คู่มอื แนวปฏบิ ัติในการ
เพาะเลี้ยงจงิ้ หรีด
ใหไ้ ดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟาร์ม
คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ 2565
ไดร้ บั ทุนอุดหนุนการท�ำ กิจกรรมส่งเสรมิ
และสนับสนนุ การวจิ ยั และนวตั กรรม
จากสำ�นักงานการวิจัยแห่งชาติ
คำ�นำ�
คู่�่มืือแนวปฏิิบััติิในการเพาะเลี้�้ยงจิ้�้งหรีีดให้้ได้้มาตรฐานสำหรัับฟาร์์ม
จััดทำขึ้�้นโดยอาศััยการรวบรวมจากหลายแหล่่ง ทั้้�งจากเอกสาร คู่�ม่ ืือต่่าง ๆ
ข้้อมููลจากการสััมภาษณ์์ สอบถามจากเกษตรกรผู้�้เพาะเลี้้�ยงจิ้้�งหรีีดและ
บุุคลากรที่่�เกี่�ยวข้้องจากทั่่�วประเทศไทย รวมทั้้�งจากงานวิิจััยของนัักวิิจััยและ
นัักวิิชาการ โดยมีีวััตถุุประสงค์์เพื่่�อใช้้เป็็นแนวทางในการเพาะเลี้้�ยงจิ้�้งหรีีดให้้
ได้ม้ าตรฐานในฟาร์ม์ สำหรับั เกษตรกร นักั วิจิ ัยั นักั วิชิ าการ บุคุ ลากร เจ้า้ หน้า้ ที่่�
ของส่่วนราชการที่่เ� กี่ย� วข้อ้ ง ได้ม้ ีีคู่ม�่ ือื ในการเพาะเลี้ย�้ งจิ้ง้� หรีีดในฟาร์ม์ และนำไป
ใช้ไ้ ด้อ้ ย่่างถููกต้อ้ งเหมาะสมสำหรับั เตรีียมความพร้อ้ มสู่ก�่ ารขอรับั รองมาตรฐาน
ยกระดัับการผลิิตจิ้�้งหรีีดให้้ได้้มาตรฐานที่่�ปลอดภััยต่่อทั้้�งผู้้�ผลิิตและผู้้�บริิโภค
เพื่่อ� เพิ่่�มโอกาสในการขยายตลาดและการส่่งออก และเป็น็ แนวทางการปฏิบิ ััติิ
ให้้เป็็นไปในทิศิ ทางเดีียวกััน
คู่�่มืือฉบัับนี้้�ประกอบไปด้้วยข้้อมููลชีีววิิทยาของจิ้�้งหรีีด การเตรีียม
โรงเรืือนเพื่่อ� เพาะเลี้�ย้ งจิ้�้งหรีีด การเลี้ย�้ งจิ้�ง้ หรีีด การจััดการด้้านสุขุ าภิิบาลและ
สิ่ง� แวดล้อ้ ม การจัดั การด้า้ นสุขุ ภาพจิ้ง้� หรีีด การจัดั การบุคุ คลากรและการบันั ทึึก
ข้้อมููล ต้้นทุุนและผลตอบแทนการเลี้�้ยงจิ้้�งหรีีด ผลิิตภััณฑ์์แปรรููปจากจิ้�้งหรีีด
และขั้�นตอนการยื่น� ขอรับั รองมาตรฐานฟาร์์ม
คณะผู้วจิ ยั
คณะเกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่
2565
สารบญั
1 ชวี วิทยาของจ้งิ หรดี 1 2
วงจรชวี ติ ของจ้ิงหรีด
จงิ้ หรดี ทองดำ�ำ (Gryllus bimaculatus De Geer) 4
จ้ิงหรดี ทองแดง (Teleogryllus mitratus (Burmeister)) 5
จ้ิงหรีดบา้ น (Acheta domesticus (L.)) 6
2 การเตรยี มโรงเรือนเพอื่ เพาะเลย้ี งจิง้ หรดี 8
2.1 ทต่ี ง้ั และโรงเรือน 8
2.2 โรงเรือนและการเตรยี มโรงเรอื น 11
2.3 อปุ กรณ์การเลย้ี งจิ้งหรีด 13
2.4 การคดั เลอื กจ้ิงหรดี 18
19
3 การเลยี้ งจ้ิงหรีด 19
3.1 การบ่ม่ ไข่่และย้า้ ยจิ้้�งหรีีดลงบ่่อเลี้้�ยง
3.2 การจัดการดา้ นอาหารและน้ำ�ำ้ 20
3.3 การรองไข่่เพื่อ่� ทำำ�พัันธุ์�์ 23
3.4 การเก็บจ้ิงหรดี เพอ่ื จำำ� หนา่ ย 24
4 การจดั การดา้ นสุขาภิบาลและสิ่งแวดลอ้ ม 26
4.1 การป้อ้ งกัันศัตั รููจิ้้�งหรีีด 26
4.2 การทำ�ำความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณเ์ ลี้ยงจิ้งหรีด 26
4.3 การขจดั ของเสยี และน้้�ำำเสยี 27
5 การจดั การดา้ นสขุ ภาพจิง้ หรีด 28
5.1 ศัตรูธรรมชาติและสภาพภูมอิ ากาศ
5.2 โรคทอี่ าจพบได้ในการเล้ยี งจ้ิงหรดี 28
5.3 การแกไ้ ขและป้องกันโรค 29
32
6 การจดั การบุคลากรและการบนั ทึกข้อมลู 33
6.1 เกษตรกรผเู้ ลี้ยงจิง้ หรดี 33
6.2 การบันทึกขอ้ มูลฟาร์มเลยี้ งจิ้งหรีด 33
7 ต้นทุนและผลตอบแทนการเลยี้ งจิ้งหรีด 38
7.1 โครงสรา้ งของต้นทนุ ในการเพาะเลยี้ งจ้งิ หรีด 38
7.2 รายรบั 39
7.3 กำำ� ไร 39
7.4 ระยะเวลาการคืนื ทุนุ 39
8 ผลติ ภณั ฑ์แปรรปู จากจง้ิ หรีด 40
9 ขัน้ ตอนการยื่นขอรับรองมาตรฐานฟาร์ม 46
9.1 คณุ สมบตั ิของผู้เลี้ยงจ้งิ หรดี 46
9.2 หลกั ฐานประกอบการขอรบั รอง 47
> เอกสารอ้างอิง 58
04 ค่มู อื แนวปฏบิ ตั ใิ นการเพาะเล้ยี งจิ้งหรดี ให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
1ชีววทิ ยาของจง้ิ หรีด
จ้ิงหรีด (Cricket) เป็นแมลงปากกัดที่พบได้โดยทั่วไป จัดอยู่ในวงศ์
Gryllidae อันดับ Orthoptera ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว สามารถเพาะเลี้ยงใน
ลักษณะฟาร์มเชิงอุตสาหกรรมได้ ซ่ึงในประเทศไทยจ้ิงหรีดท่ีนิยมเลี้ยง ได้แก่
จ้งิ หรีดทองดำ�ำ จิง้ หรีดทองแดง และจิ้งหรีดบา้ นหรือสะดิ้ง
ลักษณะโดยท่ัวไปของจิ้งหรีดมีปากแบบกัดกิน มีร่างกายแบ่งออก
เป็น 3 สว่ นอยา่ งชดั เจน ไดแ้ ก่ สว่ นหัว เปน็ ที่ตัง้ ของตารวมขนาดใหญ่ และมี
หนวดเรียวยาว 1 คู่ ส่วนอกเป็นที่ตง้ั ของปีก 2 คู่ สำำ� หรับจิ้งหรดี เพศผู้มีปีกย่น
เพ่อื ใช้ในการทำ�ำเสยี ง เพศเมียมีปกี เรยี บ และขา 3 คู่ โดยมีอวยั วะฟังเสียงอยู่
บรเิ วณโคนหนา้ แขง้ ของขาคู่หนา้ และมีตน้ ขาของขาคู่หลงั ขยายใหญเ่ พอ่ื ใชใ้ น
การกระโดด และสว่ นทอ้ งมีแพนหางหนงึ่ คู่ ในเพศเมียมีอวยั วะวางไข่ยาวแหลม
คลา้ ยเขม็ เพอื่ ใช้ในการวางไข่ (ภาพท่ี 1)
หนวด สว่ นอก ส่วนทอ้ ง
สว่ นหวั
ตารวม อวยั วะวางไข่
1
ภาพที่ 1 ลักษณะทวั่ ไปของจ้งิ หรีด
วงจรชีวติ ของจิง้ หรดี
การเจริญเตบิ โตของจ้งิ หรดี จิ้งหรีดมีการถอดรปู แบบไม่สมบูรณ์ วงจร
ชีวติ ของจ้งิ หรีดประกอบดว้ ย 3 ระยะ ได้แก่ ระยะไข่ ระยะตัวออ่ น และระยะ
ตัวเตม็ วัย (ภาพท่ี 2) ดงั น้ี
ระยะไข่ ไข่่จิ้ง�้ หรีีดมีีสีีเหลือื งอ่่อน ลักั ษณะไข่่ยาวเรีียวคล้า้ ยเมล็ด็ ข้า้ วสาร
จิ้ง้� หรีีดเพศเมีียมีีอวัยั วะวางไข่่ยาวคล้า้ ยเข็ม็ ประมาณ 1.0-2.5 เซนติเิ มตร
1 ใช้แ้ ทงลงไปในวัสั ดุวุ างไข่่ โดยมีีการวางไข่่เป็น็ กลุ่ม� อุณุ หภููมิทิี่่ใ� ช้ใ้ นการฟักั ไข่่
จิ้ง้� หรีีดที่่� 35-40 องศาเซลเซีียส ไข่่ใช้เ้ วลาฟักั ตััวประมาณ 7-11 วันั ทั้้ง� นี้�้
ขึ้�้นอยู่่ก� ับั ชนิดิ และฤดููกาล
ระยะตวั ออ่ น ตวั ออ่ นแรกฟกั มีลกั ษณะคลา้ ยมด รปู รา่ งเหมอื นจง้ิ หรดี
ตัวเต็มวัยแต่ไม่มีปีก ในระยะการเจริญเติบโตนี้จิ้งหรีดมีการลอกคราบ
ท้ังหมด 8 ครั้ง เม่ือลอกคราบคร้ังที่ 5 สามารถจำ�ำแนกเพศของ
2 จ้ิงหรีดได้โดยเพศเมีย มีอวัยวะวางไข่คล้ายเข็มสั้นท่ียังไม่เจริญเต็มท่ี
ยน่ื ออกมา เมอื่ ลอกคราบครั้งท่ี 6 จิ้งหรดี จะมีตุ่มปีกงอกออกมาเหมอื น
เสอ้ื กกั๊ และเม่อื ลอกคราบคร้งั ท่ี 7 มีต่ิงปีกยาวออกมาเรยี กวา่ “ก๊กั ใหญ่”
และลอกคราบคร้งั ที่ 8 เขา้ สรู่ ะยะตัวเตม็ วัยใช้เวลาประมาณ 40-45 วนั
ระยะตัวเต็มวัย เป็นระยะท่ีสามารถแยกเพศได้ จ้ิงหรีดท้ังเพศผู้และ
เพศเมียมีอวยั วะสบื พนั ธส์ุ มบูรณ์ มีปกี ยาวเจรญิ ดี จง้ิ หรดี เพศผูม้ ีปกี คู่หนา้
3 ยน่ บรเิ วณโคนดา้ นในของปกี คู่หนา้ มีอวยั วะทำำ� เสยี งเมอ่ื ปกี ถหู รอื สกี นั จะ
ทำำ� ให้เกดิ เสียงขึ้น เพศเมียมีปีกคู่หน้าเรยี บและมีอวยั วะวางไข่ยาวแหลม
คลา้ ยเข็มย่ืนออกมาจากสว่ นทอ้ ง ระยะตวั เตม็ วัยประมาณ 40-60 วนั
2 คูม่ อื แนวปฏิบตั ิในการเพาะเลย้ี งจิง้ หรดี ใหไ้ ด้มาตรฐานสำ�หรับฟาร์ม
ระยะตวั อ่อน
มีการลอกคราบ 8 ครัง้
ระยะไข่ 7-11 วัน อ่่อนประมาณ 40 - 45 ว ััน ระยะตวั ออ่ นจิ้งหรดี
กอ่ นเปน็ ตวั เต็มวัย
วงจรชวี ิตของจง้ิ หรดี
ระยะตััว
ระยะตัวเตม็ วยั ตวั อ่อนลอกคราบคร้ังสุดทา้ ย
ประมาณ 40-60 วนั เพื่อเป็นตวั เตม็ วัยมีปีกสมบูรณ์
ภาพท่ี 2 วงจรชีวิตของจง้ิ หรีด 3
