Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-7
ตารางที่ 1 จุด Centroid ของรูปทรงเรขาคณิตบางชนดิ [1]
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-8
5/4 Composite body
การหาจุดศูนยถวง หรือจุดกลางรูปตามท่ีไดก ลาวมาในหัวขอกอ นหนา สามารถใชหาได
ในทกุ กรณี ไมวา วตั ถจุ ะมีรปู รา งใดๆ อยา งไรก็ตามถา วตั ถนุ ้นั มีรูปรา งที่เกิดขึ้นจากการประกอบ
กันของรปู ทรงเรขาคณติ พนื้ ฐาน เชน วงกลม สามเหลยี่ ม สีแ่ หลยี่ ม ซ่ึงรูตําแหนง จุดศูนยถ ว งอยู
แลว นัน้ การคาํ นวณหาจดุ ศนู ยถว งจะสามารถหาไดงาย โดยการแบง สว นวัตถุกอ นใหญใ หเ ปน
ชน้ิ เรขาคณติ ยอ ยๆ ดังตัวอยา งในรปู ที่ 6
(a) (b)
รปู ที่ 6 การหาจุดศนู ยถว งของ Composite body [1]
วัตถุทีแ่ สดงในรูปท่ี 6(a) เกดิ จากการประกอบกันของช้ินสวนยอ ยๆ ดงั แสดงในรูปท่ี
6(b) โดยเกดิ จากช้ินสวนที่ 1 ประกอบกบั ชน้ิ ท่ี 2 และหักออกดว ยช้นิ สวนที่ 3 และชิ้นสว นที่ 4
เน่อื งจากชิ้นสว นแตล ะชน้ิ ในรูป 6(b) เปนรปู เรขาคณติ พ้ืนฐานซ่งึ รูจดุ ศนู ยถ ว ง (หรอื จุด
Centroid) อยแู ลว การหาจดุ ศนู ยถว งของวัตถทุ ้งั ชน้ิ จึงสามารถหาไดจ ากจุดศนู ยถว งของชนิ้
สวนยอ ยๆ ดงั น้ี
โมเมนตว ัตถทุ ง้ั ชน้ิ = ผลรวมโมเมนตของชิ้นสว นยอย (ชน้ิ 1 + ชน้ิ 2 - ชิน้ 3 - ชน้ิ 4)
X ⋅ ( A1 + A2 − A3 − A4 ) = A1x1 + A2 x2 − A3 x3 − A4 x4
X = A1x1 + A2 x2 − A3 x3 − A4 x4
( A1 + A2 − A3 − A4 )
โดย X คือจดุ กลางรูปของวตั ถุทงั้ กอน
คอื จดุ กลางรปู ของชิ้นสว นยอ ย
x คอื พื้นทขี่ องชิ้นสว นยอย
A
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-9
ขอ สงั เกต เนอื่ งจากวัตถทุ ง้ั ช้ินเกิดจากการรวมชิ้นที่ 1 และ 2 และหกั ออกดวยชิ้นที่ 3 และ 4
ดงั น้ันการหาจุดกลางรปู จึงเปนการรวมของโมเมนตเ นือ่ งจากชิ้นที่ 1 และ 2 และตอ งลบดว ย
โมเมนตที่เกดิ จากชน้ิ ท่ี 3 และ 4
สมการทีใ่ ชใ นการหาจดุ ศนู ยถ วงหรือจุดกลางรูปของ Composite body สามารถเขยี น
ในรูปท่วั ไปไดด ังน้ี
X = ∑ mx , Y = ∑ my , Z = ∑ mz (10)
∑m ∑m ∑m
โดย m สามารถเปล่ยี นเปน V หรือ A ไดแลว แตก รณี
5/5 ทฤษฎีของ Pappus
ทฤษฎีของ Pappus ใชหาพน้ื ท่ี หรอื ปรมิ าตร ซ่ึงเกดิ จากการหมุน เสน หรอื พ้ืนท่ี รอบ
แกนหมนุ โดยทแ่ี กนหมนุ ไมไดตดั กบั เสน หรือพนื้ ทที่ นี่ ํามาหมนุ
1. การหาพน้ื ท่ีท่เี กดิ จากการหมุนของเสนรอบแกนหมนุ
รปู ท่ี 7 การหาพนื้ ทที่ ่เี กดิ จากการหมนุ เสนรอบแกนหมุน [1]
รปู ที่ 7 แสดงพื้นทีท่ ่ีเกิดจากการหมนุ เสน รอบแกนหมนุ โดยพนื้ ทีว่ งแหวนยอ ยๆ หาไดจากเสน
รอบวงคณู ดว ยความหนายอ ยๆ ของวงแหวน และสามารถเขียนเปน สมการไดดังนี้
dA = (2πy)dL (11)
(12)
A = 2π∫ ydL
เนือ่ งจาก ∫ ydL = y ⋅ L แทนในสมการ (11) จะได
A = 2πyL
โดย y คอื ตาํ แหนง Centroid ของเสนท่ีนาํ มาหมุน โดยวัดจากแกนหมุน
L คือความยาวของเสน
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-10
ถาหมุนเสนรอบแกนไมครบ 2π เรเดียน จะสามารถหาพ้นื ท่ีไดจ ากสมการ (13) (13)
A = θyL
โดย θ เปน มุมในหนว ยเรเดยี น
2. การหาปริมาตรที่เกดิ จากการหมุนพื้นทีร่ อบแกนหมนุ
รปู ที่ 8 การหาปริมาตรที่เกดิ จากการหมุนพื้นท่รี อบแกนหมุน [1]
รปู ที่ 8 แสดงปริมาตรทีเ่ กิดจากการหมุนพนื้ ทีร่ อบแกนหมุน โดยปริมาตรยอ ยๆ หาไดจากเสน
รอบวงคูณดว ยพนื้ ท่หี นา ตดั ยอยๆ พืน้ ที่รวมทงั้ หมด และสามารถเขยี นเปน สมการไดด งั น้ี
dV = (2πy)dA (14)
(15)
V = 2π∫ ydA
เน่อื งจาก ∫ ydA = y ⋅ A แทนในสมการ (14) จะได
V = 2πyA
โดย y คอื ตําแหนง Centroid ของพ้นื ท่ีท่นี ํามาหมุน โดยวัดจากแกนหมุน
A คอื พน้ื ทร่ี วมทนี่ าํ มาหมุน
ถา หมนุ พนื้ ทีร่ อบแกนไมค รบ 2π เรเดยี น จะสามารถหาปรมิ าตรท่ีไดจ ากสมการ (16)
V = θyA (16)
โดย θ เปน มมุ ในหนวยเรเดยี น
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-11
5/1 The thickness of the triangle plate varies linearly with y from a value t0
along its base y = 0 to 2t0 at y = h. Determine the y-coordinate of the center of
mass of the plate. [Engineering Mechanics Statics 5th edition, Meriam & Kraige, prob.5/29]
b-x
วธิ ที าํ หาความสมั พันธข องรูปรา งในรูปสมการคณติ ศาสตรไดดงั นี้
1.ความสัมพันธร ะหวางพกิ ดั y กบั ความหนา
t = t0 + y t0 = t0 (1+ y )
h h
2.ความสมั พันธข องรูปรางหนา ตัดสามเหลี่ยม
x =b x= b y
yh h
ปริมาตรของแผน สามเหล่ยี มหาไดด งั นี้
= h y )(b − = h y )(b − by )dy
h h h
t0 (1+ t0 (1+
0 0
∫ ∫V
x)dy
=∫Vh y2 )dy
h2
bt0 (1−
0
จุด Centroid หาไดจ าก
โมเมนตของปริมาตรรวม = ผลรวมของโมเมนตข องชิ้นสว นยอยๆ
⋅ h bt0 (1− y2 = h yt0 (1+ y −
∫ ∫Y 0 h2 )dy 0 h )(b x)dy
⋅ h y2 = h + y3
h2 h2 )dy
bt 0 (1− bt0 ( y
0 0
∫ ∫Y )dy
Y = 3h Ans
8
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-12
5/2 The two circular arcs AB and BC are revolved about the vertical axis to
obtain the surface of revolution shown. Compute the area A of the outside of
this surface. [Engineering Mechanics Statics 5th edition, Meriam & Kraige, prob.5/81]
1
2
วธิ ที าํ หาพืน้ ท่ผี ิวโดยใชท ฤษฎขี อง Pappus
แบง พื้นผิวออกเปน 2 สว น สวนท่ี 1 เกิดจากการหมนุ เสนโคง AB รอบแกนใน
แนวดง่ิ สวนที่ 2 เกดิ จากการหมุนเสน โคง BC รอบแกนในแนวด่งิ
จากสมการของ Pappus A = θyL
จากตารางจะได y = 2r
π
1 y1 y1 = (100 − 2 ⋅ 50 )
2 y2 π
y2 = (100 + 2 ⋅50)
π
พนื้ ทีส่ ว นท่ี 1 A1 = 2π(100 − 2 ⋅50)( 2π ⋅50) = 3.3640 ×104 mm2
พน้ื ทส่ี ว นที่ 2 π 4
พน้ื ที่รวม 2 ⋅50)(2π ⋅50)
