Statics/ Chapter 2 Force systems 2-39
การหาโมเมนตโดยการครอสเวคเตอร (2)
(3)
จากสมการ (1) จะสามารถหาโมเมนตไ ดด งั นี้ (4)
r = rr × r = iˆ ˆj kˆ
Mo F rx ry rz
r Fx Fy Fz
M o = (ry Fz − rz Fy )iˆ + (rz Fx − rx Fz ) ˆj + (rx Fy − ry Fx )kˆ
r = M xiˆ + M y ˆj + M z kˆ
Mo
โดย M x = ry Fz − rz Fy
M y = rz Fx − rx Fz
M z = rx Fy − ry Fx
รปู ท่ี 4 การหาโมเมนตใ นสามมติ ิ [1]
การหาโมเมนตร อบแกนตา งๆ ตามสมการ (4) สามารถหาไดจ ากวิธกี ารสเกลารเ ชนกนั
โดยคูณสวนประกอบของแรงในแตล ะแกน เขา กบั ระยะตงั้ ฉากระหวางแนวแรงกบั แกนหมุน (ดู
รูปท่ี 4) โดยตอ งระวงั วาแรงในแนวเดยี วกับแกน จะไมทาํ ใหเ กิดโมเมนตร อบแกนนั้น นั่นคอื
แรงในแนว x จะไมท ําใหเ กดิ โมเมนตรอบแกน x และแรงทีผ่ านแนวแกน จะไมท ําใหเกดิ โมเมนต
รอบแกนน้ัน เชน โมเมนตร อบแกน x, Mx เกิดจากแรงซึ่งชไ้ี ปทศิ ทาง y และทิศทาง z โมเมนต
รอบแกน x ซง่ึ เกิดจากแรง Fy คือ –rzFy เนอ่ื งจากโมเมนตของแรงนมี้ ที ศิ ชไ้ี ปทางลบจึงมีคา ตดิ
ลบ สวนโมเมนตรอบแกน x ซ่งึ เกิดจากแรง Fz คอื ryFz เนอื่ งจากทศิ ของโมเมนตชไ้ี ปทางบวก
จึงมีคาบวก และจะไดโ มเมนตรอบแกน x ทง้ั หมดคือ M x = ry Fz − rz Fy เชน กนั สําหรบั
โมเมนตรอบแกนอื่นๆ กพ็ จิ ารณาไดเ ชนเดียวกนั
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-40
โมเมนตร อบแกนใดๆ
จากรปู ท่ี 3(b) จะพบวา โมเมนตรอบแกน z เปนสว นประกอบหนึ่งของโมเมนตรอบจดุ A
การหาโมเมนตรอบแกน z จึงทาํ ไดโ ดยหาโมเมนตรอบจดุ กอน แลวจงึ แตกใหโมเมนตเ ขา ไปอยู
ตามแกน z การหาโมเมนตร อบแกนใดๆ ก็สามารถทําไดโ ดยใชหลักการเดยี วกนั ดังตวั อยา ง
ตอไปน้ี
รปู ท่ี 5 การหาโมเมนตร อบแกนใดๆ [1]
พจิ ารณารูปท่ี 5 ตองการหาโมเมนตร อบแกน λ, Mλ
ขน้ั ตอนที่ 1 หาโมเมนตรอบจุดใดๆ บนแกน λ ในที่นีจ้ ะทํารอบจดุ O
v rv v
MO = × F v
M
ขน้ั ตอนที่ 2 หาขนาดสว นประกอบของโมเมนต O บนแกน λ โดยการดอทเวคเตอรข อง
โมเมนต เขา กบั เวคเตอรหน่ึงหนว ยในทศิ ทาง λ, nˆ โดยผลลัพธจ ากการดอทจะเปน ปรมิ าณ
สเกลาร v = (rv × Fv) ⋅ nˆ
Mλ
(5)
ขัน้ ตอนท่ี 3 โมเมนตร อบแกน λ คอื ผลคณู ของขนาดของโมเมนตท ี่หาไดจากสมการ (5) กับ
เวคเตอรแสดงทศิ ทางของโมเมนต ซึ่งก็คือเวคเตอรหน่งึ หนว ยในทศิ ทาง λ น่ันเอง
v [(rv v
Mλ = × F ) ⋅ nˆ]nˆ (6)
ทฤษฎบี ทของ Varignon สาํ หรบั สามมติ ิ (Varignon’s Theorem in Three Dimensions)
ทฤษฎีบทของ Varignon กลาวไวว า “ผลรวมของโมเมนตยอยๆ ซ่งึ เกิดจากแรงหลายๆ
แรงรอบจุดหมนุ ท่ีกําหนด มีคา เทากับโมเมนตซง่ึ เกดิ จากผลรวมของแรงยอยๆ รอบจุดหมุนนน้ั ”
(ดรู ปู ท่ี 6 ประกอบ) ทฤษฎบี ทของ Varignon สามารถนาํ มาเขียนเปนสมการคณติ ศาสตรไดด ัง
แสดงในสมการ (7) v v v v v
∑ ∑v rv × F1 rv F2 rv F3 KFv==rv r×v ×(FvRv1 F2 F3
= Mv + × + ) × + + + + K)
MO Fv =
O= (rv × rv × (7)
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-41
รปู ท่ี 6 การหาโมเมนตของแรงยอยๆ รูปที่ 7 คับเปล ในสามมิติ [1]
ดว ยทฤษฎีบทของ Varignon [1]
คบั เปลในสามมิติ
คับเปล หมายถงึ โมเมนตซ ึง่ เกิดจากแรงสองแรงท่ีมีขนาดเทากัน แตม ีทิศทางตรงกัน
ขา มกนั
รปู ที่ 7 แสดงการหาคับเปล ในสามมิติ สมมุติใหจุด O เปนจุดหมนุ
r rrrvA××FFrr + rrB × (−Fr ) (rrA rrB r
M = = − ) × F (8)
r = (9)
M v
F
จากสมการ (9) จะพบวาคบั เปล ไมข นึ้ กบั จดุ หมนุ O เลย ขึน้ อยเู พยี งแรง และ
v
เวคเตอรท ช่ี ้รี ะหวางแนวแรงทง้ั คู rv โดยเวคเตอร rv จะช้ีจากจุดไหนบนแนวแรง − F ไปยังจุด
v
ไหนบนแนวแรง F กไ็ ด และเนื่องจากคบั เปลมีคาเทา กนั ไมว าจุดหมุนจะอยทู ใี่ ด คับเปล จึงถือ
วาเปน Free Vector ซ่ึงจะตางกบั โมเมนต ซ่งึ ขนาดจะขึน้ อยูก บั ตําแหนง จดุ หมุน โมเมนตจงึ ถอื
วาเปน Sliding Vector สาํ หรับทศิ ทางของคับเปล กส็ ามารถหาไดโดยกฎของมือขวาเชน เดียวกนั
รูปที่ 8 การรวมคับเปล [1]
รูปที่ 8 แสดงถึงการรวมคบั เปลยอ ยจากแรง v และ v เขาดว ยกัน เนอ่ื งจากคับเปล
F1 F2
เปน Free vector การรวมจงึ สามารถรวมคบั เปลยอ ยๆ เขาโดยตรงแบบเวคเตอร หรอื อาจจะ
v v v v
รวมแรง F1 และ F2 เขา เปน แรง F กอ น จงึ หาคับเปลจากแรง F กไ็ ด
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-42
ระบบของแรงและคับเปลในสามมิติ
ในหัวขอ 2/5 ไดก ลา วถึงการยา ยแรงไปทตี่ ําแหนงอื่น และเขยี นแทนแรงเดมิ ดวยแรง
และคบั เปล ในกรณี 2 มติ ิ มาแลว ในหวั ขอนี้ก็เชนเดยี วกัน เพียงแตแ รงและคบั เปล จะอยใู น 3
มิตเิ ทา นั้น ข้ันตอนการยายแรงแสดงดังรปู ที่ 9
v
1. แรง F กระทาํ ทจ่ี ุด A
v v
2. เพม่ิ แรง F และ − F ทีจ่ ุด B เนอื่ งจากแรงลพั ธที่เพิม่ เขาไปในระบบมคี า เปน ศนู ย
การเพ่ิมแรงเขา ไปจงึ ไมส ง ผลกระทบใดๆ ตอ ระบบ
3. จากรปู กลาง จะพบวา แรง Fv เดมิ และแรง − Fv ทเ่ี พิ่มเขา ไปสามารถจับคกู นั เปน
คบั เปล ได v v r rv r
F F M F
4. เขียนแทนแรง v และ − ดวยคบั เปล = × โดยทศิ ทางของคบั เปล จะ
F
ตงั้ ฉากกับแรง ดังแสดงในรปู ขวามอื
รูปท่ี 9 ระบบของแรงและคบั เปลในสามมิติ [1]
เอกสารอา งอิง
[1] J.L.Meriam and L.G.Kraige, Engineering mechanics STATICS fifth edition SI
Version, John Wiley & Sons, Inc., 2003.
[2] R.C.Hibbeler, Engineering mechanics STATICS 11th Edition in SI units, Pearson
Prentice Hall, 2007.
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-43
2/9 Tension in cable AB is 143.4 N. Determine the moment about the x-axis of
this tension force acting on point A . Compare your result to the moment of the
weight W of the 15-kg uniform plate about the x-axis. What is the moment of
the tension force acting at A about line OB. [Engineering Mechanics Statics 5th edition,
Meriam & Kraige, prob.2/129]
วิธีทํา เน่ืองจากตองการหาโมเมนตเ นือ่ งจากแรงตึงในเคเบิล AB ดังนัน้
จงึ ตอ งเขยี นแรงตึง TAB ใหอ ยใู นรูปเวคเตอรเสียกอ น
พกิ ดั จดุ A : (0.7, 0.45cos20º, -0.45sin20º) หรือคือ (0.7, 0.4229, -0.1539)
พิกัดจุด B : (0.35, 0, 0.4)
เวคเตอร AB : AB = −0.35iˆ − 0.4229 ˆj + 0.5539kˆ
เวคเตอรห นึง่ หนว ยในทศิ ทาง AB :
nˆ AB = − 0.35iˆ − 0.4229 ˆj + 0.5539kˆ = −0.4488iˆ − 0.5423 ˆj + 0.7103kˆ
0.352 + 0.44292 + 0.55392
เวคเตอรข องแรง v
TAB
v = TABnˆAB = 143.4(−0.4488iˆ − 0.5423 ˆj + 0.7103kˆ)
TAB
v = −64.3579iˆ − 77.7658 ˆj + 101.857kˆ
TAB
ตอ งการหาโมเมนตรอบแกน x ข้นั แรกตอ งหาโมเมนตทจ่ี ดุ ใดๆ บนแกน x กอ น
ในทีน่ ี้จะเลือกจดุ หาโมเมนตร อบจุด O
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-44
จาก v = rv × v
MO TAB
ตอ งหาเวคเตอร r ซงึ่ เปน เวคเตอรช ีจ้ ากจดุ หมนุ O ไปยังจุดใดๆ บนแนวแรง TAB
กอน ในที่นจ้ี ะเลอื กให r ชไ้ี ปทจี่ ุด B (นิสติ สามารถเลือกให r เปนเวคเตอรท ีช่ ี้จาก O
ไปยงั จดุ A กไ็ ด)
rv = rvOB = 0.35iˆ + 0.4kˆ
v = rvOB × v = iˆ ˆj kˆ
MO TAB 0.35 0 0.4
− 77.7658 101.857
− 64.3579
v = 31.1063iˆ − 61.3931ˆj − 27.2180kˆ
MO
ตอ งการหาโมเมนตรอบแกน x ทําไดโ ดยนาํ โมเมนตร อบจดุ ทีไ่ ด ดอทกบั เวคเตอรหนง่ึ
หนว ยตามแนวแกน x หรือ เวคเตอร i
v x = v ⋅ iˆ = (31.1063iˆ − 61.3931ˆj − 27.2180kˆ) ⋅iˆ
M MO
Mv x = 31.1 Nm Ans
หาโมเมนตจากน้ําหนักประตรู อบแกน x
z v = (15)(9.81)( 0.45 cos 20o )
Mx 2
0.45 m y v = 31.1 Nm Ans
20º Mx
W = 15(9.81) N
หาโมเมนตข องแรงตงึ TAB รอบแกน OB Ans
เนื่องจากแรงตงึ TAB ผานแกน OB
ดังนน้ั จึงไมเ กิดโมเมนตข นึ้ นั่นคอื MOB = 0 Nm
ลองทาํ ดู คํานวณ MOB จาก v = v O ⋅ nˆOB
M OB M
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-45
แบบฝก หัด หวั ขอ 2/8
1. A Tension T of magnitude 10 kN is applied to the cable attached to the top A of
the rigid mast and secured to the ground at B. Determine the moment Mz of T
about the z-axis passing through the base O. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition,
Meriam & Kraige]
(Ans Mz = -84.9k kNm)
2. A force of 400 N is applied at A to the handle of the control lever which is
attached to the fixed shaft OB. In determining the effect of the force on the shaft