ชนิดของจ้งิ หรดี ทอี่ ย่ใู นข้อกำ�ำหนดในมาตรฐานสนิ ค้าเกษตร เร่ือง การ
ปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำ�ำหรับฟาร์มจ้ิงหรีด และนิยมเพาะเลี้ยงเชิงการค้า
มี 3 ชนิด ไดแ้ ก่ จ้งิ หรีดทองดำ�ำ จ้งิ หรดี ทองแดง และจ้ิงหรดี บา้ น
จง้ิ หรีดทองดำ�ำ
Gryllus bimaculatus De Geer
เป็นจิ้งหรีดขนาดกลาง ส่วนหัวสีดำ�ำ ลำ�ำตัวและขาสีดำ�ำหรือสีน้้� ำำตาลปน
ดำำ� มีขนาดลำ�ำตวั กว้างประมาณ 0.7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร
สีของปกี มีทง้ั สีดำำ� จนถงึ สีน้�้ำำตาลเหลอื งและมีแตม้ สเี หลอื ง 2 แตม้ ทโ่ี คนปกี คู่แรก
(ภาพที่ 3) เปน็ จง้ิ หรดี ทเี่ ลี้ยงงา่ ย มกั ไม่กดั กนั ในการเลอื กผสมพนั ธ์ุ เพศเมีย
มักจะเลือกผสมพันธุ์กับเพศผู้ที่มีขนาดใหญ่ โดยในการผสมพันธุ์ครั้งแรก
เพศเมียมักสนใจเสียงรอ้ งของเพศผูไ้ ม่ใช่ขนาดตวั
ระยะตวั ออ่ นของจงิ้ หรดี ทองดำำ� ใชเ้ วลาประมาณ 35-40 วนั หลงั จากลอก
คราบคร้งั สุดท้ายเปน็ ตัวเตม็ วยั แล้วใช้เวลา 2-3 วนั จึงเร่ิ มผสมพนั ธุแ์ ละวางไข่
เฉลี่ย 1,000 ฟองต่อตวั ตวั เต็มวัยของจ้งิ หรดี ทองดำ�ำอายุประมาณ 30-40 วัน
ระยะตัวอ่อน (ทม่ี า: กฤษณะ, 2564)
เพศเมยี
เพศผู้
ภาพท่ี 3 ตัวอย่างจง้ิ หรีดทองดำ�
4 ค่มู อื แนวปฏบิ ัตใิ นการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดให้ได้มาตรฐานสำ�หรับฟารม์
จ้ิงหรีดทองแดง
Teleogryllus mitratus (Burmeister)
เป็นจิ้งหรีดขนาดกลาง ส่วนหัวและลำ�ำตัวสีน้้� ำำตาล มีขนาดลำ�ำตัวกว้าง
ประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.7-3.0 เซนติเมตร ปีกมีสีน้้� ำำตาล
หรือน้�้ำำตาลแดง บริเวณหัวเหนือขอบตามีแถบสีน้้� ำำตาลเข้มรูปตัว V (ภาพที่
4) มีนิสยั ชอบกัดกันจึงไม่ควรเลี้ยงหนาแน่น เพศผูม้ ีลำำ� ตัวสีน้้� ำำตาลทุกส่วนเขม้
กวา่ เพศเมียและมีปกี ขรุขระ ดา้ นล่างทอ้ งสีครีม มีอวัยวะวางไข่ยาวสีน้้� ำำตาล
ในระยะตัวอ่อนสามารถแยกชนิดได้อย่างชัดเจนโดยปล้องอกมีแถบ
ขาวคาดขวางลำ�ำตัว ระยะตัวอ่อนของจ้ิงหรีดทองแดงใช้ระยะเวลาประมาณ
50-55 วัน และตัวเตม็ วัยอายปุ ระมาณ 30-40 วัน
เพศผู้ (ทม่ี า: กฤษณะ, 2564)
เพศเมีย
ตัวเตม็ วัยส่วนหวั ระยะตัวออ่ นมีเสน้
ระหว่างตามีรูปตวั V สขี าวพาดส่วนอก
ภาพท่ี 4 ตัวอยา่ งจง้ิ หรีดทองแดง 5
จงิ้ หรดี บ้าน หรือ สะดงิ้
Acheta domesticus (L.)
เป็นจิ้งหรีดขนาดเล็ก ลำ�ำตัวกว้างประมาณ 0.4 เซนติเมตร ยาว 2
เซนติเมตร ลำ�ำตัวสีน้้� ำำตาลอ่อน ลักษณะคล้ายกับจิ้งหรีดทองแดงแต่มีขนาด
เลก็ กวา่ ส่วนหวั มีแถบสเี หลืองเชอ่ื มระหว่างตารวม นิสัยไม่ดรุ ้ายสามารถเลี้ยง
รวมกันในปริมาณมาก
ระยะตวั ออ่ นมีลวดลายชดั เจน บนลำำ� ตวั และสว่ นทอ้ งมีเสน้ สเี ทาขาวพาด
ขวาง (ภาพท่ี 5) เพศผูม้ ีสีลำ�ำตัวเขม้ กวา่ ตวั เมียแต่มีขนาดเล็กกว่า ปีกคู่หนา้ ย่น
ปลายส่วนท้องมีแพนหางหนึ่งคู่ เพศเมียมีลำ�ำตัวสีน้�้ำำตาลปนเหลือง ปีกคู่หน้า
เรียบสีน้�้ำำตาลเปน็ ลายเสน้ ชัดเจน ปกี คลมุ ส่วนปลายท้องไม่มิด มีอวยั วะวางไข่
คล้ายเข็มสีน้�้ำำตาล ยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร ยาวกว่าแพนหางเล็กน้อย
ระยะตัวอ่อนของจง้ิ หรีดบา้ นใชร้ ะยะเวลาประมาณ 35-40 วัน และตวั เต็มวยั
อายปุ ระมาณ 30-40 วัน
เพศผู้ เพศเมยี
ระยะตัวอ่อน
ภาพท่ี 5 ตัวอยา่ งจิง้ หรีดบา้ น
6 คมู่ อื แนวปฏิบตั ิในการเพาะเล้ียงจ้งิ หรดี ใหไ้ ดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟาร์ม
สรุปลักษณะและความแตกต่างของจ้งิ หรดี แตะ่ ชนิด
ชอ่ื เกษตรกร ชอ่ื เรยี ก ชื่อ ลักษณะทาง
เรยี ก ทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ สัณฐานวิทยา
จ้ิงหรีดทองดำำ� จิง้ หรีดทองดำ�ำ Gryllus ส่วนหัวสีดำ�ำ ลำ�ำตัวสีดำ�ำหรือน้�้ำำตาล
bimaculatus ปกี สดี ำำ� โคนปกี มแี ตม้ สเี หลอื ง 2 แตม้
ขาสีดำ�ำทุกส่วนและมีจุดสีเหลืองแกม
De Geer แดงบริเวณต้นขา เมื่อหงายท้อง
สว่ นทอ้ งสดี ำำ�
จิ้้�งโกร่่ง* จิ้งหรีดทองแดง Teleogryllus ส่วนหัวสีดำ�ำ ลำ�ำตัวสีน้�ำ้ำตาล บริเวณ
mitratus หัวเหนือขอบตามีแถบสีน้ำ้�ำตาลเข้ม
รูปตัว V ขามีสีน้ำ�้ำตาลอ่อนทุกส่วน
(Burmeister) เมื่อหงายท้องส่วนท้องมีสีน้�ำ้ำตาล
เข้มปนดำ�ำ
สะดิง้ จ้งิ หรดี บ้าน Acheta ส่วนหัวมีคาดเหลืองจากตาท้ังสอง
domesticus (L.) ข้าง ลำ�ำตวั และขาสนี ้ำ�้ำ ตาลออ่ น ปีกมี
ลายสเี หลอื งออ่ น บรเิ วณอกมลี วดลาย
5 จดุ
* ในบางพื้้�นที่่�เรีียกจิ้้�งหรีีดทองแดงว่า่ “จิ้้�งโกร่ง่ ” ซึ่�ง่ เป็น็ ชื่่�อเรียี กที่่�ไม่ถ่ ููกต้อ้ งตามหลัักวิชิ าการ
7
2 การเตรยี มโรงเรอื น
เพื่อเพาะเล้ยี งจ้งิ หรดี
2.1 ทีต่ ั้งและโรงเรือน
ก่อนทำ�ำการเลี้ยงหรือจัดตั้งโรงเรือนเลี้ยงควรติดต่อองค์กรปกครอง
สว่ นท้องถิน่ เพือ่ แจง้ ขออนุญาตและขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยงจง้ิ หรีด
1) สถานทต่ี งั้ ฟารม์ ควรอยใู่ นพน้ื ทที่ ไ่ี ม่มีโรคระบาดและไม่มีความ
เสยี่ งต่อการปนเปอ้ื นทเี่ ปน็ อนั ตรายต่อจง้ิ หรดี และผู้บรโิ ภค สำำ� หรับฟารม์ เพาะ
เลี้ยงจงิ้ หรดี ทไี่ ดม้ าตรฐานหรอื ฟารม์ ทวั่ ไปทเี่ ตรยี มตวั หรอื ตอ้ งการขอมาตรฐาน
โรงเรอื นเลี้ยงตอ้ งแยกจากสว่ นอาคารบา้ นเรอื นทพี่ กั อาศยั อยา่ งชดั เจน มีขนาด
เพียงพอและเหมาะสมในการเลี้ยงจิ้งหรีด ควรอยู่ห่างจากอาคารที่พักอาศัย
และมีรวั้ ทสี่ ามารถปอ้ งกนั สตั วอ์ น่ื เขา้ ในพน้ื ทไ่ี ด้ โดยวสั ดทุ ำำ� รว้ั ควรมีความแขง็
แรงทนทาน อาจสามารถใชเ้ หลก็ ตาข่ายแผ่นสังกะสี เมทัลชที หรือไม้ เปน็ ตน้
(ภาพที่ 6 และ ภาพท่ี 7)
ภาพท่ี 6 ตัวอย่างลักษณะโรงเรอื นทีไ่ ดร้ บั มาตรฐาน มรี ว้ั ก้ันรอบโรงเรือน
และห่างจากทีพ่ กั อาศยั อยา่ งชัดเจน
8 คมู่ ือแนวปฏบิ ตั ใิ นการเพาะเลย้ี งจงิ้ หรดี ให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรับฟารม์
ภาพท่ี 7 ตวั อยา่ งฟาร์มเล้ยี งจิง้ หรดี ที่ได้รับ
มาตรฐาน GAP และตวั อย่างรวั้ รอบฟาร์ม
9
2) พื้้�นที่่�ฟาร์์ม มีีขนาดเพีียงพอและเหมาะสมในการเลี้้�ยงจิ้�้งหรีีด
มีีการจััดสััดส่่วนอย่่างชััดเจน เช่่น พื้้�นที่่�บ่่อเลี้�้ยงจิ้้�งหรีีด พื้้�นที่่�เก็็บอาหาร
พื้้น� ที่่เ� ก็็บอุุปกรณ์์ (ภาพที่่� 8 และ ภาพที่่� 9) แหล่่งน้้ำใช้ใ้ นฟาร์ม์ ที่่ร� วบรวมขยะ
ที่่จ�ุ่ม� เท้้า ที่่ล� ้้างมืือ พื้้น� ที่่ซ� ักั ล้า้ ง ทั้้�งนี้ห้� ากไม่่มีีที่่�สำหรับั จุ่่�มเท้า้ ฆ่่าเชื้�อ สามารถ
เปลี่ย� นรองเท้า้ หรือื ใช้ถ้ ุงุ ครอบรองเท้า้ หรือื ถุงุ พลาสติกิ หุ้้�มรองเท้า้ ก่่อนเข้า้ ฟาร์ม์
เพื่่อ� ป้อ้ งกัันการปนเปื้�อนจากเชื้�อโรคของผู้�้เยี่�ยมชมฟาร์์ม
ภาพท่ี 8 ตวั อยา่ งการจัดสัดสว่ นพืน้ ท่ใี นฟารม์ เลย้ี งจิ้งหรีด
ภาพที่ 9 ตวั อยา่ งพื้นที่เกบ็ อาหารและอุปกรณ์
10 คมู่ อื แนวปฏิบตั ใิ นการเพาะเลย้ี งจิง้ หรดี ใหไ้ ดม้ าตรฐานสำ�หรับฟารม์
ภาพที่ 10 ตัวอย่างโรงเรือนเลีย้ งจิ้งหรีด
2.2 โรงเรือนและการเตรยี มโรงเรือน
โรงเรือนเลี้ยงจ้ิงหรีดไม่มีรูปแบบตายตัว สามารถปรับใช้โรงเรือน
