คำนำ
เอกสารท่ีทรงคุณค่าชุดนี้เกิดจากการประมวลประสบการณ์การถอดบทเรียนความสำเรจ็ และ/หรือท่ีต้อง
ทบทวน (Lesson Learned) รวมถึงผลสำรวจความต้องการจำเป็นของพื้นที่ของโครงการผลงานวิชาการ
เพื่อสังคม: การจัดตั้งศูนย์วิชาการโยธวาทิตในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเพื่อโอกาสทางการศึกษาต่อและสร้าง
ภูมิคุ้มกันแก่เยาวชนแบบยั่งยืน จ.สระบุรี ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558-2561 โดยได้รับการสนับสนุนจาก
โครงการสระบุรีชุมชนเข้มแข็ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการนี้ได้ใช้รูปแบบ (Model) CU MUSIC Edu.
Alumni ในการทดลองดำเนินการภายใต้กรอบกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ 1) พัฒนาทักษะความเป็นเลิศด้านดนตรี
2) ให้มุมมองที่ดีในการดำเนินชีวิต 3) สร้างหลักคิดสำนึกรักบ้านเกิด โดยมีนิสิตเก่าสาขาวิชาดนตรีศึกษา
ภาควิชาศิลปะดนตรีและนาฏศิลป์ศกึ ษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั เป็นผูน้ ำกรอบแนวคิดและวธิ ี
วิทยาที่ออกแบบโดยโครงการไปขับเคล่ือนซ่ึงมีรายชื่อนิสิตเกา่ ฯ ประกอบไปด้วย 1) นายประพันธ์พงษ์ มณีวงศ์
CU MUSIC Edu รุ่น 32 2) นายพศุตม์ ดวงจันทร์ CU MUSIC Edu รุ่น 33 3) นายพิชวัตร ธนสมบัติไพศาล CU
MUSIC Edu รุ่น 33 4) นายธรรมศกั ด์ิ หริ ัญขจรโรจน์ CU MUSIC Edu รุน่ 34 5) นายพงศว์ สิ ิษฐ์ สริ วิ ารนิ ทร์ CU
MUSIC Edu รุ่น 35 เปน็ ผ้ดู ำเนนิ การ
อนึ่ง เอกสารสำคัญทั้ง 6 เล่มนี้ ที่ประกอบไปด้วยเอกสารผลงานวิชาการเพื่อสังคม เล่มที่ 1 หลักการ
พัฒนาวงโยธวาทิตขั้นนำ เล่มที่ 2 รวมโน้ตเพลงประเภทเพลงพิธีการ เล่มที่ 3 โน้ตเพลงประเภทพัฒนาทักษะ
เลม่ ท่ี 4 รวมโน้ตประเภทน่งั บรรเลง เลม่ ท่ี 5 รวมโนต้ เพลงประเภทเดินแถว/แปรขบวน และเล่มที่ 6 รวมแนวคิด
ทฤษฎี และโน้ตเพลงประเภทเตรียมตัวสอบเข้าศึกษาต่อระดบั อุดมศึกษา ทางโครงการหวังว่าจะเป็นประโยชน์
อย่างยิ่งสำหรับสถานศึกษาที่ต้องการพัฒนาหรือจัดตั้งวงโยธวาทิตในโรงเรียน รวมถึงเป็นเอกสารคู่มือในการ
บริหารจัดการวงโยธวาทิตตั้งแต่ระดับต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมถึงเตรียมการในการส่งไม้ต่อสำหรับนักเรียน/
นกั ศกึ ษาใน จ.สระบุรที ส่ี นใจหรือมุ่งมัน่ ทจ่ี ะศกึ ษาต่อด้านดนตรใี นระดบั อุดมศึกษาตอ่ ไป
ระยะเวลากว่า 4 ปี เป็นเครื่องชี้ชัดความสำเร็จสำหรับการดำเนินการในสถานศึกษา 3 แห่ง
ระดับมัธยมศึกษา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี มีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วหลายคนศึกษาต่อด้านดนตรี และที่
สำคัญหลายคนมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะกลับมาช่วยสถานศึกษาของตนในการพัฒนารุ่นน้องและโรงเรียน
อย่างตอ่ เน่ือง สามารถคลายปัญหาความเสี่ยงต่าง ๆ ท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นกับเยาวชนลงไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
ยทุ ธนา ฉพั พรรณรัตน์
หวั หนา้ โครงการ
สารบญั หนา้
1
สำเนำหนังสอื ขอควำมอนุเครำะห์สำเนำและเผยแพร่โน้ตเพลงพธิ กี ำร 2
เพลงสรรเสริญพระบำรมี 26
เพลงชำตไิ ทย 50
เพลงมหำชัย 75
เพลงมหำฤกษ์ 102
เพลงสดดุ ีจอมรำชำ 136
เพลงสดุดพี ระแมเ่ จำ้
1
เพลงสรรเสริญพระบารมี
2
เพลงสรรเสริญพระบารมี
จดุ เริ่มในสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา ได้มกี ารบรรเลงเพลงท่ีมลี ักษณะคลา้ ยเพลงสรรเสรญิ ใชใ้ นเวลาทพี่ ระมหากษัตริย์
เสดจ็ ออกทอ้ งพระโรงและเสดจ็ ข้นึ ซงึ่ เพลงสรรเสรญิ ในสมัยนั้นมบี ทบาทเทียบเท่าเพลงชาตไิ ทยในสมัยน้ันเลยทีเดียว