A2 = 2π(100 + π4 = 6.5055 ×10 4 mm2
A1 + A2 = (3.3640 + 6.5055) ×104 = 9.87 ×104 mm2 Ans
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-13
5/9 Fluid statics
ในบทกอนๆ เราพิจารณาแรงท่กี ระทาํ ระหวา งของแขง็ แตในบทนจี้ ะพิจารณาถงึ แรงท่ี
กระทาํ เนอ่ื งจากความดนั ของของไหล กอ นจะศกึ ษาแรงเน่ืองจากความดันของของไหล จาํ เปน
จะตองรสู มบตั ขิ องของไหลในสภาวะอยนู งิ่ เสียกอ นดังน้ี
สมบตั ขิ องของไหลในสภาวะอยูนง่ิ
1. ของไหลในสภาวะอยูนงิ่ ไมส ามารถรับแรงเฉอื นได
2. จากผลของขอ 1 จะไดว า แรงทกี่ ระทาํ โดยของไหลท่ีอยนู งิ่ จะเกิดเฉพาะแรงใน
แนวต้ังฉากกบั ผิวของไหลเทา นน้ั
ความดันของของไหล
จากกฎของปาสคาล (Pascal’s law) ทราบวา เมอ่ื พจิ ารณาจุดๆ หน่ึงในของไหล ความ
ดนั ท่ีกระทาํ กบั จุดๆ น้ีไมวา จะเปนทิศทางใดจะมขี นาดเทากันตลอด กฎของปาสคาลนีส้ ามารถ
พิสจู นไ ดโ ดยพจิ ารณาชน้ิ ของไหลซง่ึ มขี นาดเล็กๆ (พิจารณาเหมือนเปน จดุ ๆ หน่ึงในของไหล)
ดงั แสดงในรูปท่ี 9
รูปท่ี 9 แรงทก่ี ระทํากับช้ินของไหลเล็กๆ [1]
จากรปู ความดันทก่ี ระทาํ ทแี่ ตล ะผวิ ของชน้ิ ของไหล มคี า เทากบั p1, p2, p3 และ p4
ตามลําดบั ดังน้ันจะสามารถหาแรงทก่ี ระทํากบั แตล ะพนื้ ผวิ ไดโ ดยนาํ เอาความดันมาคูณกับ
พน้ื ทหี่ นาตดั ดงั แรงท่ีแสดงในรูปที่ 9 เนือ่ งจากของไหลอยนู งิ่ แรงทก่ี ระทําในแตละทศิ ทาง
จะอยูในสภาวะสมดุล ดังแสดงในสมการ (17)
สมดุลตามแนวแกน x p1 ⋅ dy ⋅ dz = p3 ⋅ ds ⋅ dz ⋅ sin θ
สมดลุ ตามแนวแกน y p2 ⋅ dx ⋅ dz = p3 ⋅ ds ⋅ dz ⋅ cos θ + ρg ⋅ dx ⋅ dy ⋅ dz (17)
2
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-14
เน่ืองจาก ds ⋅ sin θ = dy , ds ⋅ cos θ = dx และ คา ρg ⋅ dx ⋅ dy ⋅ dz มีคานอยมากเมอื่ เทยี บ
2
กับเทอมอน่ื ๆ สามารถละทง้ิ ได
แทนความสมั พันธเ หลา นล้ี งในสมการ (17) จะได
p1 = p2 = p3 = p (18)
จากสมการ (18) จะไดวา ความดนั ท่กี ระทาํ กับจุดๆ หนงึ่ ในของไหล (ช้ินของไหลเล็กๆ ตามรูป)
จะมขี นาดเทากัน ไมว า จะกระทาํ ในทศิ ทางใด ซ่ึงสอดคลองกบั กฎของปาสคาล
ความดนั ของของไหลท่รี ะดับความลกึ ตา งกัน
ความดนั ของของไหลมีความสมั พันธกบั ระยะในแนวด่ิง รปู ท่ี 9 แสดงแรงในแนวดิ่งท่ี
กระทํากับชนิ้ ของไหล
รปู ที่ 9 แรงในแนวด่งิ ทกี่ ระทาํ กับชนิ้ ของไหล [1]
เนือ่ งจากของไหลอยใู นสภาวะสมดุล จะเขยี นสมการสมดุลในแนวดง่ิ ไดดงั น้ี
p ⋅ dA + ρ ⋅ g ⋅ dA ⋅ dh − ( p + dp)dA = 0
dp = ρ ⋅ g ⋅ dh (19)
จากสมการท่ี (19) จะเหน็ วา ความดันของไหลจะเพิ่มข้นึ เม่อื ระยะ h หรอื ความลกึ มากขนึ้ เมอ่ื
ของไหลเปน ของเหลว ซ่ึงมคี า ความหนาแนน ρ คงที่ สมการท่ี (19) จะเขียนไดดังนี้
p = p0 + ρgh (20)
โดย p0 เปนความดันท่ีผวิ ของของเหลว (h = 0)
หนวยของความดัน คือ N/m2 หรือ Pa
ถาผิวของของเหลวเปดสบู รรยากาศ สมการ (20) จะเขยี นไดดงั น้ี
p = pa + ρgh (21)
โดย pa เปน ความดนั บรรยากาศ มคี าเทา กับ 101.3 kPa
เครอื่ งมือวดั ความดันโดยทั่วไปจะวดั ความแตกตางระหวา งความดนั ของของไหล กับ
ความดันบรรยากาศ หรอื กลาวอกี อยา งหนึ่งวา วัดความดนั ทเี่ พ่มิ ข้ึนข้ึนจากความดนั บรรยากาศ
ความดันทเ่ี คร่ืองมือวัดวดั ไดเรียกวา ความดันเกจ pg และมคี วามสมั พนั ธต ามสมการ (22)
pg = ρgh (22)
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-15
ความดนั ของเหลวท่กี ระทาํ ตอแผน สเี่ หลี่ยมจมในของเหลว
ปญ หาแผนสเ่ี หลย่ี มจมในของเหลวพบไดท ่วั ไปในงานวศิ วกรรม ตวั อยางปญ หาประเภท
นไ้ี ดแก ปญ หาแรงดันท่กี ระทาํ กับผนังเขอื่ น หรอื ผนังแทง็ กน ้าํ เปนตน
pa
pa
pg
pa
(a) (b)
รปู ท่ี 10 แผน ส่ีเหล่ียมจมในของเหลว [1]
รปู ท่ี 10 แสดงตวั อยางของแผนสีเ่ หล่ยี มจมในของเหลว ในรูปที่ 10(a) เสนบางสีแดง
แสดงถึงความดนั ของของเหลวท่กี ระทาํ กบั แผน สี่เหลี่ยม จะเห็นวา ท่รี ะดับความลึกมากขน้ึ
ความดันของของเหลวจะมากข้ึนดว ยตามสมการ dp = ρ ⋅ g ⋅ dh และแสดงใหเหน็ ดวยความ
ยาวของเสน บางสีแดงทีย่ าวมากขน้ึ ความดนั ของของเหลวนี้จะกระทาํ กระจายทวั่ ทั้งแผน
ส่ีเหลยี่ ม
รูปท่ี 10(b) แสดงมมุ มองดา นขา งของแผนสเ่ี หล่ยี ม เน่อื งจากระบบนเ้ี ปน ระบบเปด ซ่ึง
ผิวของเหลวเปด สูบรรยากาศ แรงดันบรรยากาศ pa จะกระทาํ ตอ ผิวของแผนสี่เหลย่ี มทกุ ๆ
ดาน ดังน้นั แรงลพั ธเน่ืองจากแรงดนั บรรยากาศจงึ หกั ลางกนั ไปหมด และมคี า เทา กบั 0 การคิด
แรงที่กระทําในกรณรี ะบบเปดสบู รรยากาศจึงคิดเพยี งแคค วามดันเกจ ซ่ึงแสดงโดยเสน สีแดง
เทา นั้น เม่อื พิจารณาเสนบางสีแดงในรูปที่ 10(a) ก็จะพบวาแสดงเฉพาะความดนั เกจเชนกนั
โดยจะเห็นไดจากทผ่ี วิ ของเหลวมคี วามดันเปน ศูนย เมือ่ รวมแรงทเ่ี กิดจากความดนั นีจ้ ะสามารถ
รวมไดเปนแรงลพั ธ R แสดงดวยเสนประทบึ สแี ดง
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-16
การหาขนาดของแรงลพั ธเ นือ่ งจากความดนั ของของเหลว
การหาขนาดของแรงลพั ธเน่ืองจากความดันของของเหลวกระทาํ ได 3 วธิ ี ไดแกว ิธกี าร
อนิ ทเิ กรตโดยตรง วิธกี ารหาโดยใชหลกั การหาจุด Centroid และวธิ หี าปรมิ าตรของปรซิ ึมความ
ดัน
1.วธิ ีการอนิ ทเิ กรต
พิจารณาการหาแรงกระทาํ กับแผนส่เี หลย่ี มจมในของเหลว แสดงดังรปู ท่ี 11
รปู ที่ 11 การหาแรงกระทาํ กบั แผน สี่เหลย่ี มจมในของเหลว [1]
แรงลัพธ R = ∫ dR = ∫ pdA
y1 (23-1)
R = ∫ (ρgh)dA = ∫ (ρgy cos θ)bdy
y2
R = ρgb cos θ( y12 − y22 ) = ρgb cos θ ( y1 + y2 )( y1 − y2 )
22
R = ρgbL ( y1 cos θ + y2 cos θ) = ρgbL h1 + h2
22
โดย h เปน ความลกึ จากผวิ ของเหลว
b คอื ความกวา งของแผน ส่เี หล่ียม (ลึกลงไปในกระดาษ)
L คือความยาวของแผน
