The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sassy_mam, 2019-09-16 05:40:28

แบบประเมินการปฏิบัติงาน 1/62

ประเมินผลทห่ี ลากหลาย มีการวดั ระดบั มาตรฐานข้นั พน้ื ฐานทางภาษาของผเู้ รียน โดยใชก้ ารทดสอบ
มาตรฐานความรู้ความสามารถ (Proficiency Test) สาหรับผจู้ ะสาเร็จการศกึ ษา โดยสื่อการเรียนการ
สอนระดบั อาชีวศึกษาท่ดี ีมีหลายประเภท แตล่ ะประเภทมีคุณสมบตั เิ ฉพาะที่สามารถนามาใช้
ประกอบการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งน่าสนใจ สื่อเหล่าน้ีจะช่วยใหก้ ารเรียนการสอนภาษาองั กฤษพฒั นา
ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว นอกเหนือจากหนงั สือเรียน แบบฝึกหดั คู่มือครู และแถบบนั ทกึ เสียงประกอบบทเรียน
แลว้ สื่อภาษาองั กฤษท่พี บเห็นในชีวติ ประจาวนั (Authentic Materials) เช่น หนงั สือพมิ พ์ แบบฟอร์ม
ต่าง ๆ จดหมาย แผน่ ภาพ ป้ ายโฆษณา และอ่ืนๆ นอกจากน้ี สื่อของจริงท่ีพบเห็นรอบ ๆ ตวั ท้งั ในและ
นอกหอ้ งเรียนก็สามารถนามาใชส้ อนภาษาองั กฤษในระดบั อาชีวศึกษาปี่ ที่ 1ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ท้งั น้ีหาก
โรงเรียนมีความพรอ้ มก็อาจพจิ ารณาใชส้ ื่อท่เี ป็นเทคโนโลยที นั สมยั เช่น คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนภาษา
วดี ีทศั น์ ศูนยก์ ารเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง (Self Access Learning Center) ส่ือทางไกลและอ่ืน ๆ เป็นเคร่ืองช่วย
ใหผ้ เู้ รียนสามารถพฒั นาความสามารถในการใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วยงิ่ ข้นึ อุปกรณ์และส่ือดงั กลา่ วน้ี
ผสู้ อนสามารถเลือกใชห้ รือสรา้ งข้ึนใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณก์ ารเรียนการสอน สภาพหอ้ งเรียน
ระดบั และพน้ื ฐานทางภาษาของผเู้ รียน โดยจะตอ้ งแสวงหาความรู้เกี่ยวกบั สื่อและพจิ ารณาเลือกใชส้ ่ือ
จนสามารถนาสื่อแตล่ ะชนิดมาประกอบการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์
สูงสุดการเรียนการสอนภาษาองั กฤษในระดบั ประถมศกึ ษา จะตอ้ งเนน้ การใชภ้ าษาองั กฤษเป็นส่ือใน
การปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผสู้ อนกบั ผเู้ รียน และระหวา่ งผเู้ รียนกบั ผเู้ รียน โดยยดึ เป็นแนวปฏิบตั ิทส่ี าคญั
อนั จะก่อใหเ้ กิดความสามารถ ในการใชภ้ าษาองั กฤษเพอื่ การสื่อสารไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง

2.1 ทฤษฎแี ละงำนวจิ ยั ทเี่ กยี่ วข้องกบั กำรสะกดคำ

2.2.1 ความหมายของการสะกดคา

มีการศกึ ษาหลายทา่ นไดใ้ หค้ าจากดั ความของการสะกดคาไวต้ ่างๆกนั เช่น คาร์เตอร์ วี กูด (Good 1945 :
383) กล่าววา่ การสะกดคาเป็ นวธิ ีการจาตวั ได้ เกิดจากการใหช้ ่ือหรือออกเสียงตวั อกั ษรเป็ นตวั ๆไป และเช่ือมเขา้
เป็ นเสียงคาๆหน่ึงที่ทุกคนยอมรับ ซ่ึงคลา้ ยกบั คาจากดั ความของ โนอา เวบสเตอร์ (Webster 1965 : 2190) ซ่ึง
กล่าววา่ การสะกดคา คือศิลปะหรือเทคนิคในการจดั อกั ษรตา่ งๆใหเ้ ป็ นคาตามแบบที่ทกุ คนยอมรับ แต่จอร์จ เอช
วอลลินส์ (Vallins 1965 : 16) ไดใ้ ห้ความหมายของการสะกดคาท่ีแปลกออกไปวา่ การสะกดคาส่วนใหญ่คือ
เร่ืองราวเกี่ยวกบั ตา เวลาอ่านหนงั สือ ผอู้ ่านจะเห็นกระสวนของคาบนกระดาษ ซ่ึงจะแสดงให้เห็นถึงความหมาย
ของคาโดยไม่เก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองเสียงเลย จงึ ควรทีจ่ ะกล่าววา่ การสะกดคาเป็ นเรื่องที่ไม่เฉพาะเจอะจง การสะกด
คาจะกาหนดไดต้ ามรสนิยม และความคิดของผสู้ ะกดคาน้นั ๆ จากคาจากดั ความน้ี จะเห็นไดว้ ่าการสะกดคาเป็ น
เรื่องท่ีเกี่ยวกบั การกาหนดตวั อกั ษรหรือสญั ลกั ษณ์แทนเสียง เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ ขียนสามารถถ่ายทอดความคิดของตนเอง
ลงเป็นตวั หนงั สือ ใหผ้ อู้ ่านสามารถเขา้ ใจความหมายได้

2.2.2 ความสาคญั ของการสะกดคา

ประยทุ ธ วชั ระดิษฐ์ (2516 : 98) กล่าววา่ การสะกดคาเป็ นส่วนหน่ึงของการเขยี น เป็ นการฝึกทกั ษะการ
เขียนใหถ้ ูกตอ้ งและรวดเร็ว เพราะไม่วา่ นกั เรียนจะเรียนวิชาใด จะตอ้ งอ่านคาและประโยคไดพ้ รอ้ มกบั สามารถ
เขยี นบนั ทกึ ไดด้ ีอีกดว้ ย การสะกดคา จงึ เป็ นสิ่งจาเป็ นในการเรียนดา้ นภาษา ถา้ นกั เรียนอ่านออกเขยี นได้ สะกด
ถูกตอ้ ง นกั เรียนก็จะสามารถนาประโยชนไ์ ปใชใ้ นวชิ าอื่นๆไดอ้ ีกดว้ ย ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั คากล่าวของ เออร์เนส
ฮอร์น (Horn 1954 : 13) ซ่ึงไดก้ ล่าวถึงความสาคญั ของการสะกดคาวา่ การสะกดคาเป็ นองคป์ ระกอบสาคญั ทีจ่ ะ
เพม่ิ พนู ทกั ษะในการเขยี น นอกจากน้ี สมบรู ณ์ พรรณาภพ (2516 : 59) ไดเ้ นน้ ถึงความสาคญั ในการเขียนให้
ถูกตอ้ งของตวั สะกดวา่ การเขยี นใหถ้ ูกตอ้ งของตวั สะกดเป็ นสิ่งสาคญั มากในระดบั อาชีวศกึ ษาป่ีที่ 1 ซ่ึงเป็น
ระยะปลูกฝังความรู้พน้ื ฐาน การเขียนใดๆกต็ าม ครูควรจะยนื ยนั ให้ใหน้ กั เรียนเขยี นถูกตวั สะกด และเขา้ ใจ
ความหมายพรอ้ มกนั ซ่ึงในเร่ืองน้ี ไพจติ ร วฒั นากลู (2517 : 1) ไดส้ นบั สนุนวา่ ตวั อกั ษรท่เี ราเขียนลงไปน้นั ถา้
เราเขยี นผดิ ก็เหมือนกบั เราพดู ผดิ ความหมายของคาก็เปล่ียนแปรไป อาจทาใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจความหมายไปคนละ
อยา่ งกบั ทีผ่ เู้ ขียนตอ้ งการ หรือถึงกบั ไม่เขา้ ใจความหมายน้นั เลยก็ได้ การสะกดคาใหถ้ ูกตอ้ งน้ีมคี วามสาคญั อยา่ ง
ยงิ่ สาหรับการเขยี นดงั ท่ี เจมส์ ลูนเบอร์ก (Luneburg 1959 : 179) กล่าววา่ การสะกดคาจดั วา่ เป็ นหน่ึงใน
รายละเอียดท่ีมีบทบาทในชีวติ ประจาวนั การสะกดคาผดิ จะลดประสิทธิภาพของการเขยี นลง ปัจจบุ นั มีแนวโนม้
ท่จี ะพจิ ารณากาหนดหรือตดั สินระดบั คุณภาพของการศกึ ษาของบคุ คลจากอตั ราความถกู ตอ้ งในการสะกดคา
ของบุคคลน้นั ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั คากล่าวของ เออร์เนส ฮอร์น (Horn 1954 : 3) ที่ไดก้ ล่าวถึงความสาคญั ของการ
สะกดคาไวว้ า่ การเขยี นสะกดคาผดิ น้นั จะทาใหผ้ ทู้ ีม่ าร่วมงานเขยี นชิ้นน้นั ๆ มองเห็นคุณค่าของหรือ
ความสามารถของผเู้ ขียนต่าลง และนอร์แมน เลวสิ (Lewis 1963 : 7) ยงั กล่าวสนบั สนุนอีกวา่ เรามีโอกาสเขียน
หนงั สือสะกดตวั ผดิ ไดม้ าก ถา้ หากไม่ระมดั ระวงั และการเขียนผดิ จะทาให้ผอู้ ่านมองความสามารถในการเขยี น
ลดลงแลว้ ยงั ส่งผลกระทบถึงผลประโยชน์ที่สาคญั ของผเู้ ขยี นอีกดว้ ย ดงั เช่นทอี่ าจารยส์ อนภาษาไทยหลายทา่ น
ในปัจจบุ นั ไดพ้ จิ ารณาเห็นวา่ นกั ศึกษามกั เขยี นสะกดตวั ผดิ มีส่วนสาคญั มาก ถึงกบั ใหผ้ สู้ มคั รงาน พลาดโอกาส
ไม่ไดเ้ ขา้ ทางานในตาแหน่งตา่ งๆเน่ืองจากการเขียนสะกดการนั ตผ์ ดิ พลาด (นิตยา ฤทธิโยธี 2507 : 22)