at a cross section such as that at O, we may replace the force by an equivalent
force at O and a couple. Describe this couple as a vector M. [Engineering Mechanics
STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans M = 94.3 Nm
θ = 32.0° on y-z plane)
3. If the magnitude of the moment of F about line CD is 50 Nm, determine the
magnitude of F. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans F = 228 N)
รปู ประกอบแบบฝก หัดขอ 1 รูปประกอบแบบฝกหัดขอ 2
รปู ประกอบแบบฝก หดั ขอ 3
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-46
สถติ ยศาสตร (Statics)
บทท่ี 2 ระบบของแรง (ตอนท่ี 5)
2/9 Resultants
ในหัวขอ 2/6 ไดก ลา วถงึ Resultants ในสองมติ ิมาแลว ครงั้ หน่ึง ในหัวขอ นจ้ี ะไดข ยาย
ความเรื่อง Resultants หรือการรวมแรงและคับเปลใหเ ปนรปู อยางงา ย ในปญหาสามมิติ
รปู ที่ 1 การหา Resultants ในสามมิติ [1]
รปู ที่ 1 แสดงถึงการหา Resultants ในสามมิติ แรง v , v และ v กระทาํ กบั วตั ถตุ าม
F1 F2 F3
แสดงในรูปที่ 1(a) ข้ันตอนในการแทนแรงท้งั สามนี้ ดว ยแรงและคบั เปล ซึง่ กระทาํ ท่ีจดุ O มดี ังนี้
v v
1. ทําการยายแรง F1 มาที่จดุ O จะเกิดคับเปล M1 ขนึ้ โดยคบั เปล น้มี ีขนาดเทา กบั
2. v v กระทําผานทีจ่ ดุ O ท้ังหมด
M1 = rv1 × F1 v v
F2 F3
ทาํ เชน เดยี วกนั กบั แรง และ จะไดว า แรงทุกแรง
ดังแสดงดังรูปท่ี 1(b) v
R
3. รวมแรงทัง้ สามแรง เปนแรง เพยี งแรงเดยี ว และรวมคับเปลทงั้ สามคับเปล เปน
v
คบั เปล M เพียงคบั เปล เดียว ดงั แสดงในรูปท่ี 1(c) โดย
v ==FvM1v+1 +Fv2Mv+2Fv+3 v
+K= F
∑R v = (rv v
M 3 + K × F ) (1)
v
∑M
การรวมแรงและโมเมนต ในระบบพิกัดฉากสามารถรวมไดด งั นี้
Rx = ∑ Fx , Ry = ∑ Fy , Rz = ∑ Fz ,
∑ ∑ ∑R = ( ,
Fx ) 2 +( Fy ) 2 +( Fz )2
(rv × v v = (rv × v
v = F)x , F , v = ∑ (rv × v ,
Mz F
∑ ∑M x
My ) y ) z
M= M 2 + M 2 + M 2
x y z
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-47
เนือ่ งจากการยา ยแรงมาทีจ่ ุด O ทําใหเ กดิ คบั เปล ซง่ึ มคี าเสมอื นโมเมนตโ ดยที่ใชจ ดุ O
เปนจุดหมุน ดงั น้ันการเลือกจดุ O ที่แตกตา งกนั กจ็ ะทาํ ใหคํานวณคา คบั เปล รวมไดต า งกนั ดว ย
อยา งไรก็ตาม ไมว าจะเลอื กจดุ ใด ก็จะไดคาแรงรวมท่ีเหมอื นเดิม
ความแตกตา งระหวาง Resultants ในสองมิติกับสามมิติ r
rM
r B M2 r
F
r rR
B O M1
AF
M=Fd
A
2D 3D
รปู ที่ 2 Resultants ในสองมติ แิ ละสามมติ ิ
เมื่อเปรยี บเทยี บการหา Resultants ในกรณี 2 มิติ กบั 3 มิติแลว ถงึ แมว าทั้งสองกรณี
จะมีวธิ ีการทเี่ หมอื นกนั แตดวยลักษณะของทิศทางแรงกระทํา จะทาํ ใหก ารลดรปู แรงตา งๆ เปน
รูปอยา งงายไดแ ตกตา งกนั
สาํ หรับกรณี 2 มติ ิ เมื่อลดรปู แรงตา งๆ ใหเ ปน แรงแรงเดียวและคบั เปลไดแ ลว เนื่องจาก
ทศิ ทางของคบั เปล กบั แรงตง้ั ฉากกัน ดงั นน้ั จะสามารถลดรูปอยา งงายใหเหลือเพยี งแรงแรงเดยี ว
v rv v
ได ดงั แสดงในรูปท่ี 2 กรณี 2 มติ ิ (เนอื่ งจาก M = × F ดังนั้นทศิ ทางของโมเมนต หรือ
คับเปล กบั ทศิ ทางของแรงจะตัง้ ฉากกันเสมอ)
อยา งไรกต็ ามในกรณี 3 มติ ิ เนอ่ื งจากทศิ ทางของคบั เปล ลัพธ ไมไ ดต ้งั ฉากกับทศิ ทาง
ของแรงลพั ธ (ดรู ูปที่ 2 กรณี 3 มิต)ิ ดังนั้นจงึ ไมส ามารถจึงยบุ แรงและคับเปล ใหเ ปนแรงลัพธ
เพียงแรงเดยี วได
กรณตี า งๆ ของแรงใน 3 มติ ิ
1. แรงทีแ่ นวแรงตัดกันทจ่ี ุดจุดเดียว (Concurrent forces)
ในกรณีนี้ Resultant จะเปนแรงลัพธเ พยี งอยา งเดยี ว โดยแรงลัพท จะตอ งผา นจดุ ท่ีแนว
แรงยอ ยๆ ตัดกันดวย
2. แรงขนานกนั แตอ ยูคนละระนาบกัน (Parallel forces)
ในกรณนี ้ี Resultant จะเปน แรงลพั ธเพยี งอยา งเดียวเชน กนั แตถาแรงลัพธร วมมีคาเปน
ศูนย Resultant จะเปนคับเปล ในทศิ ทางตงั้ ฉากกบั แนวแรงนน้ั
3. กรณีแรงอยใู นระนาบเดยี วกัน (Coplanar forces)
กรณีนค้ี อื ปญ หา 2 มิติ ตามทีไ่ ดก ลาวมาแลว
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-48
Wrench resultant
ในกรณขี องปญ หา 2 มติ ิ ระบบของแรงสามารถลดรูปไดเหลอื เพยี งแรงแรงเดยี ว หรอื
คับเปล เดียว อยางไรก็ตามในปญหา 3 มิติ ไมส ามารถลดรปู ใหเ หลอื แรงแรงเดียว หรือคับเปล
เดียวในทกุ ๆ กรณไี ด อยา งไรกต็ ามระบบแรงใน 3 มติ ิ จะสามารถลดรปู ใหอยใู นรปู ของ
Wrench resultant ดังแสดงในรูปที่ 3 ได
รปู ท่ี 3 Wrench resultant [1]
Wrench resultant คอื ระบบที่ประกอบดวยแรง 1 แรง และคบั เปล ทม่ี ที ิศทางเดียวกนั
หรอื ทศิ ตรงกนั ขามกบั แรงน้นั โดยถาแรงและคบั เปลมที ิศเดยี วกัน จะเรียกวา Positive wrench
แตถา มที ศิ ทางตรงกันขา มจะเรยี กวา Negative wrench
วธิ ีการเปลี่ยนรูปแรงและคบั เปลท่ีไดในรปู ท่ี 1(c) ใหเปน Wrench resultants ทําไดต าม
ข้นั ตอนแสดงในรูปที่ 4 ดงั นี้
รปู ที่ 4 การเปลย่ี นระบบแรงและคับเปล เปน Wrench resultant [1]
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-49
1. แตกคบั เปลใหอ ยูใ นทิศทางเดยี วกับแรง และทศิ ตงั้ ฉากกบั แรง ดังแสดงในรูปท่ี 4(b)
สแRvรํางหแรลRับvะโแม−ลเมRะvน−ตซR่ึงvMหvาซ2ง่งึ กทอนั ยี่มเใูทีปนศินแทรนะาวยงเตะส้งัน dฉตาโรดกงยกเดับยี แMวรกง2ันจ=ะใRนสาdรมปู ดาทงัรี่แถ4สเ(ขcด)ียงจนในะแหรทปูกั นทลไาี่ด4งด(กcวนั)ยหแมรดงไคปูควบ
2. v v
3. R M1
เหลือเพียงแรง และคับเปล ซึ่งมที ศิ ทางเดยี วกับทศิ ของแรง เนอ่ื งจากคบั เปล
เปน Free vector ดงั นัน้ จึงสามารถยา ยคบั เปล มาตอกบั แรงได ดังแสดงในรูปที่ 4(d)
เอกสารอางอิง
[1] J.L.Meriam and L.G.Kraige, Engineering mechanics STATICS fifth edition SI
Version, John Wiley & Sons, Inc., 2003.
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-50
2/10 The resultant of the two forces and couple may be represented by a wrench.
Determine the vector expression for the moment M of the wrench and find the
coordinates of the point P in the x-z plane through which the resultant force of
the wrench passes. [Engineering Mechanics Statics 5th edition, Meriam & Kraige, prob.2/149]
วธิ ีทาํ จากรูปโจทย แรงลัพธ v = 100iˆ + 100 ˆj
R
v = 1002 +1002 = 100 2
R
หาทิศทางที่แรงลพั ธกระทาํ กับแกน x-y-z
จาก v ⋅ iˆ = R(1) cosθ x ดงั นนั้ cosθ x = Rv ⋅iˆ = Rx
R R R
cosθ x = Rx = 100 = 1
R 100 2 2
ทํานองเดยี วกัน
cosθ y = Ry = 100 = 1
R 100 2 2
cosθ z = Rz =0 2 =0
R 100
สมมตุ ิให Wrench resultant ผานจดุ P บนระนาบ x-z ดังนั้น เมอ่ื ยายแรง
ทง้ั หมดไปทจี่ ดุ P แลว จะเกดิ คบั เปล ขนึ้ ซึ่งมีขนาดเทา กับผลรวมของโมเมนต
ของแรงยอยๆ รอบจุด P และคับเปล ทเ่ี กดิ ขน้ึ นจี้ ะมีทิศทางเดียวกับแรงลพั ธ R
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-51
P
z
x
v = 100(z)iˆ + 100(0.4 − x)kˆ −100(0.3)kˆ +100(0.4 − z) ˆj − 20 ˆj
MP
v = 100ziˆ + (20 −100z) ˆj + (10 −100x)kˆ (1)
MP
เนอ่ื งจาก สมมตุ ใิ ห Wrench resultant ผา นจุด P ดงั นั้นคับเปลที่เกดิ ข้นึ นีจ้ ะมี
ทิศทางเดยี วกับแรงลพั ธ R
ทาํ นองเดียวกับแรง v ⋅ iˆ = M (1) cosθ x ดงั นน้ั cosθ x = Mv ⋅iˆ = Mx
M M M
cosθ x = Mx = 100z = 1 (2)
M M 2
ทาํ นองเดียวกนั cosθ y = My = 20 −100z = 1 (3)
M M 2
cos θ z = My = 10 −100x =0 (4)
M M
แกร ะบบสมการ (2), (3) และ (4) จะได x = 0.1 z = 0.1 M = 10 2
พกิ ัดจุด P : x = z = 0.1 m Ans
แทนคา x และ z ลงในสมการ (1) จะได Ans
v = 10iˆ +10 ˆj Nm
MP
Statics/ Chapter 2 Force systems 2-52
แบบฝก หดั หวั ขอ 2/9
1. Determine the wrench resultant of the three forces acting on the bracket. Calculate
the coordinates of the point P in the x-y plane through which the resultant force of
the wrench acts. Also find the magnitude of the couple M of the wrench. [Engineering
Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans M = -2400 Nmm, x = 60 mm, y = 40 mm)
2. Replace the system of two forces and couple by a wrench. Determine the
magnitude of the moment M of the wrench, the magnitude of the force R of the
wrench, and the coordinate of the point P in the x-y plane through which R passes.
[Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans R = -20i – 37.9j + 12.65k kN
M = 45.3j + 40.9k kNm)
รปู ประกอบแบบฝก หัดขอ 1
รปู ประกอบแบบฝก หัดขอ 2
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-1
สถติ ยศาสตร (Statics)
บทท่ี 3 สภาพสมดุล (ตอนท่ี 1)
3/1 บทนํา
สภาพสมดลุ เปนสภาพทวี่ ตั ถุหยดุ นิง่ หรอื เคลื่อนทใี่ นทิศทางตรง (ไมมีการเปล่ยี นทิศ
ทางการเคลอ่ื นท่ี) ดว ยความเร็วคงที่ ตามกฎขอ ทีส่ องของนิวตนั พบวา วตั ถุจะอยใู นสภาพ
สมดลุ ไดเมื่อ Resultant ของทุกๆ แรงและโมเมนตทก่ี ระทํากับวัตถุมีคา เปน 0 หรอื เขียนไดด ัง
สมการที่ (1) ดงั นี้ v r v v
R F M M
= ∑ = 0 และ = ∑ = 0 (1)
เนือ่ งจากวตั ถใุ นธรรมชาติมลี กั ษณะเปน สามมติ ิ ดังน้ันการพจิ ารณาปญหาสภาพสมดุล
จึงควรคดิ เปน ปญ หาสามมติ ิ อยางไรก็ตาม ถาแรงทุกๆ แรง กระทําในระนาบเดยี วกนั ทัง้ หมด
จะพจิ ารณาปญหาเปนปญหาสมดุลในสองมิตไิ ด สาํ หรับในสว นแรกของบทนี้จะกลา วถงึ ปญ หา
สภาพสมดลุ ในสองมติ ิ และจงึ กลาวถึงปญ หาสภาพสมดุลในสามมิติ ในสว นหลงั ของบทตอไป
Section A สภาพสมดลุ ในสองมิติ
3/2 การเขียน Free-body diagram
จากสมการที่ (1) พบวาการแกปญหาสมดลุ จําเปน ท่จี ะตองทราบแรง และโมเมนต
ท้ังหมดท่ีกระทํากบั วตั ถกุ อ น เนอ่ื งจากวัตถทุ เี่ ราพจิ ารณานัน้ อาจมแี รงภายนอก หรือแรง
เนอื่ งจากน้ําหนักกระทํา แรงพวกนเ้ี ห็นไดชดั เจน และมกั จะไมม ปี ญ หาในการพิจารณา อยางไร
กต็ าม โดยปกตวิ ตั ถทุ พ่ี จิ ารณามกั จะมีการเชอื่ มตอ กับวตั ถชุ นิ้ อนื่ ๆ ซงึ่ จะตอ งมีแรงกระทาํ
ระหวางกนั อยูดวย การพจิ ารณาปญหาสมดลุ จึงตองแยกแยะใหช ดั เจนกอนวา จะพจิ ารณา
วตั ถุใด และวัตถทุ พ่ี จิ ารณานนั้ มแี รงใดกระทาํ อยบู า ง แรงทกี่ ระทําหมายถงึ แรงภายนอก
แรงเนื่องจากน้ําหนกั และแรงเนอื่ งจากการเชอ่ื มตอ ของวตั ถทุ ่ีกาํ ลงั พิจารณากบั วตั ถอุ น่ื
การแยกวตั ถทุ พ่ี จิ ารณาใหเหน็ ไดอยา งชดั เจนและเขยี นแรงท่กี ระทาํ กับวตั ถนุ ัน้ เรียกวา
การเขียน Free-body diagram
กอนทีจ่ ะศกึ ษาถึงวิธกี ารเขยี น Free-body diagram จะกลาวถงึ การพจิ ารณาแรง
เนื่องจากการเช่อื มตอ หรอื สมั ผัสกันของวัตถกุ อน
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-2
แรงเนอื่ งจากการเช่อื มตอ
รปู ที่ 1 แสดงถงึ แรงกระทําเน่อื งจากการเชอื่ มตอ ของวตั ถทุ ีพ่ จิ ารณากบั วตั ถุอนื่ โดย
ทางดา นซา ยมือ จะแสดงถึงรปู การเชอ่ื มตอ สว นทางดานขวามอื จะแสดงถงึ แรงทกี่ ระทาํ กบั
วตั ถทุ ่พี จิ ารณา
รปู ท่ี 1 แรงทีก่ ระทาํ เน่อื งจากการเชื่อมตอ ในสองมิติ [1]
ตัวอยา งท่ี 1 แรงดึงทเ่ี คเบลิ กระทํากบั คาน เคเบิล หรอื เชอื กเปนชิน้ สวนทส่ี ามารถรับได
เฉพาะแรงดงึ เทา น้ัน ไมส ามารถรบั แรงกดได เนือ่ งจากถา รับแรงกดเชอื ก หรือเคเบลิ จะหยอน
ทาํ ใหไมส ามารถใชง านได เมื่อพิจารณาที่คาน เนื่องจากคานไดร บั แรงดึงจากเคเบลิ แรงที่
กระทาํ กับคานจึงมที ิศพงุ ออกจากคาน และมที ศิ ทางเดยี วกบั ทศิ ทางการขึงเคเบลิ ดงั แสดงในรูป
ท่ี 1 (ในทางตรงกนั ขาม ถา เลอื กพจิ ารณาทเี่ คเบลิ จะพบวา แรงจะตอ งพุง ออกจากเคเบลิ เชน กัน
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-3
เน่ืองจากตองเปนแรงดึง) ถาพจิ ารณานํ้าหนกั ของเคเบลิ จะพบวาเคเบลิ จะตอ งหยอนเล็กนอ ย
เนื่องจากน้าํ หนักตวั มนั เอง การเขยี นแรงในกรณีน้ยี งั คงเหมือนเดมิ เพยี งแตท ศิ ทางแรงกระทาํ
จะตา งไปจากเดมิ เลก็ นอย
ตัวอยางท่ี 2 การสมั ผสั ของผวิ เกลย้ี งซ่ึงไมมีแรงเสยี ดทาน โดยพจิ ารณาวัตถุสฟี า (ดา น
ขวามือ) เปน วัตถทุ ส่ี นใจ ข้ันแรกใหพจิ ารณาการเคลอื่ นทข่ี องวตั ถเุ สยี กอ น จะพบวา วัตถุสีฟาจะ
สามารถเลือ่ นไดอยา งอสิ ระในทศิ ทางตามผวิ ของวตั ถอุ ีกช้นิ การทว่ี ตั ถุเคลื่อนท่ีไดอยา งอิสระ
หมายถงึ จะตอ งไมมีแรงกระทําอะไรมาตา นทานการเคลือ่ นท่ใี นทศิ ทางผวิ สมั ผัส ในทางตรงกัน
ขา ม วตั ถุไมส ามารถเคลื่อนทเ่ี ขาไปในเนือ้ ของวตั ถุอกี ช้นิ ได แสดงวา จะตอ งมีแรงตานทานของ
วัตถอุ กี ช้นิ มาดันเอาไวใ นทศิ ทางตงั้ ฉากกบั ผิวสัมผัส ดังแสดงในรปู ทางดา นขวามอื นอกจากน้ี
ยงั สังเกตไดว า วตั ถุสฟี าสามารถเคลอ่ื นทอ่ี อกจากวัตถุอกี ช้ินได ดังนนั้ แรง N จึงไมส ามารถเปน
แรงดงึ ได เปนไดแ ตแรงกดเทาน้ัน
ในตวั อยางนีเ้ ราพจิ ารณาการเคล่ือนท่ี และแรงในสองทิศทางทต่ี งั้ ฉากกันเทานั้น เพราะ
แรงใดๆ ก็ตามจะสามารถแตกออกไดเ ปน แรงสองแรงในทศิ ทางตัง้ ฉากกัน การพจิ ารณาแรง
ยอยในสองทศิ ทางทตี่ งั้ ฉากกนั จงึ ครอบคลุมถงึ แรงกระทาํ ในทศิ ทางใดๆ
ตวั อยางที่ 3 การสมั ผัสของผวิ หยาบซง่ึ มแี รงเสียดทาน ตวั อยา งน้ีพจิ ารณาไดคลายๆ
กับตวั อยา งที่ 2 ตางกันท่เี ม่ือพจิ ารณาการเคล่อื นทตี่ ามผวิ สัมผสั จะพบวา มีแรงตานทานจาก
แรงเสยี ดทานเพิม่ เขา มา ดังนัน้ แรงท่กี ระทํากบั วัตถสุ ีฟา (ดา นขวา) ในกรณีน้จี งึ มที ้งั แรงใน
แนวตงั้ ฉากกบั เสนสมั ผัส N และแรงในแนวเสน สมั ผสั F โดยแรงท้ังสองจะสามารถรวมกันได
เปน แรงลพั ธ R
ทิศทางของแรงเสียดทานในแนวเสน สมั ผสั F จะขนึ้ กบั ทิศทางการเคลอ่ื นท่ี หรอื
แนวโนม ทจี่ ะเคลอ่ื นที่ โดยแรง F จะมีทศิ ทางตรงขามกับทิศทางการเคลือ่ นท่ี หรือทิศทางทต่ี าน
ไมใ หเ กดิ การเคลื่อนทเ่ี สมอ
ตัวอยางที่ 4 ช้นิ สวนรองรับแบบลกู กลง้ิ (Roller support) ตวั อยา งนพี้ ิจารณาได
เชน เดียวกบั ตวั อยางที่ 2 เชน กัน โดยลกู กลิง้ ไมสามารถเคลอื่ นทเี่ ขา ไปในพ้ืนได ดงั นัน้ จึงตองมี
แรง N กดเขา ทชี่ นิ้ สว นทีต่ อ กบั ลอ (สีฟา) เนือ่ งจากสามารถยกลกู กลง้ิ ใหส งู จากพ้ืนได ดังนั้น
แรง N จึงเปนแรงกดไดอ ยางเดยี ว เปนแรงดงึ ไมไ ด เม่ือพิจารณาการเคล่อื นทต่ี ามแนวราบ
เน่อื งจากลอ หรือลูกกลิ้งสามารถเคลอื่ นท่ีไดอ สิ ระตามแนวราบ (ไมค ิดแรงเสยี ดทาน) ดงั นนั้ จึง
ไมม ีแรงใดๆ กระทาํ ในแนวราบ
ตวั อยางที่ 5 การเลื่อนตวั เลื่อนไปตามรางลน่ื ซ่งึ ไมม แี รงเสียดทาน เน่อื งจากตัวเลอื่ น
สามารถเล่อื นไดอยา งอิสระบนราง ดังนั้นจงึ ไมม แี รงกระทาํ ใดๆ ในทศิ ทางของราง แตเ นื่องจาก
ตัวเลื่อนไมส ามารถเคลอื่ นทข่ี ึน้ ลงออกจากรางได ดงั น้นั จงึ ตองมแี รงกระทาํ ในทศิ ทางต้งั ฉากกบั
ราง ดงั แสดงในรปู ดานขวามอื
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-4
รูปที่ 2 แรงท่ีกระทาํ เนอ่ื งจากการเชอ่ื มตอ ในสองมิติ (ตอ) [1]
ตัวอยางท่ี 6 การเชื่อมตอ โดยขอ ตอแบบหมดุ (Pin connection) เมอ่ื พจิ ารณาถึงการ
เคล่อื นท่ีทเี่ ปน ไปไดข องการเชื่อมตอ แบบนี้ พบวา ช้นิ สว นสฟี า สามารถหมนุ ไปมาไดอิสระ แตไม
สามารถดงึ หรอื กด ใหแ ยกจากจุดหมุนได การที่ดงึ หรอื กดใหแ ยกออกจากจุดหมุนไมไดนั้น
แสดงวา ตอ งมีแรงตานทานการทหี่ มุดทั้งในแนวดง่ิ และในแนวระดบั โดยทิศทางของแรงจะเปน
แรงดงึ หรือกดก็ได ขน้ึ อยกู บั แรงท่ีกระทํากับช้ินสว นสฟี า
ในกรณที ีค่ ิดวา ขอตอ ฝด หมายถงึ มีโมเมนตเสียดทาน ตานทานการเคลื่อนทีด่ ว ย ดัง
แสดงในรูปท่ี 2
ตวั อยา งที่ 7 การเชือ่ มตอ แบบยึดแนน การเช่ือมตอ แบบน้หี มายถึง การเชือ่ มตอซ่งึ ทํา
ใหไ มส ามารถที่จะขยับชิ้นสว นสฟี าขน้ึ หรือลง หรือหมุนชิ้นสว นสฟี า ไดเลย การท่ไี มส ามารถ
ขยบั ไปทศิ ทางใดๆ ได หมายความวา ตอ งมแี รงตา นทานการเคล่อื นท่ที งั้ แนวดง่ิ แนวระดับ และ
โมเมนตซ ึ่งตา นทานการหมุนรวมอยูดว ย
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-5
ตวั อยา งที่ 8 แรงเนือ่ งจากนาํ้ หนกั นํ้าหนักของวัตถใุ ดๆ เปนแรงกระจายตลอดทง้ั เนอ้ื
ของวัตถนุ นั้ อยา งไรก็ตามเพื่อใหการคาํ นวณงา ยขน้ึ สามารถแทนแรงกระจายตลอดเนอ้ื วตั ถุ
เปน แรงลัพธ W ซ่ึงมคี า เทา กบั ผลคูณของมวล m กบั ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก g
ได โดยตาํ แหนง ของแรงลพั ธ W จะกระทําผานจดุ ศนู ยถวงของวตั ถนุ น้ั ๆ
ตัวอยางที่ 9 แรงจากสปริง แรงดงึ หรือแรงกดจากสปรงิ สามารถแทนไดด วยแรงดงึ
หรอื แรงกด ดังแสดงในรูปที่ 2
การเขยี น Free-body diagram
การเขียน Free-body diagram มขี ้ันตอนดังตอ ไปน้ี
1. เลือกวตั ถทุ ต่ี อ งการจะเขยี น Free-body diagram
2. เขยี นขอบเขตของวตั ถุนัน้
3. ใสแรงและโมเมนตท ่ีกระทาํ กบั วตั ถนุ น้ั
4. เขียนแกนพกิ ดั
ตัวอยางการเขียน Free-body diagram
พิจารณาการเขียน Free-body diagram ของโครงถกั Plane truss ซึง่ รับแรง P ดงั แสดงในรูปท่ี
3(ก) สมมตุ ิใหนา้ํ หนกั ของโครงถักมคี านอ ยมากเมื่อเทียบกับแรง P จงึ ไมคดิ นาํ้ หนักของโครงถัก
(ก) (ข)
(ค)
รปู ที่ 3 การเขยี น Free-body diagram ของโครงถกั [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-6
ขน้ั ที่ 1 เลือกโครงถกั ทง้ั หมด Free-body diagram (ไมคดิ ชิ้นสวนรองรับแบบหมุดท่ี A และแบบ
ลูกกลงิ้ ที่ B)
ขัน้ ที่ 2 เขยี นขอบเขตของวตั ถุ ดงั แสดงในรูปท่ี 3(ข)
ข้ันที่ 3 เขียนแรงและโมเมนตท ัง้ หมดที่กระทาํ ดงั แสดงในรูปที่ 3(ค) แรงทง้ั หมดที่กระทําตอ
โครงถกั มีดังน้ี
1. แรงภายนอกทีก่ ระทาํ กับขอบเขตในรูปที่ 3(ข) มอี ยูแรงเดียว คือ แรง P
2. แรงเน่ืองจากการเชื่อมตอ ทจ่ี ุด A; เน่ืองจากจดุ นเี้ ปนการเชอื่ มตอแบบหมดุ จงึ มแี รง
กระทาํ สองแรงในแนวดิ่ง Ay และในแนวระดับ Ax เนอ่ื งจากยังไมทราบทศิ ทางของ
แรงท้งั สอง จึงสมมุตใิ หแรงมิทศิ ทางดังแสดงในรูป (อาจจะสมมตุ เิ ปน แบบอ่ืนกไ็ ด)
