The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๒

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by marker020436, 2022-06-24 10:36:24

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๒

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๒

แผนการจัดการเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

รายวชิ าภาษาไทย ๒ รหัสวิชา ท๓๑๑๐๒
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕

ม.๔

โดย
นายสเุ มธ เขียวโสภา
ตาแหน่ง ครู คศ.๑

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี
ตาบลหนา้ เมอื ง อาเภอเมอื งราชบรุ ี จังหวัดราชบุรี

กระทรวงมหาดไทย

คำนำ

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษาไทย ๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา 25๖๕ นี้
จัดทาข้ึนเพ่ือกาหนดและวางกรอบเน้ือหาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซ่ึงออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้น
ผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ผู้เรียนได้เป็นผู้คิดและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามสภาพแวดล้อมและบริบทของโรงเรียน
อีกทั้งมีการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนรู้และวัยของผู้เรียน
เป็นอยา่ งย่งิ

แผนการจดั การเรยี นรู้ เปน็ เครื่องมืออานวยประโยชน์ในการจัดการศึกษาหลายประการ นอกจากเป็น
เคร่ืองมือท่ีช่วยทาให้ผู้สอนเกิดความม่ันใจในเรื่องของการวางกรอบเน้ือหาและทิศทางการสอนแล้ว ยังอานวย
ความสะดวกและมีส่วนช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น เพราะครอบคลุมด้วย
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั จุดประสงค์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล ตลอดจนสื่อที่
ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อีกท้ังสะท้อนให้ทราบถึงคุณภาพของผู้เรียน เมื่อผู้สอนพบข้อบกพร่องและ
ปัญหาในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สามารถเขียนบนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ และนาประเด็นปัญหาที่
พบมาปรับปรุง แกไ้ ข ให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับผู้เรียนซึ่งช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพ
ย่ิงขึ้น อันจะสง่ ผลไปถงึ การพฒั นาศักยภาพการเรยี นรู้ของผเู้ รยี นให้มคี ุณภาพตามเป้าหมายการศึกษา

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔
ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา 25๖๕ น้ี จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เพ่ือให้ผเู้ รียนเกิดทักษะและกระบวนการเรียนรู้ไดเ้ ต็มศักยภาพอย่างแท้จรงิ

นายสเุ มธ เขยี วโสภา
ตาแหนง่ ครู คศ.๑
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

รำยวิชำภำษำไทย ๒ คำอธบิ ำยรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย
ชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 4 รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ ภำคเรียนที่ ๒
เวลำ 40 ชัว่ โมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ

ฝึกทักษะการอา่ นจบั ใจความ การอ่านแปลความ ตีความ และขยายความบทร้อยกรอง มีทักษะในการ
เขียนรายงานวิชาการ การฟัง การดู และการพูด การวิเคราะห์และประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรมโดย
ศกึ ษาเกยี่ วกบั การอ่านออกเสียง ตคี วาม แปลความ และขยายความ ตอบคาถาม วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความ
คิดเห็นโต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองท่ีอ่าน และเสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล ฝึกทักษะการเขียนอธิบาย
การเขียนบันทึกความรู้จากการอ่าน การเขียนบันทึกความรู้จากการฟังและดู เขียนบันทึกความรู้จากแหล่ง
เรียนรู้ที่หลากหลาย ฝึกทักษะการพูดสรุปแนวคิด แสดงความคิดเห็นและประเมินเรื่องที่ฟังและดู การเลือก
เร่ืองท่ีฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดในชีวิตประจาวัน และศึกษาเก่ียวกับคาราชาศัพท์ เรียนรู้หลักการ
แตง่ กาพยย์ านี ๑๑ หลักการแต่งกาพยฉ์ บงั ๑๖ หลักการแตง่ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ หลักการแต่งโคลงสี่สุภาพ
ศึกษาคาไทยแท้และคาท่ีมาจากภาษาต่างประเทศ คาภาษาบาลี สันสกฤต คาภาษาเขมร คาทับศัพท์ และ
การสร้างคา

ใช้กระบวนการอ่าน สร้างความรู้ ความคิด นาไปใช้ตัดสินใจ และแก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต
ฝึกกระบวนการเขียนเพ่ือการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการฟัง การดู และการพูด สามารถเลือกฟัง
และดู และพูดแสดงความรู้ความคิดอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ รักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
และมีนสิ ัยรกั การอา่ น การเขียน มมี ารยาทในการอ่าน การเขยี น การฟัง การดู และการพดู

ศึกษาที่มา ลักษณะคาประพันธ์ เน้ือเร่ือง ตลอดจนคุณค่าของวรรณคดีไทยเรื่องโคลงนิราศนรินทร์
หัวใจชายหนุ่ม ทุกข์ของชาวนาในบทกวี มงคลสูตรคาฉันท์ และมหาเวสสันดรชาดก และท่องจาบทอาขยาน
เรอ่ื ง อเิ หนา ตอน ศกึ กะหมังกหุ นิง

ตัวช้วี ดั
ท 1.1 ม.4/๒ ม.4/3 ม.4/๔ ม.4/9
ท 2.1 ม.4/๔ ม.๔/๕ ม.4/7 ม.4/8
ท 3.1 ม.๔/๕ ม.๔/๖
ท 4.1 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6 ม.4/7
ท ๕.๑ ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/๔ ม.4/5 ม.4/6

รวม 2๑ ตัวชวี้ ัด

มำตรฐำนกำรเรยี นรูแ้ ละตัวช้ีวดั
กลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔

สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั

สำระท่ี ๑ กำรอ่ำน ๑. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่าน ไพเราะ และเหมาะสมกบั เรื่องที่อา่ น
สร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ ๒. ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองที่อา่ น
ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิตและ ๓. วเิ คราะหแ์ ละวิจารณเ์ รอื่ งทีอ่ ่านในทุก ๆ ดา้ นอย่างมเี หตุผล
มนี ิสยั รักการอา่ น ๔. คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอ่าน และประเมินค่าเพื่อนา
ความรู้ ความคิดไปใชต้ ดั สนิ ใจแกป้ ญั หาในการดาเนินชีวิต
๕. วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน
และเสนอความคดิ ใหมอ่ ยา่ งมีเหตผุ ล
๖. ตอบคาถามจากการอ่านงานเขียนประเภท ต่าง ๆ ภายในเวลา
ทีก่ าหนด
๗. อ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก
ยอ่ ความ และรายงาน
๘. สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านสื่อส่ิงพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์
และแหล่งเรยี นร้ตู ่าง ๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนา
ความรูท้ างอาชพี
๙. มมี ารยาทในการอ่าน

สำระท่ี ๒ กำรเขยี น ๑. เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์โดยใช้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน ภาษาเรียบเรยี งถูกต้องมีข้อมูลและสาระสาคญั ชดั เจน
เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ ๒. เขียนเรียงความ
และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ ๓. เขียนยอ่ ความจากสอื่ ทีม่ รี ูปแบบและเนอื้ หาหลากหลาย
เ ขี ย น ร า ย ง า น ข้ อ มู ล ส า ร ส น เ ท ศ แ ล ะ ๔. ผลิตงานเขียนของตนเองในรปู แบบตา่ ง ๆ
ร า ย ง า น ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า อ ย่ า ง มี ๕. ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืนแล้วนามาพัฒนางานเขียนของ
ประสิทธิภาพ ตนเอง
๖. เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจตามหลักการเขียน
เชงิ วิชาการและใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างองิ อย่างถูกต้อง
๗. บนั ทกึ การศึกษาค้นควา้ เพ่ือนาไปพฒั นาตนเองอย่างสม่าเสมอ
๘. มีมารยาทในการเขียน

มำตรฐำนกำรเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ัด
กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๔

สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตวั ช้วี ดั

สำระท่ี ๓ กำรฟงั กำรดู และกำรพดู ๑. สรปุ แนวคิดและแสดงความคดิ เห็นจากเร่อื งที่ฟงั และดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู ๒. วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษา และความน่าเชื่อถือจากเรื่องที่
อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ฟงั และดูอย่างมเี หตุผล
ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ ๓. ประเมินเร่ืองท่ีฟังและดู แล้วกาหนดแนวทางนาไปประยุกต์
อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ใช้ในการดาเนนิ ชวี ิต
๔. มีวจิ ารณญาณในการเลอื กเรอ่ื งทีฟ่ งั และดู
๕. พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจและ
เสนอความคดิ ใหม่ดว้ ยภาษาถกู ตอ้ งเหมาะสม
๖. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู

สำระที่ ๔ หลักกำรใชภ้ ำษำไทย ๑. อธิบายธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา และลักษณะของ
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของ ภาษา
ภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ๒. ใช้คาและกลุม่ คาสร้างประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์
ของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญา ๓. ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคลรวมทั้ง
ทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติ คาราชาศัพทอ์ ยา่ งเหมาะสม
ของชาติ ๔. แต่งบทร้อยกรอง
๕. วิเคราะหอ์ ทิ ธิพลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถนิ่
๖. อธิบายและวิเคราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย
๗. วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ์และ
สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์

สำระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ๑. วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการ
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความ วิจารณเ์ บอ้ื งตน้
คิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ๒. วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกับการเรียนรู้
ไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ ทางประวัตศิ าสตร์และวถิ ชี วี ิตของสังคมในอดีต
ในชวี ติ จริง ๓. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและ
วรรณกรรมในฐานะท่เี ป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
๔. สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาไป
ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ
๕. รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบา้ นและอธบิ ายภูมิปญั ญาทางภาษา
๖. ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบท
รอ้ ยกรองทีม่ ีคุณค่าตามความสนใจและนาไปใช้อ้างอิง

กำหนดกำรสอน
รำยวชิ ำภำษำไทย ๒ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒

ชัน้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี ๔ ภำคเรยี นที่ ๒
เวลำ ๔๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต

สัปดำห์ท่ี ชือ่ หนว่ ย มำตรฐำน เนือ้ หำ เวลำ
กำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั (ช่วั โมง)
ท ๑.๑ ม.๔/๓, ม.๔/๔, - การอ่านจบั ใจความบทความ
1 อักษรานทิ ัศน์ ม.๔/๕, ม.๔/๖, ม.๔/๗, - การอ่านจับใจความพระบรมราโชวาท ๒
ม.๔/๘, ม.๔/๙
๒ อกั ษรานทิ ัศน์ ท ๑.๑ ม.๔/๒, ม.๔/๓, - การอา่ นจบั ใจความสารคดี ๒
ม.๔/๔, ม.๔/๕, ม.๔/๖,
ม.๔/๗, ม.๔/๘, ม.๔/๙ - การอา่ นแปลความ ตีความ และขยายความนิทาน
ท ๑.๑ ม.๔/๒, ม.๔/๙
๓ อักษรานิทัศน์ - การอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ ๒
ท ๒.๑ ม.๔/๔, ม.๔/๕, บทร้อยกรอง ๒
๔ ปฏิพทั ธง์ านเขยี น ม.๔/๗, ม.๔/๘ - การอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ ๒
ท ๒.๑ ม.๔/๔, ม.๔/๕, เรื่องสนั้ ๒
๕ ปฏิพัทธง์ านเขยี น ม.๔/๗, ม.๔/๘
ท ๒.๑ ม.๔/๔, ม.๔/๕, - การเขียนบันทึกความรจู้ ากการอ่าน ๒
๖ ปฏพิ ทั ธ์งานเขยี น ม.๔/๗, ม.๔/๘ - การเขียนบนั ทกึ ความรจู้ ากการฟงั และดู
ส ส - สว่ นประกอบของรายงานวิชาการ
ส ท ๓.๑ ม.๔/๕, ม.๔/๖ - ข้ันตอนการเขยี นรายงานวิชาการ
พากเพียรฟัง ดู พดู - การเขียนรายงานวชิ าการ
ท ๓.๑ ม.๔/๕, ม.๔/๖ ส
๗ พากเพียรฟัง ดู พูด ส
- หลกั การพูด
- คณุ ลักษณะของผู้พดู
- การพดู ให้สัมฤทธผิ ล

- การพดู ในชวี ิตประจาวนั

พหูสตู หลักภาษา ท ๔.๑ ม.๔/๓ - คาราชาศพั ท์ ๒
๘ พหสู ูตหลกั ภาษา ท ๔.๑ ม.๔/๔ - หลกั การแตง่ กาพยย์ านี ๑๑
- หลกั การแต่งกาพยฉ์ บัง ๑๖

กำหนดกำรสอน
รำยวิชำภำษำไทย ๒ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒

ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ ๔ ภำคเรยี นที่ ๒
เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกติ

สัปดำหท์ ี่ ชื่อหน่วย มำตรฐำน เนื้อหำ เวลำ
กำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด (ชวั่ โมง)
ท ๔.๑ ม.๔/๔ - หลักการแตง่ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘
๙ พหสู ตู หลักภาษา - หลกั การแตง่ โคลงสีส่ ุภาพ ๒
ท ๔.๑ ม.๔/๕ - คาไทยและคาภาษาบาลี สันสกฤต ๒
๑๐ พหสู ูตหลกั ภาษา - คาภาษาเขมร ๒
ท ๔.๑ ม.๔/๖ - คาซ้า ๒
๑๑ พหสู ตู หลกั ภาษา - คาซอ้ น ๒
ท ๔.๑ ม.๔/๒, ม.๔/๗ - คาประสม
๑๒ พหสู ตู หลักภาษา - การใชภ้ าษาจากส่ือส่ิงพิมพ์ ๒
ท ๔.๑ ม.๔/๗ - การใช้ภาษาจากสื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์ ๒
๑๓ พหูสตู หลักภาษา

ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒ - โคลงนิราศนรนิ ทร์ ๒

วรรณกรรม

๑๔ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - ลักษณะคาประพนั ธข์ องโคลงนิราศ

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖ - คุณค่าของโคลงนิราศนรินทร์

๑๕ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๓, - หวั ใจชายหนุ่ม

วรรณกรรม - เครื่องหมายวรรคตอน

- คาทับศพั ท์

- ชนดิ และเจตนาของประโยค

๑๖ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - คา่ นยิ มและขอ้ คิดจากเรื่อง หัวใจชายหน่มุ

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔ - การแสดงละคร

๑๗ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖ - คณุ คา่ ของเร่อื ง ทกุ ข์ของชาวนาในบทกวี

๑๘ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - ทีม่ าของมงคลสตู รคาฉนั ท์

วรรณกรรม ม.๔/๔ - มงคล ๓๘ ประการ

กำหนดกำรสอน
รำยวชิ ำภำษำไทย ๒ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒

ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๔ ภำคเรียนท่ี ๒
เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

สปั ดำห์ท่ี ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน เน้ือหำ เวลำ
๑๙ กำรเรียนรู้ กำรเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั (ช่วั โมง)
ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๓, ม.๔/๔,
๒๐ วรรณกรรม ม.๔/๕, ม.๔/๖ - คณุ คา่ ของเร่อื ง มงคลสตู รคาฉนั ท์ ๒

ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๕, ม.๔/๖ - ทีม่ าของมหาเวสสนั ดรชาดก
วรรณกรรม
- เนือ้ เรือ่ งยอ่ ของมหาเวสสันดรชาดก ๑๓ กณั ฑ์

- มหาเวสสนั ดรชาดกในภาคตา่ ง ๆ ๒

- บทอาขยานเรอื่ ง อเิ หนา ตอน ศกึ กะหมังกหุ นิง

รวม ๔๐

หน่วยการเรียนรู้ที่
เรื่อง อักษรานทิ ัศน์

เวลา ๖ ชว่ั โมง

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดงั นี้

- นกั เรยี นประทบั ใจหนงั สือทเี่ คยอ่านเร่อื งใด เพราะเหตุใด

ข้นั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนอาสาสมัคร ๑-๒ คน ออกมาเล่าเร่ืองย่อของหนังสือที่ประทับใจ

ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ เลม่ นนั้

หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑ เร่ือง อกั ษรำนิทัศน์ เวลำ ๖ ชวั่ โมง ๓. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การอ่านจับใจความและตัวอย่างการอ่าน

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ จับใจความบทความ แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครเู ป็นผูอ้ ธบิ ายเพิม่ เติม

เรือ่ ง กำรอ่ำนจับใจควำมบทควำม เวลำ ๑ ชัว่ โมง ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม ร่วมกันอ่านบทความจากหนังสือพิมพ์หรือ

ครผู ้สู อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ อนิ เทอร์เนต็ ทีค่ รูเตรยี มไว้ กลมุ่ ละ ๑ เรอื่ ง ซึง่ ไมซ่ ้ากนั

๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลงาน โดยมรี ายละเอียด ดังนี้

มาตรฐานการเรยี นรู้ - ใจความสาคัญของบทความ

มาตรฐาน ท ๑.๑ - ผลการวเิ คราะห์และประเมนิ ค่า
ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดาเนนิ ชวี ติ และมีนิสัยรกั การอ่าน - แผนภาพความคดิ

ตวั ชี้วัด - บทสรุปความรทู้ ีไ่ ด้

ท ๑.๑ ม.๔/๓ วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์เรื่องที่อา่ นในทุก ๆ ด้าน อย่างมีเหตุผล - เสนอความคดิ ใหมข่ องกลุ่ม
ท ๑.๑ ม.๔/๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่านและประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ ความคิด
- นักเรยี นฟงั การนาเสนอและรว่ มกันอภิปราย
ไปใช้ตัดสนิ ใจแก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ
ท ๑.๑ ม.๔/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองท่ีอ่านและเสนอ ข้ันสรุป ๑๐ นำที

ความคิดใหม่อย่างมเี หตผุ ล ๖. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้
ท ๑.๑ ม.๔/๖ ตอบคาถามจากการอ่านงานเขยี นประเภทต่าง ๆ ภายในเวลาท่ีกาหนด
ท ๑.๑ ม.๔/๗ อ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และ บทความเป็นงานเขียนที่มีท้ังข้อเท็จจริงและการแสดงความคิดเห็น

รายงาน การอ่านจับใจความบทความจึงต้องวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน เพื่อให้เข้าใจแนวคิดและ
ท ๑.๑ ม.๔/๘ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านส่ือสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้
เหตผุ ลของผู้เขยี นอนั จะช่วยเพิ่มพนู ความรูแ้ ละประสบการณข์ องผู้อา่ น
ตา่ ง ๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียนและพัฒนาความรทู้ างอาชีพ
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มีมารยาทในการอา่ น ส่อื การเรยี นรู้ ๔. กระดาษชาร์ต
๕. ปากกาเคมีหรอื สีเมจกิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บทความ
๒. กระดาษสาหรับบันทกึ
๓. พจนานกุ รม

K อธิบายหลักการอ่านจบั ใจความ การวดั และประเมินผล
- ตง้ั คาถามและตอบคาถามจากเรื่องทีอ่ ่าน
- สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม
- วิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องท่ี - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น
อา่ นอยา่ งมีเหตผุ ล
บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
P - ประเมินคา่ เรอ่ื งทอ่ี า่ น
................................................................................................................
- เขียนแผนภาพความคดิ จากเรือ่ งท่ีอา่ น ................................................................................................................
................................................................................................................
- สังเคราะห์ความรู้จากการอา่ น ................................................................................................................
เห็นความสาคัญของการอ่านที่สามารถนามาพัฒนาตน ................................................................................................................
A พฒั นาการเรยี นและพัฒนาความร้ทู างอาชพี

สาระสาคญั ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผูส้ อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
บทความเป็นงานเขียนท่ีมีท้ังข้อเท็จจริงและการแสดง ตำแหน่ง ครู คศ.๑
ความคิดเห็น การอ่านจับใจความบทความจึงต้องวิเคราะห์ให้ถ่ีถ้วน
เพ่ือให้เข้าใจแนวคิดและเหตุผลของผู้เขียนอันจะช่วยเพิ่มพูนความรู้
และประสบการณข์ องผู้อ่าน

สมรรถนะของผู้เรยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทมี ลงชอ่ื ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................
- การคดิ ข้นั สูง - การเป็นพลเมืองที่เข้มแขง็
- การสอื่ สาร - การอยู่รว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื (นำยรชั ภมู ิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดงั นี้

- นกั เรยี นตัดสินคุณค่าของงานเขยี นจากส่งิ ใด

ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นกั เรียนรว่ มกันทบทวนความรู้ เร่ือง หลักการอ่านจับใจความ โดยสนทนาใน