ที่มีอยไู่ ด้ ทัง้ นี้ควรแยกส่วนจากทีพ่ ักอาศยั อยา่ งชดั เจนและไม่มีความเสีย่ ง ปน
เป้อื นสิ่งท่เี ป็นอันตรายต่อจิง้ หรีด โรงเรือนอาจแบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะ
ลักษณะโรงเรอื นแบบเปิด (ภาพที่ 10 และ ภาพที่ 11)
1 หลงั คาโรงเรอื นสงู จากพนื้ ประมาณ 3-5 เมตร เพอื่ การระบายอากาศทด่ี ี
หากเปน็ พนื้ ทที่ ี่มีฝนตกชกุ อาจมีชายคาทย่ี าวหรอื มีกนั สาดเพอ่ื ปอ้ งกนั ฝน
11
2 ผนงั มีการขึงตาข่ายเพอ่ื ปอ้ งกนั ศตั รูจงิ้ หรดี ทง้ั นอี้ าจมีวสั ดกุ รองแสง เชน่
ผ้าใบ อยูด่ ้านนอก มว้ นขึ้นเกบ็ ได้ ระบายอากาศไดด้ ี
3 อาจมีตาข่ายปิดปากบ่อเพื่อป้องกันจิ้งหรีดกระโดด และป้องกันแมลง
หรือสัตว์พาหะอื่นเข้าไปในบ่อ แต่ละบ่ออาจห่างกันประมาณ 50
เซนติเมตร เพอื่ ง่ายและสะดวกต่อการทำ�ำงาน
4 พืน้ โรงเรอื นควรเปน็ คอนกรีตหรือซเี มนตท์ ่งี า่ ยต่อการทำำ� ความสะอาด
กข
คง
ภาพที่ 11 ตวั อยา่ งลกั ษณะโรงเรอื นแบบเปดิ ท่ไี ดร้ ับมาตรฐาน
(ก), (ข) ผนงั มีการขงึ ตาขา่ ย อาจมีผา้ ใบเพื่อใช้กรองแสง
(ค) ปากบ่อปิดดว้ ยมงุ้ ตาข่าย
(ง) พ้นื โรงเรอื นเปน็ คอนกรตี หรือซีเมนต์
1122 คคู่มูม่ ือือแแนนววปปฏฏิบบิ ัตตั ิในิในกกาารรเพเพาาะะเลเล้ยี ย้ี งงจจิ้งิ้งหหรรีดีดใหให้ได้ได้มม้ าาตตรรฐฐาานนสสำ�ำห�หรรับับฟฟาารร์ม์ม
ลักษณะโรงเรอื นแบบปดิ
เปน็ โรงเรอื นทเี่ ลี้ยงดว้ ยระบบปดิ และมีการควบคมุ อณุ หภูมิ (ภาพที่ 12)
ภาพที่ 12 ตัวอยา่ งลักษณะโรงเรอื นแบบปิด
2.3 อปุ กรณก์ ารเลย้ี งจง้ิ หรดี
บ่่อเลี้้�ยงจิ้้�งหรีีด บ่่อเลี้�้ยงจิ้้�งหรีีดควรทำด้ว้ ยวััสดุุที่่�แข็็งแรง ทนทาน
ง่ ายต่่อการบำรุุงรัักษาและทำความสะอาด บ่่อเลี้�้ยงที่่�มีีการนำมาใช้้เลี้�้ยง เช่่น
บ่่อปููนซีีเมนต์์ทรงสี่เ� หลี่�ยม บ่่อสมาร์์ทบอร์ด์ หรืือกล่่องพลาสติิกที่่�มีีขนาดเบา
บอ่ ปนู ซเี มนตท์ รงสเี่ หลย่ี ม (ภาพท่ี 13) สามารถทำำ� ไดห้ ลากหลาย
ขนาดขึ้นอยู่กับพื้นที่และต้นทุนของฟาร์ม ตัวอย่างขนาดของบ่อ ความกว้าง
1.2-3.0 เมตร ความยาว 2.4-5.0 เมตร ความสูง 0.6 เมตร ถา้ ใชอ้ ฐิ บล็อกที่มี
ขนาด 0.3 เมตร ความกว้างใช้บล็อก 4 กอ้ น ความยาวใชบ้ ลอ็ ก 10 กอ้ น และ
ความสงู ใชบ้ ล็อก 3 ก้อน รวม 84 กอ้ น ราคากอ้ นละ 4-6 บาท
1133
ข้อดี ข้อจำ�ำกดั ขอ้ เสนอแนะ
รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นการใช้พ้ืนท่ี ไ ม่ ส า ม า ร ถ อาจทำ�ำการขัดมัน
ที่มีประสิทธิภาพที่สุด มีความแข็งแรง เคล่ือนย้ายได้ ด้านใน เพ่ือช่วยให้
ทนทาน สามารถใช้งานได้หลายปี การ และทำ�ำความ ทำ�ำความสะอาดได้
ให้น้�้ำำให้อาหาร และสามารถเลี้ยงได้ สะอาดได้ยาก ง่ายและสะดวกขึ้น
ผลผลติ ต่อบ่อสงู
กข
ภาพที่ 13 ตวั อย่างบ่อปูนซเี มนตท์ รงสเี่ หลย่ี ม
(ก) บ่อปูนซีเมนต์แบบไม่มฝี าปิด ในกรณีที่โรงเรือนปดิ มิดชิด
(ข) บ่อปนู ซีเมนตแ์ บบมฝี าปิด
บ่อสมาร์ทบอร์ด (ภาพท่ี 14) เป็นการนำ�ำแผ่นสมาร์ทบอร์ดมา
ต่อประกอบกัน โดยทวั่ ไปมีขนาดประมาณ 1.2 x 2.4 x 0.6 เมตร หรือ 1.2 x
1.2 x 0.6 เมตร ส่วนขาสี่ขายกขึ้นจากพน้ื ดว้ ยขาสูง 0.15-0.20 เมตร อาจทำำ�
ดว้ ยวสั ดไุ มห้ รอื เหลก็ ซง่ึ มีราคาและความแขง็ แรงทแ่ี ตกต่างกนั ตน้ ทนุ ประมาณ
1,200-2,000 บาท
ขอ้ ดี ขอ้ จำ�ำกดั
สามารถเคลอื่ นยา้ ยทำำ� ความสะอาด มีรอยต่อที่จง้ิ หรีดขนาดเลก็ เลด็ ลอดได้
ได้ง่าย
ขอ้ เสนอแนะ
อดุ รอยต่อใหม้ ิดชิด
14 คมู่ ือแนวปฏิบตั ใิ นการเพาะเล้ยี งจ้งิ หรดี ให้ได้มาตรฐานสำ�หรับฟารม์
ภาพที่ 14 ตัวอยา่ งบ่อสมาร์ทบอรด์
กลอ่ งพลาสตกิ (ภาพที่ 15) เปน็ กล่องพลาสตกิ ที่มีฝาปดิ หลากหลาย
ขนาด เชน่ 0.49 x 0.71 x 0.42 เมตร สว่ นฝาปิดติดตาข่ายเพ่ือการระบาย
อากาศ สามารถนำำ� มาใช้เลี้ยงจ้ิงหรดี ในฟาร์มเลี้ยงที่มีพ้นื ที่จำ�ำกดั หรอื การเลี้ยง
แบบแนวตั้ง (เป็นการเรียงแบบวางซอ้ นกันขึ้นไป)
ขอ้ ดี
คือทำ�ำความสะอาดได้ง่าย ติดต้ัง
สะดวก น้�้ำำหนักเบา ทนทาน
ข้อจำ�ำกดั ภาพที่ 15 กล่องพลาสติกส�ำ หรับเล้ียง
จง้ิ หรีด
เลี้ยงไดใ้ นปรมิ าณไม่มาก มีราคาสงู
เมอ่ื เทียบกับบ่อแบบอนื่ ๆ
15
การติดตั้งอปุ กรณก์ ารเลี้ยงจิง้ หรีด
1 ทำความสะอาดบ่่อเลี้้�ยงด้้วยน้้ำยาฆ่่าเชื้�อ
และวางฐานแผงไข่่จำนวน 2 ชิ้�น เพื่่�อยก
แผงไข่่ให้้สููงจากพื้้�นกล่่อง ซึ่�งจะช่่วยให้้
ระบายความร้้อนและแผงไข่่ไม่่สััมผััสกัับ
มููลจิ้�้งหรีีดโดยตรง (ภาพที่่� 16ก)
ก
2 ขอบบ่่อด้้านในควรติิดขอบลื่่�นรอบบ่่อที่่� ข
ทนต่่อการกััดแทะของจิ้�้งหรีีด เพื่่�อป้้องกััน
จิ้้�งหรีีดไต่่ออกจากกล่่องเลี้้�ยง เช่่น แผ่่น
กระเบื้้�องเซรามิิก หรืือแผ่่นอลููมิิเนีียม
ปากบ่่อปิิดด้้วยมุ้ �งตาข่่ายเพื่่�อป้้องกัันศััตรูู
ของจิ้�ง้ หรีีด (ภาพที่่� 16ข)
3 ควรรองขาบ่่อเลี้้�ยงด้้วยภาชนะรองตู้�แบบ
พลาสติิกทุุกขา เพื่่�อป้้องกัันมดขึ้้�นบ่่อเลี้�้ยง
(หากรอบโรงเรือื นสามารถกันั มดหรือื แมลง
อื่น� ๆ ได้ด้ ีี ไม่่จำเป็น็ ต้อ้ งใช้ภ้ าชนะรองขาบ่่อ)
(ภาพที่่� 16ค)
คค
ภาพท่ี 16 การตดิ ตงั้ อุปกรณก์ ารเล้ียงจิง้ หรีด (ทม่ี า:เปยี่ มสุขฟารม์ , 2564)
(ก) วางฐานแผงไขใ่ ห้ห่างจากพืน้ กลอ่ งเพ่อื ไมใ่ หแ้ ผงไขส่ ัมผสั กับมูลจง้ิ หรีด
(ข) ขอบบอ่ ด้านในติดขอบลน่ื
(ค) การรองขาบ่อเล้ียง
16 คูม่ ือแนวปฏิบตั ใิ นการเพาะเลีย้ งจง้ิ หรีดให้ได้มาตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
วสั ดุหลบซอ่ น
ในการเลี้ยงจ้ิงหรีดจำ�ำเป็นต้องมีการให้ที่หลบซ่อนสำ�ำหรับจิ้งหรีด
เนอ่ื งจากในธรรมชาตจิ ง้ิ หรดี เปน็ แมลงที่ขดุ อาศยั อยใู่ นดนิ ที่มดื และออกหากนิ
ในเวลากลางคนื วสั ดหุ ลบซอ่ นจึงมีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตของจง้ิ หรดี วสั ดหุ ลบซอ่ น
ทใ่ี ชใ้ นการเลี้ยงจงิ้ หรดี ควรเปน็ วสั ดทุ ไี่ ม่มีการปนเปอ้ื นโลหะหนกั สารพษิ ตกคา้ ง
หรือจลุ ินทรีย์ มีความแข็งแรง มีหลายรปู แบบ (ภาพท่ี 17)
กข
ภาพท่ี 17 ตวั อยา่ งวสั ดุหลบซ่อน
(ก) วสั ดหุ ลบซอ่ นกระดาษคราฟท์
(ข) วสั ดุหลบซ่อนแผงไข่
(ค) การเรียงแผงไขแ่ บบประกบ
ค
17
กรณีีที่่ใ� ช้ว้ ัสั ดุหุ ลบซ่่อน เช่่น แผงไข่่ ต้อ้ งอยู่ใ�่ นสภาพดีี
ไม่่เปียี กชื้น� เพราะอาจเกิดิ จุลุ ินิ ทรีีย์ท์ี่่ก� ่่อโรคได้้ หรือื จิ้ง้� หรีีด
อาจวางไข่่และกััดแทะได้้ ถ้้าใช้้แผงไข่่ใหม่่สามารถนำมา
ใช้้เลี้้�ยงได้้ทัันทีี แต่่ควรระวัังอย่่าให้้มีีแมลงหรืือศััตรููอื่่�น
ติิดมากัับแผงไข่่ สำหรัับแผงไข่่ที่่�ผ่่านการใช้้งานมาแล้้ว
ควรทำความสะอาดฆ่่าเชื้�อโรค เช่่น อบด้้วยความร้้อน
ที่่อ� ุุณหภููมิิ 60 องศาเซีีลเซีียส ไม่่น้้อยกว่่า 30 นาทีี ผึ่ง� ไว้้
ให้เ้ ย็น็ เก็บ็ ใส่่ถุงุ วางบนชั้น� ให้เ้ รีียบร้อ้ ย หากแผงไข่่มีีสภาพ
ที่่�ผุุกร่่อน ควรเปลี่�ยนไปใช้้แผงไข่่ใหม่่ รููปแบบการจััดเรีียง
แผงไข่่ในบ่่อเลี้�้ยงมีีหลายรููปแบบ เช่่น การเรีียงแบบปีกี นก
ซ้้อนทัับกันั หรืือการเรีียงประกบต่่อกััน (ภาพที่่� 17ค)
2.4 การคัดเลอื กจ้ิงหรดี
1 หากต้้องการเก็็บไข่่จิ้�้งหรีีดเพื่่�อทำพัันธุ์�ต่ อควรคััดเลืือกจิ้�้งหรีีดที่่�
มีีคุณุ ภาพดีี สมบููรณ์์ แข็ง็ แรง ว่่องไว และไม่่มีีประวััติิการเกิดิ โรค
