The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2021-10-28 00:49:56

นาวิกศาสตร์ มิถุนายน ๒๕๖๔










“…การจะทางานในหน้าท่ของตารวจให้ได้ผลสมบูรณ์นน จะตองอาศัยศรทธาความเช่อถือ ท้งของตน


และของผ้อ่น. หมายความว่า ตารวจจะต้องมีศรัทธาเช่อม่นในตนเอง ในงานท่ปฏิบัติ ในกฎหมาย





ในชาติบ้านเมือง และในคุณธรรมความถูกต้อง ท้งต้องได้รับศรัทธาความเช่อถือจากผ้อ่น ไม่ว่าจะเป็น



เพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และสำาคัญที่สุด คือประชาชนด้วย. …”
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ผู้สำาเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำารวจ
ประจำาปีการศึกษา ๒๕๖๒
ณ โรงเรียนนายร้อยตำารวจ อำาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
วันอังคาร ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓


เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา


สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ทรงพระเจริญ






ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการราชนาวิกสภา


นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท เคารพ แหลมคม

รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี จิรพล ว่องวิทย์
กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท อุทัย โสฬศ
พลเรือโท มนต์เดช พัวไพบูลย์
พลเรือตรี สุรสิงห์ ประไพพานิช
พลเรือตรี บัญชา บัวรอด
พลเรือตรี คณาชาติ พลายเพ็ชร์
พลเรือตรี วราณัติ วรรธนผล ปกหน้�
พลเรือตรี สรไกร สิริกรรณะ
พลเรือตรี วิสาร บุญภิรมย์
พลเรือตรี สุนทร คำาคล้าย
พลเรือตรี ดนัย สุวรรณหงษ์
พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ
พลเรือตรี ประสาน ประสงค์สำาเร็จ

กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ
เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุขกิจ พลัง
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรือโท สมัย ใจอินทร์ ปกหลัง

พลเรอโท วรพล ทองปรีชา ข้อคิดเห็นในบทคว�มท่นำ�ลงนิตยส�รน�วิกศ�สตร์เป็นของผ้เขียน



พลเรอโท มนตรี รอดวิเศษ มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบ�ยของหน่วยง�นใดของรัฐและมิได้ผูกพัน



พลเรอโท อำานวย ทองรอด ต่อท�งร�ชก�รแต่อย�งใด ได้นำ�เสนอไปต�มท่ผ้เขียนให้คว�มคิดเห็น








พลเรอโท กตัญญู ศรีตังนันท์ เท�น้น ก�รกล�วถึงคำ�ส่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข�วส�รเบ้องต้น
บรรณาธิการ เพื่อประโยชน์แก่ก�รค้นคว้�
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ ปกหน้า พระฉ�ย�ลักษณ์ สมเด็จพระน�งเจ้�ฯ พระบรมร�ชินี
ผู้ช่วยบรรณาธิการ
นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา ปกหลัง ภ�พดอกเอเดลไวส์ ดอกไม้ประจำ�องค์ร�ชินี
ประจำากองบรรณาธิการ
นาวาเอก ก้องเกียรติ ทองอร่าม ออกแบบปก กองบรรณ�ธิก�ร
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง พิมพ์ที่ กองโรงพิมพ์ กรมส�รบรรณทห�รเรือ
เจ้าของ ร�ชน�วิกสภ�
นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี ผู้พิมพ์ น�ว�เอก ก้องเกียรติ ทองอร่�ม
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด สำ�นักง�นร�ชน�วิกสภ�
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริร�ช เขตบ�งกอกน้อย
กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
เรือเอกหญิง สุธิญา พูนเอียด ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น ส่งข้อมูล/ต้นฉบับได้ที่ [email protected]
เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน อ่�นบทคว�มเอกส�รอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ WWW.RTNI.ORG


สารบัญ



คลังความรู้ คู่ราชนาวี

ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ ประจำ เดือน มิถุนายน ๒๕๖๔

ลำ ดับเรื่อง ลำ ดับหน้า

บรรณ�ธิก�รแถลง .........................................................................๐4
เรื่องเล่�จ�กปก ..............................................................................๐5
ผู้บังคับก�รเรือมือใหม่ (ตอนที่ ๒)..................................................06
นาวาโท วีรุตม์ ฉายะจินดา
ย้อนรอยศึกบ้�นชำ�ร�ก พลเรือเอก ธนก�ญจน์ ใคร่ครวญ (ตอนจบ).....14
พันทิวา
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับยุทธศ�สตร์ช�ติและยุทธศ�สตร์
ระดับรองที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ (ตอนที่ 1)..............................22
พลเรือเอก ศุภกร บูรณดิลก

หลักนิยม ก�รยุทธสะเทินนำ�สะเทินบกน�วิกโยธิน
สหรัฐอเมริก� จ�กอดีตถึงปัจจุบัน..................................................42
นาวาตรี วีรกมล สวนจันทร์ “ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับยุทธศ�สตร์ช�ติและยุทธศ�สตร์

ภ�วะผู้นำ�กับก�รปฏิบัติก�รเป็นทีมในเรือดำ�นำ�.............................49 ระดับรองที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ (ตอนที่ 1)”
นาวาโท สุระ บรรจงจิตร
ส�มก๊กที่วิทย�ลัยก�รทัพเรือ..........................................................56
พลเรือโท พัน รักษ์แก้ว
บอกผมที “แบบนี้ผิดหรือถูก”........................................................66
สำ�นวนช�วเรือ ...............................................................................67
เรื่องเล่�ช�วเรือ ..............................................................................69
ข่�วน�วีรอบโลก ............................................................................70
ภ�พกิจกรรมกองทัพเรือ ................................................................74 “หลักนิยมก�รยุทธสะเทินนำ�สะเทินบกน�วิกโยธิน

ก�รฌ�ปนกิจสงเคร�ะห์แห่งร�ชน�วี ............................................82 สหรัฐอเมริก� จ�กอดีตถึงปัจจุบัน”

ม�ตร�นำ� เดือน สิงห�คม ๒๕๖๔
เวล�ดวงอ�ทิตย์ - ดวงจันทร์ ขึ้น - ตก
เดือน กรกฎ�คม - สิงห�คม ๒๕๖๔...............................................84











“ส�มก๊กที่วิทย�ลัยก�รทัพเรือ”









นาวิกศาสตร นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค เพ่อเผยแพร ่



วิชาการและข่าวสารทหารเรือท้งในและนอกประเทศ ตลอดจนวิทยาการอ่น ๆ
ทั่วไป และเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ ของกองทัพเรือ


ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร�า ๆ (จริง ๆ แล้วเดือนแบบไทยก็เดือนเจ็ดแล้วน่ะครับ) ปีนี้เราจะเข้าสู่ปรากฏการณ์



ลานีญา เป็นปรากฏการณ์บรรยากาศมหาสมุทรคู่กัน ซ่งเกิดข้นคู่กับเอลนีโญอันเป็นส่วนหน่งของเอลนีโญ ความผันแปร


ของระบบอากาศในซีกโลกใต้ ในช่วงท่เกิดลานีญา อุณหภูมิพ้นผิวนาทะเลตลอดมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางตะวันออก







แถบเส้นศูนย์สูตรจะตากว่าปกต ลานีญากาเนิดจากภาษาสเปน หมายถึง “เด็กหญิง” คล้ายกับเอลนีโญท่หมายถึง



“เด็กชาย” ซ่งไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชาย ก็จะเข้ามาแวะเย่ยมเยียนบ้านเราสลับกันไป เด็กท้งสองคน ก่อให้เกิด
ผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศของโลก ความแปรปรวนของกระแสลมและการไหลเวียนของกระแสนาท่ผันผวน



อาจส่งผลให้เกิดการเปล่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง เกิดภัยธรรมชาติท่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอย ู่



ของท้งสัตว์ทะเลและมนุษย์ โดยเฉพาะชาวประมงพ้นบ้านท่ยังคงพ่งพาทรัพยากรทางทะเลเป็นแหล่งอาหารและ



แหล่งรายได้หลัก และถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา

แต่ในช่วงใดก็ตามท่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญข้น อุณหภูมิภายในประเทศไทยอาจเพ่มสูงข้นกว่าระดับปกต และ





อาจเกิดสภาพอากาศแปรปรวนในบางพ้นท ในบริเวณท่เคยมีฝนตกชุกอาจต้องเผชิญกับความแห้งแล้งฉับพลัน หรือ














ในพ้นท่ท่ขาดแคลนนาฝนอาจเผชิญกับพายุฝนรุนแรง ทหารเรือท่ประจาการอยู่ตามพ้นท่ต่าง ๆ ก็จะมีหน้าท่ท่จะคอย
ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพราะเราคือ กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทย จะเข้าสู่ฤดูฝน ส�าหรับ กทม.ก็จะมีของแถมจากการเปียกปอนก็คือรถติด ยกเว้น



พ้นท่ทางใต้กว่าจะเข้าฤดูฝนท่ตกแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ประมาณปลายปี ธรรมชาติมอบความเย็นฉาผ่านมากับเม็ดฝน


ให้โลกได้สดชื่น ต้นไม้ใบหญ้าได้เจริญงอกงาม อยากจะบอกว่าการด�ารงชีวิตในแต่ละวันนั้น ไม่สามารถรอฟ้ารอฝน
ให้เป็นใจได้ครับ เราด�าเนินชีวิตอยู่ใต้ฟ้ามีชายคาคอยป้องกันแดดฝน หากเรายังยึดติดอยู่ว่าฝนที่ตกลงมาจากฝากฟ้า

เป็นอุปสรรคในการดาเนินชีวิต เราจะต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าในทุกขณะการดาเนินชีวิตของเราไปอย่างน่าเสียดาย

ฤดูฝนหมุนเวียนมาแค่ปีละหน แวะเวียนมาให้ทุกคนได้เย็นฉาสุขกายสบายใจ ฝนตกเราก็กางร่ม มนุษย์สร้างส่ง



เพื่อปกป้องตัวเองได้ดีเสมอมาเพื่อความอยู่รอด สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ล้วนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด วัคซีนป้องกัน
ไวรัสโควิด-19 ก็คือทางรอดของมวลมนุษย์ ไปฉีดกันเยอะ ๆ ทั้งตัวเองและครอบครัวด้วยครับ เชื่อในสิ่งที่หมอบอก
ไม่มีใครจะรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าบุคลากรทางการแพทย์แล้วครับ
คนชอบฟังเสียงฝน ชอบนั่งมองสายฝน ชอบกลิ่นดินตอนฝนตกใหม่ ๆ ชอบที่เห็นน�้าในแม่น�้าเต็ม ชอบที่ได้เห็น



ความอุดมสมบูรณ์ท่มีเพราะฝน แต่กลับไม่ชอบตัวเปียกเพราะฝน ไม่ชอบฝนตกทาให้รถติด เน้อตัวเปียก รองเท้าเปียก


ผ้าไม่แห้ง ส่งท่เราชอบเราแค่ชอบท่จะเฝ้าด ท่จะฟังเสียง โดยไม่ต้องไปสัมผัส ในแต่ละส่งมักจะมีข้อดีและข้อเสีย




เราต้องอยู่และยอมรับกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้ ความสุขนั้นเราสามารถสร้างได้ด้วยตนเอง แค่เราลุกขึ้นมาท�าสิ่งดี ๆ ให้กับ
ตัวเราเอง ลืมความเศร้า ความเหงาไปให้หมด........ขอให้สุขกายสบายใจในวันที่ฝนพร�ากันนะครับ
Let’s get lost in a world made of books, coffee and rainy days


กองบรรณาธิการ



ปกหน้า - ปกหลัง : ๓ มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชิน ี

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า กองบรรณาธิการนาวิกศาสตร์





























เม่อคร้งสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชิน เสด็จฯ ทรงเย่ยมราษฎรชาวจังหวัดเชียงใหม่



และพ้นท่ใกล้เคียง ซ่งมารอเฝ้าฯ รับเสด็จและช่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัย







ราชภัฏเชียงใหม่ เม่อวันท ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ระหว่างท่ทอดพระเนตรนิทรรศการมูลนิธิโครงการหลวง


สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชิน ทรงมีพระราชดารัสช่นชมเจ้าหน้าท่โครงการหลวงท่ประสบความสาเร็จ




ในการเพาะพันธุ์ดอกเอเดลไวส์ว่าในอนาคตข้างหน้าคนไทยไม่ต้องไปช่นชมดอกไม้พันธุ์น้ไกลถึงยุโรป





แค่มาท่โครงการหลวงก็สามารถช่นชมความงดงามของดอกเอเดลไวส์ได้แล้ว อน่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชิน ี



ทรงสนพระทยงานวจยทมความหลากหลายโดยเฉพาะการเพาะพนธ์ดอกไม้เมองหนาวอย่างดอกเอเดลไวส์






“ดอกเอเดลไวส์” Edelweiss เป็นดอกไม้ประจาชาติสวิสเซอร์แลนด์ เป็นพันธุ์ไม้ท่พบในเขตหนาวหรือเขตอบอุ่น


ในประเทศโซนยุโรป และเป็นดอกไม้ท่น่าหลงใหลแห่งเทือกเขาแอลป์ Edelweiss เป็นไม้ดอกขนาดเล็ก ความหมายของ






ดอกไม้น้คือ “รักแท้” เพราะเช่อกันว่าชายใดหากมอบดอกไม้น้แก่หญิงสาวน่นหมายถึงเขามีความม่นคง มีความพยายาม

เน่องจากดอกไม้น้จะบานเพียงปีละ ๓ คร้ง อีกท้งว่ากันว่าหากเด็ดดอก Edelweiss มาแล้วรูปร่างของดอกจะ



ไม่เปลี่ยนแปลง หรือเหี่ยวเฉา



พระองค์ได้พระราชทานเมล็ดพันธุ์ให้แก่มูลนิธิโครงการหลวงเม่อวันท ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ เพ่อนาไปวิจัย


และพัฒนาร่วมกับศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพทางด้านพืช ซ่งฝ่ายงานวิจัยและพัฒนาได้ดาเนินการเพาะเลี้ยงเน้อเย่อ และ




พัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตในสภาพปลอดเชื้อเพื่อขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณต้น และเก็บรักษาพันธุ์



เม่อต้นกล้าเจริญเติบโตแข็งแรงและมีระบบรากท่สมบูรณ์ จึงนาออกปลูกและอนุบาลในโรงเรือนสภาพปิด ป้องกันแมลง





จากน้นนาต้นกล้าไปทดสอบปลูกเล้ยงในพ้นท่ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และสถานีวิจัยพบว่าต้นเอเดลไวส์
สามารถเจริญเติบโต และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
นาวิกศาสตร์ 5
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ตอนที่ ๒




















การฝึกอุดปะค�้าจุนในพื้นที่แคบ
การสถานีเรือ แนวความคิดน้จะเป็นจริงได้ก็หมายถึงทุกคนต้อง







โชคดีอีกประการหนงของผ้เขยนคอ ได้มโอกาส ช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน จะต้องไม่มีคนว่าง ซึ่งก็

ผ่านการฝึก และปฏิบัติงานบนเรือมาหลากหลายประเภท หมายถึงหลายคนจะต้องมีหน้าท่รอง หรือ Secondary Job

ท้งเรือขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ท้งเรือผิวนา เช่น ในสถานเทยบ - ออกจากเทยบ พนจ่าพยาบาล







และเรือด�าน�้า ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มีความแตกต่างคือ ระบบยาม ต้องทาหน้าท่เลเซอร์วัดระยะ และสามารถทาหน้าท ่ ี



และการสถานีต่าง ๆ รวมทั้งจากประสบการณ์ในหน้าที่ ถือท้ายอะไหล่ได้ ก�าลังพลเหล่าไฟฟ้าอาวุธต้องสามารถ

ต้นเรือท่ผ่านมา ซ่งแนวความคิดท่ผู้เขียนมองว่าเป็น เป็นผู้ใช้งาน Console ระบบอ�านวยการรบ และระบบ










คาตอบทเหมาะสมคอ “ทางานให้น้อยทสด พกให้มาก หาที่เรือบนสะพาน หรือถ้าว่างจริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องมา





ทสุด !!!” เพราะมนษย์เราถ้าย่งได้พกมากก็จะทาให้ ช่วยเข้าเชือกหรือว่งลูกตะเพรา ซ่งแม้จะต้องมีการอบรม







ความตรากตราน้อยลง สามารถปฏิบัติงานได้นานข้น ความรู้พ้นฐานและการใช้งานอุปกรณ์เพ่มเติมแต่ผลท ี ่

มีประสิทธิภาพมากข้น ผิดพลาดน้อยลง และปลอดภัย ได้รับก็คุ้มค่า คือเรือของเราสามารถแบ่งก�าลังพลได้เป็น

มากขึ้น ยามเรือเดินถึง ๔ ผลัด ซ่งส่งผลให้ทุกคนได้รับการพักผ่อน

นาวิกศาสตร์ 6
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ที่เพียงพอในเวลากลางคืนในทุก ๆ คืน แม้แต่ยามเที่ยงตี ผู้เขียนจัดสถานีเรือด้วยความสนุกสนาน (หลายคน



ท่ถือว่าโหดสุดก็จะสามารถมีเวลานอนได้ต้งแต่ ๗ ถึง อาจแย้งว่าเป็นหน้าท่ของต้นเรือ แต่งานน้ผู้เขียนได้

๙ ชั่วโมง ถ้ารีบเข้านอนตั้งแต่หัวค�่าโดยไม่โอ้เอ้ แน่นอนว่า ขออนุญาตแบ่งเบาภาระอันมหาศาลของต้นเรือรับเรือท ี ่


ต้องมีการปรับระเบียบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น เลิกระบบ ต้องวางระบบอ่น ๆ และกากับดูแลงานอ่น ๆ ในรายละเอียด




ประกาศต้งแต่ ๑๙๐๐ และกาหนดเวรทาความสะอาด อีกมากมาย) นอกจากน้นในการจัดสถาน All Hand


ให้ยามผลัดท่เหมาะสมเป็นผู้ดาเนินการ นอกจากน้น อ่น ๆ ก็ได้ม่งเน้นแนวทางเดิมคือ ทุกคนต้องช่วยกัน










ยังช่วยให้การปรับระดับความพร้อมจากยามเรือเดิน ๔ ผลัด สงผลให้ทกรายละเอียดได้รบการเตมเต็ม เช่น เรอของเรา
เป็นยามรบ ๒ กราบ สามารถท�าได้อย่าง “อ่อนตัวและ มีนักว่ายนาช่วยชีวิตกับเรือยนต์ท่พร้อมลงนาตลอดเวลา






ตลอดเวลา” ตามความต้องการของสถานการณ์ทางยุทธวิธ ี ในสถานีช่วยคนตกนา สถานีตรวจค้น สถานีชักหย่อน

โดยไม่มีก�าลังพลส่วนหนึ่งส่วนใดต้อง “ควงยาม” ที่อาจ เรือยนต์ หรือแม้แต่สถานีรับ – ส่งอากาศยาน รวมท้ง

ยาวนานถึง ๑๐ ช่วโมง ท่จะเกิดข้นหากใช้การปรับระดับ ในยามแตละกราบมชดตรวจคนพรอมใชงานทงบนเรอใหญ ่












ความพร้อมจากยามเรือเดิน ๓ ผลัด เป็นยามรบ ๒ กราบ และเรือเล็ก เป็นต้น
ยามเรือเดิน (ยาม ๔ ผลัด) บนสะพานเดินเรือ
















สะพาน และศูนย์ยุทธการขณะประจ�าสถานีรบ บนสะพานทุกคนต้องใส่หมวกเหล็กเพื่อป้องกันอันตรายจากกระสุนและสะเก็ดระเบิด
ส�าหรับก�าลังพลที่ใส่ Anti Flash Gear คือผู้ที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ชุดดับไฟเร่งด่วน


นาวิกศาสตร์ 7
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


เรือครู และเพื่อนร่วมเรือ ให้ได้แม้ร่างกายจะอ่อนล้าสักเพียงใด




ภารกิจแรกของเราคือ การฝึกภาคทางใช้การในทะเล ซ่งการท่จะฝึกนักเรียนให้มีคุณลักษณะเช่นน อาจไม่ได้

ของนักเรียนจ่า มาด้วยการลงโทษ หรือออกกาลังกายท้ายเรือเสมอไป
ถ้าโรงเรียนนายเรือคือแหล่งผลิตรากแก้วของ ผู้เขียนมองว่าการปฏิบัติงานในเรือมีลักษณะผสมผสาน
กองทัพเรือ โรงเรียนชุมพลทหารเรือและโรงเรียนจ่าต่าง ๆ ระหว่าง Tactician และ Technician ท่สามารถปฏิบัติงาน

ก็คงไม่ต่างอะไรกับแหล่งผลิตกระดูกสันหลัง มือไม้ และ ตรากตร�าได้อย่างยาวนาน

แขนขาของกองทัพเรือ แน่นอนว่ามันต้องมีการปรับความคิดของกาลังพล




ด้วยความท่ได้มีประสบการณ์ในการทาหน้าท่ครูฝึก ประจาเรือพอสมควร แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือด้วยด ี



มาหลายหลักสูตร ผู้เขียนจึงรับมอบภารกิจน้ด้วยความ นักเรยนจ่าได้รบการอบรมโดยเน้นส่งทเขาไม่สามารถ





ยินด เช่นเดียวกับกาลังพลประจาเรือท่จะได้มีน้อง ๆ ทาได้ในห้องเรียนท่โรงเรียนคือ การทดลองการปฏิบัต ิ







มาทาการฝึกท่เรือ โดยผู้เขียนได้มอบนโยบายกับกาลังพล งานจริง ทดลองใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ บนเรือ การฝึกภาคทะเล
ว่านักเรียนจ่าจะต้องไม่มีวันลืมการฝึกภาคทะเลในคร้งน ้ ี ต้องไม่ใช่การยกห้องเรียนจากบนบกมาบนเรือเพ่อ







ภาพความสาเร็จท่ผู้เขียนแจ้งกับนายทหารและ น่งเรียนทฤษฎีที่ยืดยาวในขณะท่เรือแล่นใช้นามันเช้อเพลิง


กาลังพลประจาเรือคือ ต้องให้นักเรียนจ่าเห็นภาพ ไปโดยสูญเปล่า แต่ควรเป็นบทเรียนท่กระชับเน้นการ









การปฏิบัติงานจริง เน้นยาว่าการปฏิบัติงานจริงภายในเรือ นาไปสการปฏบตจรง และเนนการเรยนภาคทฤษฎเฉพาะ










และได้ทดลองทาส่งท่ควรจะต้องทาได้ซ่งก็คือ หน้าท ี ่ ท่จาเป็นขณะเรือจอด เพ่อให้สามารถใช้เวลาเรือเดิน




ความรับผิดชอบพ้นฐานของจ่าตรีใหม่ท่บรรจุลงปฏิบัติงาน ในการฝึกปฏิบัติให้มากท่สุด การลงโทษเกิดข้นเฉพาะ




ในเรือนั้นเอง ดังนั้นหากต้องการให้น้อง ๆ ท�าอะไรเป็น เมื่อมีความผิดจริง ๆ เท่านั้น
ก็ควรสอนเขาตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหลังจากนี้อีกไม่กี่เดือน นักเรียนจ่าทุกคนได้รับการแจกหมายเลขสถานีเรือ






นกเรยนจ่าช้นปีท ๒ กจะจบออกมาทางานในเรือแล้ว เพื่อให้ไปรายงานตัวและฝึกกับ “พี่เลี้ยง” ที่มีหมายเลข

มนคงไม่มประโยชน์อะไรทจะปรบระเบยบการปฏบต ิ สถานีเดียวกันท้งพันจ่าและจ่าตามพรรคเหล่าของตน









ประจาวันให้ผิดแผกไปจากเดิม หรือไปเน้นการฝึก เพื่อให้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการปฏิบัติงานจริงบนเรือ

ความอดทนท่ไม่ใช่ส่งท่เขาต้องพบเจอในชีวิตจริง ภาพท่ผู้เขียนภาคภูมิใจในตัวกาลังพลประจาเรือ













เพราะถ้าทาแบบน้นหลังจากท่เขาเรียนจบกลับมาทางาน และนักเรียนจ่าท่สุดคือภาพท่ชุดนาเรือในการน�าเรือ



ในเรือก็คงต้องเร่มต้นทุกอย่างใหม่อีกคร้ง ซ่งจาก เข้ารับการส่งกาลังบารุงในทะเล (Hi-Line) เป็นนักเรียนจ่า


ประสบการณ์ในกองทัพเรือต่างประเทศ ผู้เขียนได้สัมผัส ล้วน ๆ จะมีอะไรมากกว่านี้ที่ครูคนหนึ่งต้องการ ?

