The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by marker020436, 2022-06-16 00:12:09

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.๔

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.๔

แผนการจัดการเรยี นรู้

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย

รายวชิ าภาษาไทย ๑ รหสั วิชา ท๓๑๑๐๑
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕

ม.๔

โดย
นายสเุ มธ เขียวโสภา
ตาแหน่ง ครู คศ.๑

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบุรี
ตาบลหนา้ เมอื ง อาเภอเมืองราชบุรี จงั หวดั ราชบุรี

กระทรวงมหาดไทย

คำนำ

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษาไทย ๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 25๖๕ นี้
จัดทาข้ึนเพ่ือกาหนดและวางกรอบเน้ือหาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซ่ึงออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้น
ผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ผู้เรียนได้เป็นผู้คิดและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามสภาพแวดล้อมและบริบทของโรงเรียน
อีกทั้งมีการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนรู้และวัยของผู้เรียน
เป็นอยา่ งย่งิ

แผนการจดั การเรยี นรู้ เปน็ เครื่องมืออานวยประโยชน์ในการจัดการศึกษาหลายประการ นอกจากเป็น
เคร่ืองมือท่ีช่วยทาให้ผู้สอนเกิดความม่ันใจในเรื่องของการวางกรอบเน้ือหาและทิศทางการสอนแล้ว ยังอานวย
ความสะดวกและมีส่วนช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น เพราะครอบคลุมด้วย
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั จุดประสงค์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล ตลอดจนสื่อที่
ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อีกท้ังสะท้อนให้ทราบถึงคุณภาพของผู้เรียน เมื่อผู้สอนพบข้อบกพร่องและ
ปัญหาในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สามารถเขียนบนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ และนาประเด็นปัญหาที่
พบมาปรับปรุง แกไ้ ข ให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับผู้เรียนซึ่งช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพ
ย่ิงขึ้น อันจะสง่ ผลไปถงึ การพฒั นาศักยภาพการเรยี นรู้ของผเู้ รยี นให้มคี ุณภาพตามเป้าหมายการศึกษา

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 25๖๕ น้ี จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เพ่ือให้ผเู้ รียนเกิดทักษะและกระบวนการเรียนรู้ไดเ้ ต็มศักยภาพอย่างแท้จรงิ

นายสเุ มธ เขยี วโสภา
ตาแหนง่ ครู คศ.๑
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

รำยวิชำภำษำไทย ๑ คำอธิบำยรำยวชิ ำ กลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย
ชั้นมธั ยมศึกษำปที ี่ 4 รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ภำคเรียนท่ี 1
เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1 หน่วยกติ

ฝึกทักษะการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพูด การวิเคราะห์และประเมินค่าวรรณคดีและ
วรรณกรรม โดยศึกษาเก่ียวกับการอ่านออกเสียง ตีความ แปลความ และขยายความ ตอบคาถาม วิเคราะห์
วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่าน และเสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล ฝึกทักษะการเขียน
อธิบาย เขียนจดหมายกิจธุระ การกรอกแบบรายการต่าง ๆ เขียนเรียงความ ย่อความ เขียนบันทึกความรู้จาก
แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ฝึกทักษะการพูดสรุปแนวคิด แสดงความคิดเห็นและประเมินเร่ืองท่ีฟังและดู
การเลอื กเร่อื งทีฟ่ งั และดอู ย่างมีวิจารณญาณ การพูดในโอกาสต่าง ๆ และศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติและพลังของ
ภาษา ลักษณะของภาษา การใชค้ าและกลมุ่ คาสร้างประโยค

โดยใช้กระบวนการอ่าน สร้างความรู้ความคิดนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต
กระบวนการเขียนเพอื่ การสอ่ื สารอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ กระบวนการฟงั การดู และการพูด สามารถเลือกฟังและ
ดู และพูดแสดงความรู้ความคิดอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติภาษาและหลัก
ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา พลังภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา รักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
และมนี สิ ัยรกั การอ่าน การเขยี น มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพดู

ตวั ชีว้ ดั
ท 1.1 ม.4/1 ม.4/9
ท 2.1 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/๔ ม.๔/๕ ม.4/8
ท 3.1 ม.4/1 ม.4/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ม.๔/๖
ท 4.1 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3
ท ๕.๑ ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/๔ ม.4/๖

รวม 2๑ ตวั ชี้วัด

มำตรฐำนกำรเรยี นรูแ้ ละตัวช้ีวดั
กลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔

สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั

สำระท่ี ๑ กำรอ่ำน ๑. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่าน ไพเราะ และเหมาะสมกบั เรื่องที่อา่ น
สร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ ๒. ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองที่อา่ น
ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิตและ ๓. วเิ คราะหแ์ ละวิจารณเ์ รอื่ งทีอ่ ่านในทุก ๆ ดา้ นอย่างมเี หตุผล
มนี ิสยั รักการอา่ น ๔. คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอ่าน และประเมินค่าเพื่อนา
ความรู้ ความคิดไปใชต้ ดั สนิ ใจแกป้ ญั หาในการดาเนินชีวิต
๕. วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน
และเสนอความคดิ ใหมอ่ ยา่ งมีเหตผุ ล
๖. ตอบคาถามจากการอ่านงานเขียนประเภท ต่าง ๆ ภายในเวลา
ทีก่ าหนด
๗. อ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก
ยอ่ ความ และรายงาน
๘. สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านสื่อส่ิงพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์
และแหล่งเรยี นร้ตู ่าง ๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนา
ความรูท้ างอาชพี
๙. มมี ารยาทในการอ่าน

สำระท่ี ๒ กำรเขยี น ๑. เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์โดยใช้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน ภาษาเรียบเรยี งถูกต้องมีข้อมูลและสาระสาคญั ชดั เจน
เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ ๒. เขียนเรียงความ
และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ ๓. เขียนยอ่ ความจากสอื่ ทีม่ รี ูปแบบและเนอื้ หาหลากหลาย
เ ขี ย น ร า ย ง า น ข้ อ มู ล ส า ร ส น เ ท ศ แ ล ะ ๔. ผลิตงานเขียนของตนเองในรปู แบบตา่ ง ๆ
ร า ย ง า น ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า อ ย่ า ง มี ๕. ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืนแล้วนามาพัฒนางานเขียนของ
ประสิทธิภาพ ตนเอง
๖. เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจตามหลักการเขียน
เชงิ วิชาการและใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างองิ อย่างถูกต้อง
๗. บนั ทกึ การศึกษาค้นควา้ เพ่ือนาไปพฒั นาตนเองอย่างสม่าเสมอ
๘. มีมารยาทในการเขียน

มำตรฐำนกำรเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ัด
กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๔

สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตวั ช้วี ดั

สำระท่ี ๓ กำรฟงั กำรดู และกำรพดู ๑. สรปุ แนวคิดและแสดงความคดิ เห็นจากเร่อื งที่ฟงั และดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู ๒. วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษา และความน่าเชื่อถือจากเรื่องที่
อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ฟงั และดูอย่างมเี หตุผล
ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ ๓. ประเมินเร่ืองท่ีฟังและดู แล้วกาหนดแนวทางนาไปประยุกต์
อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ใช้ในการดาเนนิ ชวี ิต
๔. มีวจิ ารณญาณในการเลอื กเรอ่ื งทีฟ่ งั และดู
๕. พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจและ
เสนอความคดิ ใหม่ดว้ ยภาษาถกู ตอ้ งเหมาะสม
๖. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู

สำระที่ ๔ หลักกำรใชภ้ ำษำไทย ๑. อธิบายธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา และลักษณะของ
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของ ภาษา
ภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ๒. ใช้คาและกลุม่ คาสร้างประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์
ของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญา ๓. ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคลรวมทั้ง
ทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติ คาราชาศัพทอ์ ยา่ งเหมาะสม
ของชาติ ๔. แต่งบทร้อยกรอง
๕. วิเคราะหอ์ ทิ ธิพลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถนิ่
๖. อธิบายและวิเคราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย
๗. วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ์และ
สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์

สำระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ๑. วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการ
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความ วิจารณเ์ บอ้ื งตน้
คิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ๒. วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกับการเรียนรู้
ไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ ทางประวัตศิ าสตร์และวถิ ชี วี ิตของสังคมในอดีต
ในชวี ติ จริง ๓. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและ
วรรณกรรมในฐานะท่เี ป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
๔. สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาไป
ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ
๕. รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบา้ นและอธบิ ายภูมิปญั ญาทางภาษา
๖. ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบท
รอ้ ยกรองทีม่ ีคุณค่าตามความสนใจและนาไปใช้อ้างอิง

กำหนดกำรสอน
รำยวิชำภำษำไทย ๑ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑

ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ ภำคเรยี นที่ ๑
เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต

สปั ดำห์ท่ี ชื่อหน่วย มำตรฐำน เนอ้ื หำ เวลำ
กำรเรยี นรู้ กำรเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั (ชัว่ โมง)
ท ๑.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๙ - หลักการอ่านออกเสียงข่าว
1 อักษรานิทศั น์ - การอา่ นเครอ่ื งหมายวรรคตอน ๒
ท ๑.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๙ - การอ่านอักษรยอ่
๒ อักษรานิทศั น์ ท ๑.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๙ - หลกั การอ่านออกเสยี งบทความและบทโฆษณา ๒
๓ อกั ษรานทิ ัศน์ - หลกั การอา่ นออกเสยี งบทละคร ๒
- หลักการอ่านออกเสยี งกาพย์
- หลกั การอ่านออกเสียงโคลง ๒

ปฏิพทั ธ์งานเขียน ท ๒.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๔, - การเขยี นอธบิ าย ๒

ม.๔/๕, ม.๔/๘

๔ ปฏพิ ทั ธ์งานเขยี น ท ๒.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๔, - การเขยี นบรรยาย

ม.๔/๕, ม.๔/๘ - การเขียนพรรณนา

- การเขยี นจดหมายกิจธุระ

๕ ปฏิพทั ธ์งานเขยี น ท ๒.๑ ม.๔/๒, ม.๔/๔, - การเขียนโครงเรือ่ งเรียงความ

ม.๔/๕, ม.๔/๘ - การเขยี นเรยี งความ

๖ ปฏิพทั ธง์ านเขยี น ท ๒.๑ ม.๔/๓, ม.๔/๔, - การเขียนยอ่ ความ

ส ม.๔/๕, ม.๔/๘ ส

พากเพยี รฟัง ดู พดู ท ๓.๑ ม.๔/๔, ม.๔/๖ - การเลอื กเรื่องเพือ่ ฟงั และดู

๗ พากเพยี รฟงั ดู พูด ท ๓.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - การพดู สรุปแนวคิดจากเรือ่ งทีฟ่ ังและดู

ส ม.๔/๓, ม.๔/๖ ส

พหูสตู หลักภาษา ท ๔.๑ ม.๔/๑ - ธรรมชาติของภาษา
๘ พหสู ูตหลกั ภาษา ท ๔.๑ ม.๔/๑ - พลงั ของภาษา
- ลกั ษณะของภาษา

กำหนดกำรสอน
รำยวิชำภำษำไทย ๑ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑

ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ ภำคเรียนที่ ๑
เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หนว่ ยกิต

สัปดำห์ท่ี ช่อื หน่วย มำตรฐำน เน้ือหำ เวลำ
กำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั (ช่วั โมง)
ท ๔.๑ ม.๔/๒
๙ พหสู ตู หลกั ภาษา - คาและการใชค้ า ๒
ท ๔.๑ ม.๔/๒
- สานวน
ท ๔.๑ ม.๔/๒
๑๐ พหูสูตหลักภาษา - รูปประโยค ๒
ท ๔.๑ ม.๔/๒
ท ๔.๑ ม.๔/๓ - ประโยคตามเจตนาในการส่งสารและชนิดของ

ท ๔.๑ ม.๔/๓ ประโยค

๑๑ พหสู ตู หลักภาษา - หลักการใช้วรรณยกุ ต์ ๒
๑๒ พหูสูตหลกั ภาษา
- หลกั การเขียนคาพอ้ งเสียง

- หลกั การเขยี นคาท่ใี ช้ ร ล ๒

- ภาษาระดับพิธีการ ภาษาระดับทางการ และ

ภาษาระดบั กงึ่ ทางการ

๑๓ พหสู ตู หลักภาษา - ภาษาระดบั สนทนา และภาษาระดับกนั เอง ๒

ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - บทนมัสการมาตาปติ ุคณุ

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖

๑๔ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - บทนมัสการอาจริยคุณ ๒

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖ - ทม่ี าของเรอื่ งอเิ หนา

๑๕ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - บทละครเรอ่ื ง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนงิ ๒

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔, ม.๔/๖ - การอ่านทานองเสนาะและท่องจาบทละครเร่ือง

อเิ หนา

๑๖ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - การแปลความ ตีความ และขยายความบทละคร ๒

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔ เรอื่ ง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกหุ นิง

- การแสดงบทบาทสมมตุ ิ

๑๗ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - กลวิธีการประพันธ์ ๒

วรรณกรรม ม.๔/๓ - คุณค่าของบทละครเรื่อง อเิ หนา

ตอน ศึกกะหมังกหุ นิง

กำหนดกำรสอน
รำยวชิ ำภำษำไทย ๑ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๔ ภำคเรยี นท่ี ๑
เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๐ หนว่ ยกิต

สปั ดำหท์ ่ี ช่ือหนว่ ย มำตรฐำน เนอื้ หำ เวลำ
๑๘ (ชว่ั โมง)
กำรเรียนรู้ กำรเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
๑๙
๒๐ ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - ความรู้และข้อคิดจากบทละครเร่ือง อิเหนา ๒

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔ ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง

- นทิ านเวตาล

ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๑, ม.๔/๒, - การแสดงบทบาทสมมุติ ๒

วรรณกรรม ม.๔/๓, ม.๔/๔ - คุณคา่ และขอ้ คิดจากนทิ านเวตาล

ทัศนาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๔/๖ - บทอาขยานนมัสการมาตาปิตุคุณและนมัสการ ๒

วรรณกรรม อาจรยิ คณุ

รวม ๔๐

หน่วยการเรียนรู้ที่
เรื่อง อักษรานทิ ัศน์

เวลา ๕ ช่วั โมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกนั แสดงควำมคดิ เห็น โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดังน้ี

- นักเรียนมีควำมคิดเห็นอย่ำงไรกับผู้ประกำศข่ำวที่อ่ำนออกเสียง

ไม่ชัดเจน

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ขนั้ สอน ๔0 นำที

ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. ครูถำมนักเรียนว่ำกำรอ่ำนข่ำวท่ีนักเรียนได้ฟังในชีวิตประจำวันเป็นกำร

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง อักษรำนทิ ัศน์ เวลำ ๕ ชั่วโมง อ่ำนประเภทใด ระหว่ำงบทร้อยแก้วกับบทร้อยกรอง จำกน้ันครูอธิบำย

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๑ เรือ่ ง กำรอ่ำนขำ่ ว เวลำ ๑ ช่ัวโมง ลกั ษณะงำนเขยี นประเภทรอ้ ยแก้วให้นักเรยี นฟัง

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๓. นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่ำงข่ำวในชีวิตประจำวัน โดยเน้นสำระสำคัญ คือ

ข่ำวน้ันเป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร มีบุคคลเก่ียวข้องคือใคร ทำอะไร ท่ีไหน

อย่ำงไร

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ๖ กลมุ่ แบ่งตำมประเภทข่ำว ดังนี้

มำตรฐำน ท ๑.๑ กลมุ่ ที่ ๑ ขำ่ วกำรเมอื ง
ใช้กระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรู้และควำมคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ัญหำในกำรดำเนินชีวิตและมนี สิ ัยรกั กำรอ่ำน กลุ่มที่ ๒ ข่ำวเศรษฐกิจ

ตัวชว้ี ดั กลมุ่ ที่ ๓ ข่ำวอำชญำกรรม

ท ๑.๑ ม.๔/๑ อ่ำนออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรอง กลมุ่ ที่ ๔ ขำ่ วสงั คม
ได้อยำ่ งถกู ต้อง ไพเรำะ และเหมำะสมกับเรื่องท่อี ่ำน
กลมุ่ ที่ ๕ ข่ำวบนั เทิง
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มมี ำรยำทในกำรอ่ำน
กลมุ่ ที่ ๖ ขำ่ วเกีย่ วกับอำเซียน

จำกน้ันครูแจกข่ำวแต่ละประเภทให้แต่ละกลุ่มฝึกอ่ำน และให้

นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนท่ีอ่ำนได้ดีที่สุดมำอ่ำนหน้ำช้ันเรียนแล้วช่วยกัน

วิจำรณ์กำรอ่ำนของตวั แทนนักเรียนทั้ง ๖ กลมุ่

ขน้ั สรุป ๑๐ นำที

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๕. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ควำมรู้

K อธบิ ำยหลกั กำรอำ่ นออกเสียงข่ำว สื่อการเรยี นรู้

P อ่ำนออกเสียงขำ่ ว ๑. ขำ่ ว
๒. แถบขอ้ ควำม
A เห็นควำมสำคัญของกำรอำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้
ใหถ้ ูกต้อง ชัดเจน และน่ำฟัง การวดั และประเมินผล

สาระสาคญั - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลุ่ม
บ ท ร้ อ ย แ ก้ ว เ ป็ น ค ว ำ ม เ รี ย ง ที่ ส ล ะ ส ล ว ย ไ พ เ ร ำ ะ - ตรวจผลงำนของนักเรยี น
เหมำะเจำะด้วยคำและควำมหมำย กำรอ่ำนออกเสียงร้อยแก้วเป็น
กำ ร อ่ำ นเ พ่ื อส่ื อส ำ ร กั บบุ คคล อื่น เ ป็นทั กษ ะที่ ส ำ คั ญใ น บนั ทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ชีวิตประจำวัน กำรอ่ำนออกเสียงข่ำวต้องเน้นสำระสำคัญของข่ำว
และอ่ำนด้วยน้ำเสียงน่ำฟัง ชวนให้ติดตำม และมีอัตรำเร็วท่ี .........................................................................................................
พอเหมำะ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี ลงชื่อ………….…………………..ครูผู้สอน
- กำรคดิ ข้ันสงู - กำรเป็นพลเมอื งท่เี ข้มแขง็ (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรสื่อสำร - กำรอย่รู ว่ มกับวิทยำกำรอย่ำงย่งั ยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงควำมคิดเหน็ โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดังน้ี

- น้ำเสียงและอัตรำเรว็ ในกำรอำ่ นมผี ลตอ่ ผฟู้ งั อย่ำงไร

๒. นักเรียนบรหิ ำรปำกและลนิ้ โดยพดู ตำมครู ดงั นี้

แผนกำรจดั กำรเรียนร้วู ชิ ำภำษำไทย เรำ รกั โรงเรยี น

ชั้นมัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ลีลำ ลักลอบ ลงิ โลด

หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๑ เรอื่ ง อกั ษรำนิทศั น์ เวลำ ๕ ชว่ั โมง ปรับปรุง เปลยี่ นแปลง แปลกปลอม

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ คลคี่ ลำย คลุกคลี ครบครนั

เรื่อง กำรอำ่ นบทควำมและบทโฆษณำ เวลำ ๑ ชว่ั โมง ขน้ั สอน ๔0 นำที

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๓. นกั เรยี นศึกษำควำมรู้เรอื่ ง กำรอำ่ นบทควำม แล้วร่วมกนั สรุปควำมเขำ้ ใจ

๔. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ ๕-๖ คน ฝกึ อ่ำนออกเสียงบทควำมท่ีครแู จกให้

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๕. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมำอำ่ นออกเสยี งบทควำมให้เพอ่ื นฟังหน้ำชนั้ เรียน

มำตรฐำน ท ๑.๑ ๖. นักเรียนรว่ มกนั สรุปควำมรทู้ ีไ่ ดจ้ ำกกำรอ่ำนออกเสยี งบทควำม
ใช้กระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรู้และควำมคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปัญหำในกำรดำเนนิ ชีวติ และมนี ิสยั รักกำรอำ่ น ๗. นักเรียนฟังแถบบันทึกเสียงหรือชมวีดิทัศน์โฆษณำสินค้ำหรือบริกำรท่ีครู

เตรียมไว้ แลว้ ร่วมกนั สนทนำเก่ยี วกับส่งิ ท่ีทำให้โฆษณำน้นั นำ่ สนใจ

๘. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรอ่ำนบทโฆษณำ แล้วร่วมกันสรุปควำม

ตัวชีว้ ดั เข้ำใจ ครูเปน็ ผอู้ ธบิ ำยเพิ่มเติม

ท ๑.๑ ม.๔/๑ อ่ำนออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรอง ๙. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ ๕-๖ คน ให้ช่วยกันคิดข้อควำมโฆษณำ
ได้อย่ำงถกู ตอ้ ง ไพเรำะ และเหมำะสมกับเรอ่ื งทอี่ ำ่ น
แลว้ สง่ ตัวแทนมำอ่ำนใหเ้ พ่ือนฟงั
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มีมำรยำทในกำรอำ่ น
๑๐. ครูและนักเรียนช่วยกันแสดงควำมคิดเห็นกำรอ่ำนโฆษณำแต่ละกลุ่ม

โดยใหน้ กั เรยี นเลอื กว่ำสนใจโฆษณำกล่มุ ใดมำกทส่ี ุดด้วยกำรยกมอื

ข้นั สรุป ๑๐ นำที

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑๑. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปควำมรู้

K อธบิ ำยหลักกำรอ่ำนออกเสยี งบทควำมและบทโฆษณำ ส่อื การเรยี นรู้

P อ่ำนออกเสียงบทควำมและบทโฆษณำ ๑. บทควำม
๒. แถบบันทึกเสยี งหรือวิดีทศั น์
A เหน็ ควำมสำคญั ของกำรอ่ำนออกเสียงบทร้อยแก้ว
ใหถ้ กู ต้อง ชดั เจน และน่ำฟัง การวดั และประเมนิ ผล

สาระสาคัญ - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม
กำรอ่ำนออกเสียงบทร้อยแก้วต้องอ่ำนให้ชัดเจน และ - ตรวจผลงำนของนกั เรยี น
เหมำะสมกับบทร้อยแก้วแต่ละประเภท กำรอ่ำนบทควำมจึงต้อง
คำนึงถึงประเภทของบทควำม กำรอ่ำนบทโฆษณำต้องใช้น้ำเสียง บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
สอดคล้องกับลักษณะของสินค้ำ บริกำร และกลุ่มเป้ำหมำยที่เป็น
ผูฟ้ ัง .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผูเ้ รยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทีม ลงชื่อ………….…………………..ครผู สู้ อน
- กำรคดิ ขนั้ สงู - กำรเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แข็ง (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรส่อื สำร - กำรอยู่รว่ มกับวทิ ยำกำรอย่ำงยัง่ ยืน ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอ่ื ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นร่วมกันแสดงควำมคดิ เหน็ โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดงั น้ี