2.2.3 ปัญหาในการสะกดคา

ดงั ท่ีกล่าวมาแลว้ ว่า การสะกดคามีความสาคญั มากในการส่ือสารโดยวิธีเรียน ท้งั น้ีเพราะทาใหผ้ ูอ้ ่าน
สามารถเขา้ ใจความหมายที่ถูกตอ้ งจากเร่ืองราวต่างๆได้ และการเขียนสะกดคาใหถ้ ูกตอ้ งนับวา่ เป็ นส่ิงสาคญั ใน
การฟัง พดู อ่าน และเขยี นเดก็ จาเป็นตอ้ งเรียนรู้คาท่ีเป็ นมาตรฐานในการเรียนเบ้ืองตน้ (รองรัตน์ อิศรภกั ดี และ
เทือก กุสุมา ณ อยธุ ยา 2516 : 146) ท้งั น้ีการสะกดคานับว่าสร้างปัญหาใหแ้ ก่ผเู้ ขียนมากพอสมควร คมคาย จง
เจริญสุข (2502 : 63) ไดก้ ล่าวถึงการสะกดคาไวว้ ่า ทกั ษะในการเขียนเป็ นทกั ษะอนั สุดทา้ ย การฟัง การพูดยอ่ ม
มาก่อน โดยปกติถ้าพูดได้ การอ่าน การเขียนก็ง่ายข้ึน โดยเฉพาะการเขียนรูปประโยคในความคิดใด ถ้า
แสดงออกโดยทางการพดู ไดแ้ ลว้ ก็ไม่มีปัญหาสาหรับการเขียน จะมีปัญหาอยใู่ นเร่ืองของการสะกดคา จึงตอ้ งมี
การฝึ กฝนใหเ้ พียงพอ แต่นกั เรียนเองยงั เขียนภาษาไม่ถูก สะกดก็ไม่ถูก ฉะน้นั จะเห็นว่าการเขียนสะกดคาให้
ถูกตอ้ งนับว่าเป็ นทกั ษะที่ค่อนขา้ งยาก และตอ้ งอาศยั ความสามารถพอสมควร ดงั ท่ี เจ เรมอนด์ เกอร์เบอริช
(Gerberich 1962 : 622) ไดก้ ล่าวถึงความยากในการเรียนรู้การเขียนสะกดคาไวว้ ่าการเรียนรู้การเขียนสะกดคา
ตอ้ งอาศยั ความสามารถอยา่ งยงิ่ ตอ้ งมีจนิ ตนาการสูง และความจาดีดว้ ย ซ่ึงธรรมชาติของความสามารถน้ีข้ึนอยู่
กบั ระดบั ความยากง่ายของพยญั ชนะและสระที่เรียงกันเขา้ เป็ นตวั ดว้ ยเหมือนกนั นอกจากน้ี นิยม เรียงจนั ทร์
(นิยม เรียงจนั ทร์ และชวาล แพรัตกุล 2524 : 46) ไดก้ ล่าวถึงปัญหาของการสะกดคาไวอ้ ย่างน่าสนใจว่า การ
เขยี นสะกดคาผดิ น้นั มกั เกิดจากเร่ืองเสียงของตวั อกั ษร หรือการถ่ายทอดเสียงลงไปเป็ นตวั อกั ษร กล่าวคือพยางค์
ที่มีเสียงเหมือนกนั แตม่ ีแบบของการสะกดคาต่างกนั จะเห็นไดว้ า่ เรื่องการสะกดคาน้นั เป็ นปัญหาของผเู้ ขียนใน
การถ่ายทอดเสียงลงไปเป็ นตวั อกั ษร เป็ นพยางค์ หรือเป็ นคาท่ีถูกตอ้ ง ดงั น้ันคนที่มีทกั ษะในการสะกดคาดี คือ
สามารถถ่ายทอดเสียงเป็ นพยางคห์ รือคาที่ถูกตอ้ งก็จะสามารถตดั ปัญหาในการเขียนสะกดผดิ ไปได้ แต่คนที่มี
ทกั ษะในการสะกดคาไม่ดี กจ็ ะทาใหเ้ กิดความไม่มน่ั ใจ และงานเขยี นออกมาก็ไม่ดีเท่าท่ีควร

เกอร์ทรูด ฮิลเดร็ท, สุไร ทพั กะสุต, มาเรียว เป่ ย และจอร์จ เอช วอลลินส์ (Hildreth 1955 : 3-5, 2498 :
15-16, Pei 1967 : 336-339, Vallins 1965 : 16) มีความเห็นตรงกนั เก่ียวกบั ปัญหาและความยงุ่ ยากในการสะกด
ตวั ในภาษาองั กฤษวา่ เร่ืองตวั สะกดในภาษาองั กฤษมกั จะก่อความยง่ิ ยากใหแ้ ก่ผเู้ ขียน แมแ้ ต่ผูเ้ ป็ นเจา้ ของภาษา
เอง เพราะคาบางคาสะกดอยา่ งเดียวกนั แตถ่ ึงเวลาออกเสียงจริงๆกลบั ออกเสียงผดิ เพ้ยี นไป แต่มีวิธีสะกดตวั ได้
ต่างๆซ่ึงไม่ไดม้ ีกฎเกณฑต์ ายตวั นอกจากผเู้ ขยี นจะตอ้ งอาศยั ความจาบา้ ง เพราะคาบางคาเป็ นขอ้ ยกเวน้ ในภาษา
ขณะเดียวกันพวกเขาได้กล่าวถึงความย่ิงยากหรือปัญหาในการสะกดคาในภาษาอังกฤษว่าเป็ นเพราะ
ภาษาองั กฤษไม่มีระบบคงทแ่ี น่นอน

แคทรีน ดี แบรอน (Baron 1965 : 16-21) ยงั กล่าวเพม่ิ เติมถึงสาเหตุที่ทาให้การสะกดคาในภาษาองั กฤษ
เกิดเป็นปัญหาข้นึ วา่ เป็ นเพราะเน่ืองจากลกั ษณะของคาเหล่าน้ันนั่นเอง และไดส้ รุปลกั ษณะท่ีเป็ นปัญหาไวว้ า่
เกิดจากการนาอกั ษรมาเรียงเขา้ ด้วยกนั (Letter Combination) โดยเฉพาะคาท่ีถ่ายทอดมาจากภาษากรีก เพราะ
ภาษากรีกและภาษาองั กฤษใชพ้ ยญั ชนะแทนเสียงตา่ งกนั ภาษาองั กฤษยงั มีตวั อกั ษรแทนเสียงจากดั อีกดว้ ย

2.2.1 ความม่งุ หมายในการสอนสะกดคา

ถา้ จะพจิ ารณาจุดมุ่งหมายในการสอนสะกดคาตามที่ เออร์เนส ฮอร์น (Horn 1954 : 14-15) ไดก้ าหนดไว้
จะพบวา่ การสะกดคามีจดุ มุ่งหมายดงั น้ี

1. หาทางพฒั นาความสามารถในการเขียนสะกดคาของนักเรียน โดยไม่จากดั เพียงการฝึ กเฉพาะคาที่
นกั เรียนรู้จกั เท่าน้ัน แต่รวมท้งั การเพาะนิสัยอิสระในการเขียน มีความรู้ในการเขียนคาต่างๆไดถ้ ูกตอ้ ง และ
สามารถทจ่ี ะตดั สินคาในงานเขียนอ่ืนๆวา่ สะกดผดิ ถูกเพยี งใด

2. การสะกดคาจดั ว่าเป็ นทกั ษะที่สมั พนั ธก์ บั ภาษา มีจุดมุ่งหมายท่ีจะส่งเสริมความต้งั ใจของนกั เรียน
ในการแสดงความรู้สึกดว้ ยการเขียน พฒั นาการในการสะกดคาข้ึนอยกู่ ับความสามารถทางภาษาศาสตร์ของ
นกั เรียนท่ีจะจาได้

3. เรียนและฝึกการสะกดคาเพอื่ เป็นเครื่องมือในการเขียนของนกั เรียน

4. ในการสะกดคาน้นั จาเป็นตอ้ งต้งั จุดมุ่งหมายเฉพาะในการสอน โดยพจิ ารณาจากความแตกต่างของ
นกั เรียน พ้นื ฐานประสบการณ์ของนกั เรียนแต่ละคน ความสามารถในการเรียนรู้ และความตอ้ งการเป็ นหลกั

