The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน มกราคม ๒๕๖๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-02-18 01:06:46

นาวิกศาสตร์ มกราคม ๒๕๖๓

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน มกราคม ๒๕๖๓



เด็กทุกคนควรหม่นศึกษาหาความร้ และประพฤติตนเป็นคนดี มีระเบียบวินัย. เพราะว่า


ส่งต่าง ๆ เหล่าน้ จะช่วยให้แต่ละคนประสบความสุขความเจริญ และความสำาเร็จในชีวิตได้
ในวันข้างหน้า.









พระบรมราโชวาท
พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๒


นาวิกศาสตร์ นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่วิชาการ และข่าวสารทหารเรือทั้งในและนอกประเทศ
ตลอดจนวิทยาการอื่น ๆ ทั่วไป และเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ของกองทัพเรือ
สารบัญ ๙


บทความ




๙ หนังสือนาวิกศาสตร์ของราชนาวิกะสภา
ฉบับปฐมฤกษ์ (๑๐๓ ปี นาวิกศาสตร์)
พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์


๒๓ เรือสงขลารบกับเรือลามอตต์ปิเกต์ (ตอนที่ ๑)
น.นพคุณ


๔๖ การศึกษาแนวคิดอำานาจนิยมใหม่ของจีน ๒๓
สมัยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

นาวาตรี อาทิตย์ มีสมมนต์

๕๙ จากทะเลไทยไปไต้หวัน
พลเรือโท พัน รักษ์แก้ว


๖๖ นาวาแห่งมิตรภาพ
นาวาเอก รัชยศ รัชตรุ่งโรจน์กุล




ปกหน้า ผู้บัญชาการทหารเรือรัสเซีย ร่วมกันลงนาม บันทึก
ความเข้าใจ หรือ MOU กับผู้บัญชาการทหารเรือ
ปกหลัง ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมพิธีตรวจพลสวนสนามทางเรือ

“มหกรรมทางเรือนานาชาติ” ๗๐ ปี กองทัพเรือ
สาธารณรัฐประชาชนจีน
พิมพ์ที่ กองโรงพิมพ์ กรมสารบรรณทหารเรือ

เจ้าของ ราชนาวิกสภา
ผู้พิมพ นาวาเอก สมริทธ์ งามสวย





ข้อคิดเห็นในบทความที่นำาลงนิตยสารนาวิกศาสตร์เป็นของผู้เขียน มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบายของหน่วยงานใดของรัฐและมิได้ผูกพันต่อทางราชการแต่อย่างใด
ได้นำาเสนอไปตามที่ผู้เขียนให้ความคิดเห็นเท่านั้น การกล่าวถึงคำาสั่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข่าวสารเบื้องต้น เพื่อประโยชน์แก่การค้นคว้า


คลังความรู้

คู่ราชนาวี

นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท เคารพ แหลมคม
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี พีระ อดุลยาศักดิ์

ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ ประจำ�เดือน มกร�คม ๒๕๖๓ กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี วรพล ทองปรีชา
พลเรือตรี ธนรักษ์ เอี่ยวสานุรักษ์
๖๖ พลเรือตรี ก้องเกียรติ สัจวุฒิ
พลเรือตรี สุพพัต ยุทธวงศ์
พลเรือตรี กิตติคุณ นาคสุก
พลเรือตรี กตัญญู ศรีตังนันท์
พลเรือตรี ธีระยุทธ นอบน้อม
พลเรือตรี ทวี ทองประยูร
พลเรือตรี เอกสิทธิ์ รอดอยู่
พลเรือตรี กิตติศักดิ์ บุณย์เพิ่ม
พลเรือตรี สนทยา แสงบางมุด
พลเรือตรี ไชยา ภาตะนันท์
กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล
เหรัญญิกราชนาวิกสภา
คอลัมน์ประจำา เรือเอก สุขกิจ พลัง
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรือโท สุพจน์ ภู่ระหงษ์
พลเรือโท ชนินทร์ ผดุงเกียรติ
๓ พลเรอตร อำานวย ทองรอด




พลเรอตร บัญชา บัวรอด
พลเรอตรี สิทธิชัย ต่างใจ

บรรณาธิการ
นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล
๗๓ ผู้ช่วยบรรณาธิการ
ว่าที่ นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา
ประจำากองบรรณาธิการ
นาวาเอก วชิรพร วงศ์นครสว่าง
นาวาเอก สมริทธ์ งามสวย
นาวาเอก สุวิทย์ จันทร์เพ็ญศรี
๘๖ นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง
นาวาเอก บุญมี กาโน
๘๘ นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
๙๐ นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว
เรือโทหญิง สุธิญา พูนเอียด
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น
เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน
สำานักงานราชนาวิกสภา
ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘


บรรณาธิการ แถลง







นาวาเอก ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล
[email protected]


ในศุภวาระข้นปีใหม่ ๒๕๖๓ น้ กองบรรณาธิการนิตยสารนาวิกศาสตร์ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และส่งศักด์สิทธ ์ ิ





ท้งหลายท่ท่านเคารพนับถือ ดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ อีกท้ง เดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้สมาชิกนิตยสารนาวิกศาสตร์ทุกท่าน
พร้อมทั้งครอบครัว ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยจตุรพิธพรชัย และสัมฤทธิผลในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ


โดยในปีพทธศกราช ๒๕๖๓ กองบรรณาธการนตยสารนาวกศาสตร์ขอนาสารอวยพร เนองในวนข้นปีใหม่








พุทธศักราช ๒๕๖๓ จากพลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มาอานวยพรแด่สมาชิกทุกท่านครับ


และในส่วนของบทความต่าง ๆ น้น ยังคงอัดแน่นด้วยสาระ ความรู้อย่างครบครัน พร้อมท้งให้ความเพลิดเพลิน


แก่สมาชิกผู้อ่านอยู่เหมือนเดิมครับ ซ่งฉบับเดือนมกราคม ๒๕๖๓ จะมีบทความท่ทางกองบรรณาธิการ

คัดสรรมาอย่างดีให้ท่านสมาชิกได้อ่านจานวนหลายบทความด้วยกัน โดยเร่มจากบทความเร่อง “หนังสือนาวิกศาสตร์




ของราชนาวิกะสภา ฉบับปฐมฤกษ์ (๑๐๓ ปี นาวิกศาสตร์)” ท่ พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์ นักเขียนอาวุโสที่มีงานเขียน
ตีพิมพ์ลงในนาวิกศาสตร์มากมายหลายผลงาน และในฉบับเดือนมกราคม ๒๕๖๓ น้ ท่านได้กรุณาให้เกียรติเขียนบทความ


“หนังสือนาวิกศาสตร์ของราชนาวิกะสภา ฉบับปฐมฤกษ์ (๑๐๓ ปี นาวิกศาสตร์)” มอบให้กับสานักงานราชนาวิกสภา
ในโอกาสที่ปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ นี้ ครบรอบปีที่ ๑๐๓ ครับ


นอกจากน้ยังมีบทความท่น่าสนใจอีกหลายเร่อง เช่น “เรือสงขลารบกับเรือลามอตต์ปิเกต์ ตอนท่ ๑” เขียนโดย นักเขียน



นามปากกา น.นพคุณ และบทความเร่อง “การศึกษาแนวคิดอานาจนิยมใหม่ของจีน สมัยประธานาธิบดี สี จ้นผิง”


เขียนโดย นาวาตรี อาทิตย์ มีสมมนต์ และบทความเร่อง “จากทะเลไทยไปไต้หวัน” เขียนโดย พลเรือโท พัน รักษ์แก้ว


ท่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการเดินทางไปประเทศไต้หวันของท่าน พร้อมท้งสอดแทรกมุมมอง แง่คิดดี ๆ ในการไป


ไต้หวันครับ และปิดท้ายด้วยบทความเร่อง “นาวาแห่งมิตรภาพ” ท่นาวาเอก รัชยศ รัชตรุ่งโรจน์กุล ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ

ประจ�ากรุงมอสโก ได้จรดปลายปากกาเขียนด้วยตนเอง และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอเชิญท่านสมาชิกอ่านบทความ
ในเล่มกันได้เลยครับ




“กองทพเรอต้องเป็นกองทัพทหารของประชาชน หายใจ เชอมใจ
และมีชะตาชีวิตร่วมกับประชาชน สู้เพื่อรับใช้ประชาชน ที่ใดมีศัตรู
ที่ใดมีภัยอันตราย ที่นั่นย่อมมีทหารของกองทัพเรือ”
ข้อคิด คติเตือนใจ ของ ผู้บัญชาการทหารเรือ


กองบรรณาธิการ




ปกหน้า : ผู้บัญชาการทหารเรือรัสเซีย ร่วมกันลงนาม ปกหลง : ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมพิธีตรวจพล

บันทึกความเข้าใจ หรอ MOU กับผู้บัญชาการทหารเรือ สวนสนามทางเรือ “มหกรรมทางเรือนานาชาติ” ๗๐ ปี

กองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน






















เม่อวันท่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ กองทัพเรือ

สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้จัดพิธีต้อนรับ และงานเลี้ยง

รับรอง เน่องในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี กองทัพเรือสาธารณรัฐ

ประชาชนจีน ณ โรงแรม Shangri-La ซ่งผู้บัญชาการทหารเรือ







ไดเข้ารวมในงานเลยงครงน โดยได้รบเกยรตใหเดนเขางาน









เม่อวันท่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พลเรือเอก ลือชัย เคียงข้าง พลเรือโท Shen Jinlong ผู้บัญชาการทหารเรือ
รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเรือเอก Nikolai สาธารณรัฐประชาชนจีน ซ่งแสดงออกถึงความสัมพันธ์

