The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sassy_mam, 2019-09-16 05:40:28

แบบประเมินการปฏิบัติงาน 1/62

4. ใชภ้ าษาไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ภาษา
5. ใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการส่อื สารตามสถานการณ์
6. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
7. เขยี นกรอกขอ้ มูลตา่ งๆ ในแบบฟอรม์

68.กรอบการจดั การเรียนบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ท่ีดี
Reasonableness Moderation Self-immunity
เรยี นรวู้ ฒั นธรรมสงั คมท่ี ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
แตกตา่ งของแต่ละประเทศ ในการดารงตน เขา้ ใจความเหมอื นและความ
แตกตา่ งระหวา่ งวฒั นธรรมการ
ทกั ทายของกลุ่มประเทศใน
ประชาคมอาเซยี น

เง่ือนไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เง่อื นไขคณุ ธรรม Moral condition ซื่อสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1. 1. Countries in the ASEAN 71. มมี นุษยสมั พนั ธ์

Community 72. ความมวี นิ ยั

2. 2. Greeting 73. ความรบั ผดิ ชอบ
3. 3. Introducing Oneself 74. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
4. 4. Spelling Names 75. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
76. ความสนใจใฝร่ ู้

77. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั

78. ความรกั สามคั คี

79. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์

80. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งวฒั นธรรม การ
ทกั ทายของกลุ่มประเทศในประชาคมอาเซยี น
มิติทางเศรษฐกิจ เขา้ ใจและรเู้ กย่ี วกบั ขอ้ มูลพน้ื ฐานของแตล่ ะประเทศในอาเซยี น
มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง
มิติทางสิ่งแวดล้อม อนุรกั ษ์สง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

69.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

 ครูสุ่มใหผ้ เู้ รยี นจบั คู่คาศพั ทท์ ม่ี คี วามหมายเหมอื นกนั (synonym) หรอื คาตรงกนั ขา้ ม
(antonym) แลว้ บอกความหมาย เชน่
 North ทศิ เหนอื มคี วามหมายตรงขา้ มกบั South ทศิ ใต้
 Community มคี วามหมายเหมอื นกบั Society ( สงั คม)

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

 ครูใหผ้ เู้ รยี นอ่านและศกึ ษาขอ้ มูลพน้ื ฐานเกย่ี วกบั ประเทศตา่ งๆ ในสมาชกิ ประชาคมอาเซยี น
การทกั ทายของแตล่ ะประเทศ ครูสมุ่ ถามขอ้ มูลทวั่ ไป เชน่
 How do you greet people in Thailand?
 What is the currency of Laos?
 What is the capital of Cambodia?

 ครูตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นในเร่อื งขอ้ มลู ทวั่ ไปของประเทศตา่ งๆ ในอาเซยี น
โดยใหท้ าแบบฝึกหดั ท่ี 1 เตมิ คาลงในชอ่ งวา่ งเพอ่ื ทาใหป้ ระโยคมใี จความทส่ี มบรู ณ์ จากนนั้ ครู
และผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบรว่ มกนั

 ครใู หอ้ ธบิ ายขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ เกย่ี วประเทศในสมาชกิ อาเซยี น พรอ้ มทงั้ เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี น
สอบถามและแลกเปลย่ี นความรใู้ นประเดน็ อน่ื ๆ ทส่ี นใจหรอื สงสยั หลงั จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นทา
แบบฝึกหดั โดยการอา่ นศกึ ษาขอ้ มลู ทก่ี าหนดในหนงั สอื และตอบคาถาม จากนนั้ ครแู ละผเู้ รยี น
ตรวจสอบคาตอบรว่ มกนั

 ครูใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อยา่ งการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการพดู ทกั ทาย การพดู แนะนา
ตวั เองหรอื เพอ่ื น และมรรยาทในการวางตวั ใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั วฒั นธรรมของแต่ละประเทศ
แลว้ หลงั จากนนั้ ใหฝ้ ึกอา่ นออกเสยี งตามตวั อยา่ งบทสนทนาในหนงั สอื เรยี น โดยครพู ดู เป็น
ตวั อย่างใหก้ บั ผเู้ รยี นกอ่ น

 ครูตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจในการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนในการพดู ทกั ทาย และแนะนานา
ตวั เองหรอื เพอ่ื น โดยใหผ้ เู้ รยี นผเู้ รยี นเตมิ คาลงในบทสนทนาทก่ี าหนด ใหถ้ กู ตอ้ ง

แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นจบั คฝู่ ึกการสนทนาตามรปู แบบทก่ี าหนด และตรวจสอบความถูกตอ้ งรว่ มกนั
เชน่

A: Hello! May I introduce myself? My name is Komsan Sookjai.
B: Hello! I am Hanna Amira. I’m from Brunei.
A: Nice to meet you, Hanna.
B: Nice to meet you too. Where are you from, Komsan?
A: I’m from Bangkok, Thailand.

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อยา่ งบทสนทนา เกย่ี วกบั การพูดคยุ สอบถามขอ้ ทวั่ ไปของคู่สนทนา และ
ใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งบทสนทนาโดยครคู อยใหค้ าชแ้ี นะ แลว้ หลงั จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาท
สมมตติ ามบทสนทนาทไ่ี ดส้ รา้ งไว้ ตวั อยา่ งเชน่
A: How do you do, Mrs. Westwood?
Can you please spell your first name?
B: Celine. It’s C-E-L-I-N-E.
A: Thank you. Please call me Jeff.
B: Call me Celine. Nice talking with you.
A: Nice talking with you too.

 ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ และทบทวนคาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการพดู ทกั ทาย แนะนา
ตวั เองและผอู้ น่ื รวมถงึ การสอบถามขอ้ มลู สว่ นตวั ตา่ งๆ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ

 ครใู หน้ กั เรยี นสรา้ งบทสนทนาเกย่ี วกบั การทกั ทาย แนะนาตวั เองและเพอ่ื น โดยเขยี นบท
สนทนาลงในชอ่ งวา่ ง จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมติ ตามบทสนทนาทเ่ี ขยี นไว้ ครู
เป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพูดของผเู้ รยี น

กิจกรรมการเขียน

 ครใู หผ้ เู้ รยี นกรอกขอ้ มลู สว่ นตวั ลงในแบบฟอรม์ Personal Profile
 ครสู อดแทรกเรอ่ื ง Present Simple Tense แลว้ ใหน้ กั เรยี นเขยี นประวตั สิ ว่ นตวั เชน่ ชอ่ื วนั

เกดิ อายุ สถานทเ่ี รยี น สาขาวชิ า ทอ่ี ยู่ กจิ กรรมทช่ี อบทา ฯลฯ โดยแต่งประโยคในรปู ของ
Present Simple Tense
 ครูใหผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

 ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพ่อื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

70.ส่ือการเรยี นรู้

 หนงั สอื เรยี น
 ใบงาน
 แผนการจดั การเรยี นรู้
 แบบทดสอบ

71.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั
 วดั ทกั ษะการพดู
 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เคร่ืองมือวดั และประเมินผล
 แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด
 แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน
 เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยู่ในระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

72.บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการสอน

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................

ปัญหา/ อปุ สรรค

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/ วิธีการแกไ้ ข

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2

ช่อื วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตจริง 1 (Real Life English 1) รหสั วิชา 2000-1201

หน่วยท่ี 2 Getting to know เวลา 6 ชวั่ โมง

73. สาระสาคญั

ประชากรของประเทศตา่ งๆ ในประชาคมอาเซยี นประกอบด้วยผคู้ นจากหลายเชอ้ื ชาติ ศาสนา
ภาษา และวฒั นธรรม ดงั นัน้ การศึกษาเรียนรู้เร่อื งวฒั นธรรม วถิ กี ารดาเนินชวี ติ คนในแต่ละชาติ
ตลอดจนการใชค้ าศพั ทห์ รอื สานวนภาษาในการแนะนาผอู้ ่นื ใหร้ ู้จกั กนั การพูดสอบถามและให้ขอ้ มูล

บุคคลให้ถูกตอ้ ง เหมาะสมตามบรบิ ททางสงั คม ซ่ึงถือเป็นพ้นื ฐานท่จี าเป็นและสาคญั ในการนาไป

ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั และการทางาน

74.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู รู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกสญั ชาตไิ ด้
2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชค้ าศพั ทห์ รอื สานวนภาษาในการแนะนาผอู้ น่ื ใหร้ จู้ กั กนั การ

สอบถามและใหข้ อ้ มูลบุคคล

3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นความรเู้ กย่ี วกบั ระหวา่ งวฒั นธรรมการจบั มอื (Shaking Hands)

75. สาระการเรียนรู้
1. Citizen & Nationalities in ASEAN Communities
2. Talking about nationalities
3. Introducing others
4. Asking for & Giving personal information

76. สมรรถนะประจาหน่ วยการเรียนรู้
1. บอกสญั ชาตขิ องคนในประเทศต่างๆ
2. พูดแนะนาผอู้ ่นื ใหร้ จู้ กั กนั
3. สอบถามและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ส่วนตวั
4. ใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการส่อื สารตามสถานการณ์
5. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณจ์ าลองทก่ี าหนด
6. เขยี นบรรยายใหข้ อ้ มูลบคุ คล

77.กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ที่ดี
Self-immunity
Reasonableness Moderation
รจู้ กั ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ น่ื จาก
การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ ่นื ตาม ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง การเรยี นรวู้ ฒั นธรรมท่ี
แตกตา่ งของแต่ละประเทศ
วฒั นธรรมทแ่ี ตกตา่ งของแตล่ ะ ในการดารงตน

ประเทศ

เง่ือนไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม Moral condition ซื่อสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1.Citizen & Nationalities in ASEAN 81. มมี นุษยสมั พนั ธ์

Communities 82. ความมวี นิ ยั

2.Talking about nationalities 83. ความรบั ผดิ ชอบ
3.Introducing others 84. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
4.Asking for & Giving personal 85. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
86. ความสนใจใฝร่ ู้
information 87. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั
88. ความรกั สามคั คี
1.

89. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์

90. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม มมี นุษยส์ มั พนั ธท์ ด่ี ี รูจ้ กั ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ น่ื ตามวฒั นธรรมท่ี
แตกตา่ งของแตล่ ะประเทศในประชาคมอาเซยี น
มิติทางเศรษฐกิจ มคี วามรบั ผดิ ชอบ ซ่อื สตั ยใ์ นในการประกอบอาชพี
มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง
มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

78.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

 ครูให้นักเรียนดูรูปภาพบุคคลชาติต่างๆ แล้วให้ผู้เรียนร่วมกนั บอกคาศพั ท์ว่าบุคคลใ น
รูปภาพมาจากประเทศอะไร โดยครูจะเขยี นสะกดคาทถ่ี ูกตอ้ งไวบ้ นกระดานและให้ผเู้ รยี นฝึก
อา่ นออกเสยี งคาศพั ทต์ าม หลงั จากนนั้ ครจู ะมกี ารสมุ่ ถามผเู้ รยี น แลว้ ใหต้ อบในรปู ประโยคตาม
โครงสรา้ งภาษาทก่ี าหนด เชน่

Q: Where is he/she from? หรอื Where are they from?
A: He/ She is from………….หรอื They are from…………..

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาคาศพั ทแ์ ละความหมายทเ่ี กย่ี วกบั เชอ้ื ชาตติ า่ งๆ ในประเทศสมาชกิ อาเซยี น
และประเทศในทวปี ตา่ งๆ โดยไดอ้ ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การใชส้ านวนและคาศพั ทเ์ พอ่ื พดู
บรรยายเชอ้ื ชาติ พรอ้ มทงั้ ไดส้ อดแทรกความรู้ เรอ่ื ง Nationality Suffix

 ครใู หน้ กั เรยี นดูรูปภาพ แลว้ เขยี นบรรยายวา่ บุคคลในภาพมเี ชอ้ื ชาตอิ ะไร โดยเตมิ คาลงไปใน
ประโยคทก่ี าหนดให้ แลว้ ร่วมกนั ตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งพรอ้ มกนั

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาวธิ กี ารถาม-ตอบเชอ้ื ชาตแิ ละประเทศจากตวั อย่างบทสนทนา แลว้ สุ่มให้

นกั เรยี นฝึกพูดถามตอบ โดยครจู ะคอ่ ยชแ้ี นะและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง เชน่

Q: Are you Malaysian, Katrina? Q: Is she Vietnamese?

A: No, I’m not. I’m Filipino. A: Yes, she is. She is from Hanoi.

 ครตู รวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นในดา้ นการใชค้ าศพั ท์และโครงสร้างทางภาษา โดย
ใหผ้ เู้ รยี นฝึกเขยี นประโยคบรรยายบุคคลว่าชอ่ื อะไร มาจากประเทศไหน มเี ชอ้ื ชาตอิ ะไรตาม
รูปภาพทก่ี าหนดใหใ้ นแบบฝึกหดั

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาคาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาองั กฤษทใ่ี ชใ้ นการพดู แนะนาบคุ คลอน่ื จากตวั อยา่ ง
บทสนทนา จากนนั้ ครูอธบิ ายใหค้ วามรูเ้ พ่มิ เตมิ พรอ้ มทงั้ อ่านออกเสยี งเป็นตวั อย่างเพ่อื ให้
ผเู้ รยี นมคี วามเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ

 ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยการให้ทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในช่องว่างและบท
สนทนา จากนนั้ ครแู ละผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบร่วมกนั
.

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างบทสนทนาการพดู แนะนาเพอ่ื นใหมใ่ หร้ จู้ กั กนั การสอบถามเชอ้ื ชาติ
แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นร่วมกลุ่มกนั 3 คน เพ่อื สรา้ งบทสนทนาร่วมกนั โดยครคู อยใหค้ าชแ้ี นะ หลงั จาก
นนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาทไ่ี ดส้ รา้ งไว้

 ครูอธิบายยกตัวอย่างการใช้คาถามเพ่ือสอบถามข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น อายุ ท่ีอยู่
ความชอบ ความสนใจ และสอดแทรกเร่อื งของวฒั นธรรมการจบั มอื กนั แล้วใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษา
เพมิ่ เตมิ ดว้ ยตนเองจากในบทเรยี นเก่ยี วกบั การถามคาตอบแบบ Yes/No question และ Wh-
question

 ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ตอบคาถามจากบทสนทนาทก่ี าหนด และจบั คู่คาถาม – คาตอบท่ี
เกย่ี วกบั การถามขอ้ มลู สว่ นตวั ต่างๆ ใหเ้ หมาะสม จากนนั้ รว่ มกนั ตรวจสอบคาตอบพรอ้ มกนั ใน
ชนั้ เรยี น โดยครูสุ่มใหน้ ักเรยี นเฉลยในแต่ละขอ้ หากขอ้ ใดตอบผดิ ครูจะช่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ
เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจมากขน้ึ

 ครใู หผ้ เู้ รยี นจบั คู่สรา้ งบทสนทนาเกย่ี วกบั การสอบถามขอ้ มูล เพ่อื ทาความรูจ้ กั กนั โดย
เขยี นบทสนทนาลงในช่องวา่ งตามหวั ข้อท่กี าหนด จากนนั้ ครูให้ผเู้ รยี นแสดงบทบาทสมมติ
ตามบทสนทนาทเ่ี ขยี นไว้ ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น

กิจกรรมการเขียน

 ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั เขยี นเรยี งคาใหมเ่ พอ่ื สรา้ งประโยคทเ่ี กย่ี วกบั การถามขอ้ มลู สว่ นตวั
ใหถ้ ูกตอ้ งตามโครงสรา้ งภาษา

 ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อยา่ งการเขยี นบรรยายขอ้ มลู ส่วนตวั แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นเขยี นประวตั สิ ว่ นตวั
ของตนเองและเพ่อื นสนิท 1 คน ตวั อยา่ งประโยค เชน่
- My name is Adirek Palajak.
- I’m 16 years old.
- I’m Thai.
- I was born on Thursday, December 15, 1995.
- Now I live in Muang District, Nakorn Ratchasrima.
- I’m a student at Nakorn Ratchasrima Vocational College.
- My major field of study is Accounting.
- My number is 08-7255-4133.
- I like watching science fiction movies.

 ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพ่อื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

 ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

79.สื่อการเรยี นรู้

 หนงั สอื เรยี น
 ใบงาน
 แผนการจดั การเรยี นรู้
 แบบทดสอบ

80.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั
 วดั ทกั ษะการพดู
 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล
 แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด
 แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพ่อื วดั ความรูค้ วามเขา้ ใจ
 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน
 เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอย่ใู นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

81.บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการสอน
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................

ปัญหา/ อปุ สรรค

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/ วิธีการแกไ้ ข

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 3

ชอ่ื วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตจริง 1 (Real Life English 1) รหสั วิชา 2000-1201

หน่วยท่ี 3 Taking about routines เวลา 9 ชวั่ โมง

82. สาระสาคญั

การทากิจวตั รประจาวนั หรือกิจกรรมยามว่างของละบุคคลนัน้ ย่อมมีแตกต่างกันไปตาม
ความชอบ ความสนใจ สภาพภูมปิ ระเทศ วฒั นธรรมประจาชาติ และเวลา ซ่งึ ถอื วา่ เป็นสง่ิ ท่ี สาคญั โดย
ในแตล่ ะประเทศจะมกี ารกาหนดเวลาแตกต่างกนั ไปตามการแบ่งโซนเวลาของโลก ดงั นนั้ ผเู้ รยี นตอ้ ง
ศกึ ษาเรอ่ื งดงั กลา่ วและเรยี นรคู้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาองั กฤษในสอบถามและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั กจิ วตั ร
ประจาวนั การบอกเวลา วนั เดอื นปี การอ่านตารางตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เวลาให้ถูกตอ้ ง เพ่อื ให้สามารถ
นาความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั และ การทางาน ตลอดจนการศกึ ษาตอ่ ในระดบั ทส่ี ูงขน้ึ

83.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู รู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกเวลาได้
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถสอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั กจิ วตั รประจาวนั โดยใชค้ าศพั ทห์ รอื

สานวนภาษาทถ่ี กู ตอ้ ง

3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกความถค่ี วามบอ่ ยของการกระทาได้
4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรเู้ กย่ี วกบั การแบ่งโซนเวลาของโลกรวมทงั้ ความแตกตา่ งของเวลาใน

ชาตอิ าเซยี น

84. สาระการเรียนรู้
1. Routine activities
2. Telling time
3. Talking about routines

85.สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้
1. สอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ชวี ติ ประจาวนั
2. บอกเวลาและแตกต่างของเวลาในชาตอิ าเซยี น
3. เขยี นบรรยายกจิ วตั รประจาวนั
4. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถกู ตอ้ ง
5. ใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการสอ่ื สารตามสถานการณ์
6. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณจ์ าลองทก่ี าหนด

86.กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมีเหตผุ ล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ที่ดี

Reasonableness Moderation Self-immunity

การบรหิ ารจดั การเวลาทด่ี แี ละ ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง รจู้ กั แบ่งและใชเ้ วลาใหเ้ กดิ

