The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงาน น้ำแข็งมหัศจรรย์ และ กล้วย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dlict, 2023-08-30 00:19:10

โครงงาน น้ำแข็งมหัศจรรย์ และ กล้วย

โครงงาน น้ำแข็งมหัศจรรย์ และ กล้วย

1


2 คำนำ รายงานผลการทำโครงงาน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะของเด็กปฐมวัย ตามโครงการ บ้าน นักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ระดับปฐมวัยปีที่ 2 ได้จัดทำโครงงาน เรื่อง กล้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เด็กสนใจ อยากเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของกล้วย และประโยชน์ของกล้วยมีอะไรบ้าง ซึ่งเด็กได้ศึกษา ค้นคว้า หา ความรู้จากแหล่งต่างๆและทำการทดลองด้วยวิธีการที่หลากหลาย และระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ได้จัดทำ โครงงานเรื่อง น้ำแข็งมหัศจรรย์ เรียนรู้เกี่ยวกับการละลายของน้ำแข็ง สาเหตุใดที่ทำให้น้ำแข็งละลาย และ น้ำแข็งแบบใดที่ละลายช้า น้ำแข็งแบบใดที่ละลายเร็ว ซึ่งเด็กได้ทำการทดลองด้วยวิธีการต่างๆที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีกระบวนการคิดที่เป็นขั้นตอนโดยครูเป็นผู้สนับสนุนและคอยกระตุ้นการทำกิจกรรม เพื่อให้ นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น โดยในคำถามที่ 2 นั้นได้สอดแทรกทักษะการ สังเกตและการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆรอบตัวที่มีอยู่ในโรงเรียนและท้องถิ่นชุมชนเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผู้นำเสนอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานผลการทำโครงงาน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะของเด็กปฐมวัย ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ชื่อโครงงานเรื่อง กล้วย และ น้ำแข็งมหัศจรรย์ ของเด็ก ปฐมวัยปีที่ 2,3 โรงเรียนบ้านควนอินนอโม จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยและเป็นแนวทางให้ผู้ที่กำลัง สนใจได้ศึกษาและนำไปปรับใช้ได้ต่อไป นางสาวฟารีดา ขุนจันทร์ โรงเรียนบ้านควนอินนอโม


3 สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ สารบัญ โครงงานเรื่อง น้ำแข็งมหัศจรรย์ ชื่อโครงงาน 1 ผู้จัดทำโครงงาน 1 ที่ปรึกษาโครงงาน 1 ระยะเวลาในการจัดทำ 1 ที่มาของโครงงาน 1 คำถามที่ 1 น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็งก้อนใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากัน - จุดประสงค์ - ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ 1 - ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 3 - ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 4 - ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 7 - ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 8 - ขั้นที่ 6 อภิปรายผล 9 - ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 10


4 เรื่อง หน้า คำถามที่ 2 น้ำแข็งในน้ำเปล่าและน้ำแข็งในน้ำหวานละลายต่างกันอย่างไร - จุดประสงค์ 12 - ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ 12 - ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 12 - ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 13 - ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 17 - ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 19 - ขั้นที่ 6 อภิปรายผล 21 - ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 22 โครงงานเรื่อง กล้วย ชื่อโครงงาน 24 ผู้จัดทำโครงงาน 24 ที่ปรึกษาโครงงาน 24 ระยะเวลาในการจัดทำ 24 ที่มาของโครงงาน 24 คำถามที่ 1 ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง - จุดประสงค์ - ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ 25 สารบัญ (ต่อ)


5 เรื่อง หน้า - ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 26 - ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 27 - ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 28 - ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 31 - ขั้นที่ 6 อภิปรายผล 32 - ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 33 คำถามที่ 2 กล้วยมีประโยชน์อย่างไร - จุดประสงค์ 35 - ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ 35 - ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน 35 - ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ 36 - ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย 40 - ขั้นที่ 5 บันทึกข้อมูล 41 - ขั้นที่ 6 อภิปรายผล 42 - ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย 42 สารบัญ (ต่อ)


6 ชื่อโครงงาน น้ำแข็งมหัศจรรย์ ผู้จัดทำโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านควนอินนอโม ครูที่ปรึกษา นางสาวฟารีดา ขุนจันทร์ ระยะเวลาดำเนินการ ระหว่างวันที่ 9 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่มาของโครงงาน จากครูประจำชั้น ชอบกินน้ำแข็ง ชอบขอเด็กกินเวลาน้ำหวานหมด เด็กจะชอบกินแต่น้ำหวานเหลือ แต่น้ำแข็งมาวางไว้บนโต๊ะครู เพื่อจะให้ครูกิน วันนี้ก่อนนอนเด็กกินน้ำหวานยังไม่หมดจึงมาฝากครูไว้ มีทั้ง น้ำองุ่น น้ำมะนาว น้ำเปล่า น้ำแข็งเปล่า เด็กตื่นขึ้นมาเพื่อจะเอาน้ำหวานไปกินต่อ น้องฟาเดลพูดขึ้นว่า “ครูครับน้ำแข็งของผมละลายหมดแล้วครับ ผมนอนแป๊บเดียวเอง” อาฟิก “ของผมละลายยังไม่หมดครับ เหลือก้อนเล็กๆครับ” จากการละลายของน้ำแข็งทำให้เด็กเกิดความสงสัยในการละลายของน้ำแข็ง ขั้นที่ 1 คำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ(วันที่ 9 มกราคม 2566) ครู : น้ำแข็งที่เด็กๆเอามาวางที่โต๊ะครูมีน้ำอะไรบ้างคะ อมีลิน : ของหนูน้ำองุ่นค่ะ ซาริน : ของหนูน้ำแข็งเฉยๆค่ะ หนูดูดกินน้ำหวานหมดแล้ว อาฟิก : ของผมน้ำสตรอเบอรี่ ฟาซิม : ของผมน้ำแข็งเฉยๆครับ แต่ของผมน้ำแข็งก้อนใหญ่เลยละลายไม่หมดครับ ทับทิม : คุณครูคะน้ำแข็งในน้ำเปล่าทำไมละลายหมดคะ ในน้ำองุ่นของอมีลิน ละลายไม่หมดเหลือก้อนเล็กๆ ฟัรฮา : คุณครูครับน้ำแข็งก้อนเล็กกับก้อนใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากันครับ อาฟรีด้า : ก้อนเล็กละลายเร็วค่ะ อมยังละลายในปากหมดเลย อัชรอฟ : คุณครูครับ ผมต้องเก็บน้ำแข็งไว้ที่ไหนถึงจะไม่ละลายครับ ซิม : เก็บไว้ในตู้เย็นช่องฟิตสีอัชรอฟ ภูตะวัน : เก็บไว้ในกระติกน้ำแข็งครับ ฮานีฟา : คุณครูถ้าหนูจะเอาน้ำแข็งที่ละลายในน้ำหวานแล้วไปทำเป็นน้ำแข็ง เหมือนเดิมต้องทำอย่างไรค่ะ ฟาเดีย : เอาน้ำหวานใส่ถุง เอาเข้าช่องฟิต หนูเห็นแม่ทำค่ะ ฟาเดล : แม่เอาน้ำใส่ขัน เอาเข้าช่องฟรีซ ตื่นเช้ามาน้ำเป็นน้ำแข็งเลยครับ


7 ครูรวบรวมคำถามของเด็กแล้วเขียนบันทึกลงกระดาษชาร์ท 1. ทำไมน้ำแข็งในน้ำเปล่าละลายหมด น้ำแข็งในน้ำหวานของต่อละลายไม่หมด 2. น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็งก้อนใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากัน 3. น้ำแข็งที่ละลายแล้วทำอย่างไรจะกลายเป็นน้ำแข็ง เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับคำถาม และให้เด็กเลือกคำถามที่เด็กอยากรู้มากที่สุด ได้ 2 คำถามดังนี้ 1. น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็งก้อนใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากัน 2. น้ำแข็งในน้ำเปล่าและน้ำแข็งในน้ำหวานละลายต่างกันอย่าง เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับน้ำแข็ง และเด็กตั้งคำถามที่อยากรู้


8 คำถามที่ 1 น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็งก้อนใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากัน จุดประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบการละลายของน้ำแข็งก้อนเล็กและน้ำแข็งก้อนใหญ่ ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (วันที่ 9 มกราคม 2566) เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะของน้ำแข็งที่เด็กๆเคยเห็นในชีวิตประจำวัน ครู : น้ำแข็งที่เด็กๆเคยเห็นมีลักษณะอย่างไรคะ ฟาซิม : เป็นก้อนกลมๆมีรูตรงกลางครับ เย็นครับ อมีลิน : เป็นก้อนเล็กๆค่ะ ก้อนไม่เท่ากันเรียกว่าน้ำแข็งบดค่ะ ฟัรฮา : ก้อนกลมเล็กๆครับ มีรูตรงกลาง เวลาแม่ซื้อกาแฟเขาเอาน้ำแข็งแบบนี้ให้ครับ อาฟรีด้า : คุณครูคะ น้ำแข็งมีก้อนสี่เหลี่ยมด้วยค่ะ น้ำแข็งที่ KFC ค่ะ ครู : น้ำแข็งก้อนกลมๆมีรูตรงกลางเรียกว่าน้ำแข็งอะไรคะ อาฟิก : น้ำแข็งหลอดครับ ภูตะวัน : น้ำแข็งหลอดครับ ครู : เด็กๆคิดว่าน้ำแข็งก้อนใหญ่กับน้ำแข็งก้อนเล็กอะไรละลายเร็วกว่ากันคะ วรัญญู : ก้อนเล็กครับ อมยังละลายในปากเลยครับ ก้อนใหญ่กว่าจะละลายครับ ฮานีฟา : หนูว่าก็เล็กค่ะ ทับทิม : ก้อนเล็กละลายเร็วค่ะแป๊บเดียวก็ละลายหมดแล้ว ซิมซิม : ก้อนเล็กครับ ก้อนใหญ่กว่าจะะลาย ครู : เราจะมีวิธีการอย่างไรคะ จึงจะทราบคำตอบว่า น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็งก้อน ใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากัน อมีลิน : ทดลองค่ะคุณครู ฮานีฟา : ไปค้นคว้าในห้องสมุดค่ะ อาฟิก : ทดลองครับ ฟาเดล : ถามคุณครูครับ ฟาลิซ่า : ทดลองค่ะ