2 ควรผสมจิ้ง้� หรีีดข้า้ มบ่่อเลี้ย�้ งภายในฟาร์ม์ โดยคัดั เลือื กจิ้ง้� หรีีดตัวั ที่่�
แข็ง็ แรง มีีขนาดใหญ่่ และสมบููรณ์์มาเป็น็ พ่่อแม่่พัันธุ์� หรืือผสมกับั
พ่่อแม่่พันั ธุ์์�จากฟาร์ม์ ที่่�มีีความน่่าเชื่�อถืือ
3 หากได้้รัับไข่่จากแหล่่งอื่�น ต้้องไม่่มีีประวััติิการเกิิดโรค จดบัันทึึกแหล่่ง
ที่่�มาของจิ้�้งหรีีดที่่น� ำมาเลี้้�ยงอย่่างสม่่ำเสมอ
18 คมู่ ือแนวปฏิบัติในการเพาะเล้ียงจง้ิ หรีดใหไ้ ดม้ าตรฐานสำ�หรับฟารม์
3การเลี้ยง
จ้ิงหรีด
3.1 การบ่มไขแ่ ละยา้ ยจิ้งหรีดลงบ่อเลยี้ ง
การบ่มไข่หรือฟักไข่ ควรมีการจัดวางให้เหมาะสม แยกพื้นที่ให้
ชดั เจนเพอื่ ปอ้ งกนั การปนเปอ้ื น มีวสั ดปุ ดิ เพอื่ ชว่ ยรกั ษาอณุ หภูมแิ ละความรอ้ น
อณุ หภูมทิ ี่เหมาะสมสำำ� หรับบ่มไข่อยทู่ ่ี 35-40 องศาเซลเซียส โดยข้นั ตอนของ
การบ่มไข่มีดังน้ี
นำ�ำวัสดุรองไข่ที่มีไข่จิ้งหรีดใส่ในภาชนะ เช่น กล่อง หรือ
ถงุ กระสอบในปรมิ าณท่พี อเหมาะ
ปิดภาชนะด้วยผ้าหรือถุงกระสอบแต่ไม่ต้องแน่นมาก เพื่อให้
อากาศเข้าไปได้ แล้วนำ�ำไปวางบ่มรวมกันในบ่อบ่มไข่หรือพ้ืนท่ี
ที่เตรียมไว้สำ�ำหรับบ่มไข่ ท้ังน้ีปริมาณการใส่ไข่จ้ิงหรีดขึ้นอยู่กับ
ขนาดพ้ืนท่แี ละการเลี้ยง
เม่ือสังเกตเห็นไข่ตึงและมีสีเหลืองอมน้�้ำำตาล จึงเอาขันไข่ หรือ
กระสอบไข่ไปใส่ไว้ในบ่อเลี้ยง โดยท่วั ไปไข่จ้ิงหรีดจะใช้เวลาใน
การฟกั ประมาณ 7-11 วัน จึงจะฟักออกมาเปน็ ตวั อ่อน
หมายเหต:ุ ควรเกบ็ ไวใ้ นที่มดิ ชดิ ไม่มีแมลงศตั รูจง้ิ หรดี เชน่ แมลงหวี่
แมลงวัน เพราะอาจมาวางไข่และทำำ� ให้เกดิ การฟกั ตวั พรอ้ มกบั จ้ิงหรีดได้
19
3.2 การจดั การดา้ นอาหารและน�ำ้
หลังจากบ่มไข่และนำ�ำไข่ลงสู่บ่อเลี้ยงแล้ว เม่ือจิ้งหรีดฟักออกมาจะมี
ขนาดตวั เล็กมากคล้ายมด ควรต้องดูแลให้ดีท้ังการให้อาหารและน้�้ำำ
การใหอ้ าหารจง้ิ หรดี
1 การให้อ้ าหารระยะตัวั อ่อ่ นแรกเกิดิ จะให้อ้ าหารผงละเอีียด เนื่่�องจาก
จิ้�้งหรีีดตััวเล็ก็ กิินอาหารเม็ด็ หรืืออาหารอื่�นลำบาก โดยใส่่ภาชนะขอบเตี้�้ย หรือื
หาวััสดุุที่่�ปลอดภััยมาพาดเพื่่�อให้้จิ้้�งหรีีดปีีนเข้้าไปกิินอาหารได้้ อาหารควรมีี
โปรตีีน 21% ดููดซึึมไปใช้ไ้ ด้ส้ ููง ควรให้ใ้ นปริมิ าณที่่พ� อเหมาะ เมื่่อ� จิ้ง้� หรีีดกินิ หมด
แล้ว้ จึึงจะให้เ้ พิ่่ม� เพื่่อ� ป้อ้ งกันั ไม่่ให้ม้ ีีอาหารตกค้า้ งในบ่่อเลี้ย�้ ง ซึ่ง� เป็น็ สาเหตุขุ อง
การสะสมเชื้อ� จุลุ ิินทรีีย์์ในบ่่อเลี้้�ยง
2 การให้อ้ าหารระยะตัวั อ่อ่ นถึงึ ตัวั เต็ม็ วัยั ให้อ้ าหารจิ้ง้� หรีีดสำเร็จ็ รููปที่่ม� ีี
จำหน่่ายทางการค้้า หรืือพืืชอาหารที่่ป� ลอดสารพิิษ ให้เ้ พีียงพอต่่อจิ้้ง� หรีีด (โดย
ดููจากข้้อมููลเดิิมที่่เ� คยบันั ทึึกไว้)้ ป้้องกันั อาหารเหลืือทิ้้ง� มากเกินิ ไปหรือื เกิิดการ
สะสมและบููดเน่่า
3 การเสริมิ อาหารด้ว้ ยพืชื ผักั ต่า่ ง ๆ ที่่ห� าได้ต้ ามชุมุ ชนหรือื ปลููกเองปลอด
สารพิษิ ตกค้้าง เช่่น ข้้าวโพด ใบกล้้วย ฟักั ทอง ผัักต่่าง ๆ หญ้า้ เนเปีียร์์ หญ้้าขน
หญ้า้ หวาน เป็็นต้้น (ภาพที่่� 18)
หมายเหตุุ: ไม่่ควรนำใบกระถิินมาเป็็นอาหารเลี้้�ยงจิ้้�งหรีีด เนื่่�องจากมีีสาร
ลููซีีนิิน (leucenine) ซึ่�งเป็น็ พิษิ ทำให้้จิ้้ง� หรีีดตายได้้
ข้อเสนอแนะ: ควรมีการตรวจสอบคุณภาพของอาหารโดย อาหารสำ�ำเร็จรูป
ต้องสะอาด ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือมีเช้ือรา เพราะจะทำ�ำให้
จ้ิงหรีดเป็นโรค หรือตายได้ สำ�ำหรับพืชสด ควรเลือกพืชผักปลอดสารพิษที่ไม่
เน่าเสีย ควรมีการล้างทำ�ำความสะอาดหรือกำ�ำจัดแมลงที่อาจติดมาเป็นพาหะ
นำ�ำเชอื้ โรคได้
20 คู่มือแนวปฏิบตั ใิ นการเพาะเลย้ี งจง้ิ หรีดให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
กข
ข
คง
ภาพท่ี 18 ตัวอยา่ งอาหารเสรมิ พชื สดสำ�หรบั จิง้ หรีด
(ก) ขา้ วโพด, (ข) ใบกล้วย, (ค) ฟักทอง, (ง) หญา้ เนเปียร์
4. ภาชนะใสอ่ าหาร เปน็ ภาชนะทไ่ี ม่เปน็ อนั ตรายต่อจงิ้ หรดี คงทน มีอายุ
การใชง้ านนาน เชน่ ถาดพลาสตกิ แผ่นสมารท์ บอรด์ ที่มีขอบ เนอื่ งจากพฤตกิ รรม
ของจง้ิ หรดี ชอบใชข้ าหลงั เขี่ยอาหาร ภาชนะมีความลึกประมาณ 1-1.5 เซนตเิ มตร
จง้ิ หรดี สามารถเขา้ ถงึ อาหารไดง้ า่ ย ทำำ� ความสะอาดไดง้ า่ ย มีจำำ� นวนเพยี งพอต่อ
จงิ้ หรดี (ภาพที่ 19)
ข้อเสนอแนะ: หากใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ดที่มีขนาดยาวเกินไป
อาจทำ�ำให้แตกหักได้ง่าย
21
ภาพที่ 19 ตวั อยา่ งภาชนะใส่อาหารจ้งิ หรดี
การใหน้ ้�้ำำจงิ้ หรดี
1 การให้้น้้ำระยะตััวอ่่อน ควรใช้้ฟองน้้ำหรืือผ้้าชุุบน้้ำให้้ชุ่�มแล้้ววางใน
บ่่อเลี้�ย้ ง หรือื การใช้้วัสั ดุุอื่น� ๆ เช่่น แกลบเผา ขุยุ มะพร้า้ วแช่่น้้ำต้้มฆ่่าเชื้อ� แล้้ว
เป็็นต้้น ตััวอ่่อนจิ้้�งหรีีดจะกินิ น้้ำ ไม่่ควรให้น้ ้้ำโดยใส่่ ถ้้วย จาน หรืือถาดอาหาร
โดยตรง เพราะจะทำให้จ้ ิ้�ง้ หรีีดที่่ต� ััวเล็ก็ ตกลงไปตายได้้
2 การให้น้ ้ำ้ ระยะตัวั เต็ม็ วัยั สามารถให้น้ ้้ำโดยใส่่ภาชนะก้น้ ตื้น� หรือื จาน
พลาสติิกแล้้ววางก้้อนหิินก้้อนเล็็ก ๆ ที่่�ทำความสะอาดฆ่่าเชื้�อแล้้ว ไว้้ในจาน
เพื่่�อให้้จิ้�้งหรีีดเกาะกิินน้้ำได้้ง่ าย หรืือใช้้ท่่อพีีวีีซีีเจาะสอดด้้วยผ้้าซัับน้้ำ
สำหรับั จิ้้ง� หรีีดใช้้กินิ ได้้ อาจใช้้กระดาษทรายขััดผิิวท่่อเผื่อ� ลดความลื่่�น
3 ภาชนะใส่่น้ำ้ ควรเป็น็ ภาชนะที่่�ไม่่เป็น็ อัันตรายต่่อจิ้�้งหรีีด คงทนและ
มีีอายุุการใช้ง้ านที่่�นาน เช่่น ถาดพลาสติิกทรงกลม หากเป็น็ จิ้�ง้ หรีีดตัวั เล็ก็ อาจ
ใส่่ขุยุ มะพร้้าวที่่�ฆ่า่ เชื้�อแล้้วเพื่่อ� ป้อ้ งกัันจิ้�ง้ หรีีดจมน้้ำ หรืือท่่อพีีวีีซีี (ภาพที่่� 20)
สอดด้ว้ ยผ้า้ ซับั น้้ำเป็น็ วิธิ ีีที่่ไ� ม่่ทำให้น้ ้้ำสกปรกหรือื ใช้้ภาชนะให้้น้้ำไก่่ที่่ม� ีีขนาด
พอเหมาะสำหรัับให้้จิ้ง้� หรีีดกิิน
22 คมู่ ือแนวปฏิบตั ใิ นการเพาะเลย้ี งจิ้งหรดี ให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
ภาพที่ 20 ตัวอยา่ งภาชนะให้นำ้�แบบท่อพีวีซี
3.3 การรองไข่เพอ่ื ทำ�พันธุ์
จิ้้�งหรีีดเพศเมีียจะเริ่�มวางไข่่ภายใน 3-4 วััน หลัังผสมพัันธุ์� โดยจะ
ใช้้อวััยวะวางไข่่แทงลงไปในวััสดุุที่่�มีีความชื้้�นพอประมาณ ไข่่มีีสีีเหลืืองอ่่อน
มีีลัักษณะเรีียวยาวคล้้ายเมล็็ดข้้าวสาร มัักวางไข่่เป็็นกลุ่�มประมาณ 3-8 ฟอง
เพศเมีียหนึ่่�งตััวสามารถวางไข่่ได้้ประมาณ 800-1,800 ฟอง การวางไข่่ของ
จิ้้�งหรีีดในช่่วง 1-3 วัันแรกจะมีีอััตราการวางไข่่น้้อย แต่่จะเพิ่่�มขึ้�้นเรื่�อย ๆ
แตกต่่างตามชนิดิ ของจิ้้ง� หรีีด
ภาชนะรองไข่ เปน็ ภาชนะทส่ี ามารถใช้วัสดใุ ดกไ็ ดท้ ี่ใสว่ สั ดรุ องไข่ เช่น
ถาดพลาสติก หรือขันน้�้ำำพลาสติก มีความลึกมากกว่า 5 เซนติเมตร นิยมใช้
ขนั พลาสติกทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16-20 เซนตเิ มตร (ภาพท่ี 21)
ภาพท่ี 21 ตัวอย่างภาชนะรองไข่จ้ิงหรีด
23
ขั้้�นตอนการรองไข่่มีีดังั นี้้�
1 ภาชนะรองไข่่ ใช้้ขัันพลาสติิกหรืือถาดรองพลาสติิก ควรล้้างให้้