- นกั พำกย์กบั นักแสดงเหมอื นและตำ่ งกนั อย่ำงไร

ขน้ั สอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้วู ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนดูละครจำกวีดิทัศน์ที่ครูเตรียมไว้ หรือร่วมกันสนทนำเกี่ยวกับ

ชนั้ มัธยมศึกษำปที ี่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ละครท่ีชื่นชอบในช่วงน้ัน แล้วให้นักเรียนสังเกตกำรใช้น้ำเสียงของตัวละคร

หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง อักษรำนิทัศน์ เวลำ ๕ ชวั่ โมง แตล่ ะตวั

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๓ เร่ือง กำรอ่ำนบทละคร เวลำ ๑ ช่วั โมง ๓. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรอ่ำนบทละคร แล้วให้อำสำสมัคร ๓ คน

ครผู สู้ อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ อ่ำนบทละคร เรือ่ ง หัวใจนักรบ จำกน้ันร่วมกันแสดงควำมคิดเห็นในกำรอ่ำน

ของนักเรียน

๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน เพื่อช่วยกันแต่งบทละคร แล้วนำมำ

มาตรฐานการเรยี นรู้ อำ่ นออกเสียงประกอบกำรแสดง

มำตรฐำน ท ๑.๑ ๕. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันประเมนิ ผลงำนของนักเรยี น
ใช้กระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรู้และควำมคิดเพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปญั หำในกำรดำเนินชวี ิตและมนี ิสยั รักกำรอ่ำน ข้ันสรปุ ๑๐ นำที

ตัวชีว้ ัด ๖. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ควำมรู้

ท ๑.๑ ม.๔/๑ อำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรอง กำรอ่ำนออกเสียงบทละคร ควรเลือกใช้น้ำเสียงให้เหมำะกับ
ได้อยำ่ งถูกต้อง ไพเรำะ และเหมำะสมกบั เร่อื งทอี่ ำ่ น
อำรมณ์และบทบำทของตัวละคร เพื่อใหเ้ ขำ้ ถึงบทละครนัน้ ๆ
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มีมำรยำทในกำรอำ่ น
ส่ือการเรยี นรู้

๑. วีดทิ ศั น์

จุดประสงค์การเรยี นรู้ การวดั และประเมินผล

K อธิบำยหลักกำรอำ่ นออกเสียงบทละคร - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
P อ่ำนออกเสียงบทละคร - ตรวจผลงำนของนักเรียน

A เห็นควำมสำคญั ของกำรอ่ำนออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ บันทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ให้ถกู ต้อง ชัดเจน และน่ำฟัง
.........................................................................................................
สาระสาคญั .........................................................................................................
.........................................................................................................
กำรอ่ำนออกเสียงบทละคร ควรเลือกใช้น้ำเสียง .........................................................................................................
ให้เหมำะกับอำรมณ์และบทบำทของตัวละคร เพ่ือให้เข้ำถึง .........................................................................................................
บทละครนนั้ ๆ

สมรรถนะของผู้เรยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี ลงชื่อ………….…………………..ครูผ้สู อน
- กำรคิดข้ันสงู - กำรเปน็ พลเมอื งทีเ่ ขม้ แขง็ (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรสือ่ สำร - กำรอยู่ร่วมกับวทิ ยำกำรอย่ำงยั่งยืน ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. ครูนำหนังสือที่ได้รับรำงวัลวรรณกรรมสร้ำงสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอำเซียน

(ซีไรต์) ประเภทกวนี พิ นธ์ใหน้ กั เรยี นดู ได้แก่

- เพียงควำมเคล่ือนไหว - นำฏกรรมบนลำนกว้ำง

แผนกำรจัดกำรเรียนร้วู ชิ ำภำษำไทย - ปณิธำนกวี - ใบไม้ทหี่ ำยไป

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ - มือนนั้ สีขำว - มำ้ ก้ำนกล้วย

หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอื่ ง อักษรำนทิ ัศน์ เวลำ ๕ ชว่ั โมง - โลกในดวงตำข้ำพเจำ้

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เรอื่ ง กำรอ่ำนกำพย์ เวลำ ๑ ช่ัวโมง ๒. ครูถำมนักเรียนว่ำบทกวีนิพนธ์ท่ีนักเรียนได้ดู มีควำมต่ำงกับกำรเขียนใน

ครผู ูส้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ชีวิตประจำวันอย่ำงไร จำกนั้นครูอธิบำยว่ำบทกวีนิพนธ์เป็นร้อยกรอง

กำรเขียนในชีวติ ประจำวันมกั จะเป็นรอ้ ยแก้ว

ขั้นสอน ๔0 นำที

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓. ครูอธิบำยบทร้อยกรองประเภทกำพย์ โดยนำแผนผังกำพย์ยำนี ๑๑

มำตรฐำน ท ๑.๑ กำพยฉ์ บัง ๑๖ และกำพย์สุรำงคนำงค์ ๒๘ ตดิ บนกระดำน
ใช้กระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรู้และควำมคิดเพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปัญหำในกำรดำเนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รกั กำรอ่ำน ๔. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง กำรอ่ำนออกเสียงกำพย์ แล้วฝึกอ่ำนออกเสียง

ตัวชว้ี ดั พร้อมกัน

ท ๑.๑ ม.๔/๑ อ่ำนออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรอง ๕. นักเรียนฟังกำรอ่ำนทำนองเสนำะจำกแถบบันทึกเสียงหรือครูอ่ำนให้ฟัง
ไดอ้ ยำ่ งถูกต้อง ไพเรำะ และเหมำะสมกับเร่ืองทอ่ี ่ำน
เป็นตัวอย่ำงหรือให้นักเรียนท่ีอ่ำนได้ไพเรำะออกมำอ่ำนให้เพื่อนฟัง แล้วให้
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มมี ำรยำทในกำรอ่ำน
นกั เรยี นฝกึ อ่ำนทำนองเสนำะตำม
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๖. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน ฝึกอ่ำนกำพย์ท่ีครูแจกให้เป็นทำนอง

เสนำะแตล่ ะกลุม่ จะได้บทแตกต่ำงกนั เมอื่ ฝกึ ซ้อมพอสมควรให้แต่ละกลุ่มผลัด

กันออกมำอำ่ นหน้ำชั้นเรียนท้งั กล่มุ

ขน้ั สรุป ๑๐ นำที

๗. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ควำมรู้

K อธิบำยหลักกำรอำ่ นออกเสยี งกำพย์ สอ่ื การเรยี นรู้ ๓. แถบบนั ทกึ เสียง
๔. บทอ่ำน
P อำ่ นออกเสียงกำพย์ ๑. หนังสือกวีนพิ นธ์
A เห็นควำมสำคญั ของกำรอำ่ นออกเสียงบทร้อยกรอง ๒. แผนผังคำประพันธ์

สาระสาคัญ การวดั และประเมนิ ผล

บทร้อยกรองเกิดจำกกำรเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็น - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม
ระเบียบตำมบัญญตั ิแห่งฉันทลักษณ์ กำรอำ่ นออกเสียงบทร้อยกรอง - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลุม่
ได้ถกู ตอ้ งและไพเรำะเปน็ กำรสืบสำนวฒั นธรรมไทย - ตรวจผลงำนของนกั เรียน

สมรรถนะของผูเ้ รยี น บันทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี .........................................................................................................
- กำรคดิ ขน้ั สงู - กำรเปน็ พลเมอื งท่เี ข้มแข็ง .........................................................................................................
- กำรสอื่ สำร - กำรอย่รู ่วมกับวิทยำกำรอย่ำงย่งั ยนื .........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................

ลงชื่อ………….…………………..ครผู ้สู อน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงควำมคิดเห็น โดยครใู ชค้ ำถำมทำ้ ทำย ดังนี้

- กำรแบ่งจังหวะคำในกำรอ่ำนออกเสียงบทร้อยกรองมี

ควำมสำคญั อย่ำงไรบำ้ ง

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้วิชำภำษำไทย ขั้นสอน ๔0 นำที

ชัน้ มัธยมศึกษำปีท่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. ครูอธบิ ำยแผนผังโคลงประเภทตำ่ ง ๆ

หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง อักษรำนทิ ัศน์ เวลำ ๕ ชัว่ โมง ๓. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรอ่ำนออกเสียงโคลง แล้วฝึกอ่ำนออกเสียง

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรื่อง กำรอ่ำนโคลง เวลำ ๑ ชวั่ โมง โคลงพร้อมกนั

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๔. นักเรียนฟังกำรอ่ำนทำนองเสนำะจำกแถบบันทึกเสียงหรือครูอ่ำนให้ฟัง

เป็นตัวอย่ำงหรือให้นักเรียนที่อ่ำนได้ไพเรำะออกมำอ่ำนให้เพื่อนฟัง แล้วให้

นกั เรยี นฝึกอำ่ นทำนองเสนำะตำม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๕. นักเรียนหำโคลงบทที่ประทับใจ แล้วจับคู่กับเพ่ือนเพื่ออ่ำนให้เพ่ือนฟัง

มำตรฐำน ท ๑.๑ จำกน้นั ผลดั กนั วจิ ำรณ์
ใชก้ ระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรู้และควำมคิดเพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปญั หำในกำรดำเนนิ ชีวติ และมีนิสยั รกั กำรอำ่ น ๖. นกั เรยี นนำโคลงทฝ่ี กึ ฝนมำอ่ำนกับครูนอกเวลำเรียน

ตวั ช้ีวดั ขัน้ สรปุ ๑๐ นำที

ท ๑.๑ ม.๔/๑ อ่ำนออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรอง ๗. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปควำมรู้ ดงั น้ี
ไดอ้ ยำ่ งถูกต้อง ไพเรำะ และเหมำะสมกบั เร่ืองทีอ่ ่ำน
กำรอำ่ นออกเสยี งโคลงต้องสังเกตควำมหมำยของคำในแต่ละวรรค
ท ๑.๑ ม.๔/๙ มมี ำรยำทในกำรอ่ำน
เพ่ือให้แบง่ จงั หวะไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
สอื่ การเรยี นรู้
K อธบิ ำยหลกั กำรอ่ำนออกเสยี งโคลง
๑. แผนผังคำประพันธ์
P อำ่ นออกเสียงโคลง ๒. แถบบันทกึ เสียง

A เหน็ ควำมสำคัญของกำรอ่ำนออกเสียงบทรอ้ ยกรอง การวดั และประเมินผล

สาระสาคัญ - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
กำรอ่ำนออกเสียงโคลงต้องสังเกตควำมหมำยของคำใน - ตรวจผลงำนของนกั เรียน
แต่ละวรรคเพอ่ื ใหแ้ บง่ จังหวะไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม
บันทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

.........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................

สมรรถนะของผู้เรยี น

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทีม
- กำรคดิ ขั้นสูง - กำรเป็นพลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง
- กำรสอื่ สำร - กำรอยรู่ ว่ มกับวทิ ยำกำรอย่ำงยง่ั ยนื

ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผ้สู อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชือ่ ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่
เรื่อง ปฏิพัทธ์งานเขียน

เวลา ๖ ชัว่ โมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนอ่ำนวิธีกำรปรุงอำหำรจำกแถบข้อควำม แล้วร่วมกันทำยว่ำเป็น

อำหำรชนิดใด จำกน้ันสนทนำเกย่ี วกบั ลกั ษณะกำรเขียนอธบิ ำย

“นำเน้ือหมูกับกระเทียม พริกไทย รำกผักชี และซอสหอยนำงรม

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้วู ชิ ำภำษำไทย ๒ ช้อนโต๊ะ คลุกพอเข้ำกัน นำมำป้ันเป็นก้อนขนำดพอคำ ใส่น้ำเปล่ำลงหม้อ

ชนั้ มัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ปรุงรสด้วยเกลือป่น ซอสหอยนำงรม ๔ ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟพอเดือด ใส่หมูป้ัน

หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง ปฏิพทั ธ์งำนเขียน เวลำ ๖ ชว่ั โมง ก้อนลงไป ตำมด้วยผักกำดขำว และเต้ำหู้ ต้มพอผักเริ่มสุก ใส่สำหร่ำยและ

แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี ๖ เร่ือง กำรเขียนอธิบำย เวลำ ๑ ชั่วโมง ต้นหอมลงไปคนพอเขำ้ กัน พร้อมจดั รับประทำน”

ครูผู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ (เฉลย : แกงจดื เต้ำหู้)

ข้ันสอน ๔0 นำที

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรเขียนอธิบำย แล้วร่วมกันสรุปควำมเข้ำใจ

มำตรฐำน ท ๒.๑ ครเู ปน็ ผ้อู ธิบำยเพม่ิ เตมิ
ใช้กระบวนกำรเขียนเขียนส่ือสำร เขียนเรียงควำม ย่อควำม และ
เขียนเรื่องรำวในรูปแบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ ๓. นักเรียนอำ่ นขอ้ ควำมท่ีครูกำหนด แลว้ รว่ มกนั บอกว่ำเป็นกำรเขียนอธิบำย
และรำยงำนกำรศึกษำค้นคว้ำอย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพ
รปู แบบใด

๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๖ กลุ่ม แต่ละกลุ่มจับฉลำกกลวิธีกำรเขียนอธิบำย

๑ ใบ และเนื้อหำอีก ๑ ใบ จำกนั้นเขียนอธิบำยตำมเน้ือหำโดยใช้กลวิธี

กำรเขยี นทไ่ี ดร้ บั

ตวั ช้ีวัด ๕. ตวั แทนกลมุ่ ออกมำนำเสนอหนำ้ ชนั้ เรียน ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบ

ท ๒.๑ ม.๔/๑ ควำมถูกตอ้ ง และให้ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม จำกน้ันคัดเลือกผลงำนที่ดีนำมำติด

ท ๒.๑ ม.๔/๔ เขยี นส่ือสำรในรปู แบบต่ำง ๆ ได้ตรงตำม ปำ้ ยนิเทศ
ท ๒.๑ ม.๔/๕ วัตถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ ำษำเรียบเรยี งถกู ตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๔/๘ มขี อ้ มลู และสำระสำคญั ชดั เจน ขั้นสรุป ๑๐ นำที
ผลิตงำนเขยี นของตนเองในรูปแบบต่ำง ๆ
ประเมนิ งำนเขียนของผูอ้ ืน่ แล้วนำมำพฒั นำ ๖. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ควำมรู้
งำนเขยี นของตนเอง
มมี ำรยำทในกำรเขยี น สื่อการเรยี นรู้

๑. แถบขอ้ ควำม
๒. ฉลำก

จุดประสงค์การเรยี นรู้

K อธิบำยกลวธิ ีในกำรเขยี นอธิบำย การวัดและประเมนิ ผล

P เขียนอธบิ ำย - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม
- สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- เหน็ ควำมสำคญั ของกำรเขียนอธบิ ำยทสี่ ำมำรถนำมำใช้ - ตรวจผลงำนของนักเรียน

A ในกำรเรียนและชวี ติ ประจำวนั บนั ทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

- มมี ำรยำทในกำรเขยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
สาระสาคญั .........................................................................................................
.........................................................................................................
กำรเขียนอธบิ ำยเป็นกำรเขียนทีม่ ีจดุ มุง่ หมำยให้ผู้รับสำร .........................................................................................................
เข้ำใจเร่ืองรำวอย่ำงใดอยำ่ งหน่งึ อย่ำงถูกตอ้ งชัดเจน กำรศึกษำและ
ฝึกฝนตำมกลวิธีกำรเขียนอธิบำย ทำให้สำมำรถเขียนอธิบำย ลงชื่อ………….…………………..ครผู ู้สอน
ไดล้ ะเอียดและชดั เจนมำกยง่ิ ข้ึน (นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑
สมรรถนะของผเู้ รยี น

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี ลงชือ่ ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่ือ .........................................
- กำรคดิ ข้ันสูง - กำรเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยรู่ ่วมกับวทิ ยำกำรอยำ่ งย่ังยนื (นำยรชั ภูมิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนอำ่ นขอ้ ควำมกำรเขยี นบรรยำยและกำรเขยี นพรรณนำท่คี รูกำหนด

แลว้ รว่ มกนั ตอบคำถำม ดงั น้ี

- ขอ้ ควำม ๒ ข้อควำมมีลกั ษณะแตกต่ำงกนั อย่ำงไร

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย - ขอ้ ควำมใดเปน็ กำรเขียนบรรยำยและกำรเขยี นพรรณนำ

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ - นักเรียนจะเห็นกำรเขียนแบบบรรยำยและพรรณนำจำกงำน

หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๒ เร่ือง ปฏิพทั ธ์งำนเขยี น เวลำ ๖ ช่วั โมง เขยี นประเภทใดบำ้ ง

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๗ - จำกน้ันสนทนำเก่ยี วกับกำรเขียนบรรยำยและกำรเขียนพรรณนำ

เรอื่ ง กำรเขยี นบรรยำยและพรรณนำ เวลำ ๑ ช่วั โมง ขั้นสอน ๔0 นำที

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง กำรเขียนบรรยำยและกำรเขียนพรรณนำ

แล้วรว่ มกันสรุปควำมเข้ำใจ ครเู ป็นผูอ้ ธิบำยเพ่มิ เติม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๖ กลุ่ม หำข้อควำมท่ีเป็นกำรเขียนบรรยำยหรือ

มำตรฐำน ท ๒.๑ ก ำ ร เ ขี ย น พ ร ร ณ น ำ จ ำ ก สื่ อ ต่ ำ ง ๆ เ ช่ น ห นั ง สื อ พิ ม พ์ นิ ต ย ส ำ ร
ใช้กระบวนกำรเขียนเขียนส่ือสำร เขียนเรียงควำม ย่อควำม และ
เขียนเรื่องรำวในรูปแบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ กล่มุ ละ ๒ ขอ้ ควำม จำกนัน้ ออกมำอ่ำนหนำ้ ชั้นเรยี น แล้วให้เพ่ือนทำยว่ำเป็น
และรำยงำนกำรศกึ ษำคน้ คว้ำอย่ำงมีประสิทธิภำพ
กำรเขยี นแบบบรรยำยหรือพรรณนำ

๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนเร่ือง ๑ เร่ือง ให้มีท้ังกำรเขียนบรรยำยและ

พรรณนำโดยจับฉลำกเลือกคำทกี่ ำหนดให้กลุ่มละ ๓ คำ ดังนี้

พระจนั ทร์ กงั หัน บงกช วิหค นภำ

ตวั ช้ีวดั ๕. ตัวแทนกลุ่มออกมำอ่ำนผลงำนหน้ำช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ท ๒.๑ ม.๔/๑ เขียนสอื่ สำรในรปู แบบตำ่ ง ๆ ได้ตรงตำม ประเมินผลและคัดเลอื กผลงำนท่ดี ีนำไปติดป้ำยนเิ ทศ
วัตถปุ ระสงค์ โดยใช้ภำษำเรยี บเรียงถูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๔/๔ มีข้อมลู และสำระสำคญั ชัดเจน ๖. นักเรียนทำช้ินงำนที่ ๕ เร่ือง กำรเขียนอธิบำย บรรยำย และพรรณนำ
ท ๒.๑ ม.๔/๕ ผลติ งำนเขยี นของตนเองในรูปแบบตำ่ ง ๆ
ท ๒.๑ ม.๔/๘ ประเมินงำนเขยี นของผู้อ่นื แล้วนำมำพัฒนำ ครตู รวจสอบผลงำนของนักเรยี นเป็นรำยบุคคล
งำนเขียนของตนเอง
มีมำรยำทในกำรเขยี น ขน้ั สรุป ๑๐ นำที

๗. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปควำมรู้

สอ่ื การเรยี นรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. แถบขอ้ ควำม ๓. ขำ่ ว
๒. ฉลำก ๔. นิตยสำร

K อธบิ ำยกลวธิ ใี นกำรเขียนบรรยำยและพรรณนำ การวดั และประเมนิ ผล

P เขียนบรรยำยและพรรณนำ - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
- เหน็ ควำมสำคัญของกำรเขยี นอธบิ ำยที่สำมำรถนำมำใช้ - ตรวจผลงำนของนักเรียน

A ในกำรเรียนและชวี ิตประจำวัน บันทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

- มีมำรยำทในกำรเขยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
สาระสาคัญ .........................................................................................................
.........................................................................................................
กำรเขียนบรรยำยเป็นกำรกล่ำวถึงเหตุกำรณ์ท่ีเกิดข้ึน .........................................................................................................
ต่อเนื่องกัน ส่วนกำรเขียนพรรณนำเป็นกำรเขียนเพื่อให้ผู้อ่ำนเห็น
ภำพและเกิดอำรมณ์สะเทอื นใจ กำรมีทกั ษะกำรเขียนบรรยำย และ ลงชอื่ ………….…………………..ครูผสู้ อน
พรรณนำ ทำให้กำรสอ่ื สำรมีประสทิ ธิภำพมำกยงิ่ ขน้ึ (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑
สมรรถนะของผ้เู รยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทีม ลงชอ่ื ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................
- กำรคดิ ข้นั สูง - กำรเปน็ พลเมืองทเ่ี ข้มแขง็
- กำรส่ือสำร - กำรอย่รู ่วมกบั วทิ ยำกำรอย่ำงย่ังยืน (นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนดูตัวอย่ำงจดหมำยส่วนตัว จดหมำยลำครู และจดหมำยเชิญ

วิทยำกร อย่ำงละ ๑ ฉบับจำกครู แล้วช่วยกันสังเกตรูปแบบและวิธีกำรเขียน

จำกนั้นสนทนำเก่ยี วกับประสบกำรณ์กำรเขียนจดหมำย

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ข้ันสอน ๔0 นำที

ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง กำรเขียนจดหมำยกิจธุระ แล้วร่วมกันสรุป

หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๒ เร่อื ง ปฏพิ ทั ธง์ ำนเขยี น เวลำ ๖ ชัว่ โมง ควำมเข้ำใจครูเปน็ ผูอ้ ธิบำยเพมิ่ เตมิ

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๘ ๓. นกั เรียนรว่ มกนั ตอบคำถำม ดงั น้ี

เร่ือง กำรเขยี นจดหมำยกจิ ธรุ ะ เวลำ ๑ ช่วั โมง - ข้อแตกต่ำงระหว่ำงกำรเขียนที่อยู่ในจดหมำยและที่อยู่หน้ำซอง

ครผู ูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ จดหมำยคืออะไร

- คำข้นึ ต้นใช้คำว่ำอะไร

มาตรฐานการเรยี นรู้ - คำลงท้ำยใชค้ ำวำ่ อะไร

มำตรฐำน ท ๒.๑ - เน้ือควำมในจดหมำยควรกลำ่ วถึงอะไรบ้ำง
ใช้กระบวนกำรเขียนเขียนส่ือสำร เขียนเรียงควำม ย่อควำม และ
เขียนเรื่องรำวในรูปแบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ - กำรลงช่ือของผู้เขียนจดหมำยกิจธุระแตกต่ำงจำกกำรเขียน
และรำยงำนกำรศกึ ษำคน้ ควำ้ อย่ำงมีประสิทธิภำพ
จดหมำยส่วนตวั อยำ่ งไร