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ ประเดน็ ตอ่ ไปนี้

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ เรือ่ ง อกั ษรำนทิ ัศน์ เวลำ ๖ ชวั่ โมง - ผู้อ่านจับใจความต้องมีพ้ืนความรู้หรือประสบการณ์เก่ียวกับ

แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ่ี ๒ เร่ืองทอี่ ่านเพราะเหตใุ ด

เรื่อง กำรอำ่ นจับใจควำมพระบรมรำโชวำท เวลำ ๑ ช่วั โมง - การต้ังคาถามนามีประโยชน์อย่างไรในการอ่านจับใจความ

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ - การสนทนาหรืออภิปรายเกี่ยวกับเร่ืองที่อ่านร่วมกันมีประโยชน์

อยา่ งไร

มาตรฐานการเรยี นรู้ - ใจความสาคัญของยอ่ หนา้ มกั อยู่ที่ส่วนใด

มาตรฐาน ท ๑.๑ - การอุปนยั แตกตา่ งกับการนิรนัยอยา่ งไร
ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปัญหาในการดาเนินชวี ิตและมีนิสัยรกั การอา่ น - การเขยี นแผนภาพความคดิ มีหลักการอยา่ งไร มีรปู แบบใดบา้ ง

ตัวช้วี ัด - ประโยชนข์ องแผนภาพความคดิ คืออะไร

ท ๑.๑ ม.๔/๓ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณเ์ รอ่ื งที่อ่านในทุก ๆ ด้าน อยา่ งมเี หตุผล - การเข้าใจความหมายของคาศัพท์มีความสาคัญต่อการอ่าน
ท ๑.๑ ม.๔/๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องท่ีอ่านและประเมินค่าเพื่อนาความรู้ ความคิด
จับใจความอยา่ งไร
ไปใชต้ ัดสนิ ใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ติ
ท ๑.๑ ม.๔/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่านและเสนอ ๓. นักเรียนศกึ ษาตัวอย่างการอา่ นจับใจความพระบรมราโชวาท

ความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล ๔. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ ๓-๔ คน ร่วมกนั อ่านพระบรมราโชวาทที่ครูเตรียมไว้
ท ๑.๑ ม.๔/๖ ตอบคาถามจากการอา่ นงานเขยี นประเภทตา่ ง ๆ ภายในเวลาท่กี าหนด
ท ๑.๑ ม.๔/๗ อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และ กลุม่ ละ ๑ องค์ ซ่งึ ไม่ซ้ากัน

รายงาน ๕. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอรว่ มกนั หนา้ ชั้นเรียน
ท ๑.๑ ม.๔/๘ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านส่ือสิ่งพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้
ข้นั สรปุ ๑๐ นำที
ตา่ ง ๆ มาพฒั นาตน พฒั นาการเรยี นและพัฒนาความรู้ทางอาชพี
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มมี ารยาทในการอ่าน ๖. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปความรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ ๔. กระดาษชาร์ต
๕. ปากกาเคมีหรอื สเี มจกิ
๑. พระบรมราโชวาท
K อธิบายหลักการอา่ นจบั ใจความ ๒. กระดาษสาหรบั บันทึก
๓. พจนานกุ รม

- ตัง้ คาถามและตอบคาถามจากเรื่องที่อ่าน การวดั และประเมนิ ผล

- วิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองที่ - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม
อ่านอย่างมเี หตผุ ล - ตรวจผลงานของนักเรยี น

P - ประเมนิ คา่ เร่อื งท่อี า่ น บนั ทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

- เขียนแผนภาพความคิดจากเรือ่ งทอี่ า่ น ................................................................................................................
................................................................................................................
- สงั เคราะหค์ วามรจู้ ากการอา่ น ................................................................................................................
เห็นความสาคัญของการอ่านท่ีสามารถนามาพัฒนาตน ................................................................................................................
A พฒั นาการเรยี นและพัฒนาความรู้ทางอาชพี ................................................................................................................

สาระสาคญั ลงชือ่ ………….…………………..ครผู ู้สอน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
พระบรมราโชวาทเป็นข้อความอันทรงคุณค่าที่ให้ข้อคิด ตำแหน่ง ครู คศ.๑
คาสอนและแนวทางปฏบิ ตั ทิ ีเ่ ป็นประโยชนใ์ นการดาเนินชีวิต และการ
อยู่ร่วมกันในสังคม การอ่านจับใจความพระบรมราโชวาท จึงต้อง
วิเคราะห์และสรุปสาระสาคัญให้ชัดเจนเพ่ือความเข้าใจที่ถูกต้องและ
นาไปใช้อยา่ งเหมาะสม

สมรรถนะของผู้เรยี น

- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทีม ลงชอ่ื ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................
- การคดิ ขนั้ สูง - การเปน็ พลเมอื งทเี่ ข้มแขง็
- การส่อื สาร - การอยู่รว่ มกบั วทิ ยาการอยา่ งยง่ั ยนื (นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผ้อู ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรยี นทบทวนหลักการอ่านจบั ใจความ แลว้ สรปุ ความเขา้ ใจร่วมกัน

๒. นกั เรียนรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะท่ีอ่านจับใจความจาก

กิจกรรม ๒ ช่ัวโมงท่ีผ่านมา ร่วมกันเสนอแนะวิธีการแก้ไขเพ่ือพัฒนาทักษะ

แผนกำรจดั กำรเรียนรูว้ ชิ ำภำษำไทย การอา่ นจบั ใจความ

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ ขน้ั สอน ๔0 นำที

หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๑ เรือ่ ง อักษรำนิทศั น์ เวลำ ๖ ชว่ั โมง ๓. นักเรียนศึกษาตัวอย่างการอ่านจับใจความสารคดี ร่วมกันอภิปราย

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๓ ครูเป็นผูแ้ นะนาเพมิ่ เติม

เรอ่ื ง กำรอ่ำนจบั ใจควำมสำรคดี เวลำ ๑ ชวั่ โมง ๔. นักเรยี นทาใบงานที่ ๑๕ เรื่อง การอ่านจับใจความสารคดี โดยครูแจกสารคดี

ครูผู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ให้นักเรียนคนละ ๑ ชุด (ทุกคนจะได้อ่านสารคดีเร่ืองเดียวกัน) แล้วทากิจกรรม

ตามข้ันตอน

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๕. นักเรียนอาสาสมัคร ๒-๓ คน ออกมานาเสนอผลงานของตนเอง

มาตรฐาน ท ๑.๑ ครูตรวจสอบผลงานของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล
ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสยั รักการอ่าน - อา่ นช่อื เร่อื งของสารคดีแล้วลองคาดคะเนว่าน่าจะเชื่อมโยงถึงเร่ือง

ตวั ชวี้ ดั ใดและสารวจว่าตนเองมคี วามรูเ้ ก่ียวกับเรอื่ งนนั้ อยา่ งไร

ท ๑.๑ ม.๔/๓ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ดา้ น อย่างมีเหตุผล - อา่ นสารวจเรอ่ื งทง้ั หมดอยา่ งคร่าว ๆ
ท ๑.๑ ม.๔/๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่านและประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ ความคิด
- ตัง้ คาถามจากเน้อื เรอื่ ง แล้วบนั ทกึ คาถามเหลา่ น้ันไว้
ไปใชต้ ดั สนิ ใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ิต
ท ๑.๑ ม.๔/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองท่ีอ่านและเสนอ - อ่านเรื่องอีกคร้ังอย่างละเอียดเพื่อตอบคาถามดังกล่าว ในขณะที่

ความคดิ ใหม่อยา่ งมีเหตผุ ล อ่านหากพบคาศัพทท์ ไ่ี มเ่ ขา้ ใจความหมายใหบ้ นั ทึกไว้ แลว้ ค้นหาความหมายจาก
ท ๑.๑ ม.๔/๖ ตอบคาถามจากการอ่านงานเขยี นประเภทต่าง ๆ ภายในเวลาทีก่ าหนด
ท ๑.๑ ม.๔/๗ อ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และ พจนานุกรมหรือใหค้ รูชว่ ยแนะนา

รายงาน - จับใจความสาคัญของแตล่ ะย่อหนา้ แล้วบันทกึ ไว้ นาใจความทง้ั หมด
ท ๑.๑ ม.๔/๘ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้
มาเชื่อมโยงสัมพนั ธก์ ัน
ต่าง ๆ มาพัฒนาตน พฒั นาการเรียนและพัฒนาความรทู้ างอาชพี
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มีมารยาทในการอ่าน - ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อเท็จจริงท่ีนาเสนอและบันทึก

สาระสาคัญทไี่ ด้เปน็ แผนภาพความคิด

- สรุปความรู้ที่ได้จากการอ่าน และเสนอความคิดของตนเองอย่างมี

เหตุผล

ข้ันสรุป ๑๐ นำที

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้

K อธิบายหลักการอา่ นจบั ใจความ สอ่ื การเรยี นรู้

- ต้งั คาถามและตอบคาถามจากเรอ่ื งที่อา่ น ๑. สารคดี ๒. พจนานุกรม ๓. ใบงาน

- วิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองที่ การวดั และประเมินผล

อ่านอยา่ งมีเหตผุ ล - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
P - ประเมินคา่ เรื่องทอี่ า่ น - ตรวจผลงานของนกั เรยี น

- เขียนแผนภาพความคดิ จากเรือ่ งทีอ่ ่าน

- สงั เคราะห์ความรูจ้ ากการอา่ น
เห็นความสาคัญของการอ่านท่ีสามารถนามาพัฒนาตน
A พฒั นาการเรยี นและพัฒนาความรทู้ างอาชีพ บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

สาระสาคญั ................................................................................................................
................................................................................................................
สารคดีเป็นงานเขียนที่เขียนจากความรู้และประสบการณ์ ................................................................................................................
ของผู้เขียน เพ่ือให้ความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน การอ่าน
จับใจความสารคดีจึงต้องวิเคราะห์ใจความสาคัญให้ชัดเจน เพื่อให้ ลงชือ่ ………….…………………..ครูผู้สอน
เข้าใจสาระสาคัญทผ่ี เู้ ขียนต้องการนาเสนอ (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑
สมรรถนะของผู้เรยี น

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม ลงชื่อ....................................หัวหน้ำงำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................
- การคดิ ขน้ั สงู - การเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แขง็
- การสือ่ สาร - การอย่รู ่วมกับวทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื (นำยรัชภูมิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี

- นทิ านมอี ะไรใหค้ น้ หาบ้างนอกจากความสนุกสนานเพลิดเพลิน

ขัน้ สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนร้วู ชิ ำภำษำไทย ๒. ตัวแทนนักเรียนออกมาเล่านิทานที่ตนเองประทับใจ แล้วให้นักเรียนร่วมกัน

ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ตอบคาถาม ดังน้ี

หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๑ เรือ่ ง อกั ษรำนทิ ศั น์ เวลำ ๖ ชว่ั โมง - มคี าศพั ท์หรือสานวนใดท่ไี ม่เข้าใจความหมายหรอื ไม่

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๔ เวลำ ๑ ชัว่ โมง - แนวคดิ สาคัญของเรื่องคอื อะไร

เร่ือง กำรอ่ำนแปลควำม ตีควำม และขยำยควำมนทิ ำน - เรือ่ งน้สี ามารถเชอ่ื มโยงกับเหตกุ ารณใ์ นปจั จุบนั เรอื่ งใดบา้ ง

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๓. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ

แลว้ ร่วมกนั สรปุ ความเข้าใจ ครเู ป็นผอู้ ธิบายเพิม่ เติม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม อ่านนิทานของรัญจวน อินทรกาแหง แล้วทา

มาตรฐาน ท ๑.๑ กจิ กรรม ดังน้ี
ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ญั หาในการดาเนินชีวติ และมีนสิ ัยรักการอ่าน - หาคาศัพท์ยาก โดยแปลความหมายจากบริบท หรือพจนานุกรม

- ตอบคาถามจากเน้อื เรือ่ ง

- สรุปใจความสาคญั

ตวั ชว้ี ดั - บอกแนวคดิ ของเรอ่ื ง

ท ๑.๑ ม.๔/๒ - เขยี นแผนภาพความคดิ เชอ่ื มโยงกบั พฤติกรรมของบคุ คล
ท ๑.๑ ม.๔/๙
ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองทอี่ ่าน - บอกขอ้ คดิ ทไ่ี ด้รบั
มีมารยาทในการอา่ น
๕. ตวั แทนนักเรียนออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียนทีละกลุ่ม แล้วร่วมกันตรวจสอบ

ความถกู ต้อง ครอู ธิบายเพิม่ เติม

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที
K อธบิ ายหลกั การอา่ นแปลความ ตคี วาม และขยายความ
๖. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้

P แปลความ ตคี วาม และขยายความนิทาน สื่อการเรยี นรู้

เห็นความสาคัญของการอ่านแปลความ ตีความ และขยาย ๑. นทิ าน
ความเพือ่ เพ่ิมพูนความรู้ในชีวติ ประจาวัน ๒. พจนานกุ รม
๓. กระดาษสาหรับทากิจกรรม

A การวดั และประเมินผล

สาระสาคญั - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
ก า ร อ่ า น แ ป ล ค ว า ม ตี ค ว า ม แ ล ะ ข ย า ย ค ว า ม - ตรวจผลงานของนักเรยี น
เปน็ กระบวนการอา่ นทม่ี คี วามสัมพันธ์ตอ่ เนือ่ งกนั โดยเช่ือมโยงความรู้
จากการอ่านเข้ากับประสบการณ์ของตน รวมท้ังขยายความจากการ บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
อ่านใหก้ ว้างออกไป ผู้อ่านจึงต้องอ่านอย่างพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อให้
เข้าใจเจตนาของผู้เขียน ได้รับความรู้จากเร่ืองท่ีอ่านอย่างลึกซ้ึง และ ................................................................................................................
สามารถนาความร้คู วามคิดไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ได้ ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผูเ้ รยี น ................................................................................................................
................................................................................................................

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเป็นทมี ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผสู้ อน
- การคดิ ขั้นสูง - การเป็นพลเมอื งท่เี ข้มแข็ง (นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- การส่อื สาร - การอยู่ร่วมกับวทิ ยาการอยา่ งยั่งยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผ้อู ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนอา่ นบทร้อยกรองจากแผนภมู แิ ล้วรว่ มกนั ตอบคาถาม ดงั น้ี

แล้วเปดิ เหน็ เวทที กี่ วา้ งใหญ่ มหาวิทยาลยั เป็นฉากสี่

ศิลปวทิ ยาอาชพี มี เรยี นเร่ืองชวี ติ มนุษยร์ ดุ หนา้ ไป

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ท่านอาจารย์ทา่ นไม่ใคร่จะสอน ใหค้ น้ ควา้ หาก่อนเป็นข้อใหญ่

ช้ันมธั ยมศึกษำปีท่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ โศกกับสุขมักคลุกเคลา้ กนั ไป เหมือนเร่อื งในมหาอปุ รากร

หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง อกั ษรำนทิ ัศน์ เวลำ ๖ ชว่ั โมง (ตัดตอนมาจาก ละครโรงใหญ่ ของ ม.ล. ปน่ิ มาลากลุ )

แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ ๕ เวลำ ๑ ช่ัวโมง - คาว่า “เวที” และ “มหาอุปรากร” หมายความวา่ อย่างไร

เรือ่ ง กำรอำ่ นแปลควำม ตีควำม และขยำยควำมบทร้อยกรอง - ฉากหนง่ึ ฉากสอง และฉากสาม เปน็ การศกึ ษาในระดบั ช้นั ใด

ครูผสู้ อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ - การจัดการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเปน็ อยา่ งไร

- เห็นด้วยหรือไม่กับคากล่าวว่า “ท่านอาจารย์ท่านไม่ใคร่จะสอน

มาตรฐานการเรยี นรู้ ให้ค้นคว้าหาก่อนเป็นขอ้ ใหญ่”

มาตรฐาน ท ๑.๑ - การจดั การศึกษาในระดบั มหาวทิ ยาลยั ควรเป็นอย่างไร
ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ิตและมีนิสยั รกั การอา่ น - การจัดการศึกษาตามท่ีระบุในบทประพันธ์สอดคล้องกับการจัด

การศึกษาในยคุ ปจั จบุ นั หรือไม่ อย่างไร

ขนั้ สอน ๔0 นำที

ตวั ชี้วดั ๒. นกั เรียนทบทวนความรูเ้ รือ่ ง การอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ

ท ๑.๑ ม.๔/๒ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม อ่านบทร้อยกรอง เร่ือง ไหมแท้ที่แม่ทอ ของ
ท ๑.๑ ม.๔/๙
ตคี วาม แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่าน ไพวรนิ ทร์ ขาวงาม
มมี ารยาทในการอา่ น
๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปการแปลความ ตีความ และขยายความ

ตวั แทนกล่มุ ออกมานาเสนอหน้าช้นั เรยี น

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๕. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกบั การอนุรักษว์ ัฒนธรรมท้องถิ่น เชน่ การทอผ้า
K อธบิ ายหลกั การอา่ นแปลความ ตีความ และขยายความ
ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที

๖. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้

P แปลความ ตีความ และขยายความบทรอ้ ยกรอง ส่ือการเรยี นรู้

A เห็นความสาคัญของการอ่านแปลความ ตีความ และขยาย ๑. แผนภมู ิบทร้อยกรอง “ละครโรงใหญ”่ และ “ไหมแท้ทแ่ี ม่ทอ”
ความเพ่ือเพ่มิ พนู ความรู้ในชีวิตประจาวนั ๒. พจนานกุ รม

สาระสาคญั การวัดและประเมนิ ผล

การอ่านแปลความ ตีความ และขยายความบทร้อยกรอง - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
ต้องทราบความหมายของคาศพั ทจ์ งึ จะเข้าใจเน้ือความได้ถูกต้อง และ - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ
สามารถเชอ่ื มโยงกับชีวิตจรงิ ได้ - ตรวจผลงานของนกั เรยี น

สมรรถนะของผู้เรยี น บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทีม ................................................................................................................
- การคิดขัน้ สงู - การเป็นพลเมอื งท่ีเขม้ แข็ง ................................................................................................................
- การส่ือสาร - การอย่รู ่วมกับวทิ ยาการอย่างย่ังยนื ................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

ลงชื่อ………….…………………..ครูผูส้ อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผ้อู ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นทบทวนเร่ือง การอ่านแปลความ ตคี วาม และขยายความบทร้อยแกว้

และบทร้อยกรอง ร่วมกันบอกวิธีการท่ียงั ไมเ่ ข้าใจ ครเู ป็นผู้อธบิ ายเพม่ิ เติม

ขั้นสอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรวู้ ิชำภำษำไทย ๒. นกั เรยี นร่วมกันสนทนาเก่ยี วกับลักษณะของเรื่องส้ัน ครูยกตัวอย่างเรื่องส้ันที่

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ นา่ อ่าน เล่าเรอื่ งยอ่ และประเดน็ ของเร่ืองท่ีนา่ สนใจ

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๑ เร่อื ง อกั ษรำนิทัศน์ เวลำ ๖ ชัว่ โมง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม นาเร่ืองสั้นที่ครูให้เตรียมมา กลุ่มละ ๑ เร่ือง

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๖ เวลำ ๑ ชวั่ โมง แลว้ ทากิจกรรม ดงั น้ี

เร่ือง กำรอำ่ นแปลควำม ตคี วำม และขยำยควำมเรือ่ งสัน้ ๑) อ่านเรอื่ งสัน้ อยา่ งพจิ ารณา

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๒) หาความหมายของคาศัพท์ยากจากบริบท หรือพจนานกุ รม

๓) สรุปใจความสาคญั ของเรอื่ งท้ังหมด

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔) บอกขอ้ คิดท่ีได้รบั

มาตรฐาน ท ๑.๑ ๕) ตีความเรอ่ื งทอี่ า่ น
ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสยั รักการอ่าน ๖) วิเคราะห์การสะท้อนสภาพสังคม แล้วเชื่อมโยงกับเหตุการณ์

ปจั จุบัน

จากนน้ั เขียนสรุปการอา่ นแปลความ ตีความ และขยายความ

ตวั ชวี้ ดั ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอเนื้อเรื่องด้วยการแสดงบทบาทสมมุติ

ท ๑.๑ ม.๔/๒ แลว้ จงึ พูดรายงานผลการตีความและขยายความของกลุ่ม เมื่อจบการรายงานครู
ท ๑.๑ ม.๔/๙
ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองท่ีอ่าน และนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เพิ่มเตมิ
มมี ารยาทในการอา่ น
ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

๕. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้

จุดประสงค์การเรยี นรู้ เรื่องสั้นเป็นงานเขียนท่ีมักแฝงแนวคิดไว้ให้ผู้อ่านค้นหาและตีความ
K สรปุ หลกั การแปลความ ตีความ และขยายความ
โดยสะทอ้ นผา่ นตวั ละครหรอื เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ซ่ึงผอู้ ่านตอ้ งวิเคราะห์รายละเอียด

ของเน้ือเรื่อง และใช้ประสบการณ์ของตนเองช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน

แปลความ ตีความ และขยายความ

P แปลความ ตคี วาม และขยายความเรอ่ื งสน้ั สือ่ การเรยี นรู้

A เห็นความสาคัญของการอ่านแปลความ ตีความ และขยาย ๑. เร่อื งส้ัน
ความเพือ่ เพม่ิ พูนความร้ใู นชวี ิตประจาวนั
การวัดและประเมนิ ผล
สาระสาคญั
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
เร่ืองส้ันเป็นงานเขียนท่ีมักแฝงแนวคิดไว้ให้ผู้อ่านค้นหา - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
และตีความ โดยสะท้อนผ่านตัวละครหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้อ่าน - ตรวจผลงานของนกั เรียน
ต้องวเิ คราะหร์ ายละเอียดของเน้อื เรือ่ ง และใชป้ ระสบการณข์ องตนเอง
ชว่ ยเพิม่ ประสทิ ธภิ าพในการอา่ นแปลความ ตีความ และขยายความ บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

สมรรถนะของผเู้ รยี น ................................................................................................................
................................................................................................................
- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทีม ................................................................................................................
- การคดิ ข้นั สงู - การเป็นพลเมอื งทีเ่ ขม้ แข็ง ................................................................................................................
- การสื่อสาร - การอยู่รว่ มกบั วทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื ................................................................................................................