สะอาด และนึ่่ง� ฆ่า่ เชื้�อก่่อนนำมาใช้ร้ องไข่่
2 วััสดุุรองไข่่ นิิยมใช้้ขุุยมะพร้้าวแช่่น้้ำควรต้้มหรืือนึ่่�งฆ่่าเชื้�อ หรืือ
ใช้้แกลบเผาพรมน้้ำหมาดให้้มีีความชุ่่�มชื้้�น แล้้วนำมาใส่่ภาชนะรองไข่่ให้้หนา
ประมาณ 5 เซนติเิ มตร โดยไม่่ต้อ้ งอััดให้้แน่่น
3 วางภาชนะและวัสั ดุทุี่่ใ� ช้ร้ องไข่่ในบ่่อเลี้ย้� ง 8-12 ชั่ว� โมง (ทิ้้ง� ไว้้ 1 คืนื )
ภาพที่ 22 ตัวอยา่ งการรองไข่
3.4 การเก็บจงิ้ หรดี เพ่ือจำ�หน่าย
เกบ็ จงิ้ หรดี ทองดำ�ำเมือ่ อายุ ประมาณ 30-45 วัน จง้ิ หรดี บ้านหรือสะด้งิ
เม่อื อายุ 30-45 วัน และจงิ้ หรีดทองแดงเมือ่ อายุประมาณ 50-60 วนั ขึ้นอยู่
กับแต่ละฤดูกาล หรือเก็บท่ีอายุตามความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้ควรเก็บ
จิ้งหรีดให้หมดทั้งบ่อ เพื่อสะดวกในการทำ�ำความสะอาดและเตรียมบ่อสำ�ำหรับ
การเลี้ยงรุ่นต่อไป (ภาพท่ี 23)
24 ค่มู ือแนวปฏบิ ัตใิ นการเพาะเลีย้ งจิ้งหรีดใหไ้ ด้มาตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
ขั้้�นตอนการเก็บ็ จิ้้�งหรีีด
1 ก่่อนเก็็บจิ้�้งหรีีดออกจากบ่่อ นำถาดน้้ำและถาดอาหารออกจาก
บ่่อเลี้ย�้ ง เคาะแผงไข่่เพื่่อ� สลัดั จิ้ง้� หรีีดออกใส่่ถังั หรือื กะละมังั (ภาพที่่� 23ก) สำหรับั
จิ้ง้� หรีีดที่่อ� ยู่ใ�่ นบ่่อใช้อ้ ุปุ กรณ์ท์ี่่เ� หมาะสมในการช้อ้ นเก็บ็ จิ้ง้� หรีีด ไม่่ควรลงไปเหยีียบ
ในบ่่อเลี้ย้� งขณะเก็บ็ จิ้ง้� หรีีด เพื่่อ� ลดการปนเปื้�อนของเชื้อ� จุลุ ินิ ทรีีย์์
2 มีีหลายวิธิีีที่่ท� ำให้จ้ ิ้ง�้ หรีีดหมดความรู้้�สึึก เช่่น นำจิ้ง�้ หรีีดบรรจุถุ ุงุ ตาม
น้้ำหนักั ที่่ต� ้อ้ งการ แล้ว้ แช่่ในน้้ำแข็ง็ หรือื ตู้�แช่่แข็ง็ แล้ว้ รอจำหน่่าย หรือื นำจิ้ง้� หรีีด
ที่่�หมดความรู้้�สึึกแล้้วมาล้้างให้้สะอาดจากนั้้�นนำมาต้้มหรืือนึ่่�งจนสุุก
(ภาพที่่� 23ข) สะเด็ด็ น้้ำ วางบนตะแกรงผึ่ง� ให้แ้ ห้ง้ แล้ว้ บรรจุใุ ส่่ถุงุ แช่่ในตู้�แช่่แข็ง็
อุุณหภููมิิระหว่่าง -15 ถึึง -20 องศาเซลเชีียส (ภาพที่่� 23ค) ในระหว่่างรอ
การจำหน่่าย เพื่่อ� ลดปริมิ าณการเกิดิ สารฮิสิ ตามีีน ซึ่ง� เป็น็ สารก่่อภููมิแิ พ้ใ้ นผู้้�บริโิ ภค
บางราย
กข ค
ภาพท่ี 23 การเตรียมจง้ิ หรีดก่อนจำ�หนา่ ย
(ก) เคาะเขย่าแผงไข่
(ข) ต้มหรือน่ึงจง้ิ หรดี จนสุก
(ค) บรรจุใสใ่ นถุงและเก็บท่อี ุณหภูมิ
ต่ำ�กว่า -15 องศาเซลเซยี ส
25
4 การจัดั การด้้านสุขุ าภิบิ าล
และสิ่่�งแวดล้้อม
4.1 การปอ้ งกันศตั รจู ้งิ หรีด
โรงเรือนควรมีการใช้ตาข่ายถี่ เช่น มุ้งลวด มุ้งตาข่ายสีฟ้า
เพ่ือปอ้ งกันไม่ใหศ้ ัตรูเขา้ มา (ภาพที่ 24)
ภาพท่ี 24 มุ้งตาข่ายสฟี ้า
(ทม่ี า: เป่ียมสุขฟารม์ , 2564)
4.2 การทำ�ำความสะอาดโรงเรอื น
และอุปกรณเ์ ลยี้ งจิง้ หรดี
1 มีีการป้้องกัันและฆ่่าเชื้�ออุุปกรณ์์ และบุุคคลก่่อนเข้้าฟาร์์ม รวมถึึงมีี
การจดบันั ทึึกการผ่่านเข้า้ –ออกฟาร์ม์ ของบุคุ คลภายนอกที่่ส� ามารถตรวจ
สอบได้้
2 บ่่อที่่�ผ่่านการเลี้้�ยงมานาน ให้้ลดการสะสมของเชื้�อโดยการโรยปููนขาว
หรือื ล้า้ งด้้วยน้้ำยาฆ่่าเชื้อ� และทิ้้ง� บ่่อไว้้ 2-3 วััน เพื่่�อให้้แห้ง้ สนิทิ
3 การจัดั เก็บ็ อุุปกรณ์์ต่่าง ๆ ควรเก็็บแยกจากบริเิ วณที่่�เลี้�้ยง เช่่น บริิเวณ
ที่่เ� ก็็บอาหาร บริเิ วณที่่เ� ก็็บภาชนะสำหรับั ใส่่อาหารและน้้ำ และบริิเวณ
ที่่�เก็บ็ สารเคมีี
26 ค่มู ือแนวปฏบิ ัตใิ นการเพาะเล้ยี งจิ้งหรดี ให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
4อุุปกรณ์อ์ื่�น ๆ เช่่น แผงไข่่ ให้เ้ คาะ และตากแดด 1-2 วััน ไม่่ควรวางไว้้
กับั พื้้น� ดินิ หรือื อบด้ว้ ยความร้อ้ นที่่อ� ุณุ หภููมิปิ ระมาณ 60 องศาเซลเซีียส
ส่่วนถาดอาหาร ถาดน้้ำ และขัันวางไข่่ ล้า้ งให้้สะอาด
5มุ้้�งลวดตาข่่ายภายในโรงเรืือน รวมไปถึึงฝาปิิดบ่่อ ต้้องมีีการทำความ
สะอาด เพราะอาจมีีฝุ่่�นเกาะ และช่่วยในการระบายอากาศได้้ดีีขึ้�น้
6 สารเคมีี ยาฆ่่าเชื้�อ หรืือวััสดุุอัันตรายที่่�ขึ้้�นทะเบีียนกัับกรมปศุุสััตว์์
และต้้องใช้ภ้ ายใต้้การดููแลของสััตวแพทย์อ์ ย่่างเคร่่งครัดั
ตัวั อย่า่ งสารเคมีี
• Glutaraldehyde 15.0% W/V
• Alkyl benzyl dimethyl ammonium chloride 10.0% W/V
• Polyethoxylated nonyl phenol 3.0% W/V
4.3 การขจััดของเสียี และน้ำำ��เสียี
ต้้องกำจััดหรืือจััดการขยะมููลฝอย ของเสีีย และมููลจิ้้�งหรีีดด้้วยวิิธีีที่่�
เหมาะสมและถููกสุขุ ลักั ษณะ มีีจุดุ เก็บ็ รวบรวมขยะมููลฝอยและของเสีีย
ในภาชนะที่่ม� ีีฝาปิดิ มิดิ ชิิด โดยแบ่่งตามประเภทขยะ (ภาพที่่� 25) และ
นำไปกำจััดโดยวิธิ ีีที่่�เหมาะสม เพื่่�อไม่่ให้้เกิดิ ผลกระทบต่่อสิ่�งแวดล้้อม
การกำจัดั ซากจิ้ง้� หรีีด โดยอาจมีีบ่่อกำจัดั ซากจิ้ง้� หรีีด (ภาพที่่� 25) หรือื
ฝังั ให้ล้ ึึกไปใต้ผ้ ิวิ ดินิ ประมาณ 50 เซนติิเมตร
ภาพท่ี 25 บอ่ กำ�จัดซาก และจดุ ท้ิงขยะ (ท่ีมา: เป่ียมสุขฟาร์ม, 2564)
กรณีปล่อยน้�้ำำเสียจากฟาร์ม ให้บำ�ำบัดอย่างถูกต้องก่อนปล่อยออกสู่
ภายนอก โดยอาจทำำ� เปน็ บ่อกรอง (ทราย) เพอ่ื กรองน้�้ำเสยี จากฟารม์ กอ่ น
27
5 การจัดการดา้ นสุขภาพจงิ้ หรดี
5.1 ศัตรธู รรมชาตแิ ละสภาพภูมอิ ากาศ
ศัตรูธรรมชาติ สว่ นใหญ่จะเปน็ มด แมลงวนั ดว้ งหนังสัตว์ แมงมุม
จงิ้ จก ตกุ๊ แก นกและไร เปน็ ตน้ ปอ้ งกนั ไดโ้ ดยหมน่ั ตรวจสอบดแู ลความสะอาด
ภายในโรงเรือน บ่อเลี้ยงจ้ิงหรีด ทำ�ำร่องน้�้ำำรอบโรงเรือนป้องกันมดหรือสัตว์
เลอ้ื ยคลานขนาดเลก็ ใชต้ าข่ายลอ้ มรอบโรงเรอื นปอ้ งกนั นกหนหู รอื แมลงต่าง ๆ
สภาพภูมิอากาศ จ้ิงหรีดเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในช่วงฤดูฝน แต่ใน
ชว่ งฤดูรอ้ น ต้องจดั การโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทสะดวก เช่น การใชว้ สั ดทุ ่ีกัน
ความร้อนหรือเย็นในการก่อสร้าง การเปิดผ้าใบรอบ ๆ โรงเรือน เปิดพัดลม
ช่วยระบายอากาศ ส่วนในช่วงฤดูหนาว ต้องทำ�ำให้โรงเรือนมิดชิด หรือทำ�ำให้
อบอุ่นขึ้น โดยการปดิ ผา้ บังลมรอบโรงเรอื น ปิดปากบ่อโดยใชผ้ ้าห่ม กระสอบ
ปา่ นหรอื วัสดอุ ่ืน ๆ
ข้อเสนอแนะ: ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือช่วงฤดูฝน ควรมีการ
ตรวจสอบบ่อเลี้ยง หากพบว่ามีจ้ิงหรีดตาย หรือมีมูลสะสมและมีกลิ่นเหม็น
ควรจดั การมูลในบ่อเลี้ยงใหส้ ะอาด โดยการลดความชน้ื อาจทำำ� ไดด้ ว้ ยการเพ่ิ ม
การระบายอากาศ เชน่ เปดิ พดั ลมระบายอากาศ ทำำ� ความสะอาดตาข่ายโรงเรอื น
หรือฝาบ่อเลี้ยง เพอ่ื กำำ� จดั ฝุ่นหรือสิ่งที่ขดั ขวางการระบายอากาศ
28 คู่มอื แนวปฏิบตั ิในการเพาะเล้ียงจงิ้ หรดี ให้ได้มาตรฐานสำ�หรับฟารม์
5.2 โรคท่อี าจพบไดใ้ นการเล้ียงจิ้งหรีด
1) โรคแคระแกรน็
พบในจิ้ง�้ หรีีดทุกุ ชนิดิ ไม่่สร้้างความรุุนแรงมากนักั แต่่หากมีี
การจัดั การบ่่อเลี้ย้� งที่่ไ� ม่่เหมาะสมอาจก่่อให้เ้ กิดิ ความเสีียหายที่่ร� ุนุ แรง
ได้้ โรคนี้้�แสดงอาการให้้เห็็นในจิ้้�งหรีีดตััวเต็็มวััย จิ้ง�้ หรีีดที่่ต� ิดิ โรคนี้ม้� ีี
การเจริญิ เติบิ โตไม่่สม่่ำเสมอ แคระแกร็น็ ซึ่ง� โรคนี้ย�้ ัังไม่่ทราบสาเหตุุที่่�
แน่่ชััด อาจเกิิดจากอาหาร น้้ำ และวััสดุุที่่�ใช้เ้ ลี้�้ยงที่่�ไม่่สะอาด ที่่�เป็็น
สาเหตุใุ นเกิดิ การติดิ เชื้อ� ในทางเดินิ อาหาร หรือื เกิดิ จากอากาศภายใน
บ่่อเลี้ย้� งถ่่ายเทไม่่สะดวก
2) โรคเนา่ ของไข่
เป็นโรคที่สำ�ำคัญในจิ้งหรีดสะดิ้ง เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับ
จิ้งหรีดในระยะไข่ และเกิดขึ้นได้มากในช่วงฤดูฝน สร้างความ
เสียหายให้กับไข่ ทำ�ำให้ตัวอ่อนท่ีฝักตัวออกมาจากไข่ไม่แข็งแรง
ลกั ษณะจงิ้ หรดี ตวั ออ่ นที่ตดิ โรค ลำำ� ตวั มีสแี ดงสม้ และตายในเวลา
ต่อมา โรคนยี้ งั ไม่ทราบสาเหตทุ แ่ี นช่ ดั อาจเกดิ จากเชอ้ื ราที่ตดิ มา
กับวสั ดุวางไข่และวัสดุเพาะเลี้ยงท่ีไม่สะอาด
3) โรคท้องบวม
หรือโรคอิริโดไวรัส เป็นไวรัสที่ทำ�ำให้จ้ิงหรีดตายอย่างรุนแรงและ
สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ในจิ้งหรีดตัวอ่อนและตัวเต็มวัยแสดง
อาการหลงั ตดิ เชือ้ 14 วัน แสดงอาการหงอย ท้องบวม เน่ืองจากมีของเหลว
มันวาวอัดแน่นภายในช่องท้องเมื่อสัมผัสกับอากาศเปลี่ยนเป็นสีฟ้า หากพบ
การติดเช้ือหรือว่าป่วยตายควรฝังซากจิ้งหรีดให้ลึกลงไปใต้ผิวดินประมาณ
50 เซนติเมตร แล้วโรยปูนขาวหรือยาฆ่าเชื้อโรค และโรงเรือนควรมีการพัก
ก่อนลงเลี้ยงคร้ังต่อไป 2-3 สัปดาห์ (ภาพที่ 26)
29
ภาพที่ 26 ตัวอยา่ งอาการโรคท้องบวม ที่มา: นพพร และคณะ (2551)
4) โรคอัมพาตในจ้ิงหรดี
มีเช้ือสาเหตเุ ปน็ เชื้อไวรัสอมั พาตจง้ิ หรีด (Cricket
Paralysis Virus; CrPV) จ้ิงหรดี แสดงอาการเป็นอัมพาต
หงายหลงั ชกั และตาย โดยจงิ้ หรดี วยั ออ่ นจะตายหลงั ไดร้ บั
เชอ้ื ภายใน 3 วัน ส่วนจ้งิ หรดี วยั เจริญพนั ธุแ์ สดงอาการซึม
หลงั รบั เชอ้ื 8 วนั และหยดุ กนิ อาหาร หนวด รมิ ฝปี าก กราม
และหวั กระตกุ ไม่ค่อยเคลอ่ื นไหวเนอ่ื งจากขาหลงั ไม่มีแรง
เร่ิ มเป็นอัมพาต และชักก่อนตาย เช้ือไวรัสน้ีสามารถปน
เปื้อนมากบั ผิวของเปลือกไข่จิ้งหรีด ส่ิงปรู อง ภาชนะ น้้� ำำ
อาหาร แมลง และสตั ว์ท่เี ปน็ พาหะได้ (ภาพท่ี 27) ภาพที่ 27 ตัวอยา่ งอาการ
โรคอมั พาตในจ้ิงหรดี
30 คมู่ อื แนวปฏิบัตใิ นการเพาะเลย้ี งจ้ิงหรดี ใหไ้ ดม้ าตรฐานสำ�หรบั ฟารม์
5) โรคตดิ ตอ่ ระบบทางเดนิ อาหาร
เมอ่ื มีการตดิ เชอื้ จง้ิ หรดี มีการตายทไี่ ล่เลี่ยกนั จนถงึ ขน้ั ตายยกบ่อเลี้ยง
สาเหตอุ าจเกดิ จากความไม่สะอาดของโรงเรอื น เนอื่ งจากพาหะนำำ� โรค เชน่
หนูและแมลงอนื่ ๆ การแก้ปญั หาควรมีการจดั การเกบ็ อาหารที่เหมาะสม
สะอาดและเกบ็ ในท่ีที่มดิ ชิด
ช่ือโรค ลกั ษณะอาการ
โรคแคระแกร็น
เจริญเติบโตไม่สม่�ำ่ำเสมอ แคระแกร็น อาจเกิดจาก
อาหาร น้้�ำำ และวัสดุที่ใช้เลี้ยง หรือเกิดจากอากาศ
ภายในบ่อถ่ายเทไม่สะดวก
โรคเน่าของไข่ เกิดขึ้นกับจ้ิงหรีดในระยะไข่และเกิดขึ้นมากในช่วง
ฤดฝู น ลำำ� ตวั มสี แี ดงสม้ และตายในเวลาตอ่ มา อาจเกดิ
จากเชื้อราที่ติดมากับวัสดุวางไข่และวัสดุเพาะเล้ียง
ท่ีไม่สะอาด
โรคทอ้ งบวม เปน็ ไวรสั ทที่ ำำ� ใหจ้ ง้ิ หรดี ตายอยา่ งรนุ แรงและสามารถ
หรือ แพร่ระบาดได้อยา่ งรวดเร็ว แสดงอาการหลังติดเช้อื
14 วัน แสดงอาการหงอย ท้องบวม มีของเหลว
โรคอิรโิ ดไวรสั มันวาวอัดแน่นภายในช่องท้องเม่ือสัมผัสกับอากาศ
เปล่ยี นเปน็ สฟี ้า
โรคอมั พาต เปน็ เชอ้ื ไวรสั อมั พาตจง้ิ หรดี แสดงอาการเปน็ อมั พาต
ในจ้ิงหรดี หงายหลัง ชัก และตาย จ้ิงหรีดวัยอ่อนจะตายหลัง
ได้รับเช้ือภายใน 3 วัน จ้ิงหรีดวัยเจริญพันธุ์แสดง
โรคตดิ ต่อ อาการซึมหลงั รบั เช้ือ 8 วัน หนวด รมิ ฝีปาก กราม
ระบบทางเดินอาหาร และหัวกระตุก ไมค่ ่อยเคลื่อนไหว
การตดิ เช้อื จิง้ หรดี มีการตายทไ่ี ลเ่ ลี่ยกนั จนถึงขั้น
ตายยกบ่อ สาเหตุอาจเกดิ จาก หนูและแมลงอืน่ ๆ
31
5.3 การแกไ้ ขและป้องกนั โรค
1) กรณีเกิดโรคระบาดหรือสงสัยว่าเกิดโรคระบาด ให้ปฏิบัติตาม
กฎหมายวา่ ด้วยโรคระบาดสัตว์ และคำ�ำแนะนำำ� ของกรมปศุสตั ว์ เช่น ถา้ พบว่า
จ้งิ หรดี มีอัตราการตายสูงผดิ ปกติใหแ้ จ้งสัตวแพทย์เขา้ ตรวจสอบปัญหา
2) ให้ทำ�ำลายจ้ิงหรีดท่ีเป็นโรค โดยวิธีการฝังใต้ระดับผิวดินไม่ต่่� ำำกว่า
50 เซนติเมตร ป้องกันสัตว์อ่ืนมาขุดคุ้ย แล้วราดด้วยน้้� ำำยาฆ่าเช้ือโรค หรือ
ปนู ขาว รวมทงั้ อุปกรณท์ ี่มีการปนเปอื้ น เชน่ ถาดไข่ที่ทำำ� จากกระดาษ ทใ่ี ชเ้ ปน็
ที่อยู่ของจ้ิงหรีดในบ่อเลี้ยง
3) ล้างทำำ� ความสะอาด และฆ่าเชอื้ โรคด้วยน้�้ำำยาฆ่าเชอ้ื โรค กบั อุปกรณ์
ทีใ่ ช้ในการเลี้ยงจิ้งหรีด เชน่ บ่อเลี้ยง อุปกรณ์การใหอ้ าหาร และน้้� ำำ ทว่ี างไข่
มงุ้ ตาข่ายคลมุ บ่อ พื้น ทางเดนิ และบรเิ วณรอบโรงเรอื น ท่เี ก็บอาหาร และพกั
การเลี้ยง 30 วนั ก่อนเลี้ยงจง้ิ หรดี ชุดใหม่
4) ปรบั ปรุงรปู แบบการสขุ าภบิ าล การควบคุมป้องกันโรคภายในฟารม์
ใหท้ ำ�ำรว้ั รอบฟารม์ ปดิ ประตูฟาร์ม ไม่ให้บคุ คลภายนอกเขา้ ฟาร์ม ควบคมุ การ
เขา้ -ออกของบุคคล ยานพาหนะจะต้องผ่านการฆ่าเชอื้ โรคก่อนที่จะเขา้ ฟารม์
5) คดั เลอื กจงิ้ หรดี ที่จะนำำ� มาทำำ� พนั ธ์ุ ตอ้ งมาจากฟารม์ ทป่ี ลอดโรค หรอื
ทำ�ำการคดั เลอื กสายพนั ธ์ุจ้งิ หรีดที่มีความต้านทานต่อโรคมาเลี้ยงในฟาร์ม
หมายเหตุุ: หากจิ้้�งหรีีดเกิิดโรคต้้องไม่่เก็็บไข่่ หรืือจำหน่่ายไข่่รวมทั้้�ง
มููลจิ้้�งหรีีดเพื่่�อป้้องกันั การแพร่่ระบาดของโรค
32 คู่มือแนวปฏบิ ตั ใิ นการเพาะเลย้ี งจ้งิ หรดี ใหไ้ ดม้ าตรฐานสำ�หรับฟารม์
6 การจัดการบคุ ลากร
และการบันทกึ ข้อมูล
6.1 เกษตรกรผู้เลีย้ งจิ้งหรีด
เกษตรกรที่ทำ�ำหน้าท่ีเลี้ยงจ้ิงหรีดต้องมีความรู้และได้รับการฝึกอบรม
หรอื ไดร้ บั การถ่ายทอดความรูเ้ พือ่ ใหเ้ ลี้ยงจ้ิงหรดี ไดอ้ ย่างถกู ต้อง
6.2 การบันทกึ ข้อมูลฟาร์มเลี้ยงจิง้ หรดี
การปฏิบัติงานในข้ันตอนที่สำ�ำคัญในการจัดการฟาร์มที่มีผลกระทบ
ต่อสุขภาพ ผลผลิตและการควบคุมโรคเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาหาร
ปลอดภัยในด้านการตามสอบของกระบวนการผลิตฟาร์มจิ้งหรีด ต้องมีการ
บันทึกข้อมูล เพื่อเป็นหลักฐานในการทำ�ำงานแต่ละข้ันตอนว่าถูกต้องตามวิธี
ปฏบิ ตั ิที่กำ�ำหนดไว้หรอื ไม่ นอกจากนยี้ งั เป็นประโยชน์ในการใช้เป็นข้อมูล เพ่อื
วิเคราะห์หาสาเหตุที่มาของปัญหา หรอื ขอ้ ผิดพลาดในกระบวนการผลิตได้
• การบันั ทึึกข้อ้ มููลเกี่ย� วกับั บุคุ ลากร เช่่น ข้อ้ มููลการอบรมของบุคุ ลากร
และขอ้ มูลการตรวจสขุ ภาพประจำ�ำปี
• การบัันทึึกข้้อมููลเกี่�ยวกัับการจััดการด้้านการผลิิต เช่่น ข้้อมููลชนิิด
รุ่น� การผลิติ อาหารและน้้ำ การจััดการฟาร์์ม ผลผลิิต อััตราการตาย
และจำนวนผลผลิิตที่่ไ� ด้ใ้ นแต่่ละรุ่�น
• บันั ทึึกข้อ้ มููลการควบคุมุ ป้้องกัันและบำบัดั โรค เช่่น ข้้อมููลการใช้ย้ า
สารเคมี โดยระบชุ ือ่ ชนดิ รุ่นการผลิต วนั ทใ่ี ช้ และปรมิ าณการใช้
• การบัันทึึกข้อ้ มููล ควรบัันทึึกเป็็นเวลาอย่่างน้้อย 3 ปีี กรณีีที่่ผ� ลิิตผล
มีปัญหาภายหลัง ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบ
ใหท้ ราบถึงที่มาของปัญหาได้
33
ตัวอย่าง
การบันทึกและปฏบิ ตั ทิ างการเกษตรที่ดี
สำ�ำหรับฟารม์ จง้ิ หรีด
วันท/ี่ เดือน/ปี ที่บนั ทกึ ………….………
ประจำ�ำรนุ่ ที่ผลติ ต่อรอบป…ี …………………….....