เหมาะสมจะทาใหป้ ระสบ ในการดารงตน ประโยชน์และคมุ้ ค่า

ความสาเรจ็ ในชวี ติ

เงอ่ื นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม Moral condition ซื่อสตั ย์

Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน

ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบง่ ปัน sharing

1. 1. Countries in the ASEAN 91. มมี นุษยสมั พนั ธ์

Community 92. ความมวี นิ ยั

2. 2. Greeting 93. ความรบั ผดิ ชอบ
3. 3. Introducing oneself 94. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
4. 4. Spelling names 95. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
96. ความสนใจใฝร่ ู้

97. การละเวน้ สง่ิ เสพยต์ ดิ และการพนนั

98. ความรกั สามคั คี

99. ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์

100. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งวฒั นธรรม การ
ทกั ทายของกลุ่มประเทศในประชาคมอาเซยี น
มิติทางเศรษฐกิจ ใชเ้ วลาและสง่ิ ต่างๆ ทม่ี อี ยา่ งคมุ้ ค่า
มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง
มิติทางสิ่งแวดล้อม อนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

87.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรียน

 ครใู หน้ กั เรยี นดูรปู ภาพทเ่ี กย่ี วกบั กจิ วตั รประจาวนั แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นเขยี นคาศพั ทว์ า่
บุคคลในรปู ภาพกาลงั ทากจิ กรรมอะไร ในรปู ของ Infinitive phrase หลงั จากนนั้ ครแู ละ
ผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบรว่ มกนั โดยครจู ะเป็นฝา่ ยถามคาถามเกย่ี วกจิ วตั รประจาวนั
ส่วนผเู้ รยี นใหบ้ อกคาศพั ท์ และสะกดคา เชน่

ครถู าม : What is the activity in this picture?
ผเู้ รยี นตอบ: have breakfast

H-A-V-E B-R-E-A-K-F-A-S-T

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู
 ครูให้ผูเ้ รยี นฟงั และอ่านบทสนทนาเกย่ี วกบั เร่อื งการสอบถามเวลาในการทากจิ วตั รประวนั

จากนนั้ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจโดยให้ผู้เรยี นทาแบบฝึกหดั ระบุ TRUE or FALSE จาก

ขอ้ ความทก่ี าหนดให้ แลว้ ตรวจสอบคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั โดยครอู ่านคาถามและนักเรยี น
อ่านคาตอบ

 ครูอธบิ ายและยกตวั อย่างคาศพั ท์และสานวนภาษาองั กฤษท่ใี ชใ้ นการบอกเวลา สอบถาม

เวลา รวมถึงความแตกต่างของเวลาในแต่ละประเทศ แล้วให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหดั เขยี น

ประโยคเพ่อื บอกเวลาตามรูปภาพทก่ี าหนด ให้ถูกตอ้ งตามโครงสร้างภาษา จากนนั้ ครูจะสุ่ม

ถามนกั เรยี นเก่ยี วกบั เวลาตามรูปภาพ แล้วใหน้ กั เรยี นฝึกพูด เช่น Q: What time

is it now?

A: It’s six oh nine in the morning. (6.09 a.m.)

 ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยการใหน้ กั เรยี นอา่ นประโยคภาษาองั กฤษทใ่ี ชใ้ นการ
บอกเวลาแล้วให้นักเรยี นวาดภาพเขม็ นาฬกิ าใหถ้ ูกตอ้ งตรงตามทก่ี าหนด แล้วตรวจสอบ
คาตอบพรอ้ มกนั

 ครูให้ผเู้ รยี นศกึ ษาและหาความหมายของคาศพั ท์ท่เี กย่ี วกบั กิจวตั รประจาวนั ในแบบฝึกหดั

หลงั จากนัน้ ฝึกอ่านออกเสียงคาศพั ท์และบอกความหมายของคาศพั ท์ท่ถี ูกต้องพร้อมกัน

จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นระบเุ วลาในการทากจิ วตั รประจาวนั ของแต่ละคนในตาราง โดยครูจะสุ่ม

ใหน้ กั เรยี นออกมาพูดหน้าชนั้ เกย่ี วกบั เวลาในการทากจิ วตั รของตนเอง เชน่

- I wake up at 7 o’clock. - I take a bath at 7.15 a.m.

- I get dress at 7.25 a.m. - I have breakfast at 7.30 am.

- I finish school at 4 pm. - I go to bed at 10.30 pm.

 ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อยา่ งบทสนทนา เกย่ี วกบั การสอบถามเวลา บอกเวลา แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นจบั คู่
กนั สรา้ งบทสนทนาตามท่กี าหนด โดยครูคอยให้คาชแ้ี นะ แล้วหลงั จากนนั้ ครูให้ผเู้ รยี นแสดง
บทบาทสมมตติ ามบทสนทนาทไ่ี ดส้ รา้ งไว้ ตวั อยา่ งเชน่

A: What time is it now?
B: It’s a quarter to nine.

Can you tell me what time the office opens?
A: Sure. It opens at half past nine.
B: When does the office close?
A: It closes at 5 in the afternoon.
B: Thank you so much.

 ครูทบทวนและตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นในการบอกเวลา การทากจิ วตั รประจาวนั
โดยการทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในช่องว่าง อ่านแบบสนทนาแล้วตอบคาถาม จากนนั้ ครู
และนกั เรยี นตรวจสอบความถูกตอ้ งพรอ้ มกนั

 ครูสอดแทรกความรู้ Present Simple Tense และการใชค้ าวเิ ศษณ์แสดงความถ่ี–บ่อย
(Adverbs of Frequency) พรอ้ มกบั ยกตวั อย่างการประโยค เพ่อื เพม่ิ ความเขา้ ใจของผเู้ รยี น
หลงั จากนัน้ ให้นักเรียนทาแบบฝึกหดั ชนิดเติมคาลงในช่องว่าง โดยครูและผู้เรียนร่วมกนั
ตรวจสอบคาตอบพรอ้ มกนั เม่อื ทาเสรจ็

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างบทสนทนา แลว้ จบั คูก่ นั เขยี นบทสนทนาทเ่ี กย่ี วกบั การพูดสอบถาม
ในเร่อื งกจิ วตั รประจาวนั และเวลาท่มี กั จะทา จากนนั้ ครูให้ผเู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบท
สนทนาทเ่ี ขยี นไว้ ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี น ตวั อยา่ งเชน่
A: What do you usually do at free time?
B: I usually surf the internet and do homework. How about you?
A: I usually play football and do housework.
B: Do you jog in the evening?
A: Yes, I do.
B: Great. What time do you go to bed?
A: At 10.30.

กิจกรรมการเขียน

 ครูใหผ้ เู้ รยี นเขยี นกจิ วตั รประจาวนั ของตนเองและระบเุ วลาลงในตาราง
 ครูใหผ้ เู้ รยี นเขยี นประโยคโดยใชโ้ ครงสรา้ งประโยคในรูปของ Present Simple Tense ในการ

เขยี นบรรยายกจิ วตั รประจาวนั และกจิ กรรมยามวา่ ง พรอ้ มทงั้ บอกความถแ่ี ละเวลา 15 ประโยค
 ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพ่อื สรปุ คาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ

เรอ่ื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

 ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

88. สื่อการเรียนรู้

 หนงั สอื เรยี น
 ใบงาน
 แผนการจดั การเรยี นรู้
 แบบทดสอบ

89.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั
 วดั ทกั ษะการพูด
 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 ประเมนิ ตนเองดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล
 แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด
 แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน
 เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยู่ในระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

90.บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการสอน

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................

ปัญหา/ อปุ สรรค

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/ วิธีการแก้ไข

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 4

ช่อื วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตจริง 1 (Real Life English 1) รหสั วิชา 2000-1201

หน่วยท่ี 4 Expressing Likes and Dislikes เวลา 6 ชวั่ โมง

91. สาระสาคญั

ในชวี ติ ประจาวนั หรอื การทางาน มกั จะมกี ารพูดคุย พบปะและแลกเปล่ยี นประสบการณ์ กนั ใน
เรอ่ื งกจิ กรรมยามวา่ ง งานอดเิ รก ความชอบ ความสนใจของแต่ละบคุ คล ซง่ึ ประชากรในประเทศสมาชกิ
อาเซยี นตา่ งกม็ กี จิ กรรม งานอดเิ รก และกฬี าทช่ี น่ื ชอบแตกตา่ งกนั ไป ดงั นนั้ ผเู้ รียนจงึ ควรศกึ ษาเรยี นรู้
คาศพั ท์ สานวนและรูปประโยคในการสอบถามและให้ขอ้ มูลเก่ยี วกบั งานอดเิ รก หรอื กจิ กรรมยามวา่ ง
รวมถึงสิ่งท่ีชอบและไม่ชอบ เพ่อื ช่วยพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง คล่องแคล่วและ
สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

92.วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนร้บู รู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถจาแนกกจิ กรรมสนั ทนาการและงานอดเิ รกประเภทต่างๆได้
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถสอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั สงิ่ ทช่ี อบและไม่ชอบโดยใชค้ าศพั ทห์ รอื

สานวนภาษาทถ่ี กู ตอ้ ง

3. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถสอบถามและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั งานอดเิ รกได้
4. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรเู้ กย่ี วกบั กฬี าประจาชาตใิ นประชาคมอาเซยี น

93.สาระการเรยี นรู้
1. Sports & Hobbies
2. Expressing Likes & Dislikes
3. Talking about Favorite Sports
4. Writing a personal letter