ลงชอื่ ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หัวหน้ำงำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่
เรื่อง ปฏพิ ทั ธ์งานเขียน

เวลา ๕ ชว่ั โมง

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดังนี้

- เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งเขียนบันทึกความรู้

ข้นั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เรอื่ ง การเขยี นบนั ทกึ ความรู้ แลว้ รว่ มกนั สรุปความเขา้ ใจ

ช้นั มัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ครเู ป็นผ้อู ธิบายเพ่มิ เตมิ

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๒ เรอ่ื ง ปฏพิ ทั ธง์ ำนเขียน เวลำ ๕ ชว่ั โมง ๓. นกั เรียนแบง่ กลุม่ ๖ กลมุ่ อ่านส่อื ส่ิงพิมพ์ทคี่ รกู าหนดกลุ่มละ ๑ ประเภท

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๗ เวลำ ๑ ชั่วโมง แล้วชว่ ยกันเขยี นบนั ทึกความรู้

เรอ่ื ง กำรเขียนบันทกึ ควำมร้จู ำกกำรอ่ำน กลุ่มที่ ๑ หนังสอื พิมพ์ (ความรูเ้ กยี่ วกับวทิ ยาการใหม่ ๆ)

ครูผสู้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ กลมุ่ ที่ ๒ ตารา (ความรู้เกย่ี วกบั การสง่ เสริมวัฒนธรรมไทย)

กลุ่มที่ ๓ วารสาร (ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการดาเนินชีวิตอย่าง

มาตรฐานการเรยี นรู้ พอเพยี ง)

มาตรฐาน ท ๒.๑ กลุ่มท่ี ๔ นิตยสาร (ความรู้เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใน
ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนส่อื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียน
เรอื่ งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศ และรายงาน การดาเนินชีวิตเพือ่ ช่วยลดภาวะโลกร้อน)
การศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
กลุ่มที่ ๕ โปสเตอร์ (ความรู้เก่ียวกับละครเวที ภาพยนตร์ หรือศิลปะ

แขนงตา่ ง ๆ)

กลุ่มท่ี ๖ แผ่นพบั (ความร้เู กย่ี วกับสขุ อนามัย)

ตวั ช้ีวัด ตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอความรู้ที่เขียนบันทึกหน้าชั้นเรียน

ท ๒.๑ ม.๔/๔ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และใหข้ ้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ท ๒.๑ ม.๔/๕
ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ ๔. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการเขียนบันทึกความรู้จาก
ท ๒.๑ ม.๔/๗ ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนามาพัฒนา
งานเขยี นของตนเอง การอา่ นและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา จากนน้ั เขยี นสรุปเปน็ แผนภาพความคดิ
ท ๒.๑ ม.๔/๘ บนั ทกึ การศึกษาคน้ ควา้ เพอ่ื นาไปพัฒนาตนเอง
อยา่ งสมา่ เสมอ ๕. นกั เรียนทาใบงานที่ ๑๗ เร่อื ง การเขียนบนั ทึกความรจู้ ากการอา่ นแลว้ ร่วมกัน
มมี ารยาทในการเขียน
ประเมินผลงาน

ข้ันสรปุ ๑๐ นำที

๖. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้

จุดประสงค์การเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้

K อธิบายหลกั การและรปู แบบการเขยี นบนั ทึกความรู้ ๑. สอ่ื ส่ิงพิมพ์ประเภทหนังสือพิมพ์ ตารา วารสาร นติ ยสาร โปสเตอร์ แผ่นพบั
๒. กระดาษสาหรับทากิจกรรม
๓. ใบงาน

P เขยี นบันทึกความรจู้ ากการอา่ น การวดั และประเมนิ ผล

- เห็นความสาคัญของการเขียนบันทึกความรู้จากการอ่าน - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
A เพอ่ื นาไปพัฒนาตนเอง - ตรวจผลงานของนกั เรยี น

- มมี ารยาทในการเขียนบนั ทกึ ความรู้ บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

สาระสาคัญ ................................................................................................................
................................................................................................................
การเขียนบันทึกความรู้จากการอ่านเป็นการเขียนสรุป ................................................................................................................
ความรู้ที่ได้จากการอ่าน ซ่ึงผู้เขียนต้องมีทักษะในการจับใจความ
การเขียนบันทึกความรู้ได้ดีทาให้มีประโยชน์ต่อการเรียนและการ
นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั

สมรรถนะของผเู้ รยี น ลงช่ือ………….…………………..ครผู สู้ อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทีม ตำแหน่ง ครู คศ.๑
- การคิดขัน้ สงู - การเป็นพลเมอื งทเ่ี ข้มแขง็
- การสื่อสาร - การอยู่ร่วมกับวทิ ยาการอย่างยงั่ ยนื ลงชื่อ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นักเรียนฟังข่าวจากแถบบันทึกเสียงหรือครูอ่านให้ฟัง แล้วอ่านข้อความจาก

แถบข้อความท่ีเป็นเน้ือหาจากเรื่องท่ีฟัง และร่วมกันบอกว่าข้อความน้ันถูกต้อง

หรอื ไม่ จากน้ันร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการจับใจความจากเร่อื งที่ฟัง

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ขน้ั สอน ๔0 นำที

ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรียนทบทวนความรู้เร่ือง การเขียนบันทึกความรู้ แล้วร่วมกันสนทนาใน

หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรื่อง ปฏพิ ทั ธ์งำนเขียน เวลำ ๕ ชว่ั โมง ประเด็นต่อไปนี้

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๘ เวลำ ๑ ช่ัวโมง - การเขียนบนั ทกึ ความรู้แตกต่างจากบนั ทึกอื่น ๆ อย่างไร

เร่อื ง กำรเขียนบนั ทกึ ควำมร้จู ำกกำรฟงั และดู - การเขยี นบนั ทกึ ความรแู้ ตกตา่ งจากการเขียนยอ่ ความอยา่ งไร

ครผู สู้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ - การเขียนบันทกึ ความรู้มปี ระโยชน์ตอ่ การเรียนของนกั เรยี นอย่างไร

๓. นักเรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ ๓-๔ คน ฟังบทสมั ภาษณบ์ ุคคลท่ีมีช่ือเสียงจากแถบ

มาตรฐานการเรยี นรู้ บนั ทกึ เสยี ง วีซดี ี หรอื ทางอินเทอร์เนต็ ท่คี รนู ามาหรอื มอบหมายใหน้ กั เรียนไปชม

มาตรฐาน ท ๒.๑ รายการโทรทัศน์นอกเวลาเรยี น แลว้ ตอบคาถาม เชน่
ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน
เรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศ และรายงาน ๑) ผ้ถู กู สัมภาษณ์เปน็ ใคร
การศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ
๒) เขาทาอาชพี อะไร

๓) ในชีวติ ของเขามีเหตกุ ารณส์ าคัญใดบ้าง

๔) เขามชี ่อื เสียงไดอ้ ย่างไร

ตวั ชว้ี ัด ๕) เขามีแนวทางในการดาเนินชีวติ อย่างไร

ท ๒.๑ ม.๔/๔ จากน้ันเขียนบันทึกความรู้จากการฟังและดู ตัวแทนกลุ่มออกมา
ท ๒.๑ ม.๔/๕
ผลติ งานเขียนของตนเองในรปู แบบตา่ ง ๆ นาเสนอหน้าชัน้ เรยี น ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๔/๗ ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืน แล้วนามาพัฒนา
งานเขยี นของตนเอง ๔. นักเรยี นร่วมกนั บอกขอ้ คิดทไ่ี ด้รับจากการฟงั และดูบทสมั ภาษณ์ และแนวทาง
ท ๒.๑ ม.๔/๘ บนั ทกึ การศกึ ษาคน้ คว้าเพอ่ื นาไปพัฒนาตนเอง
อยา่ งสมา่ เสมอ ในการนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง
มีมารยาทในการเขียน
ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที

๕. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้

K สรุปหลักการและรูปแบบการเขยี นบันทกึ ความรู้ ๑. ข่าว ๔. อินเทอรเ์ นต็
๒. แถบขอ้ ความ ๕. กระดาษสาหรับทากจิ กรรม
P เขยี นบนั ทกึ ความรู้จากการฟงั และดู ๓. แถบบันทกึ เสยี ง/วีซีดี

- เห็นความสาคัญของการเขียนบันทึกความรู้จากการฟัง การวัดและประเมินผล

A และดเู พือ่ นาไปพัฒนาตนเอง - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
- มีมารยาทในการเขียนบนั ทกึ ความรู้ - ตรวจผลงานของนักเรียน

สาระสาคญั บันทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

การเขียนบันทึกความรู้จากการฟังและดูเป็นการเขียน ................................................................................................................
บันทึกสรุปประเด็นที่ได้ฟังและดูเพื่อเป็นการเตือนความจาหรือ ................................................................................................................
เผยแพร่ให้บุคคลอื่นได้รับทราบข้อมูล ซึ่งสามารถนาไปใช้ให้เกิด ................................................................................................................
ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้

สมรรถนะของผ้เู รยี น ลงชื่อ………….…………………..ครูผู้สอน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเป็นทีม ตำแหน่ง ครู คศ.๑
- การคิดขั้นสูง - การเป็นพลเมืองทีเ่ ข้มแข็ง
- การส่อื สาร - การอยรู่ ว่ มกบั วทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื ลงช่อื ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงช่อื .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดังนี้

- การแลกเปล่ียนความรู้กนั มีวิธใี ดบา้ ง

ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนดูตัวอย่างรูปเล่มรายงานวิชาการ แล้วสนทนาเก่ียวกับรูปแบบของ

ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ รายงาน

หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๒ เรอื่ ง ปฏพิ ทั ธง์ ำนเขยี น เวลำ ๕ ช่วั โมง ๓. นักเรยี นศึกษาความร้เู ร่อื ง การเขียนรายงานวิชาการ แล้วร่วมกันสรุปความรู้

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๙ เวลำ ๑ ชั่วโมง ครเู ปน็ ผู้อธบิ ายเพ่มิ เตมิ

เร่อื ง ส่วนประกอบของรำยงำนวชิ ำกำร ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม ฝึกเขียนเน้ือหาแต่ละส่วนประกอบของรายงาน

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ดงั น้ี

- หนา้ ปก

มาตรฐานการเรยี นรู้ - คานา

มาตรฐาน ท ๒.๑ - รายการอ้างองิ
ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียน
เร่ืองราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงาน - บรรณานุกรมในรูปแบบของหนังสือเล่ม บทความ และการ
การศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
สมั ภาษณ์

ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ตัวช้ีวัด ๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า การเขียนอ้างอิงแต่ละแบบ

ท ๒.๑ ม.๔/๔ มขี ้อดีแตกตา่ งกนั อย่างไร ครูใหข้ ้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ท ๒.๑ ม.๔/๕
ผลติ งานเขยี นของตนเองในรูปแบบตา่ ง ๆ ๖. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความสาคัญของส่วนประกอบของ
ท ๒.๑ ม.๔/๗ ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนามาพัฒนา
งานเขียนของตนเอง รายงานแต่ละส่วน ครอู ธิบายและใหค้ าแนะนาเพม่ิ เตมิ
ท ๒.๑ ม.๔/๘ บนั ทึกการศกึ ษาค้นควา้ เพือ่ นาไปพัฒนาตนเอง
อยา่ งสม่าเสมอ ขน้ั สรุป ๑๐ นำที
มีมารยาทในการเขียน
๗. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้

ส่อื การเรยี นรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ตัวอย่างรายงานวชิ าการ

K - อธบิ ายความหมายของการเขียนรายงานวชิ าการ การวดั และประเมินผล
- อธิบายสว่ นประกอบของรายงานวิชาการ
- สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
P เขยี นสว่ นประกอบของรายงานวิชาการ (P) - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่
- ตรวจผลงานของนักเรยี น
A เหน็ ความสาคัญของรายงานวชิ าการ

สาระสาคัญ บนั ทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

การเขียนรายงานวิชาการเป็นการเขียนเรื่องราวจาก ................................................................................................................
การศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบและอ้างอิงหลักฐานอย่างมีแบบแผน ................................................................................................................
แน่นอน ประกอบด้วยหน้าปก คานา สารบัญ เนื้อหา รายการอ้างอิง ................................................................................................................
บรรณานกุ รม และภาคผนวก การเขียนรายงานวิชาการโดยมีรูปแบบ ................................................................................................................
ถูกต้อง ทาให้รายงานนัน้ มคี วามน่าเชอื่ ถือ และสามารถนาไปอ้างอิงได้ ................................................................................................................
อยา่ งถูกต้อง
ลงช่ือ………….…………………..ครผู สู้ อน
สมรรถนะของผ้เู รยี น (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทมี ลงชอ่ื ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................
- การคิดข้ันสงู - การเปน็ พลเมืองที่เขม้ แข็ง
- การสื่อสาร - การอยูร่ ว่ มกับวทิ ยาการอย่างยงั่ ยนื (นำยรัชภมู ิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศักด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดังนี้

- การทางานอยา่ งมขี ้ันตอนมปี ระโยชน์อยา่ งไร

ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนศกึ ษาความรู้เรอื่ ง ข้นั ตอนการเขียนรายงานวิชาการ แล้วรว่ มกันสรปุ

ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ความเข้าใจ ครเู ป็นผอู้ ธบิ ายเพมิ่ เติม

หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๒ เรอ่ื ง ปฏพิ ทั ธง์ ำนเขียน เวลำ ๕ ชัว่ โมง ๓. นักเรียนร่วมกันเรียงลาดับข้ันตอนการเขียนรายงานจากแถบข้อความท่ีครู

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๑๐ เวลำ ๑ ชว่ั โมง กาหนดให้

เรื่อง ขัน้ ตอนกำรเขยี นรำยงำนวิชำกำร เป็นแผนภาพความคดิ

ครูผสู้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม เขียนรายงานวิชาการในหัวข้อที่ครูกาหนด ดังน้ี

กลมุ่ ๑ การออกกาลังกายกับการรกั ษาโรค

มาตรฐานการเรยี นรู้ กลมุ่ ๒ การอนุรักษ์ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน

มาตรฐาน ท ๒.๑ กล่มุ ๓ วัยรุ่นกบั การใชอ้ นิ เทอร์เน็ต
ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียน
เรื่องราวในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงาน กลุ่ม ๔ การถ่ายทอดวฒั นธรรมเกาหลีผา่ นทางภาพยนตร์เกาหลี
การศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ
กลุ่ม ๕ การแสดงออกทางความรกั ของวัยร่นุ ผา่ นเนอ้ื เพลง

โดยในชวั่ โมงน้ี ให้นกั เรยี นประชมุ กลุ่มเพ่ือเขยี นโครงร่างรายงานแล้ว

ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องและ

ตัวชีว้ ัด ให้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ (สาหรับผลการเขียนรายงานวิชาการให้แต่ละกลุ่มนาเสนอ

ท ๒.๑ ม.๔/๔ ในสัปดาหถ์ ดั ไป หรอื ตามความเหมาะสมท่ีตกลงร่วมกนั
ท ๒.๑ ม.๔/๕
ผลิตงานเขยี นของตนเองในรปู แบบต่าง ๆ ข้ันสรุป ๑๐ นำที
ท ๒.๑ ม. ๔/๗ ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืน แล้วนามาพัฒนา
งานเขียนของตนเอง ๕. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้
ท ๒.๑ ม.๔/๘ บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพื่อนาไปพฒั นาตนเอง
อย่างสม่าเสมอ สอื่ การเรยี นรู้
มมี ารยาทในการเขียน
๑. แถบขอ้ ความ
๒. กระดาษสาหรบั ทากจิ กรรม

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

K อธิบายขนั้ ตอนการเขยี นรายงานวชิ าการ การวดั และประเมินผล
P เขียนโครงรา่ งรายงานวิชาการ
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนักเรยี น

A เห็นความสาคัญของการเขียนรายงานวิชาการอย่างมี บันทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั ตอน ................................................................................................................
................................................................................................................
สาระสาคัญ ................................................................................................................
................................................................................................................
การเขยี นรายงานวิชาการอย่างมีขั้นตอนเป็นการจัดระบบ ................................................................................................................
ความคิด ทาให้การค้นคว้า หาข้อมูลเป็นระบบ ตรงตามจุดประสงค์
ของรายงาน และทาให้รายงานนั้นมีคุณค่าเหมาะสมแก่การนาไปใช้
อ้างองิ

สมรรถนะของผู้เรยี น ลงช่อื ………….…………………..ครผู ูส้ อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี ตำแหน่ง ครู คศ.๑
- การคดิ ขนั้ สูง - การเป็นพลเมอื งท่เี ข้มแขง็
- การสอ่ื สาร - การอย่รู ่วมกบั วทิ ยาการอย่างย่งั ยนื ลงชื่อ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ประสบการณท์ ี่ไดจ้ ากการไปทางานกลุ่ม

ข้ันสอน ๔0 นำที

๒. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอรายงานวชิ าการท่ีไดศ้ ึกษาค้นคว้ามา

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้วู ิชำภำษำไทย ๓. นักเรียนร่วมกันซักถามแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเพ่ิมเติม ครูและ

ชัน้ มัธยมศึกษำปที ี่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ ผลงาน

หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ เร่อื ง ปฏิพทั ธ์งำนเขียน เวลำ ๕ ชั่วโมง ๔. นักเรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับปัญหาในการทารายงานและเขียน

แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๑๑ เวลำ ๑ ชั่วโมง แนวทางแก้ไขเป็นแผนภาพความคดิ

เร่อื ง กำรเขยี นรำยงำนวชิ ำกำร ๕. นักเรยี นรว่ มกันสรปุ ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการเขียนรายงานวชิ าการ

ครูผูส้ อน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที

6. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้

มาตรฐานการเรยี นรู้ การเขยี นรายงานวิชาการทีถ่ ูกต้อง ต้องนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้า

มาตรฐาน ท ๒.๑ อย่างมรี ะบบและอ้างอิงหลักฐานชดั เจน จงึ จะเป็นรายงานวิชาการท่ีดี น่าเช่ือถือ
ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียน
เรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศ และรายงาน และสามารถนาไปใช้อา้ งองิ ได้
การศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ
สอ่ื การเรยี นรู้
ตวั ชวี้ ัด ผลิตงานเขยี นของตนเองในรปู แบบต่าง ๆ
ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนามาพัฒนา ๑. ตวั อย่างรายงานวชิ าการ
ท ๒.๑ ม.๔/๔ งานเขยี นของตนเอง
ท ๒.๑ ม.๔/๕ บนั ทึกการศึกษาคน้ ควา้ เพ่ือนาไปพฒั นาตนเอง การวดั และประเมินผล
อย่างสมา่ เสมอ
ท ๒.๑ ม.๔/๗ มีมารยาทในการเขียน - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
ท ๒.๑ ม.๔/๘ - ตรวจผลงานของนักเรียน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ บนั ทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