9 ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่ 11 มกราคม 2566) เด็กส่วนมากเลือกเอาวิธีการทดลองเพื่อค้นหาคำตอบจากคำถามข้อที่ 1 “ น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็ง ก้อนใหญ่อะไรละลายเร็วกว่ากัน” เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการทดลองว่าจะมีวิธีการขั้นตอนการทดลองอย่างไร ครู : เราจะมีวิธีการทดลองอย่างไรคะ อมีลิน : เอาน้ำแข็งก้อนเล็กใส่แก้ว เอาน้ำแข็งก้อนใหญ่ใส่แก้ว วางไว้ค่ะ อาฟิก : น้ำแข็งต้องเท่ากันด้วย ครู : ทำอย่างไรให้น้ำแข็งเท่ากันคะ อัชรอฟ : เอาใส่แก้วให้เต็มเท่ากันครับ ซาริน : ชั่งค่ะคุณครู ฮานีฟา : เอาขึ้นตาชั่งเลยค่ะ ทับทิม : เอาน้ำแข็งใส่แก้ว ตั้งทิ้งไว้แล้วรอดูการละลายค่ะ ครู : เราจะดูเป็นระยะหรือดูตลอดคะ ซาริน : ดูเป็นระยะค่ะ อาฟรีด้า : ดูเป็นระยะค่ะ ครู : อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองมีอะไรบ้างคะ อมีลิน : น้ำแข็งก้อนเล็ก น้ำแข็งก้อนใหญ่ แก้วน้ำและตาชั่งค่ะ ภูตะวัน : น้ำแข็งก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ แก้วน้ำ ตาชั่งครับ เด็กและครูร่วมกันสรุปวิธีการทดลองเพื่อค้นหาคำตอบ “น้ำแข็งก้อนเล็กกับน้ำแข็งก้อนใหญ่อะไร ละลายเร็วกว่ากัน” ครูจดบันทึกขั้นตอนการทดลองลงกระดาษชาร์ท อุปกรณ์การทดลอง 1. น้ำแข็งก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ 2. แก้วน้ำ 3. ตาชั่ง วิธีการทดลอง 1. ถังน้ำแข็งก้อนเล็กน้ำแข็งก้อนใหญ่ให้มีปริมาณเท่ากัน 2. เอาน้ำแข็งใส่แก้ว 3. ตั้งทิ้งไว้ดูการละลายของน้ำแข็งเป็นระยะ


10 เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการบันทึกการทดลองและออกแบบแบบบันทึกผลการทดลอง ครู : เราจะมีวิธีบันทึกผลการทดลองอย่างไรคะ อาฟิก : วาดภาพค่ะ ฟาเดล : วาดภาพครับ ฟาลิซ่า : วาดภาพค่ะ เด็กและครูร่วมกันออกแบบบันทึกผลการทดลอง การทดลอง 1. ครูนำน้ำแข็งหลอดใหญ่ หลอดเล็กและน้ำแข็งบดมาให้เด็กสังเกต สัมผัส และชิมรส เด็กและครู ร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับลักษณะสี รูปร่าง กลิ่น รสชาติของน้ำแข็ง ครู : น้ำแข็งที่ครูนำมาให้เด็กๆสังเกตมีกี่ชนิดคะ ซาริน : สามชนิดครับ น้ำแข็งหลอดใหญ่ หลอดเล็กและน้ำแข็งบดค่ะ ฟาซิม : 3 ชนิดครับ น้ำแข็งหลอดใหญ่หลอดเล็กและน้ำแข็งบดครับ น้ำแข็งหลอดเล็ก ผมเคยเอามาใส่น้ำส้มครับ ครู : น้ำแข็งแต่ละชนิดเหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ ภูตะวัน : น้ำแข็งหลอดเล็กกับน้ำแข็งหลอดใหญ่เป็นก้อนกลมๆมีรูตรงกลางครับ แต่น้ำแข็งบดมีหลายรูปทรง ก้อนเล็กไม่มีรูสีเหมือนกันเย็นเหมือนกัน อมีลิน : เหมือนกันตรงสีเหมือนกัน เย็นและไม่มีกลิ่นค่ะ ครู : น้ำแข็งถ้าเราจับนานๆจะเป็นอย่างไรคะ ฟาคิร : เย็นมากครับจนต้องเอามือออก 2. เด็กๆช่วยกันเตรียมอุปกรณ์การทดลองตามข้อตกลงที่เด็กๆได้ร่วมกันเสนอความคิดเห็น เด็กช่วยกันเตรียมอุปกรณ์


11 3. เด็กชั่งน้ำแข็งให้มีปริมาณ 1 ขีด 4. ใส่น้ำแข็งลงในแก้วตั้งทิ้งไว้ 10 นาที 20 นาที สังเกตปริมาณน้ำในแก้วโดยใช้ไม้บรรทัดวัด และวัด อุณหภูมิในแก้วน้ำแข็งโดยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของก้อนน้ำแข็ง 10 นาที 20 นาที 30 นาที เด็กชั่งน้ำแข็ง เด็กช่วยกันเลือกก้อนน้ำแข็ง เด็กชั่งน้ำแข็งให้มีปริมาณ 1 ขีด เด็กสังเกตขนาดและน้ำหนักของน้ำแข็ง


12 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (วันที่ 12 มกราคม 2566) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับผลการทดลองการละลายของน้ำแข็ง โดยครูวางแก้วน้ำ 3 แก้วให้ เด็กสังเกต ครู : เด็กๆดูน้ำทั้ง 3 แก้วมีน้ำเท่ากันไหมคะ อาฟิก : ไม่ครับ แก้วน้ำแข็งบดมีน้ำมากที่สุด แก้วน้ำแข็งหลอดใหญ่มีน้ำน้อยที่สุดครับ อมีลืน : ไม่เท่ากันค่ะ แก้วน้ำแข็งบดมีน้ำมากที่สุด รองลงมาแก้วน้ำแข็งหลอดเล็ก และแก้วน้ำแข็งหลอดใหญ่มีน้ำน้อยที่สุด ฮาดิษ : ไม่เท่ากันครับ แก้วน้ำแข็งบดมีน้ำมากที่สุด รองลงมามาแก้วน้ำแข็งหลอดเล็ก แก้วน้ำแข็งหลอดใหญ่น้ำน้อยที่สุดครับ ครู : น้ำแข็งที่อยู่ในแก้วต่างกันไหมค่ะ ซาริน : ต่างค่ะน้ำแข็งบดไม่มีค่ะละลายหมดค่ะ น้ำแข็งหลอดเล็กเหลือนิดเดียวค่ะ ฟัรฮา : น้ำแข็งหลอดใหญ่ละลายไม่หมดครับเหลือเป็นก้อนเลยครับ ฟาคิร : ต่างกันครับ ครู : น้ำแข็งอะไรละลายเร็วที่สุดค่ะ อมีลิน : น้ำแข็งบดค่ะ ฟาเดล : น้ำแข็งบดครับ ครู : น้ำแข็งอะไรละลายช้าที่สุดคะ ทับทิม : น้ำแข็งหลอดใหญ่ค่ะ ฟาลิซ่า : น้ำแข็งหลอดใหญ่ค่ะ 10 นาที วัดปริมาณน้ำที่ละลาย 20 นาที น้ำสูงขึ้นกว่าเดิม 30 นาที น้ำแข็งละลายเกือบหมด


13 เด็กและครูร่วมกันอภิปรายผลการสังเกต ระดับน้ำในแก้วทั้ง 3 แก้วไม่เท่ากัน แก้วน้ำแข็งบดมีน้ำ มากที่สุด รองลงมาคือแก้วน้ำแข็งหลอดเล็ก แก้วน้ำแข็งหลอดใหญ่ละลายไม่หมดเหลือเป็นก้อน ขั้นที่ 5 บันทึกผล (วันที่ 13 มกราคม 2566) เด็กแต่ละกลุ่มบันทึกผลการทดลองในแบบบันทึกที่ครูและนักเรียนร่วมกันออกแบบไว้ 1. ครูแจกแบบบันทึกผลและดินสอให้เด็กแต่ละคน 2. เด็กและครูร่วมกันทบทวนวิธีการบันทึกผลการทดลอง 3. เด็กแต่ละคนบันทึกผลการทดลองเป็นรายบุคคลและเป็นรายกลุ่ม 4. ให้เด็กแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน และนำแบบบันทึกผลไปติดไว้ที่บอร์ดหน้า ห้องเรียน ชนิดของน้ำแข็ง 0 - 10 นาที 11 - 20 นาที 21 - 30 นาที น้ำแข็งบด น้ำแข็งบดเริ่มละลาย น้ำแข็งบดละลายมากขึ้น น้ำแข็งบดละลายหมด น้ำแข็งหลอดเล็ก น้ำแข็งหลอดเล็กเริ่ม ละลาย น้ำแข็งหลอดเล็กละลาย มากขึ้น น้ำแข็งหลอดเล็กละลาย เหลือ 2 ก้อนเล็กๆ น้ำแข็งหลอดใหญ่ น้ำแข็งหลอดใหญ่ละลาย ไม่มาก น้ำแข็งหลอดใหญ่ละลาย มากขึ้น น้ำแข็งหลอดใหญ่ละลาย ไม่มาก


