ี
ู
ู
ำ
ำ
ู
“...สังคมทุกสังคม ย่อมต้องการผ้มีความร้ความฉลาด ท่จะสามารถเป็นผ้นาและเป็นกาลังหลัก
ั
ในการสร้างความเจริญก้าวหน้าและความผาสุกม่นคง. แต่บุคคลท่จะเป็นผ้นาและเป็นกาลังของสังคม
ำ
ู
ี
ำ
ี
ู
ี
ู
ท่สังคมจะยอมรับนับถือได้น้น ต้องเป็นผ้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือใช้ความร้ความฉลาดในทางท่เป็นประโยชน์แท ้
ั
แต่อย่างเดียว. ...”
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำาเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ประจำาปีการศึกษา ๒๕๕๙
ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดนนทบุรี
วันพฤหัสบดี ที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๒
นาวิกศาสตร์ นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่วิชาการ และข่าวสารทหารเรือทั้งในและนอกประเทศ
ตลอดจนวิทยาการอื่น ๆ ทั่วไป และเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ของกองทัพเรือ
สารบัญ ๖
บทความ
๖ เรือสงขลารบกับเรือลามอตต์ปิเกต์ (ตอนจบ)
น.นพคุณ
๒๑ ป๊อปปี้สีเลือด (ตอนที่ ๑)
พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์
๓๗ มาร์ชธงสามสมอ
พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์
๓๗
๔๓ “รักบี้นายเรือ” ชนะเลิศกีฬา ๔ เหล่า ๓๕ ปีที่รอคอย
“สามสมอ ๒๐๑๙”
๕๔ พิธีแช่ตัว และอาบน้ำา ณ จุดเสริมพลังชีวิต
ตามธรรมชาติ
นาวาเอก เกษม กิจกระจ่าง
๖๓ กระบี่สัญลักษณ์ของอำานาจและเกียรติยศ
พลเรือเอก ไพศาล นภสินธุวงศ์
ปกหน้า-ปกหลัง วันทหารผ่านศึก (๒๘๗)
ออกแบบปก พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์
พิมพ์ที่ กองโรงพิมพ์ กรมสารบรรณทหารเรือ
เจ้าของ ราชนาวิกสภา
ผู้พิมพ นาวาเอก สมริทธ์ งามสวย
์
ข้อคิดเห็นในบทความที่นำาลงนิตยสารนาวิกศาสตร์เป็นของผู้เขียน มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบายของหน่วยงานใดของรัฐและมิได้ผูกพันต่อทางราชการแต่อย่างใด
ได้นำาเสนอไปตามที่ผู้เขียนให้ความคิดเห็นเท่านั้น การกล่าวถึงคำาสั่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข่าวสารเบื้องต้น เพื่อประโยชน์แก่การค้นคว้า
คลังความรู้
ค่ราชนาวี
ู
นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท เคารพ แหลมคม
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี พีระ อดุลยาศักดิ์
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ ประจำ�เดือน กุมภ�พันธ์ ๒๕๖๓ กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี วรพล ทองปรีชา
พลเรือตรี ธนรักษ์ เอี่ยวสานุรักษ์
๒๑ พลเรือตรี ก้องเกียรติ สัจวุฒิ
พลเรือตรี สุพพัต ยุทธวงศ์
พลเรือตรี กิตติคุณ นาคสุก
พลเรือตรี กตัญญู ศรีตังนันท์
พลเรือตรี ธีระยุทธ นอบน้อม
พลเรือตรี ทวี ทองประยูร
พลเรือตรี เอกสิทธิ์ รอดอยู่
พลเรือตรี กิตติศักดิ์ บุณย์เพิ่ม
พลเรือตรี สนทยา แสงบางมุด
พลเรือตรี ไชยา ภาตะนันท์
กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล
เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุขกิจ พลัง
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรือโท สุพจน์ ภู่ระหงษ์
พลเรือโท ชนินทร์ ผดุงเกียรติ
พลเรอตร อำานวย ทองรอด
ี
ื
ื
พลเรอตร บัญชา บัวรอด
ี
คอลัมน์ประจำา พลเรอตรี สิทธิชัย ต่างใจ
ื
บรรณาธิการ
นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล
๓ ผู้ช่วยบรรณาธิการ
ว่าที่ นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา
ประจำากองบรรณาธิการ
นาวาเอก วชิรพร วงศ์นครสว่าง
นาวาเอก สมริทธ์ งามสวย
๗๐ นาวาเอก สุวิทย์ จันทร์เพ็ญศรี
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง
นาวาเอก บุญมี กาโน
นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว
๘๖ เรือโทหญิง สุธิญา พูนเอียด
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น
๘๘ เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน
๙๐ สำานักงานราชนาวิกสภา
ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘
บรรณาธิการ แถลง
นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล
[email protected]
สวัสดีครับท่านสมาชิก และผู้อ่านที่รักทุกท่าน พบกันอีกเช่นเคยนะครับ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ นี้ นิตยสาร
นาวิกศาสตร์ ยังคงมีบทความที่หลากหลาย น่าอ่านอยู่เช่นเคยครับ ฉบับนี้เป็นการน�าเสนอบทความต่อจากตอนที่แล้ว
ั
ี
่
่
ี
ี
ั
้
ี
ุ
่
ึ
ของเรอง “เรือสงขลารบกับลามอตต์ปิเกต์” ทเขยนโดยนกเขยนนามปากกา น.นพคณ ซงในฉบบนเสนอเป็น
ื
ี
ี
ตอนจบครับ นอกจากน้ยังมีบทความท่มากด้วยนานาสาระ ประโยชน์ ท่ให้ความรู้ ความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่านเป็นอย่างด ี
ี
ื
ั
อาทิ เร่อง ป๊อปปี้สีเลือด (ตอนท่๑) เขียนโดย พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์ อีกท้งเร่อง “มาร์ชธงสามสมอ” เขียนโดย
ี
ื
�
พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ บทความดังกล่าว จะทาให้ผู้อ่านทราบถึงประวัติความเป็นมาของเพลงมาร์ชธงสามสมอ
ี
ื
และทราบถึงตราสัญลักษณ์ “สามสมอ” ว่า มีความสาคัญ เก่ยวพันกับโรงเรียนนายเรืออย่างไร และเร่อง “รักบ้นายเรือ”
ี
�
เขียนโดย สามสมอ ๒๐๑๙ “พิธีแช่ตัว และอาบน้า ณ จุดเสริมพลังชีวิตตามธรรมชาติ” เขียนโดย นาวาเอก
�
�
ี
เกษม กิจกระจ่าง และปิดท้ายด้วยเร่อง “กระบ่สัญลักษณ์ของอานาจและเกียรติยศ” เขียนโดย พลเรือเอก
ื
ไพศาล นภสินธุวงศ์
ี
ี
ท้ายท่สุดน้ กองบรรณาธิการนิตยสารนาวิกศาสตร์หวังเป็นอย่างย่งว่า ท่านสมาชิก และผู้อ่านท่รักทุกท่าน
ี
ิ
คงได้รับประโยชน์ สาระ ความรู้ และความเพลิดเพลินจากนิตยสารนาวิกศาสตร์บ้าง ไม่มาก ก็น้อย และ
ี
ี
ื
ู
เน่องด้วยช่วงน้ยังอยู่ในฤดูหนาวแล้ว อากาศเปล่ยนแปลงอย่เสมอ จึงขอให้ทุกท่านหม่นดูแลรักษาสุขภาพ
ั
ออกก�าลังกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และอ่านนิตยสารนาวิกศาสตร์อย่างมีความสุขครับ
“สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา : ความพร้อมเพียงแห่งชน
ผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้ส�าเร็จ”
ข้อคิด คติเตือนใจ ของ ผู้บัญชาการทหารเรือ
กองบรรณาธิการ
ปกหน้า - ปกหลัง : วันทหารผ่านศึก (๒๘๗)
“นาวิกศาสตร์” ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ โดยประกาศสงครามต่อเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการ ี
ื
ี
ี
ฉบับน้ เป็นภาพอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นรูปดาบปลายปืน เม่อวันท่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๐ ทหารเรือเป็น
อาวุธประจากายของทหาร ๕ เล่มรวมกัน สันดาบประกบ หน่วยแรกท่เข้าสู่สงครามโดยเข้าทาการจับยึดเรือของ
ี
�
�
เข้าหากันเป็น ๕ แฉก หันคมดาบออก สูง ๕๐ เมตร เยอรมนีท่หลบหนีภัยสงครามเข้ามาจอดอยู่ในสยาม
ี
�
ประกอบด้วย รูปปั้นหล่อทองแดงวีรชน ๕ เหล่า ขนาด ๒ เท่า เป็นจานวน ๒๕ ลา และได้ส่งทหารอาสาสมัครเข้าสู่
�
�
�
ี
ของคนธรรมดา ได้แก่ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ สงครามโลกคร้งท่ ๑ ต่อมาประเทศไทยจาต้องทาการสู้รบ
ั
ั
ตารวจ และข้าราชการพลเรือน ท่เสียชีวิตในกรณีพิพาท และเข้าสู่สงครามอีกหลายคร้ง จึงมีผู้คนล้มตายเพ่อป้องกัน
ื
ี
�
กับอินโดจีนของฝร่งเศส ภาพพวงมาลาดอกป๊อปปี้สีแดง ประเทศชาติมากมาย และมีทหารผ่านศึกมากข้น
ึ
ั
ี
ึ
ั
ี
ี
ิ
ภาพคบเพลิงตะเกียงโบราณท่จุดเพลิงบูชาดวงวิญญาณ ใน “วนทหารผ่านศก” ได้มพธวางพวงมาลา
ึ
ของทหารหาญ และภาพแผ่นจารึกรายนามของทหารผู้เสียชีวิต ดอกป๊อปปี้สีแดง ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซ่งได้ยึดถือ
ั
ในสงครามท่ฐานอนุสาวรีย์ ซ่งภาพท้งหลายเหล่าน้มีความ เป็นอนุสาวรีย์หลักแห่งการเทิดเกียรติวีรชน ทหารบก
ี
ี
ึ
ี
เก่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่ท้งส้น ทหารเรอ ทหารอากาศ ตารวจ และข้าราชการพลเรือน
ั
�
ื
ิ
วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ เป็น “วันทหารผ่านศึก” ของ ท่ได้สละชีพในการสงคราม และการสู้รบเพ่อป้องกัน
ื
ี
ื
ึ
ประเทศไทย “ดอกป๊อปปี้” สีแดง เป็นดอกไม้อนุสรณ์ ประเทศชาติทุกคร้ง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสร้างข้นเพ่อเป็น
ั
�
ั
ทหารผ่านศึก มีกาเนิดจากประเทศอังกฤษหลังจาก อนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตในกรณีพิพาท กับอินโดจีนของฝร่งเศส
ี
สงครามโลกคร้งท่ ๑ ได้ยุติลง เม่อวันท่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๓ – ๒๔๘๔ ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ั
ื
ี
ึ
ี
พ.ศ.๒๔๖๑ (ค.ศ.๑๙๑๘) ซ่งถือว่าเป็น “วันสงบศึก” นายกรัฐมนตร เป็นประธานในพิธีเปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภม ิ
ู
ื
และต่อมา “ดอกป๊อปปี้” สีแดงได้แพร่หลายเป็นท่รู้จัก เม่อวันท่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๕
ี
ี
ี
กนดในประเทศโลกเสร ประเทศไทยเรารจก “ดอกปอปป” “ปัจจุบันอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีอายุได้ ๗๘ ปี ผู้คนรับร ู้
ั
ี
ี
๊
้
้
ู
ั
ี
สีแดงนี้เม่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ เร่องราวความเป็นมา ความสาคญของอนุสาวรย์ชัยสมรภูม ิ
�
ั
ื
ื
ี
ั
หลังจากท่ประเทศสยามได้เข้าสู่สงครามโลกคร้งท่ ๑ และวันทหารผ่านศึก น้อยลงทุกที”
ี
นาวิกศาสตร์ 4
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
น.อ.พิพัทธ์ พุกงาม
พระประวัติ พลเรือเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
ี
แต่ไม่จบการศึกษา ได้เสด็จกลับมาศึกษาต่อท่โรงเรียน
นายร้อยทหารบกในประเทศ เมื่อเสด็จกลับมาประทับ
�
ณ พระตาหนักสวนกุหลาบ ต่อมาได้เสกสมรสกับ
หม่อมแผ้ว แต่ไม่มีพระโอรสและพระธิดา
่
ี
สาหรบพระกรณยกจทสาคญในขณะทรงดารง
ี
ิ
�
ั
�
ั
�
�
ตาแหน่งผู้กากับราชการกระทรวงทหารเรือ ๑ กรกฎาคม
�
พ.ศ. ๒๔๖๖ ถึง ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๖ และผู้ส�าเร็จ
่
เมอวนท ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๗ เป็นวัน ราชการกระทรวงทหารเรือ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๗ ถึง
ื
ั
ี
่
ิ
ส้นพระชนม์ของ พลเรือเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๗ น้น* แก้ไขเปล่ยนแปลง
ี
ั
เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ทรงเป็น ระเบียบการปกครองบังคับบัญชาเรือหลวง แล้วตั้งชื่อ
ี
่
พระราชโอรสองค์ท ๖๒ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ใหม่ว่า กองทัพเรือ สร้างฐานทัพเรือสัตหีบ ตั้งแผนก
ี
เจ้าอยู่หัว รัชกาลท ๕ และทรงเป็นพระราชโอรสองค์ท ๗ การบินฝ่ายทหารเรือ สร้างเรือยามฝั่ง ร.ย.ฝ.หาญหัก
่
่
ี
ื
ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ประสูติเม่อ ศัตรู
วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๓๒ พลเรือเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์
ื
เม่อทรงพระเยาว์ได้รับการศึกษาช้นต้นจาก เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ประชวรด้วยพระโรค
ั
ื
ี
่
โรงเรียนพระตาหนักสวนกุหลาบ จากน้นได้ทรงไป พระวักกะอักเสบ จึงเสด็จทิวงคต เม่อวันท ๙ กุมภาพันธ์
�
ั
ศึกษาในโรงเรียนนายร้อยทหารบก ณ ประเทศอังกฤษ พ.ศ.๒๔๖๗ สิริพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา
* หมายเหต ในอดีตประเทศไทยใช้เดือนเมษายน เป็นเดือนแรกของปี จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้เปลี่ยนมาใช้เดือนมกราคม เป็นเดือนแรกของปี
ุ
ตามแบบสากลจึงท�าให้ พ.ศ. ๒๔๘๓ มี ๙ เดือน
นาวิกศาสตร์ 5
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
เรือสงขลารบกับ
เรือลามอตต์ปิเกต์ (ตอนจบ)
โดย น.นพคุณ
�
ี
�
นาวิกศาสตร์ฉบับเดือนมกราคมท่ผ่านมา ได้นาเสนอ จังหวัดตราด กาลังพลของเรือสงขลาและเรือชลบุร ี
บทความเร่อง “เรอสงขลารบกบเรอลามอตต์ปิเกต์” ที่บาดเจ็บสาหัส ถูกล�าเลียงด้วยเรือโบตและเรือยนต์เล็ก
ั
ื
ื
ื
ั
ื
ุ
ึ
�
ี
ั
ี
้
เป็นตอนแรก และฉบบเดอนกมภาพนธ์นเป็นตอนจบ ต่อมาได้ถ่ายข้นเรือหลวงหนองสาหร่ายนาไปส่งท่แหลมงอบ
ี
ั
ื
ี
ในตอนท่ผ่านมาน้น เร่องราวการรบของเรือหลวงสงขลา และได้ไปรวมกับก�าลังพลของเรือธนบุรีท่รอดชีวิตมา
ี
ึ
ื
ซ่งได้ระดมยิงเคร่องบินข้าศึกจนได้รับความเสียหาย ก่อนท่สมาชิก และท่านผู้อ่านจะติดตามเร่องราว
ื
�
ื
�
ั
และทาการยิงต่อสู้กับเรือข้าศึก มีทหารบาดเจ็บและ ตอนจบต่อไปน้น เพ่อเป็นการราลึกถึงวีรกรรม ความกล้าหาญ
ุ
ุ
ื
เสยชวต เรอสงขลาถกกระสนทะลหลายแหง มไฟไหมเรอ ของบรรพบุรุษทหารเรือไทย ที่ยอมสละชีวิตเป็นชาติพลี
้
่
ี
ู
ี
ี
ื
ิ
�
�
ี
ทหารเสียขวัญและกาลังใจ จนต้องประกาศสละเรือใหญ่ ท่ทาหน้าท่ปกป้องอธิปไตยของชาติในการรบท่เกาะช้าง
ี
ี
�
สาหรบในตอนจบน เป็นเหตการณ์ขณะสละเรอใหญ่ จึงขอนาเสนอภาพการประดับเหรียญกล้าหาญให้แก่
ื
�
ั
้
ุ
ี
ี
โดยทหารบางส่วนลงเรือโบตท้องแบน บางส่วนลอยคอ ธงฉานประจาเรือหลวงธนบุร ท่เคยปรากฏเป็นภาพ
ี
�
�
ี
ึ
้
ื
่
ี
้
ึ
ว่ายนา เพอจะไปขนฝั่งทเกาะช้าง และมเรอข้าศก ปกนาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๔ มาแล้ว
ื
่
ยิงปืนกลเบากราดมา แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เรือข้าศึก ทั้งนี้ ในการรบทางเรือที่เกาะช้าง เมื่อเวลาเช้าของวันที่
ิ
่
ี
ยงคงระดมยิงสงก่อสร้างบนเกาะง่าม เรือหลวงธนบุรยังยิง ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ ในกรณีพิพาทระหว่างไทย
ั
ั
ั
ปืนใหญ่รบกับเรือลามอตต์ปิเกต์ จนกระท่งเวลาประมาณ กับอินโดจีน ฝร่งเศส พ.ศ.๒๔๘๓ - ๒๔๘๔ ทหารฝ่ายเรา
ิ
ั
๐๘๓๐ เสียงปืนเงียบลงไป และมีเสียงระเบิดตามมา เสียชีวิตรวมท้งส้น ๓๖ นาย เป็นนายทหาร ๒ นาย
ุ
ึ
ั
่
ื
ั
ี
ซงภายหลงทราบว่าเรอธนบรได้รบความเสยหาย พันจ่า จ่า พลทหาร และพลเรือน ๓๔ นาย สูญเสียเรือรบ
ี
จากการระเบิด และไปเกยตื้นจมอยู่ที่บริเวณแหลมงอบ ๓ ล�า คือ เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงสงขลา และเรือหลวง
นาวิกศาสตร์ 6
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ี
ี
่
ึ
ี
ชลบุร ซ่งในปี พ.ศ.๒๔๘๔ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร เหรยญกล้าหาญแก่เรอรบและทหารเรอ ลงวนท ๒๖
ื
ื
ั
มหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงมีพระบรม สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๔ โดยทางราชการจัดพิธีประดับ
�
ราชโองการให้ตราพระราชกาหนดเหรียญกล้าหาญ เหรียญกล้าหาญแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ
�
ี
ื
พ.ศ.๒๔๘๔ เพ่อพระราชทานแก่ผู้ท่กระทาการรบ ต�ารวจสนาม และธงประจ�าเรือหลวงธนบุรี เมื่อวันที่ ๗
ี
อย่างกล้าหาญกับราชศัตร เม่อวันท ๓ กุมภาพันธ์ กันยายน พ.ศ.๒๔๘๔ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ดังนั้น
่
ื
ู
พ.ศ.๒๔๘๔ และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จึงนับได้ว่าเรือหลวงธนบุร เป็นหน่วยทหารหน่วยแรก
ี
ี
ื
ี
พระราชทานเหรียญกล้าหาญ เป็นเคร่องเชิดชูเกียรติคุณ ท่ได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญ สมควรท่พวกเรา
แก่เรือรบ ๑ ล�า และทหารเรือ ๑๘ นาย ตามประกาศ ทหารเรือจะได้ภาคภูมิใจ และยึดถือเป็นแบบอย่าง
ี
แจ้งความส�านักนายกรัฐมนตร เร่อง พระราชทาน สืบไป
ื
นาวิกศาสตร์ 7
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 8
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 9
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 10
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 11
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 12
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 13
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 14
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 16
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 17
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 18
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 19
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 20
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 21
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ป๊อปปี้ สีเลือด
ตอนที่ ๑ พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์
๑. บอกกล่าวก่อนเล่าเรื่อง
ผู้คนสมัยใหม่ (THE NEW) น้อยคนที่จะรู้ว่า
* ท�าไมป๊อปปี้สีเลือด
- เพราะเลือดมีสีแดง
* ท�าไมจึงต้องสีแดง
- เพราะสีแดง คือ สีเลือด
* ป๊อปปี้สีแดง คืออะไร
- คือดอกไม้สัญลักษณ์ของ “วันทหารผ่านศึก” หรือเป็น “ดอกไม้อนุสรณ์ทหารผ่านศึก”
* ทหารผ่านศึก คืออะไร
- ทหารผ่านศึก คือ ทหารที่ได้ออกศึกสงครามผ่านสนามรบมาแล้ว
* ท�าไมต้องมี “วันทหารผ่านศึก”
* ท�าไมวันทหารผ่านศึกเป็นวันที่ ๓ กุมภาพันธ์
* ท�าไมต้องมีการวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
* อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คืออะไร
* สงคราม คืออะไร
* ฯลฯ
ไม่รู้ และรู้แต่ว่า พอถึงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์
* จะมีการขายดอกไม้สีแดงเร่ขาย ท�าความร�าคาญ เดือดร้อน ที่จะต้องควักกระเป๋า เสียทรัพย์ซื้อดอกไม้สีแดง
* มีอยู่ปีหน่งนานมาแล้ว คุณหญิงคุณนายของทหารเรือ เอาดอกป๊อปปี้ไปขายท่หน่วยทหารเรือหน่วยหน่ง
ึ
ึ
ี
ั
้
ั
ื
้
ั
้
หวหน้าหน่วยจาต้องรบซอเหมาหมดทงกระด้ง (ทงแผง) แล้วเอาไปแจกจ่ายให้ลูกน้อง (แจกฟร) บรรดาพลทหาร
ี
�
ั
�
ิ
ไม่รู้จักดอกป๊อปปี้ เลยเรียกว่า “ดอกฮปปี้” ทาเอาคุณหญิงคุณนายออกอาการหงุดหงิด โกรธกระฟัดกระเฟียด
