The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2021-11-06 00:09:11

นาวิกศาสตร์ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔



“…ชาติบ้านเมืองจะมีความเจริญม่นคงได ก็ด้วยนานาสถาบันอันเป็นหลักของประเทศ ตลอดจน


ชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความสานึกตระหนักในประโยชน์ของประเทศชาต แล้วพร้อมใจกันสร้างสรรค ์
ประโยชน์นั้นให้บังเกิดงอกงาม. …”



พระราชดำารัส
ในการเสด็จออกมหาสมาคม
ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๖๒

ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
วันอาทิตย์ ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันทหารผ่านศึก





ในวันพุธท่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๔ น้ เป็นวันทหารผ่านศึก กองบรรณาธิการฯ ขอเชิญสมาชิกทุกท่านได้ร่วมน้อม
ราลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร













ททรงพระราชทานพระราชดารส ณ พระตาหนกจิตรลดารโหฐาน เมอวนท่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๓ เนองในโอกาส
วันท่ระลึกทหารผ่านศึก วันเสาร์ท่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ความตอนหน่งว่า “ทหารผ่านศึกเป็นผู้มีเกียรติ เพราะ



ได้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว แม้กระทั่งเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อบ้านเมืองและส่วนรวม. ขอให้ภูมิใจและตั้งใจ












รกษาเกยรตอันแท้จรงทมอย่นนไว้ทกเมอ.” และได้ร่วมภาคภูมิใจในวีรกรรมของทหารผ่านศึกทุกท่านท่มีคุณูปการ


ต่อสังคมไทยโดยพร้อมเพรียงกัน
ในอดีตถือว่าชาวไทยทุกคนต้องเป็นทหาร มีหน้าท่ป้องกันประเทศชาติของตน เวลาท่ประเทศชาติตกอยู่ใน


ภาวะสงคราม ชาวไทยทั้งหลายได้รับใช้ประเทศชาติและพระมหากษัตริย์ด้วยการท�าหน้าที่ออกรบ เมื่อสงครามยุติ
ลงแล้วผู้ปกครองแผ่นดินก็ชอบที่จะปูนบ�าเหน็จรางวัล เพื่อตอบแทนความดีความชอบแก่ทหารผ่านศึกเหล่านั้น ใน
สมัยต่อมา ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงส่งทหารอาสา
สงคราม จ�านวน ๑,๒๐๐ คน ไปท�าการรบร่วมกับสัมพันธมิตรในสมรภูมิภาคพื้นยุโรป สงครามโลกครั้งที่ ๑ ยุติลง
เม่อวันท่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๑ ทหารอาสาได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยเม่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๒



ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๖๕ บรรดาประเทศสัมพันธมิตรต่าง ๆ ในยุโรปต่างได้จัดตั้งสมาคมสหายสงครามขึ้นในประเทศ
ของตน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีว่าการกระทรวงกลาโหม


จัดการต้งสมาคมสหายสงครามข้น และให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยให้ นายพลตรี พระยาพิไชยชาญฤทธ ิ ์
(พลเอก พระยาเทพหัสดิน) เป็นนายกสมาคม และทรงพระราชทานเงินปีเป็นค่าบ�ารุงปีละ ๖,๐๐๐ บาท

เม่อภายหลังสงครามโลกคร้งท่ ๒ ส้นสุดลง ประชาชนพลเมืองต่างได้รับความเดือดร้อน ทางราชการมีความจาเป็น






ท่จะต้องปลดทหารประจาการออก เน่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติทาให้ทหารเหล่าน้น



ประสบความเดือดร้อน ทางราชการจึงต้องให้การช่วยเหลือพอบรรเทาความเดือดร้อน โดยในปี พ.ศ.๒๔๙๑ รัฐบาล


ได้ร่างพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เม่อวันท่ ๓ กุมภาพันธ์
พ.ศ.๒๔๙๑ ด้วยเหตุนี้ทางราชการจึงได้ถือเอาวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันทหารผ่านศึก โดยจัดให้มีรัฐพิธี


วางพวงมาลา พิธีสักการะบูชาดวงวิญญาณของวีรชน ผู้กล้าหาญท่อนสาวรย์ชัยสมรภมิ พร้อมท้งจดให้ม ี




พิธีทางศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตในสมรภูมิต่าง ๆ



วันท่ ๓ กุมภาพันธ์ เป็นวันท่ไม่เพียงแต่ทหารกล้าเท่าน้นท่จะได้ร่วมราลึกถึงวีรกรรมการรบ แต่เป็นวันท่ ี


คนไทยทั้งหลายได้ร�าลึกถึงคุณความดีของทหาร ต�ารวจ และพลเรือน ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้ว และที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่
ที่ได้ช่วยกันรักษาเอกราชอธิปไตย ความสงบสุข และความมั่นคงของชาติไว้ให้แก่คนไทยทุกคน
เอกสารอ้างอิง
www.Photos.com
www.lakmuangonline.com/?p=3891
นาวิกศาสตร์ 1
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

นายกกรรมการราชนาวิกสภา

พลเรือโท เคารพ แหลมคม
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี จิรพล ว่องวิทย์
กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี สุรสิงห์ ประไพพานิช
พลเรือตรี บัญชา บัวรอด
พลเรือตรี คณาชาติ พลายเพ็ชร์
พลเรือตรี อุทัย โสฬศ
๑๕
พลเรือตรี วราณัติ วรรธนผล ปกหน้�
พลเรือตรี สรไกร สิริกรรณะ
พลเรือตรี มนต์เดช พัวไพบูลย์
พลเรือตรี วิสาร บุญภิรมย์
พลเรือตรี สุนทร คำาคล้าย
พลเรือตรี ดนัย สุวรรณหงส์
พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ
พลเรือตรี ประสาน ประสงค์สำาเร็จ

กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ

เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุขกิจ พลัง
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา ปกหลัง
พลเรือโท สมัย ใจอินทร์



พลเรอโท วรพล ทองปรีชา ข้อคิดเห็นในบทคว�มท่นำ�ลงนิตยส�รน�วิกศ�สตร์เป็นของผ้เขียน
มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบ�ยของหน่วยง�นใดของรัฐและมิได้ผูกพัน
พลเรอโท มนตรี รอดวิเศษ ต่อท�งร�ชก�รแต่อย�งใด ได้นำ�เสนอไปต�มท่ผ้เขียนให้คว�มคิดเห็น




พลเรอโท อำานวย ทองรอด เท�น้น ก�รกล�วถึงคำ�ส่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข�วส�รเบ้องต้น








พลเรอโท กตัญญู ศรีตังนันท์ เพื่อประโยชน์แก่ก�รค้นคว้�
บรรณาธิการ ปกหน้า โครงก�รอุทย�นประวัติศ�สตร์เรือของพ่อ เรือ ต.๙๑
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ ปกหลัง โครงก�รอุทย�นประวัติศ�สตร์เรือของพ่อ เรือ ต.๙๑
ผู้ช่วยบรรณาธิการ พิมพ์ที่ บริษัท ธันว� 4 อ�ร์ต จำ�กัด
นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา เจ้าของ ร�ชน�วิกสภ�
ประจำากองบรรณาธิการ
นาวาเอก ก้องเกียรติ ทองอร่าม
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง
นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด สำ�นักง�นร�ชน�วิกสภ�
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริร�ช เขตบ�งกอกน้อย
เรือเอกหญิง สุธิญา พูนเอียด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น ๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘
เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน ส่งข้อมูล/ต้นฉบับได้ที่ [email protected]
อ่�นบทคว�มเอกส�รอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ WWW.RTNI.ORG

สารบัญ




คลังความรู้ คู่ราชนาวี

ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ ประจำ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ลำ ดับเรื่อง ลำ ดับหน้า

บรรณ�ธิก�รแถลง ....................................................๐๔

เรื่องเล่�จ�กปก .........................................................๐๕

บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือประจำ�ปี ๒๕๖๓ .............๐๖
คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ

สร้�งเหล็กในคน (ตอนที่ ๒) .....................................๑๔

ถ.ถุง
ก�รฝึก COBRA GOLD ............................................๒๔

นาวาตรี วีรกมล สวนจันทร์

เครื่องบินสะเทินนำ�สะเทินบก
กับก�รปฎิบัติก�รท�งเรือ .........................................๓๒

พลเรือเอก ศุภกร บูรณดิลก “บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือประจำ�ปี ๒๕๖๓”
ศึกหอยแครง สงคร�มปล� (คอด) .................................๔๕

พลเรือโท พัน รักษ์แก้ว

ก�รศึกษ� : คุณค่�อยู่ที่ไหน
และเร�จะพัฒน�ก�รศึกษ�ไทยกันอย่�งไร ? .................๔๙
พลเรือเอก ไพโรจน์ แก่นสาร

จีน : อภิมห�อำ�น�จในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ ..................๕๗
พลเรือเอก เกรียงไกร อนันตศานต์

บอกผมที “แบบนี้ผิดหรือถูก”...................................๗๒

สำ�นวนช�วเรือ ..........................................................๗๓ “ก�รฝึก COBRA GOLD”

เรื่องเล่�ช�วเรือ .........................................................๗๕

ข่�วน�วีรอบโลก .......................................................๗๖

ภ�พกิจกรรมกองทัพเรือ ...........................................๘๐

ใต้ร่มประดู่ ................................................................๘๘

ก�รฌ�ปนกิจสงเคร�ะห์แห่งร�ชน�วี ........................๙๐ “เครื่องบินสะเทินนำ�สะเทินบกกับก�รปฎิบัติก�รท�งเรือ”


ม�ตร�นำ� เดือน เมษ�ยน ๒๕๖๔
เวล�ดวงอ�ทิตย์ - ดวงจันทร์ ขึ้น - ตก

เดือน มีน�คม - เมษ�ยน ๒๕๖๔.................................๙๒



นาวิกศาสตร นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค เพ่อเผยแพร ่

วิชาการและข่าวสารทหารเรือท้งในและนอกประเทศ ตลอดจนวิทยาการอ่น ๆ

ทั่วไป และเป็นสิ่งในการประชาสัมพันธ์ ของกองทัพเรือ

บรรณาธิการแถลง






นาวาเอก สุพจน์ สารภาพ


[email protected]





กุมภาพันธ์เป็นเดือนท่มีจานวนวันน้อยท่สุด คือ ๒๘ หรือ ๒๙ วัน (และเป็นเดือนท่เงินเดือนออกเร็วท่สุด)



โดยปกติจะมี ๒๘ วัน ยกเว้นปีอธิกสุรทินที่มี ๒๙ วัน โดยมีที่มาที่ไปตั้งแต่สมัยโรมัน ชาวโรมันเป็นพวกแรกที่คิด


คานวณปฏิทินข้นมาใช้อย่างเป็นระบบ สาหรับเดือนน้มีความสาคัญต้งแต่ช่วงต้นเดือน คือ ๓ กุมภาพันธ์




เป็นวันทหารผ่านศึก เพ่อระลึกถึงเกียรติภูมิของนักรบผู้กล้าหาญและเสียสละ ตลอดจนคุณงามความด ี



ของเหล่าทหารท่ทาให้เราอยู่อย่างสงบสุขบนผืนแผ่นดินไทย และช่วงปลายเดือน คือ ๒๖ กุมภาพันธ์
เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระภิกษุ จ�านวน ๑,๒๕๐ รูป โดยมิได้นัดหมาย

โดยภิกษุเหล่าน้นล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ผู้ท่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และ

บรรลุอรหันต์แล้วทุกองค์ คงจะแปลกไปถ้าไม่กล่าวถึงวันวาเลนไทน์ ท่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมองเดือนกุมภาพันธ์

เป็นเดือนแห่งความรัก ๑๔ กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันมรณภาพของนักบุญในศาสนาคริสต์ ที่ชื่อว่า เซนต์วาเลนไทน์
สังคมไทยนาวัฒนธรรมและอารยธรรมตะวันตกมาใช้จนทาให้เกิดปัญหาหลาย ๆ อย่าง โดยมิได้ศึกษา




หรือเรียนรู้ความเป็นมาในแต่ละวัฒนธรรมและอารยธรรมท่นามาใช้ อารยธรรมตะวันตกเน้นความเป็นตัวตน
มากกว่าการมองคุณค่าของสังคม ซ่งต่างจากอารยธรรมตะวันออก ท่ประสานแนวคิดเร่องจารีตประเพณ ี





การให้ความสาคัญสังคมมากกว่าตัวตน มุ่งเน้นการเรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาต สังคมไทยในปัจจุบัน
หญิงสาวมักเสียตัวในวันวาเลนไทน์ จนรัฐบาลได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็น วันกตัญญูแห่งชาติ มีหลายหน่วยงาน
พยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก (รักบริสุทธิ์) แทน
เรามาให้ความสาคัญกับวันแห่งความรัก ด้วยการรักครอบครัว รักงานท่เราทา หรือมาลองทาพร้อม ๆ กัน








โดยการให้ของขวัญวาเลนไทน์กับโลกท่เราอยู่ดีม้ย ลองหันมารักโลก ทาส่งดี ๆ ให้กับโลก ด้วยการลดใช้ถุงพลาสติก
ปลูกต้นไม้ ประหยัดน�้า ประหยัดไฟ ฯลฯ กันเถอะ




และท้ายท่สดนขอให้ผ้อ่านได้ซมซับความรักในการอ่าน และความรกทมีต่อนตยสารนาวิกศาสตร์ พร้อมกบ







น�าสาระ และความรู้ต่าง ๆ ในเล่มออกมาใช้ เพื่อน�าความก้าวหน้ามายังกองทัพเรือ และประเทศชาติสืบต่อไป

โลกก็เหมือนสนามเด็กเล่น ตอนเป็นเด็กคุณสนุกกับมัน
พอโตขึ้นมา คุณก็ลืมมันไป
วาทะภาพยนต์ “YES MAN” (2008)

กองบรรณาธิการ





ปกหน้า - ปกหลัง : โครงการอุทยานประวัติศาสตร์เรือของพ่อ เรือ ต.๙๑

































เรือ ต.๙๑ เป็นเรือท่มีคุณค่าย่งต่อประวัติศาสตร์การต่อเรือรบของไทยท่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีอัจฉริยภาพในการต่อเรือ
เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯ ทอดพระเนตรการต่อเรือยนต์รักษาฝั่งที่ประเทศเยอรมนีเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ เมื่อพระองค์
เสด็จฯ กลับ ได้ทรงพระราชทานพระราชด�ารัสแก่กองทัพเรือว่า “กองทัพเรือควรต่อเรือประเภทนี้ใช้เองบ้าง”
เพ่อน้อมราลึกและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช


บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานพระราชด�าริให้กองทัพเรือต่อเรือ ต.๙๑ ไว้ใช้ในราชการเอง พระองค์พระราชทาน



แบบเรือ ต.๙๑ ทรงมีพระราชวินิจฉัยในการต่อเรือลาน้จนแล้วเสร็จ และเสด็จพระราชดาเนินทรงทดลองเรือลาน้ด้วย


พระองค์เอง นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเป็นเกียรติยศอันภาคภูมิใจของคนไทยและกองทัพเรือหาท่สุดมิได้

















ซงกองทพเรอได้สบสานพระราชปณธานในการต่อเรอเพอพงพาตนเองมาจนถงปัจจบน จนถงพระมหากรณาธคณ



พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด
ซึ่งกองทัพเรือได้น้อมส�านึกในพระมหากรุณาธิคุณน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมด้วยใจภักดิ์

เรือ ต.๙๑ มีประวัติการใช้ราชการยาวนานเป็นเวลาถึงกว่า ๕๑ ปี จนกระท่งกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาเห็นว่า
เรือ ต.๙๑ นั้น มีสภาพทรุดโทรม การซ่อมท�าเพื่อใช้ราชการต่อไปไม่มีความคุ้มค่า จึงให้ปลดระวาง เรือ ต.๙๑ เป็น

เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งท่เป็นตานานของกองทัพเรือ แสดงถึงความเก่ยวพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับกองทัพเรือและ




ประเทศชาต ท่พระองค์ทรงมีความห่วงใยในด้านการพัฒนากาลังรบอย่างชัดแจ้ง และเป็นท่ประจักษ์แก่กองทัพเรือ






ดังน้น กองทัพเรือโดยกองเรือยุทธการ ด้วยความระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ จึงมีความต้งใจท่จะนา เรือ ต.๙๑


ท่ปลดระวางมาจัดต้ง เพ่ออนุรักษ์เป็นอุทยานประวัติศาสตร์เรือของพ่อ เรือ ต.๙๑ ณ บริเวณอ่าวดงตาล

กองเรือยุทธการ ต่อไป
นาวิกศาสตร์ 5
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ






ประจำาปี ๒๕๖๓





คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกบุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ



เป็นท่ทราบกันดีว่าในแต่ละหน่วยงาน แต่ละองค์กร การยกย่องผู้ประกอบคุณงามความดีในกองทัพเรือ
ต้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติงานกลุ่มเล็ก ๆ จนถึงระดับประเทศชาต ิ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทด้วยกัน ได้แก่ การยกย่อง






มักจะมีการคัดเลือกบุคคลดีเด่นของแต่ละองค์กร เกยรตคณ และการยกย่องชมเชย สาหรบรางวล


เพ่อเป็นการสร้างขวัญกาลังใจในการปฏิบัติงาน และ เกียรติยศนาว หรือรางวัลบุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ




เป็นแบบอย่างท่ด ซ่งกองทัพเรือก็ได้มีการดาเนินการ ถือว่าเป็นรางวัลสูงสุดของการยกย่องเชิดชูเกียรต ิ










คัดเลือกบุคคลดีเด่นของกองทัพเรือด้วยเช่นกัน ท้งน ้ ี สาหรับกาลงพลกองทพเรอ ซงกองทัพเรือได้แต่งต้ง


ด้วยความมุ่งม่นต้งใจของกาลังพลกองทัพเรือทุกนาย คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกบุคคลดีเด่นของ






ในการปฏิบัติงานเพ่อบรรลุภารกิจ ทาให้การสรรหา กองทัพเรอ โดยมีประธานคณะท่ปรึกษากองทัพเรอ

บุคคลท่มีความโดดเด่น มีผลงานเป็นท่ประจักษ์ต่อ เป็นประธานกรรมการ มีหน้าท่พิจารณาคัดเลือกบุคคล



กองทัพเรือและประชาชน อันเป็นประโยชน์ต่อท้ง ดีเด่นของกองทัพเรือ เสนอกองทัพเรือขออนุมัต ิ





กองทัพเรือและประเทศชาติน้นไม่ใช่เร่องง่าย กองทัพเรือ เป็นประจาทุกปี กาหนดมอบรางวัลในงานกองทัพเรือ








จงได้กาหนดหลกเกณฑ์การพจารณาคดเลอกบคคล มาต้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๐ ซ่งในขณะน้นได้กาหนดสาขาท่ม ี




ดีเด่นของกองทัพเรือขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๕ และมีการ การมอบรางวัลให้ออกเป็น ๖ สาขา ได้แก่ สาขาการทหาร
ปรับปรุงหลักเกณฑ์พิจารณา และแนวทางการมอบ สาขาการเมือง สาขาเศรษฐกิจ สาขาการพัฒนาสังคม
รางวัลเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งแวดล้อม และ



ความเป็นมาของรางวัล สาขาอ่น ๆ ต่อมากองทัพเรือได้กาหนดหลักเกณฑ์
นาวิกศาสตร์ 6
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔





การคดเลือกบุคคลดีเด่นของกองทพเรือใหม่ เมอปี
พ.ศ.๒๕๕๔ โดยแบ่งประเภทออกเป็น ๒ ประเภท
ได้แก่ บุคคลดีเด่นกลุ่มนายทหารสัญญาบัตร และบุคคล

ดีเด่นกลุ่มนายทหารประทวน หรือทหารกองประจาการ






หรออาสาสมครทหารพราน หรอลกจ้างประจา หรอ
พนักงานราชการ หรือนักเรียนในสถานศึกษาของ
กองทัพเรือ และแบ่งผลงานออกเป็น ๕ กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มงานส่วนบัญชาการ กลุ่มงานกาลังรบ กลุ่มงาน
ยุทธบริการ กลุ่มงานศึกษาและวิจัย และกลุ่มงานอื่น ๆ


ท้งน้รวมทุกกลุ่มงานต้องไม่เกิน ๑๐ นายของแต่ละปี



หากมีจานวนได้รับการคัดเลือกเกินเกณฑ์ท่กาหนด

ให้เสนอขออนุมัติกองทัพเรือเป็นกรณีพิเศษ ท้งน ้ ี
บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือสามารถรับรางวัล




“เกียรติยศนาวี” ได้เพียงคร้งเดียว เพ่อมิให้ซาซ้อน

บุคคลเดิมหลายปี และจะทาให้ผู้ท่ปฏิบัติงานดีเด่น

ในลาดับรองลงไปมีโอกาสได้รับการคัดเลือกเป็น

บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือในโอกาสต่อไป
จากน้น กองทัพเรือได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้




มีความเหมาะสมย่งข้นเร่อยมา สาหรับการปรับปรุง


คร้งล่าสุดได้ดาเนินการในปี พ.ศ.๒๕๖๑ โดยยกเลิก

การแบ่งผลงานตามกลุ่มงาน แต่ยังคงหลักเกณฑ์
การคัดเลือกบุคคลดีเด่นของกองทัพเรือตามประเภท
ออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
๑. บุคคลดีเด่นประเภทนายทหารสัญญาบัตร
หรือข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร
๒. บุคคลดีเด่นประเภทนายทหารประทวน
หรือข้าราชการกลาโหมพลเรือนช้นตากว่าสัญญาบัตร



หรือทหารกองประจ�าการ หรืออาสาสมัครทหารพราน
หรือลูกจ้างประจ�า หรือพนักงานราชการ หรือนักเรียน
ในสถานศึกษาของกองทัพเรือ
คุณสมบัติ


คุณสมบัติเบ้องต้นของผู้ได้รับการเสนอช่อเป็น
บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือนั้นคือ จะต้องเป็นก�าลังพล


ประจาการ สังกัดกองทัพเรือ เป็นผู้ท่ทุ่มเท เสียสละ


นาวิกศาสตร์ 7
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

(ภาพเข็มเกียรติยศนาวี โล่รางวัล และใบประกาศเกียรติคุณ)









