The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน มิถุนายน ๖๒

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-03-23 04:53:17

นาวิกศาสตร์ เดือน มิถุนายน ๒๕๖๒

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน มิถุนายน ๖๒


“…การอ่อนน้อมถ่อมตน คือความสุภาพอ่อนโยนและอ่อนน้อมเข้าหากัน ไม่เย่อหย่งถือดี
เป็นจริยธรรมเครื่องประสานสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้อื่นที่สำาคัญประการหนึ่ง. ผู้รู้จัก

อ่อนน้อมถ่อมตนย่อมได้รับความรัก ความยกย่อง และความร่วมมือจากบุคคลทุกฝ่าย และได้รับ
ความสำาเร็จความเจริญมั่นคงในการปฏิบัติงานทุกอย่าง. ...”





พระราโชวาท ขณะทรงดำารงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำาเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ
ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร
วันพุธ ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๙ (ภาคเช้า)


บรรณาธิการ แถลง















สวสดครบท่านสมาชกฯ และผ้อ่านทกท่าน เดอนมถนายนน ้ ี
กองทัพเรือ ได้ดาเนินกิจกรรมสาคัญหลายอย่างดังเช่น เม่อ วันท ๓








มถนายน โดย ฐานทพเรอกรงเทพ ได้ทาการยงสลตหลวง ๒๑ นด






เฉลิมพระเกียรต สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ



พระบรมราชิน เน่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา


ณ ป้อมวิไชยประสิทธ พระราชวังเดิมฯ และได้จัดการแข่งขันไตรกีฬานาว ี

เฉลิมพระเกียรติเดอะซีร่ส์ ตอนท ๓ “ทหารเรือบินหลา ป้องสมุททา






รักษาเมืองใต้” ข้นท่หาดชลาทัศน์และพ้นท่โดยรอบในจังหวัดสงขลา
ดังที่ได้ปรากฏเป็นภาพปกหน้าและปกหลังตามล�าดับแล้วครับ

สาหรับบทความในฉบับน้ยังมีเน้อหาท่หลากหลายและมีคุณค่าอย่างเคย เร่มต้นด้วยการนากลับมาให้ท่าน







สมาชิกฯ และผู้อ่านทุกท่านได้อ่านอีกคร้งหลังจากท่เคยตีพิมพ์ในนาวิกศาสตร์หลายฉบับของปีท่แล้ว “ชุดกะลาสี”

โดย พลเรือเอก สามารถ จ�าปีรัตน์ ซึ่งเป็นบทความที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นบทความชมเชยอันดับ ๑ รางวัล พลเรือเอก
กวี สิงหะ ประจ�าปี ๒๕๖๑ แบ่งลง ๒ ฉบับในเดือนนี้และเดือนหน้าครับ ตามด้วยความรู้ด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร





“ดาวเทียมน้นสาคัญไฉน?” พลเรือเอก ทวีวุฒ พงศ์พพัฒน์ ท่านได้เรียบเรียงถึงประเภทใช้งานและการทางาน


ของดาวเทียม รวมถึงบทสรุปท่น่าสนใจเก่ยวกับกฎหมายอวกาศกับประเทศไทย ๔.๐ ไว้ด้วย หากท่านท่ชอบกีฬา



ท่เก่ยวกับความสูงต้องไม่พลาดเร่องเล่าจากประสบการณ์จริง “บันทึกนักโดดร่มในวัน “โกงความตาย””

คุณพเยาว์ คุ้มบ�ารุง พนักงานพับร่ม ของศูนย์ฝึกนาวิกโยธิน เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่จบลงด้วยการสูญเสียนักโดดร่ม
หญิงรุ่นพ่และข้อคิดเตือนใจจากประสบการณ์ในวิชาชีพของนักด่งพสุธาอันเป็นวิทยาทานท่มีคุณค่าในการใช้ชีวิต





ด้วยสติไว้อย่างลึกซ้ง และปิดท้ายด้วย “จารึกไว้ในสงคราม ปฏิบัติการเรืออูในสงครามโลกคร้งท่สอง” โดย

นักเขียนประจ�า พลเรือตรี วิพันธุ์ ชมะโชติ
นอกจากบทความตามท่ได้กล่าวข้างต้นแล้วน้น ในท้ายเล่มนอกเหนือจากภาพบรรยากาศการแข่งขันไตรกีฬานาว ี


เฉลิมพระเกียรติ ฯ ดังเช่นที่เคยน�าเสนอมาทั้งสองสนามที่ผ่านมาแล้ว ส�าหรับสนามที่ ๓ ณ เมืองสงขลา ผมยังได้ลง
บทสัมภาษณ์ของนักไตรกีฬาในด้านการเตรียมร่างกาย - จิตใจ การฝึกฝนตนเอง และข้อคิดดีๆ ท่ลงแข่งขันจน



ได้รับเหรียญรางวัล เพ่อเป็นแรงบันดาลใจกับท่านสมาชิกฯ และผู้อ่านทุกท่านในการออกกาลังกายไม่มากก็น้อย





ปิดท้ายกับบทสัมภาษณ์ของเจ้าภาพผู้ดาเนินการจัดการแข่งขันท่ดาเนินการจนเสร็จสมบูรณ์ ซ่งได้รับคาช่นชม


จากนักกีฬาและผู้ร่วมชมร่วมเชียร์อย่างมากมาย ท้ายสุดน้ผมขอเป็นกาลังใจให้กับนักไตรกีฬาทหารเรือทุกท่าน





ท่กาลังเตรียมความพร้อม มุ่งม่น สู่สนามต่อไปท่เมืองภูเก็ตให้บรรลุสาเร็จผลทุกประการด้วยครับ พบกันใหม่ฉบับหน้า

“สวัสดี โชคดี” ครับ
นาวาเอก
(สมนึก กรอบค�า)
บรรณาธิการนิตยสารนาวิกศาสตร์


สารบัญ


นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท บัณฑิตย์ จันทโรจวงศ์
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี โสภณ จงเรืองศรี
กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี ไชยวุฒิ นาวิกาญจนะ
พลเรือตรี วิพันธุ์ ชมะโชติ ๙
พลเรือตรี วิชัย มนัสศิริวิทยา
พลเรือตรี วรพล ทองปรีชา
พลเรือตรี เบญญา นาวานุเคราะห์
พลเรือตรี สุทธินันท์ สมานรักษ์
พลเรือตรี กิตติคุณ นาคสุก
พลเรือตรี ปนต สุขนิจรัญ
พลเรือตรี สมชาติ สะตะ
พลเรือตรี สิทธิชัย ต่างใจ
พลเรือตรี กำาจร เจริญเกียรติ
พลเรือตรี สมเจตน์ คงรอด
กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก สมนึก กรอบคำา
เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุพจน์ บัวดิศ
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรือโท สุพจน์ ภู่ระหงษ์
พลเรือโท กาญจน์ ดีอุบล

พลเรอโท พงษ์ศักดิ์ิ จุลกาญจน์

พลเรอตร บัญชา บัวรอด


พลเรอตรี อำานวย ทองรอด
บรรณาธิการ
นาวาเอก สมนึก กรอบคำา
ผู้ช่วยบรรณาธิการ
นาวาเอกหญิง ชไมพร วันเพ็ญ บทความ
ประจำากองบรรณาธิการ
นาวาเอก วชิรพร วงศ์นครสว่าง ๙ ชุดกะลาสี
นาวาเอก ถุงเงิน จงรักชอบ (บทความชมเชยอันดับ ๑
นาวาเอก สมริทธ์ งามสวย รางวัล “พลเรือเอก กวี สิงหะ” ประจำาปี ๒๕๖๑)
นาวาเอก ธรรมนูญ วิเศษสิงห์
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง พลเรือเอก สามารถ จำาปีรัตน์
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด ๒๔ ดาวเทียมนั้นสำาคัญไฉน?
ว่าที่เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์
ว่าที่เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน
เรือตรีหญิง กฤตนัท เบญจฆรณีกุล ๓๖ โกงความตาย
สำานักงานราชนาวิกสภา พเยาว์ คุ้มบำารุง
ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘ ๔๑ จารึกไว้ในสงคราม
s ส่งข้อมูล/ต้นฉบับได้ที่ [email protected] ปฏิบัติการเรืออูในสงครามโลกครั้งที่สอง
s อ่านบทความเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ WWW.RTNI.ORG พลเรือตรี วิพันธุ์ ชมะโชติ


คลังความรู้
คู่ราชนาวี





ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำาเดือน มิถุนายน ๒๕๖๒
คอลัมน์ประจำา

๓๖
๑ บรรณาธิการแถลง
๔ เรื่องเล่าจากปก

๘ ภาพในอดีต
๕๔ ข่าวนาวีรอบโลก
๕๗ นานาสาระ
๕๙ A Mixed Bag of English
๖๑ พจนานุกรมศัพท์สแลงชาวเรือ
๖๓ สุขภาพนาวี
๖๕ เกร็ดความรู้ด้านศาสนพิธี
๖๖ กฎหมายใกล้ตัว
๔๑ ๖๘ ประทีปธรรม

๖๙ ภาพกิจกรรมกองทัพเรือ
๘๗ เขตทหารน่าเที่ยว Happy Work Place
๘๘ การฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งราชนาวี
๙๐ มาตราน้ำา เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒
เวลาดวงอาทิตย์ - ดวงจันทร์ ขึ้น - ตก
เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ - สิงหาคม ๒๕๖๒









ปกหน้า กองทัพเรือ ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
ปกหลัง โล่รางวัลไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติฯ สนามที่ ๓
ณ หาดชลาทัศน์ บริเวณหน้า ทัพเรือภาคที่ ๒ จังหวัดสงขลา
พิมพ์ที่ กองโรงพิมพ์ กรมสารบรรณทหารเรือ
เจ้าของ ราชนาวิกสภา
ผู้โฆษณา นาวาเอก สมนึก กรอบคำา
ผู้พิมพ์ นาวาเอก สมริทธ์ งามสวย








ข้อคิดเห็นในบทความที่นำาลงนิตยสารนาวิกศาสตร์เป็นของผู้เขียน มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบายของหน่วยงานใดของรัฐและมิได้ผูกพันต่อทางราชการแต่อย่างใด
ได้นำาเสนอไปตามที่ผู้เขียนให้ความคิดเห็นเท่านั้น การกล่าวถึงคำาสั่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข่าวสารเบื้องต้น เพื่อประโยชน์แก่การค้นคว้า


ปกหน้า : กองทัพเรือ ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ พระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
กองทัพเรือ ทำ�ก�รยิงสลุตหลวงเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระร�ชพิธี

เฉลิมพระชนมพรรษ� สมเด็จพระน�งเจ�สุทิด� พัชรสุธ�พิมลลักษณ พระบรมร�ชิน ี


จำ�นวน ๒๑ นัด ต�มข้อบังคับทห�ร ว่�ด้วยก�รยิงสลุต โดย เจ�หน�ท ่ ี
ยิงสลุตหลวง จ�ก กองรักษ�คว�มปลอดภัย ฐ�นทัพเรือกรุงเทพ
จำ�นวน ๑๐๐ น�ย ใช้ปืน ๗๖/๔๐ มิลลิเมตร ณ ป้อมวิไชยประสิทธ ิ ์

กองบัญช�ก�รกองทัพเรือ พระร�ชวังเดิม เขตบ�งกอกใหญ กรุงเทพมห�นคร
เมื่อวันที่ ๓ มิถุน�ยน พ.ศ. ๒๕๖๒

ก�รยิงสลุตหลวง เป็นก�รแสดงคว�มเค�รพให้แก ช�ติหรือธง

หรือบุคคล ถือเป็นธรรมเนียมอ�รยประเทศท่วโลก โดยยิงปืนใหญ่ด้วย
ดินดำ� หรือดินไม่มีควันมีจำ�นวนนัดเป็นเกณฑ์ต�มควรแก่เกียรต หรือส่งท ี ่


ควรรับคว�มเค�รพ
หลักเกณฑ์ก�รยิงสลุตแบ่งประเภทก�รยิงสลุตไว้ ๓ ประเภท คือ สลุตหลวง สลุตข้�ร�ชก�ร และสลุตน�น�ช�ติ ดังนี้

- สลุตหลวง ได้แก ง�นพระร�ชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษ� ง�นพระร�ชพิธีฉัตรมงคล หรือวันพระร�ชสมภพ

สมเด็จพระบรมร�ชินีหรือสมเด็จพระยุพร�ช รวมถึงง�นต้อนรับพระมห�กษัตริย์ หรือประมุขแห่งรัฐ ยิงสลุต ๒๑ นัด
- สลุตข้�ร�ชก�ร สำ�หรับคำ�นับข้�ร�ชก�ร ได้แก่ ระดับน�ยกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่�ก�รกระทรวงกล�โหม (ที่เป็นทห�ร)
ผู้บัญช�ก�รทห�รเรือ จอมพลเรือ และเอกอัครร�ชทูต ยิงสลุต ๑๙ นัด
- สลุตน�น�ช�ติ สำ�หรับกษัตริย์ ประธ�น�ธิบดี ได้แก่ รัฐมนตรีว่�ก�รกระทรวงกล�โหม (ที่เป็นพลเรือน) พลเรือเอก
และเอกอัครร�ชทูตพิเศษ ยิงสลุต ๑๗ นัด พลเรือโท และอัครร�ชทูต ยิงสลุต ๑๕ นัด พลเรือตรี และร�ชทูต ยิงสลุต ๑๓ นัด
(ส�มเหล่�ทัพยศเท่�กัน ยิงสลุตเท่�กัน) อุปทูตยิงสลุต ๑๑ นัด กงสุลใหญ่ ยิงสลุต ๙ นัด
(ขอขอบคุณ ฐท.กท. ที่สนับสนุนข้อมูลและรูปภาพ)


ปกหลัง : โล่รางวัลไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติฯ สนามที่ ๓
ทัพเรือภ�คที่ ๒ เป็นหน่วยรับผิดชอบจัดก�รแข่งขัน
ไตรกีฬ�น�วีเฉลิมพระเกียรติ เดอะซีรีส์ “จ�กผืนทะเล
สู่ภูผ� จ�กฟ�กฟ้�สู่มห�นที” ในครั้งนี้เป็นสน�มที่ ๓
ร�ยก�ร “ทห�รเรือบินหล� ป้องสมุทท�รักษ�เมืองใต้”

ณ ห�ดชล�ทัศน์ บริเวณหน้� ทัพเรือภ�คทีี่ ๒ จังหวัดสงขล�

สำ�หรับโล่เกียรติยศในก�รแข่งขันสน�มน ได้จำ�ลอง

รูปปั้นน�งเงือกบิดปอยผมนั่งบนโขดหิน ณ ห�ดสมิหล�
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ๒ ทะเล ของจังหวัดสงขล�
ม�ประดับไว้บนโล่ฯ เพ่อให้สอดคล้องและบ่งบอกถึง

สถ�นที่ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดสงขล�
(ที่มา: ฐท.สข.)