ถึงความใกล้ชิด และกลมกลืนระหว่างนักเรียนนายเรือ น่าเสียดายท่ผลกระทบจาก COVID-19 ทาให้


และนักเรียนจ่ากับกองเรือจนเมื่อจบออกมา มันเป็นการ การฝึกภาคนักเรียนนายเรือมีการเปล่ยนแปลงจนเรือ







ก้าวเดนต่อมากกว่าการเรมต้นใหม่ ส่งท่เห็นได้ง่าย ๆ ของเราไม่ได้เป็นเรือฝึกตามแผนท่ได้รับอนุมัติไว้ ทาให้






คือเคร่องแบบชุดแรกท่นักเรียนนายเรือได้รับแจกคือ ผ้เขยนไม่มีโอกาสนาแนวทางน้ไปปรบใช้กบนักเรียน




เครื่องแบบชุดปฏิบัติงานเรือ นายเรือท่ผู้เขียนต้งใจว่าจะทาให้นักเรียนนายเรือช้นใหม่






สาหรับผู้เขียนแล้วจุดมุ่งหมายในการฝึกความอดทน และนักเรียนนายเรือช้นปีท ๑ ได้เรียนรู้และทดลอง




ในแบบของทหารเรือคอ การสร้างขดความสามารถ การปฏิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างย่งในเร่องของความรู้

ในการปฏิบัติงานในทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพและ พ้นฐานการเดินเรือ การหาท่เรือ การทางานกับแผนท ี ่








ปลอดภยด้วยจิตสานึกของความรบผิดชอบต่อเรือ มากกว่าแนวความคิดเดิม ๆ ท่นักเรียนช้นตาจะเน้นเพียง

นาวิกศาสตร์ 8
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ความเป็นชาวเรือพื้นฐานเท่านั้น ยิ่งท�าเป็นเร็ว ยิ่งเก่งเร็ว บางฉากผู้เขียนยังต้องดูย้อน ภายหลังจากชมภาพยนตร์




นอกจากน้นในเวลากลางคืนบนเรือฝึกท่เรามัก แต่ละตอนเราจะมาน่งวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ในเร่องว่า
เคยชินกับการฝึกความอดทนบนดาดฟ้าท้ายเรือ ก็ได้ มีความสมจริงเพียงใด การปฏิบัติในลักษณะนั้นมีข้อดี –





กลายเปนการบรรยายความรและประสบการณในหวขอ ข้อด้อยอย่างไร


การปฏิบัติการทางเรือท่น่าสนใจต่าง ๆ เช่น ประวัติการยุทธ ผู้เขียนเช่อม่นในศักยภาพของบุคลากรท่กองทัพเรือ



การปฏิบัติการเรือด�าน�้า การตรวจค้นจับกุม ฯลฯ ที่เปิด คัดเลือกมา ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนายเรือ หรือนักเรียนจ่า










โอกาสให้นักเรียนจ่าจากเรือล�าอื่น ๆ ในหมู่เรือมาร่วมฟัง โดยเฉพาะอยางยิงในยคทการศกษาหาความรถกเปดกวาง





ได้ด้วย ท่น่าสนใจอีกกิจกรรมคือ การชมภาพยนตร์ เราสามารถท่จะพัฒนาเขาได้เร็วกว่าท่เคยทามาในอดีต


ทหารเรือภาษาอังกฤษ ที่ผู้เขียนพบว่าการชมภาพยนตร์ อยู่ท่เราจะช้แนะ และเปิดโอกาสให้เขาแสดงมันออกมา




ในหัวข้อท่คุ้นเคยจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายข้น ท่น่าสนใจ ได้มากเพียงใด การฝึกภาคทะเลคร้งน้ได้พิสูจน์แล้วว่า



คือ ผู้เขียนพบว่านักเรียนจ่าบางนายมีทักษะการฟังภาษา นักเรียนจ่าสามารถทาได้มากกว่าส่งท่เราเคยคาดว่า


อังกฤษท่ดีมาก ต้องบอกว่าดีกว่าผู้เขียนด้วยเพราะเขา เขาทาได้และทาได้เป็นอย่างด เวลาของทุกคนมีเท่ากัน



สามารถเข้าใจปมของภาพยนตร์ได้ในคร้งแรกท่ด ในขณะท ี ่ อยู่ที่ว่าเราจะจัดสรรให้เขาท�าอะไร บางทีเราอาจได้อะไร



จากพวกเขามากกว่าเดิมจากเวลาที่ใช้ ๕ ปี ในโรงเรียน







นายเรอ และ ๒ ป ในโรงเรยนจากเปนได ถาเราทาใหนกเรยน





สนุกกับการเรียนรู้อย่างตรงวัตถุประสงค์ เขาจะเกิด

กาลังใจและความพยายาม การฝึกเรอจะไม่ใช่เรอง






ท่น่าเบ่ออีกต่อไป แต่จะกลายเป็นส่งที่ท้าทายและน่าสนใจ

การนาเรือเป็นหน้าท่ของนายทหารพรรคนาวินทุกนาย...

ถ้านักบินมี DLQ - Deck Landing Qualification
เรือของเราก็มี SHQ - Ship Handing Qualification
นักเรียนจ่าฝึกหาที่เรือด้วยความสนใจ
ชุดผู้ช่วยผู้น�าเรือที่ประกอบด้วยนักเรียนจ่าล้วน ๆ
ขณะท�าหน้าที่วัดและค�านวณระยะทางข้างในการน�าเรือ
แล่นขนานเพื่อรับการส่งก�าลังบ�ารุงในทะเลด้วยวิธีการทางตรีโกณมิติ
นักเรียนจ่าในสถานีการเรือ
นาวิกศาสตร์ 9
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


“ผนังต�ารา” การอ�านวยความสะดวกในการหาข้อมูลของนักเรียนจ่า นักเรียนจ่าพรรคกลินก�าลังต่อไฟบก








หนังสือ Naval Shiphandler’s Guide เป็น ปลอดภยได้มากกว่าฝากเรอทงลาไว้กบการประเมนของ





หนงสือท่ผู้เขียนใช้เตรียมตัวและนามาวางไว้ตรงหน้า คนเพียงคนเดียว ซ่งเป็นหลักนิยมท่ผู้เขียนนามาจาก





น้อง ๆ เพ่อเป็นแนวทางในการนาเรือ พร้อมกับแลกเปลี่ยน การปฏิบัติงานภายในศูนย์ยุทธการเรือดานา ท่ทุกคนม ี


ประสบการณ์ระหว่างกัน นับว่าโชคดีที่น้อง ๆ ชุดรับเรือ ข้อมูลที่จ�ากัดจากอุปกรณ์ในความรับผิดชอบของตนเอง

ของผู้เขียนมีประสบการณ์ท่โชกโชน นายทหารบางคน และต้องช่วยกันเติมเต็มข้อมูลของทีมให้สมบูรณ์มากท่สุด

อยู่เรือมาเกือบ ๑๐ ปี หลายคนเคยเป็นผู้บังคับการเรือ และถึงวันน ด้วยวิธีการน เราก็รอดกันมาแบบท่เรียก






มาแล้ว บางคนเคยน�าเรือมาแล้วในทุกพื้นที่ ได้ว่าไร้รอยขีดข่วน ความหวาดเสียวท่แม้อาจเกิดข้นบ่อย

เพราะธรรมชาติท่สาคัญท่สุดของทหารเรือคือ ในช่วงแรก ๆ ก็เริ่มห่าง ๆ ไป เสียงน้อง ๆ นายทหารและ








การทางานเป็นทีม การบริหารและรวบรวมขีดความสามารถ กาลังพลประจาเรือท่คอยแนะนาให้ระวังอันตรายในนาท ี

ของทุกคน โดยเร่มจากทีมนายทหารจึงเป็นจุดมุ่งหมาย วิกฤต จะอยู่ในความทรงจ�าของผู้เขียนเสมอ






ในการออกแบบการทางานบนสะพานของผู้เขียน เช่น นอกจากนนเมอสถานการณ์อานวยผู้เขียนได้เปิด
จะมีนายทหารท่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าท่ใด ๆ อย่างน้อย โอกาสให้นายทหารพรรคนาวินทุกนายได้มีโอกาส


๑ นายเสมอ เพื่อท�าหน้าที่ Safety Officer ที่คอยสังเกต สลับสับเปลี่ยนกันนาเรือในสถานีท่ผู้เขียนได้ทดลองปฏิบัต ิ




อาการเรือ ระวังความปลอดภัย หรือพูดง่าย ๆ คือ จนมีความชานาญ และม่นใจพอท่จะให้คาแนะน�าได้






คอยจับผิดผู้นาเรือรวมท้งผู้เขียนด้วย นอกจากน้นทุกคน ต้งแต่เร่องท่ง่ายไปจนถึงเร่องยากตามลาดับ ต้งแต่การ





บนสะพานท้งนายทหารและกาลังพลประจาเรือสามารถ นาเรอทวไป การเกบคนตกนา การออกจากเทยบ การนาเรอ























เสนอความเหน ขอสงเกต หรอแจงผนาเรอรวมทงผูเขยน เข้าทอดสมอ การนาเรือในร่องนา การนาเรือเข้าเทียบ










ได้เสมอ เช่น ในสถานการณ์ท่อาจเกิดอันตราย เช่น การรับ - ส่งส่งของในทะเล เป็นต้น ซ่งหมายรวมถึง



ใกล้เกินไป ห่างเกินไป เร็วเกินไป ช้าเกินไป ซึ่งแนวทาง นายทหารพลาธการ (“พลาแท้”) ทสามารถนาเรอ



การปฏิบัตินี้อาจดูแปลกในสายตาหลายคนท่อาจใช้ เข้า – ออกร่องนาได้ รวมท้งสร่งเรือ และสร่งปืนท่สามารถ









แนวคิดการทางานว่าผู้บังคับการเรือต้องเก่งท่สุด หรือ ทาหน้าท่นายยามเรือเดินได้ เพราะในอนาคตท้งสร่งเรือ



ต้องถูกเสมอ แต่ผู้เขียนมองว่าทุกข้อมูลจากทุกการ และสร่งปืน ก็อาจมีโอกาสได้เป็นผู้บังคับการเรือด้วย

ประมวลผลของแต่ละคนจะช่วยให้การปฏิบัติงานมีความ เช่นกัน
นาวิกศาสตร์ 10
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ไม่ต่างจากการออกปฏิบัติราชการไกล ๆ เช่นกัน ไม่ว่า


จะในเร่องของการกาลังพล การวางแผนการปฏิบัติการ

การส่งก�าลังบ�ารุง ฯลฯ
เน่องจากงานท่มักพบบ่อยคือ การปฏิบัติการตรวจค้น





ซ่งมีความเก่ยวเน่องอย่างใกล้ชิดกับการใช้อาวุธประจากาย



เราได้จดหาอปกรณ์ต่าง ๆ ทจะช่วยให้การทางาน



มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ท่หลายอย่างไม่สามารถ

เบิกได้ รวมท้งจัดการฝึกยิงปืนพกท่เป็นอาวุธท่ผู้เขียน





กาหนดใหชดตรวจค้นทกตาแหน่งใช้เปนอาวธประจากาย






นายทหารประจ�าเรือขณะน�าเรือเข้าเทียบท่าเทียบเรือ ฐานทัพเรือสงขลา


ในลักษณะของการป้องกันตนเอง สาหรับผู้ท่ทาหน้าท ี ่


สวัสดีสงขลา รักษาความปลอดภัยน้นก็ได้รับเกียรติให้มีท้งปืนพก

ราชการต่อมาของเราหลังจากการฝึกภาคนักเรียนจ่า และปืนเล็กยาว ที่น่าเสียดายที่มีขนาดใหญ่ไปสักหน่อย
คือ การปฏิบัติราชการทัพเรือภาคท ๒ ซ่งภารกิจส่วนใหญ่ พวกเราทุกคนต่างต่นเต้นท่จะได้นาเรือของเรา






มุ่งเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายในทะเล และช่วยเหลือ ออกปฏิบัติงานจริงเป็นครั้งแรก แม้ว่ามันหมายถึงการที่







ู้
ผประสบภัย ซงโดยท่วไปมักเป็นภารกจแรกท่เรอท่ต่อใหม่ ต้องห่างหายจากครอบครัวเป็นเวลานับเดือน แต่มันก็คือ

มักได้รับมอบ เพราะเป็นการทดสอบการปฏิบัติงานจริง หน้าท่ตามวิชาชีพ และเป็นวิถีชีวิตที่ทุกคนเลือกแล้ว

ในพ้นท่จริงท่ไม่ไกลจากฐานทัพหลักท่สัตหีบมากนัก และต้องพยายามบริหารจัดการให้เหมาะสมท่สุด เท่าท ี ่




และในแง่การเตรียมความพร้อมของเรือเองก็ต้องปฏิบัต ิ จะท�าได้
ขณะเข้าตรวจค้นจับกุมเรือที่กระท�าผิดกฎหมายในทะเล บางครั้งมีอากาศยานร่วมปฏิบัติการ



นาวิกศาสตร์ 11
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔




เราจับกุมเรือประมงต่างชาติท่ทาการประมงผิดกฎหมาย
ลาแรกได้ในเช้าวันแรกท่เราเข้าสู่พ้นท่อ่าวไทยตอนล่าง





น่นเอง ด้วยความร่วมมือและการปฏิบัติงานอย่างเป็น



มืออาชีพของกาลังพลประจาเรือ และการข่าวท่ได้รับจาก

หน่วยงานท่รับผิดชอบ และการบรรยายประสบการณ์


ของผู้บังคับการเรือท่านอ่นท่เคยมาปฏิบัติหน้าท ่ ี
ก่อนหน้านี้
ในความเห็นของผู้เขียน การบังคับใช้กฎหมาย
ในทะเลอย่างเคร่งครัด นอกจากจะเป็นการสงวนรักษา
ทรัพยากรอันมีค่าให้อยู่ในมือของคนไทยแล้ว ยังหมายถึง


การแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของพ้นท่อาณาเขตทางทะเล Score Board
โดยเฉพาะอย่างย่งเขตเศรษฐกิจจาเพาะท่มีทรัพยากร




อ่น ๆ อยู่อีกมากมาย เพราะเม่อการดาเนินคดีถึงท่ส้นสุด




โดยไม่มีการประท้วงใด ๆ จากรัฐเจ้าของเรือ หรือ
เจ้าของสัญชาติลูกเรือ ก็หมายถึงการยอมรับทางอ้อม
ถึงสิทธิอธิปไตยเหนือพ้นท่ดังกล่าวน่นเอง แน่นอนว่า






การทาความเข้าใจถึงเหตุผลดังกล่าวมีความสาคัญท้งต่อ





ประชาชนภายนอกให้เข้าใจเหตผลหนงของการมกาลง ั
ทางเรือ และท่ขาดไม่ได้คือให้กาลังพลประจาเรือเอง



“เข้าใจ” ว่าเขาก�าลังท�าอะไร เหนื่อยและเสี่ยงเพื่ออะไร

เพ่อเป็นการให้ความสาคัญ และดารงความทรงจา



กับงานที่พวกเราร่วมกันท�า เราได้ท�าสิ่งที่เรียกว่า Score Victory Flag
Board ท่จะบันทึกงานของเราและกาลังพลทุกรุ่น




หลังจากน้ไว้คู่กับเรือลาน้ตลอดไป นอกจากน้นเราก็ม ี น่าสนใจ ย้อนไปถึงสมัยอยุธยามีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง


ประเพณีท่ไม่ได้ระบุไว้ในระเบียบใด ๆ อีกหลายอย่าง ท่น่าศึกษา โดยเฉพาะท่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา



ท่ทาให้ทุกคน “อิน” หรือ “ภาคภูมิใจ” ว่าเขากาลัง ท่ถึงแม้จะไม่ใหญ่โตแต่ก็สามารถส่อเน้อหาความเป็นมา






ท�าอะไร เหนื่อยและเสี่ยงเพื่ออะไร ของเมืองสงขลาต้งแต่อดีตได้อย่างครบถ้วน สถานท ่ ี




สาหรบผ้เขยนแล้วความเข้าใจและภาคภมใจ สะอาดสะอ้าน และอยู่ใจกลางเมือง นอกจากน้น




ของกาลังพลประจาเรือเป็นปัจจัยท่สาคัญย่งท่จะให้งาน สาหรับผู้ท่สนใจการท่องเท่ยวเชิงประวัติศาสตร์และ









ลุล่วงไปได้ ผจญภัย (เล็ก ๆ) ก็ต้องไม่พลาดการเดินข้นสารวจ








เราเข้าจอดท่สงขลาเป็นคร้งท ๒ ภายหลังจาก ยอดเขาแดงทมป้อมปราการตงแต่สมย “สงขลาหัวเขาแดง”




การฝึกภาคนักเรียนจ่าเม่อตอนต้นปี ในเช้าวันถัดมา ให้เยี่ยมชม นอกจากน้นบนยอดเขาแดงยังสามารถ









พร้อมกับ “ของขวัญ” ช้นแรกให้กับทัพเรือภาคท ๒ มองเห็นร่องนาสงขลาท่ช่วยให้ผู้นาเรือในร่องนาสามารถ




และกองทัพเรือ เหนภาพทชดเจนแบบ Top view แน่นอนว่ามนเป็น





สงขลาเป็นเมองทน่าอย่และมประวตศาสตร์ท ่ ี หนึ่งในกิจกรรมการ “รับน้องใหม่” ของเรา





นาวิกศาสตร์ 12
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ร่องน�้าสงขลามองจากยอดเขาแดง







ชายหาดนราทัศน์ท่ทอดยาวเร่มกลับมาคึกคัก ฉุกเฉิน โดยเฉพาะอย่างย่งการจับกุมเรือจาหน่ายนามันเถ่อน




อีกคร้งภายหลังมาตรการ Lock down ร้านอาหาร ท่มีการปฏิบัติการร่วมกันจากหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็น
แบบ Street Food ท่ถนนวชิรา หรือร้านสังสรรค์ การแลกเปล่ยนข้อมูล การปฏิบัติการร่วมกันระหว่างเรือ




หลายแห่งในเมืองก็ช่วยให้เวลาของพวกเราท่นี่เป็นไป และอากาศยานในการค้นหา และยืนยันตาบลท่เป้า


อย่างไม่หงอยเหงามากนัก แน่นอนว่าเราต้องรักษาท้ง ที่ท�าให้เราได้รับประสบการณ์เป็นอย่างดี

สภาพจิตใจและร่างกายให้พร้อมสาหรับการทางานท่ต้อง


พร้อมตลอดเวลา สถานีป้องกันฉุกเฉิน “Ship Lock Down”


หลายคร้งท่เราต้องออกเรือนอกเวลางาน หรือแม้แต่ สถานการณ์ในพื้นที่ที่อาจเกิดการโจมตีหน่วย หรือ


ในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบฉุกเฉิน เพ่อปฏิบัติภารกิจ การก่อวินาศกรรมท้งในขณะท่เรือจอดท่า หรือท้งสมอ