K สรปุ ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการเขียนรายงานวชิ าการ ................................................................................................................
................................................................................................................
P เขยี นรายงานวิชาการ ................................................................................................................
................................................................................................................
A เห็นความสาคัญของการเขียนรายงานวิชาการที่สามารถ ................................................................................................................
นามาใช้เพิ่มพนู ความรู้

สาระสาคัญ

การเขียนรายงานวิชาการที่ถูกต้อง ต้องนาเสนอผล
การศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบและอ้างอิงหลักฐานชัดเจน จึงจะเป็น
รายงานวิชาการทดี่ ี น่าเช่ือถือ และสามารถนาไปใชอ้ ้างอิงได้

สมรรถนะของผเู้ รยี น ลงช่ือ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทมี ตำแหน่ง ครู คศ.๑
- การคดิ ข้ันสูง - การเป็นพลเมอื งที่เขม้ แข็ง
- การส่ือสาร - การอยรู่ ว่ มกบั วทิ ยาการอย่างย่งั ยนื ลงช่ือ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่
เรื่อง พากเพยี ร ฟัง ดู พูด

เวลา ๒ ช่ัวโมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดงั น้ี

- การพูดเป็นส่วนหนึ่งของความสาเร็จในชวี ิตจรงิ หรอื ไม่

ข้นั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วชิ ำภำษำไทย ๒. นกั เรียนบอกช่อื บคุ คลท่ีมีความสามารถในการพดู แลว้ นกั เรยี นชอบฟัง จากนัน้

ช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันบอกคณุ ลักษณะของผู้พูด แล้วบันทกึ เปน็ แผนภาพความคิดบน

หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๓ เร่ือง พำกเพยี ร ฟงั ดู พูด เวลำ ๒ ช่ัวโมง กระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนพิจารณาตนเองว่ามคี ณุ ลักษณะใดบ้างท่ตี รงบนกระดาน

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑๒ เวลำ ๑ ชัว่ โมง ๓. นกั เรียนศึกษาความรู้เร่ือง คุณลักษณะของผู้พูด หลักการพูด และการพูดให้

เรอ่ื ง พดู ดีเพรำะเตรียมพร้อม สมั ฤทธผิ ล แลว้ รว่ มกนั สรุปความเข้าใจ ครูเปน็ ผ้อู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๔. ครแู บง่ กลุ่มนักเรียนกล่มุ ละ ๕-๖ คน โดยคิดหวั ขอ้ เร่อื งที่จะพดู ใหเ้ พือ่ น ๆ ฟัง

ซึง่ ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามหลกั การพูด ดังน้ี

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๑) วิเคราะหผ์ ฟู้ ัง ๓) โอกาส

มาตรฐาน ท ๓.๑ ๒) เวลา ๔) การเตรยี มเร่อื งท่จี ะพูด
สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคิดและความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและ ๕. ให้ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอว่าจะพูดหัวข้อใด จากนั้นให้นักเรียนแสดง
สรา้ งสรรค์
ความคิดเห็นแล้วเลือกหัวข้อที่เห็นด้วยมากที่สุดกลุ่มใดได้รับการเลือกมากท่ีสุด

จะนาหวั ข้อมาใช้ในการประกวดการพดู ในระดับชนั้

๖. ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ท่ีมีประโยชน์ จากน้ันให้

ตัวชี้วดั นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่ารายการเหล่าน้ันมีจุดมุ่งหมายอย่างไร โดยครูสรุป

ท ๓.๑ ม.๔/๕ จดุ มุง่ หมาย ดงั นี้

ท ๓.๑ ม.๔/๖ พูดในโอกาสตา่ ง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โตแ้ ย้ง ๑) เพือ่ ใหค้ วามรู้ ๒) เพอื่ จรรโลงใจ ๓) เพื่อโน้มนา้ วใจ
โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคิดใหม่ดว้ ยภาษา
ถกู ตอ้ ง เหมาะสม ๗. นกั เรียนยกตัวอย่างรายการท่ีนกั เรยี นชน่ื ชอบจะเปน็ รายการวทิ ยหุ รอื โทรทศั น์
มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด
ก็ได้แล้วช่วยกันบอกว่าแต่ละรายการมีจุดมุ่งหมายในการพูดเพื่ออะไร ซึ่งแต่ละ

รายการอาจมีมากกวา่ หน่งึ จดุ มุ่งหมายซงึ่ ครูจะช่วยอธบิ าย

ขั้นสรปุ ๑๐ นำที

๘. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้

K - อธิบายคุณลักษณะของผพู้ ูด ๑. รายการวิทยุและโทรทัศน์
- อธบิ ายหลกั การพดู

P วิเคราะห์บริบทในการพดู การวดั และประเมนิ ผล

A เหน็ ความสาคัญของการพดู - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น

สาระสาคญั บนั ทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ผู้พูดท่ีมีการเตรียมตัว รู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง และพูดได้ ................................................................................................................
เหมาะสมกับเวลาและโอกาสจะทาให้การพูดสมั ฤทธิผล ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผเู้ รยี น

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเป็นทีม ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผ้สู อน
- การคดิ ขั้นสูง - การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง (นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- การสอ่ื สาร - การอยู่รว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งยั่งยนื ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดังนี้

- นักเรยี นมีความคดิ เห็นอย่างไรกับขอ้ ความที่วา่ คำพดู ฆ่ำคนได้

ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรูว้ ิชำภำษำไทย ๒. นักเรยี นชว่ ยกันหาสานวนไทยทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการพูด เชน่

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ น้าทว่ มทุ่ง ผกั บ้งุ โหรงเหรง ปากหอยปากปู

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรอื่ ง พำกเพยี ร ฟงั ดู พูด เวลำ ๒ ชัว่ โมง ฆ้องปากแตก พดู ดเี ปน็ ศรีแก่ปาก

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑๓ เวลำ ๑ ช่วั โมง พดู เปน็ ต่อยหอย พูดไปสองไพเบยี้ นิ่งเสียตาลึงทอง

เรือ่ ง พดู ดเี ป็นศรีแกป่ ำก จากนั้นใหน้ ักเรียนวเิ คราะห์ สานวนท่สี อนเกยี่ วกับการพูดท่ีดีและการ

ครผู ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ พดู ทไี่ ม่ดี

๓. นักเรียนช่วยกันบอกมารยาทการพูด บันทึกเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การพูดในชีวิตประจาวัน แล้วร่วมกันสรุปความ

มาตรฐาน ท ๓.๑ เข้าใจ ครูเป็นผู้อธบิ ายเพ่มิ เติม
สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคิดและความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและ ๕. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน จับฉลากเพ่ือแสดงบทบาทสมมุติใน
สร้างสรรค์
สถานการณ์ ตอ่ ไปน้ี

- การทกั ทายปราศรัยกับผูท้ ่รี จู้ ักคุ้นเคย และผู้ท่ียังไมเ่ คยรจู้ ักมาก่อน

- การแนะนาตนเองในท่สี าธารณะ

ตวั ชวี้ ดั - การแนะนาตนเองในการทากิจธรุ ะ

ท ๓.๑ ม.๔/๕ - การแนะนาตนเองในกลุ่มย่อย

ท ๓.๑ ม.๔/๖ พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ พดู แสดงทรรศนะ โต้แยง้ - การสนทนาระหว่างบุคคลทีค่ ้นุ เคยกัน
โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคดิ ใหมด่ ว้ ยภาษา
ถูกต้อง เหมาะสม - การสนทนากบั บุคคลแรกร้จู กั
มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู
- การเล่าเหตกุ ารณท์ ป่ี ระสบมาให้ผ้อู ืน่ ฟงั แลกเปลยี่ นกัน

เมื่อชมการแสดงบทบาทสมมุติของแต่ละกลุ่ม ให้ทุกคนร่วมกัน

แสดงความคดิ เห็นจากสถานการณข์ องเรอื่ ง

ขั้นสรุป ๑๐ นำที

๖. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปความรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้

K อธบิ ายการพูดในชวี ิตประจาวัน ๑. ฉลากสถานการณ์

P พดู ในโอกาสต่าง ๆ การวดั และประเมินผล

A เห็นความสาคัญของการพูดในโอกาสต่าง ๆ อย่าง - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม
เหมาะสม - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น

สาระสาคัญ บันทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

การพูดในชีวิตประจาวัน แบ่งเป็นการพูดระหว่างบุคคล ................................................................................................................
และการพูดในกลุ่ม การพูดดังกล่าวต้องคานึงถึงมารยาทในการพูด ................................................................................................................
ควรหลกี เลีย่ งการพดู ท่ที าให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ................................................................................................................

สมรรถนะของผูเ้ รยี น ลงชื่อ………….…………………..ครูผ้สู อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทีม ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- การคดิ ข้นั สงู - การเป็นพลเมอื งท่เี ข้มแข็ง
- การสอื่ สาร - การอยูร่ ว่ มกบั วทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื ลงช่ือ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่อื .........................................

(นำยรชั ภมู ิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

๔หน่วยการเรียนร้ทู ี่

เรื่อง พหูสตู หลกั ภาษา

เวลา ๑๒ ช่ัวโมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนฟังข่าวในพระราชสานักจากวิทยุ อินเทอร์เน็ต หรือครูบันทึกลงใน

แถบบันทึกเสียงแล้วนามาเปิดให้นักเรียนฟัง จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันบอก

คาราชาศพั ทท์ ่ีใช้ในขา่ ว ครบู ันทกึ คาเหล่าน้นั บนกระดาน

แผนกำรจดั กำรเรียนรูว้ ชิ ำภำษำไทย ข้นั สอน ๔0 นำที

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่าคาราชาศัพท์เหล่านั้นถูกต้องหรือไม่ และมี

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๔ เรอื่ ง พหสู ตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ช่วั โมง ความหมายว่าอย่างไร

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑๔ ๓. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง ราชาศัพท์ แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครูเป็นผู้

เรอื่ ง รำชำศพั ท์ เวลำ ๑ ชวั่ โมง อธิบายเพ่ิมเตมิ

ครผู สู้ อน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๔. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ๓ กล่มุ เพ่อื รวบรวมคาราชาศพั ท์จากหนังสอื พิมพ์ ดังน้ี

กลมุ่ ที่ ๑ รวบรวมคานามราชาศัพท์

มาตรฐานการเรยี นรู้ กลุ่มท่ี ๒ รวบรวมคาสรรพนามราชาศพั ท์

มาตรฐาน ท ๔.๑ กลุม่ ที่ ๓ รวบรวมคากรยิ าราชาศัพท์
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ พร้อมทั้งบอกความหมาย จากนั้นออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน
เป็นสมบัติของชาติ
ครูและนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง

๕. นักเรียนทาใบงานที่ ๑๑ เร่ือง การใช้คาราชาศัพท์ แล้วร่วมกันตรวจสอบ

ความถูกต้อง

ตวั ช้วี ดั ๖. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม เขียนข่าวในพระราชสานัก ๑ ข่าว โดยให้มีคา

ท ๔.๑ ม.๔/๓ ราชาศพั ท์ อยา่ งนอ้ ย ๕ คา ออกมานาเสนอหน้าชน้ั เรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ใช้ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ และ ตรวจสอบความถูกต้อง
บุคคล รวมท้ังคาราชาศพั ท์อยา่ งเหมาะสม
ขั้นสรุป ๑๐ นำที

7. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้

จุดประสงค์การเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้

K อธิบายความหมายของคาราชาศัพท์ ๑. หนังสือพมิ พ์ ๔. แถบบนั ทกึ เสียง
๒. วิทยุ ๕. ใบงาน
P ใช้คาราชาศพั ทอ์ ย่างเหมาะสม ๓. อินเทอรเ์ นต็

A เห็นความสาคัญของการใช้คาราชาศัพท์ให้เหมาะสมแก่ การวดั และประเมินผล
โอกาส กาลเทศะ และบคุ คล
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม
สาระสาคัญ - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนกั เรียน
คาราชาศัพท์เป็นคาเฉพาะท่ีใช้กับบุคคลท่ีมีฐานะต่าง ๆ
แบ่งเป็น คานามราชาศัพท์ คาสรรพนามราชาศัพท์ และคากริยา บนั ทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ราชาศัพท์ การเข้าใจคาราชาศัพท์สามารถนาคาราชาศัพท์ไปใช้ได้
อยา่ งเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบคุ คล ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น ................................................................................................................
................................................................................................................
- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทีม ................................................................................................................
- การคิดขั้นสงู - การเป็นพลเมอื งที่เข้มแข็ง
- การสือ่ สาร - การอยรู่ ว่ มกับวทิ ยาการอย่างยงั่ ยนื ลงชื่อ………….…………………..ครูผู้สอน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนอา่ นบทร้อยกรองจากแผนภมู ทิ ่ีครตู ดิ บนกระดาน แล้วช่วยกันอธิบาย

ความหมาย และฉนั ทลักษณ์ของบทรอ้ ยกรองตามทสี่ ังเกตได้

ปลากรายวา่ ยเคยี งคู่ เคลา้ กนั อยดู่ งู ามดี

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย แต่นางหา่ งเหนิ พ่ี เหน็ ปลาเคลา้ เศร้าใจจร

ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ กาพย์เห่เรือ : เจา้ ฟ้าธรรมธิเบศร

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เรอื่ ง พหูสตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชัว่ โมง ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๑๕ ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เร่อื ง หลกั การแต่งกาพย์ยานี ๑๑ แล้วร่วมกันสรุปความ

เรอื่ ง หลักกำรแตง่ กำพยย์ ำนี ๑๑ เวลำ ๑ ช่ัวโมง เขา้ ใจ ครเู ปน็ ผู้อธิบายเพ่มิ เตมิ

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน แข่งขันต่อคาประพันธ์ประเภท

กาพย์ยานี ๑๑ กลมุ่ ละ ๑ วรรค โดยวรรคแรกครูเปน็ ผู้กาหนด เชน่

มาตรฐานการเรยี นรู้ “สองมือเล้ียงลกู มา”

มาตรฐาน ท ๔.๑ “ขนุ เขาเขียวขจี”
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ ๔. นักเรียนทาชน้ิ งานท่ี ๑ เรอ่ื ง การแตง่ กาพย์ยานี ๑๑ ครูตรวจสอบผลงานของ
เป็นสมบัติของชาติ
นักเรยี นเป็นรายบคุ คล แล้วคดั เลือกผลงานท่ีน่าชนื่ ชมมาจัดแสดงบนปา้ ยนิเทศ

ข้นั สรปุ ๑๐ นำที

๕. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้

ตัวชีว้ ัด กาพยย์ านี ๑๑ หนึ่งบทมี ๔ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คา วรรคหลังมี ๖

ท ๔.๑ ม.๔/๔ คา มที ั้งสัมผัสนอกและสัมผัสใน การเข้าใจหลักการแต่งบทร้อยกรอง ทาให้แต่ง

แตง่ บทร้อยกรอง บทร้อยกรองไดไ้ พเราะและได้ใจความ

จุดประสงค์การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้
K อธบิ ายหลักการแตง่ กาพยย์ านี ๑๑
P แต่งกาพย์ยานี ๑๑ ๑. แผนภูมบิ ทรอ้ ยกรอง
A เหน็ คุณคา่ ของกาพย์ยานี ๑๑ ซง่ึ เปน็ ภมู ิปญั ญาทางภาษา
การวดั และประเมนิ ผล
สาระสาคัญ
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
กาพย์ยานี ๑๑ หนึ่งบทมี ๔ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คา - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
วรรคหลงั มี ๖ คา มีทัง้ สัมผสั นอกและสัมผัสใน การเขา้ ใจหลักการแต่ง - ตรวจผลงานของนกั เรยี น
บทรอ้ ยกรองทาให้แตง่ บทร้อยกรองได้ไพเราะและได้ใจความ
บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
สมรรถนะของผูเ้ รยี น
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม ลงช่ือ………….…………………..ครผู ้สู อน
- การคดิ ขัน้ สูง - การเป็นพลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
- การสื่อสาร - การอยู่ร่วมกบั วทิ ยาการอยา่ งยั่งยนื ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชือ่ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนช่วยกันเรียงแถบประโยคท่ีครูกาหนดให้เป็นบทร้อยกรองท่ีถูกต้อง

ดังนี้

ข้าขอนบไหว้บชู า บิดรมารดา ผกู้ อ่ กาเนดิ เกิดตน

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย กตัญญูยึดม่นั กมล พระคุณลน้ พ้น เปรยี บดุจมหาสาครนิ ทร์

ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ ท่ีมา : นทิ านทศชาติคากาพย์ ของ ฐะปะนยี ์ นาครทรรพ

หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เรือ่ ง พหสู ูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑๖ ๒. นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมาย และฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองตามที่

เรอื่ ง หลกั กำรแต่งกำพย์ฉบงั ๑๖ เวลำ ๑ ชัว่ โมง สงั เกตได้

ครูผู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ๓. นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เรื่อง หลกั การแต่งกาพยฉ์ บัง ๑๖ แล้วร่วมกันสรุปความ

เข้าใจ ครเู ปน็ ผอู้ ธิบายเพมิ่ เติม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน แต่งกาพย์ฉบัง ๑๖ กลุ่มละ ๒ บท

มาตรฐาน ท ๔.๑ ในหัวข้อท่ีสนใจ แล้วออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ ประเมนิ ผลงาน จากนนั้ คัดเลือกผลงานดเี ดน่ นามาจดั แสดงบนปา้ ยนเิ ทศ
เป็นสมบัตขิ องชาติ
๕. นกั เรยี นทาชิ้นงานที่ ๒ เรอื่ ง การแตง่ กาพย์ฉบงั ๑๖ ครูตรวจสอบผลงานของ

นักเรียนเปน็ รายบุคคล

ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที

ตวั ช้วี ดั ๖. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้

ท ๔.๑ ม.๔/๔ แตง่ บทร้อยกรอง สือ่ การเรยี นรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. แถบประโยค

K อธิบายหลกั การแตง่ กาพยฉ์ บัง ๑๖ การวัดและประเมนิ ผล
P แตง่ กาพยฉ์ บัง ๑๖
A เหน็ คณุ ค่าของกาพย์ฉบงั ๑๖ ซ่งึ เป็นภมู ปิ ญั ญาทางภาษา - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
สาระสาคญั - ตรวจผลงานของนกั เรยี น

กาพย์ฉบัง ๑๖ หนึ่งบทมี ๓ วรรค วรรคที่ ๑ และ ๓ บันทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
มี ๖ คา วรรคท่ี ๒ มี ๔ คา รวมเป็น ๑๖ คา มที งั้ สัมผัสนอกและสัมผสั
ใน การเข้าใจหลักการแต่งบทร้อยกรอง ทาให้แต่งบทร้อยกรองได้ ................................................................................................................
ไพเราะและได้ใจความ ................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

สมรรถนะของผู้เรยี น

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม ลงชือ่ ………….…………………..ครผู สู้ อน
- การคิดข้ันสงู - การเปน็ พลเมืองท่เี ข้มแข็ง (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
- การสอ่ื สาร - การอยูร่ ่วมกบั วทิ ยาการอยา่ งยั่งยนื ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงช่อื ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยูก่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนอ่านบทรอ้ ยกรองจากแผนภมู ทิ ่ีครตู ิดบนกระดาน แล้วช่วยกันอธิบาย

ความหมายและฉนั ทลกั ษณ์ของบทรอ้ ยกรองตามที่สังเกตได้

ขอเชิญเดก็ ไทย

แผนกำรจัดกำรเรียนร้วู ิชำภำษำไทย นึกถึงต้นไม้ ในดา้ นคุณค่า

ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ปลกู เพอ่ื ประดบั ตกแตง่ เคหา

หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๔ เรื่อง พหสู ูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง กันแสงสุริยา ดว้ ยเงาร่มเย็น

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑๗ ขั้นสอน ๔0 นำที

เรอื่ ง หลักกำรแต่งกำพย์สรุ ำงคนำงค์ ๒๘ เวลำ ๑ ชัว่ โมง ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง หลักการแต่งกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แล้วร่วมกัน

ครผู ้สู อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ สรปุ ความเข้าใจ ครเู ปน็ ผูอ้ ธิบายเพม่ิ เติม

๓. นักเรยี นแบ่งกล่มุ ๗ กลุม่ ครูแจกแถบประโยคให้กลมุ่ ละ ๓ แถบ แล้วช่วยกัน

มาตรฐานการเรยี นรู้ นามาเรียงเปน็ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ที่ถูกต้อง อ่านออกเสียงพร้อมกัน จากนั้น

มาตรฐาน ท ๔.๑ สงั เกตการเลอื กใชค้ าและสมั ผสั
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ ๔. นักเรียนทาช้ินงานท่ี ๓ เรื่อง การแต่งกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ครูตรวจสอบ
เปน็ สมบตั ขิ องชาติ
ผลงานของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล แล้วคัดเลือกผลงานที่น่าชื่นชมมาจัดแสดงบน

ปา้ ยนิเทศ

ข้นั สรุป ๑๐ นำที

ตัวชี้วัด ๕. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้

ท ๔.๑ ม.๔/๔ แตง่ บทร้อยกรอง สื่อการเรยี นรู้

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. แผนภูมิ
๒. แถบประโยค
K อธิบายหลกั การแต่งกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
การวัดและประเมนิ ผล
P แต่งกาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
A เห็นคุณค่าของกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ซึ่งเป็นภูมิปัญญา - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ
- ตรวจผลงานของนักเรยี น
ทางภาษา
บนั ทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
สาระสาคัญ
................................................................................................................
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ หนึ่งบทมี ๗ วรรค วรรคละ ๔ คา ................................................................................................................
มีท้ังสมั ผัสนอกและสัมผัสใน การเข้าใจหลักการแตง่ บทร้อยกรองทาให้ ................................................................................................................
แต่งบทร้อยกรองได้ไพเราะและได้ใจความ ................................................................................................................
................................................................................................................