4 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจ�ำเดือน มิถุนำยน ๒๕๖๒


ที่มา : https://drive.google.com/drive/folders/1izcJlIib7JSGgsVYBhD6m3irpL1TBkqA


บรมราชินิยาศิรวาท

๓ มิถุนายน ๒๕๖๒



สมเด็จ สูงล�้ำเลิศประเสริฐศักดิ์

พระทัยภักดิ์พระภูวไนยมไหสวรรย์

นำงแก้วเคียงคู่คงองค์รำชันย์

เจ้ำจอมขวัญของประชำทั้งธำนี

สุทิดำ สมพระนำมสวยงำมเด่น

พระทรงเป็นที่นิยมสมศักดิ์ศรี
บรมเพริศพระยศแพร้วแก้วจักรี

รำชินีศรีสยำมงำมตระกำร

ขอพระทรงเกษมสรำญนำนเนืองนิตย์

จงสถิตน�ำไทยให้ไพศำล

ทรงบุญญำเกริกไกรไปแสนนำน

พระเบิกบำนทุกขณะพระรำชกรณีย์

เจริญเมตตำธรรมชุ่มฉ�่ำล้น
ยิ่งพระชนม์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี

ยืนหยัดอยู่คู่องค์วงศ์จักรี

นำนทวีจตุรพิธพรพลัน

อัญเชิญพระไตรรัตน์ปัดเป่ำป้อง

เทพทั้งผองคุ้มภัยให้สุขสันต์

อัญเชิญพรหมบนฟ้ำมำครบครัน

อย่ำช้ำพลันประชุมคุ้มภัยพำล

ประสบสิ่งมุ่งมำดปรำรถนำ

เฉลิมพระชนมพรรษำเกษมศำนต์
เสวยรมย์โสมนัสจิรัฐิติกำล

ดั่งปณิธำนรำชนำวี ฉะนี้เทอญ



ด้วยเกล้ำด้วยกระหม่อม

ข้ำพระพุทธเจ้ำ คณะกรรมกำรรำชนำวิกสภำ

(นำวำเอก ธรรมนูญ วิเศษสิงห์ ร้อยกรอง)


เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา



สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี



๓ มิถุนายน ๒๕๖๒


ทรงพระเจริญ















ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม


ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการราชนาวิกสภา


เรือตรีหญิง เบญจรัตน์ ดีกระจ่าง










































โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์




เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ โรงพยาบาลทหารเรือสัตหีบได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์
โรงพยาบาลทหารเรือสัตหีบ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗ โดยนาวาเอก พระยาวิชิตชลธี กรรมการดำเนินการจัดสร้าง
โรงพยาบาลขึ้นที่บริเวณแหลมเทียน ในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้ย้ายมาปลูกสร้างที่บริเวณที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน และได้
สถาปนาขึ้นเป็นโรงพยาบาลทหารเรือสัตหีบ ต่อมาได้ก่อสร้างตึกเป็นโรงพยาบาลถาวร ขนาด ๒๐๐ เตียง มีห้องผ่าตัด
มีแผนกต่าง ๆ ครบครัน ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๒ มีนาวาตรี หลวงสุวิชานแพทย์
เป็นผู้อำนวยการคนแรก โรงพยาบาลได้ขยายตัวเรื่อยมา และเปลี่ยนชื่อจากโรงพยาบาลทหารเรือสัตหีบ

เป็นโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์จนกระทั่งทุกวันนี้
โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ได้บริการตรวจรักษาพยาบาลทหาร ข้าราชการและครอบครัว ตลอดจน
ประชาชนทั่วไป มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ซึ่งในสมัยนั้นจังหวัดชายทะเลภาคตะวันออกยังไม่มีโรงพยาบาลประจำจังหวัด
ทหารเรือจึงมีความภาคภูมิใจที่มีโรงพยาบาลทหารเรือขนาดใหญ่สำหรับดูแลรักษาพยาบาลทหาร และสามารถช่วยเหลือ
พี่น้องชาวไทยในจังหวัดชายทะเลภาคตะวันออกมาเป็นเวลานานหลายสิบปี และคงจะกระทำต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง


8 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำเดือน มิถุนายน ๒๕๖๒


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 9


ทุ กบ่ายวันศุกร์ของสัปดาห์ ผู้ที่เดินทางผ่าน พร้อมสมุดบันทึก คอยเข้มงวดตรวจสอบ การแต่ง


ประตูเข้า - ออก ของหน่วยราชการทหารเรือ เครื่องแบบ ของทหารเรือทุกระดับที่เดินผ่าน (ซึ่งความ







โดยเฉพาะหน่วยฝึกหัดศึกษา มักจะได้เห็นภาพที่คุ้นตา เป็นระเบยบเรยบร้อยประณตพถพถนของการแต่ง



ก็คือ พลทหารและนักเรียนจ่าใหม่จ�านวนมาก แต่งชุด เคร่องแบบ ก็คือตัวช้วัดเบ้องต้นของ “ระเบียบ วินัย”
กะลาสีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พากันเดินแถวออก ในตัวบุคคลขององค์กรนั้น ที่ประชาชนทั่วไปจะได้สัมผัส

จากหน่วย อย่างสง่างามเพื่อกลับภูมิล�าเนา แต่ภายหลัง และประเมินค่าด้วยสายตาน่นเอง)
จากนั้นไม่นานที่บริเวณท่ารถโดยสารสาธารณะ ภาพที่
เคยเห็นจะเปลี่ยนไป ! ชุดกะลาสีที่สง่างามจ�านวนหนึ่ง
ก็จะแปรสภาพเป็นชุด “ครึ่งท่อน” คือท่อนล่างคงเดิม
แต่ท่อนบนจะเปลี่ยนเสื้อกีฬาหรือเสื้อยืดเท่ ๆ แทน
บางรายก็จะกลายสภาพอย่างสมบูรณ์แบบด้วย
กางเกงยีนส์ตามแฟชั่นไปเลย และถ้าท่านบังเอิญ



ได้ไปรบประทานอาหารในร้านบรเวณใกล้เคยงแล้ว
ขอเข้าห้องน�้าหลังร้าน ก็จะรู้สึกแปลกตาเมื่อได้เห็น





“ชดกะลาส” ท่ถูกแขวนซ้อนกันไว้อย่างเป็นระเบียบ "ระเบียบ – วินัย" ของสถาบัน วัดได้ด้วยสัมผัสแรก ท่ “เคร่องแบบ”





เพ่อรอให้เจ้าของมาผลัดเปล่ยน กอนทจะเดนแถวกลบ นับเป็นเหตุบังเอิญในช่วงบ่ายของวันศุกร์หนึ่ง





เข้าหน่วย...อย่างสง่างาม ! นี่คือภาพที่เกิดขึ้นเป็นประจ�า ขณะท่ผู้เขียนกาลังเดินตามทางออกจากสานักงาน
ในบริเวณใกล้เคียงกับปากทางเข้าหน่วยทหารเรือ ราชนาวิกสภา เพื่อข้ามสะพานโค้งไปยังหอประชุม
ในช่วงบ่ายวันศุกร์ โดยเฉพาะในพื้นที่สัตหีบ กองทัพเรือ ก็ได้สวนทางกับหนุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง ในชุด
“ครึ่งท่อน” (ที่คุ้นชินตาจากพื้นที่สัตหีบ) หนุ่มน้อยเหล่า
นั้น เดินลงสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายฉกาจ เดินลัดเลาะตาม
เส้นทางแคบ ๆ หลังโรงพยาบาลหายลับไป ช่วงเวลา
และพฤติกรรมก็ท�าให้คาดเดาได้ว่า ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ก็
คงจะเป็นชุดปล่อยกลับบ้าน ที่ต้องการหลบสายตาทหาร
สารวัตร แต่ที่น่าฉงนใจก็คือ เมื่อสังเกตดูตราสัญลักษณ์
ประจ�าหน่วยที่เสื้อยืดและเป้สะพายหลัง สงสัยว่าก็จะ
เป็นพวกเดียวกัน !
ท้งหมดท่ผู้เขียนได้อารัมภบทมาน้ คือ



ปรากฏการณ์ความเปลี่ยนไปท่ได้ประสบด้วยตนเอง




ในชวงเวลาเกือบ ๕๐ ปี ของการท่ได้คลุกคลีอยู่ในพ้นท ี ่
(ก่อนปล่อย) “เรียบร้อย สง่างาม ตามระเบียบ”
ของทหารเรือ และตั้งเป็นค�าถามกับตัวเองว่า “ท�าไม





อีกภาพหน่งซ่งผู้เขียนได้เห็นแล้วรู้สึกช่นชม ชุดกะลาสีท่คร้งหน่งเคยเป็นท่ช่นชอบช่นชม ในหมู่




ทุกคร้งก็คือท่ท่าเรือข้ามฟากบริเวณราชนาวิกสภา ประชาชนทั่วไป เมื่อได้พบเห็น กลับถูกผู้เป็นเจ้าของ



ซ่งทุกเช้าวันงานจะมีสารวัตรทหารเรือ ๓ นาย ประกอบด้วย เครื่องแบบ (ส่วนหนึ่งซึ่งก็เป็นจ�านวนไม่น้อย) ปฏิเสธ

นายทหาร พันจ่า และจ่า (มาดเข้มในชุดกะลาสี) ยืนแถว หรือพยายามหลีกเล่ยง เม่อมีโอกาส?”

10 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒




และถ้าหากจะพิเคราะห์ให้สูงข้นไปอีกข้นหน่ง ึ

ก็อาจจะเห็นได้ว่าแนวโน้มของการเปล่ยนแปลงน้มิได้


เกิดจากความต้องการของผู้แต่งซ่งเป็นทหารช้นผู้น้อย

ในระดับล่างเท่านั้น แต่ในระดับเบื้องบนก็ดูจะให้น�้าหนัก
ของการแต่งเครื่องแบบชุดนี้น้อยลง โดยเฉพาะหน่วย
ที่มีภารกิจหลัก ในการปฏิบัติการบนบก ซึ่งก็เป็นเรื่อง
ที่สมเหตุสมผล เพราะชุดกะลาสีนั้นมีปฐมบทของ
การออกแบบ ส�าหรับการปฏิบัติการบนเรือในทะเล
ไม่เหมาะส�าหรับการปฏิบัติการรบในภูมิประเทศบนบก นักเรียนจ่า โรงเรียนชุมพลทหารเรือ

แต่ปัจจุบันในเรือรบของราชนาวีไทยก็ได้เกิด "อนาคตชุดกะลาสีของราชนาวีไทย น่าจะอยู่ท่พวกเขาเหล่าน้"


ชุดปฏิบัติการบนเรือขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่งแล้ว เครื่องแบบ “มีเอกลักษณ์หรือรูปแบบเดียวกัน”...(Unique) หรือ
ดังกล่าวคงจะออกแบบขึ้น เพื่อความเหมาะสมส�าหรับ “เป็นหนึ่งหรือหน่วยเดียว”...(Unit, Unite, United)
การปฏิบัติงานในเรือรบยุคใหม่หรือยุค Navy 4.0 เป็น เคร่องแบบจึงเป็นการแต่งกายท่แสดงต่อสาธารณะว่า


ส�าคัญ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผลยอมรับได้ (แต่ถ้าเป็นการ บุคคลที่สวมใส่มาจากองค์กรเดียวกัน
เปลี่ยนแปลงตามกระแส ที่กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศในอันดับต้น ๆ
ได้เปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นเรื่องที่.....น่าคิด) ของโลกท่ประชากรหลากหลายอาชีพนิยมแต่งเคร่อง



อย่างไรก็ตามเคร่องแบบใหม่ชุดน้ก็ได้รับ แบบ มากท่สุด ในขณะท่ประเทศซีกโลกตะวันตกจะจากัด




ความนิยม และได้พบเห็นการสวมใส่บนบกหรือนอกพื้นที่ หรือมีความนิยมในการแต่งเคร่องแบบเฉพาะทหาร

หน่วยมากขึ้นตามล�าดับ โดยเฉพาะนายทหารประทวน และต�ารวจ (ที่ท�าหน้าที่ด้านการปราบปราม) เท่านั้น
ที่โดยปกติจะต้องแต่งชุดกะลาสีขึ้นจากเรือ ก็คงจะหัน แต่ส�าหรับประเทศไทยอาจจะกล่าวได้ว่า ทุกสาขาอาชีพ
มาใส่เครื่องแบบชุดนี้แทน และก็จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ต่างก็นิยมที่จะมี และแต่งเครื่องแบบของกลุ่มก้อนของตน
ความนิยมของเครื่องแบบ ชุดกะลาสีในอนาคต ก็คงจะ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพ กู้ภัย เทศกิจ เทศบาล สาธารณสุข
ต้องลดน้อยถอยลงตามล�าดับ อย่างหลีกเลี่ยงไมได้ หรือแม้กระท่งกลุ่มอาชีพภริยา! อีกท้งยังนิยมท่จะน�า



“ชุดกะลาสี” จะอยู่ได้อีกนานเท่าไร ? “ชุดกะลาสี” เอาเคร่องหมายความสามารถพิเศษทางทหารไปประดับ

ไม่ดีตรงไหน ? “ชุดกะลาสี” มีดีอย่างไร ? ชุดค�าถาม เสริมด้วย (จนทาให้นักท่องเท่ยวจากซีกโลกตะวันตก


เหล่านี้จึงเป็นแรงจูงใจ ให้ผู้เขียนพยายามคิดวิเคราะห์ เกิดความสับสนและเข้าใจว่า ประเทศไทยมีทหารเต็มบ้าน
แล้วน�าเสนอต่อท่าน เพื่อค้นหาค�าตอบร่วมกันต่อไป เต็มเมือง) ดังนั้นภาพลักษณ์ของทหารไทยที่จะจ�าแนก
เกี่ยวกับ “เครื่องแบบ” โดดเด่นเหนืออาชีพอื่น (จากการประเมินในเบื้องต้นด้วย


เพ่อเป็นการปูพ้นและเป็นท่ม่นใจว่าท้งท่าน สายตา) จึงจะอยู่ที่ความสง่างาม เป็นระเบียบเรียบร้อย



ผู้อ่าน และผู้เขียน อยู่บนแนวคิดพื้นฐานอันเป็นจุด ของเครื่องแบบ และบุคลิกภาพของผู้แต่งเป็นส�าคัญ
เริ่มต้นเดียวกัน ผู้เขียนก็ขอน�าเสนอความคิดเห็นเกี่ยว นอกจากจะเป็นเคร่องแสดงเอกภาพเอกลักษณ์

กับเครื่องแบบ ดังนี้ ของกลุ่มก้อนองค์กรนั้น ๆ แล้ว เครื่องแบบยังมีบทบาท
ค�าว่า “เครื่องแบบ” นั้น ถ้าแปลความตามรากศัพท์ อีกอย่างน้อย ๒ ประการ ที่ผูกพันหรือเอื้อประโยชน์ต่อ
ภาษาอังกฤษคือ “Uni-form” ก็จะหมายความว่า ผู้ที่สวมใส่ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพทหาร ดังนี้




นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 11



๑. เป็นเคร่องเสริมสร้างความสง่างามให้แก่ผู้สวมใส่ การแสดงโขน ฯลฯ) และการบรรเลงเพลงด้วยเคร่อง



รวมทั้งแสดงถึงศักดิ์ศรี เกียรติภูมิและประวัติศาสตร์ ดนตรีไทย ดังคาศัพท์ภาษาอังกฤษท่ใช้เรียกว่า Thai
อันยาวนานของเหล่าทัพนั้น ๆ ได้แก่เครื่องแบบที่ทหาร Classical Dance และ Thai Classical Music/
ใช้สวมใส่ในงานพิธีหรือโอกาสสาคัญต่าง ๆ เช่น ชุดปกติขาว Instruments เป็นต้น