ในทะเล เราสามารถออกเรือได้ในเวลาไม่ถึง ๑ ช่วโมง ทถอเป็นเป้านง ได้ทาให้เราได้ช่วยกนจดทา “สถานี
ทุกคนกลับมาครบจากความสนุกสนานภายในเมือง ป้องกันฉุกเฉิน” ขึ้นมา โดยแนวความคิดคือต้องป้องกัน


อาวุธและอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมใช้ เป็นส่งท่ผู้เขียน การข้นเรือ โดยเร่มจากยามรักษาความปลอดภัยต้อง


ภาคภูมิใจในตัวกาลังพลทุกคน จะมีอะไรท่ผู้บังคับการเรือ มีความพร้อมอยู่เสมอในการใช้อาวุธเพ่อป้องกันเรือ



คนหน่งต้องการมากกว่าน ? แน่นอนว่ามีอุปสรรคและ แน่นอนว่ามันไม่ใช่การแต่งกายชุดกากีแต่เป็นชุดเกราะ







สถานการณ์ต่าง ๆ ท่ไม่คาดคิดมากมายเกิดข้นในระหว่าง พร้อมอาวุธ พร้อมไปกับการรวบรวมกาลังพลท่อยู่เรือ
การปฏิบัติงานในทะเลท่มีความเสี่ยงโดยธรรมชาติ ในขณะน้นท้งหมดไปรวมกันเพ่อมอบหมายหน้าท่และ






แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และไม่ได้มีอะไรท่เสียหาย รับอาวุธ จัดเป็นทีมย่อยไปประจาจุดท่กาหนด เช่น




ร้ายแรง ทุกอย่างแก้ไขลุล่วงไปได้ด้วยความร่วมใจ หวเรอ สะพานเดนเรอ ช่องทางเข้า – ออกต่าง ๆ





ของทุกคน นอกจากน้นถ้าจะมอะไรก็เป็นไปตามคากล่าว รวมท้งทีมสารวจผู้ท่บุกรุกข้นมาบนเรือ ท้งน้เน่องจาก









ที่ว่า “The captain carries them all - ผู้บังคับการเรือ ในสถานการณ์จริงภัยคุกคามจะมาใกล้มากแล้ว ดังน้น
แบกรับทุกสิ่ง” อันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีชาวเรือ ความรวดเร็วจึงเป็นหัวใจส�าคัญ
ที่เป็นสากลแต่โบราณอยู่แล้ว เราฝึกสถานีน้อย่างสมาเสมอด้วยความสนุกสนาน







เราจับกุมเรือต่างชาติท่ทาการประมงผิดกฎหมาย ท้งท่ท่าเรือ และในทะเล รวมท้งจัดยามรักษาความปลอดภัย




และเรือจาหน่ายนามันเถ่อนได้ด้วยการออกเรือแบบ ในลักษณะนี้จนกระทั่งจบภารกิจ (จบตอนที่ ๒)

นาวิกศาสตร์ 13
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ตอนที่ ๒



การค้นหากับระเบิดโดยใช้อุปกรณ์แสวงเคร่อง การยิงป้องกันด้วยปืนใหญ่สนามและปืน ค. เพ่อให้




ดังท่กล่าวมาข้างต้นเป็นไปอย่างได้ผล แต่การ สามารถป้องกันตนเองได้มากข้น

เคล่อนท่ยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ในเวลา ๑๕๔๕ ในวันท ๑๔ พฤษภาคม คาดว่าฝ่ายเราเข้าใกล้








ชุดกู้กับระเบิดปะทะกับทหารเวียดนาม ซ่งมีกาลัง ท่หมาย ๓ ได้แล้ว แต่เน่องจากยังไม่ทราบตาแหน่งการ
ประมาณ ๓๐ นาย ในระยะประชิด เรือเอก ธนกาญจน์ วางกาลังท่แน่นอนของข้าศึก ผู้บังคับกองร้อยจึงส่ง ั


ใคร่ครวญ ซ่งอยู่ในหัวขบวนส่งการให้ชุดกู้กับระเบิด ให้ผู้ตรวจการณ์หน้าและเจ้าหน้าท่ส่อสารออกทาการ





ู่
เข้าปะทะกับกับข้าศึกทันท ี ลาดตระเวนพร้อมกับหมู่ปืนเล็ก ๒ หม โดยหมู่ของจ่าเอก
แต่สถานการณ์ในขณะน้นฝ่ายเราเสียเปรียบ สาวิท มุ่งชนะ แยกไปทางซ้าย และหมู่ของจ่าเอก สมคิด





อย่างมาก เน่องจากอยู่ในพ้นท่ตากว่าข้าศึกจึงถูกทหาร แดงสุข แยกไปทางขวา เม่อท้งสองหมู่แยกออกจากกันได้



เวียดนามระดมยิงด้วยอาวุธต่าง ๆ อย่างหนัก เรือเอก ประมาณ ๕๐ เมตร ก็พบส่วนระวังป้องกันของข้าศึก ซ่ง ึ
ธนกาญจน์จึงร้องขอการยิงสนับสนุนด้วยปืน ค. และ มีกาลังน้อยกว่า



ปืนใหญ่ไปยังตาแหน่งของฝ่ายตรงข้าม การสู้รบดาเนินไป ขณะน้นข้าศึกยังไม่รู้ตัวผู้บังคับหมู่ จึงรายงาน



อย่างดุเดือด ประมาณ ๓๐ นาท จึงยุติลง ฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บ ให้ผู้บังคับกองร้อยทราบ ได้รับคาส่งให้เข้าตีข้าศึก



หนึ่งนายคือ พลทหาร บุญชอน อินสาคร ถูกสะเก็ดระเบิด ในทันท เพ่อลวงว่าเป็นกาลังส่วนใหญ่ของฝ่ายเรา

จากกระสุนปืน ค. ของทหารเวียดนาม การปะทะจึงเปิดฉากข้นอีกคร้งหน่งการยิงของทหาร





การสู้รบระหว่างนาวิกโยธินไทยกับทหารเวียดนาม เวียดนามกลายเป็นการเปิดเผยตาแหน่งท่ต้งรับของ

บนเขาชารากยังคงดาเนินต่อไป ในวันท ๑๓ และ ๑๔ ตนเองอย่างชัดเจน ฝ่ายเราจึงร้องขอกาลังทางอากาศเข้า





พฤษภาคม ฝ่ายเรารุกคืบหน้าไปได้อย่างล่าช้าอยู่เช่นเดิม โจมตีสลับกับการยิงด้วยปืนสนามและปืน ค. ทาให้ข้าศึก






แต่ก็เร่มเข้าใกล้ท่ต้งของข้าศึกมากข้นทุกท ี อ่อนกาลังลงและทหารราบฝ่ายเราสามารถรุกคืบหน้า



ทหารทกคนจงต้องเพมความระมดระวงมากขน เข้าหาข้าศึกได้อย่างรวดเร็ว











โดยเฉพาะการป้องกนไมให้ถกโจมตกลางขบวน สาหรบ เวลาประมาณ ๑๔๐๐ การยิงจากฝ่ายข้าศึกจึง
การต้งฐานพักแรมบนสันเขาซ่งเป็นพ้นท่จากัด ฝ่ายเรา เงียบเสียงลงเม่อตรวจสอบตาบลท่แน่ชัดแล้ว ฝ่ายเราจึง











วางกาลังในลักษณะยาวไปตามแนวสันเขาและวางฉาก ทราบว่ากองร้อยปืนเล็กท ๔ สามารถเข้ายึดบางส่วนของ
นาวิกศาสตร์ 14
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔





ท่หมาย ๓ ไว้ได้แล้ว การปะทะคร้งน้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสีย การยิงเตรียมของเราได้ผลเกินคาด เพราะในวันท ่ ี



เป็นจานวนมาก ต้องล่าถอยออกไปจากท่หมาย ๓ โดยท้ง ิ ๑๗ พฤษภาคม กระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายเรายิงถกคลังกระสุน




ศพไว้ในพ้นท่ปะทะจานวนหน่ง ส่วนฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บ ของทหารเวียดนาม ทาให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง




ไม่มากนัก ผู้บังคับกองร้อยจึงส่งการให้ต้งฐานแบบ จนเศษหินปลิวกระเด็นตกลงมาใส่บริเวณแนวท่วางตัว


เร่งด่วนเพ่อปรับกาลังใหม่ ของฝ่ายเรา



ในวันเดียวกันนั้นเอง หน่วยเหนือได้ส่งกาลังหน่ง ึ สาหรับกองร้อยปืนเล็กท ๒ ซ่งเป็นส่วนเข้าต ี





หมวดปืนเล็กมาเพ่มเติม กาลังหมวดน้ม เรือตร จริญ สนับสนุนได้เคล่อนท่จากทิศใต้เข้าหาท่หมาย ๓ และ







ไชยศร เป็นผู้บังคับหมวด มีอาวุธหนักคือปืนไร้แรงสะท้อน ต้องเผชิญกับการต้านทานจากกาลังของข้าศึก โดย
ขนาด ๑๐๖ มิลลิเมตรหน่งกระบอก สนับสนุนด้วยรถ ทหารเวียดนามทาการซุ่มโจมตีและยิงด้วยอาวุธหนัก







หุ้มเกราะแบบ ว - ๑๕๐ อีกหน่งคัน ฝ่ายเราจึงสามารถ จากท่หมาย ๓ และจากท่ต้งนอกเขตประเทศไทย





รุกคืบหน้าไปอย่างได้ผล สามารถยึดพ้นท่ได้เพ่มเติมพร้อม ตลอดเวลาของการเคล่อนเข้าตีท่หมาย ๓ นับต้งแต่


ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ของข้าศึก ประกอบด้วยปืนกลหนัก วันที ๑๓ - ๑๗ พฤษภาคม มีการปะทะระหว่างทางเกิดข้น


๑ กระบอก ปืนกล ๙๓ พร้อมกระสุน ๔,๐๐๐ นัด ท่ต้ง ั ๑๐ คร้งในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนซ่งฝ่ายเรา





ปืน ค. ขนาด ๘๒ มิลลิเมตร จานวน ๓ หลุม ต้งฐานในพ้นท่การรบข้าศึกได้เข้าตีทุกคืน ทาให้มีผู้ได้รับ



บาดเจ็บ ๔ นาย ได้แก่ จ่าเอก ประกอบ จานงประโคน
พลทหารอัมสบูเลาะห์ สะมาแอ พลทหารมนตร ขวัญอ่อน

และ พลทหารปัญญา สุทธิพงศ์
ในช่วงท้ายของศึกบ้านชาราก ทหารเร่มป่วยเป็น


ไข้มาเลเรียหลายนาย และกาลังพลเกือบท้งหมดอ่อนล้า



เน่องจากได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ เคร่องแบบ


อยู่ในสภาพเปียกช้นเพราะมีฝนตกเกือบตลอดเวลา


อาหารร้อนไม่สามารถประกอบได้เน่องจากไม่มีแหล่งนา

และไม่สามารถก่อไฟได้ ต้องใช้เสบียงแห้งในการ
ดารงชีพทุกวัน

ทหารนาวิกโยธิน กองรบที่ ๑ ในแนวหน้า (คนที่สามจากขวา อย่างไรก็ตาม การส่งกาลังบารุงทาได้ดีมาก



เรือโท ดิเรกลาภ ดวงอุไร ยศขณะนั้น )

เส้นทางไม่ได้ถูกรบกวน อีกท้งยังได้รับความช่วยเหลือจาก

อย่างไรก็ตาม ในวันน้นการเคล่อนท่เข้ายึดบางส่วน ประชาชนในแนวหลังเป็นจานวนมาก มีการจัดส่งเสบียง



ของท่หมาย ๓ ต้องยุติลง ฝ่ายเราได้ปรับกาลังเตรียมการ ผลไม้ และอุปกรณ์ท่จาเป็นสนับสนุนให้ตลอดเวลา







เข้าตีพ้นท่ส่วนใหญ่ของท่หมาย ๓ ต่อไปในวันท ี ่ ในวันสุดท้ายของศึกบ้านชารากคือวันท ๑๘



๑๘ พฤษภาคม พฤษภาคม หลังจากกองร้อยปืนเล็กท ๒ และกองร้อย



ระหว่างน้ฝ่ายเราจัดชุดออกไปลาดตระเวนเพ่อ ปืนเล็กท ๔ วางกาลังเข้าใกล้ท่หมาย ๓ ได้เรียบร้อยแล้ว





กาหนดเส้นทางเข้าตีพ้นท่ส่วนท่เหลือ ทาให้เกิดการปะทะ ผู้บังคับกองพันจึงส่งการให้เข้าตีในสองทิศทาง







กับข้าศึกหลายคร้ง หน่วยเหนือได้ร้องขอการสนับสนุน กองร้อยปืนเล็กท ๔ เป็นส่วนเข้าตีหลัก กองร้อย





เคร่องบินเอฟ - ๕ จากกองทพอากาศท้งระเบิดท่หมาย ปืนเล็กท ๒ เป็นส่วนเข้าตีสนับสนุน แต่ลวงให้ข้าศึกเข้าใจ




๓ สลับกับการใช้ปืนสนามยิงทาลายแนวต้งรับของข้าศึก ว่าเป็นส่วนเข้าตีหลักทางด้านทิศใต้ของท่หมาย และ


นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔







ทาการยิงกดดันข้าศึกเพ่อป้องกันการส่งกาลังเพ่มเติมของ สาหรับการสูญเสียของฝ่ายเวียดนามพบศพทหาร

ข้าศึกจากภายนอกประเทศ เสียชีวิตในท่รบ ๑๕ นาย บาดเจ็บไม่ทราบจานวนแน่ชัด

เวลา ๑๐๐๐ ท้งสองกองร้อยเร่มบุกเข้าประชิดท่หมาย ฝ่ายเราสามารถทาลายปืนไร้แรงสะท้อนได้ ๒ กระบอก






เพ่อปฏิบัติการตามแผน กองร้อยในแนวหน้าร้องขอ ปืน ค. ๑๒๐ มิลลิเมตร ๑ กระบอก ทาลายคลังกระสุน

เคร่องบินและปืนใหญ่ยิงโจมตีข้าศึก แต่ฝ่ายข้าศึกทาการ วัตถุระเบิดได้ ๑ แห่ง นอกจากน้ยังยึดปืนกล ขนาด ๑๒.๗



ยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่และปืน ค. เพ่อป้องกันท่ม่นของ มิลลิเมตร ๑ กระบอก ปืนกล ๗.๖๒ มิลลิเมตร จานวน



ตนเองเช่นกัน ๒ กระบอก พร้อมกระสุน ๖,๐๐๐ นัด ยึดปืนอาก้า



การปะทะครงสดท้ายเปนไปอย่างดเดอด จนกระท่ง กับระเบิด และลูกระเบิดขว้างได้อีกจานวนมาก








ถึงเท่ยงของวันท ๑๘ พฤษภาคม ทหารเวียดนามจึง
ถอนตัวออกไปจากท่หมาย ๓ เข้าสู่เขตประเทศกัมพูชา


การยึดท่หมาย ๓ ของทหารนาวิกโยธินจึงประสบความ
สาเร็จตามแผนท่วางไว้ สร้างความสูญเสียให้แก่ข้าศึก


อย่างหนัก

หลังจากยึดท่หมายท้งหมดได้แล้ว ผู้บังคับกองพัน



ส่งให้หน่วยทาการต้งรับบริเวณท่หมายและเตรียม


ป้องกันการโจมตีตอบโต้จากข้าศึก ซึ่งการโจมตีดังกล่าว


ก็เกิดข้นตามท่คาดไว้ โดยนับต้งแต่วันท ๑๙ พฤษภาคม








จนถึงวันท ๒ มิถุนายน กาลังของฝ่ายเราซ่งต้งรับอยู่บน


ท่หมาย ๓ ถูกข้าศึกเข้าโจมตีทุกคืน ท้งด้วยอาวุธสนับสนุน


และอาวุธประจากาย แต่เรายังคงรักษาท่หมายไว้ได้และ



ส่งมอบพ้นท่ให้กองพันทหารราบท ๓ วางกาลังป้องกัน กองรบที่ ๒ ของนาวิกโยธินในศึกบ้านชำาราก


อย่างถาวรต่อไป ความเป็นไปเร่องหน่งท่ถูกบันทึกไว้ในศึกบ้านช�าราก



ในท่สุด “ศึกบ้านชาราก” ก็ยุติลง ฝ่ายเราสามารถ ก็คือ “โชคดีอย่างน่าอัศจรรย์ของทหารนาวิกโยธิน”


ผลักดันทหารเวียดนามซ่งมีกาลังประมาณ ๓ กองพัน กล่าวคือ กาลังท่เข้าตีบางหน่วยต้องปรับรูปขบวน






ท่รุกเข้ามาอยู่ในเขตประเทศไทยให้ถอยออกไปได้สาเร็จ และบุกเข้าสู่เป้าหมายด้วยความรวดเร็วในลักษณะ

ในวันท ๑๘ พฤษภาคม หลังจากน้นได้วางกาลังยึดรักษา ของการจู่โจมเพ่อไม่ให้ข้าศึกต้งตัวได้ หลังจากยึดท่หมาย









พ้นท่บริเวณดังกล่าวไว้อย่างถาวรเพ่อไม่ให้ทหารเวียดนาม ได้แล้วฝ่ายเราพบว่าบริเวณเส้นทางท่เคล่อนท่เข้ามารวมท้ง






รุกลาเข้ามาในเขตแดนได้อีก บริเวณท่หมายข้าศึกได้ฝังกับระเบิดไว้เป็นจานวนมาก



ภารกิจในคร้งน้นฝ่ายเราเสียชีวิต ๘ นาย เป็นทหาร แต่เป็นเร่องท่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างย่งท่ไม่มี





นาวิกโยธิน ๓ นาย อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน ทหารนาวิกโยธินคนใดในกาลังส่วนน้นแม้แต่คนเดียว





๕ นาย ส่วนผ้ได้รับบาดเจ็บจากการรบมีจานวนท้งส้น ท่เหยียบกับระเบิด ซ่งแตกต่างจากกาลังของส่วนอ่นท ่ ี





๖๘ นาย ประกอบด้วยนายทหาร ๒ นาย พันจ่า ๒ นาย เคล่อนท่มาอย่างล่าช้า และต้องเผชิญกับอันตรายจาก


จ่า ๑๖ นาย พลทหาร ๒๓ นาย ทหารพรานนาวิกโยธิน กับระเบิดตลอดเส้นทาง

๒๔ นาย และตารวจตระเวนชายแดน ๑ นาย นอกจากน ้ ี เก่ยวกับเร่องน พลเรือตร ธนกาญจน์ ให้ความเห็นว่า






ยังมีผู้ป่วยจากไข้มาเลเรียจานวน ๕๘๔ นาย “โชคของทหารแต่ละคนหรือแต่ละหน่วยในสมรภูม ิ
นาวิกศาสตร์ 16
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔





เป็นส่งท่แตกต่างกัน บางคนบางหน่วยอาจจะโชคด แต่ มาโดยตลอด เหตุใดจึงมาเลือกเหล่าเป็นทหารเรือ


บางคนบางหน่วยอาจจะโชคร้าย ซ่งไม่มีใครบอกได้ว่าเป็น พลเรือตร ธนกาญจน์ ตอบว่า




เพราะเหตุใด แต่ในส่วนตัวของพ่เช่อว่าทุกอย่างได้มีบางส่ง ิ “พ่ได้แรงบันดาลใจมาจากพ่ชายของเพ่อนสนิท







ลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเป็นไปในลักษณะใด ชะตาชีวิตของ ซงเป็นทหารเรืออย่สองคนคือ พจักรชัยกับพกัมปนาท

คนแต่ละคนจึงแตกต่างกัน” ภู่เจริญยศ ปัจจุบันเป็นนายทหารช้นนายพลเรือท้งคู่












พลเรอตร ธนกาญจน์ อดตนกรบจากสมรภม ิ พกมปนาทเกษยณแล้วยศพลเรอเอก ส่วนพจกรชยเป็น







บ้านชาราก เล่าถึงประวัติชีวิตของตนเองว่า รองผู้บัญชาการทหารเรือ พ่เห็นพ่สองคนน่นแต่งชุดขาวน้อย

“พ่เป็นคนกรุงเทพฯ คุณพ่อพ่เป็นทหารบกเหล่า ของนักเรียนนายเรือแล้วเท่ห์มาก




เสนารักษ์ ช่อ พันเอก ปรัชญ์ คุณแม่ช่อสาล เป็นชาวสวน พก็เลยอยากจะไปเป็นทหารเรอ แต่สดท้ายแล้ว










บ้านอยู่บางขุนเทียน ติดตลาดนาวัดไทร ส่วนคุณพ่อพ่เป็น พ่ก็ได้เป็นนายเรือคนเดียว เพราะเพ่อนสนิทของพ่คือ






คนเมืองกาญจน์ ถึงได้ต้งช่อลูกชายคือพ่ว่า ธนกาญจน์ เยาวดนัยซ่งเป็นน้องชายของพ่จักรชัยกับพ่กัมปนาท

คุณพ่อพ่เป็นนายทหารเหล่าเสนารักษ์ ไต่เต้ามาจาก ต้องไปเป็นทหารบก เพราะว่าพ่อของเขาไม่อยากให้เป็น




ช้นประทวน สมัยท่เป็นนายสิบคุณพ่อพ่รับราชการอยู่ ทหารเรือ บอกว่าพ่ชายเป็นทหารเรือสองคนแล้ว ฉะน้น


หน่วยแพทย์ของกรมการสัตว์ทหารบก ท่านเจริญก้าวหน้า น้องชายต้องไปเป็นทหารบกเจริญรอยตามพ่อ พ่กับเยาวดนัย



สูงสุดในสายของท่านจนเกษียณอายราชการในอัตรา เพ่อนซ้ก็เลยต้องแยกกันไปเรียนคนละเหล่า