แรงลัพธส ามารถเขียนในรปู ความดนั ไดด ังนี้ (23-2)
R = ρgbL h1 + h2 = p1 + p2 bL
22
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-17
2. การหาแรงลพั ธอาจจะพจิ ารณาโดยใชความรูเ กย่ี วกบั การหาจุด Centroid
R = ∫ (ρgh)dA = ρg∫ hdA = ρgh A (24-1)
โดย ∫ hdA = hA
h คอื ความลกึ ที่จุด Centroid ของแผนส่เี หล่ยี ม ซง่ึ ในกรณแี ผนสเ่ี หลย่ี ม คา นี้จะเทา กับ
ความลึกเฉล่ยี
การหาแรงลพั ธสามารถเขียนในรปู ความดนั ไดดังนี้
R = ρgh A = p ⋅ A (24-2)
โดย p คือความดันทจ่ี ุด Centroid ของแผน สเี่ หลยี่ ม ซ่งึ ในกรณแี ผนสเี่ หลยี่ ม คา นจ้ี ะเทา กับ
ความดนั เฉลย่ี
3. วิธหี าปรมิ าตรของปริซมึ ความดัน
พจิ ารณารปู ที่ 11 เชน เดยี วกับการหาโดยวิธีการอนิ ทเิ กรต
แรงลพั ธ R = ∫ dR = ∫ pdA
R = ∫ pbdy = ∫ bpdy = ∫ bdA′ (25)
โดย dA′ = ∫ pdy คอื พืน้ ทีท่ แ่ี รเงาสแี ดงในรูปที่ 11
ดังนั้น ผลคณู ของ b กับ dA′ จงึ เปนปรมิ าตรสว นยอ ยๆ และแรงลัพธ R จึงเปน
ปรมิ าตรรวมของปริซมึ ความดนั ซง่ึ มีหนาตัดเปน จดุ 1-2-6-5 และมคี วามหนาเขา ไปในกระดาษ
b เมือ่ พจิ ารณาในรปู ที่ 10 แรงลพั ธ R สามารถหาไดป รมิ าตรของปรซิ ึมความดนั ซ่งึ ลอ มรอบ
ดว ยจุด 1-2-3-4-5-6-7-8
การหาตาํ แหนงของแรงลพั ธ
การหาตาํ แหนงของแรงลพั ธเ น่ืองจากความดันของของเหลวใชหลกั การของโมเมนต
โดยผลรวมโมเมนตเนอื่ งจากแรงยอยๆ จากความดันของเหลว มคี า เทากับโมเมนตซ ง่ึ เกิดจาก
แรงลัพธร วม การหาตําแหนง ของแรงลพั ธก ระทําได 2 วิธี ไดแกวธิ ีการอนิ ทเิ กรตโดยตรง และวธิ ี
หาตาํ แหนงของแรงลัพธรวมจากตาํ แหนง แรงยอ ยๆ
1.วิธีการอินทเิ กรต
พจิ ารณารปู ที่ 11 แรงลัพธ R กระทําผานจุด C ซึ่งหางจากจุด B ตามแนวแกน y เปน ระยะ Y
โมเมนตเน่อื งจากแรงลัพธ = ผลรวมโมเมนตเนอ่ื งจากแรงยอยๆ
Y ⋅ R = ∫ ypdA = ∫ ypbdy
Y ⋅ ∫ pbdy = ∫ ypbdy
Y = ∫ ypbdy (26)
∫ pbdy
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-18
กรณีแผน สี่เหล่ยี ม b มคี า คงที่ ดงั นั้นสมการที่ (26) จะกลายเปน
Y = ∫ ypdy = ∫ ydA′ (27)
∫ pdy ∫ dA′
ซึ่งจะพบวา Y คือตําแหนงจุด Centroid ของพน้ื ทีส่ ่ีเหลย่ี มคางหมู 1-2-6-5 ในรปู ที่ 11 น่ันเอง
2. วิธีหาตําแหนงแรงลัพธรวมจากตาํ แหนง แรงยอยๆ
รูปที่ 12 การหาตําแหนงแรงลัพธจ ากแรงยอ ยๆ [1]
เนื่องจากแรงลพั ธหาไดจ ากปรมิ าตรของปริซึมความดันซึง่ มหี นา ตัดสเ่ี หล่ยี มคางหมู 1-
2-6-5 และตําแหนงของแรงลัพธเปนตาํ แหนง จดุ Centroid ของรูปสี่เหล่ยี ม 1-2-6-5 ดังน้นั จะ
สามารถหาตําแหนง จุด Centroid ของสเ่ี หลี่ยมคางหมูไดโดยแบงสเ่ี หลยี่ มคางหมูออกเปน สอง
สว นคือ สว นท่ีเปนสามเหลย่ี ม และสว นทเ่ี ปน สเ่ี หลย่ี มผนื ผา ดังแสดงในรูปที่ 12
โมเมนตเ นอื่ งจากแรงลัพธ = โมเมนตเนื่องจากชิน้ สามเหลย่ี ม + โมเมนตจ ากสี่เหล่ยี ม
Y ⋅ R = y1R1 + y2 R2 (28)
Y , y1, และ y2 อาจจะวดั จากตาํ แหนง อางองิ ตามรปู ท่ี 11 ก็ได หรอื จะวดั จากตาํ แหนง อืน่ ก็ได
เชนถา วัดจากจุด 2 สามารถหาตาํ แหนง จุดแรงลัพธก ระทาํ ไดดังนี้
Y ⋅ (R1 + R2 ) = 2L R1 + L R2 (29)
3 2
โดย Y จะวัดจากจุด 2 ดา นบนของแผนสี่เหลี่ยม
ความดนั ของเหลวทก่ี ระทาํ บนแผนสเ่ี หลย่ี มโคงจมในของเหลว
พจิ ารณาแรงท่ีกระทํากบั แผน สีเ่ หลยี่ มโคง จมในของเหลวแสดงดงั รปู ที่ 12 จากรปู จะ
พบวาความดันท่กี ระทาํ กบั แผนโคง จะมีทศิ ทางตงั้ ฉากกับผิวโคง เสมอ อยางไรก็ตามทิศทางของ
ความดันและแรงที่กระทาํ แตละจุด จะเปลีย่ นแปลงไปตลอดแนวโคง การหาแรงลพั ธ R ซ่ึงเปน
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-19
ปริมาณเวคเตอร และตําแหนง ทแี่ รงลพั ธก ระทํา จงึ จาํ เปน ตองคํานึงถงึ ทศิ ทางแรงกระทาํ ดวย
ดังจะเหน็ ไดจ ากสมการ (30) ดงั นี้
Rx = b∫ ( pdL) x = b∫ pdy และ Ry = b∫ ( pdL) y = b∫ pdx (30)
การพจิ ารณาหาแรงและตาํ แหนง ของแรงทกี่ ระทาํ กบั ผวิ โคง ยังสามารถทาํ ไดอีกวธิ หี น่งึ
โดยใชห ลักการของสมดุล พจิ ารณารปู ที่ 13 ซ่ึงแสดง FBD ของระบบท่ีจะพจิ ารณา
รปู ที่ 12 แผนสเ่ี หลีย่ มโคง จมในของเหลว [1]
รูปท่ี 13 ระบบท่พี ิจารณาเพื่อหาแรงทก่ี ระทํากบั แผนส่เี หลยี่ มโคง [1]
การหาแรงทีก่ ระทํา R กับแผน ส่เี หลย่ี มโคง ในรูปท่ี 12(b) โดยวธิ ขี องสมดุลจะพจิ ารณา
โดยตดั ของเหลวซึง่ ติดกบั แผน โคง (สวนสีเขยี ว ABC ในรูปท่ี 13) มาคิดแทน และแรงทแ่ี ผน
สเี่ หลี่ยมโคง กระทาํ กับสว นของเหลว R จะมีคา เทา กับแรงที่ของเหลวกระทํากบั แผน ส่เี หลย่ี มโคง
ในรูป 12(b) โดยเปนแรง action-reaction กนั ตามกฎของท่ี 3 ของนิวตนั แรงน้เี ปน แรงท่ไี ม
ทราบคาและตอ งการจะหา สาํ หรบั แรงอืน่ ๆ ทก่ี ระทาํ กับของเหลวไดแ ก แรงทีผ่ ิว Px และ Py
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-20
ซึ่งสามารถหาไดโ ดยงา ยตามวธิ ีทีไ่ ดก ลา วมาแลว และแรงเนอื่ งจากนา้ํ หนกั ของของเหลว W ซง่ึ
กส็ ามารถหาคาไดเชน กัน เม่อื ทราบคา Px, Py และ W แลว กใ็ ชส มการสมดลุ จะสามารถ
หาคา R ออกมาได ตาํ แหนง ของแรงลพั ธ R ก็สามารถหาคา ไดโดยใชห ลักการสมดลุ ของ
โมเมนตกบั FBD ทแี่ สดงในรปู ท่ี 13
ความดันของเหลวท่กี ระทาํ บนแผนเรยี บจมในของเหลว
พจิ ารณาแรงท่ีกระทํากับแผนเรยี บรปู รางใดๆ ซงึ่ จมในของเหลวแสดงดังรปู ท่ี 14 การหาแรงที่
กระทาํ กับแผน เรยี บสามารถพจิ ารณาไดห ลายรูปแบบดงั น้ี
รปู ที่ 14 แรงท่กี ระทาํ กับแผนเรียบจมในของเหลว [1]
1. การหาขนาดของแรงลัพธในกรณีน้ีทาํ โดยวิธีการอนิ ทเิ กรต
R = ∫ pdA = ρg∫ hxdy (31)
เนื่องจาก x เปนฟงกชัน่ ของ y ถา รูค วามสัมพนั ธของ x กับ y จะสามารถอินทเิ กรตสมการ (31)
โดยตรงเพอื่ หาแรงลพั ธอ อกมาได