Evmenov ผู้บัญชาการทหารเรือรัสเซีย ร่วมกันลงนาม และความร่วมมือทางทะเลอันแนบแน่น ระหว่าง กองทัพเรือ

MOU บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหม ไทยกับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากน้น

ท้งสองประเทศ โดยจะเป็นการขยายความร่วมมือ ผู้บัญชาการทหารเรือยังได้รับการเชิญ ร่วมตรวจพล
ตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย สวนสนามทางเรือ โดยก่อนเร่มการสวนสนามทางเรือได้ม ี


กับสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือทางการทหาร การประชุมผู้นาระดับสูงสุดของกองทัพเรือนานาชาต ิ


และการสนบสนนการสงกาลงบารงทางทหารระหวางกัน ในการน้ ผู้บัญชาการทหารเรือได้รับเกียรติเป็นผู้แทน









ซ่งจะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือท่จะร่วม ของผู้บัญชาการทหารเรือประเทศต่าง ๆ ในการกล่าวแสดง
พัฒนาในด้านการฝึกทางทะเล การยกระดับการศึกษา ความยินดีเน่องในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี กองทัพเรือสาธารณรัฐ



การจัดหายุทโธปกรณ์ การเย่ยมเยือนระหว่างผู้บังคับบัญชา ประชาชนจีน และกล่าวขอบคุณต่อประธานาธิบดี สี จ้นผิง
และหน่วยก�าลังทางเรือ ตลอดจนร่วมกันสร้างพันธมิตร รวมท้งกล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างการพบกับผู้นาของ



ความม่นคงทางทะเล นับได้ว่าเป็นก้าวย่างท่น่าจับตามอง คณะกรรมาธิการกลางการทหารสาธารณรัฐประชาชนจีน

เป็นอย่างมาก นอกจากจะมีความสาคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และภายหลังการประชุมได้มีการถ่ายภาพหมู่ของ

แล้ว ยังจะเป็นโอกาสท่ดีท่ท้งสองฝ่ายจะได้มีความร่วมมือ ผู้บัญชาการทหารเรือและผู้แทนกองทัพเรือประเทศต่าง ๆ






กันมากข้น ซ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุด ระหว่างกองทัพเรือ กับประธานาธิบดี สี จ้นผิง อันแสดงออกถึงความสัมพันธ์
ทั้งสองประเทศ ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศและกองทัพเรือ
นาวิกศาสตร์ 4
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


สารอวยพร
เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๓
จาก
พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์
ผู้บัญชาการทหารเรือ
********************


เพื่อนข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และพนักงานราชการกองทัพเรือที่รักทุกท่าน

ในศุภวาระข้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ผมขอส่งความปรารถนาดี ความระลึกถึงและ
ความห่วงใยมายังข้าราชการ ทหาร ลูกจ้าง และพนักงานราชการของกองทัพเรือทุกท่าน
ในรอบปีที่ผ่านมา ผมตระหนักดีว่าก�าลังพลทุกท่านล้วนเป็นกลไกส�าคัญที่ช่วยให้การปฏิบัติ


ภารกิจต่าง ๆ ของกองทัพเรือขับเคล่อนไปข้างหน้า โดยทุกท่านได้มุ่งม่น ทุ่มเท เสียสละประโยชน์สุข


ส่วนตน ร่วมมือ ร่วมใจกันปฏิบัติหน้าท่อย่างเต็มกาลังความสามารถ แม้จะต้องเผชิญกับความเหน่อยยากและ


อุปสรรคนานัปการ แต่กาลังพลของกองทัพเรือต่างมีความมานะพยายาม โดยมิได้ย่อท้อ ทาให้ภารกิจโดยรวม


ของกองทัพเรือสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมจึงขอแสดงความช่นชมและขอขอบคุณทุกท่านด้วยความจริงใจไว้

ณ โอกาสนี้
ส�าหรับปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ ที่ก�าลังจะมาถึง ผมขอเป็นก�าลังใจให้ก�าลังพลทุกท่านก้าวเข้าสู่


ศักราชใหม่ ด้วยกาลังกาย และกาลังใจท่เข้มแข็ง ปรับตัวให้มีความพร้อมรับสถานการณ์ และความ










เปล่ยนแปลงทกรปแบบ ตงใจปฏิบติหน้าทดังเช่นท่ผ่านมา เพอเป็นกาลังสาคญในการพัฒนากองทัพเรือ ดารงไว้






ซึ่งศักดิ์ศรีของการเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของชาติ และเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป

ในวาระอันเป็นศุภมงคลน้ ผมขออัญเชิญอานาจคุณพระศรีรัตนตรัยและส่งศักด์สิทธ์ท้งหลาย






ในสากล ดวงพระวิญญาณอันศักด์สิทธ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ อีกท้งเดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จ


พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้กาลังพล


กองทัพเรือท่รักทุกท่าน พร้อมท้งครอบครัว ประสบแต่ความสุขสวัสด์ ปลอดภัยจากภยันตรายท้งปวง มีสุขภาพ







พลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีกาลังกาย กาลังใจ และกาลังสติปัญญาท่เข้มแข็ง เพ่อเป็นกาลังสาคัญในการ



สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่กองทัพเรือ และประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคนสืบไป
พลเรือเอก
(ลือชัย รุดดิษฐ์)
ผู้บัญชาการทหารเรือ


บัตร “ส.ค.ส.”
จาก “คณะกรรมการราชนาวิกสภา”
ถึง “สมาชิก” ในนิตยสาร “นาวิกศาสาตร์”
ปีที่ ๑๐๓ เล่ม ๑ ฉบับเดือน มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓


ออกแบบโดย พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์
















กลาวไดวา เปนบตร “สงความสข” เนองในวนขนปใหมหรอ “ส.ค.ส.” ฉบบแรกจาก “คณะกรรมการ


ราชนาวิกะสภา แห่งราชนาวีสยาม ถึง “สมาชิก” ในหนังสือ “นาวิกศาสตร์”
ปีที่ ๙ เล่ม ๔ ฉบับเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๖๖


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หัว รัชกาลท ๕ ให้ถือเอาวันท ๑ เมษายน เป็นวันข้นปีใหม ่






ของสยาม ต้งแต่วันท ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๒ นับต้งแต่น้นมา พอมาถึงสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม



เป็นนายกรัฐมนตรี จึงให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ ๑ มกราคม เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔
พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์


เรือตรีหญิง เบญจรัตน์ ดีกระจ่าง































ที่ตั้งที่ทำ�ก�รเดิมของกองทัพเรือ พ.ศ. ๒๔๕๔ ยกฐ�นะเป็นกระทรวงทห�รเรือ









ในวนท ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๓ กองทพเรอ พระโอรสองค์ใหญ่มาประทับ คร้นเม่อกรมขุนธิเบศร์บวร




ได้ย้ายท่ต้งท่ทาการกองทัพเรือจากพระนิเวศน์ (บริเวณ ส้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


ข้างกรมอู่ทหารเรือในปัจจุบัน) ไปอยู่ท่พระราชวังเดิม รัชกาลท ๔ โปรดฯ ให้กรมหม่นอนันต์การฤทธ พระโอรส







กรุงธนบุร พระนิเวศน์เคยเป็นท่ประทับของพระบาท ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ เสด็จไปประทับ




สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท ๑ จนกระท่งส้นพระชนม์ ในปี พ.ศ. ๒๔๒๓ หม่อมเจ้าอุทัย
เม่อพระองค์เสด็จข้นครองราชย์ จึงพระราชทานให้เป็น พระโอรสในสมเด็จกรมพระราชวังบวร มหาศักดิพลเสพ




วังของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ คือ กรมพระราชวังบวร ในรัชกาลท ๓ จึงได้ประทับ ณ






พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลท ๒ พระนิเวศน ครนถึงสมยพระบาทสมเด็จพระจลจอมเกลา





ขณะยังทรงดารงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าอยู่หัว รัชกาลท ๕ จึงพระราชทานท่ดินบริเวณน ้ ี

เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร คร้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ให้สร้างเป็นท่ว่าการกรมทหารเรือ ยกฐานะเป็นท่ทาการ




เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้เสด็จไปประทับท ี ่ กระทรวงทหารเรือในสมัยรัชกาลท ๖ ในภายหลัง


พระราชวังเดิม โปรดฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ได้ลดฐานะเป็นกรมทหารเรือ จนในวันที่ ๑ มกราคม
เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ ไปประทับ ณ พระนิเวศน์ พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้ย้ายท่ว่าการกรมทหารเรือจาก



ต่อมาได้รับอุปราชาภิเษกข้นเป็นวังหน้า จึงเสด็จ พระนิเวศน์ไปอยู่ท่พระราชวังเดิม ส่วนพระนิเวศน์
ไปประทับ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลท ๒ ก็ยังใช้เป็นท่ทาการหน่วยราชการของกองทัพเรือ




กรมพระราชวังบวรฯ โปรดฯ ให้กรมขุนธิเบศร์บวร มาจนถึงปัจจุบัน
นาวิกศาสตร์ 8
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓








หนงสอ นาวกศาสตร ของราชนาวกะสภา ฉบบปฐมฤกษ

(๑๐๓ ปี นาวิกศาสตร์)
พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย ์


หนังสือนาวิกศาสตร์ของราชนาวิกะสภา ฉบับปฐมฤกษ์


(๑๐๓ ปี นาวิกศาสตร์)


พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์


























อาคารราชนาวิกสภา ของแท้ และดั้งเดิม



ราชนาวิกสภาก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันขึ้นปีใหม่ของสยามในยุคนั้น