สร้างผลงานเป็นท่ประจักษ์ต่อกองทัพเรือ หรือ ท้งน รางวัลและการเชิดชูเกียรติท่บุคคลดีเด่น

ประเทศชาติในวงรอบ ๑ ปี นับต้งแต่การพิจารณา ของกองทัพเรือจะได้รับจากผู้บัญชาการทหารเรือ หรือ


คร้งสุดท้ายจนเป็นท่ประจักษ์ และได้รับการยอมรับ ผู้แทน จะประกอบไปด้วยเงินรางวัลจ�านวน ๕๐,๐๐๐


อย่างกว้างขวางท้งใน หรือนอกกองทัพเรือ กับท้งต้องเป็น บาท เข็มเกียรติยศนาวี พร้อมด้วยโล่เชิดชูเกียรติ และ
ผู้มีความประพฤติดี ไม่มีประวัติเสียหาย และเป็นผู้ที่มี ใบประกาศเกียรติคุณ







คณธรรม จริยธรรม ทงในหน้าท่การงาน และความ ข้นตอนการดาเนนการคัดเลือกบุคคลดีเด่นของ

ประพฤติส่วนตัวตามที่กาหนดไว้ในระเบียบกระทรวง กองทัพเรือ ในปี พ.ศ.๒๕๖๓
กลาโหม ว่าด้วยประมวลจริยธรรม พ.ศ.๒๕๕๑ ๑. กรมกาลังพลทหารเรือ ออกข่าวราชนาว ี


เกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลดีเด่นของ ถึงหน่วยข้นตรงกองทัพเรือ หน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ
กองทัพเรือ คณะกรรมการ คณะท�างานต่าง ๆ ที่กองทัพเรือแต่งตั้ง

๑. เป็นผลงานจากการปฏิบัติงานในวงรอบ ๑ ปี ให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ ประเภท คุณสมบัต วิธีการ
นับตั้งแต่การพิจารณาครั้งสุดท้าย คัดเลือก และห้วงเวลาในการพิจารณาผลงาน
๒. เป็นผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือและ ๒. หน่วยต่าง ๆ ตามข้อ ๑ ด�าเนินการพิจารณา
ประเทศชาติ สรรหา คัดเลือก เสนอช่อบุคคลท่สมควรได้รับการ






๓. เป็นผลงานทเป็นทประจักษ์ และได้รบการ คัดเลือกเป็นบุคคลดีเด่นตามหลักเกณฑ์ท่กาหนด



ยอมรับทั้งใน หรือนอกกองทัพเรือ ต้งแต่ รองหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ รองประธาน

นาวิกศาสตร์ 8
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


กรรมการ และรองหัวหน้าคณะทางานลงมา พร้อมกรอก
ข้อมูลในแบบฟอร์มประวัติผลงานโดยละเอียด และ

เอกสารประกอบอ่น ๆ เสนอคณะกรรมการพิจารณา

คัดเลือกฯ ภายในเดือนมิถุนายน หรือตามท่คณะกรรมการฯ





เห็นสมควร ท้งน หน่วยต่าง ๆ ไม่จาเป็นต้องเสนอช่อ
เข้ารับการคัดเลือกหากไม่มีผู้ท่มีคุณสมบัติครบถ้วนตาม

หลักเกณฑ์ ส�าหรับในปี พ.ศ.๒๕๖๓ มีหน่วยต่าง ๆ เสนอ
รายชอบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเป็นนายทหารสัญญาบัตร


จ�านวน ๗ นาย และนายทหารประทวน จ�านวน ๑ นาย
๓. เลขานุการคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ
สอบถามคณะกรรมการนโยบายกองทพเรอ ในการเสนอ





รายช่อนายทหารช้นนายพลเรือ ท่เป็นหัวหน้าหน่วย

ข้นตรงกองทัพเรือ ประธานกรรมการ และหัวหน้า



คณะทางานท่กองทัพเรือแต่งต้ง เข้ารับการคัดเลือกฯ
และให้ฝ่ายเลขานการฯ ตรวจสอบคณสมบต และ





รวบรวมผลงานของผู้ท่ได้รับการเสนอรายช่อดังกล่าว

ซ่งในปี พ.ศ.๒๕๖๓ มิได้มีการเสนอช่อนายทหารช้น



นายพลเรือเข้ารับการคัดเลือก



๔. คณะทางานท่ได้รับการแต่งต้งจากคณะกรรมการ




พจารณาคดเลอกฯ ตรวจสอบคณสมบตของผ้ทหน่วย





ต่าง ๆ เสนอรายชื่อตามข้อ ๒ และ ๓ ให้เป็นไปตาม

หลักเกณฑ์/คุณสมบัติเบ้องต้นท่กาหนด ท้งตรวจสอบ



คัดกรองผลงาน สร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วม

ให้แก่กาลังพลกองทัพเรือในผลงานท่มีการนาเสนอ




เพ่อพิจารณาคัดเลือกฯ ซ่งในปี พ.ศ.๒๕๖๓ รายช่อ

ที่หน่วยต่าง ๆ ส่งเข้ารับการคัดเลือกนั้น ผ่านคุณสมบัติ
เบื้องต้นส�าหรับเข้ารับการคัดเลือกทั้งหมด
๕. คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ พิจารณา

คัดเลือกบุคคลท่ได้รับการเสนอรายช่อจากคณะทางาน




ตามข้อ ๔ โดยให้ผู้ท่ได้รับการเสนอช่อ/ผู้แทน นาเสนอ


ผลงานต่อคณะกรรมการคัดเลอกฯ จากนนให้ คณะกรรมการนโยบายกองทัพเรือพิจารณาให้ความ


คณะกรรมการคดเลอกฯ ประเมนค่าความเหมาะสม เห็นชอบ และพิจารณาคัดเลือกฯ ต่อไป ซ่งในปี พ.ศ. ๒๕๖๓





รายบุคคลของผู้ได้รับการเสนอช่อฯ ด้วยแบบประเมินฯ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกบุคคลดีเด่นของ



ท่กาหนดโดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ แล้วเสนอ กองทัพเรือ ได้จัดการประชุมคัดเลือกฯ คร้งท ๑ ในวันท ่ ี


นาวิกศาสตร์ 9
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓ และให้ผู้ท่ได้รับการเสนอช่อ ขออนุมัติผู้ท่ได้รับการพิจารณาเป็นบุคคลดีเด่นของ





ได้นาเสนอผลงาน ในการประชุมคร้งท ๒ ในวันท ๒๔ - ๒๕ กองทัพเรือ ตามมติท่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย












สงหาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ทงนจากการพจารณาตามหลกเกณฑ ์ กองทัพเรือ พร้อมอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ



การคัดเลือกฯ นั้น ผลปรากฏว่ามีผู้ที่ผ่านหลักเกณฑ์ฯ ต่อไป ท้งน้กองทัพเรือได้จัดทาพิธีมอบรางวัลบุคคล











จานวน ๑ นาย ทประชมจึงมมตคดเลือก นาวาตรีหญง ปฐว ี ดเด่นของกองทพเรือ ประจาปี พ.ศ.๒๕๖๓ ให้แก่
บุญตานนท์ ตาแหน่งแพทย์ฝ่ายบริการสุขภาพ โรงพยาบาล น.ต.หญิง ปฐวี บุญตานนต์ ในการประชุมหน่วยขึ้นตรง





สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นบุคคล กองทัพเรือ ในวันท ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ณ


ดีเด่นของกองทัพเรือ ประจ�าปี พ.ศ.๒๕๖๓ ห้องประชม ช้น ๖ อาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ


๖. กรมกาลังพลทหารเรือ เสนอกองทัพเรือเพ่อ พื้นที่วังนันทอุทยาน















น.ต.หญิง ปฐวี บุญตานนท์

บุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ ประจ�าปี ๒๕๖๓






นาวิกศาสตร์ 10
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

ประวัติการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ ๑)
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- วุฒิบัตรอายุรศาสตร์ทั่วไป คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- วุฒิบัตรอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ คณะแพทยศาสตร์

ผลงานที่ท�าให้ได้รับการพิจารณาเพื่อยกย่องเป็นบุคคลดีเด่นของกองทัพเรือ
๑. การเขียนแนวร่างในการป้องกัน และควบคุมการติดเชื้อส�าหรับผู้ที่เข้ามาเฝ้าระวังในอาคารรับรองเพื่อเป็น
แบบอย่างในการท�า state quarantine
๒. ออกนโยบายในการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ COVID-19 ส�าหรับบุคลากรในโรงพยาบาล
๓. ลดการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่จ�าเป็นในโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ

๔. พัฒนาและปรับปรุงคุณภาพห้องตรวจชีววิทยาให้สามารถตรวจ SAR - COV - 2 ได้
๕. การดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี ให้มีระดับไวรัสที่กดได้ และมีระดับภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น
คุณประโยชน์ที่ กองทัพเรือ หรือประเทศชาติได้รับจากผลงาน



๑. ในการดูแลผ้เฝ้าระวังท่กลับจากต่างประเทศไม่มีบุคลากรติดเช้อจากผ้เฝ้าระวัง และสามารถน�าไปใช้เป็น

แนวทางให้กับ state quarantine อื่นได้ ท�าให้ป้องกันการระบาดระยะที่ ๒ ในประเทศ
๒. การควบคุมยาปฏิชีวนะในโรงพยาบาล ท�าให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล และลดการเกิดเชื้อดื้อยา
ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นปัญหาส�าคัญทั่วประเทศ
๓. การดูแลผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ให้มีสุขภาพแข็งแรง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ปกติ




นาวิกศาสตร์ 11
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

การแสดงให้เห็นว่าผลงานฯ เป็นท่ประจักษ์และเป็นท ี ่

ยอมรับทั้งในกองทัพเรือ หรือนอกกองทัพเรือ




๑. การใหสมภาษณรายการทางชอง NBT และ
Thai PBS




๒. เปนวทยากรสอนในหนวยงานตาง ๆ ของ
กองทัพเรือ และนอกกองทัพเรือ


๓. ได้รับค�าช่นชมจากร่นพ่ท่คณะแพทยศาสตร ์


โรงพยาบาลรามาธิบดี
๔. ไปน�าเสนองานวิจัยที่ประชุมระดับนานาชาติ
๕. เป็นวิทยากรประชุม เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรค
ติดเชื้อที่ state quarantine
เกียรติประวัติการปฏิบัติงาน และรางวัลที่ได้รับ


- งานคุณภาพดีเด่นชนะเลิศ อันดับท ๑ (โรงพยาบาล
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ)
- บุคลากรดีเด่นด้านการพัฒนาคุณภาพ ระบบ
บันทึกเวชระเบียน (โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต ิ ์

กรมแพทย์ทหารเรือ)
- รางวัลคนดีของเรา (โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ)
- งานตีพิมพ์บทความชื่อ Dual infection with
pneumocystic jirovecii and mycobacterium
abscesses (สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย)
- Poster Presentation ในการประชุม ECCMID
2018 (European Congress of clinical Microbiology
and Infections Diseases)

- รางวัลชนะเลิศการประกวดงานวิจัยทางคลินิก
(สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย)
- บทความ Vitamin D and Calcium Supplement
(วารสาร Current HIV Research Attenuate Bone
Loss among HIV-Infected Patients Receiving
Tenofovir Disoproxil Fumarate/ Emtricitabine/
Efavirenz: An Open-Label, Randomized

Controlled Trial)






นาวิกศาสตร์ 12
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

















การมอบรางวลบคคลดเดนของกองทพเรอ กนออกไป ซงดวยความมงมนตงใจปฏบตงานในบทบาท



เป็นตัวอย่างของการแสดงถึงความชื่นชม และเป็นการ หน้าท่ของแต่ละคนน้น เม่อน�ามารวมกันแล้ว ย่อมบังเกิด



เผยแพร่เกียรติคุณของก�าลังพลกองทัพเรือ ท่มีความ เป็น “พลังสามัคคี พลังราชนาวี” อันเป็นการสร้างพลัง






ประพฤติด ประกอบคุณงามความด และมีผลงานเป็นท ่ ี ท่ย่งใหญ่เพ่อม่งไปส่จุดม่งหมายเดียวกันคือ เพ่อให ้




ประจักษ เป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือและประเทศชาต ิ กองทัพเรือ “เป็นกองทัพเรือท่ประชาชนเช่อม่นและ





สมควรได้รับการยกย่องเป็นเกียรติประวัต และเป็น ภาคภูมิใจ” ทางคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก









แบบอย่างท่ดีแก่ก�าลังพลกองทัพเรือในภาพรวม โดย บคคลดเดนของกองทพเรอ จงคาดหวงใหการมอบ


พิจารณาคัดเลือกตามเกณฑ์ท่ได้กล่าวมาในเบ้องต้น รางวลบคคลดเดนของกองทพเรอ เปนการสราง















แลวอยางรอบคอบและยตธรรม แมวาผทไดรบรางวล แรงบันดาลใจให้แก่ก�าลังพลกองทัพเรือทุกนาย ได ้







ในแต่ละปีจะมีเพียงจ�านวนหน่ง แต่ก็มิได้หมายความว่า ประกอบคณงามความด ปฏบัติหนาทด้วยความตงใจ











ก�าลังพลกองทัพเรือท่มิได้รับรางวัลน้จะปฏิบัติงาน อย่างเต็มก�าลังความสามารถ เพ่อเป็นประโยชน์ต่อ

ด้วยความย่อหย่อนกว่าผ้ท่ได้รับรางวัลแต่ประการใด กองทัพเรือ และประเทศชาติต่อไป






ทงน เพราะกาลงพลทกนายตางมบทบาทหนาทแตกตาง








นาวิกศาสตร์ 13
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

สร้างเหล็กในคน










(ตอนที่ ๒)








ถ.ถุง




การทดสอบสมรรถภาพร่างกายของ นนร. และ การฝึกภาคทะเล (สร้างเหล็กในคน) ของ นนร.




นรจ. ในช่วงการฝึกภาคทะเล ได้แก่ การว่งข้นเขากระโจม ยังได้ประสบการณ์ท่ส�าคัญ คือ การได้มีโอกาสไปเย่ยมเยือน






ไฟแหลมป่เจ้า การว่ายนาข้ามเกาะ การไต่เกาะ และ เมืองท่าและสถานท่สาคัญ ท้งในประเทศและต่างประเทศ





กระเชยงทน (ดภาพท ๑๗ ว่ายนาข้ามเกาะ ไต่เกาะ ซึ่งในสมุดจดหมายเหตุบันทึกไว้ ดังนี้

และกระเชียงทน) สามารถปรับให้เป็นการแข่งขันใน นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๑ ภาคสาธารณะและภาค

สัปดาห์กีฬานาวได้ โดยประเภทบุคคลประกอบด้วย ทะเล (ช้นใหม่) ได้ไปทัศนศึกษาเกาะสมุย ในตอนน้น



การว่งข้นเขา โดยเร่มต้นปล่อยตัวท่ทางข้นเขาด้านหน่วย บันทึกไว้ว่า “เกาะสมุยเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นเกาะที่




บญชาการนาวกโยธน จากน้นวงข้นไปอ้อมกระโจมไฟ ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ มีแหล่งท่องเท่ยวสาคัญ














แล้ววงลงเขาด้านท่าเรอแหลมเทยน ฐานทพเรอสตหบ ได้แก่ หาดละไม หาดชะเวง หินตาหินยาย (ท�าไมชื่อหิน






แล้วต่อด้วยการว่ายนาข้ามเกาะ ไปส้นสุดท่การไต่เกาะ ตาหินยายต้องไปดูกับตากันเอง) วัดพระพุทธรูปองค์ใหญ่”






ส�าหรับประเภททีม ก็เพิ่มกระเชียงทนไปอีก ๑ รายการ ตอนนนการทองเทยวในเกาะสมยตองน่งรถสองแถว หรอ




(๑๐ คน กระเชียง ๔ คู่ ๘ คน ถือท้าย ๑ คน และหัวเรือ ไม่ก็ต้องเช่ามอเตอร์ไซค์ให้พาว่งไปตามสถานท่ท่องเท่ยว



/ให้สัญญาณ/สารอง ๑ คน) โดยเม่อไต่เกาะเสร็จก็ลง ที่อยู่รอบเกาะ สถานที่พักโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร


เรือกระเชียง เส้นทางอาจจะเป็นท่าเรือเกาะพระ ไปอ้อมเกาะ ก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนสมัยน ได้กินก๋วยเต๋ยว หรือ




เตาหม้อ แล้วกลับเข้ามาท่เป็นท่าเรือแหลมเทียน หรือจาก ข้าวราดแกงก็อร่อยแล้ว หมู่เกาะอ่างทอง (ดูภาพที่ ๑๘
ท่าเรือเกาะพระอ้อมเข้าด้านในผ่านกองเรือยุทธการ หมู่เกาะอ่างทอง) เป็นอุทยานแห่งชาติท่น้อยคนจะได้



เกาะเตาหม้อ กลับมาท่ท่าเรือแหลมเทียน หรือจะกาหนด ไปเยือน ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ๔๐ เกาะ ที่สะดุดตา
เส้นทางอื่น ๆ ก็ได้ คือ ชื่อเกาะแปลก ๆ เช่น เกาะวัวเตะ เกาะสามเส้า เกาะ



วัวตาหลา เกาะผ เกาะหินดิบ เกาะทองท้งแท่ง และเกาะ
ลิ่ม เป็นต้น และได้ปล่อยให้ นนร. ขึ้นชมเกาะวัวตาหล�า


ท่มีทะเลสาบนาเค็มอยู่กลางเกาะ น่าแปลกใจว่านาทะเล



ข้นมาอยู่ได้อย่างไร การเดินเรือในช่องหมู่เกาะอ่างทอง




ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะไม่มีร่องนา และน่านน�า

ก็ไม่ได้กว้างมากนัก อทยานเขาสามร้อยยอด จังหวัด




ภาพที่ ๑๗ ว่ายน�้าข้ามเกาะ ไต่เกาะ และกระเชียงทน ประจวบคีรีขันธ์ มีถาพระยานครเป็นสถานท่ท่องเท่ยว
นาวิกศาสตร์ 14
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


ส�าหรับอ่าวสามร้อยยอด (บางปู) บันทึกไว้ว่าเป็นสถานที่ ชาวประมง แต่ปัจจุบันเกาะช้างเป็นแหล่งท่องเท่ยว







หลบพาย และคล่นลมมาต้งแต่สมัยรัชกาลท ๑ หัวหิน ที่สาคัญในภาคตะวันออกอีกแห่งหน่ง มีท่พักจานวนมาก








สถานท่ท่องเท่ยวท่มีช่อเสียงอีกแห่งหน่งของประเทศ และมีนักท่องเท่ยวเดินทางไปเท่ยวตลอดท้งปี ในสมุด






ซ่งเคยมาคร้งหน่งสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหาร โดยมา จดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า “วันศุกร์ท ๔ กันยายน ๓๐

ทางรถยนต์ แต่คราวน้พิเศษหน่อยมาทัศนศึกษาหัวหิน เมื่อคืนข้าพเจ้าเข้ายามเรือจอด ต�าแหน่งสะพานเดินเรือ

โดยทางเรือ” มีหน้าท่แบร่งหาท่เรือด้วย เพ่อจะได้ทราบว่าสมอเกาหรือ





ไม่ คาว่า “สมอเกา” หมายถึงสมอไม่กินดิน...จากน้นเวลา

๑๘๐๐ เรือหะเบสสมอข้นเพ่อเดินทางไปสงขลา ข้าพเจ้า


ต้องเข้ายามถือท้าย การถือท้ายเรือหลวงพงันค่อนข้าง
ล�าบากเพราะคลื่นลมแรง” (ดูภาพที่ ๑๙ การทอดสมอ
หมู่เรือฝึก นนร.และมุมแบริ่งหาที่เรือจากเรือหลวงพงัน)


ภาพที่ ๑๘ หมู่เกาะอ่างทอง
ภาพที่ ๑๙ การทอดสมอหมู่เรือฝึก นนร.และแบริ่งหาที่เรือจาก
เรือหลวงพงัน
นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ ภาคกลางปี หมู่เรือฝึก
นักเรียนนายเรือ (มฝ.นนร.) ประกอบด้วยเรือฝึกจ�านวน จากเกาะช้างเดินเรือประมาณ ๑ วัน ๒ คืน ก็ถึง จังหวัด

๓ ลา ได้แก่ เรือหลวงประแส เรือหลวงพงัน และเรือหลวง สงขลา โดยเรือหลวงพงัน และเรือหลวงช้าง เข้าเทียบท่า

ช้าง (ปัจจุบันปลดประวางประจ�าการไปแล้วทั้ง ๓ ล�า) ท่สถานีทหารเรือสงขลา (สสข.) ส่วนเรือหลวงประแส









ผู้เขียนได้ฝึกในเรือหลวงพงัน ซ่งเป็นเรือยกพลข้นบก จอดทอดสมออยบรเวณเกาะหน ทงนการนาเรอไปเทยบทา ่




ขนาดใหญ่ประเภทเดียวกับเรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวง มีสถานีเดินเรือในร่องน�้าสงขลา (ตามภาพที่ ๒๐ ร่องน�้า
ช้าง สมัยน้นสถานท่ท่ได้ปล่อยให้ทัศนศึกษา ได้แก่ เกาะช้าง สงขลาและสถานีเรือสงขลา) และได้วาดภาพเกาะหน ู




ซ่งเป็นเกาะท่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ท่ต้องไปคือ และเกาะแมวท่อยู่ปากทางเข้าร่องนาสงขลา แต่ในภาพ













นาตกธารมะยม ซ่ง นนร. จะไปเล่นนาและซักผ้ากัน สมัยน้น จะเหนว่าเกาะหนใหญ่กว่าเกาะแมว อย่างนแมวกคงไม่



เกาะช้างยังมีคนอาศัยอยู่ไม่มากนัก อาชีพส่วนใหญ่เป็น สามารถจับหนูได้
นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔



เรือยามประจาอ่าว เพ่อระมัดระวังความปลอดภัยของ

เรือท่จอดในอ่าวเป็นส่วนรวม โดยเรือยามประจาอ่าว

จะชักธงฉานที่เสาก๊าฟ (Gaff) แสดงเป็นสัญญลักษณ์


ซ่งธงฉานนี้ก็คือ ธงเกตุท่ชักไว้ท่หัวเรือตอนเรือจอดเทียบท่า

โดยธงฉานหรือธงเกตุจะมีลักษณะคล้ายธงชาต และ

มีเครื่องหมายกองทัพเรืออยู่บริเวณกลางธง อีกอย่างคือ
วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐) นายทหาร