2. การหาขนาดของแรงลพั ธอาจจะใชหลกั การของการหาจดุ Centroid (32)
R = ∫ pdA = ρg∫ hdA
เน่อื งจาก ∫ hdA = hA ดงั นัน้
R = ρgh A
โดย h คอื ความลกึ ทจ่ี ุด Centroid ของพื้นท่ี A
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-21
3. ใชหลกั การหาปรมิ าตรของรปู ทรงความดัน
R = ∫ pdA = ∫ dV ′ = V ′ (33)
โดย V ′ คอื ปริมาตรของรปู ทรงทลี่ อ มรอบดว ยแผนเรยี บสเี ขยี ว และเสนบางสแี ดงแสดง
ในรูปท่ี 14(b)
การหาตําแหนงของแรงลพั ธ
การหาตาํ แหนงของแรงลพั ธในกรณแี ผน เรยี บซงึ่ มรี ูปรา งใดๆ ใชหลกั การของโมเมนต
เชน เดียวกบั กรณีของแผน สเ่ี หลยี่ ม ดังน้ี
R ⋅Y = ∫ ydR
Y ⋅ ∫ pxdy = ∫ ypxdy
Y = ∫ ypxdy = ∫ ydV ′ Centroil (34)
∫ pxdy ∫ dV ′ ของรปู ทรงที่
จากสมการท่ี (34) พบวา ตาํ แหนงของแรงลพั ธจะผา นจดุ
ลอมรอบดว ยแผน เรยี บสีเขยี ว และเสนบางสแี ดง
สรปุ การหาแรงลพั ธแ ละตาํ แหนง ของแรงลพั ธ
การหาแรงลัพธ และตําแหนงของแรงลพั ธส ามารถสรุป และมขี อ แนะนาํ ดงั นี้
1. การหาโดยวธิ กี ารอนิ ทิเกรตอาจจะดยู าก แตถ าเขา ใจแลว ทําไดท กุ กรณีไมว าจะหาขนาด
แรง หรือตาํ แหนงของแรงลัพธโดยไมเกิดความสับสน
2. กรณีแผน สเี่ หลย่ี มเรยี บ หาขนาดแรงโดยการหาปริมาตรของปรซิ มึ ความดันทําไดง าย
ที่สุด สว นตําแหนงของแรงลัพธค อื ตําแหนง Centroid ของปรมิ าตรปริซมึ ความดัน ซึ่ง
ทําไดโดยแบง ปรซิ มึ เปน รูปทรงเรขาคณติ ท่รี ตู าํ แหนงจดุ Centroid และใชหลักการของ
โมเมนต
3. กรณแี ผนส่ีเหล่ียมโคง ใชว ิธีการตัดสวนของเหลว และใชส มการสมดลุ ในการหาขนาด
ของแรงลพั ธ และตําแหนง ของแรงลัพธ
4. กรณีแผนเรยี บทมี่ รี ูปรางใดๆ ใชส ตู รการหาจะงา ยทสี่ ดุ โดย
ขนาดของแรงลัพธ R = ρghA โดย h คือความลึกทจี่ ุด Centroid ของพนื้ ทห่ี นาตัด
ไมใชความลกึ เฉลย่ี
ตาํ แหนง ของแรงลพั ธ เกิดท่ีตําแหนง Centroid ของปรมิ าตรรปู ทรงท่เี กดิ จากความดนั
โดยปกติมกั จะตองใชก ารตงั้ สมการอินทเิ กรตเพอ่ื หาตาํ แหนงแรงลพั ธ
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-22
แรงลอยตัว (Buoyancy)
B
A
B A Mg
F C
F F
(d) (e) (f)
รูปที่ 15 แรงลอยตัว [1]
แรงลอยตัวสามารถอธิบายไดดงั รูปท่ี 15 พิจารณาของเหลวทอี่ ยนู ่งิ ดงั รปู 15(a) เมือ่
ตดั ชน้ิ ของเหลวออกมาพจิ ารณาแรงกระทํา ของเหลวทตี่ ัดมาเรยี กวา ของเหลว A สว นของเหลว
เดมิ ทเ่ี หลือจากการตดั เรียกวาของเหลว B แรงทีข่ องเหลว A กระทาํ กับของเหลว B
แสดงในรปู ท่ี 15(b) สวนแรงที่ของเหลว B กระทํากับของเหลว A แสดงดวยลูกศรสีแดงในรูปที่
15(c) จะพบวา แรงทีก่ ระทําทผี่ ิวของเหลวจะต้ังฉากกับผิวของเหลว และกระจายตลอดผวิ
พิจารณารูปท่ี 15(c) เมื่อรวมแรงกระจายเขา ดว ยกนั จะสามารถเขยี นแรงท่ีทํากับ
ของเหลว A ไดดังรูปท่ี 15(e) เน่อื งจากของเหลวอยนู ง่ิ (อยใู นสภาวะสมดุล) และมแี รงเพยี งแค
2 แรงกระทาํ กบั ของเหลว A แรงลัพธจากแรงกระจาย F จงึ มีคา เทา กับน้ําหนกั ของของ-
เหลว A ซึ่งมคี า mg และทศิ ทางของแรงตองอยใู นแนวเสนตรงกับแรงเนือ่ งจากน้ําหนกั ของ
ของเหลว หรอื อาจกลา วอีกอยา งวา แรง F ตองผา นจึงศูนยถ ว งของของเหลว A ถา ของเหลว A
มีเน้ือสมาํ่ เสมอ อาจกลาวไดว าแรง F ตองกระทําผา นจดุ Centroid ของของเหลว A เมื่อ
พิจารณาของเหลว B จะพบวา มแี รง F ที่ของเหลว A กระทํากบั ของเหลว B ดงั แสดงในรปู ที่
15(d) แรงนเ้ี ปนแรง action-reaction กบั แรง F ในรูป 15(e) นัน่ เอง
สมมตุ ิใหมวี ัตถุ C รปู รางเหมือนของเหลว A ทุกประการ วางแทนทข่ี องเหลว A ใน
ของเหลว B จะพบวา แรงเน่อื งวตั ถุ C กระทํากบั ของเหลว B จะยังมีคา F เทา เดิม เน่อื งจาก
รูปรางเหมอื นเดิม ดังนัน้ เมื่อพิจารณาทว่ี ตั ถุ C แรงเน่อื งจากของเหลว B ที่กระทาํ กบั วตั ถุ C จงึ
มีขนาด F เทา เดมิ และมที ศิ ทางช้ีขึน้ รวมถึงตาํ แหนง ของแรงเหมือนเดมิ เน่ืองจากแรง F จะช้ี
ขนึ้ เสมอ จึงเรยี ก F วาแรงลอยตวั และเน่อื งจากขนาดของแรง F สมดลุ กับน้ําหนกั ของเหลว A
ดังน้นั จึงกลา วไดวา แรง F มีขนาดเทา กบั นํ้าหนักของเหลว A นัน่ คอื ของเหลวทถี่ กู วตั ถุ C
แทนทน่ี ่ันเอง
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-23
จากทอ่ี ธบิ ายขางตน สามารถสรปุ ไดด งั นี้ แรงลอยตวั มีขนาดเทากบั น้ําหนกั ของเหลวที่
ถูกแทนท่ี โดยทิศทางของแรงจะชี้ขน้ึ และผา นจุดศนู ยถวงของของเหลวท่ถี กู แทนที่ แรงลอย
ตวั เขยี นเปนสมการไดด ังน้ี
F = ρ fluid gV (35)
โดย ρ fluid คือความหนาแนนของของเหลวทถี่ กู แทนท่ี
V คอื ปรมิ าตรของเหลวทีถ่ ูกแทนที่
รปู ท่ี 16 แรงลอยตัวกับการออกแบบเรือ [1]
แรงลอยตัวสามารถนาํ ไปประยกุ ตใชกบั การออกแบบเรือไดดงั แสดงในรูปที่ 16 รูปท่ี
16(a) แสดงเรอื ขณะทไี่ มเกิดการโคลง น้ําหนักของเรือ mg กระทาํ ผา นจุดศนู ยถวงของเรือ G
สว นแรงลอยตัว F กระทาํ ผานจุดศูนยก ลางของแรงลอยตวั B ซึง่ เปน จดุ Centroid ของปริมาตร
สว นท่ีจม (ซึ่งกค็ ือจดุ ศนู ยถ ว งของของเหลวทถ่ี กู แทนทน่ี ่นั เอง)
เม่อื เรือโคลงตามรปู ที่ 16(b) จะพบวา ตําแหนง จุด B ทีแ่ รงลอยตวั ผา น จะยา ยไปที่
ตาํ แหนง B′ เน่ืองจากเกิดการเปลย่ี นแปลงรปู รา ง และปริมาตรของของเหลวสว นที่จม
ตําแหนง แรงลอยตวั นี้ จะมีแนวโนมทําใหเกิดโมเมนตห มุนใหเ รอื กลับเขา สสู ภาวะท่ีมีเสถยี รภาพ
ได สวนรูปที่ 16(c) เนื่องจากออกแบบรปู รา งเรือตา งกนั ตําแหนง ทแ่ี รงลอยตวั กระทําจะตา งกนั
ในกรณนี แี้ ขนของโมเมนตเนอื่ งจากแรงลอยตัวจะนอยกวา แขนของโมเมนตเ น่อื งจากนา้ํ หนกั ซึ่ง
มีแนวโนม ท่เี รอื จะพลิกควํ่าได
เอกสารอางอิง
[1] J.L.Meriam and L.G.Kraige, Engineering mechanics STATICS fifth edition SI
Version, John Wiley & Sons, Inc., 2003.