หลังจากน้นต่อมาอีก ๒๑ เดือน หนังสือนาวิกศาสตร์จึงได้เกิดข้น เม่อแรกมีหนังสือนาวิกศาสตร์น้น ได้จดทะเบียนเป็น
“หนังสือพิมพ์รายเดือน” (แม็กกาซีน – MAGAZINE) ยังไม่ได้เรียกว่า “นิตยสารนาวิกศาสตร์” (JOURNAL) ดังเช่น
ในปัจจุบันนี้

ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ รองอามาตย์เอก อ้น สงวนพงษ์ ได้เป็นผู้แทนในนามราชนาวิกสภา จดทะเบียนช่อหนังสือพิมพ์


นาวิกศาสตร์ เป็นชนิด “หนังสือพิมพ์รายเดือน (แม็กกาซีน)” มีความประสงค์ “เพ่อเปิดเผยความรู้สู่คณะนายทหารเรือ




แลบุคคลท่วไปท่ใฝ่ใจในการทหารเรือ” กาหนดเวลาออกในตอนต้นเดือนทุก ๆ เดือน และกาหนดออกฉบับแรกเดือน

มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ส�านักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ราชนาวิกสภา ต�าบลปากคลองมอญ อ�าเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี


มณฑลกรุงเทพฯ พิมพ์ท่โรงพิมพ์กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ตาบลพระราชวังเดิม อาเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุร ี

มณฑลกรุงเทพฯ เป็นโรงพิมพ์ของกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ

เจ้าของหนังสือพิมพ์คือ ร.อ.อ. อิ้น สงวนพงษ์ ในนามราชนาวิกสภา
บรรณาธิการ คือ น.ท.หลวงสาครยุทธวิไชย ๒
๑ ร.อ.อ.คือ รองอ�ามาตย์เอก
๒ หลวงสาครยุทธวิไชย สาคร สิทธิศิริ



นาวิกศาสตร์ 10
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


อาคารราชนาวิกสภา รูปถ่ายเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

(พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์ ถ่ายภาพ)
จะจดทะเบียนเม่อ วัน เดือน ใดไม่ทราบ แต่ต้องก่อนเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๖๐ แน่นอน เพราะ “หนังสือนาวิกศาสตร์”




ฉบับแรก หรือฉบับปฐมฤกษ์ ซ่งเป็นผลงานของราชนาวิกะสภาน้น คือ ฉบับ ปีท ๑ เล่ม ๑ มกราคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๐




หลังจากท่ก่อต้งราชนาวิกะสภามาแล้ว ๒๑ เดือน พิมพ์ท่โรงพิมพ์กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ไม่ได้พิมพ์ท่โรงพิมพ ์

กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ตามท่ได้จดทะเบียนดังกล่าวไว้ข้างต้น) เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ขนาด ๖ น้ว x ๙ น้ว ปกพิมพ์ ๔ ส ี



เป็นรูปธงราชนาวีสยาม หนาประมาณ ๔๔ หน้า ราคาเล่มละ ๕๐ สตางค์ เท่านั้น นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร
เป็น “นายกกรรมการราชนาวิกสภา” พร้อมกันนี้ท่านก็เป็นบรรณาธิการเองไปด้วย
หมายเหตุ



ในระยะเร่มมีหนังสือนาวิกศาสตร์น้น ยังไม่มีบรรณาธิการ นายกกรรมการต้องทาหน้าท่บรรณาธิการด้วย เป็นเช่นน ้ ี

ถึง ๖ ท่าน คือ

๑. นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร (วิม พลกุล) พ.ศ. ๒๔๖๐
๒. นายนาวาเอก พระแสงสิทธิการ (แสง นนทะสุต) พ.ศ.๒๔๖๒
๓. นายนาวาเอก พระยาสาครสงคราม (สุริเยศ อมาตยกุล) พ.ศ. ๒๔๖๕
๔. นายนาวาเอก พระยาวิชิตชลธี (ทองดี สุวรรณพฤกษ์) พ.ศ. ๒๔๖๖
๕. นายนาวาเอก พระยาปรีชาชลยุทธ (วัน จารุภา) พ.ศ. ๒๔๖๘
๖. นายนาวาเอก พระยาหาญกลางสมุทร (บุญมี พันธุมนาวิน) พ.ศ. ๒๔๖๙
๓ พ.ศ. ๒๔๘๕ ทางการได้ประกาศตัดคาว่า “นาย” ออกจากยศทหารเรือ และทหารบก ทุกยศ เช่น “นายเรือตรี” ให้คงไว้แต่

“เรือตรี” “นายพลเรือตรี” คงไว้แต่ “พลเรือตรี” “นายนาวาเอก” คงไว้แต่ “นาวาเอก” (จากนิตยสารนาวิกศาสตร์
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๑ เรื่อง “นายเรือเอกผู้ช่วย” โดย นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี)


นาวิกศาสตร์ 11
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ฉบับปฐมฤกษ์ นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร นายกกรรมการราชนาวิกสภา
ปีที่ ๑ เล่ม ๑ มกราคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๐ (ภาพถ่ายตอนเป็นนายพลเรือตรี)

























นายเรือเอก หลวงชลธารพฤฒิไกร นายเรือโท ถวิล เสถียรสวัสดิ์
(พงษ์ อาสนะเสน) ปฏิคมราชนาวิกสภา
บรรณาธิการนาวิกศาสตร์คนแรก

(ภาพถ่ายตอนเป็นพลเรือโท)
จนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ จึงได้มีต�าแหน่งบรรณารักษ์
บรรณาธิการ หนังสือนาวิกศาสาตร์ คนแรก คือ นายเรือเอก หลวงชลธารพฤฒิไกร (พงษ์ อาสนะเสน)

หนังสือนาวิกศาสตร์ฉบับปฐมฤกษ ออกทันวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัว






รัชกาลท ๖ ในวันท ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๐ เพ่อให้เป็นสิริมงคลแก่ราชนาว ราชนาวิกสภา และหนังสือนาวิกศาสตร์ด้วย



ดังท นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร นายกกรรมการได้เขียนไว้ใน “แจ้งความ” ของหนังสือนาวิกศาสตร์ฉบับปฐมฤกษ ์

ดังนี้
นาวิกศาสตร์ 12
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


แจ้งความ

ในกาลใด ๆ มายังไม่เคยปรากฏว่าทหารเรือ ได้เคยพิมพ์หนังสือรายปักษ์, รายเดือน ข้นเลย ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นโอกาศด ี









ในเวลาท่ได้ต้งราชนาวิะกสภาข้น สมควรท่ราชนาวิกะสภาจะพิมพ์หนังสือเช่นน้ข้นบ้าง แต่พ่งมาสาเร็จคราวน จึงได้ช่อว่า









มีการพิมพ์ปกิรณกถาข้นคร้งน้เปนปฐม ปกิรณกถาท่ได้รวบรวมพิมพ์ข้นน หวังว่าจะเอาแต่วิชาท่เป็นประโยชน์





แก่ราชนาว โดยมากมาพิมพ์ข้น จึงได้ขนานนามหนังสือน้ว่า “นาวิกศาสตร์” ขอให้ผ้อ่านพึงกาหนดใจไว้ว่า ราชนาวกะสภา



มีความปราถนาส�าคัญแต่เพียงจะแผ่วิชาทหารเรือให้แพร่หลายขึ้นในคณะราชนาวี เพื่อเปนการฝึกฝนวิชาทหารเรือ
ของนายทหารเรือให้เจริญข้น จะได้เปนประโยชน์แก่ราชการในราชนาวีเท่าน้น จะได้มุ่งหมายเลยไปถึงการจะน้อยหน้า


ในเหตุที่ไม่มีหนังสือชนิดนี้ขึ้นหามิได้เลย
ส่วนทุนที่เปนเงินใช้จ่ายในการพิมพ์หนังสือนี้ ได้ใช้เงินของราชนาวิกะสภาเอง หาได้เอาเงินหลวงมาใช้ไม่







ทุนท่เป็นปกิรณกถาซ่งจะรวบรวมมาพิมพ์ข้นน้น ได้นาเอาปาฐกถาซ่งนายทหารเรือได้บรรยายข้น ณ ราชนาวิกะสภาบ้าง



แปลจากหนังสือต่างประเทศบ้าง นายทหารราชนาวีเรียบเรียงส่งมาให้บ้าง เปนอาทดังน แต่ไม่พิมพ์ออกทุกปักษ์, ทกเดือน,

อย่างหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย จะพิมพ์ขึ้นเมื่อเปนเวลาสดวกของราชนาวิกะสภา สุดแต่ความคล่องใจเปนประมาณ
อนึ่งเมื่อชั้นต้นก�าลังรวบรวมปาฐกถามาพิมพ์ขึ้นในสมุดเล่นนี้นั้น เปนการรีบร้อนสักหน่อย ด้วยจะให้ทันวันที่ ๑
มกราคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๐ อันเปนวันมหามงคลสมัย ตรงกับวันพระราชสมภพ เพ่อให้เปนศิริมงคลแก่ราชนาวีด้วย


ข้าพเจ้าขออ้อนวอนอัญเชิญเพ่อนราชนาวีด้วยกัน แลผู้หวังความเจริญต่อราชนาวีสยาม ช่วยกันบารุงโดยส่งปกิรณกถา

นาวิกศาสตร์ให้แก่ราชนาวิกะสภาบ้าง แลบารุงด้วยการซ้อสมุดน้ไว้บ้าง ซ่งจะขายเอาราคาแต่น้อย เพียงเล่มละ ๕๐ สตางค์




เท่านั้น (ค่าไปรสนีย์ต่างหาก) ประคองให้การพิมพ์หนังสือนี้ประดิสถานอยู่ได้ชั่วกาลนาน