ประจาเรือได้ตรวจการเขียนสมุดจดหมายเหตุของผู้เขียน



มีข้อความดังน “ขอให้ต้งใจเขียนและลายมืออย่าหวัด

มากนัก อ่านยากมาก” (ดูภาพท ๒๑ ตรวจการเขียนสมุด

จดหมายเหตุ) ซ่งผู้เขียนต้องขออภัยจาไม่ได้ว่าเป็นลายมือ


ของคุณครูท่านใด และถือเป็นข้อบกพร่องท่ไม่ต้งใจเขียน


และไม่ได้บันทึกรายนามนายทหารประจาเรือฝึก และ

รายชื่อครูฝึกในหมู่เรือฝึกไว้เป็นหลักฐาน




ภาพที่ ๒๐ ร่องน�้าสงขลาและสถานีเรือสงขลา



เม่อเรือเทียบท่าเรียบร้อย นนร. ได้ปล่อยให้





ทศนศกษาภมประเทศ โดยส่วนใหญ่จะไปทหาดใหญ่


ซ่งเป็นอาเภอท่มีความเจริญมาก มีของขายหลากหลาย


เช่น ผลไม้อบแห้ง ขนม ชา กาแฟ เป็นต้น จากสงขลาเดินเรือ
ต่อไปทชุมพร ในระหว่างการเดินทางมีการฝึกสถาน ี


พ่วงจูง ฝึกสถานีเก็บคนตกนา และฝึกยิงปืน ๔๐/๖๐


มิลลิเมตร เป้าหมายคือหินใบ (เป้าพื้นน�้า) และร่มชูชีพ


(เป้าอากาศยาน) จนวันท ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐
เรือเดินทางถึงชุมพร ได้มีโอกาสไปสักการะเสด็จเต่ยในศาล


ท่หาดทรายร และได้เห็นเรือหลวงชุมพรท่ต้งอยู่บนอู่แห้ง





รวมท้งได้เห็นผู้คนมาท่องเท่ยว และสักการะเสด็จเต่ย

จ�านวนมาก ในสมุดจดหมายเหตุวันนี้มีค�าที่น่าสนใจคือ
“เรือยามประจ�าอ่าว” ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่ทราบว่า เวลา
ท่มีเรือหลายลาจอดอยู่ในอ่าวเดียวกันจะต้องมีการจัด ภาพที่ ๒๑ ตรวจการเขียนสมุดจดหมายเหตุ


นาวิกศาสตร์ 16
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔



จากชุมพรเรือเดินทางกลับมาท่ฐานทัพเรือสัตหีบ ท่อทาง) ได้เข้ายามเคร่องส่งจักร (Telegraph) ได้เรียนร ู้








อีกคร้งหน่ง เพ่อรับการส่งกาลังบารุง และทดสอบสมรรถภาพ ระบบไฟฟ้า และระบบทาความเย็นในเรือ เป็นต้น ซ่ง
ร่างกายของ นนร. ได้แก่ การวิ่งขึ้นเขา การกระเชียงทน การฝึกพรรคกลินน้จะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือก

รวมทั้งการฝึกยิงเครื่องยิงลูกระเบิด M.79 และยิงปืนกล พรรค-เหล่าของ นนร.ต่อไป




๒๐ มิลลิเมตร เออริคอน ท่สนามยิงอาวุธทงโปรง โดยมเปา






เป็นเคร่องบินเล็กแบบบังคับ การฝึกภาคน้มการสลบชดฝก

ผู้เขียนจากการฝึกปฏิบัติในหน้าท่พรรคนาวิน ได้สลับให้ไป

ฝึกปฏิบัติหน้าท่เป็นพรรคกลิน (ช่างกล) ต้งแต่วันท ี ่


๑๖ กันยายน ถึง ๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐ ในเส้นทาง
เดินเรือ ฐท.สส. – สงขลา – สมุย – ประจวบฯ - รร.นร.
แต่ตื่นเช้ามาก็ยังไม่ได้ฝึกพรรคกลิน ก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็น
ชุดฝึกนาวิกโยธินพร้อมอาวุธ แล้วฝึกเดินทางไกลจาก

ท่าเรือแหลมเทียนเดินข้นเขา ทางข้นกระโจมไฟแหลม

ปู่เจ้า ลงจากเขาไปทางกองพันลาดตระเวน นย. แล้ววนกลับ
มาขึ้นเขาใหม่กลับสู่ท่าเรือแหลมเทียน หลังจากฝึกเดิน


ทางไกลเสร็จแล้วก็เร่มการฝึกหน้าท่พรรคกลินด้วยการฝึก
“การป้องกันความเสียหาย (ปคส.)” เป็นรายการแรก
โดย ปคส.ในเรือจะแบ่งออกเป็น ๒ หน่วยซ่อม คือ หน่วย
ซ่อมหัว และหน่วยซ่อมท้าย องค์ประกอบของหน่วย
ซ่อม ได้แก่ ๑) OBA ๒) CO ๓) ช่างไฟฟ้า ๔) หัวฉีด ๑
2
๕) หัวฉีด ๒ ๖) สายสูบ ๑ ๗) สายสูบ ๒ และ ๘) เครื่อง ภาพที่ ๒๒ ระบบท่อทาง
สูบน�้าเคลื่อนที่ ทั้งนี้ผู้อ่านที่ไม่ใช่ทหารเรืออาจไม่คุ้นเคย
กับชื่อต่าง ๆ จึงขออธิบายตามความเข้าใจเพิ่มเติม ดังนี้ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ ภาคปลายปี เริ่มต้นใน


เจ้าหน้าที่ OBA มีหน้าท่ในการสารวจความเสียหายเม่อ วนองคารท ๙ กมภาพนธ พ.ศ.๒๕๓๑ เปนวนตง มฝ.นนร.












เกดเหตในเรอ เช่น ไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ CO มีหน้าที่ดับไฟ ประกอบด้วย เรือหลวงสีชัง (เรือธงหรือเรือหมู่) เรือหลวง



2
เบื้องต้น ช่างไฟฟ้า มีหน้าที่ในการตัดไฟฟ้าในที่เกิดเหตุ ประแส และเรือหลวงปิ่นเกล้า สาหรับคาว่า “เรือธง












หัวฉีด มี ๒ แบบ คือ แบบหัวฉีดรวมและแบบฝอยน�้า (Flagship)” นน หมายถง เรอทผบญชาการกองเรอ หรอ

ความเร็วต�่า สายสูบ มีสองขนาด คือ ขนาด ๑ ๑/๒ นิ้ว ผู้บังคับหมู่เรือฝึกใช้ปฏิบัติงานในเรือระหว่างการฝึก
และขนาด ๒ ๑/๒ น้ว ความยาว ๕๐ ฟุต และเคร่องสูบนา ภาคทะเล การฝึกภาคทะเลครั้งนี้ผู้เขียนได้ฝึกอยู่บนเรือ




เคลื่อนที่ ส�าหรับไว้สูบน�้าทะเลมาช่วยดับไฟ ส�าหรับวิชา หลวงปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นเรือฟริเกตปราบเรือด�าน�้า คราวนี้

อ่น ๆ ของพรรคกลินท่ผู้เขียนได้เข้ายามในระหว่างเรือเดิน ไม่ต้องนอนใน Tank Deck เหมือนสองคร้งท่ผ่านมา ผู้เขียน




และเรือจอด เช่น วิชาแป็กกิ้ง วิชาเครื่องจักรใหญ่แบบ ได้นอนในห้องกะลาส ๓ ร่วมกับ นนร.ชั้นปี ๑ และ
ดีเซล ที่มีองค์ประกอบ ๔ ระบบใหญ่ ได้แก่ ระบบน�้าจืด ชั้นปีที่ ๓ การเดินทางไปขึ้นเรือต้องใช้เรือด่วน ขส.ทร.







ระบบนาทะเล ระบบนามันหล่อ และระบบน�ามันเช้อเพลิง ไปขึ้นเรือหลวงปิ่นเกล้าท่จอดเทียบท่าอยู่ท อจปร.อร.


ระบบท่อทาง (Piping) ภายในเรือ (ดูภาพที่ ๒๒ ระบบ สาหรับท่าเรือเสือซ่อนเล็บ ใช้เป็นท่จอดเรือสาหรับ



นาวิกศาสตร์ 17
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔




เรือหลวงสีชัง และเรือหลวงประแส การฝึกคร้งน้หมู่เรือฝึก วิชาการติดต่อส่อสารภายในเรือ วิชาสมอเรือ เชือกใหญ่




จอดเทียบท่าแค่สองวัน วันท ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ การถอดและประกอบอาวุธ และมีการอาบนาทะเลคร้งแรก





ก็ออกเรือเดินทางไปสัตหีบเหมือนกับทุกคร้งคือ หลังจาก มีเร่องท นนร. ได้ส่งต่อกันมาว่า เม่อออกฝึกภาคทะเล


ออกเรือแล้วก็มีการประจาสถานีเดินเรือในร่องนา และ ต้องเตรียม “แป้งเย็นตรางู” ใส่ถุงทะเลไปด้วยทุกคร้ง






ประจาสถานีเดินเรือ (เม่อพ้นปากร่องนาเจ้าพระยาแล้ว) เพราะระหว่างท่เรือเดินทางในทะเลหลายวัน จะต้องมีการ





เม่อไปถึงก็มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายตามระเบียบ อาบน�าทะเล เนื่องจากนาจืดในเรือมีไว้สาหรับด่ม และท�า
















ปฏบตประจา หรอจะเรยกว่าเป็นประเพณทได้ปฏบต ิ อาหารเป็นหลัก จึงให นนร.อาบนาทะเลแทน หลังเสร็จ

กันมาของการฝึกภาคทะเล ได้แก่ การว่งข้นเขา การว่ายนา จากอาบนาทะเลแล้ว ต้องเช็ดตัวให้แห้งก่อน ต่อด้วย









ข้ามเกาะ การไต่เกาะ และกระเชียงทน ความรู้ในภาคนี้ ทาแป้งเยนตราง แล้วจะร้สกเยนสบาย ไม่เหนยวตว








ท่น่าสนใจ (ในจดหมายเหตุเขียนอย่างน้) ได้แก่ ได้เห็น ซ่งทุกอย่างก็เป็นจริงตามเร่องเล่า ดังน้นหากตรวจถุงทะเล

การสาธิตการยิงระเบิดน�้าลึก K-GUN (ส�าหรับปราบเรือ ของ นนร. สมัยน้นเกือบทุกคนจะต้องมีแป้งเย็นตราง ู

ด�าน�้า) จ�านวน ๒ ลูก และการสาธิตการยิงจรวดปราบ ในถุงทะเลด้วย (ถ้าไม่มีก็ขอยืมเพื่อนใช้ไป) ในระหว่าง




เรือดานาระยะกลาง แบบ Hedgehog ความรู้และ การเดินเรือได้บันทึกไว้ว่า “ได้มองเห็นแท่นขุดเจาะนามัน


ประสบการณ์จากการปล่อยให้ทัศนศึกษาบนบก ได้แก่ มองเห็นกระโจมไฟปิลองลอดก์ ซ่งหมายความว่า เหลือ

สงขลา ส่วนความรู้เก่ยวกับวิชาชีพทหารเรือใหม่ เช่น ระยะทางอีกประมาณ ๑๐๐ ไมล์ทะเลก็จะถึงบรูไน และ


การใช้เรดาร์หาท่เรือในลักษณะแบร่ง และระยะทาง ก่อนน้น จากเดิมที่ถือเข็ม ๐๙๔ ก็เปลี่ยนเป็นเข็ม ๑๒๓ ความเร็ว




จะได้ความรู้เฉพาะการหาท่เรือชายฝั่งด้วยการใช้เข็มทิศ ๑๒ นอตเหมือนเดิม” ซ่งแท่นขุดเจาะนามันถือว่าเป็น




เป็นหลก ได้เรยนการใช้ ATP (ALLIED TACTICAL ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ท่กองทพเรือได้จัดเรือรบ

PUBLICATION) หรือประมวลสัมพันธมิตร และการ ออกลาดตระเวน สร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับ



เรียน/การฝึกทบทวนวิชาโคมไฟ ธงสองมือ จนกระท่ง เจ้าหน้าท่ท่ปฏิบัติงานบนแท่น และยังมีการฝึกป้องกัน




เรือเข้าจอดท่สงขลา คราวน้ได้เข้าไปเทียบท่าเพียง การก่อการร้ายบนแท่นขดเจาะนามนเป็นประจาทกปี




ลาเดียว คือ เรือหลวงสีชัง ส่วนอีก ๒ ลา เรือหลวงประแส นอกจากแท่นขุดเจาะนามันแล้ว ผลประโยชน์ของชาต ิ




และเรือหลวงปิ่นเกล้า ท้งสมอบริเวณแถวเกาะหน ภายหลัง ทางทะเลยังมีอีกหลายอย่าง เช่น เรือไทยท่กาลังทา






จึงทราบว่าสาเหตุท่เรือท้งสองลาไม่เข้าเทียบท่าเรือ การประมง เรือท่องเที่ยว เรือสินค้า เป็นต้น ตาม พ.ร.บ.








สงขลา เน่องจากมีโดมโซนาร์ (ใช้สาหรับค้นหาเรือดานา) การรกษาผลประโยชน์ของชาตทางทะเลปี พ.ศ.๒๕๖๒

อยู่ท่ใต้ท้องเรือ หากจะเข้าไปจอดเทียบท่า โซนาร์อาจได้รับ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล”

ความเสียหายได้ (ถ้าน�้าไม่ลึกพอ หรือมีสิ่งกีดขวางใต้น�้า) หมายความว่า “ผลประโยชน์ของประเทศไทยอันพึง



เรอจอดอยู่สงขลาจนถงวันท ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ได้รับจากกิจกรรมทางทะเล หรือประโยชน์อ่นใดในเขต


๒๕๓๑ เวลา ๐๒๐๐ ออกเรือจากสงขลา ถือเข็มแรก ๐๙๔ ทางทะเล ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม เพ่อให้เกิด

ความเร็ว ๑๒ นอต มุ่งหน้าไปประเทศบรูไน ระยะทาง ประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านความม่นคง ด้าน

๙๐๐ ไมล์ทะเล (ประมาณ ๑,๖๖๘ กิโลเมตร เนื่องจาก เศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑ ไมล์ทะเลจะเท่ากับ ๑.๘๕๒ กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นไมล์บก ด้านทรัพยากรหรือด้านสิ่งแวดล้อม” ในวันศุกร์ที่ ๒๖


จะเท่ากบ ๑.๖๐๙ กโลเมตร) ใช้เวลาประมาณ ๓ วน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ เวลาประมาณ ๐๖๐๐ เรือเดินทาง

ระหว่างการเดินทางมีการเรียน การฝึกประจาสถาน และ มาถึงบรูไน แต่ยังเข้าเทียบท่าไม่ได้ ต้องรอให้สว่าง และ








การเข้ายามสลบกันไป การเรียนมหลากหลายวิชา เช่น รอพนักงานนาร่องอยู่ท่ปากร่องนา ซ่งเป็นธรรมเนียม

นาวิกศาสตร์ 18
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔








หรือประเพณีอีกอย่างหน่งของชาวเรือ หากเรือจะเข้า C-802) การเดินทางจากสงขลาไปบรูไนนนมีสงหนง
เทียบท่าประเทศอ่น ต้องใช้พนักงานนาร่องของประเทศน้น ท่ผู้เขียนจดจาฝังใจมาโดยตลอดคือ เป็นการเดินเรือ








เช่น เรือต่างชาติจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือคลองเตย ก็ต้อง ออกนอกอ่าวไทยคร้งแรก ส่งท่ต้องประสบพบเจอคือ



ใช้พนักงานนาร่องของไทยในการเดินเรือในร่องนา ต้งแต่ คล่นลมแรง โดยเฉพาะเรือหลวงปิ่นเกล้าน้นถือว่าเป็นเรือคร ู






ปากร่องนาเจ้าพระยาจนถึงท่าเทียบเรือคลองเตย เป็นต้น และเรือปราบเซียน ใครท่บอกว่า “ไม่เมาคล่นหรือเมาเรือ”

จนเวลา ๐๘๐๐ พนักงานนาร่องบรูไนก็ข้นมาบนเรือหลวง ให้ขึ้นมาที่ห้องศูนย์ยุทธการเรือหลวงปิ่นเกล้า จะได้รู้ว่า




สีชัง (เรือหมู่) แล้วนาเรือเข้าร่องนาจนไปจอดเทียบท่าเรือ การเมาคลื่นเป็นเช่นไร ผู้เขียนเมาคลื่นจนแทบไม่มีอะไร





มัวรา ประเทศบรูไน (ดูภาพท ๒๓ ร่องนาและการจอดเรือ จะอาเจียน นอกจากน�้าย่อยสีเหลือง ๆ เขียว ๆ ที่ออกมา
ที่ท่าเรือมัวรา) จากร่างกาย ตลอด ๓ วันของการเดินทางไม่สามารถ

ทานข้าวได้ตามปกติ ส่งท่ช่วยดารงชีวิตอยู่ได้ก็คือ ต้มมาม่า




(ใส่ถ่วงอก ลูกช้น) กับนาอัดลม บางคนเมาคล่นจนถึง



ขนาดต้องให้น�้าเกลือก็มี แม้จะเมาคลื่นเมาเรือแต่เมื่อถึง
เวลาเข้ายาม นนร. ทุกนายก็ต้องพยายามปฏิบัติหน้าท ่ ี
ให้ได้ (เป็นการฝึกหรือสร้างเหล็กในคน) หลังจากออกยาม
แล้วก็ค่อยไปพัก เม่อจบออกมาแล้วพวกเราทหารเรือ




ท่ออกเรือบ่อย ๆ ก็คุ้นเคยกับคล่นและลมทะเลทาให้
การเมาคลื่นลดลง ส�าหรับช่วงการเดินทางนี้ การเรียน

และการฝึกในเรืออาจลดลงไปบ้าง เน่องจากสภาพ

คล่นลมแรง และความไม่พร้อมของ นนร. (เหล็กยังไม่
กล้าแกร่งพอ) ในสมุดจดหมายเหตุบันทึกเก่ยวกับ


ประเทศบรูไนว่า “ประเทศบรูไน ต้งอยู่ทางทิศตะวันออก
เฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว มีกรุงบันดาเสรี-เบกาวัน
เป็นเมืองหลวง อยู่ห่างจากท่าเรือมัวราประมาณ ๒๗
กิโลเมตร ประชาชนร้อยละ ๖๕ เป็นชาวบรูไน ร้อยละ
๒๕ เป็นชาวจีน ร้อยละ ๑๐ อื่น ๆ นับถือศาสนาอิสลาม
เป็นศาสนาประจาชาต มีสุลต่านเป็นประมุขปกครอง


ภาพที่ ๒๓ ร่องน�้าและการจอดเรือที่ท่าเรือมัวรา
ประเทศ” เม่อเรือจอดเทียบท่าเสร็จแล้วมีธรรมเนียม




จากในภาพจะเห็นว่า การเข้าร่องนาท่าเรือมัวราจะ ปฏิบัติท่ส�าคัญ ได้แก่ การเย่ยมคานับของผู้บังคับหมู่เรือ






มองเหนเกาะอย่ทางด้านซ้ายของร่องนา มหลกนาเป็น และผู้บังคับการเรือต่อผู้บัญชาการทหารเรือ หรือนายทหาร



ทุ่นไฟสีเขียวทางกราบขวา ทุ่นไฟสีแดงทางกราบซ้าย ช้นผู้ใหญ่ของบรูไน การเปิดให้ประชาชนและคนไทย


และมองเห็นกระโจมไฟด้านขวา กระพริบ ๓ วาบทุก ๖ ในต่างประเทศข้นชมเรือ และงานเล้ยงรับรองบนเรือ


วินาท ได้จอดเรือเทียบกน ๓ ลา มองเห็นเรือรบบรูไน ซ่งคร้งน้จัดงานเล้ยงรับรองบนเรือหลวงสีชัง ผู้เขียนได้เป็น






เทียบท่าอยู่ด้านหน้า เป็นเรือรบติดอาวุธปล่อยนาวิถ ี ตัวแทน นนร.ชั้นปีที่ ๒ ร่วมงานเลี้ยงด้วย มีแขกรับเชิญ











แบบ Exocet (สมัยน้นถือว่าเป็นอาวุธปล่อยนาวิถีท ่ ี เชน เอกอคราชทตไทย และทตกระทรวงตาง ๆ ผชวยทต


ทันสมัยมาก เพราะยังไม่มีท้ง Harpoon และ C-801 หรือ ทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารเรือบรูไน เป็นต้น หมู่เรือฝึก
นาวิกศาสตร์ 19
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔













จัดการแสดงศิลปะของไทย เช่น ฟันดาบ กระบ่กระบอง ทงน้เมอเป็น นนร.ช้นปีท ๒ ควรจะร้เกยวกบ

มวยไทย กลองยาว ดนตรีไทย และดนตรีสากล เป็นต้น การหาที่เรือชายฝั่งแบบต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องมือเดินเรือ
(รร.นร. ก็มีชมรมของ นนร. เช่นเดียวกับ รร.ชุมพลฯ และเคร่องใช้ การแก้เข็มและขีดเข็ม (ท่ท่องจาได้ข้นใจ คือ




ยศ.ทร. มีชมรมของ นรจ.) ความรู้อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องม ี C D M V T จริงไปหลอกให้หลอกตาม และหลอกไปจริง
การปรับเวลาของหมู่เรือฝึกให้ตรงกับเวลาของบรูไน ให้จริงตาม) แบร่งเข็มไขว้ (แบบ ๒ ท่หมาย และ ๓ ท่หมาย)



คือ เวลาของบรูไนจะเร็วกว่าไทยประมาณ ๑ ช่วโมง แบร่งกับระยะทาง (ใช้เรดาร์) วัดมุมแนวนอน (ใช้ Sextant)


วันรุ่งข้นได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาในตัวเมืองหลวงของ แบริ่ง ๔ ปอยท์ แบริ่งทวีมุม แบริ่งไม่จ�ากัดมุม และแบริ่ง




บรูไน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์บรูไน พิพิธภัณฑ์ Cherchill ผ่านกับมุม การฝึกภาคทะเลคร้งน้มีเหตุการณ์ท่บันทึก





Brunei Monument มัสยิด ห้างสรรพสินค้าโยฮัน และ ไว้ในสมุดจดหมายเหตุอีกเหตุการณ์หน่ง คือ “พธขามเสน
พระราชวังสุลต่าน เรือจอดที่ท่าเรือมัวราจนถึงวันที่ ๒๙ อิเควเตอร์ (เส้นศูนย์สูตร)” ซ่งมีกาหนดว่า หมู่เรือฝึก









กมภาพนธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ กออกเดนทางม่งหน้าส่เมอง จะผ่านเส้นอิเควเตอร์ ในวันพุธที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑
สุราบายา ประเทศอินโดนีเซีย ระยะทางประมาณ ๑,๑๐๕ ก่อนเร่มพิธ ๑ วัน ช่วงเวลากลางคืนประมาณ ๑๙๐๐



ไมล์ทะเล (ประมาณ ๒,๐๔๖ กิโลเมตร) ระหว่างการเดินทาง ปีศาจทะเลได้ข้นเรือมาทางรูโซ่สมอ มาแจ้งแก่ผู้บังคับ

มีการฝึกสถานีการตรวจค้นในทะเล การฝึกเดินเรือ การเรือว่า “ตอนน้เรือของท่านได้เข้ามาในอาณาจักรของ

ชายฝั่ง หลักปฏิบัติที่ส�าคัญ ได้แก่ เดินเรือชายฝั่งในเวลา เจ้าสมุทรแล้ว จะต้องปฏิบัติตามท่เจ้าสมุทรส่งการตาม



กลางวันต้องห่างจากชายฝั่งอย่างน้อย ๑ ไมล์ทะเล หาก สาส์นท่จะอ่านน” (เจ้าสมุทร คอ เทพเจ้าโพไซดอน)




เป็นเวลากลางคืนต้องห่างชายฝั่งอย่างน้อย ๓ ไมล์ทะเล ซงผบงคับการเรือกตอบวา “ยินดทจะปฏบติตาม” พร้อม











ส�าหรับการหาที่เรือนั้น การเดินเรือในร่องน�้าให้หาที่เรือ ท้งเล้ยงอาหารตอบแทนแก่ปีศาจทะเล (ดูภาพท ๒๕














ทก ๓๐ วนาท เดนเรอชายฝั่งให้หาทเรอทก ๓ นาท ี ปีศาจทะเลข้นมาแจ้งข่าวผู้บังคับการเรือ) และเม่อถึงเวลา
การเดินเรือในทะเลลึกต้องหาท่เรือทุก ๑๕ นาท ได้เรียนร ู้ เร่มพิธีประมาณ ๐๙๐๐ ของวันท ๒ มีนาคม พ.ศ.





