The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดการความรู้ - KM เรื่อง มหัศจรรย์ความร่วมมือ Miracle of Cooperation "6 นวัตกรรม นำสันกลางสู่ความมั่นคง ยั่งยืน"

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kaweewong88, 2021-07-03 07:32:52

มหัศจรรย์ความร่วมมือ Miracle of Cooperation "6 นวัตกรรม นำสันกลางสู่ความมั่นคง ยั่งยืน"

การจัดการความรู้ - KM เรื่อง มหัศจรรย์ความร่วมมือ Miracle of Cooperation "6 นวัตกรรม นำสันกลางสู่ความมั่นคง ยั่งยืน"

Keywords: ความร่วมมือ

การจดั การความรู้ (Knowledge Management : KM)

มหัศจรรยค์ วามร่วมมือ

Miracle of Cooperation

“6 นวัตกรรม นาสันกลาง สคู่ วามมั่นคง ย่ังยืน”

จดั ทำโดย
สำนกั งานส่งเสรมิ และสนับสนุนวชิ าการ 9
กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมัน่ คงของมนุษย์

ที่อยู่
บรเิ วณศนู ยร์ าชการจังหวดั เชยี งใหม่
ถนนโชตนา ตำบลช้างเผอื ก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวดั เชยี งใหม่ 50300
โทรศพั ท์ 053-112485-6 โทรสาร 053-112491
E-mail: [email protected]
Website: tpso-9.m-society.go.th

เผยแพร่
กรกฎาคม 2564



คานา

การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เรื่อง มหัศจรรย์ความร่วมมือ
Miracle of Cooperation “6 นวัตกรรม นำสันกลางสู่ความมั่นคง ยั่งยืน” เป็นกิจกรรมภายใต้
โครงการศูนย์บรกิ ารวชิ าการพัฒนาสังคมและจัดสวัสดิการสังคมในระดับพื้นนที่ ประจำปี พ.ศ. 2564
ดำเนินการโดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวชิ าการ 9 (สสว. 9) ร่วมกับ องค์การบริหารสว่ นตำบล
สันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่บูรณาการสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง ประจำปี 2564
ของหนว่ ยงานสังกดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความม่ันคงของมนษุ ย์จงั หวดั เชยี งราย (One Home
พม. เชียงราย)

ด้วยความมุ่งมั่นองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ที่ได้มี
การวางแผนแนวทางการพัฒนาตำบล เพื่อแก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการของประชาชน
ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐลาล จังหวัด และอำเภอ ที่มุ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุขและให้การดำเนิน
กิจกรรมต่าง ๆ ไปในทิศทางเดียวกัน โดยนำเอาแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามาปรับใช้ กำหนด
เป้าหมายให้ตำบลสันกลางเป็นตำบลที่เข้มแข็ง มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ “สันกลาง
วิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง” มุ่งให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีความสามัคคี รักในถิ่นกำเนิด ดำรงไว้
ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม พร้อมน้อมนำแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการ
ดำรงชีพ ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางมากถึง 6 นวัตกรรม เป็นการ
ผสานความรว่ มมอื แบบบูรณาการสว่ นราชการ เอกชน กลมุ่ องค์กร ภาคีเครอื ข่าย กลุม่ อาชีพ ผนวกกบั
ความเข้มแข็งของทุนทางสังคมในพื้นที่มสี ่วนร่วมในการขับเคล่อื นนวตั กรรมต่าง ๆ ทำให้ตำบลสันกลาง
มีความเข้มแข็งโดยอาศัยกลไกการทำงานตามหลัก “บวร (บ้าน วัด โรงเรียน/ราชการ)” มีการ
กำหนดเป้าหมายท่ีมีความชัดเจน มกี ารกำหนดนโยบายโดยใหท้ ุกภาคสว่ นที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการ
วางแผนงาน การร่วมดำเนินกิจกรรมและการติดตามประเมินผล การดำเนินงานที่มีความโปร่งใส
ตรวจสอบได้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเครือข่ายร่วมดำเนินงาน และประชาชนที่เข้าร่วม
โครงการ มีการดำเนินกจิ กรรมอย่างต่อเนื่อง มีการวางรูปแบบการบริหารงานท่ีเป็นระบบ การดึงผ้นู ำ
ประชาชนมามีส่วนร่วมในแต่ละกิจกรรม เปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลสามารถที่จะเสนอความคิดเห็น
ทแี่ ตกตา่ งได้ โดยมจี ุดมุง่ หมายเปน็ อนั หนึ่งอนั เดียวกัน คือ เพ่อื สรา้ งความเข้มแข็ง ม่นั คง และย่งั ยืน

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 9 ขอขอบคุณทุกความร่วมมือในการแบ่งปัน
ข้อมูล องคค์ วามรู้ และประสบการณใ์ นการขบั เคลือ่ นนวตั กรรมทั้ง 6 นวัตกรรม และหวงั วา่ การจัดการ
ความรู้ (Knowledge Management : KM) ในครั้งนี้ สามารถนำเสนอแนวคิดของการพัฒนาและ
นวัตกรรมที่ทำให้พื้นที่สามารถสร้างเสริมชุมชมเข้มแข็งแบบบูรณาการ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพ
ชวี ิตท่ดี ี มีความสุข มัน่ คง ย่ังยืน และสามารถเป็นต้นแบบด้านการพฒั นาสังคมตอ่ ไป

สำนกั งานสง่ เสรมิ และสนบั สนุนวิชาการ 9
กรกฎาคม 2564



บทสรปุ ผ้บู ริหาร

การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เรื่อง มหัศจรรย์ความร่วมมือ
Miracle of Cooperation “6 นวัตกรรม นำสันกลางสู่ความมั่นคง ยั่งยืน” เป็นอีกหนึ่งผลงาน
ของตำบลสันหลาง อำเภอภาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นตำบลที่ได้รับการคัดเลอื กเป็นพื้นที่บูรณาการ
สร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง ประจำปี 2564 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ท่ีสามารถถ่ายทอดนวัตกรรมตน้ แบบการพฒั นาชุมชนท้องถน่ิ ให้เกดิ ความมัน่ คง ยง่ั ยืน ผ่านการบรู ณาการ
การทำงานร่วมกนั ของประชาชน ชุมชน หน่วยงานท้องที่ ท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานรัฐที่รว่ มหนุนเสริม
ความสำเรจ็ ถือเป็นเคร่ืองมอื สำคัญในการบริหารจดั การภายในหนว่ ยงาน ชุมชน ท้องถิ่น เพื่อใหท้ ุกคน
สามารถเข้าถึงความรู้ และมีการแบ่งปันแลกเปล่ียนเรยี นรู้ รวมทั้งนำความรู้ที่ไดร้ ับไปใช้ในการพัฒนา
ชมุ ชนท้องถน่ิ ของตนเองให้มกี ารพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืน อีกทง้ั เปน็ ตน้ แบบแก่พนื้ ที่อนื่ ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 9 ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนให้เกิด
การเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมใหม่ โดยการนำขบวนการที่เกิดปัญหาและอุปสรรค รวมถึงแนวทาง
และวิธีการการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
มาคิดวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความรูใ้ หม่ โดยการแบ่งปันความคิดและความรู้ที่เปน็ ประโยชน์จากบุคลากร
ขององค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง และประชาชนในพ้นื ท่ีตำบลสนั กลาง อำเภอพาน จงั หวัดเชียงราย
เปน็ การบรู ณาการข้อมูลและองคค์ วามร้เู พอ่ื ให้ไดผ้ ลงานนำไปส่นู วตั กรรมทส่ี ามารถนำมาเป็นเครื่องมือ
ในการพัฒนาชมุ ชนทอ้ งถิ่น เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งของพืน้ ที่ ขับเคลือ่ นสู่การพัฒนาอย่างย่งั ยืน

โดยองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นนี้ มีการนำเสนอข้อมูลนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาโดยผู้ที่เกี่ยวข้อง
ในพืน้ ท่ีตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวดั เชียงราย รวม 6 นวตั กรรม ไดแ้ ก่ 1) นวัตกรรมสถานเี กษตร
วิถีพอเพียง 2) นวัตกรรมสันกลางสะอาดอาหารปลอดภัย 3) นวัตกรรมสันกลางวิถีธรรม วิถีไทย
วิถีพอเพียง 4) นวัตกรรมเยาวชนต้นกล้าสันกลาง 5) นวัตกรรมสันกลาง 5G+ เสริมสร้างเครือข่าย
การพัฒนาอย่างยั่งยืน และ 6) นวัตกรรมการบูรณาการสันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง
ของโรงเรียนผู้สูงอายุวัดหัวฝาย โดยทั้ง 6 นวัตกรรมที่นำเสนอนี้ถูกขับเคลื่อนโดยอาศัยกลไก
การทำงานตามหลัก “บวร (บ้าน วัด ราชการ)” เปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วม
ในทุกกิจกรรม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยมีจุดมุ่งหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
คือ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ความสามัคคีให้กับชุมชนในด้านต่าง ๆ สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐาน
ทั้งด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคมได้อย่างครอบคลุมและครบวงจร ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่
ตำบลสันกลางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อม ๆ กับวางรากฐานให้กับคนรุ่นหลังได้สืบสานการพัฒนา
ต่อยอดไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ



ง หนา้

สารบัญ ก

เร่ือง ค

คำนำ 1
บทสรปุ ผบู้ ริหาร 1
สารบัญ 4

บทที่ 1 บทนำ 6
- ขอ้ มลู พืน้ ฐานตำบลสนั กลาง 7
- แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) 10
12
บทท่ี 2 แนวคิดการพฒั นาที่นำมาใช้ 16
1. แนวคดิ ทฤษฎกี ารพัฒนาอยา่ งย่ังยนื 19
2. แนวคดิ ทฤษฎีหลักการบริหารจัดการบ้านเมอื งทีด่ ี
3. แนวคิดทฤษฎกี ารพฒั นาตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 25
4. แนวคดิ ทฤษฎีหลกั การทำงานแบบบูรณาการ 26
5. แนวคดิ ทฤษฎอี งค์การและนวตั กรรมในองคก์ าร 33
39
บทที่ 3 “6 นวตั กรรม นำสนั กลางสู่ความมน่ั คง ยัง่ ยืน” 50
1. สถานเี กษตร วถิ ีพอเพยี ง 54
2. สันกลางสะอาดอาหารปลอดภัย
3. สันกลางวถิ ีธรรม วถิ ีไทย วิถีพอเพยี ง 62
4. เยาวชนตน้ กล้าสนั กลาง
5. สันกลาง 5G+ เสรมิ สรา้ งเครือขา่ ยการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืน 66
6. การบูรณาการสันกลางวถิ ีธรรม วถิ ีไทย วถิ พี อเพียง
ของโรงเรยี นผสู้ งู อายุวดั หัวฝาย 68

บทท่ี 4 บทสรุป 76

ภาคหนวก

บรรณานกุ รม

1

บทที่ 1

บทนา

------------------------------------------------------------
“สนั กลางวิถีธรรม วิถไี ทย วถิ ีพอเพยี ง”

1. ขอ้ มูลพน้ื ฐานตำบลสันกลาง

ตำบลสันกลาง เดิมชื่อตำบลแม่คาวโตน ต่อมาได้แยกออกเป็น 3 ตำบล คือ ตำบล
ทรายขาว ตำบลธารทอง และตำบลสันกลาง ได้รับการจัดตั้งตามกฎหมายลกั ษณะการปกครองท้องท่ี
พ.ศ. 2457 แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 18 หมู่บ้าน และจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลตาม
ประกาศกระทรวง มหาดไทย ลงวันท่ี 29 มกราคม 2539 เลอื กต้ังสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนตำบลชุด
แรกเม่อื วนั ที่ 27 เมษายน 2539 ปจั จุบนั เป็นองค์การบรหิ ารส่วนตำบลขนาดกลาง

ตำบลสันกลางตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอพาน อยู่ห่างจาก
ตัวอำเภอพาน ประมาณ 10 กิโลเมตร และอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเชียงราย
ห่างจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากจังหวัดพะเยา ประมาณ 45 กิโลเมตร
มีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบ เชิงเขา บางแห่งเป็นที่ราบลุ่ม มีเทือกเขากั้นเป็นแนว
ระหว่างอำเภอแม่สรวย เป็นภูเขาที่สูงปานกลางสูง กว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 600 - 382 เมตร
ติดกับเขตอุทยานดอยหลวง มปี ่าไม้ท่ีอุดมสมบรู ณ์และมปี า่ ชุมชนหลายแห่ง มปี า่ พรุเปน็ แหล่งต้นน้ำลำธาร
ที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยแม่หนาด ลำน้ำแม่คาวโตน สำหรับแหล่งน้ำที่ใช้ทำการเกษตรที่สำคัญได้รับน้ำ
จากชลประทาน และน้ำจากธรรมชาติ ได้แก่ ลำห้วยแม่หนาด และอ่างเก็บน้ำห้วยผาแดง ประชากร
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 90 มีการทำนาข้าว ทำไร่สับปะรด แก้วมังกร และลำไย
มีการทำการประมงเลี้ยงปลานิล ซึ่งตำบลสันกลางถือเป็นพื้นที่ ที่ทำการเลี้ยงปลานิลมากที่สุดในเขต
พ้ืนทอี่ ำเภอพาน

ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาวและองค์การบริหารส่วนตำบล
เจริญเมอื ง

ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกับเขตองคก์ ารบริหารส่วนตำบลเมืองพานและองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหงุ่
ทิศตะวันออก ตดิ ต่อกบั เขตองคก์ ารบริหารสว่ นตำบลสันติสุข
ทิศตะวันตก ตดิ ต่อกับเขตอทุ ยานแห่งชาติดอยหลวง และตำบลแมพ่ รกิ อำเภอแมส่ รวย

2

เขตการปกครอง
องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง มีพื้นที่รับผิดชอบประมาณ 77.91 ตารางกิโลเมตร หรือ

48,693.75 ไร่ มีจำนวนหมู่บ้านซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง
จำนวน 18 หมบู่ ้าน ประกอบดว้ ย

หมทู่ ี่ 1 บ้านปา่ เหยี ง หมู่ที่ 10 บา้ นผาจอ้
หมทู่ ี่ 2 บ้านแม่คาวหลวง หมทู่ ่ี 11 บา้ นปา่ เปา
หมทู่ ี่ 3 บ้านถ้ำ หมูท่ ี่ 12 บา้ นใหมพ่ ฒั นา
หมู่ที่ 4 บา้ นป่าขา่ หมู่ที่ 13 บ้านร่องลกึ
หมทู่ ่ี 5 บา้ นปา่ ตา๊ ก หมทู่ ี่ 14 บา้ นปา่ ขา่ ดอนชัย
หมู่ที่ 6 บา้ นแมค่ าวโตน หมทู่ ่ี 15 บ้านแม่คาวดวงดี
หมู่ท่ี 7 บ้านสันผกั ฮี้ หมทู่ ี่ 16 บา้ นสันโค้ง
หมู่ท่ี 8 บ้านทาทรายมลู หมทู่ ี่ 17 บ้านแม่คาวโตนพัฒนา
หม่ทู ี่ 9 บา้ นหัวฝาย หมทู่ ่ี 18 บ้านเวยี งสา

ประชากร
ตำบลสนั กลางมีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 3,508 ครัวเรือน มีจำนวนประชากร รวมทั้งส้นิ

8,550 คน แยกเปน็ ชาย 4,159 คน หญงิ 4,391 คน

หมทู่ ี่ หม่บู ้าน ครวั เรอื น ชาย หญิง รวม
1 บา้ นปา่ เหียง 288 370 386 756
2 บา้ นแม่คาวหลวง 185 208 200 408
3 บ้านถ้ำ 194 197 205 402
4 บ้านปา่ ข่า 227 304 311 615
5 บา้ นปา่ ต้าก 237 294 335 629
6 บ้านแมค่ าวโตน 275 272 320 592
7 บ้านสนั ผกั ฮ้ี 338 331 361 692
8 บา้ นทาทรายมลู 152 192 233 425
9 บา้ นหวั ฝาย 327 338 332 670
10 บา้ นผาจอ้ 124 153 173 326
11 บ้านปา่ เปา 161 173 203 376
12 บ้านใหมพ่ ฒั นา 191 269 256 525
13 บา้ นร่องลึก 90 129 117 246
14 บ้านปา่ ข่าดอนชัย 183 267 271 538
15 บ้านแมค่ าวดวงดี 168 198 212 410

3

หม่ทู ่ี หมบู่ ้าน ครัวเรอื น ชาย หญิง รวม
16 บา้ นสันโค้ง 140 181 216 397
17 บา้ นแม่คาวโตนพัฒนา 138 171 171 342
18 บา้ นเวยี งสา 90 112 89 201
3,508 4,159 4,391 8,550
รวม
ท่ีมา : รายงานสถติ ิจำนวนประชากรและบา้ นประจำปี พ.ศ. 2563
สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง

ในปี 2564 ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่
บูรณาการสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ซึ่งดำเนินการขับเคลื่อนโดยหน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จังหวัดเชียงราย หรือ One Home พม.เชียงราย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลสนั กลาง และภาคี
เครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในพื้นที่ โดยตำบลสันกลางเองนับว่าเปน็ พืน้ ท่หี นึ่ง
ที่มีความมั่นคง เข้มแข็ง และได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายด้านการพัฒนาสังคม มีกลุ่มก้อน
ของนักพัฒนาที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบแบบบูรณาการ ท้ัง บ้าน วัด โรงเรียน/ราชการ กล่าวคือ
การทำงานแบบ “บวร” ส่งผลใหป้ ระชาชนในพื้นท่ีไดร้ ับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึน้ การบูรณาการ
ทำงานที่เข้มแข็ง ต่อยอดการพัฒนาจนสามารถสร้างนวัตกรรมนำท้องถิ่นสู่การเป็นต้นแบบด้านการ
พัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาคน และพฒั นาสังคมอยา่ งเป็นรูปธรรมและย่งั ยืน

การถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM)
ตามกระบวนการจัดการความรู้ 7 ขั้นตอน (Knowledge Management Process) โดยสำนักงาน
ส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 9 เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถทำให้องค์กร ภาคีเครือข่าย
และหนว่ ยงานทสี่ นใจดา้ นการพัฒนาเข้าถึงองคค์ วามรู้ท่ีเป็นตน้ แบบของตำบลสนั กลาง สามารถศึกษา
เรยี นรู้และนำองค์ความร้ทู ่ีมีไปปรบั ใช้ ขยายผลใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ไป

4

2. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan)

ท่ี กระบวนการ กจิ กรรม/วิธกี ารสูค่ วามสำเร็จ ระยะเวลา เปา้ หมาย ผรู้ ับผิดชอบ

1 การบง่ ชี้ จดั ประชุมชแ้ี จงแนวทาง ธนั วาคม แผนการ สสว. 9
ความรู้ การดำเนนิ งานการจดั การความรู้ 2563 จัดการ
(Knowledge Management : KM)
ความรู้
- การจัดทำเค้าโครงการจดั การ

ความรู้ ในประเด็น

1. การบ่งช้คี วามรู้ (ความรหู้ ลกั คอื

อะไร อยู่ที่ไหน ยงั ขาดอะไร)

2. การสรา้ งและแสวงหาความรู้

(จะหามาไดอ้ ยา่ งไร สรา้ งไดอ้ ยา่ งไร)

- การจดั ทำ แผนปฏบิ ัติการและ

กจิ กรรมการดำเนนิ งานการจดั การ

ความรู้

- การนำเสนอแลกเปลย่ี นขอ้ มลู

เรอ่ื ง การขับเคลอื่ นการดำเนินงาน

การจดั การความรู้

2 การสร้างและ - การศึกษาข้อมูล กุมภาพันธ-์ ขอ้ มูลที่ - สสว. 9

แสวงหา 1. ข้อมลู พน้ื ฐานตำบลสันกลาง มนี าคม เก่ียวขอ้ ง - อบต.