พันเอกพิเศษ ช่วงท่พ่ข้นเหล่าเป็นนักเรียนนายเรือ อยู่ในปี


การเป็นลูกทหารจึงเป็นแรงบันดาลใจแรกท่ทาให้ พ.ศ. ๒๕๑๗ สถานการณ์ในประเทศยังมีภัยคุกคามจาก


พ่อยากเป็นทหาร เพราะในช่วงท่เป็นเด็กพ่ใช้ชีวิตอยู่ใน ลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่มาก ในพ้นท่หลายแห่งมีการสู้รบ






ค่ายทหารจนถึงประมาณอาย ๑๐ ขวบ เห็นทหารมาต้งแต่ ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ พอถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๘

สมัยน้น เราก็ชอบ “โดยเฉพาะนักเรียนนายร้อย ซ่งสวมหมวก เวียดนามแตก ลาวแตก เขมรเกิดสงคราม ข้อมูลข่าวสาร




มีแถบแดง ห้อยกระบ่ส้นเรารู้สึกว่ามันเท่ห์มาก ก็ต้งความหวง รอบตัวมีแต่การรบพุ่งท้งส้น




และความใฝ่ฝันในชีวิตว่า โตข้นจะเป็นทหารให้ได้” นิสัยพ่ซ่งชอบแนวน้อยู่แล้วจึงตัดสินใจเลือกเหล่า





ในเวลาต่อมา ความฝันของเด็กชายธนกาญจน์ “นาวกโยธน” เป็นการเลอกโดยความสมครใจ ไม่ใช่ว่า



ก็เป็นความจริง เด็กชายธนกาญจน์ซ่งเรียนหนังสือ เรียนไม่เก่งเลยโดนเพอนเลอกให้ เพราะสมยท่พเรยนอย ู่











ท่โรงเรียนอานวยศิลป์ต้งแต่ช้นประถมศึกษาปีท ๑ ท่อานวยศิลป์ พ่เป็นเด็กหัวดีอยู่ห้องคิงส์มาโดยตลอด







จนถงชนมธยมศกษาปีท ๓ สามารถสอบเข้า ในตอนน้นพ่เลือกนาวิกโยธินเพราะใจรัก แต่ไม่











เตรียมทหารได้ หลังจากน้นน้องชายอีกคนหน่งท่ช่อ เคยรู้เร่องการเจริญเติบโตของพรรคเหล่าในกองทัพเรือ


“วรพล” ก็สอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารได้ในปีต่อมา ไม่เคยมีใครบอกว่าถ้าเลือกพรรคนาวินแล้วแม้จะไม่ได้เป็น


แต่เลือกเหล่าทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือ แต่ก็ยังมีตาแหน่งอ่น ๆ เช่น
พลเรือตร ธนกาญจน์ เล่าต่อไปว่า ตาแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ตาแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการ



“ส่วนพ่น้องท่เหลืออีก ๕ คน ก็แยกย้ายกันไปศึกษาต่อ ทหารเรือ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือ เจ้ากรมการขนส่ง





และประกอบอาชีพต่าง ๆ กัน มีท้งเป็นข้าราชการ ทหารเรือ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือ และตาแหน่งอ่น ๆ





เป็นคร และทาธุรกิจส่วนตัว ปัจจุบันน้น้องพ่สองคนเปิด อีกมากมาย ซ่งล้วนแล้วแต่เป็นทหารเรือพรรคนาวินท้งส้น


ร้านขายยา เอาความรู้ของพ่อมาทามาหากิน ส่วนพรรคนาวิกโยธินก็เหมือนกับพรรคกลินตาแหน่ง


เม่อถูกถามว่าชีวิตในวัยเด็กคลุกคลีกับทหารบก ระดับนายพลเรือมีน้อยคือ มีพลเรือโทเป็นผู้บัญชาการ

นาวิกศาสตร์ 17
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔





หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินตาแหน่งเดียว ท่เหลือเป็น เป็นเด็กกรุงเทพฯ พ่อยากอยู่หน่วยใกล้บ้าน แต่กองพัน




พลเรือตรีอีกไม่ถึง ๑๐ ตาแหน่ง แต่พ่ก็ไม่เสียใจท ี ่ ทหารราบท ๘ มีท่ต้งอยู่ท่หาดเก้าเส้น จังหวัดสงขลา








เลือกนาวิกโยธิน ตรงกันข้ามพ่ภูมิใจท่เป็นนาวิกโยธิน ทุกวันน้ก็ยังอยู่ท่น่น

พ่นึกถึงบุญคุณหน่วยนาวิกโยธินอยู่เสมอท่ให้อะไรกับ ใจจริงพ่อยากไปบรรจุท่กองพันทหารราบท ๒







พ่หลายอย่างจนรับราชการก้าวหน้ามาจนทุกวันน ้ ี จังหวัดจันทบุร ซ่งได้ช่อว่าเป็นเมืองเพชรเมืองพลอย


ในตอนน้น คุณพ่อพ่ก็เสียใจอยู่เหมือนกันท่ลูกชาย ผลไม้ก็เยอะ สมัยน้นนาวิกโยธินจบมาด้วยกันม ๔ เหล่า









เลือกเป็นนาวิกโยธิน แต่ท่านก็ไม่ได้พูดเร่องน้กับพ่อีกเลย คือ ทหารราบ ทหารปืนใหญ่ ทหารช่าง และทหารส่อสาร

ถึงแม้คุณพ่อพ่จะเป็นเหล่าเสนารักษ์ แต่ท่านก็รู้และ พ่คิดว่าเป็นนาวิกโยธินอยู่เมืองจันท์ก็ยังใกล้กรุงเทพฯ


เข้าใจเส้นทางการเจริญเติบโตของทหารแต่ละพรรคเหล่า มากกว่าเป็นนาวิกโยธินอยู่ท่สงขลา













ได้ดกว่าพ ซงในตอนทเลอกพรรคเหล่าพยงเป็นแค่ แต่เพ่อนพ่คนหน่งมาขอเปล่ยนกับพ่ด้วยเหตุผลท่ว่า




นักเรียนนายเรือเด็ก ๆ คิดอะไรใกล้ตัว ไม่ได้มองไปไกล เขาเป็นห่วงน้องสาวซ่งยังเรียนหนังสือไม่จบและใน

เหมือนอย่างท่ท่านมอง ตอนน้นพ่อของเขาไปราชการต่างประเทศ เพ่อนคนน้น







แต่ยังไงก็ตาม คุณพ่อพ่ก็ดีใจท่พ่เป็นทหารเรือ เพราะ ก็เลยขอให้พ่เลือกพัน ๘ ท่สงขลา และเขาจะเลือกพัน ๒





ท่านยังมองว่าทหารเรือมีโอกาสเติบโตก้าวหน้าได้ดีไม่ด้อย ท่จันทบุร จะได้มีโอกาสกลับเข้ามากรุงเทพฯ เพ่อดูแลน้อง

ไปกว่าเหล่าทัพใด ได้สะดวกหน่อย พ่ก็ตกลง แต่เพ่อนคนน้นก็อยู่ได้ไม่นาน





เม่อเรียนจบจากโรงเรียนนายเรือ หน่วยแรกท่พลเรือตร ี เพราะล้มป่วยเป็นมาเลเรียตอนท่ไปอยู่โป่งนาร้อน



ธนกาญจน์ถูกบรรจุเข้ารับราชการในตาแหน่งผู้บังคับ พอกลับมาฝึกหลักสูตร “รีคอน” ก็เลยเสียชีวิต
หมวดปืนเล็กก็คือ กองพันทหารราบท ๘ กรมทหารราบ พ่นึกในใจเลยว่าตอนน้นถ้าพ่เลือกกองพัน ๒ ท ี ่






ท ๓ กรมนาวิกโยธิน ซ่งเจ้าตัวเล่าว่า จันทบุร และไปทางานท่โป่งนาร้อน พ่ก็อาจจะเป็นมาเลเรีย











“ในตอนน้นนาวิกโยธินยังเป็นแค่กรม ไม่ได้เป็น เหมือนท่เพ่อนเป็น และตอนท่ไปฝึกรีคอนคนท่เสียชีวิตก ็




หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินเหมือนในปัจจุบัน ผู้บังคับ อาจจะเป็นพ่ก็ได้ พ่ถึงได้บอกว่าชีวิตของคนเราดวงชะตา




กองพันคนแรกของพ่ก็คือ นาวาโท ชุมพร โชติโยธิน ได้ลขตไว้แล้วว่า เส้นทางจะเป็นอย่างไรจะร่งโรจน์หรอ

ในความรู้สึกของพ ผู้พันชุมพรเป็นแบบอย่างของ ตกตาแค่ไหน จะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง










นายทหารนาวิกโยธนทด ท่านพดน้อย ทาจริง เป็นคนเก่ง “นาวิกโยธินรุ่นพ่แตกต่างจากรุ่นหลัง ๆ ตรงท่ว่า






แต่ไม่ด เป็นคนน่ง ๆ แต่ใจถึง บุคลิกลักษณะเป็นนักรบ พอจบมาก็ต้องไปทางานท่สนามเลยแล้วค่อยหาจังหวะ


นาวิกโยธินเต็มร้อย พ่ประทับใจท่านมาก เวลาฝึกหลักสูตรพิเศษเพ่มเติมในภายหลัง ท้งรีคอนท้ง ั




นักเรียนนายเรือเหล่านาวิกโยธินรุ่นพ เรียนจบ กระโดดร่ม จนในยุคหลัง ๆ มีการปรับปรุงเร่องน้เพ่อให้










มาด้วยกนทงหมด ๑๔ คน พค่อนข้างโชคดกว่าเพอน นักเรียนนายเรือไปฝึกกระโดดร่มตอนเป็นนักเรียนช้น ๔

เพราะเรียนเก่งสามารถเลือกได้ว่าจะลงท่ไหน ส่วนนาวิกโยธินก็ไปฝึกรีคอนก่อนท่จะจบส่งไปทางาน




พ่เป็นเตรียมทหารรุ่น ๑๕ รุ่นพ่มีนาวิกโยธิน ภาคสนาม”



๗ คน ท่เหลือเป็นรุ่นพ่ท่สอบตกเลยต้องจบพร้อมกัน พลเรือตร ธนกาญจน์ เล่าต่อไปว่า






ในความรู้สึกของพ พ่คิดว่าชีวิตคนเราเป็นไป “นาวิกโยธินมีกาลังท้งหมด ๖ กองพัน อยู่ทาง


ตามพรหมลิขิต มันเหมือนกับว่าเราได้ถูกขีดเส้นไว้แล้ว ภาคตะวันออก ๔ กองพัน ท่เหลืออีก ๒ กองพันอยู่ทาง

ว่าจะก้าวเดินไปทางไหน จะต้องพบกับอะไรบ้าง ตอนท ่ ี ภาคใต้ สาหรับกองพันในภาคตะวันออกนั้นเราจัด


พ่จบมาพ่ไม่ได้คิดถึงกองพันทหารราบท ๘ เลย เพราะพ ่ ี กาลง ๑ กองพนไปปฏบตราชการสนามชายแดนด้าน








นาวิกศาสตร์ 18
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔













จนทบร - ตราด ทเหลออก ๓ กองพนกจะเปนกองพน ทั้งริมถนนและในเมือง สลับกับการไล่ฆ่าประชาชนตาม


สนับสนุนท่จะหมุนเวียนกันไปแทนกองพันท่อยู่ในสนาม ที่ต่าง ๆ สถานการณ์ในทุกวันนี้จึงแตกต่างจากสมัยที่พี่
นาวิกโยธินทางภาคใต้ก็เช่นกัน โดยจะมีกาลัง ๑ กองพัน จบมาใหม่ ๆ อย่างมาก


ออกปฏิบัติราชการในสนาม และอีก ๑ กองพันอยู่ในท่ต้งปกติ สมัยนี้พวกโจรใต้ได้เปรียบฝ่ายเราหลายด้าน เพราะ






เป็นกาลังสารองท่จะสับเปล่ยนหมุนเวียนกัน เราต้องปฏิบัติในส่งท่เป็นกิจวัตรประจาวันโดยไม่อาจ




ตอนท่ไปอยู่สงขลา กองพันของพ่ยังไม่ได้ออกสนาม หลีกเล่ยงได้ เช่น ไปรับส่งครูก็ต้องไปเส้นทางเดิม



แต่ฝึกก�าลังพลอยู่ในท่ต้งปกต พ่จึงมีโอกาสพบปะ พระสงฆ์ออกบิณฑบาตก็เส้นทางเดมเวลาเดิม ไปจ่าย




ผู้คน ศึกษาภูมิประเทศควบคู่ไปกับการฝึก การปกครอง เสบียงท่ตลาดก็เส้นทางเดิม


ผู้ใต้บังคับบัญชา ซ่งเร่องน้สาคัญมากเพราะเราเป็น การทาอะไรในลักษณะเดิมเป็นกิจวัตรถือเป็น



นายทหารใหม่ยังไม่ค่อยรู้อะไรมาก ประสบการณ์ก็น้อย “จุดอ่อน” ในสงครามนอกแบบ เพราะจะถูกซุ่มโจมต ี

จ่าและพันจ่าแก่ ๆ ท่อยู่มานานมักจะจับตาดูผู้หมวดใหม่ ได้ง่าย เน่องจากฝ่ายตรงข้ามรู้ความเคล่อนไหว รู้ช่วงเวลา




ว่าเจ๋งแค่ไหน ท่แน่นอนของฝ่ายเรา ในขณะท่ฝ่ายเราไม่รู้อะไรเก่ยวกับ




บางทีใครท่หัวอ่อนหน่อยก็จะถูกครอบได้ง่าย ข้าศึกเลย ท่สาคัญก็คือฝ่ายเราแทบไม่ได้รับความร่วมมือ


ถ้าครอบดีก็ดีไป ถ้าครอบไม่ดีก็จะถูกชักจูงไปในทาง จากชาวบ้านซ่งเป็นมวลชนท่คอยให้ข่าวกับเจ้าหน้าท ่ ี
ไม่ถูกต้อง เราเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก มีผู้ใต้บังคับบัญชา ของรัฐ


ท่ต้องดูแล ๔๗ คน บางทีจ่าแก่อาวุโสจัดก็จะมาถามเราว่า การออกปฏิบัติราชการสนามในสมัยน้น เราจะไป

ทาไมผู้หมวดไม่ทาอย่างง้ไม่ทาอย่างง้น เราก็ต้องเสียงเข้ม ต้งฐานอยู่ในพ้นท่ตามหลักยุทธวิธีคือ อยู่ในชัยภูมิสูงข่ม









กลับไปถึงจะเอาอย ู่ อยู่ใกล้แหล่งนา ใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทาเป็นหลังคา


ผู้บังคับกองร้อยคนแรกของพ่คือ เรือโท เอกชัย ไม่เหมือนกับสมัยน้ซ่งต้งฐานแบบถาวร มีกระสอบทราย





ชมสุวรรณ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น ๑๐ รุ่นเดียวกับ มหลังคาททาจากวสดทแขงแรง กนแดดกนฝน กนสะเกด











บ๊กป๊อก รุ่นเดียวกับอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก ระเบิด









กาธร พุ่มหิรัญ ส่วนผู้บังคับกองร้อยของพ่รับราชการมา แต่ส่งหน่งท่เหมือนกันก็คือ เม่อต้งฐานแล้วกาลัง


จนกระท่งเข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกาหนด ฝ่ายเราก็จะจัดชุดออกลาดตระเวนหาข่าวหรือติดตาม

ได้รับพระราชทานยศพลเรือเอก ความเคล่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม บางคร้งอาจมีการวาง








ตอนออกสนามคร้งแรก พ่ไปทางานท่ก่งอาเภอ กาลังซุ่มโจมต ถ้ามีข้อมูลข่าวสารว่าข้าศึกจะเข้ามาในพ้นท ี ่


ศรีสาครติดกับอาเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ภารกิจหลัก หรือใช้เส้นทางใด


คือการปราบปรามขบวนการโจรก่อการร้าย ท่เป็นพวก ในสมัยน้นแทบจะไม่ปรากฏเลยว่า ขบวนการโจร


แบ่งแยกดินแดน ซ่งก็คือพวกเดียวกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ก่อการร้ายยกกาลังเข้ามาโจมตีฐานทม่นของทหาร เพราะ






ท่ยังคงออกปฏิบัติการอยู่ในปัจจุบัน ในยุคน้นฝ่ายตรงข้ามยังมีกาลังน้อย อาวุธล้าสมัย ในขณะ






สมัยก่อนพวกขบวนการโจรก่อการร้ายซ่องสุมกาลัง ทฝ่ายเราวางตวอย่ในฐานปฏิบัตการขนาดใหญ่ มกาลง





อยู่บนเขา นาน ๆ จะลงมาหาเสบียงหรือปฏิบัติการสักคร้ง มากกว่า กาลังพลผ่านการฝึกและมีอาวุธยุทโธปกรณ์

ซ่งไม่เหมือนกับเด๋ยวน้ท่ลงมาทุกวัน บางวันออกมา ทันสมัย




ป่วนเมือง ๓ เวลาหลังอาหารด้วยซ�า แต่ก็มีบ้างท่ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาโจมตีแบบฉาบฉวย






ในยุคน้นเราต้องจัดกาลังข้นไปบุกโจมตีมันในป่าเขา เพ่อก่อกวน ซ่งก็เป็นการดีเพราะทาให้ฝ่ายเรามีความ




ไม่เหมือนสมัยปัจจุบันท่พวกมันจะลงมาดักถล่มเราถึงท ี ่ ต่นตัวอยู่เสมอ ยุทธการแรกท่พ่เข้าร่วมก็คือ การกวาดล้าง


นาวิกศาสตร์ 19
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔







ขบวนการโจรก่อการร้ายท “เขามะแต” ซ่งอยู่ในเขต โบราณเช่อว่าคนเบญจเพสมักจะมีเคราะห์ แต่พ่ก็รอดมาได้

อาเภอระแงะ อย่างโชคดีท่สุด”





เหตุการณ์คร้งน้นเกือบจะทาให้ผู้หมวดหนุ่มอย่าง นอกจากตัวเองจะได้ช่อว่าเป็นนายทหารท่โชคดีแล้ว


เรือตร ธนกาญจน์ ต้องเอาชีวิตไปท้งขณะท่มีการปะทะ หมวดทหารราบของเรือตร ธนกาญจน์ ยังมีโชคดีเหมือน











กับฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิด ซ่งพลเรือตร ธนกาญจน์ ผบงคบบญชาของตนดวยเชนกน เพราะทหารนาวกโยธน








ในวันน้เล่าถึงความหลังคร้งอดีตว่า ท่มีเรือตร ธนกาญจน์ เป็นผู้หมวดออกปฏิบัติการ














“ตอนน้นเราเดนเท้าเพอเข้าตทหมาย แบ่งกาลง ในลักษณะน้หลายคร้ง เพ่อลาดตระเวนโจมตีฐานท่ม่นของ





ออกเป็นสองหมวด พ่นากาลังหมวดหน่งเข้าสู่ท่หมายทาง ขบวนการโจรก่อการร้าย แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่ามีกาลังพล




ด้านซ้าย ส่วนทางปีกขวาพ่เขมะวันต์นากาลังอีกหน่ง ในหมวดต้องเสียชีวิตเลย



หมวดเข้าโจมต ตลอดเส้นทางท่รุกข้นไปฝ่ายเราต้อง คงมีแต่ผู้ท่ได้รับบาดเจ็บขาขาด แขนขาดจาก




เคล่อนตัวอย่างช้า ๆ คอยตรวจสอบกับระเบิดแสวงเคร่อง กับระเบิดท้งส้น หรือบางคนถูกกระสุนเข้าตามร่างกาย






ท่วางดักไว้เป็นจานวนมาก แต่ก็รอดชีวิตมาได้ท้งส้น อีกท้งในการปะทะยังได้ศพของ






ลูกน้องของพ่คนหน่งช่อประไพเป็นผู้ช่วยเสมียน ฝ่ายตรงข้ามด้วย โดยการปะทะคร้งหน่งหมวดรบของ





ปกติแล้วจะทางานอยู่ในฐานส่วนหลง แต่ในวนน้น เรือตร ธนกาญจน์ ยิงข้าศึกท่อยู่บนเนินร่วงลงมาต่อหน้า

ประไพอาสาท่จะร่วมกับกาลังท่จะเข้าตีข้าศึกโดยเดิน ต่อตา






อยู่ในต�าแหน่งคนที่สามของหัวขบวน ถัดมาก็เป็นทหาร ประสบการณ์หน่งท พลเรือตร ธนกาญจน์




อีกคนหน่งซ่งเดินอยู่หน้าพ ี ่ ได้รับในช่วงท่เป็นนายทหารหนุ่มก็คือ “ข้อจากัด”

เราเดินกันไปได้ไม่นาน ประไพก็เหยียบกับระเบิด ของฝ่ายเราที่มักจะทาให้เกิดความสูญเสียตามมา กล่าวคือ

ตูมสน่นพอส้นเสียงระเบิด ขบวนการโจรก่อการร้ายก ็ เม่อมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการรบหรือเหยียบกับระเบิด



ระดมยงเข้าใส่ฝ่ายเรา ทกคนก็กระโจนเข้าหาทกาบง ฝ่ายเราจะต้องใช้กาลังพลประมาณ ๗ - ๘ นาย








รวมท้งตัวพ่ซ่งเป็นผู้หมวด ในการแบกหามผู้บาดเจ็บกลับออกมาจากแนวหน้า และ




ไม่ว่าจะเป็นดวงชะตาลิขิตหรือฟ้ากาหนด ในระหว่างท่เดินเท้าลงมามักจะมีคนเหยียบกับระเบิด






อะไรก็ตามผู้บังคับหมวดท่ช่อธนกาญจน์จึงแคล้วคลาด ได้รับบาดเจ็บเพ่มข้น ทาให้ต้องจัดชุดข้นไปรับผู้บาดเจ็บ


