The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องเล่าชาวเรือ สิงหาคม ๒๕๕๗ - ปัจจุบัน

พลเรือเอก ไพศาล นภสินธุวงศ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2021-12-15 22:46:12

เรื่องเล่าชาวเรือ สิงหาคม ๒๕๕๗ - ปัจจุบัน

เรื่องเล่าชาวเรือ สิงหาคม ๒๕๕๗ - ปัจจุบัน

พลเรือเอก ไพศาล นภสินธุวงศ์

ส้อมของ Lord Nelson





























ในวงการทหารเรอของโลก ต่างทราบกนดว่า ผลจากการท ลอร์ด เนลสัน ได้สูญเสียแขนขวา






ลอร์ด เนลสัน แม่ทัพเรือท่ย่งใหญ่ท่สุดของอังกฤษ ต่อมาทางเรือของเขาได้จัดทาอุปกรณ์พิเศษสาหรับใช้

ได้สูญเสียตาข้างขวาและแขนขวา ซ่งการสูญเสีย รับประทานอาหาร โดยเฉพาะการพัฒนาให้มีดและส้อม


อวัยวะท้งสองอย่างน้เน่องจากการสู้รบกับข้าศึกของเขา อยู่บนช้นเดียวกน (ซ่งต่อมาเรยกว่า Nelson's Fork)











อย่างกล้าหาญ เร่องเล่าชาวเรอคร้งนจะนาเสนอ เพ่อช่วยให้เขาสามารถตัดอาหาร และใช้ส้อม







ในประเด็นว่าเม่อเขามีเพียงแขนซ้ายข้างเดียว รบประทานอาหารสะดวกข้นโดยใชเพยงมือซ้ายข้างเดยว



เขารับประทานอาหารท่ต้องใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร ส้อมของเนลสน ถกเกบรกษาไว้ในเวลาต่อมา




อย่างไร ซ่งโดยวัฒนธรรมท่วไปของพวกยุโรปน้น ทพพิธภณฑ์ทางทะเลแห่งชาตขององกฤษ (National







ต้องใช้ทั้ง มีด ส้อม และช้อน Maritime Museum, Greenwich) ท่กรุงลอนดอน



ลอร์ด เนลสัน ได้สูญเสียแขนซ้ายในการรบท ่ ี ในสงครามโลกคร้งท ๑ มีทหารจานวนมาก


Santa Cruz ของเกาะ Tenerife tenerife ของฝรั่งเศส ได้สูญเสียแขนในการสู้รบ แขนทหารถูกตัดหลายข้าง และ


อยู่ในแอตแลนติกตะวันออกเหนือ Algeria เป็นการ ได้มีการนาต้นแบบของ Nelson's Fork มาใช้แทน ซ่งนับ

โจมตียกพลขึ้นบก เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๙๗ เป็นการออกแบบท่ค่อนข้างธรรมดาแต่มีประสิทธิภาพสูง





ตอนนนเขาอย่บนเรอธงชอ HMS Agamemnon และยังคงมีใช้จนกระทั่งปัจจุบัน



การยุทธ์คร้งน้เขาประสบความพ่ายแพ้ และมีการ ในยุคร่วมสมัยน เราอาจเคยเห็นส้อมท่มีลักษณะ




ตกลงสงบศึกกับฝร่งเศส เม่อวันท ๒๕ กรกฎาคม ใกล้เคียงกับของ ลอร์ด เนลสัน แต่เป็นส้อมที่ใช้ส�าหรับ



เขาต้องถูกตัดแขนข้างขวาซ่งเขาได้เก็บรักษาไว้ โดยต้งใจ รับประทานผลไม้ เพ่อให้สะดวกแก่การตัดและใช้ส้อม




ให้เป็นเคร่องเตือนใจถึงรอยด่างแห่งความพ่ายแพ้ สาหรับในประเทศไทยบางคนอาจเคยเห็น แต่ปัจจุบัน

ในชีวิตการต่อสู้ของเขา ค่อนข้างหาดูได้ยากเต็มที
นาวิกศาสตร์ ๗๐
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๔


“ท�ำไมกะลำสีเรืออังกฤษ ถูกเรียกว่ำน�้ำมะนำว (Limey)”





ผู้ท่เรียกกะลาสีเรืออังกฤษว่า นามะนาว (Limey) ต่อมา Dr. James Lind นายแพทย์ชาวสกอต
พวกแรก คือ ทหารเรืออเมริกัน ในสมัยยุคเรือใบ ได้ค้นพบว่า นามะนาวสามารถป้องกัน โรคลักปิดลักเปิดได้


(Age of sail) และต่อมาได้ขยายไปเป็นคนอังกฤษ จึงได้แนะน�าให้ทหารเรืออังกฤษดื่มน�้ามะนาว ในขณะที่