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-24
5/3 The hydraulic cylinder operates
the toggle which closes the vertical
gate against the pressure of fresh
water on the opposite side. The gate
is rectangular with a horizontal width
of 2 m perpendicular to the paper. For
a depth h = 3 m of water, calculate
the required oil pressure p which acts
on the 150-mm-diameter piston of the
hydraulic cylinder. [Engineering Mechanics
Statics 5th edition, Meriam & Kraige, prob.5/179]
วิธีทาํ เขียน FBD ของประตนู ํ้าไดด ังนี้
A y เนอ่ื งจากระบบนีเ้ ปน ระบบเปด สูบ รรยากาศ ผล
Ax ของความดันบรรยากาศท้งั สองดา นของประตนู ํา้
หักลา งกันหมด จึงไมต อ งคดิ ความดันบรรยากาศ
Ay
1 mg x แรงลัพธ R หาโดยวิธีการปรซิ มึ ความดนั ดังนี้
0.5 R
R = 1 (ρgh)(h)(gate width)
F 2
p = ρgh R = 1 (103 ⋅9.81⋅3)(3)(2) = 88290 N
2
เนือ่ งจากลักษณะปรซิ ึมเปน รปู สามเหลย่ี ม จึงรูวา
แรง R กระทาํ ท่คี วามสูง 1/3 ของ h นับจากฐาน
[∑ M A = 0] CCW+ F ⋅ ( 1 ) ⋅ 2 − 88290 ⋅3 = 0
12 + 0.52
F = 148066.83 N
พิจารณาแรงกระทาํ ทขี่ อ ตอ ของกระบอกสบู
θ [∑ Fx = 0] F2 cos θ − F cos θ = 0 F2 = F
F [∑ Fy = 0]
F2 F3 − 2F sin θ = 0
F3
F3 − 2 ⋅148066.83⋅ 0.5 = 0
12 + 0.52
F3 = 132435 N
ความดันในกระบอกสบู p = F3 4 = 132435 = 7.494 ×106 Pa Ans
πd 2 π(150 ×10−3 )2 4
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-25
5/4 A deep-submersible diving chamber designed in the form of a spherical
shell 1500 mm in diameter is ballasted with lead so that its weight slightly
exceeds its buoyancy. Atmospheric pressure is maintained within the sphere
during an ocean dive to a depth of 3 km. The thickness of the shell is 25 mm.
For this depth calculate the compressive stress σ which acts on a diametral
section of the shell, as indicated in the right-hand view. [Engineering Mechanics
Statics 5th edition, Meriam & Kraige, prob.5/167]
วธิ ีทาํ เน่ืองจากวัตถทุ ่พี จิ ารณามคี วามโคง จึงตอ งตดั FBD สว นของน้ํามาคดิ โดยตัด
ใหเปนรปู รา งทีส่ ามารถพิจารณาไดงายดงั น้ี
σ
y
CR
x
σ
ใน FBD ดานบนจะแสดงเพียงแคแรงในแนวแกน x เทา นน้ั และเนือ่ งจากระบบน้เี ปน
ระบบเปดสบู รรยากาศ และภายในเรอื ดําน้ําก็มคี วามดันเทากับความดนั บรรยากาศ
เพราะฉะนน้ั ผลของความดันบรรยากาศจึงหกั ลา งกันหมด จึงไมต อ งคดิ ผลของความ
ดนั บรรยากาศ
แรงลพั ธ R หาไดโดยพิจารณาใหผวิ ดา นขา งดา นท่มี แี รงดันน้าํ กระทํา เปน เหมอื น
แผนเรยี บที่มีหนาตัดวงกลม ซึง่ กรณีนก้ี ารใชส ตู รหาแรงลพั ธจะทาํ ไดงา ยทส่ี ดุ
R = ρgh A
h คือ ความลึกท่จี ุด Centroid ของวงกลม ซงึ่ เทากบั 3 km
A คอื พนื้ ท่ีทีแ่ รงดันนํา้ กระทาํ ในที่น้คี อื พื้นทีว่ งกลม
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-26
R = (1030)(9.81)(3×103)( π ⋅1.52 )
4
แรงในเนอื้ วสั ดุ ⎡ π ⋅D 2 π⋅(D − 50 ×10−3 )2 ⎤
⎢ 4 4 ⎥
F = σ ⎣ − ⎦
[∑ Fx = 0] R−F =0
(1030)(9.81)(3×103)( π ⋅1.52 ) − σ⎡⎢ π ⋅1.52 − π ⋅ (1.5 − 50×10−3 )2 ⎤ = 0
4 ⎣ 4 4 ⎥
⎦
σ = 462.4 MPa Ans
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-27
5/5 A block of wood in the form of a waterproofed 400 mm cube is floating in
a tank of salt water with a 150 mm layer of oil floating on the water. Assume
that the cube floats in the attitude shown, and calculate the height h of the
block above the surface of the oil. The density of oil, salt water, and wood are
900, 1030, and 800 kg/m3, respectively. [Engineering Mechanics Statics 5th edition,
Meriam & Kraige, prob.5/172]
วธิ ีทํา เขยี น FBD ไดด ังน้ี Ans
mg
y
Boil
x
Bwater
[∑ Fy = 0]
− mg + Boil + Bwater = 0
− ρwood gVwood + ρoil gVoil + ρwater gVwater = 0
− 800A(400) + 900A(150) +1030A(400 −150 − h) = 0
h = 70.39 mm
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-28
แบบฝก หัด หวั ขอ 5/9
1. A fresh-water channel 3 m wide (normal to the plane of the paper) is blocked at its
end by a rectangular barrier, shown in section ABD. Supporting struts BC are
spaced every 0.6 m along the 3-m width. Determine the compression C in each
strut. Neglect the weights of the members. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam
& Kraige]
(Ans C = 2.83 kN)
2. The hinged gate ABC closes an opening of width b (perpendicular to the paper) in a
water channel. The water has free access to the underside as well as the right of
the gate. When the water level rises above a certain value of h, the gate will open.