หนังสือน้มีขายท่ราชนาวิกะสภา อันต้งอยู่ริมบริเวณศาลาว่าการกระทรวงทหารเรือ จังหวัดธนบุร ผู้ใดต้องการซ้อ

ให้แจ้งมายัง นายอิ้น สงวนพงษ์ บรรณารักษ์ของสภา
น.อ. พระยาวินัยสุนทร
นายกกรรมการ


นาวิกศาสตร์ 13
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖


ส�าหรับ “เรื่องที่มีอยู่ในสมุด” หรือ “สารบัญ” นั้นมีอยู่ ๖ เรื่อง ได้แก่
๑. โคลงมนัสการ แล ขอพร,สรรเสริญพระบารมี.....น.อ.พระยาวินัยสุนทร

๒. ยุทธศาสตร์....พ.ร.ท. พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสิงหวิกรมเกรียงไกร

๓. ยุทธวิธี....พ.ร.ต. พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์
๔. ธรรมศาสตร์....น.อ.พระยาวินัยสุนทร
๕. ไฟฟ้า....น.ท.หลวงพินิจจักรภัณฑ์

๖. ระสายนะศาสตร์ ....นาย ยี.โบสโสนี
หมายเหตุ เขียนตามต้นฉบับ นาวิกศาสตร์ฉบับปฐมฤกษ์


นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร ได้ประพันธ์ “โคลงนมัสการ แล ขอพร, สรรเสริญพระบารมี” ไว้ในหนังสือ
นาวิกศาสตร์ฉบับปฐมฤกษ์ รวม ๑๙ บท ดังต่อไปนี้


๔ พ.ร.ท. คือ นายพลเรือโท
๕ พ.ร.ต. คือ นายพลเรือตรี


ระสายนะศาสตร (เขียนตามต้นฉบับ) รสายนศาสตร์ หรือรสายนเวท (เขียนตามพจนานุกรม) คือ วิชาประสมแร่แปรธาต ุ
วิชาเคมียุคเล่นแร่แปรธาตุ


นาวิกศาสตร์ 14
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


โคลงนมัสการ แล ขอพร , สรรเสริญพระบารมี
๏ สุเบญจางค์ประดิสถ์น้อม วันทนา

อรหันตพุทธา เทอดเกล้า
อุตตมธรรมา นุภาพ

มหาวิสุทธิสงฆ์เจ้า จากเชื้อ ชินศรี ฯ

๏ ตรีรัตนเลิศล�้า เลอพร
ศรีสรณบวร สวัสดิแผ้ว
พศกนิกรนร พุทธสาสน์
ราชนาวิกแกล้ว กลั่นกล้า กลางสนาม ฯ

๏ สยามเทวราชเรื้อง ศักดิ์สิทธิ์
มลักเหล่าปัจจามิตร์ พ่ายพ้น
เดชะอมรฤทธิ์ สิงรัฐ
สิงราชนาวิกล้น เลิศเชื้อ ชายสมิง ฯ
๏ มิ่งบรรพ์ขัติยแกล้ว กลางสมร
ปราบราชอเรนทร อธึกห้าว
คือเดชอดิศร สรราช
กาศเกียรติคุณท้าว สืบฟ้า ดินสลาย ฯ
๏ ตังวายสุจริตข้า นักรบ

สนองบาทบดินทร์จบ จบม้วย
สละชีพพลีนบ นอบแด่ พระเอย
บุญพระแบ่งเบิกด้วย เดชกั้น อันขยม ฯ
๏ บังคมบรมนารถเจ้า จอมพล เรือเอย
บัดรัชกาลดล ขณะนี้
จวบวันพระมงคล ชนเมศ
มานพระเดชฤชี้ ไป่สิ้น สรรเสริญ ฯ

๏ เมิลพระคุณอยู่คุ้ง คืนวัน
พระเมตตาชนอัน ดื่นหน้า
กลคือพระเวสสัน ตรราช
แปลงพระชาติจากฟ้า โลกพื้น คืนสวรรค์ ฯ



การแบ่งสี่พยางศ์สุดท้ายเป็น ๒ วรรค เช่นนี้ เป็นความนิยมในสมัยนั้น
ปัจจุบันยุติแล้วว่า สี่พยางค์สุดท้ายของโคลงสี่สุภาพ เขียนเป็นกลุ่มค�าเดียวกัน ไม่แบ่งวรรค

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
*ขอบคุณ นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย ที่ช่วยตรวจแก้ และเป็นที่ปรึกษาในการเขียนบทความเรื่องนี้
พลเรือตรี กรีฑา พรรธนะแพทย์


นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


๏ พระปัญญายิ่งล�้า เลิศกวี
ทุกพากยวาที ถ่องถ้วน
พระราชนิพนธ์ปรี ชาเชี่ยว
เปนแบบฉบับล้วน หลักถ้อย อุทาหรณ์ ฯ
๏ ภูธรถวัลยราชแผ้ว พูลเกษม
ไอสุริยสมบัติเอม อิ่มล�้า
บุญราษฎร์ผดุงเปรม ปราโมทย์

ทรงมเหสุรศักดิ์ก�้า ก่องหล้า แหล่งสถาน ฯ
๏ พระญาณยวดยิ่งซึ้ง รัฐสาสน์
ภายนอกภายในราช กิจไซร้
ประเพณีเก่าใหม่คลาศ มีเคลื่อน

พระเปลี่ยนพระแปลงให้ ถูกถ้วน ทุกสรรพ ฯ
๏ บรรฦๅวิริยภาพพร้อง ทุกพาย
พระฝึกพลนิกาย กาจแกล้ว
อารักข์ประเทศหมาย หมดอมิตร์
ศรีอยุทธเยศร์แผ้ว พิบัติเสี้ยน ศึกกษัย ฯ

๏ นัยนฤเบศร์รู้ ระบิลเมือง
ปลุกประชาชนเปลือง ไปล่แปล้
จากอุทกภัยเคือง เข็ญยาก
พอประทังทันแก้ ก่อสร้าง สังขาร ฯ
๏ ดาลพระเดชปกเกล้า ทหารเรือ
ราชนาวิกเผือ ผ่องแผ้ว
บุญพระแบ่งบุญเจือ แจกจ่าย

หมายราชนาวิกแกล้ว กลั่นแท้ ทวยหาญ ฯ
๏ ปานขุนกระบี่ข้า อวตาร
โหมหักปรปักษ์มาร มอดม้วย
ขุนราชมรีนหาญ โหมศึก
เรืองฤทธิรุตม์ด้วย เดชเจ้า จอมสยาม ฯ
๏ สมนามราเมศร์เจ้า จอมอยุธ
เถกองเกียรติพระมงกุฎ ก่องหล้า
เด่นพระเดชเดือนดุจ เดือนส่อง แสงเฮย
ปกกระหม่อมเหล่าข้า บาทเบื้อง บทศรี ฯ







นาวิกศาสตร์ 16
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


๏ บัดมีมาโนชน้อม มนัศา
พิมพ์ต�าหรับหนึ่งมา นอบเกล้า
“นาวิกศาสตร์” ปา ฐะพร�่า
น�าคณะสนิทเข้า รอบรู้ ระบิลศึก ฯ
๏ ฝึก ยุทธศาสตร์ซ้อม ศึกษา
ฝึก ยุทธวิธยา สอบรื้อ
ฝึก ยุทธกิฬา ลองศึก

ฝึก ยุทธศาสตร์อื่นอื้อ อเนกด้วย ดื่นผล ฯ
๏ กลรัตนสร้อย สังวาล
สอดสกนธ์ทวยหาญ หั่นเหี้ยน
มวญอมิตร์มันราน มันราบ
ปราบบ่มีเศิกเสี้ยน สั่นเกล้า แกลนหนี ฯ
๏ ศรีอยุทธยายิ่งแผ้ว ไพบูลย์
เพ็ญพระเกียรติจ�ารูญ รุ่งฟ้า
สมบัติพิพัฒน์พูล สวัสดิภาพ
สืบพระวงศ์เจ้าหล้า โลกสิ้น ดินสูญ ฯ

นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร
นายกราชนาวิกสภา


“โคลงนมัสการ แล ขอพร,สรรเสริญพระบารมี” เป็นโคลงสุภาพลิลิต คือโคลงสี่สุภาพที่แต่งต่อกันหลาย ๆ บท
เป็นเรื่องราว โดยมีการร้อยโคลง คือมีสัมผัสระหว่างบท เน้นให้ค�าสุดท้ายของบทต้นส่งสัมผัสสระไปยังค�าที่ ๑ หรือ

๒ หรือ ๓ ในบทต่อไป ต่างจากโคลงสุภาพชาตร คือ โคลงสี่สุภาพที่แต่งต่อกันหลาย ๆ บทเป็นเรื่องราว โดยไม่มีสัมผัส
ระหว่างบท ท�าให้แต่งโคลงได้ง่ายกว่า

การที่ นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร เลือกประพันธ์ “โคลงนมัสการ แล ขอพร, สรรเสริญพระบารมี” ด้วย
โคลงสุภาพลิลิตเช่นนี้ ได้แสดงถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ เลือกการประพันธ์ที่ยาก เพื่อจะฝากฝีมือ และให้เป็นเอกลักษณ์
การประพันธ์เฉพาะตัว ในปัจจุบันจะหาบทกวีที่แต่งค�าประพันธ์ด้วยโคลงสุภาพลิลิตยากเต็มที
นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร ท่านนี้คือ
นายวิม พลกุล / หลวงสุทธิสารบรรจง (พ.ศ. ๒๔๕๑) /พระสุนทรานุกิจปรีชา (พ.ศ. ๒๔๕๔) / พระยาวินัยสุนทร
(พ.ศ. ๒๔๕๙) / นายพลเรือตรี พระยาวินัยสุนทร เจ้ากรมพระธรรมนูญทหารเรือ (พ.ศ. ๒๔๕๒ – พ.ศ. ๒๔๖๒)