โดยรวมว่า Limey เช่นเดียวกัน อน่ง Limey เป็นการเรียก อยู่ในทะเลเป็นเวลานาน ในตอนแรกประสบปัญหาบ้าง




ให้ส้นของคา Lime Juice คาว่า Lime ในท่น้ไม่ได้ เพราะทหารไม่คุ้นเคย แต่มีการผสมนามะนาวลงไปใน








เก่ยวข้องกับหินปูน แต่หมายถึง มะนาวชนิดหน่ง มีสีเขียว Grog คือ เหล้ารัมผสมนา ซ่งทหารทุกนายได้รับแจก


แกมเหลือง ส่วนใหญ่พบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และ ทุกวัน น่คือเหตุผลท่ทหารเรืออเมริกันเรียกกะลาสีเรือ
หมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน อังกฤษว่า Limey
ในยุคเรือใบ ปัญหาในการเก็บเสบียงอาหารสด ทหารเรืออเมริกันซ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร



ให้คงอยู่ได้นานเป็นเรื่องส�าคัญ ดังนั้น ผักสด และผลไม้ แอตแลนตก ใช้คานเป็นคาสแลงในเชงเย้ยหยนดถก








จึงบริโภคหมดในช่วงแรก ๆ ของการเดินทาง ดังน้นทหารเรือ ในตอนแรก ๆ แต่ตอมาคาสแลงน กลายเป็นคาทค่อนข้าง







อังกฤษจึงขาดแคลนอาหารสด โดยเฉพาะผักสด น่ารัก

และผลไม้ ท่สาคัญคือ ไม่ได้บริโภคมะนาวเป็นเวลานาน





ทาให้ขาดวิตามินซ ซ่งส่งผลให้ทหารเหล่าน้นเป็นโรค
ลักปิดลักเปิด หรือเลือดออกตามไรฟัน (Scurvy)
กล่าวกันว่า ในประวัติศาสตร์ของราชนาวีอังกฤษ


กะลาสีเรือได้เสียชีวตจากโรคดังกล่าวเป็นจานวน

มากกว่าสญเสยในการรบเสยอก หรอแม้กระทง Lord






Nelson แม่ทัพเรือ
อังกฤษเอง ก่อนที่เขา


จะเสยชวิตในการรบ เลือดออกตามไรฟัน (Scurvy)




คร้งย่งใหญ่ คร้งสุดท้าย อย่างไรก็ด โรคลักปิดลักเปิดได้รับการเยียวยา



ท Trafalgar จน มาอย่างด จนกระท่งถึงสงครามโลกคร้งแรกในราชนาว ี


ดับฝันของพระเจ้า อังกฤษ โรคนี้กลับเกิดขึ้นอีกอย่างไม่คาดหมาย อังกฤษ







นโปเลียนท่จะบุกรุก จงได้มการตงคณะกรรมการเพอค้นหาสาเหต และ















เกาะอังกฤษ เขาได้ การปองกน ผลสดทายพบวาวตามนซตางหากทเปนปจจย




เหลือฟันสาหรับเค้ยว สาคัญในการป้องกันโรคดังกล่าว ซ่งต่อมาคนโดยท่วไป




อาหาร เพียงไม่กี่ซี่ ได้บริโภควิตามินซ เพ่อป้องกันโรคน้และอีกหลายโรค
Dr. James Lind แม้กระทั่งปัจจุบันในการต่อสู้กับ COVID-19
นาวิกศาสตร์ 80
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕


เรือสำ�ร�ญ (Love Boat)



แม้ว่าเรอ USS Acadia เป็นเรอช่วยรบ (AD 42)



ก็ตาม แต่บรรดาทหารหญิงท้งหมดราว ๑ ใน ๔ ของ



จานวนลูกเรือได้ปฏิบัติการท่มีความเส่ยงอันตราย


เช่นเดียวกันกับทหารชาย เช่น ทาหน้าท่ประจาปืนกล

ทาหน้าท่เก่ยวกับอาวุธปล่อยนาวิถ Tomahawk เป็นต้น





ถือว่าเธอเหล่านั้นเป็นผู้บุกเบิกของกองทัพเรือ และ
กองทัพเรือหวังกันว่าผลงานของเธอเหล่าน้น ในสนามรบ


จะเป็นการนาไปสู่การบรรจุทหารหญิงบนเรือรบลาอ่น ๆ


อีกต่อไปด้วย
USS Acadia อย่างไรก็ตาม การที่ทหารหญิงตั้งครรภ์จ�านวนมาก
เม่อกล่าวถึงเรือสาราญหรือ Love Boat สาหรับคน กลับท�าให้เป็นที่วิจารณ์ว่า เรือล�านี้เป็นเรือ Party Boat