14 ขั้นที่ 6 สรุป สรุปและอภิปรายผล (วันที่ 13 มกราคม 2566) เด็กและครูร่วมกันทบทวนขั้นตอนการทดลอง และสรุปผลการทดลองจากแบบบันทึกผลการทดลอง ครู : น้ำแข็งอะไรละลายเร็วที่สุดคะ อาฟิก : น้ำแข็งบดครับ อมีลิน : น้ำแข็งบดค่ะ ครู : รองลงมาคือน้ำแข็งอะไรคะ ฟาคิร : น้ำแข็งหลอดเล็กครับ ฟาเดล : น้ำแข็งหลอดเล็กครับ ครู : น้ำแข็งอะไรละลายช้าที่สุดคะ ภูตะวัน : น้ำแข็งหลอดใหญ่ครับ อาฟิก : น้ำแข็งหลอดใหญ่ครับ ครู : เพราะอะไรน้ำแข็งบดจึงละลายได้เร็วที่สุดคะ อัชรอฟ : เพราะน้ำแข็งบดก้อนเล็กละลายได้เร็วครับ ทับทิม : ก้อนเล็กค่ะ ครู : ทำไมน้ำแข็งหลอดใหญ่ละลายช้าคะ ฮาดิษ : มันก้อนใหญ่ครับ หนาด้วยครับ ฟาซิม : ก้อนใหญ่ครับ เด็กๆร่วมกันสรุปได้ว่า อันดับ 1 น้ำแข็งบดละลายได้เร็วที่สุด อัน 2 น้ำแข็งหลอดเล็ก อันดับ 3 น้ำแข็งหลอดใหญ่ สิ่งที่เด็กๆสังเกตได้จากการทดลองเพิ่มเติมคือ เวลาผ่านไปมีหยดน้ำใสเกาะอยู่ นอกแก้วทั้ง 3 แก้ว เด็กๆวัดอุณหภูมิช่วง 10 นาทีแรก วัดได้ 1 องศา 20 นาทีต่อมา วัดได้ 3 องศา และ 30 นาทีต่อมาวัดได้ 5 องศา น้ำแข็งบดละลายใน 30 นาที น้ำแข็งหลอดเล็กละลายเหลือ 2 ก้อนเล็ก น้ำแข็งหลอดใหญ่ละลายเหลือ ก้อนใหญ่กว่าทุกแก้ว


15 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 1.1. ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้เรียนรู้เรื่องปริมาณของน้ำแข็ง - เด็กได้ลงมือทำการทดลองด้วยตนเอง - เด็กได้เรียนรู้สถานะของของแข็งและของเหลว - เด็กได้เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว 1.2. ด้านภาษา - เด็กสามารถตั้งคำถามและตอบคำถามได้ - เด็กสนทนาโต้ตอบ ซักถามได้ - เด็กสามารถพูดประโยคยาวและต่อเนื่องได้ - เด็กมีมารยาทในการฟัง - เด็กสามารถสื่อความหมายด้วยการวาดภาพและสัญลักษณ์ได้ - เด็กเขียนชื่อตัวเองหรือข้อความตามแบบได้ 1.3. ด้านสังคม - เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้ - เด็กปฏิบัติตามกติกาของห้องเรียน - เด็กมีมารยาทในการฟังและการพูด - เด็กมีความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี 1.4. ด้านการเคลื่อนไหวและทักษะการรับรู้ของประสาทสัมผัส - เด็กสามารถเคลื่อนไหว หยิบ จับ และใช้อุปกรณ์ในการทดลองอย่างคล่องแคล่ว - เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้ทั้งการดูและการสัมผัส 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1. ทักษะการสังเกต - สังเกตลักษณะของน้ำแข็ง รูปทรงของแก้วน้ำ - การหยิบ จับ สัมผัส วัสดุต่างๆที่ใช้ในการทดลอง คือ น้ำแข็ง แก้วน้ำ สังเกตการ เปลี่ยนแปลงของน้ำแข็ง สังเกตการละลายของปริมาณน้ำแข็ง ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย


16 2.2. ทักษะการวัด - เปรียบเทียบปริมาณน้ำทั้ง 3 แก้ว - การใช้ไม้บรรทัดวัดระดับน้ำในแก้ว - การชั่งน้ำหนักน้ำแข็ง 2.3. ทักษะการคำนวณ - นับจำนวนก้อนน้ำแข็ง - อ่านเลขบนตาชั่ง - ดูตัวเลขบนไม้บรรทัด 2.4. ทักษะการจำแนกประเภท - หาจำนวนแก้วทั้งหมดแหละที่มีขนาดเท่ากัน 2.5. ทักษะการพยากรณ์หรือคาดคะเนคำตอบ - เด็กคาดคะเนคำตอบได้ว่า เวลาและอากาศทำให้ปริมาณน้ำแข็งลดลง 2.6. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา - น้ำแข็งเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานโดนอากาศจะทําให้น้ําแข็งละลายกลายเป็นน้ำ 2.7. การจัดกระทำและการสื่อความหมายข้อมูล - เด็กสามารถสรุปผลสิ่งที่สังเกตและทดลองได้โดยการวาดภาพและนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน - เด็กบันทึกผลการทดลองและนำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียนให้ผู้อื่นเข้าใจได้ 2.8. การลงความเห็นจากข้อมูล - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นหรือใช้เหตุผลของตนเองเพิ่มเติมได้ เช่น ทำไมน้ำแข็งละลาย กลายเป็นน้ำได้ - เด็กลงความเห็นข้อมูลจากการทดลองได้ว่าของแข็งกลายเป็นของเหลวได้เมื่อโดนอากาศ นานๆ


17 คำถามที่ 2 น้ำแข็งในน้ำเปล่าและน้ำแข็งในน้ำหวานละลายต่างกันอย่างไร จุดประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบการละลายของน้ำแข็งในน้ำเปล่าและน้ำหวาน ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ(วันที่ 17 มกราคม 2566) จากการทดลองน้ำแข็งบด น้ำแข็งหลอดเล็ก หลอดใหญ่ อันไหนจะละลายก่อนกัน กิจกรรมที่ผ่าน มาเด็กๆยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำแข็งที่อยู่ในน้ำหวานกับน้ำแข็งที่อยู่ในน้ำเปล่าอันไหนจะละลายก่อนกัน เพราะจะได้รู้จักเปลี่ยนรูปของน้ำแข็งที่มีอยู่ในน้ำหวานกับน้ำเปล่านำมาสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริง ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (วันที่ 17 มกราคม 2566) เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับการละลายของน้ำแข็งที่นำมาทดลองทั้ง 3 ชนิด คือ น้ำแข็งบด น้ำแข็ง หลอดเล็กและน้ำแข็งหลอดใหญ่ จึงได้รู้ว่าน้ำแข็งหลอดใหญ่ละลายได้ช้าที่สุดและน้ำแข็งหลอดเล็กละลายได้ เร็วที่สุด แต่เด็กๆยังเกิดข้อสงสัยว่าถ้านำน้ำแข็งมาใส่ในน้ำหวานและน้ำเปล่าจะเป็นอย่างไร ครูใช้คำถาม กระตุ้นให้เด็ก ครู : เด็กๆเคยสังเกตเห็นไหมคะว่าถ้าเรานำน้ำแข็งไปใส่น้ำแล้วน้ำแข็งจะเป็นอย่างไร อาฟิก : น้ำแข็งจะละลายครับ ทับทิม : หนูว่ามันจะละลายเหมือนกันค่ะ อมีลิน : มันไม่ละลายค่ะหนูเห็นแม่ซื้อน้ำแข็งใส่กระติกน้ำค่ะ ฟาลิซ่า : ใช่ค่ะ แม่หนูซื้อนมเย็นมาน้ำแข็งก็ยังไม่ละลายค่ะ เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับน้ำและน้ำหวานที่เด็กๆเคยเห็นในชีวิตประจำวัน ครู : เด็กๆมีวิธีสังเกตน้ำและน้ำหวานอย่างไรคะ ออกัส : น้ำเปล่ามันใสครับเพราะผมดื่มทุกวัน น้ำ : ที่โรงเรียนเราจะมีน้ำค่ะ มันใสๆค่ะ ต่อ : น้ำหวานมันมีรสหวานครับ บอส : พอตั้งไว้นานๆน้ำชาเขียวจะหวานน้อยลงครับ ครู : เราจะเอาน้ำหวานชนิดไหนดีคะ ฮานีฟา : น้ำเฮลบลูบอยค่ะสีชัดดี ครู : น้ำหวานน้อยเด็กๆจะมีวิธีการทำอย่างไรคะ


18 ซาริน : เอาน้ำเฮลบลูบอย 1 ช้อนผสมน้ำเปล่าจะได้น้ำหวานน้อยค่ะ ครู : แล้วถ้านำน้ำแข็งใส่ลงไปในน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย และน้ำเปล่า น้ำแข็งจะเป็นอย่างไร เด็กๆ : น้ำแข็งจะละลายครับ/ค่ะ ครู : เด็กๆคิดว่าน้ำแข็งจะละลายในน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยหรือน้ำเปล่า เร็วกว่ากัน อมีลิน : ในน้ำเปล่าค่ะ ทับทิม : หนูว่าในน้ำหวานเข้มข้นค่ะ ซาริน : แม่น้ำหวานน้อยค่ะละลายได้เร็ว ภูตะวัน : ผมว่าละลายหมดพร้อมกันทั้งสามชนิดเลยครับ เด็กและครูร่วมกันสนทนาถึงการละลายของน้ำแข็งในน้ำทั้ง 3 ชนิด และเด็กๆคาดคะเนคำตอบว่า น้ำแข็งจะสามารถละลายหมดพร้อมกัน น้ำแข็งสามารถละลายน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย แล้วจะละลาย ในน้ำเปล่าได้เร็วที่สุด ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่ 19 มกราคม 2566) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับคำถามที่ 2 “ น้ำแข็งในน้ำเปล่าและน้ำแข็งในน้ำหวานเข้มข้นและ น้ำแข็งในน้ำหวานน้อยจะละลายต่างกันอย่างไร” เราจะมีวิธีการหาคำตอบอย่างไร ครู : เราจะมีวิธีการหาคำตอบได้อย่างไรคะ อาฟรีด้า : ทดลองค่ะคุณครู อาฟิก : ทดลองครับ เด็กๆเตรียมอุปกรณ์การทดลอง