ความรู้ 2. แนวคดิ ทน่ี ำมาใช้ 2564 กบั สนั กลาง

3. นวัตกรรมตำบลสนั กลาง นวตั กรรม - พม.

4. เอกสารอนื่ ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง พน้ื ท่ตี ำบล จังหวดั

5. เวปไซต์ แแหล่งข่าวตา่ ง ๆ สนั กลาง เชยี งราย

3 การประมวล - การประมวลและกลน่ั กรองการ เมษายน - เน้ือหา สสว. 9

และ จดั การความรู้ 6 นวตั กรรม นำสนั พฤษภาคม ถกู ตอ้ ง

กลั่นกรอง กลางสู่ความมั่นคง ยังยืน 2564 ครอบคลมุ

ความรู้ - การจดั ทำและปรับปรงุ เนื้อหาข้อมูล

4 การจดั การ -การออกแบบรูปแบบการจดั เกบ็ มถิ ุนายน- มีรปู แบบ สสว. 9

ความรู้ใหเ้ ปน็ ข้อมูล เช่น การจัดทำเปน็ หนังสอื กรกฎาคม และระบบ

ระบบ แผน่ พบั E-book/ Website 2564 ในการ

-การจดั ขอ้ มลู ให้เปน็ หมวดหมู่ จดั เก็บ

ข้อมลู

5

ที่ กระบวนการ กจิ กรรม/วธิ กี ารสคู่ วามสำเร็จ ระยะเวลา เป้าหมาย ผูร้ บั ผดิ ชอบ

5 การเขา้ ถึง -กิจกรรมการจัดชอ่ งทางเผยแพร่ กรกฎาคม กลุ่มเปา้ หมาย สสว.9
ความรู้ ความรู้ โดยการจดั ประชาสัมพนั ธ์ 2564 สามารถ
ทาง Social Media เช่น Website
เขา้ ถึงความรู้
Facebook เอกสารเผยแพรค่ วามรู้
ไดอ้ ย่าง
(รายงาน/แผ่นพับ/คมู่ อื /วซี ีด/ี
สะดวก
Infographic/จดหมายขา่ ว/
QR Code) รวดเรว็

6 การแบง่ ปนั -การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การ สงิ หาคม ข้อเสนอแนะ - สสว. 9

และ ขบั เคลือ่ นนวตั กรรมตำบลสันกลาง 2564 เพ่ือการ - อบต.

แลกเปลย่ี น - ขบั เคลื่อนการนำผลการจัดการ ปรบั ปรุง สนั กลาง

ความรู้ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ - พม.

จังหวดั

เชยี งราย

7 การเรยี นรู/้ - ส่งเสริมการเรียนรู้ใหบ้ คุ ลากร กันยายน - สสว. 9

การขยายผล ทงั้ ในและนอกหน่วยงาน 2564 - อบต./

- ส่งเสรมิ ใหห้ น่วยงาน พม. และ เทศบาล

อปท. นำองค์ความรู้ 6 นวัตกรรม 8 แห่ง

นำสันกลางสู่ความมันคงยั่งยนื ไป (พ้นื ท่ี

ขยายผล บรู ณาการ

สร้างเสรมิ

ชมุ ชน

เขม้ แข็ง

ปี 2564)

- พม.

8 จังหวัด

6

บทที่ 2

แนวคดิ การพฒั นาที่นามาใช้

------------------------------------------------------------
องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง ได้วางแนวทางการพัฒนาตำบล เพื่อแก้ไขปัญหา
ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยได้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จังหวัด
และอำเภอ ที่มุ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุขและให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อลดปัญหาการทำงานที่ซ้ำซ้อน ของหน่วยงานในพื้นที่ ได้นำเอาแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้ อง
จากเอกสารและหนังสือทางวิชาการต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาโดยได้ประมวลนำเสนอ
เป็นลำดับดงั นี้ คือ
1. แนวคิดทฤษฎกี ารพัฒนาอย่างยัง่ ยืน
2. แนวคดิ ทฤษฎีหลักการบรหิ ารจดั การบา้ นเมืองทีด่ ี
3. แนวคดิ ทฤษฎีการพัฒนาตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
4. แนวคดิ ทฤษฎหี ลกั การทำงานแบบบรู ณาการ
5. แนวคิดทฤษฎีองค์การและนวตั กรรมในองคก์ าร

1. แนวคดิ ทฤษฎีการพฒั นาอย่างยง่ั ยืน
แนวคิดว่าด้วยการพัฒนาแบบย่ังยืน เป็นแนวความคิดที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

การพัฒนาแบบย่งั ยืนเปน็ การพัฒนาที่กระจายประโยชน์ของความกา้ วหน้าทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง
ตลอดจนเป็นการพัฒนาที่ปกป้องสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่นและในระดับโลกโดยรวมเพื่อชนรุ่นหลงั
และเป็นการพัฒนาที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างแท้จริง เป็นการจุดประกายแห่งการรักษามรดก
ทางทรัพยากรทางธรรมชาติ การทำให้คุณภาพของชีวิตมนุษย์ดีขึ้น ในลักษณะเศรษฐกิจแบบยั่งยืน
เป็นเศรษฐกิจที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ ซึ่งเป็นการ
เปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพในระบบของเศรษฐกิจในภาวะที่มีดุลยภาพทางระบบนิเวศวิทยา
ความยั่งยืนนั้นอยู่ที่ระดับ (Level) ของการนำเอาทรัพยากรทางธรรมชาติไปใช้ ยิ่งในสภาวะปัจจุบัน
การเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจทีเ่ น้นในเรอื่ งคุณภาพ

1.1 ความหมายของการพัฒนาทย่ี งั่ ยนื
ปกรณ์เทพ พจี (2549, หน้า 16-17) อธิบายว่า การพัฒนาที่ยั่งยืน

เป็นขบวนการสร้างความเที่ยงธรรมความมีประสิทธิภาพและโครงสร้าง ที่มีส่วนร่วมเพื่อเพิ่ม
ความเขม้ แขง็ ดา้ นต่างๆ ใหก้ บั ชมุ ชนและภมู ิภาคโดยรอบ

7

เกื้อ วงศ์บุญสิน (2538, หน้า 71-72) อธิบายว่า การพัฒนาแบบยั่งยืน
หมายถึง การพัฒนาที่ตรงกับความต้องการตามความจำเป็นในปัจจุบันโดยสามารถรองรับ
ความต้องการหรือความจำเป็นที่จะเกิดแก่ชนรุ่นหลัง ๆ ด้วยทั้งนี้มาตรฐานการครองชีพที่เลย
ขีดความจำเป็นขั้นพื้นฐานต่ำสุดจะยั่งยืนต่อเมื่อมาตร ฐานการบริโภคในทุกหนทุกแห่งคำนึงถึง
ความยั่งยืนในระยะยาว (Long term Sustainability) รวมถึงครอบคลุมมาตรการ การรักษามรดก
ทางทรัพยากรที่จะตกกับคนรุ่นหลัง โดยอย่างน้อยให้มากพอ ๆ กับชนรุ่นปัจจุบันที่ได้รับมา และเป็น
การพฒั นาท่กี ระจายประโยชน์ของความกา้ วหนา้ เศรษฐกจิ ไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึง

1.2 แนวคดิ หรอื หลกั การของการพัฒนาทีย่ ัง่ ยนื
ประยุทธ ประยุตโต (๒๕๔๓) อธิบายว่า แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาคน

และสิ่งแวดลอ้ มทีย่ ง่ั ยืน
"ได้แก่ การปลูกฝังความรัก ความหวงแหนในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นช่วยให้

ทุกคนมีความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากบ้านโรงเรียน
และชุมชนการสรา้ ง จิตสำนึกและคณุ ธรรมในการดำเนนิ ชีวิต ใหอ้ ุปโภคบริโภคอยา่ งเหมาะสม มีความ
พอดี และพอเพยี งตาม ความต้องการ"

การพัฒนาที่สมบูรณ์แบบนั้น ท่านได้เสนอแนวทางที่องค์กรได้ปฏิบัติอยู่
ผนวกเข้ากับแนวทางการพัฒนาแบบพุทธ ซึ่งเน้นการพัฒนาคนเป็นหลักจากภูมิปัญญาอันละเอียด
ลึกซึ้งของท่า นถือเป็นคุณูปการแก่ชาวโลกในปัจจุบันและอนาคตด้วย การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นระบบ
ที่เอื้อต่อความยั่งยืนทางสภาพแวดล้อม กล่าวคือ ระบบดังกล่าวประชากรมีขนาดคงที่และสมดุล
กับการเกื้อหนุนของธรรมชาติ มีระบบการผลิตพลังงานที่ไม่ส่งผลต่อผลกระทบสร้างความเสียหาย
ต่อสภาพภูมิอากาศโลก มีระดับความต้องการ การดำรงชีพในระดับที่ไม่เกินกำลังการผลิตที่ยั่งยืน
ของระบบนิเวศ รวมทั้ง ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ การทำลายลา้ งส่ิงมชี ีวิตตา่ ง ๆ ที่เป็นเพอ่ื นรว่ มโลกของเรา

พระภิธรรมปิฎก (2539, หน้า 65) อธิบายว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนจะแบ่ง
ออกเป็น 2 ปจั จัย ไดแ้ ก่

1. เป็นการพัฒนาคนเป็นแกนกลางของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้น
แก้ปัญหาความยากจน การพัฒนาต้องสามารถตอบสนองในปัจจุบันขั้นพื้นฐานได้อย่างพอเพียง
ทั้งด้านการศึกษาสุขภาพอนามัย ที่อยู่อาศัยและฐานะความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งมาตรการนโยบาย
ประชากรทเ่ี หมาะสม

2. ธรรมชาตหิ รือสงิ่ แวดล้อม ด้วยการพิทักษ์รักษาบำรงุ ช่วยสภาพธรรมชาติ
และใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพแต่การพัฒนาจะสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยการพัฒนา
จริยธรรมทงั้ ในระดับบคุ คลและระดับชาติ (จริยธรรมทีแ่ ท้ตอ้ งสามารถทำใหม้ นษุ ยม์ คี วามสุข จึงจะเกิด
การพัฒนาที่ยั่งยืน) การพัฒนาด้านการศึกษานับว่าเป็นองค์ประกอบแรก ที่จะช่วยผลักดันให้เกิด
การพัฒนาดา้ นอื่น ๆ ต่อไปอย่างน้อยทำใหค้ นรู้เทา่ ทนั ปัญหาทีเ่ กิดขนึ้ และทส่ี ำคัญต้องมีการประนปี ระนอม

8

คือ ยอมลดละความต้องการของตนเองเพื่อให้แต่ละฝ่ายได้ประโยชน์บ้าง หลักการเหล่านี้เองจะทำให้
เกิดการพฒั นาท่ียั่งยนื ได้

แนวคดิ ทอ่ี ยบู่ นพ้นื ฐานของหลักการทเี่ รียกวา่ "ความยตุ ิธรรมระหวา่ งสองรนุ่ "
(Integration Equity) กล่าวคอื การพัฒนาแบบยัง่ ยนื สามารถครอบคลมุ สองลักษณะ ไดแ้ ก่

ลักษณะแรก เน้นเรื่องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบมีขีดจำกัด
โดยมุ่งเน้นวิธีของประชาชนที่มีเศรษฐกิจพอเพียง สามารถอยู่ได้ท่ามกลางกระแสวิกฤติหรือเศรษฐกจิ
ที่ปั่นป่วนโดยวิธีการแรก คือ "เน้นหลักความพอดี" และการตอบสนองต่อความจำเป็นพื้นฐานเท่าท่ี
จำเป็น

ลักษณะที่สอง เน้นเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติหรือทรัพยากรธรรมชาติ
เพราะว่าธรรมชาติไม่ได้ มีไว้เพื่อให้มนุษย์นำไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยและล้างผลาญ วิธีของการรักษาและ
อนุรักษ์ทรัพยากรหรือการใช้สอย ให้คุ้มค่าและได้ใช้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้กำลังเป็นท่ี
น่าสนใจของมวลหมู่ธรรมชาติเพราะว่า ความสมั พันธ์กบั ประชากรการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ การเพมิ่
ประชากรและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขาดความสมดุล อย่างไรก็ตาม วิธีการพัฒนาแบบยั่งยืน
ควรจะสามารถทำได้อย่างน้อยสามด้าน ได้แก่ ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นสงั คม และดา้ นนเิ วศวทิ ยา

มหาวิทยาลัยขอนแก่น (2554, หน้า 55) อธิบายว่า หลักการพัฒนา
แบบย่ังยืนเปน็ การพัฒนาท่มี งุ่ เน้นการสร้างสมดุลในสามมติ เิ นอื่ งจากทกุ ดา้ นลว้ นแลว้ แตม่ คี วามสัมพนั ธ์
และเกีย่ วเนอ่ื งกนั ดังน้ี

1. มิติการพัฒนาด้านสังคม หมายถึง การพัฒนาคนและสังคมให้เชื่อมโยง
กับการพัฒนาเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล โดยพัฒนาคนไทยให้มี
ผลิตภาพสูงขึ้นปรับตัวรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงมีสำนึกและวิถีชีวิตที่เกื้อกูลต่อธรรมชาติ มีสิทธิ
และโอกาสท่จี ะได้รบั การจดั สรรและผลประโยชนด์ า้ นการพัฒนาและค้มุ ครองอยา่ งท่วั ถึงและเป็นธรรม
พึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง มีระบบการจัดการทางสังคมที่สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย รวมทั้ง
มีทุนทางสังคมที่อยู่หลากหลายมาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีคุณภาพ
มกี ารเรยี นรูต้ ลอดชีวิตและมคี วามสมานฉันท์เอ้อื อาทร

2. มิติการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ
อย่างต่อเนื่อง ในระยะยาวและเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
จะต้องเป็นไปอย่างสมดุล และเอื้อต่อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีความสามารถ
ในการแข่งขันและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นจะต้องนำมาจากกระ บวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยี
สะอาด ลดปริมาณของเสียไมท่ ำลายสภาพแวดล้อม ไม่สร้างมลพษิ ทีจ่ ะกลายมาเป็นตน้ ทุนทางการผลติ
ในระยะต่อไป รวมทั้งเปน็ ข้อจำกดั ของการพัฒนาเศรษฐกจิ ให้มปี ระสิทธภิ าพอยา่ งยัง่ ยืน

3. มิติการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม หมายถึง การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมในขอบเขตที่คงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ และสามารถพลิกฟื้นให้กลับสู่
สภาพใกล้เคียงกบั สภาพเดิมใหม้ ากทส่ี ดุ เพ่อื ให้คนร่นุ หลงั ไดม้ โี อกาสและมปี ัจจยั ในการดำรงชีพ

9

ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งการจัดการให้เกิดสมดุลระหว่างการใช้
ทรพั ยากร ธรรมชาตไิ ด้อยา่ งเก้ือกูลรวมถึงการชะลอการใช้ และนำเทคโนโลยีสะอาดมาใชใ้ ห้มากท่ีสดุ

สำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2545) อธบิ ายว่า
แนวคดิ การพัฒนาอย่างยง่ั ยนื มลี ักษณะทสี่ ำคญั ทคี่ วรคำนึง ไดแ้ ก่

1. คำนึงถึงขีดจำกัดของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสนอง
ความตอ้ งการในปัจจบุ นั โดยไมส่ ง่ ผลตอ่ ความต้องการในอนาคต

2. คำนึงถึงความเป็นองค์รวม คือ มองว่าจะกระทำสิ่งใดต้องคำนึงถึง
ผลกระทบท่จี ะเกดิ กบั สิง่ อ่นื ๆ

3. คำนึงถึงเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ว่าควรเป็นไปในทางสร้างสรรค์
และเออ้ื ประโยชนอ์ ย่างสอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพทอ้ งถิ่น

กลมุ่ งานขอ้ มลู สารสนเทศและการส่อื สารสำนกั งานจังหวัดปทมุ ธานี (ม.ป.ป.)
อธิบายว่า ในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการพัฒนาเพื่อมุ่งไปสู่ความยั่งยืนของประเทศไทยนั้น
ได้มกี ารกำหนดเปา้ ประสงคข์ องการพัฒนา 4 ประการดว้ ยกนั ไดแ้ ก่

1. คุณภาพ : สังคมไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นสังคมฐานความรู้ มีการ
พัฒนาศักยภาพและการศึกษาได้ด้วยตนเอง มีการผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตามศักยภาพ
การผลิตในประเทศ โดยเน้นความได้เปรียบเชิงแข่งขันควบคู่กับผลิตภาพ (productivity) เพิ่มผลผลติ
ทเี่ ปน็ มติ รกับส่งิ แวดล้อม และลดมลพษิ ในเชงิ ปอ้ งกัน