จากอันตรายราวปาฏิหารย์ เพ่มข้นมาอีก

เพราะในตาแหน่งท่พุ่งตัวลงสู่พ้นเพ่อหมอบวิถ ี ตลอดระยะเวลาสองปีที่อยู่ในหน่วยเฉพาะกิจ



กระสุนข้าศึก สายตาของนายทหารหนุ่มมองเห็น นราธิวาส รูปแบบของการปฏิบัติภารกิจก็เป็นไปใน



“กับระเบิด” อีกลูกหน่งอยู่เบ้องหน้าห่างออกไปเพียง ลักษณะเดิม กล่าวคือ เรือตร ธนกาญจน์ จะนากาลัง



ฝ่ามือเดียวชนิดท่ว่าถ้าพุ่งตัวไปใกล้กว่าน้นอีกหน่อย ออกปฏิบัติการค้นหาแล้วเข้าตีฐานท่ม่นของขบวนการ







ก็คงจะร่างแหลกกระจายเป็นช้น ๆ อย่างแน่นอน โจรก่อการร้ายซ่งส่วนใหญ่เป็น “ฐานลอย” ท่มีกาลัง
พลเรือตร ธนกาญจน์ เล่าถึงความหลังต่อไปว่า ไม่มากนัก

“พ่ยังจาได้ไม่ลืมว่าลูกน้องคนหน่งร้องตะโกน หลังปะทะกันในช่วงเวลาส้น ๆ แล้ว ฝ่ายตรงข้าม





ล่นว่า ผู้หมวดระวังกับระเบิด เพราะเขามองเห็น ก็จะล่าถอยไป ไม่ใช่การรบเหมือน “สงครามตามแบบ”







กับระเบิดลูกน้น หลังจากเหตุการณ์คร้งน้นผ่านพ้นมาแล้ว ระหว่างทหารไทยกบทหารเวยดนามซงเกดขนในอีกไม่



มาย้อนนึกดู พี่ก็ถอนหายใจโล่งอก อดสงสัยไม่ได้ว่าเรา ก่ปีหลังจากน้น







รอดมาได้อย่างไร ในตอนน้นพ่อาย ๒๕ เบญจเพสพอด ซ่ง พลเรือตร ธนกาญจน์ เล่าต่อไปว่า

นาวิกศาสตร์ 20
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ผู้บังคับกองร้อย รับคำาสั่งครั้งแรกที่ กองบังคับการนาวิกโยธิน
(พลเรือเอก ธนกาญน์ ซ้ายสุด)
“เม่อเสร็จจากภารกิจปราบขบวนการโจรก่อการร้าย อาจกล่าวได้ว่า เส้นทางชีวิตราชการของ พลเรือตร ี

ภาคใต้ พ่ก็ไปเรียนโดดร่มและรีคอนได้เคร่องหมาย ธนกาญจน์ (ขณะให้สัมภาษณ์) เข้าสู่ระยะสุดท้าย


ความสามารถมาประดับหน้าอกเช่นเดียวกับนักรบ เพราะเหลืออีกเพียงไม่ถึง ๓ ปีก็จะครบเกษียณ ซ่งหาก







ท้งหลาย เสร็จแล้วก็กลับไปทางานต่อ” เช่อม่นในคากล่าวท่ว่า “ปลายทางอาจไม่สาคัญเท่าส่งท ่ ี


ถึงแม้จะยังไม่เคยเผชิญกับการรบใหญ่ แต่อีก พบพานระหว่างทาง” นายทหารนาวิกโยธินอย่าง พลเรือตร ี















เหตการณหนงท พลเรอตร ธนกาญจน จาไดไมลมกคอ ธนกาญจน์ ก็ได้พบเจอกับความเป็นไปต่าง ๆ อย่างคุ้มค่า


ทหารนาวิกโยธินคนหน่งถูกข้าศึกซุ่มยิงเข้าท่หน้าอก และครบถ้วนแล้ว
รูกระสุนนิดเดียวแต่ไปบานออกด้านหลังขนาดเท่ากาปั้น ถึงแม้วิถีทางในการรับราชการจะเคยหักเหจาก



ท�าให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที แต่ทหารคนนั้นไม่ได้อยู่ นาวิกโยธินอาชีพซ่งได้ช่อว่าเป็น “นักรบ” ไปสู่ตาแหน่ง


ในหมวดของ เรือตร ธนกาญจน์ ทางการศึกษาคือ เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนช่างฝีมือทหาร


คร้นถึงปีงบประมาณ ๒๖ ผู้หมวดธนกาญจน์ย้าย แต่พลเรือตร ธนกาญจน์ ก็ทุ่มเทความรู้ความสามารถ
ไปสังกัดกองพันทหารราบท ๑ ได้เล่อนยศและตาแหน่ง ในการทางานอย่างสุดกาลัง เพ่อให้สมกับท่ได้รับ












สูงข้นเป็นผู้บังคับกองร้อย โดยปีแรกอยู่ในท่ต้งปกต ิ พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดารงตาแหน่งน ้ ี



ปีท่สองออกราชการสนามชายแดน เขตจังหวัดจันทบุร ี ก่อนท พลเรือตร ธนกาญจน์ จะกลับคืนสู่บ้านเกิดและ


และจังหวัดตราด ก้าวข้นสู่ตาแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน




ในช่วงเวลาน้น เขมรเฮงสัมรินซ่งได้รับการสนับสนุน อย่างสมภาคภูม ิ








จากเวยดนามกาลงมอานาจอยในกมพชา ศตรของเขมร และไม่ว่าวันคืนจะล่วงลับผันผ่านไปนานสักเพียงใด






เฮงสัมรินก็คือเขมรพอลพต ซ่งได้รับการสนับสนุนจาก ก็ตาม ส่งท่ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตวิญญาณของ พลเรือเอก

จีน ท้งสองฝ่ายจึงมีการปะทะสู้รบกันเป็นระยะบริเวณ ธนกาญจน์ (ยศสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ) โดยไม่






ชายแดนไทย ทาให้ในบางคร้งมีการล่วงลาเข้ามายัง เปล่ยนแปลงก็คือคาขวัญท่ว่า...

เขตแดนของไทยจนเป็นท่มาของยุทธการบ้านชาราก ซ่ง ึ เป็นนาวิกโยธินสักคร้ง จักฝังหฤทัยจนวายปราณ



ถกบนทกไว้ว่าเป็นการทาการรบ “ตามแบบ” เป็นครง ้ ั





แรกของนาวิกโยธินไทย ดังท่กล่าวมาข้างต้น
นาวิกศาสตร์ 21
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔






ตลอดระยะเวลาประมาณ ๕๐ ป นับต้งแต่เข้ารับราชการ เกษียณอาย จนกระท่งปัจจุบันนับได้ว่าผ้เขียน




มีความค้นเคยกับคาว่า “ยุทธศาสตร์” มากพอสมควร โดยมีโอกาสได้รับการศึกษาเร่องน้ในทุกหลักสูตร

สาขาวิชาชีพ นับตั้งแต่โรงเรียนนายทหารเรือชั้นต้น โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ วิทยาลัยเสนาธิการทหาร
วิทยาลัยการทัพเรือ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โดยแต่ละหลักสูตรนอกจากจะได้รับการบรรยาย


ในช้นเรียน สัมมนาเป็นคณะแล้ว ยังได้มีโอกาสร่วมแก้ปัญหาในการฝึกหัดกาหนดยุทธศาสตร์ในระดับต่าง ๆ


ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ทางเรือ ยุทธศาสตร์ทหาร ยุทธศาสตร์ทะเล จนถึง ยุทธศาสตร์ชาต นอกจากน้ยังม ี

โอกาสทางานจริงในฐานะคณะกรรมการพิจารณาประเมินยุทธศาสตร์กองทัพเรือ เมื่อคร้งเป็นฝ่ายอานวยการ





















กองทพเรอ และหลงเกษยณ เมอครงทไดรบพระมหากรณาธคณโปรดเกลาฯ ใหเปนสมาชกสภาปฏรปแหงชาต ิ








ซ่งต่อมาได้รับการแต่งต้งให้เป็นท่ปรึกษาประจาคณะกรรมาธิการขับเคล่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการ
แผ่นดินสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยังได้มีโอกาสทำางานจริงอีกโดยร่วมเป็นคณะทำางานในการจัดทำารายงาน



การศกษา เรอง การกาหนดยุทธศาสตร์ชาต และจดทาร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ....









เสนอท้งสองสภา ซ่งนับว่าเป็นการจุดประกายเร่มต้นท่มาของพระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐


และยุทธศาสตร์ชาต พ.ศ.๒๕๖๑ – พ.ศ.๒๕๘๐ ท่ประกาศใช้ทุกวันน แต่อย่างไรก็ดีจากการสังเกตตนเองท่มักม ี








ความเข้าใจในประเด็นต่าง ๆ เก่ยวกับยุทธศาสตร์ท่เก่ยวข้องแตกต่างไปจากท่ได้รับทราบจากส่อ และข้อมูลเปิด
ของท้งหน่วยงานราชการและบุคคลท่วไป จึงมีความร้สึกว่าในบางประเด็นเก่ยวกับเร่องน ผ้เขียนหรือหน่วยงาน









รวมท้งบุคคลท่กล่าวถึง อาจมีความเข้าใจคลาดเคล่อน ในการน้จึงมีแนวความคิดในการจัดทาบทความน้ข้นเพ่อ







แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเก่ยวกับประเด็นท่กล่าวมาแล้วนาเสนอเพ่อทราบในลักษณะแลกเปล่ยนความคิดเห็น










ท้งน้การเรียบเรียงจะพยายามให้อ่านง่าย ไม่ใช่เชิงตารา ประโยชน์แฝงท่อาจได้รับ คือ ผ้อ่านบางท่านท่มีหน้าท ี ่

เกี่ยวข้องโดยตรง เห็นดีด้วย อาจปรับนำาไปใช้จริงได้
นาวิกศาสตร์ 22
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔










ก่อนอ่น เพ่อเป็นพื้นฐานสาหรับท่านผ้ท่ยังไม่ค้นเคยกับคาว่า “ยุทธศาสตร์” และเพ่อความเข้าใจตรงกัน
ระหว่างผู้เขียน และท่านผู้อ่านทั่วไป ใคร่ขอกล่าวถึงความหมายของคำานี้เสียก่อน


ตามเอกสารตาราโรงเรียนนายทหารเรือวิชา หลักยุทธศาสตร์ การกาหนดยุทธศาสตร์และกาลังรบ

ซึ่งคุณครู พลเรือตรี วิชิต พิชัยกุล ได้เรียบเรียงไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ ได้กล่าวไว้ว่า คำาว่ายุทธศาสตร์ เริ่มใช้ใน

ประเทศไทยเป็นคร้งแรกในกองทัพบกเม่อประมาณป พ.ศ.๒๔๕๒ โดยใช้เป็นช่อวิชาในโรงเรียนเสนาธิการ



ทหารบก และเป็นชื่อของหน่วยงาน คือ “กองยุทธศาสตร์” ในกรมเสนาธิการทหารบกสมัยนั้น คำานี้มาจาก
ภาษาอังกฤษว่า Strategy ซ่งมีรากฐานจากภาษาละตินและกรีก ว่า Strategus และ Strategia

ท่มีความหมายว่า แม่ทัพใหญ หรือ Commander in-Chief คาน้ในสมัยแรกมีความหมายเป็น ๒ นัย คือ นัยแรก








มความหมายทางทหารในการสงครามหมายถง กลศึกต่าง ๆ สาหรับเอาชนะแก่ข้าศึกโดยไม่ร้ตัว


หรอคดไม่ถึง หรือทาความจังงงแก่ข้าศึก ซ่งก็คือศิลปะในการนาทัพ หรือการอานวยการท้งปวง









เก่ยวกับการทัพ เพ่อให้ได้ชัยชนะข้าศึก ท้งน้จะหมายคลุมถึงศิลปะในการบัญชาการ การยาตราทัพ


















การยทธ และการอานวยการอน ๆ ทงปวง เพอใหไดชยชนะทางทหารในยามสงคราม สาหรบอกนยหนง







ความหมายจะไม่เก่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารยามสงคราม หมายถึง อบาย หรือเล่หกระเททงปวง
เพื่อให้ได้เปรียบเอาชนะศัตรูหรือคู่แข่งขัน
ยุทธศาสตร์เดิมม่งใช้เฉพาะการทหารในการทาศึกสงคราม แต่ปัจจุบันโลกได้มีการพัฒนาไปมาก


การประกอบกิจการต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอดในสังคมมีความสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยการแข่งขัน ยุทธศาสตร์
จึงมีใช้กันในหลายด้านที่มิใช่ทางทหารและในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับชาติ หน่วยงาน บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ

จนกระท่งปัจเจกบุคคลท่อาจใช้โดยไม่ร้ตัว ในการน้ปัจจุบันได้มีนักยุทธศาสตร์บางท่านได้ให้ความหมาย




รวม ๆ ไว้ว่า หมายถึง การใช้กลวธี หรอกลอุบายเพ่อเอาชนะ หรอให้ได้เปรียบศตรูหรือคแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นไปในทาง






ธุรกิจการค้า การเมือง การทหาร

จากความหมายต่าง ๆ ท่กล่าวมาแล้ว หากวิเคราะห์จะเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ก็คือ หนทาง
หรือวิธีการปฏิบัติ (กลวิธี กลอุบาย เล่ห์กระเท่กลศึก) ในการทำาสงคราม หรือทำากิจการใด ๆ เพื่อให้ได้มา
หรือบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาหรือเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่กำาหนด (เอาชนะข้าศึก เอาชนะศัตรู หรือได้


เปรียบค่แข่งขันให้เกิดกาไรสูงสุด) ซ่งการจะกาหนดยุทธศาสตร หรือการจะหาหนทาง ตลอดจนวิธีการปฏิบัติว่า












ควรทาอย่างไรจึงจะให้ได้มาหรือบรรลุในส่งท่ต้องการน้น ๆ จะทาให้สามารถกาหนดทรพยากร หรือเครองมอ

ที่ต้องการสำาหรับเป็นกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ได้
นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔






นอกจากองค์ประกอบพ้นฐาน ๓ ประการของยุทธศาสตร ซ่งได้แก วิธีการ (Way) เป้าหมาย
หรือวัตถุประสงค์สุดท้ายที่กำาหนด (End) และทรัพยากรที่มีอยู่ (Means) นี้ ในการจะกำาหนดยุทธศาสตร ์














เพอหาวธการ เครองมอ รวมท้งสามารถต้งเปาหมาย หรอวตถประสงคสดทายท่ปรารถนาจะให้บรรลุได้อย่าง











เหมาะสมและเปนไปได ยงมตวแปรสาคญทตองพจารณาอกคอ สภาพแวดล้อม (Environment) ในหวงเวลา





















ทตองการใหการไปสเปาหมายทกาหนดบรรลหรอเสรจสน (จะตองมการตรวจสอบเพอหาวามอะไรทอาจเปน









ภัยคุกคามท่ขัดขวาง เป็นส่งท้าทายท่สามารถก่อให้เกิดอุปสรรค และหรือเป็นโอกาสท่เก้อกูลสนับสนุนบ้าง)





ขีดจากัดของทรัพยากร (Constraint of the Resources) และความเส่ยง (Risks) ต่อการล้มเหลวใน


การบรรลุเป้าหมายนั้น ๆ ในการนี้ศาสตราจารย์ Henry C. Barlett แห่งวิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐอเมริกา
ได้แสดงแบบจำาลองการกำาหนดยุทธศาสตร์ไว้ตามภาพ
รูปที่ ๑ แบบจำาลองการกำาหนดยุทธศาสตร์
นาวิกศาสตร์ 24
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔





ยังมีนักยุทธศาสตร์และนักวิชาการ รวมท้งสถาบันท่มีช่อเสียงได้ให้ความหมายของยุทธศาสตร์อีกมาก
ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายกัน หลังจากที่ได้รับทราบจากท่านอาจารย์เหล่านี้ ผู้เขียนมีความเข้าใจคำานี้ว่าหมายถึง


แนวทางหรือวิธีการอย่างกว้าง ๆ โดยใช้ทรัพยากร หรือเคร่องมือตลอดจนขีดความสามารถท่มีอย ู ่






รวมท้งท่เป็นไปได้ในการจะเพ่มเติม หรือพัฒนาในอนาคต เพ่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายท่ต้งไว ้
ในห้วงเวลาที่กำาหนด




สาหรับ “ห้วงเวลาท่กาหนด” หมายถึงระยะเวลาของยุทธศาสตร ท้งน้แล้วแต่ความต้องการ




ของผ้กาหนด ซ่งตามหลักการแล้วอาจแบ่งได้เป็น ระยะส้นท่ไม่เกิน ๕ ป ระยะปานกลาง ๕ - ๑๐ ป และระยะยาว





ตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป ส่วน “แนวทางหรือวิธีการอย่างกว้าง ๆ” นั้นหมายถึง กรอบแนวความคิดในการปฏิบัต ิ
ซึ่งกรอบนี้จะกว้างหรือแคบอย่างไรขึ้นอยู่กับระดับการปฏิบัติ และระยะเวลาของยุทธศาสตร์


เก่ยวกับความสาคัญของยุทธศาสตร์น้นตามทรรศนะของผ้เขียนเห็นว่าเป็นส่งจาเป็นในการเป็น




เคร่องมือสาคัญสาหรับการบริหารการประกอบกิจการของทุกระดับช้น นับต้งแต่การประกอบอาชีพ





ในการดารงชีวิตส่วนบุคคล บริษัท องค์กรหน่วยงาน จนถึงระดับชาต เพ่อให้บรรลุจุดประสงค ์









หรือบรรลุความสาเร็จตามท่ต้งใจไว ท้งน้ยุทธศาสตร์ระยะยาวซ่งสามารถปรับให้เหมาะสมได้ตลอดเวลา


ตามสภาพการณ์ของสภาวะแวดล้อมท่เปล่ยนจะใช้เป็นแนวทางในการกาหนดการปฏิบัติแต่ละห้วงเวลา






ให้อย่ในกรอบแห่งความสาเร็จได ซ่งการปรับยุทธศาสตร์ดังกล่าวอาจกระทาได้ด้วยการเพ่มเคร่องมือ




หรือทรัพยากรเข้าไป การลดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ลง การเปล่ยนยุทธศาสตร์หรือวิธีการ และหรือการยอมรับ
ในการเพิ่มหรือลดความเสี่ยงจากเดิม
ยุทธศาสตร์ระดับสูงสุดที่ใช้ในการบริหารประเทศไปสู่ความปรารถนาสูงสุดที่ตั้งไว้คือ ยุทธศาสตร์ชาติ
ส่วนระดับรองอาจแบ่งได้ตามวิธีการ หรือขีดความสามารถแต่ละสาขาในการเป็นเครื่องมือไปสู่ความสำาเร็จ

เช่น ยุทธศาสตร์การทูต ยทธศาสตร์เศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ทหาร เป็นต้น หรือแบ่งในระดับผ้ใช ้

เช่น จากระดับชาติ อาจจะเป็นตั้งแต่ระดับ กระทรวง กรม ลงไป หรือตามหน้าที่ที่องค์กรปฏิบัติ
ในส่วนของยุทธศาสตร์ทหารอาจแบ่งรองลงไปได้อีกเป็น ยุทธศาสตร์ทางบก ยุทธศาสตร์ทางเรือ







และยุทธศาสตร์ทางอากาศ ท้งนกาลังทางเรือในฐานะท่เป็นส่วนหน่งของพลังอานาจของชาติท่เป็นเคร่องมือ



ของการปฏิบัติท่ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ชาติจะต้องมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ การปฏิบัติตาม
ยุทธศาสตร์ระดับรองลงไป ซึ่งได้แก่ ยุทธศาสตร์ทะเล ยุทธศาสตร์ทหาร และยุทธศาสตร์ทางเรือ
นาวิกศาสตร์ 25
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


สำาหรับความคิดเห็นของผู้เขียนต่อยุทธศาสตร์แต่ละระดับที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือที่ใช้ในปัจจุบันมีดังนี้



































































รูปที่ ๒ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ





นาวิกศาสตร์ 26
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔





1. ยุทธศาสตร์ชาต รายละเอียดยุทธศาสตร์ชาติท่ใช้อย่ในปัจจุบันเป็นข้อมูลเปิด หาดูได้ง่ายค้นหา



จากเว็บไซต์ท่วไป สาหรับการเสนอข้อคิดเห็นของผ้เขียนในเร่องน ก่อนอ่นขอเรียนว่าเม่อคร้งท่ผู้เขียนได้เคย











เป็นคณะทางานในการจัดทารายงานการศึกษาเก่ยวกับยุทธศาสตร์ของสภาปฏิรูปแห่งชาต และสภาขับเคล่อน














การปฏรูปประเทศนน เปนการจัดทารายงานถงความจาเปนทต้องม และหลกการในการกาหนดยุทธศาสตร์ชาต ิ


พร้อมท้งจัดทาร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาต เสนอท้งสองสภาผ่านไปสภานิติบัญญัติแห่งชาติและรัฐบาล


ดำาเนินการต่อเท่านั้น ส่วนการจัดทำายุทธศาสตร์ชาตินั้นได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำาเนินการโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใคร่อยากเรียนเพื่อทราบมีดังนี้


๑.๑ เอกสารค่มือการกาหนดยุทธศาสตร์ในระดับชาติของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร สถาบันป้องกัน

ประเทศ พิมพ์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) ไว้คล้ายกับ


อีกหลายสถาบัน คือ การใช้พลังอานาจของชาติ (National power) ท้งปวงไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ


สังคม การทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และการพลังงาน เพ่อให้บรรลุจุดม่งหมายของชาติ (National end)
ท้งน้โครงสร้างของยุทธศาสตร์จะประกอบด้วยองค์ประกอบท่สาคัญ ๓ ประการได้แก จุดม่งหมาย