อเมริกันย่อมเข้าใจกันด เน่องจากมีภาพยนตร์โทรทัศน์ มากกว่าเรือรบ กล่าวกันว่า ลูกเรือมีพฤติกรรม Free Sex


ของช่อง ABC ออกอากาศใน ค.ศ. ๑๙๗๗-๑๙๘๖ มีการร่วมเพศ แม้กระท่งในห้องใต้ดาดฟ้าหัวเรือ





เป็นซีรีย์เกี่ยวกับกัปตันเรือ Pacific Princess พร้อมกับ (Forecastle) ส่อมวลชนต้งช่อเรือลาน้ว่า Love Boat

ลูกเรือจานวนหน่งท่มีความสุขสนุกสนานกับผู้โดยสาร นักเขียนการ์ตูนได้วาดภาพเรือ ชักธงเพลย์บอยคร่งเสา







(หญิง) โดยเรือลาน้ได้เข้าจอดท่เมืองท่า Puerto Vallarta พร้อมกับบรรยายว่า “เพอเป็นเกยรติยศต่อการตายใน



และ Acapulco น่นเป็นเร่องของนวนิยาย แต่ในท่น ้ ี หน้าที่ของกระต่าย ๓๖ ตัว”


จะกล่าวถึง Love Boat ที่เป็นเรื่องจริงของกองทัพเรือ
สหรัฐอเมริกา
ปัญหาเร่องการบรรจุทหารหญิงในเรือรบท่ต้อง



ออกปฏิบัติการในทะเล เป็นท่ถกเถียงกันเกือบตลอดเวลา
เหตุการณ์ของเรือ USS Acadia ซ่งเป็นเรือประเภทช่วยรบ

เป็นเรือพ่เล้ยงเรือพิฆาต (Destroyer Tender)



ได้ปฏิบัติการในตะวันออกกลาง เม่อ ค.ศ. ๑๙๙๑


เรือลาน้ได้บรรจุทหารหญิงมีจานวนเปอร์เซ็นต์สูง เรือส�ำรำญ Love Boat

(มากกว่า ๑ ใน ๓) ของก�าลังพลทั้งหมด เมื่อเรือได้จบ เหตุการณ์คร้งน ทาให้กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา





ภารกจแล้ว กลับเข้าจอดท่เมืองท่า San Diego ปรากฏว่า ได้รับความเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะเม่อเปรียบเทียบกับ


ทหารหญิง ๓๖ คน หายไปจากเรือ เนื่องจากบรรดาเธอ ความสาเร็จในการปฏิบัติการรบของกองทัพบก และ

เหล่านั้นได้ตั้งครรภ์ กองทัพอากาศ
นาวิกศาสตร์ 73
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


การเปาะที่หัวเรือ (Bulbous Bow)



การเกยต้นของ

เรือบรรทุกสินค้าขนาด








ยกษลานทาใหเกดภาพ

ซ่งหลายคนคงสงสัยว่า

กระเปาะท่หัวเรือน้นม ี

ไว้เพื่อประโยชน์อะไร

กระเปาะท่หัวเรือในทาง
เทคนคช่วยทาให้เรอลดแรง



กระแทกท่หัวเรือเม่อเรือ


ฟันคล่น (แล่นสวนคล่น)



ประโยชน์อีกประการหน่ง

หลายคนคงเคยเห็นกระเปาะท่หัวเรือ ซ่งปกต ิ ช่วยเพ่มความเร็วของเรือ


จะอยู่ใต้เส้นแนวน�้า (Waterline) ไม่สามารถมองเห็นได้ ในขณะเดินทาง (Underway)

ขณะท่เรือบรรทุกเต็ม แต่เราสามารถเห็นเม่อเรือไม่ได้อย ู่ เรือพาณิชย์ลาแรก



ในสภาพที่เป็นเช่นนั้น ท่มีการต่อเรือให้มีกระเปาะท ่ ี
เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เราได้มีโอกาส หัวเรือคือเรือเดินสมุทรข้าม

เห็นกระเปาะท่หัวเรือของเรือสินค้าขนาดยักษ์บรรทุก แอตแลนติกของเยอรมนีช่อ MS Bremen ของบริษัท


คอนเทนเนอร์ มากกว่า ๒ แสนตัน ช่อเรือ MS Ever Norddeutscher Lloyd สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒





Given เป็นข่าวดังไปท่วโลก เม่อเรือลาน้ได้เกยต้น


ฝั่งหน่งของคลองสุเอซ เรือได้ปิดก้น (Blocking)

ขวางคลอง ไม่มีเรือสินค้าลาใดผ่านไปได้ จนกระท่ง

ประมาณ ๑ สัปดาห์ ด้วยความร่วมมือของหลาย ๆ ฝ่าย
ได้ช่วยกันแก้ปัญหาจนส�าเร็จ


สาเหตุของอุบัติเหตุคร้งนี กล่าวกันว่าเป็นเพราะเรือ
ได้เจอพายุทะเลทราย ทาให้เสียทัศนวิสัย อีกกระแสหน่ง