2. เสถยี รภาพและการปรบั ตัว : เศรษฐกจิ เกดิ การขยายตวั อย่างมีเสถียรภาพ
ท้ังระดบั ภายในและภายนอกประเทศ มกี ารสร้างภูมิคมุ้ กนั ทางเศรษฐกิจและสังคมจากปัจจัยสนับสนุน
ภายใน โดยคำนึงขีดจำกัดและความสามารถในการรองรับของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ด้วยการพัฒนาและการบริหารจัดการเศรษฐกิจระดับฐานรากอย่างครบวงจร โดยมีสินค้าภูมิปัญญา
ท้องถนิ่ ท่หี ลากหลาย มีการธำรงไวซ้ ึ่งศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณอ์ ันเป็นมรดกดงี ามของชาติ

3. การกระจายการพัฒนาอย่างเป็นธรรม : สร้างความเท่าเทียมทั้งด้านเพศ
อาชีพ รายได้ การศึกษา ความต้องการพื้นฐานในการดำรงชีพ และบริการพื้นฐานทางสังคม มีโอกาส
ใน กา รเข้า ถึง ตล า ดแล ะ กา รจัดส รรฐา น ท รัพยา กรอย่า ง เหมา ะ ส มแล ะเป ็น ธรรมโ ดยคำน ึงถึง
ความต้องการของคนรนุ่ ปัจจุบันและสงวนรกั ษาทรัพยากรใหค้ นร่นุ อนาคต

4. การมีระบบบริหารจัดการที่ประชากรทุกภาคส่วนของสังคม มีโอกาส
และสิทธใิ นการรบั รขู้ ้อมลู ข่าวสาร กระบวนการตดั สนิ ใจ และนโยบายสาธารณะแก่ประชาชน โดยผ่าน
การบริหารจดั การ การสง่ เสริมและกระจายอำนาจส่ทู ้องถิน่ และการสร้างความรว่ มมอื แบบบูรณาการ
ของสถาบันการเมอื ง สงั คม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ มอย่างจรงิ จงั

10

สรุป จากการศึกษา แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังที่ได้กล่าวมา สามารถ
สรุปได้ว่า ประเทศไทยได้นำเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิสัยทัศน์สำหรับการพัฒนาประเทศถึง 20 ปี
ขา้ งหนา้ มจี ุดเนน้ ทกี่ ารขจดั ความยากจนและยกระดบั ชีวติ ของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศใหเ้ กดิ การ
พัฒนาที่ยั่งยืนและความกินดีอยู่ดีของคนไทย โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการทำงาน
เพื่อให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ระบบการบริหารจัดการประเทศมุ่งสู่ประสิทธิภาพและคุณภาพ
ให้ก้าวทันโลกในรูปแบบเศรษฐกิจที่สมดุลพอประมาณอย่างมีเหตุผล สร้างภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างจิตใจ
ของคนไทยให้มีคุณธรรมมีความชื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นหลักที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงใช้ในการ
พฒั นาความเป็นอยขู่ องประชาชนมาโดยตลอด

2. แนวคดิ ทฤษฎหี ลกั การบริหารจดั การบ้านเมืองทด่ี ี

ประเทศไทยได้ใหค้ วามสำคญั กบั หลักธรรมาภิบาลที่ได้บัญญัตไิ ว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ นอกจากนั้นยังได้นำมาบรรจุไว้ในส่วนที่ ๕ ยุทธศาสตร์การพัฒนา
ประเทศ และยุทธศาสตร์ที่ 6 การบริหารจัดการในภาครัฐการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ
และหลักธรรมาภบิ าลยงั ไดบ้ รรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560 -2564)
รัฐบาลเป็นผู้นำในการวางนโยบายขับเคลือ่ นประเทศ การดำเนินนโยบายดา้ นต่าง ๆ ภายใต้กฎหมาย
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย ถึงแม้ประเทศไทยได้นำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในภาครัฐ
และภาคเอกชนเป็นเวลาพอสมควร แต่ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
ได้ทั้งหมด เพียงแต่ทำให้ปัญหาเหล่านั้นเบาบางลง แต่ถือเป็นเป้าหมายที่ประเทศไทยจะต้องเดิน
ไปให้ถึงและยังต้องพัฒนาหลักธรรมาภิบาลควบคู่ไปกับการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหลักการ
สากลของธรรมาภิบาลเป็นหลักการที่สำคัญ โดยนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ความหมาย
และองคป์ ระกอบ ดังนี้

2.1 ความหมายของหลักธรรมาภบิ าล
ความหมายของคำวา่ ธรรมาภิบาล มาจากคำว่า ธรรมะ แปลว่า ความถูกต้อง

ดีงาม อภิบาล แปลว่า การปกครองหรือการปกปักรักษา ธรรมาภิบาลจึงแปลว่าการปกครองที่ยึดถือ
ความถูกต้องดีงาม เป็นหลัก หรือการปกครองโดยธรรม ส่วนคำว่า ธรรมรัฐ แปลว่ารัฐหรือองค์กร
ที่มรี ูปแบบและการดำเนนิ งานอย่างถกู ตอ้ งดงี าม

ความหมายของธรรมาภิบาลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ
สร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. 2542 หมายถึง การบริหารกิจการบ้านเมือง
และสังคมที่ดี เป็นแนวทางสำคัญในการจัดระเบียบให้สังคมทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาชน
ซึ่งครอบคลมุ ถงึ ฝา่ ยวิชาการ ฝ่ายปฏบิ ตั กิ าร ฝ่ายราชการและฝา่ ยธรุ กจิ สามารถอยูร่ ่วมกันอย่างสงบสุข
มีความรู้จักสามัคคี และร่วมกันเป็นพลังก่อให้เกิด การพัฒนาอย่างยั่งยืน และส่งเสริมความเข้มแข็ง
หรือสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประเทศเพื่อบรรเทาป้องกันหรือแก้ไขเยียวยาภาวะวิกฤตภยันตรายที่หากจะมี
ในอนาคต เพราะสังคมจะรู้สึกถึงความยตุ ิธรรม ความโปร่งใสและความมีส่วนรว่ ม อันเป็นคุณลักษณะ
สำคัญของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมขุ สอดคล้องกบั ความเป็นไทย รฐั ธรรมนูญและกระแสโลกยคุ ปัจจบุ ัน

11

สถาบันวจิ ยั เพอ่ื การพฒั นาประเทศไทย ได้กล่าวถึง ความสัมพันธ์ขององค์กร
ประชาสังคมซึ่งมีส่วนร่วม สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ทั้งนี้องค์กรของรัฐจะอาศัยการบริหาร
จัดการที่ดีเป็นกลไกเกื้อหนุน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจของชุมชน
ใหย้ ่ังยืน

นายอานันท์ ปนั ยารชุน ไดใ้ หค้ วามหมายว่า ธรรมาภบิ าลเปน็ ผลลัพธข์ องการ
จัดการกิจกรรมซึ่งบุคคล และสถาบันทั่วไป ภาครัฐและเอกชนมีผลประโยชน์ร่วมกัน ได้กระทำลงไป
หลายทาง มีลักษณะเป็นขบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การผสมผสานผลประโยชน์
ทห่ี ลากหลายและขดั แยง้ กนั ได้

นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้ให้ความหมายว่า การที่สังคมประกอบด้วย
ภาคสำคัญ ๆ สามภาค คือ ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เมื่อพิจารณาถงึ ธรรมาภิบาล
ก็จะรวมถึงความโปร่งใส ความถูกต้องของสามภาคดังกล่าว ธรรมาภิบาลจึงเป็นเสมือนพลังผลักดัน
ท่ีจะนำไปสู่การแกไ้ ขปญั หาของชาติ

ศาสตราจารยช์ ยั อนันต์ สมุทวณิช ไดใ้ ห้ความหมายวา่ ธรรมาภบิ าล คอื กลไก
ของรัฐ ทั้งการเมือง และการบริหารมีความแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ สะอาด โปร่งใส และรับผิดชอบ
เป็นการใหค้ วามสำคัญกับภาครฐั และรัฐบาลเปน็ ดา้ นหลัก

นายธีรยุทธ บุญมี ได้ให้ความหมายว่า ความคิดธรรมรัฐเป็นการมอบอำนาจ
การเมืองการปกครองแบบใหม่ที่แข็งท่ีอตายตัว แต่ให้มีปฏิสัมพันธ์กับภาคประชาชนและให้มลี ักษณะ
แยกย่อยมากขึ้น แนวคิด ธรรมรัฐ คือ การเป็นหุ้นส่วนกันในการบริหารและการปกครองประเทศ
โดยรัฐ ประชาชนและเอกชน ซึ่งขบวนการอันน้ีจะก่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส ความยุติธรรม
โดยเน้นการมีส่วนร่วมของคนดี ซึ่งแนวคิดนี้เกิดจากการที่ประชาชนเห็นว่าระบบราชการล้าหลัง
ทุกส่วนต้องการปฏิรูป ต้องมีการปรับโครงสร้างราชการดีขึ้น ให้ประซาชนมีส่วนร่วมมากข้ึน
และประชาชนตอ้ งการใหม้ ีการตรวจสอบโดยสอื่ มวลชนและนักวิชาการ ธรรมาภิบาล เป็นกระบวนการ
ความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างภาครัฐ สังคม เอกชนและประชาชน ซึ่งทำให้การบริหารราชการแผ่นดนิ
มีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีความร่วมมือของฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการ
ที่จะสร้างธรรมาภิบาลในสังคมไทยได้น้ัน ต้องมีการปฏิรปู 4 ส่วน คือ ปฏิรูประบบราชการ ภาคธุรกิจ
ภาคเศรษฐกจิ สังคม และการปฏิรปู กฎหมาย

2.2 องค์ประกอบของหลักธรรมาภบิ าล 6 ประการ คือ

1) หลักนิติธรรม (Rule of Law) หมายถึง การตรากฎหมายที่ถูกต้องเป็นธรรม
การบังคับ การเป็นไปตามกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎกติกาอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ
และความยุตธิ รรมของประชาชน

2) หลักคณุ ธรรม (Ethics) หมายถึง การยดึ มั่นในความถกู ต้องดงี ามสนับสนนุ
ให้ประชาชนขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพที่สุจริตจนกลายเป็นนิสัย
ประจำชาติ

12

3) หลักความโปร่งใส (Transparency) หมายถึง ความโปร่งใส สามารถ
ตรวจสอบได้ ซึ่งตรงกนั ข้าม กบั การทุจริตคอร์รับชัน และการฉอ้ ราษฎร์บังหลวง

4) หลักการมสี ่วนร่วม (Participation) หมายถึง การเปดิ โอกาสใหป้ ระชาชน
มีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง การบรหิ าร และการจัดสรรทรัพยากรของชมุ ชนเกี่ยวกับวิถีชีวติ ของชุมชน

5) หลกั ความรับผิดชอบ (Accountability) หมายถงึ การมจี ติ สำนึกในหน้าท่ี
ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม สิทธิและหน้าที่ และปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง และเคารพความคิดเห็น
ท่แี ตกต่างตามหลกั ประชาธปิ ไตย

6) หลักความคุ้มค่า (Value for Money) หมายถึง การบริหารจัดการ
และใชท้ รัพยากรทม่ี ีอยู่อย่างจำกดั ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด ผลติ สนิ คา้ อย่างมคี ณุ ภาพสามารถแข่งขันได้
ในตลาดโลก พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ (บุษบง ชัยเจริญวัฒนะ และบุญมี ลี้
2544, อ้างถงึ ในอรยิ ์ธชั แกว้ เกาะสะบา้ , 2548, น. 106-108)

สรุป จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีหสักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี สามารถสรุปได้วา่
หลักธรรมาภิบาลนั้น ได้มีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย มีการบัญญัติไว้ในกฎหมาย
รัฐและกฎหมายลำดับรอง รวมทั้งการนำมาปรับใช้ในสังคมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นระยะเวลา
พอสมควรรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศและองค์กรภาคเอกชนได้ให้ความสำคัญมาก เพราะหลัก
ธรรมาภิบาล ได้รับการยอมรับว่าเป็นหลักการสากลที่สนับสนุนสังคมที่ปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย เมื่อประเทศไทยใช้หลักปกครองในระบอบประชาธิปไตยมกี ฎหมายรัฐธรรมนญู ฉบับใหม่
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนยุทธศาสตร์ชาติตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเป็น
เครื่องยืนยันว่าหลักธรรมาภิบาล เป็นหลักการสำคัญในการขับเคลื่อนหน่วยงานในภาครัฐ
และภาคเอกชนควบคูก่ บั การพฒั นาระบอบประชาธิปไตย

3. แนวคิด ทฤษฎกี ารพัฒนาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมี
พระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนเกิด
วิกฤตกิ ารณ์ทางเศรษฐกจิ และเมอ่ื ภายหลงั ไดท้ รงเน้นย้ำแนวทางการแกไ้ ขเพือ่ ให้รอดพน้ และสามารถ
ดำรงอยูไ่ ดอ้ ยา่ งมั่นคงและยั่งยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวฒั น์และความเปลีย่ นแปลงต่าง ๆ

3.1 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตน

ของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนา
และบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจ เพ่ือใหก้ า้ วทันต่อโลก
ยคุ โลกาภิวฒั น์ ความพอเพียง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถงึ ความจำเป็นที่จะต้อง
มีระบบภมู คิ ุ้มกันในตัวทดี่ พี อสมควรต่อการมผี ลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลยี่ นแปลงทัง้ ภายนอก
และภายในทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการ

13

นำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้อง
เสริมสร้างพื้นฐานจติ ใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดบั
ใหม้ สี ำนกึ ในคณุ ธรรม ความซ่ือสัตยส์ ุจริต และใหม้ คี วามรอบรทู้ ี่เหมาะสม ดำเนนิ ชีวิตด้วยความอดทน
ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบเพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้
เป็นอย่างดี

3.2 หลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพียง
สุเมธ ตันติเวชกุล (2542) กล่าวว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา

ทีว่ า่ ด้วยการวางรากฐานอันมน่ั คง ย่ังยืน ของบคุ คลและสงั คมที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี 9
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย โดยไม่จำกัดเฉพาะเกษตรกร
เท่านน้ั หากแตผ่ ปู้ ระกอบสัมมาชีพอืน่ เชน่ ขา้ ราชการ และบรษิ ัทต่าง ๆ สามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงนี้ไปปรับประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ยั่งยืนให้แก่ฐานรากของตนเองได้ ยิ่งไ ปกว่านน้ั
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในฐานะระบบเศรษฐกิจที่สามารถอุ้มชูตนเอง (Relative Self Sufficiency)
ให้อย่ใู นระดบั พืน้ ฐานได้ จึงจะสามารถสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ และฐานะทางเศรษฐกจิ ช้นั สูงต่อไปได้
เป็นหลักในการดำรงชวี ิต เพอ่ื สร้างความสามารถในการพึ่งตนเองอนั ประกอบไปด้วย

1) พง่ึ ตนเองทางจติ ใจ มจี ิตใจทเ่ี ข้มแข็ง ไม่ท้อแท้ แมจ้ ะประสบความลม้ เหลว
2) พึ่งตนเองทางสังคมชว่ ยเหลือเกื้อกลู กันภายในสงั คม
3) พึ่งตนเองได้ทางทรัพยากรธรรมชาติทั้งทรัพยากรสังคมและทรัพยากร
ทางเศรษฐกจิ
4) พึ่งตนเองได้ทางเทศโนโลยี วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับ
ภมู ิประเทศ และสงั คมไทย
5) พึ่งตนเองได้ทางเศรษฐกิจ สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองในระดับเบื้องต้น
ซ่ึงจะสามารถนำไปสู่การพฒั นาประเทศในระดับมหพั ภาคตอ่ ไปไดด้ ้วย
ประเวศ วะสี (2548) กล่าวถึงปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ว่าเป็นส่วนหน่ึง
ของธรรมรฐั แห่งชาตใิ หม่ เป็นหน่งึ ในระเบียบวาระเร่งด่วนของชาติ อันประกอบดว้ ย
1) สร้างคณุ ค่าและจติ สำนึกใหม่
2) สรา้ งเศรษฐกิจพอเพียง
3) ปฏิรปู ระบบเศรษฐกจิ มหาภาคและการเงนิ
4) ปฏริ ปู ระบบรัฐ ทง้ั การเมอื งและระบบราชการ
5) ปฏิรูปการศกึ ษา
6) ปฏิรปู ส่อื
7) ปฏริ ปู กฎหมาย ทเ่ี ชอ่ื มโยงกันแลว้ จะทำใหป้ ระเทศมฐี านท่เี ข้มแขง็ อยา่ งสมดุล

14

แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี งมีหลกั สำคัญ 3 ประการ คือ ความพอประมาณ ความพอดี
ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น การดำรงชีวิต ทั้งในด้านอุปโภคบริโภค การใช้
ทรัพยากรธรรมชาติด้วยความพอดี ด้วยความมีเหตุผล และให้ลด ละ เลิก ความต้องการที่มากเกิน
ความจำเป็นให้ตั้งตนอยู่ในความพอประมาณ และปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร
ความอดทน เตรียมตัวให้พร้อมต่อการรองรับผลกระทบใด ๆ จากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
ต่าง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอก

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นปรัชญาชี้ถึง
แนวทางการดำรงอยแู่ ละปฏบิ ัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้งั แตร่ ะดบั ครอบครวั ระดบั ชมุ ชน จนถงึ
ระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนา
เศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ "ความพอเพียง"หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล
รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจาก
การเปลี่ยนแปลง ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ
ระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน
และขณะเดียวกนั จะต้องเสรมิ สร้างพนื้ ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั นักวิชาการ
และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม
มีความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็น
อย่างดี การท่ีสังคมจะมีเป้าหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ หนึ่งเดียวกนั น้ัน ตอ้ ง "เข้าใจ" และ "เข้าถงึ "
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงให้ถูกต้องตรงกันก่อน ด้วยหลักการ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ที่กล่าวถึง
หลักความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี บนเงื่อนไขแห่งความรู้ควบคู่กับคุณธรรม
และความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ
ปัญญาและความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อย่างดี (ประมวลและกลั่นกรอง
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ขอให้
สำนักราชการเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลกรุณาฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยและพระบรม
ราชานุญาตนำบทความนี้เผยแพร่ ซึ่งเมื่อได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลี
พระบาทฯ แล้วทรงพระกรุณาปรับปรุงแกไ้ ข พระราชทาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน
พระบรมราชานญุ าต

สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (2550: 31) ได้กล่าวถึงความหมาย
ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวการดำรงอยู่
และปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ตง้ั แตร่ ะดบั ครอบครัว ระดบั ชมุ ชนจนถงึ ระดบั รัฐ ท้งั ในการ

15
พัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทัน
ต่อยุคโลกาภวิ ัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจำเป็นที่ต้อง
มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและ
ภายใน ท้งั นจ้ี ะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างย่งิ ในการนำวิซาการตา่ ง
ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดำเนินงานทุกขัน้ ตอน และขณะเดยี วกันจะต้องเสริมสรา้ งพ้ืนฐานจิตใจ
ของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม
ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา
และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกวา้ งขวาง
ท้ังด้านวตั ถุ สงั คม ส่งิ แวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกไดเ้ ปน็ อย่างดี

กรอบแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง อยูภ่ ายใต้กรอบแนวคดิ “3 หว่ ง 2 เงื่อนไข”
กล่าวคือ 3 ห่วง ประกอบไปด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
โดยที่ทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้ 2 เงื่อนไข คือ การมีความรู้และคุณธรรม สามารถดำเนินกิจกรรม
ดา้ นต่าง ๆ อย่างสมดลุ

แผนภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการจดั ต้งั สถานีเกษตรวถิ พี อเพยี ง

16

สรุปได้ว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการพัฒนาที่นำไปสู่การ พึ่งตนเอง
โดยอาศัยความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี บนหลักความรู้และหลักคุณธรรม
ความรอบคอบรอบรู้และความระมัดระวัง ในการดำเนินงานหรือประกอบกิจการงานใด ๆ มีความ
เพียงพอ พออยู่ พอกิน ในการดำรงชีวิต ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชนและมีความเข้มแข็ง มีวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนในศาสนา เพื่อสังคมที่สงบสุข กินดีอยู่ดีและสามารถ
พึ่งพาตนเองได้อยา่ งยง่ั ยืน

4. แนวคดิ ทฤษฎีหลักการทำงานแบบบรู ณาการ

ในปัจจุบันทุกคนจะได้ยินคำว่า "บูรณาการ" โดยเฉพาะในระบบราชการที่ทุกหน่วยงาน
ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน ต่างก็นำคำว่า "บูรณาการ" มาใช้ในการ
บรหิ ารงานอย่างหลากหลาย ซง่ึ คำวา่ "บรู ณาการ" มคี วามหมายใกลเ้ คียงกบั การบรหิ ารงานในลักษณะ
องคร์ วม (Holistic) แต่อย่างไรกด็ ี มหี ลายคนไดใ้ หค้ วามหมายของคำว่า "บรู ณาการ" ไวด้ ังน้ี

ทักษิณ ชินวัตร (2547) กล่าวว่า "บูรณาการ" หมายถึง การที่หน่วยงานมาร่วมกันคิด
และร่วมกันทำงานด้วยกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ( Citizen-
Centered)

ชัยอนนั ต์ สมทุ วณิช (2547) กลา่ ววา่ "การวจิ ยั บรู ณาการ" หมายถึง การเช่อื มโยงความรู้
การแสวงหาความรู้ การศึกษาค้นคว้ากับการใช้ทรัพยากรอันมีจำกัดเพื่ อก่อให้เกิดพลังสูงสุด
ในการขบั เคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542 ให้ความหมายของคำว่า"บูรณาการรวมหน่วย"
วา่ การนำหนว่ ยทแ่ี ยก ๆ กันมารวมเข้าเป็นอันหน่งึ อันเดยี วกนั

สำนักงาน ก.พ.ร. (2546) ได้อธิบายว่า การบริหารราชการแบบบูรณาการ หมายถึงการ
ร่วมมือกันในระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปฏิบัตงิ านร่วมกนั หรือมีแผนการดำเนินงาน
ที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การกิจที่สำคัญของรัฐในแต่ละด้านเกิดผลสำเร็จ
เป็นประโยชนแ์ กป่ ระชาชนสว่ นรวมและมคี วามประหยัดโดยใช้ทรัพยากรรว่ มกนั ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งสามารถลดขั้นตอนการปฏิบัติราชการให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจากการร่วมมือ
ปฏิบัติงานของทุกฝ่ายที่เกีย่ วขอ้ ง โดยในพระราชกฤษฎีกาวา่ ด้วยหลกั เกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการ
บ้านเมืองทีด่ ี พ.ศ. 2546 ได้กำหนดแนวทางไวใ้ นมาตรา 10 ดงั ตอ่ ไปน้ี

"ในกรณีที่ภารกิจใดมีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วนราชการหรือเป็นภารกิจที่ใกล้เคียง
หรือต่อเนื่องกัน ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนั้นกำหนดแนวทางปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดการบริหาร
ราชการแบบบูรณาการร่วมกันโดยมุ่งเน้นให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการมีหน้าที่
สนับสนุนการปฏบิ ตั ริ าชการแบบบูรณาการในจงั หวัดหรอื หวั หนา้ คณะผแู้ ทนในต่างประเทศ เพ่ือใหก้ าร
บริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัดหรือในต่างประเทศแล้วแต่กรณี สามารถใช้อำนาจ
ตามกฎหมายไดค้ รบถ้วนตามความจำเป็นและบริหารราชการไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ"

17

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคำว่า "บูรณการ" จะมีความหมายอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วการสร้าง
ระบบการบริหารราชการแบบบูรณาการ เป็นส่วนหนึง่ ของการสร้างให้เกดิ ระบบการบริหารจดั การที่ดี
ของภาครัฐ การส่งเสริมให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วน
ท้องถิ่น โดยการร่วมกันสร้างพลังผลักตันให้ทุกส่วนราชการที่มีภารกิจเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันปฏิบัติ
ภารกิจให้เกดิ ผลสำเรจ็ เพ่ือประโยชนส์ ูงสุดของประเทศชาติ โดยถือประชาชนเปน็ เป้าหมายทส่ี ำคญั

4.1 ทฤษฎีการบูรณาการ (Integrative Theory )
การบูรณาการ หมายถึงการทำให้หน่วยย่อย ๆ ทั้งหลายที่สัมพันธ์อิงอาศัยซึ่งกัน

และกันเข้ามาร่วมทำหน้าที่ประสานกลมกลืนเป็นองค์รวมหน่ึงเดียวที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวการ
บูรณาการนนั้ เราจะเอาหนว่ ยย่อยหน่วยหนึ่งมารวมเขา้ ในองค์รวมที่มีหน่วยย่อยอืน่ อยู่แล้วก็ได้ หรือจะ
เอาหน่วยย่อยทั้งหลายที่ต่างแยก ๆ กันอยู่มารวมเข้าด้วยกันเป็นองค์รวมก็ได้ ซึ่งเรียกว่าบูรณาการ
ท้ังสน้ิ แต่ข้อสำคญั จะต้องมตี ัวยืนทีเ่ ปน็ หลักอยู่ 3 อยา่ งในเรอื่ งบรู ณาการ คอื

1. มีหน่วยย่อยองค์ประกอบ ชิ้นส่วน อวัยวะ หรือขั้น ระดับ ด้านที่จะเอามา
ประมวล เขา้ ดว้ ยกนั อันนี้เปน็ สิ่งทจ่ี ะเอามาประมวลเข้าดว้ ยกันคือสง่ิ ยอ่ ย สว่ นยอ่ ย

2. หน่วยย่อยเป็นต้นนัน้ มีความสัมพันธเ์ ช่ือมโยงอิงอาศัยซึง่ กันและกัน อันนี้อาจจะ
เลยไปถึงลกั ษณะที่ว่ายืดหยุ่นปรบั ตวั ได้ มีความเคลอ่ื นไหวตลอดเวลาด้วย

3. เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วก็จะเกิดความครบถ้วนเต็มบริบูรณ์ โดยมีความประสาน
กลมกลืนเกิดภาวะได้ที่พอดี หรือสมดุล พอได้ที่หรือพอดีสมดุลแล้วองค์รวม นั้นก็มีชีวิตชีวา ดำรงอยู่
และดำเนนิ ไปดว้ ยดีอนั เปน็ ภาวะของบูรณาการ

ถ้าครบ 3 อย่างน้ีก็เป็นบรู ณาการ สามอยา่ งนี้เป็นตัวยนื ที่จำเปน็ ตามสภาวะ สว่ นในทาง
ปฏิบัติจะมีหลักและกระบวนวิธีอย่างไร ก็พิจารณาว่ากันอีกส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่จะต้องเน้นก็คือว่า
ความพอดีหรือได้ที่หรือสมดุล ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องการของบูรณาการนั้น เราจะแสดงลักษณะออกมา
ให้เห็นเป็นข้อสำคัญได้ 2 อย่างคือ เมื่อเป็นองค์รวมแล้ว องค์รวมนั้นมีชีวิตชีวาหรือดำเนินไปด้วยดี
องค์รวมน้ันเกิดมีภาวะและคณุ สมบตั ิของมนั เอง ทต่ี า่ งจากภาวะและคุณสมบัติขององคป์ ระกอบทง้ั หลาย

เกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์ (2546) ได้ให้ความหมายว่า การบูรณาการก็คือการผนวก
การประสาน การเติมเต็มการเชื่อมโยงการรวมกัน เป็นต้น ทฤษฎีการบูรณาการในทางการเมือง
มุ่งที่จะทำให้องค์การระหว่างประเทศเป็นเสมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง โดยมีประเทศสมาชิก
เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน แนวความคิดของทฤษฎีบูรณาการนี้อาจจะเทียบได้กับ
แนวความคิดเกไมน์ซาพ ของสังคมวิทยา หมายถึงลักษณะสังคมที่เน้นความสำคัญของการที่สมาชิก
ในสังคมมีความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นกันเองเน้นความเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีและค่านิยม
ของชุมชน

แนวคิดของการบูรณาการไม่พ้นความสมั พันธ์กับระบบการเมืองการปกครองและระบบ
เศรษฐกิจ ซ่ึงเป็นฐานคิดทสี่ ำคญั ในมิติของสวัสดิการสงั คมน้นั มนี ักวชิ าการหลายท่านทีพยายามศึกษา
และจัดหมวดหมู่ซ่งึ เริ่มตั้งแตป่ ี ค.ศ. 1965 ที่ Wedderburn ไดจ้ ดั กลุ่มท่ีเรียกวา่ Integrationism

18

ซึ่งบางคน เช่น Titmuss ได้ให้ความหมายที่ใกล้เคียงกันกล่าวคือ Institutional Model
ซึ่งในความหมาย ก็คือเป็นการมองการจัดสวัสดิการในเชิงสถาบัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นต้อง
รวมกลุ่มสวัสดิการ เป็นสถาบันเพื่อความต่อเนื่องและมั่นคง แต่การบูรณาการระยะหลังที่แนวโน้ม
เปลี่ยนไปตามการเมืองวิธีคิดก็ปรับตามมาเป็นช่วง ๆ เช่น Classical Liberalism มาสู่
Neo-Liberalism มาสู่ The new right หรือตามแต่กลุ่มนักวิชาการกลุ่มใดจะให้คำจำกัดความ
และรปู แบบของการจดั กล่มุ

ปัจจุบันแนวคิดบูรณาการเกิดมาพร้อม ๆ กับความพยายามที่จะหาคำตอบแบบ
Intuition หรือ การหย่ังรู้เพราะว่าความเชื่อตลอดทศวรรษที่ผ่านมาในหลักของ Exact science
มีข้อจำกัด ทำให้แนวคิดของระบบการเรียนรู้ปรับเป็นแบบ Multidisciplinary มองเหตุและปัจจัย
องค์รวม (Holistic) และคิดเชิงระบบ (System thinking) มากขึ้น แนวคิดนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มธุรกิจ ซึ่งมีเป้าหมายของการบูรณาการเพื่อคู่แข่งและผลตอบแทนทางธุรกิจ ต่อมาขยายมาสู่
ระบบรฐั มากข้ึน ซงึ่ การบรู ณาการดจู ะเหมาะสมกบั ช่วงเวลาของวิธคี ดิ ของการผลักดันในการพ่ึงตนเอง
ดา้ นสวสั ดิการ สงั คมขององค์กรชุมชน

ที่มองว่าศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์สำคัญ รัฐไม่ควรเข้ามาจัดการหรือทำให้รัฐสวัสดิการ
มบี ทบาทน้อยท่สี ดุ เพราะแนวคิดนมี้ อง วา่ สวัสดิการสังคมทำใหร้ ฐั ต้องรบั ภาระมากขน้ึ และเป็นตัวถ่วง
เศรษฐกิจ เพื่อให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนด องค์กรชุมชนเพื่อการรวมและจัดการกับสวัสดิการสมาชิก
ของตนเองและรูปแบบได้ก่อร่างขยายครอบคลุมทุกหมู่บ้าน และการบูรณาการ เพื่อให้กลุ่มองค์กรชุมชน
มีศักยภาพในการจัดการสวัสดิการของชุมชนได้ครอบคลุมและกว้างขวาง ยิ่งขึ้นซึ่ง Gusztav Names
(๒0๐๕) ได้ใช้แนวคิดของการบูรณาการเพื่อเสนอทางออกของระบบการ บริหารจัดการของรัฐที่เป็น
Top-Down มาเป็น Bottom-up ดังที่ปรากฏในงานของเขาคือ Integrated rural development
the concept and its operation เขากล่าวว่าการบูรณาการสามารถกระทำได้ทั้ง การบูรณาการ
โดยนำสิ่งที่มีอยู่จริงมาบูรณาการ (Factual integration) หรือการบูรณาการความคิด (Conception
integration) ชั้นตอนของการบูรณาการเกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์ ได้เสนอในวิธีคิดแบบบูรณาการไว้
อย่างน่าสนใจ ประกอบดว้ ย 3 ขนั้ ตอน

ขั้นที่ 1 ถอดกรอบ เพื่อที่จะให้หลุดจากกับดักทางความคิด ทางวัฒนธรรม
ทางความรู้ ทางประสบการณ์ เป็นตน้

ข้ันที่ 2 ขยายกรอบ โดยอาศัยฐานแนวคดิ ในเร่ืององคร์ วม สหวทิ ยาการคิดโดยวิธีอุปนัย
การมองประสานข้ัวตรงขา้ ม และมองแบบทุกฝ่ายชนะ

ชัน้ ท่ี 3 คุมกรอบ ซ่ึงเปน็ ขั้นกลับมาบรู ณาการอกี ครั้ง

19

John Ditch (2002) ได้สรุปเงื่อนไขความสำเร็จของการบูรณาการสวัสดกิ ารของชมุ ชน
ในระดับนโยบายคือ

1) ผูด้ ำเนนิ กิจกรรมหลกั และผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสีย
2) เปา้ ประสงค์
3) ทรพั ยากร
4) กระบวนการและแนวทางการทำงาน
5) ผลกระทบ ผลผลติ และววิ ัฒนาการ

สรุป จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีหลักการทำงานแบบบูรณาการ สรุปได้ว่า
การบริหารราชการแบบบูรณาการ เป็นการบริหารที่ทุกหน่วยงานทำงานแบบมุ่งเน้นผลงาน (Result)
ตามยุทธศาสตร์เป็นหลัก เป็นการทำงานหลายหน่วยงานโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ
และความชำนาญการของแต่ละหน่วยงานทำงานภายใต้เป้ าหมายและวัตถุประสงค์หลัก
ของยุทธศาสตร์เดียวกัน โดยร่วมกันคิด ร่วมกันทำงาน โดยใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อให้บรรลุผล
ตามยุทธศาสตร์ มุ่งสู่ผลสำเร็จและเป้าหมายของงานร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดความประหยัด เสริมสร้าง
ประสิทธผิ ลและประสิทธิภาพของการดำเนินงานเป็นหลัก ทั้งในลักษณะของการทำงานข้ามกระทรวง
กระทรวงเดียวกันแต่ต่างกรม หรือกรมเดียวกันแต่ต่างกอง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
และภาคประชาชนทเ่ี กยี่ วข้องมาร่วมในการทำงานกบั ภาครฐั ในระบบเครอื ขา่ ย (Network)

5. แนวคิด ทฤษฎีองคก์ ารและนวตั กรรมในองค์การ

วนั ชยั มชี าติ (2549, หนา้ 1-2) อธบิ ายวา่ ในปัจจุบันโลกถูกหอ้ มลอ้ มด้วยองคก์ ารขนาด
ใหญ่น้อยจำนวนมาก ชีวิตมนุษย์ผูกพันกับองค์การและทำงานร่วมกับองค์การจนถึงกับมีคำกล่าวว่า
บุคคลไม่สามารถหลีกหนีองคก์ ารได้ เราตอ้ งสมั พนั ธก์ ับองคก์ ารตง้ั แต่เกิดจนตาย และตง้ั แต่เช้าจรดเย็น
องค์การจะมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์อย่างมาก ทั้งองค์การในภาครัฐและเอกชน ดังนั้น
การทำความเข้าใจกับองค์การตลอดจนวิธีการในการทำงานในองค์การจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะในองค์การภาครัฐทจ่ี ะมีผลกระทบตอ่ ประชาชนในวงกว้าง

5.1 ความหมายขององคก์ าร
ติน ปรัชญาพฤทธิ์ (2552, หน้า 283) อธิบายว่า องค์การ หมายถึง การแบ่งงาน

ออกเป็นส่วน ๆ ให้แต่ละฝ่ายรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็พยายามสอดประสานระหว่างฝ่ายเหล่าน้ี
เพอ่ื ให้การปฏบิ ัตงิ านมคี วามกลมกลนื และมีประสิทธิภาพ

