต้องให้รำยละเอียดในเรื่องของจุดคุ้มทุนและกำรเติบโตของธุรกิจและอุตสำหกรรมอวกำศของ ประเทศในอนำคตด้วย ต้นทุนของการเพิกเฉย (Cost of Inaction) ปัจจุบัน นำนำประเทศได้พัฒนำเทคโนโลยีอวกำศไปข้ำงหน้ำอย่ำงรวดเร็ว จึงมีควำมเสี่ยง อย่ำงมำกที่ประเทศไทยอำจจะตำมไม่ทันและท ำให้เกิดกำร Disruption ทำงเทคโนโลยีอวกำศ ได้ในที่สุด อันจะส่งผลเสียร้ำยแรงต่อประเทศหำกรัฐบำลท ำกำรเพิกเฉยต่อกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำน ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องด ำเนินกำรศึกษำอย่ำงลึกซึ้งคือควำมเสียหำยต่อประเทศที่อำจจะเกิดขึ้น เมื่อประเทศไทยไม่มีกำรพัฒนำท่ำอวกำศยำน คณะกรรมำธิกำรกำรสื่อสำร โทรคมนำคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เล็งเห็น ควำมส ำคัญของกำรพัฒนำธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ หรือ Outer Space Launching Service และธุรกิจ Outer Space Launching Infrastructure จึงได้แต่งตั้งคณะท ำงำนเพื่อศึกษำ ควำมเป็นไปได้และควำมเหมำะสมในกำรท ำธุรกิจดังกล่ำว ภำยในก ำกับดูแลของคณะอนุกรรมำธิกำร กิจกำรอวกำศเพื่อเศรษฐกิจและควำมมั่นคง ในคณะกรรมำธิกำรกำรสื่อสำร โทรคมนำคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมี พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ เป็นประธำน คณะอนุกรรมำธิกำร โดยโอกำสและควำมเป็นไปได้ในกำรเติบโตของธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ ขึ้นสู่วงโคจร (Launching Service) และอุตสำหกรรมอวกำศ (Space Industry) ในประเทศไทย จำกกำรศึกษำพบว่ำ มีแนวโน้มที่ดีในกำรท ำธุรกิจประเภทดังกล่ำว ซึ่งประเทศไทยมีลักษณะ
๑๐๗ ทำงภูมิศำสตร์ที่ได้เปรียบและเหมำะสมต่อกำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนโดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง Spaceport จะเป็นโครงสร้ำงพื้นฐำนที่ส ำคัญในกำรพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศและเป็นบันไดส ำคัญที่จะเชื่อมโยง ประเทศไทยและอวกำศให้ใกล้กันขึ้นอย่ำงเป็นรูปธรรม ที่ไม่ว่ำจะเป็นกำรพัฒนำดำวเทียม เพื่อกำรศึกษำ เพื่อกำรพำณิชย์ หรือเพื่อควำมมั่นคงทำงทหำร ก็สำมำรถทดลองและทดสอบ ส่งได้ทันทีในประเทศ โดยไม่จ ำเป็นต้องพึ่งพำควำมสำมำรถจำกต่ำงประเทศซึ่งเป็นกำรลดค่ำใช้จ่ำย และต้นทุนในกำรส่งดำวเทียมหรือวัตถุไปอวกำศ นอกจำกนี้ ไม่ว่ำจะเป็นไปเพื่อกำรวิจัยหรือ กำรทดลองในอวกำศที่ต้องศึกษำหำควำมรู้และสร้ำงเป็นองค์ควำมรู้ใหม่ให้กับประเทศ หรือกำรสร้ำงนวัตกรรมจำกอวกำศให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประชำชนทั่วไปสำมำรถใช้ได้และกลำยเป็น สินค้ำส่งออกก็จะเกิดขึ้นได้ง่ำยภำยในประเทศ รวมทั้ง ยังส่งเสริมกำรเกิดลงทุนและกำรเพิ่มรำยได้ เข้ำประเทศอีกมำกมำย ธุรกิจน ำส่งดำวเทียมและวัตถุอวกำศ แท้จริงคือโครงสร้ำงพื้นฐำนทำงอวกำศขนำดใหญ่ (Biggest Space Infrastructure) ที่สำมำรถสร้ำงงำนและรำยได้แก่ประชำชนจ ำนวนมำก ดังจะมีอำชีพเกิดขึ้นรวมทั้งต ำแหน่งงำนมำกกว่ำ ๓๐๐ - ๔๐๐ อำชีพ อำทิ ช่ำงประกอบจรวด ช่ำงประกอบเพย์โหลด ช่ำงขัดท่อจรวด ช่ำงทำเคลือบกันเขม่ำควัน ช่ำงกัดเหล็ก ช่ำงดัดแผงโลหะ ช่ำงอิเล็กทรอนิกส์ระบบจรวด ช่ำงไฟฟ้ำระบบจรวด เจ้ำหน้ำที่ตรวจสอบกำรน ำเข้ำจรวด เจ้ำหน้ำที่ ตรวจสอบกำรน ำเข้ำอุปกรณ์ประกอบจรวด เชื้อเพลิง และอื่น ๆ อีกมำกที่ยังไม่เคยมีต ำแหน่งงำน เหล่ำนี้เกิดขึ้นในประเทศมำก่อน ตลอดจนพนักงำนต้อนรับ พนักงำนท ำควำมสะอำด พนักงำนขำย ตั๋วเที่ยวบินไปอวกำศในที่สุด ซึ่งอำชีพต่ำง ๆ เหล่ำนี้ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตควำมเป็นอยู่ รำยได้ คุณภำพชีวิต ประกันสังคม กำรศึกษำของบุตรหลำน กำรให้ควำมรู้ กำรสร้ำงแรงบันดำลใจ และส่งผลกระทบไปในเรื่องของจิตใจ ที่อวกำศจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในทำงตรงกันข้ำม หำกประเทศไทยนิ่งเฉย และใช้บริกำรจำกประเทศตะวันตก หรือ ประเทศอื่น ๆ ต่อไป นอกจำกจะถูกกดดันทำงกำรเมือง ลดควำมได้เปรียบทำงกำรค้ำ เกิดกำรต่อรองที่ไม่เป็นธรรม เช่น อ้ำงกำรน ำส่งดำวเทียมให้รวดเร็วเพื่อขอลดภำษีน ำเข้ำสินค้ำ บำงอย่ำง เป็นต้น รวมทั้งยังต้องพบกับอัตรำค่ำบริกำรที่สูงและไม่มีทำงเลือกในกำรใช้บริกำร (เรียกเท่ำไรก็ต้องให้) และหำกไม่ปฏิบัติตำมประเทศไทยอำจจะถูกตัดสิทธิ์กำรเข้ำถึงอวกำศ และจะเกิดควำมยำกล ำบำกทั้งในด้ำนดำวเทียมสื่อสำร ดำวเทียมส ำรวจโลกและผลกระทบอื่น ๆ เช่น ดำวเทียมน ำทำง นอกจำกนี้ ประเทศไทยจะกลำยเป็นประเทศล้ำหลังในเทคโนโลยีอวกำศ ขำดงำนวิจัยและกำรต่อยอดควำมรู้จำกอวกำศ เมื่อต้องน ำเข้ำเทคโนโลยีอวกำศใหม่ ๆ เข้ำมำ โดยไม่มีควำมรู้เป็นพื้นฐำน จะท ำให้เกิดกำรเลิกจ้ำงงำนและเปลี่ยนไปใช้ระบบอัตโนมัติแทนทั้งหมด ในทันที หรือไม่สำมำรถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ (Disruptive Technology and Innovation)
๑๐๘ ดังนั้น กำรศึกษำควำมเป็นไปได้และควำมเหมำะสมในกำรท ำธุรกิจ Outer Space Launching Service และธุรกิจ Outer Space Launching Infrastructure ในประเทศไทยนั้น ได้ข้อสรุปที่ครอบคลุมกำรใช้ประโยชน์ในวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี วิจัย นวัตกรรม ธุรกิจ GDP โครงสร้ำงพื้นฐำน สร้ำงงำน สร้ำงรำยได้ทั้งทำงตรงและทำงอ้อม ให้กับประเทศ รวมทั้ง เป็นกำรดึงดูดบุคลำกรในสำขำที่เกี่ยวข้องที่มีควำมสำมำรถจำกทั่วโลกมำท ำงำนในประเทศไทย พัฒนำควำมสำมำรถของบุคลำกรในประเทศและสร้ำงเครือข่ำยระหว่ำงประเทศได้อย่ำงครบวงจร นอกจำกนี้คณะท ำงำนยังได้พิจำรณำทั้งในด้ำนแนวโน้มของธุรกิจน ำส่ง ควำมเป็นไปได้ นโยบำยระดับประเทศ แผนแม่บทระดับประเทศ ศักยภำพในด้ำนต่ำง ๆ ของประเทศไทย อำทิ บุคลำกร ควำมเชี่ยวชำญ ต ำแหน่งที่ตั้ง