ชุดสโมสร ชุดเต็มยศ และชุดเต็มยศรักษาพระองค์ เป็นต้น



เคร่องแบบเหล่าน้จะเน้นท่ความโดดเด่นสง่างาม
ความประณีตสวยงาม และความลงตัว (แต่พอดี คือ
ไม่มาก/น้อยเกินไป) ในองค์ประกอบของส่วนที่เป็น
เครื่องประดับ (Decorations) ของเครื่องแบบนั้น ๆ

ที่ส�าคัญก็คือ ควรเป็นเครื่องแบบที่จัดอยู่ในประเภท
Classic คือ อนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ของอาชีพตัวเอง
ตั้งแต่ในอดีต โดยไม่ยอมเปลี่ยนไปตามกระแส หรือแฟชั่น


อน่ง คาว่า “Classic” น้น แต่เดิมหมายถึง


ศิลปะในยุคกรีกและโรมันโบราณ ที่ถึงแม้ว่าจะ “โขน” นาฏศิลป์ไทยในระดับ "คลาสสิก" (Thai Classical Dance)
เก่าแก่ จนมีอายุร่วมพันปีแล้ว แต่สถาปัตยกรรมเหล่านั้น
ก็ยังคงความงดงาม อันเป็นเอกลักษณ์เดิมอยู่ได้จนถึง ส่วนค�าว่า “เพลงคลาสสิก” นั้น มาตรฐาน

ปัจจุบัน โดยไม่ต้องมีการต่อเติมเสริมแต่ง สาหรับ สากล ก็คือการแสดงดนตรีคอนเสิร์ต ด้วยเพลง




ประเทศไทย วัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะ ที่เป็นรปแบบดงเดมของบรรดาคตกวเอกของโลก





แบบ “คลาสสก” กคอ นาฏศิลป์ไทย (การฟ้อนรา- เช่น บีโธเฟ่น โมซาท หรือ โยฮันส์ สเตราส์ เป็นต้น





เพลงเหล่าน้ถ้ามีรูปแบบการเล่น หรือท่วงทานองท่เปล่ยนไป

จากของดั้งเดิม ผู้ฟังที่เป็นสากลก็จะไม่ยอมรับว่าเป็น
เพลง “คลาสสิก”
แต่ส�าหรับรสนิยมของคนไทย ที่มักจะแกว่งไป
ตามกระแสหรือแฟชั่นของการลอกเลียนแบบ ก็มักจะมี
การแปรรูปหรือต่อเติมเสริมแต่งให้เห็นอยู่จนกลายเป็น
เรื่องธรรมดา แม้กระทั่งเครื่องแต่งกายของนักดนตรี


ประเภทน้ ก็ได้มีการต่อเติมเสริมแต่งจนเกินพอดี ท้งสนับคอ
สนับไหล่ สนับแขน สนับเอว แถบคาดทอง ขดเชือก
คล้องหัวไหล่ ฯลฯ (ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเล่นดนตรีเลย
เพราะเป็นอุปกรณ์ที่หน่วยรบพิเศษใช้ในการไต่เขา!)
ตัวอย่างของการแสดงดนตรีเพลงคลาสสิกท ่ ี
ทหารเรือเราควรจะภูมิใจ ก็คือการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต

เคร่องแบบท่ช่วยเสริมสร้างความสง่างามของทหาร ควรจัดอยู่ใน ของวงดุริยางค์ราชนาวี ที่ผู้เขียนเห็นแล้วรู้สึกสบายใจ

ประเภท “คลาสสิก” ในภาพเคร่องแบบชุดสโมสรปกติ แสดงแบบโดย

พลเรือเอก บุญปลอด มะม่วงแก้ว (จากสมุดภาพเคร่องแบบ พ.ศ.๒๕๔๕) ในความมีและยังด�ารงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิม คือ

12 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒



การแต่งกายชุด “บลู/ทูนิก” เอาไว้ พร้อมกับนึก ตัวอย่างเช่นเคร่องแบบชุดปฏิบัติงานของช่าง
ภาวนาในใจว่า ในอนาคตคงจะไม่มีผู้ทรงอ�านาจคนไหน หรือพรรคกลินจะเป็นชุดติดกันชิ้นเดียว แขน - ขายาวเข้ารูป
ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแส เพราะอาจจะท�าให้ และมีการเก็บรัดชายแขนเสื้อ และขากางเกงอย่างเรียบร้อย
เกิดความล�าบากใจส�าหรับนักดนตรี เวลาแต่งชุดเดิน ทั้งนี้เพราะอาชีพพรรคกลินจะต้องท�างานคลุกคลีอยู่กับ



ผ่านชานเทียบรถสาหรับรับแขกนักท่องเท่ยวต่างชาต ิ เคร่องจักรกล ท่มีการหมุนหรือแกว่งอยู่ตลอดเวลา

ตามโรงแรมช้นหน่งในกรุงก็เป็นได้ การปล่อยชายเสื้อหรือขากางเกงให้ไม่รัดกุม ก็จะเกิด





อันตรายได้โดยเฉพาะในห้องเคร่องท่มีพ้นท่คับแคบ



นอกจากน้นชุดติดกัน (ท่เรียกว่า "ชุดหมี")

กจะช่วยป้องกันไม่ให้เปลวไฟ และไอร้อน
จากการระเบิดหรือเพลิงไหม้ พุ่งสอดเข้าไปทา �


อันตรายต่อผิวหนังช้นในได้ ในระดับหน่งด้วย

สาหรับเคร่องแบบนักบินซ่งเป็นชุดหม ี


ช้นเดียวเหมือนกันน้น ก็เพ่อความสะดวก



คล่องตัวของนักบิน ในการปีนป่ายแทรก
ตัวเข้าไปใน Cockpit ที่ค่อนข้างจะคับแคบ
และเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย อีก


ท้งในสมัยก่อนท่เคร่องบินยังมี Cockpit

แบบเปิด ชุดดังกล่าวยังช่วยต่อต้านความ
“กาชาดคอนเสิร์ต” โดยวงค์ดุริยางค์ราชนาวี : การแสดงดนตรี “คลาสสิก” หนาวเย็นของอุณหภูมิอากาศภายนอกได้ด้วย


ด้วยเคร่องแต่งกายท่ “คลาสสิก” !



(โดยเฉพาะชุดท่ทาด้วยหนังสัตว์) นอกจากน้นชุด
นี้ก็ยังได้รับการพัฒนาให้เป็นชุดปรับความดันอากาศ
๒. เป็นเคร่องแต่งกาย สาหรับการบินในระดับสูงได้อีกด้วย


เพื่อความสะดวก และความ ส่วนเคร่องแบบชุดสนามหรือชุดปฏิบัติการรบบน


ปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ บกน้น ก็ได้รับการออกแบบด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน

ก็คือเครื่องแบบชุดปฏิบัติงาน คือเพ่อความสะดวกและความปลอดภัยเป็นหลัก



ชุดฝึก และชุดสนามของทหารตาม ถ้าเป็นการรบในปากจะใช้สีเขียวลายพรางเพ่อให้
พรรคเหล่า หรือผู้มีหน้าที่ อาชีพ กลมกลืนไปกับภูมิประเทศ ในระยะหลังมีการปฏิบัต ิ

พิเศษต่าง ๆ นั่นเอง เครื่องแบบ การในประเทศแถบตะวันออกกลาง ซ่งภูมิประเทศ
ประเภทนี้ โดยหลักการแล้วจะ ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย ก็จะเห็นชุดพรางและรองเท้า





เน้นที่ความสะดวก และปลอดภัย สีนาตาลอ่อนเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นเร่องปกติท่เคร่องแบบ

ในการปฏิบัติงานตามอาชีพของ ชุดปฏิบัติงาน จะต้องมีการปรับเปล่ยนไปได้เสมอ
ผู้ใส่ มากกว่าความสวยงาม ตามสภาพแวดล้อมและลักษณะของการปฏิบัติงาน


ทย่อมมการพฒนาไปตามววฒนาการของเทคโนโลย ี





ชุดหมีของนักบิน : ตัวอย่างเคร่องแต่งกาย ท่ออกแบบ



เพ่อความสะดวก และปลอดภัยในการปฏิบัติงาน สมัยใหม่ แต่ก็จะต้องดารงความมุ่งหมายเดิม คือ
เพ่อความสะดวกและปลอดภัยเป็นหลัก

นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 13



เป็นที่น่าสังเกตว่า เครื่องแบบของชาติที่เป็น กล่าวโดยสรุปเพ่อทาความเข้าใจให้ตรงกันใน

ต�านานนักรบมืออาชีพในอดีตนั้น ชุดปฏิบัติงานของ เรื่องที่เกี่ยวกับ “เครื่องแบบ” ก็คือ เป็นการแต่งกายที่
เขาจะไม่ประดับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติอย่างใดเลย คง ต้องการแสดงถึงความเป็นกลุ่มก้อนของผู้ใส่ เพื่อความ
มีแต่ป้ายชื่อ ชั้นยศ และเครื่องหมายหรือตัวอักษร เป็นเอกภาพขององค์กร และแสดงศักยภาพในการ


ย่อของหน่วยท่สังกัดเท่าน้นทหารชาติใดคนใดท่ติด “รวมพลัง” จึงเป็นที่นิยมสวมใส่ในหลากหลายสาขา

เครื่องหมายพิเศษเต็มหน้าอก รวมทั้งมีการต่อเติม อาชีพ โดยเฉพาะในประเทศที่ความเป็นประชาธิปไตย

เสรมแตง แบบเกินพอดีกับชุดดังกล่าว โดยเฉพาะส่วน ไม่ใคร่สมบูรณ์และกฎหมายไม่แข็งแรง เครื่องแบบก็จะ


ท่เป็นโลหะสะท้อนแสงด้วยแล้ว ก็บอกได้เลยว่าชาต ิ ท�าหน้าที่เป็นเครื่องมือหนึ่ง ในการป้องปรามการใช้
น้นหรือท่านเหล่าน้น ไม่ใช่นักรบมืออาชีพ ! อ�านาจเกินขอบเขตของ “กฎหมู่” แต่ส�าหรับประเทศ


มีเหตุการณ์อันเป็นตานานทางประวัติศาสตร์ ท่ประชาธิปไตยและกฎหมายของเขาเข้มแข็งเข้มงวด


ที่มีการเล่าต่อกันมาเกี่ยวกับท่าน ลอร์ด เนลสัน ผู้คนก็ไม่ต้องพึ่งเครื่องแบบเป็นเกราะก�าบัง คงมีแต่เฉพาะ
แม่ทัพเรือผู้ยิ่งใหญ่ของราชนาวีอังกฤษว่า ในการออก ผู้ที่จะต้องท�าหน้าที่ตามกฎหมาย อันได้แก่ อาชีพทหาร


บัญชาการรบคร้งสุดท้าย ซ่งเป็นการเทียบเรือแลวตอสกน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น







แบบตะลุมบอน ท่านแต่งชุดเต็มยศประดับเหรียญตรา สาหรับเคร่องแบบทหารน้น มีหน้าท่หลักใหญ่ ๆ


เต็มหน้าอก จะด้วยความตั้งใจ หรือว่าท่านไม่มีเวลา อยู่อีก ๒ ประการคือ
เปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมก็ไม่ทราบได้ แต่ผล ๑. เป็นเคร่องแบบเพ่อความสะดวก และความปลอดภัย


ก็คือเหรียญตราท่ส่องประกายโดดเด่นได้กลายเป็น ในการปฏิบัติงาน ท้งในยามปกติและในภาวะสงคราม



จุดเล็งอย่างดี ส�าหรับพลแม่นปืนขาศึกที่ซุมอยูบนรังกา เคร่องแต่งกายประเภทน้โดยท่วไปจะไม่เน้นในด้าน






ยอดเสา วีรบุรุษทางทะเลผู้ย่งใหญ่ในประวตศาสตร ์ ความสวยงามมากนัก แต่จะให้น�้าหนักในด้านความ



ของราชนาวีอังกฤษ จึงมีอันต้องสิ้นชีพอยางงาย ๆ แบบ สะดวกคล่องตัว เพ่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม






“ปลาตายนาต้น” หรือ "ใส่ผิด...ชีวิตดับ" ในที่สุด และพัฒนาการทางเทคโนโลยีมากกว่า โดยเฉพาะอย่างย่ง

การเพ่มประสิทธิภาพในด้านความปลอดภัยของผู้สวมใส่



จึงเป็นเร่องปกติท่จะต้องมีการปรับปรุงเปล่ยนแปลง
อยู่เสมอ ตามความเหมาะสมของยุคสมัย
๒. เป็นเครื่องแบบเพื่อประกาศเอกลักษณ์ และ

ศักดิ์ศรีของทหาร อีกท้งยังแสดงถึงวัฒนธรรม และ
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเหล่าทัพนั้น ๆ ด้วย

เคร่องแต่งกายประเภทน้ท่เป็นสากลก็จะเน้นในเร่อง



ความสวยงาม องอาจ สง่างาม และความกลมกลืน
ลงตัวขององค์ประกอบของเคร่องแบบ คือ เท่-เก๋

แต่พอดีไม่มากหรือน้อยเกินไป และจะมีความเป็น
“คลาสสิก” ในตัวเอง โดยไม่แกว่งไปตามกระแส ของ

แฟช่น หรือการลอกเลียนแบบ
ท่าน ลอร์ด เนลสัน วีรบุรุษทหารเรือของราชนาวีอังกฤษ




ส้นชีพอย่าง “ปลาตายนาต้น” เพราะแต่งเคร่องแบบผิดประเภท

14 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


อน่งถ้าท่านผู้อ่านได้สังเกตเคร่องแบบทหาร ของทุกชาติที่เป็นต�านานนักเดินเรือของโลก ก็จะมีรูปลักษณ์


ของชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็น “ต�านาน” ในท�านองเดียวกันนี้เกือบทั้งสิ้น
การทหารของโลก ก็จะเห็นความแตกต่างของเครื่องแบบ ล่วงมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ในยุคที่



ท้งสองประเภทน้อย่างชัดเจน แต่เท่าท่ผู้เขียนได้นึกทบทวน สหราชอาณาจักรอังกฤษ สามารถประกาศการก้าวขึ้น
จากประสบการณ์ของตัวเอง ก็อาจจะมีเครื่องแบบเพียง สู่ต�าแหน่ง “จ้าวทะเล” ได้อย่างสมบูรณ์ เหนือชาติ
ชุดเดียวหรือไม่กี่ประเภทในโลก ที่มีคุณลักษณะทั้งสอง คู่แข่งส�าคัญในอดีต เช่น สเปนและฝรั่งเศส กองทัพเรือ
ประการพร้อมกันอยู่ในตัวของมันเอง หนึ่งนั้นก็คือ ในฐานะองค์ประกอบหลักของสมุททานุภาพ และเป็น
“ชุดกะลาสี” นั่นเอง เหล่าทัพอาวุโส (Senior Service) ของประเทศ จึงได ้
ชุดกะลาสีน้น แต่เดิมเม่อ ๒๐๐ กว่าปีมาแล้ว ได้รับ รับเกียรติให้เป็นตัวแสดงหลักในงานพิธีต่าง ๆ ท่ประเทศ