ในตอนท้ายของ “แจ้งความ” นายนาวาเอก พระยาวินัยสุนทร ได้เขียนไว้ว่า












“หนงสือนมขายทราชนาวกะสภา อนต้งอย รมบรเวณ ศาลาว่าการกระทรวงทหารเรือ จงหวัดธนบุร ผใดต้องการซ้อ






ให้แจ้งมายัง นายอิ้น สงวนพงษ์ บรรณารักษ์ของสภา)
นาวิกศาสตร์ 17
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


๒ ๓



















๑. อาคารราชนาวิกสภา
๒. ศาลาว่าการกระทรวงทหารเรือ
๓. วัดวงศมูลวิหาร อู่หมายเลข ๒ กรมอู่ทหารเรือ
๔. อู่หมายเลข ๑ กรมอู่ทหารเรือ
๕. พระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม






ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ นายอ้น สงวนพงษ์ หรือ รองอามาตย์เอก (ร.อ.อ.) อ้น สงวนพงษ์ เป็นบรรณารักษ์ราชนาวิกสภา





“ครูหวัด” (นาวาเอก สวัสด จันทนี) ได้เล่าถึง ร.อ.อ.อ้น สงวนพงษ์ เม่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ราชนาวิกสภาเป็นหน่วยในบังคับบัญชา
ของกรมยุทธศาสตร์ทหารเรือ รับงานมาจาก กรมเสนาธิการทหารเรือ มี นายนาวาโท พระยาปรีชาชลจร (วัน จารุภา)
เป็นเจ้ากรม ราชนาวิกสภาเป็นแผนกที่ ๗ ครูหวัด เล่าว่า








๘ นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี อดีตบรรณาธิการนิตยสารนาวิกศาสตร์ (พ.ศ. ๒๔๙๓), นักเขียนอาวุโสของนาวิกศาสตร์,

นักเรียนนายเรือ หมายเลข ๓๕๗ พ.ศ. ๒๔๖๒, สาเร็จออกเป็นนายทหารเรือ ชุดท ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๗, รับราชการ



ในโรงเรียนนายเรือมาเป็นเวลานานในต�าแหน่ง ต้นหน นายกราบขวา ต้นเรือ อาจารย์ใหญ่พรรคนาวิน ผู้บังคับกอง


โรงเรียนนายเรือ ท่านจึงมีลูกศิษย์จานวนมากมาย, ผลงานการเขียนบทความท่มีช่อเสียงมากของท่าน นอกเหนือไปจาก

ประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือแล้ว ก็คือ เรื่อง “นิทานชาวไร่”
นาวิกศาสตร์ 18
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓






“ร.อ.อ.อ้น สงวนพงษ์ เป็นบรรณารักษ์ ร.ท.ถวิล เสถียรสวัสด เป็นปฏิคม ครูอ้นเคยเป็นครูภาษาอังกฤษโรงเรียน
มาแต่เดิม ครูอิ้นชวนข้าพเจ้าเข้าสมัครเป็นสมาชิกฌาปนกิจ ข้าพเจ้าต้องจ่ายทรัพย์มาตั้งแต่ศพที่ ๑๓ ใน พ.ศ. ๒๔๖๗
เมื่อข้าพเจ้าเป็น น.ท.ร. (นักเรียนท�าการนายเรือ) ครั้งนั้นเพียงศพละ ๒ บาท เท่านั้น ค่าสมัครเข้า ๕ บาท ครูอิ้นตาย





เพราะอ้ายอนธพาลนกว่าท่านพกเงินมาก จงแทงท่านตายท่บ้านขม้น ในเวลาสามทุ่มเศษ ทรัพย์สินในตัวท่านไม่ม ี
กี่สตางค์เลย แต่ในเซฟท่านห่อไว้เป็นแผนก ๆ เงินของราชนาวิกสภาไม่มีสูญแม้แต่สตางค์แดงเดียว”








































คณะกรรมการอ�านวยการราชนาวิกสภา พ.ศ. ๒๔๖๖ – ๒๔๖๗





จากซ้ายไปขวา
แถวน่ง น.ต.หลวงมนุญศาสตร์สาธร น.ต.หลวงสารวจหิรญรักษ์ น.ท.หลวงพมลเสน น.อ.พระยาวิชตชลธ ี






น.ต.หลวงนาวาวิจิตร์ น.ต.หลวงขยันสงคราม ร.อ.อ.อิ้น สงวนพงษ์
แถวยืน ร.ท.งาม ติยัพเสน ร.อ.หลวงพลสินธวาณัติก์ ร.อ.พงษ์ อาสนะเสน ร.ท.เจียม เจียรกุล
ร.อ.ท.หรุ่น จุลละทรัพย์ ร.อ.เหลียง สุนาวิน ร.อ.แอ๊ด ธนูสิงห์ ร.อ.บุง ศุภชลาศัย
*ร.อ.อ.อิ้น สงวนพงษ์ แถวนั่งขวามือสุด

นาวิกศาสตร์ 19
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓





กิจการหนังสือนาวิกศาสตร์ได้ดาเนินการมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นปีท ๑๐๓ และอาจนับว่าเป็นหนังสือ หรือ
นิตยสารชั้นน�าของกองทัพเรือที่ยังคงด�ารงความมุ่งหมายในการถ่ายทอดวิทยาการด้านการทหารเรือ ตลอดจนเป็นสื่อ
เผยแพร่กิจการต่าง ๆ ของกองทัพเรือ สู่ประชาชนโดยทั่วไป สมควรที่จะได้รับการสนับสนุนอย่างส�าคัญ
วัตถุประสงค์ของนิตยสารนาวิกศาสตร์ในปัจจุบัน ปีท ๑๐๓ เล่ม ๑ มกราคม พระพุทธศักราช ๒๕๖๓ คือ








“เพ่อเผยแพร่วิชาการ และข่าวสารทหารเรือท้งใน และนอกประเทศ ตลอดจนวิทยาการอ่นๆ ท่วไป และเป็นส่อ
ในการประชาสัมพันธ์ของกองทัพเรือ”

นิตยสารนาวิกศาสตร์จะดี หรือไม่ด (ไม่ถึงกับเลว) ถ้าจะถามคนท�านาวิกศาสตร ์
ก็จะต้องตอบว่าดีเสมอไป ความจริงแล้วนาวิกศาสตร์จะดี หรือไม่ด ขึ้นอยู่กับผู้อ่าน หรือสมาชิก เป็นผู้ตัดสินเท่านั้น

ท�าดีแล้วย่อมมีคนชมเอง ค�าพังเพยโบราณท่านว่าไว้ว่า



“หมาขี้ไม่มีใครยกหาง”


“DOG ขี้ NO BODY ยก TAIL”





















เทียบกับภาษาอังกฤษคือ “Self – praise is no recommendation.” “ยกตัวเองไม่มีใครชม” “ยกหางตัวเอง”
(จากหนังสือ “รู้เฟื่องเรื่องส�านวน” โดย ศิริวรรณ คุ้มโห้)


นาวิกศาสตร์ 20
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


ค�ำกล่ำว
ของ
พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์
ผู้บัญชำกำรทหำรเรือ
ในพิธีสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจ�ำปี ๒๕๖๓
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ มกรำคม ๒๕๖๓
ณ อนุสรณ์เรือหลวงธนบุรี โรงเรียนนำยเรือ

***************
๑๗ มกรำคม วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ นับเป็นวันส�ำคัญท่พวกเรำมำชุมนุมกันเพ่อร�ำลึกถึง



วีรกรรมควำมกล้ำหำญของบรรพชนทหำรเรือ ท่ได้เสียสละเลือดเน้อและชีวิตในสมรภูมิกำรรบอย่ำงองอำจ

แกล้วกล้ำในหลำยเหตุกำรณ์ เพ่อธ�ำรงไว้ซ่งเอกรำช และอธิปไตยของชำต ิ



ประวัติศำสตร์ของกองทัพเรือได้จำรึกวีรกรรมท่บรรพบุรุษทหำรเรือของเรำได้พลีชีพในกำรรบ




คร้งส�ำคัญไว้หลำยเหตุกำรณ์ อำทิ กำรรบท่ปำกแม่น้ำเจ้ำพระยำ เม่อวันท่ ๑๓ กรกฎำคม รัตนโกสินทร์ศก

๑๑๒ เรือหลวงมกุฎรำชกุมำรพร้อมหมู่ปืนท่ป้อมพระจุลจอมเกล้ำและป้อมผีเส้อสมุทรได้ยิงสกัดก้นกำรรุกรำน




ของเรือรบฝร่งเศส จ�ำนวน ๒ ล�ำ อย่ำงสุดควำมสำมำรถ จนสูญเสียทหำรเรือไป จ�ำนวน ๑๒ นำย ยุทธนำวีท ี ่

เกำะช้ำง เม่อวันท่ ๑๗ มกรำคม พุทธศักรำช ๒๔๘๔ ซงกองเรอของฝรงเศสท่มีเรอลำดตระเวนลำมอตต์ปิเกต์








เป็นเรือธง พร้อมเรืออ่น ๆ อีก ๖ ล�ำ ได้ล่วงล้ำน่ำนน้ำไทยบริเวณเกำะช้ำง จังหวัดตรำด เพ่อโจมตีหัวเมือง




ชำยทะเลของไทย ก�ำลังฝ่ำยเรำ ประกอบด้วย เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงสงขลำ และเรือหลวงชลบุรี ภำยใต้