ต่อมาในสมัยราชกาลที่ 4 ได้นาทานองเพลง God save the king ของอังกฤษมาบรรเลงเปน็ เพลงสรรเสริญพระบารมี
เพ่ือถวายความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ ประพันธ์คาร้องโดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) มีช่ือว่า
“เพลงจอมราชจงเจรญิ ”
ครัน้ ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัวเสดจ็ เยอื นประเทศสงิ คโ์ ปรและเกาะชวา ทางทหาร
อังกฤษได้บรรเลงเพลง God save the king เป็นเพลงเกียรติยศรับเสด็จฯ จึงทาให้ประเทศไทยและประเทศอังกฤษ
ใช้บทเพลงสรรเสริญพระบารมเี ดียวกัน ดว้ ยเหตกุ ารณ์นีเ้ องพระองค์จึงโปรดให้คณะครูดนตรีไทยแต่งเพลงขึ้นมาใหม่
ครดู นตรีไทยจงึ นาเพลงบุหลันลอยเลอ่ื ย เพลงในพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าพระยานริศรานุวัฒ
วงศ์ มาใช้ แต่ดว้ ยเพลงสรรเสรญิ พระบารมีจะนาไปใช้ในพธิ กี ารต่างๆท้ังในประเทศและต่างประเทศ พระองค์มีความ
ประสงคใ์ หบ้ ทเพลงน้ีดูทันสมัยตามแบบชาวตะวันตกจึงได้ให้นายเฮวุด เซน (Heutsen) เรียบเรียงทานองข้ึนมาใหม่
และนามาใชบ้ รรเลงต้ังปี พ.ศ. 2414-2431
เพลงสรรเสรญิ พระบารมไี ดถ้ กู แตง่ เรยี บเรียง และปรบั เปล่ียนเนือ้ เพลงอยู่หลายครั้งหลายครา และถูกแต่งให้
มหี ลายเน้ือร้องเพื่อใช้เฉพาะในกลุ่ม เช่น กลุ่มทหารเรือ กลุ่มนักเรียนหญิง เป็นต้น จนในสมัยของ พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ได้นาผลงานเพลงสรรเสริญพระบารมีของปโยตร์ ชูรอฟสก้ี (Pyotr
Schurovsky) ผปู้ ระพันธท์ านอง และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าพระยานริศรานุวัตวงศ์ ผู้ประพันธ์เน้ือ
ร้อง มาปรับเปลี่ยนคาร้องเสียใหม่ โดยเปลี่ยนคาสุดท้ายของเพลงจากเดิมคือ “ฉะนี้” เป็น “ชโย” ทรงประกาศใช้
ใน วนั ที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2456 และใชเ้ รอื่ ยมาจนถงึ ปจั จุบนั
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
เพลงชาตไิ ทย
26
เพลงชาตไิ ทย
เพลงชาติไทย เปน็ ชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพนั ธ์ทานองโดยพระเจนดรุ ิยางค์ ในช่วงหลังการ
เปล่ียนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ.ศ.2475 คาร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา ซ่ึงแต่งข้ึนภายหลังในปีเดียวกัน
ตอ่ มาไดม้ กี ารแก้ไขเพ่มิ เติมเนือ้ รอ้ งอีกหลายครง้ั และไดเ้ ปล่ยี นมาใช้เน้อื รอ้ งฉบับปจั จุบนั เมือ่ พ.ศ. 2482
กาเนดิ ของเพลงชาติไทย
ในสมัยสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ ได้มกี ารใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงถวายความเคารพพระมหากษัตริย์
ตา่ งชาติทเ่ี สดจ็ เยีย่ มประเทศสยามตามธรรมเนียมสากล แม้เพลงดังกล่าวไม่ใช่เพลงชาติของประเทศสยามอย่างเป็น
ทางการกต็ าม แต่ก็ถอื อนโุ ลมวา่ เปน็ เพลงชาติโดยพฤตินัยตามหลกั ดังกลา่ ว
เม่ือเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใน พ.ศ.2475 คณะราษฎรได้ประกาศใช้เพลงชาติมหาชัย ซ่ึงประพันธ์
เน้อื ร้องโดย เจา้ พระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สน่ัน เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นเพลงชาติอยู่ 7 วัน (ใช้ช่ัวคราวระหว่างรอ
พระเจนดรุ ยิ างคแ์ ต่งเพลงชาตใิ หม่) แตไ่ ม่ไดร้ บั ความนิยมจากประชาชน ตอ่ มาจึงได้เปลี่ยนมาเป็นเพลงชาติฉบับที่แต่ง
ทานองโดยพระเจนดรุ ิยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เปน็ เพลงชาติอยา่ งเป็นทางการแทนเพลงสรรเสรญิ พระบารมี
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47