ข้อมูลท่วั ไป
ชอ่ื เจา้ ของฟารม์ ……………………………………………………………………………......……………...
ทอ่ี ย…ู่ …………………......……………………………………………………………………………………....
ชนดิ จง้ิ หรดี ทเี่ ลี้ยง....................................แหล่งไข่พนั ธจ์ุ งิ้ หรดี ........................................
จำำ� นวนบ่อเลี้ยง..............................................วสั ดบุ ่อ......................................................
ขนาดบ่อ........................................................จำำ� นวน......................................................
ขนาดบ่อ........................................................จำำ� นวน......................................................
แหล่งที่มาของไขจ่ งิ้ หรดี
วันท่ี เก็บไข่เอง ซ้ือจากฟาร์มอนื่ ๆ หมายเหตุ
ปที .่ี ................................ ชอ่ื ฟาร์ม.......................
รนุ่ ท่ี...............................
จำำ� นวนกี่ขัน...................
จำ�ำนวนขันไข่และวันท่ฟี ัก
บอ่ ท.ี่ ... ขนาดบ่อ จำ�ำนวนขนั ต่อบ่อ วันท่ฟี กั ไข่ %การฟกั
34 คูม่ อื แนวปฏิบัตใิ นการเพาะเลยี้ งจิ้งหรีดใหไ้ ด้มาตรฐานสำ�หรับฟารม์
การให้อาหารจิ้งหรดี
อาหารสำ�ำเร็จรูป (คร้ัง/วนั ) ช่อื การค้า วันท่ีซือ้
บ่อที่... 1 2 3 4 5 6 7
พชื /ผัก เสรมิ (ครงั้ /วัน) ชอื่ การค้า วนั ท่ีซอื้
บอ่ ท.่ี .. 1 2 3 4 5 6 7
การใหน้ ้้� ำำจิง้ หรดี
ภาชนะทใี่ ช…้ .....................…………………………………………………………………………………..
น้้� ำำทใ่ี ช…้ ……………………….....................………………………………………………………………...
ให้น้�้ำำและทำ�ำความสะอาด (ครง้ั /วัน) หมายเหตุ
บอ่ ท.่ี .. 1 2 3 4 5 6 7
การบันทกึ ลกั ษณะการเจริญเติบโตจ้งิ หรดี และปัญหาระหว่างการเล้ียง
บนั ทกึ การเจริญเติบโตและปญั หาท่พี บ หมายเหตุ
บอ่ ที.่ .. 1 2 3 4 5 6 7
การจดั การตัวจิ้งหรีดทเ่ี กิดโรค ลักษณะอาการ การจัดการ
บอ่ ท.่ี .. วนั ท่ีพบจ้งิ หรีด
แสดงอาการ
35
การทำำ� ความสะอาดบอ่ จง้ิ หรีดทเ่ี ป็นโรค
วนั /เดือน/ปี สารเคมีทใ่ี ช้
บ่อที่.... ทำ�ำความสะอาด ทำ�ำความสะอาด ฝงั กลบหรอื เผา ทำ�ำความสะอาด
บอ่ เล้ยี ง โรงเรือน ทำ�ำลายจ้ิงหรดี
การรองไขจ่ ้ิงหรีด
ภาชนะทใ่ี ชร้ องไข…่ …………….....…………………………………………………………………………..
วสั ดุทใ่ี ช้
วัสดสุ ำำ� เรจ็ รปู ชือ่ การค้า…………………………..................จงั หวดั ……………………….......
เตรียมเอง/ส่วนผสม..................................................................................................
การบ่มไข่
วิธกี ารบม่ ไข่
ขันไข่ซอ้ นกันในบ่อปดิ ดว้ ยผ้าพลาสติก
บ่มไข่ในถุงวางในบ่อ
อน่ื ๆ………………………………………………
วันที่เร่มิ บม่ ไข่ วันทย่ี ้ายไขล่ งบอ่ เลีย้ ง
การนำ�ำจิง้ หรดี ทเี่ ร่มิ ฟักลงบ่อเลี้ยง
วางขนั ไข่ลงบ่อ
เทไข่รวมกันลงกน้ บ่อ
อนื่ ๆ ………..………….....……………………
36 ค่มู อื แนวปฏิบัตใิ นการเพาะเลี้ยงจง้ิ หรดี ใหไ้ ด้มาตรฐานสำ�หรับฟารม์
การเก็บและจำำ� หน่ายผลผลติ จ้งิ หรดี
ผลผลติ รวมทงั้ หมดต่อรนุ่ ……………………………………...........................……………………….
ขายกโิ ลกรมั ละกี่บาท…………………………........................................................................
วัน/เดอื น/ปี บอ่ ท.่ี .. ล้างทำ�ำความสะอาด จำ�ำหน่าย การขนสง่
(ครง้ั )(ครง้ั /สัปดาห์) ดิบ สุก ไม่แช่ แช่
น้�้ำำแข็ง น้�้ำำแขง็
37
7 ตน้ ทนุ และผลตอบแทน
การเลี้ยงจ้ิงหรีด
7.1 โครงสร้างของต้นทุนในการเพาะเล้ียงจิ้งหรีด
เป็น 3 สว่ น คือ
• ต้น้ ทุนุ คงที่่� ได้้แก่่ โรงเรืือน และวััสดุเุ พาะเลี้้�ยง
• ต้้นทุุนผัันแปร ได้้แก่่ พันั ธุ์�ไข่่ ถาดอาหาร วัสั ดุหุ ลบซ่่อน ตาข่่ายไนล่่อน
• ค่่าใช้้จ่่ายในการผลิติ ได้แ้ ก่่ ค่่าน้้ำค่่าไฟ ค่่าอาหารจิ้�ง้ หรีีด และค่่าแรงงาน
รายการ ราคา ราคา (บาท/
(ตวั อยา่ งการคิดต้นทุน) (บาท) รอบการผลิต)
ตน้ ทนุ คงที่
อปุ กรณโ์ ครงสรา้ งโรงเรอื น 250,000-300,000 ถา้ ใชน้ าน 15 ปี ปี
ละ 8 รอบ
(เมทลั ชที +ตาขา่ ยไนลอ่ น) ขนาด 10 x 20 x 4
เมตร (20-30 บอ่ เลย้ี ง) คา่ เสอื่ มโรงเรอื น
= 2,500
บอ่ เลย้ี งแบบกลอ่ ง (สมารท์ บอรด์ ) 1,500-2,000 50-100
ขนาด 1.2 x 2.4 x 0.6 เมตร (ใชไ้ ด้ >3 ป)ี
300-750 60-150
ต้นทนุ ผนั แปร 250
500
แผงไข่ 300 แผง/บอ่ (1-2.5 บาท/แผง) 300 500-1,000
(ใชไ้ ด้ >5 รอบการผลติ ) 300-600
ไขจ่ ง้ิ หรดี 5 ขนั (50 บาท/ขนั )
คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต
คา่ อาหารสำำ� เรจ็ รปู (30 ก.ก/กระสอบ)
ค่าแรงงาน (ตอ่ คน)
38 คู่มอื แนวปฏิบัตใิ นการเพาะเล้ยี งจ้ิงหรีดให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรับฟาร์ม
7.2 รายรบั
รายรบั ทงั้ หมดจากการเลี้ยงจง้ิ หรดี เชน่ ตวั จง้ิ หรดี มูลจงิ้ หรดี ไข่จง้ิ หรดี
รายการ ราคา ราคา (บาท/
ตวั จงิ้ หรดี บอ่ ละ 20-25 ก.ก (บาท) รอบการผลติ )
80-120
1,600-3,000
7.3 กำ�ำไร
กำำ� ไรจากการเลี้ยงต่อบ่อ ยกตัวอย่างการขายตวั จง้ิ หรีด (รายได-้ ต้นทนุ )
เชน่ ถ้า 1,600 - (50 + 60 + 250 + 500 + 300) = กำำ� ไร 440 บาท
ถ้า 3,000 - (100 + 150 + 250 + 1,000 + 600) = กำำ� ไร 900 บาท
หมายเหตุ: ขึ้นอยูก่ บั ต้นทนุ และผลผลิต
7.4 ระยะเวลาการคืนื ทุุน
จำำ� นวนปที ี่คืนทุน = เงนิ ลงทุนการเลี้ยง
กำำ� ไร
เชน่ โครงสร้างโรงเรอื น 300,000 บาท
บ่อเลี้ยงจำำ� นวน 24 บ่อ 48,000 บาท
รวมเงินิ ลงทุนุ การเลี้�ยง 348,000 บาท
รวมกำำ� ไร 900 บาท x 24 บ่อ = 21,600 บาท
ถา้ 1 ปเี ลี้ยงได้ 8 รอบ
รวมกำไร ต่่อปีี 21,600 บาท x 8 บ่่อ = 172,800 บาท
จำนวนปีที ี่่�คืนื ทุนุ 2.01 ปีี ประมาณ 2 ปีี
39
8 ผลิตภณั ฑแ์ ปรรูป
จากจิ้งหรีด
การแปรรปู จง้ิ หรดี เพอื่ การรบั ประทานสามารถทำำ� ไดโ้ ดยการแปรรปู เพอ่ื
การรับประทานตัวจิ้งหรีดโดยตรง หรือการแปรรูปแล้วนำ�ำไปเป็นส่วนผสมใน
อาหารอืน่ การแปรรปู ท่ีนิยมโดยท่วั ไปในทอ้ งตลาดและทำำ� ไดง้ า่ ยคอื การทอด
หรือค่ัวปรุงรสชาติ ซึ่งทำ�ำให้แมลงมีกลิ่นหอมและรสชาติ
อร่อย อาจเติมสมุนไพร เช่น ใบเตย ใบมะกรูดเพื่อ
เพ่ิ มกลน่ิ ได้ ทงั้ นสี้ ามารถทำำ� เพอื่ รบั ประทานเองหรอื
เพอื่ จำำ� หนา่ ยโดยจดั ทำำ� บรรจภุ ณั ฑท์ นี่ า่ รบั ประทาน
การแปรรููปจิ้�้งหรีีดเพื่่�อนำไปเป็็นส่่วนผสม
ในอาหารอื่�น สามารถทำได้้ในหลากหลายผลิิตภััณฑ์์
ทั้้�งอาหารคาวและหวาน ในอาหารคาวโดยมากมััก
เป็็นการเสริิมหรืือทดแทนในแหล่่งโปรตีีนอื่�น โดยแปรรููปในลัักษณะจิ้�้งหรีีด
ผงเพื่่�อเป็็นส่่วนผสมในอาหารอื่ �นทั้้�งเส้้นบะหมี่่� ขนมปััง ทำโดยการนำจิ้้�งหรีีด
ตุ้้�มสุุกแล้้ว อบให้้แห้้งกรอบ (อุุณหภููมิิ 50-60 องศาเซลเซีียส นาน 5-8