* มีพิธีวางพวงมาลาท่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทาให้ต้องปิดการจราจร ถึงแม้ว่าจะเป็นบางส่วน แต่ก็ทาให้การจราจร
�
ี
�
ที่ติดขัดมหาโหดอยู่แล้ว ติดขัดมากขึ้นในช่วงเวลา “เร่งด่วน” รีบไปท�างาน (RUSH HOUR)
นาวิกศาสตร์ 22
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓
* “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” ไม่รู้จัก รู้จักแต่ “อนุสาวรีย์ชัย” เพราะป้ายของ กทม. เขียนเอาไว้แบบประหยัดว่า
ี
“อนุสาวรีย์ชัยฯ” ไม่รู้ว่า “ชัย” อะไร บ้างก็เรียกว่า “อนุสาวรีย์” “สาวรีย์” “เสาวรีย์” ตามท่รถเมล์เขียนบอกเส้นทาง
ึ
่
่
ี
่
ื
ื
ี
ไว้ท่หน้ารถบ้าง ข้างรถบ้าง ไอ้ท่มาแปลกกว่าเพอน คอ เรียกส้น ๆ ง่าย ๆ วา “อนุ” ซงเป็นภาษาของกระเปา-กระปี๋รถเมล์
๋
ั
หมายถึง “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ”
* อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
- เป็นศูนย์กลางที่มีรถติดมากที่สุด
่
ี
ุ
่
่
ี
้
่
้
ั
ุ
้
์
ู
็
- เปนศนยรวมรถเมลมากทสด มากมายหลายสายทง ๔ ดาน ๔ มม ไมต�ากวา ๖๒ สาย แถมรถไฟฟาอก ๑ สาย
์
- เป็นศูนย์รวม “ท่ารถเมล์” หลายสาย (สถานีปลายทาง)
- เป็นศูนย์รวมรถตู้หลายสาย
- เป็นศูนย์รวมรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (วินมอไซค์)
- เป็นศูนย์รวมรถแท็กซี่ที่จอดรอรับผู้โดยสาร และปฏิเสธผู้โดยสาร ตามใจชอบ
- เป็นศูนย์รวมรถตุ๊ก-ตุ๊ก
- เป็นศูนย์ของอาชญากรรม ฉกชิง วิ่งราว ล้วงกระเป๋า
- เป็นศูนย์รวมโรงพยาบาล ๔ – ๕ โรง
- เป็นศูนย์รวมคนเร่ร่อนขอทาน บางทีมีดนตรีมาบรรเลงให้ฟังด้วย
- เป็นศูนย์การค้าใหญ่ ทั้งในร้าน นอกร้าน ในซุ้ม นอกซุ้ม บนทางเท้า แผงลอย แบกะดิน (วางขายบนพื้น)
ื
ื
มีท้งอาหารตามส่ง อาหารสาเร็จรูป สินค้าจาเป็น และไม่จาเป็น เส้อผ้าสาเร็จรูป กางเกงนอก กางเกงใน เส้อนอก เส้อใน
ั
�
�
�
ั
�
ื
เสื้อยกทรง (ไม่มีกางเกงยกทรง) ตั้งแต่ หัวยันเท้า (HEAD TO TOE)
- บางทีก็เป็นที่รวมก�าลัง ชุมนุมก่อ “ม็อบ” ทางการเมือง
- เป็นศูนย์รวมแผงเร่ขายลอตเตอรี่เคลื่อนที่
- เป็นศูนย์ของการท�าผิดกฎจราจร ขับรถสวนทาง ผ่าไฟแดง ขับรถบนทางเท้า จอดรถบนทางเท้า จอดรถ
บนผิวจราจรที่ห้ามจอด แดง – ขาว ห้ามจอด แต่จะจอดซะอย่างใครจะท�าไม
นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
- เป็นสิ่งก่อสร้างส�าคัญที่ต้องล้อมรั้วไม่ให้คนเข้า ลั่นกุญแจปิดประตูทางเข้า ตุ๊กตา ๕ ตัวที่ยืนเฝ้าอนุสาวรีย์
คืออะไร “ไม่รู้” ไอ้ที่แหลม ๆ โด่ ๆ ชี้ขึ้นไปบนฟ้าคืออะไร “ไม่รู้” รู้แต่ว่าเขาเรียกกันว่า “เหล็กขูดชาร์ป” ทั้งข้างบน
และข้างในมีอะไร “ไม่รู้”
- พอถึงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ก็ไขกุญแจเปิดประตู จุดไฟที่กระถางคบเพลิงทั้งสี่กันเสียที ปีละครั้ง มีทหารบก
ึ
�
ทหารเรือ ทหารอากาศ ยกกองเกียรติยศมาทาพิธีวางพวงมาลาดอกป๊อปปี้ กันอย่างคึกคัก เด็กสาวคนหน่งถามว่า
“เขาท�าอะไรกัน”
ผู้คนที่สนใจว่า ไอ้ที่ล้อมรั้วไว้น่ะ มีอะไรกัน จึงสามารถเข้าไปดูได้โดยต้องเสี่ยงตายจากการถูกรถชน เดินข้ามลาน
อันกว้างขวาง ไปดูให้หายสงสัย ปีเดียวมีหนเดียว
* ฯลฯ
นี่คือ “วันทหารผ่านศึก” ๓ กุมภาพันธ์ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ถ้าจะถามผมว่า “รู้ว่าเป็นยังงี้ ได้ยังไง” ก็จะขอบอกว่า “ผมเป็นเด็กสนามเป้า อยู่สนามเป้ามา ๘๒ ปี ตั้งแต่
๔ ขวบ สนามเป้ายังไม่มีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เห็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาตลอด ๗๘ ปี ตั้งแต่เริ่มสร้าง จนกระทั่ง
มีครูทหารเรือท่านหนึ่งเสนอให้ย้ายอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ”
๒. เรื่องเก่าเล่าใหม่
ั
ื
ึ
ื
ผมเคยเขียนเร่อง “ป๊อปปี้สีเลือด” มาคร้งหน่ง เม่อ ๔๕ ปีมาแล้วในนาวิกศาสตร์ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๗
ั
ตอนน้นยังเป็นนาวาโท พอเขียนจบ ทางองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกก็โทรฯ มาคุยกับผมว่า ขออนุญาตเอาบทความ
ึ
ื
ี
้
ี
๊
่
์
“ปอปปสเลอด” ไปตีพิมพ์ในหนังสือ “ผานศกสาร” ของ “องคการสงเคราะหทหารผานศก ในพระบรมราชปถมภ”
ั
ู
์
์
่
ึ
หลังจากนั้นไม่นานก็ส่ง “ค่าเขียน” มาให้อีกด้วย โดยที่ผมไม่ได้ร้องขอแต่อย่างใด
�
ี
ู
ั
ิ
ื
การเขียนเร่อง “ป๊อปปี้สีเลือด” คร้งน้เป็นการเอาของเก่ามาปัดฝุ่นแล้วเรียบเรียงใหม่ หารปประกอบเพ่มเติม ทาให ้
ี
ึ
ื
“ดูดีข้น” บรรณาธิการนาวิกศาสตร์ท่านก็ไม่รังเกียจท่จะ “เอาเร่องเก่ามาเล่าใหม่” จึงอนุญาตให้ตีพิมพ์เร่องน ี ้
ื
เป็นส�านวนที่ ๒ ได้
เรื่องก็เก่า คนเขียนก็เก่า (THE PAST) มิหน�าซ�้า ยังแก่อีกด้วย
ถ้าไม่รังเกียจ “เรื่องเก่าเล่าใหม่” โปรดติดตาม
๓. ดอกไม้สีแดง
ี
คงจะเคยเห็นกันอยู่แล้วว่า ในวันทหารผ่านศึกของประเทศไทย ซึ่งตรงกับวันท่ ๓ กุมภาพันธ์ ได้มีชาวไทย
ี
�
ท้งหญิงชาย ประดับดอกไม้สีแดงท่เส้อ หรือไม่ก็มีดอกไม้น้นประดับไว้ในรถ และบนโต๊ะทางาน ดอกไม้ดอกน้นเป็นดอกไม้
ั
ั
ื
ั
ั
ประดิษฐ์ ขนาดเล็ก ๆ กระทัดรัด ก้านและใบสีเขียวเข้มมองดูสวยงาม สีสันสะดุดตาดี เรารู้จักดอกไม้ดอกน้นว่า
ดอก “ป๊อปปี้” (Poppy)
�
ดอกป๊อปปี้เป็นดอกไม้อนุสรณ์ทหารผ่านศึก ซ่งได้จัดทาข้น และนาออกจาหน่ายหาเงินสมทบทุนช่วยเหลือ
�
ึ
�
ึ
�
ี
ี
ทหารผ่านศึก มีต้นกาเนิดอยู่ท่ประเทศอังกฤษ และเท่าท่ทราบในขณะน้เป็นท่รู้จักกันดีในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย
ี
ี
อเมริกา และประเทศไทย เบื้องหลังของดอกไม้สีสวยสะดุดตานั้น มีเรื่องราว และความเป็นมาจากความเศร้าสลดยิ่ง
ในการท่ทหารหาญ ๙ ล้านคนของโลก ต้องตายไปอย่างน่าสยดสยองในสงครามโลกคร้งท่ ๑ ซ่งส่วนมากได้พากัน
ี
ึ
ี
ั
เอาชีวิตไปทิ้งเสียในทุ่งฟลานเดอร์ส (Flanders) – สมรภูมิเลือด
นาวิกศาสตร์ 24
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
๔. สงคราม
ึ
ั
ี
สงครามเป็นวิธีสุดท้ายท่จะใช้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซ่งท้งสองฝ่าย ไม่อาจเจรจาตกลงกันได้
ื
ื
ึ
�
ทางการทูต ผู้ใดก็ตามย่อมไม่ปรารถนาสงครามด้วยกันท้งส้น แต่เม่อข้นช่อว่าสงครามแล้ว ก็ต้องกระทาแม้จะเป็น
ั
ิ
ี
�
�
การฝืนใจ มนุษย์ได้พยายามมานานหนักหนาในการค้นคว้าหาสูตรท่จะนาไปสู่ความสาเร็จในการทาสงคราม คือ ชัยชนะ
�
�
ี
ั
ั
ึ
ี
ื
จนกระท่งบัดน้ก็ยังไม่สามารถกาหนดสูตรแน่นอนเพ่อให้ได้มาซ่งชัยชนะลงไปได้ แต่ผลลัพธ์ท่จะได้จากสงครามทุกคร้ง
นั้นแน่นอนเสมอ นั่นคือ
ความพินาศย่อยยับ – การสูญเสีย – ความตาย
๕. มหาสงครามครั้งที่ ๑ (THE GREAT WAR)
สงครามโลกครั้งที่ ๑ ได้ระเบิดขึ้น เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ค.ศ.๑๙๑๔ (ออสเตรียประกาศสงครามต่อเซอร์เบีย)
หลังจากที่ได้คุกรุ่นมาเป็นเวลานาน มีชาติต่าง ๆ เข้าร่วมประกาศสงครามถึง ๓๓ ชาติ โดยมีฝ่ายพันธมิตร ๒๙ ชาติ
รบกับฝ่ายเยอรมนี ๔ ชาติ สมรภูมิและแนวรบแผ่ขยายออกไปเป็นพ้นท่กว้างขวางถึง ๑ ใน ๙ ของโลก ท้งบนบก
ื
ี
ั
้
ั
ื
ั
�
ในทะเลและบนท้องฟ้า แต่ในขณะนนอากาศยานกาลงได้รบการพัฒนาจากเครองมอในการกีฬา ให้เป็นเคร่องมือรบ
ื
่
ื
ั
�
ี
และยังไม่มีโอกาสได้แสดงอิทธิพลให้เห็นเด่นชัด ดังน้นกาลังท่ทาการสู้รบกันส่วนใหญ่จึงเป็นกองทัพบก กับกองทัพเรือเท่าน้น
ั
ั
�
แนวรบที่ส�าคัญ ๆ มีดังนี้ คือ
๑) แนวรบด้านตะวันตก – ทาง ฝรั่งเศส เบลเยียม
๒) แนวรบด้านตะวันออก – ทาง ปรัสเซียตะวันออก โปแลนด์ กาลิเซีย
๓) แนวรบด้านบอลข่าน – ทาง เซอร์เบีย รูเมเนีย บัลแกเรีย กรีช
๔) แนวรบด้านแอฟริกา – ทาง เยอรมันตะวันออก และแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้
๕) ยุทธนาวี – ในท้องทะเลทั่วโลก
เพ่อให้สอดคล้องกับเร่องราวของดอกป๊อปปี้ท่กาหนดไว้ จึงจะขอกล่าวถึงความโหดร้ายทารุณของสงคราม
�
ี
ื
ื
ทางแนวรบด้านตะวันตก ในประเทศฝรั่งเศส และเบลเยียมเท่านั้น
๖. ทุ่งฟลานเดอร์ส – สมรภูมิเลือด
ึ
ทุ่งฟลานเดอร์ส (Flanders) อยู่ในดินแดนส่วนหน่งของประเทศเบลเยียมทางด้านทะเลเหนือ แบ่งออกเป็น
ฟลานเดอร์สตะวันตก และฟลานเดอร์สตะวันออก อาณาเขตของทุ่งฟลานเดอร์สแต่เดิมมานั้น แผ่ไพศาลกว้างออกไป
ทางเหนือถึงเนเธอร์แลนด์ และทางใต้เข้าไปในดินแดนส่วนหน่งของฝรั่งเศสตอนเหนือ ฟลานเดอร์สเคยเป็นเย่ยม
ี
ึ
ู
้
ุ
ในอตสาหกรรมผลตเสอผ้าในยโรปมาแล้วนบเป็นศตวรรษ ทตงทางภมศาสตร์ของท่งฟลานเดอร์ส ทาให้กลายเป็น
ิ
ื
ิ
ุ
ุ
�
ั
่
ั
้
ี
ี
ั
ยุทธภูมิอยู่บ่อยคร้งมาต้งแต่สมัยกลาง รวมท้งการสู้รบอย่างดุเดือด นองเลือด ในสงครามโลกคร้งท่ ๑ (ค.ศ.๑๙๑๔) และ
ั
ั
ั
สงครามโลกครั้งที่ ๒ (ค.ศ.๑๙๓๙) อีกด้วย
เมืองสาคัญ ๆ ของเบลเยียมและฝร่งเศสท่แทบจะพูดได้เลยทีเดียวว่า ล้วนแต่มีการสู้รบนองเลือดทางแนวรบ
ั
�
ี
ี
ั
ด้านตะวันตกของสงครามโลกคร้งท่ ๑ ท่ทุ่งฟลานเดอร์ส ได้แก่ อีปร์ ( Ypres หรือ Ieper) เกนต์ (Ghent) บรูช (Brugge หรือ
ี