3. แรงเนือ่ งจากการเช่ือมตอทจ่ี ุด B; เน่ืองจากจุดนเ้ี ปนการเชื่อมตอ แบบลูกกลิ้งซ่งึ รับ
แรงกดเพยี งอยา งเดยี ว ดังนนั้ แรงที่แระทําจงึ ตอ งเปนแรงกดกระทาํ กับโครงถัก
4. แรงเนือ่ งจากนํา้ หนกั ; เนอ่ื งจากนํ้าหนักของโครงถักมีคา นอยกวา แรงภายนอกมาก
ในตวั อยา งนี้จึงไมค ิดแรงเน่ืองจากน้ําหนัก
ขัน้ ท่ี 4 เขียนแกนพิกัด ในตวั อยางนใี้ ชแกนพกิ ดั ฉากดงั แสดงในรปู ที่ 3(ค)
ตัวอยางอน่ื ๆ ในการเขียน Free-body diagram แสดงดังรูปที่ 4
ตวั อยา งท่ี 2 คานซ่ึงมปี ลายขา งหน่งึ ยึดแนน เนือ่ งจากคานในรูปไมสามารถเคลอ่ื นที่ขึน้
ลง หรอื ไปซา ยขวาได และไมสามารถหมนุ ได ดังนน้ั ท่ปี ลายขา งทยี่ ดึ แนนจะตอ งมแี รงกระทํา 3
แรง คือ แรงในแนวระดบั F แรงในแนวดิง่ V และโมเมนต M
เนื่องจากคานนีเ้ ปนคานสมาํ่ เสมอ และมมี วล m จงึ เขยี นแรงเนอ่ื งจากน้ําหนกั ของคาน
W = mg ไวทก่ี ง่ึ กลางคานซงึ่ เปนจุดศูนยถวง แรงภายนอกอนื่ ๆ เขยี นเชน เดยี วกบั ท่ีกําหนดให
ตวั อยา งท่ี 3 คานซึง่ มปี ลายยดึ ดวยหมุด การยึดดวยหมดุ ทําใหคานไมส ามารถเคลอื่ นที่
ข้นึ หรือลงได แตย งั สามารถหมนุ ไดอยู ดังนั้นทีจ่ ดุ ยดึ ดวยหมดุ จะมีแรงกระทํา 2 แรง คือแรงใน
แนวระดบั Bx และแรงในแนวดิ่ง By สว นท่จี ดุ A คานวางพาดไวก บั มมุ จึงมแี รงเนือ่ งจากมมุ ดัน
คานดวย โดยแรงน้จี ะกระทาํ ในทศิ ทางต้งั ฉากกบั คาน และเปนแรงกด เน่อื งจากผิวคานเปน ผิว
เรยี บไมมีแรงเสียดทาน ที่จดุ A จงึ ไมมีแรงในแนวผิวของคาน
เชน กับตวั อยา งที่ 2 คานนีเ้ ปน คานสม่าํ เสมอ แรงเนือ่ งจากนํา้ หนกั ของคานจงึ เขยี น
แสดงไวท กี่ ึง่ กลางคาน แรงและโมเมนตภ ายนอกอื่นๆ แสดงดังทกี่ าํ หนดให
ตัวอยา งที่ 4 ระบบกลไกซ่ึงมนี ํ้าหนักถว ง m ตัวอยางนพี้ ิจารณาระบบทง้ั หมด การ
เชือ่ มตอ ท่ี A เปน แบบลกู กลงิ้ จึงมีแรงในแนวดงิ่ เพยี งแนวเดียว สว นท่ีจุด B เปน หมุด จงึ มีแรง
ทั้งในแนวด่งิ และในแนวระดบั
สําหรบั นํา้ หนักของโครงสรา งกลไกถอื วามีน้าํ หนักเบา จึงไมเขยี นแรงในแผนภาพ
อยา งไรก็ตาม กลไกนี้มนี ํา้ หนกั ถวง m จึงตองเขียนแรงเน่ืองจากน้ําหนักถวง m ดวย โดยแรงนี้
กระทาํ ที่จุดศนู ยถ วงของมวล m (ถา ตดั การพจิ ารณาเพียงแคทเ่ี คเบลิ แทน จะมีแรงตึงเคเบิล
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-7
เกิดข้นึ แทน โดยขนาดของแรงตงึ จะมีคาเทากบั แรงเนื่องจากนาํ้ หนกั ของมวล m) สวนแรง
ภายนอกอ่ืน แสดงดังทกี่ ําหนดให
รปู ที่ 4 ตัวอยา งการเขียน Free-body diagram [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-8
3/3 สภาพสมดุล
สภาพสมดลุ เปนสภาพทว่ี ตั ถหุ ยุดนง่ิ หรอื เคล่ือนท่ใี นทิศทางตรง (ไมม ีการเปลย่ี นทิศ
ทางการเคลือ่ นที่) ดว ยความเร็วคงท่ี ตามกฎขอท่สี องของนิวตนั พบวา วตั ถุจะอยใู นสภาพ
สมดลุ ไดเม่อื Resultant ของทุกๆ แรงและโมเมนตทีก่ ระทาํ กบั วตั ถุมคี า เปน 0 คาํ กลา วน้ี
สามารถเขียนแทนไดดว ยสมการ (2) ดังนี้
∑ Fx = 0 , ∑ Fy = 0 , และ ∑ M O = 0 (2)
สําหรบั สมการโมเมนตใ นสมการ (2) เปน โมเมนตรอบจดุ O ใดๆ จดุ นีอ้ าจจะอยูในวตั ถุ
หรืออยนู อกวัตถุก็ได
สภาพสมดลุ อาจเกิดแคบางทศิ ทางกไ็ ด เชน วัตถเุ คลอื่ นทีแ่ บบเสน ตรงดวยความเรง ใน
แนวระดบั กรณีนี้ สภาพสมดุลไมเ กิดในแนวระดบั แตสภาพสมดุลมใี นแนวดิง่ ดงั น้ันสามารถใช
สมการสมดุลในแนวด่งิ กบั กรณนี ีไ้ ด
จากสมการ (2) พบวาสมการทจ่ี ะใชว เิ คราะหส ภาพสมดลุ ในสองมิติ มเี พยี ง 3 สมการ
ดังนัน้ ปญ หาท่ีตองการวเิ คราะหตองมตี วั ไมทราบคา ไดม ากทสี่ ดุ เพยี ง 3 ตวั มเิ ชน นน้ั จะไม
สามารถแกสมการหาคาตัวไมท ราบคา ได ดวยวิธกี ารทางสถิตยศาสตร
ประเภทของสมดุลในสองมติ ิ
สมดลุ ในสองมติ สิ ามารถแบง ไดเปน ประเภทตา งๆ ดังแสดงในรปู ท่ี 5
1. แรงอยใู นแนวเสนตรงเดยี วกัน (Collinear) ในกรณนี ี้ แรงท้ังหมดจะอยูใ นแนวเสน ตรง
เดยี วกนั ดังน้ันสมการท่ีใช จะเปน เพียงสมการสมดลุ ในแนวแกนเดยี วเทา น้นั
2. แรงทัง้ หมดผานจุดๆ เดียวกนั (Concurrent at a point) ในกรณนี แ้ี รงมีทศิ ทางตางกนั
แตแรงทกุ แรงผานจุดเดยี วกันหมด สมการที่ใชจ ะเปน สมการสมดลุ ในแนวแกน x และ
แกน y ในกรณนี ีจ้ ะทาํ ใหส มการโมเมนตเ ปน จริงอยูแ ลว เน่อื งจากโมเมนตรอบจดุ ท่ี
แรงทุกๆ แรงผา นจะมีคาเทา กบั ศูนย
3. แรงขนานกัน (Parallel) ในกรณนี ีแ้ รงทง้ั หมดขนานกัน (ทศิ ทางเดียวกัน หรือตรงขา ม
กัน) แตไมอ ยใู นแนวเดียวกนั สมการท่จี าํ เปนตองใชในกรณีนคี้ อื สมการสมดลุ ใน
ทศิ ทางของแรง และสมการโมเมนต
4. กรณใี ดๆ (General) กรณีน้ีแรง ตางๆ ไมขนานกนั และไมผ านจุดเดียวกนั และอาจมี
คับเปล ดวย ในกรณีน้จี าํ เปน ตองใชสมการสมดลุ ทงั้ หมดทีแ่ สดงในสมการ (2) ในการ
วเิ คราะห
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-9
รูปที่ 5 ประเภทของสมดลุ ใน 2 มิติ [1]
สภาพสมดุลดวยแรงสองแรง (Two-force member)
เมอ่ื มีแรงเพียงสองแรงกระทาํ บนวตั ถุ แลว วตั ถุนน้ั อยใู นสภาพสมดลุ แรงท้ังสองนัน้ ตอ ง
มีขนาดเทา กัน อยูใ นแนวเสนตรงเดยี วกัน และมีทศิ ตรงกนั ขามกนั ถา แรงทงั้ สองไมอ ยใู นแนว
เสน ตรงเดยี วกนั แลว แรงท้งั สองจะทําใหวตั ถเุ กิดการหมุน จนกระท่งั แนวของแรงอยูในแนว
เสน ตรงเดียวกนั จงึ จะสมดุล
By P
Bx
Ax
Ay -P
(ก) (ข) (ค)
รปู ที่ 6 สภาพสมดุลดวยแรงสองแรง [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-10
รปู ที่ 6(ก) แสดงโครงสรา งซงึ่ รับแรง F เมอื่ พจิ ารณาชน้ิ สวน AB ถาไมพจิ ารณาถงึ
นํ้าหนัก (ถา แรงเนอ่ื งจากนํ้าหนักมีคานอ ยกวาแรงภายนอกท่ีกระทาํ มากจะละทงิ้ ได) จะพบวา
จุดทแ่ี รงกระทํามเี พียง 2 จุดคือ จดุ A และจุด B และเนอ่ื งจากทีจ่ ุด A และจดุ B ยดึ ดว ยหมดุ
จากทีก่ ลาวมาในหวั ขอ 3.2 จะพบวา ตอ งมีแรงกระทาํ ทงั้ ในแนวด่ิง และแนวระดับทจ่ี ดุ A และจุด
B ดงั แสดงในรูปท่ี 6(ข) เน่อื งจากแรง Ax = -Bx และแรง Ay = -By ดงั นน้ั จากรูปท่ี 6(ข) จะ
พบวา มีตวั ไมท ราบคา 2 ตวั
อยา งไรก็ตาม เน่ืองจากแรงท่จี ดุ A และจุด B สามารถรวมเปนแรงๆ เดียวได ดังน้ันแรง
ท่กี ระทํากบั ชน้ิ สว น AB จึงสามารถลดลงไดเ ปน รูปที่ 6(ค) เนื่องจากมแี รง 2 แรงกระทาํ กบั
ช้นิ สว น AB ท่จี ุด A และ B ตามลําดบั ดังน้นั จะไดว า แรงทง้ั 2 จะตอ งมขี นาดเทากนั อยูใ นแนว
เสนตรงเดียวกัน (แนวเสนตรง AB) และมที ิศทางตรงกนั ขามกัน จากรูปที่ 6(ค) จะพบวา มตี วั ไม
ทราบคาเพียงแคต วั เดียวเทา น้นั
ในตวั อยา งน้ชี ิ้นสวน AB ถูกพิจารณาเปน 2-Force member ได เน่ืองจากไมคิดแรง
เนือ่ งจากน้าํ หนกั ของตวั มัน แตถ า คิดแรงเน่อื งจากน้ําหนกั ดวยแลว แรงทัง้ หมดท่ีกระทาํ กบั
ชน้ิ สว น AB จะมีทง้ั หมด 3 แรง ทําให แรงทีก่ ระทาํ ที่จดุ A และ B ไมอ ยใู นแนวเสน ตรงเดียวกนั
สภาพสมดุลดว ยแรงสามแรง (Three-force member)
เมอ่ื วตั ถอุ ยใู นสภาพสมดลุ ดว ยแรง 3 แรง โดยทแ่ี รงทัง้ สามไมข นานกันแลว จะไดว า
แนวแรงของแรงทง้ั สามนั้นตองตดั กันท่ีจดุ เพยี งจดุ เดยี วเทานน้ั ดังแสดงในรูปท่ี 7(a) สาเหตุท่ี
แนวแรงทั้งสามตอ งตอ งตัดกันท่ีจุดๆ เดยี ว เพ่อื ใหส ภาพสมดุลของโมเมนตเ ปน จรงิ ได จากรูป
จะพบวา ผลรวมของโมเมนตรอบจุด O ซึ่งเปน จดุ ที่แนวแรงตดั กัน จะมีคาเทา กบั ศนู ย
ถาแรงไมตัดกันที่จดุ ๆ เดยี ว เม่อื หาผลรวมโมเมนตร อบจดุ ตดั ของแรงคูห นึง่ จะพบวา
จะตองมโี มเมนตล พั ธจ ากแรงท่แี นวแรงไมไ ดผ านจดุ ตดั นั้นเหลืออยเู สมอ ทําใหไ มสามารถอยใู น
สภาวะสมดุลได
เง่อื นไขท่แี นวแรงทั้งสามตอ งผา นจดุ ๆ เดยี วกันน้นั มขี อยกเวน ในกรณที ่แี รงท้ังสาม
ขนานกัน ซ่ึงจะเกิดสภาพสมดลุ ของโมเมนตไ ดเชน กนั
รูปท่ี 7 สภาพสมดุลดวยแรง 3 แรง [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-11
เมื่อสมดลุ โมเมนตเ ปนจรงิ เน่ืองจากแนวแรงทุกแรงผานจุดเดยี วกันแลว สภาพสมดุลจะ
สมบรู ณกต็ อ เม่ือ ผลรวมแรงลัพธของแรงทง้ั สามตอ งมีคา เทา กับศนู ยด ว ย จากความรเู รอ่ื ง
เวคเตอรจะพบวา เมือ่ ผลรวมเวคเตอรแ รงทั้งสามเปน ศนู ย เวคเตอรแรงทง้ั สามจะตอกนั แบบ
หวั ตอ หาง เปน รปู สามเหลย่ี มปดได ดังแสดงในรปู ที่ 7(b)
การเลือกใชส มการสมดุล
ในการแกป ญ หาสมดุล โดยปกติจะใชสมการ (2) ในการแกปญหา โดยมกั จะเรมิ่ จากการ
ใชสมการโมเมนต และตามดวยสมการสมดุลแรงในแนว x และ y การแกปญ หานมี้ ีตวั ไมท ราบ
คา 3 ตัว จึงจาํ เปนตอ งใชส มการ 3 สมการในการหาคาํ ตอบ อยางไรกต็ ามการแกป ญ หาที่มตี วั
ไมทราบคา 3 ตัวน้ี อาจใชส มการสมดุลชุดอนื่ ๆ 3 สมการในการแกปญ หากไ็ ด ดงั แสดงชุดของ
สมการในสมการ (3) และ (4)
∑ M A = 0 , ∑ M B = 0 , และ ∑ F x = 0 (3)
∑ M A = 0 , ∑ M B = 0 , และ ∑ M C = 0 (4)
Constraints
Constraints หมายถึง การจาํ กัดการเคล่ือนท่ี เชน รปู ท่ี 8(ก) การรองรับแบบลูกกล้ิง
สามารถรองรับแรงในแนวดงิ่ และจาํ กดั การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวด่ิงได แตไ มสามารถจาํ กัดการ
เคล่ือนทใี่ นแนวระดบั ได ตวั อยางนจี้ งึ บอกไดว า ลกู กลง้ิ มี constraint ในทศิ แนวดง่ิ สาํ หรบั รูปที่
8(ข) การยึดแบบหมดุ จาํ กดั การเคล่ือนทที่ ัง้ ในแนวด่ิง และแนวระดบั จึงกลา วไดวา การยดึ แบบ
หมุดมี constraint ทั้งในแนวดิ่งและในแนวระดับ แตอ ยางไรก็ตามการยึดแบบน้ีไมสามารถ
รองรบั โมเมนตท ่ีใสเ ขาได เหน็ ไดจากชนิ้ สวนสฟี า สามารถหมนุ ไดเมื่อมีโมเมนตมากระทาํ สว น