กำรบังคับบัญชำของนำวำโท หลวงพร้อมวีรพันธุ์ ผู้บังคับกำรเรือหลวงธนบุรี จึงเข้ำท�ำกำรต่อตีเพ่อสกัดก้น

กองเรือข้ำศึก โดยไม่หวำดหว่น ท้งท่เป็นฝ่ำยเสียเปรียบท้งจ�ำนวนเรือและระวำงขับน้ำ แม้ว่ำฝ่ำยเรำสำมำรถ






ขับไล่ผู้รุกรำนให้ล่ำถอยไปได้ก็ตำม ฝ่ำยเรำต้องสูญเสียเรือรบท้ง ๓ ล�ำ พร้อมด้วยชีวิตของก�ำลังพล รวมท้งส้น

๓๖ นำย
ในสงครำมมหำเอเชียบูรพำ ประเทศไทยประสบกับภำวะขำดแคลนน้ำมันเช้อเพลิง


กองทัพเรือจึงจัดเรือหลวงสมุยเดินทำงฝ่ำอันตรำย เพ่อล�ำเลียงน้ำมันเช้อเพลิงจำกประเทศสิงคโปร์มำยัง







ประเทศไทยหลำยคร้ง จนกระท่งในวันท่ ๑๗ มีนำคม พุทธศักรำช ๒๔๘๘ ระหว่ำงกำรล�ำเลียงน้ำมันเป็นเท่ยว


ท่ ๑๘ เรือหลวงสมุย ภำยใต้กำรบังคับบัญชำของนำวำตรี ประวิทย์ รัตนอุบล ได้ถูกเรือด�ำน้ำของฝ่ำย

สัมพันธมิตรโจมตีจนจมลงบริเวณนอกฝั่งรัฐตรังกำนู ท�ำให้มีผู้เสียชีวิต ๓๑ นำย นอกจำกนี้กองทัพเรือยัง
สูญเสียก�ำลังพลในกำรต่อสู้ป้องกันกำรโจมตีทำงอำกำศจำกฝ่ำยสัมพันธมิตรในหลำยพ้นท่ระหว่ำงสงครำม


เดียวกันอีก ๗ นำย
ในช่วงสงครำมเกำหลี กองทัพเรือได้ส่งก�ำลังเข้ำร่วมกับกองทัพสหประชำชำติ ประกอบด้วย





เรอหลวงประแส เรอหลวงบำงปะกง และเรอหลวงท่ำจน โดยระหว่ำงปฏบตภำรกจระดมยงฝั่ง เม่อวันท ่ ี






๖ มกรำคม พุทธศักรำช ๒๔๙๔ กองทัพเรือได้สูญเสียเรือหลวงประแส ล�ำท่หน่ง พร้อมกับก�ำลังพลประจ�ำเรือ

จ�ำนวน ๒ นำย ต่อมำในสงครำมเวียดนำม กองทัพเรือได้ส่ง เรือหลวงพงัน และเรือ ต.๑๒ ไปร่วมปฏิบัติกำรใน
เวียดนำมใต้ ภำยใต้ช่อ “หน่วยเรือซีฮอส” โดยเข้ำสมทบก�ำลังกับหน่วยบริกำรทำงทะเลประจ�ำกรุงไซ่ง่อน และ

กองเรือเฉพำะกิจที่ ๑๑๕ ปรำกฏว่ำ ตลอดระยะเวลำกำรปฏิบัติกำรน้น ก�ำลังพลของหน่วยเรือซีฮอสได้ปฏิบัต ิ

หน้ำที่ด้วยควำมเข้มแข็งและกล้ำหำญ จนน�ำชื่อเสียงมำสู่กองทัพเรืออย่ำงน่ำภำคภูมิใจ


ในช่วงสงครำมเย็น ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคำมจำกลัทธิคอมมิวนิสต์ ท�ำให้มีกำรสู้รบ



เกิดข้นในหลำยพ้นท่ระหว่ำงปีพุทธศักรำช ๒๕๑๖–๒๕๒๗ ก�ำลังพลของกองทัพเรือได้เข้ำร่วมในยุทธกำรส�ำคัญ

หลำยคร้ง ได้แก่ ยุทธกำรสำมชัย จังหวัดเพชรบูรณ์ ยุทธกำรดอยผำจิ จังหวัดเชียงรำย ยุทธกำรกรุงชิง
จังหวัดนครศรีธรรมรำช ยุทธกำรดอนน้อย จังหวัดหนองคำย ยุทธกำรบ้ำนโขดทรำย และยุทธกำรบ้ำนช�ำรำก
จังหวัดตรำด กองทัพเรือต้องสูญเสียก�ำลังพลผู้กล้ำหำญในยุทธกำรที่กล่ำวมำนี้ จ�ำนวน ๓๘ นำย

นอกจำกกำรรบท้งในยุทธภูมิและเหตุกำรณ์ต่ำง ๆ ดังกล่ำวแล้ว กองทัพเรือยังได้ส่งก�ำลังพล








เข้ำปฏบติหน้ำทร่วมกบเหล่ำทพเพอรกษำควำมมนคง และควำมสงบเรยบร้อยภำยในประเทศ ตลอดจน




กำรปกป้อง และรักษำอธิปไตยตำมแนวชำยแดน จวบจนถึงปัจจุบัน กองทัพเรือยังคงส่งก�ำลังพลเข้ำร่วมแก้ไข





ปัญหำควำมไม่สงบในพ้นท่จังหวัดชำยแดนภำคใต้อย่ำงต่อเน่อง แม้ว่ำกำรปฏิบัติหน้ำท่เหล่ำน้ต้องแลกด้วย



เลือดเน้อและชีวิตก็ตำม ก�ำลังพลเหล่ำน้นยอมเสียสละชีวิตของตนเอง เพ่อปกป้องชีวิตของประชำชนผู้บริสุทธ ์ ิ
และนำสนตสขกลบคนมำ นบเป็นวรกรรมอนกล้ำหำญ และเป็นเกยรตภมของเหล่ำผ้วำยชนม์ทได้ทำหน้ำทของ




















ทหำรเรือไทยอย่ำงสมบูรณ์ครบถ้วนด้วยจิตวิญญำณท่เปี่ยมไปด้วยควำมรักชำติและควำมเสียสละอย่ำงแท้จริง
ซึ่งจะเป็นต�ำนำนให้อนุชนรุ่นหลังกล่ำวขำนยกย่อง และจำรึกไว้ในประวัติศำสตร์ของกองทัพเรือตลอดไป

โอกำสท่วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือเวียนมำถึงในวันน้ ผมขอเชิญชวนท่ำนท้งหลำยร่วมกันต้งจิต



อธิษฐำน ขออำนุภำพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและส่งศักด์สทธ์ท้งหลำยในสำกล พระบำรมีแห่งพระสยำมเทวำธิรำช





ดวงพระวิญญำณของสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช พลเรือเอก พระเจ้ำบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำอำภำกรเกียรติวงศ์



กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ ได้โปรดดลบันดำลให้ดวงวิญญำณอันบริสุทธ์ของวีรชนทหำรเรือทุกท่ำนซ่งได้
ล่วงลับไปแล้ว จงสถิตอยู่ในสุคติภพชั่วนิรันดร์กำล
ขอให้พวกเรำยืนสงบนิ่ง ส�ำรวมจิตแสดงควำมเคำรพ และร�ำลึกถึงวีรกรรมของเหล่ำนักรบแห่ง
รำชนำวีที่ได้สละชีวิตเป็นชำติพลี โดยพร้อมกัน ณ บัดนี้
(ยืนไว้อำลัย ๑ นำที)


ในวำระอันส�ำคัญน้ ขออัญเชิญดวงวิญญำณของบรรดำวีรชนผู้กล้ำหำญท้งหลำยแห่งรำชนำว ี
ได้โปรดมำร่วมชุมนุมรับผลบุญกุศลนี้โดยพร้อมเพรียงกันเทอญ


เรือสงขลารบกับ



เรือลามอตต์ปิเกต์ (ตอนที่ ๑)





















โดย น.นพคุณ












กองทพเรอกำหนดใหวนท ๑๗ มกรำคม ของทกป ี ปืนหัวเรือ ปืนกลำงล�ำ และปืนท้ำยเรือ และเตรียมกระสุน

เป็นวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ โดยถือเอำวันท่มีกำรรบ ปืนกลต่อสู้อำกำศยำนไว้ท่แท่นปืนทุกกระบอก บรรจ ุ



ทำงเรือท่ส�ำคัญย่งของประวัติศำสตร์ชำติไทย และ กระสนปืนกลแมดเสน ๒๐ มลลเมตร เตมแมกกำซน






ทหำรเรือไทยในกำรรบท่เกำะช้ำง โดยก�ำลังฝ่ำยเรำ จนกระท่งเม่อเวลำ ๐๕๕๕ จึงได้เร่มฉำกกำรรบ









ประกอบด้วย เรอหลวงธนบร เรอหลวงสงขลำ และ กับเคร่องบินข้ำศึกท่บินมำท้งระเบิดโรงเก็บเคร่องบิน


















เรอหลวงชลบร ได้ทำกำรรบกบกองเรอฝรงเศส ทม ี บนเกำะง่ำม เมอเรมได้ยนเสียงเครองบนทำงกรำบซ้ำย





เรือลำมอตต์ปิเกต์ เป็นเรือธง และเรืออ่น ๆ อีก ๖ ล�ำ จึงส่งประจ�ำสถำนีต่อสู้อำกำศยำน และสงให้ปืนกล





เม่อวันท ๑๗ มกรำคม พ.ศ.๒๔๘๔ แมดเสนท�ำกำรยิง และปืนกลต่อส้อำกำศยำนหนไล่



ในโอกำสน นำวิกศำสตร์จึงน�ำเร่อง “เรือสงขลำรบกับ ตำมยิงไปทำงกรำบขวำ เห็นกระสุนตกล้อมเคร่องบินข้ำศึก