๔.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คนเขียนจดหมำยเชิญวิทยำกร เนื่องใน

โอกำสตำมท่ีครูกำหนดให้ โดยเลือกเน้ือหำตำมท่ีกลุ่มสนใจ กลุ่มละ ๑ ฉบับ

ดังนี้

ตัวช้ีวดั - เชิญวิทยำกรมำสำธติ กำรแกะสลกั สบู่

ท ๒.๑ ม.๔/๑ เขียนสอื่ สำรในรูปแบบต่ำง ๆ ได้ตรงตำม - เชิญวทิ ยำกรบรรยำยเร่อื งเทคนิคกำรเรียนคณติ ศำสตรใ์ ห้ไดผ้ ลดี
วตั ถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ ำษำเรยี บเรียงถูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๔/๔ มขี อ้ มลู และสำระสำคัญชัดเจน ๕. ตัวแทนกลุ่มออกมำอ่ำนจดหมำยหน้ำช้ันเรียน จำกนั้นคัดเลือกผลงำนท่ีดี
ท ๒.๑ ม.๔/๕ ผลติ งำนเขียนของตนเองในรูปแบบตำ่ ง ๆ
ท ๒.๑ ม.๔/๘ ประเมนิ งำนเขยี นของผู้อน่ื แลว้ นำมำพฒั นำ นำมำติดปำ้ ยนิเทศ
งำนเขียนของตนเอง
มมี ำรยำทในกำรเขยี น ๖. นักเรียนทำชิ้นงำนที่ ๖ เร่ือง กำรเขียนจดหมำยกิจธุระ ครูตรวจสอบ

ผลงำนของนกั เรยี นเป็นรำยบคุ คล

ขั้นสรุป ๑๐ นำที

๗. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปควำมรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้

K อธิบำยรูปแบบและหลักกำรเขยี นจดหมำยกิจธุระ ๑. ตัวอย่ำงจดหมำยส่วนตวั จดหมำยลำครู และจดหมำยเชิญวิทยำกร
๒. กระดำษสำหรบั เขยี นจดหมำย
P เขยี นจดหมำยกจิ ธรุ ะ
การวดั และประเมนิ ผล
- เหน็ ควำมสำคญั ของกำรเขยี นจดหมำยกิจธรุ ะทส่ี ำมำรถ
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม
A นำมำใช้ในชวี ิตจรงิ - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกล่มุ
- ตรวจผลงำนของนกั เรยี น
- มมี ำรยำทในกำรเขยี น
บันทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
สาระสาคัญ
.........................................................................................................
กำรเขียนจดหมำยกิจธุระเป็นกำรเขียนติดต่อกับบุคคล .........................................................................................................
หรือองค์กรเพื่อประโยชน์ในด้ำนต่ำง ๆ ดังน้ันต้องเขียนสื่อสำร .........................................................................................................
ให้ชัดเจน ข้อมูลครบถ้วน รูปแบบถูกต้อง เขียนโดยใช้ภำษำสุภำพ
ตัวสะกดถูกต้อง และสะอำดเรียบร้อย เพื่อให้กำรส่ือสำรตรงตำม ลงช่ือ………….…………………..ครผู ูส้ อน
วตั ถุประสงค์ (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
และเข้ำใจกนั ถกู ตอ้ งระหว่ำงผ้สู ง่ และผ้รู ับ ตำแหน่ง ครู คศ.๑

สมรรถนะของผูเ้ รยี น

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม ลงชือ่ ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอื่ .........................................
- กำรคดิ ขนั้ สูง - กำรเป็นพลเมืองที่เขม้ แข็ง
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยู่ร่วมกบั วิทยำกำรอยำ่ งย่งั ยนื (นำยรชั ภูมิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรยี นรว่ มกนั เรียงแถบข้อควำมท่ีครูกำหนดใหเ้ ป็นลำดับอย่ำงเหมำะสม

คำนำ สำเหตขุ องกำรตดิ สำรเสพติด

ควำมหมำยของสำรเสพติf จำนวนผ้ตู ดิ สำรเสพตดิ ในประเทศไทย

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วชิ ำภำษำไทย ประเภทของสำรเสพติด อนั ตรำยจำกสำรเสพติด

ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ กำรปรำบปรำมสำรเสพติด สรุป

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๒ เรือ่ ง ปฏิพทั ธ์งำนเขียน เวลำ ๖ ชวั่ โมง ข้ันสอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๙ ๒. นกั เรยี นรว่ มกันต้ังชื่อเร่ืองให้สอดคล้องกับเนื้อหำ จำกนั้นสนทนำเกี่ยวกับ

เร่อื ง โครงเร่ืองกำรเขยี นเรียงควำม เวลำ ๑ ชวั่ โมง กำรเขยี นเรียงควำม

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๓. นักเรียนศกึ ษำควำมรู้เรือ่ ง กำรเขยี นเรียงควำม แล้วร่วมกันตอบคำถำม

๑) เรยี งควำมคืออะไร

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๒) โครงสร้ำงของกำรเขียนเรยี งควำมมอี ะไรบ้ำง

มำตรฐำน ท ๒.๑ ๓) ขนั้ ตอนกำรเขยี นเรยี งควำมตอ้ งทำอย่ำงไร
ใช้กระบวนกำรเขียนเขียนสื่อสำร เขียนเรียงควำม ย่อควำม และ
เขียนเร่ืองรำวในรูปแบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ ๔) กำรเขยี นเรยี งควำมมปี ระโยชน์อยำ่ งไรบ้ำง
และรำยงำนกำรศึกษำค้นคว้ำอย่ำงมีประสิทธิภำพ
๔. นักเรียนรว่ มกันเขียนโครงเรอ่ื งเรยี งควำม ในหวั ขอ้ “เพลงประโลมใจ”

๕. นักเรียนจบั คฝู่ กึ เขยี นโครงเร่ืองเรียงควำม จำกขอบเขตเนื้อหำท่คี รูกำหนด

โดยเลอื กเขยี นค่ลู ะ ๑ เรื่อง พร้อมท้งั ต้งั ช่อื เร่ือง ขอบเขตเน้ือหำทคี่ รูกำหนด

๑) พระรำชกรณยี กิจของพระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยู่หัว

ตวั ชวี้ ดั ๒) ประเพณไี ทย

ท ๒.๑ ม.๔/๒ เขยี นเรียงควำม ๓) กำรอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อม
ท ๒.๑ ม.๔/๔ ผลติ งำนเขียนของตนเองในรปู แบบต่ำง ๆ
ท ๒.๑ ม.๔/๕ ประเมินงำนงำนเขยี นของผู้อื่น แล้วนำมำพัฒนำ ๔) กำรใช้เทคโนโลยีของเยำวชน
งำนเขียนของตนเอง
ท ๒.๑ ม.๔/๘ มมี ำรยำทในกำรเขยี น ๖. ให้นักเรยี นออกมำนำเสนอผลงำนหน้ำช้ันเรียน ครูและนักเรียน

รว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง และให้ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื นำไปปรบั ปรุง

ข้ันสรุป ๑๐ นำที

๖. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปควำมรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้

K อธิบำยโครงสร้ำงของเรียงควำม ๑. แถบขอ้ ควำม
๒. กระดำษสำหรบั ทำกิจกรรม

P เขียนโครงเรือ่ งเรยี งควำม การวัดและประเมนิ ผล

A - เห็นควำมสำคญั ของกำรเขยี นโครงเร่ืองเรียงควำม - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม
- มมี ำรยำทในกำรเขียน - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกล่มุ
- ตรวจผลงำนของนักเรยี น
สาระสาคัญ
บันทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
กำรเขยี นเรยี งควำมเปน็ กำรเขียนที่มุ่งถ่ำยทอดควำมคิด
และประสบกำรณ์ ประกอบด้วยคำนำ เน้ือเร่ือง และสรุป ก่อนกำร .........................................................................................................
เขยี นเรยี งควำมตอ้ งเขยี นโครงเรอื่ งใหด้ ี เน่อื งจำกโครงเร่ืองท่ีดี .........................................................................................................
ย่อมทำใหก้ ำรเขียนเรยี งควำมมีประสทิ ธภิ ำพ .........................................................................................................

สมรรถนะของผเู้ รยี น ลงชอื่ ………….…………………..ครผู ู้สอน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- กำรคดิ ขั้นสูง - กำรเปน็ พลเมอื งท่ีเข้มแข็ง
- กำรสื่อสำร - กำรอย่รู ว่ มกับวิทยำกำรอยำ่ งยัง่ ยนื

ลงชื่อ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนทบทวนควำมรู้เรอ่ื ง กำรเขียนเรียงควำม

๒. นักเรียนศึกษำตัวอย่ำงกำรเขียนคำนำ เน้ือเร่ือง และสรุปของกำรเขียน

เรยี งควำมจำกแถบข้อควำม

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ขน้ั สอน ๔0 นำที

ช้ันมธั ยมศึกษำปีท่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนร่วมกันตอบคำถำม ดงั น้ี

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ เรอื่ ง ปฏิพทั ธง์ ำนเขียน เวลำ ๖ ชั่วโมง ๑) กำรเขียนเรียงควำมให้เนอื้ เรอ่ื งสมั พันธก์ ันควรทำอยำ่ งไร

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๑๐ ๒) กำรเขยี นเรยี งควำมควรใชภ้ ำษำอย่ำงไร

เรือ่ ง กำรเขียนเรียงควำม เวลำ ๑ ช่วั โมง ๓) กำรยอ่ หนำ้ มีประโยชน์อยำ่ งไร

ครผู สู้ อน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ครูอธบิ ำยและใหค้ ำแนะนำเพมิ่ เตมิ

๓. นักเรียนจับคู่เขียนเรียงควำมตำมโครงเรื่องท่ีเขียนในชั่วโมงท่ีผ่ำนมำ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ควำมยำว ๑ หนำ้

มำตรฐำน ท ๒.๑ ๔. ตัวแทนนักเรียนออกมำนำเสนอผลงำนหน้ำชั้นเรียน ครูและนักเรียน
ใช้กระบวนกำรเขียนเขียนส่ือสำร เขียนเรียงควำม ย่อควำม และ
เขียนเร่ืองรำวในรูปแบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ ร่วมกันวิจำรณ์และประเมินค่ำ จำกน้ันคัดเลือกผลงำนที่ดีนำไปติดบนป้ำย
และรำยงำนกำรศึกษำคน้ ควำ้ อย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ
นิเทศ

๕. นักเรียนเขียนสรุปปัญหำ สำเหตุ และวิธีกำรแก้ไขปัญหำกำรเขียน

เรียงควำมเปน็ แผนภำพควำมคดิ

๗. นักเรียนทำชิ้นงำนที่ ๗ เร่ือง กำรเขียนเรียงควำม ครูประเมินผลงำนของ

ตัวช้วี ดั นักเรยี นเป็นรำยบุคคล

ท ๒.๑ ม.๔/๒ เขียนเรยี งควำม ข้นั สรุป ๑๐ นำที
ท ๒.๑ ม.๔/๔ ผลติ งำนเขยี นของตนเองในรูปแบบตำ่ ง ๆ
ท ๒.๑ ม.๔/๕ ประเมนิ งำนงำนเขียนของผ้อู ืน่ แลว้ นำมำพัฒนำ ๘. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปควำมรู้
งำนเขยี นของตนเอง
ท ๒.๑ ม.๔/๘ มีมำรยำทในกำรเขยี น ๙. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงควำมคิดเห็น โดยครูใชค้ ำถำมท้ำทำย ดังน้ี

นักเรียนจะนำทักษะที่ได้จำกกำรเขียนเรียงควำมไปใช้ประโยชน์

อะไรไดบ้ ำ้ ง

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้

K อธบิ ำยลักษณะของเรียงควำมทด่ี ี ๑. แถบข้อควำม

P เขียนเรยี งควำม การวดั และประเมนิ ผล

A - เห็นควำมสำคัญของกำรเขียนโครงเรือ่ งเรยี งควำม - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม
- มมี ำรยำทในกำรเขียน - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
- ตรวจผลงำนของนกั เรียน

สาระสาคัญ บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

กำรเขียนเรียงควำมจะต้องมีคำนำ เนื้อเร่ือง และสรุป .........................................................................................................
กำรเขียนองค์ประกอบแต่ละส่วนของเรียงควำมได้ดี ทำให้ .........................................................................................................
เรยี งควำมมคี ุณภำพเกิดประโยชน์ตอ่ ผอู้ ำ่ น .........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................

สมรรถนะของผ้เู รยี น ลงชอ่ื ………….…………………..ครผู สู้ อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทีม ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- กำรคดิ ข้ันสงู - กำรเป็นพลเมอื งที่เขม้ แข็ง
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยูร่ ว่ มกับวทิ ยำกำรอย่ำงย่ังยืน

ลงชือ่ ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกันแสดงควำมคดิ เหน็ โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดังน้ี

เพรำะเหตุใดเรำจึงสำมำรถนำเรื่องรำวของละครหรือภำพยนตร์ท่ี

ดู ๒-๓ ชว่ั โมง มำเล่ำให้เพ่อื นฟังไดโ้ ดยใช้เวลำเพียงนิดเดยี ว

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ขนั้ สอน ๔0 นำที

ชัน้ มัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนอ่ำนข่ำวหนังสือพิมพ์ท่ีครูนำมำ ๑ ข่ำว แล้วร่วมกันตอบคำถำม

หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง ปฏิพทั ธ์งำนเขยี น เวลำ ๖ ชัว่ โมง ๑) ใคร ทำอะไร ที่ไหน อยำ่ งไร

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี ๑๑ ๒) ใจควำมสำคญั ของขำ่ วคอื ขอ้ ควำมใด

เรือ่ ง กำรเขียนย่อควำม เวลำ ๑ ช่วั โมง ๓) สรปุ ข่ำวได้วำ่ อยำ่ งไร

ครูผสู้ อน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ จำกนั้นสนทนำเก่ยี วกับกำรย่อควำม

๓. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรอ่ื ง กำรเขยี นยอ่ ควำม แลว้ รว่ มกันสรปุ ควำมเข้ำใจ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรยี นรว่ มกนั อ่ำนขอ้ ควำมจำกแถบขอ้ ควำม แล้วบอกใจควำมสำคัญ

มำตรฐำน ท ๒.๑ ๕. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม ๔ กลมุ่ แลว้ อำ่ นเนื้อหำทีค่ รูเตรยี มให้กลุ่มละ ๑ เรื่อง
ใช้กระบวนกำรเขียนเขียนส่ือสำร เขียนเรียงควำม ย่อควำม และ
เขียนเร่ืองรำวในรูปแบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ กลุ่ม ๑ อำ่ นบทควำม
และรำยงำนกำรศกึ ษำค้นคว้ำอยำ่ งมีประสิทธิภำพ
กล่มุ ๒ อ่ำนเร่อื งส้นั

กลุ่ม ๓ อำ่ นสำรำนุกรม

กล่มุ ๔ อำ่ นกวีนพิ นธ์

ตัวชว้ี ดั เขียนสรปุ ใจควำมสำคัญเปน็ แผนภำพควำมคิด

ท ๒.๑ ม.๔/๓ ๖. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนย่อควำม โดยเรียบเรียงจำกแผนภำพควำมคิด

ท ๒.๑ ม.๔/๔ เขยี นยอ่ ควำมจำกสอื่ ท่มี ีรูปแบบและเน้อื หำ ตัวแทนกลุม่ ออกมำนำเสนอผลงำน
ท ๒.๑ ม.๔/๕ หลำกหลำย
ผลติ งำนเขยี นของตนเองในรปู แบบตำ่ ง ๆ ๗. นักเรียนร่วมกันระดมควำมคิดบอกข้อดี ข้อบกพร่อง และหำแนวทำงใน
ท ๒.๑ ม.๔/๘ ประเมนิ งำนงำนเขียนของผู้อื่น แล้วนำมำพัฒนำ
งำนเขยี นของตนเอง กำรปรับปรุงหรือพัฒนำกำรเขยี นย่อควำม
มีมำรยำทในกำรเขียน
๘. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๑๖ เรื่อง กำรเขียนย่อควำม แล้วร่วมกันตรวจสอบ

ควำมถูกต้อง

ขัน้ สรุป ๑๐ นำที

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๙. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ควำมรู้

สือ่ การเรยี นรู้

K อธบิ ำยหลักกำรและรปู แบบกำรเขียนย่อควำม ๑. หนงั สือพิมพ์ ๔. เรอ่ื งสน้ั
๒. แถบข้อควำม ๕. สำรำนกุ รม
P เขียนย่อควำม ๓. บทควำม ๖. กวนี ิพนธ์

A - เห็นควำมสำคญั ของกำรเขียนยอ่ ควำม การวัดและประเมนิ ผล
- มีมำรยำทกำรเขยี นและนสิ ยั รกั กำรเขียน
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
สาระสาคัญ - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลมุ่
- ตรวจผลงำนของนักเรยี น
กำรเขียนย่อควำมเป็นกำรเขียนสำระสำคัญของเรื่อง
โดยนำมำเรียบเรียงใหม่ด้วยภำษำของตนเอง โดยที่ควำมหมำย บนั ทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ไม่เปลยี่ นแปลงไปจำกเดิม กำรย่อควำมมีควำมจำเป็นต่อกำรศึกษำ
ควำมรู้ ช่วยให้จดบันทึกสำระสำคัญของเรื่องได้ถูกต้อง รวดเร็ว .........................................................................................................
สำมำรถนำมำใช้ประโยชนไ์ ด้ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น
ลงชอื่ ………….…………………..ครูผู้สอน
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
- กำรคดิ ข้นั สงู - กำรเปน็ พลเมืองทเี่ ขม้ แข็ง ตำแหน่ง ครู คศ.๑
- กำรส่อื สำร - กำรอยรู่ ่วมกับวิทยำกำรอย่ำงย่ังยนื
ลงชื่อ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรัชภูมิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่
เรื่อง พากเพยี ร ฟัง ดู พูด

เวลา ๒ ช่ัวโมง

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกนั แสดงควำมคิดเหน็ โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดังน้ี

นักเรียนมีควำมคิดเห็นอย่ำงไรกับส่ือท่ีมีเน้ือหำไม่เหมำะสมกับ

สงั คมไทย

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ขน้ั สอน ๔0 นำที

ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนร่วมกันอภิปรำยในหัวข้อ “กำรฟังและดูสื่อที่มีสำระคือขุมทรัพย์

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง พำกเพยี รฟงั ดู พูด เวลำ ๒ ชวั่ โมง ทำงปญั ญำ”

แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๑๒ ๓. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ ๕-๖ คน เพือ่ ระดมสมองหำแนวทำงในกำรเลือก

เรอื่ ง ฟังและดอู ยำ่ งมวี จิ ำรณญำณ เวลำ ๑ ช่วั โมง เรือ่ งเพอ่ื ฟังและดู

ครูผสู้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ๔. ตัวแทนกลุม่ ออกมำพูดหน้ำชน้ั จำกนนั้ ครูสรปุ เปน็ หัวข้อบนกระดำน

๕. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรเลือกเรื่องเพื่อฟังและดู แล้วร่วมกันสรุป

มาตรฐานการเรยี นรู้ ควำมเข้ำใจ ครูเปน็ ผู้อธิบำยเพิม่ เติม

มำตรฐำน ท ๓.๑ ๖. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๑๘ เร่ือง กำรเลือกเรื่องเพ่ือฟังและดู แล้วผลัดกัน
สำมำรถเลือกฟังและดูอย่ำงมีวิจำรณญำณ และพูดแสดงควำมรู้
ควำมคิด และควำมรู้สึกในโอกำสต่ำง ๆ อย่ำงมีวิจำรณญำณและ ออกมำนำเสนอหน้ำช้ันเรียน ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรำยและประเมินคำ่
สรำ้ งสรรค์
ขนั้ สรุป ๑๐ นำที

๗. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ควำมรู้ ดังนี้

กำรเลือกเรื่องเพ่ือฟังและดูอย่ำงมีวิจำรณญำณช่วยพัฒนำ

ตัวช้ีวัด ควำมคิด สติปัญญำให้เป็นผู้รอบรู้และรู้จักนำประสบกำรณ์และแนวคิดมำใช้

ท ๓.๑ ม.๔/๔ ตดั สนิ แกป้ ญั หำในชวี ติ ประจำวันไดอ้ ย่ำงมีเหตุผล
ท ๓.๑ ม.๔/๖
มวี จิ ำรณญำณในกำรเลอื กเรอ่ื งท่ฟี งั และดู ส่อื การเรยี นรู้
มมี ำรยำทในกำรฟงั กำรดู และกำรพดู
๑. ใบควำมรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒. ใบงำน

K อธบิ ำยแนวทำงในกำรเลือกเร่ืองเพือ่ ฟงั และดู การวัดและประเมินผล

P เลือกเร่อื งเพอ่ื ฟงั และดอู ย่ำงมวี ิจำรณญำณ - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม
A เหน็ คุณค่ำของกำรฟังและดู - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงำนของนกั เรยี น
สาระสาคญั
บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ก ำ ร เ ลื อ ก เ รื่ อ ง เ พ่ื อ ฟั ง แ ล ะ ดู อ ย่ ำ ง มี วิ จ ำ ร ณ ญ ำ ณ
ช่วยพัฒนำควำมคิด สติปัญญำให้เป็นผู้รอบรู้ และรู้จักนำ .........................................................................................................
ประสบกำรณ์ และแนวคดิ มำใชต้ ัดสนิ แกป้ ัญหำในชวี ติ ประจำวันได้ .........................................................................................................
อย่ำงมีเหตุผล .........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................