และบทบำทหน้ำที่ของหน่วยงำนต่ำง ๆ ตลอดจนต ำแหน่ง ที่ตั้งที่พบว่ำประเทศไทยมีภูมิภำคที่เหมำะสมอย่ำงยิ่งต่อกำรพัฒนำธุรกิจ Space Launching Service ที่จะไม่ใช่เพียงเฉพำะในภำคใต้ที่มีพื้นที่ติดทะเลและอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรเท่ำนั้น แต่มีควำม เหมำะสมทั้งในภำคกลำงตอนบน ภำคตะวันออก เฉียงเหนือ และบริเวณกลำงอ่ำวไทย (SeaLaunch) ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เทคโนโลยีกำรใช้จรวดแบบกลับคืนหรือ Reusable Rocket จะ เป็นประโยชน์อย่ำงมำกในกรณีพื้นที่ที่ไม่ติดทะเลดังกล่ำว กำรพิจำรณำในเรื่องของเครือข่ำยพันธมิตรควำมร่วมมือต่ำง ๆ ทั้งภำยในและภำยนอก ประเทศ ซึ่งประเทศไทย มีข้อมูลและเครือข่ำยองค์กรอวกำศจำกทั่วโลกที่พร้อมให้กำรสนับสนุน รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่สำมำรถน ำมำใช้ในกำรพัฒนำ Spaceport Thailand ได้ ทั้งนี้ คณะท ำงำนได้ศึกษำประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ ในประเด็นนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่ำกำรท ำธุรกิจ น ำส่ง Space Launching Services จะเป็นโครงสร้ำงพื้นฐำนขนำดใหญ่ในกำรพัฒนำธุรกิจ และอุตสำหกรรมอวกำศให้กับประเทศ จึงท ำให้เกิดผลกระทบที่ดีในด้ำนอุตสำหกรรม กล่ำวคือ จะท ำให้เกิดควำมยั่งยืนในอุตสำหกรรมดำวเทียม อุตสำหกรรมกำรบินและอวกำศ อุตสำหกรรม กำรผลิตจรวดและชิ้นส่วน อุตสำหกรรมพลังงำน อุตสำหกรรมกำรท่องเที่ยว อุตสำหกรรม เครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ และอุตสำหกรรมอื่น ๆ อีกมำก ทั้งยังส่งผลกระทบที่ดีในด้ำนสังคม ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่ำงเช่น กำรจัดตั้งท่ำอวกำศยำนในประเทศจะท ำให้ประชำชนมีแหล่งประกอบ อำชีพเพิ่มมำกขึ้น และประชำชนมีโอกำสได้รับสวัสดิกำรจำกภำครัฐหรือภำคเอกชนที่เข้ำร่วม ประกอบกำร ซึ่งจะท ำให้คุณภำพชีวิตและครอบครัวดีขึ้นตำมล ำดับ ดังผลกำรวิเครำะห์ด้วยหลักกำร พื้นฐำนตำมรำยละเอียดต่ำง ๆ ในรำยงำน ได้ส่งสัญญำณที่ดีในกำรพิจำรณำจัดท ำธุรกิจ Outer Space Launching Service และธุรกิจ Outer Space Launching Infrastructure ในประเทศไทย และข้อมูลทั้งหมดในรำยงำนฉบับนี้ จะถูกใช้เพื่อเป็นแนวทำงในกำรศึกษำควำมเป็นไปได้ หรือกำรจัดท ำ Feasibility Study (FS) ส ำหรับกำรจัดพัฒนำธุรกิจอวกำศในประเทศต่อไป
Outer Space Launching Service bba a n I si I 9 s 5 Outer Space Launchin9 Infrastructure ~~aaln'~iiuii~na~ua'i~qluni~~mW"i~~iio~~niia uazln'~Ca8q~nnuaais~asda~bsdab$ab~a w .3 m9u a. n~sCmlGi~9dau~1~~i~~d~1d?u~m~a~lu61~ii~n1~~1fi~m~~il~~ L~OLCIUI~ daui-xuluniswSnpiu Ei.r~a'su aCunyun"iuqudsau1~'%61uqu5Cu ~unisimu~~nains n?iur~uisnu~unizM'1;3ii~ Outer Space Launchinq Service uaanisn'iqs'io Outer Space Launchinq Infrastructure wiau#s~a~c~nol Barnuauua ~aaBaRn~iiuvna ~~sn~~ui8n1s~dal~~m5o1s~1~~aa~.1~~ua~a~ds~~un~1~~~wu~1wg~ ~aaviau\~iu i~~uuabasw"oisaiiald