รูปที่ 8(ค) แสดงถึงการยดึ แนน หรอื การเชื่อมติด การยึดแบบนี้ช้นิ สว นสฟี า ไมส ามารถเคลอ่ื นท่ี
ในแนวด่งิ แนวระดับ หรอื หมุนไดเ ลย ดงั น้ันจึงกลาวไดวา การยดึ แบบนม้ี ี constraint ท้งั ใน
แนวดงิ่ แนวระดับ และการหมุน
(ก) (ข)
(ค)
รปู ท่ี 8 Constraints แบบตา งๆ [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-12
Statical Determinacy
เน่ืองจากสมการที่แสดงถึงสภาพสมดลุ ในสองมิติ มอี ยู 3 สมการ ดงั น้ันตวั ไมทราบคา
ของปญหานัน้ ๆ จงึ มไี ดม ากทสี่ ดุ เพียง 3 ตวั เทาน้นั พจิ ารณารปู ท่ี 9 ซ่งึ แสดงถึงปญ หาท่แี กไ ด
โดยวธิ กี ารทางสถติ ศาสตร และปญ หาท่แี กไ มไ ดโดยวธิ กี ารทางสถิตยศาสตร
PP
FAx A B FAx A B FBx
FAy FBy FAy FBy
(ก) (ข)
รปู ที่ 9 ปญ หาทแ่ี กไ ด และไมไดโดยวธิ ีทางสถติ ยศาสตร
พจิ ารณาแรงทีร่ องรับโครงสรางที่จุด A และ B ในกรณขี องรปู ที่ 9(ก) ท่ีจุด A เปนการ
ยดึ แบบหมุด จงึ มีแรงกระทํา 2 ทิศทางในแนวด่งิ และแนวระดับ สวนที่จดุ B เปน การรองรับ
แบบลกู กลงิ้ จงึ มีแรงกระทาํ ในแนวดง่ิ เพยี งอยา งเดียว จะพบวาปญหาในรปู ท่ี 9(ก) มีตัวไม
ทราบคาท่ีจดุ รองรบั 3 ตัว จึงสามารถแกป ญหาดวยวธิ กี ารทางสถิตยศาสตร โดยใชส มการ
สมดลุ ท้งั 3 สมการได ปญหาแบบนจ้ี ึงเรยี กไดว าเปน ปญหาทแ่ี กไ ดโ ดยวิธีทางสถติ ยศาสตร
(Statically determinate)
สวนในรปู ที่ 9(ข) จดุ รองรับที่จดุ B เปน แบบหมดุ ยดึ เชน เดยี วกบั ท่จี ุด A ทาํ ใหมแี รง
กระทาํ ท่จี ุด B เพ่มิ จากรูปท่ี 9(ก) เปน 2 แรง และมแี รงซ่งึ ไมทราบคา ทัง้ หมด 4 แรง อยางไรก็
ตามสมการแสดงสภาพสมดุลมอี ยูเพียง 3 สมการ ดังน้นั จงึ ไมสามารถแกปญหานไี้ ดตามวิธกี าร
สถติ ยศาสตร ปญ หาทมี่ ีลกั ษณะเชนน้เี รียกวา ปญหาทีแ่ กไ มไดโ ดยวิธีทางสถติ ยศาสตร
(Statically indeterminate) การแกป ญหาลกั ษณะนีจ้ าํ เปนท่ีจะตอ งมขี อ มูล เชน คุณสมบตั ขิ อง
วัสดุ เพ่ือใชสรางสมการเพมิ่ เตมิ
Adequacy of Constraints
การยดึ วตั ถใุ หอ ยูในสภาพสมดุลนั้น จาํ เปน ทตี่ อ งจํากดั ไมใหว ตั ถเุ คลอื่ นท่ีไดใ นแนว
ระดบั แนวดงิ่ และไมใ หว ตั ถุเกิดการหมุน หรือกลาวอีกอยางหนึ่งวา วตั ถนุ นั้ ตอ งมี Constraint
ในแนวระดับ แนวดง่ิ และการหมุน พิจารณารูปที่ 10 ซ่ึงแสดงรปู แบบการยดึ ตา งๆ กัน
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-13
รูปท่ี 10 การยึดวัตถใุ นรปู แบบตางๆ [1]
การยึดวตั ถใุ นรูปท่ี 10 จะใชก ารยึดโดยขอ ตอ โดยขอ ตอ แตล ะอนั จะสามารถรับแรงใน
แนวแกนของมนั เทาน้ัน ในรูปที่ 10(a) ขอตอในแนวระดบั ท่จี ุด A ทาํ หนา ทร่ี บั แรง และยึดไมใ ห
เกิดการเคล่ือนท่ีในแนวระดบั ขอตอ 2 ขอท่ีวางตวั ในแนวดง่ิ ทาํ หนา ทีร่ บั แรง และยดึ ไมใหเ กดิ
การเคลอ่ื นทีใ่ นแนวดงิ่ นอกจากน้ี ขอตอ ทง้ั สองขอ นีย้ งั ทําหนาทีร่ ับโมเมนต และตานทานการ
หมุนท่ีจะเกิดขน้ึ ดวย จะเห็นวา ขอตอ ทง้ั 3 ขอ สามารถยดึ ใหว ตั ถอุ ยูในสภาพสมดลุ ไดโดย
สมบรู ณ โดยขอ ตอ ทง้ั 3 ขอ มีความจาํ เปนในการยึดโดยจะขาดขอตอ ใด ขอ ตอหน่งึ ไมไ ด กรณี
น้ีจะเรยี กวา การยึดโดยสมบรู ณม ตี วั จบั ยดึ เพียงพอ (Adequate constraints)
รูปท่ี 10(b) แสดงการจบั ยดึ โดยมีขอ ตอ 3 ตวั เชนเดยี วกับท่แี สดงในรปู 10(a) ตางกัน
ตรงทท่ี ศิ ทางการวางตวั ของขอตอทง้ั สามผา นจดุ เดียวกัน ทจี่ ดุ A เน่อื งจากขอ ตอทั้งสามวางตัว
อยใู นแนวระดบั และอยใู นแนวด่งิ ขอ ตอ ทง้ั สามจงึ สามารถรับแรง และยึดไมใ หม กี ารเคลื่อนทใ่ี น
แนวระดับ และแนวดง่ิ ได อยางไรก็ตามเนือ่ งจากการวางตวั ของขอ ตอท้งั สามผา นจดุ เดียวกัน
ดงั นนั้ ขอตอท้ังสาม จึงไมสามารถรับโมเมนตซง่ึ ทาํ ใหว ตั ถหุ มนุ รอบจุด A ได ในกรณีนีจ้ ะ
เรยี กวา การยดึ บางสวนโดยมตี วั จบั ยึดไมเ พยี งพอ (Partial constraints)
รปู ที่ 10(c) แสดงการยึดโดยใชข อ ตอ 3 ตัวเชน เดียวกัน แตข อตอท้ัง 3 ตวั อยูใ นแนว
ระดับ ขอตอทงั้ 3 นจ้ี ะรบั แรง และยดึ ไมใหมีการเคล่ือนท่ใี นแนวระดบั และยดึ ไมใ หวัตถหุ มุน
จากโมเมนตท จี่ ะใสเขา มาได อยา งไรก็ตาม เนอื่ งจากระบบนี้ไมม ีขอตอซ่งึ รบั แรงในแนวดง่ิ
ดงั นั้นการยึดในรูปนี้จงึ เปน การยึดเพยี งบางสวนโดยมีตัวจบั ยดึ ไมเพยี งพอ (Partial
constraints)
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-14
รูปท่ี 10(d) แสดงการจับยดึ โดยใชขอตอ 4 ตัว 3 ตัวแรกวางตวั เชน เดยี วกับการจบั ยึด
ในรปู ที่ 10(a) ดงั น้นั จะเห็นวาเพียงแคต วั จับยึด 3 ตวั ก็ทําใหยึดไดอ ยางสมบูรณแลว การมขี อ
ตอ เพม่ิ มาอีก 1 ตวั จึงเปนการยึดซงึ่ มขี อ ตอ ทมี่ ากเกนิ ไป (Redundant constraint)
ข้นั ตอนในการแกป ญ หาสภาพสมดลุ ในสองมิติ
1. ตรวจสอบวา ปริมาณ หรือแรงใดทราบคา หรอื ไมท ราบคาบา ง
2. เลือกวตั ถทุ ี่จะพิจารณา และเขียน Free-body diagram แยกออกมา ไมเขยี นแรงในรปู
โจทย เพราะจะทําใหสบั สนไดงา ย
3. ต้ังแกนพิกดั ใหเหมาะสม และเลอื กทิศทางซงึ่ โมเมนตม ีคาบวก (อาจเลือกตามกฎมือ
ขวาก็ได)
4. เลอื กใชส มการสมดลุ ของโมเมนต ∑ M O = 0 โดยเลอื กจุดหมุนเปน จดุ ทมี่ ีแรงผาน
มากทีส่ ุด
5. เลอื กใชส มการสมดลุ ของแรงในแนว x และ y ∑ Fx = 0 , ∑ Fy = 0 (อาจเลือกใช
สมการชุดอ่นื ๆ เชน ใชส มการโมเมนตร อบจุดอืน่ อกี 1 หรอื 2 จุด เปนตน)
6. แกสมการที่ไดจ ากขั้นตอน 4-5 จะไดคาํ ตอบตามตองการ
เอกสารอา งอิง
[1] J.L.Meriam and L.G.Kraige, Engineering mechanics STATICS fifth edition SI
Version, John Wiley & Sons, Inc., 2003.
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-15
3/1 The 100-kg wheel rests on a rough
surface and bears against the roller A when
the couple M is applied, If M = 60 Nm and
the wheel does not slip, compute the reaction
on the roller A. [Engineering Mechanics Statics 5th
edition, Meriam & Kraige, prob.3/15]
วธิ ีทํา กําหนด W = mg = (100)(9.81) N
M = 60 Nm
เขียน Free-body diagram ของลอ 100 kg
NA [∑ MC = 0] CW+
M C 30º 60 − f (0.3) = 0
y f = 200 N
W
f [∑ Fx = 0]
O
x N f − N A cos 30° = 0
200 − N A cos 30° = 0
N A = 230.94 N Ans
โจทยขอนเี้ น่ืองจากตองการทราบแรง NA จึงอาจเลือกจุด O ซึ่งเปน จุดท่ีลอ
สัมผสั พน้ื เปน จุดหมุนในการคิดสมดลุ โมเมนตกไ็ ด
[∑ MO = 0] CW+
60 − N A cos 30°(0.3) = 0 Ans
N A = 230.94 N
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-16
3/2 The pin A, which connects the 200-kg steel beam with center of gravity at
G to the vertical column, is welded both the beam and to the column. To test the
weld, the 80-kg man loads the beam by exerting a 300-N force on the rope
which passes through a hole in the beam as shown. Calculate the torque
(couple) M supported by the pin. [Engineering Mechanics Statics 5th edition, Meriam & Kraige,
prob.3/49]
วธิ ที ํา กาํ หนดนาํ้ หนักคาน Mg = (200)(9.81) N
นาํ้ หนักคน mg = (80)(9.81) N
แรงดึงเชือก = แรงตึงเชือก 300 N
ขอนี้ ทาํ ได 2 วิธี ขึ้นกับวาจะเขียน Free-body diagram อยางไร
วิธีแรก ทําไดโดยเขียน FBD แยกระหวางคน คาน และรอก
mg คิดท่ีคน
[∑ Fy = 0]
N − mg − T = 0
y N = 80(9.81) + 300 = 1084.8 N
x TN คิดที่คาน
M N
Ax [∑ M A = 0] CCW+
Ay M − Mg(1.2) − N (1.8) − T (2.1) = 0
Mg T M = 200(9.81)(1.2) +1084.8(1.8)
T T + 300(2.1)
M = 4937.04 N Ans
≈ 4.94 kN
T′
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-17
วธิ ที ส่ี อง ทําไดโดยเขยี น FBD โดยรวมคน และคานไวด วยกนั จะทาํ ใหแ รงปฏกิ ิรยิ า
N ระหวางคน และคานกลายเปนแรงภายในไมตองนํามาคิด (จากรูปจะเหน็ วา เมอ่ื
รวมท้ัง 2 รูปเขาดวยกนั แรง N จะหกั ลา งกันหมดไป) ดังน้นั แรงไมท ราบคาจงึ มี
เพียงแค 3 แรงเทาน้ัน คือ Ax, Ay และ M
mg
y y mg
x TN x T
M N M
Mg T
Ax Mg T Ax T
Ay Ay
คิดที่คน และคาน Ans
[∑ M A = 0] CCW+
M − Mg(1.2) − T (1.8) − mg(1.8) − T (2.1) = 0
M = 200(9.81)(1.2) + 300(1.8) + 80(9.81)(1.8) + 300(2.1)
M = 4937.04 N
≈ 4.94 kN
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-18
แบบฝกหดั หวั ขอ 3/3
1. The man pushes the lawn mower at a steady speed with a force P that is parallel to
the incline. The mass of the mower with attached grass bag is 50 kg with mass
center at G. If θ = 15°, determine the normal forces NB and NC under each pair of
wheels B and C. Neglect friction. Compare with the normal forces for the conditions
of θ = 0 and P = 0. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans NB = 214 N, NC = 260 N
With θ = P = 0: NB = 350 N, NC = 140.1 N)
2. The exercise machine is designed with a lightweight cart which is mounted on small
rollers so that it is free to move along the inclined ramp. Two cables are attached to
the cart-one for each hand. If the hands are together so that the cables are parallel
and if each cable lies essentially in a vertical plane, determine the force P which
each hand must exert on its cable in order to maintain an equilibrium position. The
mass of the person is 70 kg, the ramp angle θ is 15°, and the angle β is 18°.