สมรรถนะของผ้เู รยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี ลงช่ือ………….…………………..ครูผู้สอน
- กำรคิดขั้นสูง - กำรเปน็ พลเมืองท่เี ข้มแขง็ (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
- กำรสือ่ สำร - กำรอยู่ร่วมกับวิทยำกำรอย่ำงย่ังยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หัวหน้ำงำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรยี นรว่ มกันแสดงควำมคดิ เหน็ โดยครใู ช้คำถำมทำ้ ทำย ดังนี้

นักเรียนมวี ิธีเตรยี มกำรพดู อยำ่ งไร

ขั้นสอน ๔0 นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนร่วมกันสนทนำว่ำเมื่อนักเรียนฟังและดูเร่ืองต่ำง ๆ ส่ิงที่นักเรียน

ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ไดร้ ับจำกกำรฟงั และดูนน้ั มอี ะไรบ้ำง

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๓ เรอื่ ง พำกเพยี รฟงั ดู พูด เวลำ ๒ ชั่วโมง ๓. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรพูดสรุปแนวคิดจำกเรื่องท่ีฟังและดู

แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๑๓ แล้วร่วมกันสรปุ ควำมเข้ำใจ ครูเป็นผอู้ ธิบำยเพม่ิ เตมิ

เรือ่ ง กำรพูดสรุปแนวคดิ จำกเรื่องทีฟ่ งั และดู เวลำ ๑ ชั่วโมง ๔. นักเรียนเลือกฟังและดูภำพยนตร์หรือละคร แล้ววิเครำะห์แนวคิด

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ กำรใช้ภำษำ และควำมนำ่ เชอ่ื ถือนำมำประเมิน

๕. นักเรียนร่ำงบทพูดและฝึกซ้อมสำหรับพูดสรุปแนวคิดจำกเร่ืองท่ีฟังและดู

มาตรฐานการเรยี นรู้ ใหเ้ พื่อนฟงั หน้ำช้ันเรยี น ครแู ละนักเรยี นร่วมกันประเมนิ กำรพูดและเสนอแนะ

มำตรฐำน ท ๓.๑ ขัน้ สรุป ๑๐ นำที
สำมำรถเลือกฟังและดูอย่ำงมีวิจำรณญำณ และพูดแสดงควำมรู้
ควำมคิด และควำมรู้สึกในโอกำสต่ำง ๆ อย่ำงมีวิจำรณญำณและ ๖. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปควำมรู้ ดังน้ี
สร้ำงสรรค์
แนวคิดจำกเร่ืองท่ฟี งั และดู สำมำรถนำมำเป็นแนวทำงประยุกต์ใช้

ในกำรดำเนนิ ชวี ติ กำรนำแนวคดิ จำกเรอื่ งที่ฟังและดูมำพูดให้ผู้อ่ืนฟังเป็นกำร

แลกเปลยี่ นควำมรู้และประสบกำรณ์ซง่ึ กนั และกนั

ตัวชวี้ ัด สรปุ แนวคดิ และแสดงควำมคดิ เหน็ จำกเรื่องทฟ่ี งั ส่ือการเรยี นรู้
และดู
ท ๓.๑ ม.๔/๑ วเิ ครำะหแ์ นวคดิ กำรใช้ภำษำ และควำมนำ่ เช่อื ถอื ๑. ภำพยนตรห์ รอื ละคร
จำกเรื่องทีฟ่ งั และดอู ยำ่ งมีเหตผุ ล
ท ๓.๑ ม.๔/๒ ประเมินเรอื่ งทฟ่ี งั และดู แลว้ กำหนดแนวทำงนำไป การวัดและประเมินผล
ประยกุ ตใ์ ช้ในกำรดำเนนิ ชวี ติ
ท ๓.๑ ม.๔/๓ มมี ำรยำทในกำรฟงั กำรดู และกำรพูด - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม
ท ๓.๑ ม. ๔/๖ - ตรวจผลงำนของนกั เรยี น

จุดประสงค์การเรยี นรู้ บนั ทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

K อธิบำยวิธีกำรพดู สรปุ แนวคิดจำกเรือ่ งทฟ่ี ังและดู .........................................................................................................
.........................................................................................................
- วเิ ครำะหแ์ นวคดิ กำรใช้ภำษำและควำมน่ำเชื่อถือจำก .........................................................................................................
.........................................................................................................
เร่อื งทฟี่ งั และดู .........................................................................................................

P - แสดงควำมคิดเหน็ จำกเรื่องทฟ่ี ังและดู
- สรุปแนวคิดจำกเร่ืองท่ีฟงั และดู

- นำแนวคดิ จำกเร่อื งท่ีฟงั และดไู ปประยุกตใ์ ช้ในกำร

ดำเนนิ ชีวติ

A เหน็ คณุ คำ่ ของแนวคดิ ทไี่ ด้จำกเรอ่ื งที่ฟงั และดู

สาระสาคญั

แนวคิดจำกเร่ืองท่ีฟังและดู สำมำรถนำมำเป็นแนวทำง ลงชือ่ ………….…………………..ครผู ู้สอน
ประยุกต์ใชใ้ นกำรดำเนนิ ชีวิต กำรนำแนวคิดจำกเร่ืองที่ฟังและดูมำ (นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
พู ด ใ ห้ ผู้ อ่ื น ฟั ง เ ป็ น ก ำ ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น ค ว ำ ม รู้ แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ตำแหนง่ ครู คศ.๑
ซ่ึงกันและกนั

สมรรถนะของผู้เรยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม ลงชือ่ ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่อื .........................................
- กำรคิดขน้ั สูง - กำรเปน็ พลเมืองทเี่ ขม้ แขง็
- กำรสื่อสำร - กำรอยรู่ ว่ มกับวทิ ยำกำรอยำ่ งยั่งยืน (นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

๔หน่วยการเรียนร้ทู ี่

เรื่อง พหูสตู หลกั ภาษา

เวลา ๑๒ ช่ัวโมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเ รีย นอ่ำ นบัตรคำ คำ ว่ำ ฉัน รัก คุณ แ ล้วร่วม กันบอกคำ

ภำษำตำ่ งประเทศทน่ี ักเรียนรู้จกั ซ่งึ มีควำมหมำยเดยี วกับบัตรคำ

ขั้นสอน ๔0 นำที

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ๔ กลมุ่ ศึกษำควำมร้เู รอ่ื ง ธรรมชำตขิ องภำษำ ในหวั ข้อ

ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ๑) ภำษำใช้เสยี งสอ่ื ควำมหมำย

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๔ เร่อื ง พหสู ตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชัว่ โมง ๒) ภำษำประกอบจำกหนว่ ยในภำษำที่ประกอบกันเป็นหน่วย

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑๔ ท่ใี หญข่ น้ึ

เรอื่ ง ธรรมชำติของภำษำ เวลำ ๑ ชว่ั โมง ๓) ภำษำมกี ำรเปลี่ยนแปลง

ครผู สู้ อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ๔) ภำษำต่ำง ๆ มลี ักษณะท่ีเหมือนกนั และตำ่ งกัน

แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมำนำเสนอควำมรู้ พร้อมท้ังยกตัวอย่ำง จำกนั้น

มาตรฐานการเรยี นรู้ ทุกกล่มุ รว่ มกนั อภปิ รำยสรปุ ควำมรู้เรือ่ ง ธรรมชำตขิ องภำษำ

มำตรฐำน ท ๔.๑ ๓. นักเรียนอ่ำนบัตรคำ คำว่ำ เด็ก ย่ำง ข้ำว ใหญ่ สวม แล้วจำแนก
เขำ้ ใจธรรมชำติของภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของ
ภำษำและพลงั ของภำษำ ภมู ิปญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย องค์ประกอบของคำจำกบัตรคำลงในตำรำงที่ครูกำหนด จำกนั้นนำคำมำ
ไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชำติ
แต่งประโยค ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง

๔. นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน แต่งบทสนทนำสั้น ๆ ในสถำนกำรณ์ที่

กลุ่มสนใจ แล้วออกมำแสดงบทบำทสมมุติ กลุ่มละไม่เกิน ๑ นำที จำกน้ันให้

ตัวชวี้ ดั นกั เรียนรว่ มกันสงั เกตกำรใช้วจั นภำษำและอวจั นภำษำ ครูอธบิ ำยเพม่ิ เติม

ท ๔.๑ ม. ๔/๑ ๕. นักเรียนทำใบงำนที่ ๑ เร่ือง ธรรมชำติของภำษำ แล้วร่วมกันตรวจสอบ

อธิบำยธรรมชำติของภำษำ พลังของภำษำ และ ควำมถูกต้อง
ลักษณะของภำษำ
ขัน้ สรุป ๑๐ นำที

๖. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปควำมรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นักเรียนร่วมกันแสดงควำมคิดเห็น โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดังนี้

ภำษำไทยในอนำคตจะมีกำรเปล่ียนแปลงอย่ำงไรบ้ำง

K อธิบำยธรรมชำตขิ องภำษำ สอ่ื การเรยี นรู้

P วเิ ครำะหธ์ รรมชำตขิ องภำษำ ๑. บตั รคำ
๒. ใบงำน

A เหน็ ควำมสำคัญของกำรเรยี นรู้ธรรมชำตขิ องภำษำไทย การวัดและประเมินผล

สาระสาคญั - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกล่มุ
ธรรมชำติของภำษำมี ๔ ประกำร ภำษำใช้เสียงส่ือ - ตรวจผลงำนของนกั เรียน
ควำมหมำย ภำษำประกอบจำกหน่วยเสียงเป็นหน่วยท่ีใหญ่ขึ้น
ภำษำมีกำรเปล่ียนแปลง และภำษำต่ำง ๆ มีลักษณะท่ีเหมือนกัน บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
และแตกต่ำงกนั กำรเข้ำใจธรรมชำตขิ องภำษำทำใหน้ ำไปใช้ในกำร
ส่ือสำรได้อย่ำงถูกต้อง ซึ่งภำษำท่ีใช้ส่ือสำรมีทั้ง วัจนภำษำ .........................................................................................................
และอวัจนภำษำ ผสู้ อื่ สำรตอ้ งมคี วำมชดั เจนในกำรส่ือสำร จึงจะทำ .........................................................................................................
ให้กำรสอ่ื สำรสัมฤทธิผล .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผเู้ รยี น .........................................................................................................

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี ลงช่ือ………….…………………..ครผู ูส้ อน
- กำรคิดข้ันสงู - กำรเป็นพลเมอื งทเ่ี ขม้ แขง็ (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรส่ือสำร - กำรอยูร่ ว่ มกับวิทยำกำรอยำ่ งย่งั ยืน ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรชั ภมู ิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นักเรยี นรว่ มกันแสดงควำมคิดเหน็ โดยครูใชค้ ำถำมทำ้ ทำย ดังนี้

เม่ือนักเรียนฟังเพลง มีสิ่งใดบ้ำงท่ีทำให้นักเรียนคล้อยตำม

เพลงน้นั

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้วชิ ำภำษำไทย ขนั้ สอน ๔๐ นำที

ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนอ่ำนแถบขอ้ ควำม

หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี ๔ เรื่อง พหูสตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ช่วั โมง สูท้ น่ี ่ี สตู้ รงนี้ สู้จนตำย ถงึ เป็นคนสุดท้ำยก็ลองดู

แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๑๕ แล้วร่วมกันแสดงควำมคดิ เห็นเก่ียวกบั ควำมรสู้ ึกเมอ่ื ได้อ่ำนข้อควำมน้ี

เร่ือง พลังของภำษำ เวลำ ๑ ช่วั โมง ๓. นกั เรยี นศึกษำควำมรูเ้ รื่อง พลงั ของภำษำ แล้วร่วมกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ

ครผู ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ๔. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน ยกตัวอย่ำงกำรใช้ภำษำในคำประพันธ์

บทเพลงหรือจำกโฆษณำ แล้วร่วมกันสนทนำแสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ควำมรู้สึก ออกมำนำเสนอผลงำน ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบควำม

มำตรฐำน ท ๔.๑ ถูกตอ้ ง
เข้ำใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปลี่ยนแปลงของ
ภำษำและพลงั ของภำษำ ภมู ิปัญญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ๕. นักเรียนจับคู่ คิดข้อควำม คู่ละ ๑ ข้อควำม ในหัวข้อ “กำรสร้ำงควำม
ไวเ้ ปน็ สมบัติของชำติ
สำมัคคี” ออกมำนำเสนอหน้ำช้ันเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันประเมิน

ขอ้ ควำมทม่ี ีพลังมำกทีส่ ุด นำมำติดป้ำยนิเทศหน้ำชัน้ เรียน

๖. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๒ เร่ือง พลังของภำษำ แล้วร่วมกันตรวจสอบ

ตวั ช้วี ัด ควำมถกู ต้อง

ท ๔.๑ ม. ๔/๑ ขัน้ สรุป ๑๐ นำที

อธบิ ำยธรรมชำตขิ องภำษำ พลงั ของภำษำ และ ๗. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ควำมรู้
ลักษณะของภำษำ
ภำษำสำมำรถสะท้อนควำมคิด ควำมรู้สึกและทัศนคติของบุคคล

เกิดเป็นพลังของภำษำท่ีทำให้ผู้รับสำรเกิดควำมคิดหรือควำมรู้สึกคล้อยตำม

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดงั นน้ั ผู้ใชภ้ ำษำ จึงควรไตรต่ รองเพอ่ื ใหเ้ กิดพลงั ของภำษำในทำงสรำ้ งสรรค์

K อธิบำยพลังของภำษำ ส่อื การเรยี นรู้

P วเิ ครำะหพ์ ลงั ของภำษำ ๑. แถบข้อควำม ๔. โฆษณำ
๒. คำประพันธ์ ๕. ใบงำน
๓. บทเพลง

A เหน็ ควำมสำคญั ของพลังภำษำท่ีมีต่อควำมคิดควำมรู้สกึ การวดั และประเมินผล

และกำรกระทำ - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลุ่ม
สาระสาคัญ - ตรวจผลงำนของนกั เรียน

ภำษำสำมำรถสะท้อนควำมคิด ควำมรู้สึกและทัศนคติ บันทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ของบคุ คล เกิดเป็นพลังของภำษำที่ทำให้ผู้รับสำรเกิดควำมคิดหรือ
ควำมรู้สึกคล้อยตำม ดังนั้น ผู้ใช้ภำษำจึงควรไตร่ตรองเพื่อให้เกิด .........................................................................................................
พลงั ของภำษำในทำงสรำ้ งสรรค์ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี
- กำรคิดข้ันสูง - กำรเป็นพลเมืองท่เี ข้มแขง็ ลงชอ่ื ………….…………………..ครผู ้สู อน
- กำรสอื่ สำร - กำรอยู่รว่ มกบั วิทยำกำรอยำ่ งย่ังยืน (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงช่อื .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงควำมคิดเหน็ วำ่ ภำษำมีควำมสำคญั ต่อมนษุ ยอ์ ยำ่ งไร

ขัน้ สอน ๔๐ นำที

๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม ศึกษำควำมรู้และอภิปรำยเรื่อง ลักษณะของ

แผนกำรจัดกำรเรียนร้วู ชิ ำภำษำไทย ภำษำในหัวข้อ ดงั น้ี

ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ - ภำษำช่วยสอ่ื ควำมคดิ และสรำ้ งควำมเปน็ หนึง่ เดยี วของสังคม

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๔ เร่ือง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ช่ัวโมง - ภำษำแสดงลกั ษณะเฉพำะของบคุ คล

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑๖ - ภำษำช่วยให้มนุษย์พฒั นำ

เร่ือง ลกั ษณะของภำษำ เวลำ ๑ ชั่วโมง - ภำษำช่วยกำหนดอนำคต

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ - ภำษำเป็นเคร่ืองมอื ในกำรถำ่ ยทอดและบันทกึ วัฒนธรรม

- ภำษำช่วยจรรโลงใจ

มาตรฐานการเรยี นรู้ แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมำนำเสนอหนำ้ ช้นั เรียน โดยให้เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกัน

มำตรฐำน ท ๔.๑ ซักถำมและครอู ธิบำยเพม่ิ เตมิ
เข้ำใจธรรมชำติของภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภมู ปิ ญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ๓. นกั เรียนอำ่ นคำจำกบตั รคำ เช่น มะยม ยงิ่ เจรญิ คนใช้ แลว้ รว่ มกันสนทนำ
ไว้เปน็ สมบัตขิ องชำติ
เกยี่ วกับควำมรสู้ ึกที่ได้รบั เมื่อได้อำ่ นคำเหลำ่ นี้

๔. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง อิทธิพลของภำษำท่ีมีต่อมนุษย์ แล้วร่วมกัน

สรปุ ควำมเข้ำใจ ครเู ป็นผอู้ ธบิ ำยเพมิ่ เติม

ตัวชี้วัด ๕. นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ ๕-๖ คน รวบรวมชอื่ พชื สถำนท่ี รำ้ นคำ้ บริษทั

ท ๔.๑ ม. ๔/๑ หรอื อำคำรตำ่ ง ๆ ทีแ่ สดงอิทธิพลของภำษำ แลว้ ออกมำนำเสนอผลงำน

อธบิ ำยธรรมชำติของภำษำ พลังของภำษำ และ ๖. นักเรียนร่วมกันบอกประโยชน์ของภำษำ แล้วเขียนสรุปเป็นแผนภำพ
ลกั ษณะของภำษำ
ควำมคดิ บนกระดำน

ขั้นสรุป ๑๐ นำที

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๗. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรุปควำมรู้

๘. นกั เรียนร่วมกนั แสดงควำมคิดเหน็ โดยครูใชค้ ำถำมท้ำทำย ดังน้ี

K อธิบำยลกั ษณะของภำษำ - นักเรยี นจะรักษำภำษำไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไปไดอ้ ย่ำงไร

P วเิ ครำะหล์ ักษณะของภำษำ ส่ือการเรยี นรู้

๑. บัตรคำ

A เห็นควำมสำคัญของพลังภำษำท่มี ตี อ่ มนุษย์และกำรธำรง การวัดและประเมินผล

สงั คม - สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
- สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
สาระสาคญั - ตรวจผลงำนของนักเรียน

ภำษำเป็นสิ่งที่แสดงลักษณะเฉพำะของบุคคล ช่วยส่ือ บันทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ควำมคดิ เป็นเครือ่ งมือถำ่ ยทอดวฒั นธรรม ทำให้มนุษย์และสังคมมี
กำรพัฒนำขึ้น ภำษำจึงเป็นสมบัติของทุกคนที่ต้องช่วยกัน .........................................................................................................
ธำรงรกั ษำไว้ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผเู้ รยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเป็นทีม
- กำรคิดขั้นสูง - กำรเป็นพลเมืองท่เี ขม้ แข็ง ลงชือ่ ………….…………………..ครผู สู้ อน
- กำรสือ่ สำร - กำรอยรู่ ่วมกบั วทิ ยำกำรอยำ่ งย่งั ยืน (นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรชั ภูมิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้นั นำ 10 นำที
๑. นกั เรยี นร่วมกนั เขยี นคำที่มีควำมหมำยเหมอื นกันจำกคำท่กี ำหนดใหบ้ น
กระดำน แล้วรว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ตอ้ ง

แผนกำรจดั กำรเรยี นรูว้ ชิ ำภำษำไทย

ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๔ เรือ่ ง พหูสตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชวั่ โมง ขัน้ สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๑๗ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง คำและกำรใชค้ ำ แลว้ รว่ มกันสรุปควำมเข้ำใจ

เรือ่ ง คำและสำนวน เวลำ ๑ ช่วั โมง ครูเปน็ ผอู้ ธบิ ำยเพิม่ เตมิ

ครูผูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๓ กลุ่ม รวบรวมคำท่ีมีควำมหมำยเหมือนกัน คำที่มี

มาตรฐานการเรยี นรู้ ควำมหมำยใกล้เคียงกัน และคำที่มีควำมหมำยกว้ำงและควำมหมำยแคบ

มำตรฐำน ท ๔.๑ ออกมำนำเสนอผลงำน แล้วร่วมกันยกตัวอย่ำงคำเพิ่มเติม ครูและนักเรียน
เข้ำใจธรรมชำติของภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปลี่ยนแปลงของ
ภำษำและพลงั ของภำษำ ภมู ปิ ัญญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย รว่ มกนั ตรวจสอบควำมถกู ตอ้ ง
ไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชำติ
๔. นักเรียนอ่ำนแถบข้อควำม แล้วร่วมกันบอกว่ำข้อควำมใดใช้คำผิด

ควำมหมำยจำกนั้นแก้ไขให้ถูกตอ้ ง

๕. นกั เรียนแตง่ ประโยคโดยใชค้ ำทม่ี คี วำมหมำยใกลเ้ คียงกัน ดงั ตัวอยำ่ ง

ตวั ชวี้ ดั ๑) แนน่ หนำ - เขำใสก่ ญุ แจบ้ำนอย่ำงแน่นหนำ เพอ่ื ไม่ให้

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ ขโมยมำลักทรพั ย์

ใช้คำและกลมุ่ คำสร้ำงประโยคตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ หนำแนน่ - กำรจรำจรในกรุงเทพฯ หนำแนน่ มำก

๒) ครำ่ ครึ - คณุ ยำยเปน็ คนครำ่ ครึ ไมค่ อ่ ยทนั สมัย

ครำ่ ครำ่ - เกำ้ อ้ตี ัวน้เี ก่ำคร่ำครำ่

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๖. นักเรยี นทำใบงำนที่ ๓ เรอ่ื ง คำและกำรใช้คำ แล้วร่วมกันตรวจสอบควำม
K อธิบำยควำมหมำยของคำ
ถูกต้อง

ข้นั สรุป ๑๐ นำที

๗. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ควำมรู้

P ใชค้ ำสรำ้ งประโยคตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ ส่ือการเรยี นรู้

เห็นควำมสำคัญของกำรใช้คำในกำรส่ือสำรไดต้ รงตำม ๑. บตั รคำ ๒. แถบขอ้ ควำม ๓. ใบงำน
วัตถุประสงค์
A การวดั และประเมนิ ผล

สาระสาคัญ - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
ภำษำไทยมีคำให้ใช้สื่อสำรอย่ำงหลำกหลำย ทั้งที่มี - ตรวจผลงำนของนักเรยี น
ควำมหมำยเหมือนกัน ควำมหมำยใกล้เคียงกัน และควำมหมำย
กว้ำงทีม่ ีควำมหมำยครอบคลุมสิ่งใดส่ิงหนึ่งกับควำมหมำยแคบท่ีมี บันทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ควำมหมำยเฉพำะ กำรสังเกตและศึกษำควำมหมำยของคำให้
เข้ำใจ สำมำรถนำมำใช้ในกำรส่ือสำรไดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ งและเหมำะสม .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผูเ้ รยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทีม .........................................................................................................
- กำรคิดขน้ั สูง - กำรเปน็ พลเมืองที่เขม้ แข็ง
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยู่รว่ มกบั วิทยำกำรอย่ำงยั่งยืน ลงช่ือ………….…………………..ครผู ู้สอน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนยกตัวอย่ำงสำนวนท่ีรู้จักคนละ ๑ สำนวน พร้อมกับอธิบำย

ควำมหมำย

ขัน้ สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้วู ชิ ำภำษำไทย ๒. นกั เรียนศกึ ษำควำมรูเ้ รือ่ ง สำนวน แล้วรว่ มกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ

ช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่มเลือกสำนวนกลุ่มละ ๑ สำนวน บอกควำมหมำยแล้ว

หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๔ เร่ือง พหูสตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชั่วโมง แสดงท่ำทำงประกอบสำนวน จำกน้ันให้เพ่ือนทำยสำนวน ครูและนักเรียน

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑๘ ร่วมกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง

เร่ือง สำนวน เวลำ ๑ ช่วั โมง ตวั อยำ่ งสำนวนและควำมหมำย

ครูผูส้ อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ ๑) แกใ่ กล้จะตำย (ไม้ใกล้ฝ่งั )

๒) ซื่อหรอื ตรงจนเกนิ ไป ไม่มีไหวพริบ (เถรตรง)