การออกแบบให้เป็นเครื่องแต่งกาย ส�าหรับการปฏิบัติ อังกฤษได้อนุรักษ์ไว้อย่างเหนียวแน่น

งานของลูกเรือบนเรือใบเดินสมุทร ที่จะต้องท�างานหนัก ชุดกะลาสีท่แต่ด้งเดิมคือชุดทางานก็ได้รับการ


เกี่ยวกับการ กางใบ-ไต่เสา ขัดพื้นดาดฟ้า - ชิ้นส่วนโลหะ “เปลี่ยนแบบ” (Modify) ให้เป็นชุดเพื่อความสง่างาม
แบกขนสัมภาระขึ้น - ลงเรือ รวมทั้งกรรเชียงเรือเล็กเข้า และแสดงเอกลักษณ์ศักดิ์ศรีของทหารเรือ ดวยการใชเนื้อ





สู่ฝั่ง แล้วลุยน�้าเข็นขึ้นเกยหาด เป็นต้น ผาชั้นดีและสีที่เปนอัตลักษณสากล ของทหารเรือ กล่าวคือ
“หน้าร้อน สีขาว -
หน้าหนาว สีขาบ ๑
(Navy Blue)” ใน
ขณะท่รูปแบบและ

องค์ประกอบต่าง ๆ
ก็ยังคงอนุรักษ์แบบ
ดั้งเดิมไว้
ชุดกะลาส ี
ที่ Modify ใหม่นี้
จึงได้กลายเป็น

ต้นแบบของกองทัพ



“ชุดกะลาสี” มีปฐมบทมาจากเคร่องแบบชุดปฏิบัติงานของลกเรอบนเรอใบขนาดใหญ่ เรือชาติต่าง ๆ รวมทั้ง

แล่นท่องไปทั่วทุกที่...ที่มีลมพัด และน�้าลึกพอ ราชนาวีสยามของ

องค์ประกอบของเคร่องแบบทุกช้นจึงม ี เราด้วย (เครื่องแบบทหารเรือของประเทศสยาม แต่เดิม



ประวัติศาสตร์ อันยาวนาน มีที่มา - ที่ไป อันสัมพันธ์ ถอตามราชนาวอังกฤษ แต่ต่อมาก็ได้ “Modify” ตามแบบ
กับลักษณะการท�างานของลูกเรือเหล่านี้ (ซึ่งผู้เขียน กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา “พี่ใหญ่ Idol” อย่างเหนียวแน่น!)









จะได้แยกส่วนนาเสนออย่างละเอียดในภายหลัง) เมอประมาณยสิบกว่าปีทแล้วได้มพธการ











โดยวัสดุเนื้อผ้าจะมีลักษณะหนาและหยาบ เพื่อให้ทนทาน สาคญอนเป็นทสนใจของโลกกคอพธส่งมอบคน

ต่องานหนัก มีสีที่กลมกลืนกับความสกปรก และ เกาะฮ่องกงให้กลับไปอยู่ในการปกครองของจน
คราบเหงื่อไคลของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งชุดกะลาสี โดยสหราชอาณาจักรอังกฤษ มีการถ่ายทอดโทรทัศน์

คำ�ดั่งเดิมของทห�รเรือไทยโบร�ณในก�รกำ�หนดสีเครื่องแบบต�มฤดูก�ลและต�มภูมิประเทศ
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 15







แพร่ภาพไปท่วโลก ซ่ง High Light ของงานน้ก็คือ เป็นการเปิดตัวเรือ OPV ลาใหม่ล่าสุด ท่กองทัพเรือไทย
พิธีการเปล่ยนธงชาติท่ยอดเสา จากธง Union Jack สร้างข้นมาเองกับมือ พร้อมกับใช้โอกาสน้นจัดนายทหาร




ของสหราชอาณาจักรอังกฤษ เป็นธงสัญชาติจีน ใหม่หลักสูตร ป.บัณฑิต ร่วมฝึกภาคเดินทางไกลไปด้วย

ประเทศเจ้าภาพจัดฉากน้ได้อย่างรวบรัดและ โดยมี เสนาธิการโรงเรียนนายเรือ (พลเรือตรี จุมพล
ประทับใจ คือใช้เสาธงสูงใหญ่ ๒ เสาต้งเคียงข้างกัน ลุมพิกานนท์ : ยศขณะนั้น) เป็นผู้บังคับหน่วยฝึก


เม่อแขกพิเศษท่เป็นบุคคลสาคัญกล่าวสุนทรพจน์จบ High Light ของพิธีการบนฝั่งก็คือ การเดิน






และให้สัญญาณเริ่มพิธี ธงชาติเดิมในเสาหนึ่งจะเริ่มลดลง สวนสนามของกาลังพลประจาเรือท้งหมดท่มาร่วมงาน
ในขณะท่ธงชาติใหม่ก็จะถูกชักข้นท่อีกยอดเสาพร้อมกัน ผ่านใจกลางนครซิดนี่ย์ งานนี้คณะผู้จัดงานในระดับ




(สวนทางกันที่กลางเสา!) กลุ่มบุคคลที่ได้กลายเป็นจุดเด่น รัฐบาล กาหนดให้ผู้ท่ถือป้ายช่อแต่ละประเทศเดินนาหน้า



ที่สุดในงาน และมีการเปรียบเทียบประชันขันแข่งกันในตัว ขบวนสวนสนาม เป็นทหารเรือออสเตรเลีย...ในชุดกะลาสี !

ก็คือผู้ที่ท�าหน้าที่เชิญธงชาติของทั้งสองฝ่าย ทั้งในด้าน ท้งสองเหตุการณ์ท่ผู้เขียนได้ยกมาเป็นตัวอย่าง



เครื่องแต่งกาย และบุคคลิกท่าทางการปฏิบัติ ตามรูปแบบ ก็คือเคร่องยืนยันถึงศักด์ศรีและคุณค่าของชุดกะลาส ี
ของชาติตน
จีน ประเทศที่มีประชากรพันกว่าล้านคน จึงไม่มี
ปัญหาในการเลือกเฟ้นหนุ่มน้อยมาดเข้ม รูปร่างสูงใหญ่
มาก ๆ แค่ ๒ คน ในเครื่องแบบที่แสดงว่าเป็นนักรบ
ทางบก เพื่อข่มทับชาติฝรั่งที่เคยปกครองตนมากว่า
ครึ่งศตวรรษ ในขณะที่อังกฤษใช้ทหารเรือในชุดกะลาสี

(สันนิษฐานว่าคงจัดจากกาลังพลของเรือรบท่ถูกส่งมา

ประจ�าที่นั่น และก�าลังเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านเพราะ
หมดหน้าที่)
ผู้เขียนเฝ้ามองเปรียบเทียบด้วยใจท่เป็นธรรม

ยังไง ๆ ก็เห็นว่าฝ่ายอังกฤษจะดูดีกว่า เพราะว่าชุด ทห�รเรือออสเตเลียในชุดกะล�สี ถือป้�ยนำ�ขบวนสวนสน�ม
ของกำ�ลังพลประจำ�เรือรบจ�กประเทศต่�ง ๆ ที่ม�เข้�ร่วมพิธี
กะลาสี นั้น ดูเป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์ที่เป็นสากล หม�ยเหตุ:โปรดสังเกตว่�ทห�รประทวนหญิงก็ใส่ชุดกะล�สีด้วย
รวมทั้งยัง “คลาสสิก” มากกว่าด้วย


มีอีกเหตุการณ์หน่งท่เกิดในต่างประเทศเช่น ในความนึกคิดของชาติที่มีความผูกพันกับทะเล หรือ
เดียวกัน คือที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อประมาณ ๔ ปี เคยเป็นต�านานของนักเดินเรือมาก่อน ซึ่งการจัดงาน


ที่ผ่านมา ประเทศออสเตรเลียได้จัดพิธีเฉลิมฉลองครบ ในระดับชาติเช่นน้ ถ้าหากเกิดข้นในประเทศไทย
รอบ ๑๐๐ ปี ที่กองทัพเรือออสเตรเลียเดินทางเข้าสู่ โดยนักจัด (Organizer) มืออาชีพท่มากด้วยจินตนาการแล้ว

นครซิดนีย์ เป็นครั้งแรก เพื่อประกาศว่าออสเตรเลีย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าทหารเรือไทยในชุดกะลาส ี
ก้าวสู่ความเป็นมหาอ�านาจทางทะเล ยุคใหม่ที่ไม่ขึ้น ก็คงจะต้องหลีกทางให้แก่บรรดานางงามหรือนางแบบ
ต่อชาติใดซึ่งเป็นงานระดับชาติ โดยได้เชิญชาติต่าง ๆ ให้ ในชุดเลิศหรู หรือประหยัดรัดรูป เป็นแน่แท้

ส่งเรือรบเข้ามาร่วมสวนสนามทางเรือ (Fleet Review) ท้งหมดท่ได้กล่าวมาน้ก็เพ่อจะนาเสนอ








ซ่งประเทศไทยก็ได้จัดส่งเรือหลวงกระบ่เข้าร่วม ให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจถึงท่มาและหน้าท่ของ



เพ่อกระชับสัมพันธภาพของท้งสองประเทศ อีกท้งจะได้ เคร่องแบบทหาร โดยเฉพาะ "ชุดกะลาสี" ท่มีความ


16 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒





ภาพประวัติศาสตร์ : กาลังพลของ เรือหลวงกระบ่ เดินสวนสนามท่กลางนครซิดน่ย์ โดยมีกะลาสีทหารเรือออสเตรเลีย ถือป้ายนาขบวน






เป็นสากล ซ่งชาติท่เป็น "ตานานชาวเรือ" ท้งหลายต่าง

ก็พยายามท่จะอนุรักษ์เอาไว้ เพ่อประกาศเอกลักษณ์

และศักดิ์ศรีของนาวีตนอย่างเหนียวแน่น พร้อมทั้ง




น�าไปสู่ประเด็นคาถามแรกท่ผู้เขียนได้ต้งไว้ต้งแต่ต้น

(จากปรากฏการณ์ท่ได้พบเห็นเป็นประจาในปัจจุบัน)

ว่า “เหตุใด นายทหารช้นผู้น้อย จึงมักจะหลีกเล่ยง



การแต่งเคร่องแบบน้ในท่สาธารณะ?”




ชุดกะลาสี...ไม่ดีตรงไหน? ทหารกองประจาการ สังกัดสานักงานราชนาวิกสภา
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ผ้ตอบแบบสอบถาม

การที่จะได้มาซึ่งค�าตอบ ที่สะท้อนถึงปัญหา
อย่างชัดเจน และตรงเป้าที่สุด ไม่มีอะไรดีไปกว่าจาก
กลุ่มบุคคลที่จะต้องสวมใส่โดยตรง ซึ่งผู้เขียนได้รับความ
ร่วมมือเป็นอย่างดี จากท่านบรรณาธิการนาวิกศาสตร์

ในการช่วย ออกแบบสอบถามพลทหารในสังกัดสานักงาน
ราชนาวิกสภา กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จ�านวน ๗ นาย
ภายใต้ค�าถามน�า ที่ว่า.... “ท�าไม หรือ เพราะเหตุใด
จึงไม่อยากใส่ชุดกะลาสีเวลาอยู่นอกกรมกอง?”


คาตอบท่ได้รับก็มีความหลากหลาย โดยส่วนใหญ่


เป็นเร่องท่พวกเราในฐานะผู้ใหญ่ หรือผู้บังคับบัญชา

สามารถคาดเดาได้ แต่ก็มีบางส่วนท่สะท้อนถึงทัศนคติ
ประมวลข้อคิดเห็นของผู้ที่สวมใส่ ต่อเครื่องแบบ ชุด “กะล�สี”
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 17


ของผู้น้อยต่อเครื่องแต่งกายชุดนี้ ที่พวกเขาจะต้องเป็น วิธีปลดกระดุมด้านข้าง ก็ย่อมยุ่งยากไม่สะดวกและ


ผู้แต่งออกสู่สายตาของสาธารณชน และก็มีบางค�าตอบ ใช้เวลามาก ไม่ทันใจวัยรุ่น ท่ต้องการความรวดเร็วใน



ที่มีความเป็นธรรมชาติ ที่พวกเราอาจจะคาดไม่ถึง ดังนี้ การปฏิบัติกิจสาคัญ ก็เป็นเร่องท่เข้าใจได้เช่นกัน

- ใส่แล้วร้อน อึดอัด ๒. ปัญหาเก่ยวกับทัศนคติของผู้ใส่ ต่อลักษณะ

- สวมใส่ลาบาก มีข้นตอนมาก ใช้เวลานาน อันเป็นอัตลักษณ์ของชุดกะลาสี อาทิเช่น...ไม่ตามแฟชน...





- ไม่สะดวก เวลาเข้าห้องนาเพ่อทาธุระส่วนตัว ดูเหมือนเคร่องแต่งกายผู้หญิง...ไม่เท่...ใส่เตะบอล





- ใส่แล้วต้องเอาหมวกไปด้วย ไม่ชอบหมวก ! ลาบาก ฯลฯ และท่สะดุดใจอีกข้อหน่งก็คือ พวกเขาไมชอบ



- ใส่เตะบอลลาบาก รูปแบบของ หมวกกะลาสี!

- เส้อกะลาสีไม่ตามแฟช่น คาตอบน้ทาให้ผู้เขียนนึกถึงความหลังเม่อยสบ












- เหมือนผู้หญิงเกินไป ทาให้ดูไม่เท่ กว่าปีมาแล้ว เม่อคร้งทางานในตาแหน่ง ผู้อานวยการ


- ใส่แล้วดูเด่นเกินไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง กองจ�าลองยุทธ์ที่พระราชวังเดิม มีลูกน้องจ่าใหม่คนหนึ่ง

- ใส่แล้วต้องระวังตัว กลัวทาเสียช่อทหารเรือ มาปรารภให้ฟังว่า ตอนพักกลางวันไปกับเพื่อน รุ่นเดียวกัน

- เป็นท่หมายตาของ สารวัตรทหารเรือ ที่จ้องจับผิด กลุ่มใหญ่ นั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ปากซอย รร.ทวีธาฯ



ตลอดเวลา ถูกสาวนักเรียนพาณิชย์ท่น่งโต๊ะข้างเคียงแซวให้ได้ยิน
ฯลฯ ว่า “หมวกวางซ้อนกันเป็นชั้น ดูเหมือน เข่งปลาทู!”




ผู้เขียนมีความเห็นว่าคาตอบของพลทหาร หรือจะเป็นคาแซวทานองน้กระมังท่ทาให้พวกเขาม ี


ประจาการสังกัดสานักงานราชนาวิกสภาท้งเจ็ดนายนี ้ ทัศนคติในทางลบ ต่อเครื่องแบบชุดนี้?