Richard H. Hall (อ้างถึงใน วันชัย มีชาติ 2549 หน้า 3) อธิบายว่า องค์การ
เป็นความสัมพันธ์และการประสานงานระหว่างสมาชิก องค์การจะมีอาณาเขตของตนเอง มีระเบียบ
กฎเกณฑ์มีการกำหนดโครงสร้างอำนาจ มีระบบการติดต่อสื่อสาร และมีการดำเนินการที่ต่อเนื่อง
เพ่อื บรรลุเปา้ หมายท่วี างไว้ กิจกรรมที่องคก์ ารดำเนินงานจะมีผลต่อสมาชกิ ในองค์การ ตวั องค์ การเอง
และสังคม

20

Stephen P. Robbins, 1983 (อ้างถึงใน วิโรจน์ ก่อสกุล, 2554, หน้า 1) อธิบาย
ว่าองค์การ หมายถึง การทำงานร่วมกัน (collective activities) ระหว่างคนสองคนขึ้นไป เพื่อบรรลุ
วัตถุประสงค์ร่วมกันบางประการ ที่ได้มีการวางแผนประสานงานไว้ล่วงหน้าแล้ว การทำงานของกลุ่ม
คนดำเนินงานไปอย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน โดยอาศัยหลักการแบ่งแยกงาน และหลักลำดับชั้น
ของอำนาจ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (อ้างถึงใน วิโรจน์ ก่อสกุล, 2554, หน้า 2)
อธิบายว่าองค์การ หมายถึง ศูนย์รวมกลุ่มบุคคลหรือกิจการที่ประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยงานเดียวกัน
เพ่ือดำเนนิ กิจการตามวตั ถปุ ระสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย หรอื ในตราสารจัดตั้ง ซึง่ อาจเป็นหน่วยงาน
ของรัฐ เช่น องค์การของรัฐบาล หน่วยงานเอกชน เช่น บริษัทจำกัด สมาคมหรือหน่วยงานระหว่าง
ประเทศ เช่น องคก์ ารสหประชาชาติ

จากความหมายขององค์การที่กล่าวมา สามารถสรุปได้ว่า องค์การ หมายถึง
การรวมตัวกันของคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป ที่มีการเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งกิจกรรม
ทร่ี ่วมกันดำเนนิ การนนั้ บุคคลเพยี งคนเดยี วไมส่ ามารถดำเนนิ การใหบ้ รรลุผลสำเร็จได้

5.2 ส่วนประกอบขององค์การ
วิโรจน์ ก่อสกุล (2554, หน้า 75-82) อธิบายว่า ส่วนประกอบขององค์การ

(Part of The Organization) ซึ่ง Mintzberg (ปรับปรุงจากพิทยา บวรรัตนา,2544,หน้า 152-158 )
ไดแ้ บ่งส่วนประกอบขององค์การไว้ 5 กลมุ่ คอื

1) ผู้ปฏิบัติงานหลัก (The Operating Core) มีหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติงานหลัก
ขององค์การโดยตรง เช่นการผลิตสินค้า การให้บริการ โดยมีภาระหน้าที่ 4 ประการ คือ 1. จัดหา
วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต 2. ทำหน้าท่ีผลิตวัตถุดบิ ให้เป็นสินค้า 3. ทำหน้าที่ขายและจัดส่ง 4. ทำหน้าที่
สนับสนุนการปฏบิ ัตโิ ดยตรงตามขอ้ 1-3 เชน่ การซอ่ มบำรุงเคร่ืองจกั ร เพอื่ ใชใ้ นการผลิตสนิ คา้ เปน็ ตน้

2) ผู้บริหารระดับสูง (The Strategic Apex) มีหน้าที่รับผิดซอบงานทั้งหมด
ขององค์การอาจเรียกว่า CEO (Chief Executive Officer) ประธานกรรมการ (Chairman) กรรมการ
ผู้จัดการ (President/Managing Director) ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ซึ่งบางแห่งอาจรวมถึงคณะ
กรรมการบริหาร โดยมีหน้าที่หลัก 3 ประการคือ การควบคุมบังคับบัญชา การบริหารงานในองค์การ
รวมทั้งการประสานงานกับองค์การอื่นและการพัฒนาองค์การ เช่น ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ รองผู้ว่าฯ
ปลัดฯ เป็นผู้บรหิ ารระดบั สงู ของกรงุ เทพมหานคร เป็นต้น

3) ผู้บริหารระดับกลาง (The Middle Line) ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่าง
ผู้บริหารระดับสูงกับพนักงานระดับปฏิบัติการและมีลำดับช่วงชั้นการบังคับบัญชาหลายระดับ
การตัดสินใจบางอย่างทำได้เองบางอย่างต้องขออนุมัติผู้บริหารระดับสูง ต้องประสานงานทัง้ ระดับบน
ล่าง และหน่วยงานข้างเคียงอื่น ๆ และยังทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้บริหารระดับสูง (Strategic Apex/
ในหน่วยงานของตนเองด้วย ผู้เขียน เห็นว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกรุงเทพมหานคร
เป็นผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขตบางกะปีเป็นผู้บริหารระดับกลาง
ของกรุงเทพมหานคร แต่ผู้อำนวยการเขตบางกะปี ยังต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้บริหารระดับสูง
ของเขตบางกะปิอีกด้วย

21

Peter M. Senge (1990) ใน The Fifth Discipline (อ้างถึงใน วิโรจน์ ก่อสกุล,
2554, หน้า 65) อธิบายว่า องค์กรต้องมีการเรียนรู้ เพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม
ตลอดเวลามีองค์ประกอบ ดังนี้

1) ความคิดเป็นระบบ (System thinking) คือ ความสามารถในการคิดเป็นระบบ
คนในองค์การสามารถมองเห็นวิธีคิด และภาษาที่ใช้อธิบายพฤติกรรม ความเป็นไปต่าง ๆ ถึงความเชื่อมโยง
ความต่อเนื่องของสรรพสิ่ง และเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความสำพันธ์ผูกโยงกันเป็นระบบ เป็นเครือข่าย
ซึ่งผกู โยงด้วยสภาวะการพงึ่ พาอาศัยกนั สามารถมองปัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ ได้เป็นวัฏจกั รโดยนำมาบูรณาการ
เป็นความรู้ใหม่เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงระบบได้อย่างมีประสิทธิผล สอดคล้องกับความเป็นไป
ในโลกแห่งความจรงิ

2) แบบแผนความคิดอ่าน (Mental model) คือการตระหนักถึง กรอบแนวคิด
ของตนเองทำให้เกิดความกระจ่างกับรูปแบบ ความคิด ความเชื่อ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ และการ
กระทำของตน และเพียรพัฒนารูปแบบความคิด ความเชื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
ไม่ยึดติดกับความเชื่อเก่า ๆ ที่ล้าสมัย และสามารถที่จะบริหารปรับเปลี่ยน กรอบความคิดของตน
ทำความเข้าใจได้ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ความคดิ ในเชิงการปรับรื้อระบบงาน (Reengineering)

3) ความรอบรู้แห่งตน/ความเชี่ยวชาญของบุคคล (Personal Mastery) องค์การ
ที่เรียนรู้ต้องสามารถส่งเสริมให้คนในองค์การสามารถฝึกฝน อบรมด้วยการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง
คือ การสร้างจิตสำนึกในการใฝ่เรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคคล สร้างสรรค์ผลงานที่มุ่งหวัง
และสร้างบรรยากาศเพื่อกระตุ้นเพื่อนร่วมงานให้พัฒนาศักยภาพไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งหมายถึง
การจัดกลไกตา่ ง ๆ ในองค์การไม่ว่าจะเปน็ โครงสร้างองคก์ าร ระบบสารสนเทศ ระบบการพัฒนาบุคคล
หรือแม้แต่ระเบียบวิธีการปฏิบัติงานประจำวัน เพื่อให้คนในองค์การได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มเ ติมได้
อย่างตอ่ เนื่อง

4) การมีวิสัยทัศน์ร่วม (Shared vision) องค์การที่เรียนรู้จะต้องมีการกำหนด
วิสัยทัศน์ร่วมซึ่งจะเป็น กรอบความคิด เกี่ยวกับสภาพในอนาคตขององค์การ ที่ทุกคนในองค์การ
มีความปรารถนาร่วมกันช่วยกันสร้างภาพอนาคตของหน่วยงานที่ทุกคนจะทุ่มเทผนึกแรง กายแรงใจ
กระทำให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้การเรียนรู้ ริเริ่มทดลองสิ่งใหม่ๆ ของคนในองค์การ เป็นไปในทิศทาง
หรอื กรอบแนวทางทมี่ งุ่ ไปส่จู ุดเดยี วกนั

5) การเรยี นรรู้ ว่ มกนั เป็นทมี (Team learning ในองคก์ ารแหง่ การเรียนรู้ จะตอ้ งมี
การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม คือ การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และทักษะ วิธีคิดเพื่อพัฒนา
ภูมิปัญญา และศักยภาพของทีมงานโดยรวม มีการแบ่งปัน แลกเปลี่ยน ถ่ายทอดข้อมูล ในระหว่างกนั
และกัน ทั้งในเรื่องของความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้มาจากการค้นคิด หรือจากภายนอกและภายใน การเรียนรู้
เป็นทมี ยงั ควรครอบคลุมไปถึงการเรียนรูเ้ กี่ยวกบั การทำงานร่วมกันเปน็ ทีมด้วย

22

5.3 ความหมายของคำวา่ นวัตกรรม
พีระพงศ์ ภักคีรี (2554, หน้า 8) อธิบายว่า คำว่า "นวัตกรรม (Innovation)"

มาจากรากศัพท์ในภาษาลาติน คือคำว่า "Nova" ซึ่งแปลว่า ใหม่ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์
ในเชิงพาณิชย์และสังคมจากความคิดใหม่ นวัตกรรมในเชิงเศรษฐศาสตร์ คือ การนำแนวความคดิ ใหม่
หรือการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่แล้วมาใช้ในรูปแบบใหม่ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
หรือ "การทำในสิ่งที่แตกต่างจากอื่น ๆ โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงต่าง (Change) ที่เกิดขึ้นรอบตัว
ให้กลายมาเป็นโอกาส (Opportunity) และถ่ายทอดไปสู่แนวคิดใหม่ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
และสังคม”

McKeown (อ้างถึงใน วิโรจน์ ก่อสกุล, 2554, หน้า 5 ได้อธิบายว่า นวัตกรรม
หมายถึงการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิต
กระบวนการหรือองค์การ ไมว่ ่าการเปลยี่ นนั้นจะเกิดขนึ้ จากการปฏิวตั ิ การเปล่ียนอยา่ งถอนรากถอนโคน
หรอื การพฒั นาตอ่ ยอดนวัตกรรม หมายถงึ

1) เปน็ การกระทำหรอื คดิ ค้นเกี่ยวกับความคดิ ใหม่ ๆ
2) เปน็ การกระทำท่ใี หม่ ๆ เกี่ยวกับความคดิ ทเ่ี ก่า ๆ
Peter Drucker (อ้างถึงใน พีระพงศ์ ภักคีรี, 2554, หน้า 10) ได้อธิบายว่า
นวัตกรรม (Innovation) คือ เครื่องมือที่สำคัญของผู้ประกอบการ (Entrepreneur) เพื่อเป็นโอกาส
ที่ใช้แสวงหาผลประโยซน์ จากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในรูปแบบของธุรกิจและบริการที่แตกต่าง
จากคู่แข่ง โดยอยู่ในรูปแบบของการดำเนินงาน ความสามารถในการเรียนรู้ และความสามารถ
ในการปฏบิ ัติ

5.4 ประเภทของนวตั กรรม (Types of innovation)
พีระพงศ์ ภักคีรี (2554, หน้า 24-29) แบ่งประเภทของนวัตกรรมตามระดับ

ของความแปลกใหม่ (Degree of novelty) ได้ 4 ประเภท คือ
1) นวัตกรรมค่อยเป็นคอ่ ยไปหรอื ส่วนเพม่ิ (Incremental innovation)
2) นวตั กรรมลำดับข้ัน (Modular innovation)
3) นวตั กรรมการเปลยี่ นแปลงรูปแบบ (Architectural innovation)
4) นวัตกรรมปฏริ ูป (Radica /breakthrough innovation)

1) นวัตกรรมค่อยเป็นค่อยไปหรือส่วนเพิ่ม ( Incremental Innovation)
เป็นนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหรือสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้วซึ่งอาจจะปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้ว
ให้ดีขึ้น หรือปรับปรุงเทคโนโลยีหรือสิ่งที่มีอยู่เพื่อจุดมุ่งหมายหรือการใช้งานในรูปแบบอ่ืน
กับดักของนวตั กรรมสว่ นเพม่ิ

1.1) หลีกเลี่ยงการเพิ่มเติมสิ่งที่ไม่จำเป็น อาจทำให้ลูกค้าหงุดหงิด
กบั สิง่ ที่ไม่จำเปน็ แพงข้นึ ใหญ่ข้ึน ซบั ซ้อนข้ึน ใช้งานยาก

1.2) อย่าลงทนุ กับนวตั กรรมสว่ นเพ่ิมทัง้ หมด ทำให้ก้าวไปสเู่ ทคโนโลยีใหม่
ได้จึงทำใหเ้ สยี เปรยี บการแข่งขัน

23

2) นวัตกรรมลำดับขั้น ( Modular innovation) มีความสัมพันธ์โดยตรง
กับรูปลักษณ์ของสินค้า/บริการกับการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของสินค้า/บริการเดิมที่มีอยู่
เพือ่ จะได้วัสดชุ ้ินส่วนใหม่กบั รปู ลักษณข์ องสินคา้ /บรกิ ารใหม่ จากกรอบแนวความคดิ ของ Henderson
and Clark แสดงตำแหน่งของนวัตกรรมลำดับขั้นอยู่ตรงมุมบนด้านขวาที่ซึ่งมีความแตกต่ าง
จากนวัตกรรมค่อยเป็นค่อยไปตรงที่ นวัตกรรมค่อยเป็นค่อยไป (Incremental Innovation) ไม่ได้มี
การเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมดแต่การเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นกับนวัตกรรมลำดับข้นั
(Modular Innovation) ตลอดจนการนำวสั ดุชิ้นส่วนใหม่ ๆ

3) นวัตกรรมการเปล่ียนแปลงรูปแบบ (Architectural Innovation) เป็นนวัตกรรม
ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของระบบที่ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงในรูปแบบใหม่ ๆ
ในขณะที่วัสดุชิ้นส่วนและการออกแบบผลิตภัณฑ์อาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรืออาจมีการ
เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะกระทำในแนวทางนี้ที่จะช่วยก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทเ่ี รามกั จะคน้ เคยกับ คำว่า "Minor Change" หรอื การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเพียงบางส่วนหรือเพยี งเล็กน้อย
ส่วนประกอบไม่เปลี่ยนแต่เปลี่ยนการนำเอาส่วนประกอบมาเชื่อมโยงกับใหม่ คือ re-design and
re-configuration

4) นวตั กรรมปฏริ ูป (Radical Innovation) อาจมชี ่ือเรยี กท่มี ักใช้ทดแทนกนั คือ
4.1) Discontinuous in novation หมายถึง ขบวนการเสนอสิ่งใหม่

ที่ใหมอ่ ยา่ งแท้จริงสูส่ ังคม โดยการเปลยี่ นแปลงค่านิยม (value) ความเชอื่ เดมิ (belie) ตลอดจนระบบ
คุณค่า (value system) ของสังคมอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่นอินเตอร์เน็ต (Internet) ซึ่งเป็นนวัตกรรม
หนึ่งในยุดโลกข้อมูลข่าวสารการนำเสนอระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ค่านิยมและระบบคุณค่าของข้อมูล
ข่าวสารเปลย่ี นไป

4.2) Breakthrough innovation นวัตกรรมที่เพิ่มเริ่มก้าวกระโดด
เป็นนวัตกรรมพัฒนาหรือนวัตกรรมล้ำสมัย ซึ่งมาจากการร่วมกันคิดหาวิธีการใหม่ๆ ค้ นหาความ
ต้องการในอนาคตและร่วมกันพัฒนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การรวมตวั ของกลุ่มบุคคลทำให้เกิดการค้นพบ
ที่สำคัญ เช่น นิวตัน และไอสไตน์ การค้นพบของเขาก็ต้องรอจังหวะเวลาในการนำข้อค้นพบไปพัฒนา
ต่ออย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือต้องเกิดจากการรวมพลัง (Empower) การแลกเปลี่ยน การมีวิสัยทัศน์
รว่ มกัน (Share Vision) รวมทัง้ การสรา้ งความร่วมมือ (Collaboration Action)

4.3) Disruptive innovation คือ นวัตกรรมที่ก่อให้เกิดความยุ่งยาก
เป็นคำที่ใช้ ในสายงานของการบริหารธุรกิจ ซึ่งหมายถึงนวัตกรรมที่สร้างตลาดใหม่ และมีมูลค่า
ของเครือข่ายเพิ่มขึ้น และทำลายบริษัทขั้นนำในตลาด, ผลิตภัณฑ์, และพันธมิตรเดิมที่เคยมีอยู่
ทเ่ี คยมกี ารจัดตงั้ ขนึ้ ก่อนหน้าน้ี

24

สรุป จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีองค์การและนวัตกรรมในองค์การ สามารถสรปุ ได้ว่า
องค์การ หมายถึง การรวมตัวกันของคนตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อดำเนินงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
ที่กำหนดไว้มีการรวมตัวกันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และร่วมกันทำงานในลักษณะกลุ่มที่มี
การรวบรวมทรัพยากร และความพยายามของทุกฝ่ายมาดำเนินการร่วมกัน โดยมุ่งที่จะดำเนินการ
ให้บรรลุถึงผลสำเร็จในเป้าหมายที่สูงขึ้นซึ่งไม่อาจทำให้สำเร็จลงได้ด้วยการกระทำโดยลำพังอิสระ
ส่วนนวัตกรรม คือการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด
การผลิต กระบวนการ หรอื องค์การ ไม่ว่าการเปลีย่ นนน้ั จะเกิดขน้ึ จากการปฏิวัติ การเปลีย่ นอย่างถอนราก
ถอนโคน หรือการพัฒนาตอ่ ยอด