การสอนให้เด็กรู้จกั สะกดคาเป็ นส่ิงสาคญั และจาเป็ นยง่ิ ที่ครูตอ้ งสอนให้เด็กไดฝ้ ึ กฝนอยา่ งสม่าเสมอ
ไม่วา่ เดก็ จะเรียนอยใู่ นช้นั ใดก็ตาม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ครูระดบั อาชีวศึกษา ควรจะสอนใหเ้ ดก็ เรียนรู้คาและสะกด
คาไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั วยั หรือระดบั ช้นั ของเด็ก เพ่ือใหเ้ ด็กไดใ้ ชค้ วามรู้ดา้ นน้ีสาหรับศึกษาวชิ าอื่นหรือเพือ่
ศึกษาในช้นั ท่ีสูงข้ึนต่อไป เพราะการเขียนสะกดคาได้ถูกตอ้ งจะช่วยใหผ้ ูอ้ ื่นเขา้ ใจขอ้ ความที่เขียนไดถ้ ูกตอ้ ง
รวดเร็ว ท้งั จะช่วยใหเ้ กิดทศั นคตแิ ก่ผทู้ ่ไี ดม้ าอ่านขอ้ ความท่เี ขียนน้นั ดว้ ย (นิตยา ฤทธิโยธี 2507 : 402-403)

รองรตั น์ อิศรภกั ดี และเทอื ก กุสุมา ณ อยธุ ยา (2516 : 121, 146) ไดใ้ ห้ความเห็นเกี่ยวกบั จุดมุ่งหมายใน
การสอนสะกดคาไวว้ า่ การสอนสะกดคาเป็ นสิ่งสาคญั และจาเป็ นในการวางพ้ืนฐานของการเรียน การสอน
สะกดคาในช้นั ประถมศึกษา มีจุดมุ่งหมายดงั น้ีคือ

1. ช่วยใหเ้ ด็กไดร้ ู้จกั คาต่างๆทจี่ าเป็ นในชีวติ ประจาวนั เพอื่ ช่วยใหเ้ ดก็ เขยี นเป็ นเรื่องราวต่างๆได้

2. ช่วยใหเ้ ดก็ รู้จกั สะกดคาตา่ งๆไดถ้ ูกตอ้ ง

3. ช่วยส่งเสริมใหเ้ ด็กรูจ้ กั ใชค้ าตา่ งๆไดก้ วา้ งขวางข้ึน

4. ช่วยใหเ้ ด็กคน้ ควา้ และคดิ หาคาใหม่ๆตามที่เดก็ ตอ้ งการ

จะเห็นไดว้ ่า การสอนสะกดคาน้ันมีจุดมุ่งหมายท่ีจะฝึ กให้นักเรียนเขียนไดถ้ ูกตอ้ ง และสร้างเสริม
ความสามารถ รวมท้งั ทกั ษะในการเขียนใหถ้ ูกตอ้ งรวดเร็ว ตลอดจนรู้จกั ใชค้ าต่างๆในงานเขียนของตนไดอ้ ยา่ ง
กวา้ งขวางอีกดว้ ย

2.2.1 ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงกำรอ่ำน กำรออกเสียง และกำรสะกดคำ

ประเทนิ มหาขนั ธ์ (2519 : 63) มีความเห็นเกี่ยวกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการอ่านและสะกดคาว่า ครูพงึ
เขา้ ใจวา่ ความสามารถในการสะกดคาของเดก็ น้นั จะเจริญขนานไปกบั ความสามารถในการอ่าน เด็กที่อ่านคล่อง
การสะกดคาก็จะดีดว้ ย การทจี่ ะใหเ้ ดก็ ที่อ่านหนังสือไม่คล่องมีความสามารถในการสะกดคาเท่าเทียมกบั เด็กที่
อ่านคล่องน้นั ย่อมทาไม่ได้ รองรัตน์ อิศรภกั ดี และเทือก กุสุมา ณ อยธุ ยา (2516 : 132) มีความเห็นเพม่ิ เติม
เกี่ยวกบั เร่ืองน้ีวา่ ในการสอนสะกดน้นั ครูจาเป็ นตอ้ งหาวธิ ีชกั จูงใหเ้ ด็กอยากเขียน อยากรู้คาใหม่ๆ และจดจาไว้
การวดั ส่ิงแวดลอ้ มและหาวธิ ีกระตุน้ เรา้ ใจเด็กเป็ นสิ่งสาคญั เดก็ ทีอ่ ่านไดม้ ากเพราะจาตวั อกั ษรต่างๆได้ สะกดตวั
ได้ กพ็ ร้อมทีจ่ ะเขยี นและสะกดคายากได้ ดงั น้นั การอ่านก็ควรจะควบคู่ไปกบั การเขียน เด็กท่ีจาเป็ นตอ้ งให้การ
อ่านหนงั สือไม่ออกเพราะจาตวั อกั ษรไม่ได้ ก็ยอ่ มจะสะกดคาไม่ไดเ้ ป็ นของธรรมดา ครูจาเป็ นตองให้การอ่าน
การเขียนและการสะกดคา สัมพนั ธ์เก่ียวเน่ืองกนั ไป จะเห็นไดว้ ่าการสะกดคากบั การอ่านมีความสัมพนั ธ์สูง
การศึกษาเกี่ยวกับเสียงของภาษาจะทาให้เด็กสะกดคาง่ายๆได้ถูกตอ้ ง ประเทิน มหาขนั ธ์ (2519 : 60) ให้
ความเห็นเก่ียวกบั การสอนออกเสียงเวลาสะกดคาว่าการสอนสะกดคาจะไดผ้ ลต่อเมื่อครูสอนให้ออกเสียงการ
สอนเก่ียวกบั การผนั อกั ษรจะเป็ นการผนั คนเดียว หรือใหผ้ นั ท้งั ห้องโดยออกเสียงพร้อมกนั น้ัน เป็ นประโยชน์

อยา่ งยง่ิ สาหรบั การสะกดคา เพราะเด็กไดฟ้ ังเสียง ไดเ้ ปล่งเสียงดว้ ยตนเอง ไดม้ องเห็นภาพของตวั อกั ษรที่คู่กบั
เสียงน้ันๆ ทาให้เด็กสะกดคาไดไ้ ม่ผดิ พลาด การสอนโดยให้นักเรียนผนั อกั ษรนบั ว่าเป็ นการกระทาท่ีถูกตอ้ ง
ควรนามาใชเ้ พราะจะทาใหเ้ ดก็ สะกดคาไดด้ ีที่สุด

เฟอร์เนส (Fernes 1960 : 46) อ้างถึงใน ประเทิน มหาขนั ธ์ (2519 : 60) ได้ศึกษาถึงความสัมพนั ธ์
ระหวา่ งการสอนเกี่ยวกบั การออกเสียงและการสะกดคา โดยจดั แบ่งเด็กออกเป็ น 2 กลุ่ม คือเด็กปกติ และกลุ่ม
เด็กหูหนวก ซ่ึงเด็กท้ัง 2 กลุ่มน้ีมีความสามารถในการอ่านเท่ากัน ผลปรากฎว่า เด็กกลุ่มหูหนวกน้ันมี
ความสามารถในการสะกดคาดอ้ ยกวา่ เดก็ ปกตถิ ึงร้อยละ150 ดงั น้นั สรุปไดว้ า่ การสอนเร่ืองเสียงมีความสมั พนั ธ์
กบั การสอนสะกดคาเป็นอนั มาก

นอกจากน้ี เทมพลิน (Templin 1957 : 84) อา้ งถึงใน ประเทิน มหาขนั ธ์ (2519 : 60) ไดศ้ ึกษาในเรื่อง
เดียวกนั น้ี โดยใชเ้ ด็กจานวน 318 คน ในระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1 ของโรงเรียนรัฐบาล เพื่อคน้ หาความสัมพนั ธ์
ระหวา่ งความรู้เร่ืองการออกเสียงกบั การสะกดคา โดยตอ้ งการทราบว่า เด็กท่ีสะกดคาไดด้ ีและเลว จะมีความรู้
เก่ียวกบั การออกเสียงเพียงใด รวมท้งั เด็กท่ีอ่านไดด้ ีและเลว จะมีความรู้เก่ียวกบั การออกเสียงเพยี งใด ซ่ึงเทมพ
ลินใชแ้ บบทดสอบ 3 แบบคือ ทดสอบเสียงท่ีมีความหมาย ทดสอบเสียงของคาที่ไม่มีความหมาย และทดสอบ
เสียง (ท่ีไม่มีคา) สาหรับแบบทดสอบการอ่านและการสะกดคาน้ัน เขาใช้แบบทดสอบความสัมฤทธ์ิผลใน
ระดบั กลางของสแตนฟอร์ด และแบบทดสอบการอ่านของซลั ลิแวน ผลการศกึ ษาปรากฎวา่

1. เด็กนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาป่ี ท่ี 1ยงั ตอ้ งการความรูเ้ ก่ียวกบั การออกเสียงอีกมาก

2. สหสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความรูใ้ นการออกเสียงกบั การสะกดคา มีค่าสูงกว่าความรู้ในการออกเสียงกบั
คาอ่าน