สมรรถนะของผูเ้ รยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเป็นทีม ลงชื่อ………….…………………..ครผู ้สู อน
- การคดิ ขนั้ สงู - การเป็นพลเมืองทีเ่ ข้มแขง็ (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
- การสือ่ สาร - การอยู่ร่วมกับวทิ ยาการอยา่ งยงั่ ยนื ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนอ่านบทร้อยกรองจากแผนภูมิท่ีครูติดบนกระดานทีละบท ช่วยกัน

อธิบายความหมายของบทร้อยกรอง สังเกตฉันทลักษณ์และเปรียบเทียบความ

แตกตา่ งของแตล่ ะบท

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ขน้ั สอน ๔0 นำที

ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรยี นศึกษาความรู้เร่ือง หลักการแต่งโคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพและ

หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง โคลงสีส่ ภุ าพ แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครเู ปน็ ผู้อธิบายเพิ่มเตมิ

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑๘ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน แข่งขันแต่งโคลงสี่สุภาพ กลุ่มละ ๑ บท

เรอ่ื ง หลกั กำรแตง่ โคลงสสี่ ภุ ำพ เวลำ ๑ ชวั่ โมง เม่ือแต่งเสร็จใช้ปากกาเคมีเขียนลงในกระดาษที่ครูแจกให้ แล้วออกมานาเสนอ

ครผู ูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ หน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันประเมินผลงาน และตัดสินโคลงโดนใจ

๓ รางวัล นามาตดิ บนปา้ ยนเิ ทศ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนทาช้ินงานท่ี ๔ เร่ือง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ครูประเมินผลงานของ

มาตรฐาน ท ๔.๑ นักเรยี นเปน็ รายบุคคล
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ ข้นั สรปุ ๑๐ นำที
เป็นสมบัติของชาติ
๕. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้

โคลงเป็นคาประพันธ์ที่บังคับเอกโท แบ่งเป็นโคลงสองสุภาพ

โคลงสามสุภาพ และโคลงส่ีสุภาพ ซ่ึงแต่ละชนิดมีฉันทลักษณ์แตกต่างกันไปทั้ง

ตวั ช้วี ัด จานวนคาและการสัมผัส การเข้าใจหลักการแต่งโคลงทาให้แต่งโคลงได้ไพเราะ

ท ๔.๑ ม.๔/๔ และไดใ้ จความ

แตง่ บทรอ้ ยกรอง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้
K อธบิ ายหลักการแตง่ โคลงชนดิ ตา่ ง ๆ
๑. แผนภูมบิ ทร้อยกรอง
๒. ปากกาเคมี
๓. กระดาษสาหรบั เขยี นโคลงส่สี ภุ าพ

P แต่งโคลงสี่สภุ าพ การวัดและประเมินผล
A เหน็ คณุ ค่าของโคลงซึ่งเป็นภูมิปญั ญาทางภาษา
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
สาระสาคญั - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนักเรียน
โคลงเป็นคาประพันธ์ที่บังคับเอกโท แบ่งเป็นโคลงสอง
สุภาพ โคลงสามสุภาพ และโคลงสี่สุภาพ ซึ่งแต่ละชนิดมีฉันทลักษณ์ บันทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
แตกต่างกันไปทัง้ จานวนคาและการสมั ผัส การเขา้ ใจหลักการแตง่ โคลง
ทาใหแ้ ตง่ โคลงไดไ้ พเราะและได้ใจความ ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผ้เู รยี น ................................................................................................................
................................................................................................................
- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม ................................................................................................................
- การคิดขั้นสูง - การเปน็ พลเมืองที่เขม้ แขง็
- การสื่อสาร - การอยรู่ ่วมกบั วทิ ยาการอย่างยัง่ ยนื ลงชื่อ………….…………………..ครูผูส้ อน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชือ่ ....................................หัวหน้ำงำนวิชำกำร ลงช่อื .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. ตัวแทนนักเรียนออกมาเขียนชื่อตนเองบนกระดาน แล้วร่วมกันวิเคราะห์

ลักษณะของคา

ข้ันสอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้วชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง คาไทยและคาภาษาบาลี สันสกฤต แล้วร่วมกัน

ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ สรปุ ความเขา้ ใจ ครเู ปน็ ผู้อธบิ ายเพิ่มเติม

หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔ เรื่อง พหสู ตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ช่ัวโมง ๓. นกั เรียนแบ่งกลุม่ ๕ กลุ่ม รวบรวมคาภาษาบาลี-สนั สกฤต ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑๙ กลุ่ม ๑ ชื่อจังหวดั กลมุ่ ๔ ชอื่ เพลง

เรือ่ ง กำรสังเกตลกั ษณะคำภำษำบำลี สันสกฤต เวลำ ๑ ชัว่ โมง กลุ่ม ๒ ชื่อรา้ นคา้ กลมุ่ ๕ ช่อื สนิ คา้

ครผู ูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ กลมุ่ ๓ ชือ่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

แล้วออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ความถกู ตอ้ งและวิเคราะหข์ อ้ มูล

มาตรฐาน ท ๔.๑ ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันต้ังชื่ออาหารที่เป็นช่ือไทยให้เป็นชื่อภาษาบาลี
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ สันสกฤต เช่น ผัดเผ็ดหมูป่า ผัดเผ็ดสุกรพนา แล้วออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน
เปน็ สมบัตขิ องชาติ
กลมุ่ ใดตง้ั ชื่อไดม้ ากทส่ี ดุ และน่าสนใจจะเปน็ ฝา่ ยชนะ

๕. นักเรียนทาใบงานที่ ๑๒ เร่ือง การวิเคราะห์คาภาษาบาลี สันสกฤต แล้ว

รว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง

ตัวช้ีวัด ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

ท ๔.๑ ม.๔/๕ ๖. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้

วเิ คราะห์อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศและ สอื่ การเรยี นรู้
ภาษาถนิ่
๑. ใบงาน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

K อธิบายลกั ษณะคาไทย คาภาษาบาลี สันสกฤต การวัดและประเมินผล

P วิเคราะหล์ กั ษณะคาภาษาบาลี สันสกฤต - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่
A เห็นความสาคัญของการนาคาภาษาบาลี สนั สกฤตมาใชใ้ น - ตรวจผลงานของนักเรียน
ภาษาไทย
บันทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
สาระสาคญั
................................................................................................................
คาภาษาบาลี สันสกฤตทาให้ภาษาไทยมีคาใช้เพ่ิมมากข้ึน ................................................................................................................
และสะท้อนถึงการรับวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ จากภาษาน้ัน การเข้าใจ ................................................................................................................
ลกั ษณะของคาภาษาบาลี สันสกฤตทาให้สามารถอ่าน เขยี น และใชค้ า ................................................................................................................
ไดถ้ ูกต้อง ................................................................................................................

สมรรถนะของผ้เู รยี น ลงช่ือ………….…………………..ครูผ้สู อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- การคดิ ขั้นสงู - การเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง
- การสือ่ สาร - การอยู่รว่ มกบั วทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื

ลงชือ่ ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนรว่ มกนั จาแนกคาไทยและคาท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศจากบัตรคา

ทคี่ รูกาหนด ดงั นี้

คาไทย เช่น เด็ก นอน กอง พบ ซอ้ ม

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วชิ ำภำษำไทย คาทม่ี าจากภาษาต่างประเทศ เช่น ขจร บรรทม พนม จมูก

ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ขน้ั สอน ๔0 นำที

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เรือ่ ง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ช่ัวโมง ๒. นักเรียนศกึ ษาความร้เู ร่อื ง คาภาษาเขมร แลว้ ร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครูเป็น

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๒๐ ผูอ้ ธบิ ายเพ่มิ เตมิ

เร่อื ง กำรสังเกตลกั ษณะคำภำษำเขมร เวลำ ๑ ชว่ั โมง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่มแข่งขันกันหาคาภาษาเขมรจากพจนานุกรม โดยครูกาหนด

ครผู สู้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ เง่ือนไขดังน้ี

คาทม่ี ีพยญั ชนะท้าย “จ” เชน่ เผด็จ ตารวจ

มาตรฐานการเรยี นรู้ คาทม่ี พี ยัญชนะทา้ ย “ญ” เชน่ ผจญ สาราญ

มาตรฐาน ท ๔.๑ คาทม่ี พี ยญั ชนะทา้ ย “ร” เชน่ ขจร กาธร (สะเทอื น หวัน่ ไหว)
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ คาที่มพี ยญั ชนะทา้ ย “ล” เช่น กงั วล จานลั
เป็นสมบัติของชาติ
คาท่มี ีพยัญชนะท้าย “ส” เชน่ ประเหส (ประมาท) อังคาส

คาควบกล้า เชน่ ตระแบง กระจอก

คาอกั ษรนา เชน่ เขนย ถนน

ตวั ช้วี ดั ๔. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาเขยี นคาทีร่ วบรวมไดบ้ นกระดาน

ท ๔.๑ ม.๔/๕ และบอกความหมายของคา

วเิ คราะหอ์ ิทธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศและ ข้นั สรปุ ๑๐ นำที
ภาษาถน่ิ
๕. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้

K อธบิ ายลักษณะคาภาษาเขมร ๑. บัตรคา
๒. พจนานุกรม

P วิเคราะห์ลักษณะคาภาษาเขมร การวดั และประเมนิ ผล

A เ ห็ น ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ก า ร น า ค า ภ า ษ า เ ข ม ร ม า ใ ช้ ใ น - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม
ภาษาไทย - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น

สาระสาคญั บนั ทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

คาภาษาเขมรนิยมใช้ จ ญ ร ล ส เป็นตัวสะกด มักเป็น ................................................................................................................
คาควบกลา้ คาอกั ษรนา และอ่าน เรียงพยางค์ การเข้าใจลักษณะของ ................................................................................................................
คาภาษาเขมรทาให้สามารถอา่ น เขียน และใช้คาได้ถกู ต้อง ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผูเ้ รยี น ................................................................................................................

- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี ลงช่อื ………….…………………..ครผู ู้สอน
- การคดิ ขั้นสูง - การเปน็ พลเมอื งทีเ่ ขม้ แขง็ (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- การสือ่ สาร - การอยู่ร่วมกบั วทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชือ่ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยูก่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นักเรียนอ่านแถบข้อความแล้วร่วมกันเตมิ คาที่หายไปให้มีความหมายสมบูรณ์

ดงั น้ี

เส้อื ซว้ ย....................

แผนกำรจดั กำรเรียนรูว้ ชิ ำภำษำไทย ไอศกรีมว้าน....................

ช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ....................เพิดเรอ่ื งอะไร ฉันไมเ่ ข้าใจ

หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เรือ่ ง พหสู ูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง กนิ ชา้ ....................เด๋ียวติดคอ

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๒๑ เขาชอบขีด....................เขียน....................

เรอ่ื ง คำซำ้ ยำ้ ควำมหมำย เวลำ ๑ ช่วั โมง จากนน้ั ร่วมกนั บอกลกั ษณะของคาที่นามาเติม

ครผู ูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ขัน้ สอน ๔0 นำที

๒. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง คาซ้า แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครูเป็นผู้

มาตรฐานการเรยี นรู้ อธิบายเพม่ิ เติม

มาตรฐาน ท ๔.๑ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๗ กลุ่ม แต่งประโยคจากคาซ้า กลุ่มละ ๓ ประโยค
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ โดยแต่ละประโยคเลือกใช้คาซ้าต่างชนิดกัน จากน้ันส่งตัวแทนออกมาอ่าน
เป็นสมบตั ขิ องชาติ
ประโยคให้กลุ่มอื่นฟัง แล้ววิเคราะห์ว่าประโยคนั้น ๆ ใช้คาซ้าที่ส่ือความหมาย

อย่างไร

๔. นักเรียนทุกกลุ่มช่วยกันแต่งเรื่องสั้น ๆ โดยผลัดกันแต่งกลุ่มละ ๑ ประโยค

ตัวชีว้ ัด ใหม้ เี รื่องราวตอ่ เนือ่ งกันและพยายามใชค้ าซ้าใหม้ ากที่สุด

ท ๔.๑ ม.๔/๖ ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

อธิบายและวิเคราะห์หลกั การสรา้ งคาใน ๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ ความรู้
ภาษาไทย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้

K อธิบายหลักการสร้างคาซา้ ๑. แถบขอ้ ความ

P วเิ คราะหห์ ลักการสร้างคาซา้ การวัดและประเมนิ ผล

A เ ห็ น ค ว า ม ส า คั ญ แ ล ะ ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ที่ จ ะ เ รี ย น รู้ ค า ใ น - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ภาษาไทย - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนกั เรียน
สาระสาคัญ
บันทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
คาซา้ เป็นคาท่ีออกเสียงซ้าคาเดิมต่อเน่ืองกัน การใช้คาซ้า
ในการฟัง พูด อ่าน เขียน ควรใช้ให้เหมาะสมกับบริบท และตรงกับ ................................................................................................................
ความหมายท่ีต้องการส่ือ เพ่ือท่ีจะสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ................................................................................................................
เหมาะสม ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น ................................................................................................................

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม ลงช่ือ………….…………………..ครผู สู้ อน
- การคดิ ขนั้ สงู - การเป็นพลเมืองทเ่ี ข้มแขง็ (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
- การสื่อสาร - การอยู่รว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกันเติมคาที่มีความหมายใกล้เคียงกันกับคาที่กาหนดให้ ดังนี้

แลว้ ร่วมกนั บอกลกั ษณะของคา

เสอ่ื (สาด) (รอ้ งรา) ทาเพลง (หมู่) คณะ ยากดี (มีจน) ใหญโ่ ต (มโหฬาร)

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ขัน้ สอน ๔0 นำที

ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง คาซ้อน แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครูเป็นผู้

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๔ เรอื่ ง พหูสตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชวั่ โมง อธิบายเพ่ิมเติม

แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ ๒๒ ๓. นักเรียนร่วมกันพิจารณาคาซ้อนต่อไปน้ีว่าความหมายของคาอยู่ที่คาใด

เร่ือง คำซ้อน เวลำ ๑ ชัว่ โมง เปน็ หลกั

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ รัว้ รอบขอบชดิ (รวั้ ) บ้านชอ่ งห้องหอ (บ้าน)

รอ้ นอกรอ้ นใจ (ร้อนใจ) เคราะห์หามยามรา้ ย (เคราะห์)

มาตรฐานการเรยี นรู้ หมูเหด็ เปด็ ไก่ (หมู)

มาตรฐาน ท ๔.๑ ๔. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๕ กลุ่ม รวบรวมคาซ้อนจากสือ่ ต่าง ๆ
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ ๕. นักเรียนจบั คูแ่ ต่งเรื่องสั้น ๆ โดยนาคาซ้อนที่แต่ละกลุ่มรวบรวมได้มาใช้อย่าง
เปน็ สมบตั ขิ องชาติ
น้อย ๕ คา จากน้ันออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ตรวจสอบความถกู ต้อง

ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

ตวั ชว้ี ัด ๖. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้

ท ๔.๑ ม.๔/๖ อธิบายและวิเคราะห์หลักการสรา้ งคาใน สื่อการเรยี นรู้
ภาษาไทย
๑. บตั รคา
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
การวัดและประเมินผล
K อธิบายหลกั การสร้างคาซ้อน
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
P วิเคราะหห์ ลักการสร้างคาซอ้ น - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนักเรียน
A เ ห็ น ค ว า ม ส า คั ญ แ ล ะ ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ที่ จ ะ เ รี ย น รู้ ค า ใ น
ภาษาไทย บนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

สาระสาคญั ................................................................................................................
................................................................................................................
คาซ้อนเกิดจากการนาคาที่มีความหมายสัมพันธ์กันมา ................................................................................................................
ประกอบกนั คาซอ้ นบางคาเมื่อสลับตาแหน่งแล้วไม่มีความหมายหรือ ................................................................................................................
ความหมายเปล่ียนไป บางคามีความหมายเหมือน และต่างจากคามูล ................................................................................................................
การเข้าใจเร่ืองคาซอ้ นทาให้นาไปใช้ในการฟัง พูด อ่าน เขียน ได้อย่าง
ถูกต้อง

สมรรถนะของผู้เรยี น

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี ลงชอ่ื ………….…………………..ครผู ูส้ อน
- การคิดข้นั สงู - การเป็นพลเมอื งทเ่ี ข้มแขง็ (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
- การสอ่ื สาร - การอยรู่ ่วมกบั วทิ ยาการอยา่ งยงั่ ยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หัวหน้ำงำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกันบอกว่าคาใดแตกต่างจากพวกและคาส่วนใหญ่มีลักษณะ

อย่างไร

นา้ แข็ง นา้ ใจ น้าคา น้าเลยี้ ง น้าท่วม

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้วู ิชำภำษำไทย ลูกมือ ลูกจ้าง ลูกคา้ ลกู ป่วย ลูกคิด

ชัน้ มธั ยมศึกษำปีที่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ นายร้อย นายพจน์ นายจา้ ง นายทุน นายท้าย

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เรอื่ ง พหสู ูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชัว่ โมง ข้าวผดั ข้าวหมาก ข้าวหลาม ขา้ วดบิ ข้าวตม้

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๒๓ ปากกา ปากเปอ่ื ย ปากหวาน ปากตลาด ปากฉลาม

เร่ือง กำรประสมคำ เวลำ ๑ ชั่วโมง ขั้นสอน ๔0 นำที

ครูผสู้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง คาประสม แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ครูเป็นผู้

อธบิ ายเพิม่ เติม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓. นักเรียนแบง่ กลุ่ม ๖ กลมุ่ รวบรวมคาประสม ดงั นี้

มาตรฐาน ท ๔.๑ กล่มุ ๑ คาประสมท่ขี ึน้ ตน้ ดว้ ยคาวา่ “นัก”
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ กล่มุ ๒ คาประสมทขี่ ้ึนต้นดว้ ยคาว่า “เครื่อง”
เป็นสมบัติของชาติ
กลุ่ม ๓ คาประสมทข่ี นึ้ ตน้ ด้วยคาวา่ “ท่”ี

กล่มุ ๔ คาประสมท่มี คี วามหมายเปรยี บเทียบ

กลุ่ม ๕ คาประสมทท่ี าหนา้ ทเี่ ป็นคากริยา

ตัวชีว้ ดั กลุ่ม ๖ คาประสมทท่ี าหนา้ ทเี่ ป็นคาวเิ ศษณ์

ท ๔.๑ ม.๔/๖ ขั้นสรุป ๑๐ นำที

อธิบายและวิเคราะห์หลักการสรา้ งคาใน ๔. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้
ภาษาไทย

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้

K อธิบายหลกั การสรา้ งคาประสม ๑. บตั รคา
๒. ใบงาน
P วเิ คราะหห์ ลกั การสรา้ งคาประสม
การวัดและประเมนิ ผล
A เ ห็ น ค ว า ม ส า คั ญ แ ล ะ ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ท่ี จ ะ เ รี ย น รู้ ค า ใ น
ภาษาไทย - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ
สาระสาคญั - ตรวจผลงานของนกั เรยี น