Bruges) ออสเทนด์ (Oostende หรือ Ostend) เซบรูเก้ (Zeebrugge) นิวปอร์ต (Nieuwpoort หรือ Nieuport) ลังมาร์ค
(Langemarck) เมแนง (Menin) ปาซองเดล (Passchendaele) เมสซีน (Messines) ลีส์ (Lys) คาเลส์ (Calais)
ดันเคิร์ก (Dunkirk หรือ Dunkerque) และ บูโลญ (Boulogne)
นาวิกศาสตร์ 25
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
การสู้รบที่ทุ่งฟลานเดอร์สในสงครามโลกครั้งที่ ๑ เรียกว่าเป็น “สงครามสนามเพลาะ” (TRENCH WARFARE)
ื
�
เพราะเป็นการทาสงครามกันในหลุม คือ ต้องขุดหลุมทาเป็นสนามเพลาะ พ้นดินเต็มไปด้วยสนามเพลาะใหญ่ และ
�
สนามเพลาะย่อย ๆ เชื่อมโยงติดต่อกันเป็นพืด จากชายฝั่งทะเลของเบลเยียม ข้ามทวีปยุโรป ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์
ั
ุ
ื
่
เป็นระยะทางยาว ๔๖๖ ไมล์ (๗๔๐ กิโลเมตร) (ระยะทางยาวกว่า กรงเทพฯ – เชียงใหม ๖๙๖ กโลเมตร) ส่นสะเทอน
ิ
้
�
ิ
�
้
�
ด้วยฤทธ์ระเบิดและกระสุนปืนใหญ่ตลอดเวลา มิหนาซายังถูกซาเติมจากธรรมชาติ ฝนเทลงมาเสียหนักหนา
ี
จนเปล่ยนยุทธบริเวณให้กลายเป็นทะเลโคลน กองทัพอันเกรียงไกรของท้งสองฝ่ายต้องพ่ายแพ้ต่อภัยธรรมชาติถึงกับ
ั
เป็นอัมพาต แทบจะเคลื่อนทัพขยับไปไม่รอด ฝ่ายรุกสามารถคืบหน้าไปได้อย่างเก่งก็แค่ ๑๐ ไมล์เท่านั้น ทหารตาย
เป็นเบือด้วยไอพิษ มากกว่าตายด้วยอาวุธใด ๆ ทั้งสิ้น เขาจึงชินชาต่อ เลือด ความตาย และศพ ที่ฝังทันก็ฝังกันไป
ที่ไม่ทันจะฝังก็มีมาก ครั้นลูกกระสุนปืนใหญ่ตกลงมาระเบิดตูมขึ้น ทั้งที่ฝัง และไม่ได้ฝังก็กระเด็นกระดอนกลับผุดลุก
ผุดนั่งขึ้นมา ราวกับว่าจะขอสู้รบต่อไปอีก
๗. อีปร์ – เมืองมรณะ
ื
ื
่
ี
ื
ึ
ี
้
ื
ั
ี
ื
ุ
เมองต่าง ๆ ในท่งฟลานเดอร์สท่กล่าวมาแล้ว ไม่มีเมองใดเลยท่จะขนชอลอชาเท่ากบเมองอปร์ (Ypres)
อีปร์เป็นเมืองโบราณเล็ก ๆ ของเบลเยียมที่มีชื่อเรียกยาก พวกทหารอังกฤษในสงครามเรียกว่า “Wiper” พวกทหาร
อเมริกันเรียกว่า “Yeeps” และเขียนว่า “Ieper” ก็มี
ิ
ื
ในสมัยกลาง อีปร์เป็นเมืองม่งค่ง และมีอิทธิพลมากในทุ่งฟลานเดอร์ส เน่องจากเป็นเมืองอุตสาหกรรมส่งทอต่าง ๆ
ั
ั
ที่มีชื่อเสียง เมืองอีปร์เคยถูกกองทัพอังกฤษโจมตีหลายครั้งหลายครา และถูกล้อมไว้ในปี ค.ศ.๑๓๘๓ ระหว่างสงคราม
ร้อยปี (Hundred Year’s War) ซึ่งเป็นการท�าสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เนื่องจากอังกฤษต้องการมีดินแดน
ในฝรั่งเศส เริ่มแต่ปี ค.ศ.๑๓๓๗
ื
ี
อีปร์ เป็นเมืองท่น่าพิสมัยทางยุทธศาสตร์มาก เน่องจากล้อมรอบไปด้วยหมู่บ้านเล็ก ๆ มีเส้นทางคมนาคมท่ด ี
ี
ึ
ี
ั
�
ท้งถนนหนทางและเส้นทางรถไฟ จึงทาให้กองทัพเยอรมันต้องเลือกโจมตีเมืองน้ และอีกประการหน่ง อีปร์เปรียบเสมือน
ี
ทางผ่านของกองทัพเยอรมันท่จะบุกเข้าไปยังประเทศฝร่งเศส และเกาะอังกฤษ ด้วยเหตุน้ตลอดระยะเวลา ๔ ปี ได้ต่อสู้กัน
ี
ั
ั
ื
ฆ่ากันเพ่อแย่งชิงเมืองเล็ก ๆ เมืองน้ คร้งแล้วคร้งเล่า ผ่านไป ผ่านมาหลายตลบ จนแหลกลาญ แทบจะราบเป็นหน้ากลอง
ี
ั
ี
คนหน่งล้านคน ต้องตายอย่างทารุณ และบาดเจ็บท่อีปร์ จนกระท่งผู้คนพากันเรียกเมืองน้ว่า “เมืองมรณะ” (La Mort)
ั
ึ
ี
สมรภูมิฟลานเดอร์ส
นาวิกศาสตร์ 26
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
สมรภูมิฟลานเดอร์ส
หน้าฝน-โคลน
หน้าหนาว-หิมะ
นาวิกศาสตร์ 27
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
พระเจ้าไกเซอร์
KAISER WILHELM II
ถนนสายหนึ่ง จากอีปร์ ไปเมแนง
นาวิกศาสตร์ 28
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
๘. การปฏิเสธหมายถึงการถูกรุกราน
เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๑๔ เยอรมันได้ยื่นค�าขาดต่อเบลเยียม โดยให้เบลเยียมยินยอมให้กองทัพเยอรมัน
ั
ึ
ั
ของพระเจ้าไกเซอร์ (Kaiser) ผ่านประเทศเบลเยียม ไปโจมตีประเทศฝร่งเศสได้ ประเทศเบลเยียมตระหนกถง
ความซื่อสัตย์ต่อการประกาศตัวเป็นกลาง จึงได้ตอบปฏิเสธต่อค�าขาดนั้น
และแล้วการปฏิเสธนั้นก็หมายถึงการรุกรานของเยอรมัน
ี
ื
ึ
ปืนใหญ่ของเยอรมันแผดเสียงข้นเป็นนัดแรกในยุโรป เม่อ ๐๘๐๒ ของ วันท่ ๕ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๑๔ เป็นสัญญาณว่า
ั
กองทัพเยอรมันได้ละเมิดความเป็นกลางของเบลเยียมแล้ว โดยมีความมุ่งหมายเพ่อบุกโจมตีประเทศฝร่งเศส
ื
ตามแผนของ พลเอก โมลเก้ (General Helmuth von Moltke)
กองทัพเยอรมันบุกเข้าประเทศเบลเยียมตามจุดต่าง ๆ หลายแห่งด้วยกัน คือ
กองทัพท่ ๑ บุกเข้าทางเมืองลูแวง (Louvain) ยึดกรุงบรัสเซลส์ (Brussels) ได้ผ่านเมืองมองส์ (Mons) แล้ว
ี
เข้าสู่ดินแดนของฝรั่งเศส ทางด้านเมืองคัมไบร (Cambrai) มุ่งหน้าไปยังเมืองอามีนส์ (Amiens)
เมืองลูแวง (Louvain) ของเบลเยียม ถูกท�าลายอย่างรุนแรงที่สุด มหาวิทยาลัยลูแวงซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่
ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อ ๗ กันยายน ค.ศ.๑๔๒๖ ได้ถูกเผาผลาญเสียสิ้น เอกสารอันมีค่า และต�าราสมัยกลาง
ต้องสูญไปในกองเพลิง
ี
กองทัพท่ ๒ เข้าโจมตีป้อมท่สาคัญของเบลเยียม ซ่งล้อมรอบกรุงบรัสเซลส์ มีอยู่ ๓ ป้อม คือ ป้อมอันทเวิร์พ
ึ
ี
�
(Antwerp) อยู่ทางเหนือของกรุงบรัสเซลส์ ป้อมลิแอจ (Liege) อยู่ตอนกลางทางทิศตะวันออกของบรัสเซลส์
ใกล้ชายแดนเยอรมัน และป้อมนามืร์ (Namur) อยู่ทางใต้ของป้อมลิแอจ มีแม่น�้าเมิส (Meuse) ไหลผ่านจากลิแอจ
มายังนามืร์
ื
ทหารเยอรมันเลือกเข้าโจมตีทางป้อมลิแอจ เม่อ ๕ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๑๔ ทหารเบลเยียมได้ต่อต้านการบุก
ของเยอรมันอย่างเต็มท่ เพราะป้อมลิแอจเป็นเมืองหน้าด่าน เปรียบเสมือนประตูบ้านท่เยอรมันจะพังผ่านเข้าสู่ประเทศ
ี
ี
เบลเยียมได้ แต่ในไม่ช้าป้อมลิแอจก็แตก (๗ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๑๔) กองทัพเยอรมันจึงรุกคืบหน้าเข้ายึดป้อมนามืร์
มุ่งลงสู่เมืองลัง (Laon) ของฝรั่งเศส
กองทัพที่ ๓ ผ่านเข้าทางเมืองเมซิแยร์ (Mezieres) ของฝรั่งเศส
กองทัพที่ ๔ ผ่านเมืองเนิฟชาโต (Neufchateau) เข้าทางเมืองเซอดอง (Sedan) ของฝรั่งเศส
ั
ี
กองทัพท่ ๕ ผ่านนครหลวง ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg) และทางเหนือของเมืองแวร์เดิง (Verdun) ประเทศฝร่งเศส
วันที่ ๒๔ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๑๔ พลเอก จอฟเฟร (General Joseph Jacques Cesaire Joffre) แม่ทัพใหญ่
ื
ั
ของฝร่งเศส ได้ส่งให้ทหารถอยตลอดแนวรบ เพ่อถอนทหารเข้าไปเตรียมการต้งรับในประเทศฝร่งเศส เม่อเห็นว่า
ั
ื
ั
ั
การต่อสู้ในประเทศเบลเยียมไม่เป็นผล
กองทัพท้ง ๕ ของเยอรมันก็บุกตะลุยมุ่งตรงไปยังบริเวณแม่นามาร์น (Marne) ห่างจากกรุงปารีส (Paris)
ั
�
้
เมืองหลวงของฝรั่งเศสเพียง ๓๐ ไมล์เท่านั้น
นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
พลเอก โมลเก้ พลเอก จอฟเฟร
GENERAL Helmuth von Moltke GENERAL Joseph Jacques Joffre
ี
ึ
้
่
ึ
้
ี
ั
ึ
ิ
้
่
ั
ั
ั
ื
ั
ื
่
ื
เมอเป็นเช่นน นายพล จอฟเฟร จงตดสนใจตงกองทพฝรงเศสขนอกหนงกองทพ เพอรบมอกองทพเยอรมน
ั
ั
ั
่
ึ
ั
ท่แม่นามาร์น รถแท็กซ่ ๖๐๐ คัน รถบรรทุกและรถโดยสารอีกจานวนหน่ง ได้ลาเลียงทหารฝร่งเศส ๖,๐๐๐ คน
�
ี
�
ี
้
�
ี
ั
�
้
ี
�
จากกรุงปารีสมารับมือกับทหารเยอรมันท่แม่นามาร์น และในท่สุดสามารถหยุดย้งมิให้กองทัพเยอรมันบุกกรุงปารีสได้สาเร็จ
ี
�
้
�
ี
ิ
และการต่อสู้ท่แม่นามาร์นทาให้กาลังของฝ่ายเยอรมันเร่มอ่อนลง กองทัพเยอรมันต้องเปล่ยนแผนหันไปโจมต ี
�
ื
ี
ี
ทางแนวรบด้านอ่น แทนท่จะมุ่งเข้าตีกรุงปารีสให้แตก ซ่งการเปล่ยนแปลงท่จุดน้ ถือว่าเป็นลางแห่งการพ่ายแพ้
ี
ี
ึ
ของฝ่ายเยอรมัน
ในระยะเริ่มแรกของการรบ กองทัพฝรั่งเศสได้น�าเอาหลักสงครามของ นโปเลียนข้อหนึ่งมาใช้คือ
“จิตใจทางรุก เป็นกุญแจน�าไปสู่ชัยชนะ”
ฉะน้น ในสงครามโลกคร้งท่ ๑ ทหารฝร่งเศสเห็นทหารเยอรมันท่ไหนเป็นอยู่น่งเฉยไม่ได้ ต้องเข้าโจมตีทันท ี
ี
ั
ั
ี
ั
ิ
ิ
จึงเป็นการว่งเข้าไปหากระสุนปืนกลของทหารเยอรมัน ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ในระยะสองอาทิตย์แรกของสงคราม
แนวหน้า ทหารฝรั่งเศสต้องตายไปถึง ๓๐๐,๐๐๐ คน
นาวิกศาสตร์ 30
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
พระเจ้าอัลเบิร์ตที่ ๑ แห่งเบลเยียม
King Albert I
๙. การรบที่ อีแซร์ (Yser)
ื
ี
ี
กองทัพท่ ๑ ของเยอรมัน ยึดกรุงบรัสเซลส์ไว้ได้เม่อวันท่ ๒๐ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๑๔ แล้วจึงบุกตะลุยไปทาง
ด้านชายทะเล ผ่านทุ่งฟลานเดอร์ส ทหารเยอรมันไหลบ่าเข้ายึดเมืองต่าง ๆ ได้ คือ เกนต์ (Ghent) (๑๑ ตุลาคม
ค.ศ. ๑๙๑๔) บรูก (Bruges) (๑๙ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๑๔) ออสเทนด์ (Ostend) (๑๕ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๑๔)
พระเจ้าอัลเบิร์ต (King Albert I ) กษัตริย์หนุ่มวัย ๓๙ พรรษา ของเบลเยียม ต้องหลบไปอยู่ท่เมืองนิวปอร์ต (Nieuport)
ี