ทางยุทธศาสตร์ (Strategic end) ซ่งในระดับชาติมักจะกาหนดเป็นการป้องกันผลประโยชน์ของชาต ิ


(National interest) ไว้ให้ไดกรอบแนวทางในการขับเคล่อนยุทธศาสตร์ (Strategic way) และกลไก




ในการขับเคล่อนทางยุทธศาสตร์ (Strategic mean) ซ่งก็คือ วิธีการ และเคร่องมือ ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ









ทจะส่งผลต่อความสัมฤทธผลในการขับเคล่อนยทธศาสตร สวนลาดับข้นตอนของการกาหนดยุทธศาสตร์ชาตินน





จะเร่มต้นจากการกาหนดจุดม่งหมายทางยุทธศาสตร์ก่อน จากน้นจึงจะออกแบบกรอบแนวทางในการขับ




เคลื่อนยุทธศาสตร์ เพื่อให้ได้จุดมุ่งดังกล่าว ซึ่งจะทำาให้ได้กลไกในการขับเคลื่อนทางยุทธศาสตร์ต่อไป





สาหรับผลประโยชน์ของชาตท่เป็นความปรารถนาสูงสุดเป็นจุดหมายปลายทางท่ต่อเน่องและถาวร

ของชาติแทบทุกประเทศมักจะเป็นในทิศทางเดียวกันคือ ความม่นคง ความม่งค่ง ความมีเกียรติในสังคมโลก








และความผาสุกของชนในชาตส่วนความปรารถนาข้นรองลงมาท่เป็นส่งความต้องการสาคัญท่สุดของชาต ิ

ท่ขาดไม่ได้จะแตกต่างกันตามสภาวะแวดล้อม หลักการ และการดารงอย่ของแต่ละชาติน้น ท้งวิสัยทัศน ์




เป้าหมาย และประเด็นยุทธศาสตร์ ของยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๑ – พ.ศ.๒๕๘๐ ไม่มีการแสดงความปรารถนา
หรือความมุ่งหมายในการให้ได้มาซึ่งความมีเกียรติเป็นที่ยอมรับในสังคมโลก ซึ่งความคิดเห็นของผู้เขียน






ในประเด็นแรกน คือ แม้ว่าอาจมีการกาหนดประเดนน้ในนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความม่นคง
แห่งชาติแล้ว แต่เห็นควรให้เพิ่มประเด็นนี้เข้าไปในวิสัยทัศน์ของประเทศ หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม



ในยุทธศาสตร์ชาติ เพ่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยตระหนักถึงความสาคัญของเร่องน โดยได้จัดเป็นหน่ง ึ






ในความต้องการท่ปรารถนาสูงสุดของชาต พร้อมท้งยังเป็นการรอบคอบท่ได้พิจารณาในภาพรวมอ่น ๆ


ของผลประโยชน์ของชาติในการกาหนดนโยบายและแนวทางการดาเนินการในเร่องความสัมพันธ ์


ระหว่างประเทศและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
นาวิกศาสตร์ 27
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


รูปที่ ๓ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่อง นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
(รายละเอียดดูได้จากเว็บไซต์ค้นหาทั่วไป)








นาวิกศาสตร์ 28
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔




๑.๒ แม้ว่ายุทธศาสตร์ชาติซ่งเป็นกรอบแนวทางอย่างกว้าง ๆ ในการพัฒนาประเทศไปส่เป้าหมาย





ในระยะยาวจะเป็นความจาเป็นของนักยุทธศาสตร์ท่จะต้องทาแผนในลักษณะยืดหย่น โดยเฉพาะเป้าหมายซ่งเป็น




ยอดปรารถนาอันสูงสุดท่ส่วนมากจะถูกกาหนดในลักษณะนามธรรมสูง แต่ในลักษณะยุทธศาสตร์ท่กาลังกล่าวถึง





มหวงเวลาท่กาหนดแน่นอน ๒๐ ป เพ่อเป็นการง่ายในการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลการรวม



ท้งชัดเจนในการใช้เป็นกรอบสาหรับทาแผนยุทธศาสตร์ระดับรองให้สอดคล้อง และบูรณาการกัน เปาหมายท่ปรารถนา



จะให้บรรลุหรือสภาพสุดท้ายของประเทศ เม่อครบกาหนดเวลาที่ต้องการ น่าจะกาหนดในลักษณะท่เป็นรูปธรรม




หรือมีความจับต้องได้มากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงลักษณะที่เรียกว่าพูดอย่างไรก็ถูก หรือพูดอีกก็ถูกอีก แต่ควรกำาหนด


ทแสดงความสมบรณของผลลพธทตองการ ตัวอย่างเช่น “มีความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคาม”







ควรเป็น “มีความพร้อมในการเอาชนะและแก้ไขปัญหาภัยคุกคาม” ทั้งนี้ควรรวมถึงบรรดาตัวชี้วัดต่าง ๆ ด้วย


















รูปที่ ๔ มาตราที่ ๑๐ และ ๑๑ ของพระราชบัญญัติการจัดทำายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐
เกี่ยวกับการปรับแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติ









นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


๑.๓ เคยกล่าวไว้แล้ว ในการกำาหนดยุทธศาสตร์เพื่อหาวิธีการ เครื่องมือ รวมทั้งสามารถกำาหนดเป้าหมายสุดท้าย



















ทตองการจะใหบรรลไดอยางเหมาะสมและเปนไปได มตวแปรสาคญทตองพจารณาคอ สภาพแวดล้อมในหวงเวลา
ที่ต้องการให้การไปสู่เป้าหมายที่กำาหนดบรรลุ ขีดจำากัดของทรัพยากร และความเสี่ยง แผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
ที่ดีควรมีลักษณะยืดหยุ่น เป้าหมาย วิธีการ ควรชัดเจน มีความเป็นรูปธรรม และปรับให้เหมาะสมได้ตลอดเวลา


ตามสภาพแวดล้อม และขีดจากัดของทรัพยากรท่เปล่ยนไปจากท่ได้ประเมินหรือคาดการณ์ไว ท้งนี้การปรบเปล่ยน







อาจกระทาด้วยการลดเป้าหมายลง การเพ่มเคร่องมือ หรือทรัพยากรเข้าไป การยอมรับในความเส่ยงท่เปล่ยนไป





และการเปลี่ยนยุทธศาสตร์หรือวิธีการ




ตามมาตราท ๑๐ และ ๑๑ ของพระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาต พ.ศ.๒๕๖๐ ในรูปท ๔




ตีความได้ว่า แม้จะมีข้นตอนการปฏิบัติพอสมควรแต่ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.๒๕๖๑ - พ.ศ.๒๕๘๐) ท่ใช้บังคับสามารถท่จะ



ปรับปรุงแก้ไขได้ตลอดเวลาหากจาเป็น และเม่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเห็นว่าสถานการณ์หรือสภาวะ



แวดล้อมเปล่ยนไป จนเห็นว่าไม่เหมาะสมท่จะดาเนินการตามยุทธศาสตร์ต่อไป และยังอนุญาตให้มีการทบทวน

ทุก ๆ ๕ ปี โดยไม่จำากัดขอบเขตการทบทวน ซึ่งหมายความว่าอาจเปลี่ยนใหม่หมดก็ได ดังนั้นตามที่ได้มีการ









วิพากษ์กันท่วไป ต้งแต่ยุทธศาสตร์ชาติเร่มใช้จนกระท่งบัดน้ว่า ยุทธศาสตร ๒๐ ป ท่กาหนดด้วยคนยุคปัจจุบัน
(อาจกล่าวเกินเลยว่าตกยุค ไม่ทันสมัย ส่วนใหญ่มาจากภาคราชการ เป็นตัวแทนรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
และอ่น ๆ) เหตุการณโลกสภาวะแวดล้อมท่วไปโดยเฉพาะเทคโนโลยีเปล่ยนไวมาก ๒๐ ปีขางหน้ายุทธศาสตร ์












ท่ใช้ตามไม่ทันแน เร่องน้ผ้เขียนมีความเห็นว่า การวิพากษ์เร่องน้เป็นการเข้าใจผิด ยุทธศาสตร์ชาต ๒๐ ป ี

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับแก้ไขให้เหมาะสมได้ตลอดเวลา เม่อเห็นสมควรและมีการทบทวน





ทุก ๆ ๕ ป ท้งน้ประธานคณะกรรมการ คือ นายกรัฐมนตรีซ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล กรรมการตามตาแหน่ง

จากภาคราชการและเอกชน ๑๗ นาย (แต่ละตาแหน่งจะมีบุคคลผลัดเปล่ยนมาเป็น) และผ้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน ๑๗ นาย





ซ่งอย่ในตาแหน่งได้คราวละ ๕ ป ท้งหมดนี้จะเห็นว่าตลอดเวลา ๒๐ ปีของยุทธศาสตร คณะกรรมการท้งสอง





ประเภทเป็นบุคคลในยุคสมัยนั้น ๆ เช่น ประธานกรรมการในปีที่ ๒๐ คือ หัวหน้ารัฐบาล พ.ศ.๒๕๘๐ กรรมการ
ตามตำาแหน่ง คือ ผู้ดำารงตำาแหน่งสำาคัญของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องใน พ.ศ.๒๕๘๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคือ
ผู้ที่ได้รับคัดเลือกตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๗๖ สมาชิกรัฐสภาซึ่งมีบทบาทสำาคัญในการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลเปน





สมาชิกรัฐสภาใน พ.ศ. น้น ท้งน้ม่นใจว่าเน้อหายุทธศาสตร์ในปีน้น น่าจะถูกเปล่ยนจากปัจจุบันมากกว่าร้อยละ ๕๐



นาวิกศาสตร์ 30
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


รูปที่ ๕ มาตราที่ ๑๒ และ ๑๓ ของพระราชบัญญัติการจัดทำายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐









นาวิกศาสตร์ 31
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔



















๑.๔ นอกจากในขอทแลว ยงมการวพากยอกวายทธศาสตรชาตทใชอยน ประชาชนไม่มีส่วนร่วม





ในการจัดทาเท่าท่ควร การจัดทาเป็นพระราชบัญญัติบังคับใช้เป็นการจากัดเสรีการปฏิบัติของรัฐบาลและหน่วยงาน



ท่เก่ยวข้องมากไป ท่ต้องใช้นโยบายและดาเนินการในการบริหารประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ



และในที่สุดเห็นว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นสิ่งไม่จำาเป็นควรยกเลิก ในการนี้ผู้เขียนมีข้อคิดเห็นดังนี้




























รูปที่ ๖ มาตรา ๗ และ ๘ ของพระราชบัญญัติการจัดทำายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐













นาวิกศาสตร์ 32
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔







๑.๔.๑ ในเร่องการมีส่วนร่วมของประชาชน หากข้นตอนและวิธการปฏิบัติจรงของคณะกรรมการจัดทา




ยทธศาสตร์เป็นไปตามท่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติในรูปท ๖ น่าจะพอเพียงในประเด็นน้ผ้เขียน







ขอให้ความเห็นคือ เท่าท่ผ่านมาเป็นคร้งแรกท่ประเทศไทยได้ประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาต การจัดทาตามข้นตอนอาจมีเวลาจากัด










การทาความเข้าใจต่าง ๆ เก่ยวกับเร่องน้กับพ่น้องประชาชน และผ้อาจเก่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินในอนาคต
จากการเป็นผู้แทนราษฎรอาจน้อยเกินไป แต่ปัจจุบันยุทธศาสตร์ชาติได้ใช้มาประมาณครึ่งทางของวาระแรก ๕ ปี




ทกาหนดใหทบทวนใหมได อีกท้งสถานการณ์โลกตลอดจนภูมิภาคและภายในประเทศได้เปล่ยนจาก ๒ ป ี





ท่แล้วมาก โดยเฉพาะผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม ๒๐๑๙ (Covid - 19) ความขัดแย้ง





ของมหาอานาจในทะเลจีนใต ตลอดจนสถานการณ์การเมืองในประเทศ ยุทธศาสตร์ท่ใช้อย่ควรจะม ี



การปรับปรุงให้เหมาะสมหากใช้โอกาสน้ดาเนินการตามข้นตอนในมาตรา ๘ ของพระราชบัญญัต ิ

ในรูปท่ ๖ โดยอนุโลม และให้พรรคการเมืองทุกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการทบทวน หรือปรับปรุงแก้ไขจนเป็นท่ยอมรับ


อาจทำาให้ข้อวิตกกังวลในประเด็นนี้ลดน้อยหรือหมดไปได้
๑.๔.๒ สาหรับประเด็นท่เห็นว่าการบังคับใช้เป็นการส่งผลให้จากัดเสรีในการปฏิบัติของรัฐบาล



และหน่วยงานรัฐมากจนเกินไปและท่เห็นว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นส่งไม่จาเป็นสมควรเลิก ก่อนอื่นขอเรียนให้ทราบถึง









ความสาคญและความจาเปนในการมยทธศาสตรชาติท่สภาปฏิรูปแห่งชาติได้เคยสรปผลการพิจารณา







ศกษาไวในเอกสารสภาปฏรปแห่งชาติ วาระปฏิรูปที่ ๔ : การกำาหนดยุทธศาสตร์ชาติเสนอรัฐบาล ดังนี้
รูปที่ ๗ วาระปฏิรูปที่ ๔ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔





- การพัฒนาของประเทศขาดความต่อเน่อง เน่องจากนโยบายของรัฐบาลส่วนใหญ่จะคานึงถึงประโยชน ์
เฉพาะในช่วงสมัยรัฐบาลตนมากกว่าผลประโยชน์ของชาติระยะยาว เม่อเปล่ยนรัฐบาลนโยบายในการ






พัฒนาประเทศมักเปล่ยนตามไปด้วย ท้งน แม้ว่าประเทศไทยจะมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่มใช ้












ตงแตป พ.ศ.๒๕๐๔ แผนละ ๔ ป แต่ในการจัดทาแผนน้น ฝ่ายการเมืองมักจะเข้ามามีอิทธิพลแผนนอาจไดรบผลกระทบ
เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล
- ประเทศไทยมีแผนพัฒนาและแผนยุทธศาสตร์ท่หลากหลาย และกระจัดกระจายไปตามแต่ละกระทรวง

โดยแต่ละหน่วยงานต่างจัดทาแผนและยุทธศาสตร์ระยะต่าง ๆ เป็นของตัวเอง และเป็นเอกเทศจากแผน





และยุทธศาสตร์ของหน่วยงานอ่น การท่หน่วยงานต่าง ๆ มีการจัดทาแผนเพ่อม่งพัฒนาเฉพาะรายสาขา




ส่งผลให้แผนพัฒนาเหล่าน้นขาดการบูรณาการเป็นองค์รวม และไม่มีการจัดลาดับความสาคัญในการพัฒนาประเทศ





แมคณะกรรมการพฒนาการเศรษฐกจและสงคมแหงชาตจะไดบรณาการแผนตาง ๆ เขาดวยกน













แต่อานาจหน้าท่ตามกฎหมายของคณะกรรมการกลับไม่เอ้อต่อการทาหน้าท่บูรณาการแผนพัฒนาท่สาคัญ

ของประเทศให้ครอบคลุมทุกมิติการพัฒนาประเทศ




- การขับเคล่อนการพัฒนาประเทศจาเป็นต้องระดมกาลังจากทุกภาคส่วน หน่วยงานในภาครัฐ ท้งส่วนราชการ

และรัฐวิสาหกิจท่ต้องมีการพัฒนาท่สอดคล้องกัน และใช้ทรัพยากรท่สะท้อนเป้าหมายได้ผลสัมฤทธ์ภาคธุรกิจ
















เอกชน เปนสวนรวม โดยมการลงทนทสอดรบกบเปาหมายของยทธศาสตรระดบชาต ทงน การขบเคลอนการพฒนา












ตามยุทธศาสตร์ชาติต้องได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชนดวย ดังน้นการมียุทธศาสตร์ชาติท่เหมาะสม
ที่เกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม จะทำาให้การกำาหนดอนาคตเป็นไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
ของชาติ โดยมีประชาชนมีส่วนร่วม


- ความสำาเร็จของประเทศพัฒนาส่วนใหญ่เพราะมียุทธศาสตร์ชาต ซ่งยึดวัตถุประสงค์หลักของชาต ิ

เป็นแม่บทหลักเพ่อการกาหนดนโยบาย กาหนดทิศทางการพัฒนา การบริหารราชการแผ่นดิน การจัดสรร



งบประมาณและอ่น ๆ แต่ประเทศไทยยังไม่มีการจัดทาอย่างเป็นทางการและจริงจัง ซ่งการไม่มียุทธศาสตร์ชาต ิ




อย่างเป็นทางการน้ได้ส่งผลให้การพัฒนาประเทศยังล้าหลังกว่าหลายประเทศในกล่มอาเซียน ท้งท่ประเทศไทย


มีความพร้อมและได้เปรียบกว่าหลายประการ
ด้วยเหตุท่กล่าวมา การทายุทธศาสตร์ชาติจึงเป็นภารกิจท่สาคัญในการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต





โดยจะเป็นแม่บทหลักท่เป็นกรอบการกาหนดนโยบายสาหรับการพัฒนาประเทศ กาหนดทิศทาง เป้าหมาย





หรือแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน การจัดสรรงบประมาณ รวมท้งเป็นแนวทางสาหรับการพัฒนา
ภาคเอกชน และประชาชน เพ่อให้บรรลุเป้าประสงค์ท้งด้านความม่นคง ม่งค่ง ย่งยืน รวมท้งมีอธิปไตย







และศักดิ์ศรีในสังคมโลก






เก่ยวกับประเด็นน ในเร่องความสาคัญและความจาเป็นของประเทศในการมียุทธศาสตร์ชาต ผ้เขียนมีความเห็น









สอดคลองตามเอกสารสภาปฏิรูปแหงชาติทกล่าวมาแล้วทุกประการ ทงน นอกจากข้อพิจารณาในการพัฒนา


ประเทศแล้ว การมียุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบแนวทางการจัดการพลังอานาจด้านการทหารของประเทศ
เพ่อสนองตอบการบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของชาติท่กาหนดไว จะทาให้การกาหนดยุทธศาสตร ์













ของแตละเหลาทพเปนไปทศทางเดยวกนโดยเฉพาะสามารถปฏบตการรวมกนในการเอาชนะภยคกคามทอาจเปนไปได ้










ตามหนาท่รับผดชอบ และสาหรบในเร่องท่เหนวา การบังคับใช้เป็นการจากัดเสรีในการปฏิบัติของรัฐบาล










นาวิกศาสตร์ 34
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔

















และหนวยงานตาง ๆ จนเกินไป ผเขยนยังเหนวาหากการจัดทายทธศาสตร์เปนไปตามหลกการท่เปาหมายรวมเด่นชด




แต่กรอบทิศทางการปฏิบัติไปส่เป้าหมายเป็นไปอย่างกว้าง ๆ และยืดหย่นพอท่จะทาให้ผ้ปฏิบัติสามารถ

ออกนโยบาย แนวความคิด หรือยุทธศาสตร์ในห้วงเวลาของตนเองได้ จะไม่เป็นการจากัดเสรีในการปฏิบัต ิ



หรือการออกนโยบายในการบริหารประเทศของผ้ท่จะเข้าทาหน้าท่รัฐบาลมากนัก หากการปฏิบัติหรือนโยบายน้น ๆ



ไม่ออกนอกกรอบที่กำาหนดไว้ นอกจากนี้หากเห็นว่ามาตรการ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผล



ท่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐ เข้มงวดเกินไป หรืออาจเป็นเหตุให้มีการใช ้
ดุลพินิจท่อาจมีการกล่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้ อาจปรับปรุงแก้ไขมาตรการในพระราชบัญญัต ิ


ดังกล่าวให้เหมาะสมรัดกุมยิ่งขึ้น น่าจะสามารถแก้ข้อกังวลในเรื่องนี้ได้
























รูปที่ ๘ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี










นาวิกศาสตร์ 35
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


2. ยุทธศาสตร์ทะเล





๒.๑ ทะเลมีประโยชน์มหาศาลแก่มวลมนุษย์มาช้านาน เร่มต้งแต่ใช้เป็นแหลงอาหาร เป็นเสนทางคมนาคม
ติดต่อและค้าขาย ใช้เป็นเส้นทางแสวงหาอำานาจ และป้องกันดินแดน และเมื่อวิทยาการทางเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น



ได้มีการค้นพบว่า ทะเลนอกจากจะเป็นแหล่งทรัพยากรท่มีชีวิตแล้ว พ้นท้องทะเลยังเต็มไปด้วยทรัพยากรท่ไม่มีชีวิต
เช่น แร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเลียม และอื่น ๆ อีก ตลอดจนใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้อีก
โลกปัจจุบันและแนวโน้มอนาคตต่อไป เป็นยุคของการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ทะเลยิ่งมีความสำาคัญเป็นทวีคูณ





เพราะการค้าระหว่างประเทศซ่งเป็นหัวใจหลัก จะมีวงจรท่เก่ยวกับการขนส่งทางเรืออย่างต่อเน่อง ท้งในการนาเข้า

วัตถุดิบและพลังงานป้อนเข้าสู่แหล่งผลิต และส่งออกสินค้าจากการผลิตไปยังตลาดคู่ค้า สาเหตุที่การขนส่งทางเรือ





ต้องเข้ามาเก่ยวข้องและถูกใช้เป็นวิธีขนส่งหลัก เน่องจากมีค่าใช้จ่ายตามากเป็นการขนส่งท่ได้ปริมาณมาก พร้อมท้ง


หลากหลายเม่อเปรียบเทียบกับการขนส่งวิธีอ่น การค้าขายโดยการขนส่งสินค้าทางเรือหรือการค้าขายทางทะเล