19 เด็กส่วนมากเลือกเอาวิธีการทดลองเพื่อหาคำตอบ “น้ำแข็งในน้ำเปล่าและน้ำแข็งในน้ำหวานเข้มข้น และน้ำแข็งในน้ำหวานน้อยจะละลายต่างกันอย่างไร” เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการทดลองว่าจะมีวิธีการทดลองและขั้นตอนการทดลองอย่างไร ครู : เราจะมีวิธีการทดลองอย่างไรคะ อมีลิน : เทน้ำหวานเข้มข้นใส่แก้วประมาณครึ่งแก้ววางไว้ค่ะ อาฟิก : เทน้ำหวานน้อยใส่แก้วประมาณครึ่งแก้ววางไว้ครับ ฟาเดล : เทน้ำเปล่าใส่แก้วประมาณครึ่งแก้ววางไว้ใกล้ๆกันครับ ครู : เด็กๆจะใช้น้ำแข็งจำนวนเท่าไหร่คะ อาฟิก : ใช้น้ำแข็งหลอดใหญ่จำนวน 1 ก้อนเท่ากันครับ อมีลิน : เอาน้ำแข็งใส่แก้วทั้ง 3 แก้วพร้อมกันตั้งทิ้งไว้แล้วรอดูการละลายค่ะ ครู : เราจะดูเป็นระยะหรือดูตลอดค่ะ ซาริน : ดูเป็นระยะค่ะ ทับทิม : หนูคิดว่าน้ำหวานเข้มข้นละลายเร็วค่ะ อาฟิก : ผมว่าน้ำหวานน้อยละลายน้ำแข็งได้ครับ ฮานีฟา : น้ำแข็งในน้ำเปล่าจะละลายได้เร็วที่สุดค่ะ เด็กๆช่วยกันเทน้ำต่างๆลงในแก้ว เด็กๆนำน้ำแข็งใส่ลงในแก้ว เด็กๆสังเกต น้ำแข็งในแก้ว


20 ครู : เด็กๆลองสังเกตน้ำในแก้วดูสิคะว่าเห็นอะไรบ้าง ต่อ : น้ำในแก้วมีสีแดงเข้มมากครับ ออกัส : น้ำในแก้วอีกใบมีสีแดงอ่อนๆครับ ต้นหอม : น้ำเปล่าในแก้วสีใสๆค่ะ ครู : เราเด็กๆสังเกตเห็นอะไรเพิ่มบ้างคะ โฟกัส : ผมใช้นิ้วจุ่มลงในแก้วน้ำสีแดงเข้ม ยกขึ้นมาน้ำหวานมันหนึบติดมือผมขึ้นมาครับ กลิ่นหอมด้วยครับ น้องพริ้ง : หนูใช้มือจุ่มลงในแก้วน้ำสีแดงอ่อน น้ำไม่หนืดติดมือขึ้นมาเลยค่ะแต่มีกลิ่นหอม หนุ่มหนิม : น้ำเปล่าเหมือนกันค่ะไม่หนึบติดมือขึ้นมา ดมดูแล้วไม่มีกลิ่นค่ะ ต้นหอม : หนูชิมดูแล้วแก้วน้ำสีแดงเข้มรสชาติหวานมากๆ แก้วสีแดงอ่อนหวานน้อยกว่า แก้วแรก สวนน้ำเปล่าไม่มีรสชาติครับ เด็กๆและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการบันทึกผลการทดลองและออกแบบแบบบันทึกผลการทดลอง ครู : เราจะมีวิธีการบันทึกผลการทดลองอย่างไรคะ น้ำ : วาดภาพค่ะ หมิว : สังเกตน้ำแข็งที่เปลี่ยนไปค่ะ บาส : วาดภาพแล้วนำมาเล่าให้เพื่อนและครูฟังครับ เด็กๆสังเกตน้ำแข็งในแก้วและชิมรสชาติ ในแก้ว


21 การทดลอง 1. ครูนำแก้วน้ำที่มีน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่ามาวางไว้บนโต๊ะให้นักเรียนสังเกต สัมผัส และชิมรสชาติอีกครั้ง 2. เด็กๆร่วมกันเตรียมอุปกรณ์การทดลอง 3. เด็กนำน้ำแข็งหลอดใหญ่ลงในแก้วน้ำทั้ง 3 ชนิด แก้วละ 1 ก้อนพร้อมๆกันแล้วสังเกตการ เปลี่ยนแปลง แก้วน้ำที่ใช้ในการทดลอง 1. แก้วน้ำหวานเข้มข้น 2. แก้วน้ำหวานน้อย 3. แก้วน้ำเปล่า เด็กๆทำการทดลอง ในแก้ว แก้วน้ำที่ใช้ในการทดลอง


22 4. ใส่น้ำแข็งลงในแก้วน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและแก้วน้ำเปล่า 10 นาที20 นาทีและ 30 นาที หลังจากนั้นสังเกตการละลายของ ครูให้เด็กบันทึกผลการทดลองเป็นระยะเวลา 10 นาที 20 นาที และ 30 นาที 10 นาที 20 นาทีน้ำสูงขึ้นกว่าเดิม 30 นาที ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (วันที่ 23 มกราคม 2566) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการทดลองการละลายของน้ำแข็ง 3 แก้ว ให้นักเรียนสังเกตการ ละลายของน้ำแข็ง 10 นาทีแรก ครู : เด็กๆสังเกตดูก้อนน้ำแข็งในแก้วน้ำเห็นอะไรบ้างคะ อาฟิก : ครูครับน้ำแข็งในแก้วน้ำหวานเข้มข้นละลายช้ามากแรกๆก้อนน้ำแข็งยังมีขนาดเท่าเดิมครับ อมีลิน : น้ำแข็งในแก้วน้ำหวานน้อยแรกๆละลายนิดหน่อยค่ะมีฟองอากาศเกาะที่ก้อนน้ำแข็ง ทับทิม : ก้อนน้ำแข็งในแก้วน้ำเปล่าแรกๆละลายนิดหน่อยค่ะ มีฟองอากาศเกาะที่ก้อนน้ำแข็ง เหมือนกันค่ะ น้ำแข็งที่ละลายในน้ำหวาน เข้มข้นปริมาณก็น้ำแข็งจะมีสีใส ขึ้นและจะมองเห็นเป็นเส้นเป็น ตัวละลายของน้ำตาล น้ำแข็งละลายทำให้น้ำในแก้ว น้ำหวานน้อยมีสีจางลง น้ำแข็งในน้ำเปล่าละลายได้เร็ว และก็เล็กลง


23 การสังเกตการละลายของน้ำแข็งในระยะเวลา 20 นาที ครู : เด็กๆลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งนะคะเด็กๆสังเกตเห็นอะไรบ้าง อาฟิก : น้ำแข็งที่อยู่ในน้ำหวานเข้มข้นละลายนิดหน่อยครับ ฟาลิซ่า : น้ำแข็งในแก้วน้ำหวานน้อยเหลือก้อนบางๆและละลายไปครึ่งก้อนและลอยแบบ เอียงค่ะ ซิมซิม : น้ำแข็งในแก้วน้ำเปล่าละลายเหลือก้อนบางๆและละลายไปครึ่งก้อนครับ ก้อนน้ำแข็งเอียงครับ การสังเกตการละลายของน้ำแข็งระยะเวลา 30 นาที ครู : เด็กๆลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งนะคะเด็กๆสังเกตเห็นอะไรบ้าง ฟาซิม : น้ำแข็งที่อยู่ในแก้วน้ำหวานเข้มข้นละลายนิดหน่อยครับ ทับทิม : น้ำแข็งในแก้วน้ำหวานน้อยเหลือก้อนบางๆเล็กๆเท่าก้อนหินเม็ดเล็กค่ะ อัชรอฟ : น้ำแข็งในแก้วน้ำเปล่าละลายหมดเลยครับ ครู : เด็กๆสังเกตว่าน้ำชนิดใดที่น้ำแข็งสามารถละลายได้เร็วที่สุดคะ อาฟิก : แก้วน้ำเปล่าครับน้ำแข็งละลายได้เร็วที่สุด อมีลิน : น้ำหวานน้อยน้ำแข็งสามารถละลายได้เหมือนกันค่ะ ครู : น้ำแข็งละลายได้ช้าที่สุดในแก้วใดคะ ซาริน : แก้วน้ำหวานเข้มข้นค่ะ เด็กและครูร่วมกันสรุปผลการสังเกตการละลายของก้อนน้ำแข็งในน้ำหวานเข้มข้น ละลายได้ช้าที่สุด รองลงมาคือน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วน้ำหวานน้อยที่ละลายไม่หมดเหลือก้อนเล็กๆเท่าก้อนหิน และก็น้ำแข็งใน น้ำเปล่าละลายจนหมด เด็กๆสังเกตการละลายของน้ำแข็งแต่ละแก้ว น้ำแข็งที่ละลายไปแล้ว 30 นาที


24 ขั้นที่ 5 บันทึกผล (วันที่ 25 มกราคม 2566) เด็กแต่ละกลุ่มบันทึกผลการทดลองในรูปแบบบันทึกที่เด็กและครูร่วมกันออกแบบไว้ 1. ครูแจกแบบบันทึกและดินสอสีให้เด็กแต่ละกลุ่ม เด็กและครูร่วมกันทบทวนวิธีการบันทึกผลการ ทดลอง 2. เด็กแต่ละคนบันทึกผลการทดลองเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม 3. ให้เด็กแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน และนำแบบบันทึกผลไปติดไว้ที่เบาะ หน้าชั้นเรียน เด็กๆสังเกตการละลายของก้อนน้ำแข็ง โดยใช้แว่นขยายส่องดูและบันทึกผลการทดลอง