3. เด็กที่มีความสามารถในการสะกดตวั จะไดค้ ะแนนสูงในแบบทดสอบทุกฉบบั ยกเวน้ ฉบบั เดียว
คือ แบบทดสอบจาแนกเสียง

4. เดก็ ท่มี ีความสามารถในการอ่าน จะไดค้ ะแนนสูงในแบบทดสอบทุกฉบบั

นอกจากน้ียงั มีการศึกษากนั อยา่ งกวา้ งขวางเกี่ยวกบั การอ่าน และการออกเสียงสะกดคา เดวดิ รัสเซล
(Russel 1961 : 412) อา้ งถึงใน ประเทนิ มหาขนั ธ์ (2519 : 61) ไดศ้ ึกษาถึงเรื่องน้ี โดยการแบ่งเดก็ ออกเป็ น 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มปกติ กบั กลุ่มลา้ หลงั ท้งั น้ีเพอื่ เปรียบเทียบเดก็ ท้งั สองกลุ่มในเรื่อง ทศั นคติ วิธีเขียนสะกดคาใหม่ๆ การ

อ่าน และการออกเสียงสะกดคา ตลอดจนการสังเกตรูปคา ผลแห่งการศึกษาโดยการเปรียบเทียบเด็ก 2 กลุ่ม
ปรากฎผลดงั น้ี

1. ในกลุ่มปกติน้นั ยงิ่ เด็กมีทศั นคติที่ดีต่อการสะกดคาเพยี งไร เด็กก็ยง่ิ ไดค้ ะแนนการจาแนกการฟัง
สูงข้นึ

2. เด็กกลุ่มลา้ หลงั ไดค้ ะแนนเกี่ยวกบั การเพม่ิ ตวั อกั ษรในการสะกดคาสูง

3. เด็กกลุ่มปกติจะไดค้ ะแนนเฉลี่ยเก่ียวกบั การสะกดคาสูงกวา่ เด็กกลุ่มลา้ หลงั

4. เด็กกลุ่มปกติไดค้ ะแนนเฉล่ียเก่ียวกบั ความเร็วและความแม่นยาในการอ่านสูงกวา่ เด็กกลุ่มลา้ หลงั

5. เด็กกลุ่มปกตไิ ดค้ ะแนนคดั ลายมือโดยแบบทดลองของ ธอร์นไดค์ สูงกวา่ เด็กกลุ่มลา้ หลงั

6. เดก็ กลุ่มปกติจะออกเสียงสะกดคาผดิ นอ้ ยกวา่ เด็กกลุ่มลา้ หลงั

จากการศึกษาเด็กเป็นรายบคุ คลสืบเน่ืองจากการวจิ ยั เรื่องน้ี ผลปรากฎว่าการออกเสียงที่ผิดพลาด ความ
ไม่สามารถที่จะเปล่ียนเสียงใหเ้ ป็ นตวั อกั ษรไดถ้ ูกตอ้ ง ทาให้การสะกดคาไม่ไดผ้ ล สาหรับเด็กกลุ่มปกติที่ได้
คะแนนเฉลี่ยสูงกวา่ ในทุกดา้ นน้นั เป็ นเพราะการออกเสียงสะกดคาเป็ นไปอยา่ งถูกตอ้ ง สะกดคาแปลกๆและคาที่
มีหลายพยางคไ์ ดด้ ี

จากเอกสารท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การสอนการเขียนสะกดคาน้ี พอสรุปไดว้ า่ การสะกดคาน้นั มีความสาคญั
และเป็ นพ้นื ฐานของการอ่านและการเขยี น การสะกดคาเป็นส่วนหน่ึงของการเรียน ซ่ึงตอ้ งอาศยั ท้งั การมองเห็น
การฟัง การเปล่งเสียง การอ่าน และการนึกคิดอนั จะช่วยใหส้ ามารถเขียนสะกดคาท่ีถูกตอ้ งดว้ ย ส่วนการเขียน
สะกดคาเป็ นแขนงหน่ึงของการเขียนและนาไปใชใ้ นการเขียนแทบทุกสาขาวิชา ในระยะแรกคาที่นามาสอน
ควรเป็ นคาท่ีนักเรียนมีประสบการณ์ เป็ นคาที่มีความหมาย เป็ นคาที่เหมาะกับระดับช้ันและวยั ของนักเรียน
ความพรอ้ มในการสะกดคาของเดก็ เป็นสิ่งสาคญั และครูควรจดั กิจกรรมเพอื่ สร้างความพร้อมในการสะกดคาแก่
เด็ก ควรสร้างเสริมทศั นคติที่ดีต่อการสะกดคาใหแ้ ก่เด็ก และการคานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคลในการ
สะกดคาของเด็กแต่ละคนด้วย และสิ่งท่ีจะช่วยให้นักเรียนสนุกสนานกับการเขียนสะกดคาและจาไดอ้ ย่าง
แม่นยา ได้แก่ กิจกรรม เกม การให้รางวลั เป็ นตน้ อันจะส่งผลให้การเขียนสะกดคาของนักเรียน ประสบ
ความสาเร็จ และสามารถนาไปใชใ้ นดา้ นอ่ืนๆไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพดว้ ย

2.1 กำรสอนโดยใช้ชุดกำรสอน

2.3.1 ความหมายของชุดการสอน

บญุ เก้ือ ควรหาเวช( 2543 : 91) กล่าววา่ ชุดการสอน หรือ ชุดการเรียนมาจากคาวา่ Instructional
Package หรือ Learning Package เดิมท่เี ดียวเขา้ ใจวา่ ใชค้ าวา่ ชุดการสอน เพราะเป็นสื่อทคี่ รูนามาใช้
ประกอบการสอน แต่ตอ่ มาแนวความคดในการยดึ เดก็ เป็ นศูนยก์ ลางในการเรียนไดเ้ ขา้ มามีอิทธิพลมากข้นึ การ
เรียนรู้ท่ดี ีควรจะใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนเองจงึ มีผนู้ ิยมเรียกชุดการเรียนกนั มากข้ึน บางคนอาจจะเรียกรวมกนั ไปเลยวา่
ชุดการเรียนการสอน

ชุดการสอน ยงั จดั เป็นนวตั กรรมการศึกษาชนิดหน่ึงของไทยทไี่ ดร้ บั ความสนในของนกั ศกึ ษาและ
ผสู้ อนทว่ั ไปอยา่ งมาก ตามลกั ษณะและความหมายของชุดการสอนน้นั จดั วา่ เป็ นส่ือการสอนชนิดหน่ึงซ่ึงเป็ น
ชุดส่ือประสม (Multi –media) หมายถึง การใชส้ ื่อการสอนต้งั แต่สองชนิดข้ึนไปร่วมกนั เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับ
ความรูต้ ามทีต่ อ้ งการ ส่ือทน่ี ามาใชร้ ่วมกนั น้ีจะช่วยเสริมประสบการณ์ซ่ึงกนั และกนั ตามลาดบั ข้นั ทจ่ี ดั ไว)้ ท่จี ดั
ข้นึ สาหรับหน่วยการเรียนตามหวั ขอ้ เน้ือหา และประสบการณ์ของแตล่ ะหน่วยท่ตี อ้ งการจะใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับ โดย
จดั เอาไวเ้ ป็นชุดๆบรรจอุ ยใู่ นซอง กล่อง หรือกระเป๋ า ก็แลว้ แต่ผสู้ รา้ งจะทาข้นึ ในการสรา้ งชุดการสอนน้ีจะใช้
วธิ ีระบบเป็ นหลกั สาคญั ดว้ ยจึงทาใหม้ นั่ ใจไดว้ า่ ชุดการสอนจะสามารถช่วยใหผ้ เู้ รียนไดร้ บั ความรู้อยา่ งมี
ประสิทธิภาพ และยงั ช่วยใหผ้ ูส้ อนเกิดความมน่ั ใจพรอ้ มสอนอีกดว้ ย

บญุ ชม ศรีสะอาด (อา้ งอิงใน กองวจิ ยั ทางการศกึ ษา,2543: 65) กล่าววา่ ชุดการสอน(Instructional
Package) คือ สื่อการเรียนหลายอยา่ งประกอบกนั จดั เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เป็นชุด (Package) เรียกวา่ ส่ือประสม( Multi
Media) เพอื่ มุ่งใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ มีชื่อเรียกหลายอยา่ งเช่น Learning Package ,
Instructional Package หรือ Instructional Kits นอกจากจะใชส้ าหรบั ผเู้ รียนเป็นรายบุคคลแลว้ ยงั ใชป้ ระกอบการ
สอนแบบอื่น เช่น ประกอบการบรรยาย การเรียนเป็นกลุ่มยอ่ ย การใชช้ ุดการสอนสาหรับการเรียนเป็นกลุ่มยอ่ ย
จะจดั ในรูปของศูนยก์ ารเรียน (Learning Center) ในหอ้ งเรียนจะจดั ออกเป็ นศนู ยห์ ลายๆศูนย์ แตล่ ะศูนยอ์ าจมี
ชุดการเรียนยอ่ ยประจาศูนยน์ ้นั ๆ เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนหมุนเวยี นกนั เรียนเป็ นกลุ่มๆ