จึงเป็นส่งท่ได้รับการนิยมมากท่สุดมากกว่าการค้าขายใด ๆ โดยมีปริมาณกว่าร้อยละเก้าสิบของสินค้าท้งหมดในโลก
ทั้งนี้ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่า ชาติที่มั่งคั่งส่วนใหญ่มักจะเป็นชาติการค้า (Trading Nation) และชาติการค้า













ส่วนใหญ่มักจะเป็นชาตทมขอบเขตดนแดนตดทะเลทมศกยภาพหรอขดความสามารถในการใชทะเล
ดำาเนินกิจการต่าง ๆ ของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำาให้เกิดประโยชน์สามารถเป็นพลังส่วนหนึ่งของกำาลัง
อานาจแห่งชาติได้ ซึ่งชาติพวกน้จัดอย่ว่าเป็นชาติทะเล (Maritime Nation) และสาหรับศักยภาพหรือขีดความ




สามารถในการใช้ทะเลดังกล่าวได้มีการให้คานิยามท่เก่ยวข้องไว คือ สมททานภาพ (Sea Power) ซ่งมีความหมายว่า










“ขีดความสามารถของรัฐชายฝ่งในการใช้ทะเลให้เกิดความม่นคง และม่งค่งแก่รัฐได้อย่างมีประสิทธิผล




และย่งยน” ท้งน้ในเร่องของสมุททานุภาพ พลเรือตร Alfred Thayer Mahan แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา



และนักยุทธศาสตร์คนสาคัญของโลกได้เคยกาหนดทฤษฎีไว้ตอนหน่ง สรุปได้ว่า สมุททานุภาพประเทศใดข้นอย่กับ









ปัจจัยพ้นฐานทางกายภาพ และประชากรประเทศน้นท่เก้อกูลหรือสนับสนุน (Element of Sea Power)
๖ ประการ คือ ตาบลท่ต้งทางภูมิศาสตร์ สภาพภูมิประเทศ ขอบเขตดินแดน จานวนประชากร อุปนิสัยของชนในชาต ิ




และคุณลักษณะของรัฐบาล ส่วนศักยภาพของสมุททานุภาพจะมากน้อยประการใดขึ้นอยู่กับขีดความสามารถ


ตัวขับเคล่อนซ่งเรียกว่าองค์ประกอบสมุททานุภาพ (Components of Sea Power) ๖ ประการ คือ นาวิกานุภาพ


กิจการพาณิชย์นาวี ท่าเรือ และส่งอานวยความสะดวก อุตสาหกรรมการต่อเรือ สถาบันทางการค้า
และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
นาวิกศาสตร์ 36
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


รูปที่ ๙ แผนที่สมัยอาณาจักรสุโขทัย และอยุธยา






นาวิกศาสตร์ 37
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔



แม้จะไม่เคยมีการระบุว่าเป็นชาติทะเล แต่จากประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษไทยเราร้จัก



และใช้ทะเลให้เกิดประโยชน สนับสนุนพลังอานาจหลักของชาติมาช้านาน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจท่ไทย



หรือสยามมีความเจริญร่งเรืองมาเป็นลาดับ ด้วยการค้าขายทางทะเลระหว่างประเทศเร่มต้งแต่เม่อคร้งเมืองหลวง























อยทสุโขทย ซงตงอยบนเสนทางการค้าผานคาบสมทรระหวางอาวเมาะตะมะ และท่ราบลมแมนาโขงตอนกลาง




จนกระทงสมยกรงศรอยธยาทเจรญมงคงถงขดสด เปนยคทองทนานาชาตยอมรบ โดยเฉพาะกอนยคปลาย

























เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์นาวีของภูมิภาค เรือใหญ่เข้าจอดและเทียบท่าเป็นจานวนมาก ค่ค้าสาคัญได้แก ่
เมืองมะละกา เกาะชวา จีน อินเดีย โปรตุเกส อังกฤษ และฝร่งเศส ขอบเขตดินแดนขยายครอบคลม



ไปทวคาบสมทร สามารถใชเมองทาได้ตลอดสองฝ่งทะเล มีการกล่าวว่าความใหญ่โตของอยุธยาในยุคน้น
















คอ เป็นหน่งในเมองทใหญท่สดของเอเชยตะวนออกเฉยงใต โดยเฉพาะในรชสมยสมเดจพระนารายณมหาราช









กล่าวกันว่าอยุธยาเป็นหน่งในสามมหาอานาจเอเชียเทียบเท่าจีนและวิชัยนคร (อินเดียใต้) สาหรับยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น



ท่นอกจากจะเป็นเมืองท่าปลายทางของค่ค้า เป็นตลาดในการซ้อขายแลกเปล่ยน หรือส่งผ่านไปประเทศท่สามแล้ว





ยังมีการส่งออกสินค้าโดยใช้เรือไทยไปยังค่ค้าประเทศต่าง ๆ ด้วย สาหรับกิจการต่อเรือได้มีการเร่ม



ต่อเรือกาป่นใหญ่ท้งเรือรบและเรือสินค้าแบบตะวันตกได้ในสมัยรัชกาลท ๓ หลังจากท่ได้มีการต่อเรือสาเภาจีน





เป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่ได้รับการนิยมมาก่อน มีการบันทึกว่าท่าเรือกรุงเทพฯ สมัยนั้น (พ.ศ.๒๔๕๓) เป็นท่าเรือ
ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกไกล มีเรือสินค้าไทยกว่า ๒๐๐ ลำา


สาหรับการใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์สนับสนุนพลังอานาจแห่งชาติด้านการทหารคร้งสาคัญได้แก ยุทธการ





“จากทะเล” ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการยาตรากาลังทางเรือจากจันทบุรีเพ่อปฏิบัติการสะเทินนา



สะเทินบก ณ พ้นท่เป้าหมายค่ายโพธ์สามต้นในสงครามก้ชาต และอีกคร้งในสมัยรัชกาลท ๓ ท่เป็นการใช้ทะเล












ในการยาตรากาลังทางเรือเพ่อเตรียมการยกพลข้นบกด้วยกาลังรบประมาณสองหม่นนาย เพ่อทาการยุทธบรรจบ



กับกำาลังทางบก ณ พื้นที่เป้าหมายดินแดนข้าศึกนอกประเทศในสงครามอานามสยามยุทธ
รูปที่ ๑๐ เส้นทางการยาตรากำาลังทางเรือในสงครามกู้ชาติ
และแผนการยุทธบรรจบในสงครามอานามสยามยุทธ
นาวิกศาสตร์ 38
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔




อาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันเป็นลักษณะก่งคาบสมุทร เหนือตอนกลางของประเทศข้นไปติดกับแผ่นดินใหญ ่
ของทวีป ใต้ลงมาลักษณะเรียวเป็นแผ่นดินติดกับทะเลทั้งสองด้านคือ ด้านตะวันตกเป็นทะเลอันดามัน มหาสมุทร


อินเดีย ด้านตะวันออกเป็นอ่าวไทย มหาสมุทรแปซิฟิก แต่ใต้สุดของประเทศก่อนถึงช่องแคบมะละกา ซ่งเช่อม




ระหว่างสองมหาสมุทรท่กล่าวมาแล้ว มีแผ่นดินของประเทศมาเลเซียขวางก้นอยู อาณาเขตทางทะเลพ้นท่ประมาณ

๓๒๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ความยาวชายฝั่งรวมประมาณ ๓,๐๑๐ กิโลเมตร เป็นด้านอ่าวไทย ๑,๙๗๒ กิโลเมตร








และดานอนดามน ๑,๐๓๗.๕ กโลเมตร การแบงอาณาเขตทางทะเลของไทยประกอบดวยนานนำาภายใน

ทะเลอาณาเขต เขตต่อเน่อง เขตไหล่ทวีปทางด้านอ่าวไทย และเขตเศรษฐกิจจาเพาะ รวมท้งสามารถใช้ทะเลหลวงได ้




หากไม่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ สาหรับการใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์ของไทยในปัจจุบันน้น นอกจาก
ด้านการทหารท่ใช้ในการป้องกันประเทศ การปกป้องผลประโยชน์และค้มครองสนับสนุนการดาเนินกิจกรรม



ทางทะเลต่าง ๆ ของชาติ ตลอดจนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้ว ในเชิงเศรษฐกิจมูลค่าผลประโยชน์ทางทะเล

ประมาณปีละกว่า ๒๐ ล้านล้านบาท จากกิจกรรมทางทะเลท่เก่ยวข้อง หรือต่อเน่องกับการขนส่งทางเรือ การประมง


การจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต และการท่องเที่ยว





























รูปที่ ๑๑ มูลค่าผลประโยชน์เศรษฐกิจทางทะเลของไทย



นาวิกศาสตร์ 39
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔









จากการจัดอันดับชาติทะเลช้นนาของโลก ล่าสุดเม่อป ค.ศ.๒๐๑๘ ของสถาบันซ่งเป็นท่ยอมรับท่วไปโดย
ประเมินจากขีดความสามารถและประสิทธิภาพของการใช้ทะเล ผลปรากฏว่าจากการจัดอันดับ ๓๐ ประเทศแรก

จีน อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา และญ่ปุ่น อันดับ ๒ เยอรมัน นอร์เวย อันดับ 3 สาธารณรัฐเกาหลีใต ้

อันดับ ๔ ประเทศอาเซียนสิงคโปร อันดับ ๙ มาเลเซีย อันดับ ๑๕ อินโดนีเซีย อันดับ ๒๐ เวียดนาม ๒๘

ฟิลิปปินส์ ๒๙ ประเทศไทยและที่เหลือไม่ติดอันดับ














รูปที่ ๑๒ ผลการจัดอันดับชาติทะเลชั้นนำาของโลก ๓๐ อันดับ ปี ค.ศ.๒๐๑๘



จากการสังเกตชาติทะเลช้นนาของโลก จะเห็นว่าแทบทุกชาติล้วนแต่มีพลังอานาจทางเศรษฐกิจเหนือกว่า





ประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นชาติอาเซียน ๒ ชาต คือ เวียดนาม และฟิลิปปินส ท่แม้จะไม่เหนือกว่า

แต่ก็ไม่ด้อยกว่ามากนัก และมีแนวโน้มจะแซงได้ด้วยซาในไม่ช้า ด้วยขีดความสามารถในการใช้ทะเลท่เหนือกว่า


ในการนี้หากพิจารณาชาติอาเซียนอีก ๓ ชาติ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตลอดจนบางชาติในภูมิภาคอื่น



ถ้าตัดขีดความสามารถหรือพลังอานาจทางทะเลออกไปจะไม่มีพลังอานาจทางเศรษฐกิจอ่นท่เหนือกว่าประเทศไทย



ประกอบกับท่ต้งของประเทศ สภาพทางภูมิศาสตร ภูมิอากาศ ตลอดจนลักษณะทางกายภาพอ่น ๆ ของไทย


เอื้ออำานวยต่อการดำาเนินกิจการทางทะเลรูปแบบต่าง ๆ ได้ดีกว่าด้วย ซึ่งกิจการทางทะเลนี้ ตามที่กล่าวมาแล้วไทย


เราเคยมีความสามารถในการใช้ทะเลให้เกิดประโยชน เป็นบ่อเกิดพลังอานาจหลักแห่งชาต ทาความเจริญร่งเรือง





เป็นชาติทะเลช้นนาของโลกเหนือกว่าประเทศอ่น ๆ ในภูมิภาคมาแล้ว และปัจจุบันผลของการดาเนินกิจการดังกล่าว



เกิดมูลค่าผลประโยชน์ต่อชาติประมาณปีละ ๒๐ ล้านล้านบาท จึงทาให้เกิดข้อคิดว่า หากประเทศไทยจะสร้าง
ความสามารถการแข่งขันด้านน้โดยการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้ทะเลให้สูงข้น น่าจะเป็นการช่วย








หรือทาให้ประเทศมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงข้น ผลประโยชน์จากกิจการน้อาจเพ่มข้นเป็นทวีคูณจนอาจทาให ้



เปล่ยนสถานะของประเทศให้เป็นประเทศท่พัฒนาแล้ว มีความม่งค่ง รายได้เฉลี่ยของชนในชาติอย่ในเกณฑ์สูง


ตามที่ต้องการภายในห้วงเวลาที่กำาหนด
นาวิกศาสตร์ 40
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


รูปที่ ๑๓ การจัดอันดับท่าเรือ Container โลกปี ค.ศ.๒๐๑๘


(จบตอนที่ 1)





นาวิกศาสตร์ 41
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


ค�ำว่ำ "หลักนิยม" (doctrine) มำจำกค�ำ "doctrina" Tentative Manual of Landing Operations


ในภำษำลำติน ซ่งแปลว่ำ ค�ำส่งสอน ค�ำแนะน�ำ หลักนิยม คือ หลักนิยมกำรยกพลข้นบกเล่มแรกของนำวิกโยธิน


สืบทอดมำจำกรำกฐำนควำมเช่อตำมค�ำสอนท่ส่งสอน สหรัฐอเมริกำ ที่มีกำรน�ำมำใช้อย่ำงเป็นทำงกำรครั้งแรก







กันมำ เคยมีผู้แปล doctrine ว่ำ ลัทธ หลักค�ำส่งสอน ในปี ค.ศ.๑๙๓๔ ซ่งเน้อหำส่วนใหญ่น้นได้มำจำกบทเรียน


อนเป็นควำมเชอ และเป็นทยอมรบของผ้คน โดยสำระ จำกกำรรบ (Lesson Learned) จำกสมรภูมิกัลลิโพล ี







ส�ำคัญแล้ว หมำยถึง "สิ่งที่เรำเชื่อ" (What We Believe) (Gallipoli Campaign) ในสมัยสงครำมโลกคร้งท ๑




โดยหลักนิยมน้น จะมีควำมเก่ยวเน่องซ่งกันและกัน ซ่งนับเป็นกำรสูญเสียอย่ำงมำกของกองทัพอังกฤษ


ของหลักกำรสงครำม ประวัติศำสตร์สงครำม กำรทดลอง จนภำยหลงสงครำมมกำรยกเลกหลกนยมกำรยกพล







ใช้กับหน่วยปฏิบัต และกำรน�ำไปใช้ในกำรปฏิบัติกำรจริง ข้นบกเน่องจำกกำรสูญเสียดังกล่ำว (ภำยหลังได้มีกำร


โดยจะมีวงรอบในกำรทบทวน เช่น ในกำรปฏิบัติกำร ทบทวน และก่อต้งหน่วยให้กลับมำมีขีดควำมสำมำรถ
ต่ำง ๆ ในสถำนกำรณ์ปัจจุบันหลักนิยมเดิมอำจจะ ในกำรยกพลได้อีกคร้ง) แต่ฝ่ำยนำวิกโยธินสหรัฐอเมริกำ

ใช้ไม่ค่อยได้ผล เน่องจำกสภำวะแวดล้อมต่ำง ๆ กลับมองเห็นว่ำบทเรียนน้จะเป็นโอกำสอันดีในกำร





ได้เปล่ยนแปลงไป เช่น เทคโนโลย สภำวะเศรษฐกิจ ปรับปรุงหลักนิยมในกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก



กำรเมอง หรออำจจะไดจำกกำรศกษำบทเรยนจำกกำรรบ ในกองทัพสหรัฐอเมริกำ





จำกเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ แล้วมำวิเครำะห์และสังเครำะห์ ในวันท ๗ ธันวำคม ค.ศ.๑๙๓๓ ได้มีกำรก่อต้งหน่วย


ออกมำเป็นหลักนิยมใหม่ หรือหลักนิยมท่ได้ปรับปรุง Fleet Marine Force ซ่งประกอบด้วยก�ำลังทำงเรือ

ทบทวนแล้ว และกองก�ำลังนำวิกโยธิน เป็นหน่วยท่มีภำรกิจหลัก


อย่ำงไรก็ตำม ควำมหมำยท่ชัดเจนท่สุดและเข้ำใจ คือกำรปฏิบัติกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก และรบ

ได้ง่ำยที่สุดของหลักนิยม ได้แก่ นอกประเทศ โดยในห้วงเวลำน้นส่วนใหญ่จะปฏิบัติกำรยุทธ




"หลักนิยม" คือ ส่งท่เรำเช่อว่ำเป็นหนทำงท "ดีท่สุด" สะเทินน�้ำสะเทินบก เพื่อยึดและรักษำพื้นที่ส�ำคัญต่ำง ๆ




ในกำรท�ำกิจกรรมใด ๆ ไว้เป็นฐำนทัพหน้ำในกำรปฏิบติกำรต่อไป แม้ว่ำหน่วย
42
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔




Fleet Marine Force จะมีทั้งก�ำลังทำงเรือ และกองก�ำลัง เกิดควำมสับสน เม่อปฏิบัติแล้วปรับปรุงเน้อหำให้

นำวิกโยธินอยู่ในโครงสร้ำงด้วยกัน แต่ก็ยังประสบปัญหำ สำมำรถปฏิบัติกำรโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกได้อย่ำง


กำรปฏิบัติร่วมกันในช่วงต้นของกำรก่อต้ง เน่องจำก มีประสิทธิภำพ


ยังไม่มีต�ำรำหรือเอกสำรท่จะใช้อ้ำงอิงในกำรท่จะต้อง
ปฏิบัติภำรกิจต่ำง ๆ ร่วมกัน นำวิกโยธินก็ใช้ต�ำรำของ
โรงเรียนนำวิกโยธินอ้ำงอิงในกำรปฏิบัต ซ่งในบำงหัวข้อน้น



ก�ำลังทำงเรือไม่สำมำรถปฏิบัติได้

















เครื่องหมำย Fleet Marine Force ส�ำหรับก�ำลังพลทหำรเรือ
ที่ผ่ำนกำรทดสอบขีดควำมสำมำรถ เพื่อสำมำรถบรรจุลงหน่วย
และปฏิบัติงำนร่วมกับนำวิกโยธินในกองก�ำลังต่ำง ๆ
พลโท John Archer Lejeune หัวหน้ำคณะท�ำงำนผลิตต�ำรำ

เพ่อให้ก�ำลังทำงเรือและก�ำลังทำงบกสำมำรถ

ปฏิบัติภำรกิจต่ำง ๆ ได้อย่ำงสอดคล้องซ่งกันและกัน กำรยุทธสะเทินน�้ำสะเทินบก
ในเดือนมกรำคม ค.ศ.๑๙๓๔ จึงมีกำรริเร่มจัดท�ำ หนงสือ Tentative Manual Of Landing Operations







ร่ำงเอกสำรกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกข้นในช่อว่ำ ได้จัดท�ำเสร็จในเดือนมิถุนำยน ค.ศ.๑๙๓๔ ซ่งเน้อหำ
Tentative Manual Of Landing Operations ภำยในประกอบด้วยหัวข้อต่ำง ๆ ดังนี้




โดยโรงเรยนนำวกโยธนได้ตงคณะท�ำงำนนำโดย - ควำมสัมพันธ์ในกำรบังคับบัญชำ (Command


อดีตผู้บัญชำกำรทหำรนำวิกโยธินสหรัฐอเมริกำ ล�ำดับที่ Relationship)

๑๓ พลโท John Archer Lejeune ซึ่งในขณะนั้นอยู่ใน - กำรสนบสนนด้วยปืนเรอ (Naval Gunfire


ช่วงเกษียณอำยุรำชกำรแต่ยังรับหน้ำที่เป็นผู้อ�ำนวยกำร Support)

หลักสูตรทำงทหำรอยู่ท Virginia Military Institute - กำรสนับสนุนทำงอำกำศ (Aviation Support)

ในคณะทำงำนยงประกอบไปดวยกำลงพลจำกนำวกโยธน - กำรเคล่อนท่จำกเรือสู่ฝั่ง (Ship to Shore









ซ่งมีทุกช้นยศ จ�ำนวน ๗๐ นำย กองทัพเรือ ๔ นำย Movement)


และกองทัพบก ๑ นำย โดยเน้อหำส่วนใหญ่เป็นกำร - กำรรักษำหัวหำด (Security Beachhead)

วิเครำะห์บทเรียนทำงกำรรบในสมรภูม Gallipoli - กำรส่งก�ำลังบ�ำรุง (Logistics)


ในช่วงสงครำมโลกคร้งท ๑ และอีกหลำย ๆ สมรภูม ิ กำรปฏิบัติกำรทำงเรือ ผู้บังคับกำรกองเรือเฉพำะกิจ



รวมถึงทบทวนต�ำรำเก่ำ ๆ ท่เข้ำใจไม่ตรงกันหรือ สะเทินน้ำสะเทินบก มีหน้ำท่รับผิดชอบทุกกองก�ำลัง


นาวิกศาสตร์ 43
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔



ในกองเรือ ซ่งกองก�ำลังหลักจัดมำจำกหน่วย Fleet

Marine Force และ Naval Support Group ในข้น


กำรปฏิบัติกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกน้น เอกภำพ
ในกำรบังคับบัญชำอยู่ภำยใต้ผู้บังคับกำรกองเรือ

เฉพำะกิจฯ เพ่อให้ผู้บังคับกำรกองเรือสำมำรถให้แนวทำง
หรือก�ำหนดกรอบในกำรปฏิบัติในขั้นต่ำง ๆ แก่ก�ำลังรบ
ยกพลข้นบก เพ่อให้สอดคล้องและเป็นทิศทำงเดียวกัน



แต่ส่งท่ยังขำดหำยไปในรำยละเอียดของควำมสัมพันธ์

ในกำรบังคับบัญชำจำกหนังสือ Tentative Manual of
Landing Operations คือ ขั้นตอนในกำรส่งผ่ำนอ�ำนำจ
และควำมรับผิดชอบในกำรบังคับบัญชำบนฝั่งในกำร กำรยกพลขึ้นบกที่ Gallipoli


ปฏิบัติกำรท่ลึกเข้ำไปในพ้นท่ฝ่ำยตรงข้ำมมำก ๆ หรือ ในเดือนถัดมำต�ำรำ Tentative Manual of Landing