แม้จะดูซ่อ ๆ ใส ๆ แต่ก็เป็นส่งท่ผู้ใหญ่ควรจะให้ความ

สนใจและนามาเป็นข้อมูลพ้นฐาน ในการวิเคราะห์หา

สมมุติฐานของปัญหา มากกว่าการท่พวกเราจะใช้การ

อนุมานคาดเดากันเอาเอง เพราะเป็นความเห็นของ
ผู้น้อยท่เขาเป็นผู้สวมใส่โดยตรง ในการน้ผู้เขียนขอ


จาแนกแบ่งกลุ่มของความเห็นท่หลากหลาย ออกเป็น


ปัญหาหลัก ๆ ได้ ๓ ประเด็น ดังน้ ี
๑. ปัญหาในด้านลักษณะทางกายภาพ ของตัวชุด
กะลาสีเอง เช่น ใส่แล้วร้อน อึดอัด ไม่เหมาะสม กับสภาพ
อากาศ เพราะเสื้อไม่มีช่องรังดุมกลางล�าตัวส�าหรับ
เปิดเพื่อระบายอากาศ แถมยังต้องใส่เสื้อนอตเป็นชั้นใน
อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนวัสดุเนื้อผ้า จากเดิม ทห�รประทวนหญิงของออสเตรเลีย ก็ต้องแต่งชุดกะล�สี
ต�มแบบของร�ชน�วีอังกฤษ ประเทศแม่ของตน
คือ ผ้าฝ้ายบางที่ระบายความร้อนได้ดี มาเป็นผ้าสังเคราะห์
ที่อบเหงื่อและติดไฟง่าย (ตามแบบทหารเรืออเมริกัน ๓. พวกเขามีความรู้สึกว่าเครื่องแบบชุดกะลาสี


พ่ใหญ่ Idol ของเรา) เป็นเคร่องหมายของการแบ่งชนช้นในสังคมไทย




ยิ่งในยุคหลังที่นิยมการใส่แบบรัดรูป ก็ยิ่งจะ โดยเฉพาะในหมู่ทหารเรือ เร่องน้เป็นเร่องละเอียดอ่อนท ่ ี



ทาใหรอนและอึดอัดมากข้นอีกเป็นธรรมดา ส�าหรับ พลทหารเหล่านี้ไม่กล้าระบุโดยตรง แต่ผู้เขียนก็สามารถ

กางเกงน้น เน่องจากไม่มีเป้าด้านหน้า ต้องถอดโดย สมผัสความรู้สึกได้ในทางอ้อม จากหลายคาตอบ




18 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒



ตวอย่างเช่น....ใส่แล้วจะถูกจับตาดูตลอดเวลา...ไม่ม ี



อิสระ...สารวัตรทหารจ้องจับ..ไม่มความเป็นตวของตว
เอง...ฯลฯ
สอดคล้องกับปรากฏการณ์ท่เกิดข้นในปัจจุบันท ี ่ นักเรียนนายเรือ



ผู้เขียนได้ยินมาก็คือ บรรดาจ่าส�าเร็จใหม่ที่ตามระเบียบ เยอรมันช้นใหม่
จะต้องแต่งชุดกะลาสีเป็นเวลาอย่างน้อย ๗ ปี (เรียก ในชุดกะลาส ี



ขานกันว่า “จ่าเซเว่น!”) จึงจะสามารถเปลี่ยนไปใส่ชุด เคร่องแบบซ่งชาติท่เป็น
"ตานานทหารเรือ"

กระดุมหน้าสวมหมวกหนีบแบบพันจ่าได้ แต่ปัจจุบัน มุ่งม่นท่จะอนุรักษ์ไว้


ก็มักจะมีการ “ลักไก่” เปลี่ยนไปใส่ก่อนก�าหนด หรือ อย่างเหน่ยวแน่น


ไม่ก็ถือโอกาสเปล่ยนไปใส่ชุดฝึกของหน่วยแทนไปเลย
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกของการถูก “แบ่งชั้น”
ด้วยเครื่องแต่งกายนั่นเอง อยู่คู่กับกองทัพเรือตน แต่สาหรับชาติท่เพ่งเกิดใหม่ก ็



ความเห็นของผู้สวมใส่ที่ได้รวบรวมมานี้ น่าจะเป็น มักจะไม่ให้ความสาคัญในเร่องน้ เหตุผลก็คือ พวกเขา



ข้อมูลพื้นฐานที่ส�าคัญ ส�าหรับผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีประวัติศาสตร์ท่ควรจะภาคภูมิใจ น่นเอง


ในการพิจารณาหาหนทางปรับปรุงแก้ไข หากมองเห็น ประเทศไทยเรามีประวัตศาสตร์และวฒนธรรม




ปัญหาและมีความต้องการท่จะอนุรักษ์รวมท้งเผยแพร่ อันยาวนานมาต้งแต่ยุคสุโขทัย นับได้มากกว่า ๘๐๐ ปีแล้ว

เครื่องแบบชุดนี้ ให้สามารถด�ารงความเป็นเอกลักษณ์ ยุคกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ของทหารเรือไทย ดั่งเช่นในอดีตได้อีกต่อไป ก็มีการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า พระองค์ได้ทรง

มอบหมายให้สมเด็จพระเอกาทศรถ นากองทัพเรือ


ไปตเมองทวายของพม่าทางฝั่งทะเลอันดามันมาแล้ว
ในขณะท่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพ่งจะได้


ประกาศเอกราช และมีกองทัพเรือเป็นตัวเป็นตน พร้อม
กับการเริ่มต้นของยุครัตนโกสินทร์คือเมื่อ ๒๐๐ กว่าปีมา
นี้เอง จึงถือได้ว่ากองทัพเรือของเขาเกิดหลังเรานานนับ
๑๐๐ ปี แต่เนื่องจากประเทศเขาร�่ารวยมาก มีทรัพยากร
ทางธรรมชาติมหาศาล มีปัจจัยเกื้อกูลทางสมุททานุภาพ
เปี่ยมล้น อีกท้งประชากรเกือบ ๓๐๐ ล้านคนของเขา

นักเรียนน�ยเรือหญิงของกองทัพเรือเยอรมัน ก็ต้องเริ่มชีวิต เป็นพวกเกิดใหม่หัวทันสมัย มุ่งส่งเสริมการวิเคราะห์
ทห�รเรือด้วยยศพลทห�ร ในชุดกะล�สีด้วย
วิจัยและเปิดกว้างรับวิทยาการสมัยใหม่อย่างเต็มตัว
ผู้เขียนเคยได้มีโอกาสแต่งชุดกะลาสีเป็นเวลา จึงสามารถก้าวผงาดขึ้นเป็น “จ้าวทะเล” และ “จ้าวโลก”
เกือบ ๑ ปีเต็ม ครั้งศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนนายเรือเยอรมัน ได้ภายในเวลาไม่ถึงศตวรรษ แต่การที่จะไปตามเลียนแบบ

เมื่อเกือบ ๕๐ ปีที่แล้วรู้สึกภาคภูมิใจ และได้เฝ้าติดตาม เขาเสยทกเรอง โดยเฉพาะในเร่องท่เก่ยวข้องกับประวัติศาสตร์






วิวัฒนาการของเคร่องแบบชุดน้มาโดยตลอด พบวาชาตที่ และวัฒนธรรมของชาติตนเองนั้น ก็นับเป็นเรื่องที่น่าคิด !




มีประวัติศาสตร์ในด้านกิจการทหารเรือมาอย่างยาวนาน ผู้เขียนมีความมุ่งม่นท่จะนาเสนอความคิดเห็น





ต่างก็มีความพยายามท่จะอนุรักษ์เคร่องแบบชดนไว้ให้ ส่วนตวเกยวกบอนาคตชดกะลาสของราชนาวไทย










นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 19



ผ้เขียนได้กล่าวอารัมภบทเป็นต้นเร่องไว้ ด้วยการ จากน้นผ้เขียนได้เสนอบทวิเคราะห์เก่ยวกับ









ต้งเป็นข้อสังเกตว่า ภาพท่เห็นจนค้นตาในปัจจุบันก็คือ “เคร่องแบบ” ไว้ว่า เป็นการแต่งกายท่ต้องการแสดง


บรรดาก�าลังพลระดับรากหญ้าและจ่าใหม่ ที่จะต้องแต่ง ให้เหนว่าบุคคลเหลานนอยในกล่มกอนเดียวกัน เครอง










ชุดกะลาสีเวลาออกนอกหน่วย เม่อลับสายตาผ้คนหรือ แต่งกายน้นจึงจะต้องมีรูปแบบเดียวกันเป็นหน่งเดียว


ไม่มีการเข้มงวดตรวจสอบ ก็มักจะแอบเปล่ยนเป็นชุด (Uni-Form) และได้ต้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่า ประเทศไทย


“ครึ่งท่อน” หรือไม่ก็แต่งพลเรือนนอกเครื่องแบบไปเลย น่าจะจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ที่ประชากรนิยมแต่ง



อีกท้งส�าหรับหน่วยปฏิบัติการบนบกก็นิยมที่จะแต่งชุด เคร่องแบบมากท่สุด คือแทบจะทุกสาขาอาชีพไม่เว้น






ฝึกแทนชุดกะลาสีเม่อมีโอกาส ไม่เว้นแม้แต่ผ้ท่อย่ประจ�า แม้แตอาชพแมบาน ดงน้นลกษณะเดนของอาชพทหาร








บนเรือ ซ่งในปัจจุบันก็ได้มีชุดปฏิบัติการแบบใหม่ออกมา ที่จะสามารถจ�าแนกได้จากอาชีพอื่น (ที่ต่างก็มีเครื่องแบบ
ใช้กันแล้ว จึงได้ตั้งเป็นประเด็นค�าถามว่า “อนาคตของ เช่นกัน) ก็คือความสง่างามเป็นระเบียบเรียบร้อยของ

เครื่องแบบชุดกะลาสีราชนาวีไทย จะเป็นเช่นไร” “เคร่องแบบ” และบุคคลิกภาพของผู้แต่งเป็นส�าคัญ
(ทหารกล้า งามสง่า ด้วยอาภรณ์)

นอกจากการแสดงสัญลักษณ์ของกล่มก้อนแล้ว
เคร่องแบบทหารก็ยังมีลักษณะอันเป็นความม่งหมาย


เฉพาะอีก ๒ ประการคือ
๑. เพื่อแสดงเอกลักษณ์ ศักดิ์ศรี และวัฒนธรรม
อันเป็นเกียรติประวัติของหน่วยงานน้น เคร่องแบบ



ประเภทน้จะเน้นในด้านความองอาจสง่างาม ความ


ประณีตสวยงามด้วยวัสดุเน้อผ้าช้นดี เสริมด้วยเคร่อง


ประดับพองามคือไม่มากหรือน้อยเกินไป ซ่งองค์ประกอบ
ต่างๆ ของเครื่องแบบก็จะมีประวัติ ที่มา-ที่ไป ที่มีความ
ผูกพันในอดีต เครื่องแบบประเภทนี้จึงมีลักษณะ











“คลาสสิก” คอดารงเอกลกษณดงเดมไว ไมปรบเปลยน

ไปตามกระแส แฟช่น หรือการลอกเลียนแบบ เช่น

ชุดราตรีสโมสร ชุดเต็มยศ ชุดเต็มยศรักษาพระองค์ และ
ชุดปกติขาวของทหารเรือ เป็นต้น
๒. เพ่อความสะดวก และปลอดภัยในการปฏิบัติงาน

ท้งในยามปกติและในยามสงคราม เคร่องแบบประเภทน ี ้




โดยท่วไปจะไม่เน้นในด้านความสวยงามหรือวัสดุเน้อดี
แต่จะให้ความส�าคัญในด้านความปลอดภัย ความสะดวก
นักเรียนจ� รร.ชุมพลทห�รเรือ : อน�คตชุดกะล�สีร�ชน�วีไทย และคลองตวในการปฏบตงานตามสาขาอาชพเปนหลก










น�จะฝ�กไว้ท่ค�นิยมของพวกเข�เหล�น้ ภ�ยหลังจ�กท่ได้จบ ซึ่งในแต่ละหน่วยก็ย่อมจะแตกต่างกันตามความ





ออกม�ทำ�ง�นแล้ว

เหมาะสม และเป็นเร่องปกติธรรมดาท่จะต้องมีการ

20 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒








ปรบปรงเปลียนแปลง ใหเหมาะสมกบววฒนาการของ ผ้เขียนได้มีโอกาสสวมใส่ชุดกะลาสีเป็นเวลาเกือบ











ปฏิบัติการทางทหารอย่เสมอ (แต่ก็ไม่ควรเปล่ยนเพียง ๑ ปเตม เมอครงไดไปฝกหดศกษาทโรงเรยนนายเรอ







เพื่อความสวยงาม หรือการลอกเลียนแบบ) เยอรมันเมื่อเกือบ ๕๐ ปีมาแล้ว ยังคงมีความภูมิใจที่ได้







อน่ง ผ้เขียนมีความเห็นส่วนตัวท่ขอต้งเป็นข้อสังเกตวา เคยแต่ง และร้สึกผูกพันกับเคร่องแบบชุดนี้เป็นอย่างมาก

ในบรรดาเคร่องแบบทหารท่วท้งโลกน่าจะมีเพียงประเภท ในขณะที่ชาติที่เป็น “ต�านาน” ของการทหารเรือในอดีต


เดียวในอดีต ที่สามารถใช้สวมใส่ได้ไนทั้งสองโอกาส คือ ตางกมีความพยายามที่จะอนุรักษ์เครื่องแบบนเอาไว ้





เพ่อความสง่างามในงานพิธี และเพ่อความสะดวกในการ แต่ท�าไมส�าหรับกองทัพเรือไทยเรา เครื่องแบบชุดนี้กลับ


ปฏิบัติงาน (บนเรือ... ในทะเล) น่นก็คือ “ชุดกะลาสี” มแนวโน้มที่จะจางหายไป เพราะนายทหารชั้นผู้น้อย


นั่นเอง จะแตกต่างกันก็เพียงแค่ “สี” เท่านั้น ซึ่งในงาน (ส่วนหน่งซ่งก็เป็นจ�านวนไม่น้อย) มักจะปฏิเสธ และ

พิธีก็จะใส่ชุดที่ท�าด้วยเนื้อผ้าชั้นดีสีขาว (หรือน้าเงินเข้ม) พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการสวมใส่ ในที่สาธารณะ


ส่วนในการท�างานบนเรือจะนิยมใช้สีกากี ด้วยเน้อผ้าท ่ ี





บาง ระบายลมได้เป็นอย่างดี และไม่ติดไฟ “ชดกะลาสไมดตรงไหน?”... “ชดกะลาส ี
มีดีอย่างไร?”.... “ชุดกะลาสี จะอยู่ได้อีกนาน
ชุดกะลาสีมีต้นก�าเนิดเกิดขึ้นเมื่อเกือบ ๓๐๐ ปีมาแล้ว เท่าใด?” ...
โดยกองทัพเรือสหราชอาณาจักร “จาวทะเล” ในสมยนน







เป็นต้นแบบ และได้เผยแพร่ไปยังประเทศต่างๆ ท่เป็น จึงเป็นชุดค�าถามท่ผ้เขียนต้งใจจะวิเคราะห์หาค�า



ต�านานการเดินเรือท่องสมุทรท่วโลก ซ่งในสมัยน้นเป็น ตอบ แต่การท่จะสามารถหาข้อมูลได้ถูกต้องและตรง


ยุคของเรือใบขนาดใหญ่ ชุดกะลาสีจึงมีองค์ประกอบท ่ ี เป้ามากที่สุดนั้น ไม่มีอะไรชัดเจนเท่าการสอบถามความ



ออกแบบให้เหมาะสมในการปฏิบัติงาน บนเสา-ใบเรือ เห็นจากผ้ท่จะต้องสวมใส่โดยตรง ในการนี้ผ้เขียนได้รับ
เป็นหลัก ชุดกะลาสีต้นแบบของประเทศสยาม ก็ได้ยึดถือ ความร่วมมือจากท่าน บก.นิตยสารนาวิกศาสตร์ ช่วย