25

บทที่ 3

มหัศจรรย์ความร่วมมอื

Miracle of Cooperation

6 นวตั กรรม นาสันกลางสู่ความม่ันคง ยั่งยนื
------------------------------------------------------------

การวางแนวทางการพัฒนาตำบลให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างย่ิง
ที่จะเกิดผลลัพธ์ และเป็นไปตามความต้องการของคนในชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง
อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ได้คิดแนวทางพัฒนา (Concept) โดยจัดทำนวัตกรรมในการพัฒนา
ในแต่ละปี นอกจากเป็นแนวทาง เป็นกรอบในการพัฒนา และสามารถนำผลการดำเนินกิจกรรม
ตามนวัตกรรมเข้าร่วมประกวดเพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนขึ้นเป็นลำดับ
โดยทผี่ า่ นมาไดเ้ กดิ นวตั กรรม ดังต่อไปน้ี

1. นวัตกรรมสถานเี กษตร วถี ีพอเพยี ง ประจำปี พ.ศ. 2557
2. นวัตกรรมสันกลางสะอาดอาหารปลอดภัย ประจำปี พ.ศ. 2557
3. นวตั กรรมสนั กลางวิถีธรรม วิไทย วถิ ีพอเพยี ง ประจำปี พ.ศ. 2558
4. นวตั กรรมเยาวชนตน้ กลา้ สันกลาง ประจำปี พ.ศ. 2559
5. นวัตกรรมสนั กลาง 5G + เสริมสร้างเครอื ขา่ ยการพัฒนาอยา่ งยั่งยนื ประจำปี พ.ศ. 2559
6. นวัตกรรมการบูรณาการสันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง ของโรงเรียนผู้สูงอายุ
วดั หัวฝาย ประจำปี พ.ศ. 2561

26

นวัตกรรมที่ 1
สถานีเกษตร วถิ พี อเพยี ง

การดำเนินโครงการสถานีเกษตร วิถีพอเพียง ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
และดำเนินการต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยเกิดขึ้นจากการบูรณาการภารกิจของส่วนราชการที่ทำงาน
ในตำบลสันกลาง ด้านการเกษตร ได้แก่ ศูนย์บริหารและถ่ายทอด เทคโนโลยี การเกษตร ศูนย์บริหาร
จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินและปุยชุมชนโดยรวบรวมเอาภารกิจของแต่ละศูนย์มาทำงาน
ภายใต้แนวทางเดยี วกนั เพ่ือขับเคลอื่ นการส่งเสริมอาชพี ให้กบั เกษตรกรอยา่ งเป็นรูปธรม ลดการทำงาน
ที่ซ้ำซ้อน องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง ได้วางแนวคิด (Concept) เพื่อการพัฒนาตำบล
โดยการบูรณาการ การทำงานส่วนราชการกลุ่มอาชีพ กลุ่มพลังต่าง ๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยทุกส่วน
ราชการ เป็นสถานี ภายใต้สถานีเกษตรวิถีพอเพียง ซึ่งคอยเป็นแรงขับเคลื่อนซึ่งกันและกัน ส่งผลให้
การดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของยุทธศาสตร์เดียวกันโดยร่วมกันคิด ร่วมกันทำงาน
โดยใช้ทรพั ยากรรว่ มกัน เพ่อื ก่อให้เกิดความประหยัดและครอบคลุมเช่ือมโยงทกุ กลมุ่

ภารกจิ แรกทสี่ ถานีเกษตร วถิ ีพอเพยี งท่ีไดด้ ำเนนิ การร่วมกนั เกิดขึน้ จากการตระหนักถึง
ผลกระทบที่เกดิ ข้ึนและแนวโน้มการใชส้ ารเคมีป้องกันกำจัดศัตรพู ชื ทสี่ ูงขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ซึ่งเห็นได้จาก
ปัญหาด้านสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค ที่มีอัตราการป่วยเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยง
จากสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นในแต่ละปี และผลกระทบทางด้านสิ่งแวด ล้อม
ในชุมชนข้างต้น นอกจากนั้น ทางองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง ต้องสูญเสียงบประมาณในการ
ช่วยเหลือเกษตรกรที่ไดร้ ับความเสียหายจากการระบาดของศัตรูพืชเพื่อหาแนวทางแก้ไข และปกป้อง

27

เกษตรกรในการลดการใช้สารเคมี ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายที่ดีของเกษตรกร ส่งผลต่อคุณภาพ
ของผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษ ลดต้นทุนในการผลิต เป็นการเพิ่มรายได้ ให้กับเกษตรอีกทางหน่งึ
ได้รวบรวมข้อมูลทางด้านการเบิกจ่าย ประกอบกับข้อมูลของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนทำนานำเสนอ
เพอื่ ใหท้ ุกฝา่ ยได้รบั ทราบข้อมลู และหาแนวทางร่วมกนั ในการแก้ไข

โดยได้มุ่งเน้นให้เกิด การทำงานอย่างบูรณาการทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ
คือ ได้ร่วมคิด ร่วมทำและร่วมรับประโยชน์ องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง ได้ดำเนินการในศูนย์
บรหิ ารศตั รพู ชื ชมุ ชน รว่ มกับ ศนู ย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลสนั กลาง ส่งเสริมให้
เกษตรกรลดการใช้สารเคมใี นการกำจัดศัตรพู ชื โดยใชเ้ ชื้อราในการกำจัดศตั รพู ืช 6 ชนิดด้วยกัน คอื

1) เชอื้ ราไตรโคเดอร์มา (Trichoderma sp.) เปน็ เชอ้ื ราศัตรูของเชื้อราโรคพืช โดยเชื้อรา
ไตรโคเดอร์ มาจะไปลดกิจกรรมการดำเนินชีวิตของเชื้อราโรคพืช เช่น ยับยั้งการเจริญเ ติบโต
การทำลายโดยตรง โดยการกินเชื้อราโรคพืชเป็นอาหาร การแก่งแย่งที่อยู่อาศัย และสารอาหารท่ี
จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และ การสร้างสารปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อเชื้อโรคชนิดอื่น นอกจากนี้
เชื้อราไตรโคเดอร์มา ยังมาช่วยกระตุ้นให้พืชสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคพี่ช กระตุ้นให้รากพืช
เจริญเติบโตดีขึ้น ทำให้รากยาวและแข็งแรง และเมื่ออยู่ในดินจะสร้างสารที่ไปละลายธาตุอาหาร
ในเม็ดหินและดินให้ละลายออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชและยังสามารถใช้ในการป้องกันกำจัดเชื้อรา
โรคพืชในส่วนต่างๆ ของพืชที่อยู่เหนือดินได้ดีเช่นกัน เช่น โรคไหม้ในข้าว โรคแอนแทรกโนสในพริก
เปน็ ต้น

2) เชื้อราบิวเวอร์เรีย (Beauveria bassiana) เป็นจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคกับแมลง
ซึ่งสามารถทำลายแมลงไดห้ ลายชนดิ ไดแ้ ก่ แมลงจำพวกเพลย้ี ต่าง ๆ หนอนผเี สอื้ ด้วง แมลงวันและยงุ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าสามารถกำจัดปลวกและมดคันไฟได้ ทำให้มดและปลวกตายยกรังได้ กลไก
การเข้าทำลายแมลงของเชื้อราบิวเวอร์เรีย คือ เมื่อสปอร์ของเชื้อราสัมผัสกับผิวของแมลง ในสภาพ
ความชื้นที่เหมาะสม (ความชื้นสัมพัทธ์ 50 % ขึ้นไป) จะงอกเส้นใยแทงผ่านผิวหนังเข้าไปในลำตัวแมลง
แล้วขยายจำนวนเจริญอยู่ภายในโดยใช้เนื้อเยื่อของแมลงเป็นอาหาร แมลงจะตายในที่สุด ภายใน
ระยะเวลาต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และวัยของแมลง โดยทั่วไปประมาณ 3-14 วัน เชื้อราบิวเวอร์
เรียสามารถนำมาใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืชที่สำคัญในพืชเศรษฐกิจหลายชนิด เช่น แมลงศัตรูพืช
เป้าหมายในข้าว ได้แก่ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ บั่ว หนอนห่อใบในมะม่วง ได้แก่
เพลี้ยจักจั่นท่ีทำลายช่อมะม่วง แมลงค่อมทอง ในพืชตระกูลส้ม ได้แก่ เพลี้ยอ่อนส้ม เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยไฟ
ไรแดง ในพชื ผกั ไดแ้ ก่ เพลี้ยอ่อน เพลีย้ ไฟ ไรขาว แมลงหวีข่ าว หนอนผเี สื้อตา่ ง ๆ ในออ้ ย ได้แก่ แมลง
คอ่ มทอง เปน็ ต้น

28

แผนภาพที่ 2 กรอบแนวคิดในการจดั ตงั้ สถานเี กษตรวิถพี อเพยี ง
กรอบแนวคิดในการจัดตั้งสถานีเกษตรวิถีพอเพียง ได้กำหนดบทบาทและภารกิจ
ครอบคลุมกับการดำเนินการเกษตรของสถานีเกษตรวิถีพอเพียงในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการ
ของพื้นที่ โดยได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
มาปรับใช้กับแนวคดิ การบริหารงานแบบมสี ว่ นร่วม (Participation Management) ดงั น้ี
1. สง่ เสริมและพฒั นาศักยภาพกล่มุ เกษตรกร ท้ังผปู้ ลูกข้าว พชื สวน พชื ไร่ ประมง และปศสุ ตั ว์
2. ขยายเครือข่ายเพือ่ พัฒนาองคค์ วามรู้ ให้แก่ประชาชนทุกวยั ได้แก่ วัยเด็ก วัยทำงาน
และผสู้ ูงอายุ
3. จดั ต้งั สถานเี กษตรวิถีพอเพยี ง สถานยี อ่ ยใหค้ รอบคลุมพ้นื ที่ 18 หมูบ่ ้านในตำบลสนั กลาง
4. สนับสนุนปัจจัยการผลิตสำหรับขยายศัตรูธรรมชาติและสารธรรมชาติจากพืช
ใชค้ วบคมุ ศตั รพู ชื แกส่ ถานีเกษตรวิถีพอเพียง สถานียอ่ ย
5. พัฒนาระบบเกษตรอินทรียแ์ ละพืชผักปลอดสารพิษเตม็ รูปแบบ แกเ่ กษตรกรในพืน้ ท่ี
6. สร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกร สถานีเกษตรวิถีพอเพียงสถานีย่อย
ให้สามารถขบั เคล่ือนและบริหารงานไดด้ ว้ ยตนเอง

29

ความตอ่ เนื่องในการดำเนินงานและการพฒั นาสถานเี กษตรวถิ ีพอเพียง
ดำเนินการตามโครงการสถานีเกษตรวิถพี อเพียง แบ่งออกเปน็ 3 สว่ นใหญ่ ๆ คือ
สว่ นที่ 1 การพัฒนาบุคลากร และสถานที่
การพัฒนาบุคลากร ทางองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าอบรม

อย่างต่อเนื่องกับศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเซียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และตามศูนย์การเรียนรู้
ในจังหวัด พัฒนาเจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบงานเกษตรขององค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางให้มีความรู้
และยอมรับให้เป็นวิทยากรถ่ายทอดให้กลุ่มเกษตรกรทั้งในตำบลและระดับอำเภอ ส่วนการพัฒนา
สถานที่ เริ่มจากการไดร้ ับการสนับสนุนอุปกรณ์ ได้แก่ ตู้ปลอดเชือ้ หม้อนึง่ ฆ่าเช้ือ ทางองค์การบริหาร
ส่วนตำบลสันกลางได้ปรับปรุงเป็นห้องผลิตเชื้อรา จำนวน 2 ห้อง ต่างหากแยกกัน จัดซื้อหม้อนึ่ง
แรงดันสูงเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเวลาการผลิตลง ปรับปรุงอาคารสถานที่ให้เหมาะสม ปัจจุบัน
นอกจากจะมีการปรับปรุงสถานีศูนย์องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางแล้ว ยังได้ขยายสถานีย่อย
กระจายออกไปตามพื้นที่อีก 8 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสันกลาง 18 หมู่บ้าน โดยได้จำลอง
การบริหารงานของสถานีศูนย์ฯ มาย่อขนาดตามสภาพพื้นที่ ซึ่งจะมีระบบการบริหารงานภายในสถานี
สถานที่ปฏิบัติงาน ห้องเก็บวัสดุ และเชื้อรา อุปกรณ์ในการขยายเชื้อราและวัตถุดิบต่าง ๆ รวมท้ัง
มีแผนงานการดำเนินงานของแต่ละสถานีด้วย และในอนาคตจะขยายให้ครบเป็น 1 หมู่บ้าน 1 สถานี
เกษตร เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร และควบคุมการแพร่ระบาดของศัตรูพืช
อย่างมีประสทิ ธิภาพ

ส่วนท่ี 2 การจัดอบรมให้ความรู้ และการผลติ เชือ้ รา
การอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรพร้อมกับการผลิตเชื้อราไว้ใช้ในแต่และครั้ง องค์การ
บริหารส่วนตำบลสันกลาง จัดอบรมขึ้นเป็น 2 ช่วง คือช่วงก่อนฤดูทำนา คือช่วงเตรียมพันธุ์ข้าว
จะจัดอบรมหลักสูตรการผลติ หัวเชื้อ และวิธีการขยายเช้ือราได้แก่ เชื้อไตรโคเดอร์มา เพื่อให้เกษตรกร
นำไปแช่เมล็ดพันธ์ข้าว สร้างภูมิคุ้มกันให้เมล็ดจากโรครากเน่าได้ เมื่อทำการอบรมเสร็จ ทางองค์การ
บริหารส่วนตำบลก็จะมอบเชื้อราไตรโคเดอร์มา ให้เกษตรกรนำไปแจกจ่ายกันในกลุ่ม และช่วงที่ 2
จัดอบรม และผลิตหัวเชื้อ และการขยายเชื้อในช่วงต้นข้าวจะแตกกอเพื่อเตรียมพร้อมการระบาด
ของแมลง ไม่ว่าจะเป็นหนอนกอ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลหากเกษตรกรตรวจพบแมลงที่เป็นศัตรูพืช
กจ็ ะใหด้ ำเนนิ การนำเชื้อบวิ เวอรเ์ รียฉดี พน่ ไปตามทุ่งนาอนั จะเป็นการกำจดั แมลง เพราะเชือ้ ราบิวเวอร์เรีย
จะเกาะติดแมลงทำให้แมลงป่วยตายในที่สุด ซึ่งปัจจุบันการผลิตเชื้อราจะเน้นการผลิตในหมู่บ้าน
อันเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรวิถีพอเพียงสถานีย่อย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน
เกษตรกรอกี ทางหน่งึ
ส่วนท่ี 3 การประชาสมั พนั ธ์ ตดิ ตาม ข่าวสาร
ในส่วนการประชาสัมพันธ์ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางมีการจัดประชุม
ประจำเดือนทุกเดือน มีการแจ้งผ่านทางผู้นำหมู่บ้านให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ให้เกิด
ความตระหนกั ถงึ ผลดี ผลเสยี ของการใช้สารเคมี และผลดีของการใชเ้ ชอ้ื รา มกี ารประชมุ คณะกรรมการ
ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรทุกเดือนร่วมกับอาสาเกษตรกรแต่ละหมู่บ้าน มีการออกไปเยี่ยม

30
จุดสาธิตแปลงนาสาธิตในการเฝ้าระวังแมลง ตามรอบการปลูกข้าว 2 ถึง 3 ครั้ง มีการแจ้งข่าวสาร
ประชาสมั พนั ธ์ทางวิทยชุ มุ ชนบอ่ นำ้ พเุ ย็น ตำบลสนั กลาง ซ่งึ จัดโดยผู้บริหารและเจา้ หน้าท่ีขององค์การ
บริหารสว่ นตำบลสนั กลาง ในรายการ อบต.สมั พนั ธ์ ในวนั เสาร์ อาทิตย์ และทุกเชา้ กอ่ น 7 โมงเช้า

แผนภาพที่ 3 การขบั เคลอ่ื นและดำเนนิ งานสถานเี กษตรวถิ พี อเพยี ง
สถานีเกษตรวิถีพอเพียง องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง ได้กำหนดเป้าประสงค์
ตามลำดับ เพ่ือใหส้ งั คมเกษตรกรรมในพน้ื ทมี่ ีความปลอดภัยจากสารเคมี เกษตรกรและผ้บู รโิ ภคมีความ
ปลอดภัยจากสารเคมี ลดปัญหาด้านสุขภาพอันเกิดจากสารเคมี และรักษาสภาพแวดล้อมในชุมชน
มิให้เสื่อมโทรม คืนธรรมชาติให้กับคนในท้องถิ่น ซึ่งได้แก่ การลดการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัด
ศัตรูพืช โดยหันมาใช้วิธีกำจัดแบบธรรมชาติ เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารเคมี การพัฒนา
รูปแบบของการเกษตรแบบเคมีมาสู่เกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมการผลิตและบริโภคพืชผักปลอดสารพิษ
พัฒนาสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ไม่มีสารเคมีตกค้าง พัฒนาทักษะและองค์ความรู้
ให้เกษตรกรและเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้สู่ประชาชนทุกวัย ได้แก่ วัยเด็ก วัยทำงานและวัยสูงอายุ
รวมทั้งเชื่อมโยงองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้จากการพัฒนาด้านการเกษตรมาปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรม
และ วถิ ชี ีวิตของคนในทอ้ งถ่ินอย่างเหมาะสม

31

การบริหารงานภายในสถานีเกษตรวิถีพอเพียงน้ัน อาศัยการขับเคลื่อนแบบบูรณาการ

ของทกุ ภาคส่วน โดยองค์การบริหารส่วนตำบลสนั กลาง จะเปน็ หน่วยงานหลกั ดา้ นงบประมาณและงาน

ธุรการ โดยอาศยั ความรว่ มมือจากทกุ ภาคสว่ นท่ีเกย่ี วข้อง ไมว่ า่ จะเปน็ เครือข่ายเกษตรกรภายในตำบล