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓) ชำยสงู อำยทุ ชี่ อบผูห้ ญงิ รุ่นสำว (โคแก่ชอบกินหญ้ำ

มำตรฐำน ท ๔.๑ ออ่ น)
เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภูมปิ ญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ๔) เมือ่ หมดอำนำจ ควำมชัว่ ท่ที ำไวก้ ป็ รำกฏ (น้ำลดตอผุด)
ไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชำติ
๕) อำรมณท์ ่รี ้อนรุ่มอยู่ในใจ (ไฟสมุ ขอน)

๖) เด๋ียวดเี ดยี๋ วร้ำย ไม่คงท่ี (ผีเข้ำผีออก)

๗) ใชจ้ ่ำยทรพั ย์ในทำงท่ไี ม่เกิดประโยชน์ (ตำน้ำพริกละลำย

ตวั ชว้ี ัด แมน่ ำ้ )

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ ๔. นักเรียนแบ่งกลุ่มเลือกสำนวนกลุ่มละ ๑ สำนวน แล้วแต่งประโยคจำก

ใชค้ ำและกลมุ่ คำสรำ้ งประโยคตรงตำมวัตถปุ ระสงค์ สำนวนน้ันให้มีเหตุกำรณ์อย่ำงน้อย ๓ เหตุกำรณ์ ออกมำนำเสนอ

หนำ้ ชน้ั เรียน ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง

๕. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๔ เร่ือง สำนวนและกำรใช้สำนวน แล้วร่วมกัน

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตรวจสอบควำมถกู ตอ้ ง
K อธิบำยควำมหมำยของสำนวน
ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที

๖. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปควำมรู้

P ใชส้ ำนวนสรำ้ งประโยคตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ สื่อการเรยี นรู้

๑. ใบงำน

A เห็นควำมสำคัญของกำรใชค้ ำในกำรสอื่ สำรได้ตรงตำม การวดั และประเมนิ ผล
วัตถุประสงค์
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
สาระสาคญั - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
- ตรวจผลงำนของนักเรียน
สำนวนเป็นถอ้ ยคำสัน้ ๆ ทม่ี ีควำมหมำยลกึ ซึ้ง ใชใ้ นกำร
เปรียบเทียบ ทำให้เข้ำใจควำมหมำยชัดเจนตรงกัน ช่วยประหยัด บนั ทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
กำรใช้ถ้อยคำ หำกเขำ้ ใจควำมหมำยของสำนวน สำมำรถนำมำใช้
ส่อื สำรไดถ้ ูกต้องตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผเู้ รยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม .........................................................................................................
- กำรคิดขนั้ สงู - กำรเป็นพลเมืองที่เขม้ แข็ง
- กำรส่อื สำร - กำรอยู่รว่ มกบั วิทยำกำรอย่ำงยัง่ ยืน ลงช่ือ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงช่อื ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงควำมคิดเห็น โดยครใู ช้คำถำมท้ำทำย ดังนี้

- มนุษยม์ กี ำรสอ่ื สำรกันเพื่อวัตถปุ ระสงค์ใดบำ้ ง

ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนอ่ำนประโยคจำกแถบประโยคต่อไปนี้ แล้วร่วมกันบอกประธำน

ชนั้ มัธยมศึกษำปีท่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ กรยิ ำกรรม จำกคำท่ขี ีดเสน้ ใต้

หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง พหูสตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง แมว เล่น ไหมพรม (แมว เป็นประธำน, เลน่ เปน็ กริยำ, ไหมพรม เป็นกรรม)

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑๙ เกดิ แผน่ ดนิ ไหวท่ปี ระเทศเฮติ (เกดิ เป็นกริยำ, ประเทศเฮติ เป็นประธำน)

เรือ่ ง รปู ประโยคในภำษำไทย เวลำ ๑ ชั่วโมง ภำพน้ี พี่ วำดตั้งแต่เดก็ (ภำพนี้ เปน็ กรรม, พ่ี เป็นประธำน, วำด เปน็ กริยำ)

ครูผูส้ อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ครูใหน้ กั เรยี นทำควำมสะอำดห้องเรียน (ครู เป็นประธำน)

นอนดึกอำจทำใหร้ ่ำงกำยอ่อนเพลียได้ (นอนดกึ เปน็ กรยิ ำ)

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง รูปประโยค แล้วช่วยกันอธิบำยรูปประโยคแต่

มำตรฐำน ท ๔.๑ ละแบบ
เข้ำใจธรรมชำติของภำษำและหลักภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภูมปิ ัญญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ๔. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม เลือกเพลงทช่ี อบกลมุ่ ละ ๑ เพลง แล้วชว่ ยกนั
ไว้เป็นสมบตั ิของชำติ
วิเครำะห์ประโยคตำมรูปประโยคจำกเนื้อเพลงนั้น ตัวแทนกลุ่มออกมำ

นำเสนอหน้ำช้นั เรยี น ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง

๕. นักเรียนแต่ละกล่มุ แตง่ ประโยคตำมรูปประโยค กลุ่มละ ๕ ประโยค ดงั น้ี

ตวั ช้ีวัด ประโยคประธำน

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ ประโยคกรยิ ำ

ใช้คำและกลุ่มคำสรำ้ งประโยคตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ ประโยคกรรม

ประโยคกำริต

ประโยคกริยำสภำวมำลำ

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๖. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๕ เรื่องรูปประโยค แล้วร่วมกันตรวจสอบควำม
K อธบิ ำยรูปประโยคตำ่ ง ๆ
ถกู ต้อง

ขนั้ สรุป ๑๐ นำที

๗. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปควำมรู้

P ใช้คำและกลมุ่ คำสร้ำงประโยคตรงตำมวัตถปุ ระสงค์ สือ่ การเรยี นรู้

๑. แถบประโยค ๒. เพลง ๓. ใบงำน

A เหน็ ควำมสำคญั ของกำรใช้ประโยคในกำรสอ่ื สำรได้ตรง การวดั และประเมนิ ผล
ตำมวัตถุประสงค์
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
สาระสาคัญ - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
- ตรวจผลงำนของนกั เรียน
รูปประโยคในภำษำไทยพิจำรณำจำกกำรลำดับคำและ
เน้ือควำมท่ีปรำกฏ แบ่งเป็นประโยคประธำน ประโยคกริยำ บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ประโยคกรรม ประโยคกำริต และประโยคกริยำสภำวมำลำ
กำรเข้ำใจรูปประโยคทำให้เข้ำใจใจควำมของประโยค กำรใช้ .........................................................................................................
ประโยคในกำรสื่อสำรได้อย่ำงถูกต้องเหมำะสม ตรงตำม .........................................................................................................
วตั ถปุ ระสงค์ ทำให้กำรสือ่ สำรมีประสทิ ธภิ ำพ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี ลงชือ่ ………….…………………..ครผู ู้สอน
- กำรคิดข้ันสูง - กำรเป็นพลเมอื งทีเ่ ข้มแข็ง (นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
- กำรสือ่ สำร - กำรอยูร่ ่วมกบั วิทยำกำรอย่ำงยงั่ ยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่อื ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชือ่ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนช่วยกันบอกบทสนทนำจำกละครโทรทัศน์ท่ีเคยจำได้ ตัวแทน

นักเรียนออกมำเขียนประโยคบนกระดำน แล้วร่วมกันวิเครำะห์ประโยคตำม

เจตนำของผู้สง่ สำร

แผนกำรจดั กำรเรียนร้วู ชิ ำภำษำไทย ข้นั สอน ๔๐ นำที

ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง ประโยคตำมเจตนำในกำรส่งสำร แล้วร่วมกัน

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๔ เรื่อง พหสู ูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง สรปุ ควำมเข้ำใจครูเป็นผอู้ ธบิ ำยเพิ่มเติม

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ ๒๐ เวลำ ๑ ชัว่ โมง ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน เขียนบทสนทนำโดยให้มีประโยคตำม

เรอื่ ง ประโยคตำมเจตนำในกำรสง่ สำรและชนดิ ของประโยค เจตนำในกำรสง่ สำร ดังนี้ แล้วออกมำแสดงบทบำทสมมุติ

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ประโยคทม่ี ีเนอื้ ควำมแจง้ ให้ทรำบ

ประโยคทม่ี เี น้ือควำมเป็นคำถำม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ประโยคที่มีเนอื้ ควำมบอกให้ทำ

มำตรฐำน ท ๔.๑ ๔. นักเรียนแต่งประโยคคนละ ๑ ประโยค โดยให้แต่ละประโยคมีใจควำม
เขำ้ ใจธรรมชำติของภำษำและหลักภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภูมิปัญญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย สอดคล้องกัน แลว้ รว่ มกันสนทนำเกย่ี วกบั ชนดิ ของประโยค
ไว้เปน็ สมบตั ขิ องชำติ
๕. นักเรยี นศกึ ษำควำมรูเ้ รื่อง ชนดิ ของประโยค แลว้ ร่วมกันสรปุ ควำมเขำ้ ใจ

ครเู ป็นผู้อธบิ ำยเพิ่มเตมิ

๖. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ๖ กลุม่ แตง่ ข้อควำมหรอื บทสนทนำ ดงั น้ี

ตวั ช้วี ดั กลุ่มท่ี ๑-๒ แตง่ ข้อควำมหรือบทสนทนำโดยใชป้ ระโยคควำมเดียวเท่ำนน้ั

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ กลุ่มที่ ๓-๔ แต่งข้อควำมหรอื บทสนทนำโดยใช้ประโยคควำมรวมเทำ่ นนั้

ใช้คำและกลมุ่ คำสร้ำงประโยคตรงตำมวัตถปุ ระสงค์ กลุ่มที่ ๕-๖ แต่งข้อควำมหรือบทสนทนำโดยใช้ประโยคควำมซ้อนเทำ่ น้นั

จำกนั้นร่วมกันแสดงควำมคิดเกี่ยวกับอุปสรรคของกำรส่ือสำรจำกกำรใช้

ประโยคชนดิ เดยี วกนั

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๗. นกั เรยี นทำใบงำนที่ ๖ เร่อื ง ประโยคตำมเจตนำในกำรส่งสำร แล้วร่วมกัน

ตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง

K อธิบำยเจตนำในกำรสง่ สำรของประโยคและชนิด ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

ของประโยค ๘. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปควำมรู้

P ใช้คำและกลมุ่ คำสรำ้ งประโยคตรงตำมเจตนำในกำรสง่ สื่อการเรยี นรู้
สำรและชนิดของประโยค
๑. ใบงำน

A เหน็ ควำมสำคญั ของกำรใชป้ ระโยคได้ตำมเจตนำในกำร การวดั และประเมนิ ผล
ส่งสำร
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
สาระสาคญั - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงำนของนักเรียน
ชนิดของประโยคมีควำมสำคัญต่อกำรสื่อสำร แบ่งเป็น
ประโยคควำมเดยี ว ประโยคควำมรวม ประโยคควำมซอ้ น หำกผู้ส่ง บันทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
สำรวิเครำะห์และนำไปใช้ได้ตรงตำมเจตนำคือ ประโยคท่ีมี
เน้ือควำมแจ้งให้ทรำบ ประโยคท่ีมีเน้ือควำมเป็นคำถำม และ .........................................................................................................
ประโยคท่ีมีเนื้อควำมบอกให้ทำ ย่อมทำให้เกิดควำมเข้ำใจและ .........................................................................................................
สื่อสำรกันไดอ้ ยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผเู้ รยี น .........................................................................................................

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเป็นทมี ลงช่อื ………….…………………..ครผู ูส้ อน
- กำรคิดขนั้ สงู - กำรเป็นพลเมอื งทเี่ ข้มแข็ง (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรสื่อสำร - กำรอยู่รว่ มกับวทิ ยำกำรอย่ำงย่งั ยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกันบอกคำที่มีรูปวรรณยุกต์ และเสียงวรรณยุกต์ ตำมท่ีครู

กำหนดและออกมำเขียนบนกระดำน แล้วรว่ มกันสังเกตกำรใช้วรรณยุกต์ เชน่

รปู วรรณยกุ ต์จัตวำ เสยี งวรรณยุกตจ์ ัตวำ (จ๋ำ เอย๋ )

แผนกำรจัดกำรเรยี นรวู้ ชิ ำภำษำไทย รปู วรรณยุกต์โท เสยี งวรรณยุกต์โท (ผู้ ขำ้ ว ไหว้)

ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ รูปวรรณยุกตเ์ อก เสยี งวรรณยุกต์โท (แม่ ทุ่ง คำ่ )

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๔ เร่ือง พหสู ตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ช่วั โมง ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๒๑ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง หลักกำรใช้วรรณยุกต์ แล้วร่วมกันสรุป

เรือ่ ง หลกั กำรใชว้ รรณยกุ ต์ เวลำ ๑ ช่ัวโมง ควำมเขำ้ ใจ ครูเปน็ ผ้อู ธบิ ำยเพ่ิมเตมิ

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ๓. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ ๕ กลุม่ รวบรวมคำจำกแผ่นพับท่ีครูแจกให้ตำมหัวข้อที่

กำหนด แล้วจำแนกคำตำมรูปวรรณยุกต์

มาตรฐานการเรยี นรู้ กลุ่ม ๑ พยญั ชนะต้นเปน็ อักษรกลำง

มำตรฐำน ท ๔.๑ กลุ่ม ๒ พยญั ชนะตน้ เป็นอักษรสูง
เข้ำใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปลี่ยนแปลงของ
ภำษำและพลงั ของภำษำ ภูมิปญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย กลุ่ม ๓ พยัญชนะต้นเป็นอักษรตำ่
ไว้เปน็ สมบัตขิ องชำติ
กลมุ่ ๔ พยญั ชนะต้นคู่ (อกั ษรควบและอักษรนำ)

กลุม่ ๕ คำที่มำจำกภำษำตำ่ งประเทศ

ตัวแทนกลุ่มออกมำนำเสนอหน้ำชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ตวั ชวี้ ดั ตรวจสอบควำมถูกต้อง

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ ๔. นักเรยี นเขยี นคำตำมคำบอก ดังนี้

ใช้คำและกล่มุ คำสร้ำงประโยคตรงตำมวัตถปุ ระสงค์ บะหม่เี ก๊ยี ว ปกิ นิก โควตำ จอ้ กแจก้ ข้เี ถ้ำ

ขึน้ ฉำ่ ย แทก็ ซ่ี ม่ำเหมยี่ ว สนุกเกอร์ กรี๊ดกร๊ำด

จำกนน้ั ร่วมกันตรวจสอบควำมถูกต้อง

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๕. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๗ เร่ือง กำรใช้คำที่มีวรรณยุกต์สร้ำงประโยคตำม

วตั ถุประสงค์ แลว้ ร่วมกันตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง

K อธิบำยหลักกำรใช้วรรณยุกต์ ข้ันสรุป ๑๐ นำที

- เขยี นสะกดคำท่ีใชว้ รรณยุกต์ ๖. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ ควำมรู้

P - นำคำทีใ่ ช้วรรณยุกตไ์ ปสรำ้ งประโยคไดต้ รงตำม สอ่ื การเรยี นรู้

วตั ถปุ ระสงค์ ๑. แผน่ พบั ๒. ใบงำน

A เห็นควำมสำคญั ของกำรใช้คำในกำรสอื่ สำรได้ถกู ต้อง การวดั และประเมนิ ผล

สาระสาคญั - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลมุ่
กำรใช้วรรณยุกต์ในกำรเขียนสะกดคำท่ีเป็นคำไทยจะ - ตรวจผลงำนของนักเรียน
พิจำรณำจำกพยัญชนะต้นท่ีเป็นอักษร ๓ หมู่ ภำษำจีนใช้
วรรณยุกต์ตำมหลักคำไทย และภำษำตะวันตกส่วนใหญ่ไม่ใช้รูป บันทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
วรรณยกุ ต์ กำรเขำ้ ใจหลกั เกณฑ์กำรเขยี นสะกดคำทำให้เขียนคำได้
ถูกต้องและสำมำรถนำคำไปใช้ใน กำรส่ือสำรได้ตรงตำม .........................................................................................................
วตั ถปุ ระสงค์ .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผูเ้ รยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี
- กำรคดิ ข้ันสูง - กำรเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แขง็ ลงช่ือ………….…………………..ครูผ้สู อน
- กำรสื่อสำร - กำรอยรู่ ่วมกับวทิ ยำกำรอย่ำงย่งั ยืน (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงช่อื .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยูก่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกันแสดงควำมคิดเห็น โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดังนี้

- กำรสื่อสำรในลักษณะใดบำ้ งท่จี ะก่อให้เกดิ กำรเขำ้ ใจผดิ

ขน้ั สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้วู ิชำภำษำไทย ๒. นกั เรียนร่วมกนั ทำยปริศนำคำทำย คำพอ้ งเสยี งทคี่ รูกำหนด ดังนี้

ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ สัตว์อะไรขี้เกียจ (วำฬ เน่ืองจำก วำฬ พ้องเสียงกับคำว่ำ วำน

หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๔ เรื่อง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชั่วโมง หมำยถึง กำรขอให้คนอ่นื ทำแทน ไมท่ ำดว้ ยตนเอง)

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๒๒ ถ้ำเจอเหรียญบำทจะทำอย่ำงไร (ทำแผล เนื่องจำก บำท พ้อง

เรือ่ ง หลักกำรเขียนคำพอ้ งเสยี ง เวลำ ๑ ชั่วโมง เสยี งกบั คำวำ่ บำด)

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ ผีอะไรทำให้เด็กหยุดร้องไห้ (ผีปอบ เน่ืองจำก ปอบ มีเสียงคล้ำย

กบั คำวำ่ ปลอบ)

มาตรฐานการเรยี นรู้ แล้วร่วมกนั สนทนำเก่ียวกบั ลกั ษณะของคำพ้องเสยี ง

มำตรฐำน ท ๔.๑ ๓. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง หลักกำรเขียนคำพ้องเสียง แล้วร่วมกันสรุป
เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปลี่ยนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภูมปิ ญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ควำมเข้ำใจ ครเู ป็นผูอ้ ธบิ ำยเพิม่ เตมิ
ไว้เปน็ สมบตั ิของชำติ
๔. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม เขียนคำพ้องเสียงจำกคำท่ีครูกำหนดเป็น

แผนภำพควำมคดิ

๕. นักเรียนเขียนคำพ้องเสียง อธิบำยควำมหมำย และแต่งประโยคให้ถูกต้อง

ตัวชีว้ ดั ออกมำนำเสนอหน้ำช้นั เรยี น ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบควำมถกู ต้อง

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ ๖. นักเรียนทำใบงำนท่ี ๘ เรื่อง กำรใช้คำพ้องเสียงสร้ำงประโยคตำม

ใชค้ ำและกลุม่ คำสรำ้ งประโยคตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ วัตถุประสงค์ แล้วร่วมกนั ตรวจสอบควำมถกู ตอ้ ง

ขนั้ สรปุ ๑๐ นำที

๗. นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรุปควำมรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

K อธิบำยหลกั กำรเขยี นคำพอ้ งเสยี ง ส่อื การเรยี นรู้

- เขียนสะกดคำพ้องเสยี งไดถ้ กู ต้องตำมควำมหมำยของ ๑. บตั รคำ
๒. พจนำนุกรม
P คำ ๓. ใบงำน

- นำคำพ้องเสยี งไปสรำ้ งประโยคได้ตรงตำมวัตถปุ ระสงค์ การวัดและประเมนิ ผล

A เหน็ ควำมสำคัญของกำรใช้คำพอ้ งเสียงใหถ้ กู ควำมหมำย - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
สาระสาคญั - ตรวจผลงำนของนักเรยี น

คำพ้องเสียงเป็นคำท่ีออกเสียงเหมือนกัน เขียนสะกด บันทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ต่ำงกัน และมีควำมหมำยต่ำงกนั กำรรคู้ วำมหมำยของคำพ้องเสียง
ทำให้เขียนคำพ้องเสียงและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่ำง .........................................................................................................
ถกู ตอ้ ง .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทีม
- กำรคิดขั้นสูง - กำรเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แข็ง ลงชือ่ ………….…………………..ครูผูส้ อน
- กำรสือ่ สำร - กำรอยรู่ ่วมกับวทิ ยำกำรอย่ำงย่งั ยนื (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อย่กู ำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นเขยี นคำตำมคำบอก ดงั นี้

กะเพรำ เลือนรำง ลดั เลำะ บำนเกล็ด พรำ่ มัว

ตัวแทนนักเรียนออกมำนำเสนอหน้ำชั้นเรียน ครูและนักเรียน

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูว้ ิชำภำษำไทย ร่วมกันตรวจสอบควำมถูกต้อง

ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ขน้ั สอน ๔๐ นำที

หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๔ เรื่อง พหสู ตู หลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชั่วโมง ๒. นักเรียนศึกษำควำมรูเ้ รอ่ื ง หลกั กำรเขยี นคำทีใ่ ช้ ร ล

แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๒๓ ๓. นกั เรยี นอำ่ นแถบประโยค รว่ มกันบอกประโยคท่ีมีคำที่สะกดผิด แล้วแก้ไข

เรื่อง หลักกำรเขียนคำทใี่ ช้ ร ล เวลำ ๑ ชั่วโมง ให้ถกู ต้อง

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๑) กว๋ ยเต๋ียวรำดหน้ำร้ำนน้นั อรอ่ ย

๒) เขำเช่อื เร่อื งโชครำง (โชคลำง)

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓) เธอเดนิ เยอื้ งกลำยอยำ่ งสง่ำงำม (เยื้องกรำย)

มำตรฐำน ท ๔.๑ ๔) เขำปลกู มะเขือเปรำะที่บ้ำน
เข้ำใจธรรมชำติของภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภูมิปญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ๕) พอ่ ชอบอำ่ นหนงั สือเกรด็ ควำมรู้
ไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชำติ
๖) พวกเธอชอบผัดวันประกนั พรุ่งงำนจึงไม่สำเรจ็

๗) แม่โขกนำ้ พริกเพอื่ ทำแกงสม้ (โขลก)

๘) แม่ครัวหุงขำ้ วกลบหม้อ (ขำ้ วกบหม้อ)

ตัวชี้วัด ๙) เขำผลดุ ลกุ ผลุดนั่งดว้ ยควำมกงั วล (ผดุ ลกุ ผุดนง่ั )

ท ๔.๑ ม. ๔/๒ ๑๐) ชำ้ งพรำยตกมนั ทีเ่ ขำดิน (ชำ้ งพลำย)

ใช้คำและกลมุ่ คำสร้ำงประโยคตรงตำมวัตถปุ ระสงค์ ๔. นกั เรยี นจับคเู่ ขยี นคำที่ใช้ ร หรอื ล คู่ละ ๑ คำ เขยี นควำมหมำยพร้อมทั้ง

แตง่ ประโยค แล้วออกมำแสดงบทบำทสมมุติ

๕. นักเรียนทำใบงำนที่ ๙ เร่ือง กำรใช้คำที่มี ร ล สร้ำงประโยคตำม

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วัตถุประสงคแ์ ลว้ ร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง

ขัน้ สรปุ ๑๐ นำที

K อธิบำยหลักกำรเขียนคำทีใ่ ช้ ร ล ๖. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปควำมรู้

P - เขียนสะกดคำทีใ่ ช้ ร ล ได้ถูกตอ้ งตำมควำมหมำยของคำ สอื่ การเรยี นรู้
- นำคำที่ใช้ ร ล ไปสร้ำงประโยคไดต้ รงตำมวตั ถุประสงค์
๑. แถบประโยค
๒. ใบงำน

A เห็นควำมสำคัญของกำรเขยี นคำทใ่ี ช้ ร ล ใหถ้ ูกควำมหมำย การวดั และประเมนิ ผล

สาระสาคญั - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลุ่ม
กำรเขียนสะกดคำท่ีใช้ ร ล ต้องรู้ควำมหมำยของคำจึง - ตรวจผลงำนของนักเรยี น
จะสำมำรถเขยี นและนำไปใชใ้ นกำรสื่อสำรไดอ้ ย่ำงถกู ต้อง
บันทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทีม .........................................................................................................
- กำรคดิ ข้นั สูง - กำรเปน็ พลเมืองที่เขม้ แข็ง .........................................................................................................
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยู่ร่วมกับวิทยำกำรอยำ่ งยัง่ ยนื .........................................................................................................

ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผู้สอน
(นำยสุเมธ เขียวโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงช่ือ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................

(นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนศกึ ษำตัวอย่ำง กำรใช้ภำษำระดับพิธกี ำร ภำษำระดบั ทำงกำร และ

ภำษำระดับก่งึ ทำงกำร จำกนนั้ สนทนำเกีย่ วกับลักษณะกำรใช้ภำษำ

ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เร่ือง กำรแบ่งระดับภำษำ และภำษำระดับพิธีกำร

ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ภำษำระดับทำงกำร ภำษำระดับกึ่งทำงกำร แล้วร่วมกันสรุปควำมเข้ำใจ ครู

หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรื่อง พหสู ูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชั่วโมง เป็นผอู้ ธบิ ำยเพม่ิ เตมิ

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๒๔ ๓. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ๖ กลุ่ม หำตัวอย่ำงขอ้ ควำมท่ีมลี กั ษณะภำษำ ดงั น้ี

เรื่อง ภำษำระดบั พธิ กี ำร ทำงกำร และกึง่ ทำงกำร เวลำ ๑ ช่วั โมง กลุ่ม ๑-๒ หำตวั อย่ำงข้อควำมที่ใชภ้ ำษำระดับพิธีกำร

ครผู ู้สอน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ กลุม่ ๓-๔ หำตัวอยำ่ งข้อควำมที่ใช้ภำษำระดบั ทำงกำร

กลมุ่ ๕-๖ หำตัวอยำ่ งขอ้ ควำมทีใ่ ชภ้ ำษำระดับกง่ึ ทำงกำร

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั แทนกลุ่มออกมำนำเสนอหนำ้ ชัน้ เรยี น แล้วร่วมกนั ตอบคำถำม

มำตรฐำน ท ๔.๑ - จำกขอ้ ควำมดงั กล่ำวใครคอื ผู้ส่งสำรและผู้รบั สำร
เขำ้ ใจธรรมชำติของภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปลี่ยนแปลงของ
ภำษำและพลงั ของภำษำ ภมู ปิ ัญญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย - ลกั ษณะกำรใชภ้ ำษำเป็นอยำ่ งไร
ไว้เปน็ สมบัตขิ องชำติ
- เนอื้ หำกล่ำวถงึ เรื่องใด

- ควรใช้ส่อื ใดในกำรนำเสนอขอ้ ควำมนัน้

จำกนน้ั นักเรยี นและครรู ว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง

๔. นกั เรียนทำใบงำนท่ี ๑๐ เรื่อง กำรใช้ภำษำอย่ำงมีวัฒนธรรม แล้วร่วมกัน

ตัวชว้ี ัด ตรวจสอบควำมถูกต้อง

ท ๔.๑ ม.๔/๓ ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

ใชภ้ ำษำเหมำะสมแกโ่ อกำส กำลเทศะ และ ๕. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ควำมรู้
บคุ คล รวมทง้ั คำรำชำศพั ท์อยำ่ งเหมำะสม

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้

K อธิบำยลกั ษณะของภำษำระดบั พธิ กี ำร ภำษำระดับทำงกำร ๑. แถบข้อควำม
และภำษำระดับกึง่ ทำงกำร ๒. ใบงำน

- วิเครำะหภ์ ำษำระดบั พิธีกำร ภำษำระดับทำงกำร และ การวดั และประเมินผล

P ภำษำระดบั กึ่งทำงกำร - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกล่มุ
- ใชภ้ ำษำเหมำะสมแก่โอกำส กำลเทศะ และบุคคล - ตรวจผลงำนของนักเรียน

A เห็นควำมสำคัญของกำรใชภ้ ำษำใหเ้ หมำะสมแกโ่ อกำส บันทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กำลเทศะ และบุคคล
.........................................................................................................
สาระสาคญั .........................................................................................................
.........................................................................................................
ระดับภำษำในภำษำไทยมี ๕ ระดับ แบ่งเป็นระดับ .........................................................................................................
พิธีกำร ระดับทำงกำร ระดับกึ่งทำงกำรระดับสนทนำ และระดับ .........................................................................................................
กันเอง กำรใช้ภำษำระดับต่ำง ๆ ควรคำนึงถึงควำมสัมพันธ์ของผู้
ส่งสำรและผู้รับสำร และบริบทในกำรส่ือสำร ที่สำคัญควรแสดง
ควำมสุภำพเสมอ เพอื่ ให้กำรสอ่ื สำรมีประสทิ ธภิ ำพและสัมฤทธิผล

สมรรถนะของผเู้ รยี น ลงชือ่ ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- กำรคิดขน้ั สงู - กำรเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
- กำรส่อื สำร - กำรอย่รู ว่ มกบั วทิ ยำกำรอย่ำงยั่งยืน

ลงชื่อ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงชือ่ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอัศวนิ คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนอ่ำนแถบประโยค ดังนี้ แล้วร่วมกันแสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับ

ลักษณะกำรใชภ้ ำษำข้ำงตน้

- เอกบอกโอว่ำ “ข้ำไปเที่ยวบ้ำนยำย ฟำดข้ำวเหนียวมะม่วงไป

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้วิชำภำษำไทย เยอะเลย”

ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ - วันน้ีได้กลับมำกินร้ำนนี้อีกยินดีมำก ๆ ครับ ท่ีน่ีต้องส่ัง

หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๔ เร่อื ง พหูสูตหลกั ภำษำ เวลำ ๑๒ ชว่ั โมง คำกินบั ว่ำสดุ ยอดจริง ๆ นุ่มนวลและละมนุ ละไมเอำมำก ๆ

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๒๕ - อำจำรย์คะหนขู ออนุญำตไปดื่มนำ้ ค่ะ

เร่อื ง ภำษำระดบั สนทนำ และภำษำระดบั กนั เอง เวลำ ๑ ชว่ั โมง ขน้ั สอน ๔๐ นำที

ครผู ูส้ อน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๒. นักเรียนศึกษำควำมรู้เรื่อง ภำษำระดับสนทนำ และภำษำระดับกันเอง

แล้วร่วมกันสรปุ ควำมเข้ำใจ ครูเป็นผู้อธบิ ำยเพม่ิ เติม

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ๖ กลมุ่ หำตัวอย่ำงข้อควำมทมี่ ีลกั ษณะภำษำ ดงั น้ี

มำตรฐำน ท ๔.๑ กล่มุ ๑-๓ หำตัวอยำ่ งข้อควำมท่ีใชภ้ ำษำระดบั สนทนำ
เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปลี่ยนแปลงของ
ภำษำและพลังของภำษำ ภูมปิ ญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย กลมุ่ ๔-๖ หำตวั อยำ่ งข้อควำมทใี่ ช้ภำษำระดบั กนั เอง
ไว้เปน็ สมบัติของชำติ
ตัวแทนกล่มุ ออกมำนำเสนอหนำ้ ช้ันเรยี น แล้วร่วมกนั ตอบคำถำม ดังน้ี

- จำกขอ้ ควำมดังกล่ำว ใครคือผ้สู ่งสำรและผรู้ บั สำร

- ลกั ษณะกำรใช้ภำษำเป็นอย่ำงไร

- ควรใช้สอื่ ใดในกำรนำเสนอขอ้ ควำมน้นั

ตวั ชว้ี ัด ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนบทสนทนำสั้น ๆ และแสดงบทบำทสมมุติใน

ท ๔.๑ ม.๔/๓ สถำนกำรณ์ที่ใชภ้ ำษำระดับสนทนำและภำษำระดับกันเอง

ใชภ้ ำษำเหมำะสมแก่โอกำส กำลเทศะ และ ขนั้ สรุป ๑๐ นำที
บุคคล รวมท้ังคำรำชำศพั ทอ์ ยำ่ งเหมำะสม
๕. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปควำมรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้

K อธิบำยลักษณะของภำษำระดับสนทนำ และภำษำระดับ ๑. แถบประโยค
กนั เอง
การวดั และประเมนิ ผล
P - วิเครำะหภ์ ำษำระดบั สนทนำ และภำษำระดับกนั เอง
- ใช้ภำษำเหมำะสมแก่โอกำส กำลเทศะ และบคุ คล - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมกลุม่
A เหน็ ควำมสำคญั ของกำรใช้ภำษำให้เหมำะสมแก่โอกำส - ตรวจผลงำนของนักเรียน
กำลเทศะ และบคุ คล

สาระสาคญั บนั ทึกผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

กำรใช้ภำษำระดับสนทนำ และภำษำระดับกันเอง เป็น .........................................................................................................
กำรใช้ภำษำท่ีเหมำะสำหรับผู้ส่งสำรและผู้รับสำรท่ีมีสัมพันธภำพ .........................................................................................................
มำกพอสมควร ซ่ึงไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะภำษำมำกนัก แต่ควร .........................................................................................................
คำนึงถึงควำมสุภำพ และใช้ให้เหมำะสมกับกำลเทศะ บุคคล และ .........................................................................................................
สถำนกำรณ์ เพ่ือใหก้ ำรตดิ ต่อส่ือสำรมีประสิทธิภำพและสมั ฤทธิผล .........................................................................................................

สมรรถนะของผ้เู รยี น ลงช่ือ………….…………………..ครูผู้สอน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- กำรคิดขนั้ สงู - กำรเป็นพลเมืองทเี่ ขม้ แขง็
- กำรสอื่ สำร - กำรอยรู่ ว่ มกบั วทิ ยำกำรอย่ำงย่งั ยืน

ลงชื่อ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชือ่ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพช็ รศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผ้อู ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

๕หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี

เร่อื ง ทศั นาวรรณคดแี ละวรรณกรรม

เวลา ๑๕ ชว่ั โมง

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงควำมคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ำถำมทำ้ ทำย

- เพรำะเหตุใดบิดำมำรดำจงึ เปน็ บคุ คลที่ควรบูชำ

ขน้ั สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้วชิ ำภำษำไทย ๒. นกั เรยี นฟังเพลง ใครหนอ จำกแถบบันทึกเสียง หรือร่วมกนั ร้องเพลง

ชั้นมัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ๓. นกั เรยี นรว่ มกันสนทนำเกย่ี วกับสำระสำคญั ของเพลง

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ ๔. นกั เรยี นอำ่ นบทนำเรอ่ื ง อภปิ ชู นียกำนท์ แลว้ รว่ มกันสรุปสำระสำคัญ

เร่ือง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชว่ั โมง ๕. นกั เรยี นสังเกตฉันทลกั ษณข์ องอนิ ทรวิเชยี รฉันท์ แลว้ นำมำเปรียบเทียบกับ

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๒๖ บทร้อยกรองเพ่ือสังเกตลักษณะของคำที่นำมำใช้ประพันธ์ จำกนั้นครูอธิบำย

เร่ือง พระคุณอันหำทีส่ ดุ มไิ ด้ เวลำ ๑ ชัว่ โมง ควำมร้เู พมิ่ เติมเกี่ยวกับคำครุ-ลหุ

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ๖. นักเรียนอ่ำนออกเสียงบทนมัสกำรมำตำปิตุคุณพร้อมกัน แล้วฝึกอ่ำนเป็น

ทำนองเสนำะตำมครู จำกน้ันศกึ ษำควำมหมำยของคำศัพท์ท่ีไมเ่ ข้ำใจ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๗. นักเรียนช่วยกนั อธบิ ำยสำระสำคัญของบทนมัสกำรมำตำปิตุคณุ

มำตรฐำน ท ๕.๑ ๘. นักเรียนสังเครำะห์ข้อคิดที่ได้จำกกำรอ่ำนบทนมัสกำรมำตำปิตุคุณ
เข้ำใจและแสดงควำมคดิ เหน็ วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยำ่ งเหน็ คุณค่ำและนำมำประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ แล้วสนทนำแลกเปลย่ี นควำมคิดกัน

๙. นักเรียนร่วมกันวิจำรณ์บทนมัสกำรมำตำปิตุคุณในด้ำนวรรณศิลป์และ

คุณค่ำดำ้ นเน้ือหำ

ตัวช้ีวดั ๑๐. นักเรียนระดมควำมคิดว่ำจะทดแทนพระคุณของบิดำมำรดำ

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วเิ ครำะห์และวิจำรณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมตำม ไดอ้ ย่ำงไรบ้ำงแลว้ ช่วยกันบนั ทกึ เป็นแผนภำพควำมคิด
หลักกำรวิจำรณ์เบอ้ื งต้น
ข้ันสรุป ๑๐ นำที
ท ๕.๑ ม.๔/๒ วิเครำะห์ลกั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ชื่อมโยงกบั กำรเรยี นรู้
ทำงประวตั ิศำสตรแ์ ละวถิ ชี ีวิตของสังคมในอดีต ๑๑. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ควำมรู้

ท ๕.๑ ม.๔/๓ วิเครำะห์และประเมนิ คณุ คำ่ ด้ำนวรรณศลิ ปข์ องวรรณคดี สอ่ื การเรยี นรู้
และวรรณกรรมในฐำนะที่เปน็ มรดกทำงวฒั นธรรม
ของชำติ ๑. แถบบนั ทึกเสยี ง

ท ๕.๑ ม.๔/๔ สังเครำะหข์ อ้ คดิ จำกวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพอื่ นำไป การวดั และประเมินผล
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ
- สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม
ท ๕.๑ ม.๔/๖ ทอ่ งจำและบอกคณุ คำ่ บทอำขยำนตำมท่กี ำหนดและบท - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
ร้อยกรองที่มคี ุณคำ่ ตำมควำมสนใจและนำไปใชอ้ ำ้ งอิง - ตรวจผลงำนของนกั เรียน

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

K - อธิบำยควำมหมำยของคำศัพทจ์ ำกบทร้อยกรองทอ่ี ่ำน บนั ทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
- อธิบำยสำระสำคัญของบทรอ้ ยกรองท่ีอำ่ น
.........................................................................................................
P - วเิ ครำะห์และวิจำรณบ์ ทร้อยกรองทีอ่ ำ่ น .........................................................................................................
- สังเครำะหข์ อ้ คดิ จำกบทร้อยกรองทีอ่ ่ำน .........................................................................................................
.........................................................................................................
A เหน็ คุณคำ่ ของวรรณคดแี ละกระตอื รอื ร้นในกำรเรยี นรู้ .........................................................................................................

สาระสาคัญ ลงชอ่ื ………….…………………..ครผู สู้ อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
บทนมัสกำรมำตำปิตุคณุ กล่ำวถึงพระคุณอันย่ิงใหญ่ของ ตำแหนง่ ครู คศ.๑
บดิ ำมำรดำท่ลี กู ทกุ คนควรบูชำและทดแทน

สมรรถนะของผูเ้ รยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเปน็ ทมี ลงช่ือ....................................หวั หน้ำงำนวชิ ำกำร ลงช่อื .........................................
- กำรคิดข้นั สูง - กำรเปน็ พลเมืองทีเ่ ข้มแข็ง
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยู่ร่วมกบั วิทยำกำรอยำ่ งยงั่ ยืน (นำยรัชภมู ิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขัน้ นำ 10 นำที

๑. นักเรียนรว่ มกันแสดงควำมคิดเห็น โดยครใู ช้คำถำมทำ้ ทำย ดงั นี้

- เพรำะเหตุใดครูจึงเปน็ บุคคลท่ีควรบูชำ

ข้นั สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้วู ชิ ำภำษำไทย ๒. ครูเล่ำควำมประทับใจเก่ียวกับครูในสมัยเรียนที่ทำให้จดจำท่ำนมำถึง

ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ทกุ วนั นใ้ี ห้นักเรียนฟังแล้วให้อำสำสมัคร ๒-๓ คน ออกมำเล่ำให้เพอ่ื นฟังบำ้ ง

หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๕ ๓. นกั เรียนทบทวนควำมรู้เกย่ี วกับผแู้ ต่ง คอื พระยำศรีสุนทรโวหำร

เรอ่ื ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชว่ั โมง (น้อย อำจำรยำงกรู ) และฉันทลกั ษณใ์ นกำรแต่ง

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๒๗ ๔. นักเรียนอ่ำนออกเสียงบทนมัสกำรอำจริยคุณพร้อมกัน แล้วฝึกอ่ำนเป็น

เร่ือง พระคุณทสี่ ำม เวลำ ๑ ช่ัวโมง ทำนองเสนำะตำมครู จำกน้ันศึกษำควำมหมำยของคำศัพทท์ ไี่ ม่เข้ำใจ

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ๕. นกั เรียนช่วยกนั อธิบำยสำระสำคญั ของบทนมสั กำรอำจริยคณุ

๖. นักเรียนสังเครำะห์ข้อคิดท่ีได้จำกกำรอ่ำนบทนมัสกำรอำจริยคุณ

มาตรฐานการเรยี นรู้ แล้วสนทนำแลกเปลีย่ นควำมคิดกนั

มำตรฐำน ท ๕.๑ ๗. นกั เรียนรว่ มกันวจิ ำรณ์บทนมัสกำรอำจริยคุณในด้ำนวรรณศิลป์และคุณค่ำ
เขำ้ ใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่ำงเหน็ คุณคำ่ และนำมำประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง ดำ้ นเนอื้ หำ

๘. นกั เรียนระดมควำมคิดว่ำจะทดแทนพระคณุ ของครูได้อยำ่ งไร แล้วช่วยกนั

บันทึกเป็นแผนภำพควำมคดิ

ตวั ช้วี ัด ๙. ครูติดแผนภูมิคำกล่ำวไหว้ครูบนกระดำน ให้นักเรียนกล่ำวคำไหว้ครู

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วเิ ครำะหแ์ ละวจิ ำรณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตำม พรอ้ มกัน
หลกั กำรวิจำรณเ์ บอ้ื งต้น
ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที
ท ๕.๑ ม.๔/๒ วิเครำะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ช่ือมโยงกบั กำรเรียนรู้
ทำงประวตั ิศำสตร์และวถิ ชี ีวิตของสังคมในอดีต ๑๐. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปควำมรู้

ท ๕.๑ ม.๔/๓ วเิ ครำะหแ์ ละประเมินคณุ คำ่ ดำ้ นวรรณศลิ ปข์ องวรรณคดี ส่อื การเรยี นรู้
และวรรณกรรมในฐำนะที่เปน็ มรดกทำงวฒั นธรรม
ของชำติ ๑. แผนภมู ิคำกลำ่ วไหว้ครู

ท ๕.๑ ม.๔/๔ สงั เครำะห์ขอ้ คดิ จำกวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพอื่ นำไป การวัดและประเมินผล
ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม
ท ๕.๑ ม.๔/๖ ท่องจำและบอกคณุ คำ่ บทอำขยำนตำมที่กำหนดและบท - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
รอ้ ยกรองทม่ี คี ณุ คำ่ ตำมควำมสนใจและนำไปใช้อำ้ งอิง - ตรวจผลงำนของนักเรียน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

K - อธิบำยควำมหมำยของคำศพั ทจ์ ำกบทร้อยกรองทอ่ี ่ำน บันทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
- อธบิ ำยสำระสำคัญของบทร้อยกรองทอี่ ำ่ น
.........................................................................................................
P - วเิ ครำะหแ์ ละวิจำรณ์บทร้อยกรองทอ่ี ำ่ น .........................................................................................................
- สังเครำะหข์ อ้ คิดจำกบทร้อยกรองที่อำ่ น .........................................................................................................
.........................................................................................................
A เห็นคุณคำ่ ของวรรณคดีและกระตอื รือร้นในกำรเรียนรู้ .........................................................................................................

สาระสาคญั

บ ท น มั ส ก ำ ร อ ำ จ ริ ย คุ ณ ป ลู ก ฝั ง ใ ห้ ศิ ษ ย์ ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ลงชอื่ ………….…………………..ครผู ูส้ อน
พระคุณของครู ผู้ให้ควำมรู้และอบรม ส่ังสอนให้รู้ผิดชอบชั่วดีด้วย (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
เมตตำกรุณำอันเป่ียมล้น สมควรท่ีศิษย์พึงระลึกถึงพระคุณของครู ตำแหนง่ ครู คศ.๑
ดว้ ยควำมเคำรพและช่นื ชม

สมรรถนะของผเู้ รยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเป็นทีม ลงชอื่ ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชอ่ื .........................................
- กำรคิดขั้นสงู - กำรเป็นพลเมอื งทีเ่ ขม้ แขง็
- กำรสอ่ื สำร - กำรอยู่รว่ มกับวทิ ยำกำรอย่ำงยง่ั ยนื (นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรยี นฟังเพลง บุษบำเสย่ี งเทยี น จำกแถบบนั ทึกเสยี ง หรอื ครูร้องใหฟ้ ัง

แล้วร่วมกันสนทนำเก่ียวกับประสบกำรณ์กำรอ่ำนและกำรฟังวรรณคดีเรื่อง

อเิ หนำ

แผนกำรจัดกำรเรียนร้วู ชิ ำภำษำไทย ขนั้ สอน ๔๐ นำที

ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนอ่ำนบทนำเร่ืองของบทละครเร่ือง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ แล้วบันทึกสำระสำคัญ ครูเป็นผู้อธบิ ำยเพ่มิ เติม

เรอื่ ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชั่วโมง ๓. นักเรียนร่วมกันอ่ำนบทละครเร่ือง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ต้ังแต่

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๒๘ คำประพันธ์

เรือ่ ง เรยี นรู้บทนำกอ่ นเข้ำส่บู ทเรียน เวลำ ๑ ชว่ั โมง เม่อื นั้น ทำ้ วกะหมังกุหนงิ เรืองศรี

ครูผ้สู อน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ เสด็จเหนือแทน่ รตั น์มณี ภูมีเห็นสองอนชุ ำ

.............ถึง................