ซ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ชายทะเลด้านทะเลเหนือ ในตอนปลายเดือนตุลาคม สถานการณ์ของประเทศเบลเยียมก็อยู่ในฐานะ
ึ
ื
�
ี
ึ
้
ั
“จนมุม” เน่องจากมีผืนแผ่นดินฝั่งซ้ายของแม่นาอีแซร์ (Yser) เท่าน้น ท่ยังคงอยู่ในครอบครองของเบลเยียม ซ่งกองทัพ
�
อันเกรียงไกรของเยอรมันไม่สามารถจะเข้ายึดได้ เน่องจากทหารเบลเยียมได้กลายเป็นผู้รักษาประตูนาแห่งทุ่งฟลานเดอร์ส
้
ื
เปิดประตูน�้าปล่อยให้น�้าไหลท่วมผืนแผ่นดินเป็นบริเวณกว้างถึง ๒ ไมล์ จากเมืองดิซมุด (Dixmude) จนถึงชายทะเล
น�้าลึก ๓-๔ ฟุต ท�าให้ยับยั้งกองทัพเยอรมันไว้ได้ การต่อสู้ครั้งนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น กองทัพเบลเยียมต้องสูญเสีย
์
ั
้
กาลงไปแลวถง ๓๕% แตกองทพเบลเยยมพรอมดวยพระเจาอลเบรต และพระราชนเอลซาเบธ (Elizabeth) กยงคงยดมน
ิ
ึ
ั
ั
่
ี
ิ
็
ิ
้
ึ
ี
ั
่
�
ั
้
้
อยู่ที่นั่น ตลอดระยะเวลา ๔ ปี บนเนื้อที่เพียง ๒ - ๓ ตารางไมล์ที่อยู่ในดินแดนเบลเยียม
ั
แนวรบทางด้านตะวันตกก็ได้เกิดข้นแล้ว เป็นระยะทางยาวถึง ๔๖๖ ไมล์ ต้งแต่เมืองนิวปอร์ต (Nieuport)
ึ
ของเบลเยียม ชายฝั่งทะเลเหนือ ผ่านทุ่งฟลานเดอร์ส ลัดเล้ยวไปตามชายแดนเบลเยียม-ฝร่งเศส จนจรดชายแดน
ั
ี
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
การรบในแนวรบด้านตะวันตกเป็น “สงครามสนามเพลาะ” (Trench Warfare) คือ ขุดพ้นดินเป็นหลุมลึก
ื
ุ
ื
ขนาดคนยน โดยหัวไม่โผล่ให้ข้าศกยิงได้ ยาวเป็นคโดยตลอด เอาดนทขุดข้นมากองไว้ท่ปากหลม หรือใช้กระสอบ
ึ
ิ
ู
่
ี
ึ
ี
ื
ทรายวางปากหลุม เป็นเคร่องป้องกันอันตรายจากกระสุน หรือสะเก็ดระเบิด (Bunker) ทหารต้องต่อสู้อยู่ในสนาม
เพลาะทั้งวันทั้งคืน ใช้ชีวิต กิน อยู่ หลับนอน กับซากศพทหารที่ตาย ผจญกับตัวแมลงที่ดูดเลือด หนูตัวโต ๆ และโรค
“เท้าสนามเพลาะ” (Trenchfoot) ซึ่งน�าไปสู่โรคเท้าเน่าเปื่อย (gangrene)
นาวิกศาสตร์ 31
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
การรบที่แม่น�้ามาร์น
การรบที่อีแซร์
นาวิกศาสตร์ 32
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
สงครามสนามเพลาะ
นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ชีวิตทหาร ในสนามเพลาะ
นาวิกศาสตร์ 34
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
นาวิกศาสตร์ 35
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ื
ุ
ี
่
่
ั
ี
้
ในเดอนธนวาคม ค.ศ.๑๙๑๔ ไดมการขดสนามเพลาะตลอดแนวรบ จากทะเลเหนอ ผานเบลเยยม ฝรงเศส เยอรมน ี
ื
ั
ไปจนถึงชายแดนของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะทางยาวถึง ๔๖๖ ไมล์ กองทัพเยอรมันพยายามเข้าตีแนวรบท่เมืองอีปร ์
ี
(ในกรอบสี่เหลี่ยม)
(จบตอนที่ ๑)
นาวิกศาสตร์ 36
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
มาร์ชธงสามสมอ
พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์
่
ี
่
ิ
ี
ื
ู
ี
เพลง มาร์ชธงสามสมอ นับเป็นเพลงท่นักเรียน บทความเรอง จกรเวยนซ้าย ของผ้เขยนทตพมพ์ลงใน
ี
ี
ั
�
นายเรือทุกคนจะต้องรู้จัก และถือว่าเป็นเพลงประจา หนังสือเล่าเรื่องเมืองไทย เล่ม ๓ ต่อมาได้มีการวิวัฒนาการ
�
ี
โรงเรียนนายเรือเลยทีเดยว อย่างไรก็ตาม อาจจะยังม ี เพ่มข้น โดยมีการกาหนดว่า สองสมอเป็นสัญลักษณ์
ิ
ึ
หลายท่านไม่ทราบว่าเพลงน้มีประวัต ความเป็นมาอย่างไร ของโรงเรียนชุมพลทหารเรือ (โรงเรียนจ่าทหารเรือ) และ
ี
ิ
�
ี
ี
บทความฉบับน้จะนาเสนอให้ผู้อ่านทราบ สมอเด่ยวเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนพลทหาร (ต่อมา
ื
ตราสามสมอ เปล่ยนช่อเป็น ศูนย์ฝึกทหารใหม่)
ี
ี
ก่อนท่จะกล่าวถึงมาร์ชธงสามสมอก็จาเป็นท่จะ
�
ี
ี
ต้องเล่าถึงท่มาของตราสามสมอก่อน ตราสามสมอ
เป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนนายเรือ ซ่งใช้มาต้งแต่สมัย
ึ
ั
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร
ิ
เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด หรือเสด็จในกรมฯ
์
ี
หรือเสด็จเต่ยของพวกเราเหล่าทหารเรือ ได้ทรงคิด และ
�
ั
่
ึ
้
่
ื
ี
้
เขยนแบบขนมา เพอใชเปนตราล�าลองสาหรบพระองค์ทาน
็
ื
ื
ี
ประทับบนหนังสือท่ทรงเม่อ พ.ศ.๒๔๔๙ และเม่อ
�
�
พระองค์ท่านได้ดารงตาแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ
และเข้ามาควบคมดแลนกเรยนนายเรอ พระองค์ท่าน
ู
ั
ี
ื
ุ
ี
ก็ทรงใช้ตราน้เป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนนายเรือ แต่เป็นท ี ่
ั
็
นาสังเกตวา ตราสามสมอในสมยเสดจเตย จกรจะเวยนขวา
่
่
ี
ั
่
ี
ท่แตกต่างจากปัจจุบันท่จักรของทหารเรือจะเวียนซ้าย ๏ ตราสามสมอ (เดม) ทประตพระราชวงเดมดานหนา ดานรมแมนา
ี
ี
้
้
่
ิ
้
ู
ิ
ี
่
�
ิ
ั
้
ความละเอียดเร่องจักร ผู้อ่านสามารถหาอ่านได้จาก เจ้าพระยา (จักรเวียนขวา)
ื
นาวิกศาสตร์ 37
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
๏ ธงสามสมอ
ั
ื
๏ ตราสามสมอ จากปกหนังสือการเรือข้นต้น พิมพ์เม่อ สัญลักษณ์สามสมอน เม่อประดับบนธงสีนาเงินขาบ
้
้
ื
ี
�
รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙)
�
ตัวสามสมอเป็นสีขาว เหล่านักเรียนนายเรือจะนาธงสามสมอ
ั
ี
ี
ั
่
ไปในทต่าง ๆ เช่น ในการแข่งขนกฬาประดบเป็นธงทว
ิ
ื
ร่วมกับธงชาต เพ่อเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนนายเรือ
ิ
่
ี
เม่อวันท ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๒ พลเรือตร ี
ื
ั
ประวิศ ศรีพิพัฒน์ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ในขณะน้น)
ั
ื
�
ื
ึ
ุ
ได้มหนงสอถงราชเลขานการประจาพระองค์ ณ เมอง
ี
โลซานน์ ขอพระราชทานพระปรมาภิไธย ลงในพระบรม
ฉายาลักษณ์ รวมท้งขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ั
่
ใช้พระปรมาภิไธยย่อ ภปร ประดับลงทธงสามสมอ ประจากอง
�
ี
๏ ตราสองสมอ ใช้เป็นสัญลักษณ์ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนเตรียมนายเรือ
ี
หลังจากน้น ในวันท ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๒
่
ั
หลวงประเสริฐไมตร ราชเลขานุการในพระองค์ได้ตอบกลับ
ี
�
ึ
มายังเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ว่าได้นาความข้นกราบ
ู
ั
ุ
บงคมทล พระกรณาทรงทราบฝ่าละอองธุลพระบาทแล้ว
ี
และทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานตามความประสงค์
ต่อมาเม่อ วันท ๒๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๒
ี
่
ื
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ประธาน
ผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ได้เสด็จพระราชดาเนิน
�
�
ี
มาพระราชทานกระบ่แก่นักเรียนนายเรือท่สาเร็จการศึกษา
ี
�
ณ ท้องพระโรงพระราชวังเดิม กองบัญชาการ กองทัพเรือ
และได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์แก่โรงเรียน
ั
๏ ตราสมอเด่ยว ใช้เป็นสัญลักษณ์ ศูนย์ฝีกทหารใหม่ นายเรือ และโรงเรียนเตรียมนายเรือ พร้อมท้งพระราชทาน
ี
(โรงเรียนพลทหารเดิม) ธงสามสมอแก่โรงเรียนนายเรือในคราวเดียวกันด้วย
นาวิกศาสตร์ 38
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ั
ิ
์
โดย นาวาเอก สวัสด ภูติอนันต์ ผู้บังคับการกองโรงเรียน แปดแฉก วนซ้าย ปักด้วยไหมสีขาวท้งหมด บนผืนธง
ั
นายเรือ ในขณะน้นเป็นผู้รับพระราชทาน ท่ใต้พระบรม ด้านซ้ายบนด้านท่ติดกับคันธง มีรูปพระมหามงกุฎกับจักร ี
ี
ี
ฉายาลักษณ์มีข้อความว่า และพระปรมาภิไธยย่อ ภปร ขนาด ๑๐ x ๒๒ เซนติเมตร
ี
“ภูมิพลอดุลยเดช ให้กองโรงเรียนนายเรือ วันท ๑๘ ปักด้วยไหมสีเหลืองท้งหมด ห่างจากขอบธงด้านบนและ
ั
่
เมษายน พ.ศ.๒๔๙๒” ด้านซ้าย อย่างละ ๕ เซนติเมตร
๏ ธงสามสมอท่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพล
ี
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
หลังจากมอบพระบรมฉายาลักษณ์ และธงสามสมอแล้ว
ประธานผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธย
�
ี
ึ
ส่วนธงสามสมอนั้น มีลักษณะเป็นรูปส่เหล่ยมผืนผ้า ทรงให้โอวาทแก่นักเรียนนายเรือ ใจความตอนหน่งว่า
ี
ขนาด ๗๐ x ๑๐๕ เซนติเมตร สีขาบ ตรงกลางมีรูปสมอ “... อันหน้าที่ราชการทหารเรือนี้ นับวาเป็นหน่วย
่
ิ
ี
ึ
ั
ั
สามอนไขว้กนเป็นวงกลมคล้ายตราสามสมอทวไป สาคัญย่งส่วนหน่งของชาต โดยท่ได้รับมอบหมายให้เป็น
ั
ิ
�
่
ี
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๕ เซนติเมตร ภายในมีรูปจักร หน้าท่ป้องกันรักษาประเทศชาติตามเขตชายฝั่ง เป็นเสมือน
นาวิกศาสตร์ 39
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ั
ี
ี
ี
ื
ร้วป้องกันทางด้านน้กองทัพเรือของเราในขณะน้อยู่ใน มาร์ชธงสามสมอน้มีเน้อร้องท่กินใจมาก ในปัจจุบัน
ี
ี
ฐานะท่มีกาลังน้อย เราไม่มีความปรารถนาจะรุกรานใคร นักเรียนนายเรือได้ใช้เป็นเพลงประจาโรงเรียนนายเรือ
�
�
เรามีหน้าท่แต่จะรักษาป้องกันเอกราชของเราให้ยืนยง โดยมีเน้อร้องดังน ี ้
ื
ี
คงไว้ด้วยความวัฒนาถาวรตลอดไปเท่าน้น...