25 ตารางบันทึกผลการทดลอง น้ำที่ใช้ทดลอง ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง 10 นาที 20 นาที 30 นาที น้ำเปล่า ก้อนน้ำแข็งละลายนิดหน่อยมี ฟองอากาศเกาะที่ท่อน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในน้ำเปล่าเป็น ก้อนบางๆเหลือครึ่งก้อนลอย แบบเอียงๆ น้ำแข็งที่อยู่ในน้ำเปล่า ละลายหมดก้อน น้ำหวานน้อย ก้อนน้ำแข็งละลายนิดหน่อยมี ฟองอากาศเกาะที่ก้อนน้ำแข็ง เป็นก้อนบางๆละลายเหลือครึ่ง ก้อนลอยแบบเอียง ละลายเหลือก้อนเล็กๆเท่า ก้อนหินเม็ดเล็ก น้ำหวานเข้มข้น ก้อนน้ำแข็งยังเท่าเดิม ก้อนน้ำแข็งละลายนิดหน่อย ละลายนิดหน่อยเหลือก้อน ใหญ่กว่าทุกแก้ว


26 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (วันที่ 27 มกราคม 2566) ครูสนทนากับเด็กเพื่อกระตุ้นให้เด็กบอกผลการบันทึกการทดลองน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย และ น้ำเปล่าชนิดใดทำให้น้ำแข็งละลายได้เร็วและนำเสนอหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนๆและผู้อื่นได้ฟัง ครูสนทนาร่วมกับเด็กเกี่ยวกับผลการทดลองว่าในน้ำหวานเข้มข้นมีน้ำตาลผสมอยู่จำนวนมาก น้ำหวานเข้มข้นจะมีความเหนียว 1 กว่าน้ำเปล่า ทำให้น้ำแข็งละลายตัวได้ช้ากว่าน้ำเปล่าและน้ำหวานน้อยจึง สรุปได้ว่า อันดับที่ 1 น้ำแข็งสามารถละลายในแก้วน้ำเปล่าได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเวลา 20 นาที อันดับที่ 2 น้ำแข็งสามารถละลายในแก้วน้ำหวานน้อยได้ดี โดยใช้เวลาการละลาย 30 นาที อันดับที่ 3 น้ำแข็งที่อยู่ในน้ำหวานเข้มข้น ละลายได้ช้าสุด ผ่านไป 30 นาที น้ำแข็ง เปลี่ยนไปยังละลายไม่หมด เด็กบันทึกผลการทดลอง เด็กๆร่วมกันสรุปหน้าชั้นเรียน เด็กนำผลการทดลองนำเสนอให้ ครูและเพื่อนๆฟัง


27 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 1.1. ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้เรียนรู้เรื่องรูปร่างของน้ำแข็ง - เด็กได้เรียนรู้เรื่องการละลายของน้ำแข็ง 1.2. ด้านภาษา - เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาโดยการสนทนาโต้ตอบและแสดงความคิดเห็น - ทักษะภาษาด้านการอ่านและรู้จักคำง่ายๆ เช่น น้ำ รูปร่างของน้ำแข็ง - รู้จักคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ เช่น Water แปลว่า น้ำ - สื่อความหมายด้วยการวาดภาพและสัญลักษณ์ได้ 1.3. ด้านสังคม - เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้ - เด็กปฏิบัติตามกติกาของห้องเรียน - เด็กมีความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี 1.4. ด้านการเคลื่อนไหวและทักษะการรับรู้ของประสาทสัมผัส - เด็กสามารถเคลื่อนไหว หยิบ จับ และใช้อุปกรณ์ในการทดลองอย่างคล่องแคล่ว - เด็กใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกตได้หลากหลาย 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1. ทักษะการสังเกต - การหยิบ จับ สัมผัส วัสดุต่างๆที่ใช้ในการทดลอง คือ น้ำแข็ง แก้วน้ำ น้ำหวาน 2.2. ทักษะการวัด - เปรียบเทียบขนาดก้อนน้ำ เล็ก-ใหญ่ หนา-บาง - เด็กเลือกใช้ไม้บรรทัดในการวัดระดับของน้ำที่อยู่ในแก้ว 2.3. ทักษะการคำนวณ - นับจำนวนของแก้วน้ำ 2.4. ทักษะการจำแนกประเภท - แยกประเภทน้ำที่อยู่ในแก้วได้ ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย


28 2.5. ทักษะการพยากรณ์หรือคาดคะเนคำตอบ - เด็กสามารถคาดคะเนคำตอบที่ตนเองคิดว่าน้ำแข็งในแก้วไหนจะละลายก่อนกัน 2.6. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา - เด็กสามารถบอกได้ว่าน้ำในแก้วเมื่อถูกกับน้ำแข็ง น้ำแข็งต้องละลาย 2.7. การจัดกระทำและการสื่อความหมายข้อมูล - เด็กสามารถสรุปผลสิ่งที่สังเกตและทดลองได้โดยการวาดภาพและนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน 2.8. การลงความเห็นจากข้อมูล - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นหรือใช้เหตุผลของตนเองเพิ่มเติมได้


29 คำถามที่ 3 น้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าเปลี่ยนสถานะเป็นรูปร่างอื่นได้หรือไม่ จุดประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนสถานะ รูปร่าง ของน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่า ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ(วันที่ 23 มกราคม 2566) จากการที่เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับน้ำหวานแล้วว่าถ้าเรานำน้ำแข็งมาใส่ในน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย และน้ำเปล่าก้อนน้ำแข็งจะค่อยๆละลายตัวจนหมดก้อนซึ่งจะใช้เวลาในการละลายไม่เท่ากัน ครูจึงสนทนา ร่วมกันกับเด็กเกี่ยวกับลักษณะของน้ำ น้ำหวาน ที่เด็กๆเคยเห็นตามประสบการณ์และความคิดของตนเอง ครู : เด็กๆเคยเจอน้ำหวานที่เป็นรูปแบบไหนบ้างคะ แล้วมีลักษณะอย่างไร ซาริน : หนูไปซื้อน้ำปั่นกับแม่ที่ร้านกาแฟ น้ำปั่นหวานมากค่ะคุณครู อมีลิน : หนูได้กินน้ำแข็งใสที่ตลาดค่ะ ใส่สีแดงๆแม่ค้าใส่น้ำเฮลบลูบอยในถ้วยกลมค่ะ ฮานีฟา : แต่ทิ้งไว้นานๆมันจะกลายเป็นน้ำหมดเลยค่ะ อาฟิก : น้ำแข็งใสจะเป็นเย็นๆไม่แข็งครับ หวานอร่อย ภูตะวัน : คุณครูครับแล้วน้ำหวานพี่เป็นน้ำเข้มข้นจะเปลี่ยนเป็นรูปร่างอื่นได้ไหมครับ เด็กๆ : ใช่ครับครูแล้วน้ำหวานหวานน้อยกับน้ำเปล่าจะเปลี่ยนรูปร่างอื่นได้ไหมคะ ครู : เด็กๆอยากรู้ว่าน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานหวานน้อย และน้ำเปล่าทำเป็นรูปร่างอื่น ได้ไหมถ้าอยากรู้เราจะต้องทำอย่างไรคะ เด็กๆ : ทดลองค่ะ/ครับ เด็กๆสนทนาเกี่ยวกับน้ำหวานที่เด็กรู้จัก


30 ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสันนิษฐาน (วันที่ 24 มกราคม 2566) เด็กและครูสนทนาร่วมกันโดยครูใช้คำถามกระตุ้นเพื่อให้เด็กทราบถึงประสบการณ์ของเด็กเกี่ยวกับ ลักษณะของน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย และน้ำเปล่า ว่ามีลักษณะอย่างไร มีรูปร่างอย่างไร ครู : เด็กๆเคยสังเกตหรือไม่ว่าน้ำมีลักษณะอย่างไรบ้าง อาฟิก : เป็นเหลวๆครับบ้านผมเอาไว้กินแล้วเอาไว้ใช้ครับ ทับทิม : เป็นเหลวๆเหมือนกันค่ะน้ำจะใสไม่มีกลิ่นค่ะ ครู : แล้วเด็กๆเคยสังเกตหรือไม่ว่าน้ำมีรูปร่างเป็นอย่างไร เด็กๆ : ไม่รู้ครับ/ไม่รู้ค่ะ ครู : ถ้าเราเทน้ำใส่แก้วเด็กๆสังเกตเห็นอะไรคะ อมีลิน : เห็นน้ำอยู่ในแก้วค่ะ ครู : แล้วเราจะเทน้ำใส่ภาชนะใดบ้าง อัชรอฟ : เอาใส่ถ้วยขนมครก ฮานีฟา : ใส่พิมพ์รูปหัวใจค่ะ ซาริน : ใส่แม่พิมพ์รูปวงกลม, สี่เหลี่ยมค่ะ อาฟิก : ครูครับเรามาทดลองทำของเหลวให้เป็นก้อนน้ำแข็งได้หรือไม่ครับ เด็กๆ : ได้ครับ/ อยากรู้ทดลองเลยค่ะ ครู : แล้วเด็กๆจะมีวิธีการอย่างไรบ้างคะ ฟาคิร : เอาไปใส่ตู้เย็นไว้ ครู : ถ้านำน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าใส่แม่พิมพ์นำไปแช่ในตู้เย็นจะ เป็นอย่างไรคะ เด็กๆ : น้ำในแม่พิมพ์จะเป็นน้ำแข็งค่ะ/ครับ เด็กๆ : ครูคะน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าน้ำชนิดใดจะเป็นก้อนแข็งเร็ว กว่ากันคะ ภูตะวัน : น้ำเปล่าในแม่พิมพ์จะแข็งตัวเร็วที่สุดครับ ทับทิม : หนูว่าน้ำหวานเข้มข้นในแม่พิมพ์ค่ะ อาฟรีด้า : น้ำหวานน้อยในแม่พิมพ์จะแข็งตัวเร็วค่ะ อาฟิก : ผมว่าจะแข็งตัวพร้อมกันทั้งสามชนิดเลยครับ