Determine the critical value of h. Neglect the mass of the gate. [Engineering Mechanics
STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans h = a 3 )
รูปประกอบแบบฝก หดั ขอ 1 รูปประกอบแบบฝก หดั ขอ 2
3. A flat plate seals a triangular opening in the vertical wall of a tank of liquid of
density ρ. The plate is hinged about the upper edge O of the triangle. Determine the
force P required to hold the gate in a closed position against the pressure of the
liquid. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans P = ρgab ⎛⎜ h + a ⎟⎞ )
6 ⎝ 2⎠
4. The upstream side of an arched dam has the form of a vertical cylindrical surface of
240-m radius and subtends an angle of 60°. If the fresh water is 90 m deep,
determine the total force R exerted by the water on the dam face. [Engineering Mechanics
STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans R = 9.54 GN)
Statics/ Chapter 5 Distributed Forces 5-29
รูปประกอบแบบฝกหดั ขอ 3 รปู ประกอบแบบฝก หดั ขอ 4
Statics/ Chapter 6 Friction 6-1
สถิตยศาสตร (Statics)
บทที่ 6 แรงเสียดทาน
6/1 บทนํา
ในบทกอนๆ การสัมผัสกันของวตั ถมุ ักถูกสมมุตใิ หมแี รงในแนวต้ังฉากกบั ผิววตั ถุเพยี ง
อยางเดียว ซงึ่ หมายความวาพื้นผวิ น้นั เรยี บ ถงึ แมวาสมมุตฐิ านนี้จะสามารถใชไดด ีกับปญหาใน
หลายๆ กรณโี ดยมคี วามคลาดเคล่ือนเพยี งเลก็ นอ ย แตในหลายๆ กรณี จาํ เปน ตอ งคํานงึ ถึงแรง
ตา นทานในแนวสัมผสั กับผวิ วตั ถทุ เี่ รยี กวา แรงเสยี ดทานดวย แรงเสียดทานเปน แรงตานทาน
การเคลอ่ื นท่ี หรือตานทานแนวโนมทจี่ ะเกิดการเคล่ือนที่ ดงั นั้นทศิ ทางของแรงเสยี ดทานจะ
ตรงกนั ขามกบั ทิศทางการเคลือ่ นท่ี หรอื ทศิ ทางที่มแี นวโนม จะเกดิ การเคลื่อนทเี่ สมอ
ในเครอื่ งจักรกลหลายๆ ชนิด เชน รองลน่ื (ตลบั ลกู ปน, แบริ่ง Bearing) เฟอง สกรูสง
กําลงั หรอื การไหลของของเหลวในทอ ไมตอ งการใหมแี รงเสียดทาน ซึ่งทําใหเ กดิ การเสียดสี
ความรอ น และการสึกหรอข้ึน อยางไรกต็ ามเครื่องจักรกลหลายๆ ชนดิ ใชประโยชนจากแรง
เสียดทานเชนกัน เชน เบรก คลตั ช สายพาน ยางรถยนต เปนตน
6/2 ประเภทของแรงเสียดทาน
แรงเสยี ดทานสามารถแบง ไดเปน ประเภทใหญๆ 3 ประเภทดงั นี้
1. Dry Friction
แรงเสยี ดทานประเภทนเี้ กดิ ขึน้ เมอ่ื มีการสัมผัสกันของผวิ ของแขง็ ซง่ึ ไมเ รยี บ และมีการ
เคล่อื นทส่ี มั พทั ธก ัน หรือมีแนวโนมท่ีจะเคล่อื นทสี่ ัมพทั ธกัน ทศิ ทางของแรงเสียดทานจะตรงกัน
ขา มกับทศิ การเคล่ือนท่ี หรอื ทศิ ทม่ี ีแนวโนม จะเคลือ่ นที่ แรงเสยี ดทานชนิดนเ้ี รยี กอีกอยางหน่งึ
วา Coulomb friction
2. Fluid Friction
Fluid Friction เกิดเม่ือแตละชัน้ ของอนภุ าคของไหล (ของเหลว หรือ กาซ) เคลื่อนที่
สมั พทั ธกนั แรงเสียดทานประเภทนี้ขน้ึ อยกู ับ ความเรว็ ของของไหล และความหนดื ของของไหล
แรงเสยี ดทานชนดิ นมี้ ีความสาํ คญั อยา งมากในการศกึ ษาวิชากลศาสตรของไหล
3. Internal Friction
แรงเสียดทานประเภทน้ีเกดิ ขน้ึ ในของแข็งทกุ ชนดิ ซง่ึ รบั แรงแบบเปนคาบกลบั ไป
กลับมา (Cyclical loading) ตัวอยา งแรงเสียดทานประเภทนี้คอื การสัน่ สะเทือนของของแขง็ ซึ่ง
จะสูญเสยี พลงั งานไปทกุ ๆ รอบของการส่นั ทาํ ใหข นาดการส่นั สะเทอื นลดลงจนกระทั่งหยุดนิ่ง
สําหรับในบทนีจ้ ะกลา วถงึ เพยี งแค Dry Friction เทานน้ั
Statics/ Chapter 6 Friction 6-2
รูปที่ 1 Dry Friction [1]
6/3 Dry Friction
Mechanism of Dry Friction
พิจารณากลองมวล m ซงึ่ วางอยูบนพื้นขรขุ ระ ดงั แสดงในรปู ที่ 1(a) แรง P เปน แรง
ภายนอกทกี่ ระทํากับกลองนี้ FBD ของกลองน้แี สดงดงั รูปท่ี 1(b) เนอ่ื งจากพืน้ ขรุขระ จึงตอ งมี
แรงเสียดทาน F ตานทานการเคลอ่ื นท่เี กิดขึน้ ดวย เนือ่ งจากเมื่อใหแ รง P วตั ถจุ ะมีแนวโนม
เคลอื่ นทีไ่ ปทางขวามอื ตามทศิ ทางแรง P ดงั นนั้ แรงเสียดทานจงึ ตอ งมีทิศทางไปทางดา นซา ย
ตรงขา มกับแรง P สวนแรง R คอื ผลรวมของแรงเสียดทาน F และ แรงปฏกิ ิรยิ าทพี่ ้นื ดันกลอง N
รปู ท่ี 1(d) แสดงความสมั พนั ธของขนาดของแรง P และแรงเสยี ดทาน F เมื่อขนาดของ
แรง P คอ ยๆ เพมิ่ ข้ึนจากศูนย ถา ขณะนน้ั กลอ งยังไมเ คลอื่ นทแ่ี สดงวากลองยังอยูในสภาวะ
สมดุล นน่ั คอื แรงเสียดทาน F จะมคี า เทา กับแรงภายนอก P และจะเรยี กแรงเสยี ดทานในชวงน้ี
วา แรงเสียดทานสถิต อยางไรก็ตามถาเพม่ิ แรง P จนถึงคาๆ หนึ่ง กลองจะเรมิ่ เคลอ่ื นที่ คาแรง
เสียดทานสถติ สดุ ทา ยกอนท่ีกลองจะเคลอ่ื นท่ีเรยี กวา แรงเสียดทานสถิตสูงสดุ เมอ่ื กลองเร่ิม
เคลอื่ นทแี่ ลว จะพบวา ขนาดแรงเสยี ดทานจะลดลงเล็กนอย และมีคา คอนขางคงท่ี แรงเสยี ดทาน
ในชวงนี้จะเรยี กวาแรงเสียดทานจลน อยา งไรกต็ ามถา ความเรว็ ในการเคล่อื นที่มากข้นึ ขนาด
แรงเสยี ดทานจะลดลงเลก็ นอ ย สําหรบั การคาํ นวณจะพจิ ารณาใหคา แรงเสียดทานจลนมคี าคงที่
เพ่อื ใหเขาใจถงึ กลไกของแรงเสียดทานดยี ิ่งข้นึ พิจารณารปู ที่ 1(c) ซ่ึงแสดงภาพขยาย
ของผิวสมั ผสั ระหวา งกลอ งกบั พ้ืน จะเห็นวาทั้งผิวกลองและผิวของพืน้ ขรขุ ระ ทาํ ใหก ารสัมผสั
Statics/ Chapter 6 Friction 6-3
กันของทงั้ 2 ผวิ เกดิ ทบี่ างตําแหนง เทาน้นั แรง R1, R2 และ R3 แสดงแรงปฏิกิริยายอ ยๆ ทีแ่ ต
ละตําแหนง จดุ สัมผัส จากรูปจะเห็นวาแรง R1, R2 และ R3 มที ิศทางไมเหมือนกนั ข้นึ อยูก ับ
ลักษณะรูปรางของพืน้ ผวิ และการเสยี รปู ของยอดขรุขระ ผลรวมของแรง R1, R2 และ R3 คอื
แรงลัพธ R สว นผลรวมของแรง R1, R2 และ R3 ในทิศทางต้งั ฉาก (ทศิ ทาง n) และทิศทาง
สัมผัส (ทศิ ทาง t) ก็คอื แรง N และแรง F ในรปู ที่ 1(b) ตามลาํ ดบั ในขณะท่วี ตั ถุเคลอื่ นทก่ี าร
สัมผัสกนั ของผิว จะเกดิ ทส่ี ว นยอดของผิวขรขุ ระเทานนั้ ดว ยสาเหตนุ ีแ้ รงเสียดทานซ่งึ เกดิ ข้ึนใน
ขณะทีเ่ คลื่อนทีห่ รอื แรงเสียดทานจลน จึงมีคา นอ ยกวาในขณะทหี่ ยุดนง่ิ (แรงเสียดทานสถติ
สงู สดุ )
แรงเสียดทานสถติ (Static Friction)
แรงเสยี ดทานที่เกิดขึน้ ในชว งกอ นที่จะเกดิ การเคลื่อนทเ่ี รียกวา แรงเสียดทานสถิต จาก
รูปท่ี 1(d) พบวา ขนาดของแรงเสียดทานนเี้ ปลีย่ นแปลงต้ังแตศ ูนยถ ึงคาแรงเสียดทานสถติ สูงสดุ
โดยคาแรงเสียดทานสถติ สงู สุดหาไดจากสมการ
Fmax = μs N (1)
สมการท่ี (1) จะใชไดใ นกรณีท่วี ตั ถกุ ําลงั จะเคลือ่ นท่ีซ่ึงแรงเสียดทานสถติ มีคา สูงสดุ
เทาน้นั ถา วตั ถยุ งั ไมเ กดิ การเคล่อื นท่ี แรงเสยี ดทานตอ งมีคาเทา กับแรงทีท่ าํ ใหระบบสมดุล และ
มีคานอ ยกวา คาแรงเสียดทานสถิตสูงสุด ( F < μs N )
แรงเสียดทานจลน (Kinematic Friction)
เมอื่ วัตถุเกิดการเคลอื่ นทแ่ี รงเสียดทานจะมีคาลดลง เรียกวา แรงเสยี ดทานในชวงนีว้ า