และนอกตำบล หน่วยงานราชการ สถานศึกษา โดยร่วมกันขับเคลื่อนในรูปแบบคณะทำงาน

อนั ประกอบดว้ ย

1. ตัวแทนจากองค์การบรหิ ารสว่ นตำบลสนั กลาง จำนวน 4 คน

2. ตัวแทนจากสำนกั งานเกษตรอำเภอพาน จำนวน 1 คน

3. ตวั แทนกลุม่ เกษตร/อาสาสมคั รเกษตรกร จำนวน 4 คน

4. ตวั แทนผนู้ ำฝ่ายปกครอง จำนวน 3 คน

5. ตัวแทนสถานศกึ ษา/สถาบันการศึกษา จำนวน 3 คน

6. ตวั แทนโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบล จำนวน 2 คน

7. ตัวแทนอาสาสมคั รสาธารณสุขประจำหมบู่ ้าน จำนวน 2 คน

8. ตวั แทนกลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 1 คน

9. ตวั แทนสถานีวิทยุชุมชน จำนวน 1 คน

นอกจากนั้นในการขับเคลื่อนสถานีเกษตรวิถีพอเพียงในระดับสถานีย่อย ซึ่งจะมี

คณะทำงานระดบั หมู่บ้านของแตล่ ะสถานี (ซึ่งอาจมหี มู่บ้านหรือหลายหมู่บา้ นในสถานีเดยี ว) ประกอบด้วย

1. ผู้นำฝา่ ยปกครองท้องถนิ่ /ท้องที่ จำนวน 5 คน

2. อาสาสมัครเกษตรในหมูบ่ า้ น จำนวน 5 คน

3. ตัวแทนจากองคก์ ารบริหารส่วนตำบลสนั กลาง เป็นเลขานกุ าร

ดงั นน้ั การบริการงานในระดบั สถานทีย่อยทกุ สถานี จะมคี ณะทำงานรวมทงั้ สิน้ 198 คน

ข้ันตอนในการดำเนินงานของสถานีเกษตรวถิ พี อเพียง

1. ศึกษาปัญหาการดำเนินงานของศูนย์บริหารศัตรูพืชชุมชน และข้อมูลด้านการใช้
สารเคมีของเกษตรกรและปัญหาด้านสขุ ภาพของเกษตรกร

2. นำเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษาปัญหา แก่ทีประชุมประจำเดือนระดับตำบล
คดั เลอื กผแู้ ทนและจดั เวทีแลกเปลย่ี นเรียนรูเ้ พอ่ื คน้ หาปัญหาและแนวทางแกไ้ ขปญั หาด้านการส่งเสริม
การเกษตร

3. แต่งต้ังคณะกรรมการและคณะทำงานตามความเหมาะสม
4. คณะทำงานจัดทำแผนงานพฒั นาด้านการส่งเสริมการเกษตร และกำหนดระยะเวลา
ดำเนินงาน
5. ประชาสัมพันธโ์ ครงการผา่ นทางหอกระจายขา่ วประจำหม่บู ้าน ที่ประชมุ ประจำเดือน
ระดบั ตำบล และทางสถานวี ิทยุชนบอ่ นำ้ พเุ ย็น
6. ดำเนนิ โครงการ/กจิ กรรม ตามแผนพฒั นาด้านการสง่ เสริมการเกษตร

7. จัดเวทีประเมินผล สรุปบทเรียน และนำปัญหาที่ได้จากการดำเนินงานมาปรับปรุง
ใหม้ คี วามเหมาะสมยงิ่ ขึ้น

32

ผลสำเร็จของการดำเนินงาน
จากการดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพการเกษตร ภายใต้นวัตกรรมสถานีเกษตร
วิถพี อเพยี งในตำบลสันกลาง สง่ ผลใหต้ ำบลสันกลางได้รบั การคดั เลือก ให้เป็น 18 อำเภอ 18 นวตั กรรม
สรรค์สร้าง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนและเป็นต้นแบบศูนย์การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาชุมชนในจังหวัด
และได้รับการคัดเลือกจากสำนักปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นตัวแทนจังหวัดเชี ยงราย
และตัวแทนภาคเหนือในการเขา้ ร่วมงานชุมชนต้นแบบตอ่ ยอดแห่งความดี สรา้ งความปลาบปลื้มให้กับ
ชาวตำบลสันกลางเป็นอย่างมาก มีการต่อยอดนวัตกรรมออกไป ได้แก่ นวัตกรรมสันกลางอาหาร
ปลอดภัย นวัตกรรมสนั กลาง 5G+ นวตั กรรมสันกลางวถิ ธี รรม วิถไี ทย วถิ พี อเพียง นวัตกรรมทาง "ขา้ ว"
สันกลางตามรอยพ่อ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมให้ความรู้การประกอบอาชีพ
จัดให้มีคณะกรรมการศูนย์จัดการศัตรูพชื คณะกรรมการศูนย์จัดการดินและปุ๋ยชุมชน คณะกรรมการ
ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี มีการกระจายศูนย์การผลิตเชื้อราทุกตัวออกไปยังกลุ่มเกษตรกร
โดยตรง ในส่วนขององค์กรบริหารส่วนตำบลสันกลางเองจะเป็นผู้ผลิตหัวเชื้อให้แต่ละกลุ่ม แต่ละ
หมู่บ้าน และมีหน้าที่อบรมให้ความรู้ ติดตาม นิเทศงาน มุ่งที่จะให้กลุ่มช่วยเหลือตนเองพึ่งตนเอง
เปน็ การกระตุ้นการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจใหม้ ีความรู้ สรา้ งอาชพี นำไปสู่ความย่งั ยนื ในอนาคต
มีการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอพาน โดยจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน
ในการให้ความช่วยเหลือในอาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในการให้ความรู้แก่พี่น้อง
เกษตรกรทั้งในตำบลและในเขตอำเภอพาน มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานแต่ละหมูบ่ ้านเพื่อเป็น
พี่เลี้ยงและคอยให้ความช่วยเหลือ มีการปรับปรุง ทบทวนกระบวนการเพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงาน
เพ่อื ให้บรกิ ารได้อย่างทว่ั ถึงและรวดเรว็
ด้านการประชาสัมพันธ์ มีการจัดรายการวิทยุประชาสัมพันธ์ข่าวสารการเกษตร ทำให้
สามารถติดตามข่าวสารได้ตลอด สามารถช่วยเหลือตนเองได้ สร้างความสามัคคีในชุมชน สร้างตลาด
ชมุ ชนเพ่ือใหน้ ำสนิ ค้า ในครวั เรอื น สินคา้ OTOP พชื ผักสวนครวั มาจำหน่าย อันเปน็ การสร้างเศรษฐกิจ
ในชมุ ชนแบบพง่ึ ตนเอง สรา้ งความย่งั ยืนให้กับชมุ ชน การลดรายจา่ ยจากการซ้ือสารเคมี ทำให้ผลผลิต
เพิ่มขึ้นลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมี ช่วยรักษาสิ่งแวดส้อมและสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติ
โดยการให้ธรรมชาตคิ วบคุมกนั เอง

รางวัลและเกียรติบัตรที่ไดร้ ับ
จากการดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่เก่ียวข้องของสถานเี กษตรวิถีพอเพยี ง ตง้ั แตป่ ี พ.ศ.2554
เปน็ ต้นมา ทำใหศ้ นู ยบ์ รหิ ารศัตรูพืชชมุ ชนตำบลสันกลาง เป็นศนู ย์เรียนรตู้ น้ แบบในการจัดการศัตรูพืช
ของจังหวัดเชยี งราย และเป็นสถานท่ีศึกษาดงู านแก่หน่วยงานและเกษตรกรท่ีสนใจจนไดร้ บั รางวลั ดงั นี้
1. รางวัลที่ 1 ของการประกวดศนู ย์บรหิ ารศัตรพู ชื ชุมชนระดับจงั หวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2557
2. รางวัลที่ 3 ของประกวดศนู ย์บรหิ ารศตั รูพืชชมุ ชนระดับเขตภาคเหนอื ปี พ.ศ. 2557

33

นวตั กรรมที่ 2
สันกลางสะอาด อาหารปลอดภยั

โครงการสันกลางสะอาดอาหารปลอดภัย ได้เริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยได้
ดำเนินการในการพัฒนาสังคม ชุมชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาโดยตลอด
จากการดำเนินการตามโครงการสถานีเกษตรวิถพี อเพียงในการส่งเสริมให้ประชาชนลดการใช้สารเคมี
ในภาคการเกษตร อันจะส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อีกทางหนึ่ง องค์การบริหารส่วนตำบล
สันกลางได้เห็นว่าเป็นปัญหาต่อสุขภาพร่างกายอีกประการหนึ่งคือพฤติกรรมการบริโภคของคน
ในชมุ ชนทที่ ำใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ โดยเฉพาะ โรคไมต่ ดิ ตอ่ ได้แก่ โรคความดัน เบาหวาน เปน็ ตน้

องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางจึงได้ร่วมมือกับกองทุนหลักประกันสุขภาพ
และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ จัดทำนวัตกรรมสันกลางสะอาดอาหารปลอดภัยขึ้น โดยการนำ
แนวคิดการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม (Participation Management โดยการนำโครงการ/กิจกรรม
ที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการดำเนินงานด้านอาหารปลอดภัยมาใช้ในลักษณะกลุ่มโครงการแนวคิด
เดยี วกนั (Group Project Idea) เพอื่ ใหแ้ ตล่ ะกิจกรรมได้สนับสนุนเป้าประสงคข์ องโครงการ ดงั รปู ภาพ

34

แผนภาพที่ 4 โครงการแนวคิดเดยี วกนั (Group Project Idea)
“สนั กลางสะอาด อาหารปลอดภยั ”

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพ่อื ใหป้ ระชาชนได้ตระหนกั และใส่ใจในการบริโภคอาหารทมี่ คี วามปลอดภัย
2. เพื่อให้ส่งเสริมให้ประขาชนหันมาปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ มาบริโภค

ในครวั เรอื น
3. เพ่ือใหป้ ระชาชนมคี วามเขา้ ใจและสามารถเลอื กซ้ืออาหารทมี่ ีความปลอดภยั
4. เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลสุขภาพของตนเองอันเกิดจากการใช้สารเคมี

ในการเกษตร
5. เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้สารเคมี และมีทางเลือกในด้าน

การเกษตรแบบปลอดสารเคมี
6. เพื่อให้เกษตรกรหันมาใช้สารชีวินทรีย์ในการกำจัดศัตรูพืชแทนการใช้สารเคมีกำจัด

ศัตรพู ชื
7. เพื่อให้เกษตรกรลดต้นทุนจาการใช้ปุยเคมี โดยหันมาใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพและปุ๋ยน้ำ

หมกั ชีวภาพแทน
8. เพื่อให้สินค้าเกษตรที่ผลิตในพื้นที่ตำบลสันกลาง มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน

สร้างความมนั่ ใจใหก้ บั ผู้บริโภค

35

โครงการและกจิ กรรมภายใต้นวัตกรรมสันกลางอาหารปลอดภัย

1. โครงการสนั กลางสะอาด สง่ เสรมิ สขุ ภาพปอ้ งกันโรคภยั ตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง
โครงการสันกลางสะอาด ส่งเสรมิ สขุ ภาพปอ้ งกันโรคภยั ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ได้มีการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการเริ่มแรกเมื่อปี พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน
ยืดหลักการมีส่วนรว่ มของประชาชนในทุกภาคส่วน คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ และร่วม
ประเมินผล เพื่อให้กิจกรรมต่าง ๆ ตรงกับปัญหาและความต้องการของประชาชนและประชาชน
ได้มีส่วนรว่ มในทุกกจิ กรรม เช่น การเข้าร่วมประชมุ ร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนการจัดการ
ขยะ การดแู ลและรกั ษาสุขภาพ

2. โครงการส่งเสริมการใชแ้ ละขยายเช้ือราบวิ เวอรเ์ รียและเช้ือราไตรโคเดอมาร์
จากการดำเนินงานด้านการส่งเสริมลดการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตั้งแต่
ปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา ทำให้เกิดการพัฒนาด้านการบริหารงาน การพัฒนาทักษะของบุคลากร
อย่างต่อเนือ่ ง มีการสง่ เจา้ หนา้ ทีไ่ ปอบรมเพ่ือเพ่มิ พูนความรู้ใหมเ่ ปน็ ประจำ และมเี กษตรกรจำนวนมาก
ที่ได้นำความรู้ที่ได้จากการอบรมและฝึกปฏิบัติ ไปใช้ในการจัดการศัตรูพืชในแปลงเกษตรของตนเอง
ซึ่งจากผลลัพธ์ที่เกษตรกรได้นำไปใช้และเห็นผลดี จึงมีผู้สนใจเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการมากข้ึน
เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารและภาคีเครือข่ายเดินหน้าพัฒนางานอย่างจริงจังและต่อเ นื่อง
ทั้งน้ี จากผลการดำเนินงานทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
จากศตั รพู ืชลดลงตามลำดบั

3. โครงการอบรมการผลิตปุ๋ยหมกั และน้ำหมักชีวภาพเพอ่ื ลดตน้ ทุนการผลิต

โครงการอบรมการผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพเพื่อลดต้นทุนการผลิตเป็นโครงการ
ทอ่ี งคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลสนั กลาง ดำเนินงานร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอพานและศูนย์การศึกษา
ตามอัธยาศัยอำเภอพาน เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์และลดต้นทุน
จากการใช้ปุ๋ยเคมี เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ การจัดการดินและการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้อง
โดยมีวัตถุประสงค์ให้เกษตรกรได้รับความรู้ในการผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพที่มีประสิทธิภาพ
ทางการเกษตรและรักษาสิง่ แวดล้อม ลดการใชส้ ารเคมีและปุ๋ยเคมที างการเกษตร

4. โครงการ “คนสนั กลาง 3 วัย ร่วมใจ สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. 2 ส. ตามแบบวิถลี ้านนา”

การจัดโครงการ “คนสันกลาง 3 วัย ร่วมใจ สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. 2 ส. ตามแบบวิถี
ลา้ นนา” เปน็ การจดั มหกรรมสขุ ภาพ โดยความรว่ มมอื จาก องค์การบรหิ ารส่วนตำบลสนั กลาง กองทนุ
หลักประกันสุขภาพตำบล หน่วยงานด้านสาธารณสุขในตำบลสันกลาง องค์กรอาสาสมัครสาธารณสุข
ประจำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชนและองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ สุขภาพดี
วิถีไทย โดยสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งของภาคีเครือข่าย รณรงค์และสร้างกระแส
ให้ประชาชนมีความรู้และทักษะการสร้างสุขภาวะที่ดี โดยส่งเสริมให้ประชาชนทั้ง 3 วัย มีการ
ปรับเปลยี่ นพฤติกรรมในการดแู ลสขุ ภาพของตนเองและครอบครัวอย่างสมำ่ เสมอ

36

5. โครงการตรวจประเมินภาวะเสยี่ งสารพิษตกคา้ งในโลหิตกลุ่มเกษตรกรตำบลสันกลาง
การตรวจประเมินความเสี่ยงสารพิษตกค้างในกลุ่มเกษตรกร เป็นโครงการที่ผ่าน
งบประมาณทางกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล โดยศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร
ตำบลสันกลาง เพื่อเฝ้าระวังและประเมินความเสี่ยงของการได้รับสารพิษตกค้างในร่างกาย
ของเกษตรกร ให้ทราบปัญหาสุขภาพ ปัจจัยเชื่อมโยงการเจ็บป่วย โดยให้ตระหนักถึงปัญหาพิษภัย
ของการใช้สารเคมีที่ส่งผลต่อสุขภาพ และสามารถป้องกันตนเองและมีทางเลือกในการใช้สารอินทรีย์
ท่ถี กู ต้อง

6. กจิ กรรมการรณรงค์การสง่ เสริมการบริโภคอาหารปลอดภยั
กิจกรรมรณรงค์เสริมสร้างทัศนคติในการให้ความสำคัญในการเลือกซื้ออาหารและ
ผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัย มีคุณภาพ แก่กลุ่มเป้าหมายทั่วไปและการสร้างทัศนคติในการ
ทำการเกษตรปลอดสารพิษแก่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เป็นอีกแนวทางหนึ่งทชี่ ว่ ยเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ
การเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัย สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายและประหยัด รวมท้ัง
การส่งเสริมการลดการใช้สารเคมี ตลอดจนสร้างแนวทางในการผลิตอาหารโดยเฉพาะผลผลิต
ทางการเกษตรให้มีความปลอดภัย จึงเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สนับสนุนการดำเนินโครงการสันกลาง
สะอาด อาหารปลอดภัย และการจัดกจิ กรรมรณรงค์คุม้ ครองผู้บรโิ ภคดา้ นอาหารแกป่ ระชาชนโดยผ่าน
ส่ือประซาสัมพันธท์ ีห่ ลากหลายช่องทาง

นอกจากนก้ี ารดำเนินโครงการสันกลางสะอาด อาหารปลอดภัย ยังดำเนนิ การครอบคลมุ
ไปสาขาการผลิตด้านอื่นด้วย ส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรโดยใช้มาตรฐาน GAP (Good
Agricultural Practice) ระบบการจัดการคณุ ภาพด้านการผลิตทางการเกษตรท่ีสามารถควบคุมระบบ
การผลิต ให้ผลผลิตมีความปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช จุลินทรีย์
ทกี่ ่อให้เกดิ โรคกับคน ถอื เปน็ การทำการผลิตอย่างเป็นระบบท่สี ามารถปกปอ้ งความปลอดภยั ของผผู้ ลติ
และผู้บริโภค ภายใต้ความคุ้มทุน มีการใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยซน์สูงสุด ไม่ทำให้เกิดมลพิษ
ต่อสง่ิ แวดลอ้ ม

มีการบูรณาการกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่หลากหลาย
เช่น สำนักงานปศุสัตว์ ได้ร่วมโครงการฟาร์มปลอดโรค สำนักงานประมงได้ร่วมโครงการสมาร์ทฟารม์
เมอร์ และสำนกั งานเกษตรได้รว่ มโครงการผลิตสินค้าเกษตรใหไ้ ด้มาตรฐาน GAP (Good Agricultural
Practice) ศูนย์บริหารศัตรพู ชื ศูนย์บริการและถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอ
พาน ได้ร่วมโครงการส่งเสริมการใช้และขยายเชื้อราบิวเวอร์เรียและเชื้อราไตร โคเดอร์มาร์
และโครงการส่งเสรมิ การผลติ ปยุ๋ หมักและนำ้ หมกั ชวี ภาพเพือ่ ลดต้นตน้ การผลติ เปน็ ต้น