In addition, calculate the force R which the ramp exerts on the cart. [Engineering
Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans P = 45.5 N, R = 691 N)
รปู ประกอบแบบฝกหดั ขอ 1 รูปประกอบแบบฝก หดั ขอ 2
3. The indicated location of the center of mass of the 1600-kg pickup truck is for the
unladen condition. If a load whose center of mass is x = 400 mm behind the rear
axle is added to the truck, determine the mass mL of the load for which the normal
forces under the front and rear wheels are equal. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition,
Meriam & Kraige]
(Ans mL = 244 kg)
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-19
รูปประกอบแบบฝก หัดขอ 3 รูปประกอบแบบฝก หัดขอ 4
4. The small crane is mounted on one side of the bed of a pickup truck. For the
position θ = 40º, determine the magnitude of the force supported by the pin at O
and the oil pressure p against the 50-mm-diameter piston of the hydraulic cylinder
BC. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans FO = 4.14 kN, p = 2.58 MPa)
5. Pulley A delivers a steady torque (moment) of 100 Nm to a pump through its shaft
at C. The tension in the lower side of the belt is 600 N. The driving motor B has a
mass of 100 kg and rotates clockwise. As a design consideration, determine the
magnitude R of the force on the supporting pin at O. [Engineering Mechanics STATICS 5th
edition, Meriam & Kraige]
(Ans R = 1.167 kN)
6. The uniform 400-kg drum is mounted on a line of rollers at A and a line of rollers at
B. An 80-kg man moves slowly a distance of 700 mm from the vertical centerline
before the drum begins to rotate. All rollers are perfectly free to rotate, except one
of them at B which must overcome appreciable friction in its bearing. Calculate the
friction force F exerted by that one roller tangent to the drum and find the magnitude
R of the force exerted by all rollers at A on the drum for this condition. [Engineering
Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans F = 305 N, R = 3770 N)
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-20
รูปประกอบแบบฝก หดั ขอ 5 รปู ประกอบแบบฝกหดั ขอ 6
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-21
สถติ ยศาสตร (Statics)
บทที่ 3 สภาพสมดุล (ตอนที่ 2)
Section B สภาพสมดลุ ในสามมติ ิ
3/4 สภาพสมดุล
ในหวั ขอน้ีจะขยายความสภาพสมดุลใหครอบคลุมถึงปญ หาในสามมิติ โดยหลกั การแลว
สภาพสมดุลในสามมติ ิ กบั ในสองมติ จิ ะเหมือนกัน และสมการสมดุลท่ีใชยังคงเหมือนเดมิ ดัง
แสดงในสมการที่ (1) Rv r v v
F M M
= ∑ = 0 และ = ∑ = 0 (1)
ในสามมติ ิแรงและโมเมนตจ ะตองคาํ นงึ ถงึ ทศิ ทางดานลกึ ท่เี พ่ิมเขา มาดวย ดงั นั้นสมการ
ท่ี (1) จะสามารถขยายใหค รอบคลุมปญหาในสามมิติไดดงั นี้
r
∑ F = 0 หรอื ∑ Fx = 0 , ∑ Fy = 0 , และ ∑ Fz = 0 (2)
∑ Mv = 0 หรือ ∑ M x = 0 , ∑ M y = 0 , และ ∑ M z = 0 (3)
การแกปญ หาสมดลุ ในสามมิติ อาจจะใชวิธกี ารแบบสเกลาร โดยใชสมการดงั แสดงใน
สมการท่ี (2) และ (3) หรอื จะใชวธิ กี ารแบบเวคเตอรก ไ็ ด สาํ หรับการเขยี น Free-body diagram
นนั้ กอ็ าจจะใชว ธิ เี ขียนรปู แบบสามมติ ิ (pictorial view drawing) หรอื การเขยี นภาพฉายทลี ะ
ระนาบ และพิจารณาเปนปญ หา 2 มติ กิ ไ็ ด (ดตู วั อยา งที่ 3/6 ในหนังสือ “Engineering
Mechanics Statics fifth edition SI version” ของ J. L. Meriam และ L. G. Kraige)
จากสมการที่ (2) และ (3) จะพบวา เน่ืองจากมสี มการสมดุลท้ังหมด 6 สมการ ดังนัน้ ตัว
ไมท ราบคา ในการคํานวณสภาพสมดุล 3 มติ ิ จงึ มีไดมากทีส่ ุด 6 ตวั จงึ จะสามารถหาคาโดยวธิ ี
ทางสถิตยศาสตรไ ด
แรงทเ่ี กดิ จากการยดึ แบบตา งๆ
แรงจากการจัดยึดแบบตางๆ ในสามมิติ แสดงดงั รูปที่ 1
ตวั อยา งท่ี 1 แสดงถึงวัตถแุ ตะกับพ้ืนเรยี บโดยไมม ีการยดึ แนน ใดๆ หรืออาจจะพิจารณา
เปนการรองรับแบบลกู กล้งิ กไ็ ด แรงทก่ี ระทําในกรณนี จ้ี ะมีเพยี งแรงทพ่ี น้ื ดันวตั ถุ ในแนวดงิ่ N
เพยี งแรงเดียว
ตัวอยา งท่ี 2 แสดงถงึ วตั ถแุ ตะกับพืน้ ขรขุ ระ ในตวั อยา งนีจ้ ะตางกับตัวอยางแรกตรงที่มี
แรงเสียดทาน F เพ่ิมเขา มาดว ย โดยทิศของแรงเสยี ดทานเกดิ ในทศิ ทตี่ านทานแนวโนม ที่จะ
เคลอ่ื นทีข่ องวตั ถุ
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-22
รูปที่ 1 แรงจากการจับยดึ ในสามมติ ิ [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-23
ตวั อยางท่ี 3 แสดงถึงลอวงิ่ บนรางลื่น จะเห็นวา ลอ ไมสามารถเคลื่อนทีใ่ นทศิ ทาง y และ
z ได ดังนน้ั ในทศิ ทาง y และ z จึงตอ งมีแรงตานทานกระทํา สว นในทิศทาง x นนั้ ลอกลิ้งได
อยางอิสระ ดังนน้ั จงึ ไมมีแรงตา นทานมากระทําในทศิ ทางนี้
ตวั อยา งท่ี 4 การยดึ แบบ Ball-and-socket joint การยดึ แบบนี้วตั ถจุ ะหมุนไดอยางอสิ ระ
ทกุ ทิศทาง แตไ มสามารถเคลอื่ นทอ่ี อกจากเบา ซงึ่ รองรับลูกบอลได ดังนนั้ การรองรับแบบน้จี ึง
ตองมีแรงตา นทานการเคลอื่ นทีก่ ระทําในทิศทาง x, y และ z
ตวั อยางที่ 5 การรองรบั แบบยดึ แนน (การเช่ือมตดิ ) การยดึ แบบนวี้ ัตถจุ ะไมสามารถ
เคล่อื นท่ี และไมสามารถหมนุ ไดด ว ย ดังนนั้ จึงตอ งมแี รงตา นทาน และโมเมนตต านทานทั้ง
ทศิ ทาง x, y และ z
ตัวอยา งที่ 6 การยดึ ดว ยรองลื่นท่ีรบั แรงในแนวแกนไดด ว ย (Thrust-bearing support)
รองลนื่ เปน อปุ กรณทางกลชนดิ หน่ึง ใชรองรับการหมุนของเพลา และบังคบั ไมใหเพลาเคลอื่ นที่
ไดในทิศทางต้งั ฉากกับแกนเพลา ความตานทานการหมนุ ของเพลาท่ีรองรบั ดวยรองล่ืนจะมีคา
นอยมาก จนถอื วา ไมม คี วามตานทานการหมนุ ได รองลน่ื ท่ีรับแรงในแนวแกนไดหมายถงึ รอง
ลน่ื ซงึ่ มลี กั ษณะพเิ ศษชวยปองกันไมใ หเ พลาเคล่อื นทใี่ นแนวแกนไดดวย
เม่อื พิจารณาการทํางานของรองล่นื แลว จะพบวาแรงตานทานทกี่ ระทํากับรองลน่ื ท่รี บั
แรงในแนวแกนได จะมีทัง้ 3 ทิศทางในแกน x, y, และ z สาํ หรับโมเมนตท ตี่ านทานการเคลื่อนท่ี
นนั้ จะมใี นทศิ ทางของการหมนุ รอบแกนซึง่ ตง้ั ฉากกับแกนเพลา ทําใหเ พลาไมสามารถหมนุ รอบ
แกนซง่ึ ตั้งฉากกบั แกนเพลาได อยา งไรกต็ ามการท่รี องลน่ื ทาํ ขึน้ เพือ่ ไมใหม ีความตานทานการ
หมนุ ดงั นน้ั จึงไมม ีโมเมนตต านทาน ในทศิ ทางการหมุนของเพลา
ในตวั อยางท่ี 5 และ 6 จะพบวาแรงและโมเมนตทเี่ กิดทีต่ วั จบั ยึด ซ่งึ มกั เปนตวั ไมท ราบ
คาจะมีจาํ นวนมาก (6 และ 5 ตวั ตามลาํ ดบั ) ในการพิจารณาปญหาสมดุลสามมิตใิ นกรณีเชน นี้
หลายๆ ครั้ง อาจจะจาํ เปน ตองต้งั สมมุติฐานใหไมมีโมเมนตตา นทานจงึ จะแกปญหาโดยวธิ ที าง
สถิตยศาสตรไ ด การตัง้ สมมตุ ฐิ านเชนนสี้ ามารถเปนไปได หมายความวา โมเมนตที่เกิดจากแรง
ทุกๆ แรงในระบบ รอบจดุ จับยดึ จะหกั ลางกันหมดพอดี ทําใหไมมโี มเมนตเ กิดทต่ี วั จับยดึ
ประเภทของสมดลุ ในสามมิติ
สมดลุ ในสามมิติแบงเปน ประเภทตา งๆ ดังแสดงในรูปท่ี 2 ดังนี้
1. แรงทกุ แรงผานจดุ ๆ เดยี ว (Concurrent at a point) ในกรณนี ้ีสมการสมดลุ ของแรง 3
สมการ ในทศิ ทาง x, y และ z ก็เพยี งพอท่ีจะแสดงสภาพสมดลุ ได เน่อื งจากผลรวม
โมเมนตร อบจดุ ทีแ่ รงตดั กนั มีคาเทา กับศนู ยแนน อนอยูแลว
2. แรงทุกแรงผานแนวเสนตรงเดียวกนั (Concurrent with a line) กรณีนี้แสดงดังตวั อยาง
ท่ี 2 ในรูปที่ 2 จากรูปจะพบวา จาํ เปนตอ งใชส มการสมดุล 5 สมการในการแสดงสภาพ
สมดุล สมการสมดุลของโมเมนตรอบแกน x (ทับกบั แกนของเสนตรงท่ีแนวแรงทกุ แรง