อ้างว่าเรือเกิดไฟฟ้าดับ ไม่สามารถควบคุมเรือได้


อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุคร้งน้ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย
ทางด้านเศรษฐกิจมากนัก เม่อเปรียบเทียบกับในอดีตท ี ่

คลองนี้เคยถูกปิดโดยความตั้งใจนานถึง ๘ ปี
นาวิกศาสตร์ 75
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕


ตำ�น�นเกี่ยวกับสมอ (Anchor) ที่เร�อ�จยังไม่ทร�บ





สมอ เป็นค�ำท่มำจำกภำษำกรีก หมำยถึง ตะขอ เป็นสัญลักษณ์ ดังปรำกฏใน Hebrew 6:19 ว่ำ “เรำมี

หรือท่เก่ยว กะลำสีเรืออังกฤษปัจจุบันยังใช้ส�ำนวนเดิม ควำมหวังเช่นเดียวกันกับสมอของจิตวิญญำณทั้งในด้ำน






เม่อปล่อยสมอวำ “ท้งตะขอ” ปัจจุบนสมอโดยท่วไปแล้ว ควำมแน่นอนและควำมแน่วแน่” นอกจำกนั้นชำวคริสต์

หมำยถึง เคร่องมือท่ใช้ส�ำหรับยึดเรือกับพ้นท้องทะเล ในสมัยโบรำณเช่อกันว่ำสมอเป็นสัญลักษณ์ของ



เมื่อเรือไม่ได้เดินทำง (get underway) ควำมปลอดภัย ควำมสงบของจิตใจ และควำมใจเย็น

Dr.Giles ผู้เช่ยวชำญท่มีช่อเสียงมำกคนหน่งด้ำน ชำวคริสต์รุ่นใหม่บำงคนไม่เคยทรำบมำก่อนถึง





ประวัติศำสตร์จีน ได้บันทึกว่ำ เรือของชำวจีนมีสมอ ควำมสมพันธ์เก่ยวกับสมอและศำสนำคริสต์ ถึงกับ

หำงเสือและกระเชยงมำนำนแล้วกว่ำ ๒,๐๐๐ ปี กล่ำวว่ำ ควำมสัมพันธ์ของท้ง

ก่อนคริสต์ศักรำช จักรพรรดิ Yu ของจีนได้เคยประดิษฐ์ ๒ อย่ำง คือ สมอและไม้กำงเขน

สมอและเป็นบุคคลแรกที่ได้ใช้โซ่สมออีกด้วย อำจเน่องจำกลักษณะคล้ำยคลึง
กัน โดยเฉพำะสมอแบบดั้งเดิม
ถุงบรรจุทรำยหรือหินเคยถูก (Admiralty)
นักเดินเรือในยุคแรกใช้เป็นสมอ


มำก่อนแล้ว ในยุคนั้นสมอที่ใช้หิน อีกประเด็นหน่งท่คนส่วนใหญ่มักจะเข้ำใจ



เป็นท่นิยมของชำวกรีกและชำว คลำดเคล่อนจำกควำมเป็นจริงกล่ำวคือ ส่งท่เรำเห็น



โรมัน ในหนังสือของ Stephanus รูปสมอ พันโซ่ (foul anchor) ส่งท่ปรำกฏกลำยเป็น



Byzantinus ช่อ De Urbibus ได้กล่ำวว่ำ เมือง Ancyra ภำพสญลกษณ์ของกระทรวงทหำรเรอและของรำชนำว ี


ในอียิปต์ เป็นชื่อที่มำจำกค�ำว่ำ เหมืองหิน อังกฤษ ต่อมำได้ปรำกฏให้เห็นแพร่หลำยท้ง





ล�ำตัวสมอท่ท�ำจำกตะก่ว ซ่งแสดงว่ำเป็นสมอจำก ในส่วนของกองทัพเรือและชำวเรือโดยท่วไป น่นเป็น



ยุคกรีกโบรำณ สำมำรถดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ Boreli ที่เมือง ศิลปะท่ท�ำให้ภำพดูสวยงำมข้น แต่ส�ำหรับชำวเรือท่แท้


Marseilles และ Old Museum ในกลุ่ม Berlin และ จริงแล้วเป็นปรำกฏกำรณ์ท่บำงคร้งเรียกว่ำควำมอับอำย
ที่อื่น ๆ ในยุโรปตอนใต้ ขำยหน้ำของชำวเรือ เพรำะแสดงถึงควำมสะเพร่ำ หรือ
พวกโรมันสมัยโบรำณใช้สมอเป็นสัญลักษณ์ ควำมอ่อนหัดทำงด้ำนควำมเป็นชำวเรือ เพรำะสมอพันโซ่