ตามต้นแบบของราชนาวีอังกฤษด้วยเช่นกัน ออกแบบสอบถามความเหน จากพลทหารประจ�าการ
สังกัดส�านักงานราชนาวิกสภา จ�านวน ๗
นาย ภายใต้ค�าถามน�าที่ว่า “เพราะเหตุ
ใด หรือท�าไม จึงไม่นิยมแต่งชุดกะลาสี
เมื่อออกนอกหน่วย?”
ค�าตอบที่ได้รับทั้ง ๓๕ ข้อมีซ้ากัน

เป็นส่วนใหญ่ซ่งก็มีเหตุผลเป็นท่เข้าใจได้


แต่ก็มีค�าตอบซื่อ ๆ ใส ๆ ที่ผู้ใหญ่อย่าง
เราคาดไม่ถึง ผ้เขียนขอแบ่งกล่มของ




ขอคดเห็นในทางลบทั้งหลาย ออกเป็น
๓ ประเด็น ดังนี้
นกเรยนน�ยเรอชั้น ๑ ใหม่ของกองทัพเรือเยอรมัน ถูกกำ�หนดให้ต้องเริ่มต้นชีวิตด้วยยศ



พลทห�รก่อน ซึ่งจะต้องแต่งชุดกะล�สีเป็นเวล�ประม�ณ ๑ ปี จึงจะได้เลื่อนยศเป็นระดับจ่� - พันจ่�
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 21


ไม่ชอบ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของ รสนิยม ความชอบ/
ไม่ชอบ เป็นความรู้สึกส่วนบุคคลที่บังคับกันไม่ได้ แต่ใน
ทางจิตวิทยา สามารถโน้มน้าวจิตใจได้
๓. ปัญหาความร้สึกของการถูกแบ่งช้น เรื่องนี้


เป็นเร่องละเอียดอ่อนท่พวกเขาไม่กล้าเขียนตอบโดยตรง


แต่ผ้เขียนก็สัมผัสได้ในทางอ้อมจากค�าตอบบางข้อ เช่น



ใส่เดินในท่สาธารณะจะเป็นจุดเด่นเกิดความไม่ม่นใจ
ถูกสารวัตรทหารเรือ คอยจ้องจับตลอดเวลาท�าตัวล�าบาก



เพราะต้องคอยระวังอย่เสมอ ฯลฯ อน่ง ผ้เขียนยังได้รับทราบ




จากวงในมาว่า ความร้สึกว่าถูกแบ่งช้นเช่นน้ได้เกิดข้น
ในหม่นักเรียนจ่าจบใหม่ด้วย โดยเฉพาะเม่อถูกน�าไป


เปรียบเทียบกับนักเรียนนายสิบทหารบกและนักเรียน


จ่าทหารอากาศ ท่ได้แต่งชุดเหมือนนายทหารต้งแต่ต้น

ในขณะทพวกเขาจะต้องแต่งชุดกะลาสีเช่นเดียวกับ

พลทหาร ต่อไปอีก ๗ ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนได้
เมื่อหลายสิบปีก่อน กระแสการแบ่งชั้นในลักษณะนี้







ชดกะล�สทรดรป ท�ใหเกดปญห�ในก�รระบ�ยคว�มรอน และ ก็ได้เคยเกิดข้นในระดับโรงเรียนนายเรือมาแล้วคร้งหน่ง







ก�รใส่-ถอด ที่น่�เป็นกังวลอีกอย่�งก็คือ คว�มย�กลำ�บ�กในก�รถอด เม่อผ้บัญชาการโรงเรียนยุคหน่ง ท่านส�าเร็จการศึกษา



เวล�เกิดพล�ดท่� ตกน� - ตกทะเล


จากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ (ท่เป็นระดับ “ต�านาน”


๑. ปัญหาจากลักษณะทางกายภาพ ชดกะลาส ี ทหารเรือ) ท่านมีความคิดริเร่มท่จะให้นักเรียนนายเรือ







ท่เป็นเส้อแขนยาว หรือแขน ๓ ส่วน ไม่มีช่องระบายอากาศ ท่เพ่งเข้ามาใหม่ ได้เร่มชีวิตทหารเรือด้วยการแต่งชุด







แถมยังต้องใส่เส้อนอตข้างในอีกช้นหน่งด้วย จึงท�าให ้ กะลาสีก่อนสักระยะหน่ง ท้งน้เพ่อประโยชน์ในการ
ผ้ใส่ร้สึกร้อนและอึดอัดเป็นธรรมดา ย่งปัจจุบันนิยมตัด หล่อหลอมคุณธรรมและภาวะผ้น�าในอนาคต ด้วยการร้ซ้ง ึ









ชุดแบบรัด-เข้ารูป ด้วยเนื้อผ้าแบบเป็นเส้นใยสังเคราะห์ และเข้าถึงจิตใจของผ้น้อยต้งแต่เร่มต้น แต่ความริเร่ม
ท่ไม่ช่วยระบายความร้อน จึงท�าให้ผ้ท่สวมใสเกิดความ ดังกล่าวก็ได้ถูกกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงรอบด้าน






ร้อนและอึดอัดมากข้น โดยเฉพาะข้าราชการช้นผ้น้อย โดยเฉพาะจากตัวผ้ปกครองของนักเรียนนายเรือใหม ่




ท่ส่วนใหญ่จะต้องปฏิบัติงานในท่โล่งแจ้งกลางแดด เหล่าน้น (ซ่งส่วนใหญ่ก็เป็นทหารเรือด้วยกันน่นแหละ)



มากกว่าในห้องปรับอากาศ ส่วนกางเกงชุดกะลาสีไม่มี นโยบายการปลูกฝังภาวะผู้น�าตั้งแต่ต้นดังกล่าว จึงต้อง

เป้าแต่เป็นกระดุมด้านข้างแทน ก็ท�าให้ไม่สะดวกในการ ล้มเลิกในท่สุด แต่ก็ได้กลายเป็นส่งยืนยันความร้สึกของ


สวมใส่ และเสียเวลามากในการถอดเพ่อท�าธุระส่วนตัว การแบ่งชั้นด้วยเครื่องแต่งกายในสังคมไทย ทั้งในระดับ

ไม่ทันใจวัยรุ่น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจกันได้เช่นกัน เบื้องบน จนถึงระดับรากหญ้าได้เป็นอย่างดี
๒. ปัญหาเก่ยวกับทัศนคติของผ้ใส ที่มีต่อรูป มาถึงจุดน้ก็หวังว่าท่านผ้อ่านคงจะมีความ






ลักษณ์ของชุดกะลาสี จากตัวอย่างค�าตอบท่ว่ามันไม่เท ่ เข้าใจในหลักการพื้นฐานของเครื่องแบบทหาร กล่าวคือ

ไม่ตามแฟช่น ใส่แล้วเหมือนชุดของผ้หญิง ใส่แล้ว ถ้าจะใช้ส�าหรับงานพิธีก็จะเน้นที่ความสวยงาม สง่างาม

กลายเป็นจุดเด่น เกิดความไม่มั่นใจ หมวกก็ไม่สวย ความลงตวขององค์ประกอบท่เป็นเคร่องประดบ และ




22 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒




รักษาเอกลักษณ์ท่แสดงถึงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ในบรรดาปัญหาท้งหมด ผ้เขียนมองว่าปัญหาทาง


อันยาวนานของหน่วยงานน้น ท่ส�าคัญก็คือ การมีและ ด้านองค์วัตถุแก้ได้ง่ายท่สุด เพราะทางราชการสามารถ




ด�ารงความ “คลาสสิก” โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตาม ออกแบบให้เส้อชุดกะลาสี มีขนาดหลวมกว่าตัวผ้ใส่ และ
กระแส แฟชั่น หรือการลอกเลียนแบบ ใช้วัสดุเน้อผ้าท่ระบายอากาศได้ดีเป็นต้น หรือถ้ายังคงยึด


ส่วนเคร่องแบบชุดปกติท่ใช้ประจ�าวันน้น ควร ติดกับแฟช่นเส้อรัดรูป ก็อาจแก้ไขได้โดยการติดซิปรูด





ออกแบบเพื่อความสะดวก และคล่องตัวในการท�างานที่ ซ่อนไว้ท่สีข้างท้งสองด้าน เพ่อความสะดวกในการสวม





แตกต่างกันตามสาขาอาชีพ งานท่มีความเสี่ยงอันตราย ใส่เช่นเดียวกับเส้อยืดท่วไป ท�านองเดียวกันกางเกงท่ไม่ม ี



ก็จะเน้นหนักในด้านการเพ่มความปลอดภัยเป็นส�าคัญ เป้า ก็สามารถซ่อนซิปตรงกลางแบบเดียวกับของสุภาพ



เคร่องแบบประเภทน้โดยหลักการแล้วจะไม่ม่งเน้นใน สตรี อันจะท�าให้เกิดความสะดวกในการสวมใส่ และถอด

ด้านความสวยงาม และจ�าต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัย ท�าธุระในห้องน้า ได้อย่างทันใจวัยรุ่นด้วย


อยู่เสมอ ตามวิวัฒนาการของโลก แต่ท่แก้ไขได้ยากท่สุด ก็คือทัศนคติในทางลบต่อ
รูปลักษณะของเคร่องแบบ และความร้สึกว่าถูกแบ่งช้น







สาหรับชุดกะลาสีซ่งเป็นเคร่องแบบสาหรับ





กาลังพลระดับรากหญ้าและจ่าใหม่น้น สถานการณ์ ของผ้สวมใส่ ความร้สึกเช่นน้เป็นเร่องละเอียดอ่อน







ปัจจบันและแนวโน้มในอนาคตกาลังจะถูกปฏิเสธ หรือ ทางจิตใจ ท่บรรดาผ้บงคับบัญชาตามล�าดับช้นจะต้อง




หลีกเล่ยงในการสวมใส่ในท่สาธารณะมากข้นตามลาดับ เอาใจใส และพยายามโน้มน้าวจิตใจพวกเขาให้มองเห็น



ปัญหาที่วิเคราะห์ได้ก็คือ ทัศนคติในทางลบต่อเครื่องแบบ คุณค่า และเกิดความภาคภูมิใจในเคร่องแบบท่เขาสวมใส่

ชุดน้ ท้งในด้านความร้อนอึดอัด ไม่สะดวกในการใส่ - ถอด การกระท�าดังกล่าวไม่ใช่เป็นการปฏิบัติการจิตวิทยา


ความคร�่าครึ โบราณล้าสมัยไม่ตามแฟช่น และท่สาคัญ (ปจว.)หรือการล้างสมอง แต่เป็นการพยายามอธิบายให้


ที่สุดก็คือความรู้สึกในส่วนลึก ของความเหลื่อมล�้า และ พวกเขาได้ตระหนักถึงประวัติความเป็นมา คุณค่าอันเป็น


การถูกแบ่งช้น ของผู้ท่สวมใส่น่นเอง เอกลักษณ์และแบบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษ


ชาวเรือท้งหลายในอดีต ท่ท�าให้ชุดกะลาสีท่เขาสวมใส่อย่ ู




เป็นเคร่องแบบท่มีคุณค่าและเกียรติภูมิ เป็นท่ยอมรับใน

ระดับสากลมาอย่างยาวนาน

“เส้อนอตร่วมสมัย”
ได้รับก�รปรับปรุงให้ม ี

กระเป� และฝ�ปิดมิดชิด
ในภาพ : กะล�ส ี
บนเรอ “Sagres”

เรือใบฝึกของ กองทัพเรือ
โปรตุเกส


ถ�กะล�สีไทยมีเส้อ
นอตติดกระเป๋�แบบนี้ ก็
น�จะเกิดประโยชน์และ “คุณค่าของชุดกะลาสี” รัฐมนตรีว่�ก�รกระทรวงกล�โหมเยอรมัน

คล่องตัวม�กขึ้น เป็นประธ�นในพิธีอันทรงเกียรติ คือก�รส�บ�นตน ของ นักเรียน
น�ยเรือเยอรมัน ชั้นใหม่...ในชุดกะลาสี
(จบตอนที่ ๑ โปรดติดตามตอนจบในฉบับหน้า)
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 23


ดาวเทียมนั้นสา�คัญไฉน ?








พลเรอเอก ทววุฒิ พงศ์พพัฒน ์










ดาวเทียมเป็นส่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ท่ได้ อกหลายประเภททนามาใช้ประโยชน์ในหลายลกษณะ

แนวคิดจาก “อาร์เธอร์ ซี คลาร์ก” ซ่งคลาร์กได้สร้าง ซึ่งจะกล่าวต่อไป
จินตนาการทางการสื่อสารให้โลกได้รับรู้ และได้กล่าวถึง การแบ่งประเภทของดาวเทียม
ดาวเทียมสื่อสารในหนังสือเร่อง “Wireless World” เม่อ เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเทียมมีหลายประเภท



ปี พ.ศ. ๒๔๘๘ เร่อราวของดาวเทียมซ่งคลาร์กได้กล่าวถึง แต่ท่สาคัญคือ แบ่งตามการใช้งาน และแบ่งตามวงโคจร




น้นนับว่าเป็นการจุดประกายให้ผู้คนได้ตระหนักรู้ถึง โดยการแบ่งตามการใช้งาน แบ่งออกได้เป็น ๕ ประเภท
ความส�าคัญของดาวเทียม ได้แก่
เมื่อเวลาผ่านไปดาวเทียมสื่อสารได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แบ่งตามการใช้งาน ดังนี้
สามารถใช้ในการส่อสารระยะไกลและครอบคลุมพ้นท ี ่ ๑. ดาวเทียมส่อสาร (Communication Satellite)





อย่างกว้างขวาง เช่น สามารถส่งสัญญาณจากซีกโลกหน่งไปยัง ใช้รองรับการส่อสารโดยใช้คล่นความถ่ย่านไมโครเวฟ



อีกซีกโลกหน่งและสามารถส่งสญญาณไปทั่วทุกมุมโลก ส่วนใหญ่เป็นดาวเทียมท่อยู่ในวงโคจรแบบประจาท ี ่



โดยอาจเป็นสัญญาณโทรทัศน์ สัญญาณโทรศัพท์ (Geosynchronous Earth Orbit : GEO) แต่ปัจจุบัน

สัญญาณภาพ เสียง และการเช่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต เร่มมีการใช้ดาวเทียมในวงโคจรระดับตา (Low Earth




ระหว่างประเทศ เป็นต้น ระบบการส่อสารผ่านดาวเทียม Orbit : LEO) มาใช้เพื่อการสื่อสารแล้วเช่นกันแต่ต้องใช้












ทกอใหเกดการสือสารนนประกอบดวยสองสวนหลก คอ ดาวเทียมจ�านวนมาก



สถานีภาคพ้นดินและสถานีในอวกาศ ซ่งสถานีอวกาศ ๒. ดาวเทียมส�ารวจทรัพยากรและจัดทาแผนท ่ ี
ก็คือตัวดาวเทียม ส่วนสถานีภาคพ้นดินประกอบไปด้วย (Earth Observation Satellite) เป็นดาวเทียมท ี ่



สถานีรับและสถานีส่ง ซ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนา ติดกล้องและเคร่องมือ (sensor) ประเภทต่าง ๆ