แรงเสยี ดทานจลน ขนาดของแรงเสยี ดทานจลนสามารถคาํ นวณไดจากสมการ
FK = μk N (2)
เนอ่ื งจากท่ีพ้ืนผวิ เดียวกนั แรงเสียดทานจลนจะมีคา นอ ยกวาแรงเสยี ดทานสถติ เสมอ
ดังนัน้ จะพบวา μS > μk เสมอ
Statics/ Chapter 6 Friction 6-4
มมุ ของแรงเสียดทาน (Friction Angles)
mg
P
F
α
N
รปู ท่ี 2 มุมของแรงเสยี ดทาน α
รปู ที่สองแสดง FBD ของวตั ถุมวล m ซง่ึ ถกู ดงึ ดว ยแรง P จะพบวาแรงทีพ่ ืน้ กระทํากับ
วัตถมุ ีอยู 2 แรง คอื แรง N และแรงเสียดทาน F เม่อื รวมแรง N และ F เขาดว ยกนั จะไดแรงลัพธ
ซ่ึงทาํ มุมกบั แนวด่งิ เทากบั มุม α มมุ ความสมั พนั ธข องมมุ α กบั แรง N และ F เปนดังนี้
tanα = F (3)
N
จะพบวา เม่ือเพ่ิมแรง P ข้ึนเรื่อยๆ จนวตั ถุเริ่มเคล่อื นที่ แรงเสยี ดทาน F จะมีคามากท่สี ดุ ทาํ ให
มุม α มคี า มากท่สี ดุ เทา กบั φS เรยี กมุม φS น้ีวา มุมของแรงเสียดทานสถิต โดย
tan φS = Fmax = μS N = μS (4)
N N
ทาํ นองเดยี วกนั กาํ หนดใหมุมของแรงเสียดทานจลนค อื
tan φk = μk N = μk (5)
N
ชนดิ ของปญหาเร่ืองแรงเสยี ดทาน
ปญ หาเร่ืองแรงเสยี ดทาน สามารถแบง ออกไดเ ปน 3 ประเภทดงั น้ี
1. ปญหาซ่งึ รูวา วตั ถกุ ําลังจะเคล่ือนท่ี
เมอื่ วตั ถุกาํ ลังจะเคลือ่ นท่ี หรอื เปล่ียนสภาพจากหยดุ น่ิงไปเปน เคลอื่ นท่ี แรงเสียดทาน
จะมคี ามากท่ีสดุ โดย F = Fmax = μs N
นอกจากนเ้ี น่อื งจากวตั ถุกาํ ลังจะเคล่อื นที่ หมายถึงวตั ถยุ งั หยุดน่งิ อยู ดังน้ันจงึ สามารถ
ใชส มการสมดุลกับปญ หาประเภทนี้ไดตามปกติ
2. ปญหาซง่ึ รูวาวตั ถุกําลังเคล่ือนทอ่ี ยู
เนอื่ งจากวตั ถกุ าํ ลงั เคลือ่ นทข่ี นาดของแรงเสยี ดทานจะมคี า เทากบั แรงเสียดทานจลน
ตามสมการ F = FK = μk N
เนือ่ งจากกรณีนว้ี ตั ถเุ คลือ่ นท่ี จึงอาจจะอยหู รือไมอ ยใู นสภาพสมดลุ ก็ได ถา เคล่ือนท่ี
ดวยความเรว็ คงทใี่ นแนวเสน ตรงจะอยูใ นสภาวะสมดุล แตถาเคลอ่ื นทด่ี วยความเรงจะไมอยูใ น
สภาพสมดุล ทําใหไ มส ามารถใชสมการสมดลุ ในทิศทางทเ่ี กิดความเรง ได
Statics/ Chapter 6 Friction 6-5
3. ปญหาซง่ึ ไมรสู ภาพการเคลือ่ นท่ขี องวตั ถุ
ในกรณีนี้ ไมรวู า วตั ถุยงั ไมเ คล่ือนท่ี กําลงั จะเคลอ่ื นท่ี หรือเคลื่อนทอี่ ยู การแกปญหาใน
กรณีนส้ี ามารถทําไดต ามขนั้ ตอนดงั น้ี
1. สมมุติใหวตั ถอุ ยูใ นสภาพสมดลุ
2. ใชสมการสมดลุ คํานวณหาแรงเสียดทาน F (ไมแ ทน F ดว ย F = Fmax = μs N
เนอื่ งจากไมรูวา วตั ถอุ ยใู นสภาพกาํ ลังจะเคลือ่ นที่หรือไม)
3. เมอ่ื หาคา F ไดจ ากสมการสมดุล ตรวจสอบคา F วา เปน ไปไดหรือไมดังนี้
ถา คา F < μs N แสดงวา เกิดแรงเสียดทานน้ไี ด กรณนี ี้วัตถยุ ังหยุดนง่ิ อยู คาแรงเสียดทาน
จึงมีคานอ ยกวาคา แรงเสียดทานมากที่สดุ ดังนนั้ ท่ีสมมตุ ิใหว ตั ถอุ ยใู นสภาพสมดุลถูกตองแลว
ถา คา F = μs N แสดงวา เกิดแรงเสียดทานน้ไี ด กรณีน้ีวัตถกุ าํ ลงั จะเรมิ่ เคลื่อนที่ คาแรง
เสยี ดทานจงึ มคี า เทากบั แรงเสียดทานมากทีส่ ุด ดังนั้นท่ีสมมุตใิ หวตั ถอุ ยใู นสภาพสมดุลถกู ตอ ง
แลว
ถาคา F > μs N แสดงวาแรงเสยี ดทานนเ้ี ปน ไปไมได การสมมุตผิ ิดความเปน จริง วตั ถเุ กิด
การเคลอ่ื นท่ี
เอกสารอา งอิง
[1] J.L.Meriam and L.G.Kraige, Engineering mechanics STATICS fifth edition SI
Version, John Wiley & Sons, Inc., 2003.
Statics/ Chapter 6 Friction 6-6
46/1 The 30-kg homogeneous cylinder of
400-mm diameter rests against the vertical
and inclined surfaces as shown. If the
coefficient of static friction between the
cylinder and the surface is 0.3, calculate the
applied clockwise couple M which would
cause the cylinder to slip. [Engineering
Mechanics Statics 5th edition, Meriam & Kraige, prob.6/8]
F1 M วธิ ีทาํ เขยี น Free-body diagram ไดด งั
y O รปู โดยจะสังเกตไดวาเริม่ แรกจะ
W
x N2 แทนแรงเสียดทานแตล ะจดุ ดวยคา
N1 30º F เสยี กอ น
F2
W = mg = (30)(9.81) N
[∑ Fx = 0] (1)
F1 cos 30° + N1 sin 30° − N2 = 0
[∑ ]Fy = 0 N1 cos 30° − F1 sin 30° + F2 − (30)(9.81) = 0 (2)
[ ]∑ MO = 0 CW+ M − F1(0.2) − F2 (0.2) = 0 (3)
เน่อื งจากโมเมนต M ที่ใสเขาไปทําใหเ กดิ การหมุนรอบจดุ O ดงั น้ันจดุ สัมผสั ทั้ง
สองจะตอ งเกิดการไถลพรอมกัน
F1 = μN1 = 0.3N1 และ F2 = μN2 = 0.3N2
แทนคา แรงเสยี ดทาน F1 และ F2 ลงในสมการ (1) และ (2) ได (4)
0.3N1 cos 30° + N1 sin 30° − N2 = 0
(0.3cos 30° + sin 30°)N1 − N2 = 0
N1 cos 30° − 0.3N1 sin 30° + 0.3N2 − (30)(9.81) = 0 (5)
(cos 30° − 0.3sin 30°)N1 + 0.3N2 = (30)(9.81)
Statics/ Chapter 6 Friction 6-7
แกสมการที่ (3) และ (4) จะได Ans
N1 = 311.7691 N
N2 = 236.8846 N
แทนคา N1 และ N2 ลงในสมการที่ (3) จะได
M − (0.3)(311.7691)(0.2) − (0.3)(236.8846)(0.2) = 0
M = 32.9 Nm
Statics/ Chapter 6 Friction 6-8
46/2 Determine the smallest couple moment which can be applied to the 20-N
(≈2-kg) wheel that will cause impending motion. The cord is attached to the
30-N (≈3-kg) block, and the coefficients of static friction are μB = 0.2 and μD
= 0.3. [Engineering Mechanics Statics 11th edition, R.C.Hibbeler, prob.8/46]
0.15 m
MC
0.3 m
0.15 m
BD
วิธที าํ เขยี น Free-body diagram ของลอ และบล็อกไดด งั นี้
20N 30N
TT
y M FB x
x B FD E
NB
ND
จาก Free-body diagram สามารถเขยี นสมการสมดุลไดด งั นี้
ท่ีลอ T − FB = 0 NB = 20 N (1)
(2)
[∑ Fx = 0] NB − 20 = 0 ;
[∑ Fy = 0] (3)
(4)
ที่บลอ็ ก FD − T = 0 ND = 30 N
[∑ Fx = 0] ND − 30 = 0 ;
[∑ Fy = 0]
เมือ่ ให moment ท่ลี อจนเรม่ิ เกิดการเคลือ่ นท่ี การเคล่อื นทีท่ ่ีเกดิ ขึน้ ได เปน ไปได 3
กรณี ดังน้ี
1. เกิดการไถลระหวา งลอกบั พนื้ (ลอหมุนฟรี บล็อกไมเคลือ่ นท่ี)
2. เกดิ การไถลระหวา งบล็อกกับพน้ื (ลอ กลิ้งโดยไมไถล ดงึ ใหบลอ็ กเคลอื่ นท่ี)
3. บล็อกลม (ลอกล้งิ โดยไมไถล ดงึ ใหบ ลอ็ กลม )
Statics/ Chapter 6 Friction 6-9
สมมตุ ใิ หเ กดิ การไถลระหวา งลอ กับพ้ืนกอ น
ดังนัน้ FB = Fmax = μB NB = 0.2(20) = 4 N
จาก (1) จะได T = FB = 4 N
จาก (3) จะได FD = T = FB = 4 N
เนือ่ งจากสมมตุ ิใหเกดิ การไถลระหวา งลอ กบั พ้ืนกอน ดงั น้นั ทบ่ี ล็อกตองยังไมเกิด
การไถล และไมเกิดการลม
สามารถตรวจสอบวา ท่ีสมมุติไวเ ปนจริงหรือไมไ ดดังนี้
ตรวจสอบการไถลระหวา งบล็อกกบั พ้ืน
(FD )max = μD ND = 0.3(30) = 9 N
เนอ่ื งจาก FD ท่ีคาํ นวณไดจากสมการสมดลุ เทากบั 4 N มีคานอยกวา คา (FD)max
ซึ่งเทา กบั 9 N แสดงวา บลอ็ กไมเ กิดการไถล ดังนนั้ ท่สี มมุติไวจ งึ เปน ไปได
ตรวจสอบการลมของบลอ็ ก
เม่อื ออกแรงดึงแลว บลอ็ กเร่ิมลม ปลายดานขวาของบล็อกจะเรมิ่ ยก ทาํ ใหแ รง ND