แห่งควำมม่งค่งและกำรค้ำขำย ขณะท่พวกกรีกใช้เป็น จะทำใหสมอไมกนดน และสมอตดขดขณะหะเบสสมอ


สัญลักษณ์แห่งควำมหวังและควำมมั่นคง ซึ่งควำมหมำย


เหล่ำน้สืบทอดและเก่ยวพันกับศำสนำคริสต์ และรวมท้ง

บำงคนใช้ประกอบตรำประจ�ำตระกูลของตน
สมอเคยใช้เป็นสัญลักษณ์ของชำวคริสต์ จนกระทั่ง
ถึงคริสต์ศักรำช ๔๐๐ พวกเขำใช้สมอก่อนหน้ำไม้กำงเขน
นาวิกศาสตร์ 74
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๕


“ห้องน�้ำต้นเหตุท�ำให้ U-Boat ของเยอรมันจม”




เรือล�ำน้เป็นล�ำหน่งท่ได้มีกำรติดต้งห้องน้ำไฮเทค




แบบใหม่

เรือ U-Boat ท่ประสบชะตำกรรมคือ U-1206
มีเรือเอก Karl Schlitt เป็นผู้บังคับกำรเรือ เรือล�ำน ้ ี
ได้รับกำรดัดแปลงติดต้งท่อหำยใจ (Schnorkel)


รวมทั้งห้องน�้ำแบบใหม่ตำมที่กล่ำวข้ำงต้น แตเนื่องจำก


เป็นของใหม่ กำรใช้ห้องน้ำจึงเกิดปัญหำข้น
เมื่อวันที่ ๑๔ เมษำยน ค.ศ. ๑๙๔๕ เรือ U-1206
ลำดตระเวนบริเวณตะวันออกของสกอตแลนด์ ห่ำง

จำกฝั่งประมำณ ๙ ไมล์ทะเล ขณะท่ก�ำลังด�ำอยู่


ผู้บังคับกำรเรือได้ใช้ห้องน้ำ เม่อเสร็จธุระเขำได้เรียก
ห้องน้ำ (ชำวเรือเรียกว่ำ head) มีควำมส�ำคัญ เจ้ำหน้ำท่เทคนิคให้ช่วยเหลือ แต่บังเอิญเจ้ำหน้ำท ่ ี





ต่อควำมเป็นอยู่ของทหำรไม่แพ้เตียงนอน สถำนท ่ ี มือใหม่เปิดล้นน้ำผิดพลำด น้ำทะเลจึงทะลักเข้ำเรือ
รับประทำนอำหำร โดยเฉพำะห้องน้ำของ U-Boat อย่ำงรวดเร็วและมีจ�ำนวนมำก และไหลลงไปสู่ดำดฟ้ำ







ในสงครำมโลกคร้งท่ ๒ ปกติแล้วของเสียจำกห้องน้ำ ช้นล่ำงซ่งเป็นท่เก็บแบตเตอร่ เม่อน้ำทะเลเจอกรด






จะถูกเก็บไว้ในห้องท่ท้องเรือจนกว่ำเรือจะโผล่ข้นสู่ จำกแบตเตอร่ท�ำให้เกิดก๊ำซพิษคลอรีนฟุ้งกระจำย


ผิวน้ำแล้วจึงอัดหรือดันออกจำกเรือ ขณะท่เรือด�ำน้ำ ท่วเรือ ผู้บังคับกำรเรือไม่มีทำงเลือก จึงต้องน�ำเรือ



อยู่ในระดับควำมลึกจึงไม่กระท�ำกัน แต่กำรเก็บ โผล่ข้นสู่ผิวน้ำ ด้วยควำมโชคร้ำยเม่อโผล่ข้นมำท ี ่







ของเสียจ�ำนวนมำก เม่อเรือจ�ำเป็นต้องด�ำอยู่ใต้น้ำ ผิวน้ำ บังเอิญเคร่องบินท้งระเบิดของกองทัพอำกำศ


เป็นเวลำนำน น้ำหนักของส่งปฏิกูลเหล่ำนนไม่เป็นท ่ ี อังกฤษผ่ำนมำจึงท้งระเบิดเข้ำใส่เรือ ท�ำให้ทหำร





พึงประสงค์ เรือ U-Boat ของเยอรมันท่สร้ำงข้น เสียชีวิตทันที ๑ นำย เรือเสียหำยหนัก ผู้บังคับกำรเรือ

มำตอนปลำยของสงครำม จึงได้รับกำรพัฒนำ จึงสั่งสละเรือ พร้อมกับให้เปิดลิ้นน�้ำเพื่อขอให้น�้ำเข้ำเรือ
ห้องน้ำให้สำมำรถชักโครกของเสียออกจำกตัวเรือได้ (จมเรือ-scuttle) ทหำรท่เหลือใช้เรอยำงพำยสู่ฝั่ง