รูปแบบของการส่อสารดาวเทียมเป็นหลายรูปแบบ เพ่อบันทึกข้อมูลท่สามารถนามาแปลงเป็นภาพถ่าย






จงทาให้เกิดการพัฒนาในเรองเทคโนโลยการส่อสาร ในรูปแบบต่าง ๆ สาหรับนามาใช้ในหลายกิจการ เช่น



เพ่อนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันและเร่องต่าง ๆ การจัดทาแผนท การวางแผนการเกษตร การบริหาร














อีกมากมาย ปัจจุบันดาวเทียมท่เรานามาใช้ประโยชน์ จดการทรพยากร การวางผงเมอง เป็นต้น ดาวเทยม




มิใช่เฉพาะดาวเทียมส่อสารเท่าน้น แต่ยังมีดาวเทียม ประเภทนี้สวนใหญจะอย่ในวงโคจรระดับตา (Low Earth



24 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


วงโครจรดาวเทียม

Orbit : LEO) จึงสามารถเก็บข้อมูลที่มีความละเอียดสูง ระดบกลาง (MEO) รวมถึงดาวเทียมท่เดินทางไปในอวกาศ


ได้ดีกว่าดาวเทียมในวงโคจรอื่น ๆ ที่อยู่สูงขึ้นไป และดาวดวงอื่นเพื่อการส�ารวจ



๓. ดาวเทียมนาร่อง (Navigation Satellite) ดาวเทียมท้ง ๕ ประเภทตามการใช้งานท่กล่าว






เป็นระบบดาวเทียมท่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการระบ ุ ข้างต้นนน จะถูกนาไปวางไว้ในวงโคจรทเหมาะสม
ตาแหน่งของวัตถุต่าง ๆ บนพ้นโลก เช่น GPS GLONASS กับการใช้งาน วงโคจรเป็นเพียงช้นความสูงของวงโคจร




GALILEO และ BEIDOU เป็นต้น ระบบท้งหมดน ี ้ ท่ดาวเทียมไปวางเอาไว้เท่าน้น จะเห็นได้ว่าดาวเทียม


ใช้วงโคจรระดับกลาง (Medium Earth Orbit : MEO) บางประเภทสามารถอยู่ได้ในหลายวงโคจร เช่น ดาวเทียม
๔. ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา (Meteorological สื่อสาร สามารถอยู่ได้ทั้งในวงโคจรแบบ GEO และ LEO


Satellite) เป็นดาวเทียมเพ่อใช้สาหรับการพยากรณ์อากาศ (แต่ต้องใช้ดาวเทียมหลายดวง) หรือแม้แต่ดาวเทียม



และศึกษาการเปล่ยนแปลงเก่ยวกับงานอุตุนิยมวิทยา เพ่อการอุตุนิยมวิทยาท่มีท้งในวงโคจรแบบ GEO และ







ู่






มทงดาวเทยมทอยในวงโคจรประจาทและวงโคจรระดบตา LEO เช่นกัน โดยไม่จ�าเป็นต้องอยู่ในวงโคจรเดียวเท่านั้น



(LEO) โดยนาข้อมูลจากท้งสองส่วนมาใช้ในการพยากรณ์ แบ่งตามวงโคจรของดาวเทียม สามารถแบ่งออก
อากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ ได้เป็น ๔ วงโคจรหลัก ตามระดับความสูงได้แก่ วงโคจร

๕. ดาวเทียมเพ่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ระดบตา (LEO) วงโคจรระดบกลาง (MEO) วงโคจร




(Scientific and Research Satellite) เป็นดาวเทียม ประจาท (GEO) วงโคจรรูปวงร (Highly Elliptical




ท่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพ่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ Orbit : HEO) ตามภาพโดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้






และงานวิจัย มีท้งในวงโคจรระดับตา (LEO) และ ๑. วงโคจรระยะตา (Low Earth Orbit : LEO)

นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 25



ตัวอย่างการใช้งานดาวเทียมวงโคจรต�่า เพื่อการส�ารวจ (โคจรในแนวเหนือ-ใต้) และการใช้งานเพ่อการส่อสาร

(ต้องใช้หลายดวงในลักษณะ Constellation)



หมายถึงดาวเทียมท่โคจรอยู่ท่ความสูงจากพ้นโลก มีเพียงดาวเทียมประเภทนาร่อง (Navigation Satellite)

ระหว่าง ๓๕๐ – ๒,๐๐๐ กิโลเมตร แต่ในการใช้งานจริง เช่น ดาวเทียม GPSGLONASS GALILEO ซ่งจะโคจร

ดาวเทียมส่วนใหญ่จะอยู่ท่ความสูงระหว่าง ๕๐๐ – ๘๐๐ อยู่ที่ความสูงประมาณ ๒๐,๐๐๐ กิโลเมตร





กิโลเมตร การท่เลือกใช้วงโคจรในระดับน เน่องจากความสูง






เน่องจากดาวเทียมอยู่ใกล้พ้นผิวโลกจึงเหมาะ ท ๒๐,๐๐๐ กโลเมตร ทาให้ความเรวของตวดาวเทยม





สาหรับการถ่ายภาพรายละเอียดสูงเพราะไม่ต้องใช้ ไม่สูงมากเม่อเปรียบเทียบกับดาวเทียมในวงโคจรตา




กล้องขนาดใหญ่มากวงโคจรประเภทน้อยู่ใกล้พ้นผิว แต่ก็ไม่หยุดน่งเหมือนดาวเทียมประจาท จึงเหมาะสม




โลกมากทาให้ต้องเคล่อนท่ด้วยความเร็วสูงจึงไม่เหมาะ กับการนามาใช้สาหรับการส่งสัญญาณเพ่อนามาใช้








กับการส่อสาร (นอกจากจะใช้ดาวเทียมจานวนมาก) ในการประมวลผลเพื่อหาต�าบลที่



แต่เหมาะกับดาวเทียมเพ่อการสารวจและจัดทาแผนท ี ่




ดาวเทียมวงโคจรตานิยมใช้วงโคจรข้วโลก (Polar
Orbit) หรือใกล้ข้วโลก (Near Polar Orbit) โดยดาวเทียม

จะโคจรในแนวเหนือ-ใต้ขณะท่โลกหมุนรอบตัวเอง

ดาวเทียมจึงเคล่อนท่ผ่านเกือบทุกส่วนของพ้น



ผิวโลก จึงสามารถถ่ายภาพได้ทุกพื้นที่ในโลกแต่อย่างไร
ก็ตามในปัจจุบันได้เร่มมีการพัฒนาดาวเทียมวงโคจรตา




เพ่อใช้ในการส่อสารเพ่มเติมด้วย ท้งน จาเป็นต้องใช้






ดาวเทียมหลายดวงในลักษณะหมู่ดาว (Constellation)
๒. วงโคจรระยะปานกลาง (Medium Earth


Orbit : MEO) อยู่ท่ความสูงต้งแต่ ๒,๐๐๐ กิโลเมตร จนถึง
๓๕,๐๐๐ กิโลเมตร (ต�่ากว่า GEO) แต่ในการใช้งานจริง
26 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


วงโครจรดาวเทียม “GEO”



๔. วงโคจรรูปวงร (Highly Elliptical Orbit :




ตัวอย่างระบบดาวเทียม GLONASS ของสหรัฐอเมริกา HEO) เป็นวงโคจรแบบพเศษท่ใช้สนบสนุนการส่อสาร




และระบบดาวเทียม BEIDOU ของจีนที่ใช้วงโคจร MEO สาหรับประเทศท่อยู่แถบข้วโลกเท่าน้น ไม่มีการใช้งาน
(ส�าหรับดาวเทียมน�าร่อง BEIDOU มีการวางดาวเทียม อย่างแพร่หลายโดยทั่วไป ประเทศที่ใช้วงโคจรรูปแบบนี้



บางส่วนไว้ในวงโคจร GEO ด้วย) เพ่อสนับสนุนการส่อสารในปัจจุบันท่สาคัญคือประเทศ


รัสเซีย วงโคจรประเภทน้จะโคจรในมุมอียง (๖๓.๔



๓. วงโคจรประจาท (Geosynchonus Earth Orbit องศาจากเส้นศูนย์สตร) เพ่อให้ครอบคลุมพนทบริเวณ






: GEO) อยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ ๓๕,๗๘๖ กิโลเมตร ข้วโลก โดยจะมีความสูงของวงโคจรท่จุดสูงสุด (Apogee)


มีเส้นทางโคจรอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร (Equatorial ประมาณ ๓๕,๐๐๐ – ๔๕,๐๐๐ กิโลเมตร และจุดต�่าสุด
Orbit) ดาวเทียมจะหมุนรอบโลกด้วยความเร็ว ของวงโคจรที่ประมาณ ๑,๐๐๐ กิโลเมตร โดยประมาณ
เชิงมุมเท่ากบโลกหมุนรอบตัวเองท�าให้ดูเสมือนว่า



ตัวดาวเทียมลอยนิ่งอยู่เหนือพ้นผิวโลกในตาแหน่งเดิม
อยู่ตลอดเวลา จึงถูกเรียกว่า “ดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า”

(Geo-stationary Earth Orbit : GSO) เน่องจาก



ดาวเทียมวงโคจรชนดนอย่ห่างไกลจากโลกและ

สามารถเคล่อนท่ไปพร้อมกับตาแหน่งเหนือพ้นโลก










ในจดเดมตลอดเวลา จงนยมใช้สาหรบการสือสารและ

โทรคมนาคม การถ่ายภาพโลกทั้งดวงการเฝ้าสังเกตการณ์
ของการเปล่ยนแปลงของบรรยากาศ และเน่องจาก


ดาวเทียมซ่งอยู่ในวงโคจรน้เปรียบเสมือนอยู่คงท ี ่





ดังน้น วงโคจรท่ความสูงน้จึงมีดาวเทียมอยู่หนาแน่นและ ภาพเปรียบเทียบดาวเทียมในวงโคจรแบบต่าง ๆ
มีปัญหาในการแย่งชิงต�าแหน่งวงโคจร ดังแสดงในภาพ
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 27







สรปการใช้งานดาวเทยมประเภทต่าง ๆ ในแต่ละวงโคจร ในปัจจุบนดังแสดงในตารางท ๑ อย่างไรก็ตาม




ในอนาคตอาจมีการเปล่ยนแปลงเน่องจากเทคโนโลยีท่ทันสมัยข้น เช่น อาจมีการนาวงโคจรระดับกลาง

เข้ามาใช้สนับสนุนกิจการด้านการสื่อสารและส�ารวจทรัพยากรในอนาคต เป็นต้น

การใช้งาน วงโคจรระดับต่ำ วงโคจรระดับกลาง วงโคจรประจำที่ วงโคจรรูปวงรี
(LEO) (MEO) (GEO) (ELLPTICAL)
ดาวเทียมสื่อสาร - ต้องใช้ดาวเทียม - ในอนาคตอาจจะมี - ดาวเทียมเพื่อการ - ใช้เฉพาะกลุ่ม
จำนวนมาก การใช้เพื่อการสื่อสาร สื่อสารในปัจจุบันเกือบ ประเทศที่อยู่แถบ
- เริ่มมีการนำมาใช้เพื่อ ทั้งหมดใช้วงโครจรแบบ ขั้วโลกเหนือ
สื่อสาร ประจำที่ โดยเฉพาะรัสเซีย
ดาวเทียมสำรวจ - เหมาะสมที่สุดเพราะ - ในอนาคตอาจมีการ - -
ทรัพยากรและทำ อยู่ใกล้โลก ได้ข้อมูลที่มี ใช้เพื่อสำรวจทรัพยากร
แผนที่ ความละเอียดสูง ด้วย
- ดาวเทียมนำร่อง - -
ดาวเทียมนำร่อง ทั้งหมดอยู่ในชั้นความ
สูงที่ ๒๐,๐๐๐ ก.ม.
- ใช้วงจรระดับต่ำใน - - ใช้วงโคจรแบบประจำ -
ดาวเทียม การเก็บข้อมูลที่ ที่สำหรับติดตามสภาพ
อุตุนิยมวิทยา ต้องการความละเอียด ภูมิอากาศ และการ
เช่น ระดับน้ำทะเล เคลื่อนตัวของเมฆ
ดาวเทียมเพื่อการ - ใช้วงทุกวงโคจรขึ้นอยู่ - ใช้วงทุกวงโคจร - ใช้วงทุกวงโคจรขึ้นอยู่ -
ทดลองทาง กับว่าต้องการทดลอง ขึ้นอยู่กับว่าต้องการ กับว่าต้องการทดลอง
วิทยาศาสตร์ หรือวิจัยเรื่องใด ทดลองหรือวิจัยเรื่องใด หรือวิจัยเรื่องใด


ตารางที่ ๑










การใช้งานย่านความถ่สูง ๆ ในเร่องการส่อสารน้น มากขน ทาให้เกดความหนาแน่นในช่วงย่านความถ ี ่



สิ่งที่จะได้ตามมาคือแถบสัญญาณ (Bandwidth) ที่กว้าง C-Band ท่ใช้งานอยู่เดิม จึงจาเป็นต้องมีการนาย่าน

ทาให้มีช่องสัญญาณขนาดใหญ่จึงสามารถส่งข้อมูลด้วย ความถ่ท่สูงข้น เช่น X Ku Ka-Band ตามลาดับ






ความเร็วสูงได้ในช่องสัญญาณเดียว อย่างไรก็ตามหากใช้ มาใช้รองรับความต้องการท่เพ่มข้น ข้อดีท่สาคัญอีก




ความถี่สูง การลดทอนของสัญญาณ (Free Space Loss) อย่างหน่งของการใช้ย่านความถ่ท่สูงข้นคือขนาดของ








ก็มีอัตราสูงข้น รวมถึงปัญหาท่เกิดจากฝน หิมะและนาแข็ง สายอากาศและอปกรณ์รบ-ส่งสามารถออกแบบให้ม ี



ในช่วงสัญญาณท่ความถ่สูง การใช้งานช่วงแรกจึงเน้น ขนาดเลกลงได้ จงเหมาะกับการใช้งานแบบพกพาหรอ



ไปที่ L-Band S-Band และ C-Band เป็นหลัก เคลื่อนที่
ต่อมา เน่องจากมีความต้องการในการใช้งาน สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (Internatioal



ดาวเทียมเพ่อกิจการต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการส่อสาร Telecommunication Union : ITU) ได้จัดสรร
28 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


การใช้งานย่านความถี่ในกิจการอวกาศ



































แผนภาพแสดงย่านความถี่ที่ถูกน�ามาใช้งานส�าหรับกิจการอวกาศ โดยการใช้ตัวอักษรก�ากับ
เพื่อให้ง่ายต่อการอ้างถึงมากกว่าการใช้ตัวเลข







และควบคุมการใช้ความถ่ในกิจการต่าง ๆ ทงในประเทศ และการส่อสารระหว่างจุดหรือภายในกลุ่มในรูปแบบ

และระหว่างประเทศ เพ่อมิให้เกิดความทับซ้อนและ เครือข่าย ใช้งานได้ดีในเขตภูมิอากาศร้อน (Tropical



รบกวนกัน โดยสรุปการใช้งานย่านความถ่สาหรับ area) เน่องจากคล่นสัญญาณในย่านความถ C-band