ั
ี
อีกประการหน่งก็คือความสามัคค อันเป็นคต ิ “ เหล่านายเรือเราน้ขอภักดีต่อ
ึ
ี
�
้
ประจาใจของทหารเรือ ทหารเรือจะต้องมีนาใจสามัคค ี ธงสามสมอจงลาลือชา
�
้
�
ื
กลมเกลียวกันเป็นอย่างดีในทุกโอกาส ต้องเคารพเช่อฟัง น่คือมวลเราผองนักรบงามสง่า
ี
คาส่งผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด ต้องพยายามฝึกฝน ผู้ร่วมรักษานาวีให้อยู่ยืน
�
ั
แสวงหาวิชาความรู้เพ่มเติมให้กว้างขวางย่งข้นอยู่เสมอ... เดนเราเดนสงาอยาง
ิ
่
่
ึ
ิ
ิ
ิ
ื
อน่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณา ชาติชายเต็มเชิง ฤาขามผองภัยพาลอ่น
ึ
ี
ิ
ื
ู
ู
้
โปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทานธงพร้อม เทอดชพเจมผนธงรบชา
ด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ แก่โรงเรียนนายเรือ และ กลางนาลมใต้แผ่นฟ้า เชิงรบกีฬาไม่ย่อท้อใคร
้
�
ี
โรงเรียนเตรียมนายเรือในโอกาสน้ด้วย ขอให้บรรดา หากใคร...หยามเรา...หากใคร...หยามเรา...จักเอา..ไว้ใย
ั
ี
นักเรียนนายเรือท้งหลาย จงรู้สึกเป็นเกียรติท่ได้รับ เทอดเกียรติธงขวัญอยู่เหมือนขวัญใจ
้
่
�
่
ู
�
พระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ ผู้ทรงดารงตาแหน่ง ใครลาทาหลแผนผไท
�
�
้
ู
ั
ุ
่
็
ั
ั
ู
จอมทพ อนเปนผบงคบบญชาสงสดของทาน และจงระลึก น่านนาแดนไทยจักได้เห็นด ี
ั
้
�
ั
ี
ั
่
ู
เสมือนพระองค์ท่านได้มาประทับอยู่ร่วมกับท่านท้งหลาย จงนาวสถตอย
ิ
ทุกเม่อ ขอให้ท่านเคารพสักการะไว้ให้ด จะบังเกิด คู่ชาติตราบเท่าธงสามสมอเราม ี
ี
ื
ื
ความสวัสดิมงคล และความเจริญแก่ท่านตลอดไป” เพ่อเกียรติธงน้เราพร้อมยอมมลาย
ี
ึ
ซ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพเรือ และ จงพร้อมเพรียงอยู่เถิดสหาย ชีวิตเราวายเพ่อราชนาวี”
ื
ิ
ี
โรงเรียนนายเรือเป็นอย่างย่งในการท่โรงเรียนนายเรือ
�
ี
ได้รับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมท้ง เพลงมาร์ชธงสามสมอน นับเป็นเพลงประจาโรงเรียน
้
ั
้
ี
่
ั
พระปรมาภิไธย และได้รับพระราชทานพระปรมาภิไธย นายเรือ และยังใช้ร้องอยู่จนกระทงทุกวันน นอกจาก
�
ย่อ ภปร ให้นาไปใช้บนธงสามสมอ ซ่งเป็นธงประจาโรงเรียน เพลงมาร์ชธงสามสมอดังกล่าวแล้ว ผู้เขียนได้ทราบว่ายังม ี
�
ึ
จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพลงท พลเรือเอก ถาวร พงศ์พิพัฒน์ ประพันธ์เพลงไว้อีก
่
ี
ี
มาร์ชธงสามสมอ ๒ เพลง ซ่งในสมัยท่ผู้เขียนเป็นนักเรียนนายเรือ ระหว่าง
ึ
ื
ได้ประพันธ์ข้นเม่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ โดย นักเรียนนายเรือ ปี พ.ศ.๒๕๑๗ – พ.ศ.๒๕๒๒ กเคยได้ร้องเพลงนด้วย
ี
้
ึ
็
ั
ั
้
ี
้
ื
ั
่
้
่
ี
่
ั
ุ
ถาวร พงศ์พิพัฒน์ นนร.ช้นปีท ๒ ในขณะน้นเป็นผู้ประพันธ์ แตในปจจบนเพลงเหลานไดเลอนหายไปแลว เพลงดงกลาว
ั
่
ี
ั
ั
ื
ั
ื
เน้อร้อง (ต่อมานกเรยนนายเรือ ถาวรฯ ได้รบพระราชทาน คือ เพลงท่ต้งช่อว่า มาร์ชนาวิกโยธิน และเพลงกีฬานาว ี
ี
ื
ยศเป็น พลเรือเอก และเกษียณอายุราชการ เม่อ เพลงมาร์ชนาวิกโยธิน
ั
พ.ศ.๒๕๓๓) ในเวลาน้นโรงเรียนนายเรือต้งอยู่ท ่ ี เพลงน้ได้ประพันธ์เม่อ พ.ศ.๒๔๙๒ ขณะเป็นนักเรียน
ื
ี
ั
�
�
ั
ี
�
ตาบลเกล็ดแก้ว อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุร และนักเรียน นายเรือช้นปีท ๒ เช่นเดียวกัน โดยใช้ทานองเพลง และ
ี
่
ี
นายช่างกล (นนช.) ชลัธ ชวกุล ช้นปีท ๓ เป็นผู้ประพันธ์ เนอร้องให้สอดคล้องกับเพลงชอ Marines’ Hymn
ั
้
ื
่
ื
่
ื
�
ทานองเพลง (ต่อมา นนช.ชลัธฯ ได้ออกจากราชการ โดยเน้อร้องภาษาไทยเป็นดังน ้ ี
เพ่อประกอบอาชีพส่วนตัว เม่อช้นยศ นาวาตรี)
ื
ั
ื
นาวิกศาสตร์ 40
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
“ เหล่าทหารชาญศักดาเลือดนาว Which we are proud to serve;
ี
จักยอมพลีชีพป้องผองไทย In many a strife we’ve fought for life
เหล่าประชาสงบสุขอยู่เพราะใคร And never lost our nerve.
ั
ท่วไผทเสรีเพราะเรา If the Army and the Navy
ั
ผืนธงน้นสะบัดปลิวเพริศพร้ววิไล Ever look on Heaven’s scenes,
ิ
�
สาราญใจเหล่า นักรบเรา They will find the streets are guarded
เอกราชชาติจะอยู่ดูนานเนา By United States Marines. ”
ดุจดังเราพ่น้องผองไทย
ี
ื
ฝั่งและนาเป็นพยานงานชาวเรือ สาหรับเพลงท ๓ ช่อว่า เพลงกีฬานาว ได้ประพันธ์
ี
ี
�
�
่
้
�
ื
เลือดคือเกลือมิขลาดขามใคร เน้อร้อง สาหรับแข่งกีฬาของโรงเรียนนายเรือ ขณะเข้ารับ
ี
่
ั
ื
�
อยู่กับเรือไปจนตายเพ่อหมายชัย การศึกษาอยู่ช้นปีท ๑ โดยใช้ทานองเพลง Holari
ศัตรูใดจะสังหารผลาญมัน (ฮาลาริ) ของญ่ปุ่น โดยมีเน้อร้อง ดังน ี ้
ื
ี
ื
ม้วยกับเรือให้รู้ชายเช้อสาย
ท้อไปใยแดดคล่นฝืนประจัญ “ มาพวกเรามาร่วมเร้าฤด ี
ื
ู้
ชาติจะอยู่ยืนยงคงนิรันดร์ ให้ลูกนาวีนักส – มาสลุตให้นักกีฬา
ื
ั
ช่นชมครัน นามว่า นาวี” เลือดน้นทาสนามยามชิงแข่ง
เพ่อชัยเป็นของเรา
ื
เพลง Marines’ Hymn เน้อร้องภาษาอังกฤษ เป็นดังน ้ ี เดินซิเราเดินหน้า
ื
“ From the Halls of Montezuma สู้ปัจจาเหมือนเรือเราแล่น
ื
To the shores of Tripoli, ต้งเข็มตรง เพ่อล้าง
ั
We’re fight for life and freedom, ทาลายเหล่าริป ู
�
on the land as on the sea, นักกีฬาอย่าได้ท้อศัตร ู
First to fight for right and freedom, เม่อยอดพธูของท่าน
ื
ื
And to keep our honor on, มายืนอยู่เพ่อจะหวังฟังชัย
้
We are all claimed in the title ปลอบนาใจและหวังเอาใจช่วย สู้ตาย สู้ไว้ลาย
�
Of United States Marines. ยอมหรือเราจะให้
Our flag’s unfolded to every breeze คู่แข่งใด เขามานาหน้า
�
From the dawn to setting sun; เหยียดหยามเรา อย่าหวัง
We have fought in every clime and place นายเรือไม่แพ้ใคร !
ิ
Where we could take a gun. ดูโน่นธงสบัดพร้วสพร่ง ั
In the snow of far-off Northern lands สง่างามอยู่กลางเขาอ่น
ื
And in sunny tropic scenes, เหมือนจักเตือนให้อุทิศ
ิ
ื
ิ
You will find us always on the job เพ่อชาต เกียรต วินัย กล้าหาญ
The United States Marines. จรรโลงอย ู่
Here’s health to you and to our Corps คู่คงคาขวัญเรา
�
นาวิกศาสตร์ 41
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ี
ี
ึ
ดูนาเงินสง่า ท่ผู้เขียนบทความน้ข้นก็เพ่อเฉลยให้ทราบถึงท่มา
้
�
ี
ื
ี
ดุจคงคาสีคราม ไกลกว้าง ของมาร์ชธงสามสมอ รวมท้งเพลงอ่น ๆ ท่แต่งในยุค
ื
ั
ถ่นของเรา สอดสมอ เดียวกัน และนับเป็นประวัติศาสตร์หน้าหน่งของตานาน
ิ
�
ึ
งามสล้าง เพลงมาร์ชธงสามสมอ ซ่งนับวันจะเลือนหายไปกับเปลวแดด
ึ
จับตาแซม ขาวงาม สายลม และเกลียวคล่น
ื
เตือนถึงคราเราฝ่า
ุ
ื
คล่นและพาย แรงกระหนา � ่ อ้างอิง
�
เลือดนาเค็มไม่ท้อ นายเรือไม่ท้อเลย” - ๑๐๐ ปี การเสด็จพระราชดาเนินทรงเปิดโรงเรียนนายเรือ ; พฤศจิกายน
�
้
พ.ศ. ๒๕๔๙
- บทสัมภาษณ์ พล.ร.อ.ถาวร พงศ์พิพัฒน์
ี
ื
“เพลงน้เม่อร้องจบก็เกิดการชกต่อยกัน ระหว่าง - http://www.usa-flag-site.org/song-lyrics/marines
นักเรียนนายร้อยกับนักเรียนนายเรืออย่างดุเดือด จนกระท่ง -hymn.shtml
ั
- http://oknation.nationtv.tv/blog/Watchara
ั
หลังจากน้นอีก ๒ ปี โรงเรียนนายเรือจึงมีคาส่งให้เลิก -Takum/2016/11/20/entry-1
ั
�
ร้องเพลงน้ไป - https://readthecloud.co/wang-derm/
ี
ค�าถามเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (จ�านวน ๓ รางวัล)
รางวัลที่ ๑ ที่พักรีสอร์ทพัทยาสุดหรู (๒ ท่าน) จ�านวน ๑ รางวัล
และรางวัล เสื้อราชนาวิกสภา จ�านวน ๒ รางวัล
ค�าถาม
ในการรบทางเรือที่เกาะช้าง กรณีพิพาทระหว่าง ไทย กับอินโดจีน ฝรั่งเศส เป็นเหตุให้ทหารเรือฝ่ายไทยเสียชีวิตรวม
ทั้งสิ้นกี่นาย? และสูญเสียเรือรบทั้งหมดกี่ล�า? ได้แก่เรืออะไรบ้าง?