ในขณะที่ก�ำลังด�ำอยู่ แต่เสียชีวิตระหว่ำงทำง อีก ๓ นำย ท่เหลือรวมท้ง


เรือ U-1206 เป็นเรือ Type VllC เรือช้นน ้ ี ผู้บังคับกำรเรือถูกจับเป็นเชลยศึก



ถือว่ำเป็น Backbone ของกองเรือด�ำน้ำเยอรมันท่ม ี เรือเอก Schlitt เสียชีวิต เม่อ ค.ศ. ๒๐๐๙




ประสิทธิภำพสูงมำก ระวำงขับน้ำเพียง ๗๐๐ กว่ำตัน ขณะท่มอำยได้ ๙๐ ปี ซำกของเรอ U-1206 ต่อมำ

มทหำรประจำเรอ ประมำณ ๕๐ นำย อำวธหลกเป็น ถูกค้นพบใน ค.ศ. ๑๙๗๐ โดยบริษัทบีพีของ





ตอร์ปิโดออกปฏิบัติกำรใน Atlantic ได้นำนถึง ๔๕ วัน อังกฤษ
นาวิกศาสตร์ 148
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕


เริ่มยุค้สำำ�รวจึและก�รค้้นพบทำ�งทำะเล



















ทำ�ไมจึงต้องมก�รสำ�รวจึเสำนทำ�งก�รค้�ข�ยทำ�ง
วัันที่่ ๒๐ พฤษภาคม เมอราวั ๕ ศตวัรรษที่่ผ่่านมา ทำะเล













คอ ค.ศ. ๑๔๙๘ Vasco da Gama นกสำารวัจและนกเดินเรอ สำงครามครเสำดิ ระหวัางชาวัครสำตกบชาวัมสำลม




















ชาวัโปรตุเกสำไดิเดินที่าง ถึงเมอง Calicut ของอนเดิย รบกนนานกอนหนานนสำดิที่ายฝ่ายพวักครสำตเปนฝ่ายแพ ้







ซึ่งถึอวัาเปนชาวัยุโรปคนแรกที่เดินที่างถึงอินเดิย กรงคอนสำแตนตโนเปล ซึ่งเคยเปนเมองหลวัง

















ที่างเรอ แตเขามใชคนแรกที่เดินที่างอ้อมปลายแหลม ของพวักโรมันตะวัันออก (ไบแซึ่นไที่น์) ถึกพวักเตร์ก













ที่วัปแอฟริกา ซึ่งกอนหน้านนนกเดินเรอชาวัโปรตุเกสำ ยดิครอง ที่าใหเสำนที่างสำายไหมที่ผ่านบรเวัณนนถึกปดิลง



















Bartolomeu Dias เปนคนแรกที่เดินที่างออมแหลม การคาขายระหวั่างยุโรปกบเอเชยโดิยเฉพาะเคร่องเที่ศ











ใตสำดิของแอฟรกาสำมหาสำมที่รอนเดิ่ย เมอ ค.ศ. ๑๔๘๘ และยารกษาโรค อนเปนสำงตองการมากของพวักยโรป










ในยุคน�นเรยกวั่า Cape of Storms เน�องจากเป็นบริเวัณ ตองยตลง









ที่มพายจดิอยตลอดิเวัลา มเรอจมบอยครงจนเกดิตานาน การขาดิแคลนสำนคาที่จาเปนเหลานนที่าให ้




















เร่อผ่่สำง (Flying Dutchman) เปนที่่หวัาดิกลวัของชาวั ชาวัยโรปเรมสำารวัจและคนพบเสำนที่างใหมที่างที่ะเล












เร่อเมอผ่่านบรเวัณนัน เพอไปยงเอเชย จนตอมาพวักเขาไดิคนพบหมเกาะตาง ๆ













ในเอเชย ซึ่�งอดิมสำมบรณ์ไปดิวัยเคร�องเที่ศและยารักษาโรค









เชน ในอนเดิ่ย มะละกา เกาะในอนโดิน่เซึ่่ย เปนตน


นอกจากเหตผ่ลที่างเศรษฐกจแลวั การเดินที่าง




โดิยที่างบกม่คาใชจายสำ่งกวัาที่างเร่อ ม่อนตรายจากการ








ถึกปลนและที่าราย เปนตน แตตอมานอกจากเหตผ่ล







ของการคาขายแลวั ยงมเหตผ่ลอน ๆ เชน การเผ่ยแผ่ ่







ครสำตศาสำนา การแสำวังหาอาณานคม เปนตน






เดิิมน�นการตดิต่อค้าขายระหวั่างยุโรปกับเอเชย นอกจากน�นภายหลังมการสำารวัจเสำนที่างที่างตะวัน