มาตรฐานการเรยี นรู้ เมอื่ นัน้ ท้ำวกะหมังกุหนิงเรอื งศรี

มำตรฐำน ท ๕.๑ ชวนสองอนุชำธบิ ดี เข้ำสู่ทีบ่ รรทมสำรำญ
เขำ้ ใจและแสดงควำมคดิ เห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยำ่ งเหน็ คุณคำ่ และนำมำประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ๔. นักเรียนค้นหำคำศัพท์ที่สนใจในระหว่ำงอ่ำนโดยสังเกตควำมหมำยจำก

บริบทและค้นหำควำมหมำยจำกศัพทำนุกรมท้ำยเรื่องหรือจำกพจนำนุกรม

แลว้ บันทึกคำศัพทท์ ี่สนใจ จำกนัน้ ร่วมกนั สรปุ เนื้อเรอื่ งตอนทอี่ ำ่ น

ตวั ชว้ี ัด ข้ันสรุป ๑๐ นำที

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเครำะห์และวิจำรณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมตำม ๕. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ควำมรู้
หลักกำรวิจำรณ์เบอ้ื งตน้
ส่อื การเรยี นรู้
ท ๕.๑ ม.๔/๒ วิเครำะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ชอื่ มโยงกบั กำรเรยี นรู้
ทำงประวตั ศิ ำสตรแ์ ละวถิ ชี ีวิตของสังคมในอดตี ๑. แถบบนั ทึกเสยี ง
๒. พจนำนุกรม
จุดประสงค์การเรยี นรู้
การวัดและประเมินผล
K อธบิ ำยทมี่ ำของเรื่องอเิ หนำ
P จับใจควำมบทนำเรอ่ื ง - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม
A เห็นควำมสำคัญของกำรเรยี นรู้ทม่ี ำของวรรณคดี - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
- ตรวจผลงำนของนักเรยี น
สาระสาคญั
บนั ทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
บทละครเรื่อง อิเหนำ เป็นบทพระรำชนิพนธ์ใน
พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยได้รับกำรยกย่องจำก .........................................................................................................
วรรณคดีสโมสรว่ำเป็นยอดของบทละครรำ มีเค้ำเรื่องเดิมมำจำก .........................................................................................................
นิทำนปันหยีของชวำซึ่งไทยรับมำตั้งแต่สมัยอยุธยำด้วยควำม .........................................................................................................
เคำรพและชนื่ ชม .........................................................................................................
.........................................................................................................

สมรรถนะของผ้เู รยี น ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี ตำแหนง่ ครู คศ.๑
- กำรคิดขัน้ สูง - กำรเปน็ พลเมอื งทเี่ ข้มแข็ง
- กำรสอ่ื สำร - กำรอย่รู ่วมกับวทิ ยำกำรอยำ่ งยงั่ ยืน

ลงช่ือ....................................หัวหน้ำงำนวชิ ำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยู่กำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ด์ิ)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนร่วมกันตอบคำถำมทบทวนบทนำเร่ืองและเน้ือหำตอนต้นท่ี

นักเรียนอำ่ นในช่วั โมงทผี่ ่ำนมำ

ขน้ั สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๗-๘ กลุ่ม หำคำศัพท์จำกศัพทำนุกรมท้ำยเรื่องหรือ

ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ พจนำนุกรมและถอดคำประพันธ์เรื่อง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ออกมำ

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ นำเสนอหนำ้ ชนั้ เรยี น ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถกู ต้อง

เรือ่ ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่วั โมง ๓. นักเรียนร่วมกันสรุปเหตุกำรณ์สำคัญจำกเน้ือเรื่องแล้วเขียนเป็นแผนภำพ

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๒๙ ควำมคดิ

เร่อื ง ค้นหำศพั ทเ์ ขำ้ ใจเนอื้ เร่ือง เวลำ ๑ ชัว่ โมง - ท้ำวกะหมังกุหนิงส่งรำชทูตนำเคร่ืองบรรณำกำรและรำชสำรมำ

ครูผสู้ อน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ เมืองดำหำ เพ่อื สู่ขอนำงบษุ บำให้วหิ ยำสะกำ

- ทำ้ วดำหำปฏเิ สธกำรสู่ขอของท้ำวกะหมังกหุ นิง

มาตรฐานการเรยี นรู้ - ท้ำวกะหมงั กุหนิงกบั วหิ ยำสะกำยกทัพมำตีเมอื งดำหำ

มำตรฐำน ท ๕.๑ - ท้ำวดำหำส่งสำรไปเมืองกุเรปันเพ่ือขอควำมช่วยเหลือ
เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่ำงเห็นคุณค่ำและนำมำประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ทำ้ วกุเรปันจงึ มสี ำรไปเมืองหมันหยำใหอ้ ิเหนำมำชว่ ยทำศึก

- อิเหนำชนะศึก และเข้ำเฝ้ำท้ำวดำหำ เมื่อพบนำงบุษบำก็เกิด

ควำมปฏิพัทธใ์ นตัวนำง

ตวั ช้วี ัด ขัน้ สรปุ ๑๐ นำที

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเครำะห์และวจิ ำรณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตำม ๔. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปควำมรู้
หลักกำรวิจำรณเ์ บือ้ งตน้
ส่ือการเรยี นรู้
ท ๕.๑ ม.๔/๒ วเิ ครำะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดเี ชื่อมโยงกับ
กำรเรยี นรูท้ ำงประวัตศิ ำสตรแ์ ละวิถชี วี ิตของ ๑. พจนำนุกรม
สงั คมในอดตี
การวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม
K อธบิ ำยควำมหมำยของคำศพั ทใ์ นเรื่อง อิเหนำ - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
ตอน ศึกกะหมังกุหนงิ - ตรวจผลงำนของนกั เรียน

P จบั ใจควำมเน้ือเรื่อง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง บันทึกผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

A เห็นควำมสำคัญของกำรอำ่ นวรรณคดี .........................................................................................................
.........................................................................................................
สาระสาคัญ .........................................................................................................
.........................................................................................................
บทละครเร่ือง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง เป็นตอนท่ี .........................................................................................................
มีเน้ือเรื่องน่ำติดตำม กล่ำวถึงควำมลุ่มหลงในควำมรักอย่ำงไม่มี
เหตุผล จนเป็นสำเหตุของปัญหำและโศกนำฏกรรม กำรอ่ำน
วรรณคดีต้องเข้ำใจควำมหมำยของคำศัพท์ จึงจะสำมำรถ
จับใจควำมและได้รับอรรถรสในกำรอำ่ น

สมรรถนะของผู้เรยี น ลงชื่อ………….…………………..ครูผ้สู อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม ลงช่อื ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชื่อ .........................................
- กำรคิดขน้ั สูง - กำรเป็นพลเมืองที่เขม้ แข็ง
- กำรสื่อสำร - กำรอยู่ร่วมกับวิทยำกำรอยำ่ งย่ังยืน (นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นักเรียนฟังกำรอ่ำนทำนองเสนำะกลอนบทละครจำกแถบบันทึกเสียงหรือ

ครูอ่ำนใหฟ้ ัง

ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรูว้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรียนฝึกอ่ำนทำนองเสนำะเรื่อง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง โดยฝึก

ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ออกเสยี งพรอ้ มกบั ครแู ลว้ จงึ ฝึกออกเสียงดว้ ยตนเอง

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ ๓. นักเรียนผลัดกันออกมำอ่ำนทำนองเสนำะหน้ำช้ันเรียน ครูและนักเรียน

เรอ่ื ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชวั่ โมง รว่ มกันตรวจสอบควำมถูกต้องและประเมนิ กำรอำ่ น

แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๓๐ ๔. นักเรียนเลือกบทกลอนท่ีประทับใจมำกที่สุด และเห็นว่ำสมควรแก่กำร

เร่ือง ออกเสยี งไพเรำะเสนำะทำนอง เวลำ ๑ ชว่ั โมง ท่องจำ เพื่อนำไปส่ือสำรอ้ำงอิง คัดลอกบทกลอนนั้นและระบุเหตุผลท่ี

ครูผูส้ อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ประทบั ใจ ตวั แทนนกั เรียนออกมำนำเสนอโดยอำ่ นเป็นทำนองเสนำะและบอก

เหตผุ ลทปี่ ระทับใจ ครูและนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบควำมถูกต้อง

มาตรฐานการเรยี นรู้ ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

มำตรฐำน ท ๕.๑ ๕. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรุปควำมรู้
เข้ำใจและแสดงควำมคดิ เหน็ วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่ำงเหน็ คุณคำ่ และนำมำประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ กำรอ่ำนทำนองเสนำะและท่องจำบทละครเรื่อง อิเหนำ

อย่ำงถูกต้อง ทำให้ได้รับอรรถรสจำกกำรอ่ำน สำมำรถนำวรรณคดีไปใช้

อำ้ งอิง เป็นกำรอนุรักษแ์ ละสืบทอดควำมเปน็ ไทยใหค้ งอยตู่ ่อไป

ตัวช้วี ัด ๖. นักเรียนรว่ มกนั แสดงควำมคิดเหน็ โดยครูใชค้ ำถำมทำ้ ทำย ดงั น้ี

- เน้อื เรือ่ งตอนใดอำ่ นทำนองเสนำะแล้วไพเรำะทส่ี ดุ เพรำะเหตใุ ด

ท ๕.๑ ม. ๔/๖ ทอ่ งจำและบอกคุณคำ่ บทอำขยำนตำมท่ี
กำหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่ำตำม
ควำมสนใจและนำไปใชอ้ ้ำงอิง ส่ือการเรยี นรู้

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. แถบบนั ทกึ เสยี ง

K อธบิ ำยหลกั กำรอำ่ นทำนองเสนำะกลอนบทละคร การวดั และประเมนิ ผล

P อำ่ นทำนองเสนำะและท่องจำกลอนบทละครจำกวรรณคดี - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
เรือ่ ง อิเหนำ - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
- ตรวจผลงำนของนกั เรยี น
ตระหนักในคุณคำ่ ของกำรอ่ำนทำนองเสนำะและกำร
บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
A ทอ่ งจำกลอนบทละครจำกวรรณคดี เรอ่ื ง อเิ หนำ
.........................................................................................................
เพื่ออนรุ ักษ์ควำมเปน็ ไทยและนำไปใช้อำ้ งอิง .........................................................................................................
.........................................................................................................
สาระสาคัญ .........................................................................................................
.........................................................................................................
กำรอ่ำนทำนองเสนำะและท่องจำบทละครเรื่อง อิเหนำ
อย่ำงถูกตอ้ ง ทำใหไ้ ดร้ ับอรรถรสจำกกำรอ่ำน สำมำรถนำวรรณคดี
ไปใช้อ้ำงอิง เป็นกำรอนุรักษ์และสืบทอดควำมเป็นไทยให้คงอยู่
ต่อไป

สมรรถนะของผู้เรยี น

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทมี ลงช่อื ………….…………………..ครูผ้สู อน
- กำรคิดขั้นสงู - กำรเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง (นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
- กำรสื่อสำร - กำรอยรู่ ว่ มกับวิทยำกำรอย่ำงย่ังยนื ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หัวหน้ำงำนวิชำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นกั เรียนร่วมกันแสดงควำมคดิ เหน็ โดยครูใช้คำถำมทำ้ ทำย ดงั นี้

- นกั เรยี นเห็นดว้ ยหรอื ไมก่ บั คำกลำ่ วท่ีวำ่ “ควำมรกั ทำใหค้ นตำบอด”

ขน้ั สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้วิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕-๖ กลุ่ม วิเครำะห์เรื่องโดยใช้วิจำรณญำณแปลควำม

ชน้ั มธั ยมศึกษำปีท่ี ๔ รหัสวชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ตคี วำมและขยำยควำมในประเด็นตอ่ ไปนี้

หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๕ - สำเหตสุ ำคัญของศกึ ครง้ั นค้ี ืออะไร

เร่อื ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่ัวโมง - ตัวละครสำคญั ในเนอื้ เร่อื งตอนนี้มใี ครบ้ำง

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๑ เวลำ ๑ ชวั่ โมง - ตวั ละครแตล่ ะตวั มพี ฤตกิ รรมอย่ำงไร

เรือ่ ง กำรแปลควำม ตคี วำม และขยำยควำมอยำ่ งมวี ิจำรณญำณ - พฤติกรรมของตัวละครตัวใดส่งผลกระทบไปยังตัวละครอื่น ๆ

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ มำกทีส่ ดุ เพรำะเหตุใด

- ตัวละครตัวใดสมควรเป็นผู้รับผิดชอบผลกระทบที่เกิดจำกศึก

มาตรฐานการเรยี นรู้ คร้ังนี้ เพรำะเหตุใด

มำตรฐำน ท ๕.๑ - ภำพควำมรกั ทส่ี ะท้อนจำกวรรณคดีเร่ืองน้มี ดี ้ำนใดบ้ำง
เขำ้ ใจและแสดงควำมคดิ เห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยำ่ งเห็นคุณค่ำและนำมำประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจรงิ - สำระสำคัญท่ีสุดในเน้ือเรื่องตอนน้ีคืออะไร สำระดังกล่ำวเป็น

ประโยชนต์ อ่ ชวี ิตของนกั เรยี นหรือไม่ เพรำะเหตุใด

- สำเหตุของศึกสงครำมในอดีตแตกต่ำงจำกศึกสงครำมในปัจจุบัน

ตวั ชี้วัด หรอื ไม่ อย่ำงไร

ท ๕.๑ ม.๔/๑ - หำกอิเหนำแพ้ท้ำวกะหมังกุหนิง นักเรียนคิดว่ำเหตุกำรณ์ของ

ท ๕.๑ ม.๔/๒ วเิ ครำะหแ์ ละวจิ ำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรม เรือ่ งจะเปน็ อยำ่ งไร
ตำมหลกั กำรวิจำรณ์เบอ้ื งต้น
วเิ ครำะห์ลักษณะเดน่ ของวรรณคดเี ช่อื มโยง - นักเรียนคิดว่ำกำรยุติศึกคร้ังนี้ก่อนท่ีจะเกิดกำรสูญเสียชีวิตควร
กับกำรเรียนรู้ทำงประวัติศำสตรแ์ ละวถิ ีชีวิต
ของสังคมในอดตี ทำอยำ่ งไร

๓. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมำนำเสนอควำมคิดของกลุ่ม

๔. นักเรียนพจิ ำรณำปญั หำสำคญั ในเนื้อเรื่องตอนนี้ แล้ววิเครำะห์สำเหตุของ

ปัญหำและผลกระทบ พร้อมท้งั นำเสนอแนวทำงแกไ้ ข โดยเขียนเป็นแผนภำพ

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ควำมคดิ

ขัน้ สรุป ๑๐ นำที

๕. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ควำมรู้

K อธิบำยเนอื้ เรอ่ื ง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง สอ่ื การเรยี นรู้

P วเิ ครำะห์เนื้อเรื่อง อิเหนำ ตอน ศกึ กะหมังกหุ นิง ๑. บัตรคำถำม
A เหน็ คณุ คำ่ ของวรรณคดไี ทย
การวัดและประเมนิ ผล
สาระสาคญั
- สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม
บทละครเรื่อง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง แสดงให้ - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
เห็นถึงกำรกระทำที่ขำดสติย่อมนำควำมเดือดร้อนมำสู่ตนเองและ - ตรวจผลงำนของนักเรยี น
ผู้อื่น ดังน้ัน กำรตัดสินใจกระทำสิ่งใดควรพิจำรณำผลกระทบที่
ตำมมำและไมน่ กึ ถงึ แต่ตนเองฝ่ำยเดยี ว บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

สมรรถนะของผ้เู รยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทีม .........................................................................................................
- กำรคดิ ขนั้ สงู - กำรเปน็ พลเมืองท่ีเข้มแขง็
- กำรส่อื สำร - กำรอยู่รว่ มกับวทิ ยำกำรอยำ่ งยัง่ ยืน ลงช่ือ………….…………………..ครูผู้สอน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชื่อ .........................................

(นำยรัชภมู ิ อยกู่ ำเหนดิ ) (นำยอศั วิน คงเพ็ชรศักด์ิ)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นักเรียนดูภำพตัวละครจำกเรื่อง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

แลว้ สนทนำเกยี่ วกบั ลกั ษณะนิสัยของตวั ละคร

ข้นั สอน ๔๐ นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ๖ กล่มุ วิเครำะห์ตัวละครกลุ่มละ ๑ ตัวละคร ดังน้ี

ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ กลุ่มที่ ๑ ท้ำวกะหมงั กหุ นิง

หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ กล่มุ ที่ ๒ ท้ำวกเุ รปัน

เร่อื ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่วั โมง กลมุ่ ท่ี ๓ ทำ้ วดำหำ

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓๒ กล่มุ ที่ ๔ อิเหนำ

เรื่อง กำรแสดงบทบำทสมมุติ เวลำ ๑ ชัว่ โมง กล่มุ ที่ ๕ จินตะหรำ

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ กล่มุ ท่ี ๖ วหิ ยำสะกำ

ตัวแทนกลมุ่ ออกมำนำเสนอหนำ้ ช้นั เรยี น ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ควำมถูกตอ้ ง

มำตรฐำน ท ๕.๑ ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนบทละครและแสดงบทบำทสมมุติตำมเน้ือเรื่อง
เขำ้ ใจและแสดงควำมคดิ เหน็ วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยำ่ งเห็นคุณค่ำและนำมำประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ จำกนัน้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ประเมินผลงำน

ขัน้ สรปุ ๑๐ นำที

๔. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ควำมรู้

ตวั ชี้วัด - กำรแสดงบทบำทสมมุติทำให้เข้ำใจเน้ือเรื่องและข้อคิดของ

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วรรณคดีไดด้ ียิง่ ขนึ้
ท ๕.๑ ม.๔/๒
วิเครำะห์และวจิ ำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรม - นกั เรยี นร่วมกนั แสดงควำมคิดเห็น โดยครูใช้คำถำมทำ้ ทำย ดงั น้ี
ท ๕.๑ ม.๔/๓ ตำมหลกั กำรวิจำรณเ์ บ้ืองตน้
วิเครำะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดเี ชอื่ มโยง - กำรแสดงบทบำทสมมตุ ิใหส้ มบทบำทควรคำนึงถึงเรอ่ื งใดบำ้ ง
ท ๕.๑ ม.๔/๔ กับกำรเรียนรู้ทำงประวัตศิ ำสตรแ์ ละวถิ ชี ีวิต
ของสงั คมในอดตี สอ่ื การเรยี นรู้
วเิ ครำะหแ์ ละประเมนิ คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์
ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐำนะทเี่ ป็น ๑. อปุ กรณ์กำรแสดงบทบำทสมมุติ
มรดกทำงวฒั นธรรมของชำติ
สงั เครำะหข์ ้อคิดจำกวรรณคดีและวรรณกรรม การวดั และประเมินผล
เพอ่ื นำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ
- สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงำนของนักเรยี น
K สรุปเน้อื เร่อื งอิเหนำ ตอน ศกึ กะหมังกุหนิง
บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
P แสดงบทบำทสมมตุ ิโดยถำ่ ยทอดเรอ่ื งที่อำ่ นไดถ้ ูกต้อง
เหมำะสม .........................................................................................................
.........................................................................................................
A เห็นควำมสำคญั ของกำรถ่ำยทอดวรรณคดีไทย .........................................................................................................
.........................................................................................................
.........................................................................................................

สาระสาคญั ลงช่ือ………….…………………..ครูผูส้ อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
กำรแสดงบทบำทสมมุติทำให้เข้ำใจเน้ือเรื่องและข้อคิด ตำแหนง่ ครู คศ.๑
ของวรรณคดีไดด้ ยี ง่ิ ข้ึน

สมรรถนะของผู้เรยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทีม ลงช่ือ....................................หวั หนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงช่อื .........................................
- กำรคิดขน้ั สูง - กำรเปน็ พลเมืองทีเ่ ขม้ แข็ง
- กำรสื่อสำร - กำรอยู่ร่วมกบั วิทยำกำรอยำ่ งยัง่ ยืน (นำยรชั ภมู ิ อย่กู ำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธติ เทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้ันนำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงควำมคิดเห็น โดยครใู ช้คำถำมทำ้ ทำย ดงั นี้

- บทรอ้ ยแก้วกบั บทรอ้ ยกรองทำใหเ้ กดิ ควำมรสู้ ึกแกผ่ อู้ ่ำนแตกต่ำง

กนั อยำ่ งไร

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ขน้ั สอน ๔๐ นำที

ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ๒. นักเรียนอ่ำนคำประพันธ์ท่ีครูกำหนด แล้วร่วมกันบอกลักษณะเด่นของ

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๕ คำประพนั ธ์ดังกลำ่ ว

เรอ่ื ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่ัวโมง ๓. นกั เรยี นทบทวนควำมรู้ กลวธิ ีกำรประพนั ธ์ แลว้ รว่ มกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๓๓ ๔. นักเรยี นแบง่ กล่มุ ๖ กลมุ่ พิจำรณำและรวบรวมกลวธิ กี ำรประพนั ธ์ ดงั นี้

เร่ือง กลวิธีกำรประพนั ธ์ เวลำ ๑ ชวั่ โมง กลุ่มที่ ๑, ๒ กำรเล่นคำ

ครูผู้สอน นำยสุเมธ เขียวโสภำ กลุ่มที่ ๓, ๔ กำรใช้ปฏิปุจฉำ

กล่มุ ท่ี ๕, ๖ กำรใชอ้ ปุ มำ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๕. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ๓ กลมุ่ วเิ ครำะหบ์ ทชมโฉม บทชมธรรมชำติ และบทชม

มำตรฐำน ท ๕.๑ กระบวนทพั และกระบวนรบ วำ่ มีควำมดเี ดน่ ดำ้ นกลวธิ ีกำรประพนั ธ์อย่ำงไร
เขำ้ ใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่ำงเห็นคณุ คำ่ และนำมำประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง ๖. นักเรียนแบ่งกลุ่มวำดภำพกำรจัดกระบวนทัพของอิเหนำและทัพของ

ทำ้ วกะหมังกุหนิงตำมจนิ ตนำกำรของนักเรยี น

๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนบทละครและแสดงบทบำทสมมุติตำมเนื้อเร่ือง

ตัวช้ีวดั จำกนั้นครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ประเมินผลงำน

ท ๕.๑ ม.๔/๑ ขน้ั สรปุ ๑๐ นำที

ท ๕.๑ ม.๔/๓ วเิ ครำะห์และวจิ ำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ๘. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ควำมรู้
ตำมหลักกำรวจิ ำรณ์เบ้ืองตน้
วเิ ครำะหแ์ ละประเมินคุณค่ำดำ้ นวรรณศิลป์ กลวิธีกำรประพันธ์เป็นกำรเลือกใช้ถ้อยคำมำแต่งคำประพันธ์
ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐำนะทีเ่ ป็น
มรดกทำงวฒั นธรรมของชำติ ให้เกิดควำมไพเรำะงดงำม และช่วยสื่อควำมหมำยให้ชัดเจนมำกยิ่งขึ้นกำร

เข้ำใจกลวิธีกำรประพันธ์รูปแบบต่ำง ๆ ทำให้อ่ำนวรรณคดีได้เข้ำใจและ

เกิดอรรถรสในกำรอำ่ น

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้

K อธบิ ำยกลวธิ ีกำรประพนั ธ์ ๑. แถบข้อควำม
P วเิ ครำะห์กลวธิ กี ำรประพันธ์ในอเิ หนำ ๒. กระดำษสำหรบั ทำกิจกรรม
A เห็นคณุ คำ่ ของกำรใชก้ ลวธิ ีกำรประพันธใ์ นวรรณคดี ๓. สเี ทยี น สีไม้ สเี มจิก

สาระสาคัญ การวัดและประเมนิ ผล

กลวิธีกำรประพันธ์เป็นกำรเลือกใช้ถ้อยคำมำแต่ง - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม
คำประพันธ์ให้เกิดควำมไพเรำะงดงำม และช่วยส่ือควำมหมำย - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
ให้ชัดเจนมำกยิ่งข้ึน กำรเข้ำใจกลวิธีกำรประพันธ์รูปแบบต่ำง ๆ - ตรวจผลงำนของนักเรยี น
ทำให้อ่ำนวรรณคดไี ดเ้ ขำ้ ใจและเกดิ อรรถรสในกำรอำ่ น
บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
สมรรถนะของผู้เรยี น
.........................................................................................................
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเปน็ ทมี .........................................................................................................
- กำรคดิ ข้ันสงู - กำรเป็นพลเมอื งทีเ่ ขม้ แขง็ .........................................................................................................
- กำรสือ่ สำร - กำรอย่รู ่วมกบั วิทยำกำรอยำ่ งยั่งยนื .........................................................................................................
.........................................................................................................