31 จากนั้นครูจึงชวนเด็กๆสนทนาการเปลี่ยนแปลงของน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย และน้ำเปล่า เมื่อเราเอาไปแช่ช่องฟรีซ ในตู้เย็นจะเป็นอย่างไร น้ำชนิดใดจะแข็งตัวได้เร็ว เด็กๆร่วมกันสันนิฐานและ คาดคะเนว่า - น้ำเปล่าจะแข็งตัวได้เร็วที่สุดค่ะ - น้ำหวานน้อยแข็งตัวได้เร็วที่สุดครับ - น้ำหวานเข้มข้นค่ะ - น้ำทั้ง 3 ชนิดจะแข็งตัวพร้อมพร้อมกันครับ ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่ 25 มกราคม 2566) ครูสนทนากับเด็กๆโดยใช้คำถามว่า “เด็กๆ คิดจะหาวิธีการใดที่จะทำให้ทราบว่าน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย และน้ำเปล่า เปลี่ยนแปลงอย่างไร” เราจะมีวิธีการหาคำตอบอย่างไร ครู : เราจะมีวิธีการหาคำตอบได้อย่างไรคะ เด็กๆ : ทดลองค่ะคุณครู เด็กส่วนใหญ่เลือกเอาวิธีการทดลองเพื่อหาคำตอบ เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับการทดลองว่าจะมี วิธีการและขั้นตอนการทดลองอย่างไร ครู : เราจะมีวิธีการทดลองอย่างไรคะ อมีลิน : ตักน้ำหวานเข้มข้นใส่แม่พิมพ์จนเต็ม วางไว้ค่ะ อาฟิก : ตักน้ำหวานน้อยใส่แม่พิมพ์จนเต็มวางไว้ครับ เด็กๆร่วมกันคาดคะเนคำตอบ


32 ทับทิม : ตักน้ำเปล่าใส่แม่พิมพ์จนเต็มวางไว้ใกล้ๆกัน ฟาเดล : ใส่น้ำแล้วนำไปใส่ช่องฟรีซในตู้เย็นพร้อมกันค่ะ ครู : เราจะมีวิธีการสังเกตอย่างไรคะ ฮานีฟา : เอาออกมาดูเป็นระยะค่ะ ซาริน : ดูเป็นระยะค่ะ ครู : เด็กๆนับดูสิคะว่ามีกี่อัน ฟาลิซ่า : แม่พิมพ์รูปหัวใจมี 10 อันค่ะ ครู : เด็กๆลองสังเกตลักษณะของแม่พิมพ์ดูสิคะ ภูตะวัน : เป็นรูปหัวใจ สีใสๆ ครับคุณครู ซาริน : หนูเอามือขยี้ดูมันดังก๊อบแก๊บค่ะคุณครู เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการบันทึกผลการทดลองและการออกแบบบันทึกผลการทดลอง ครู : เราจะมีวิธีการบันทึกผลอย่างไรคะ อมีลิน,ซาริน : วาดภาพค่ะ อาฟิก : วาดภาพแล้วนำมาเล่าให้เพื่อนและครูฟังครับ เด็กๆเตรียมอุปกรณ์แบบพิมพ์ต่างๆ เด็กๆวัดขนาดแม่พิมพ์ เด็กๆสังเกตแม่พิมพ์


33 การทดลอง 1. ครูนำแก้วน้ำที่มีน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าวางบนโต๊ะให้เด็กๆสังเกตและชิมรสชาติ อีกครั้ง เด็กๆตอบว่า น้ำหวานเข้มข้นมีความหวานลดลง น้ำหวานเจือจางมีความหวานลดลง 2. เด็กๆช่วยกันเตรียมแม่พิมพ์เพื่อนำมาทดลองและช้อนชาเพื่อตักน้ำหวานลงแม่พิมพ์ 3. เด็กใช้ช้อนตักน้ำหวานลงในแก้วทั้ง 3 ชนิดจนเต็มแม่พิมพ์ 4. ใส่น้ำหวานลงใน ช่องฟรีซในตู้เย็น แล้วรอสังเกตการเปลี่ยนแปลง 5. เด็กๆตักน้ำหวานน้อยใส่แม่พิมพ์ เด็กๆตักน้ำหวานเข้มข้นใส่แม่พิมพ์ เด็กๆตักน้ำเปล่าใส่แม่พิมพ์ เด็กๆช่วยกันนำแม่พิมพ์ใส่ตู้เย็น


34 ขั้นที่ 4 สังเกตและบรรยาย (วันที่ 26 มกราคม 2566) หลังจากการทดลองครูได้ใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กบรรยายและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นตามที่เห็นว่าน้ำหวาน เข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่า ไหนแม่พิมพ์ต่างๆที่หลังจากการทดลองแล้วโดยครูใช้คำถาม ครู : หลังจากเอาแม่พิมพ์ไปแช่ในช่องแช่แข็งในระยะเวลา 30 นาทีแล้ว นาทีแล้วเด็ก สังเกตเห็นอะไรบ้าง เด็กๆ : ใช้มือจุ่มน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าในแม่พิมพ์ ภูตะวัน : น้ำมันจะเย็นมากครับแต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงครับ ครู : หลังจากเอาแม่พิมพ์ไปแช่ในช่องแช่แข็งในระยะเวลา 1 ชั่วโมง เด็กๆสังเกตเห็นอะไรบ้างคะ เด็กๆ : ใช้มือจุ่มน้ำหวาน น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าในแม่พิมพ์ ฟาลิซ่า : น้ำในแม่พิมพ์มันจะเย็นมากค่ะมีไอขาวๆเกาะตามแม่พิมพ์ แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่ะ ครู : หลังจากเอาแม่พิมพ์ไปแช่ในช่องแช่แข็งเป็นเวลา 2 ชั่วโมง แล้วเด็กๆสังเกตเห็นอะไรบ้างคะ เด็กๆ : ใช้มือจุ่มน้ำหวาน น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าในแม่พิมพ์ อาฟรีด้า : น้ำในไม่พิมพ์เริ่มแข็ง ด้านบนเป็นเกร็ดน้ำแข็งบางๆทั้ง 3 ชนิดค่ะครู ครู : หลังจากเอาไม่พิมพ์ไปแช่ในช่องแช่แข็งเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรบ้างคะ เด็กๆ : ใช้มือจุ่มน้ำหวาน น้ำหวานน้อยและน้ำเปล่าในแม่พิมพ์ เด็กๆสังเกตน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย น้ำเปล่า กลายเป็นน้ำแข็ง


35 ซาริน : น้ำเปล่าในแม่พิมพ์กลายเป็นน้ำแข็งแล้วค่ะ ทับทิม : น้ำหวานน้อยในแม่พิมพ์กลายเป็นน้ำแข็งค่ะ อาฟิก : เป็นน้ำแข็งรูปหัวใจ ครับ ครู : เด็กๆสังเกตเห็นอะไรบ้างคะ หลังจากที่เรานำแม่พิมพ์ไปแช่ช่องแช่แข็ง นาน 3 ชั่วโมง ฟาคิร : จากที่เป็นน้ำเหลวๆตอนนี้แข็งมากครับ อมีลิน : น้ำแข็งเพิ่มปริมาณมากขึ้นค่ะ ครู : หนูรู้ได้ยังไงคะ อมีลิน : น้ำแข็งมันนูนขึ้นจนล้นแม่พิมพ์เลยค่ะ ครู : เด็กๆชิมน้ำหวานที่กลายเป็นน้ำแข็งได้รสชาติเป็นอย่างไรคะ ซาริน : น้ำหวานเข้มข้นที่เป็น มันหวานหอมมากค่ะคุณครู อาฟิก : น้ำหวานน้อยที่เป็นน้ำแข็ง มันหวานชื่นใจหอมอร่อยด้วยครับคุณครู ฮานีฟา : น้ำเปล่าที่เป็นน้ำแข็ง มันเย็นกรอบกรอบเวลาหนูเคี้ยวดังกรุบๆไม่มีรสชาติ เหมือนน้ำแข็งทั่วไปค่ะ ครู : เด็กๆสังเกตเห็นอะไรบ้างคะ ฮานีฟา : หนูดมดูกลิ่นหอมชื่นใจค่ะ อมีลิน : ทั้งเย็นทั้งลื่นมือค่ะคุณครู น้องโบว์ : น้ำแข็งนูนขึ้นจริงๆค่ะคุณครู เด็กๆสังเกตน้ำหวานเข้มข้น น้ำหวานน้อย น้ำเปล่า กลายเป็นน้ำแข็ง


36 เด็กๆชิมน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง


37 ขั้นที่ 5 บันทึกผล (วันที่ 27 มกราคม 2566) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับบันทึกผลการทดลอง โดยวาดภาพลงในกระดาษ เด็กๆบันทึกผล การทดลองร่วมกันได้ผลการทดลองดังนี้ เมื่อนำน้ำใส่ลงในแม่พิมพ์แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ชนิดของน้ำ จำนวน 30 นาที 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง น้ำเปล่า 4 ช้อนชา น้ำในแม่พิมพ์ เย็นมาก น้ำในแม่พิมพ์ เย็นมากมีไอ ขาวๆเกาะอยู่ น้ำในแม่พิมพ์ เริ่มแข็งด้านบน เป็นเกล็ด น้ำแข็งบางๆ น้ำในแม่พิมพ์ กลายเป็น น้ำแข็ง น้ำหวานน้อย 4 ช้อนชา น้ำในแม่พิมพ์ เย็นมาก น้ำในแม่พิมพ์ เย็นมากมีไอ ขาวเกาะอยู่ น้ำในแม่พิมพ์ เริ่มแข็งด้านบน เป็นเกล็ด น้ำแข็งบางๆ น้ำในแม่พิมพ์ กลายเป็น น้ำแข็ง น้ำหวานเข้มข้น 4 ช้อนชา น้ำในแม่พิมพ์ เย็นมาก น้ำในแม่พิมพ์ เย็นมากมีอะไร ขาวๆเกาะอยู่ น้ำในแม่พิมพ์ เริ่มแข็งด้านบน เป็นเกล็ด น้ำแข็งบางๆ น้ำในแม่พิมพ์ เริ่มแข็ง ด้านบนเป็น เกล็ดน้ำแข็ง บางๆ น้ำเปล่าจะเริ่มมีเกล็ดขาวๆแข็งเร็วกว่าน้ำที่มีส่วนผสมอย่างอื่น น้ำหวานน้อยแข็งตัวเร็วเป็นอันดับสอง น้ำหวานเข้มข้นแข็งตัวช้าที่สุด