การหาที่เรือแบบต่าง ๆ และสัญญลักษณ์ในแผนที่ เช่น ๒๕๓๑ เจ้าสมุทร ภริยา พร้อมทั้งบริวาร เช่น ผู้พิพากษา







การหาท่เรือโดยประมาณ (DR) ทเรอเรดาร ทเรอดาวเทียม ช่างตัดผม ช่างโกนหนวด หมอ และสัตว์ทะเล ได้ขึ้นมา



ท่เรือ Fix และท่เรือดาราศาสตร์ (ดูภาพท ๒๔ การหาท่เรือ บนเรือหลวงปิ่นเกล้า ผู้บังคับการเรือได้กล่าวต้อนรับ และ



และสัญญลักษณ์) กล่าวขออภัยโทษให้แก่ก�าลังพลประจ�าเรือ และ นนร.
ภาพที่ ๒๔ การหาที่เรือและสัญญลักษณ์ ภาพที่ ๒๕ ปีศาจทะเลขึ้นมาแจ้งข่าวผู้บังคับการเรือ
นาวิกศาสตร์ 20
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




ท่ได้เข้ามาในอาณาจักร และอาจล่วงเกินโดยไม่อาจ มาท่เรือของเรา เม่อเราได้รับสัญญาณแล้ว ก็จะต้องตอบ
ทราบได้ ส่วนเจ้าสมุทรก็ได้กล่าวถึงความรุ่งเรืองของ ชื่อเรือเป็น Call Sign ดังนี้ “DE (This is) H T M S
อาณาจักรตนว่าเป็นอย่างไรบ้าง และพระราชทาน (His Thai Majesty Ship : ) H S E D) (H S คือ Call sign




อภัยโทษแก่ทุกคน ด้วยการให้ทุกคนทาการอาบนาชาระ เรือไทยหรืออากาศยานไทย และ E D คือช่อเรือ)”

ล้างความผิดและความสกปรก ตัดผม โกนหนวดเครา แปลว่า “นี่คือ เรือหลวง....” ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ผู้เขียน


จนเสร็จเรียบร้อย เจ้าสมุทร ภริยา และบริวารก็ลงจากเรือ เคยมีประสบการณ์เม่อคร้งอยู่เรือหลวงถลาง เม่อหมู่เรือ

เป็นอันเสร็จพิธี สารวจและรวบรวมข้อมูลทางยุทธการของกองเรือ








ท้งน นนร. ทผ่านพิธีนแล้ว ก็จะถือว่าเป็นชาวเรือ ทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ (มสร.กทบ.กร.) จะเดินทางไป

โดยสมบรณ์ หรือเป็น “ทหารเรือช้นลายคราม” มีการมอบ ฝั่งทะเลอันดามัน ในหมู่เรือประกอบด้วย เรือหลวงถลาง



ประกาศนียบัตรให้กับ นนร. ท่ร่วมพิธีน้ด้วย (ดูภาพท ี ่ (เรือธง) เรือหลวงบางระจัน และเรือหลวงหนองสาหร่าย

๒๖ พธีข้ามเส้นอิเควเตอร์ (เส้นศูนย์สตร) และ เดินทางถึงสิงคโปร์ แล้วเตรียมจะเข้าจอดที่ท่าเรือบรานี



ประกาศนียบัตร) ในประกาศนียบัตรจะเห็นเจ้าสมุทร เม่อเรือไปถึงร่องนาในตอนเช้ามืด ได้สังเกตเห็นว่ามีเรือของ







ยืนถืออาวุธเป็นสามง่ามอยู่ข้างกาย มีสัตว์ทะเลล้อมรอบ สงคโปรส่งสญญาณโคมไฟว่า “วบวาบ วบวาบ วบวาบ”



มีนางเงือก และปลาโลมา เป็นต้น ผ้เขยนจงถามนายทหารสอสารว่าสญญาณอะไร?





นายทหารส่อสารขณะน้นเพ่งจะสาเร็จการศึกษา และ




อาจยังไม่มีความชานาญเร่องโคมไฟมากนักจึงยังตอบ
ไม่ได้ (เหล็กยังไม่กล้าพอ) เขาถามมาว่าเราเป็นใคร จึงให้


นายทหารส่อสารไปส่งการให้พนักงานส่อสารตีไฟตอบ


กลับไป เร่องน้จึงอยากจะให้เป็นบทเรียนว่า วิชาโคมไฟ

หรือธงสองมือ หรือวิชาธงประมวล หรือวิชาความรู้ต่าง ๆ




ท่ได้เรียนได้ฝึกปฏิบัต (ศาสตร์) เม่อคร้งอยู่ใน โรงเรียนจ่า



ทหารเรือ และ รร.นร.น้น มีความสาคัญอย่างย่ง นักเรียน



ทหารทุกคนต้องต้งใจเรยน และต้งใจฝึกให้เช่ยวชาญ หรือ

ภาพที่ ๒๖ พิธีข้ามเส้นอิเควเตอร์ (เส้นศูนย์สูตร)









และประกาศนียบัตร ชานาญจนถงขนเป็นมออาชีพ เพราะเมอสาเรจการศึกษา
ออกมารับราชการแล้ว เราไม่ทราบแน่นอนว่าจะได้ใช้


จนถึงเช้าวันศุกร์ที ๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ หมู่เรือฝึก เม่อใด ต้องมีความพร้อมท่จะใช้เสมอ เหมือนเหล็กท่ถูกต ี






เดนทางถงปากรองนาใกล ๆ สถานน�ารองเมองสราบายา เปนดาบตองลบไวใหคมอยูเสมอ ดงเพลง “ดาบของชาต ิ















จนเวลา ๐๘๐๐ พนักงานนาร่องชาวอินโดนีเซียก็ข้น เล่มนี้ คือชีวิตเรา ถึงจะคมอยู่ดีลับไว้.... ”

เรือหลวงสีชัง (ไม่ได้ขึ้นอีก ๒ ล�า) แล้วน�าเรือเข้าร่องน�้าที่ หลังจากเรือจอดเทียบท่าเรือสุราบายาหรือท่าเรือ
มีความยาวประมาณ ๓๐ กิโลเมตร ระหว่างการเดินเรือใน Tunjung Perak แล้ว (Tunjung ภาษาอินโดแปลว่า




ร่องนาจะมองเห็นเรือประมงอินโดนีเซีย เรือสินค้าท่จอด แหลม ซงท้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย นิยมนามาต้งเป็นช่อ










ทอดสมอในแม่นา เรือรบ และเรือดานา (อินโดนีเซียมีเรือ ท่าเรือ เช่น Tujung Priok ท่กรุงจาการ์ตา และ Tunjung



ู่
ดานามานานแล้ว) จอดอย ในสมุดจดหมายเหตุบันทึกว่า Pelas อยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซียติดกับสิงคโปร์ ห่างจาก

“ลืมไป เมื่อเข้าใกล้สถานีน�าร่องแล้ว สถานีน�าร่องจะส่ง กัวลาลัมเปอร์ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เป็นต้น) มีการ
สัญญาณโคมไฟ “วับวาบ (A) วับวาบ (A) วับวาบ (A)” ปล่อยให้ นนร. ได้ทัศนศึกษาภูมิประเทศตัวเมืองสุราบายา
นาวิกศาสตร์ 21
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔



ได้เห็นอนุสาวรีย์สูง ๆ แต่ไม่รู้ช่อ และส่งต่าง ๆ ศูนย์การค้า Block M, Ratu Pasar, Metro Pasar และ
ภายในเมือง จนตอนเย็นกลับมาเชียร์การแข่งขันกีฬา สวนสนุกคล้ายแดนเนรมิต ในสมุดจดหมายเหตุยังบันทึก










ระหว่าง นนร. ไทย กบ นนร. อนโดนเซีย (หลักสตร อีกว่า “ทาเรอ Tungjung Priok เปนทาเรอทใหญโตมาก



การศึกษา ๔ ปี) ซ่งมีอยู่ประมาณ ๓๐๐ คน พออีกวันหน่ง มีการขนถ่ายสินค้า และเรือเข้าออกตลอดวัน ส่วน


ก็ได้ไปท่พลาซ่า มีของขายหลายอย่าง ตอนเย็นได้ไปร่วม กรุงจาการ์ตา เป็นเมืองท่เจริญกว่าเมืองสุราบายา ผู้คน

งานเลี้ยงที่ รร.นร. อินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพ มีอาหารเป็น มากมายแต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ มีรถแท็กซ ่ ี








ถว มนฝรง โรต และน�าขวด การสนทนาขณะนนใช้ภาษา ติดมิเตอร์แล้ว” ส�าหรับอาหารหลักของ นนร. ที่อยู่ใน

อังกฤษ (รร.นร. อินโดนีเซีย ตั้งอยู่ที่เมืองสุราบายา และ เมืองจาการ์ตาก็คือ Dunkin Donut และไก่ทอด KFC

ตอนท่ผู้เขียนได้ไปเรียนหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ ซ่งชาวอินโดนีเซียจะใช้มอรับประทานอาหารแทนช้อนส้อม








อินโดนีเซีย ได้กลับไปดูงานท รร.นร. แห่งน้อีกคร้ง) ท้งนชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ยังใช้มือรับประทานอาหาร



ู่
เลิกงานเล้ยงก็กลับเรือ ส่วนอีกวันหน่งเป็นชุดอยู่ ต้อง อย เพราะเป็นวัฒนธรรมท่สืบต่อกันมา เหมือนกับคนไทย


สอบวิชาที่ตกค้าง ได้แก่ เชือกเล็ก เรือช่วยชีวิต การชัก สมัยก่อนท่ใช้มือรับประทานอาหารเหมือนกัน อยู่ท ่ ี

หย่อนเรือเล็ก การขีดเข็ม การใช้เคร่องมือเดินเรือ จากน้น จาการ์ตา ๓ วัน หมู่เรือฝึกก็ออกเดินทางต่อ ตอนน้ในสมุด


การปฏิบัติหน้าท่เวรยาม วันต่อมา ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ จดหมายเหตุบันทึกว่า “วันเสาร์ท่ ๑๒ มีนาคม ๓๑


ได้มีโอกาสไปชมเรือฝึกของ นนร. อินโดนีเซีย เป็นเรือใบ วันนี้อากาศดี คลื่นลมสงบ ข้าพเจ้าพอจะมีเวลาว่างที่







ช่อ K.R.I.DEWARUCI ท้งน อักษร K.R.I. เป็นภาษา จะคดวา อก ๑๖ วนกจะไดกลบ รร.นร. แลวซิ หนงเดอน











อินโดนีเซีย เป็นคานาหน้าช่อเรือรบอินโดนีเซีย ย่อมาจาก กว่า ๆ ที่ผ่านมา ได้สร้างอะไรหลาย ๆ อย่างให้แก่
“Kapal Republik Indonesia” ถ้าเป็นเรือรบของไทย ข้าพเจ้า แก่เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่ลืม


จะใช้ “H.T.M.S : His Thai Majesty Ship” เรือรบ ส่งเหล่าน้นแน่ ๆ” ช่วงบ่าย ผู้ช่วยต้นปืนได้แนะนา


สหรัฐอเมริกา ใช้ “U.S.S. : United State Ship” การเดินทางเข้าช่องแคบสิงคโปร์ ส่งสาคัญ คือ กระโจมไฟ

เรอรบราชนาวีอังกฤษ ใช้ “H.M.S. : Her Majesty Horsburgh ข้อสังเกตคือ กระโจมไฟจะมีสีขาวคาดเขียว


Ship” ส่วนประเทศอ่น ๆ ก็มีเหมือนกัน เรือใบลาน ี ้ ท่จะใช้เป็นจุดเปล่ยนเข็มเข้าช่องแคบ ในช่องแคบจะม ี






สร้างเม่อปี ค.ศ.๑๙๕๒ เคยพา นนร. อินโดนีเซีย “Middle Channel” คือ พ้นท่อันตราย สังเกตจากสีชมพ ู

เดินทางไปฝึกท่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญ่ปุ่น มะนิลา ในแผนท เรือจึงต้องเดินเรือข้าง Middle Channel






มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย (ในสมุดจดหมายเหต ุ ซ่งเรียกว่า “Boat Lane” โดยให้ระวังทางนาวน เรียกว่า

เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๑ ได้บันทึกไว้ว่า “ในช่วง “Eddy” การเดินเรือในช่องแคบมะละกาแม้คล่นลม
ปลายเดือน มีเรือฝึกของอินโดนีเซียมาเย่ยมช่อ จะสงบ แต่จะมีเรือสินค้าและเรืออ่น ๆ อีกจานวนมาก





K.R.I.DEWARUCI”) ซ่งชาวอินโดนีเซียรู้สึกมีความ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจะมองเห็นแสงไฟหลาย



ภาคภูมิใจกับเรือฝึกลานมาก จากนนเวลาประมาณ ร้อยดวง ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่สุด (ผู้เขียน



๑๒๐๐ ออกเรือเดินทางไปกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของ เคยมีประสบการณ์นาเรือในช่องแคบมะละกาในเวลา
อินโดนีเซีย ระยะทางประมาณ ๔๐๐ ไมล์ทะเล ในวันพุธ กลางคืน หลังจากออกเรือจากท่าเรือบราน สิงคโปร์ ในเวลา





ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ เวลา ๐๘๑๐ เรือเดินทางถึง ประมาณ ๒๔๐๐ เม่อออกจากร่องนาแล้ว หมู่เรือก็เล้ยวขวา

ปากร่องนา มีพนักงานนาร่องมาข้นเรือ แล้วนาเรือเข้า เข้าช่องแคบมะละกาทันท แล้วได้ส่งการให้ต้นหน






เทียบท่าเรือ Tunjung Priok เสร็จเรียบร้อยก็ปล่อย หาที่เรือให้แม่นย�าที่สุด เช่น แบริ่งกับระยะทาง (เรดาร์)
นนร. ขึ้นทัศนศึกษากรุงจาการ์ตา ผู้เขียนไปหลายที่ เช่น หาท่เรือจากดาวเทียม (GPS) รวมท้งการเปรียบเทียบท่เรือ



นาวิกศาสตร์ 22
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




กับเรืออีก ๒ ล�า คือ เรือหลวงบางระจัน และเรือหลวง การทางานท้งในส่วนพรรคนาวิน (นว.) ทางานบนดาดฟ้า




หนองสาหร่าย ว่าต�าบลที่เรือถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งได้ให้ เหนือแนวนา กับพรรคกลิน (กล.) ทางานใต้แนวนาเก่ยวกับ



นายทหารประจ�าเรือมาดูการน�าเรือในช่องแคบมะละกา การกล การไฟฟ้าใต้แนวนา โดยแบ่งพรรค-เหล่า

ในเวลากลางคืนเพื่อเก็บไว้เป็นประสบการณ์ และจะได้ ออกเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑) พรรคนาวินรวมกับพรรคนาวิก
นาไปใช้ในอนาคตได้) จากสิงคโปร์ใช้เวลาเดินเรือ โยธิน โดยยังเรียนรวมกันอยู่ และจะไปแยกอีกครั้งตอน





ประมาณ ๓ วัน กับอีก ๗ ช่วโมง หมู่เรือฝึกนักเรียน ปลายปีช้นปีท ๔ หลังจากได้ฝึกหมู่รบหรือภาคนาวิกโยธิน

นายเรือก็เดินทางถึงปีนง ประเทศมาเลเซีย การปฏิบัต ิ ในภาคปลายปีชั้นปีที่ ๓ เรียบร้อยแล้ว ๒) พรรคนาวิน
เหมือนเดิมคือ จะมีพนักงานน�าร่องขึ้นมาบนเรือ แล้วน�า เหล่าพลาธิการ (พธ.) และ ๓) พรรคกลิน (กล.) แต่ไม่มี

เรือเข้าร่องนาจนจอดเทยบท่าเรอปีนัง จากนนก็ปล่อย พรรคนาวิน เหล่าอุทกศาสตร์ (อศ.) สมัยนั้นการเลือกก็





ให้ นนร. ได้ทัศนศึกษาเมืองปีนัง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า เลือกตามผลการเรียน เหตุผลของการเลือกพรรคเหล่าก็


ในตัวเมือง ข้นเขาไปปีนังฮิลล์ โดยน่งรถเมล์สาย ๑ ต่อด้วย ไม่เหมือนกัน อย่างผู้เขียนที่เลือกพรรคนาวิน ก็เพราะไม่
รถเมล์สาย ๘ และสุดท้ายเป็นรถรางข้นเขา ใช้เวลา อยากอยู่ในห้องเคร่องจักรเคร่องไฟฟ้าท่จะมีกล่นนามัน







ประมาณ ๔๐ นาที ระหว่างรถรางวิ่งขึ้นเขา จะมองเห็น ท�าให้เมาคลื่นได้ง่าย เป็นต้น
ทิวทัศน์รอบ ๆ ปีนังทั้งหมด (ด้านหน้า) บนปีนังฮิลล์จะ
มีโรงแรม สวนนก และวัด ตอนเย็นมีงานเลี้ยงรับรองบน จบตอนที่ ๒
เรือหลวงสีชังอีกครั้ง และมีการแสดงศิลปะของไทยโดย
นนร. ให้แขกรับเชิญได้ชมจนเลิกงาน เรือจอดอยู่ที่ปีนัง


จนถึงวันเสาร์ท ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ ก็เดินทาง ที่มา

ย้อนกลับผ่านช่องแคบมะละกาเข้าสู่น่านนาไทยอีกคร้ง - โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ


- การจัดการความรู้ โรงเรียนนายเรือ เข้าถึงได้จากเว็บไซด์
ในระหว่างการเดินทางกลับก็มีการเรียน การฝึก การสอบ https://rtnakm.com/
วิชาต่าง ๆ และการเวรยามประจ�าสถานี จนวันจันทร์ที่ - สัตหีบแชนแนล สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซด์ Youtube.com








๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ วันสุดท้ายของการบันทึก “ตื่น - แผนพฒนา นรจ. ๔ ขนตอน กองนกเรยน โรงเรยนชมพลทหารเรอ




ข้นมาประจาสถานีรบอีก ช่วงน้ประจาสถานีรบบ่อย - เว็บไซด์ www.wikipedia.com


จากน้นการฝึกประจาสถานีสละเรือใหญ่ เรียนวิชาการ - www.sites.google.com
- www.youtube.com
ปกครอง และขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ พอตอน
สาย ๆ ก็สอบด้วย ตอนบ่ายเรียนการขีดเข็ม การอ่าน
แผนท่ ช่วงนเรือเร่มเข้าอ่าวไทยแล้ว เห็นเคร่องบิน






ตรวจการณ์ของราชนาวีไทยบินผ่านไปมา รู้สึกดีใจท่ได้


กลับมาในเขตน่านนาของเราอีกคร้งหน่ง” การฝึกภาค





ทะเลคร้งน้มีความสาคญมาก คือ เป็นการเดินทางไป


ต่างประเทศ (โดยทางเรือ) คร้งแรกของผ้เขียน ทาให้ซึมซับ



กับคาว่า “ร่วมเครือนาวี จักยลปฐพีไพศาล : Join the
Navy to See the World” ได้อย่างแท้จริง มีเรื่องที่

สาคญอกอยางหน่งในชวงปลายปชนปท ๒ คอ การเลอก














พรรคเหล่าของ นนร. (สมัยน้น) หลังจากได้เรียนรู้และฝึก
นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔

นาวาตรี วีรกมล สวนจันทร์



หากจะกล่าวถึงการฝึกท่เป็นสัญลักษณ์ของความ การฝึกภาคสนาม การประชุมเพ่อเตรียมจัดการฝึก
ร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศ ในภูมิภาคอินโด ต่าง ๆ รวมถึงการเป็นล่าม และผู้บรรยายในการฝึก


แปซิฟิกน้น การฝึก COBRA GOLD จะเป็นการฝึกท่ต้อง ดาเนินกลยุทธด้วยกระสุนจริง จึงอยากจะใช้บทความน ้ ี

นึกถึงอันดับต้น ๆ เน่องจากเป็นการฝึกท่กองทัพไทย เป็นเคร่องมือถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์








โดยเฉพาะอย่างย่งกองทัพเรือได้เข้าร่วมการฝึก ทได้รับจากการฝึก รายละเอยดการฝึก รวมถงการ

อย่างต่อเน่องเป็นเวลานาน ในปีนี้จะเป็นการฝึกคร้งท ี ่ เตรยมการต่าง ๆ ในวงรอบการฝึก COBRA GOLD


๔๐ หลายส่งหลายอย่างได้พัฒนาจากการฝึกการยุทธ แต่ละคร้ง เพ่อให้ผู้อ่านได้มีความเข้าใจการฝึก




สะเทินนาสะเทินบกระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา COBRA GOLD มากยิ่งขึ้น






จนในขณะนได้ชอว่าเป็นการฝึกร่วม/ผสม ทมขนาด



ใหญ่ท่สุด มีประเทศท่เข้าร่วมการฝึกมากท่สุด และ


เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก


หลังจากท่ผู้เขียนได้สาเร็จหลักสูตรช้นนายร้อย


ทหารบกจากประเทศออสเตรเลีย และกลับมาทางาน
ในเมืองไทยแล้วได้รับโอกาส และความไว้วางใจ
จากผู้บังคับบัญชาให้เข้าร่วมการฝึก COBRA GOLD
ต้งแต่การฝึก COBRA GOLD คร้งท ๓๓ เร่อยมา





จนถึงคร้งท ๔๐ ทาให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ การฝึกการยุทธสะเทินน�้าสะเทินบก หนึ่งในการฝึกที่เป็นสัญลักษณ์




จากการฝึกต่าง ๆ เช่น การฝึกวางแผนร่วมผสม ของการฝึก COBRA GOLD
นาวิกศาสตร์ 24
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

ผู้เข้าร่วมการฝึกในส่วน MPAT จากชาติต่าง ๆ


กองทัพไทย และกองทัพสหรัฐอเมริกาได้เร่ม ๒๕๒๙ ในรหัสการฝึก “คอบร้าโกลด์ ๘๖” โดยเน้น

การฝึกร่วม/ผสม ภายใต้รหัส “คอบร้าโกลด์” ในปี พ.ศ. การฝึกหน่วยทหาร ในการปฏิบัติการรบตามแบบ
๒๕๒๕ ครั้งนั้นกองทัพเรือไทย และกองทัพอากาศไทย ด้วยก�าลังขนาดใหญ่ระดับกองก�าลังเฉพาะกิจร่วมผสม
จัดกาลังเข้าร่วมการฝึก โดยดาเนินการฝึกปฏิบัติการ เข้าปฏิบัติการในยุทธบริเวณ และดาเนินการฝึกต่อเน่อง





ทางเรือ ปฏิบัติการทางอากาศ และการยกพลข้นบก เป็นประจาทุกปี มีกาลังจากกองทัพไทยทุกเหล่าทัพ


ร่วมกับกองทัพเรือ และนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมฝึกหมุนเวียนกันไป
ก�าหนดรหัสว่า “คอบร้าโกลด์ ๘๒” (ค.ศ.๑๙๘๒) เม่อสงครามเย็นยุติลง สถานการณ์ด้านความม่นคง


ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ กองทัพบกไทยได้จัดหน่วย ทเปลยนแปลงไป โดยแนวโน้มของการเกดสงคราม





รบพิเศษเข้าร่วมการฝึกอีกเหล่าทัพหน่ง กล่าวได้ว่า ขนาดใหญ่มีความเป็นไปได้น้อยลง พ.ศ.๒๕๔๓


เป็นจุดเร่มต้นของการฝึกร่วม/ผสม ครบท้งสามเหล่าทัพ การฝึกคอบร้าโกลด์จึงได้เพ่มรูปแบบการฝึกให้ม ี



เป็นคร้งแรกในประเทศไทย หลังจากน้นกองบัญชาการ ปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงคราม ภายใต้

ทหารสูงสุดได้เข้ารับผิดชอบดาเนินการฝึกในปี พ.ศ. กรอบของสหประชาชาติเข้าไว้ด้วย เช่น การรักษา

นาวิกศาสตร์ 25
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




สันติภาพ การต่อต้านการก่อการร้าย การบรรเทา เหล่าทัพ และหน่วยกาลังรบท่เก่ยวข้องของเหล่าทัพ


ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และอื่น ๆ มีการขยายขอบเขต ใช้เวลา ๑ วัน เพ่อให้ได้ความตกลงร่วมกันเบ้องต้น และ


การฝึก จากการฝึกแบบทวิภาค เป็นการฝึกเป็น พิจารณาปรับแผนการฝึกของหน่วย เพ่อรองรับการฝึก

พหุภาค ปัจจุบันมีประเทศเข้าร่วมการฝึกหลัก จานวน คอบร้าโกลด์ จากน้นจะมีการประชุม CDC ณ มลรัฐ


๘ ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้แทนจากกองทัพไทย
ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลีย และ และเหล่าทัพจะร่วมประชุมกับฝ่ายสหรัฐอเมริกา และ



มาเลเซีย ประเทศท่เข้าร่วมการฝึกแบบจากัดกิจกรรม มิตรประเทศจากสิงคโปร์ ญ่ปุ่น อินโดนีเซีย สาธารณรัฐ

จานวน ๒ ประเทศ ประกอบด้วย จีน และอินเดีย เกาหล และมาเลเซีย ซ่งเป็นชาติสมาชิกหลัก


นอกจากน้นแล้วยังมีชาติท่เข้าร่วมวางแผนในฐานะ ของการฝึก ในห้วงเดือนมีนาคมของทุกปี ใช้เวลา





ฝ่ายเสนาธิการร่วมผสมนานาชาต (Multinational ในการประชุม ๓ วัน เพ่อกาหนดวัตถุประสงค์ แนวทาง
Planning Augmentation Team : MPAT) จ�านวน การจัดการฝึก ความต้องการ และการมีส่วนร่วมของ



๑๐ ชาต โดยฝ่ายสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เสนอ และไทย กองทัพมิตรประเทศท่เข้าร่วมการฝึก กาหนดการ
ให้ความเห็นชอบ และชาติที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ ส�าคัญ และแผนงานต่าง ๆ ที่ต้องด�าเนินการ จนถึงขั้น
การฝึก (Combined Observer Liaison Team : COLT) การฝึกคอบร้าโกลด์
ประกอบด้วย คณะผู้แทนมิตรประเทศจานวน ๑๐ ชาต ิ ๑.๓ การตรวจภูมิประเทศโครงการช่วยเหลือ

โดยฝ่ายไทยเป็นผู้เสนอ และฝ่ายสหรัฐอเมริกา ประชาชนในพ้นท่การฝึก (Humanitarian Civil


ให้ความเห็นชอบ Assistance Survey : HCA Survey) ในห้วงเดอน

ขั้นตอนการจัดการฝึก มิถุนายน ใช้เวลา ๖ วัน เป็นการปฏิบัติร่วมกับ




การฝึกคอบร้าโกลด์ มีข้นตอนหลัก ๓ ข้นตอน ฝ่ายสหรัฐอเมริกา เพ่อรวบรวมข้อมูลการจัดทา
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ โครงการช่วยเหลือประชาชน

๑. ข้นการวางแผนและเตรียมการ ประกอบด้วย ๑.๔ การตรวจภูมิประเทศเตรียมการประชุม
ขั้นตอนย่อย ๑๐ ขั้นตอน วางแผนข้นต้น (Initial Site Survey : ISS) ใช้เวลา

๑.๑ การประชุมเตรียมการจัดการฝึก ๖ วัน ห้วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม

คอบร้าโกลด์ (Preliminary Planning Meeting : เพ่อให้เจ้าหน้าท่ฝ่ายไทยเดินทางตรวจภูมิประเทศ


PPM) เป็นการประชุมหารือข้นต้นร่วมกับเจ้าหน้าท ่ ี เพื่อรวบรวมข้อมูลเตรียมการประชุมวางแผนขั้นต้น

สหรัฐอเมริกา ในห้วงหลังเสร็จส้นการฝึกคอบร้าโกลด์
วันสุดท้าย ใช้เวลา ๑ วัน เพ่อหารือกาหนดการหลัก


ห้วงเวลาในการฝึก ประเทศที่เข้าร่วมการฝึก ตลอดจน
หัวข้อการฝึกต่าง ๆ
๑.๒ การประชุมพัฒนาแนวความคิดในการ
ฝึกคอบร้าโกลด์ (Concept Development Conference :
CDC) ส่วนวางแผนการฝึก กองอานวยการฝึก

คอบร้าโกลด์ จะจัดประชุมเตรียมการฝ่ายไทยร่วมกับ การตรวจภูมิประเทศเตรียมการประชุมวางแผนขั้นต้น
ผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนจากกรมยุทธการ จะด�าเนินการก่อนหรือระหว่างการประชุม IPC
นาวิกศาสตร์ 26
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

การประชุมวางแผนขั้นต้น COBRA GOLD 2021



๑.๕ การประชุมวางแผนข้นต้น (Initial ๑.๗ การตรวจพ้นท่การฝึก เตรียมการประชุม


Planning Conference : IPC) ห้วงสัปดาห์แรก วางแผนข้นสุดท้าย (Final Site Survey : FSS)
ของเดือนสิงหาคม ใช้เวลา ๕ วัน ประกอบด้วย ร่วมกับฝ่ายสหรัฐอเมริกา และผู้แทนชาติสมาชิกอ่น






กิจกรรมคือ การประชุมจัดทาอัตรากาลังพลข้นต้น ท่ประสานขอร่วมการตรวจพ้นท ห้วงสัปดาห์สุดท้าย


การประชุมพัฒนาลาดับเหตุการณ์หลัก กาหนดการ ของเดือนตุลาคม เพื่อเป็นข้อมูลส�าหรับการประชุม




สาคญต่าง ๆ เพ่อเตรียมการฝึกคอบร้าโกลด์ ๑.๘ การประชุมวางแผนข้นสุดท้าย (Final



เม่อเสร็จการประชุมจะต้องรายงานผลการประชุม Planning Conference : FPC) จัดขึ้นในสัปดาห์แรก











พร้อมกบการขออนมตคาสงการฝึกคอบร้าโกลด์ ของเดอนพฤศจกายน วตถประสงค์การประชม





ต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซ่งในคาส่งการฝึก เพ่อยืนยันวัตถุประสงค์การฝึก ภารกิจสาคัญ



คอบร้าโกลด์ประกอบด้วย วตถประสงค์การฝึก แนวความคิดในการปฏิบัต โครงสร้างการควบคุม

แนวทางในการจัดการฝึก โครงสร้างการจัดกอง บังคับบัญชา แผนการฝึก ความต้องการการสนับสนุน


อ�านวยการฝึก และก�าหนดการฝึกหลัก การเสนอจานวนกาลังพลท่เข้าร่วมฝึกของแต่ละชาต ิ



๑.๖ จัดต้งกองอานวยการฝึกคอบร้าโกลด์ และการลงนาม แล้วการรายงานผลการประชุม


โดยเจ้ากรมยุทธการทหารลงนามในคาส่ง ประกอบด้วย ต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพ่ออนุมัติให้หน่วยท ี ่

โครงสร้างการจัด อานาจหน้าท่และความรับผิดชอบ เกี่ยวข้องด�าเนินการต่อไป



และกาหนดการฝึกหลัก ๑.๙ การฝึกอบรมเพ่อเตรียมความพร้อม

นาวิกศาสตร์ 27
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔



การฝึกปัญหาท่บังคับการ (Pre CPX) ในการฝึก ฝ่ายอานวยการ การฝึกคอบร้าโกลด์ ๑ สัปดาห์ ณ



Heavy Year หรือการฝึกการแก้ปัญหาฝ่ายอ�านวยการ สถานท่ฝึกท่กาหนด โดยเป็นการฝึกร่วมกันท้งฝ่ายไทย








(STAFFEX) ในการฝก Light Year มวตถประสงคเพอ และฝ่ายสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักของการฝึก
เตรียมความพร้อมของฝ่ายเสนาธิการ กองบัญชาการ

กองกาลังผสมนานาชาต (Multi National Force :

MNF) ให้เข้าใจโครงสร้าง บทบาท และหน้าท ่ ี
ความรับผิดชอบ สายการบังคับบัญชา การประสานงาน

กับหน่วยงานอ่น ๆ ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัต ิ

ท่เก่ยวข้อง สร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้เข้ารับการฝึก


จากกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ เพ่อให้
การฝึกมีประสิทธิภาพ และทบทวนซักซ้อมการโต้ตอบ
ต่อปัญหา หรือบ่งการในลักษณะต่าง ๆ โดยมีการอบรม
๒ ครั้ง ได้แก่
๑.๙.๑ การฝึกเตรียมความพร้อม การฝึกการแก้ปัญหาที่บังคับการ (CPX)






การฝึกปัญหาทบงคบการ ครงท ๑ (Pre CPX 1)/ ๑.๑๐ การประชุมประสานการปฏิบัต เป็นการ











การฝกการแกปญหาฝายอานวยการ (Pre STAFFEX1) ประชมเพอรวบรวมข้อมลสาคญ และสารวจพนทฝึก









จัดก่อนการฝึกปัญหาท่บังคับการ/การฝึกปัญหา โดยกองอานวยการฝึกคอบร้าโกลด์จะเดินทางไป


ฝ่ายอ�านวยการ การฝึกคอบร้าโกลด์ ๑ เดือน ที่ส�านัก ประชุมร่วมกับหน่วยปฏิบัติในพ้นท เพ่อติดตาม



วางแผนฝึกร่วมผสม กรมยุทธการทหาร โดยเป็นการ ความคืบหน้าในการเตรียมการฝึก เช่น สถานท่ฝึก


ฝึกเตรียมการเฉพาะฝ่ายไทย และส่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดจนปัญหา

อุปสรรคข้อขัดข้อง การประชุมประสานการปฏิบัต ิ
มีกิจกรรมส�าคัญประกอบด้วย

๑.๑๐.๑ จัดเตรียมสถานท่ในพิธ ี
เปิดและปิดการฝึก แบ่งมอบหน้าท่ความรับผิดชอบ

ลาดับพิธีการต้งแต่การเดินทางมาของประธานฯ








การรบรอง การใหสัมภาษณสอมวลชน การตรวจเยยม

การฝึก การรับประทานอาหาร และการเดินทางกลับ
๑.๑๐.๒ การซกซ้อมการปฏบต ิ






บนภมประเทศจาลอง หรอ Rock Rehearsal ของหนวย


การฝึก Pre STAFFEX ต่าง ๆ ทร่วมการฝึกดาเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจรง





๑.๙.๒ การฝึกเตรียมความพร้อม เพ่อให้ได้จังหวะเวลาท่ประสานสอดคล้องกัน


การฝึกปัญหาทบงคบการ ครงท ๒ (Pre CPX 2)/ เน่องจากเป็นกิจกรรมท่มีการจัดกาลังเข้ารับการฝึกจาก













การฝึกการแก้ปัญหาฝ่ายอ�านวยการ (Pre STAFFEX2) หลายเหล่าทัพและหลายชาต ซ่งการดาเนินกลยุทธ์

จัดก่อนการฝึกปัญหาท่บังคับการ/การฝึกปัญหา เป็นอันตรายมากเพราะใช้กระสุนจริง และมีการ
นาวิกศาสตร์ 28
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดและมิตรประเทศ - การฝึกอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่ขัดแย้ง
หรือเทียบเท่าชมการฝึก ฯ (Non Combatant Evacuation Operation : NEO)

๒. ขั้นการฝึก ประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ - การฝึกดาเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง

๒.๑ การฝึกการแก้ปัญหาท่บังคับการ (CPX) (Combined Arms Live Fire Exercise : CALFEX)

ในการฝึก Heavy Year หรือการฝึกการแก้ปัญหา โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้นาทางทหาร


ฝ่ายอานวยการ (STAFFEX) ในการฝึก Light Year ของมิตรประเทศท่เข้าร่วมการฝึกหลักตรวจเย่ยม




เป็นการปฏิบัติของกองบญชาการ กองกาลงผสม การฝึก



นานาชาต (MNF) ซ่งประกอบด้วย กองกาลังตามเหล่าทัพ - การฝึกกวาดล้างทุ่นระเบิด และการท�าลาย
(Service Component) อีก ๕ กองกาลัง ได้แก่ (Landmine Disposal : LMD) เป็นการกวาดล้าง






กองกาลังทหารบกผสม กองกาลังทหารเรือผสม และทาลายทุ่นระเบิดท่ตกค้าง ในพ้นท่จังหวัดสุรินทร์


กองกาลังนาวิกโยธินผสม กองกาลังทหารอากาศผสม โดยรับการสนับสนุนอุปกรณ์ และเช้อปะทุจากฝ่าย


และหน่วยเฉพาะกิจ ปฏิบัติการพิเศษร่วม/ผสม สหรัฐอเมริกา
มีสถานการณ์ฝึกในการวางแผน เช่น การบังคับให้เกิด - การฝึกภาคสนามทางไซเบอร์ (Cyber FTX)
สันติภาพ (Peace Enforcement Operations : PEO) เป็นการฝึกในระบบจ�าลองการปฏิบัติการทางไซเบอร์
และอาจปฏิบัติภารกิจการรักษาสันติภาพ (Peacekeeping
Operations : PKO) รวมถึงมีการทบทวนหลังการปฏิบัต ิ



(After Action Review) ซ่งจะดาเนินการ ๒ คร้ง

คือในห้วงกลางการฝึก และดาเนินการวันสุดท้าย
ของการฝึกปัญหาที่บังคับการ

๒.๒ การฝึกแลกเปล่ยน และการฝึกภาคสนาม


(Cross Training Exercise : CTX/Field Training การฝึก CALFEX ณ พ้นท่สนามฝึก ทร. หมายเลข ๑๖ บ้านจันเขลม

Exercise : FTX) เป็นการฝึกยทธวิธีระหว่าง ๒.๓ โครงการช่วยเหลือประชาชน
เหล่าทัพร่วมกับฝ่ายสหรัฐอเมริกา และมิตรประเทศ (Humanitarian Civil Assistance : HCA)

ของกองกาลังทหารบกผสม (Combined Army ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
Forces : CARFOR) กองกาลงทหารเรอผสม - โครงการก่อสร้าง (Engineer



(Combined Navy Forces : CNAVFOR) กองก�าลัง Capability Project : ENCAP) เป็นการก่อสร้าง

นาวิกโยธินผสม (Combined Marine Forces : อาคารอเนกประสงค์ ในพ้นท่การฝึกคอบร้าโกลด์

CMARFOR) กองกาลังทหารอากาศผสม ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ ๑ เดือน

(Combined Air Forces : CAFFOR) และ - การฝึกช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เฉพาะกจปฏบัตการพเศษร่วม/ผสม (Combined และการบรรเทาสาธารณภัย (HADR EX) ประกอบด้วย




Joint Special Operation Task Forces : CJSOTF) การฝึกแก้ปัญหาบนโต๊ะ ในส่วนการช่วยเหลือ
การฝึกหลัก ๆ ที่ส�าคัญ มีดังนี้ ด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาสาธารณภัย (HADR
- การฝึกการยุทธสะเทินนาสะเทินบก Table Top Exercise) การฝึกสาธิตภาคสนาม (Field


(Amphibious Exercise : AMPHIBEX) Demonstrations) ประกอบด้วย สถานีอาคารถล่ม
นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

ห้วงเวลาในแต่ละกิจกรรมของการฝึก COBRA GOLD 21


ปฏิบัติภายหลังจากการฝึก เพ่อพิจารณาปัญหา
การส�ารวจพื้นที่เพื่อจัดโครงการ ENCAP ข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะจากหน่วยต่าง ๆ ท่เข้ารับ

และอัคคีภัย สถานีอุทกภัย สถานีดินถล่ม และ การฝึก ไว้เป็นแนวทางในการวางแผนการปฏิบัติการฝึก
การบริการทางการแพทย์ ในปีต่อ ๆ ไป และกาหนดแนวทางในการปรับปรุง


- โครงการช่วยเหลือทางการแพทย์ พัฒนาการฝึก หลักนิยม ระเบียบปฏิบัติประจา คู่มือ
(MedicalCivic Assistant Project : MEDCAP) และเอกสารต่าง ๆ ให้มีความทันสมัยกับสถานการณ์



โดยการจัดชุดแพทย์เคล่อนท่ให้การรักษาพยาบาล ปัจจุบัน กาหนดเวลา ๓ วัน โดยแบ่งกลุ่มประชุม

ท่วไป และบริการทันตกรรมแก่ประชาชนในวันส่งมอบ เป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ การจัดการฝึก และการฝึก

อาคาร แต่ละโครงการ ระดับเหล่าทัพ กลุ่มท ๒ การฝึกปัญหาท่บังคับการ


- กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ (Community และรายงานผลการประชุมสรุปบทเรียนการฝึก

Relations : COMREL) โดยชุดกิจการพลเรอนของ คอบร้าโกลด์ต่อผู้อานวยการกองอานวยการฝึก



ฝ่ายไทยและฝ่ายสหรัฐอเมริกา ปฏิบัติในวันส่งมอบ คอบร้าโกลด์ เพ่อกรุณาทราบและแจกจ่ายให้หน่วย



โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ในพ้นท่การฝึก ท่เก่ยวข้องนาไปเป็นแนวทางในการพัฒนาปรับปรุง


คอบร้าโกลด์ แผนการปฏิบัติส�าหรับการฝึกต่อไป
๒.๔ การสัมมนาผู้บังคับบัญชาระดับสูง จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการฝึก COBRA GOLD น้น


(SeniorLeader Seminar : SLS) ประกอบด้วย มีท้งในระดับยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธ ี
นายทหารช้นนายพล หรือผู้แทนชาติสมาชิกหลัก ยกตัวอย่างเช่น