37

ด้านด้านประชาสัมพันธ์ องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางได้มีการประชาสัมพันธ์
ในเชงิ รุก โดยมกี ารรณรงคเ์ สริมสรา้ งทัศนคติในการให้ความสำคญั ในการเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์
อาหารที่ปลอดภัย มีคุณภาพแก่กลุ่มเป้าหมายทั่วไป และการสร้างทัศนคติในการทำการเกษตรปลอด
สารพิษแก่กลุม่ เป้าหมายเฉพาะ โดยผ่านสื่อประชาสัมพันธท์ ี่หลากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ Social
Media สถานีวิทยชุ ุมชน เสียงตามสาย ส่ือแผ่นพับ และรถประชาสัมพนั ธ์ เป็นต้น

จากการดำเนินงานโครงการสนั กลางสะอาด อาหารปลอดภัย สง่ ผลให้
 ร้อยละ 70 ของประชาชนในตำบลสนั กลางมคี วามตระหนักและใสใ่ จเร่ืองการบริโภค
อาหารปลอดภัย
 ร้อยละ 80 ของเกษตรในตำบลสันกลางได้รับทราบข้อมูลสุขภาพของตนเองในเรื่อง
สารเคมตี กคา้ งในร่างกาย
 ร้อยละ 80 ของเกษตรกรในตำบลสันกลางได้รับความรู้ และสามารถป้องกันตนเอง
จากสารเคมจี ากการทำเกษตรไดอ้ ยา่ งถูกวธิ ี
 ร้อยละ 60 ของเกษตรกรในตำบลสันกลางได้หันมาใช้สารชีวินทรีย์ในการกำจัด
ศตั รพู ชื แทนการใชส้ ารเคมีท่ีอันตราย
 เกษตรกรในตำบลสันกลางสามารถลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้ำ
หมกั ชีวภาพแทนการใช้ปยุ๋ เคมี ลดต้นทนุ การผลิตไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 15
 ร้อยละ 80 ของสินค้าเกษตรที่ผลิตในตำบลสันกลางมีความปลอดภัย ไม่มีสารเคมี
ตกคา้ งเกนิ กว่าในระดบั ท่ีอาจเป็นอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ
และดัชนชี ีว้ ัดผลความสำเร็จของโครงการที่สำคัญทีส่ ุด คือ สุขภาพของประชาชนตำบล
สันกลาง ซึ่งมีการตรวจหาสารเอนโซม์โคลีนเอสเตอเรสในกระแสเลือด ทั้งหมด 1,623 คน สามารถ
แปรผลการตรวจโดยพบระดับไม่ปลอดภัยจำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 0.31 ระดับมีความเสี่ยง
จำนวน 151 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 9.30 ระดับปลอดภยั 707 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 43.56 และผลการตรวจ
ระดับปกติ 760 คน คิดเป็นร้อยละ 46.83 แสดงให้เห็นวา่ ประชากรกลุ่มตัวอย่างมีความเสี่ยงในระดบั
ปกติเพิ่มขึ้น ระดับไม่ปลอดภัยมีอัตราที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ในระดับปลอดภัยมีอัตราที่ลดลง
และระดบั มคี วามเส่ียงมอี ัตราลดลงเช่นเดยี วกัน แต่ในระดับปลอดภัยมีอัตราท่ีลดลง และระดับมีความเส่ียง
มีอัตราลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประชาชนในตำบลสันกลาง มีสุขภาพร่างกายที่มีความเสี่ยง
ในการรับพษิ จากสารเคมกี ำจัดศัตรูพืชลดลง เปน็ ตวั ชีว้ ดั ทชี่ ีใ้ หเ้ หน็ ว่า โครงการสันกลางสะอาด อาหาร
ปลอดภัย ประสบความสำเรจ็ อย่างดีย่งิ

38

สรุปผลการดำเนนิ งาน

โครงการสันกลางสะอาด อาหารปลอดภัย เป็นโครงการที่ดำเนินกิจกรรมที่มีความ
หลากหลาย มีกิจกรรมย่อยที่สนับสนุนโครงการหลักหลายกิจกรรมด้วยกัน แต่ละกิจกรรมมีลักษณะ
สนับสนุนซึ่งกันและกัน เริ่มตั้งแต่ระบบการผลิตอาหาร จนถึงการบริโภคอาหารให้มีความปลอดภัย
อันจะส่งผลให้อาหารที่ผลิตในพื้นที่ตำบลสันกลางมีความสะอาด ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย
ประชาชนมีความรู้และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง นอกจากนั้นต้องอาศัยกิจกรรมเสริมอ่ืน
อันเป็นการสนับสนุนด้านสุขภาวะของประชาชน เช่น การออกกำลังกาย และกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ
ที่เก่ยี วขอ้ ง ดำเนินงานไปควบคกู่ นั ไปด้วย อนั จะส่งผลให้มีสขุ ภาพแข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
เพื่อใหป้ ระชาชนได้มี สุขภาพกาย สขุ ภาพจิตที่ดี ความกนิ ดอี ยดู่ ี และมกี ารดำเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง เพ่ือการพฒั นาทีย่ ่งั ยืนตอ่ ไป

39

นวัตกรรมท่ี 3
สันกลางวถิ ีธรรม วีถไี ทย วถิ ีพอเพยี ง

นวัตกรรม สันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558
โดยเกิดจากการวางแนวทางการพัฒนาตำบลเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งทางตำบลสันกลางได้กำหนด
วิสัยทัศน์ (Vision) “สันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง” เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาตำบล
มีจุดมุ่งหมายให้ทุกภาคส่วนได้เห็นถึงทิศทางการทำงานอันเป็นไปแนวหางเดียวกัน เป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันบูรณาการการทำงานไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ บุคลากร ตลอดถึงวัสดุอุปกรณ์ จนทำให้
ตำบลสันกลางประสบความสำเร็จ เป็นอีกตำบลหนึ่งที่มีความเข็มแข็ง สามารถจัดการแก้ไขปัญหา
ท่ีเกิดขึ้นในตำบลได้ในระดับหนึ่ง และยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับองค์กรต่าง ๆ นำไปเป็น
แนวทางแก้ไขปญั หา และทิศทางการพัฒนาชุมชนตามบรบิ ทของชุมชนได้
วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ

1. เพื่อให้ชุมชนมีความน่าอยู่ มีความสงบสุข มีความสามัคคี รักในขนบธรรมเนียม
ประเพณีที่ประพฤติสบื ตอ่ กันมา

2. เพื่อสร้างคนให้มีคณุ ธรรมจริยธรรมท่ีดีงาม ประพฤตปิ ฏบิ ัติตนตามหลักธรรมคำสอน
ทางพระพุทธศาสนา ซง่ึ เป็นแนวทางทส่ี อดคล้องกับความพอดแี ละพอเพยี งในเศรษฐกจิ รวมถงึ เปน็ การ
ปลกู ฝงั ให้เดก็ เยาวชนได้เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนา และประเพณขี องชุมชน

40
3. เพื่อสร้างความสงบร่มเย็น ดำรงชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความพอดี
สามารถพึ่งพาตนเองไดอ้ ย่างยัง่ ยืน
คณุ ลักษณะที่สำคญั ของนวตั กรรมท้องถิน่
โครงการสันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง เกิดจากการต่อยอดการบูรณาการ
หน่วยงาน กลุ่ม องค์กรต่าง ๆ เพื่อดำเนนิ การแกไ้ ขปัญหาสังคม เพื่อให้สังคมได้เกิดการพัฒนาที่ยัง่ ยืน
ตามหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ควบคู่กับการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อให้สังคมมีความน่าอยู่ มีความสงบสุข มีความรักชาติ
ความสามัคคขี องชุมชน สง่ เสริมให้ชาวบ้านได้ประพฤตยิ ดึ ถือหลกั คำสอนทางพระพุทธศาสนาควบคกู่ ับ
มีความพอดีพอเพียง โดยเริ่มตั้งแต่การส่งเสริมโครงการตำบลศีลห้า สนับสนุนการฟื้นฟูประเพณี
และจัดให้มีกิจกรรมตลอดทั้งปี รวบรวมวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนในรอบหนึ่งปี โดยรวบรวมอยู่ใน
พิพิธพันธม์ ชี ีวิตพ้ืนบ้านล้านนาเพ่อื ใหเ้ ยาวชนและผ้ทู สี่ นใจสามารถเข้าศกึ ษาวถิ ีการดำรงชวี ิตของชมุ ชน
รวมถึงภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ท่ปี ระพฤติปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กันมา

แผนภาพที่ 5 ผงั ความคิดนวัตกรรม
“สันกลางวิถีธรรม วถิ ไี ทย วิถีพอเพียง”

41
องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง ได้จัดทำโครงการสันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง
โดยได้ทำให้สอดคล้องตามอำนาจหน้าที่ และสอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับท่ี 11 มหี ลกั การทยี่ ึดวสิ ัยทัศนป์ ระเทศไทยปี พ.ศ. 2560 เปน็ หลกั ควบค่ไู ปกบั การพฒั นาประเทศ
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ให้ความสำคัญกับการ
เปดิ โอกาสให้ทกุ ภาคสว่ นได้เขา้ มารว่ มกนั พัฒนา
โครงการสันกลางวิถีธรรม วิถีไทย วิถีพอเพียง เป็นโครงการที่ได้บูรณาการร่วมกัน
ระหว่างชุมชน/บ้าน วัด และโรงเรียน (บวร) เป็นแนวขบั เคล่อื นโครงการให้เกิดเปน็ รปู ธรรมรว่ มกนั ดังน้ี

สันกลางวถิ ีธรรม (การบรหิ ารราชการตามหลักธรรมาธิบาลและการสง่ เสรมิ ชมุ ชนคณุ ธรรม)

แผนภาพท่ี 6 ผังการประสานงาน
“สันกลางวิถีธรรม”

42

สันกลางวิถีธรรม หมายถึง การกำหนดเป้าหมายใน 2 ทาง คือ การบริหารงานภายใน
องค์กรที่ยึดมั่นตามหลักธรรมาภิบาล (Good governance) และการส่งเสริมให้คนในชุมชน
ยดึ หลกั ธรรมคำสอนของพระพทุ ธศาสนา ดงั น้ี

1. การบรหิ ารงานขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลสนั กลางตามหลักธรรมาภบิ าล 6 ด้าน

1.1 หลักนิติธรรม : การจัดทำประกาศข้อบงั คับตำบลในด้านตา่ ง ๆ เพื่อใช้ร่วมกันฅ
ใหท้ นั สมยั และเปน็ ธรรมเป็นทยี่ อมรับของทุกฝา่ ย เช่น การออกขอ้ บญั ญัติ อบต. วา่ ดว้ ยการจดั การขยะ
มูลฝอยปี พ.ศ. 2560 และข้อบัญญัติ อบต.ว่าด้วยกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2560
ขอ้ บญั ญัตหิ ม่บู ้าน ขอ้ กำหนดในการดำเนินการโครงการสนั กลางสะอาด เป็นต้น

1.2 หลักคุณธรรม : การยึดมั่นในความถูกต้อง ดีงามโดยรณรงค์ให้พนักงานและผู้นำ
ชุมชน ตลอดจนประชาชนในตำบลสันกลางยึดหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวอย่างแก่สังคม โดยมี
การมอบเกียรติบัตรผู้ที่ทำคุณงามความดี และประพฤติปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี ด้านคุณธรรม
จริยธรรม และการเสียสละเพื่อส่วนรวมเป็นประจำทุกปี และมีการจัดทำโครงการพนักงานดีเด่น
ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม เพ่ือเปน็ แบบอย่างทีด่ ีให้กับเพอื่ นพนกั งาน เปน็ ต้น

1.3 หลักความโปร่งใส : การปรับปรุงกลไกการทำงานขององค์กรให้มีความโปร่งใส
การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายมีการจัดกิจกรรม
ด้านความโปร่งใส การประชุมเพื่อให้ความรู้ด้านความโปร่งใส มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินการของ อบต. ตลอดจนมีการกำหนดนโยบายด้านความโปร่งใส
และติดประกาศไว้ในที่เปิดเผยเพื่อให้พนักงาน ผู้นำชุมชน และประชาชน ได้ตระหนักและกระตุ้น
เตือนใจ ตลอดจนมีการแต่งตงั้ ประชาคมเพอื่ ตรวจรับงานจา้ ง และการจดั ประชาคมเพื่อเสนอโครงการ
บรรจุในแผนพฒั นาตำบล เปน็ ตน้

1.4 หลักการมีสว่ นร่วม : การเปิดโอกาสให้ทกุ ฝา่ ยไดร้ ับทราบข้อมูล และหาแนวทาง
ร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโดยได้มุ่งเน้นให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ ทุกภาคส่วนต้องให้ความ
รว่ มมือ คอื ไดร้ ว่ มคิด รว่ มทำ และรว่ มรับประโยชน์ โดย อบต. สนั กลางไดส้ รา้ งเครอื ขา่ ยในการพัฒนา
ตำบลท่ีเป็นรูปธรรม เช่น กลุ่มผู้ใช้นำ้ ซึ่งมีส่วนร่วมในการขุดลอกลำเหมอื งสาธารณะเพื่อสนับสนุนนำ้
เพื่อใช้ในการเกษตร โดยทางกลุ่มจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นค่าขนส่งรถขุดไฮโดรลิค ในส่วน
อบต. สนั กลางไดส้ นับสนุนเครอื่ งจกั รกลพรอ้ มพนกั งาน เป็นต้น

1.5 หลักความรับผิดชอบ : การตระหนักในสิทธิหน้าที่ ความสำนึกในความ
รับผดิ ชอบตอ่ สังคม โดยมกี ารแบ่งความรับผิดชอบครอบคลมุ ทุกหม่บู ้าน ด้วยการแตง่ ตัง้ ผู้ประสานงาน
ภายในหมบู่ ้าน หมบู่ ้านละ 2-3 คน เพอ่ื ประสานงานจากส่วนราชการลงไปให้พ้นื ที่

1.6 หลักความคมุ้ คา่ : การบริหารจัดการและใช้ทรพั ยากรทม่ี จี ำกัดเพอื่ ใหป้ ระโยชน์
สูงสุดแก่ส่วนรวม อบต.สันกลางได้ส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรจัดทำปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุเพื่อทดแทน
ปุ๋ยเคมี เช่น การส่งเสริมให้ศูนย์จัดการดินและปุ๋ย ชุมชนทำปุ๋ยหมักทุกหมู่บ้าน โดยอบต.สันกลาง
ไดส้ นบั สนุนบคุ ลากรเพอื่ เขา้ ไปให้ความรู้

43

2. การส่งเสรมิ ให้ชมุ ชนยดึ หลกั ธรรมคำสอนตามพระพุทธศาสนา

การส่งเสริมให้คนในชมุ ชนยึดหลกั ธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา การปฏิบัตติ าม
หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ส่งผลต่อการพัฒนาจิตใจ ส่งเสริมให้เกิดมีคุณธรรมจริยธรรม
ดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา เป็นการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้ประพฤติตนใหอ้ ยู่ในศีลธรรม มีศีลหา้
โดยอาศัยวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งสามารถดึงผู้คนทุกวัยเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม
และประเพณี โดยมีวัด โรงเรียน ผู้สูงอายุ องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
เป็นแนวร่วมในการขับเคลือ่ นวิถธี รรม องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางได้ดำเนนิ กิจกรรม สนับสนุน
งบประมาณให้เครือข่ายนำไปจัดกิจกรรม รวมถึงสนับสนุนบุคลากรในการดำเนินโครงการร่วมกับ
หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งในกิจกรรมตา่ ง ๆ ได้แก่

1) โครงการวถิ ธี รรม วิถไี ทย สู่วิถพี อเพียง (อบต.สนั กลาง)
2) โครงการอบรมธรรมะ พระธรรมแก่อบุ าสก อุบาสกิ า ประชาชน (อบต.สันกลาง)
3) โครงการแผ่นดินธรรม แผน่ ดินทอง (อบต.สันกลาง)
4) โครงการหนนู อ้ ยรกั วัดบ้านเรา (ศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเล็ก)
5) โครงการวันสำคญั ของไทยในวันอาสาฬหบูชา วนั เขา้ พรรษา (ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ )
6) โครงการพฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรมนักเรียน (โรงเรยี น รว่ มกบั อบต.สันกลาง)
7) โครงการหมูบ่ า้ นศลี หา้ (วัด)
8) กิจกรรมสวดมนตข์ ้ามปี (วดั )

44

สันกลางวิถีไทย

(ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีความสามัคคี รักชาติ รักถิ่นอาศัย และหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ้ ม)

แผนภาพที่ 7 ผังการประสานงาน
“สนั กลางวถิ ีไทย”

ชุมชนท่ีมคี วามสามคั คจี ะสรา้ งความเข้มแข็งให้กบั ชุมชน รักในถิ่นกำเนิด รักชาติ ดำรงไว้
ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางจึงเป็นตัวขับเคลื่อนและประสานการทำงานระหว่างผู้นำชุมชน
หมู่บ้าน หน่วยงานราชการและกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ให้ประสานงานเป็นไปทิศทางเดียวกัน ในทุก ๆ
กิจกรรมที่ดำเนินการล้วนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งหากชุมชนมีความสามัคคีและมีความ
เข้มเข็งแล้ว ในการบรหิ ารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลจะสามารถแก้ไขปญั หาให้ชมุ ชนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ในการบริหารงบประมาณ
ขององค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางนั้น ได้จัดสรรงบประมาณให้ชุมชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ชุมชนทุกชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ใน ด้านประเพณี
ของชนเผ่านัน้ ทางหนว่ ยงานได้สนบั สนนุ งบประมาณในการจัดกิจกรรมและประเพณีตา่ ง ๆ เปน็ ประจำ
ทุกปี เช่น เทศกาลครสิ ต์มาส ประเพณีตรษุ จนี ชนเผา่ ประเพณีแข่งขนั กฬี าชนเผ่า


Click to View FlipBook Version