38 วิธีบันทึกผลข้อมูลเป็นรูปภาพ (วาดภาพเปรียบเทียบการละลายของน้ำแข็ง) - ภาพเปรียบเทียบน้ำหวานเข้มข้น เปลี่ยน สถานะจากของเหลวกลายเป็นของแข็งใน ระยะเวลา 3 ชั่วโมง - ภาพเปรียบเทียบน้ำหวานน้อย เปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็น ของแข็งในระยะเวลา 3 ชั่วโมง - ภาพเปรียบเทียบน้ำเปล่า เปลี่ยนสถานะจาก ของเหลวกลายเป็นของแข็งในระยะเวลา 3 ชั่วโมง เด็กวาดภาพบันทึกผลการทดลอง


39 ขั้นที่ 6 สรุปและอภิปรายผล (วันที่ 30 มกราคม 2566) เด็กและครูสนทนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กเปรียบเทียบการคาดคะเนคำตอบกับผลการทดลองว่าตรงกัน หรือไม่เพราะเหตุใดและร่วมกันสรุปผลการทดลองดังนี้ สรุปผลได้ว่า ลำดับที่ 1 น้ำเปล่าตักใส่แม่พิมพ์รูปหัวใจได้ 4 ช้อนชา นำไปแช่ในช่องแช่แข็ง กลายเป็นน้ำแข็งได้เร็วที่สุดในเวลา 1 ชั่วโมง ลำดับที่ 2 น้ำหวานน้อยตัดใส่แม่พิมพ์รูปหัวใจได้ 4 ช้อนชา นำไปแช่ในช่องแช่แข็ง กลายเป็นน้ำแข็งได้เร็วภายใน 1 ชั่วโมง 30 นาที ลำดับที่ 3 น้ำหวานเข้มข้นใส่แม่พิมพ์รูปหัวใจได้ 4 ช้อนชา นำไปแช่ในช่องแช่แข็ง กลายเป็นน้ำแข็งช้ากว่าน้ำชนิดอื่นๆในเวลา 3 ชั่วโมง สิ่งที่เด็กสังเกตเพิ่มเติม น้ำ เป็นของเหลว รูปร่างของน้ำจึงขึ้นอยู่กับภาชนะที่เด็กใส่ เมื่อภาชนะ ต่างกันรูปร่างของน้ำที่เอาไปแช่แข็งก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันตามภาชนะ จึงเรียกว่า สถานะของน้ำแข็ง และเด็กๆยังสรุปร่วมกันคือ น้ำแข็งเพิ่มปริมาณมากขึ้น โดยสังเกตทุกแม่พิมพ์ จะมีลักษณะนูนขึ้น น้ำเปล่า จะแข็งและกรอบมากไม่มีรสชาติ น้ำแข็งทุกก้อนจะมันและลื่น มีฝ้าขาวเคลือบนอกแม่พิมพ์ เวลาจับจะเกิด รอยนิ้วมือ เด็กๆนำเสนอผลการทดลองให้เพื่อนๆและครูฟัง


40 1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ด้าน 1.1. ด้านการเรียนรู้ - เด็กได้เรียนรู้เรื่องรูปร่างของน้ำแข็ง - เด็กได้เรียนรู้เรื่องสถานะของน้ำ 1.2. ด้านภาษา - เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาโดยการสนทนาโต้ตอบและแสดงความคิดเห็น - ทักษะภาษาด้านการอ่านและรู้จักคำง่ายๆ เช่น น้ำ รูปร่างของน้ำแข็ง - รู้จักคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ เช่น Water แปลว่า น้ำ - สื่อความหมายด้วยการวาดภาพและสัญลักษณ์ได้ 1.3. ด้านสังคม - เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้ - เด็กปฏิบัติตามกติกาของห้องเรียน - เด็กมีมารยาทในการฟังและการพูด - เด็กมีความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี 1.4. ด้านการเคลื่อนไหวและทักษะการรับรู้ของประสาทสัมผัส - เด็กสามารถเคลื่อนไหว หยิบ จับ และใช้อุปกรณ์ในการทดลองอย่างคล่องแคล่ว - เด็กใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกตได้หลากหลาย 2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1. ทักษะการสังเกต - การหยิบ จับ สัมผัส วัสดุต่างๆที่ใช้ในการทดลอง คือ น้ำแข็ง และแม่พิมพ์ สังเกต ลักษณะของน้ำและแม่พิมพ์มีสีใส 2.2. ทักษะการวัด - เปรียบเทียบขนาดก้อนน้ำ เล็ก-ใหญ่ หนา-บาง 2.3. ทักษะการคำนวณ - นับจำนวนของแม่พิมพ์ที่ใช้ในการทดลอง 2.4. ทักษะการจำแนกประเภท ผลการพัฒนาความสามารถของเด็กปฐมวัย


41 - แยกประเภทของน้ำแข็งจามรูปทรง - แยกรูปทรงของแม่พิมพ์ 2.5. ทักษะการพยากรณ์หรือคาดคะเนคำตอบ - เด็กสามารถคาดคะเนคำตอบที่ตนเองคิดไว้ทำไมน้ำจึงเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นก้อนแข็งๆ 2.6. การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา - เด็กสามารถบอกได้ว่าน้ำจะเปลี่ยนจากของเหลวกลายเป็นของแข็งเมื่อเอาไปแช่แข็งในช่อง ทำความเย็น 2.7. การจัดกระทำและการสื่อความหมายข้อมูล - เด็กสามารถสรุปผลสิ่งที่สังเกตและทดลองได้โดยการวาดภาพและนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน 2.8. การลงความเห็นจากข้อมูล - เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นหรือใช้เหตุผลของตนเองเพิ่มเติมได้


42 รายงานผลการทำโครงงานโดยใช้กระบวนการสืบเสาะของเด็กปฐมวัย ตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย ชื่อโครงงาน เรื่อง กล้วย ผู้จัดทำโครงงาน นักเรียนชั้นอนุบาลปี2 ที่ โรงเรียนบ้านควนอินนอโม ที่ปรึกษาโครงงาน นางสาวกาญจนา สถิตย์ภูมิ ระยะเวลา ระหว่างวันที่3-27 มกราคม 2566 *********************************************************************** ที่มาและความสำคัญของโครงงาน วันที่3 มกราคม 2566) จากการที่เด็กๆเรียนได้เรียนเรื่องหน่วย ผลไม้แสนอร่อย ครูสนทนาเกี่ยวกับเรื่องผลไม้ที่มีต้นอยู่ในโรงเรียน ว่า เด็กๆเคยเห็นต้นอะไรที่ไหนบ้างครูจึงพาสำรวจบริเวณต่างๆภายในโรงเรียนมีเด็กๆ สนทนากับครูว่า มีต้น ผลไม้เยอะ คุณครู : นักเรียนพบเจอต้นอะไรบ้างคะ น้องซัลมาน : ต้นกล้วย ต้นมังคุด ต้นทุเรียน ครับ น้องอัยซาร์ : ต้นลองกองค่ะ น้องกานต์แก้ว : ต้นกล้วย ในโรงเรียนมีหลายต้นมากค่ะ คุณครู : ใช่ค่ะ มีเยอะเพราะมันปลูกง่ายและได้กินเร็ว และมีประโยชน์มากมายเลยค่ะ น้องปาริฉัตร : มีมะพร้าวด้วยค่ะ น้องปกรณ์เทพ : ข้างโรงเรียนมีต้นมะม่วงครับ น้องอิทธิศักดิ์ : ผมเห็นต้นมะละกอด้วยครับครูหลังโรงอาหาร ภาพเด็กๆ เดินสำรวจและเรียนรู้ หน่วย ผลไม้แสนอร่อย บริเวณสถานที่ต่างๆในโรงเรียนและในหมู่บ้านควนอินนอโม


43 จากการบอกเล่าเกี่ยวกับต้นผลไม้ที่เด็กๆพบเจอและมีความอยากรู้เกี่ยวกับชนิดต่างๆมากมายโดยครูได้ทำแผ่น ชาร์ทให้เด็กลงคะแนนเลือกเรื่องที่เด็กมีข้อสงสัยมีความรู้และอยากค้นหาคำตอบมากที่สุดผลจากการเลือก เรื่องที่เด็กสนใจและอยากรู้มากที่สุดคือ ต้นกล้วย ครูจึงบอกกับเด็กๆ ว่าเราจะเรียนเรื่อง “กล้วย” กันค่ะเด็กๆ ขั้นที่1 ตั้งคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (วันที่3 มกราคม 2566) จากการที่เด็กๆได้เลือกเรื่องที่ตนเองสงสัยและตั้งคำถามกับครูในขณะที่เดินสำรวจดินบริเวณโรงเรียนและ สนใจที่จะค้นหาคำตอบเรื่อง “กล้วย” เด็กๆจึงได้ร่วมกันตั้งคำถามที่ตนเองสนใจ ดังนี้ คำถามที่ 1 : ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้างครับ คำถามที่2 : กล้วยทำอาหารอะไรได้บ้าง คำถามที่3 : กล้วยมีประโยชน์อย่างไร คำถามที่4 : ก้านกล้วยทำอะไรได้ คำถามที่5 : หัวปลีกินได้มั้ย