ยา ยไปทางดา นซา ยเรอื่ ยๆ และจะเริ่มลม เมอ่ื แรง ND เลื่อนไปอยูท่จี ดุ E ดงั นน้ั การ
ตรวจสอบวา บล็อกจะลมหรือไม ก็คอื การตรวจสอบวา แรง ND กระทําทต่ี าํ แหนงใด
ถา แรง ND กระทาํ อยูภ ายในฐานของบล็อกแสดงวา วตั ถุยงั อยูใ นสภาพสมดลุ อยแู ละ
บลอ็ กไมลม แตถาคาํ นวณตาํ แหนงแรง ND แลวตําแหนงแรงกระทาํ อยูภ ายนอก
ฐาน ซึ่งเปนไปไมไ ด แสดงวา วตั ถุตองเกิดการลม กอ น
[∑ M E = 0] CW+ 30(0.15) − N D ( 0.15 − x) − T (0.3) = 0
2 2
2.25 − 30(0.075 − x) − 4(0.3) = 0
x = 0.04 m
เนื่องจาก x ท่ีคาํ นวณไดจ ากสมการสมดลุ มคี าเทา กับ 0.04 m ซึ่งนอ ยกวา ระยะ
จากจุดศูนยก ลางมวลไปยงั มมุ E แสดงวา แรง ND ยังกระทาํ อยูใ นขอบฐานของ
บล็อก ดงั น้ันบลอ็ กจงึ ไมล มตามท่สี มมตุ ิไว
จากทต่ี รวจสอบพบวา เกิดการไถลที่ลอ น่ันคอื ลอหมุนฟรี แตบ ลอ็ กไมเ คลอื่ นทแี่ ละไมล ม
คดิ ทีล่ อ [∑ M B = 0] M −T (0.3) = 0 Ans
M = 4(0.3) = 1.2 Nm
Statics/ Chapter 6 Friction 6-10
46/3 The industrial truck is used to move the
solid 1200-kg roll of paper up the 30°
incline. If the coefficients of static and
kinetic friction between the roll and the
vertical barrier of the truck and between the
roll and the incline are both 0.40, compute
the required tractive force P between the
tires of the truck and the horizontal surface.
[Engineering Mechanics Statics 5th edition, Meriam &
Kraige, prob.6/43]
วิธีทํา เขียน Free-body diagram ของมว นกระดาษไดดงั น้ี
mg [∑ Fx = 0] (1)
FA (2)
P − N sin 30° − FB cos 30° = 0 (3)
A O
P [∑ Fy = 0]
B FB N cos 30° − FA − FB sin 30° − mg = 0
y N
[∑ MO = 0] CCW+
30º
FAr − FBr = 0 ; FA = FB
x
เน่อื งจากมจี ดุ ท่มี ว นกระดาษสมั ผัสกบั ช้นิ สวนอืน่ อยู 2 จดุ ดงั น้นั การไถลอาจจะเกดิ
ไมพ รอมกนั คอื เกดิ ทจ่ี ดุ A หรือจุด B กอ นกไ็ ด
สมมตุ ใิ หเกิดการไถลทจี่ ุด B กอ น เมื่อกําลงั จะเกดิ การไถล FB = μN (4)
แทนคา FA และ FB จากสมการ; (4) และ (3) ลงในสมการ (2)
N cos 30° − μN − μN sin 30° − mg = 0
N = mg = 1200(9.81) = 44251.416 N
cos30° − μ − μ sin 30° cos30° − 0.4 − 0.4sin 30°
แทนคา N ลงในสมการ (1) เพ่อื หาคา P
P = N sin 30° + μN cos 30°
P = (44251.413) sin 30° + 0.4(44251.413) cos 30° = 37454.8456 N
คา P ท่ีไดนี้ยงั ไมใ ชค าํ ตอบ เน่อื งจากเกิดจากการสมมตุ ิใหเ กิดการไถลที่จดุ B
กอ น การตรวจสอบวาทีส่ มมุตนิ เี้ ปนจรงิ หรือไมท าํ โดย ตรวจสอบวา FA ท่ี
คาํ นวณไดจ ากสมการสมดุลมีคา มากกวาคา (FA)max หรอื ไม
Statics/ Chapter 6 Friction 6-11
จากสมการ (3) FA = FB = μN = 0.4(44251.413) N
(FA )max = μP = 0.4(37454.8456) N
จะเห็นวา FA ทีค่ ํานวณไดจากสมการสมดลุ มคี า มากกวา (FA)max ซึ่งเปน ไปไมได
ดังนนั้ ทีส่ มมตุ ิมาตอนแรกใหเกิดการไถลทจี่ ุด B กอ นจงึ ไมเ ปนความจรงิ การไถล
ตองเกิดท่ีจดุ A กอ น และ
FA = (FA )max = μP
จากสมการ (1) ได N sin 30° = P − FB cos30° (5)
จากสมการ (2) ได N cos30° = FA + FB sin 30° + mg (6)
(5)/(6) tan 30° = P − FB cos 30° (7)
FA + FB sin 30° + mg
เนือ่ งจาก FA = FB = μP
สมการ (7) จะเขียนไดเปน tan 30° = μP P − μP cos 30°
+ μP sin 30° + mg
จัดรปู เพือ่ หาคา P ไดดงั น้ี
P = mg tan 30°
1− μ cos 30° − μ tan 30°(1+ sin 30°)
P = (1200)(9.81) tan 30°
1− 0.4 cos 30° − 0.4 tan 30°(1+ sin 30°)
P = 22125.7 N ≈ 22.1 kN Ans
Statics/ Chapter 6 Friction 6-12
แบบฝกหัด
1. The light bar is used to support the 50-kg block in its vertical guides. If the
coefficient of static friction is 0.3 at the upper end of the bar and 0.4 at the lower
end of the bar, find the friction force acting at each end for x = 75 mm. Also find the
maximum value of x for which the bar will not slip. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition,
Meriam & Kraige]
(Ans FA = FB = 126.6 N, xmax = 86.2 mm)
2. A block of mass m0 is placed between the vertical wall and the small ideal roller at
the upper end A of the uniform slender bar of mass m. The lower end B of the bar
rests on the horizontal surface. If the coefficient of static friction is μs at B and also
between the block and the wall, determine a general expression for the minimum
value θmin of θ for which the block will remain in equilibrium. Evaluate you
expression for μs = 0.5 and m/m0 = 10. For these conditions, check for possible
slipping at B. [Engineering Mechanics STATICS 5th edition, Meriam & Kraige]
(Ans θ min = tan −1 ⎛⎜⎜⎝ 2m0 ⎠⎞⎟⎟ , θ min = 21.8° )
μsm
รปู ประกอบแบบฝกหัดขอ 1 รูปประกอบแบบฝก หัดขอ 2
3. Determine the normal force P that must be exerted on the rack to begin pushing the
100-kg pipe shown in Figure up the 20º incline. μsA = 0.15, μsB =0.4. [Engineering
Mechanics STATICS 11th edition, R.C.Hibbeler]
(Ans P = 498 N)
4. Two blocks A and B, each having a mass of 6 kg, are connected by the linkage
shown. If the coefficient of static friction at the contacting surfaces is μs = 0.5,
determine the largest vertical force P that may be applied to pin C of the linkage
Statics/ Chapter 6 Friction 6-13
without causing the blocks to move. Neglect the weight of the links. [Engineering
Mechanics STATICS 11th edition, R.C.Hibbeler]
(Ans P = 23.887 N)
CB
P
A 30º
30º
รปู ประกอบแบบฝกหดั ขอ 3 รูปประกอบแบบฝกหัดขอ 4
5. Block C has a mass of 50-kg and is confined between two walls by smooth rollers.
If the block rests on top of the 40-kg spool, determine the minimum cable force P
needed to move the spool. The cable is wrapped around the spool’s inner core. The
coefficients of static friction at A and B are μA=0.3 and μB=0.6. [Engineering Mechanics
STATICS 11th edition, R.C.Hibbeler]
(Ans P = 589 N)
6. Three boxes are placed on the incline in contact with each other and released from
rest. The coefficients of static friction under boxes A, B, and C are 0.30, 0.20, and
0.35, respectively. Describe what happens. [Engineering Mechanics STATICS 10th edition,
R.C.Hibbeler]
(Ans A และ B ไถลตดิ กันลงตามพื้นเอยี ง C หยุดน่ิงบนพน้ื เอยี ง)
รูปประกอบแบบฝกหัดขอ 5 รปู ประกอบแบบฝกหัดขอ 6