ในกำรปฏิบัติกำรท่ใช้เวลำยำวนำน แต่หลังจำกมีกำร ถูกพิมพ์แจกจ่ำยไปยัง Department of Navy หรือ










ปรบปรงตำรำเล่มนแล้วมกำรอธบำยรำยละเอยดใน ทบวงทหำรเรือ โดยเปล่ยนช่อใหม่เป็น Manual For

ขั้นตอนนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น Naval Overseas Operations

นอกจำกน้ยังได้น�ำบทเรียนจำกกำรสูญเสีย ในปี ค.ศ.๑๙๓๕ ได้มีกำรทบทวนต�ำรำในส่วนเน้อหำ




โดยเฉพำะในข้นตอนกำรเคล่อนท่จำกเรือสู่ฝั่งในสมรภูม ิ และปรับปรุงรูปเล่มโดยเฉพำะรูปภำพต่ำง ๆ ให้มีควำม

Gallipoli อันเน่องมำจำกเป็นช่วงท่ก�ำลังภำคพ้นจะกลำย ถูกต้องและสวยงำมมำกขึ้น เนื่องจำกในหนังสือต้นฉบับ







เป็นเป้ำเคล่อนท ท่มุ่งเข้ำหำระยะยิงต่ำง ๆ จำกฝ่ำย น้น มีระยะเวลำในกำรจัดท�ำค่อนข้ำงส้นจึงไม่สำมำรถ


ตรงข้ำม ซ่งล่อแหลมต่อกำรถูกโจมตีอย่ำงมำก ท�ำให้ ลงรำยละเอียดต่ำง ๆ ได้ครบถ้วน นอกจำกน้ยังมีกำร

ในหนังสือ Tentative Manual of Landing Operations ปรับปรุงต�ำรำให้ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น






มขนตอนในกำรยงสนบสนนต่ำง ๆ ทหนำแน่นจำก - ปี ค.ศ.๑๙๓๘ ใช้ชื่อ Landing Operations



ปืนเรือ หรืออำกำศยำนท่สอดคล้องกับขั้นกำรเคล่อนท ่ ี Doctrine


จำกเรือสู่ฝั่ง ไปจนกระท่งข้นกำรโจมตีเพ่อคุ้มครองก�ำลัง




ภำคพ้น และสร้ำงสภำวะให้เก้อกูลในกำรปฏิบัติบนฝั่ง
ต่อไป
ในกำรส่งก�ำลังบ�ำรุง Tentative Manual of Landing
ได้อธิบำยข้นตอนกำรบรรทุกอุปกรณ์และสัมภำระต่ำง ๆ

ในเรือให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรของก�ำลังรบ



ยกพลข้นบกท่จะใช้บนฝั่ง เน่องจำกกำรข้นสู่เรือจะ


สัมพันธ์กับกำรเคล่อนท่จำกเรือสู่ฝั่ง และกำรด�ำเนิน

กลยุทธ์บนฝั่ง เช่น อะไรจะใช้ก่อนให้บรรทุกทีหลัง หรือ
อะไรจะใช้ทีหลังให้บรรทุกก่อน เน่องจำกเรือรบใน

สมัยก่อนยังไม่มีแท่นหมุนท่จะสำมำรถจัดระวำงต่ำง ๆ

ใหม่ในระหว่ำงที่เรืออยู่ในทะเลได้ Landing Operations Doctrine
44
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


- ปลำยปี ค.ศ.๑๙๓๘ ใช้ชื่อ Fleet Training ยกพลตำมหนังสือ ในปี ค.ศ.๑๙๓๕



Publication (FTP) 167 ซ่งถือได้ว่ำเป็นต�ำรำหรือ ในกำรทดสอบกำรปฏิบัติกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก
หลักนิยมร่วมกันระหว่ำงทหำรเรือกับนำวิกโยธิน ครั้งที่ ๑ เกิดขึ้นในระหว่ำงวันที่ ๒๑ มกรำคม ถึงวันที่ ๘
การทดสอบหลักนิยมต่าง ๆ จากต�ารา มีนำคม ค.ศ.๑๙๓๕ โดยมีเรือเข้ำร่วมดังนี้

หลังจำกท่หน่วย Fleet Marine Force ได้ถูก - เรือเร็วโจมตี (Cruiser) ๑ ล�ำ

จัดต้งข้น ๑ ปี หนังสือ Tentative Manual of Landing - เรือพิฆำต (Destroyer) ๓ ล�ำ

Operations ได้จัดท�ำส�ำเร็จ ข้นตอนต่อไปเป็นกำร - เรือประจัญบำน (Battleship) ๒ ล�ำ

ทดสอบควำมสมบูรณ์ของต�ำรำ อันจะน�ำไปสู่กำรพัฒนำ - เรือล�ำเลียงพล (Transport) ๙ ล�ำ
เป็นระเบียบปฏิบัติประจ�ำ หรือ รปจ.ของหน่วย โดย ส�ำหรับก�ำลังทำงบกจัดจำกนำวิกโยธินประมำณ
ได้ออกแบบกำรฝึก Fleet Landing Exercise หรือ ๑,๕๐๐ นำย ประกอบด้วย กรมทหำรรำบท ๕ และ


ย่อว่ำกำรฝึก FLEX เป็นเวลำ ๗ ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๓๕ กองพันทหำรปืนใหญ่ท ๑๐ รวมถึงก�ำลังรบทำงอำกำศ



จนถึงปี ค.ศ.๑๙๔๒ เพื่อทดสอบควำมสมบูรณ์ของต�ำรำ จำกหน่วย Marine Air Group นอกจำกน้ยังมีผู้แทน
และเตรียมก�ำลังให้พร้อมรับภำรกิจในกำรยุทธสะเทินน้ำ จำกกำรทหำรบกมำร่วมสังเกตกำรณ์ฝึกด้วย ในกำรฝึก





สะเทินบกท่จะเกิดข้นในไม่ช้ำ ซ่งในขณะน้นจักรวรรด ิ ครั้งที่ ๑ นั้น เน้นกำรฝึกภำคสนำมที่ชำยหำด โดยในขั้น



ญ่ปุ่นได้มีกำรขยำยก�ำลังอ�ำนำจไปท่วมหำสมุทรแปซิฟิก กำรเคล่อนท่จำกเรือสู่ฝั่งใช้ก�ำลังพลเพียง ๑ กองพันผสม

ซ่งอำจจะเป็นภัยคุกคำมกับสหรัฐอเมริกำได้ตำมแผน ยกพลข้นบกเท่ำน้น มีกำรฝึกประสำนกำรยิงสนับสนุน



Plan Orange จำกอำกำศยำนท้งใช้กำรยิงกรำดจำกทำงอำกำศ โจมต ี

ด้วยควัน จนถึงกำรทิ้งระเบิด แต่เนื่องจำกเหตุผลในด้ำน
ควำมปลอดภัย จึงเป็นกำรฝึกยิงสนับสนุนในลักษณะ
ยิงแห้ง (Dry Run) โดยใช้กำรร้องขอจำกผู้ตรวจกำรณ์หน้ำ


และผู้ตรวจกำรณ์ทำงอำกำศ ในกำรฝึกคร้งน้มีกำรฝึก
ล�ำเลียงอำวุธและยุทโธปกรณ์ขนำดใหญ่ เช่น ปืนใหญ่สนำม
ข้นฝั่งด้วยเรือ Motor Launch ขนำด ๕๐ ฟุต ด้วย



กำรฝึกคร้งน้ท�ำให้ได้ทรำบขีดควำมสำมำรถและข้อจ�ำกัด
ต่ำง ๆ ของปืนเรือ เช่น วิถีกระสุน และชนิดของกระสุน
ที่เหมำะสมในกำรยิงสนับสนุนบนฝั่ง
ยุทธศำสตร์ในกำรเอำชนะญี่ปุ่น Plan Orange
ปกติกำรฝึกยกพลข้นบกน้น เป็นกำรฝึกประจ�ำปี




ของกองเรือยกพลข้นบก ซ่งแรก ๆ เป็นกำรฝึกเฉพำะ

ภำยในกองเรอเท่ำนน ต่อมำกมีกำรพัฒนำจดทหำร




นำวิกโยธินเข้ำร่วมสังเกตกำรณ์ จนกระท่งภำยหลัง

สำมำรถเข้ำร่วมกำรฝึกแบบเต็มรูปแบบได้ โดยเร่ม


คร้งแรกพร้อมกับเป็นกำรทดสอบแนวคิดในกำร เรือ Motor Launch
นาวิกศาสตร์ 45
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔









กำรฝึก FLEX ครงท ๒ (ค.ศ.๑๙๓๗) นน มกำร ข้นบกผิดหำด และเป็นกำรยำกท่จะก�ำหนดมำตรกำร



ทดสอบกำรข้นบกด้วยขนำด และประเภทของหน่วย ควบคุมหน่วย เช่น เส้นแบ่งเขต เนื่องจำกทัศนวิสัยไม่ดี



ต่ำง ๆ ท่หลำกหลำย มีกำรข้นบกท้งแบบใช้ควันก�ำบัง และไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ
และไม่มีควันก�ำบัง ปฏิบัติทั้งเวลำกลำงวันและกลำงคืน กำรฝึก FLEX ครั้งที่ ๓ (ค.ศ.๑๙๓๘) มีกำรใช้หน่วย


รวมถึงทดสอบในเร่องควำมต่อเน่องในกำรส่งก�ำลังบ�ำรุง 1st Expeditionary Brigade ซึ่งเป็นระดับกองพลน้อย





โดยเฉพำะกระสุน และอุปกรณ์วิกฤติต่ำง ๆ ท่คำดว่ำ เข้ำรบกำรฝึก รวมทงทหำรบกได้ส่งกำลงมำเข้ำร่วม




จะต้องใช้เพ่มเติมในห้วงแรก ๆ ของกำรยุทธสะเทินน้ำ กำรฝึก ๑ กองพันทหำรรำบ เพ่อเป็นกองพันต้นแบบ
สะเทินบก ในกำรฝึกกำรใช้ทหำรบกยกพลขึ้นบกต่อไป


บทเรียนส�ำคัญที่ได้จำกกำรฝึกครั้งนี้คือ กำรใช้ควัน ในกำรฝึกคร้งน้คล่นลมรุนแรง จึงท�ำให้หลำยคร้ง



ก�ำบังระหว่ำงข้นกำรเคล่อนท่จำกเรือสู่ฝั่ง ควันได้จำง ต้องยกเลิกภำรกิจ เน่องจำกเรือระบำยพลต่ำง ๆ ไม่สำมำรถ



หำยไปไม่ต่อเน่อง หรือครอบคลุมได้ครบในทุกคล่น ปฏิบัติกำรได้ จำกข้อจ�ำกัดของกำรฝึกคร้งน้ท�ำให้มีกำร





รวมถึงหำกพิจำรณำเร่องทิศทำงลมไม่ดีอำจท�ำให้ฝ่ำยเรำ จัดหำเรือ และยำนพำหนะต่ำง ๆ ที่สำมำรถทนต่อทะเล


สับสนในพ้นท่ปฏิบัติกำรได้ เรือยิงสนับสนุนจะต้องน�ำ ได้มำกขึ้น


บทเรียนน้ไปพัฒนำระบบกระสุน หรือระบบอ�ำนวยกำรยิง กำรฝึก FLEX คร้งท ๔ (ค.ศ.๑๙๓๙) ผู้เข้ำรับกำรฝึก


ให้สำมำรถลดข้อจ�ำกัดหรือข้อขัดข้องต่อไป มำจำก 1st Marine Brigade หรือกองพลน้อยท ๑




ในส่วนของกำรส่งก�ำลังบ�ำรงน้น มีข้อขัดข้อง นำวิกโยธิน จัดก�ำลังพลประมำณ ๑,๔๐๐ นำย กองทัพบก
ในด้ำนควำมต่อเนื่องของกำรส่งก�ำลัง สิ่งอุปกรณ์ (สป.) ส่งหน่วยระดับกองพลน้อย ซ่งประกอบด้วย กรมทหำรรำบ







ท่กระจำยตำมเรือต่ำง ๆ ไม่สำมำรถส่งข้นฝั่งได้ เน่องจำก ท ๑๘ และกองพันทหำรปืนใหญ่ท ๗ จดกำลงพลรวมกัน






ขำดแคลนนำยทหำรติดต่อประสำนงำนในแต่ละล�ำ ประมำณ ๑,๔๐๐ นำย ซ่งคร้งน้เป็นกำรฝึกยกพล



(ภำยหลังได้เป็นหลักนิยมให้เรือแต่ละล�ำจะต้องม ี คร้งสุดท้ำยของกองทัพบก จนถึงช่วงสงครำมโลกคร้งท ๒




นำยทหำรกำรข้นสู่เรอ และนำยทหำรขนถ่ำยท�ำหน้ำท ่ ี

ควบคุมกำรส่งก�ำลังบ�ำรุงจำกส่งอุปกรณ์ต่ำง ๆ ท่บรรทุก

มำในเรือแต่ละล�ำ จนถึงปัจจุบัน)
ภำพกำรฝึก FLEX ครั้งที่ ๓

กำรฝึกในคร้งน้ยังมีหัวข้อกำรฝึกส�ำคัญต่ำง ๆ

ครบถ้วน เช่น กำรเคลื่อนที่จำกเรือสู่ฝั่ง กำรยิงสนับสนุน
กำรใช้ควันสนับสนุนกำรขึ้นสู่ฝั่ง

ด้วยปืนเรือ กำรสนับสนุนทำงอำกำศ โดยเพ่มควำม



นอกจำกน้ยังเกิดปัญหำกำรข้นบกในเวลำกลำงคืน สมจริงมำกข้น เช่น มีกำรจัดผู้เข้ำรับกำรฝึกในส่วน
จำกกำรสับสนต�ำบลท่ต่ำง ๆ บนฝั่ง บำงหน่วยมีกำร ฝ่ำยตรงข้ำมหรือเป็นข้ำศึก โดยจัดจำกหน่วย

46
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔




National Guard Regiment และก�ำลังทหำรบกในพ้นท ่ ี ระหว่ำงเหล่ำทัพสูงมำก หลักกำรท่กองทัพเรือจะอยู่เหนือ






ท�ำให้สำมำรถรวบรวมบทเรียนส�ำคัญ ๆ จำกกำรฝึก หรอเป็นผ้บญชำกำรกองทพบกนน ทำงกองทพบก

ได้มำกขึ้น เช่น ประเด็นกำรใช้ควันในขั้นตอนกำรขึ้นบก ไม่เห็นด้วย แต่หลังจำกส่งก�ำลังพลเข้ำรับกำรฝึกกำรยุทธ



น้นจะสร้ำงควำมสับสนในพ้นท่ปฏิบัติกำรให้กับฝ่ำย สะเทินน้ำสะเทินบกมำ ๔ คร้ง แล้วมีควำมเห็นพ้องว่ำ





เดียวกันมำกกว่ำฝ่ำยตรงข้ำม ในกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกจ�ำเป็นอย่ำงย่งท่จะต้อง


แม้ว่ำกำรฝึกในคร้งน้จัดกำรฝึกภำยใต้กรอบ ให้ทหำรเรือเป็นผู้บังคับบัญชำ หรือรับผิดชอบในภำพรวม

งบประมำณท่จ�ำกัดไม่สำมำรถจัดก�ำลังพล อำวุธและ ในส่วนของสถำนกำรณ์ฝึกนั้น ปกติจะใช้ตำม Plan
ยุทโธปกรณ์รวมถึงเรือ ได้ตำมโครงสร้ำงกำรจัด Orange ซ่งเตรียมไว้ใช้รบกับญ่ปุ่นท่วิเครำะห์แล้วว่ำ



แต่หัวข้อกำรฝึก โดยเฉพำะข้นสุดท้ำยของกำรฝึกคือ น่ำจะเป็นภัยคุกคำมเพียงชำติเดียวจำกฝั่งมหำสมุทร



กำรส่งผ่ำนอ�ำนำจในกำรบังคับบัญชำน้น สำมำรถปฏิบัต ิ แปซิฟิก แต่เหตุกำรณ์ในช่วงก่อนสงครำมโลกมีส่งบอกเหต ุ








โดยหน่วยรบกำรส่งมอบกำรบงคบบัญชำในกำรฝึกครงน ้ ี หลำยเหตุกำรณ์ท่ท�ำให้เห็นได้ว่ำจะมีชำติอ่น ๆ ท่เป็น
คือ กองพลน้อยที่ ๒ กองทัพบก เพื่อทดสอบกำรปฏิบัติ พันธมิตรกับญี่ปุ่นอีก คือ เยอรมัน และอิตำลี ท�ำให้ต้อง

ตำมข้นตอนตำมต�ำรำ Tentative Manual of Landing มีกำรทบทวน Plan Orange ใหม่

Operations ว่ำก�ำลังพลท่เป็นทหำรบกเม่อศึกษำและ กำรฝึก FLFX ในครั้งที่ ๕ และ ๖ (ค.ศ.๑๙๔๐ -


ฝึกตำมข้นตอนต่ำง ๆ ตำมต�ำรำแล้วจะสำมำรถปฏิบัติจริง ค.ศ.๑๙๔๑) น้น เป็นกำรฝึกซ้อมเพอน�ำไปใช้จรง






ได้มำกน้อยเพยงใด ซงผลกำรปฏบัติเป็นไปด้วยด ี ในสงครำมโลกคร้งท ๒ กำรฝึกในคร้งน้มกำรใช้








เรือพิฆำต (Destroyer) ช่วยในกำรล�ำเลียงก�ำลังพล
เน่องจำกไม่มีเรือระบำยพลท่เพียงพอกับกำรฝึก


(เรือต่ำง ๆ ส่วนมำกเข้ำอู่เพ่อตรวจและเตรียมควำมพร้อม



ต่ำง ๆ) กำรฝึกคร้งน้ส่วนมำกจึงเป็นกำรฝึกแบบ Dummy
หรือจ�ำลองส่วนต่ำง ๆ ให้ครบตำมโครงสร้ำง อย่ำงไร
กตำมในกำรฝึก ๒ ครงน มกำรทดลองกำรใช้เรอ







ระบำยพลแบบต่ำง ๆ เช่น เรือ LCM เรือ LCVP เรือ LCPL
มำใช้ในกำรยกพล
เอกสำร Joint Action of the Army and Navy
จนกองทัพบกยอมรับหลักนิยมตำมต�ำรำ Tentative
Manual of Landing Operations แล้วด�ำเนินกำร
ปรับปรุงหลักนิยมร่วม ทหำรบก - ทหำรเรือ ในเอกสำร
Joint Action of the Army and Navy ซึ่งในสมัยนั้น กำรฝึกยกพลขึ้นบกโดยใช้เรือ LCPL
เกิดสภำวะ Interservice Rivalry หรือกำรแข่งขันกัน (Landing Craft Personnel Large)
นาวิกศาสตร์ 47
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


We leave no one behind




กำรฝึก FLFX คร้งท ๗ (ค.ศ.๑๙๔๒) เป็นกำร ได้มีกำรทบทวนหลังปฏิบัต (ทลป.) (After Action
ทดสอบทดลองกำรปฏิบัติต่ำง ๆ ตำมหลักนิยม จำกต�ำรำ Review) หรือไม่ จริงจังแค่ไหน ได้น�ำผลกำรทบทวน
Tentative Manual of Landing Operations ในครั้งก่อน ๆ มำปรับใช้หรือไม่ หำกปรับแล้วดีหรือไม่ดี


ในคร้งสุดท้ำย แต่เน่องจำกสถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง ได้มีกำรพิจำรณำปรับปรุงต�ำรำ หรือ รปจ.ต่ำง ๆ ของเรำ

กำรทหำรในขณะน้น เกิดกำรขัดแย้งกันระหว่ำงกองทัพบก หรือไม่ เหล่ำนี้คือกำรน�ำไปสู่กำรปรับปรุงหลักนิยม
และกองทัพเรือในลักษณะแย่งกันสร้ำงผลงำน จึงท�ำให้ ที่มา

กำรฝึกท�ำได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่จำกปัญหำน้เองท�ำให้ https://www.youtube.com/watch?v=
เกิดบทเรียนจำกกำรฝึกท่ส�ำคัญ และเป็นหลักกำรท่ใช้กัน IRdN4mjaadA




อยู่จนถึงปัจจุบันน้คือ ก่อนจะปฏิบัติกำรยุทธสะเทินน้ำ https://www.youtube.com/watch?v=UOGq5zhC7


สะเทินบกได้ต้องมีค�ำส่งนโยบำยข้นต้น (Initiating E4&pbjreload=101

Directive) จำกหน่วยเหนือเสมอ เพ่อระบุควำมรับผิดชอบ https://www.iiimef.marines.mil/News/News-
อ�ำนำจในกำรบังคับบัญชำ และผู้บังคับบัญชำในแต่ละ Article-Display/Article/1725781/not-all-docs-the-fleet-
marine-force/
กองก�ำลังจะได้ไม่ต้องมำทะเลำะ หรือขัดแย้งกันในภำยหลัง https://en.wikipedia.org/wiki/Fleet_Marine_Force_

จะเห็นได้ว่ำกำรฝึกในแต่ละคร้งนั้น เป็นเวทีท่ส�ำคัญ insignia






ในกำรทบทวนและปรบปรงหลกนยมให้เหมำะสมกบ https://en.wikipedia.org/wiki/Fleet_Landing_


สภำวกำรณ์ท่อำจเปลี่ยนไปจำกช่วงท่มีกำรจัดท�ำต�ำรำ Exercises
หรือหลักนิยม แต่หำกมองกลับมำท่ตัวหน่วยเรำน้นท�ำให้ https://www.ibiblio.org/hyperwar/USN/ref/Joint/



เกิดค�ำถำมเพ่อน�ำไปสู่กำรพัฒนำได้ว่ำในแต่ละปีเรำมี index.html




กำรฝึกก่คร้ง แต่ละคร้งสัมพันธ์กับคร้งก่อน ๆ อย่ำงไร
48
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version