เรือลำมอตต์ปิเกต์” จำกนำวิกศำสตร์ ฉบับเดือนพฤศจิกำยน ทงหวและท้ำย มควนดำพ่งออกมำทำงด้ำนหว จำกนน











พ.ศ.๒๕๐๒ ของ น.นพคุณ ซ่งเป็นนำมปำกกำของ จึงส่งปืนใหญ่เรือระดมยิง เห็นเครื่องบินร่อนลงต่ำ และ
พลเรือเอก นัย นพคุณ อดีตผู้บัญชำกำรกองเรือยุทธกำร มีควันด�ำพุ่งออกมำ ต่อมำได้รับรำยงำนว่ำเห็นเรือข้ำศึก


และเป็นอดีตต้นเรือ ท�ำหน้ำท่ต้นปืนเรือหลวงสงขลำ ก�ำลังแล่นมำทำงกรำบขวำ จำกน้นฉำกกำรรบทำงทะเล
ในกำรรบทำงเรือท่เกำะช้ำง เม่อ ๗๙ ปีท่ผ่ำนมำ คร้งสำคญของเรอหลวงสงขลำกบเรือลำมอตต์ปิเกตต์










เพ่อให้สมำชิก และผู้อ่ำนได้ร�ำลึกถึงวีรกรรมของบรรพชน ก็ได้เร่มข้น เรือหลวงสงขลำท�ำกำรยิงอย่ำงห้ำวหำญ

ทหำรเรือ ท่ท�ำกำรรบอย่ำงเด็ดเด่ยว และยอมพลีชีพ ถูกกระสุนทะลุหลำยแห่ง ทหำรเสียชีวิตและบำดเจ็บมำก




เพ่อปกป้องเอกรำช และอธิปไตยของชำติให้ม่นคงสืบมำ มีระเบิด และไฟไหม้เรือ จนต้องสละเรือใหญ่

เน้อหำท่ผู้เขียนถ่ำยทอดมีลักษณะเป็นประวัติศำสตร์ เร่องรำวกำรรบของเรือหลวงสงขลำกับเรือลำมอตต์



บอกเล่ำจำกประสบกำรณ์ตรงท่ประสบด้วยตนเอง ปิเกต์ จะเป็นอย่ำงไร ขอเชิญสมำชิก และผู้อ่ำนติดตำม




โดยกลำวถงกำรเตรยมควำมพรอมรบ ซงไดสงใหตดชนวน กันได้เลยครับ







กระสุนปืนโบฟอร์ส ๗๕ มิลลิเมตร ท้ง ๓ กระบอก คือ

นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 24
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 25
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 26
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 27
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 28
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 30
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 31
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 32
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 34
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 35
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 36
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 37
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 38
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 39
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 40
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 41
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 42
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 43
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


นาวิกศาสตร์ 44
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓



(จบตอนท่ ๑)



นาวิกศาสตร์ 45
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


การศึกษาแนวคิดอ�านาจนิยมใหม่ของจีน

สมัยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

The study of the ideology of China’s


Neo-Authoritarianism in the President Xi Jinping Era.

นาวาตรี อาทิตย์ มีสมมนต์





สาธารณรัฐประชาชนจีนมีรูปแบบการปกครอง สามารถแข่งขันทางการเมือง และจัดต้งรัฐบาล อานาจ

ท่ซับซ้อนและมีลักษณะท่พิเศษเฉพาะ โดยมีพรรค ในการจัดต้งรัฐบาลเป็นของพรรคคอมมิวนิสต์แต่เพียง







คอมมวนสต์ (Chinese Communist Party : CCP) พรรคเดียว ซ่งผูกขาดอานาจมาตลอด ดังน้นพรรคจึงม ี



เป็นสถาบันทางการเมืองท่มีอานาจเด็ดขาดสูงสุด และ อ�านาจในการปกครอง (the ruling party) และพรรคมี


เป็นผู้กาหนดนโยบายทุกด้านให้รัฐบาลนาไปปฏิบัต ิ บทบาทในการควบคุมกลไกของรัฐ นโยบายท่รัฐบาล









ปัจจบนผ้นาสงสดคอ ประธานาธบด ส จนผง ยงคง จะนามาปฏิบัติล้วนผ่านการกล่นกรองพิจารณาจากพรรค









ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ได้มีการลดทอน ท้งส้น แม้แต่สมัชชาประชาชน หรือสภาประชาชนแห่งชาต ิ





แนวคิดอานาจนิยม หรือความเป็นเผด็จการลง และ ซ่งเป็นองค์กรอานาจสูงสุดแห่งรัฐก็อยู่ภายใต้การนาของ



ได้นาแนวคิดอานาจนิยมใหม่ (Neo-Authoritarianism) พรรคคอมมิวนิสต์ รวมท้งผู้ท่ดารงตาแหน่งระดับสูงใน



มาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้จีนก้าวสู่ความเป็น รัฐบาลล้วนแต่เป็นคนของพรรคทั้งสิ้น
มหาอ�านาจของโลกในปัจจุบัน ๒. พรรคควบคุมกองทัพ พรรคคอมมิวนิสต์จีน

การศึกษาถึงระบอบการปกครองในจีนน้น จะต้อง จะควบคุมกองทัพ ผ่านคณะกรรมาธิการทหารกลาง


ศกษาโครงสร้างทางการเมองของจนให้ถ่องแท้และต้อง ซ่งเป็นองค์กรในคณะกรรมการกลางของพรรค และ




ตระหนักถึงลักษณะท่สาคัญของระบบการเมืองการ พรรคยังควบคุมกองทัพ โดยให้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง
ปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังต่อไปนี้ ไปประจ�าตามหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเพื่ออบรมทัศนคติ
๑. พรรคควบคุมกลไกของรัฐ เน่องจากการปกครอง และอุดมการณ์ทางการเมือง การสร้างกลไกท่พรรคมีอานาจ



ตามอุดมการณ์ มาร์กซ์ - เลนิน ได้ให้ความสาคัญกับ ควบคุมกองทัพน้มาจากแนวคิดของ เหมา เจ๋อตง ท่ว่า



พรรคคอมมิวนิสต์ในฐานะเป็นแกนนา (vanguard) ใน “อ�านาจรัฐมาจากปากกระบอกปืน แต่พรรคต้องคุมปืน

การปฏิวัติสังคม และไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองอื่น และไม่ยอมให้ปืนมาคุมพรรค”
นาวิกศาสตร์ 46
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


๓. พรรคแทรกซึมในทุกหน่วยสังคม พรรค (ดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรี) ร่วมกันบริหารประเทศกับ


คอมมิวนิสต์จีนจัดต้งพรรคในระบบเซลล์ (cell) คือ ไม่ได้ คณะกรรมการประจ�ากรมการเมือง




ยึดถือการจัดต้งในหน่วยการปกครองเท่าน้น หากแต่ยัง ๖. การเมืองแบบท่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ยึดถือหน่วยการผลิต โรงงาน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ในการศึกษาการเมืองในจีนจาเป็นต้องตระหนักถึง



องค์กร หรือสถาบันต่าง ๆ ของรัฐนั้นมีสาขาย่อย หรือ การเมืองท้งในแบบท่เป็นทางการ (Formal Politics)
ตัวแทนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนสังกัดอยู่ ตัวอย่าง และแบบท่ไม่เป็นทางการ (Informal Politics) ซ่งจะ




เช่น ในระดับมหาวิทยาลัย อธิการบดีจะรับฟังนโยบาย นาไปสู่การวิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มในชนชั้นนา
การศึกษาแนวคิดอ�านาจนิยมใหม่ของจีน และร่วมมือกับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจา อันมีผลมาจากความสัมพันธ์ส่วนตัวท่ไม่เป็นทางการ


สมัยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มหาวิทยาลัย (factionalism) ดังเช่น ในสมัยที่ เติ้ง เสี่ยวผิง เป็นผู้น�า
๔. ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ การจัดการปกครอง

สูงสุดของจีน (paramount leader) ก็ไม่ได้ดารงตาแหน่ง


The study of the ideology of China’s ของจีนเป็นลักษณะประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ ซึ่งเป็น ประธานาธบด หรอเลขาธการพรรค แตสามารถมีอทธพล







Neo-Authoritarianism in the President Xi Jinping Era. ไปตามหลักประชาธิปไตยแผนใหม่ กล่าวคือ ในการ เหนือผู้น�าที่อยู่ในต�าแหน่งได้ อย่างไรก็ตามลักษณะของ

ประชุมพิจารณาตัดสินปัญหาใด ๆ สมาชิกพรรคทุกคน

การเมืองแบบท่ไม่เป็นทางการ มีแนวโน้มท่จะลดลง
มีสิทธิท่จะแสดงความคิดเห็น และอภิปรายอย่างเตมท ่ ี ภายหลังท่มีการกาหนดกฎระเบียบในการถ่ายโอนอานาจ






(หลักประชาธิปไตย) แต่เมื่อตัดสินเป็นมติของพรรคแล้ว ภายในพรรค

สมาชิกของพรรคทุกคนในทุกระดับต้องเช่อฟัง และปฏิบัต ิ
ตามมติพรรคอย่างเคร่งครัดโดยยึดหลักการรวมศูนย์ โครงสร้าง และสถาบันทางการเมืองการปกครองของจีน
๕. ระบบผู้นาร่วม (Collective Leadership) จีนภายใต้การปกครองในระบอบสังคมนิยม