และชาติสมาชิกจากัดกิจกรรม จานวน ๙ ประเทศ ระดับยุทธศาสตร์ การฝึก COBRA GOLD เป็นการฝึก





เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ท่ส่อให้ท่วโลกได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
๓. ข้นการสัมมนาสรุปบทเรียนและรายงาน โดยเฉพาะทางการทหารท่เกิดจากความร่วมมือในการ


ประกอบด้วย จัดการฝึกจากชาติต่าง ๆ กว่า ๔๐ ประเทศ และอาจ


๓.๑ การรายงานผลการฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นอีกเวทีหน่งท่กองทัพไทยจะสามารถแสดงศักยภาพ
ต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อกรุณาทราบ การเป็นบทบาทนาในภูมิภาคได้ เช่น การท่ผู้บัญชาการ


๓.๒ การประชุมสรุปบทเรียนการฝึก เป็นการ กองก�าลังร่วมผสมเป็นทหารไทย รวมถึงการฝึกต่าง ๆ
นาวิกศาสตร์ 30
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔






มกจะให้ฝ่ายไทยเป็นผ้นา (Lead) ระดบยทธการ
ในการฝึก COBRA GOLD โดยเฉพาะการฝึก CPX

หรือ STAFFEX น้น เป็นการฝึกการวางแผน

ระดับยุทธการ ทาให้ได้ประโยชน์จากการร่วมกัน
วางแผนต่าง ๆ เน่องจากเป็นการฝึกท่มีกาลังพลมาจาก



หลาย ๆ เหล่าทัพ และหลาย ๆ ประเทศ ท�าให้สามารถ
เก็บเก่ยวความรู้ ทัศนคติในการวางแผน ตลอดจน


สามารถเรียนรู้หลักนิยมทางทหารจากชาติท่เข้าร่วม
การฝึกได้อีกด้วย
ห้วงเวลาในแต่ละกิจกรรมของการฝึก COBRA GOLD 21

ประสบการณ์จากผู้เข้ารับการฝึกที่หลากหลาย รวมถึง

มิตรภาพต่าง ๆ ท่เราอาจต่อยอดในชีวิต หรือการ
ทางานในอนาคตมาสู่เราโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

หรือเสียเวลาเดินทางไปหาในต่างประเทศ ตัวช่วย





ท่สาคัญท่จะทาให้เราสามารถรับส่งต่าง ๆ เหล่าน้ได้

คือ ภาษาอังกฤษ เพราะการฝึกนี้ส่วนใหญ่จะใช้ภาษา
อังกฤษในการติดต่อสื่อสาร
ที่มา
การส�ารวจพื้นที่เพื่อจัดโครงการ ENCAP : https://en.wikipedia.org/wiki/Cobra_Gold
: https://asianmilitaryreview.com/2018/01/more-nations

ระดับยุทธวิธ ในการฝึก COBRA GOLD น้น มีการ

ฝึกภาคสนามท่หลากหลาย เช่น การฝึกแลกเปล่ยน -to-take-part-in-cobra-gold/


และการฝึกภาคภาคสนาม (Cross Training Exercise : : https://j5.rtarf.mi.th/cobragold/?p=1476
CTX/Field Training Exercise : FTX) การฝึก





ดาเนนกลยทธ์ด้วยกระสนจรง (Combined Arms
Live Fire Exercise : CALFEX) ฯลฯ ซึ่งเป็นโอกาส
อันดีให้ผู้เข้ารับการฝึกโดยเฉพาะในส่วนของผู้ปฏิบัต ิ






ได้แลกเปลยนประสบการณ์ เทคนิค ยทธวธ หรอ
หลักปฏิบัติต่าง ๆ ได้อย่างมาก เน่องจากต้องฝึกใน



สนามฝึกร่วมกัน อยู่ในพ้นท่ฝึกเดียวกันเป็นระยะเวลา
ค่อนข้างนาน
อีกมุมมองหน่งน้น การฝึก COBRA GOLD









เปนการนาเอาความร เทคโนโลย รวมถงหลกนยมใหม ๆ


นาวิกศาสตร์ 31
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบก




กับกำรปฏิบัติกำรทำงเรือ



พลเรือเอก ศุภกร บูรณดิลก
































รูปที่ ๑ เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกแบบ AVIC AG600


รูปท ๑ เป็นเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกแบบ “มังกรทะเลใหญ่” นับเป็นเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก





AVIC AG600 ของประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน ขนาดใหญ่ของโลก สร้ำงโดยบริษัท China’s Aviation

ขณะก�ำลังบินทดสอบในทะเล ณ เมืองชิงเต่ำ ซ่งจีน Industry Corp of China (AVIC) เป็นเครื่องบินแบบ

ได้ประกำศควำมส�ำเร็จของกำรทดสอบดังกล่ำว เม่อ กังหันใบพัดTerboprops ๔ เครื่องยนต์ น�้ำหนักวิ่งขึ้น

เดือนกรกฎำคม พ.ศ.๒๕๖๓ หลังจำกท่ได้เร่มบินมำต้งแต่ สูงสุด (Maximum Take Off Weight) ๕๓.๕ ตัน




ประมำณปี พ.ศ.๒๕๖๐ เคร่องบินน้มีฉำยำว่ำ “Kunlong” หรือ ๑๑๘,๐๐๐ ปอนด์

ซ่งหมำยควำมว่ำ “Monstrous sea dragon” หรือ
นาวิกศาสตร์ 32
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔








แรงจูงใจในกำรจัดท�ำบทควำมน สืบเน่องจำกผู้เขียน ส่วนทสัมผัสน้ำคือทุ่นลอย เครองบนธรรมดำท่วไป




ได้อ่ำนบทควำมเร่อง The Rise and Fall (and Rise ?) ขนำดเล็กจะดัดแปลงเป็นเคร่องบินประเภทน้ได้โดย


of the Military Seaplane ของ Alex Holling ที่น�ำ ติดทุ่นลอยที่กล่ำวมำแล้วเข้ำไป
ลงในเว็บไซต์ www.Popularmechanic.com ท�ำให้

เกิดควำมคิดว่ำ “ท่ก�ำลังอำกำศนำวีท้งยุคแรกก่อนปี


พ.ศ.๒๔๙๔ และยุคหลังต้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๓ เคยม ี
เครองบนประเภทนหลำยแบบเข้ำประจำกำรอย่ำง






ต่อเน่องจนล่ำสุดเป็นแบบ CL 215 ซ่งได้ถูกปลดไป


ต้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๖๐ น้น สมควรท่กองทัพเรือน่าจะ




พิจารณาจัดหาเคร่องบินประเภทดังกล่าวทดแทน
หรือไม่อย่างไร”

บทควำมน้จะน�ำเสนอควำมเป็นมำโดยท่วไป

และแนวโน้มกำรใช้งำนในกำรปฏิบัติกำรทำงเรือต่อไป รูปที่ ๓ เครื่องบินทุ่นลอยน�้ำ


ในอนำคตของเคร่องบินประเภทน ท้งน้ค�ำตอบของ เคร่องบินทะเลอีกประเภทเรียก เรือบิน (Flying





ปัญหำท่กล่ำวมำแล้ว จะน�ำเสนอตอนท้ำยของบทควำม boat) เป็นเคร่องบินท่ส่วนลอยน้ำหลักคือส่วนล�ำตัว




ท่มีควำมสำมำรถของแรงก�ำลังลอย (Force of
buoyancy) เหมือนกับตัวเรือในน�้ำ ทั้งนี้เรือบินส่วนมำก


จะมีโป๊ะ หรือทุ่นเล็ก ๆ ติดท่ปลำยปีกท้งสองข้ำง
เพื่อกำรสมดุล
รูปที่ ๒ เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกล่ำสุดของกองทัพเรือไทย
แบบ CL 215
ความเป็นมาโดยทั่วไป
เครื่องบินทะเล (Seaplane หรือ Hydroplane) รูปที่ ๔ เรือบินแบบ PBY-5A ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกำ

คือ เคร่องบินปีกตรึง (Fixed wing) ท่ใช้พ้นน้ำเป็น ในระหว่ำงสงครำมโลกครั้งที่ ๒



ที่วิ่งขึ้นและบินลง เครื่องบินประเภทนี้แบ่งออกได้เป็น ส�ำหรับเคร่องบินสะเทินนาสะเทินบก



๒ ประเภท คือ เคร่องบินทุ่นลอย (Floatplane) (Amphibious aircraft) หมำยถึง เครื่องบินที่สำมำรถ


เป็นเคร่องบินท่ส่วนใต้ล�ำตัวมีโป๊ะ หรือทุ่นลอยยำวเรียว วิ่งขึ้นและบินลงทั้งบนบกที่สนำมบินและในน�้ำได้ หรือ





๒ ทุ่นติดอย เวลำอยู่ในน้ำล�ำตัวเคร่องบินจะอยู่เหนือน�้ำ หมำยถึง เคร่องบินทะเลท้งสองประเภทท่สำมำรถใช้

ู่
นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔



สนำมบินบนบกส�ำหรับกำรว่งข้นและบินลงได้โดยกำร แบบกำงและเก็บได้ เป็นเครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบก




ติดฐำนล้อ (Landing gear) ท่สำมำรถกำงและเก็บล้อได้ จนกระท่งใช้ว่งข้นและบินลง โดยใช้ท้งดำดฟ้ำเรือ




สนำมบินบกและพ้นน้ำได้เป็นผลส�ำเร็จเร่มใช้ใน
กองทัพเรือสหรัฐอเมริกำในเวลำต่อมำ เช่นเดียวกับ

ประเทศอังกฤษซ่งได้เร่มสร้ำงและพัฒนำเคร่องบิน


ประเภทนี้ในเวลำใกล้เคียงกัน โดยเฉพำะทำงทหำรนั้น


ได้พัฒนำร่วมกับ Curtiss น�ำเคร่องบินสะเทินน้ำ
สะเทินบกท้งแบบเรือบิน และเคร่องบินทุ่นลอยน้ำ



มำใช้ในกำรปฏิบัติกำรทำงเรือในกำรเฝ้ำตรวจทำงทะเล
(Surveillance) กำรลำดตระเวน (Reconnaissance)
และอ่น ๆ เช่น กำรปรับกำรยิงของปืนเรือ (Naval

gunfire spotting)
รูปที่ ๕ เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกแบบ US-2 ของกองทัพเรือญี่ปุ่น


หลังจำกท่พ่น้องตระกูล Wright ได้แสดงให้
ทั้งโลกเห็นประจักษ์ว่ำ “มนุษย์อำจมีฤทธิ์โดยสำมำรถ
ไปในอำกำศได้โดยเคร่องบิน” เป็นคร้งแรกไม่นำนนัก




ต่อมำก็ได้เร่มมีแนวควำมคิดท่จะพยำยำมสร้ำง


เครองบนทไม่ต้องใช้สนำมบนบนบก โดยในปี




ค.ศ.๑๙๑๐ ชำวฝรั่งเศสชื่อ Henri Fabre ได้ท�ำกำรบิน
เครื่องบินทะเลแบบ Trimaran Floatplane ส�ำเร็จ
รูปที่ ๗ เครื่องบินแบบ Curtiss ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกำ
วิ่งขึ้นและบินลงเรือครั้งแรก

ในห้วงเวลำประมำณ ๔ ป ระหวำงปี ค.ศ.๑๙๑๔ -





ค.ศ.๑๙๑๘ ของสงครำมโลกคร้งท ๑ ท่ยังไม่ถึงยุค

เรือบรรทุกเคร่องบิน สนำมบินบนบกยังมีไม่มำกนัก

เคร่องบินทะเลท่สำมำรถน�ำไปกับเรือรบขนำดพอ

สมควรในลักษณะเดียวกับเรือเล็กประจ�ำเรือ โดยเวลำ
ใช้งำนจะยกลงมำปล่อยในน�้ำแล้วให้วิ่งขึ้น เวลำบินลง

ให้น�ำลงบนพ้นน้ำข้ำงเรือแล้วยกข้นเก็บบนเรือใหญ่ได้


รูปที่ ๖ เครื่องบินทะเลล�ำแรกของโลกเป็นแบบ Trimaran Floatplane
แสดงให้เห็นบทบำทควำมส�ำคัญ และคุณค่ำในกำรรบ

ต่อมำในปี ค.ศ.๑๙๑๑ นักบินชำวอเมริกันช่อ ในทะเล (War at sea) เป็นอย่ำงมำก โดยในตอน

Glen Curtiss ได้สร้ำงเคร่องบินทะเลแบบ Floatplane เรมตนสงครำมไดมกำรใชในกำรรบในลกษณะเชนเดยว









เป็นคร้งแรก และต่อมำได้พัฒนำเป็นเรือบินท่ติดล้อ กับท่กล่ำวมำแล้ว จนมีกำรก�ำหนดให้กำรปฏิบัต ิ



นาวิกศาสตร์ 34
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

ลำดตระเวนในลักษณะต่ำง ๆ ของกองเรือเป็นหน้ำท ี ่


หลักของเคร่องบินทะเล และต่อมำเม่อประมำณกลำง ๆ
ของสงครำมได้มีกำรใช้ในกำรโจมตีเรือข้ำศึกอีกด้วย

กำรโจมตีดังกล่ำวเป็นลักษณะกำรท้งระเบิด โดยใช้กำร
บินต�่ำแล้วนักบิน หรือลูกเรือใช้มือขว้ำง หรือทิ้งระเบิด
ลงไปท�ำลำยเป้ำหมำย























รูปที่ ๘ นักบินกองทัพเรืออังกฤษก�ำลังทิ้งระเบิด รปท ๙ ภำพล่ำงเครองบนทะเลแบบ Short 184 ทกองทพเรอองกฤษ








ในระหว่ำงสงครำมโลกครั้งที่ ๑ ประสบควำมส�ำเร็จในกำรใช้ตอร์ปิโดจมเรือข้ำศึกเป็นครั้งแรก
ส่วนภำพบน คือ HMS Ben- my- Chree ที่เครื่องบินดังกล่ำวประจ�ำอยู่


กองทัพเรืออังกฤษซ่งใช้กำรปฏิบัติกำรอำกำศ ได้เกิดข้นเม่อปี ค.ศ.๑๙๑๘ ช่วงปลำยสงครำมเคร่องบิน




นำวีมำกในกำรรบทำงเรือสมัยน้น ได้ต้ง “หน่วยบิน ทะเลแบบ F-2A Felixstowe ของกองทัพเรืออังกฤษ


รำชอำกำศนำวี” (Royal Naval Air Services/RNAS) ๖ เคร่อง ได้เข้ำท�ำกำรรบกับเคร่องบินรบกองทัพอำกำศ

ข้นในปี ค.ศ.๑๙๑๔ มีเคร่องบินทะเลในประจ�ำกำร เยอรมัน ๑๔ เครื่อง ผลปรำกฏว่ำอังกฤษเป็นฝ่ำยชนะ

กว่ำ ๑๐๐ เครื่อง ในกำรนี้นอกจำกกำรโจมตีทิ้งระเบิด โดยเสียเครื่องบินเพียงหนึ่งเครื่อง
ด้วยวิธีท่กล่ำวมำแล้ว ในปี ค.ศ.๑๙๑๕ กองทัพเรือ

อังกฤษได้ประสบควำมส�ำเร็จจำกกำรจมเรือผิวน้ำข้ำศึก



โดยกำรใช้ตอร์ปิโดจำกเคร่องบินทะเลท่น�ำไปกับเรือ
เป็นครั้งแรก
ส�ำหรับสหรัฐอเมริกำในช่วงน้น กำรใช้เคร่องบิน


ทะเลส่วนใหญ่จะใช้ปฏิบัติกำรห่ำงฝั่งโดยใช้ฐำนบินบก
ส่วนเยอรมันมีวิทยำกำรและเทคโนโลยีกำรบินท่ค่อนข้ำง



จะเหนือกว่ำท้งสองชำต แต่ส่วนใหญ่จะได้เปรียบในกำร

รบเฉพำะเหนือพ้นดิน ส่วนในทะเลมักจะไม่ได้เปรียบ
กำรรบทำงอำกำศ (Air combat) ในทะเลคร้งส�ำคัญ รูปที่ ๑๐ เครื่องบินทะเลแบบ F-2A Felixstowe ของกองทัพเรืออังกฤษ

นาวิกศาสตร์ 35
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

รูปที่ ๑๑ เครื่องบินทะเลแบบ PN-9


จำกจุดเด่นของเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก ต่อมำกำรบินดังกล่ำวได้เร่มแพร่หลำยขยำยขอบเขต










หรือเคร่องบินทะเลประเภทเรือบินท่สำมำรถข้นลงบน เช่อมเมองต่ำง ๆ ทวโลก รวมท้งกจกำรขนส่งพัสด ุ





พ้นน้ำ ไม่ต้องใช้ทำงว่งของสนำมบินบนบก ประกอบกับ ไปรษณีย์ระหว่ำงประเทศทำงอำกำศได้ก�ำเนิดข้น






เทคโนโลยทำงดำนกำรบนในสมยนน เครองบนธรรมดำ ในขณะท่ทำงว่ง และส่งอ�ำนวยควำมสะดวกสนำมบิน










ขนำดใหญ่ยังไม่สำมำรถท�ำกำรบินในระยะไกลข้ำม บนบกยังมีน้อยมำก ท้งน้บริษัทท่สร้ำงเรือบินท่ใช้เป็น









มหำสมทร หรอข้ำมทวปได้อย่ำงปลอดภย ภำยหลง เครองบนโดยสำร และขนส่งสนค้ำระหว่ำงประเทศ

จำกสงครำมโลกครั้งที่ ๑ เครื่องบินดังกล่ำวจึงได้รับกำร ขณะน้น ส่วนใหญ่นอกจำกจะเป็นของประเทศสหรัฐ
พัฒนำโดยเฉพำะในเรื่องขนำด ระวำง น�้ำหนักบรรทุก อเมริกำและอังกฤษแล้ว ยังเป็นของยุโรปบำงประเทศ
ในกำรขนส่งสินค้ำ และผู้โดยสำร ตลอดจนระยะ รวมทั้งเยอรมันและญี่ปุ่นด้วย


ปฏิบัติกำร ควำมเร็ว รวมทั้งกำรบินนำน (endurance) ในปลำยปี ค.ศ.๑๙๓๙ ท่เร่มต้นสงครำมโลก
และควำมสำมำรถในกำรบินทนต่อสภำพอำกำศท ี ่ ครั้งที่ ๒ สงครำมในยุโรปช่วงแรกดูเหมือนว่ำเครื่องบิน
ไม่เอื้ออ�ำนวยได้ ในปี ค.ศ.๑๙๒๕ นักบินกองทัพเรือ ทะเลน่ำจะมีบทบำทส�ำคัญในกำรรบของสงครำมคร้งน ้ ี


สหรัฐอเมริกำได้ใช้เคร่องบินทะเลแบบ PN - 9 ซ่ง แต่ต่อมำด้วยธรรมชำตของสงครำมทเปลยนไปนน








Naval Aircraft Factory ได้พัฒนำจำกเคร่องบิน ได้มีควำมต้องกำรอ�ำนำจกำรโจมตีท่รุนแรง รวดเร็ว



แบบ Felixstowe บินข้ำมมหำสมุทรแปซิฟิกจำก ด้วยก�ำลังขนำดใหญ่ในระยะไกลมำกข้น ประกอบกับ


San Francisco ไปยัง Hawaii เป็นคร้งแรก หลังจำกน้น กำรพัฒนำเทคโนโลยีในกำรรบ และขีดควำมสำมำรถ











บรษทสำยกำรบนของสหรฐอเมรกำ Pan American อตสำหกรรมสงขน สำมำรถพฒนำเครองบนธรรมดำ



ได้เร่มท�ำกำรบินรับส่งผู้โดยสำรข้ำมมหำสมุทร Atlantic รวมทั้งทำงวิ่ง และสิ่งอ�ำนวยควำมสะดวกของสนำมบินบก
และ Pacific โดยใช้เครื่องบินทะเลประเภทเรือบิน ซึ่ง ให้มีสมรรถนะและขีดควำมสำมำรถตำมท่ต้องกำรได้

นาวิกศาสตร์ 36
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


บทบำทของเคร่องบินทะเลจึงลดน้อยลง โดยเฉพำะ








อย่ำงยงในสมรภมแปซฟิกทลกษณะกำรรบเป็นกำร

แย่งยึดกำรควบคุมทะเล แล้วใช้กำรปฏิบัติกำรสะเทินน้ำ
สะเทินบกเพื่อยึดครองเกำะส�ำคัญต่ำง ๆ แล้วสถำปนำ
กำลังคืบคลำนเข้ำหำแผ่นดินใหญ่ อำวุธหลักคอ




เคร่องบินรบประจ�ำเรือบรรทุกเคร่องบินท่ใช้ท้งกำร


โจมตีก�ำลังผิวน้ำข้ำศึกเพ่อให้ได้มำซ่งกำรควบคุมทะเล



และกำรสนับสนุนกำรปฏิบัติกำรขยำยอ�ำนำจก�ำลังรบ
จำกทะเลข้นสู่ฝั่ง สงครำมในแปซิฟิกนับว่ำเป็นสงครำม

ของเรือบรรทุกเครื่องบิน รูปที่ ๑๓ เครื่องบินทะเลแบบ PBY “Catalina”



รูปท ๑๓ เป็นเรือบินแบบ Catalina มีใช้ท้ง

กองทัพเรือสหรัฐอเมรกำ กองทัพเรืออังกฤษ และ


พนธมตรอกหลำยชำต มบทบำทอย่ำงมำกในกำร






ปฏิบัติกำรทำงเรือระหว่ำงสงครำมโลกคร้งท ๒

ท้งสมรภูมิแปซิฟิก และแอตแลนติกในกำรลำดตระเวน

ค้นหำข้ำศก กำรปรำบเรอดำนำ และกำรช่วยเหลอ





ผู้ประสบภัยจำกกำรรบ วีรกรรมท่ส�ำคัญคือ กำรรบท ี ่

มิดเวย์ กำรจมเรือบิสมำร์ก และกำรคอนวอยกระบวน
เรือที่ข้ำมมหำสมุทรแอตแลนติก

ส�ำหรับเรือบินท่ใช้ในกำรปฏิบัติกำรทำงทหำรท ่ ี



ใหญ่ท่สุด และมีน้ำหนักมำกท่สุดในระหว่ำงสงครำมโลก




ครงท ๒ เป็นของกองทัพอำกำศเยอรมนคอ แบบ


Blohm@ Voss BV 238 ใช้เป็นเคร่องบินขนส่ง

รูปที่ ๑๒ สงครำมแปซิฟิกเริ่มต้นด้วยกำรโจมตีของเรือบรรทุกเครื่องบิน
ล�ำเลียง วำงทุ่นระเบิดในทะเล และทิ้งระเบิดบนบก