ลงชื่อ………….…………………..ครูผ้สู อน
(นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชอื่ ....................................หวั หนำ้ งำนวิชำกำร ลงช่อื .........................................

(นำยรชั ภมู ิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพ็ชรศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรยี นร่วมกันสนทนำเกยี่ วกับลักษณะเด่นในเร่ือง อเิ หนำ

ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นงิ

ข้ันสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ิชำภำษำไทย ๒. นักเรียนทบทวนควำมรู้เรื่อง กำรพินิจคุณค่ำวรรณคดี แล้วร่วมกันสรุป

ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหสั วิชำ ท๓๑๑๐๑ ควำมเข้ำใจ ครเู ปน็ ผอู้ ธิบำยเพิ่มเตมิ

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๕ ๓. นักเรียนแบง่ กลุม่ ๖ กลมุ่ วิเครำะห์คณุ คำ่ ของวรรณคดี ดงั นี้

เรอื่ ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชั่วโมง กลมุ่ ท่ี ๑, ๒ คณุ ค่ำด้ำนวรรณศิลป์

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๓๔ กลุ่มท่ี ๓, ๔ คุณคำ่ ด้ำนเน้ือหำ

เร่ือง อำ่ นแลว้ คิด พินจิ คณุ คำ่ เวลำ ๑ ชัว่ โมง กล่มุ ที่ ๕, ๖ คุณค่ำด้ำนสังคม

ครูผ้สู อน นำยสุเมธ เขียวโสภำ แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมำนำเสนอหน้ำชั้นเรียน ครูและนักเรียน

รว่ มกันตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนร่วมกันอภิปรำยเก่ียวกับกำรนำคุณค่ำจำกเรื่องไปใช้ในชีวิตจริง

มำตรฐำน ท ๕.๑ และนำเสนอแนวทำงกำรนำคุณคำ่ จำกกำรอำ่ นไปพัฒนำชวี ติ
เขำ้ ใจและแสดงควำมคิดเหน็ วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยำ่ งเหน็ คณุ ค่ำและนำมำประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ๕. ครูและนักเรียนร่วมกันประเมินค่ำบทละครเร่ือง อิเหนำ พระรำชนิพนธ์ใน

พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยว่ำเพรำะเหตุใดจึงได้รับยกย่องจำก

วรรณคดีสโมสร ใหเ้ ปน็ ยอดของกลอนบทละคร

ตัวชวี้ ัด ข้นั สรุป ๑๐ นำที

ท ๕.๑ ม.๔/๑ ๖. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ควำมรู้
ท ๕.๑ ม.๔/๒
วิเครำะห์และวิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ๗. นักเรยี นรว่ มกันแสดงควำมคดิ เหน็ โดยครใู ช้คำถำมท้ำทำย ดังน้ี
ท ๕.๑ ม.๔/๓ ตำมหลกั กำรวิจำรณ์เบื้องตน้
วิเครำะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดีเช่อื มโยง - คุณค่ำของวรรณกรรมปัจจุบันมีควำมเหมือนหรือแตกต่ำงจำก
กบั กำรเรยี นรู้ทำงประวัตศิ ำสตรแ์ ละวิถชี วี ิต
ของสงั คมในอดีต คุณค่ำของวรรณคดีในอดีตอย่ำงไร
วเิ ครำะหแ์ ละประเมนิ คุณคำ่ ด้ำนวรรณศลิ ป์
ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐำนะทีเ่ ป็น สอื่ การเรยี นรู้
มรดกทำงวัฒนธรรมของชำติ
๑. ใบควำมรู้เร่ือง คุณค่ำของวรรณคดี
จุดประสงค์การเรยี นรู้
การวัดและประเมนิ ผล
K อธิบำยคุณคำ่ ของบทละครเรื่อง อิเหนำ
ตอน ศกึ กะหมังกหุ นงิ - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม
- สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
P วเิ ครำะหค์ ุณค่ำของบทละครเร่อื ง อิเหนำ - ตรวจผลงำนของนักเรยี น
ตอน ศกึ กะหมังกุหนงิ
บันทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
A เห็นคณุ ค่ำของวรรณคดีไทย
.........................................................................................................
สาระสาคญั .........................................................................................................
.........................................................................................................
บทละครเร่ือง อิเหนำ ได้รับยกย่องจำกวรรณคดีสโมสร .........................................................................................................
วำ่ เป็นยอดของกลอนบทละครเน่อื งจำกบทกลอนมีควำมประณีตใน .........................................................................................................
กำรใช้ถ้อยคำ เนื้อเร่ืองสนุกสนำน แฝงข้อคิดหลำยประกำรให้กับ
ผู้อ่ำน นอกจำกน้ี ยังสะท้อนให้เห็นสภำพสังคมและวัฒนธรรม ลงช่ือ………….…………………..ครูผ้สู อน
ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้ดีอีกด้วย กำรอ่ำนอย่ำงพินิจคุณค่ำ (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ทำใหผ้ ู้อำ่ นตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญและเหน็ คณุ ค่ำของวรรณคดี ตำแหน่ง ครู คศ.๑

สมรรถนะของผเู้ รยี น

- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม ลงช่อื ....................................หัวหนำ้ งำนวชิ ำกำร ลงชอื่ .........................................
- กำรคดิ ขั้นสูง - กำรเปน็ พลเมอื งท่เี ข้มแขง็
- กำรสื่อสำร - กำรอยู่รว่ มกับวิทยำกำรอย่ำงยัง่ ยืน (นำยรัชภูมิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ 10 นำที

๑. นักเรียนทบทวนบทละครเรื่อง อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ๖ กลุ่ม เขยี นบนั ทกึ กำรอ่ำนบทละครเรอื่ ง อิเหนำ ตอน

ช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี ๔ รหัสวิชำ ท๓๑๑๐๑ ศึกกะหมงั กหุ นงิ

หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ ๓. นักเรียนร่วมกันระดมควำมคิดเพ่ือสังเครำะห์ข้อคิดจำกเรื่องท่ีสำมำรถ

เรอ่ื ง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชั่วโมง นำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๓๕ ๔. นักเรียนแบง่ กล่มุ ๖ กลุ่ม สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับวรรณคดีเรื่อง อิเหนำ จำก

เรือ่ ง ส่งท้ำยให้อิเหนำ เวลำ ๑ ช่วั โมง แหล่งข้อมูลสำรสนเทศ บันทึกช่ือเว็บไซต์และรำยละเอียด ตัวแทนกลุ่ม

ครูผสู้ อน นำยสุเมธ เขยี วโสภำ ออกมำนำเสนอหน้ำชั้นเรียนจำกน้ันร่วมกันประเมินคุณค่ำว่ำเว็บไซต์ใดให้

ข้อมลู ทนี่ ำ่ เชือ่ ถอื มำกท่สี ดุ

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๕. นักเรียนทำชิ้นงำนท่ี ๙ เร่ือง กำรเขียนบันทึกวรรณคดีศึกษำ : บทละคร

มำตรฐำน ท ๕.๑ เร่ือง อเิ หนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนงิ แล้วร่วมกนั ตรวจสอบควำมถกู ตอ้ ง
เขำ้ ใจและแสดงควำมคดิ เหน็ วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่ำงเหน็ คุณค่ำและนำมำประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ขั้นสรปุ ๑๐ นำที

๖. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ควำมรู้ ดังนี้

อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง กล่ำวถึงควำมรักอย่ำงไม่มีเหตุผล

ตัวช้วี ดั จนนำไปสู่ศึกสงครำมและเกิดโศกนำฏกรรม ทำให้ได้ข้อคิดว่ำผู้รักควรรัก

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเครำะห์และวจิ ำรณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม ให้เป็น มีสติ จะได้ไม่ก่อให้เกิดควำมเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น กำรอ่ำน
ท ๕.๑ ม.๔/๒ ตำมหลกั กำรวิจำรณ์เบอ้ื งตน้
วเิ ครำะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดเี ช่ือมโยง วรรณคดีอย่ำงวิเครำะห์และสังเครำะห์ทำให้เข้ำใจเนื้อหำและสำมำรถ
ท ๕.๑ ม.๔/๓ กับกำรเรยี นรู้ทำงประวตั ิศำสตร์และวิถชี ีวติ
ของสังคมในอดีต นำข้อคิดไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวันได้
ท ๕.๑ ม.๔/๔ วเิ ครำะห์และประเมนิ คุณค่ำดำ้ นวรรณศลิ ป์
ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐำนะทเี่ ปน็ ๗. ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงควำมคิดเหน็ โดยครใู ชค้ ำถำมท้ำทำย ดังนี้
มรดกทำงวฒั นธรรมของชำติ
สังเครำะห์ข้อคิดจำกวรรณคดีและวรรณกรรม - กำรแสดงควำมรักของวัยรุ่นในปัจจุบันเป็นอย่ำงไร เหมำะสม
เพ่ือนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง
หรือไม่ อยำ่ งไร

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้

๑. กระดำษสำหรับทำกิจกรรม
๒. อนิ เทอรเ์ น็ต

K อธิบำยคุณคำ่ ของบทละครเรอ่ื ง อิเหนำ การวดั และประเมินผล

P - สังเครำะห์ขอ้ คิดจำกบทละครเรือ่ ง อเิ หนำ - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
- เขียนบนั ทึกกำรเรยี นรู้ - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- ตรวจผลงำนของนกั เรียน

A เห็นคุณคำ่ ของวรรณคดีไทย

สาระสาคญั บนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

อิเหนำ ตอน ศึกกะหมังกุหนิง กล่ำวถึงควำมรักอย่ำง .........................................................................................................
ไม่มีเหตุผลจนนำไปสู่ศึกสงครำมและเกิดโศกนำฏกรรม ทำให้ได้ .........................................................................................................
ข้อคิดว่ำผู้รักควรรักให้เป็น มีสติ จะได้ไม่ก่อให้เกิดควำมเดือดร้อน .........................................................................................................
ต่อตนเองและผอู้ ืน่ กำรอ่ำนวรรณคดีอย่ำงวิเครำะห์และสังเครำะห์ .........................................................................................................
ท ำ ใ ห้ เ ข้ ำ ใ จ เ น้ื อ ห ำ แ ล ะ ส ำ ม ำ ร ถ น ำ ข้ อ คิ ด ไ ป ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น .........................................................................................................
ชีวติ ประจำวันได้
ลงชื่อ………….…………………..ครผู ้สู อน
สมรรถนะของผ้เู รยี น (นำยสุเมธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเป็นทมี ลงช่อื ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชื่อ .........................................
- กำรคดิ ข้ันสงู - กำรเปน็ พลเมืองทเ่ี ข้มแข็ง
- กำรส่อื สำร - กำรอยูร่ ว่ มกับวิทยำกำรอยำ่ งย่งั ยนื (นำยรัชภมู ิ อยูก่ ำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผู้อำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมอื งราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำ 10 นำที

๑. นักเรยี นร่วมกนั แสดงควำมคดิ เห็น โดยครูใช้คำถำมท้ำทำย ดงั นี้

- นทิ ำนไทยและนทิ ำนตำ่ งชำตมิ ีควำมเหมอื นกันหรอื แตกตำ่ งกันอย่ำงไร

ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจดั กำรเรียนรูว้ ิชำภำษำไทย ๒. ตวั แทนนกั เรยี นออกมำเล่ำนทิ ำนสน้ั ๆ แลว้ ร่วมกนั บอกขอ้ คิดของนิทำน

ชัน้ มัธยมศึกษำปที ี่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ ๓. นกั เรยี นอำ่ นบทนำเรอ่ื งของนทิ ำนเวตำล แล้วเขียนบนั ทึกสำระสำคัญ

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๕ ๔. นักเรียนอ่ำนนิทำนเวตำลแล้วคน้ หำคำศพั ทท์ สี่ นใจแล้วนำมำบนั ทึก

เรื่อง ทศั นำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ชวั่ โมง ๕. นักเรยี นรว่ มกันอภิปรำยในประเด็นตอ่ ไปน้ี

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๓๖ - ปัญหำกำรแต่งงำนสลับคู่เกิดข้ึนเพรำะตัวละครใดและตัวละคร

เร่อื ง จำกบทนำเร่อื งสูน่ ิทำนเวตำล เวลำ ๑ ชัว่ โมง น้นั ควรปรับปรุงหรือแกไ้ ขตนเองในเรือ่ งใดมำกที่สุด

ครูผู้สอน นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ - จำกคำกล่ำวของท้ำวจันทรเสนที่ว่ำ “หญิงที่พระรำชำพบในป่ำ

มักจะงำมกว่ำหญิงทจ่ี ะหำได้ในกรงุ ” มีควำมสมเหตสุ มผลหรือไม่ อย่ำงไร

มาตรฐานการเรยี นรู้ - สำระสำคญั ที่สุดของนทิ ำนเวตำลเรอ่ื งนคี้ ืออะไร

มำตรฐำน ท ๕.๑ - เวตำลใชก้ ลวิธอี ยำ่ งไรในกำรย่ัวยใุ หพ้ ระวิกรมำทติ ยต์ อบคำถำม
เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่ำงเหน็ คณุ คำ่ และนำมำประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ - เพรำะเหตุใดพระวิกรมำทิตย์จึงไม่ตอบคำถำม พระองค์ทำ

ถูกตอ้ งหรอื ไม่

๖. นักเรียนเขียนสรุปเหตุกำรณ์สำคัญเป็นแผนภำพโครงเรื่อง ตัวแทน

ตัวชี้วดั นักเรียนออกมำ นำเสนอหนำ้ ชั้นเรยี น ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบควำม

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเครำะหแ์ ละวจิ ำรณว์ รรณคดีและวรรณกรรม ถูกต้อง
ตำมหลักกำรวิจำรณ์เบอื้ งตน้
๗. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน แต่งนิทำนซ้อนนิทำนตำมจินตนำกำร

พร้อมทั้งวำดภำพประกอบให้สวยงำม ออกมำนำเสนอหน้ำช้ันเรียน ครูและ

จุดประสงค์การเรยี นรู้ นักเรียนรว่ มกนั ประเมินผลงำน แล้วคัดเลอื กผลงำนทีด่ นี ำมำติดป้ำยนเิ ทศ

ข้ันสรุป ๑๐ นำที

K อธิบำยควำมหมำยของคำศัพท์ในนทิ ำนเวตำล ๘. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปควำมรู้

สอ่ื การเรยี นรู้

P จับใจควำมนิทำนเวตำล ๑. พจนำนุกรม
๒. กระดำษสำหรบั ทำกิจกรรม
A เห็นควำมสำคัญของกำรอำ่ นวรรณคดไี ทย ๓. สีเทียน สีไม้ สีเมจิก

สาระสาคญั การวัดและประเมนิ ผล

นิทำนเวตำลเป็นบทพระนิพนธ์ในพระรำชวรวงศ์เธอ - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม
กรมหม่ืนพิทยำลงกรณ (น.ม.ส.) ทรงแปลจำกนิทำนสันสกฤต - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
ฉบับภำษำอังกฤษ ซ่ึงมีท้ังหมด ๒๕ เร่ือง โดยทรงแปล ๑๐ เร่ือง - ตรวจผลงำนของนกั เรียน
มีลักษณะนิทำนซ้อนนิทำน นิทำนเร่ืองที่ศึกษำนี้เป็นนิทำนเรื่อง
สุดท้ำยท่ีพระวิกรมำทิตย์ไม่ทรงตอบคำถำมของเวตำล จนทำให้ บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
พระองค์จับตัวเวตำลไปมอบให้โยคีได้สำเร็จ จำกรูปแบบกำรแต่ง
ทำให้ผูอ้ ่ำนเพลิดเพลนิ และชวนใหข้ บคดิ จงึ อ่ำนได้โดยไมเ่ บ่อื .........................................................................................................
.........................................................................................................
สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจดั กำรตนเอง - กำรรวมพลังทำงำนเป็นทีม .........................................................................................................
- กำรคดิ ขัน้ สงู - กำรเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แขง็
- กำรสอ่ื สำร - กำรอย่รู ่วมกบั วทิ ยำกำรอยำ่ งย่งั ยืน ลงชอ่ื ………….…………………..ครูผสู้ อน
(นำยสเุ มธ เขียวโสภำ)
ตำแหนง่ ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หวั หน้ำงำนวิชำกำร ลงช่ือ .........................................

(นำยรัชภูมิ อยกู่ ำเหนิด) (นำยอศั วนิ คงเพ็ชรศกั ดิ์)

ตำแหนง่ ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ

โรงเรยี นสาธิตเทศบาลเมืองราชบรุ ี

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ 10 นำที

๑. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงควำมคดิ เห็น โดยครูใชค้ ำถำมท้ำทำย ดงั น้ี

- กำรพดู โดยไมค่ ดิ ทำให้เกดิ ผลกระทบอยำ่ งไรบำ้ ง

ขั้นสอน ๔๐ นำที

แผนกำรจัดกำรเรียนรวู้ ชิ ำภำษำไทย ๒. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ๕ กลุ่ม วเิ ครำะหล์ กั ษณะนิสัยตวั ละครดังน้ี

ช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๔ รหสั วชิ ำ ท๓๑๑๐๑ - เวตำล

หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๕ - พระวิกรมำทิตย์

เรอ่ื ง ทัศนำวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลำ ๑๕ ช่วั โมง - ท้ำวมหำพล

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๓๗ - ท้ำวจันทรเสน

เรื่อง สวมบทบำทตวั ละครในเรอื่ งนทิ ำนเวตำล เวลำ ๑ ช่วั โมง - พระรำชบตุ ร

ครผู ู้สอน นำยสเุ มธ เขียวโสภำ ตัวแทนกลุ่มออกมำนำเสนอหน้ำช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ตรวจสอบควำมถูกต้อง

มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเครำะห์ปัญหำที่เกิดในเรื่องนิทำนเวตำล จำกนั้นหำ

มำตรฐำน ท ๕.๑ ทำงเลือกในกำรแก้ปัญหำ รวมทั้งผลท่ีจะเกิดขึ้น โดยเขียนเป็นแผนภำพ
เข้ำใจและแสดงควำมคดิ เห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยำ่ งเหน็ คณุ ค่ำและนำมำประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง ควำมคดิ

๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มคัดเลือกกำรแก้ปัญหำที่ดีท่ีสุดกลุ่มละ ๑ ข้อ จำกนั้น

ออกมำแสดง บทบำทสมมุติตำมเนื้อเร่ือง และผลของกำรแก้ปัญหำตำมท่ีแต่

ตัวชวี้ ดั ละกลมุ่ รว่ มกันคดิ ครูและนักเรียนรว่ มกนั ประเมินผลงำน

ท ๕.๑ ม.๔/๑ วิเครำะหแ์ ละวจิ ำรณว์ รรณคดีและวรรณกรรม ๕. นักเรียนวำดภำพตัวละครในเร่ือง ๑ ตัวละครตำมจินตนำกำร ระบำยสี
ตำมหลกั กำรวิจำรณเ์ บอื้ งต้น
ตกแต่งให้สวยงำมออกมำนำเสนอหน้ำช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน

ประเมินผลงำน จำกนั้นนำผลงำนมำติดป้ำยนิเทศ

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้ันสรปุ ๑๐ นำที

๖. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปควำมรู้

K สรุปเน้อื เรอื่ งนิทำนเวตำล สือ่ การเรยี นรู้

แสดงบทบำทสมมุตโิ ดยถำ่ ยทอดเร่อื งที่อ่ำนได้ถกู ตอ้ ง ๑. กระดำษสำหรบั ทำกจิ กรรม
๒. สีเทียน สไี ม้ สีเมจกิ
P เหมำะสม
การวัดและประเมนิ ผล
A เห็นคุณคำ่ ของวรรณคดีไทย
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม
สาระสาคญั - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกล่มุ
- ตรวจผลงำนของนกั เรยี น
กำรแสดงบทบำทสมมุติทำให้เข้ำใจเนื้อเรื่องและข้อคิด
ของวรรณคดีได้ดียงิ่ ขนึ้ บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

สมรรถนะของผู้เรยี น .........................................................................................................
.........................................................................................................
- กำรจัดกำรตนเอง - กำรรวมพลงั ทำงำนเป็นทีม .........................................................................................................
- กำรคิดขั้นสูง - กำรเป็นพลเมอื งท่เี ขม้ แข็ง .........................................................................................................
- กำรส่ือสำร - กำรอยู่ร่วมกบั วิทยำกำรอยำ่ งย่งั ยืน .........................................................................................................

ลงชอื่ ………….…………………..ครผู ู้สอน
(นำยสเุ มธ เขยี วโสภำ)
ตำแหน่ง ครู คศ.๑

ลงชื่อ....................................หัวหนำ้ งำนวิชำกำร ลงชอื่ .........................................

(นำยรชั ภูมิ อยู่กำเหนดิ ) (นำยอัศวิน คงเพช็ รศักดิ์)

ตำแหน่ง ครู คศ.๓ ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ


Click to View FlipBook Version