94. สมรรถนะประจาหน่ วยการเรียนรู้
1. บอกชอ่ื กฬี าประจาชาตใิ นประชาคมอาเซยี น
2. บอกและสะกดคาศพั ทท์ เ่ี กย่ี วกบั งานอดเิ รก
3. สอบถามและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั สงิ่ ทช่ี อบและไมช่ อบ
4. สอบถามและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั งานอดเิ รกได้
5. ใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการสอ่ื สารตามสถานการณ์
6. ใชโ้ ครงสรา้ งภาษาถูกตอ้ ง

7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
8. เขยี นจดหมายสว่ นตวั

95.กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตผุ ล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation
ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง Self-immunity
มคี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเอง ในการดารงตน
ทาสงิ่ ตา่ งๆ อยา่ งรอบคอบ มี รจู้ กั คดิ ตดั สนิ ใจในการเลอื ก
เหตุผล ทาสง่ิ ต่างๆ ตามความถนดั
ความสนใจ หรอื ความเหมาสม
ต่อตนเอง

เงอ่ื นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์
สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน
Intelligence รอบคอบ Self–awareness Forbearance แบ่งปัน sharing
ระมดั ระวงั Attentiveness
101. มมี นุษยสมั พนั ธ์
1. Sports & Hobbies 102. ความมวี นิ ยั
2. Expressing Likes & Dislikes 103. ความรบั ผดิ ชอบ
3. Talking about Favorite Sports 104. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
4. Writing a personal letter 105. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
106. ความสนใจใฝร่ ู้
107. การละเวน้ สง่ิ เสพยต์ ดิ และการพนนั
108. ความรกั สามคั คี
109. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
110. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม มคี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเอง รจู้ กั คดิ และตดั สนิ ใจในการเลอื กทาสง่ิ ตา่ งๆ
อย่างมเี หตผุ ลและเหมาะสม
มิติทางเศรษฐกิจ รจู้ กั วเิ คราะหข์ อ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของตนเอง นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
การเรยี น การทางาน ธรุ กจิ
มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง
มิติทางสิ่งแวดล้อม อนุรกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

96.กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมก่อนเรียน

 ครูและผเู้ รยี นรว่ มกนั อภปิ รายและบอกคาศพั ทท์ ร่ี จู้ กั ทเ่ี กย่ี วกฬี าและกจิ กรรมตา่ งๆของแตค่ น
ในแตล่ ะประเทศ รวมถงึ อาหาร ดนตรี ประเภทของหนงั จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นดแู ผน่ ป้าย
คาศพั ท์ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นอ่านออกเสยี งพรอ้ มกบั บอกความหมาย และเขยี นแยกหมวดหมู่ให้
ถกู ตอ้ งลงแบบฝึกหดั

 ครสู มุ่ ถามผเู้ รยี นดว้ ยคาถามทเ่ี กย่ี วกบั การทากจิ กรรมในยามวา่ งหรอื ความชอบตา่ งๆ เชน่
- What do you like to do in your free time?
- Do you like eating Thai food?
- Do you like watching movie?

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู
 ครูใหน้ กั เรยี นเขยี นคาศพั ทแ์ ละเขยี นประโยคใหถ้ กู ตอ้ งตามภาพทก่ี าหนดวา่ บุคคลในภาพชอบ

เลน่ กฬี า หรอื ทากจิ กรรมอะไรในแบบฝึกหดั เพอ่ื ทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจของนกั เรยี น แลว้
ตรวจสอบคาตอบรว่ มกนั โดยครูเป็นผถู้ ามและผเู้ รยี นเป็นผอู้ า่ นคาตอบ เชน่

ครถู าม : What sport ….ชอ่ื คนในภาพ………like?
ผเู้ รยี น : Sophia likes playing golf.
ครูถาม : Does Sophia like playing golf?
ผเู้ รยี น : Yes, she does.

 ครใู หผ้ เู้ รยี นอา่ นและศกึ ษาเกย่ี วกบั คาศพั ทแ์ ละสานวนทใ่ี ชใ้ นการพดู แสดงความรสู้ กึ ชอบ
หรอื ไมช่ อบ พรอ้ มกบั ยกตวั อยา่ งอธบิ ายเพมิ่ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจมากขน้ึ จากนนั้ ครใู ห้
ผเู้ รยี นทาแบบฝึกหดั เตมิ คาลงในบทสนทนาและประโยคทก่ี าหนดให้ แลว้ ตรวจสอบคาตอบ
พรอ้ มกนั ในชนั้ เรยี น

 ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างวธิ กี ารถาม- ตอบในเร่อื งกจิ กรรมหรอื กฬี าท่ชี อบและไม่ชอบทา
จากบทสนทนา พรอ้ มอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ในเรอ่ื งการใชส้ านวนการพดู ทวนประโยค เช่น So do I
แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งบทสนทนาโดยครชู ว่ ยตรวจทานความถูกต้องและแสดงบทบาทสมมุตติ าม
บททส่ี รา้ งไว้ ตวั อยา่ งเชน่
A: Kate, what do you do in your free time?
B: I play sports. I like playing tennis.
A: Do you like playing volleyball?
B: No, I don’t. But I like watching a match on TV.
A: So do I. I like swimming as well.

 ครูสอดแทรกเร่อื ง Present Continuous Tense พร้อมทงั้ ยกตวั อย่างประโยคและการออก

เสยี งใหผ้ เู้ รยี น หลงั จากนนั้ ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี นเกย่ี วกบั การใชค้ าศพั ท์ สานวน

ในการพูดเก่ยี วกบั งานอดิเรก แล้วให้ผู้เรียนเรียนเขยี นบรรยายประโยคด้วยโครงสร้าง

Present Continuous Tense ตามภาพทก่ี าหนดให้ แลว้ ตรวจสอบคาตอบร่วมกนั เชน่

A: What is he doing? A: What are they doing?

B: He is reading a book. B: They are dancing.

 ครูให้ผูเ้ รยี นอ่านและฟงั บทสนทนา จากนัน้ ตรวจสอบความเขา้ ใจของผูเ้ รียนโดยให้ตอบ
คาถามเก่ียวกบั บทสนทนา ครูอ่านคาถามและสุ่มผู้เรียนอ่านคาตอบเพ่อื ตรวจสอบความ
ถูกตอ้ งรว่ มกนั

 ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ชนิดเตมิ คาลงในชอ่ งว่างเก่ยี วกบั ความชอบและไม่ชอบทาสง่ิ ต่างๆ
เพ่อื ทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจใหเ้ พมิ่ ขน้ึ

 ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาตวั อย่างบทสนทนาท่เี กย่ี วกบั การสอบถามกจิ กรรมยามวา่ ง กจิ กรรมทช่ี น่ื
ชอบ การพูดแสดงความรู้สกึ ต่างๆ และใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งบทสนทนาตามหวั ขอ้ ท่กี าหนดโดยครู
คอยใหค้ าชแ้ี นะ แลว้ หลงั จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาท่ไี ดส้ รา้ งไว้
โดยครูเป็นผปู้ ระเมนิ ทกั ษะการพดู ของผเู้ รยี นตวั อยา่ งเชน่
A: Excuse me, Pat. Do you like playing sports?
B: Yes, I do. I like playing basketball and swimming.
A: Excellent. What do you do in your free time?
B: I surf the internet and read a magazine.
A: For me, I listen to music. I don’t like pop music.

กิจกรรมการเขียน

 ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นจดหมายเพอ่ื เลา่ กจิ กรรมยามวา่ งของตวั เอง โดยศกึ ษารปู แบบและประโยค
ภาษาองั กฤษไดจ้ ากตวั อยา่ งในแบบฝึกหดั

 ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ
เรอ่ื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

 ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

97.ส่ือการเรยี นรู้

 หนงั สอื เรยี น
 ใบงาน
 แผนการจดั การเรยี นรู้
 แบบทดสอบ

98.การวดั และประเมินผล

วิธีวดั
 วดั ทกั ษะการพดู
 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เคร่ืองมือวดั และประเมินผล
 แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด
 แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน
 เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยู่ในระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

99.บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการสอน

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................

ปัญหา/ อปุ สรรค

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/ วิธีการแกไ้ ข

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................















6. ใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการสอ่ื สารตามสถานการณ์
7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณจ์ าลองทก่ี าหนด
8. เขยี นบรรยายขอ้ มลู ทวั่ ไปของสนิ คา้

113. กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตผุ ล ความพอประมาณ การมีภมู ิค้มุ กนั ที่ดี
Reasonableness Moderation Self-immunity
รจู้ กั ประหยดั อดออม
การเลอื กใชส้ ง่ิ ต่างๆ อยา่ ง ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง
คมุ้ คา่ และมเี หตผุ ล ในการดารงตน

เง่ือนไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงือ่ นไขคณุ ธรรม Moral condition ซื่อสตั ย์
Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน
Forbearance แบง่ ปัน sharing
ระมดั ระวงั Attentiveness
121. มมี นุษยสมั พนั ธ์
1. Colors 122. ความมวี นิ ยั
2. Identifying things 123. ความรบั ผดิ ชอบ
3. Asking for & Giving Permission 124. ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
4. Thanking & Replying to Thanks 125. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
126. ความสนใจใฝร่ ู้
127. การละเวน้ สงิ่ เสพยต์ ดิ และการพนนั
128. ความรกั สามคั คี
129. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
130. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม การอยู่รว่ มกนั ในสงั คม ตอ้ งมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบและปฏบิ ตั ติ าม
กฎระเบยี บทางสงั คม
มิติทางเศรษฐกิจ รจู้ กั ประหยดั และการใชจ้ า่ ยอยา่ งมเี หตุผล
มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง
มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

114. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมก่อนเรยี น

 ครูให้ผู้เรียนร่วมกันยกตัวอย่างคาศัพท์ส่ิงของท่ีนักเรียนรู้จัก เช่น กล้อง ทีวี วิทยุ
โทรศพั ทม์ อื ถอื กระเป๋า เป็นตน้ แลว้ หลงั จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาความหมายและและอ่าน
ออกเสยี งคาศพั ทท์ เ่ี กย่ี วกบั สตี า่ งๆ

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู
 ครูให้ผูเ้ รยี นอ่านและฟงั บทสนทนาเก่ียวกบั สอบถามลกั ษณะของส่งิ ของ จากนัน้ ตรวจสอบ

ความเขา้ ใจโดยใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั บทสนทนา ครอู ่านคาถามและผเู้ รยี นอา่ นคาตอบ
แลว้ หาคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

 ครูใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาความหมายคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั สง่ิ ของเคร่อื งใชใ้ นครวั เรอื น และคุณสมบตั ติ ่างๆ
โดยตรวจสอบจากพจนานุกรม จากนัน้ ครูตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนโดยให้ทา
แบบฝึกหดั จบั คู่คาศพั ท์ และระบุการใช้งานของสิ่งของเคร่อื งใชว้ ่ามปี ระโยชน์อะไร ครูและ
ผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบพร้อมกนั ในชนั้ เรยี น โดยครูจะสุ่มถาม แล้วให้นกั เรยี นอ่านคาตอบ
เชน่
Q: What is it?
A: It is a camera.
Q: What is it used for?
A: It is used for taking photos.

 ครูอธบิ ายเร่อื ง Demonstrative Pronouns for Identifying Things เชน่ that, this, these,
those วา่ ตอ้ งใชอ้ ย่างไร แลว้ ตรวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยการใหท้ าแบบฝึกหดั
ชนิดเตมิ คาลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง จากนนั้ รว่ มกนั ตรวจสอบคาตอบ

 ครใู หผ้ เู้ รยี นศกึ ษาความหมายคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั สง่ิ ของเคร่อื งใชต้ ่างๆ ทม่ี กั พบเจอตามสถานท่ี
ตา่ ง โดยตรวจสอบจากพจนานุกรม จากนนั้ นาคาศพั ทต์ ามทก่ี าหนดใหไ้ ปเขยี นลงในชอ่ งว่าง
ตามสถานท่ที ่ีมกั พบ เช่น ห้องครวั หอ้ งรบั แขก ห้องน้า ในสวน ครูและผูเ้ รียนตรวจสอบ
คาตอบทถ่ี ูกตอ้ งพรอ้ มกนั ในชนั้ เรยี น โดยครูให้นกั เรยี นอ่านออกเสยี งและบอกความหมาย
ของคา

 ครตู รวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี น โดยการใหเ้ ขยี นคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั สงิ่ ของทน่ี กั เรยี น
มกั พบเจอ 5 อยา่ งในสถานทต่ี า่ งๆ ทก่ี าหนดใหใ้ นแบบฝึกหดั จากนนั้ ครสู ุ่มถามนกั เรยี นเพอ่ื
ตรวจสอบคาตอบ โดยใหน้ กั เรยี นอ่านคาตอบ เชน่
Q: What are there in the bedroom?
A: There are a cushion, a bed, a lamp, a pillow, and a blanket.

 ครูใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาหาความหมายคาศพั ท์และสานวนทเ่ี ก่ยี วกบั การสอบถามสนิ คา้ ต่างๆ ใน
แบบฝึกหดั แล้วตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจของผเู้ รียนโดยการทาแบบฝึกหดั เตมิ คาลงใน
ชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสม จากนนั้ ครูและผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งพรอ้ มกนั โดย
ครใู หผ้ เู้ รยี นฝึกอา่ นประโยคและบอกความหมาย

 ครูให้ผเู้ รยี นศกึ ษาคาศพั ท์และสานวนภาษาท่ใี ช้ในการอนุญาตและการปฏเิ สธคาขออนุญาต
การกล่าวตอบรบั และขอบคุณ แล้วครูอธิบายเพิ่มเติมพร้อมกบั ยกตัวอย่างประโยคและ
โครงสร้างท่ใี ช้ในการพูดขออนุญาต ปฏเิ สธ และกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ เพ่อื เพมิ่ ความรู้
ความเขา้ ใจของผเู้ รยี นใหม้ ากขน้ึ หลงั จากนนั้ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยจากการ
ทาแบบฝึกหดั ชนดิ เตมิ คาลงในช่องว่าง และฝึกเขยี นประโยค ครูและผเู้ รยี นตรวจสอบ
คาตอบทถ่ี กู ตอ้ งร่วมกนั

 ครูให้ผูเ้ รียนอ่านและฟงั บทสนทนาเกย่ี วกบั การพูดขออนุญาตยมื สิง่ ของ จากนัน้ ตรวจสอบ
ความเขา้ ใจโดยใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั บทสนทนา ครอู า่ นคาถามและผเู้ รยี นอา่ นคาตอบ
แลว้ หาคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งพรอ้ มกนั

 ครูให้ผู้เรยี นศึกษาตวั อย่างบทสนทนา เก่ียวกบั วธิ กี ารพูดขออนุญาต และปฏเิ สธคาขอ
อนุญาตอยา่ งภาพ และใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งบทสนทนาตามคาทก่ี าหนดให้ โดยครูคอยใหค้ าชแ้ี นะ
แลว้ หลงั จากนนั้ ครใู หผ้ เู้ รยี นแสดงบทบาทสมมตติ ามบทสนทนาทไ่ี ดส้ รา้ งไว้ ครเู ป็นผปู้ ระเมนิ
การพดู ของผเู้ รยี น ตวั อยา่ งเชน่
A: Excuse me! Would you mind if I borrowed your laptop today?
B: Certainly. Go ahead.
A: Thank you.
B: You’re welcome.

กิจกรรมการเขียน

 ครใู หผ้ เู้ รยี นทากจิ กรรมเขยี นคาศพั ทส์ ง่ิ ของเคร่อื งใชแ้ ละวาดภาพประกอบ 20 คา
 ครูใหผ้ เู้ รยี นเขยี นบรรยายเก่ยี วกบั บา้ นและสง่ิ ของภายในบา้ นของผเู้ รยี น โดยศกึ ษาประโยค

และสานวนภาษาเพมิ่ เตมิ ไดจ้ ากตวั อย่างในแบบฝึกหดั
 ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพอ่ื สรุปคาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ

เร่อื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

 ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

115. สื่อการเรยี นรู้

 หนงั สอื เรยี น
 ใบงาน
 แผนการจดั การเรยี นรู้
 แบบทดสอบ

116. การวดั และประเมินผล

วิธีวดั
 วดั ทกั ษะการพูด
 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 ประเมนิ ตนเองดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เคร่ืองมือวดั และประเมินผล
 แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู
 แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพ่อื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน
 เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยู่ในระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

117. บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการสอน

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................

ปัญหา/ อปุ สรรค

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ/ วิธีการแก้ไข

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 7

ช่อื วชิ า ภาษาองั กฤษในชีวิตจริง 2 (Real Life English 2) รหสั วิชา 2000-1202

หน่วยท่ี 7 Giving Wishes เวลา 7 ชวั่ โมง

118. สาระสาคญั

การเรยี นรเู้ ทศกาลสาคญั ทม่ี ชี อ่ื เสยี งทวั่ โลกและการอวยพรและการเชอ่ื เชญิ ในเทศกาลตา่ งๆและ
การเขยี นการด์ เชญิ เพอ่ื อวยพรเพอ่ื นในเทศกาลทก่ี าลงั จะมาเยอื น รวมถงึ เขา้ ใจความเหมอื นและความ
แตกตา่ งระหวา่ งประเพณแี ละวฒั นธรรมตา่ งๆ ทวั่ โลก

119. วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้บู รู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบอกชอ่ื เทศกาลทม่ี ชี อ่ื เสยี งของโลกได้
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชค้ าศพั ทห์ รอื สานวนภาษาในการอวยพรในเทศกาลหรอื โอกาส

พเิ ศษต่างๆได้

3. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถใชค้ าศพั ทห์ รอื สานวนภาษาในการเชญิ ได้
4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถตอบรบั และตอบปฏเิ สธคาเชญิ ได้
5. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรเู้ กย่ี วกบั เทศกาลสาคญั ของอาเซยี นได้

120. สาระการเรียนรู้
1. ASEAN Festivals
2. Giving Wishes
3. Making an Invitation
4. Accepting & Declining

121. สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้
1. บอกชอ่ื เทศกาลทม่ี ชี อ่ื เสยี งของโลก
2. อวยพรในเทศกาลหรอื โอกาสพเิ ศษ
3. กลา่ วเชอ้ื เชญิ
4. ตอบรบั และปฏเิ สธคาเชญิ อย่างสภุ าพ
5. ใชภ้ าษาไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษา
6. ใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการส่อื สารตามสถานการณ์
7. แสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณ์จาลองทก่ี าหนด
8. เขยี นบตั รเชญิ ในโอกาสตา่ งๆ

122. กรอบการจดั การเรยี นบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

ความมเี หตุผล ความพอประมาณ การมภี มู ิค้มุ กนั ที่ดี
Self-immunity
Reasonableness Moderation รจู้ กั ประหยดั อดออม