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-24
ผาน) ไมจ าํ เปนตองใชเนอ่ื งจากเม่ือแรงผานแกนใด จะไมทาํ ใหเกดิ โมเมนตรอบแกนนั้น
อยูแลว ดงั นัน้ จากรูป เมื่อแรงทกุ แรงผานแกน x จึงไมเกิดโมเมนตรอบแกน x
3. แรงทกุ แรงขนานกัน (Parallel) กรณีนแี้ สดงดงั ตวั อยางที่ 3 ในรูปท่ี 2 เนอ่ื งจากแรงทุก
แรงขนานกัน จงึ ใชส มการสมดุลของแรงในทิศทางทีแ่ รงขนานกนั เพียงสมการเดียว ทจี่ ะ
แสดงสภาพสมดุลของแรง สว นสภาพสมดุลของโมเมนตน ้ัน ตองใช 2 สมการในการ
แสดง สําหรบั โมเมนตร อบแกนทมี่ ที ิศทางเดยี วกบั แรง ไมจ าํ เปน ตองใช เนอ่ื งจากไม
v rv v
เกดิ โมเมนตอ ยูแลว ( M = × F น่ันคอื ทิศทางของโมเมนต หรือทศิ ทางของแกน
จะตอ งตัง้ ฉากกับทิศทางของแรงเสมอ ดังนัน้ ถาแรงมที ศิ ทางเดียวกับแกน จะไมเ กิด
โมเมนตรอบแกนนน้ั )
4. กรณใี ดๆ (General) ในกรณีน้แี รงแตล ะแรงไมผานจดุ เดียวกนั ไมผานแนวเสน ตรง
เดยี วกนั และไมขนานกนั กรณนี จ้ี ําเปน ตอ งใชสมการสมดลุ ทง้ั หมดในการแสดงสภาพ
สมดุล ดงั แสดงในตวั อยา งท่ี 4 รูปที่ 2
รูปที่ 2 สมดุลประเภทตา งๆ ใน 3 มิติ [1]
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-25
รูปที่ 3 การยึดวตั ถใุ นรูปแบบตางๆ (3 มิต)ิ [1]
Constraints and Statical Determinacy
รูปที่ 3 แสดงการยึดวัตถใุ นรปู แบบตางๆ ใน 3 มติ ิ ขอ ตอ แตล ะอันจะสามารถรบั แรงใน
แนวแกนของมนั ไดเ ทา นั้น ในรปู ที่ 3(a) ขอ ตอทว่ี างตวั ในทศิ ทางตา งๆ กนั ทั้ง 3 ทศิ ทาง ทําให
ไมเกิดการเคลอ่ื นไหวในแนวแกน x, y และ z นอกจากน้ี ขอ ตอ คู 1-6, 3-4 และ 3-5 ท้ัง 3 คยู งั
ทาํ หนาท่ีรับโมเมนตท ี่อาจจะเกดิ ข้นึ ทัง้ 3 ทิศทาง ดงั นั้นการยึดในรูปท่ี 3(a) จึงเปน การยดึ โดย
สมบูรณและมตี ัวจบั ยดึ ทีพ่ อเพยี ง (Adequate constraints)
การยดึ วัตถใุ นรปู ท่ี 3(b) ใชจ าํ นวนขอตอท้งั หมด 6 อัน เชน เดยี วกบั รูปท่ี 3(a) อยา งไรก็
ตาม สังเกตไดว า แรงท่ีกระทาํ โดยขอ ตอ ทกุ อัน ผานแนวเสนตรง AE การที่แรงทุกแรงผาน
เสนตรง AE ทําใหก ารจบั ยดึ ในรปู นไี้ มสามารถรับโมเมนตภ ายนอกท่จี ะใสเขาเพ่ือทําใหเ กดิ
โมเมนตร อบแกน AE ได ดงั นั้นการยึดแบบน้จี งึ เปน การยดึ เพยี งบางสวนโดยมีตวั จับยดึ ไม
เพียงพอ (Partial constraints)
รูปที่ 3(c) แสดงการจับยดึ โดยใชขอตอ 6 อนั เชนกัน แตจ ะสงั เกตไดว าขอ ตอ ทกุ อัน
วางตวั ในแนวแกน x และ z ไมมีขอ ตอ อนั ไหนทวี่ างตัวในแนวแกน y เลย ทาํ ใหร ะบบนีไ้ ม
สามารถรับแรงในแนวแกน y ทีจ่ ะใสเ พมิ่ เขา ไปได การยดึ แบบน้จี ึงเปน การยึดเพยี งบางสวน
โดยมตี ัวจบั ยดึ ไมเ พียงพอเชนกนั
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-26
รปู ที่ 3(d) แสดงการจบั ยดึ คลายกับรปู ที่ 3(a) เพยี งแตร ปู ที่ 3(d) มขี อตอ 7 เพม่ิ เขา มา
โดยขอ ตออ่ืนๆ ยงั วางตวั เหมอื นเดิม เนื่องจากจบั ยดึ โดยขอ ตอ 6 อัน ดงั แสดงในรูปท่ี 3(a) เปน
การจบั ยึดทีพ่ อเพียงอยแู ลว การใสข อ ตอ ท่ี 7 เขาไปจึงเปน การจบั ยึดที่มากเกนิ ความจาํ เปน
หรือเรยี กวา การจบั ยดึ ซ่งึ มขี อตอ มากเกนิ ไป (Redundant constraints) และเน่ืองจากสมการ
สมดลุ ใน 3 มิติ มเี พียง 6 สมการ แตก ารจบั ยดึ โดยขอ ตอมากกวา 6 ขอ จะทาํ ใหม ีตัวไมท ราบคา
มากกวาจาํ นวนสมการ กรณนี ้จี ึงไมสามารถหาคาํ ตอบไดโ ดยวธิ ที างสถิตยศาสตร หรืออาจ
เรยี กวา Statically indeterminate
ขัน้ ตอนในการแกปญหาสภาพสมดลุ สองมิติ
1. ตรวจสอบวา ปรมิ าณใด หรือแรงใดทราบคา หรอื ไมทราบคา บาง
2. เลอื กวตั ถทุ จี่ ะพิจารณา เขียน FBD และแกนพิกดั
3. หาพิกดั จุดตา งๆ ท่แี รงกระทํา
4. เขยี นแรงแบบเวคเตอร โดย
แรง(เวคเตอร) = (ขนาดของแรง)(เวคเตอรหนึ่งหนวยแสดงทิศทางของแรง)
5. เลือกจดุ ที่มีแรงผานมากที่สดุ และใชส มการสมดุลของโมเมนตรอบจดุ น้นั โดย
v (rv v
คาํ นวณหาโมเมนตด ังนี้ ∑ M = ∑ × F ) = 0 จากสมการโมเมนตน้ี จะทําให
สามารถหาคา แรงไมท ราบคา ซึง่ ไมไ ดผานจดุ หมนุ ได
6. ใชส มการสมดลุ ของแรง เพอื่ หาแรงในทิศทางอนื่ ๆ
เอกสารอา งอิง
[1] J.L.Meriam and L.G.Kraige, Engineering mechanics STATICS fifth edition SI
Version, John Wiley & Sons, Inc., 2003.
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-27
3/3 A rectangular sign over a
store has a mass of 100 kg, with
the center of mass in the center of
the rectangle. The support against
the wall at point C may be treated
as a ball-and-socket joint. At
corner D support is provided in
the y-direction only. Calculate the
tension T1 and T2 in the supporting
wires, the total force supported at
C, and the lateral force D
supported at D. [Engineering Mechanics
Statics 5th edition, Meriam & Kraige,
prob.3/90]
วธิ ที าํ เขยี น FBD ไดดังแสดงในรปู จากรปู จะเห็นไดว า มแี รงทไี่ มท ราบคาท้ังหมด
6 แรง ดังนนั้ สามารถใชส มการสมดุล 3 มติ หิ าคา ออกมาได
พิกัดจุดตา งๆ เปน ดังนี้ T1 T2
A(0,-1.5,2.5)
B(0,1.5,2.5) E F D
C(0,0,-1) Cx
D(0,0,0)
E(4,0,0) Cy
F(2.5,0,0) Cz
เขยี นแรงทไ่ี มไดขนานกนั แกน x,
y, และ z ใหอยูในรูปเวคเตอร
mg
v = T1nˆEA = T1 (−4iˆ −1.5 ˆj + 2.5kˆ) = T1 (−4iˆ −1.5 ˆj + 2.5kˆ)
T1 42 +1.52 + 2.52 4.9497
v = T2nˆFB = T2 (−2.5iˆ +1.5 ˆj + 2.5kˆ) = T2 (−2.5iˆ + 1.5 ˆj + 2.5kˆ)
T2 2.52 + 1.52 + 2.52 3.8406
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-28
เลอื กจุดที่แรงผานมากทีส่ ุดเปน จุดหมุนในการใชส มการสมดลุ ของโมเมนต ในท่ีน้คี อื
จุด C
[∑ v = 0] rv1 × v + rv2 × v + mg (2) ˆj + D(1)(−iˆ) = 0 (1)
MC T1 T2
โดย rv1 คือเวคเตอรท ่ชี จี้ ากจุดหมุน C ไปยงั แนวแรง T1 (จดุ E)
คอื เวคเตอรท ่ีชี้จากจุดหมุน C ไปยงั แนวแรง T2 (จุด F)
rv2
rv1 × v = (4iˆ + kˆ) × T1 (−4iˆ −1.5 ˆj + 2.5kˆ) = T1 (1.5iˆ −14 ˆj − 6kˆ)
T1 4.9497 4.9497
rv2 × v = (2.5iˆ + kˆ) × T2 (−2.5iˆ + 1.5 ˆj + 2.5kˆ) = T1 (−1.5iˆ − 8.75 ˆj + 3.75kˆ)
T2 3.8406 3.8406
แทนลงในสมการ (1)
T1 (1.5iˆ −14 ˆj − 6kˆ) + T2 (−1.5iˆ − 8.75 ˆj + 3.75kˆ)
4.9497 3.8406
(2)
+100(9.81)(2) ˆj − Diˆ = 0
สมการนี้จะเปน จริงไดเมอ่ื สวนประกอบเวคเตอรในทิศทาง I, j, k เปน 0 ทั้งหมด
จากสมการท่ี (2) เมื่อคิดทีละทิศทางจะไดระบบสมการดงั น้ี
T1 (1.5) + T2 (−1.5) − D = 0
4.9497 3.8406
T1 (−14) + T2 (−8.75) = −100(9.81)(2) (3)
4.9497 3.8406
T1 (−6) + T2 (3.75) = 0
4.9497 3.8406
แกระบบสมการ (3) จะได Ans
T1 = 346.83 N, T2 = 430.586 N, D = -63.064 N
จะเห็นวา การใชส มการสมดลุ โมเมนตรอบจุด จะทําใหหาคาของแรงไมทราบคา ได 3
แรง เน่อื งจากสมการเวคเตอรครอบคลมุ ถึงทิศทางตามแกน x, y, และ z 3 ทศิ ทาง
ขั้นตอ ไปจะหาแรงท่เี หลือ โดยใชสมการสมดุลแรงในแนวแกน x, y, และ z
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-29
จากขนาดของแรง T1 และ T2 ท่ีไดจะสามารถเขยี นแรงทง้ั สองในรูปเวคเตอรไ ดด ังน้ี
v = 346.83 (−4iˆ −1.5 ˆj + 2.5kˆ) = −280.284iˆ −105.106 ˆj + 175.177kˆ
T1 4.9497
v = 430.586 (−2.5iˆ + 1.5 ˆj + 2.5kˆ) = −280.286iˆ + 168.171 ˆj + 280.286kˆ
T2 3.8406
[∑ Fx = 0] Cx − 280.284 − 280.286 = 0
[∑ Fy = 0]
[∑ Fz = 0] Cx = 560.57 N
Cy −105.106 +168.171− 63.064 = 0
Cy = 0 N
Cz +175.177 + 280.286 −100(9.81) = 0
Cz = 525.537 N
ดังนัน้ C = 560.572 + 0 + 525.5372 = 768.39 N Ans
Statics/ Chapter 3 Equilibrium 3-30
แบบฝก หดั หวั ขอ 3/4
1. The light right-angle boom which supports the 400-kg cylinder is supported by three
cables and a ball-and-socket joint at O attached to the vertical x-y surface.