หมายถึง คณะผู้นามีอานาจในการปกครอง และการ มีองค์กรทางการเมือง และสถาบันทางการเมืองที่ส�าคัญ
ตัดสินใจร่วมกัน คณะผู้นาท่ปกครองประเทศจีนซ่งม ี ประกอบกันเป็นโครงสร้างทางการเมือง อันได้แก่



อานาจในการตัดสินนโยบายสาคัญ ๆ ร่วมกัน คือ ๑. พรรคคอมมิวนิสต์จีน (Communist Party of


“คณะกรรมการประจากรมการเมือง” การปกครอง China : CPC)




ในระบบผู้นาร่วมน้เป็นความพยายามท่จะสร้างระบบท ่ ี ๒. องค์กรของรัฐ (State Organs) หรือฝ่ายบริหาร


ป้องกนไม่ให้เกิดลัทธิบูชาตัวบคคล เช่น ในสมัยของ ๓. สถาบันทหาร หรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

เหมา เจ๋อตง และระบบผู้นาร่วมเป็นอีกความพยายามหน่ง (People’s Liberation Army : PLA)


ของ เติ้ง เสี่ยวผิง ที่ได้สร้างกลไกในการสืบทอดอ�านาจ ๔. สภาท่ปรึกษาทางการเมือง (Chinese People’s


ภายในพรรคไว้ เพ่อป้องกันการต่อสู้แย่งชิงอานาจกัน Political Consultative Conference)

ภายในพรรค อันนาไปสู่ความเสียหายแก่พรรค และ ๕. องค์กรมวลชน (Mass organizations)


ประเทศ เช่น กรณีของการต่อสู้แย่งชิงอานาจของผู้น�าจีน

ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม เป็นต้น ระบบผู้นาร่วมของจีนได้ วิวัฒนาการการเมืองการปกครองของจีน

เร่มข้นภายใต้การช้นาของ เต้ง เส่ยวผิง เม่อเร่มดาเนิน นับต้งแต่สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่าง









นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจในปลายปี ค.ศ.๑๙๗๘ โดยม ี เป็นทางการ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ค.ศ.๑๙๔๙ ประเทศ
หู เย่าปัง (ด�ารงต�าแหน่งเลขาธิการพรรค) จ้าว จื่อหยาง จีนได้ปกครองในระบบสังคมนิยมภายใต้การนาของพรรค

๑ ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล, ยุทธศาสตร์จีนบนเวทีโลก (ฉบับปรับปรุง), (กรุงเทพฯ : ศูนย์พัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารบก, ๒๕๖๐), ๙๑ - ๙๓.
๒ ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล, ยุทธศาสตร์จีนบนเวทีโลก (ฉบับปรับปรุง), ๙๔ - ๑๑๒.
นาวิกศาสตร์ 47
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


คอมมิวนิสต์จีน (Communist Party of China : CPC) ทางสังคมเอาไว้ ดังนี้







ท่ก่อต้งข้นเม่อปี ค.ศ.๑๙๒๑ และต่อสู้ทางการเมือง ประการแรก จีนกาลังจะกลายเป็นประเทศท่ม ี
เป็นเวลายาวนานถึง ๒๘ ปี ก่อนที่จะได้รับชัยชนะ และ ความแตกต่าง ระหว่างคนรวยกับคนจนเป็นอันดับหน่ง

ได้กุมอ�านาจรัฐในที่สุด ของโลก ภายใต้ค�าขวัญของอดีตผู้น�า เติ้ง เสี่ยวผิง ที่ว่า

สาหรับแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้ “ให้คนส่วนหนึ่งรวยขึ้นก่อน” ได้ท�าให้ชนชั้นอภิสิทธิ์ชน



ทฤษฎีช้นา โดยเฉพาะแนวคิดวัตถุนิยมตามลัทธ ิ โดยเฉพาะอย่างย่งกลุ่มลูกหลานทายาทของสมาชิกพรรค

มาร์กซ์-เลนิน ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดของ เหมา เจ๋อตง คอมมิวนิสต์ ได้ใช้ประโยชน์จากอานาจรัฐเข้าแทรกแซง

ผู้นาจีนรุ่นท่หน่ง ท่ได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และ กลไกทางเศรษฐกิจ เกิดเป็นชนชั้นคนรวยกลุ่มเล็ก ๆ ที่




ได้พบข้อผิดพลาดจนนาไปสู่การปฏิรูป และเปิดประเทศ รารวยข้นอย่างรวดเร็ว ขณะท่ชาวนาและผู้ใช้แรงงาน




ตามทฤษฎีของ เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้น�าจีนรุ่นที่สอง อันน�าไปสู่ ราว ๒๐๐ ล้านคน กับครอบครัวในชนบทอีกมากกว่า


การสานต่อแนวความคิดเก่ยวกับสามตัวแทนของ เจียง ๖๐๐ ล้านคน ท้งหมดน คือ ชนช้นล่างผู้ยากจนกว่า



เจ๋อหมิน ผู้น�าจีนรุ่นที่สามซึ่งมุ่งเน้นว่าพรรคคอมมิวนิสต์ ๘๐๐ ล้านชีวิต ระดับความแตกต่างระหว่างความร�่ารวย
จีนต้องเป็นตัวแทนของพลังการผลิตท่ก้าวหน้าสอดคล้อง กับความยากจนในประเทศจีนได้ไต่ข้นถึงจุดสูงสุดท ่ ี




กับยุคสมัย ต้องเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมท่ก้าวหน้า และ ไกลเกินกว่าในหลาย ๆ ประเทศท่เคยเกิดเหตุการณ์

ต้องเป็นตัวแทนผลประโยชน์ส่วนรวมของมหาชน เปล่ยนแปลงการปกครอง และการปฏิวัติประชาธิปไตยมาแล้ว


อันขยายสู่วิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ของ ประการท่สอง กลุ่มชนช้นปัญญาชนหัวกะทิท่ไม่ม ี



ห จ่นเทา ผู้นาจีนรุ่นที่ส ท่พยายามลดความร้อนแรง ธุรกิจส่วนตัว หรือทรัพย์สินตกทอดของวงศ์ตระกูล






ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพ่อให้เกิดความสมดุล มีจานวนมากข้นเร่อย ๆ ซ่งในแต่ละปี จีนมีบัณฑิตจบใหม่



จนมาถงแนวคดเกยวกบความฝนของจนโดยประธานาธบด ี ประมาณ ๖ ล้านคน ในจ�านวนนี้ ร้อยละ ๓๐ ต้องเผชิญ








สี จิ้นผิง ผู้น�าจีนรุ่นที่ห้า กับปัญหาไม่มีงานท�า โดยตั้งแต่ปี ค.ศ.๒๐๐๖ เป็นต้นมา
ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.๑๙๗๘ เติ้ง เสี่ยวผิง อัตราการตกงานของบัณฑิตจบใหม่สูงถึง ๒ ล้านคนต่อปี


ได้ข้นสู่อานาจทางการเมืองด้วยการเป็นผู้สืบทอดอานาจ ประการท่สาม กรณีเก่ยวกับการเคล่อนไหวต่อต้าน




ที่ เหมา เจ๋อตง วางตัวไว้ และกลายเป็นผู้น�ารุ่นที่ ๒ ของจีน การปิดล้อมเวนคืนท่ดิน และกรณีชุมนุมประท้วงของกลุ่ม



เต้ง เส่ยวผิง ได้เข้าควบคุมการจลาจล ฟื้นฟ ู ต่าง ๆ จากสถิติปี ค.ศ.๒๐๐๙ ในแต่ละเมืองและมณฑล
บ้านเมือง และชูธงปฏิรูปเศรษฐกิจ ภายใต้คาขวัญท่ว่า ต่าง ๆ ของจีน เกิดกรณีต่อต้าน หรือคัดค้านของมวลชน


“การพัฒนาประเทศเป็นภารกิจอันดับหน่ง” เปิดศักราช ในแต่ละวันราว ๓๐๐ คดี โดยร้อยละ ๖๐ เกิดจากเหตุ





ใหม่ของการปฏิรูปและเปิดประเทศ การเมืองแบบใหม่ ท่เจ้าหน้าท่รัฐระดับต่าง ๆ ในท้องท่ใช้อานาจ “เบ็ดเสร็จ”

ได้นาพาเศรษฐกิจจีนให้เติบโตข้นติดต่อกันมา ๓๐ กว่าปี หรือวิธีการแบบ “ไม้แข็ง” เข้าร้อถอนบ้านเรือนของ














ทาใหประเทศจนกลายเปนยกษใหญทางเศรษฐกจอนดบ ประชาชน เวนคนท่ดนทางการเกษตร และทดินผนป่า






สองของโลกในปี ค.ศ.๒๐๑๐ ท้งน้ก็เพ่อกอบโกยผลประโยชน์ และต้องการฉุดตัวเลข

ทว่า ในขณะท่เศรษฐกิจจีนกาลังเติบใหญ่ข้นอย่าง จีดีพี เพื่อหวังเลื่อนขั้นเลื่อนต�าแหน่ง




รวดเร็ว กลุ่มผู้บริหารพรรคคอมมิวนิสต์กลับมิได้ด�าเนิน ประการท่ส ความเสอมเสยจากการคอร์รัปชัน







การปฏิรูปการเมืองเพ่อให้สอดรับกับสถานการณ์ดัง ในพรรคฯ เน่องจากการมีอิทธิพลอย่างมากของกลุ่ม

กล่าว ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดความเหลื่อมล�้า และความ ชนช้นนาในพรรคคอมมิวนิสต์ท่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง






ขัดแย้งทางชนช้นข้นรุนแรง ซ่งกาลังซ่อนวิกฤตใหญ่ ได้เอ้อประโยชน์กับลูกหลาน และพวกพ้องในเครือข่าย

นาวิกศาสตร์ 48
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓


Click to View FlipBook Version