44 จากคำถามที่เด็กอยากรู้ทั้ง 5 คำถาม ครูจึงสนทนากับเด็กเพื่อเลือกให้เด็กเลือกคำถามที่ตนเองสงสัยแลอยากรู้ มากที่สุดแล้วนำไปค้นคำตอบ ซึงมีเด็กจำนวน 15 คน อยากรู้เรื่อง “ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง” เด็กจำนวน 6 คน อยากรู้เรื่อง “กล้วยมีประโยชน์อย่างไร” มีเด็กจำนวน 5 คน อยากรู้เรื่อง “ก้านกล้วยทำ อะไรได้บ้าง” สรุปคำถามที่ต้องการนำมาหาคำตอบ คือ 1. ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง 2. กล้วยมีประโยชน์อย่างไร ครูได้บอกกับเด็กๆว่าเราจะค้นหาคำตอบของ คำถามที่ 1 คือ “ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง” คำถามที่ 1 “ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง” จุดประสงค์ “เพื่อศึกษาส่วนประกอบของต้นกล้วยว่ามีอะไรบ้าง” ขั้นที่2 รวบรวมความคิดและคาดคะเนคำตอบ (วันที่5 มกราคม 2566) เด็กและครูสนทนาร่วมกันโดยครูใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กเล่าประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับกล้วยดังนี้ คุณครู : เด็กๆรู้จักต้นกล้วยว่ามีลักษณะอย่างไร น้องฮาดี : ต้นสีเขียว ใบสีเขียว น้องมาฮาซิน : ต้นแข็งค่ะ น้องฮาริส : มีลูกกล้วยด้วยนะครับ มาทำกล้วยบวชชีอร่อย ครูจึงชวนเด็กๆสนทนาต่อเนื่องว่าเด็กๆ ทราบมั้ยคะว่าต้นกล้วยมีส่วนประกอบอะไรบ้าง” และครูให้เด็ก คาดคะเนคำตอบโดยแบ่งกลุ่ม โดยให้ครูใช้คำถามถามเด็กๆแต่ล่ะกลุ่มร่วมกันคิดและตกลงว่ากลุ่มตนเองจะ คาดคะเนว่าอย่างไร จากคำถามดังนี้ “เด็กๆคิดว่าส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง ” และให้เด็กๆ นำเสนอ ครูเขียนการคาดคะเนลงในกระดาษชาร์ท


45 ขั้นที่3 ทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (วันที่6 มกราคม 2566) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับคำถามที่ 1 “ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง” โดยที่ครูได้ซักถามเด็กๆว่าเด็กๆคิดว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะรู้ว่า “ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง” ซึ่งเด็กๆ ช่วยกันเสนอความคิดเห็นวิธีการค้นหาคำตอบดังนี้ น้องอามีน : ถามพ่อแม่ที่บ้านแล้วมาเล่าให้เพื่อนฟังครับ น้องปกรณ์เทพ : ดูในห้องสมุดครับ น้องชุติกาญจน์ : คุณครูคะ หาในยูทูปค่ะ น้องอัญรินทร์ : เอาต้นกล้วยมาดูครับ น้องนานา : คุณครูคะดูจากอินเทอร์เน็ตค่ะ เด็กและครูร่วมกันสรุปวิธีการหาคำตอบดังนี้ 1. ถามพ่อแม่แล้วมาเล่าให้เพื่อนฟัง 2.ไปหาหนังสือที่ห้องสมุด 3.ดูจากอินเทอร์เน็ต 4.นำต้นกล้วยมาดู ครูให้เด็กออกแบบวิธีการบันทึกผลและนำเสนองาน โดยถามเด็กว่า เมื่อได้รับความรู้ว่า ต้นกล้วยมี ส่วนประกอบอะไรบ้าง เด็กๆมีวิธีการบันทึกผลอย่างไรบ้าง และจะนำงานไปให้คนอื่นให้มีความรู้ความเข้าใจ ด้วยจะทำอย่างไร


46 น้องนานา : พอสังเกตแล้วให้วาดรูป น้องนนทพัทธ์ : เขียนชื่อส่วนประกอบตามป้ายที่ครูเขียนให้ดู น้องนิติพัฒน์ : เล่าให้ครูฟังแล้วให้ครูจดตามที่เล่า น้องอามีน : นำงานที่ครูจดไปเล่าให้เพื่อนฟัง ขั้นที่4 สังเกตและบรรยาย (วันที่9 มกราคม 2566) จากที่เด็กและครูได้ดำเนินการหาคำตอบตามวิธีที่เด็กได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสืบเสาะจาก แหล่งเรียนรู้ในที่โรงเรียน 1.แหล่งความรู้จากห้องสมุดหนังสือเกี่ยวกับต้นกล้วย 2.หาความรู้จากการดูคลิปเรื่องกล้วย 3.กลับไปถามพ่อแม่แล้วมาเล่าให้เพื่อนฟัง เด็กๆนำความรู้ที่ได้จากการสืบเสาะมาบันทึกผลงานจากการสืบเสาะร่วมกันและนำเสนอความรู้โดยสรุปได้ว่า ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีลักษณะดังนี้ 1. ราก 2. ลำต้น 3. ใบ 4. หัวปลี 5. ผลกล้วย


47 โดยครูจดบันทึกในกระดาษ


48 สรุปได้ว่าส่วนประกอบของต้นกล้วยมีดังนี้ ลำต้น กล้วยมีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า หัว หรือ เหง้า ที่หัวมีตา ซึ่งจะเจริญเป็นต้นเกิด หน่อ หลายหน่อ เรียกว่า การแตกกอ หน่อที่เกิด หรือต้นที่เห็นอยู่เหนือดิน ความจริงแล้วมิใช่ลำต้น เราเรียกว่า ลำต้นเทียม ส่วนนี้เกิดจากการอัดกันแน่นของกาบใบ ที่เกิดจากจุดเจริญของลำต้นใต้ดิน กาบใบจะชูก้านใบ และใบ และที่จุดเจริญนี้ จะมีการเจริญเป็นดอกตามขึ้นมาหลังจาก สิ้นสุดการเจริญของใบ ใบสุดท้ายก่อนการเกิดดอก เรียกว่า ใบ ธง ดอก ดอกของกล้วยออกเป็นช่อ ในช่อดอกยังมีกลุ่มของช่อดอก ย่อยเป็นกลุ่มๆ ระหว่างกลุ่มของช่อดอกย่อยแต่ละช่อจะมีกลีบ ประดับ หรือที่เราเรียกกันว่า กาบปลี มีสีม่วงแดงกั้นไว้ กลุ่ม ดอกเพศเมียอยู่ที่โคน และกลุ่มดอกเพศผู้อยู่ที่ปลาย เป็นส่วนที่ เราเรียกว่า หัวปลี ผล ผลกล้วยเกิดจากดอกเพศเมีย ซึ่งอยู่ที่โคน กลุ่มของดอกเพศ เมีย 1 กลุ่ม เจริญเป็นผล เรียกว่า 1 หวี ช่อดอกเจริญเป็น 1 เครือ ดังนั้นกล้วย 1 เครืออาจมี 2 - 3 หวี หรือมากกว่า 10 หวี ทั้งนี้แล้วแต่พันธุ์กล้วยและการดูแล ผลของกล้วยมีการเจริญได้ โดยไม่ต้องผสมพันธุ์ จึงทำให้กล้วยส่วนใหญ่ไม่มีเมล็ด เมล็ด เมล็ดกล้วยมีลักษณะกลมเล็ก บางพันธุ์มีขนาดใหญ่ เปลือกหนา แข็ง มีสีดำ กล้วยบางต้นและบางพันธุ์เท่านั้นที่มี เมล็ด


49 ราก เป็นระบบรากฝอย รากแผ่กระจายได้ถึง 5.2 ม. และลึก ประมาณ 75 ซม. แผ่ไปทางด้านกว้างมากกว่าทางแนวดิ่งลึก ใบ ใบกล้วยมีลักษณะเป็นแผ่นใบใหญ่ มีความกว้างประมาณ 70 - 90 เซนติเมตร ความยาว 1.7 - 2.5 เมตร ปลายใบมน รูปใบ ขอบขนาน โคนใบมน และแผ่นใบมีสีเขียว ขั้นที่5 บันทึกข้อมูล (วันที่10 มกราคม 2566) เด็กทุกคนบันทึกผลจากการสืบเสาะความรู้ที่สืบค้นเกี่ยวกับเรื่อง“ส่วนประกอบของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง” ที่เด็กสงสัยและตั้งคำถามครูจดบันทึกคำตอบของเด็กลงในกระดาษแล้วให้เด็กสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะของ ตนเองอย่างอิสระ


50 ขั้นที่6 สรุปและอภิปรายผล (วันที่11 มกราคม2566) เด็กและครูร่วมกันสนทนาถึงสิ่งที่เด็กสงสัยและเด็กอยากรู้ในคำถามที่ 1“ส่วนประกอบของกล้วยมี อะไรบ้าง” ครูให้เด็กช่วยกันทบทวนถึงการดำเนินการค้นหาคำตอบได้โดยวิธีการอย่างไร และได้ผลการศึกษาอย่างไรโดย การให้เด็กแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและเด็กๆร่วมกันสรุป จากการที่เด็กๆ ได้สำรวจต้นกล้วยและอยากรู้ว่า“ส่วนประกอบของกล้วยมีอะไรบ้าง” สรุปได้ว่า ต้นกล้วยมีส่วนประกอบดังนี้ 1. ราก เป็นระบบรากฝอยแผ่ไปทางด้านกว้างมากกว่าทางแนวดิ่งลึก 2. ลำต้น มีลำต้นใหญ่สีเขียวมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากบริเวณต้นมีกาบกล้วย 3. ใบกล้วย มีสีเขียว มีลักษณะเป็นแผ่นใบใหญ่ปลายใบมนรูปใบเป็นขอบขนาน 4. หัวปลี มีสีม่วงแดง ภายในมีดอกของกล้วยออกเป็นช่อมีดอกเพศเมียและดอกเพศผู้ 5. ผล มีผลสีเขียวเวลาสุกมีผลสีเหลือง


Click to View FlipBook Version