ใชจ้ า่ ยเงนิ อย่างประหยดั และมี ยดึ ทางสายกลางเป็นแนวทาง

เหตุผล ในการดารงตน

เงือ่ นไขความรู้ Knowledge condition รอบรู้ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม Moral condition ซ่ือสตั ย์
Intelligence รอบคอบ Self–awareness สจุ ริต Loyalty ขยนั Diligence อดทน
ระมดั ระวงั Attentiveness Forbearance แบ่งปัน sharing

1. ASEAN Festivals 131. มมี นุษยสมั พนั ธ์
2. Giving Wishes 132. ความมวี นิ ยั
3. Making an Invitation 133. ความรบั ผดิ ชอบ
4. Accepting & Declining 134. ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
135. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
136. ความสนใจใฝร่ ู้
137. การละเวน้ สง่ิ เสพยต์ ดิ และการพนนั
138. ความรกั สามคั คี
139. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
140. การพง่ึ ตนเอง

มิติทางสงั คม ชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ตามอตั ภาพ
มิติทางเศรษฐกิจ ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั และสมเหตสุ มผล
มิติทางวฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลง
มิติทางส่ิงแวดล้อม อนุรกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ

123. กิจกรรมการเรยี นรู้

กิจกรรมก่อนเรยี น

 ครสู อบถามผเู้ รยี นเกย่ี วกบั เทศการทส่ี าคญั ในประเทศไทย ประเทศสมาชกิ อาเชย่ี น และเทศ
การสาคญั ทวั่ โลกทผ่ี เู้ รยี นรจู้ กั

กิจกรรมพฒั นาทกั ษะการใช้คาศพั ทแ์ ละการพดู

 ครใู หผ้ เู้ รยี นอ่านและศกึ ษาขอ้ มูลพน้ื ฐานเกย่ี วกบั เทศการสาคญั ต่างๆ ในสมาชกิ ประชาคม
อาเซยี น ครสู ุ่มถามความเขา้ ใจ เชน่
 What is the Festival of Laos?

 ครตู รวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ รยี นในเทศการสาคญั ของประเทศตา่ งๆ โดยใหท้ า
แบบฝึกหดั ท่ี 1 และ 2 จบั คูเ่ ทศการทส่ี าคญั กบั การอธบิ ายชแ้ี จงลกั ษณะของเทศการนนั้ ๆให้
ถูกตอ้ งสมบูรณ์ จากนนั้ ครูและผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบร่วมกนั

 ครใู หอ้ ธบิ ายขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ เกย่ี วการสาคญั ของประเทศต่างๆ พรอ้ มทงั้ เปิดโอกาสให้ผเู้ รยี น
สอบถามและแลกเปลย่ี นความรใู้ นประเดน็ อน่ื ๆ ทส่ี นใจหรือสงสยั หลงั จากนนั้ ครูให้ผเู้ รยี นทา
แบบฝึกหดั โดยการอ่านศกึ ษาขอ้ มลู ทก่ี าหนดในหนงั สอื และตอบคาถาม จากนนั้ ครูและผเู้ รยี น
ตรวจสอบคาตอบร่วมกนั

 ครูใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อย่างการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาในการอวยพรและแสดงความยนิ ดี

ในโอกาสตา่ ง แลว้ หลงั จากนนั้ ใหฝ้ ึกอา่ นออกเสยี งตามตวั อยา่ งประโยคในหนงั สอื เรยี น โดยครู

พูดเป็นตวั อย่างใหก้ บั ผเู้ รยี นก่อน เชน่

a. Good luck in the year to come. ขอใหโ้ ชคดใี นปีทก่ี าลงั จะมาถงึ

b. You're everything in my life. คณุ คอื ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งในชวี ติ ฉนั

c. I hope all your birthday dreams and wishes come true.
ฉนั หวงั วา่ ทกุ ความฝนั และความปรารถนาในวนั เกดิ ของคณุ เป็นความจรงิ

 ครูตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจดา้ นการใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนในการอวยพรและแสดงความ
ยนิ ดใี นโอกาสตา่ งๆ โดยใหผ้ เู้ รยี นแปลความหมายของคาอวยพรในโอกาสตา่ งในหนงั สอื เรยี น
ใหใ้ หถ้ กู ตอ้ ง

 ผูเ้ รียนเขยี นการ์ดเชญิ ในโอกาสต่างท่ีกาหนดให้ในหนังสือเรยี น จากนัน้ แต่งบทสนทนา
เก่ยี วกบั เทศการท่ผี ่านมาโดยดูตวั อย่างการสนทนาบทสนทนาท่กี าหนดให้ในหนังสอื เรยี น
จากนนั้ นกั ศกึ ษาจบั คูแ่ สดงบททาบสมมตุ ิ

 ครอู ธบิ ายเกย่ี วกบั การใชค้ าศพั ทแ์ ละสานวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการกลา่ วเชญิ ไปยงั งานเลย้ี งตา่ งๆ
Making an Invitation การตอบรบั คาเชญิ Accepting an Invitation การปฏเิ สธคาเชญิ พรอ้ ม
ใหเ้ หตุผล Declining an Invitation จากนนั้ ใหฝ้ ึกอา่ นออกเสยี งตามตวั อยา่ งประโยคในหนงั สอื
เรยี น

 ครูและผเู้ รยี นสรุปการใชค้ าศพั ท์และสานวนภาษาท่ใี ชใ้ นการกล่าวเชญิ ไปยงั งานเลย้ี ง การ
ตอบรบั คาเชญิ การปฏเิ สธคาเชญิ พรอ้ มให้เหตุผล พรอ้ มทงั้ เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถามและ
แลกเปลย่ี นความรใู้ นประเดน็ อน่ื ๆ ทส่ี นใจหรอื สงสยั หลงั จากนนั้ ครูใหผ้ เู้ รยี นทาแบบฝึกหดั ใน
หนงั สอื จากนนั้ ครูและผเู้ รยี นตรวจสอบคาตอบร่วมกนั

กิจกรรมการเขียน

 ผเู้ รยี นเขยี นการด์ เชญิ ในโอกาสตา่ ง
 ครใู หผ้ เู้ รยี นเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) เพ่อื สรปุ คาศพั ท์ สานวนภาษาองั กฤษและ

เรอ่ื งทไ่ี ดศ้ กึ ษามาจากในบทเรยี น

กิจกรรมประเมินผล

 ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

124. สื่อการเรยี นรู้

 หนงั สอื เรยี น
 ใบงาน
 แผนการจดั การเรยี นรู้
 แบบทดสอบ

125. การวดั และประเมินผล

วิธีวดั
 วดั ทกั ษะการพดู
 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 ประเมนิ ตนเองดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์

เครือ่ งมอื วดั และประเมินผล
 แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด
 แบบทดสอบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เพ่อื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมิน
 เกณฑก์ ารพดู ของผเู้ รยี นตอ้ งอยูใ่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รยี นตอ้ งอยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป
 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ

126. บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการสอน

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................

ปัญหา/ อปุ สรรค

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................
...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/ วิธีการแก้ไข

...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................



วจิ ยั ในช้ันเรียน

เรื่อง

การพฒั นาการสะกดคาภาษาอังกฤษ

รายวชิ าภาษาองั กฤษ

ผู้วจิ ยั

นางสาวศศิธร งามแพง

แผนกภาษาองั กฤษ วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา2562

บทท่ี 1

บทนำ

1.1 ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ

การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษไดร้ ับการกาหนดให้เรียนในทุกช่วงช้ัน ซ่ึง
สถานศึกษาสามารถจดั เป็ นสาระการเรียนรู้พ้ืนฐานที่ทุกคนตอ้ งเรียนและจดั เป็ นสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมให้
ผเู้ รียนไดเ้ ลือกเรียนตามความถนดั และตามความสนใจอีกดว้ ย อีกท้งั ในสงั คมโลกปัจจุบนั การเรียนภาษาเพอ่ื ให้
สามารถใชภ้ าษาในการตดิ ต่อส่ือสารกบั ผอู้ ่ืนไดต้ ามความตอ้ งการในสถานการณ์ต่างๆ ท้งั ในชีวิตประจาวนั และ
การงานอาชีพและยงั เป็ นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้และเทคโนโลยใี หม่ๆ ดงั น้ันการจดั กระบวนการเรียน
การสอนตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติและลกั ษณะเฉพาะของภาษา การจดั การเรียนการสอนภาษาจึงควรจดั
กิจกรรมใหห้ ลากหลายท้งั กิจกรรมการฝึกทกั ษะทางภาษา และกิจกรรมการฝึ กผเู้ รียนใหร้ ู้วธิ ีการเรียนภาษาดว้ ย
ตนเองควบคู่ไปดว้ ย อนั จะนาไปสู่การเป็ นผูเ้ รียนที่พ่ึงตนเองได้ (Learner Independence) และสามารถเรียนรู้ได้
ตลอดชีวติ (Life long learning) โดยใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเครื่องมือในการคน้ ควา้ หาความรู้ในการเรียนสาระ
การเรียนรู้อื่นๆ ในการศึกษาต่อ รวมท้งั ในการประกอบอาชีพ ซ่ึงเป็ นจุดมุ่งหมายสาคญั ประการหน่ึงของการ
ปฏิรูปการเรียนรู้ กระทรวงอาชีวศกึ ษา

การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเป็ นส่ิงจาเป็ น ท้งั น้ีเพื่อประโยชน์ในการติดต่อส่ือสาร การศึกษา การ
แสวงหาความรู้เพ่ิมเติม และเพื่อการประกอบอาชีพ นอกจากน้ีแลว้ การเรียนภาษาองั กฤษน้ันปัญหาที่พบอยู่
เสมอก็คอื การสะกดคาไม่ถูกตอ้ ง ซ่ึงไม่เพยี งแตจ่ ะพบในบรรดาผทู้ เ่ี รียนภาษาตา่ งประเทศเป็ นภาษาที่สองเท่าน้ัน
แม้ผูเ้ รียนภาษาของตนเอง เช่น นักเรียนไทยที่เรียนภาษาไทยหรือนักเรียนอเมริกนั ที่เรียนภาษาอเมริกันก็ยงั
สะกดคาในภาษาของตนไม่คอ่ ยถูกเช่นกนั (สุนทร สุนนั ทช์ ยั 2511 : 18)

การสอนภาษาองั กฤษใหม้ ีประสิทธิภาพตามจุดมุ่งหมายของหลกั สูตรน้ัน ผูส้ อนจะตอ้ งสอนใหผ้ เู้ รียน
ใชภ้ าษาในการติดต่อสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง จึงจาเป็ นตอ้ งมีการฝึ กฝนทกั ษะพ้ืนฐานที่สัมพนั ธ์กนั ท้งั 4 ดา้ น
ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซ่ึงจากการสารวจสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนในช้ันเรียนวิชา
ภาษาองั กฤษ พบว่าปัญหาท่ีเกิดข้ึนบ่อย มีความสาคญั มาก และเป็ นปัญหาข้นั พ้นื ฐานอนั จะนาไปสู่การพฒั นา
ทกั ษะทางภาษาดา้ นต่างๆ คอื นกั เรียนสะกดคาภาษาองั กฤษไม่เป็ น นักเรียนบางคนเขียนภาษาไทยกากบั ไวใ้ ต้
คา เวลาอ่าน นกั เรียนก็มกั จะอ่านภาษาไทยแทนภาษาองั กฤษ ส่งผลใหน้ กั เรียนไม่สามารถอ่านคาน้ันๆไดจ้ ริง

สงั เกตไดว้ า่ ผเู้ รียนทีอ่ ่านคาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งดว้ ยความเขา้ ใจน้นั เป็ นผทู้ ่สี ะกดคาเป็ น ซ่ึงเม่ือสะกดคาเป็ น สามารถ
อ่านคาไดก้ ็จะสามารถเขยี นได้ ตามลาดบั ดงั น้นั การสะกดคาจึงเป็ นพน้ื ฐานสาคญั และมีความจาเป็ นอยา่ งยงิ่ ทคี่ รู
จะตอ้ งวางรากฐานการสะกดคาใหน้ กั เรียนเขา้ ใจอยา่ งถ่องแท้ รวมถึงสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
สาหรับนักเรียนที่สะกดคาภาษาอังกฤษไม่เป็ นน้ันมีผลทาให้ทกั ษะการเรียนภาษาองั กฤษด้านอื่นๆไม่บรรลุ
เป้ าประสงค์ทางการศึกษาด้วย อีกท้งั อาจนาไปสู่ความล้มเหลวในการเรียนการสอนซ่ึงแสดงให้เห็นจาก
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีตกต่าของนักเรียนท่ีมีจุดอ่อนในเรื่องของการสะกดคา ดังน้ันการสอนสะกดคา
ภาษาองั กฤษ ครูควรสอนแบบทกั ษะสมั พนั ธ์ คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนใหส้ อดคลอ้ งกนั ผวู้ ิจยั
จึงไดใ้ ชช้ ุดการสอนซ่ึงประกอบดว้ ย แผนการจดั การเรียนรู้ หนงั สือฝึกการสะกดคา ชุด Amazing Words ชุด
แบบฝึกการสะกดคา และแบบทดสอบการสะกดคา เพอื่ ใหน้ กั เรียนพฒั นาความสามารถในการสะกดคา รวมไป
ถึงการพฒั นาทกั ษะในการฟัง พดู อ่าน และเขียน อยา่ งถูกตอ้ งเขา้ ใจและมีประสิทธิภาพต่อไป ซ่ึงกรอบแนวคิด
ของงานวจิ ยั คือ การผสมผสานระหว่างหลกั การสะกดคากบั หลกั Phonics เพอ่ื พฒั นาทกั ษะทางภาษาท้งั 4 ดา้ น
โดยท่ี 3 ส่วนน้ีจะถูกบูรนาการเขา้ ดว้ ยกนั

1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของกำรวิจยั

1) เพอ่ื พฒั นากระบวนการเรียนรู้ เร่ืองการสะกดคาภาษาองั กฤษ สาหรับนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่
1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง กรมอาชีวศกึ ษา จงั หวดั ระยองโดยใชช้ ุดการสอนสะกดคา

2) เพ่ือศึกษาประสิทธิภาพของชุดการสอน ซ่ึงประกอบดว้ ย หนังสือ Amazing Words ใบความรู้ สื่อ
การเรียนการสอนตา่ งๆ และชุดแบบฝึกทกั ษะการสะกดคา

3) เพอ่ื เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิในการสะกดคาภาษาองั กฤษของสาหรับนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1
วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง กรมอาชีวศกึ ษา จงั หวดั ระยองก่อนและหลงั การใชช้ ุดการสอนสะกดคา

4) เพ่ือศึกษาผลประสิทธิภาพการสอนสะกดคาและวิเคราะห์ผลการประเมินความพึงพอใจของ
นกั เรียนกลุ่มตวั อยา่ ง

1.3 สมมตฐิ ำน

1) ความแตกตา่ งของทกั ษะการสะกดคาของนกั เรียนส่งผลต่อความแตกต่างของความแปรปรวนของ
คะแนนเฉล่ียของนกั เรียนหรือไม่

H0 : คา่ ความแปรปรวนของคะแนนเฉล่ียของนกั เรียนไม่แตกต่างกนั
H1 : คา่ ความแปรปรวนของคะแนนเฉลี่ยของนกั เรียนแตกต่างกนั

2) ค่าเฉลี่ยคะแนนผลการทดสอบหลงั เรียนของนกั เรียนมากกว่าค่าเฉล่ียคะแนนผลการทดสอบก่อน
เรียนของนกั เรียนหรือไม่

H0 : คา่ เฉล่ียคะแนน Pre-test กบั คา่ เฉล่ียคะแนน Post-test ไม่ต่างกนั
H1 : คา่ เฉลี่ยคะแนน Pre-test นอ้ ยกวา่ ค่าเฉล่ียคะแนน Post-test

1.4 ขอบเขตกำรศึกษำวิจยั

ขอบเขตในการศึกษาวจิ ยั ไดแ้ ก่

1) ประชากร

ประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ีเป็ นนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาปี ที่ 1 วิทยาลัยเทคนิคระยอง กรม
อาชีวศกึ ษา จงั หวดั ระยอง ท้งั หมด 50คน

2) กลุ่มตวั อยา่ ง

กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการศึกษาวิจยั คร้ังน้ี คือ สาหรับนักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 วิทยาลยั เทคนิค
ระยอง กรมอาชีวศึกษา จงั หวดั ระยองในปี การศึกษา 2561จานวน 50 คน โดยผูว้ ิจยั ได้ทาการสุ่มแบบกลุ่ม
(Cluster random sampling) ด้วยการจบั ฉลาก จากกลุ่มประชากร สาหรับนักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1
วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง กรมอาชีวศกึ ษา จงั หวดั ระยอง ปี การศกึ ษา 2561 จานวน 2 หอ้ งเรียน ท้งั หมด 50 คน

3) เน้ือหาท่ีใช้

เน้ือหาจากหนงั สือ Project Play and Learn ระดบั อาชีวศึกษาปี่ ท่ี 1 บทที่ 6 – 9 และคลงั คา (Lexicon)
จากเอกสารของกลุ่มงานพัฒนาหลักสูตรสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาภูเก็ต รวมท้งั คาศัพท์ทั่วไปจาก
สิ่งแวดลอ้ มในหอ้ งเรียน

4) ตวั แปรที่ศึกษา

ตวั แปรอิสระ ไดแ้ ก่ ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ, ชุดแบบฝึก

ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ผลสมั ฤทธ์ิดา้ นการเรียนเร่ืองการสะกดคา

5) ระยะเวลาในการทดลองศึกษา

ดาเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปี การศกึ ษา 2561 ระยะเวลา 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วนั คือต้งั แต่วนั
จนั ทร์ถึงวนั ศกุ ร์ วนั ละ 3 คาบ คาบละ 20 นาที เป็นเวลา 25 ชว่ั โมง ช่วงเวลาดาเนินการวจิ ยั ท้งั สิ้น 2 เดือน (ต้งั แต่
เดือนมกราคม 2562 ถึงเดือนกมุ ภาพนั ธ์ 2562)

1.5 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ

นกั เรียนมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อนั จะส่งเสริมใหป้ ระสิทธิภาพการเรียนรู้ในการสะกดคาเพิ่มมากข้ึน
และสามารถยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าภาษาองั กฤษของนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี่ ท่ี 1 นอกจากน้ี
กิจกรรมท่รี ะบไุ วใ้ นชุดการสอนช่วยใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้อยา่ งสร้างสรรคแ์ ละสามารถนาไปบูรนาการณ์เขา้ กบั
ความรูอ้ ่ืนๆตลอดจนนาไปพฒั นาวธิ ีการเรียนรูอ้ ยา่ งต่อเน่ืองตอ่ ไป