อย่ำงไรก็ด ในกำรปฏิบัติกำรทำงเรืออ่น ๆ ท่ม ี บินครั้งแรกในปี ค.ศ.๑๙๔๔ แต่ไม่ค่อยมีบทบำทเป็นที่



ควำมต้องกำรเคร่องบินขนำดใหญ่เข้ำเป็นก�ำลังหลัก กล่ำวขวัญนัก





หรือก�ำลังสนับสนุน โดยท่เคร่องบินเหล่ำน้ไม่สำมำรถ ภำยหลังสงครำมโลกคร้งท ๒ กำรใช้เคร่องบิน





ใช้ดำดฟ้ำเรือ หรือพ้นท่ปฏิบัติกำรอยู่ห่ำงไกลในทะเล สะเทินน้ำสะเทินบกโดยเฉพำะอย่ำงยงประเภท


ไม่สำมำรถใช้สนำมบินบกเป็นฐำนปฏิบัติกำรได้ เช่น เคร่องบินทะเลชนิดเรือบินได้ลดน้อยลงมำกอย่ำงรวดเร็ว

กำรลำดตระเวนค้นหำข้ำศึก กำรปรำบเรือด�ำน้ำ และ ด้วยเหตุผลส�ำคัญคือ ควำมสำมำรถในกำรว่งข้นและ






กำรช่วยชีวิตผู้ประสบภัยจำกกำรรบในทะเล กิจเหล่ำน ี ้ บินลงได้ท้งพ้นน้ำ และทำงว่งของสนำมบินบนบก

จึงยังเป็นบทบำทหลักของเคร่องบินทะเลในระหว่ำง หมดควำมจ�ำเป็นไปเพรำะภำยหลังสงครำมได้เกิด





สงครำมโลกครั้งที่ ๒ สนำมบินบกทมีทำงวงยำวส�ำหรบรองรบมำกมำย


นาวิกศาสตร์ 37
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


ภำรกิจกำรดับไฟป่ำ กำรใช้งำนในเชิงกำรท่องเท่ยว
สันทนำกำร กำรขนส่งล�ำเลียงท้งสินค้ำและผู้โดยสำร

ในพ้นท่ท่ภูมิประเทศเป็นเกำะแก่ง เป็นทะเลสำบ



ขนำดใหญ่ที่มีป่ำเขำ หรือบริเวณขั้วโลกที่พื้นผิวเป็นน�้ำ
หรือน�้ำแข็งตลอดทั้งปี และอื่น ๆ

















รูปที่ ๑๔ เครื่องบินทะเลแบบ BV 238 ของกองทัพอำกำศเยอรมัน
รูปที่ ๑๕ เครื่องบินทะเลช่วยเหลือนักบินที่ประสบภัยจำกกำรรบในทะเล

ประกอบกับกำรออกแบบให้เคร่องบินข้นลงในน้ำได้




ท้งในลักษณะเรือบิน หรือกำรติดทุ่นลอยน้ำจะท�ำให้ แนวโน้มการใช้งานในการปฏิบัติการทางเรือในอนาคต

เคร่องบินเสียขีดควำมสำมำรถ น้ำหนักบรรทุก และ แม้ว่ำในปัจจุบันกำรขนส่งล�ำเลียง และกำรส่งก�ำลัง

ระยะทำงบินเป็นเท่ำตัว เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบิน บ�ำรุงขนำดใหญ่ข้ำมทวีป กำรลำดตระเวนทำงทะเล
ธรรมดำขนำดเดียวกันท่ใช้สนำมบินบก และย่งไปกว่ำน้น ระยะไกล ท้งในกำรรบผิวน้ำและปรำบเรือด�ำน้ำ








ในห้วงเวลำดังกล่ำวซ่งนับต้งแต่ปลำยสงครำมแล้ว ตลอดจนกำรค้นหำและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล

วิวัฒนำกำรทำงเทคโนโลยีกำรบินได้เปล่ยนแปลงเจริญ และกิจอื่น ๆ ในกำรปฏิบัติกำรทำงเรือ จำกเดิมที่เคย

รุดหน้ำไปมำก ทั้งในเรื่องพลังขับเคลื่อน กำรออกแบบ มีกำรใช้เคร่องบินทะเลเป็นเคร่องมือส�ำคัญในกำร

ล�ำตัว กำรสื่อสำร และเครื่องช่วยเดินอำกำศ เครื่องบิน ปฏิบัติ จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินจำกฐำนบินบก และ

สมัยใหม่ในยุคน้นมีขนำดใหญ่ น้ำหนักบรรทุกมำกข้น เฮลิคอปเตอร์ท่สำมำรถน�ำไปกับเรือท่ได้รับกำรพัฒนำ





ระยะทำงบินไกลข้น ปฏิบัติกำรได้ในทุกสภำพอำกำศ และออกแบบให้มีขีดควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติกำร

สำมำรถไปทุกแห่งในโลกได้อย่ำงปลอดภัย โดยเฉพำะ น้น ๆ ได้ดีกว่ำ แต่เน่องจำกยังมีงำนส�ำคัญท่มิใช่


ในเร่องกำรขนส่งทำงอำกำศเชิงธุรกิจสำมำรถกล่ำว กำรปฏิบัติกำรทำงทหำรประกำรหน่งคือ กำรดับไฟ





ได้ว่ำเคร่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกไม่สำมำรถแข่งขัน ซ่งจ�ำเป็นจะต้องใช้เคร่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบก









เปรียบเทียบกับเคร่องบินท่ใช้สนำมบินบกท่มีขนำด ประเภทเรอบินทำกำรบนสนบสนน โดยใช้เรอบิน
เดียวกันได้ ดังกล่ำวบินลงแหล่งน้ำแล้วตักน้ำปริมำณมำกเก็บไว้








ปัจจบนแม้ว่ำเครองบนสะเทนนำสะเทนบก อย่ำงเพยงพอ แล้ววงขนจำกแหล่งนำไปยังตำบลท ี ่











จะด้อยคุณคำลงไปมำก แต่โดยท่วไปยังมีควำมต้องกำร ไฟไหม้ท่ไม่มีหน่วยดับไฟอ่นเข้ำถึงต�ำบลท่ได้ หรือ






ใช้งำนในกำรบินโดยเฉพำะในบำงภำรกิจอยู่บ้ำง เช่น เข้ำถึงได้แต่ไม่ทันเวลำ และปล่อยน้ำในลักษณะทุ่มลงไป
นาวิกศาสตร์ 38
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




(Water bomb) เพ่อดับไฟ หำกยังไม่พอเพียงจะบิน ตำมท่กล่ำวมำแล้วได้มีผู้ให้ควำมเห็นท่น่ำสนใจอีกคือ

ไปยังแหล่งน้ำแล้วปฏิบัติซ้ำจนกว่ำภำรกิจจะเสร็จส้น จำกกำรท่ได้มีกำรพัฒนำเครองบินสะเทินน้ำสะเทนบก










ดังน้นกองทัพเรือบำงชำติท่ไม่ได้จัดต้งหน่วยบินท่สำมำรถ ประเภทเรือบินขนำดใหญ่ของจีนตำมทกล่ำวมำแล้ว



ปฏิบัติกำรลักษณะกองบินทะเลในหน่วยรำชกำร หรือ และรัสเซียซ่งมีขนำดใกล้เคียงกัน ในขณะท่แนวโน้ม




องค์กรพลเรือนอ่น จึงยังคงเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก ทวไปของควำมต้องกำรในกำรใช้เครองบนประเภทน ้ ี












ประเภทน้ไว้ในรำชกำร ส�ำหรับกองทัพเรือได้มอบกิจ ในกำรปฏบติกำรทำงเรอโดยทวไปกำลงจะลดน้อย




ทำงทหำรท่เก่ยวกับกำรสงครำมให้คือ กำรสนับสนุน หำยไปเพรำะกำรพัฒนำทำงเทคโนโลยีท่น�ำขีดควำม




ในกำรลำเลยง และขนส่งทำงธรกำรควบค่กบกจท ่ ี สำมำรถของเคร่องบินบก และเฮลิคอปเตอร์เข้ำมำแทนท ี ่










ไมเกยวกับกำรสงครำมคอ กำรคนหำและกภยทำงทะเล ท้งนี้แม้ว่ำเคร่องบินของท้งสองชำติที่มีสมรรถนะหลัก





กับกำรสนับสนุนในกำรดับไฟ เช่น กองทัพเรือญ่ปุ่น คล้ำยกันคือ ปฏิบัติการได้ท้งในนาและบนบก โดย




อินเดีย อินโดนีเซีย หลำยประเทศในยุโรป และอื่น ๆ ไม่ต้องใช้สนามบิน ระยะบินไกลประมาณ ๒,๐๐๐
ทั้งนี้ยังมีบำงประเทศใช้ในหน่วยก�ำลังกึ่งทหำรเรือ เช่น ไมล์ทะเล อยู่ในอากาศได้นานไม่น้อยกว่า ๑๐ ชั่วโมง

หน่วยยำมฝั่ง หรือหน่วยบังคับใช้กฎหมำยในทะเลอ่น ๆ บรรทุกผู้โดยสาร หรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ประมาณ
๕๐ - ๗๐ นาย และที่ส�าคัญคือ น�้าหนักบรรทุก หรือ
สามารถดับไฟด้วยการทุ่มนา (Water bomb) ได้


ครั้งละประมาณ ๒๖,๐๐๐ ปอนด์ หรือ ๑๒ ตัน จะยัง
ไม่เข้ำประจ�ำกำรในกองทัพ แต่มีแนวโน้มว่ำในอนำคต



จีนซ่งได้ก�ำหนดพ้นท่ทะเลจีนใต้เป็นผลประโยชน์

ของชำติอันสุดยอดปรำรถนำ อำจใช้เคร่องบินประเภทน ้ ี
เพอใช้ขนส่งลำเลยงในการส่งกาลังบารุง และ






เคล่อนย้ายกาลังทหารขนาดใหญ่กรณีท่ต้องแก้ไข



สถานการณ์ฉุกเฉินทางเรือ ณ พื้นที่ระยะไกลบริเวณ
เกาะต่าง ๆ ที่อ้างสิทธิในพื้นที่ดังกล่ำวที่ยังไม่ได้สร้ำง

สนำมบิน และส่งอ�ำนวยควำมสะดวกต่ำง ๆ ซ่งคล้ำยกับ


รูปท่ ๑๖ กำรดับไฟของเคร่องบินหน่วยบังคับใช้กฎหมำยในทะเลมำเลเซีย



รูปแบบของการปฏิบัติการขยายอานาจกาลังรบ

ส�ำหรับแนวโน้มกำรใช้งำนทำงทหำร หรือกำร จากเรือข้นสู่ฝั่งในลักษณะการปฏิบัติการสะเทินนา





ปฏิบัติกำรทำงเรือของเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกน้น สะเทินบกพ้นระยะสุดขอบฟ้า (Over-The-Horizon
หำกเป็นประเภทเคร่องบินเล็กติดทุ่นลอย (Floatplane) Amphibious Operations) ท้งน้ส�ำหรับสหรัฐอเมริกำ




น้น กล่ำวได้ว่ำน่าจะไม่มีแล้ว คงเหลือแต่ประเภท ท่ได้ก�ำหนดให้พ้นท่ทะเลจีนใต้เป็นผลประโยชน์หลัก




เรือบิน (Flying boat) ซึ่งนอกจำกแนวความคิดในการ ของชำติท่สหรัฐอเมริกำ และชำติต่ำง ๆ มีสิทธิและ

ใช้ในการลาเลียงทางธุรการ และการค้นหาและ เสรีภำพในกำรเดินเรือ เดินอำกำศ ผ่ำนเข้ำออกตำมที่
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล กับการสนับสนุน ก�ำหนดไว้ในกฎหมำยระหว่ำงประเทศเช่นกัน โดย
การดับไฟ ซึ่งคำดว่ำน่ำจะมีกำรใช้งำนต่อไปในอนำคต ได้ร่วมกับพันธมิตรในกำรแสดงก�ำลัง “ปฏิบัติกำร

ของเคร่องบินประเภทน ในกองทัพเรือหลำยชำต ิ เสรีภำพในกำรเดินเรือ” (Freedom Of Navigation


นาวิกศาสตร์ 39
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




Operations/FONOPS) ในพ้นท่เป็นประจ�ำ และม ี ธุรกิจ กำรเป็นเคร่องบินโดยสำร และขนส่งสินค้ำ กับใช้



หลักนิยมในกำรปฏิบัติกำรตำมท่กล่ำวมำแล้ว ในกำรดับไฟขนำดใหญ่น้น หำกจะน�ำเคร่องบินน้ไปใช้ใน



อาจพัฒนาหลักนิยมการปฏิบัติการน้ใหม่ โดยใช้ ภำรกิจทำงทหำรมีควำมเป็นไปได้ท่อำจเอำแนวควำมคิด
เรือบินขนาดใหญ่เป็นพาหนะในการล�าเลียงก�าลังรบ เดิมที่เคยใช้กับ “ยำนเรี่ยน�้ำ WIG (Wing In Ground
ยกพลข้นบก ยาตรากาลังทางอากาศโดยไม่ต้องใช้ Effect)” ท่เป็นยำนขนำดใหญ่บินเร่ยน้ำสูงประมำณ





เรือล�าเลียง ๕ เมตร ควำมเร็วสูงสุดประมำณเกือบ ๓๐๐ นอต

น้ำหนักบรรทุกประมำณ ๑๐๐ ตัน สำมำรถแล่นบน
ผิวน้ำแบบเรือได้ ใช้เคร่องยนต์เรือแบบแก๊สเทอร์ไบน์




(บำงแบบใช้ดีเซล) ท�ำกำรบินข้นจำกน้ำโดยเร่งควำมเร็ว
จนลมผ่ำนปีกเกิดแรงยก (Lift) แล้วรักษำควำมสูง
ประมำณ ๕ เมตร ให้รักษำลมให้หมุนวนใต้ปีกตลอด
ท่ท�ำกำรบิน ยำนน้ระยะทำงบินได้ประมำณ ๑,๐๐๐ ไมล์


ติดอำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อต้ำนเรือผิวน้ำ ๖ ท่อยิง และ

ปืนกล ๒๓ มิลลิเมตร แนวความคิดในการใช้ยานนี้คือ
การโจมตีเรือบรรทุกเคร่องบินมำใช้โดยพัฒนำระบบ




รูปที่ ๑๗ เครื่องบินแบบ V22 Osprey ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกำ อำวุธดังกล่ำวให้ติดต้งกับเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก
ขนำดใหญ่ และมอบกิจการโจมตีเรือผิวน�้าให้

เคร่องบินแบบ V22 Osprey กองทัพเรือ
สหรัฐอเมริกำใช้เป็นยำนยกพลข้นบกในข้น Ship to เครื่องบินสะเทินน�้าสะเทินบกกับกองทัพเรือไทย


shore movement ของกำรปฏิบัติกำรสะเทินน้ำ เช่นเดียวกับกองทัพเรือท่วไปในสมัยน้นท่ม ี




สะเทินบกพ้นระยะขอบฟ้ำในปัจจุบัน ควำมต้องกำรน�ำเคร่องบินไปกับเรือ และประจ�ำตำมสถำน ี


ส�ำหรับรัสเซียท่มีกำรพัฒนำเคร่องบินสะเทินน้ำ ทหำรเรือตำมชำยฝั่งต่ำง ๆ เพ่อกำรลำดตระเวน กำรปรับ




สะเทินบกขนำดใหญ่ เช่นเดียวกับจีนท่ปัจจุบันใช้ในเชิง กำรยิงปืนใหญ่เรือ กำรตรำทำงตอร์ปิโด กำรตรวจจับ






รูปที่ ๑๘ เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกรัสเซีย แบบ Beriev BE-200





นาวิกศาสตร์ 40
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

รูปที่ ๑๙ ยำนเรี่ยน�้ำ Lun-class Ekranoplan รูปที่ ๒๐ บ.รน.๑ ประจ�ำเรือชั้น ร.ล.แม่กลอง
ของกองทัพเรือรัสเซีย (ค.ศ.๑๙๘๗ - ค.ศ.๒๐๐๐)








เรือด�ำน้ำ กำรตรวจสนำมทุ่นระเบิด และอ่น ๆ เคร่องบิน มำดัดแปลงติดทุ่นลอยอีก ๒ เคร่อง ได้ซ้อเคร่องบิน


แบบแรกของก�ำลังอำกำศนำวีไทย คือ เครื่องบินทะเล ติดทุ่นลอยจำกญ่ปุ่นเพ่มเติมอีก ๒ แบบ คือแบบ
ชนิดทุ่นลอยแบบ Watanabe WS -103 ขึ้นประจ�ำกำร Nakajima E-8 N-1 (บ.รน.๒) ๒๗ เคร่อง และแบบ

เม่อปี พ.ศ.๒๔๘๑ โดยช่อทำงรำชกำรว่ำ แบบ “รำชนำว ๑” Type Zero Model 11 (บ.รน.๓) ๓ เครื่อง เครื่องบิน




หรือ “บ.รน.๑” มีกำรจัดต้งหมวดบินทะเลขึ้น ทั้งหมดได้เข้ำสงครำมโดยตลอด ที่ส�ำคัญคือ ยุทธนำวี









สังกัดกองเรือรบ ผู้บังคับหมวดบินพระองค์แรกคือ ทเกำะชำง และกำรปรำบเรอดำนำทำงฝงทะเลอนดำมน


เรือเอก หม่อมเจ้ารังษิยากร อาภากร นำยทหำรเรือที่ หมวดบินทะเลได้ยกฐำนะเป็น กองบินทะเล กองเรือรบ
ทรงได้รับกำรฝึกบินจำกกองทัพเรืออังกฤษ และ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕




กองทัพอำกำศไทย ท้งน้เคร่องบินดังกล่ำวได้ถูก กองบินทะเลได้เปล่ยนช่อเป็น กองบินทหารเรือ

ไปประจ�ำท่เรือหลวงแม่กลอง และเรือหลวงท่ำจีน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๖ และเมื่อสิ้นสุดสงครำมโลกครั้งที่ ๒

(ล�ำที่ ๑) ในปี พ.ศ.๒๔๘๘ กองทัพเรือได้พัฒนำกองบินทหำรเรือ
ในปี พ.ศ.๒๔๘๓ ได้เกิดกรณีพิพำทไทยกับ โดยได้ปรับปรุงสนำมบิน และเร่มจัดหำเคร่องบินท่ใช้




อินโดจีน ฝรงเศส เคร่องบิน บ.รน.๑ เวลำน้น มีอยู่ สนำมบินบกเข้ำประจ�ำกำร ก่อนท่จะถูกยุบหน่วยไป





๖ เคร่อง ได้ยืมเคร่องบินแบบ Avro จำกกองทัพอำกำศ ในปี พ.ศ.๒๔๙๔ ด้วยเหตุผลทำงกำรเมือง

นาวิกศาสตร์ 41
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

รูปที่ ๒๒ เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกแบบ HU-16 Albatross



กำรดับไฟโดยสำมำรถทุ่มน้ำท่เก็บไว้ได้ประมำณ


๑๒,๐๐๐ ปอนด์ เคร่องบินแบบน้จัดเป็นเครองบน



ต่อสู้ไฟ (Firefighting Aircraft) โดยเฉพำะแบบเดียว

ท่ประเทศไทยเคยมีขณะประจ�ำกำรจะถูกส่งไป
สนับสนุนกำรดับไฟป่ำท้งภำคเหนือและภำคใต้ของ

ประเทศเป็นประจ�ำแทบทุกปี ปัจจุบันเคร่องบินดังกล่ำว


ได้ถูกปลดประจ�ำกำรไปต้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๖๐ และยัง
ไม่ได้รับกำรจัดหำทดแทน
รูปที่ ๒๑ เครื่องบินทะเล แบบ บ.รน.๒ และ แบบ บ.รน.๓

ก�ำลังอำกำศนำวีของกองทัพเรือไทยได้ก�ำเนิดใหม่



โดยได้จัดต้งฝูงบินทหำรเรือข้นเม่อปี พ.ศ.๒๕๐๓


อำกำศยำนแบบแรกท่เข้ำประจ�ำ ได้แก่ เคร่องบิน

สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดเรือบินแบบ HU-16 Albatross

ซ่งได้รับกำรช่วยเหลือจำกกองทัพเรือสหรัฐอเมริกำ

เม่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ โดยได้รับกิจในกำรขนส่งล�ำเลียง
ทำงธุรกำร และกำรค้นหำและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ในทะเล ต่อมำเคร่องบินประเภทดังกล่ำวได้ถูก รูปที่ ๒๓ เครื่องบินสะเทินน�้ำสะเทินบกแบบ CL-215
ปลดประจ�ำกำรไป และได้รับกำรจัดหำทดแทน เมื่อปี
พ.ศ.๒๕๒๑ เป็นแบบ CL-215 (เครื่องบินธุรกำรแบบที่ ส�ำหรับค�ำตอบของปัญหำท่ว่ำ กองทพเรอสมควร








๑/บ.ธก ๑) จำกประเทศแคนำดำ เคร่องบินแบบน ้ ี ท่จะจัดหาเคร่องบินประเภทน้ทดแทนท่ถูกปลด





นอกจำกกิจหลกทได้รับมอบเหมือนเคร่องบินแบบ ประจาการไป หรือไม่อย่างไรน้น ผู้เขียนใคร่ขอเสนอ

HU-16 แล้ว มีกิจส�ำคัญอีกประกำร คือ สนับสนุน ควำมคิดเห็น ดังนี้
นาวิกศาสตร์ 42
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

รูปที่ ๒๔ เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือขณะช่วยเหลือผู้ประสบภัย




