คาประสมเกิดจากการนาคาต้ังแต่ ๒ คาขึ้นไปมารวมกัน บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
แล้วมีความหมายใหม่ แต่ยังมีเค้าความหมายของคาเดิม กลุ่มคาบาง
ก ลุ่ ม ค า ห รื อ ป ร ะ โ ย ค บ า ง ป ร ะ โ ย ค มี ลั ก ษ ณ ะ ค ล้ า ย ค า ป ร ะ ส ม ................................................................................................................
เมื่อนาไปใชค้ วรพิจารณาความหมายใหถ้ กู ตอ้ ง ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผูเ้ รยี น ................................................................................................................
................................................................................................................
- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเป็นทมี
- การคิดข้นั สูง - การเป็นพลเมืองทีเ่ ข้มแข็ง ลงชือ่ ………….…………………..ครูผ้สู อน
- การสอ่ื สาร - การอยูร่ ว่ มกับวทิ ยาการอย่างยง่ั ยนื (นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรชั ภมู ิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นักเรยี นอ่านพาดหัวขา่ วจากหนงั สอื พิมพต์ ่าง ๆ แลว้ ร่วมกนั วิเคราะห์ลักษณะ

การใช้ภาษา

ขั้นสอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การวิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากสื่อ

ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ สิ่งพิมพแ์ ล้วรว่ มกันสรุปความเข้าใจ ครเู ป็นผ้อู ธบิ ายเพมิ่ เติม

หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๔ เร่ือง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชัว่ โมง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๖ กลุ่ม วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจาก

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี ๒๔ เวลำ ๑ ชั่วโมง หนงั สอื พมิ พ์ กลุ่มละ ๑ ฉบบั เฉพาะขา่ วหน้า ๑ ดงั น้ี

เรื่อง กำรวิเครำะห์และประเมินกำรใช้ภำษำจำกสอ่ื สิ่งพมิ พ์ กลมุ่ ๑ หนงั สอื พมิ พไ์ ทยรฐั

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ กลมุ่ ๒ หนงั สือพิมพ์เดลินวิ ส์

กลุม่ ๓ หนงั สอื พิมพม์ ตชิ น

มาตรฐานการเรยี นรู้ กลุ่ม ๔ หนงั สอื พมิ พ์ คม ชดั ลึก

มาตรฐาน ท ๔.๑ กลมุ่ ๕ หนงั สอื พมิ พฐ์ านเศรษฐกิจ
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ กลมุ่ ๖ หนงั สือพิมพ์ข่าวสด
เปน็ สมบตั ิของชาติ
แล้วออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น จากน้นั ทกุ กล่มุ ร่วมกันอภปิ ราย

ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

๔. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้

ตวั ชี้วดั วิเคราะห์และประเมนิ การใชภ้ าษาจากสื่อ ส่ือการเรยี นรู้
สงิ่ พิมพ์และสอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์
ท ๔.๑ ม. ๔/๗ ๑. หนังสือพิมพ์

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล

K อธิบายการใช้ภาษาจากสื่อส่งิ พิมพ์ - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม
P วิเคราะห์การใชภ้ าษาจากสอื่ สิง่ พิมพ์ - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่
- ตรวจผลงานของนักเรยี น

A เหน็ ความสาคญั ของการใช้ภาษาไทยใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

สาระสาคัญ ................................................................................................................
................................................................................................................
การใช้ภาษาจากสื่อส่ิงพิมพ์ประเภทหนังสือพิมพ์มีความ ................................................................................................................
โดดเด่น เพราะตอ้ งการสร้างความสะดุดตาด้วยถ้อยคาและขนาดของ ................................................................................................................
ตัวอักษร ผรู้ บั สารจงึ ต้องมวี จิ ารณญาณและเลือกนาไปใช้ให้เหมาะสม ................................................................................................................
กับกาลเทศะและบุคคล

สมรรถนะของผเู้ รยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทมี ลงช่ือ………….…………………..ครผู ูส้ อน
- การคดิ ขัน้ สูง - การเปน็ พลเมืองทเี่ ขม้ แขง็ (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- การสื่อสาร - การอยูร่ ว่ มกบั วทิ ยาการอย่างยั่งยนื ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงช่อื ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนดตู วั อย่างการใชภ้ าษาจากสอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ แลว้ ร่วมกนั บอกลกั ษณะ

ของการใชภ้ าษา เชน่

ชือ่ ไร อะ่ , กิงขา้ ววว ยัง, เดว๋ กิง เตย๋ี ว กอ่ นนะ, รอแปบบบ

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้วิชำภำษำไทย ขัน้ สอน ๔0 นำที

ช้ันมัธยมศึกษำปที ี่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การวิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากสื่อ

หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง อิเล็กทรอนิกสแ์ ลว้ รว่ มกันสรุปความเข้าใจ ครเู ปน็ ผูอ้ ธิบายเพ่ิมเตมิ

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๒๕ เวลำ ๑ ชั่วโมง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากสื่อ

เรือ่ ง กำรวิเครำะหแ์ ละประเมินกำรใชภ้ ำษำจำกสอื่ อิเล็กทรอนิกส์ อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน ดงั นี้

ครผู สู้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ กลุ่ม ๑ การใช้ภาษาในแชท, MSN

กลมุ่ ๒ การใชภ้ าษาในกระดานสนทนา

มาตรฐานการเรยี นรู้ กลุม่ ๓ การใชภ้ าษาใน hi5, facebook

มาตรฐาน ท ๔.๑ กลมุ่ ๔ การใชภ้ าษาใน blog
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้ กลุ่ม ๕ การใชภ้ าษาใน SMS
เป็นสมบตั ิของชาติ
๔. ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาเขียนบทสนทนาโต้ตอบกันบนกระดาน

โดยใช้ภาษาจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากน้ันร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงความ

ถูกต้องและความเหมาะสม

ตัวช้วี ดั ๕. นกั เรียนทาใบงานท่ี ๑๔ เร่ือง การวิเคราะหแ์ ละประเมินการใช้ภาษาจากส่ือ

ท ๔.๑ ม. ๔/๗ สงิ่ พิมพ์และสอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ แล้วร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง

วิเคราะหแ์ ละประเมนิ การใช้ภาษาจากสอ่ื ข้นั สรุป ๑๐ นำที
สง่ิ พมิ พแ์ ละสือ่ อิเล็กทรอนิกส์
๖. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

K อธิบายการใช้ภาษาจากสอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ส่ือการเรยี นรู้

P วเิ คราะหก์ ารใชภ้ าษาจากสอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ๑. ใบงาน

A - ประเมินการใชภ้ าษาจากสื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส์ การวดั และประเมนิ ผล
- เห็นความสาคัญของการใช้ภาษาไทยใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม
สาระสาคัญ - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น
การใช้ภาษาจากส่ืออิเล็กทรอนิกส์มีรูปแบบการเขียนคา
แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐานสว่ นใหญ่เป็นการใช้เฉพาะกลุ่มและอยู่ บนั ทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ในบริบทที่เฉพาะเจาะจง การนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน จึงควร
ตระหนกั ถงึ ความถูกต้องเหมาะสม ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น ................................................................................................................
................................................................................................................
- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทมี ................................................................................................................
- การคิดขน้ั สงู - การเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง
- การส่อื สาร - การอยู่รว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งยงั่ ยนื ลงชื่อ………….…………………..ครผู สู้ อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรชั ภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

๕หนว่ ยการเรียนรู้ที่

เรอื่ ง ทศั นาวรรณคดแี ละวรรณกรรม

เวลา ๑๕ ช่วั โมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นดูแถบขอ้ ความเนื้อเพลง “สั่งนาง” แล้วฟังเพลง “สั่งนาง” จากแถบ

บันทึกเสยี งหรือครเู ปน็ ผรู้ อ้ งใหฟ้ งั จากนัน้ รว่ มกันสนทนาเกีย่ วกบั การราพึงราพัน

ถึงการจากหญงิ อนั เปน็ ทร่ี ัก

แผนกำรจัดกำรเรยี นรวู้ ิชำภำษำไทย เพลง ส่งั นาง

คารอ้ ง/ทานอง : สถาพร แก้วสโุ พธ์ิ

ชนั้ มัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ เรยี บเรียง : นาชัย อน้ ทิม

หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ ขับร้อง : มนต์สิทธิ์ คาสรอ้ ย

เรอื่ ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่วั โมง ไหล่นีอ้ ย่าใหใ้ ครมากอด มือนอ้ี ยา่ ใหใ้ ครมาจบั

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๒๖ หนา้ ผากนี้อยา่ ใหใ้ ครมาจูบ แก้มน้อี ย่าใหใ้ ครลบู คลา

เรอื่ ง สำรสง่ั นำงในโคลงนริ ำศนรนิ ทร์ เวลำ ๑ ชว่ั โมง แกว้ ตาเจา้ จงจาท่ีพี่ส่ัง ความหลงั สองเราใหเ้ ฝ้าจดจา

ครผู ้สู อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ จงถนอมความรกั อยา่ ให้บอบช้า อย่าลืมถ้อยคาทีพ่ ่นี ีพ้ ร่าสัง่ นาง

มาตรฐานการเรยี นรู้ ขั้นสอน ๔0 นำที

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๒. นกั เรยี นอา่ นบทนาเรือ่ ง โคลงนริ าศนรินทร์ แล้วเขยี นบันทึกสาระสาคัญ
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม อ่านโคลงนิราศนรินทร์ ค้นหาคาศัพท์ที่สนใจ

โดยสงั เกตความหมายจากบริบทและคน้ หาความหมายจากศัพทานุกรมท้ายเร่ือง

หรอื จากพจนานกุ รม

๔. นักเรยี นแต่ละกลุ่มถอดคาประพันธ์ ดังนี้

กลมุ่ ท่ี ๑ ถอดคาประพันธบ์ ทที่ ๑-๔

ตวั ชีว้ ัด กลุ่มท่ี ๒ ถอดคาประพันธบ์ ทท่ี ๕-๙

ท ๕.๑ ม.๔/๑ กลมุ่ ท่ี ๓ ถอดคาประพนั ธ์บทท่ี ๑๐-๑๔

ท ๕.๑ ม.๔/๒ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม กลุ่มท่ี ๔ ถอดคาประพันธบ์ ทที่ ๑๕-๑๘
ตามหลักการวิจารณเ์ บอ้ื งต้น
วิเคราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดเี ช่ือมโยงกบั กลมุ่ ที่ ๕ ถอดคาประพนั ธบ์ ทที่ ๑๙-๒๒
การเรยี นรทู้ างประวัตศิ าสตรแ์ ละวถิ ีชีวิตของ
สงั คมในอดีต ขั้นสรปุ ๑๐ นำที

๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปความรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้

K อธิบายความหมายของคาศัพท์จากโคลงนริ าศนรินทร์ ๑. แถบบนั ทกึ เสยี ง ๓. แถบขอ้ ความ
P ถอดคาประพนั ธจ์ ากโคลงนิราศนรนิ ทร์ ๒. เพลง “สั่งนาง” ๔. พจนานุกรม
A เหน็ ความสาคัญของการอ่านวรรณคดไี ทย
การวัดและประเมนิ ผล
สาระสาคัญ
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนักเรยี น

บันทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

โคลงนิราศนรินทร์แต่งโดยนายนรินทรธิเบศร์ (อิน) ................................................................................................................
เมื่อครั้งตามเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ไปปราบ ................................................................................................................
พม่าซึ่งยกทัพมาตีเมืองถลางและชุมพร นิราศนรินทร์มีเนื้อหา ................................................................................................................
ชมบ้านเมอื ง ยอพระเกยี รติพระมหากษตั ริย์ และการครา่ ครวญถึงนาง
อันเป็นท่ีรัก ซึ่งจุดเด่นอยู่ท่ี บทฝากนาง การอ่านคาประพันธ์อย่าง ลงชื่อ………….…………………..ครูผู้สอน
เข้าใจ ทาให้ผู้อา่ นเกิดความซาบซึง้ ในวรรณคดี (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑
สมรรถนะของผ้เู รยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทีม ลงชอื่ ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................
- การคิดขั้นสูง - การเปน็ พลเมอื งท่เี ข้มแขง็
- การสือ่ สาร - การอย่รู ่วมกับวทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื (นำยรชั ภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกันเรียงคาประพันธ์จากแถบข้อความท่ีครูกาหนดให้ต่อไปนี้

ใหเ้ ป็นโคลงสีส่ ภุ าพ จากน้ันร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกับลกั ษณะของโคลงสี่สุภาพและเนื้อหา

ของคาประพันธ์

แผนกำรจดั กำรเรียนรูว้ ิชำภำษำไทย จากมามาลวิ่ ล้า ลาบาง

บางย่เี รอื ราพลาง พพ่ี ร้อง

ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ เรือแผงชว่ ยพานาง เมียงมา่ น มานา

หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๕ บางบ่รับคาคล้อง คล่าวนา้ ตาคลอ

เรอ่ื ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชว่ั โมง (โคลงนิราศนรินทร์)

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี ๒๗ ขัน้ สอน ๔0 นำที

เรือ่ ง ลีลำกำรประพนั ธ์ในโคลงนริ ำศนรินทร์ เวลำ ๑ ชั่วโมง ๒. นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง ลักษณะของโคลงส่ีสุภาพและนิราศ แล้วร่วมกันสรุป

ครูผ้สู อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ความเข้าใจ ครเู ป็นผอู้ ธิบายเพิ่มเติม

๓. นักเรยี นฟงั การอ่านทานองเสนาะโคลงสีส่ ภุ าพจากแถบบนั ทึกเสยี งหรือครอู ่านให้ฟงั

๔. นักเรียนฝึกอ่านโคลงนิราศนรินทร์เป็นทานองเสนาะพร้อมกัน ตัวแทนนักเรียน

มาตรฐานการเรยี นรู้ ออกมาอา่ นหนา้ ช้นั เรยี น ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๕. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ๔ กลุ่ม วิเคราะห์ลักษณะคาประพนั ธ์ในโคลงนริ าศนรนิ ทร์ ดังนี้
เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อย่างเหน็ คุณค่าและนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง กลุ่มที่ ๑ การใชค้ าอตพิ จนแ์ ละปฏพิ จน์

กลมุ่ ท่ี ๒ การเล่นคา

กล่มุ ท่ี ๓ การเล่นเสยี งสมั ผสั พยัญชนะระหว่างวรรค

กลุม่ ที่ ๔ การเลน่ เสยี งสมั ผสั พยัญชนะในวรรค

ตัวชว้ี ดั ๖. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทากจิ กรรมเขียนโคลง โดยใหก้ ลุ่มที่ ๑ เขยี นโคลงบาทที่ ๑

ท ๕.๑ ม.๔/๓ แลว้ ให้กล่มุ ที่ ๒-๔ ตอ่ โคลงทลี ะบาทจนจบบท

ท ๕.๑ ม.๔/๖ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ ๗. นักเรียนแต่งโคลงนิราศมีเนื้อหาบรรยายการเดินทางจากประสบการณ์ของตนเอง
วรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่เี ปน็ มรดกทาง
วฒั นธรรมของชาติ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ทอ่ งจาและบอกคณุ คา่ บทอาขยานตามท่ีกาหนด
และบทร้อยกรองทีม่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจและ ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที
นาไปใชอ้ ้างอิง
๘. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้

สอ่ื การเรยี นรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. แถบบนั ทึกเสียง ๓. แถบข้อความ
๒. เพลง “ส่ังนาง” ๔. พจนานกุ รม
K - อธิบายลกั ษณะคาประพนั ธ์ประเภทโคลงสี่สภุ าพ
การวัดและประเมินผล
- อธบิ ายลกั ษณะของนิราศ
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
P - แตง่ คาประพันธ์ประเภทโคลงนิราศ - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนักเรียน
- อา่ นทานองเสนาะ

A ตระหนกั ในคณุ คา่ ของคาประพันธ์

สาระสาคญั บนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

โ ค ล ง นิ ร า ศ น ริ น ท ร์ มี ลี ล า ใ น ก า ร ป ร ะ พั น ธ์ ย อ ด เ ยี่ ย ม ................................................................................................................
หลายบทแต่งได้ถูกต้องตามข้อบังคับของโคลงสี่สุภาพ จนได้รับการ ................................................................................................................
คัดเลือกให้เป็นต้นแบบของการแต่งโคลงสี่สุภาพ มีการใช้โวหาร ................................................................................................................
ภาพพจนไ์ ด้ซาบซึ้งกินใจ ถอื เปน็ แบบอยา่ งทส่ี ามารถใช้เป็นบทท่องจา
หรือฝกึ แตง่ คาประพันธ์ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ลงช่ือ………….…………………..ครผู ู้สอน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
สมรรถนะของผูเ้ รยี น ตำแหน่ง ครู คศ.๑

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทีม ลงช่ือ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................
- การคิดขั้นสงู - การเป็นพลเมืองทเ่ี ข้มแข็ง
- การสอื่ สาร - การอยรู่ ว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื (นำยรชั ภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนดแู ถบข้อความเนื้อเพลง “สั่งนาง” แล้วฟังเพลง “ส่ังนาง” จากแถบ

บันทกึ เสยี งหรอื ครเู ป็นผู้ร้องใหฟ้ ัง จากนั้นรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับการราพึงราพัน

ถงึ การจากหญงิ อนั เปน็ ท่ีรกั

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย เพลง สั่งนาง

ชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ คาร้อง/ทานอง : สถาพร แก้วสุโพธิ์

หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ เรยี บเรยี ง : นาชยั อ้นทมิ

เร่อื ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่วั โมง ขับรอ้ ง : มนต์สทิ ธ์ิ คาสรอ้ ย

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๒๘ ไหลน่ ้อี ยา่ ให้ใครมากอด มอื นอี้ ยา่ ให้ใครมาจับ

เรื่อง พนิ จิ คุณคำ่ โคลงนิรำศนรนิ ทร์ เวลำ ๑ ชัว่ โมง หน้าผากนอี้ ย่าใหใ้ ครมาจูบ แก้มนี้อยา่ ให้ใครลูบคลา

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ แก้วตาเจ้าจงจาทพี่ ่ีสง่ั ความหลังสองเราใหเ้ ฝา้ จดจา

จงถนอมความรกั อยา่ ใหบ้ อบชา้ อยา่ ลมื ถ้อยคาที่พนี่ ีพ้ รา่ สง่ั นาง

มาตรฐานการเรยี นรู้ ขน้ั สอน ๔0 นำที

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๒. นกั เรยี นอ่านบทนาเรือ่ ง โคลงนิราศนรนิ ทร์ แล้วเขยี นบนั ทกึ สาระสาคญั
เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเหน็ คณุ ค่าและนามาประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม อ่านโคลงนิราศนรินทร์ ค้นหาคาศัพท์ท่ีสนใจ

โดยสังเกตความหมายจากบริบทและคน้ หาความหมายจากศัพทานุกรมท้ายเรื่อง

หรือจากพจนานกุ รม

๔. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ถอดคาประพนั ธ์ ดงั น้ี

ตัวช้ีวดั กลมุ่ ท่ี ๑ ถอดคาประพันธ์บทท่ี ๑-๔

ท ๕.๑ ม.๔/๑ กลุ่มท่ี ๒ ถอดคาประพนั ธบ์ ทที่ ๕-๙

ท ๕.๑ ม.๔/๒ วเิ คราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรม กลุ่มที่ ๓ ถอดคาประพนั ธ์บทท่ี ๑๐-๑๔
ตามหลักการวจิ ารณ์เบื้องตน้
วิเคราะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ชอ่ื มโยงกับ กลุ่มท่ี ๔ ถอดคาประพนั ธบ์ ทท่ี ๑๕-๑๘
การเรยี นรทู้ างประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถีชวี ติ ของ
สงั คมในอดีต กลุ่มท่ี ๕ ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๑๙-๒๒

ขนั้ สรุป ๑๐ นำที

๕. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้

K อธิบายความหมายของคาศพั ท์จากโคลงนริ าศนรินทร์ ๑. แถบบนั ทกึ เสยี ง ๓. แถบขอ้ ความ
P ถอดคาประพันธ์จากโคลงนริ าศนรนิ ทร์ ๒. เพลง “สัง่ นาง” ๔. พจนานกุ รม

A เห็นความสาคญั ของการอา่ นวรรณคดไี ทย การวัดและประเมินผล

สาระสาคัญ - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
โคลงนิราศนรินทร์แต่งโดยนายนรินทรธิเบศร์ (อิน) - ตรวจผลงานของนกั เรียน
เมื่อคร้ังตามเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ไปปราบ
พม่าซึ่งยกทัพมาตีเมืองถลางและชุมพร นิราศนรินทร์มีเน้ือหา บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ชมบ้านเมอื ง ยอพระเกียรติพระมหากษตั ริย์ และการคร่าครวญถึงนาง
อันเป็นที่รัก ซึ่งจุดเด่นอยู่ท่ี บทฝากนาง การอ่านคาประพันธ์อย่าง ................................................................................................................
เข้าใจ ทาใหผ้ ูอ้ ่านเกดิ ความซาบซ้งึ ในวรรณคดี ................................................................................................................
................................................................................................................