ชั่�วโมง) จากนั้้�นนำมาคั่�วไฟอ่่อนแล้้วบดให้้ละเอีียด เก็็บบรรจุุถุุงสุุญญากาศ
และเก็็บในตู้�เย็็นหรืือช่่องแช่่แข็็ง จิ้้�งหรีีดผงสามารถนำมาเป็็นส่่วนผสม
ในอาหารได้้หลากหลาย เช่่น ขนมปัังจิ้�้งหรีีด คุุกกี้้�จิ้�้งหรีีด ทองม้้วน เค้้ก
บราวนี่่� (ภาพที่่� 28) ทั้้�งนี้�้จิ้้�งหรีีดที่่�นิิยมนำมาทำจิ้้�งหรีีดผงมัักใช้้จิ้้�งหรีีดบ้้าน
เพราะว่่ามีีสีีอ่่อนและลำตัวั ไม่่แข็ง็ มาก ไม่่ทำให้อ้ าหารสีีเข้ม้ เกินิ ไปและเนื้้อ� สัมั ผัสั
ไม่่สาก ระคายคอ
4400 คคมู่ มู่ อื อื แแนนววปปฏฏบิ บิ ตั ตั ใิ ใิ นนกกาารรเเพพาาะะเเลล้ยี ี้ยงงจจ้ิงิ้งหหรรีดดี ใใหห้ไไ้ ดด้มม้ าาตตรรฐฐาานนสสำำ��หหรรับบั ฟฟาารร์ม์ม
การนำำ� ตวั จงิ้ หรดี มาแปรรปู ได้โดยตรง อาทิ น้้� ำำพรกิ จง้ิ หรีด ข้าวเกรียบ
จิ้งหรีด ไส้อว่ั จิ้งหรีด หรอื ไสก้ รอกจ้ิงหรีด ผงน้�้ำำตาลจิ้งหรีดโรยหน้าขนมแทน
น้�้ำำตาลงาดำ�ำ
กข
ภาพท่ี 28 ตวั อย่างผลิตภัณฑแ์ ปรรปู จากจงิ้ หรีด
(ก) ทองมว้ นจง้ิ หรดี , บราวนี่จ้งิ หรีดอบกรอบ, คกุ ก้จี ง้ิ หรดี , จ้ิงหรีดอบกรอบ
(ท่มี า: ชตุ กิ าญจนฟ์ าร์ม, 2564)
(ข) ผงโปรตีนจ้ิงหรีด, น้ำ�พริกจ้งิ หรีด, จง้ิ หรดี ทอด
(ที่มา: Bigbug Farm, 2564)
41
น้�้ำำพรกิ เผาจง้ิ หรดี
วัตถุดบิ และอุปกรณ์ 100 กรัม
100 กรัม
หอมแดงอบแห้ง 60 กรมั
กระเทยี มทอดแหง้ 50 กรัม
พรกิ แหง้ ทอดบด 15 กรมั
น้�้ำำมะขาม 15 กรมั
เกลือ 25 กรมั
น้้� ำำปลา 25 กรัม
น้้� ำำตาลทราย 500 กรมั
น้�้ำำตาลปบ๊ี 200 กรมั
จงิ้ หรดี ต้ม
น้�้ำำมันพชื
ขั้นตอนวิธที ำ�ำ
1. ใส่่ส่่วนผสมทั้้ง� หมด นำมาคลุุกเคล้้ากับั จิ้�้งหรีีดให้เ้ ข้้ากันั
2. นำส่่วนผสมทั้้�งหมดเข้้าเครื่่�องบดให้้ละเอีียด แล้้วหมักั ทิ้้�งไว้้ในตู้�เย็็น
24 ชว่ั โมง
3. นำส่่วนผสมที่่�หมัักไว้้มาผััดกัับ
น้้� ำำมนั พชื 200 กรมั ใสก่ ระเทยี ม
ผดั ใหเ้ ข้ากัน
4. ใช้้เวลาผััดประมาณ 5 นาทีี
5. จากนั้้�นนำมาบรรจุุใส่่ภาชนะ
ตามต้องการ (ภาพท่ี 29)
ภาพท่ี 29 ผลติ ภัณฑน์ �้ำ พรกิ เผาจง้ิ หรดี
(โครงการถ่ายทอดองค์ความร้เู พ่อื เพ่ิมมลู คา่ ผลติ ภณั ฑจ์ าก
แมลงเศรษฐกจิ BEDO ร่วมกบั คณะเกษตรศาสตร์ มช.)
42 คู่มอื แนวปฏิบตั ิในการเพาะเลยี้ งจง้ิ หรดี ให้ไดม้ าตรฐานสำ�หรับฟาร์ม
ขา้ วเกรียบจ้งิ หรีด 1 กโิ ลกรัม
80 กรัม
วตั ถดุ ิบและอุปกรณ์ 15 กรมั
35 กรัม
แป้งมนั 15 กรมั
น้�้ำำตาลทรายแดง 35 กรัม
เกลือ 370 กรัม
พรกิ ไทยปน่ 500 กรมั
ผงฟู
กระเทียมสดบดละเอียด
จ้งิ หรีดตม้ บดละเอียด
น้้� ำำร้อน
ขัน้ ตอนวธิ ที ำ�ำ
1. นำแป้้งมัันผสมกัับน้้ำตาลทรายแดง เกลืือ พริิกไทยป่่น ผงฟูู
กระเทีียมบดละเอีียด และจิ้ง้� หรีีดต้้มบดละเอีียด
2. คลุุกเคล้า้ ให้เ้ ข้้ากััน ค่่อย ๆ เติมิ น้้ำร้อ้ น 500 กรััม ตีีให้เ้ ข้า้ กันั
3. นวดให้เ้ ข้า้ กััน นวดจนไม่่ติิดมือื ปั้�นเป็็นท่่อน ๆ
4. นำไปนึ่่�ง 1 ชั่�วโมง แล้้วนำ
ออกมาผึ่งใหเ้ ย็น
5. ห่่อด้้วยพลาสติิกใส จากนั้้น�
นำ�ำไปแชใ่ นตู้เยน็ 48 ชั่วโมง
6. นำมาหั่่�นเป็็นแผ่่นตากแดด
จนแห้ง และท้ิงไว้อีก 24
ชั่วโมง จึงจะนำ�ำไปทอดได้
(ภาพที่ 30)
ภาพท่ี 30 ผลิตภณั ฑข์ า้ วเกรยี บจิง้ หรีด
(โครงการถา่ ยทอดองค์ความรเู้ พอ่ื เพิ่มมลู ค่าผลติ ภณั ฑจ์ าก
แมลงเศรษฐกจิ BEDO ร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์ มช.)
43
คกุ กจ้ี ง้ิ หรดี
วตั ถดุ ิบและอปุ กรณ์ 900 กรมั
550 กรัม
แป้งเอนกประสงค ์ 525 กรมั
น้้� ำำตาลไอซงิ 225 กรัม
เนยสด 360 กรัม
มาการนี 6 กรมั
ผงจ้งิ หรีด 22 กรัม
เกลอื ปน่ 6 ฟอง
ผงฟู
ไข่ไก่
ขนั้ ตอนวธิ ีทำ�ำ
1. นำเนยสดมาละลายให้เ้ หลว ตีีให้เ้ ข้า้ กับั มาการีีนและเกลือื ป่่น
2. ใส่่น้้ำตาลไอซิิงทีีละน้้อย ให้้สัังเกตจะขึ้้�นเป็็นสีีครีีมขาว (ไม่่ควรใส่่
น้้ำตาลทีีเดีียวทั้้�งหมด)
3. ใส่่ไข่่ไก่่ เกลือื ผงฟูู ผงจิ้ง�้ หรีีดและแป้ง้ ที่่ร� ่่อนผสมกันั แล้ว้ ตีีให้เ้ ข้า้ กันั
4. ทาเนยบนถาดที่่�ใช้้อบ ตัักแป้้งที่่�ผสมแล้้วใส่่ถุุงแม่่พิิมพ์์หััวบีีบคุุกกี้�้
ค่อย ๆ บีบลงถาด
5. อบด้้วยความร้้อนที่่�อุุณหภููมิิ
120 องศาเซลเซียส เป็นเวลา
30 นาที
6. นำออกจากตู้�อบ ผึ่�งไว้้ให้้เย็็น
ก่อนนำ�ำมาบรรจุในภาชนะตาม
ที่ตอ้ งการ (ภาพที่ 31)
ภาพท่ี 31 ผลิตภณั ฑ์คกุ กจี้ ้งิ หรดี
(โครงการถ่ายทอดองคค์ วามรเู้ พือ่ เพิ่มมลู คา่ ผลิตภณั ฑจ์ าก
แมลงเศรษฐกิจ BEDO ร่วมกบั คณะเกษตรศาสตร์ มช.)
44 คู่มอื แนวปฏิบตั ิในการเพาะเลย้ี งจ้งิ หรดี ใหไ้ ด้มาตรฐานสำ�หรับฟารม์
จิ้งหรีดทอดสมุนไพร 10 กรัม
5 กรัม
วตั ถดุ ิบและอปุ กรณ์ 0.5 กรมั
50 กรัม
พรกิ แห้งค่วั 1 กรัม
น้้� ำำตาลทราย 2 กรมั
เกลอื 200 กรัม
ใบมะกรูดหัน่ ฝอยอบแหง้ 1 ถ้วย
หอมแดงอบแห้ง
กระเทยี มอบแหง้
จ้ิงหรีด
น้้� ำำมนั พืช
ข้ันตอนวธิ ีทำ�ำ
1. นำจิ้้�งหรีีดลงไปทอดจนกรอบ
2. นำส่่วนผสมทั้้ง� หมดมาผสมให้เ้ ข้า้ กันั และคลุกุ เคล้า้ ให้เ้ ข้า้ กับั จิ้ง�้ หรีีด
ทท่ี อดเตรียมไว้
3. จากนั้้น� นำมาบรรจุุใส่่ภาชนะตามต้อ้ งการ (ภาพที่่� 32)
ภาพท่ี 32 ผลติ ภัณฑ์จ้งิ หรีดทอดสมุนไพร
(โครงการถ่ายทอดองค์ความร้เู พือ่ เพม่ิ มูลคา่ ผลิตภัณฑจ์ าก
แมลงเศรษฐกิจ BEDO รว่ มกับคณะเกษตรศาสตร์ มช.)
45
9 ข้ันตอนการย่นื ขอรบั รอง
มาตรฐานฟารม์
Good Agriculture Practice for Livestock (GAP for Livestock)
การปฏิิบัตั ิิทางการเกษตรที่่ด� ีีด้้านปศุสุ ัตั ว์์ หมายความว่่า วิธิ ีีปฏิบิ ัตั ิวิ ่่าด้ว้ ยองค์์
ประกอบของฟาร์์มเลี้้�ยงสััตว์์ จััดการฟาร์์มเลี้�้ยงสััตว์์ การจััดการด้้านน้้ำและ
อาหาร การจัดั การสุขุ ภาพสัตั ว์์ การจัดั การสิ่ง� แวดล้อ้ ม การจัดั การด้า้ นบุคุ ลากร
และระบบการบันั ทึึกข้อ้ มููล เพื่่อ� ให้ไ้ ด้ผ้ ลผลิติ ที่่ม� ีีคุณุ ภาพ ถููกต้อ้ งตามสุขุ ลักั ษณะ
และปลอดภััยต่่อผู้้�บริิโภคตามประเภทสััตว์์ชนิิดต่่างๆ ตามประกาศคณะ
กรรมการมาตรฐานสิินค้้าเกษตรและอาหารแห่่งชาติิ และประกาศกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์์
อ•••ง คสผโรัป์ถังงารแเรลนะืกือะที่ล่นอ�ัตักั้มบ้�งีษีคฟณเวหาารมะมฟ์มาะาสร์ม์ม การบันทึกข้อมลู
คงทนแขง็ แรง • บัันทึกึ ข้อ้ มูลู และ
ข้้อมูลู จััดเก็บ็ ฟาร์์ม
• ระยะเวลา
อย่า่ งน้้อย 3 ปีี
ก•า รมีจีคูดั่่�มกือื ากราฟราปรฏิ์มบิ ัจตั ้ิงิิงหารนดี ส•ขุ ภกาาพรปส้้อตั งวก์ัันและ ส•่ิง แมีวกี ดาลรจ้อััดมการและกำำ�จัดั
• ประจำ�ำฟาร์ม ควบคมุ โรค ขยะอย่างเหมาะสม
การจััดการจิ้้�งหรีีด
น้ำำ�� • การบำำ�บััดโรคสััตว์์
• และอาหารที่ดี
ตรวจสุขุ ลักั ษณะของ
• บคุ ลากร
ทำำ�ความสะอาดและ
บำำ� รุงรกั ษา
4466 คคู่มู่มอื ือแแนนววปปฏฏิบิบตั ตั ิใใิ นนกกาารรเเพพาาะะเเลล้ยี ี้ยงงจจง้ิ ้ิงหหรรดี ีดใใหห้ไ้ไดด้มม้ าาตตรรฐฐาานนสสำำ��หหรรับับฟฟาารร์มม์