จำกทกลำวมำทงหมดจะเหนวำปจจบนประโยชน ์ และเป็นปัญหำใหญ่ของรฐบำล เมอครงทเครืองบน





ของเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกท่เหนือกว่ำอำกำศยำน สะเทินน้ำสะเทินบกแบบ CL215 ยังประจ�ำกำร เคร่องบิน

ประเภทอ่น ในกำรปฏิบัติกำรทำงเรือมีอยู่ประกำรเดียว ดังกล่ำวจะเป็นก�ำลังหลักในกำรปฏิบัติกำรดับไฟใน






คือ การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล พ้นท่ท่หน่วยดับไฟอ่นไม่สำมำรถเข้ำพ้นท่ได้ แต่เม่อ

ท้งจากการรบและในยามปกต โดยเฉพำะกำรเข้ำช่วยเหลือ เคร่องบินดังกล่ำวถูกปลดประจ�ำกำรไป รัฐบำลได้แก้




(Pick up) ผู้ประสบภัยข้นจำกน้ำน้น สำมำรถปฏิบัต ิ ปัญหำโดยนอกจำกกำรใช้เฮลิคอปเตอร์ห้วถังน้ำแล้ว









ในพ้นท่ห่ำงไกลท่เฮลิคอปเตอร์ประจ�ำเรือไปไม่ถึง ยังมีกำรใช้เคร่องบินล�ำเลียงขนำดใหญ่บรรทุกถังน้ำ




หรือเม่อมีผู้ประสบภัยเป็นจ�ำนวนมำก แต่ท้งน้หำกจะ และสำรเคมีท่ใช้ดับไฟแล้วน�ำไปปล่อย ณ ต�ำบลท ่ ี
พิจำรณำให้มีกำรจัดหำเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก ไฟไหม้ กำรด�ำเนินกำรดังกล่ำวเป็นกำรแก้ไขปัญหำได้





เข้ำประจ�ำกำรใหม่ด้วยเหตุผลน้เพียงข้อเดียว ยังเห็นว่ำ ระดับหน่ง แต่ถ้ำจะให้มีประสิทธิภำพมำกข้นน่าจะเป็น


น่ำจะยังไม่เหมำะสม เพรำะลักษณะกำรปฏิบัติและ ความจาเป็นของรัฐบาลท่ควรมีเคร่องบินต่อสู้ไฟ






ลักษณะพ้นท่กำรปฏิบัติกำรของก�ำลังทำงเรือไทย ตามมาตรฐานทหลายประเทศใช้ ไว้ในประจาการ


เคร่องบินลาดตระเวนทางทะเล และเฮลิคอปเตอร์ สาหรับหน่วยผู้ใช้ เห็นว่ายังไม่มีหน่วยใดเหมาะสม

ท้งจากฐานบินบกและท่ไปกับเรือน่าจะเพียงพอ เท่ากับกองทัพเรือท่คุ้นเคย และปฏิบัติการกับเคร่องบิน



ส�าหรับการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ประเภทนี้มาเป็นเวลานานเกือบ ๖๐ ปี ทั้งนี้นอกจำก








อย่ำงไรก็ด หำกพิจำรณำถึงควำมจ�ำเป็นในด้ำนอ่น กำรบนสนบสนนกำรดบไฟป่ำ เครองบินนจะสำมำรถ



ท่มิใช่กำรปฏิบัติกำรทำงทหำรอีกประเด็นคือ ตำมท ี ่ ช่วยเสริมกิจในกำรค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

กล่ำวมำแล้วทุกปีประเทศไทยจะประสบปัญหำ ในทะเล การขนส่งลาเลียงทางธุรการ และการบรรเทา
หมอกควันจำกไฟไหม้ป่ำ ท้งบริเวณภำคใต้และภำคเหนือ สาธารณภัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติการทางเรือ



ซ่งแต่ละคร้งจะท�ำควำมเดือดร้อนแก่พ่น้องประชำชน และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้

นาวิกศาสตร์ 43
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




รปท ๒๕ เครองบนสะเทนนำสะเทนบกแบบ CL-515 Viking ของแคนำดำ










เท่ำท่กล่ำวมำถึงเร่องรำวควำมเป็นมำ และ ภำคเหนือและภำคใต้ทุกปี ในฐำนะท่กองทัพเรือ
แนวโน้มกำรใช้งำนของเคร่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นหน่วยก�ำลังหลักในกำรใช้อำกำศยำนในกำรรักษำ




โดยท่วไป และท่เคยมีประจ�ำกำรในกองทัพเรือคำดว่ำ ผลประโยชน์แห่งชำติและบรรเทำภัยพิบัติทำงทะเล
คงเป็นประโยชน์ท้งควำมเพลิดเพลิน และสำระน่ำรู้ ท่เคยมีอำกำศยำนประเภทน้ในรำชกำรมำก่อน



บ้ำงพอสมควร ส่วนค�ำตอบของบทควำมท่ว่ำ สมควรท ่ ี และมีประสบกำรณ์ควำมคุ้นเคยในกำรใช้งำนมำ


กองทัพเรือน่าจะพิจารณาจัดหาเคร่องบินประเภทน ี ้ เป็นเวลำนำน จึงเห็นสมควรให้มีการจัดหาไว้ใน
ทดแทนที่ปลดประจ�าการไป หรือไม่อย่างไร ขอเรียน ประจ�าการเพื่อทดแทนของเก่าที่ปลดประจ�าการไป
ว่ำแม้เคร่องบินประเภทดังกล่ำวจะไม่มีควำมจ�ำเป็น

ในกำรปฏิบัติกิจหลักในกำรป้องกันประเทศของ แหล่งข้อมูล
กองทัพเรือมำกนัก แต่เนื่องจำกเครื่องบินประเภทนี้ได้ - เอกสำรประวัติ กองกำรบินทหำรเรือ ๒๕๖๘-๒๕๔๘
- บทควำมเร่อง เร่อง The Rise and Fall (and Rise ?)



ถูกออกแบบให้มีขีดควำมสำมำรถในกำรดับไฟ ดังน้น of the Military Seaplane โดย Alex Holling น�ำลงเว็บไซต์



กำรท่กองทัพเรือไม่มีเคร่องบินประเภทน้ประจ�ำกำร www.Popularmechanic.com เมื่อ ๒๒ พ.ย.๒๕๖๓
- ค้นหำจำก Wikipedia: Amphibious aircraft, Seaplane,
ท�ำให้ประเทศไทยไม่มีเคร่องบินต่อสู้ไฟ (Firefighting Flying boat, Floatplane , Ground-effect vehicle, AVIC AG

Aircraft) ซึ่งเป็นสิ่งจ�ำเป็นในกำรดับไฟป่ำที่มักจะเกิดขึ้น 600, Beriev Be- 200, Lun-class Ekranoplan , Canadair
เป็นประจ�ำ ก่อให้เกิดปัญหำหมอกควันท�ำควำมเดือดร้อน CL-415 , Canadair 515
และเป็นอันตรำยต่อสุขภำพพ่น้องประชำชนบริเวณ

นาวิกศาสตร์ 44
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

ศึกหอยแครง






สงครามปลา (คอด)











พลเรือโท พัน รักษ์แก้ว


ห่างจากฝั่ง ๕.๔ กิโลเมตร เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์

ซ่งชาวบ้านก็ทาการประมงชายฝั่งเป็นอาชีพอย่างหน่ง


แต่ผู้ขี่เจ็ตสกียิงปืนบอกว่า ได้ลงทุนเป็นเงินนับล้านบาท
ท�าฟาร์มหอยแครง โดยท�ารั้วไม้ไผ่รอบฟาร์ม และมีขน�า

สาหรับคนเฝ้าฟาร์มในทะเลด้วย ก็เกิดศึกหอยแครง
- cockle war



วันท ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๓ ในทะเลท่อ่าว



บ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มีผู้ข่เจ็ทสกีใช้ปืนพกยิงไปทางหมู่เรือประมงพ้นบ้าน


ู่

ท่กาลังทาประมงหอยแครงกันอย เข้าใจว่าเป็นการยิงข้นฟ้า


ขู่ชาวบ้านเพราะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ผู้ยิงปืน
ถูกจับในเวลาต่อมา แล้วถูกปรับฐานพกพาและยิงอาวุธ

ในทสาธารณะ (Fishfermen want “fairness” in

cockle war - บางกอกโพสต์, ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๓)
ตามข่าวว่าทางจังหวัดได้จัดก�าลังทหารเรือ ต�ารวจ
และอาสารักษาดินแดน เฝ้าดูเหตุการณ์ในวันต่อมาท ี ่

เรือชาวบานราว ๒๐๐ ล�า ไดออกเรือมายังพื้นที่เกิดเหตุ

โดยทางเจ้าของฟาร์มก็มาคุมเชิงอยู่กลาย ๆ ทางชาวบ้าน
ได้ขอให้ทางการระบุมาให้แน่ชัดว่า ใครก็ได้มีสิทธ์ทา


ฟาร์มหอยในทะเลหรืออย่างใด ระหว่างการเผชิญหน้ากัน


ตามเร่องก็ว่าชาวบ้านอาเภอกาญจนดิษฐ์ และ เจ้าของฟาร์มได้เสียชีวิตในทะเลด้วยโรคหัวใจในวันท ี ่
อ�าเภอพุนพิน ได้น�าเรือออกทะเลไปหาและจับหอยแครง ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๓


ตามท่เคยกระทามา โดยทางจังหวัดกาหนดไว้ว่าพ้นท่ทะเล กรณีน้จะลงเอยเช่นใดอยู่ท่พระราชบัญญัต (พ.ร.บ.)






นาวิกศาสตร์ 45
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




การประมง ท่มีถึง ๓ ฉบับ ในปี พ.ศ.๒๔๙๐ ปี พ.ศ.๒๕๕๘ - ชาวบ้านอ้างว่าทางจังหวัดกาหนดให้พ้นทะเลห่าง
และปี พ.ศ.๒๕๖๐ ตามด้วยพระราชกาหนด (พ.ร.ก.) จากฝั่ง ๕.๔ กิโลเมตร (๓ ไมล์ทะเลอันเป็นทะเลอาณาเขต


หลายกาหนด และกฎกระทรวงหลากหลายกฎ เน้อหาใน ตามกฎหมายทะเลดั้งเดิม) เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์


พ.ร.บ. พ.ร.ก. และกฎกระทรวงออกกลิ่นภาษากฎหมาย - ไม่ปรากฏว่าทางจังหวัด หรือพนักงานเจ้าหน้าท่ใด
ท่ผู้ไม่ใช่นักกฎหมายอ่านแล้วอ่านอีกจึงพอจะรู้เร่อง ได้ออกประทานบัตร หรือใบอนุญาตทาการประมงแก่ผู้ใด



อย่างไรก็ตามพอจับประเด็นของกรณีในกฎหมายได้ว่า - มีผู้ท�าฟาร์มหอยแครงโดยมีการสร้างรั้ว และที่พัก
- หอยแครงเป็น “สัตว์น�้า” ซึ่งว่าลงทุนเป็นล้านบาท






- เรือ และอุปกรณ์จับหอยคือ เคร่องมือทาการประมง - ชาวบานจบหอยแครง เจาของฟารมขเจตสกขบไล ่





- การหาหอย จับหอย เรียกว่า “ท�าการประมง” ชาวบ้านเป็นศึกหอยแครง cockle war


- พื้นที่ทะเลจับหอยถือเป็น “ที่จับสัตว์น�้า” ผู้ห้ามศกตามข่าวม “ก�ำลังทหำรเรือ” ร่วมด้วย


- ประทานบัตร ท่ข้าหลวงประจาจังหวัดออกให้ ซึ่งเข้าใจว่าคงได้รับเชิญและแต่งต้งให้เป็น “พนักงาน

ผู้ประมูลท�าการประมงในพื้นที่หนึ่ง เจ้าหน้าท่” โดยรัฐมนตร (เกษตรและสหกรณ์ ?) ท่ดูตาบล















- ใบอนญาต โดยเจาหนาทออกใหแกผทาการประมง ท่เกิดเหตุแล้วน่าจะเป็น กำลังพลของทัพเรอภำค ๒


หรือเพาะเลี้ยงสัตว์น�้าในที่อนุญาต ให้ไปช่วย “หย่ำศึก” หรือเป็นทหำรจำกศูนย์อ�ำนวยกำร
- ผู้รับอนุญาต ผู้รับประทานบัตร หรือใบอนุญาตให้ รักษำผลประโยชน์ของชำติทำงทะเล (ศรชล.)
ท�าการประมง วาดภาพทหารเรือท่ไปช่วยหย่าศึกยังจังหวัดท ี ่




- เครื่องมือประจ�าที่ (ไม่เคลื่อนย้ายได้) เครื่องมือ เกดเหต แต่งกายชดออกสนาม หรอออกทะเล หรอ







ในพิกัด (ตามกฎกระทรวง เช่น ใช้ในเรือ) และเครื่องมือ เคร่องแบบปกติจานวนก่คน ไปพักท่จังหวัด หรือท่เกิดเหต ุ




นอกพิกัด ตดอาวธไปด้วยหรอไม่ หากมอาวธไปด้วยเป็นอาวธ








- พนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แก่ ข้าหลวงประจ�าจังหวัด ทนสมยไม่อายคนจังหวด ชาชองใช้อาวธเพียงใด มกฎ

นายอาเภอ พนักงานประมง และผู้ท่รัฐมนตรีแต่งต้ง การใช้อาวุธ (rule of engagement) อย่างไร และเข้าใจ



ตามนัยของ พ.ร.บ. กฎหมายการประมงพอสมควร ?








ดังนน เม่อคานงถงสถานการณ์ในพนทเกิดเหต ุ ดูแล้วศึกหอยแครงน่าจะจบลงท่ระดับจังหวัดหาก





ประกอบกับเง่อนไขของกฎหมายท่พอแกะท่มาและท่ไป สาแดงพ้นท่สาธารณประโยชน์ให้แน่ชัด และประกาศ





ของศึกหอยแครงได้ว่า:- ให้รู้โดยทั่วกันว่ามีการออกประทานบัตร หรือใบอนุญาต
นาวิกศาสตร์ 46
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




ทาการประมงไปแล้วหรอไม่ประการใด และทหารเรอ
ตามทัพเรือภาคต้องเตรียมก�าลังพลท�าหน้าที่ “พนักงาน





เจาหนาทการประมง” ไวตามสมควร เพราะตอไปอาจเกด










ศกหอยนางรม ศกปม้า ศกปลาท ฯลฯ ทจะตองไปช่วยงาน
ที่จังหวัดชายทะเล โดยรัฐมนตรี (เกษตร ?) แต่งตั้งเป็น




พนกงานเจาหน้าท หรอไปจาก “ศรชล.” ททหารเรอเป็น




ก�าลังหลักอยู่

ู่
ศึกหอยแครงเป็นศึกภายในท่จะคุกรุ่นอย หากทางการ



ไม่หย่าศกโดยเดดขาด แต่ความรนแรงและผลกระทบ

น้อยท่หากเป็นศึกภายนอก หรือการกระทบกระท่งกันใน


ทะเลระหว่างประเทศท่เกิดจาก “การประมง” เช่นกันจนเป็น
“สงครามในทะเล” อย่างสงครามปลาคอด (Cod War)


ระหว่างไอซ์แลนด์กับอังกฤษก็เป็นเร่องใหญ่ ท้งเร่อง

การใช้ก�าลัง และการเมืองระหว่างประเทศ


ท้งไอซ์แลนด์และอังกฤษเป็นเพ่อนบ้านกัน และ
เป็นประเทศชาวเกาะด้วยกันท้งคู่ ชอบกินปลาคอด การประกาศขยายเขตประมงของไอซ์แลนด์ พร้อมทั้งส่ง

และส่งปลาเป็นสินค้าออกเหมือน ๆ กัน แต่ไอซ์แลนด์ เรือรบไปคุ้มครองเรือประมงของตน บางครั้งส่งเรือใหญ่

เป็นประเทศเกิดใหม่ และมีขนาดเล็กมากเม่อเทียบกับ ขนาดเรือลาดตระเวน (HMS Belfast ขนาด ๑๘,๐๐๐ ตัน


อังกฤษ โดยเฉพาะอย่างย่งกองทัพเรือไอซ์แลนด์เป็น ขณะน้เป็นเรือพิพิธภัณฑ์ในแม่นาเธมส์ กรุงลอนดอน)


เพียงแบบ “ป้องกันชายฝั่ง” มีเรือใหญ่เพียงเรือปืน ในขณะท ี ่ ก็มีเหตุร้ายบังเกิดเป็นระยะ ๆ เช่น เรือปืนไอซ์แลนด์ ตัดอวน

อังกฤษเป็นประเทศมหาอานาจทางเรือด้งเดิม มีเรือใหญ่ เรือประมงอังกฤษ เรือฟริเกตอังกฤษชนกับเรือปืนไอซ์แลนด์

จนถึงเรือลาดตระเวน และเรือบรรทุกเคร่องบิน แต่เพราะ มีการใช้อาวุธยิงกัน เป็นต้น




ปลาคอดสาคัญต่อการอยู่รอดของไอซ์แลนด์จึงเส่ยงต่อ ท้งไอซ์แลนด์และอังกฤษเป็นประเทศภาคีสนธ ิ

การพิพาทกับอังกฤษเป็น “สงครามปลาคอด” จนได้ สัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ท่ทางนาโต้
ไอซ์แลนด์ ได้รับเอกราชจากเดนมาร์กในปี พ.ศ. พยายามไกล่เกล่ยให้สองฝ่ายประนีประนอมกัน ซ่งไอซ์แลนด์


๒๔๘๗ แลวได้ประกาศเขตน่านนาประมงครงแรกจากฝั่ง บอกว่าจะออกจากนาโต้ถ้าอังกฤษไม่ถอนเรือรบไป





๓ ไมล์ทะเล ต่อจากน้นก็ได้ประกาศขยายเขตออกไปเป็น โดยนาโต้ห่วงว่าหากไม่มีไอซ์แลนด์ก็จะขาดการเฝ้าตรวจ

๔ ไมล์ ๑๒ ไมล์ ๕๐ ไมล์ จนกระทั่ง ๒๐๐ ไมล์ทะเล แอตแลนติกเหนือ สงครามปลาคอดด�าเนินไปราว ๔ ปี
ในปลายปี พ.ศ.๒๕๑๘ ทั้งนี้ก็เพราะปลาอย่างปลาคอด โดยอังกฤษจ�ากัดการประมงรอบเกาะไอซ์แลนด์ลง และ




ปลาแฮร่ง เป็นสินค้าออกสาคัญของไอซ์แลนด์แต่จับปลา ประกาศเขตน่านนาประมงเป็น ๒๐๐ ไมล์ทะเลบ้าง เท่ากับ


ได้น้อยลงทุกที จึงต้องขยายน่านน�้าประมงพร้อมกับการ ยอมรับเขตน่านนาของไอซ์แลนด์ไปด้วย ทางไอซ์แลนด์แถลง
สงวนพันธุ์ปลาด้วย ชัยชนะสงครามปลาคอด ส่วนอังกฤษว่าเราคุยกัน “รู้เร่อง”



ทางอังกฤษ ซ่งทางสถิติปลาท่ทางอังกฤษจับได้ รู้เรื่องมานานแล้ว และจะรู้เร่องตลอดไป แต่ไอซ์แลนด์ก็ยัง

๓ ใน ๔ เป็นปลาทจับได้รอบ ๆ เกาะไอซ์แลนด์ โดย คุมเข้มการประมงของตนตลอดมาเพราะเผลอไม่ได้


อังกฤษจับปลาได้ปีละราว ๑๗,๐๐๐ ตัน อังกฤษจึงไม่รับร ู้ ซึ่งอาจเกิดศึกยามสงบในทะเลอีกก็ได้
นาวิกศาสตร์ 47
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




เร่องอาณาเขตระหว่างประเทศเหล่อมลากันดูจะม ี พ.ศ.๒๕๓๐ หรือการอ้างสิทธิเขาพระวิหารกับกัมพูชา


ทุกแห่งหน ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศใหญ่ หรือประเทศเล็ก ผู้เขียนเคยน่งเรือเร็วชาวบ้าน ความเร็ว ๖๐ กิโลเมตร


การปะทะทางทหารระหว่างอินเดียกับจีน ท่พรมแดนทิวเขา ต่อช่วโมง จากฝั่งจังหวัดตราดไปพักท่เกาะกูด ได้นั่งสนทนา

หิมาลัยกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๓ ซ่งทางอินเดีย กับเจ้าอาวาสวัดบนเกาะ หลวงพ่อบอกว่า “ตรงที่โยม

แถลงว่าทหารเสียชีวิตไป ๒๐ คน และทางจีนส่งทหาร นั่งอยู่เป็นดินแดนไทย ที่อำตมำนั่งเป็นเขมร” กล่าวคือ
เชลยอินเดีย ๑๐ คน คืนให้อินเดีย โดยฝ่ายจีนมิได้ออก ทางกัมพูชาลากเส้นอาณาเขตจากจุดเส้นฐานบ้านหาดเล็ก
ข่าวการสูญเสียของฝ่ายตน เป็นการพิพาททางพรมแดน สุดชายแดนจังหวัดตราดออกทะเลมาผ่าครึ่งเกำะกูด








ครงสดท้ายในบรรดาหลายครงทผ่านมาของประเทศ เพราะฉะน้นสงคราม หอย ป ปลา กับบ้านใกล้

ยักษ์ใหญ่ทั้งสอง ส่วนประเทศเล็ก ๆ อย่างไทยก็มีอย่าง เรือนเคียง เป็นไปได้ท่สมควรศึกษาเร่อง “การใช้กาลัง



การชิงดินแดนบ้านร่มเกล้า จังหวัดอุตรดิตถ์กับลาวในปี ทางเรือยามสงบ” ไว้ให้ดี ทั้งด้านยุทธการ และกฎหมาย
ศึกหอยใช้อำวุธจำกเจ็ตสกี ส่วนสงครำมปลำถึงเรือลำดตระเวน
ที่มาภาพ
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1867179
https://www.dailynews.co.th/regional/777406
https://news.thaipbs.or.th/content/260660
https://www.technologychaoban.com/fishery-technology/article_93392
https://newsnow.tasr.sk/economy/nato-to-use-slovak-communications-technologies/
https://today.line.me/th/v2/article/jglzz2
https://www.mokkalana.com/13872/



นาวิกศาสตร์ 48
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version