สมรรถนะของผู้เรยี น ลงชอื่ ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทมี ลงชอ่ื ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชือ่ .........................................
- การคดิ ขนั้ สูง - การเป็นพลเมืองท่เี ขม้ แขง็
- การสอื่ สาร - การอยูร่ ว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื (นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดังนี้

จิตใจของผชู้ ายกับผู้หญิงเหมอื นกันหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร

ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรวู้ ิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนอ่านบทนาเร่อื ง หัวใจชายหนุม่ แล้วเขยี นบนั ทกึ สาระสาคญั

ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ๓. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาเก่ยี วกับบทนาเรอ่ื งแล้วชว่ ยกนั สรุป

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ ๔. นกั เรียนอ่านเรื่อง หวั ใจชายหนุ่ม และครเู ป็นผอู้ ธิบายเพมิ่ เติม ในระหว่างการ

เรอื่ ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชวั่ โมง อ่านให้นักเรียนค้นหาคาศพั ท์ทสี่ นใจ โดยสังเกตความหมายจากบรบิ ท และคน้ หา

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๒๙ ความหมายจากศพั ทานุกรมทา้ ยเรอื่ งหรอื จากพจนานกุ รม แล้วนามาบันทกึ

เรื่อง บทเรียนชวี ิตของหวั ใจชำยหนุ่ม เวลำ ๑ ชวั่ โมง ๕. นกั เรียนช่วยกนั เขยี นสรุปเหตกุ ารณส์ าคัญเป็นแผนภาพโครงเรอื่ ง

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๖. นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายในประเดน็ ตอ่ ไปนี้

๏ หัวใจชายหนุ่มในเรื่องนี้หมายถึงหัวใจของใคร และหัวใจดวงนั้นมี

มาตรฐานการเรยี นรู้ ความรสู้ ึกนึกคดิ อย่างไร

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๏ เหตุการณ์ใดทแี่ สดงให้เห็นวา่ ประพนั ธ์มีพฒั นาการทางความคดิ ทมี่ ี
เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชวี ิตจริง เหตุผลและรอบคอบขึ้น

๏ ตวั ละครใดทีน่ กั เรียนประทบั ใจมากทสี่ ุด เพราะเหตุใด

๏ สาระสาคญั ทีส่ ุดของเร่ือง หัวใจชายหนมุ่ คอื อะไร

๗. นักเรียนทุกคนเขยี นยอ่ ความโดยเรยี บเรียงจากแผนภาพโครงเรือ่ ง

ตัวชว้ี ดั ๘. นกั เรียนอาสาสมัคร ๔-๕ คน ออกมาอ่านผลงานของตนเองให้เพื่อนฟัง แล้ว

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเคราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรม ชว่ ยกนั วจิ ารณ์
ตามหลักการวิจารณเ์ บือ้ งตน้
๙. ครคู ัดเลอื กผลงานทีด่ ีมาจดั แสดงทป่ี า้ ยนิเทศใหน้ กั เรียนศกึ ษาและวิจารณ์

ข้ันสรปุ ๑๐ นำที

๑๐. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้

K อธบิ ายความหมายของคาศพั ทจ์ ากเรอื่ ง หัวใจชายหนุ่ม ๑. พจนานกุ รม
๒. กระดาษสาหรับทากิจกรรม
P - จบั ใจความจากเร่ือง หัวใจชายหนมุ่
- เขยี นยอ่ ความจากเรอ่ื ง หวั ใจชายหนุ่ม การวัดและประเมินผล

A เหน็ ความสาคัญของการอ่านวรรณคดไี ทย - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่
สาระสาคัญ - ตรวจผลงานของนักเรยี น

เรอื่ งราวในหัวใจชายหนมุ่ สะทอ้ นชีวิตและความนึกคิดของ บันทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
คนคนหนึ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ทาให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์คล้อยตาม
และการนาเสนอในรูปแบบจดหมาย ยิ่งทาให้ผู้อ่านรู้สึกใกล้ชิดกับ ................................................................................................................
ตวั ละครมากข้นึ ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผ้เู รยี น ................................................................................................................
................................................................................................................
- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
- การคิดขัน้ สงู - การเป็นพลเมืองท่ีเขม้ แข็ง ลงชือ่ ………….…………………..ครูผู้สอน
- การส่ือสาร - การอยรู่ ่วมกับวทิ ยาการอย่างย่ังยนื (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรชั ภมู ิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดงั น้ี

นักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไรกับผู้มีการศึกษาในระดับสูงที่พูด

ภาษาไทยคาองั กฤษคา

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้วู ิชำภำษำไทย ข้นั สอน ๔0 นำที

ช้ันมธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรยี นชว่ ยกันรวบรวมเครื่องหมายวรรคตอนท่นี กั เรยี นใช้อยู่เสมอ

หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๕ ๓. นักเรยี นทบทวนความร้เู ร่อื ง เคร่อื งหมายวรรคตอน

เรอ่ื ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่ัวโมง ๔. นกั เรียนรว่ มกนั วเิ คราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารใช้เครอื่ งหมายวรรคตอนในเร่อื ง

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๓๐ หัวใจชายหนุ่ม และเปรียบเทียบกับการใช้ในปัจจุบันว่าแตกต่างกันอย่างไร

เรื่อง กำรใช้ภำษำไทยในหัวใจชำยหนุ่ม เวลำ ๑ ช่วั โมง พรอ้ มยกตวั อยา่ ง

ครูผูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๕. นักเรียนพิจารณาการใช้เลขไทยในเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม และเปรียบเทียบว่า

แตกต่างจากการใช้ในปจั จบุ ันอยา่ งไร พร้อมยกตัวอยา่ งแล้วจดบันทึก

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๖. นกั เรยี นชว่ ยกันรวบรวมคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยที่ใช้เป็นคาทับศัพท์

มาตรฐาน ท ๕.๑ ในการสื่อสารที่นักเรียนพบเห็นในชีวิตประจาวัน โดยพิจารณาคาในภาษาเดิม
เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคณุ คา่ และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ ความหมายของคาและเปรียบเทียบเม่อื นามาใชใ้ นภาษาไทย

๗. นกั เรยี นพิจารณาการใชค้ าทบั ศัพทใ์ นเร่ือง หวั ใจชายหนมุ่ วา่ มคี วามเหมาะสม

เพียงใดในการใช้คานน้ั

๘. นกั เรยี นทบทวนความรเู้ รอ่ื ง ชนิดของประโยคและเจตนาในประโยคส่ือสาร

ตัวช้ีวดั ๙. นักเรียนแบ่งกลุ่มคัดเลือกข้อความจากเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม มา ๑ ตอน แล้ว

ท ๕.๑ ม.๔/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ วิเคราะหว์ ่าประกอบด้วยประโยคชนิดใดบา้ ง และแตล่ ะประโยคแสดงเจตนาใด
วรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทาง
วฒั นธรรมของชาติ ๑๐. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลงาน ครแู ละนักเรียนร่วมกัน

พจิ ารณาความถูกต้อง

ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑๑. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้

K - อธบิ ายการใชเ้ คร่อื งหมายวรรคตอน ส่อื การเรยี นรู้
- อธิบายความหมายของคาทบั ศัพท์
๑. กระดาษสาหรบั ทากจิ กรรม
- เปรียบเทียบการใช้เครื่องหมายวรรคตอนในเรื่อง
หวั ใจชายหนุ่มกับปัจจบุ นั การวดั และประเมนิ ผล

P - รวบรวมการใชค้ าทบั ศพั ทใ์ นชวี ติ ประจาวัน - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ
- วิเคราะห์ชนิดและเจตนาในประโยคจากเร่ือง หัวใจ - ตรวจผลงานของนักเรยี น
ชายหน่มุ

A เห็นความสาคัญของการใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่าง
ถูกต้อง

สาระสาคญั บันทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

การใชภ้ าษาไทยตอ้ งใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม เพ่ือรักษา ................................................................................................................
และสืบสานภาษาไทยให้คงอยู่ตลอดไป ................................................................................................................
................................................................................................................
สมรรถนะของผ้เู รยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี ลงช่ือ………….…………………..ครผู สู้ อน
- การคิดข้ันสูง - การเปน็ พลเมืองที่เข้มแข็ง (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
- การส่ือสาร - การอยู่รว่ มกบั วทิ ยาการอย่างยั่งยนื ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภูมิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับตัวละครในเร่ือง หัวใจชายหนุ่ม และลักษณะ

นิสัยของตัวละคร

ขัน้ สอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนอ่านแถบข้อความแล้วร่วมกันตีความหมายของสานวนต่อไปนี้

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ ๏ เมฆทกุ ก้อนมซี ับในเป็นเงิน

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ ๏ ขนมปงั ครงึ่ ก้อนยงั ดกี ว่าไม่มีเลย

เรอื่ ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชวั่ โมง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม ส่งตัวแทนออกมาเลือกซองเอกสาร แล้วระดม

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๓๑ ความคิดแปลความ ตีความ หรอื ขยายความในประเด็นตอ่ ไปน้ี

เร่อื ง ตคี วำมหวั ใจชำยหนมุ่ เวลำ ๑ ชว่ั โมง กลุ่มที่ ๑ เปรียบเทียบสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในเร่ือง

ครูผสู้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ หวั ใจชายหน่มุ (สมยั รชั กาลที่ ๖) กับสมยั ปจั จบุ นั

กลมุ่ ท่ี ๒ เปรยี บเทยี บคา่ นิยมของคนในเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม กับสมัย

มาตรฐานการเรยี นรู้ ปัจจบุ ัน

มาตรฐาน ท ๕.๑ กลุ่มท่ี ๓ เปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้ชายและผู้หญิงในเร่ือง หัวใจ
เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ ชายหนุ่มกบั สมยั ปัจจุบนั

กลุ่มท่ี ๔ เปรยี บเทยี บการใชช้ วี ิตคูข่ องคนไทยในเร่ือง หวั ใจชายหนุ่ม

กบั สมยั ปจั จบุ นั

กลุ่มที่ ๕ เปรียบเทียบการทางานของคนไทยในเร่ือง หัวใจชายหนุ่ม

ตัวชี้วัด กบั สมยั ปจั จบุ ัน

ท ๕.๑ ม.๔/๒ วเิ คราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดเี ชือ่ มโยงกับ กล่มุ ที่ ๖ เปรยี บเทียบพฤตกิ รรมของคนรุ่นเกา่ กับคนรุ่นใหม่
การเรยี นร้ทู างประวตั ศิ าสตร์และวถิ ชี ีวิตของ
ท ๕.๑ ม.๔/๔ สังคมในอดีต ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มมารายงานผลการอภิปรายหน้าช้ันเรียน
สงั เคราะหข์ อ้ คดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม
เพอ่ื นาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ แลว้ ใหน้ ักเรียน จดบนั ทกึ สรุปความคิดเห็นจากการอภิปรายของแตล่ ะกลมุ่

๕. นักเรียนระดมความคิดเพื่อสังเคราะห์ข้อคิดจากเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม ที่

สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริงได้

๖. นกั เรียนทาชิน้ งานที่ ๑๒ เรือ่ ง การเขยี นบันทกึ วรรณคดศี กึ ษา

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ขัน้ สรปุ ๑๐ นำที

๗. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้

K อธบิ ายลกั ษณะเดน่ และขอ้ คดิ จากเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม ส่ือการเรยี นรู้

- วิเคราะห์ลักษณะเด่นของเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม ๑. แถบขอ้ ความ ๒. ซองเอกสาร ๓. กระดาษสาหรบั ทากิจกรรม

P ตามประเดน็ ทีก่ าหนด การวดั และประเมินผล
- สังเคราะห์ข้อคิดจากเร่ือง หัวใจชายหนุ่ม เพื่อนาไป
- สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม
ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่
- ตรวจผลงานของนกั เรียน
A เห็นคุณคา่ ของวรรณคดไี ทย
บันทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
สาระสาคญั
................................................................................................................
เร่ือง หัวใจชายหนุ่ม เป็นตัวอย่างของการมีค่านิยมและการ ................................................................................................................
ดารงชีวิตทไี่ ม่ถูกต้องตามแบบแผนของสังคมไทย รวมท้ังลักษณะนิสัย ................................................................................................................
และพฤติกรรมของตัวละครสามารถเป็นบทเรียนท่ีควรนามาเป็น
อุทาหรณ์ในยุคปจั จุบันได้อยา่ งดี ลงชอื่ ………….…………………..ครูผู้สอน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
สมรรถนะของผเู้ รยี น ตำแหน่ง ครู คศ.๑

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม ลงชื่อ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................
- การคิดขั้นสงู - การเป็นพลเมอื งท่เี ขม้ แขง็
- การส่อื สาร - การอยรู่ ่วมกับวทิ ยาการอย่างย่งั ยนื (นำยรัชภมู ิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดังนี้

ละครท่ไี ดร้ บั ความนิยมสูงตอ้ งมีสิ่งใดดงึ ดูดใจผูช้ มบา้ ง

ข้ันสอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้วชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนจัดการแสดงละครเร่ือง หวั ใจชายหนุ่ม ซ่ึงสร้างบทจากเน้ือความของ

ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ จดหมายฉบับที่ ๖, ๑๑, ๑๕ และ ๑๗ โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันทางานตาม

หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๕ ความถนดั และความสนใจของสมาชิกในกลมุ่

เร่ือง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชว่ั โมง ๓. ครูชแี้ จงลักษณะงานใหน้ กั เรียนทราบก่อนการแบ่งกลุ่ม แล้วให้นักเรียนเลือก

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๒ งานตามความถนัดและความสนใจของกลุ่มตน ดงั นี้

เรอ่ื ง นกั แสดงมอื อำชีพ เวลำ ๑ ชว่ั โมง กล่มุ ท่ี ๑ เขียนบทละคร ๔ ตอน ใชเ้ วลาแสดงประมาณ ๕ นาที

ครผู ูส้ อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ กลุ่มที่ ๒ คัดเลือกผู้แสดงเป็นตัวละครสาคัญ ๗ ตัว คือ ประพันธ์

มาตรฐานการเรยี นรู้ ประไพ อุไร แม่กิมเน้ย พระยาตระเวนนคร สร้อย บิดาของแม่อุไร และ

มาตรฐาน ท ๕.๑ ตวั ประกอบอนื่ ๆ
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ กลุ่มที่ ๓ ผู้แสดงเป็นตัวละครสาคัญ ๗ ตัว และตัวประกอบอ่ืน ๆ

ตามบท กลุ่มนีค้ วรมสี มาชกิ ไม่นอ้ ยกวา่ ๗ คน

กล่มุ ที่ ๔ ฝึกซอ้ มและกากับการแสดง กลุม่ นต้ี อ้ งประสานงานกบั กลุ่ม

ท่ี ๑ โดยศึกษาบทละครอยา่ งละเอยี ดแลว้ กากบั การแสดงใหเ้ ป็นไปตามบท

ตวั ชว้ี ดั กลุ่มที่ ๕ สร้างฉาก โดยศึกษาจากบทละครที่เขียนแล้วนามาสร้าง

ท ๕.๑ ม.๔/๑ ฉากละครใหส้ อดคลอ้ งกบั บทท่บี รรยายไว้และทาหน้าท่เี ปลยี่ นฉากแต่ละตอน
ท ๕.๑ ม.๔/๒
วิเคราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม กลุ่มท่ี ๖ จัดอุปกรณ์ แสง เสียง เพลงประกอบฉากโดยศึกษาบท
ท ๕.๑ ม.๔/๓ ตามหลกั การวิจารณเ์ บอ้ื งต้น
วเิ คราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดีเชือ่ มโยงกบั ละคร ประสานงานกบั ฝ่ายกากบั การแสดง และฝ่ายจดั ฉาก
ท ๕.๑ ม.๔/๔ การเรียนรทู้ างประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถชี ีวติ ของ
สังคมในอดีต กลุ่มที่ ๗ จัดเครื่องแต่งกายตัวละครโดยจัดหาเครื่องแต่งกาย
วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ
วรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่ีเป็นมรดกทาง เคร่ืองประดบั ให้ตรงกบั การแตง่ กายในสมัยรชั กาลท่ี ๖
วฒั นธรรมของชาติ
สงั เคราะห์ข้อคดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ๔. นักเรยี นจัดการแสดงละครตามเวลา และสถานทท่ี กี่ าหนด
เพ่ือนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ
๕. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ ผลการทางาน

ข้ันสรุป ๑๐ นำที

๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้

สื่อการเรยี นรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บทละคร ๒. อุปกรณ์ เคร่ืองแต่งกายทใ่ี ชใ้ นการจดั การแสดงละคร

K สรปุ เนอื้ เร่อื ง หวั ใจชายหนมุ่ การวดั และประเมินผล

P จัดการแสดงละครโดยถ่ายทอดเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม
เหมาะสม - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนักเรียน

A เหน็ คณุ คา่ ของวรรณคดไี ทย บนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

สาระสาคัญ ................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

การจัดการแสดงละครทาให้เข้าใจเน้ือเรื่องและข้อคิดของ ลงช่ือ………….…………………..ครูผู้สอน
วรรณคดีได้ดียง่ิ ข้นึ (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑
สมรรถนะของผเู้ รยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทมี ลงชอ่ื ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชื่อ .........................................
- การคิดขัน้ สงู - การเปน็ พลเมืองทีเ่ ขม้ แขง็
- การส่ือสาร - การอยู่รว่ มกับวทิ ยาการอย่างยั่งยนื (นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดงั นี้

เพราะเหตุใดชาวนาจงึ ยงั คงทุกข์ยาก

ขั้นสอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรยี นฟังเพลง “เขมรไล่ควาย” จากแถบบันทกึ เสยี ง

ชัน้ มัธยมศึกษำปที ี่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ เพลง เขมรไล่ควาย ขับร้องโดยสุรพล สมบัติเจริญ แล้วร่วมกันสนทนาใน

หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๕ ประเด็นต่อไปนี้

เรอื่ ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่วั โมง ๏ สาระสาคญั ของเพลง

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๓ ๏ ภาพชวี ิตของชาวนาทสี่ ะทอ้ นจากเพลง

เรอ่ื ง บทกวที ่สี ะทอ้ นชีวติ ชำวนำ เวลำ ๑ ช่วั โมง ๏ ข้อคิดทีไ่ ด้

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๓. นกั เรียนอ่านบทนาเรือ่ ง ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวี แลว้ บนั ทกึ สาระสาคญั

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม อ่านเรื่อง ทุกข์ของชาวนาในบทกวี แล้ววิเคราะห์

เรือ่ งจากประเด็นท่กี าหนดใหก้ ลมุ่ ละ ๑ ประเด็น ดงั น้ี

มาตรฐาน ท ๕.๑ กลุ่มที่ ๑ ทุกข์ของชาวนาไทยและชาวนาจีนเหมือนกันหรือแตกต่าง
เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อยา่ งเหน็ คุณคา่ และนามาประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ กนั อย่างไร

กลุ่มที่ ๒ ความรู้สึกที่เกิดจากการอ่านบทกวีไทยและบทกวีของจีน

เหมอื นกนั หรอื ไม่ อย่างไร

ตวั ชี้วดั กลุ่มท่ี ๓ คาว่า “เหงื่อ” ในบทกวีไทยและจีน ทาให้ผู้อ่านเกิด

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเคราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรม ความรู้สึกแตกตา่ งกันหรอื ไม่ อย่างไร
ท ๕.๑ ม.๔/๒ ตามหลักการวิจารณ์เบ้อื งต้น
วเิ คราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดเี ชือ่ มโยงกบั กลมุ่ ท่ี ๔ กลวธิ กี ารเขียนของกวีไทยกับกวีจีนต่างกันหรือไม่ อยา่ งไร
ท ๕.๑ ม.๔/๓ การเรยี นรู้ทางประวัตศิ าสตร์และวถิ ชี วี ติ ของ
สงั คมในอดีต กลุ่มที่ ๕ นกั เรยี นมแี นวทางแก้ไขปัญหาใหช้ าวนาในปจั จุบันอยา่ งไร
ท ๕.๑ ม.๔/๔ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ
วรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะทเ่ี ป็นมรดกทาง ๕. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สนทนาเก่ียวกบั ปญั หาของชาวนา เขยี นแผนภาพความคดิ
วฒั นธรรมของชาติ
สังเคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม แสดงสาเหตุของปัญหา ผลกระทบท่ีเกิดจากปัญหา และนาเสนอแนวทางแก้ไข
เพ่อื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง
ปัญหา ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันแสดง

ความคดิ เห็นเพ่ิมเติม

ขนั้ สรุป ๑๐ นำที

๖. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้

๑. เพลง ๒. แถบบันทึกเสยี ง ๓. พจนานกุ รม

K อธบิ ายความหมายของคาศัพท์จากเรอื่ ง ทุกขข์ องชาวนา การวดั และประเมินผล
ในบทกวี
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
P - จบั ใจความเรื่อง ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวี - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
- วเิ คราะห์เร่อื ง ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวี - ตรวจผลงานของนักเรียน

A เห็นความสาคญั ของการอา่ นวรรณคดไี ทย

สาระสาคัญ บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

เรอ่ื ง ทุกขข์ องชาวนาในบทกวี เปน็ บทพระราชนิพนธ์ ในสมเดจ็ ................................................................................................................
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งอยู่ในหนังสือมณีพลอย ................................................................................................................
รอ้ ยแสง มีแนวคดิ แสดงให้เห็นความทุกข์ยาก ในการดาเนินชีวิตของชาวนา ................................................................................................................
ในบทกวีของท้ังไทยและจีน ซ่ึงแม้เวลาจะผ่านมานานเท่าใด แต่ภาพความ
ยากลาบากของชาวนานนั้ ก็ยงั คงอยู่และสรา้ งความสะเทือนใจไปทุกยคุ สมัย ลงชอ่ื ………….…………………..ครผู ู้สอน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
สมรรถนะของผูเ้ รยี น ตำแหน่ง ครู คศ.๑

- การจัดการตนเอง - การรวมพลงั ทางานเป็นทมี ลงช่อื ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................
- การคดิ ขัน้ สงู - การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง
- การสื่อสาร - การอยรู่ ว่ มกับวทิ ยาการอย่างย่ังยนื (นำยรัชภูมิ อยูก่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผ้อู ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนแบ่งกลุ่มร้องเพลงลูกทุ่งหรือเพลงพ้ืนบ้านที่มีเน้ือหาเกี่ยวกับวิถีชีวิต

ของชาวนา ที่ครูให้เตรียมในช่ัวโมงท่ีผ่านมา แล้วร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับเน้ือหา

ของเพลง

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้วชิ ำภำษำไทย ขน้ั สอน ๔0 นำที

ชัน้ มัธยมศึกษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรียนฟังทานองเสนาะบทกวขี องจติ ร ภูมิศักดิ์ จากครูหรือแถบบันทึกเสียง

หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ แล้วฝึกอา่ นทานองเสนาะพรอ้ มกนั จากน้ันทอ่ งจาบทกวีดังกล่าว แล้วท่องพร้อม

เรือ่ ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชวั่ โมง กันอีกครงั้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งและประเมนิ ผลงาน

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๓๔ ๓. นักเรยี นช่วยกันบอกขอ้ คดิ ท่ไี ดร้ ับจากเรอ่ื งน้ี เพื่อแลกเปล่ียนความคดิ กัน

เรอ่ื ง พนิ จิ คุณคำ่ ทกุ ขข์ องชำวนำในบทกวี เวลำ ๑ ชว่ั โมง ๔. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ พินจิ คุณคา่ ของเร่อื ง ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวี ดังนี้

ครูผสู้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ กลุ่มที่ ๑, ๒ คุณคา่ ด้านภาษา

มาตรฐานการเรยี นรู้ กลุ่มท่ี ๓, ๔ คุณคา่ ดา้ นเนอ้ื หา

กล่มุ ที่ ๕, ๖ คุณค่าดา้ นสงั คม

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๕. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงคุณคา่ ของเร่ืองท่สี ามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการ
เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคณุ ค่าและนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง ดาเนนิ ชวี ติ

๖. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม แต่งกาพย์หรือกลอนแสดงความรู้สึกท่ีมีต่อชาวนา

หรือแสดงความรู้สึกในฐานะชาวนาคนหนง่ึ อย่างนอ้ ยกลมุ่ ละ ๒ บท ตวั แทนกลมุ่

ตัวช้วี ดั ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง แล้ว

ท ๕.๑ ม.๔/๒ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยง คดั เลอื กผลงานดีเด่นนามาจดั แสดงที่ปา้ ยนิเทศ
กับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต
ท ๕.๑ ม.๔/๓ ของสังคมในอดตี ๗. ใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลงานการสืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกบั การเกษตรกรรม
วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์
ท ๕.๑ ม.๔/๔ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็น ของไทยจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ที่ครูได้มอบหมายในชั่วโมงที่ผ่านมา โดย
ท ๕.๑ ม.๔/๖ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
สงั เคราะหข์ อ้ คดิ จากวรรณคดีและ บอกชอ่ื เวบ็ ไซต์ และรายละเอยี ด
วรรณกรรมเพื่อนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ
ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ี ๘. นักเรียนทาชิ้นงานที่ ๑๓ เรื่อง การเขียนบันทึกวรรณคดีศึกษา : ทุกข์ของ
กาหนดและบทร้อยกรองทม่ี คี ณุ คา่ ตามความ
สนใจและนาไปใชอ้ ้างองิ ชาวนาในบทกวี แล้วแลกเปลีย่ นความรู้และความคดิ ซึง่ กันและกนั

ขัน้ สรปุ ๑๐ นำที

๙. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้

K อธิบายคุณคา่ ของเรอ่ื ง ทุกขข์ องชาวนาในบทกวี ๑. เพลง
๒. แถบบนั ทกึ เสียง
- ท่องจาบทกวใี นเรอ่ื ง ทกุ ข์ของชาวนาในบทกวี
การวัดและประเมินผล
P - วเิ คราะหค์ ุณคา่ ของเรอ่ื ง ทุกขข์ องชาวนาในบทกวี
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม
- สงั เคราะห์ข้อคดิ จากเร่อื ง ทุกข์ของชาวนาในบทกวี - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงานของนกั เรยี น
A เห็นคุณคา่ ของวรรณคดไี ทย
บันทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
สาระสาคญั
................................................................................................................
ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวกี ล่าวถึงความทกุ ขย์ ากของชาวนา ................................................................................................................
โดยใชบ้ ทกวีของไทยและจนี มานาเสนอเปรยี บเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ................................................................................................................
เรอื่ งนแี้ สดงความคดิ เปน็ เอกภาพ และใชถ้ ้อยคากินใจ ทาให้ผู้อา่ นเห็น
คุณคา่ ของขา้ วและชาวนา ลงชื่อ………….…………………..ครผู ้สู อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
สมรรถนะของผเู้ รยี น ตำแหนง่ ครู คศ.๑

- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทมี ลงช่ือ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................
- การคดิ ข้นั สูง - การเป็นพลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง
- การสอ่ื สาร - การอยู่รว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งยง่ั ยนื (นำยรชั ภูมิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี

ส่ิงทถ่ี ือเปน็ มงคลในชีวิตของนกั เรียนคืออะไร

ขนั้ สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรยี นร่วมกันสวดมนต์ บทบูชาพระรัตนตรัย และบทนมัสการพระพุทธเจ้า

ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๒ จากน้ันสนทนาเก่ียวกับประสบการณก์ ารสวดมนต์ ความหมายของบทสวด และ

หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๕ ประโยชนข์ องการสวดมนต์

เร่ือง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชว่ั โมง ๓. นกั เรียนอา่ นบทนาเร่ือง แลว้ ร่วมกันตอบคาถาม ดังนี้

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๓๕ ๏ มงคลสูตรคาฉนั ทเ์ ปน็ พระราชนิพนธ์ของใคร

เรอ่ื ง ท่มี ำของมงคลสูตรคำฉันท์ เวลำ ๑ ชวั่ โมง ๏ เรอ่ื งนี้แปลมาจากท่ใี ด

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ๏ เร่ืองนแ้ี ตง่ ดว้ ยคาประพันธช์ นิดใด

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๏ มงคลสูตรเป็นบทสวดในโอกาสใด เพอื่ อะไร

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๏ เร่ืองน้เี ก่ียวข้องกบั พระพุทธเจา้ อยา่ งไร
เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเหน็ คณุ คา่ และนามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ๏ หากนาไปปฏบิ ตั จิ ะเกดิ ประโยชน์อยา่ งไร

๔. นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ รือ่ ง หลักการอา่ นภาษาบาลี ดงั น้ี

- พยัญชนะทีไ่ มม่ ีสระกากบั ให้ออกเสยี งเหมอื นประสมด้วย “สระอะ”

- พยัญชนะต้นท่ีมีการใช้ “พินทุ” ( ) ให้ออกเสียงเป็นพยัญชนะ

ตวั ช้ีวดั ควบกลา้ ส่วนพยัญชนะทอี่ ยหู่ ลังพยญั ชนะตน้ ถ้ามีพินทุ ใหอ้ อกเสียงเป็นตัวสะกด

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเคราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดแี ละ - พยัญชนะที่มีการใช้ “นิคหิต” ( ) ถ้ามีสระกากับอยู่ด้วยให้ออก
วรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบ้อื งต้น
เสยี งพยัญชนะตน้ ประสมสระนน้ั และมเี สยี ง ง เป็นตวั สะกด แต่ถ้าไม่มีสระกากับ

ให้ออกเสียงเหมือนประสมสระอะ ที่มี ง เป็นตัวสะกดจากน้ันร่วมกันสรุป

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความเขา้ ใจ ครเู ปน็ ผู้อธิบายเพ่มิ เติม

๕. ตัวแทนนักเรียนออกมาเขียนคาอ่านภาษาบาลีจากบัตรคาที่ครูกาหนด

K อธบิ ายความหมายของคาศพั ทใ์ นมงคลสูตรคาฉนั ท์ แล้วร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง
P แปลความและจับใจความท่มี าของมงคลสตู รคาฉันท์
A เห็นความสาคัญของการอ่านวรรณคดีไทย ขน้ั สรุป ๑๐ นำที

6. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้

สาระสาคัญ สื่อการเรยี นรู้

มงคลสูตรคาฉันท์เปน็ บทพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จ ๑. แถบขอ้ ความ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวท่ีทรงแปลจากพระสูตรภาษาบาลีใน ๒. พจนานกุ รม
พระไตรปิฎก ถือเป็นพระสูตรสาคัญที่พระสงฆ์ใช้สวดในงานมงคล
ตา่ ง ๆ เพอื่ ความเป็นสิริมงคล การศึกษามงคลสูตรคาฉันท์อย่างเข้าใจ การวัดและประเมินผล
จึงเปน็ ประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชวี ิต
- สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
สมรรถนะของผเู้ รยี น - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
- ตรวจผลงานของนักเรยี น
- การจัดการตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทีม
- การคดิ ขน้ั สงู - การเปน็ พลเมืองท่เี ข้มแข็ง บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
- การส่ือสาร - การอยรู่ ว่ มกับวทิ ยาการอยา่ งยั่งยนื
................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

ลงช่ือ………….…………………..ครผู ้สู อน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนอ่านพุทธภาษิตจากแถบข้อความ แล้วร่วมกันอธิบายความหมาย

จากนั้น สนทนาเก่ียวกับประสบการณ์การดาเนินชีวิตท่ีสอดคล้องกับพุทธภาษิต

ขั้นสอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้วู ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม อ่านมงคลสูตรคาฉันท์ หาความหมายของคาศัพท์

ชนั้ มธั ยมศึกษำปีที่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๒ จากศัพทานุกรมท้ายเร่อื งหรอื พจนานุกรม พรอ้ มทงั้ แปลความเป็นร้อยแก้ว

หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๕ กลุ่มที่ ๑ บทท่ี (๑) - (๒)

เรอ่ื ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชวั่ โมง กลมุ่ ที่ ๒ บทท่ี (๓) - (๔)

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๓๖ กลุ่มท่ี ๓ บทท่ี (๕) - (๖)

เรอื่ ง มงคลชีวติ ในมงคลสตู รคำฉันท์ เวลำ ๑ ชั่วโมง กล่มุ ที่ ๔ บทท่ี (๗) - (๘)

ครผู ูส้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ กลุม่ ท่ี ๕ บทที่ (๙) - (๑๑)

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๓. นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ในประเด็น ดังนี้
เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ๏ มงคลสตู รข้อใดปฏิบตั ไิ ด้ง่ายที่สุดและยากท่ีสดุ เพราะเหตใุ ด

๏ มงคลสตู รขอ้ ใดเหมาะสาหรบั วัยนกั เรยี นมากที่สดุ เพราะเหตุใด

๏ ประโยชน์ของการปฏิบตั ิตามมงคลสูตรมีอะไรบ้าง

ตวั ชว้ี ัด ๔. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ท่ีเป็นประเด็นปัญหาท่ีน่าสนใจใน

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดแี ละ สังคมกลุ่มละ ๑ ข่าว แล้วเขียนวิธีการแก้ไขปัญหา โดยใช้มงคลสูตรคาฉันท์
ท ๕.๑ ม.๔/๒ วรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบอื้ งตน้
วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยง ตัวแทนกลมุ่ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น
ท ๕.๑ ม.๔/๔ กับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต
ของสังคมในอดีต ๕. นกั เรยี นเขยี นบันทกึ ประสบการณ์เกี่ยวกบั การปฏิบัตติ นตามมงคลสูตรคาฉนั ท์
สังเคราะหข์ ้อคดิ จากวรรณคดแี ละ
วรรณกรรมเพอ่ื นาไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตจรงิ ของตนเอง ตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น

๖. นักเรียนแต่ละกลุ่มหาพุทธภาษิตที่สอดคล้องกับมงคลสูตรคาฉันท์

กลุ่มละ ๑ พทุ ธภาษิต โดยเขยี นและออกแบบตกแตง่ ใหส้ วยงาม

ขน้ั สรุป ๑๐ นำที

7. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้

K อธบิ ายคาสอนในมงคลสตู รคาฉนั ท์ ๑. แถบข้อความ ๓. พจนานกุ รม ๕. หนังสอื พมิ พ์
P จบั ใจความในมงคลสตู รคาฉนั ท์ ๒. ฟวิ เจอรบ์ อร์ด ๔. สไี ม้ สเี ทียน สีเมจกิ

A เห็นความสาคัญของการอ่านวรรณคดีไทย การวัดและประเมินผล

สาระสาคญั - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
มงคลสูตรคาฉันท์กล่าวถึงสิ่งที่จะนาความเจริญหรือ - ตรวจผลงานของนักเรียน
สิริมงคลมาสู่ชีวิตซ่ึงเป็นมงคลอันสูงสุด ๓๘ ประการ ประกอบด้วย
หลักปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเอง คนรอบข้าง สังคม และพัฒนาจิตเพ่ือ บนั ทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ความหลุดพ้นเข้าสู่นิพพาน การนาหลักมงคลสูตรไปปฏิบัติทาให้พบ
กับความเจริญรุ่งเรอื งในชวี ิต ................................................................................................................
................................................................................................................
................................................................................................................

สมรรถนะของผเู้ รยี น ลงชือ่ ………….…………………..ครผู ้สู อน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเปน็ ทมี ลงช่ือ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชือ่ .........................................
- การคิดขัน้ สูง - การเปน็ พลเมอื งท่ีเขม้ แข็ง
- การส่ือสาร - การอยรู่ ่วมกบั วทิ ยาการอย่างยงั่ ยนื (นำยรชั ภูมิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกันเรียงคาประพันธ์จากแถบข้อความท่ีครูกาหนด ให้เป็น

อินทรวิเชยี รฉันท์ ๑๑ และกาพย์ฉบัง ๑๖ จากนัน้ ร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกบั ลกั ษณะ

คาประพนั ธ์

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ขนั้ สอน ๔0 นำที

ชนั้ มัธยมศึกษำปีท่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๒ ๒. นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง ลักษณะคาประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๕ ๑๑ และกาพย์ฉบัง ๑๖ แล้วรว่ มกนั สรุปความเขา้ ใจ ครูเปน็ ผ้อู ธิบายเพิ่มเติม

เร่ือง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชัว่ โมง ๓. นักเรยี นฝึกอ่านทานองเสนาะมงคลสูตรคาฉนั ทต์ ามครู จากน้นั รว่ มกันอ่าน

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี ๓๗ มงคลสตู รคาฉันท์เปน็ ทานองเสนาะพรอ้ มกนั

เรอื่ ง ข้อคิดนำชีวิตในมงคลสตู รคำฉนั ท์ เวลำ ๑ ชว่ั โมง ๔. นักเรียนเลือกมงคลสูตรคาฉันท์ท่ีชอบมากท่ีสุด คนละ ๑ บท บอกลักษณะ

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ คาประพันธ์ ขีดเส้นใต้คาสัมผัสนอกและสัมผัสใน พร้อมท้ังบอกเหตุผลท่ีชอบ

มาตรฐานการเรยี นรู้ แล้วท่องจาตวั แทนนักเรียนออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

มาตรฐาน ท ๕.๑ ๕. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๖ กลุ่ม พินจิ คณุ ค่าจากเร่ืองมงคลสูตรคาฉันท์ ตัวแทนกลุ่ม
เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย
อยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง

๖. นักเรียนร่วมกันสังเคราะห์ข้อคิดจากเรื่องมงคลสูตรคาฉันท์ ที่สามารถนาไป

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ ได้

ตวั ชว้ี ดั ๗. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ แต่งเรอ่ื งส้นั ๆ ท่ีมีข้อคิดสอดคล้องกับบทมงคลสูตรคาฉนั ท์

ท ๕.๑ ม.๔/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ จากน้นั ออกมาแสดงบทบาทสมมตุ ิ ครแู ละนักเรยี นร่วมกันประเมนิ ผลงาน
ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่ีเป็น
ท ๕.๑ ม.๔/๔ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ๘. นักเรียนทาช้ินงานท่ี ๑๔ เรื่อง การเขียนบันทึกวรรณคดีศึกษา : มงคลสูตร
ท ๕.๑ ม.๔/๖ สังเคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและ
วรรณกรรมเพ่อื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง คาฉนั ท์ แลว้ แลกเปล่ยี นความรูแ้ ละความคิดซง่ึ กนั และกัน
ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่
กาหนดและบทร้อยกรองทีม่ ีคณุ คา่ ตามความ ข้นั สรปุ ๑๐ นำที
สนใจและนาไปใชอ้ ้างอิง
๙. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้

สื่อการเรยี นรู้

๑. แถบข้อความ

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การวดั และประเมินผล

K อธบิ ายคุณค่าและข้อคิดจากมงคลสูตรคาฉนั ท์ - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่
- ทอ่ งจามงคลสูตรคาฉันท์ - ตรวจผลงานของนกั เรียน

P - วเิ คราะหค์ ุณค่าของมงคลสูตรคาฉนั ท์ บนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
- สังเคราะห์ข้อคิดจากมงคลสูตรคาฉันท์เพ่ือนาไป
................................................................................................................
ประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ ................................................................................................................
................................................................................................................
A เหน็ คณุ คา่ ของวรรณคดีไทย

สาระสาคัญ ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผ้สู อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
มงคลสตู รคาฉนั ท์มคี ณุ ค่าทางด้านเน้ือหาที่ผู้ปฏิบัติตามจะ ตำแหนง่ ครู คศ.๑
พบกบั ความเจรญิ รุง่ เรืองในชีวิต และด้านวรรณศิลป์ที่ร้อยกรองภาษา
อย่างประณีต การศึกษาอย่างเข้าใจทาให้ตระหนักในคุณค่าของ
วรรณคดี และเป็นประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชีวิตได้

สมรรถนะของผ้เู รยี น

- การจดั การตนเอง - การรวมพลังทางานเป็นทมี ลงชือ่ ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชื่อ .........................................
- การคิดข้นั สูง - การเป็นพลเมืองท่เี ข้มแขง็
- การสอ่ื สาร - การอย่รู ว่ มกบั วทิ ยาการอย่างยง่ั ยนื (นำยรชั ภูมิ อยูก่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ


Click to View FlipBook Version