ผวู้ จิ ยั นาแนวคดิ ของการจดั การความรู้ มีเกลียวความรู้ เป็ นแนวทางในการถ่ายทอด หมุนเวยี น แลกเปล่ียนและ
แบง่ ปันความรูเ้ ร่ืองการสะกดคา ท้งั น้ีเกลียวความรู้หรือ SECI Model ของ Nonaka & Takeuchi น้นั แบง่ ออกเป็ น
4 กระบวนการ ไดแ้ ก่ Socialization, Externalization, Combination และ Internalization ร่วมกบั การใชว้ งจร
PDCA (Plan --> Do --> Check --> Action) ของเดิมม่ิงเป็นตวั ขบั เคล่ือนใหค้ วามรู้เร่ืองการสะกดคาน้นั คงอยู่
และพฒั นาอยา่ งตอ่ เนื่อง

1.6 นิยำมคำศัพท์เฉพำะ/คำจำกดั ควำมทใ่ี ช้ในงำนวิจัย

1) การสะกดคา หมายถึง การนาพยญั ชนะ สระ และตวั สะกด มาประสมกันเป็ นคาท่ีมีความหมาย
สามารถ อ่าน พดู และเขียนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

2) ผลสมั ฤทธ์ิในการสะกดคา หมายถึง คะแนนท่นี กั เรียนไดจ้ ากการทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิการ
สะกดคา ซ่ึงผวู้ จิ ยั เป็นผสู้ รา้ งข้นึ

3) ประสิทธิภาพการสอน หมายถึง ผลการประเมินการจดั การเรียนการสอนของครู ท่ีไดจ้ ดั ข้ึนใน
ช่วงเวลาใดเวลาหน่ึงของแตล่ ะจุดประสงคก์ ารสอน หรือแตล่ ะบทเรียน ตามความประสงคข์ องผตู้ รวจสอบ

4) Phonics (Letter used to make sounds) หมายถึง ตวั อกั ษรที่ใชอ้ อกเสียงเป็ นกระบวนการ โดยสอน
โครงสร้างเสียงตวั อกั ษรตวั เดียวก่อน แลว้ จึงจะนาเสียงมารวมกนั หรืออาจกล่าวไดว้ ่า ตวั อกั ษรท่ีใชอ้ อกเสียง
เป็นวธิ ีการสอนการอ่านเสียงของตวั อกั ษรที่สร้างเป็ นคา (จากหนงั สือ English For Primary Teachers ของ Mary
Slatter & Jane Willis และแปลโดย ดร.มณีเพญ็ อภบิ าลศรี และ อาจารยอ์ ิศรา ประมูลศุข หนา้ 80)

5) หนังสือ Amazing Words หมายถึง นวตั กรรมท่ีผวู้ ิจยั สร้างข้ึนเพอื่ เป็ นส่วนหน่ึงของชุดการสอน
สะกดคาภาษาองั กฤษ ซ่ึงเน้ือหาของหนงั สือไดจ้ ากการรวบรวมคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษท่ีน่าสนใจ สาหรับนกั เรียน
ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 และมุ่งเนน้ ท่ีการสะกดคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ความหมายของคาท่ีสื่อดว้ ยรูปภาพ และ
ขอ้ สงั เกตของเสียงทีพ่ บบอ่ ย โดยมีจดุ มุ่งหมายใหน้ กั เรียน ไดฝ้ ึกฝนและเห็นถึงขอ้ สังเกตต่างๆของการสะกดคา
รวมท้งั ช่วยใหน้ กั เรียนออกเสียงคาศพั ทไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

6) Alphabet หมายถึง อกั ษรทีเ่ ป็นพยญั ชนะทกุ ตวั มกั ใชใ้ นการเรียกช่ือพยญั ชนะ

7) Consonant หมายถึง อกั ษรท่ีเป็นพยญั ชนะทกุ ตวั มกั ใชใ้ นการอธิบายเสียงพยญั ชนะ

8) Vowel หมายถึง อกั ษรทเี่ ป็นสระ เช่น a, e, i, o, u

9) Diphthong หมายถึง สระผสม เช่น ai, ei, ie, ea, ou

10) Double Consonants หมายถึง การซ้าพยญั ชนะ เม่ือพยญั ชนะตวั น้ันเป็ นตวั สะกด เสียงตวั สะกดจะ
เหมือนเสียงพยญั ชนะตวั เดียว ส่วนพยญั ชนะตวั สุดทา้ ยจะถูกขดี ท้งิ หรือละไว้

11) Consonant Digraph CK หมายถึง พยญั ชนะ “ck” เป็ นพยญั ชนะ 2 ตวั มกั เขียนติดกนั แต่ออกเสียง
เพยี งเสียงเดียวและมกั อยทู่ า้ ยคา เสียง “ck” จงึ เป็นเสียงลงทา้ ย

12) Consonant Digraph 4H ไดแ้ ก่ พยญั ชนะ “ch”, “sh”, “th”, “wh” เป็ นพยญั ชนะ 2 ตวั มกั เขียนติดกนั
แตอ่ อกเสียงเพยี งเสียงเดียว

13) Blends หมายถึง การควบกล้า ที่พบบ่อยไดแ้ ก่ l-blend, r-blend เป็ นการควบ l และ r ตามลาดบั ใน
การสะกดคาจะออกเสียงพยญั ชนะตน้ ควบกบั ตวั ควบกล้า

14) Silent letters หมายถึง ตวั อกั ษรเงยี บ เสียงที่หายไปมีท้งั เสียงพยญั ชนะและเสียงสระที่ไม่ออกเสียง
ส่วนมากเป็ นเสียงพยญั ชนะทีอ่ ยตู่ ิดกนั ตอนทา้ ยคา

15) Homophones หมายถึง คาท่ีออกเสียงเหมือนกนั แต่มีความหมายต่างกนั ปรกติแลว้ มกั มีตวั สะกด
ตา่ งกนั ดว้ ย

16) Magic e หมายถึง ตวั อกั ษร e มหศั จรรย์ ซ่ึงคาท่ีลงทา้ ยดว้ ย e แต่ไม่ออกเสียง เราจึงเรียกวา่ e ใบ้
หรือ e มหศั จรรย์ และเม่ือ e อยทู่ า้ ยคา กช็ ่วยเปล่ียนสระเสียงส้นั เป็นสระเสียงยาว

17) Compound words หมายถึง คาประสมหรือคาผสม เป็ นคาท่ีเกิดจากการรวมกนั ของคาต้งั แต่ 2 คา
ข้นึ ไปแลว้ เกิดเป็นคาใหม่ข้นึ ความหมายของคาประสม อาจจะตรงกบั คาเดิมหรือไม่กไ็ ด้ ซ่ึงมีท้งั คานาม คากริยา
คาคุณศพั ท์ หรือคาบุพบท

บทท่ี 2

ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วข้อง

2.1 แนวการจดั การเรียนการสอนภาษาองั กฤษระดบั นักศึกษำระดบั อำชีวศึกษำปี ท่ี
1 วทิ ยำลยั เทคนคิ ระยอง

แนวการจดั การเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามหลักสูตรน้ีมุ่งให้ผูเ้ รียนมีความสามารถในการสื่อสาร
ควบคูก่ นั 2 ดา้ น ไดแ้ ก่ ความสามารถในการใชภ้ าษาเพอื่ เขา้ สู่สงั คมและวฒั นธรรมและความสามารถในการใช้
ภาษา เพอื่ ส่ือความไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา และเหมาะสมกบั สถานการณ์ โดยมีแนวหลกั การดงั น้ี

1. จดั การเรียนการสอนโดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลาง

2. จดั การเรียนการสอนด้วยกิจกรรมที่มี ความหมายและหลากหลาย ฝึ กการสื่อสารในสถานการณ์
ตา่ งๆ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสามารถใชภ้ าษาในสถานการณ์จริง

3. จดั ให้ผูเ้ รียนไดฝ้ ึกฝนการสื่อสารดว้ ยการฟังและการพูดในระดับเตรียมความพร้อม เพิ่มเติมการ
ฝึกฝนการส่ือสารดว้ ยการอ่าน การเขียน และการสะกดคาในระดบั อ่านออกเขียนได้ และฝึ กฝนการส่งสารและ
รบั สารดว้ ยการฟัง พดู อ่าน และเขยี น ในการเรียนภาษาองั กฤษระดบั มาตรฐานพน้ื ฐานตอนตน้

ท้งั น้ีกระบวนการวดั ประเมินผลภาษาองั กฤษนกั ศึกษาระดบั อาชีวศกึ ษาป่ี ท่ี 1น้นั จะเนน้ การวดั ความสามารถ
ในการส่ือสารดว้ ยภาษาองั กฤษ ท้งั ในดา้ นการใชภ้ าษาเพอ่ื เขา้ สู่สงั คมและวฒั นธรรม และการใชภ้ าษา
เพอื่ ส่ือความไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา และเหมาะสมกบั สถานการณ์ วดั ท้งั ความสามารถในการ
ส่ือสารและความรู้ทางภาษา ผลของการวดั และประเมินผล เนน้ การประเมินพฤตกิ รรมการเรียนของ
ผเู้ รียนจากการเขา้ ร่วมกิจกรรมและความสามารถในการสื่อสารดว้ ยการฟังและพดู ระดบั อ่านออกเขียน
ได้ วดั และประเมินจากความสามารถในการใชภ้ าษาในดา้ นความเขา้ ใจ การฟัง พดู อ่าน เขียน และการ
สะกดคา ส่วนระดบั มาตรฐานพ้นื ฐานตอนตน้ วดั ความรู้ทางภาษาและความสามารถในการใชภ้ าษา
โดยประเมินใหค้ รบถว้ นท้งั 3 ลกั ษณะ คอื ประเมินผลก่อนเรียน ประเมินผลระหวา่ งเรียนและ
ประเมินผลภายหลงั เรียน ประเมินท้งั ภาคปฏิบตั ิ ภาคความรู้ และเจตคติ โดยเคร่ืองมือวดั และการ


Click to View FlipBook Version