ส่งค�าตอบมาที่ [email protected] หรือไปรษณียบัตร/จดหมาย จ่าหน้าซองถึง
ส�านักงานราชนาวิกสภา ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐
ตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับรางวัลที่
WWW.FACEBOOK.COM/นิตยสารนาวิกศาสตร์ ผู้ตอบแบบสอบถาม กรุณาเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้
*หากมีผู้ตอบค�าถามถูกมากกว่า ๓ ท่าน จะใช้วิธีจับสลากคัดเลือกผู้โชคดีเพื่อรับรางวัลแทน
นาวิกศาสตร์ 42
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
“รักบี้นายเรือ”
ชนะเลิศกีฬา ๔ เหล่า ๓๕ ปีที่รอคอย
“สามสมอ ๑๙”
วันที่ ๑๑ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ทีมรักบี้ของ หากมองย้อนไปในประวัติศาสตร์วงการกีฬาของไทย
ั
ั
ิ
ี
ี
โรงเรียนนายเรือลงแข่งขันนัดชิงชนะเลิศกับโรงเรียน ต้งแต่คร้งอดีต ในยุคแรก ๆ ท่กีฬารักบ้เร่มแพร่หลาย
ี
�
ี
ื
นายร้อยตารวจ ณ สนามรักบ้โรงเรียนนายร้อย ในประเทศไทย ทหารเรือได้ช่อว่าเป็นผู้ท่มีฝีมือในด้าน
ี
ี
พระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ในการแข่งขัน กีฬารักบ้อย่างยอดเย่ยม ทีมท่ครองแชมป์ประเทศไทย
ี
ิ
ั
ี
กีฬาโรงเรียนทหาร-ตารวจ หรือท่เรียกกันติดปากว่า ในการแข่งขนตดต่อกนหลายปี กคอ ทม “ทหารเรือ”
็
ื
�
ี
ั
ิ
�
ึ
ี
“กีฬาส่เหล่า” ประจาปี ๒๕๖๒ ซ่งโรงเรียนนายร้อย จนได้ถ้วยรางวัลมาเป็นกรรมสิทธ์อย่างถาวร ตราบจน
พระจุลจอมเกล้า เป็นเจ้าภาพ ทุกวันนี้
ื
การแข่งขันดาเนินไปอย่างสนุกต่นเต้น ท่ามกลาง สาหรับทีมรักบ้โรงเรียนนายเรือ เป็นทีมท่ม ี
�
ี
ี
�
ื
ี
กองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะทีมนายเรือซึ่งมีผู้ให้ ประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นกัน มีนักกีฬาท่มีช่อเสียง
�
ี
ก�าลังใจจากหลายส่วน ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นชมรม จานวนมาก หลายคนกลายเป็นนักรักบ้ทีมชาติไทย
รักบี้ทหารเรือ ศิษย์เก่าสามสมอ รวมทั้ง พลเรือโท สุชา ขณะท่อีกหลายคนประสบความสาเร็จในชีวิตการ
ี
�
�
ู
ั
เคยมทองคา ผ้บญชาการโรงเรยนนายเรอ ซงเดนทาง รบราชการ ซงส่วนหนงมาจากคณลกษณะของนกกีฬา
ี
่
ี
ึ
ิ
่
ื
ั
ั
ึ
่
่
ึ
ุ
ั
ี
ี
ึ
ไปนั่งชมการแข่งขันด้วยตนเอง รักบ ซ่งถือว่าเป็น “กีฬาสุภาพบุรุษ” ท่ผู้เล่นจะต้องม ี
้
เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน กองเชียร์ ร่างกายที่แข็งแรง จิตใจแข็งแกร่ง พร้อมด้วยความทรหด
้
้
้
ั
ทีมนายเรือต่างกระโดดเข้ากอดกันด้วยความดีใจสุดขีด อดทน ตองเข้าปะทะ ใชทงความเรว และทักษะ ตลอดจน
็
เพราะทีมนายเรือเป็นฝ่ายชนะด้วยสกอร์ ๒๐ ต่อ ๑๖ การตัดสินใจเฉพาะตัว และการร่วมมือกันเป็นทีมเวิร์ค
คว้าแชมป์รักบ้กีฬาโรงเรียนทหาร-ตารวจ มาครอง อดีตนักรักบ้สามสมอท่มีช่อเสียง อาท นาวาเอก
ิ
�
ี
ื
ี
ี
�
ได้สาเร็จ หลังจากท่โรงเรียนนายเรือไม่เคยได้สัมผัสกับ หยวก ญาด ท่ทุกคนเรียกขานท่านว่า “ครูหยวก” ซ่งได้รับ
ี
ี
ี
ึ
เหรียญรางวัลและถ้วยชนะเลิศรักบ้มาเป็นเวลา ๓๕ ปี การยกย่องให้เป็นปรมาจารย์รักบ ทร. พลเรือเอก ไกรสร
ี
้
ี
นาวิกศาสตร์ 43
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
�
ี
จันทรสุวานิชย์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก ทาให้จานวนนักเรียนนายเรือลดน้อยลงกว่าท่เคยเป็น
�
ี
่
ี
ั
พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ มาในอดีต จากเดิมท่เคยใช้นักเรียนช้นปีท ๑ จัดเป็น
ั
�
ู
ั
รองผ้บญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภย กองพันสวนสนามได้เต็มกองพัน ปัจจุบันหากจาเป็น
ิ
ี
รักษาพระองค์ พลเรือเอก สุกิตต เสง่ยมพงษ์ อดีต จะต้องจัดกองพันสวนสนาม โรงเรียนนายเรือแทบจะต้อง
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือโท รณรงค์ ใช้นักเรียนท้งโรงเรียน เพ่อให้มีจานวนครบหน่งกองพัน
�
ึ
ื
ั
สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สวนสนามเต็มอัตรา
คนปัจจุบัน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโรงเรียนนายเรือจะมีนักเรียน
ี
ี
�
ื
ส่งท่อาจจะเป็นความบังเอิญเหนือความบังเอิญ น้อยกว่าโรงเรยนอ่น ทาให้โอกาสทจะคดเลอกนกกฬา
ื
ี
ั
่
ี
ิ
ั
ก็คือ ทีมรักบี้นายเรือเคยครองแชมป์กีฬาเหล่าติดต่อกัน หรือ ได้ “ช้างเผือก” ในกีฬาประเภทต่าง ๆ ลดน้อยลง
�
ถึง ๓ สมัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕ โดยในปีนั้น นักรักบี้ที่เป็น ไปด้วย แต่คากล่าวท่ว่า “ชัยชนะมิได้มาแต่กาเนิด
�
ี
นักเรียนนายเรือชั้น ๕ คือ นายเรือรุ่น ๗๖ แต่หลังจาก แต่เกิดจากการกระท�า” ยังเป็นความจริง
ี
ครองแชมป์ครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ทีมรักบี้นายเรือ เพราะชัยชนะของทีมรักบ้นายเรือในรอบ ๓๕ ปี
้
ี
ก็ไม่เคยชนะเลิศอีกเลย คร้งน เกิดจากการประสานความร่วมมือของ ๓ ส่วน
ั
จนกระทั่งอีก ๓๕ ปีต่อมา ในยุคที่นักเรียนนายเรือ อันได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง คือ นักเรียนนายเรือที่มีส่วนในการ
ี
รุ่นที่ ๑๑๓ เป็นนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๕ และนักเรียน รวมสนบสนนกับนายทหารของโรงเรยน ซงเปนผบงคับบญชา
็
ั
ึ
่
ู้
ั
่
ุ
ั
ี
ี
นายเรือรุ่น ๗๖ มีโอกาสมาเป็น “ผู้บัญชาการโรงเรียน ส่วนท่สอง คือ กลุ่มผู้ปกครอง และส่วนท่สาม คือ นักกีฬา
ี
ึ
ั
ั
นายเรือ” ทีมรักบี้นายเรือจึงคว้าแชมป์คืนมาได้อีกครั้ง ทีมรักบ้ทุกนาย ซ่งท้ง ๓ ส่วนท่กล่าวมามีความมุ่งม่น
ี
เป็นความจริงท่ว่าตาแหน่ง “แชมป์รักบ ๔ เหล่า” และเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การสร้างทีมรักบี้นายเรือ
�
ี
้
ี
ี
เลือนหายไปจากโรงเรียนนายเรือ พร้อมกับการเปล่ยนแปลง ให้เป็นทีมชนะเลิศในการแข่งกีฬา ๔ เหล่าให้ได้
สภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะการปรบโครงสร้างกาลงพล
ั
�
ั
พล.ร.ท.สุชา เคี่ยมทองคำา ผบ.รร.นร. จับมือแสดงความยินดีกับนักรักบี้สามสมอ
นาวิกศาสตร์ 44
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ทีมรักบี้นายเรือชุดชนะเลิศกีฬาสี่เหล่า ปี พ.ศ.๒๕๖๒
ี
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครอง ได้เกาะเก่ยวกันอย่าง
�
แนบแน่นจนนาไปสู่การเปิดห้องไลน์ “ผู้ปกครองนายเรือ
�
ื
ี
ชมรมรักบ้” เพ่อการแลกเปล่ยนข้อมูลข่าวสารนามา
ี
ซึ่งความร่วมมือจนกลายเป็น “พลัง” อันยิ่งใหญ่ที่สร้าง
ั
ความแข็งแกร่งท้งด้านร่างกาย และจิตใจให้เกิดข้นกับ
ึ
ทีมรักบี้จนสามารถคว้าชัยชนะได้ส�าเร็จ
เบื้องหลังของกลุ่มผู้ปกครองนักรักบี้ ซึ่งหล่อหลอม
ึ
รวมกันเป็นหน่งเดียว และช่วยกันนาศักยภาพท่ตนเอง
ี
�
มีอยู่มาช่วยสนับสนุนกีฬารักบ้นายเรือ โดยเฉพาะการ
ี
สนับสนุนจากศักยภาพของกลุ่มเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียร่ง
ิ
จ�ากัด (มหาชน) โดยผู้ด�าเนินการคนหนึ่ง คือ บิดาของ
ี
่
ี
ั
ี
นักรักบ้ช้นปีท ๔ ท่ทุ่มเทสุดตัวจนกลุ่มผู้ปกครองชมรมรักบ ้ ี
ั
นายเรือเป็นปึกแผ่นท้งด้านงบประมาณ และความร่วมมือ
ซงเรองนมีความเป็นมาอย่างไร ผ้เขยนขออนญาตนาคา นนร.วิจิตร ศิริชัยสุทธิกร หัวหน้าทีมรักบี้ชูถ้วยชนะเลิศ
�
่
ี
ู
�
่
ื
้
ุ
ึ
ี
บอกเล่าบางส่วนของคุณอรัญญาภรณ์ เตชะเจริญวงศ์ เม่อสอบถามผู้ปกครองท่านอ่น ก็ทราบว่ายังไม่เคยมีการ
ื
ื
มารดาของ นักเรียนนายเรือพันธกานต์ เตชะเจริญวงศ์ รวมกลุ่มผู้ปกครองชมรมรักบี้นายเรือมาก่อน
ชั้นปีที่ ๒ นักเรียนนายเรือ รุ่น ๑๑๖ มาถ่ายทอดไว้ดังนี้ แม่กระทิง (ชื่อในไลน์ของดิฉัน) ก็เลยคิดว่าอยากจะ
ิ
“จุดเร่มต้นของการรวมตัวผู้ปกครองนายเรือชมรม รวบรวมผู้ปกครองที่ลูกอยู่ชมรมรักบี้ มาช่วยกันดูแลหาก
ิ
�
ี
้
รักบ สืบเน่องมาจากการท่ดิฉันได้ไปเชียร์รักบ้นายเรือท ี ่ ลูก ๆ ของเราว่ามีส่งใดขาดเหลือ และมีความจาเป็น
ี
ี
ื
โรงเรียนนายร้อยสามพรานแข่งกีฬาเหล่า เมื่อปีที่ผ่านมา จะได้เพิ่มเติมให้
นาวิกศาสตร์ 45
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ั
ั
แม่กระทิงก็เลยต้งไลน์กลุ่มผู้ปกครอง ชมรมรักบ ้ ี จากน้นแม่กระทิงก็ติดต่อ “พ่ไน้ซ์” นนร.วิจิตร
ี
ื
ั
ึ
ี
ทหารเรือข้นมา แล้วเชิญเพ่อนผู้ปกครองท่ได้พบกัน ศิริชัยสุทธิกร ช้น ๕ หัวหน้าทีมรักบ้ว่าอยากได้การ
ี
เข้ากลุ่ม จากน้นก็นาบัญชีออมทรัพย์ท่เป็นช่อตนเอง สนับสนุนอะไรบ้าง
ื
ี
�
ั
ี
ี
�
ิ
มาขอรับเงินสนับสนุน ระบุเลยว่าบัญชีธนาคารหมายเลขน ี ้ พ่ไน้ซ์ ตอบว่า ส่งท่จาเป็นและเป็นความต้องการ
สงวนไว้เพื่อใช้ในกิจกรรมชมรมรักบี้เท่านั้น คือ อยากให้นักกีฬาได้ด่มเกลือแร่บารุงกาลังในช่วง
ื
�
�
ทันทีท่ประกาศไป เงินสนับสนุนก้อนแรกจานวน แข่งขัน ส่วนท่เหลือตอนซ้อมก็ให้ด่ม “นาเปล่า”
�
ี
�
ี
ื
้
๓,๐๐๐ บาท จาก คุณอภิศักร ท่าทราย โอนมาเขาบัญชี เพื่อความประหยัด
้
อย่างรวดเร็วทันใจ แม่กระทิงจึงอุ่นใจว่า อย่างน้อยเราก็ม ี “น�้าเปล่าเหรอ”
เงินซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่ให้ลูก ๆ เราบ้างแล้ว แม่กระทิงไม่อยากเชื่อหู
ทุนประเดิมจากเพ่อนผู้ปกครอง ทาให้แม่กระทิง “ใช่ครับ...”