บทที่ 3

วธิ ีดาเนินการ

ในการทารายงานผลการจดั การเรียนรู้ โดยใชช้ ุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ สาหรับนกั ศกึ ษาระดบั
อาชีวศกึ ษาป่ี ที่ 1 วชิ าภาษาองั กฤษ เรื่องการพฒั นาการสะกดคาภาษาองั กฤษ ของนกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศกึ ษาปี่ ท่ี
1หอ้ ง 1/1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง (นางสาวศศิธร งามแพง ) ผสู้ อนไดด้ าเนินการตามข้นั ตอนต่างๆ แบง่ เป็น 3
ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 การพฒั นาแผนการจดั การเรียนรู้ ตอนที่ 2 การพฒั นาชุดการสอน ตอนท่ี 3 การดาเนินการ
ใช้ ดงั มีรายละเอียดตอ่ ไปน้ี

ตอนท่ี 1 กำรพฒั นำแผนกำรจัดกำรเรียนรู้

3.1 ศึกษำและวเิ ครำะห์หลักสูตรกล่มุ สำระภำษำต่ำงประเทศ

ในการศกึ ษาและวเิ คราะห์หลกั สูตรวชิ าภาษาองั กฤษ นักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาป่ี ท่ี 1ผวู้ จิ ยั ดาเนินการ
ดงั น้ี

1) วเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบของรายวชิ า โดยจาแนกออกเป็ น 3 ส่วน คือ กิจกรรม เน้ือหา และผล
การเรียนรู้ท่คี าดหวงั

2) วเิ คราะห์กิจกรรมรายวิชาภาษาองั กฤษ โดยนาเอากิจกรรมท่ีกาหนดในรายวิชามาวเิ คราะห์
หารูปแบบการสอน

3) วเิ คราะหส์ าระการเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ โดยนาเอาเน้ือหาหลกั ของรายวิชามาวเิ คราะห์
เน้ือหายอ่ ย

4) วเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ท่คี าดหวงั โดยนาเอาผลการเรียนทีค่ าดหวงั แตล่ ะขอ้ มาจาแนกเป็ นดา้ น
คือ ดา้ นความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และดา้ นคุณลกั ษณะ

3.2 จดั หน่วยกำรเรียนรู้รำยวชิ ำภำษำองั กฤษ โดยนำเอำเนื้อหำหลกั ของรำยวชิ ำมำวเิ ครำะห์

เนื้อหำย่อย

ในปัจจุบนั ภาษาองั กฤษเป็นภาษาที่มีความสาคญั ในการติดต่อส่ือสารของคนหลายประเทศ และประเทศไทยเป็ น
ประเทศหน่ึงทกี่ าลงั กา้ วสู่การเป็นสงั คมแห่งขอ้ มูลขา่ วสาร อีกท้งั โอกาสทคี่ นไทยไดท้ าการตดิ ตอ่ สื่อสารกบั
ชาวตา่ งชาติมีมากยง่ิ ข้นึ ดงั น้นั จาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีคนไทยจะตอ้ งเตรียมความพรอ้ มในดา้ นความสามารถทาง
ภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่ือสาร ผวู้ จิ ยั จึงมุ่งพจิ ารณาสาระการเรียนรู้นกั ศึกษาระดบั อาชีวศกึ ษาป่ี ท่ี 1ในสาระท่ี 1 :
ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร และมาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจกระบวนการฟัง และการอ่าน สามารถตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่าน
จากสื่อประเภทตา่ ง ๆ และนาความรู้มาใชอ้ ยา่ งมีวจิ ารณญาณ สาระท่ี 2 : ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 :
เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย
และนามาใชอ้ ยา่ งมีวจิ ารณญาณ

โดยผูว้ ิจยั ไดค้ ดั เลือกผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั เรื่องการอ่านออกเสียงคา กลุ่มคา และประโยคง่ายๆได้
ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่านออกเสียง และเขา้ ใจความแตกต่างระหวา่ งภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยในเรื่องเสียง สระ
พยญั ชนะ คา วลี ประโยค และขอ้ ความงา่ ยๆ และ นาไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งซ่ึงมีสาระการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ คา กลุ่มคา
และประโยค หลกั การอ่านออกเสียง เสียงสระ พยญั ชนะ คา วลี ประโยค และ ขอ้ ความง่ายๆ มาวเิ คราะห์ร่วมกบั
การจดั หน่วยการเรียนรู้ท่มี ุ่งเนน้ การพฒั นาทกั ษะการสะกดคา เพอื่ นามาจดั ทานวตั กรรมตอ่ ไป

3.1 คดั เลือกหน่วยกำรเรียนรู้เพอ่ื ทำนวัตกรรม

จากการวเิ คราะหห์ ลกั สูตร ผวู้ จิ ยั จดั หน่วยการเรียนรู้วชิ าภาษาองั กฤษ สาหรบั นกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศึกษา
ป่ี ที่ 1 ตามผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวงั และสาระการเรียนรู้ ขา้ งตน้ รวมท้งั ทาการวิเคราะห์หลกั สูตรสู่การออกแบบ
หน่วยการเรียนรู้ จากน้นั จดั หน่วยการเรียนรู้ยอ่ ย ท้งั น้ีผวู้ จิ ยั ตระหนกั ดีวา่ การสอนภาษาองั กฤษให้ผเู้ รียนใชภ้ าษา
ในการตดิ ต่อสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งน้นั พบวา่ ปัญหาข้นั พน้ื ฐาน คอื นกั เรียนสะกดคาภาษาองั กฤษไม่เป็ น อนั จะ
นาไปสู่ปัญหาในการพฒั นาทกั ษะทางภาษาด้านอื่นๆอีกมากมาย ดงั น้ันผูว้ ิจยั ไดแ้ บ่งหน่วยการเรียนรู้ตาม
วตั ถุประสงคใ์ นการพฒั นาการสะกดคาของนกั เรียน ซ่ึงสามารถแบ่งเป็ นหน่วยการเรียนรู้ยอ่ ย 20 หน่วย ไดแ้ ก่
ช่ือและเสียงพยญั ชนะ, สระน่ารู้, Short a words, Long a words, Short e words, Long e words, Short i words,
Long i words, Short o words, Long o words, Short u words, Long u words, Blends, Double Consonants,
Consonant Digraph CK, Consonant Digraph 4H, Silent letters, Homophones, Magic e และCompound words
จากน้นั จดั ทากาหนดการสอนรายแผนการจดั การเรียนรูต้ ่อไป

3.2 ศึกษำค้นคว้ำนวตั กรรมกำรจัดกำรเรียนรู้

ผูว้ ิจยั ได้ศึกษา คน้ ควา้ เก่ียวกบั นวตั กรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกบั หน่วยการเรียนรู้น้ี พบว่ามีหลาย
นวตั กรรม กองวิจยั ทางการศึกษา กรมวิชาการ (มาลี ไข่มุกข์ 2547 : 4-5) ไดท้ าการสังเคราะห์วิธีการสอน
ภาษาองั กฤษ พบวา่ มีงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เทคนิคการสอนภาษาองั กฤษนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาป่ี ท่ี 1โดย
พจิ ารณาจากช่ือเทคนิควธิ ีการสอน เฉพาะในงานวจิ ยั แต่ละเรื่อง มี 16 เทคนิค ไดแ้ ก่ เทคนิควธิ ีการสอนแบบมุ่ง
ประสบการณ์ภาษา การเรียนเพอ่ื รอบรู้ Synectic เทคนิควธิ ีสอนเพอ่ื ใหเ้ กิดมโนมติบรูเนอร์ เทคนิควธิ ีสอนโดย
ใชก้ ิจกรรมคดั สรรเพอ่ื การสื่อสาร การเรียนแบบร่วมมือ เทคนิคการสอนแบบกลุ่มสัมพนั ธ์ เทคนิคการสอนโดย
สื่อเพอื่ ช่วยสอน เทคนิคการสอนที่เนน้ กระบวนการ เทคนิคการสอนการสร้าง Diagram การสอนการอ่านตาม
หลกั สทั ศาสตร์ เทคนิคการสอนแบบบรรณบาบดั รกั ษา เทคนิคการสอนที่เนน้ โครงสร้างระดบั ยอด เทคนิคการ
สอนการจดั กลุ่มคา การใชเ้ กมและการใชส้ ่ือ จากน้นั ผวู้ จิ ยั ไดพ้ จิ ารณาแลว้ เห็นวา่ รูปแบการสอนทีเ่ หมาะสมที่สุด
คอื การใชช้ ุดการสอน

3.3 เขียนแผนกำรจดั กำรเรียนรู้

เน่ืองจากผวู้ จิ ยั ไดแ้ บง่ หน่วยการเรียนรู้ตามวตั ถุประสงคใ์ นการพฒั นาการสะกดคาภาษาองั กฤษ โดยใช้
ชุดการสอนเป็นนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ ดงั น้นั นาหน่วยการเรียนรู้มาเป็ นกรอบในการเขียนแผนการจดั การ
เรียนรู้ โดยผวู้ จิ ยั ไดท้ าเป็นกาหนดการสอนรายแผน