โดิยเฉพาะกับจนกระที่ากันที่างบกซึ่�งเรยกวั่าเสำ้นที่าง ตกของยุโรปเพอไปสำอนเดิยจนมการคนพบที่วัปอเมรกาหม ่ ่















สำายไหม โดิยม่ มารโคโปโล ชาวั Venice เปนผ่่บกเบก เกาะในที่ะเลแคริบเบยนของโคลัมบสำและการออมแหลม






คนแรก เขาไดิเขาที่างานในราชสำำานกของราชวังศหยวัน Horn เขาสำมหาสำมที่รแปซึ่ฟกของ Magellan และ










เมอประมาณ ค.ศ. ๑๒๗๑ นานถึึง ๑๗ ป ี นกสำำารวัจอน ๆ อ่กหลายคน





นาวิกศาสตร์ 85
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕






สหรััฐอเมรักาสงกองเรัอสขาว (Great White Ships) ออกไปอวดธงรัอบโลก (๑๙๐๗ – ๑๙๐๙)






















แรงจููงใจู : ประธานาธบดีี Theodore Roosevelt มทหารหนขึนจูากเรอ ๒๒๑ นาย ซีึงนบว่่าเปนบทเรยน

















ไดีแสดีงบทบาทสาคัญในการสรางสนติภาพภายหลัง อย่างหนงททาใหกองทพเรอติองหนกลับมาสนใจู















สงคัรามระหว่่างรสเซีียกบญีปน ใน คั.ศ. ๑๙๐๔–๑๙๐๕ ดีานสว่ัสดีการเพอบารงขว่ญแลัะกาลังใจูของกาลังพลั



จูนทาใหเขาไดีรบรางว่ัลัโนเบลัสาขาสันติภาพใน ใหมากขึ�น








คั.ศ. ๑๙๐๖ แลัะดีว่ยคัว่ามทเคัยเปนผู้ช่ว่ยรฐมนติร ี การเดีินทางของกองเรอสีขาว่ ซี�งเปนย่คัของกองเรอ













ทบว่งทหารเรือของสหรัฐอเมริกามาก่อน ประกอบกบ กลัไฟ ติองอาศัยถึ่านหินเป็นเช่ือเพลัิงหลััก ดีังนัน การหา













ติว่อยางการแจูงเกดีเปนมหาอานาจูทางทหารของญ�ปน เมองทาทเปนมติรเพอสงกาลังบารง จูงติองใหคัว่ามสาคัญ
























แมจูะเปนช่ว่งปลัายของการบรหารประเทศ เขาไดีสง เปนอยางยง บทเรยนดีงกลัาว่น กองเรอของรสเซียเคัย














กองเรือสีขาว่อันทรงอานภาพออกเดีินทางรอบโลัก ประสบมากอนหนาแลัว่ขณ์ะเดีนทางจูากยโรป เพอ













(Circumnavigate) เพอแสดีงการเปนมหาอานาจูโลัก ไปทาสงคัรามกบญี�ปนทีช่่องแคับซีช่มา



หรอเพอการอว่ดีธง (Show of Flags) รว่มทงเพอหา กองเรอสขาว่ เดีนทางกลับถึงเว่อรจูเนย เมอ




















บทเรยนจูากการเดีนทางรอบโลักของกองเรอดีว่ย ว่นท ๒๒ กมภาพนธ คั.ศ. ๑๙๐๙ รว่มระยะทางประมาณ์










กองเรอสขาว่ ประกอบดีว่ย เรอประจูญบาน ๑๖ ลัา ๔๐,๐๐๐ ไมลั โดียเดีินทางขามแอติแลันติกเขาสทะเลั























มกาลังพลั ๑๔,๐๐๐ นาย เรอทกลัาติว่เรอทาสีขาว่ เมดีเติอรเรเนยนผู้านสเอซี โคัลัมโบ จูน ญปน มะนลัา











เพอแสดีงออกถึงสนติภาพ คัว่ามเปนมติรไมติรของ ออสเติรเลัีย ซีานฟรานซีิสโก ช่ลั ออมแหลัมฮอร์น










สหรัฐอเมริกากับประเทศอ�น ๆ โดียม พลัเรือติร ี อารเจูนติินา แลัะกลัับเขาสูสหรฐอเมรกาในที�ส่ดี












Robley Evans เปนผู้บญช่าการกองเรอ บทเรยนอน ๆ ทไดีรบจูากการเดีนทาง : กองเรอแลัะ


















กองเรอสขาว่ ออกเดีนทางจูากเว่อรจูเนยเมอว่นท � ี กาลัังพลัไดีรบประสบการณ์์ในเรือง การเรอ การเดีนเรอ