Determine the reactions at O and the cable tensions. [Engineering Mechanics STATICS 5th
edition, Meriam & Kraige]
(Ans Ox = 1962 N, Oy = 0 N, Oz = 6540 N
TAC = 4810 N, TBD = 2770 N, TBE = 654 N)
2. The awning window is temporarily held open in the 50º position shown by a wooden
prop CD. If a = 0.8 m and b = 1.2 m and the mass of the window is 50 kg with
mass center at its geometric center, determine the compressive force FCD in the
prop and all components of the forces exerted by the hinges A and B on the
window. Assume that A is a thrust-bearing hinge but that hinge B is not. [Engineering
Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans Ax = -140.9 N, Ay = 118.2 N, Az = -92.0 N
Bx = -47.0 N, By = 285 N, FCD = 227 N)
รูปประกอบแบบฝกหัดขอ 1 รูปประกอบแบบฝก หดั ขอ 2
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-1
สถิตยศาสตร (Statics)
บทที่ 5 แรงกระจาย
5/1 บทนํา
ในบทกอ นๆ จะพิจารณาใหแรงกระทาํ ตามแนวเสน แรงกระทํา และมตี ําแหนง ท่ีแรง
กระทาํ กับวัตถุเปน จุดๆ เดียว เรยี กแรงลักษณะนว้ี า Concentrated force การพจิ ารณาแบบนี้
ชวยใหการคํานวณลดความซับซอนลงอยา งมาก อยา งไรก็ตามในความเปนจรงิ แลว ไมมีแรงๆ
ใดกระทําที่จุดๆ เดียว แตตาํ แหนง แรงกระทําจะเปน พ้ืนท่ี แรงกระทําที่กระจายทว่ั ทั้งพืน้ ท่ีน้ี
เรยี กวา แรงกระจาย
พิจารณารูปที่ 1(a) ซงึ่ แสดงแรงทพ่ี ้นื ถนนกระทํากบั ลอ รถ จะเห็นวายางจะไมสัมผัสกบั
พ้นื ถนนเพยี งแคจ ุดเดยี ว แตจะสัมผสั เปนพืน้ ท่ี เน่ืองจากยางเกิดการเสยี รปู เนอื่ งจากนํ้าหนัก
ของรถ จากรูปมคี วามกวางของผวิ สัมผสั b แรงทีพ่ ้ืนถนนกระทํากบั ลอรถจะกระจายตลอดท้ัง
พ้ืนทน่ี ้ี โดยแรงกระจายอาจจะไมส ม่ําเสมอตลอดทัง้ พื้นท่กี ไ็ ด จากรูปจะเหน็ วา บริเวณตรงกลาง
แรงทพ่ี ้ืนกระทาํ จะมขี นาดมากกวาแรงท่ีกระทําทบี่ รเิ วณขอบๆ ของพืน้ ทีส่ ัมผสั ลกู ศรเสน ประ
แสดงถงึ แรงลัพธท ีเ่ กิดจากการรวมแรงกระจายน้ี รปู ที่ 1(b) แสดงการสมั ผัสของลูกบอลแข็ง กับ
พน้ื ผวิ แข็ง ในกรณนี ีบ้ รเิ วณสมั ผัสจะเปน เพียงพ้นื ทเี่ ลก็ ๆ แตอยางไรกต็ ามเนื่องจากบรเิ วณ
สัมผสั เปนพน้ื ท่ี แรงทพ่ี ้ืนกระทํากับบอลจึงเปนแรงกระจายเชนกัน
รูปท่ี 1 ตวั อยา งแรงกระจาย [1]
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-2
รูปท่ี 1(c) แสดงแรงท่กี ระทาํ กับช้ินสว นกลซึ่งรับแรงกด C อีกดานหนงึ่ ของชิ้นสวนกล
ถูกเจาะรแู ลว ยึดดวยหมดุ จะเหน็ วาแรงท่ีเกิดในชิ้นสว นกลไมไดเ กดิ ทีจ่ ดุ ๆ เดยี ว แตก ระจาย
อยางสม่าํ เสมอตลอดพน้ื ท่ีหนา ตัดของช้ินสวนกล สําหรบั แรงทห่ี มดุ กระทาํ กบั ชน้ิ สว นกลนัน้ กจ็ ะ
กระจายตลอดพน้ื ท่ีสมั ผัสระหวางผิวหมดุ และผิวช้ินสวนกล อยา งไรกต็ ามขนาดของแรงจะ
เปล่ียนแปลงตามตําแหนงท่สี มั ผสั
แรงกระจายสามารถแบงเปน 3 ชนดิ ดงั น้ี
1. แรงกระจายตามเสน (Line Distribution) ตวั อยางของแรงกระจายชนิดนแ้ี สดงดังรูปที่
2(a) แรงทีม่ วลดงึ เคเบลิ ไวก ระทํากระจายตลอดความยาวเคเบิล หนว ยของแรงกระจาย
ตามเสน คอื N/m
2. แรงกระจายตามพ้นื ท่ี (Area Distribution) เม่ือแรงกระทาํ ทวั่ ทงั้ พ้ืนท่ี จะเรยี กแรงนีว้ า
แรงกระจายตามพืน้ ท่ี ตวั อยางของแรงกระจายชนิดนค้ี อื แรงดนั นาํ้ ทีก่ ระทํากับเขอื่ น ดงั
แสดงในรปู ที่ 2(b) แรงดนั น้ีกระทําตลอดท้ังพน้ื ที่ แตขนาดของแรงดันท่ีแตละความลึก
จะไมเทากนั ลกู ศรสีแดงในรูปแสดงถงึ แรงกระจายทีแ่ ตล ะระดบั ความลกึ หนวยของแรง
กระจายตามพ้ืนที่คือ N/m2 หรอื Pa ซง่ึ กค็ ือความดนั น่ันเอง
3. แรงกระจายตลอดปรมิ าตร (Volume Distribution) แรงกระจายตลอดปริมาตรอาจเรยี ก
อีกอยา งวา Body force ตวั อยา งของแรงชนดิ นีค้ ือ แรงดงึ ดดู เนื่องจากแรงโนมถวงของ
โลก เน่อื งจากแรงนี้กระทํากบั ทกุ ๆ สว นของมวล จงึ เรยี กวาเปน แรงกระจายตลอด
ปรมิ าตร หนวยของแรงกระจายชนิดนค้ี อื N/m3
รปู ท่ี 2 แรงกระจายชนิดตางๆ [1]
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-3
5/2 จดุ ศูนยกลางมวล
เนอื่ งจากนํา้ หนกั ของวตั ถถุ อื เปนแรงกระจายตลอดทั้งเน้ือปรมิ าตร การคาํ นวณแรง
กระจายนนั้ ยุงยากกวา การคาํ นวณแรงท่ีกระทําเปน จุดมาก ดังนั้นเพ่อื ใหงา ยตอการพิจารณา
มกั จะสมมตุ ิใหมวลของวตั ถุท้งั กอ นรวมอยทู ่ีจุดๆ เดยี ว และจดุ นีจ้ ะเปนตวั แทนของมวลท้ังกอน
เรียกจุดนี้วาจดุ ศนู ยกลางมวล (Center of mass) และหากถือวา แรงดงึ ดดู ของโลกมีคา คงที่
ตลอดวตั ถุจะไดวา จุดศนู ยก ลางมวลจะเปนจดุ เดยี วกบั จดุ ศนู ยถว ง (Center of gravity) ดว ย
สาํ หรับวตั ถชุ น้ิ หน่งึ ๆ จะมจี ดุ ศนู ยก ลางมวลเพยี งจดุ เดียวเทา นั้น และจดุ นีจ้ ะอยใู นหรอื นอกเนื้อ
วตั ถุก็ได วธิ หี าจุดศนู ยก ลางมวลดวยวธิ ที ดลองแสดงดังในรูปที่ 3 และมขี ั้นตอนดงั นี้
1. ผกู วตั ถุใหห อ ยลงอยางอสิ ระ ดังแสดงในรปู ท่ี 3(a)
เมอื่ พิจารณาใหน ํา้ หนกั ของวัตถรุ วมทจ่ี ดุ ศนู ยถว งเพียงจุดเดยี ว จะสามารถเขียน
แผนผงั แรงไดดงั แสดงในรปู ท่ี 3(d) จากแผนผังแรงพบวามีแรงเพียง 2 แรงท่ีทาํ กระทาํ กบั วัตถุ
และทาํ ใหว ัตถอุ ยใู นสภาพสมดลุ น่นั คอื น้าํ หนักของวัตถุ W และแรงตึงเชือก T เน่ืองจากเปน
การสมดุลจากแรงเพียงสองแรง ดงั นั้นแรงทั้งสองจึงตองมีขนาดเทากนั และอยใู นแนวเสนตรง
เดยี วกัน เพราะวาแรงจากนํา้ หนักของวตั ถจุ ะผา นจดุ ศูนยถวงเสมอ ดงั นัน้ จึงทราบวา
จดุ ศนู ยถวงตอ งเปนจุดใดจุดหนงึ่ บนเสนแนวดง่ิ หรืออยใู นแนวเสน เชอื ก
2. เปลย่ี นตําแหนงผกู เชอื กหอ ยวตั ถุ เปน จุด B ดังแสดงในรูปท่ี 3(b)
ทํานองเดียวกบั ขัน้ ตอนท่ี 1 จากข้ันตอนนี้จะทราบวา จุดศนู ยถ ว งตองเปน จุดใดจดุ
หนงึ่ บนเสนแนวดิง่ (B-G) เชน กัน จากผลของการผกู วตั ถุทัง้ สองครง้ั จะไดวา จุดตดั ของเสน ตรง
ทั้งสองกรณีจะเปนจดุ ศนู ยถ ว ง G และหากหอ ยวัตถทุ จี่ ดุ C ก็จะพบวา จดุ G ก็จะอยบู นแนวเสน
เชือกเชน กนั
T
FBD
(d)
รปู ท่ี 3 การหาจดุ ศูนยถ ว งดวยวธิ ีการทดลอง [1]
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-4
การหาตาํ แหนง จดุ ศนู ยถว งและจดุ ศนู ยกลางมวล
เพือ่ ทีใ่ หการพิจารณาใหนํ้าหนักรวมของวตั ถุรวมเปนจดุ เดียวท่ีจดุ ศูนยถว ง สามารถใช
ทดแทนการพิจารณานํา้ หนักของมวลยอยๆ ทกุ ๆ สว นของวตั ถไุ ด คุณสมบัติทางดานโมเมนต
ของการพิจารณาท้ังสองกรณีตองเหมอื นกัน
พจิ ารณารปู ท่ี 4(a) วตั ถใุ นรูปมีจดุ ศูนยถ ว งอยทู จ่ี ุด G ซง่ึ ยงั ไมรตู าํ แหนงแนน อน โดย
สมมตุ ิใหจ ุดศนู ยถ ว งอยทู พี่ กิ ดั (x, y, z) หากหาโมเมนตของมวลกอ นนีร้ อบแกน y สามารถหา
ไดโ ดยแบง มวลเปนกอนยอ ยๆ dW หาโมเมนตเนือ่ งจากนาํ้ หนกั ของมวลยอยๆ แลวคอ ยนํามา
รวมกนั แตเน่ืองจากวตั ถกุ อ นนส้ี ามารถคดิ เสมอื นวา นาํ้ หนกั ทัง้ หมดรวมกนั ท่จี ดุ G ซึ่งทําให
คุณสมบัตทิ างโมเมนตไ มแ ตกตางจากเดมิ ดวย ดังนั้นจงึ อาจหาโมเมนตไ ดโดยนาํ เอานํา้ หนัก
รวมมาคูณดวยแขนของโมเมนตซ่งึ วัดจากแกน y มายังจุด G การหาโมเมนตท้ัง 2 วธิ ีสามารถ
แสดงไดดังสมการ (1)
ผลรวมโมเมนตข องมวลยอยๆ = โมเมนตข องนํ้าหนกั รวมท่ีจุดศูนยถ วง (1)
∫ (x)dW = x∫ dW = xW
โดย x คอื ระยะวัดตามแกน x ไปยงั มวลกอ นยอ ยๆ (แขนของโมเมนตข องมวลกอนยอ ยๆ)
W คือนํ้าหนกั รวมของวตั ถุ
x คอื ตําแหนง จุดศูนยถว ง วัดตามแกน x
จากสมการ (1) จะสามารถหาตําแหนงจุดศนู ยถ วงไดด งั น้ี
x = ∫ (x)dW (2)
W
ทํานองเดียวกนั ตําแหนงจดุ ศนู ยถวงวัดจากแกน y และ z สามารถหาไดด ังน้ี
y = ∫ ( y)dW , z = ∫ (z)dW (3)
W W
รปู ท่ี 4 การหาจดุ ศูนยก ลางมวล [1]
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-5
เนือ่ งจากนา้ํ หนักของวัตถสุ มั พันธกบั มวลตามสมการ W = mg ถาคา g มคี าคงที่ หรอื สามารถ
ประมาณใหค งที่ตลอดชนิ้ วตั ถแุ ลว จะได
dW = (g)dm (4)
แทนสมการ (4) ลงในสมการ (3) และ (2) จะไดส มการเพือ่ หาจุดศูนยกลางมวลดังนี้
x = ∫ (x)dm , y = ∫ ( y)dm , z = ∫ (z)dm (5)
m mm
เน่ืองจากการบอกตําแหนงจุดใดๆ อาจบอกเปน พิกัด (x,y,z) หรอื บอกเปน เวคเตอรแ สดง
ตําแหนง rv = xiˆ + yˆj + zkˆ กไ็ ด ดงั นน้ั พกิ ัดทง้ั 3 ในสมการ (5) อาจจะบอกรวมไดในรูป
เวคเตอร rv ดงั นี้
rv = ∫ (rv)dm
m (6)
5/3 Centroids of Lines, Areas, and Volumes
ถาความหนาแนน ของวัตถุ ρ สม่ําเสมอตลอดทง้ั เนอ้ื วัตถุ สมการ (5) จะสามารถเขียน
ไดด งั น้ี
x = ∫ (x)ρdV , y = ∫ ( y)ρdV , z = ∫ ( z ) ρdV
ρV
ρV ρV
x = ∫ (x)dV , y = ∫ ( y)dV , z = ∫ (z)dV (7)
V V V
โดย V คือปริมาตรของมวล
จะพบวา x , y และ z จากสมการท่ี (7) ข้ึนอยูกับรปู รางของวัตถเุ พยี งอยางเดยี ว จุด x , y
และ z ในกรณีนีเ้ รียกวาจดุ กลางรปู (Centroid) การหาจดุ Centroid สามารถแบง ออกไดเ ปน 3
รูปแบบดังนี้
1 เสน การหาจดุ Centroid ในกรณีนใ้ี ชก ับวัตถุท่ีมคี วามยาวมากกวาหนา ตดั มากๆ เชน เสน
ลวดเปนตน รปู การหาจุด Centroid แสดงในรูปที่ 5(a)
ถากาํ หนดให A คือหนาตดั ของลวด สมการ (7) จะเขียนไดดังน้ี
x = ∫ (x)Adl , y = ∫ ( y)Adl , z = ∫ (z) Adl
Al Al Al
x = ∫ (x)dl , y = ∫ ( y)dl , z = ∫ (z)dl (8)
l ll
จากรปู ท่ี 5(a) จะพบวา จดุ Centroid อาจจะไมอ ยใู นเสนลวดกไ็ ด
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-6
(a) (b)
รปู ท่ี 5 จดุ กลางรูป [1]
2 พนื้ ที่ การหาจุด Centroid ในกรณนี ้ใี ชก บั วตั ถุบางที่มคี วามหนาเทา กนั ตลอดแผน
รปู การหาจุด Centroid แสดงในรูปที่ 5(b)
ถา กําหนดให t คอื หนาหนาของแผน สมการ (7) จะเขยี นไดด งั นี้
x = ∫ (x)tdA , y = ∫ ( y)tdA , z = ∫ (z)tdA
At At At
x = ∫ (x)dA , y = ∫ ( y)dA , z = ∫ (z)dA (9)
A AA
3 ปรมิ าตร การหาจุด Centroid ในกรณนี ส้ี ามารถหาไดโดยสมการ (7) ตามทไ่ี ดแสดงไวแลว
ตารางที่ 1 แสดงตาํ แหนงของจดุ Centroid ของรูปทรงเรขาคณิตบางชนิด