เอกสารอ้างอิง [๑] Bryce, “Global Space Industry Dynamics,”Research Paper for Australian Government, Department of Industry, Innovation and Science nby Bryce Space and Technology, LLC, p. 1, 2017. [๒] ศำสตรำ สุดสวำสดิ์, “กำรรำยงำนผลกำรศึกษำอุตสำหกรรมอวกำศในประเทศไทย (The Size of Thai Space Industry),” สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์, ๒๐๑๙. [๓] ส ำนักงำนสภำพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ, “ควำมยำกจนและเหลื่อมล้ ำของ ประเทศไทย ปี๒๕๖๒,” Poverty and Inequity Report, 2019. [๔] D. N. B. Browder, “How to Build a Spaceport: Analyzing Spaceport Feasibility via Financial Analysis,” 70th International Astromautical Congress, Vols. IAC-19-D6.3.1, 2019. [๕] Space Florida, “Cape Canaveral Spaceport Master Plan,” Space Florida, 2017. [๖] T. G. Roberts, “Spaceports of the world,”the Center for Strategic and International Studies, 2019. [๗] G. Sadlier, “Executive Summary: The Size & Health of the UK Space Industry,” UK Space Agency, Oct 2014. [๘] “SPACEPORT UK: FORGING COMMERCIAL CONFIDENCE,” Satellite Application Catapult, 2014. [๙] Australia Space Agency, “FLIGHT SAFETY CODE,” Commonwealth of Australia and the States and Territories of Australia, 2019. [๑๐] Frost & Sullivan, “UK Spaceport Business Case Evaluation,” A Frost & Sullivan White Paper, 2018. [๑๑] P. Boonklum, “Spaceport Thailand: The Design of PAssenger Terminal for Space Travel,” 2018. [๑๒] R. Tomanek and J. Hospodka, “Reusable Launch Space Systems,” Magazine of Aviation Development, Vols. ISSN : 1805 - 7578, 2018.
๑๑๑ [๑ ๓ ] D. Webber, “The New Commercial Spaceports,” American Institute of Aeronautics and Astronautics,2018. [๑๔] “National Spaceport Network Development Plan,”Federal Aviation Administration (FAA), 2020. [๑๕] “Public-Private Spaceport Development,” SpaceOps ๒๐๐๘ Conference, Vols. AIAA 2008 -3584, 2008. [๑๖] OEDE, “The Space Economy in Figures: HOW SPACE CONTRIBUTES TO THE GLOBAL ECONOMY,” 2019. [๑๗] e. a. R. L. Kobrick, “Necessary Conditions and Infrastructure for a Successful Multi-User Spaceport,” 1st Annual Space Traffic Management Conference “Roadmap to the Stars”, 2014. [๑๘] Cecil, “ Cecil Spaceport Master Plan,” Jacksonville Aviation Authority, RSH Improving Your World,, 2012.
ภาคผนวก
๑๑๓ ภาคผนวก ก ค าสั่งแต่งตั้ง
๑๑๔
๑๑๕