๑๖ ธนว่าคัม คั.ศ. ๑๙๐๗ ใช่เว่ลัาเดีนทางเกือบ ๒ ป ี จูดีออนของการเดีนทางระยะไกลั ปญหาของการ










ระหว่างเสนทางไดีจูอดีเรอติามเมองทาของประเทศติาง ๆ ออกแบบเรอ เปนติน อยางไรกดีี ประสบการณ์์เปนเพยง














แลัะบางแหงไดีรบการติอนรบเปนอยางดียง เช่น ท ออสเติรเลัย ในยามสงบเทานน ซีงไมอาจูสามารถึเรยนรไดีมากนก
































เปนติน แติทนกมเหติการณ์ทนาตินเตินเหมอนกน คัอ หากกองเรอติองเขารว่มรบในสงคัราม












นาวิกศาสตร์ 70
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕




ในช่วงวกฤตโควด-๑๙ มีคนกล่าวถึง “ภูเกต แล่ะหนวยปรัะเมีนผล่เสื่มี่อนจรังทั้ีจากด ใช่รัับ็โปรัแกรัมี




























แซนดบ็อกซ” กนมีากทั้งสื่อมีวล่ช่น ภูาครัฐแล่ะปรัะช่าช่น แยกตางหากออกจากสื่วนพื่นทั้ปกตซงเปนกล่ไกข้อง










โดยทั้วไปเข้าใจวามีคนจานวนไมีนอยทั้เข้าใจความีหมีาย ความีปล่อดภูัย เช่น เสื่�ยงต่อการัแพื่รั่กรัะจายข้องไวรัสื่














ข้องคานคล่าดเคล่่อนจากความีเปนจรัง เรัามีาทั้ำาความีรัจัก แตเมีอมี sandbox ไวรัสื่จะถึกจากดใหอยในพื่นทั้เฉพื่าะนน




















กบ็คาวา Sandbox กน Sandbox เปนศพื่ทั้ทั้เรัมีใช่ในช่วงวกฤตโควด-๑๙
















ในความีหมีายทั้คล่ายคล่งกบ็การัจำากดการัแพื่รักรัะจาย















ข้องไวรัสื่คอมีพื่วเตอรัเปนการัเปดรับ็นกทั้องเทั้ยวตางช่าต ิ





ในข้ณะทั้มีการัรัะบ็าดข้องโควิด-๑๙ ทั้วปรัะเทั้ศ โดยกาหนด













หล่กเกณฑ์สื่าหรับ็ข้อจากดบ็างอยางเพื่อควบ็คมีบ็รัรัดา








นกทั้องเทั้ยวใหอยในข้อบ็เข้ตทั้จากดแล่ะสื่ามีารัถึควบ็คมี







การัแพื่รักรัะจายข้องไวรัสื่โควิด-๑๙ ได ภูเกตไดทั้า Pilot




Project ไว โดยเรัิมีตน ๑ กรักฎาคมี ๒๐๒๒ แล่ะจะมีี






วากนตามีนรักตศาสื่ตรั (etymology) หมีายถึง กล่อง เกาะสื่มีย พื่ทั้ยา ฯล่ฯ ตามีมีาอก
















หรัอกรัะบ็ะทั้รัาย สื่วนมีากใช่สื่าหรับ็ใหเดกเล่นในสื่วน
เพื่�อจากัดข้อบ็เข้ตไมี่ใหทั้รัายกรัะจายจนทั้าให้ความี





สื่วยงามีข้องสื่วนเสื่ียไป ในภูาษาองกฤษ (British English)
ใช่คาวา (Sandpit) คานีเรัิมีปรัากฏ ตังแต ค.ศ. ๑๕๗๒















* กล่องบ็รัรัจทั้รัายใช่ในเมีองหนาว ซงอาจจาเปน Sandbox ในภูาคธุรักจใช่วา “สื่นามีทั้ดล่อง”





















ตองใช่ทั้รัายโรัยทั้างเดนเพื่อกนล่นเพื่รัาะทั้างเดน เช่น ใช่ภูเกตเปนสื่นามีทั้ดล่องเปดรับ็นกทั้องเทั้ยวตางช่าต ิ














กล่ายเปนนาแข้ง ็ แบ็บ็มีข้อจากดบ็างปรัะการั หากไดผล่ดกจะนาโครังการัน� ี











* เปนศพื่ทั้ทั้ใช่ในช่่วงเรัมีตนการัพื่ฒนาคอมีพื่วเตอรั ์ ไปใช่ในจงหวดอน ๆ ตอไป

















สื่วนบ็คคล่ (ทั้ศวรัรัษทั้ 1970s) หมีายถึง พื่นทั้หนวยความีจา


นาวิกศาสตร์ 63
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๕


Click to View FlipBook Version