สร้างแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงภายในแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ย สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน
การเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เน้ือหาทางภาษา สื่อการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้
(Warm up, Presentation, Practice, Production Wrap up) การวดั และการประเมินผล กิจกรรมเสนอแนะ รวมไป
ถึงแบบบนั ทึกและประเมินทกั ษะการสะกดคาภาษาองั กฤษหลังจากที่ผูว้ ิจยั ดาเนิ นการเขียนแผนการจดั การ
เรียนรูเ้ รียนรู้เรียบร้อยแลว้ ไดใ้ หผ้ เู้ ชี่ยวชาญพจิ ารณาตรวจสอบแผนการจดั การเรียนรู้ดงั กล่าว

เม่ือผูเ้ ช่ียวชาญตรวจพิจารณาแผนการจดั การเรียนรู้ท้งั หมดแลว้ ผูว้ ิจยั นากลบั มาปรับปรุงแกไ้ ขตาม
คาแนะนาและขอ้ เสนอแนะของผูเ้ ช่ียวชาญท้งั 5 ท่าน จากน้ันจึงนาแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีปรับปรุงแลว้ ไป
ทดลองสอนกับนักเรียนซ่ึงไม่ใช่กลุ่มตวั อยา่ ง (นกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาป่ี ท่ี 1/1 จานวน 12 คน) และไดน้ า
ขอ้ มูลการการทดลองสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้มาปรับปรุงแกไ้ ขใหเ้ ป็ นแผนการจดั การเรียนรูท้ ี่สมบรู ณ์

ตอนท่ี 2 กำรพัฒนำชุดกำรสอน

3.1 ศึกษำข้อมูลเบือ้ งต้น
ผวู้ จิ ยั ทาการศึกษารายละเอียดของเน้ือหาการสะกดคาภาษาองั กฤษอยา่ งละเอียด ตลอดจนศึกษาเทคนิค

และวิธีการสร้างชุดการสอนจากเอกสารต่างๆ รวมท้งั คู่มือครู เพ่ือเป็ นแนวทางในการกาหนดพฤติกรรมท่ี
ตอ้ งการ จากน้นั ผวู้ จิ ยั ไดป้ รึกษาผเู้ ชี่ยวชาญในการสร้างชุดฝึกในชุดการสอนการสะกดคาภาษาองั กฤษ สาหรับ
นกั ศึกษาระดบั อาชีวศกึ ษาป่ี ที่ 1

3.2 กำรสร้ำงชุดกำรสอน

สาหรับการสร้างชุดการสอนเพื่อพฒั นาการสะกดคาภาษาองั กฤษของนักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี่ ท่ี 1
น้นั ผวู้ จิ ยั เร่ิมจากการศกึ ษาวธิ ีการสร้างชุดการสอน การออกแบบแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีดี คู่มือครู และเอกสาร
ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การการสะกดคา ตลอดจนการกาหนดขอบเขตและวตั ถุประสงคข์ องนวตั กรรม และกาหนดเคา้
โครงนวตั กรรมชุดการสอนการสะกดคาภาษาองั กฤษ ประกอบดว้ ย หนงั สือ Amazing Words ใบความรู้ ส่ือการ
การสอนตา่ งๆ บตั รอกั ษร บตั รคา กิจกรรมการเรียนการสอน และชุดแบบฝึกทกั ษะการสะกดคา

จากน้นั กาหนดรูปแบบของนวตั กรรมชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ ซ่ึงคานึงถึงความถูกตอ้ งและ
เน้ือหาตามหลกั วชิ าการ โดยใหผ้ เู้ ช่ียวชาญ 4 ทา่ น

ผเู้ ชี่ยวชาญทาการประเมินความสอดคลอ้ งของชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ โดยใชแ้ บบสอบถาม
ความคิดเห็นของผทู้ รงคุณวุฒิ เกี่ยวกบั ชุดการสอน การวเิ คราะห์ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการคานวณหาค่าเฉลี่ย (X-bar)
และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวเิ คราะหเ์ น้ือหา (Content Analysis) ดงั รายการต่อไปน้ี

 ความสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตร

 ความเหมาะสมของบทบาทของครูในการเรียนการสอน

 ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
 สามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริงทกุ ข้นั ตอน

 เน้ือหามีความยากง่ายเหมาะสมกบั นกั เรียน
 กิจกรรมการเรียนการสอนที่จดั ไวส้ อดคลอ้ งกบั เวลา
 ความเหมาะสมของสื่อการเรียนการสอน
 กิจกรรมการเรียนการสอนทจ่ี ดั ไว้ เรา้ ความสนใจของนกั เรียน
 ชุดการสอนสะกดคาช่วยพฒั นาทกั ษะการสะกดคาของนกั เรียนได้
 ความเหมาะสมของการวดั และประเมินผล
มาตราส่วนทเ่ี ป็นมาตราประเมินค่า 5 ระดบั ของลิเคอร์ท มีการกาหนดค่าระดบั ความคิดเห็นแต่ละช่วง
คะแนนและความหมายดงั น้ี
เหมาะสมอยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด ใหค้ ่าระดบั เท่ากบั 5
เหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก ใหค้ า่ ระดบั เท่ากบั 4
เหมาะสมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ใหค้ ่าระดบั เท่ากบั 3
เหมาะสมอยใู่ นระดบั นอ้ ย ใหค้ า่ ระดบั เท่ากบั 2
เหมาะสมอยใู่ นระดบั นอ้ ยท่สี ุด ใหค้ ่าระดบั เทา่ กบั 1















บทที่ 5

สรุป อภปิ รายและข้อเสนอแนะ

การศึกษาวิจยั คร้ังน้ี เป็ นการศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการสะกดคาภาษาอังกฤษของนักศึกษาระดับ
อาชีวศกึ ษาปี ที่ 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

โดยการใชช้ ุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ ซ่ึงผูว้ ิจยั มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อพฒั นาทกั ษะการสะกดคา
ภาษาองั กฤษ นกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

ใหน้ กั เรียนมีทกั ษะการสะกดคาภาษาองั กฤษท่ีสูงข้ึน หลงั จากการศึกษาวจิ ยั และทดลองสามารถสรุป
เป็นประเดน็ สาคญั ไดด้ งั น้ี

5.1 วตั ถุประสงค์ของกจิ กรรมกำรใช้ชุดกำรสอน

1) เพอ่ื ศกึ ษาผลการพฒั นาชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ

2) เพอื่ ศกึ ษาผลการพฒั นาชุดแบบฝึกเพอื่ การสะกดคาภาษาองั กฤษ

3) เพอื่ ศกึ ษาเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการสะกดคาภาษาองั กฤษ นกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1
วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

4) เพอื่ ศึกษาผลการตรวจสอบประสิทธิภาพการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ

5) เพ่ือศึกษาผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนช้ันนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาปี ที่ 1
วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

5.2 สมมตฐิ ำนกำรใช้ชุดกำรสอน

1) ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ สาหรับนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 วิทยาลยั เทคนิค
ระยอง

ท่ีพฒั นาข้ึนน้ี มีประสิทธิภาพช่วยนักเรียนให้มีทกั ษะการสะกดคาภาษาองั กฤษท่ีสูงกว่าเกณฑท์ ่ี
กาหนดไว้

2) ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ สาหรบั นกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

ทพี่ ฒั นาข้นึ น้ี ส่งเสริมใหน้ กั เรียนมีผลสมั ฤทธ์ิในการสะกดคาภาษาองั กฤษทีส่ ูงกวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนดไว้

3) นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนการสะกดคา โดยใช้ชุดการสอนสะกดคาภาษาอังกฤษที่
พฒั นาข้นึ

5.3 วธิ ีกำรดำเนนิ กำรใช้ชุดกำรสอน

1) กลุ่มตวั อยา่ งท่ใี ชใ้ นการศึกษาวจิ ยั คร้งั น้ี ไดแ้ ก่ นกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศกึ ษาปี ท่ี 1 วทิ ยาลยั เทคนิค
ระยอง กรมอาชีวศึกษา จงั หวดั ระยอง จานวน50 คน

2) เครื่องมือการจดั กิจกรรม ไดแ้ ก่

 แผนการจดั การเรียนรู้ จดั เป็ น 20 แผนการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ มารู้จกั ชื่อและเสียงพยญั ชนะกนั เถอะ,
สระน่ารู้, Short a words, Long a words, Short e words, Long e words, Short i words, Long i words, Short o
words, Long o words, Short u words, Long u words, Blends, Double Consonants, Consonant Digraph CK,
Consonant Digraph 4H, Silent letters, Homophones, Magic e และ Compound words ใชเ้ วลาท้งั หมด 25 ชว่ั โมง

 ในการดาเนินการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผน ผวู้ ิจยั เก็บขอ้ มูลจากบนั ทึกหลัง
สอนและแบบบนั ทึกและประเมินทกั ษะการสะกดคาภาษาองั กฤษเป็ นรายแผน เพ่ือสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
ของนกั เรียน พบวา่ ในการเรียนตามแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1, 3, 12, 19 และ 20 นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั คุณภาพในการสะกดคาทุกคน และในการเรียนตามแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 นักเรียนผา่ นเกณฑร์ ะดบั
คุณภาพเพยี ง 65.38% เนื่องจากเป็ นหน่วยการเรียนรู้ที่มีคาศพั ท์ 2 พยางค์ และนกั เรียนคิดวา่ เป็ นเร่ืองยากท่ีจะ
สะกดคาทีม่ ี 2 พยางค์ จงึ ออกเสียงอยา่ งไม่มน่ั ใจและไม่ชดั เจน