ื
�
มีก�าลังใจมากขึ้น และมั่นใจว่าจิตอาสาพาทีมนายเรือไปให้ พี่ไน้ซ์ตอบหนักแน่น
้
ถึงฝันคงไม่ไกลเกินเอ้อม เพราะหากหาเงินไม่ได้จริง ๆ ก็จะ “ท่ผ่านมาเรามีนาด่มท่รองจากก๊อกใส่ถัง เวลาซ้อม
ี
ื
�
ี
ื
ิ
ั
ี
้
ี
ี
ขอให้ คุณอภิศักรฯ ผู้ปกครอง นนร. รุ่น ๑๑๔ ท่เป็น หรอแข่งกหวมาข้างสนามบางทมแถมเศษดินกบใบหญ้า
ื
็
ุ
่
่
็
่
ั
ี
ั
นกรกบนละชวยเปนแกนหลก เพราะทานยนยนวาไดคย ให้นักกีฬาได้กินด้วย” (ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
ั
ี
้
ั
ื
้
่
ี
่
ี
กับคุณเสวก ศรีสุชาต กรรมการบริหารของเพาเวอร์ไลน์ แต่แม่กระทิงไม่ขาด้วยตามทพไน้ซ์วงเลบมา
�
็
่
แล้ว และได้ “ไฟเขียว” ให้เพาเวอร์ไลน์สนับสนุนทีมรักบ ้ ี และถามย�้ากับพี่ไน้ซ์ว่า “ขอแค่นี้เหรอ”
นายเรือเต็มที่ คุณเสวกฯ แห่งเพาเวอร์ไลน์ เป็นผู้ใหญ่ที่มี “ครับ ขอแค่นี้”
ศักยภาพมากตามท่เราเล็งไว้แล้วว่า เป็นผู้ท่มีนาใจกว้างขวาง “อืมมม ขอน้อยจัง เรียบง่ายพอเพียง” แม่กระทิง
�
ี
้
ี
จนเป็นที่กล่าวขาน เอ่ยชม และรู้สึกประทับใจมากว่าโรงเรียนนายเรือสอน
ลูกศิษย์มาดี เรียนจบไปคงเป็นนายทหารที่ดีแน่
ี
ี
“แต่พวกเราอยากช่วยมากกว่าน้น่นา” แม่กระทิง
ิ
บอกและหว่านล้อมต่อไปว่าไม่ต้องเกรงใจ ผลก็คือส่งท ี ่
ี
พ่ไน้ซ์ขอเพ่มเติม คือ อาหารมาทานเสริมเฉพาะ “ม้อหลัก”
ิ
ื
วันละมื้ออีกอย่างหนึ่งเท่านั้น
ื
เม่อส่งท่ลูก ๆ นายเรือร้องขอ ถูกป่าวประกาศไป
ี
ิ
บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ชื่นใจมากที่ลูก ๆ สมถะ ไม่ละโมบ
เราจึงช่วยกันเต็มที่ แม้จะมีเวลาเตรียมการทุกอย่างเพียง
๒๐ วัน ก่อนถึงวันแข่งกีฬาเหล่าในปีนี้ก็ตาม
ี
แม่กระทิงประกาศในไลน์ตามหาผู้ปกครองท่ลูก
อยู่ในชมรมให้มาเข้ากลุ่มไลน์ ประกาศหาอาสาสมัคร
มาช่วย แล้วอะไรอะไรที่ช่างดีงามก็ตามมาไม่ขาดสาย
ชมรมได้ เสนาธิการ “ท๊อก” พันเอก จุฑา รังสิยานนท์
�
ผู้ปกครอง นนร. รุ่น ๑๑๖ อาสามาให้คาแนะนา
�
�
ื
เร่องโภชนาการสาหรับนักกีฬา ดึงเอา “ผู้พันเก่ง”
คุณอภิศักร มอบพระคติธรรม เพื่อเป็นกำาลังใจแก่คุณจันทิมา
และคุณสมบัติ พ่อครัวที่มาปักหลักทำาอาหารที่วัด นาวาโท กวีวัฒน์ เก่งการ จากโรงเรียนนายเรือเข้ามาในไลน์
นาวิกศาสตร์ 46
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
อาทิตย์แรก “เสนาธิการ ท็อก” ควักเงินจ่ายให้
ิ
ยังเหลืออีก ๔ อาทิตย์ งานเข้าละส เพราะต้องหาเงิน
ไปให้ นนร.วรพล ลิลา นนร. ช้น ๕ ซ่งเป็นหัวหน้า
ั
ึ
จ่ายเสบียงไปจัดซื้อไข่มาให้นักกีฬาให้ได้ตามตารางเวลา
ที่ก�าหนด
ื
้
ไข่กจะซอ นมกล่องก็อยากได้ อาหารกอยากทาเล้ยง
็
็
�
ี
แต่เงินก็ยังไม่มีพอ อีก ๑๐ กว่าวัน ก็จะถึงนัดเปิดสนาม
เร่งส่งข่าวขอเงินสนับสนุนเพ่มจากผู้ปกครอง ทีน้ไม่ใช่
ี
ิ
ขอแค่จากกลุ่มผู้ปกครองรักบ้เท่าน้น ผู้ปกครองพ่อแม่
ั
ี
ของ นนร. ที่รู้จัก ทั่วไปก็ขอ ได้มาเรื่อย ๆ ท่านละห้าร้อย
พันนึงจนถึงหลักหมื่น
พ.อ.จุฑาฯ สวมกอดให้กำาลังใจนักรักบี้
เพื่อให้ท่านได้แจ้งข่าวสารข้อมูลเป็นที่ปรึกษาให้เรา และ
ทีมรักบ้ได้คุณแม่หน่อย “จันทิมา พิศเพ็ง” และ
ี
“คุณพ่อหนึ่ง” ผู้ปกครอง นนร. รุ่น ๑๑๗ ที่มีฝีมือในการ
ั
ทาอาหารระดับมิชลินเป็นผู้ใหญ่ใจดีเสียสละเวลาน่ง
�
รถบัสจากโคราชมาทาอาหารให้ ต้งแต่วันแรกท่เปิด
ั
ี
�
การแข่งขันจนวันชิงชนะเลิศ
ี
นอกจากน้ยังได้แม่ปุ๊ก “อลิสา ทรงวศิน” ผู้ปกครอง
้
ื
�
นนร. รุ่น ๑๑๗ ช่วยขอการสนับสนุนนาด่มสะอาด
ั
ั
“ตราสงห์” มาไว้ให้นกกฬาดมตลอดระยะเวลา ตงแต่
ิ
้
ื
่
ี
�
้
ซ้อมจนจบการแข่งขัน ทาให้สบายใจว่าลูก ๆ ไม่ต้องด่มนา
ื
�
ิ
ี
�
จากถังห้วท่มีเศษหญ้าปน อีกท้งเราไม่ต้องจ่ายค่านาด่ม คุณจันทิมา เพ่งพิศ หนึ่งในแม่ครัวกับลูกชาย นนร.ชัยชนะ
้
ั
ื
ท�าให้ประหยัดไปเยอะเลย
จากนั้นเป็นการระดมทุนหาค่า “ไข่” มาให้นักกีฬา การรวมพลังของผู้ปกครองครั้งนี้ ท�าให้ชมรมรักบี้ได้
ทานเพ่อสร้างกล้ามเน้อจากโปรตีนไข่ (เสียดายไม่มีใคร ยอดเงินสนับสนุนรวมทั้งหมด ๗๕,๓๑๐ บาท ใช้จ่ายเงิน
ื
ื
ี
อย CP หรือประสานไป ไม่ง้นคงได้ไข่ CP มาแน่...ฮ่า ฮ่า ฮ่า) ก้อนน้ซ้ออาหารมาเล้ยงนักกีฬาวันละม้อหลังแข่ง เม่อได้
ื
ื
ี
ื
ั
ู่
เร่องน้ไม่ง่ายนะคะ เพราะต้องหาเงินมาจ่ายค่าไข่ เงินแล้ว ได้แม่ครัวแล้ว แม่กระทิงก็หารถไปขนเคร่องครัว
ี
ื
ื
ี
ี
ี
ี
อันเป็นอาหารเสริมท่ไม่ใช่สารกระตุ้น ตามท่ประมาณ ท่ชมรมได้รับบริจาคมาจากท่านอภิศักรฯ เอาไปไว้ท่โรงครัว
การไว้ทีมรักบี้ต้องกินต่ออาทิตย์ประมาณ ๘,๔๖๐ ฟอง “วัดเขาคอก” ซึ่งเป็นที่เก็บตัวทีมรักบี้และผู้ปกครอง
ตกเป็นเงินก็ ๗,๔๐๐ บาทต่อสัปดาห์ ต้องกินไข่ทั้งหมด เราขอใช้โรงครัววัดเป็นแหล่งผลิตเสบียงอาหาร
๕ อาทิตย์ ไปเลี้ยงชมรมรักบี้ทั้งหมด ๘๐ นาย กลางวันก็ท�าอาหาร
นาวิกศาสตร์ 47
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ั
ี
�
ั
ี
ื
ั
ให้ชมรมด้วย พร้อมกบทาภตตาหารถวายเพลพระท่วด แม้ในวันท่สองลูกจะแพ้แต่เราก็ได้เห็นชัยชนะเพ่อ
�
ี
ด้วย ดีนะได้ทากุศลเสริมบุญให้ลูก ๆ (น่ถ้ามีปล่อยวัว เก็บแต้มสะสมในวันต่อมา จนท้ายที่สุดลูก ๆ คว้าชัย
ไถ่ชีวิตคงเพิ่มพลังลี้ลับให้ลูก ๆ เราพุ่งเข้าแท็กเต็มก�าลัง เป็นทีมชนะเลิศในปีน ถ้วยรางวัลท่ได้มาคุ้มค่าจริง ๆ
ี
้
ี
แบบวัวชนแน่นอน...ฮ่า ฮ่า ฮ่า) ตอนน้ยังได้ยินเสียงเชียร์ดังก้องอยู่ในใจอยู่เลยนะว่า
ี
ื
เม่อยุทธการเปิดฉาก ทุกวันตอนเช้ามืดพวกแม่ ๆ “ดัน นายเรือ ดัน .....”
กไปตลาดสดซ้อของมาช่วยกันทาอาหาร กลางคืนเราก ็ “โดด นายเรือ โดด....”
ื
�
็
นอนท่วัด เป็นการประหยัดค่าโรงแรมไปเยอะ ท่นอนก ็ แม่กระทิงขอขอบพระคุณผู้ปกครองทุก ๆ ท่าน
ี
ี
ี
แบบเดียวกับที่ลูก ๆ นอนในโรงเรียนที่เก็บตัวเลยค่ะ คือ ท่ได้ร่วมมือกันอย่างเต็มท โดยเฉพาะผู้ปกครองหลายท่าน
ี
่
ี
นอนบนเส่อกกผืนบาง ๆ แข็ง ๆ หมอนก้อนส่เหล่ยมเล็ก ๆ ท่เสียสละเวลาจากหน้าท่การงานมาดูแลลูก ๆ และ
ี
ื
ี
ี
ผ้าห่มผืนบาง ๆ ช่วยกันในด้านต่าง ๆ ได้ส่งเสียงเชียร์ไปพร้อม ๆ กับลูก ๆ
เราไปดูมาแล้วว่าลูกนอนอย่างไร เราก็นอนแบบ จนกระท่งได้เห็นทีมรักบ้นายเรือประสบผลสาเร็จอย่าง
�
ั
ี
ี
ี
เดียวกัน แถมในช่วงเดียวกับท่เรานอนวัดม “โลงศพ” น่าภาคภูมิใจ
ที่มีคนน�ามาบริจาคให้กับทางวัด ตั้งวางข้างที่นอนอีกด้วย
เราท�าใจกล้าไปนับโลงดูก็นับได้ ๑๑ โลง
เอาน่า... ยอมนอนใกล้โลง แม้จะกลัวผีไม่กี่คืน เพื่อ
้
ิ
ิ
ื
ู
ชมรมรกบนายเรอของลก ๆ อยากใหเขากนอมนอนหลบ
ี
ั
ั
่
้
มีกาลังใจ จะได้คว้าชัยชนะมาเพ่อเป็นเกียรติแก่ชมรม
ื
�
แก่โรงเรียนนายเรือ แก่ตัวนักกีฬา มอบชัยชนะให้
ื
ี
ราชนาว และเพ่อเราพ่อแม่นักเรียนนายเรือจะได้ขอปล้ม
ื
ลูก ๆ ไปด้วย
ี
ื
แม้อาหารม้อหลักจะเป็นม้อเย็น แต่เราก็เล้ยงอาหาร
ื
ี
ี
เท่ยงในวันท่พักไม่มีการแข่ง แถมผู้ปกครองหลายคน
ยังช่วยกันหอบห้วขนมเค้ก พิซซ่า มาให้บ้าง บางวันม ี
ิ
ผลไม้จากสวนของพ่อแม่ เช่น เงาะ ลองกอง กล้วยหอม
มะม่วง ฯลฯ มาสมทบเป็นทัพเสริม
การได้เห็นลูก ๆ ทานอาหารที่เราจัดให้แก่ทีมรักบี้ ทีมรักบี้ขณะรับประทานอาหารฝีมือพ่อแม่ โดยมีเจ้าตูบรอส่วนแบ่ง
จ�านวน ๘๐ กว่านายด้วยสายตาตนเอง เป็นโอกาสที่หา ผู้ปกครองหลายท่านพูดเหมือน ๆ กันว่า เราท�างาน
ไม่ได้ง่าย ๆ ทุกคนทานอาหารท่เราทาไปให้หมดเกล้ยง กันท้งปี แต่ลูก ๆ แข่งกีฬาแค่ ๒ อาทิตย์ เวลาท่จะทางาน
ั
ี
�
�
ี
ี
ี
ทุกมื้อ ท�าให้หัวใจเป็นสุขอิ่มเอม มีอีกมาก แต่เวลาท่จะได้เคียงข้างลูกเช่นน้มีน้อยนิด
ี
ึ
ทุกวันน้ยังไม่ลืมภาพในวงอาหารซ่งทุกคนทานกัน ถ้าเทียบกับเวลางานของเรา ฉะน้นมันเป็นเวลาท่หาได้ยาก
ี
ั
ี
ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยมาก เราได้ถ่ายภาพลูก ๆ กาลัง และคุ้มค่ามากส�าหรับการตามไปเชียร์ลูก ๆ
�
ทานอาหาร ถ่ายภาพตอนซ้อมในสนามและในวันจริง “ปีหน้าโรงเรียนนายเรือเป็นเจ้าภาพกีฬา ๔ เหล่า
ี
ส่งไปให้ผู้ปกครองบ้านไกลได้เห็นอีกด้วย แม่กระทิงหวังว่ากลุ่มผู้ปกครองชมรมรักบ้กลุ่มเล็ก ๆ
้
ี
�
�
ทุกอย่างท่กล่าวมา คือ ความรักความผูกพันและ ของพวกเราจะได้ร่วมกันทาหน้าท่เป็นอู่ข้าวอู่นาให้กับ
ี
�
ความสุขท่ได้ทาเพ่อลูก ๆ ได้ไปเห็นลูก ๆ แข่ง ได้ไปเชียร์กีฬา ทีมรักบี้นายเรืออีกนะคะ”
ื
ี
นาวิกศาสตร์ 48
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