 แบบทดสอบการสะกดคาภาษาองั กฤษ นกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาป่ี ท่ี 1ไดแ้ ก่ แบบทอดสอบ
ก่อนเรียน (Pre-test) และแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test) ฉบบั ละ 40 ขอ้ แบ่งเป็น 6 ตอน ไดแ้ ก่

ตอนท่ี 1 วดั จุดประสงคด์ า้ นความเขา้ ใจเกี่ยวกบั คาท่ีใชส้ ระเสียงส้ันและยาว รวมท้งั สามารถสะกดคา
ตา่ งๆตามหลกั Phonics ของนกั เรียน

ตอนท่ี 2 วดั จดุ ประสงคด์ า้ นความเขา้ ใจเสียงของคาตา่ งๆและสามารถจาแนกคาที่มีเสียงเหมือนกนั ได้

ตอนที่ 3 วดั จดุ ประสงคด์ า้ นความเขา้ ใจและใชท้ กั ษะการสะกดคาในการจดั เรียงตวั อกั ษรให้เป็ นคาได้
อยา่ งถูกตอ้ ง

ตอนที่ 4 และตอนท่ี 5 วดั จุดประสงคด์ า้ นความเขา้ ใจเก่ียวกบั Silent Letters, Homophones, Consonant
Digraph และ Blends สาหรับคาศพั ทน์ กั ศกึ ษาระดบั อาชีวศกึ ษาปี่ ที่ 1

ตอนที่ 6 วดั จุดประสงคด์ า้ นความเขา้ ใจเกี่ยวกบั Double Consonants, Magic e และ Compound Words
สาหรับคาศพั ทร์ ะดบั นกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

 ชุดแบบฝึก มีท้งั หมด 3 ชุด จานวน 600 ขอ้ ไดแ้ ก่

ชุด Let’s Spell มีท้งั หมด 20 ส่วน รวม 300 ขอ้

ชุดดอกไมผ้ สมคา มีท้งั หมด 10 ส่วน รวม 120 ขอ้

Worksheet Learn by heart มีท้งั หมด18 ส่วน รวม 180 ขอ้

 แบบสารวจความพงึ พอใจของนกั เรียนทม่ี ีตอ่ การเรียนการสอนโดยใชช้ ุดการสอนสะกดคา สารวจ
จากนกั ศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง กรมอาชีวศึกษา จงั หวดั ระยองจานวน 50 คน

5.4 กำรวเิ ครำะห์ข้อมลู

1) วเิ คราะห์ผลการพฒั นาชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ โดยพจิ ารณาค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐานของความคิดเห็นของผเู้ ช่ียวชาญท่มี ีตอ่ ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ

2) วเิ คราะห์ผลการพฒั นาชุดแบบฝึ กเพอื่ การสะกดคา จากแบบฝึ กฉบบั ร่าง หาค่าประสิทธิภาพ E1/E2
แบบรายบุคคล (One to one testing) จากนักเรียน 3 คน ซ่ึงกาหนดเกณฑ์มาตรฐานไวท้ ่ี 60/60 แล้วทาการ
ปรบั ปรุงแกไ้ ข จากน้นั นาแบบฝึกทผ่ี า่ นการแกไ้ ขปรับปรุงแลว้ ไปทดลองกบั กลุ่มยอ่ ย (Small group testing) กบั
นกั เรียน 9 คน ซ่ึงกาหนดเกณฑม์ าตรฐานไวท้ ่ี 70/70และนาแบบฝึกฉบบั สมบูรณ์ไปทดลองภาคสนาม (Field
testing) กบั นกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศึกษาปี่ ท่ี 1จานวน 26 คน ซ่ึงกาหนดเกณฑม์ าตรฐานไวท้ ่ี 80/80

3) วเิ คราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการสะกดคาภาษาอังกฤษ นักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1
วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง

โดยพจิ ารณาคา่ เฉล่ียและส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของคะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และ
แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test) รวมท้งั พิจารณาค่าความแตกต่างของคะแนนรายบุคคล และทาการทดสอบ

สมมตฐิ านเก่ียวกบั ความแตกต่างของทกั ษะการสะกดคาของนักเรียนก่อนเรียนและหลงั เรียนวา่ ส่งผลต่อความ
แตกตา่ งของความแปรปรวนของคะแนนเฉล่ียของนกั เรียนหรือไม่ รวมถึงการทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกบั ความ
แตกต่างคา่ เฉลี่ยคะแนน Pre-test กบั คะแนน Post-test วา่ ค่าเฉลี่ยคะแนน Post-test ของนกั เรียนมากกว่าค่าเฉล่ีย
คะแนน Pre-test ของนกั เรียนหรือไม่

4) วิเคราะห์ผลการตรวจสอบประสิทธิภาพการสอน พิจารณาตามเกณฑ์ของค่าสัมประสิทธ์ิการ
กระจาย (Coefficient of Variation หรือ C.V.) ค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียนกบั คะแนน หลงั เรียน

5) วเิ คราะหผ์ ลการประเมินความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศกึ ษาปี ท่ี 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง
โดยพจิ ารณาคา่ เฉล่ียและส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนนผลสารวจความพงึ พอใจของนกั เรียน

5.5 สรุปผลกำรใช้นวตั กรรม

1) ผลการพฒั นาชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษ สรุปไดว้ ่าผูเ้ ช่ียวชาญเห็นวา่ ชุดการสอนสะกดคา
ภาษาองั กฤษมีความเหมาะสมมาก โดยมีค่าเฉล่ียรวม 4.07 จากระดบั 5 คะแนน

2) ผลการพฒั นาชุดแบบฝึ กเพ่ือการสะกดคา สาหรับแบบฝึกฉบบั ร่างไดค้ ่าประสิทธิภาพแบบฝึ ก
ระหวา่ งการเรียนการสอน E1/E2 แบบรายบุคคล (One to one testing) นักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 ท่ีไม่ใช่
กลุ่มตัวอย่าง รวมจานวน 3 คนโดยมีผลการเรียนระดับ เก่ง ปานกลาง และอ่อน อยา่ งละ 1 คน โดยไดค้ ่า
ประสิทธิภาพ E1/E2 เทา่ กบั 61.00 / 68.67 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 60/60 ที่ต้งั ไว้ และพบว่าจากการทดลองใช้
แบบฝึกในข้นั ตอนน้ี นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึกไม่ไดต้ ามระยะเวลาที่กาหนด ผวู้ จิ ยั จงึ นาแบบฝึ กมาปรับลด
ดา้ นจานวนกิจกรรมในแต่ละแบบฝึ ก จากน้ันผูว้ จิ ยั นาแบบฝึ กไปทดลองกบั กลุ่มยอ่ ย (Small group testing) ท่ีมี
ผลการเรียน เก่ง ปานกลาง อ่อน อยา่ งละ 3 คน รวมจานวน 9 คน โดยไดค้ ่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากบั 70.50 /
80.59 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 70/70 ท่ีต้งั ไว้ จากการสงั เกตผูว้ ิจยั พบว่านักเรียนสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ
ในแบบฝึกไดต้ ามระยะเวลาที่กาหนด แต่นกั เรียนกลุ่มอ่อนน้นั มีบางกิจกรรมท่ตี อ้ งอาศยั คาช้ีแนะเพ่มิ เติม ดงั น้นั
ผวู้ จิ ยั จงึ ปรบั เปล่ียนคาสง่ั ใหล้ ะเอียดและชดั เจนมากข้ึน หลงั จากน้นั ผวู้ จิ ยั นาแบบฝึกไปทดลองภาคสนาม (Field
testing หรือ Field Tryout 1:100) กบั นักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 จานวน 50 คน โดยไดค้ ่าประสิทธิภาพ
E1/E2 เท่ากบั 80.06 / 84.95 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐานที่ต้งั ไว้ โดยคา่ ประสิทธิภาพเกณฑ์ 80/80

3) ผลสัมฤทธ์ิทางการสะกดคาภาษาอังกฤษ ของนักศึกษาระดบั อาชีวศึกษาปี ท่ี 1 วิทยาลยั เทคนิค
ระยอง จากสมมตฐิ านทว่ี า่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการสะกดคาหลงั การใชช้ ุดการสอนเร่ืองการสะกดคาสูงกว่าก่อนการ
ใชช้ ุดการสอนเรื่องการสะกดคา ซ่ึงใชก้ ารทดสอบสมมตฐิ านของผลต่างระหวา่ งคา่ เฉล่ียของสองประชากรแบบ
จบั คู่ และเพอื่ ท่ีจะตรวจสอบถึงความแตกต่างของทกั ษะการสะกดคาของนักเรียนก่อนเรียนและหลงั เรียนจึง

ทดสอบความแตกต่างของความแปรปรวนของคะแนนเฉลี่ยของนกั เรียน สรุปไดว้ ่าค่าความแปรปรวนของค่า
คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลงั เรียนดว้ ยชุดการสอนสะกดคามีค่าความแปรปรวนแตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสาคญั
นนั่ คือทกั ษะการสะกดคาของนกั เรียนมีความแตกต่างกนั อยา่ งชดั เจน และเพ่ือที่จะตรวจสอบถึงความแตกต่าง
ค่าเฉล่ียคะแนน Pre-test กบั คะแนน Post-test โดยต้องการทราบว่าค่าเฉล่ียคะแนน Post-test ของนักเรียน
มากกวา่ ค่าเฉล่ียคะแนน Pre-test ของนกั เรียน สรุปไดว้ ่าค่าเฉล่ียคะแนน Post-test มากกว่าค่าเฉล่ียคะแนน Pre-
test ของนกั เรียนอยา่ งมีนยั สาคญั ท่รี ะดบั ความเช่ือมนั่ 95% แสดงใหเ้ ห็นวา่ การเรียนการสอนโดยใชช้ ุดการสอน
สะกดคา และมีการพฒั นาทกั ษะการสะกดคาดว้ ยชุดแบบฝึ กท่ีผูว้ ิจยั สร้างข้ึนน้ีส่งผลใหเ้ กิดประสิทธิภาพการ
สอนท่มี ีคุณภาพดีสามารถพฒั นาทกั ษะการสะกดคาภาษาองั กฤษของนกั เรียนไดจ้ ริง

4) ผลการตรวจสอบประสิทธิภาพการสอน พิจารณาไดจ้ ากค่าคะแนนเฉล่ียก่อนและหลงั การสอน
รวมท้งั คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนและหลงั การสอน โดยพจิ ารณาตามเกณฑข์ องคา่ สัมประสิทธ์ิการกระจาย
(C.V.) และจากการทดลองค่าสมั ประสิทธ์ิการกระจายหลงั การสอนมีค่าเท่ากบั 13.27% ซ่ึงน้อยกว่า 15% แสดง
วา่ ประสิทธิภาพการสอนโดยใชช้ ุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษทพ่ี ฒั นาข้นึ น้ีอยใู่ นเกณฑด์ ี

5) ผลการประเมินความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาระดบั อาชีวศึกษาปี ที่ 1 วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง
สรุปไดว้ า่ นกั เรียนมีความพงึ พอใจต่อการเรียนรู้โดยใชช้ ุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษในระดบั มาก
และมากทส่ี ุดโดยเห็นวา่ ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษมีความเหมาะสมมากถึงมากท่ีสุด มีค่าเฉลี่ยรวม 4.60
จากระดบั 5 คะแนน

6) ผลการเผยแพร่ชุดการสอนสะกดคาภาษาองั กฤษทพี่ ฒั นาข้ึน สาหรบั ครูผสู้ อนวชิ าภาษาองั กฤษท่ีนา
ส่ือการสอนน้ีไปใชไ้ ดใ้ หค้ วามช่ืนชม และกล่าววา่ ชุดการสอนน้ีไดร้ ับความสนใจจากผเู้ รียนเป็ นอยา่ งมาก ทาให้
ผเู้ รียนมีเจตนคติท่ีดีต่อการเรียนภาษาองั กฤษ ส่งผลให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึน นอกจากน้ี
ผูว้ ิจยั ได้เผยแพร่ชุดการสอนสะกดคาในรูปแบบเว็บไซต์ http:// learnphonics.890m.com เพ่ือนาเสนอองค์
ความรูเ้ หล่าน้ีใหแ้ พร่หลายในวงกวา้ ง



บนั ทึกหลงั การสอน

ใบเช็คเวลาเรียน

คะแนนเก็บ

แบบทดสอบ

ด้านท่ี 2 การบริหารจัดการชน้ั เรยี น

2.1 การบรหิ ารจดั การชน้ั เรยี นและการจดั ทาขอ้ มลู สารสนเทศ

2.2 การจัดระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น

แบบประเมินครูอตั ราจ้าง วิทยาลยั เทคนิคระยอง

ชอ่ื ผรู้ ับการประเมิน นางสาวศศธิ ร งามแพง สาขาวิชาภาษาต่างประเทศ

หัวขอ้ ประเมนิ หมายเหตุ
ด้านที่ 2 การบรหิ ารจดั การชนั้ เรยี น

1.1 การบรหิ ารจัดการชัน้ เรียนและการจดั ทาข้อมลู
สารสนเทศ

1.2 การจัดระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรียน

ท่ี รายงานการประเมิน หลักฐานอา้ งอิง เลขท่อี ้างองิ
1 ด้านการบริหารจดั การช้ันเรียน

1.1 การบริหารจดั การชน้ั เรียนและการจัดทา - จัดเวรดูแลหอ้ งเรียนและสภาพแวดล้อมให้ 1.1
1.1
ขอ้ มูลสารสนเทศ สะอาด ใชร้ ะบบ

- ศธ. 02 รายงานผลการเรยี น

1.2 การจัดระบบดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน - ให้คาปรกึ ษานกั เรยี นท่มี ปี ัญหาทางการเรียน 1.2
- ให้คาปรกึ ษาโครงการ 5 ส 1.2
1.2

ด้านการจดั การชนั้ เรียน

ระบบ ศธ 02

ดา้ นที่ 3 การพฒั นาตนเองและวชิ าชพี

3.1 การพฒั นาตนเอง
3.2 การพฒั นาวชิ าชพี

แบบประเมนิ ครอู ัตราจ้าง วทิ ยาลัยเทคนิคระยอง

ชื่อผรู้ บั การประเมิน นางสาวพัฒนาภรณ์ พระสนุ ิน สาขาวิชาสงั คมศึกษา

หวั ข้อประเมนิ หมายเหตุ
ดา้ นท่ี 3 การพฒั นาตนเองและวิชาชพี

3.1 การพฒั นาตนเอง

3.2 การพัฒนาวชิ าชีพ

ที่ รายงานการประเมนิ หลกั ฐานอ้างอิง เลขทอ่ี า้ งอิง
1 ดา้ นท่ี 3 การพัฒนาตนเองและวชิ าชพี
- ศกึ ษาดว้ ยตนเองจากแหลง่ เรียนร้ตู า่ ง ๆ 3.1
3.1 การพฒั นาตนเอง นาความรู้มาปรับใช้ในการสอน 3.2
- เขา้ ร่วมอบรม “โครงการเพิ่มประสทิ ธภิ าพครูที่
3.2 การพัฒนาวชิ าชพี - เขา้ ร่วมโครงการเสริมสรา้ งศกั ยภาพครเู พื่อ
-เขา้ รว่ มโครงการ to be number one
-เข้ารว่ มโครงการ English camp

เอกสารอ้างองิ 3.1



เอกสารอ้างอิง 3.2

เขา้ รว่ มโครงการ English camp



ดา้ นท่ี 4 งานอ่นื ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย

แบบประเมินครอู ัตราจ้าง วทิ ยาลัยเทคนิคระยอง

ช่ือผ้รู บั การประเมนิ นางสาวนางสาวศศิธร งามแพง สาขาวิชาภาษาอังกฤษ

หวั ขอ้ ประเมนิ หมายเหตุ
ด้านที่ 4 งานอื่นทไ่ี ด้รบั มอบหมาย

ที่ รายงานการประเมนิ หลักฐานอา้ งองิ เลขทีอ่ า้ งองิ
1 ด้านท่ี 4 งานอื่นท่ไี ด้รับมอบหมาย
- เจา้ หน้าทงี่ านความร่วมมอื 4.1

- ไดร้ บั มอบหมายเดินทางไปส่งคณะครชู าว 4.2

ฟลิ ปิ ปินส์

- กรรมการชมรมโครงการ to be number one 4.3

- คณะกรรมการดาเนนิ งาน โครงการปรับพน้ื ฐาน 4.4

ทางวชิ าการ

- ได้รับเชิญเป็นวิทยากร สอนหลักสูตรระยะส้นั 4.5

ใหก้ บั นกั ศกึ ษา กศน

งานอน่ื ที่ไดร้ ับมอบหมาย
เอกสารอ้างองิ 4.1.2



4.3 กรรมการชมรมโครงการ to be number one

4.4 คณะกรรมการดาเนนิ งาน โครงการปรบั พ้นื ฐานทางวิชาการ

4.5 ไดร้ ับเชญิ เปน็ วทิ ยากร สอนหลักสตู รระยะส้นั ให้กบั นกั ศึกษา กศน



ตอนท่ี 2 การประเมินการปฏิบัตติ นในการรักษาวนิ ยั

คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ

1.1 มคี วามซอื่ สตั ย์ สจุ รติ รกั ษาประโยชนส์ ว่ นรวมไมอ่ าศยั หรอื ยนิ ยอมให้
ผอู้ นื่ ใชอ้ านาจและหนา้ ทข่ี องตน เพอื่ แสวงหาประโยชน์
1.2 การปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ กฎหมาย นโยบาย และคาสง่ั ของผบู้ งั คบั บญั ชา
1.3 มคี วามวริ ยิ ะ อตุ าหะ ตรงตอ่ เวลาและอทุ ศิ เวลาใหแ้ กท่ างราชการ
1.4 การมจี ติ สานกึ ทดี่ ี มงุ่ บรกิ ารตอ่ กลมุ่ เปา้ หมายผร็ บั บรกิ าร
โดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ัติ
1.5 การรกั ษาคณุ ภาพตามมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณวชิ าชพี
1.6 การรกั ษาภาพลกั ษณแ์ ละความสามคั คใี นองคก์ ร ชมุ ชน และสงั คม


Click to View FlipBook Version