กิจการอวกาศที่ส�าคัญมีดังนี้ น้ไม่ได้รับผลกระทบจากฝน ปัจจุบันก็ยังคงเป็น





๑. L-band (๑-๒ GHz) เป็นย่านความถ่ท่ใช้ ย่านความถ่หลักสาหรับการส่อสารผ่านดาวเทียม




ในกิจการของดาวเทียมนาร่อง และโทรศัพท์มือถือ จะสงเกตได้ว่าย่านความถ C-band นจะมการใช้งาน






ผ่านดาวเทียม เช่น Iridium และ Inmarsat ที่ให้บริการ เต็มประสิทธิภาพในทุกพ้นท่ท่วโลก จนเป็นสาเหต ุ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ในทะเล ในอากาศ และบนภาคพื้นดิน ให้ต้องมีการขยับข้นมาใช้ความถ่ท่สูงข้นมา เช่น Ku-band




๒. S-band (๒–๔ GHz) เป็นย่านความถี่ที่ใช้ในการ และ Ka-band
ส่งสัญญาณเรดาร์สาหรับดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา เรดาร์ ๔. X-band (๘-๑๒ GHz) เป็นย่านความถี่ที่ใช้ใน


เรือผิวน�้า และการสื่อสารบางประเภท เช่น การสื่อสาร กจการทหารและรฐบาลโดยเฉพาะ สภาพอากาศมผล


กับสถานีอวกาศและกระสวยอวกาศ ต่อสัญญาณบ้างเล็กน้อย
๓. C-band (๔-๘ GHz) เป็นย่านความถี่หลักที่ใช้ ๕. Ku-band (๑๒-๑๘ GHz) เป็นย่านความถ ่ ี


สาหรับการส่อสาร เช่น การถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ ท่มีการนามาใช้เพ่อการส่อสารต่อจากย่าน C-band




นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 29




มีข้อดีคือการท่ความถ่สูงทาให้สามารถใช้จานรับสัญญาณ ประเทศ” (International Telecommunication Union




และอุปกรณ์ขนาดเล็กเหมาะกับอุปกรณ์พกพาหรือติดต้ง : ITU) ทาหน้าท่ในการอานวยการควบคุมกากับดูแล








กับอุปกรณ์ท่เคล่อนท ข้อเสียคือการท่ใช้ความถ่สูงจึงม ี ประสานงานและดาเนินการเก่ยวกับส่อสารโทรคมนาคม



ค่าลดทอน (Free Space Loss) สูง และต้องใช้กาลัง ของโลก ซึ่งรวมถึงกิจการดาวเทียมด้วย

ส่งสูงกว่าย่าน C-band ดังนั้นการออกแบบพื้นที่ในการ ในส่วนของดาวเทียมน้น องค์กร ITU จะมีหน้าท ี ่




ส่งสัญญาณมายังภาคพ้นดิน (Footprint) สาหรับการ ในการกากับดูแลและการประสานงานการใช้วงโคจร

ใช้งานในย่านความถ่น้จึงนิยมใช้ในพ้นท่จากัดไม่เหมือน ดาวเทียม การใช้คล่นความถ่บนดาวเทียม การส่งสัญญาณ











กับย่าน C-band ท Footprint สามารถครอบคลุมได้ มายังตาบลท่ต่าง ๆ ภาคพ้นดิน (Foot Print)
ทั้งทวีป คุณลักษณะทางเทคนิคอ่น ๆ ของดาวเทียม ซ่ง


๖. Ka-band (๒๖-๔๐ GHz) การใช้งานของ รวมเรียกว่า “เอกสารข่ายงานดาวเทียม” (Filing)
ย่านความถ่ Ka-band มีข้อดีและข้อเสียคล้ายกับ การส่งดาวเทียมข้นสู่อวกาศ จาเป็นจะต้องได้รับอนุญาต





Ku-band คือการท่ความถ่สูงข้นในปัจจุบันได้มีการพูดถึง ให้ใช้เอกสารข่ายงานดาวเทียมจาก ITU ก่อน ท้งน ี ้


การนาความถ Ka-band มาใช้ในการส่อสารผ่าน ก่อนท่จะได้รับอนุญาตให้ใช้เอกสารข่ายงานดาวเทียม













ดาวเทียมมากย่งข้น ซ่งสาเหตุสาคัญก็เน่องมาจาก น้น ประเทศท่ต้องการใช้จะต้องมีข้อมูลต่าง ๆ ท่ครบถ้วน





ดาวเทียมท่อยู่ในวงโคจรแบบประจาท (GEO) รวมท้งต้องประสานงานกับประเทศท่มีส่วนเก่ยวพัน






น้นส่วนใหญ่เป็นดาวเทียมท่ใช้ย่านความถ C-band และ หรือมีดาวเทียมอยู่ใกล้กัน เพ่อไม่ให้เกิดสัญญาณรบกวน







Ku-band แต่หากมีการใช้ดาวเทียมท่ใช้ความถ Ka-band ระหว่างดาวเทียมซ่งกันและกันก่อน ซ่งมีข้นตอนและ
ก็หมายความว่าสามารถเพ่มดาวเทียมในวงโคจร GEO วิธีการที่สลับซับซ้อนและยุ่งยากมาก กล่าวโดยสรุปแล้ว








ท่มีอยู่จากัดน เพราะดาวเทียมอยู่คนละย่านความถ่กัน การส่งดาวเทยมขนส่อวกาศ จะต้องมเอกสารข่ายงาน




ดังนั้น แม้ว่าจะวางดาวเทียมไว้ในตาแหน่งเดียวกัน ดาวเทียมก่อน มิใช่มีวงโคจรดาวเทียมอย่างเดียว


ในลักษณะ Co-Location (ห่างกันระยะหลายร้อยกิโลเมตร) แต่จะต้องมีส่งต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว และนอกจากน้น



ก็สามารถกระทาได้ซ่งก็จะทาให้สามารถเพ่มดาวเทียม เม่อได้รับสิทธิในการส่งดาวเทียมแล้ว หากไม่ใช้สิทธิตาม



ในวงโคจรดังกล่าวได้อีกในอนาคต อย่างไรก็ตามด้วย ห้วงเวลาท่กาหนดแล้ว สิทธิในเอกสารข่ายงานดาวเทียม


ค่าลดทอนของสัญญาณ (Free Space Loss) ที่สูงมาก ของตนก็จะหมดไป และประเทศท่รอคิวถัด ๆ ไป ก็มีสิทธ ิ
พ้นท่ครอบคลุมก็อาจจะต้องเล็กลงกว่าความถ่ย่าน ท่จะได้รับการพิจารณาในการใช้เอกสารข่ายงาน




Ku-band ดาวเทียมต่อไป จะเห็นได้ว่าเอกสารข่ายงานดาวเทียม




เนื่องจากกิจการส่อสารเป็นเร่องท่เก่ยวพันกับ เป็นส่งท่สาคัญและมีค่ามาก ดังน้น รัฐธรรมนูญแห่ง









ชาติต่าง ๆ ท่วโลก ซ่งรวมถึงดาวเทียมด้วย ท้งน ดาวเทียม ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ จึงบัญญัติว่า





เป็นส่งประดิษฐ์ท่มีความสลับซับซ้อน ท้งการสร้าง “รัฐต้องรักษาไว้ ซ่งคล่นความถ่และสิทธิในการ





ดาวเทียม การลงทุน เทคโนโลย และความเก่ยวพัน เข้าใช้วงโคจรอันเป็นสมบัติของชาติเพ่อใช้ให้เกด


กับประเทศอ่นท่วโลก และมิใช่ว่าประเทศหน่งประเทศใด ประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน” รวมท้ง





เมอคดจะส่งดาวเทยมขนส่อวกาศแล้วจะสามารถ ได้มีการบัญญัติเพ่มเติมไว้ใน พระราชบัญญัติองค์กร






กระทาได้โดยเสร เน่องจากวงโคจรในอวกาศมีจากัด และ จัดสรรคล่นความถ่และกากับการประกอบกิจการวิทย ุ






มีส่วนเกี่ยวพันกับประเทศอื่น ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว จึงมี กระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม

หน่วยงานหน่งเรียกว่า “สหภาพโทรคมนาคมระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๓ ด้วย ท้งน ในส่วนของประเทศไทยเอง



30 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


เรามีเอกสารข่ายงานดาวเทียมในวงโคจร GEO ถึง ๒๑ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓ (ต่ออายุในปี พ.ศ.๒๕๔๖)
เอกสารข่ายงานดาวเทียม ๗ วงโคจร ซึ่งเป็นทรัพยากร ดาวเทียมไทยโชต เป็นดาวเทียมวงโคจรต�่า (LEO)
ที่มีค่าสูง และต้องรักษาไว้ ซ่งนับเป็นดาวเทียมสารวจทรัพยากรเชิงปฏิบัติการ


ดาวเทียมของประเทศไทย ดวงแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย

ประเทศไทยมีการใช้ดาวเทียมต่าง ๆ มานานแล้ว โดยม ี เป็นดาวเทียมหลักของระบบสารวจโลก ระบบดาวเทียมน ี ้




การใช้ท้งดาวเทียมสารวจโลก และดาวเทียมส่อสาร สรุปได้ดังน ี ้ จะทางานร่วมกับดาวเทียมของต่างประเทศอีกกว่า


ดาวเทียมสารวจโลก (Earth Observation Satellite) ๒๐ ดวง ท่ไทยรับสัญญาณได้เองหรอมีสญญากับเจ้าของ



ดาวเทียมสารวจโลกมีการใช้ในประเทศไทย ดาวเทียมในการเข้าถึงข้อมูลภาพจากดาวเทียมเหล่านั้น




มาเป็นระยะเวลามากกว่า ๔๐ ปี โดยในระยะแรก ท้งน ประเทศไทยได้ใช้ประโยชน์ระบบ ธออส-๑





เป็นการรบภาพถ่ายดาวเทยมจากต่างประเทศเพอ และสร้างคุณค่าเพ่มให้กับดาวเทียมไทยโชตมาโดย
การแปลผลและตีความด้านการสารวจ จนกระท่งในปี ตลอดระยะเวลาทผานมา โดยไดพฒนาจากการผลตและ








พ.ศ.๒๕๒๕ สานกงานคณะกรรมการวจัยแห่งชาต ิ แปลภาพถ่ายจากดาวเทียม เป็นการวิเคราะห์และ



ได้ดาเนินการก่อสร้างสถานีรับสัญญาณจากดาวเทียม ประยุกต์ใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศ และเข้าไปมีบทบาท







สารวจโลกขนทเขตลาดกระบง กรงเทพ ฯ เพอรบสญญาณ ในการตอบสนองนโยบายด้านต่าง ๆ เช่น การประยุกต์ใช้





ดาวเทียม LANDSAT ซ่งนับเป็นสถานีรับสัญญาณแห่งแรก ด้านการเกษตร เช่น การประเมินผลผลิตข้าว การติดตาม

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานีแห่งน้ได้รับ สถานการณ์เพาะปลูก การติดตามสถานการณ์ภัยพิบัต ิ

การปรับปรุงเป็นระยะ ๆ เพ่อให้รับสัญญาณจากดาวเทียม ท้งทางบกและทางทะเล การติดตามการเปล่ยนแปลง
















ของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมรกา ฝรงเศส ญป่น พ้นท่ท้งพ้นท่ป่าไม้และพ้นท่ชายฝั่งทะเล และการสนับสนุน

อินเดีย และแคนาดา เป็นต้น ภารกิจด้านความม่นคง เป็นต้น


ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๑ ประเทศไทยได้ส่งดาวเทียม นอกจากน การท่ประเทศไทยมีระบบดาวเทียม

ไทยพัฒขึ้นสู่วงโคจร โดยเป็นดาวเทียมส�ารวจ (เพื่อการ เป็นของตนเองทาให้ประเทศไทยมีโอกาสในการวิจยและ




ศึกษา) ขนาดเล็ก (Microsatellite) นาหนัก ๕๐ กิโลกรัม พัฒนาอุปกรณ์ Hardware และ Software ที่เกี่ยวข้อง
พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยมหานคร และ Surrey Satellite กับเทคโนโลยีอวกาศ เช่น การพัฒนาจานสายอากาศ

Technology Ltd. (SSTL) สหราชอาณาจักร และ สาหรับส่งสัญญาณควบคุมดาวเทียม การพัฒนา
ประเทศไทยได้ส่งวิศวกร ๑๒ คน เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย Software การควบคุมดาวเทียม ร่วมกับมหาวิทยาลัย
ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ กระทรวงวิทยาศาสตร์และ และบริษัทเอกชน รวมถึงการเป็นพ้นฐานในการร่วมมือ

เทคโนโลยี (วท.) โดยส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ กับประเทศอ่น ๆ เช่น แลกเปล่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นต้น


และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.: GISTDA) ต่อมา เม่อวันท ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐




ได้ลงนามในสัญญากับบริษัท EADS ASTRIUM ประเทศ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้สานักงานพัฒนาเทคโนโลย ี






ฝรงเศส เพอพัฒนาดาวเทียมไทยโชตขน ภายใต้ อวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.)
โครงการพัฒนาระบบดาวเทียมสารวจทรัพยากร (Remote (Geo-Informatics and Space Technology

Sensing) ของประเทศไทยหรือโครงการธีออส (Thailand Development Agency (Pulic Organization) : GISTDA)




Earth Observation System : THEOS) ในลักษณะ จดทาโครงการธีออส-๒ (THEOS-2) ขน เพ่อเป็นการ







การค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) รอยละ ๑๐๐ พฒนาระบบข้อมลภมสารสนเทศ และเมอวนท ๑๕




โดยการลงนามดังกล่าวเกิดข้นภายใต้ข้อตกลงระหว่าง มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัต ิ

รัฐต่อรัฐ ของประเทศไทย – ประเทศฝรั่งเศส ที่จัดท�าขึ้น โครงการธีออส-๒ ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาล
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 31




ฝรั่งเศสในวงเงิน ๗,๘๐๐ ล้านบาท เพื่อจัดหาดาวเทียม บริษัทไทยคมจากัด (มหาชน) เข้ามาดาเนินกิจการ




ธีออส-๒ และระบบภูมิสารสนเทศทดแทน ธีออส-๑ ดาวเทยมในประเทศ โดยประเทศไทยเรมมการใช้งาน



ท่จะหมดอายุลง สาหรับการใช้เอกสารข่ายงาน ดาวเทียมส่อสารดวงแรก คือ ดาวเทียมไทยคม ๑ ซ่งได้รับ


ดาวเทียมของธีออส-๒ น้น เน่องจากเป็นดาวเทียม การส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๖ มีอายุ




วงโคจรไม่ประจาท (NGSO) จึงไม่ยุ่งยากเหมือนกับ การใช้งานประมาณ ๑๕ ปี และมีการจัดส่งดาวเทียม

ดาวเทียมสื่อสารที่เป็นวงโคจรประจ�าที่ (GEO) ข้นสู่วงโคจรอย่างต่อเน่อง ต้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖ จนถึง


นอกจากระบบธีออส-๑ และธีออส-๒ แล้ว ในปี ปัจจุบันมีดาวเทียมสื่อสารอยู่บนวงโคจรจ�านวน ๕ ดวง
พ.ศ.๒๕๕๔ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ต้งสถาน ี ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม ๔, ๕, ๖, และ ๗, ๘ โดย



รบสญญาณดาวเทยมภายใต้ความร่วมมอไทย-จน ในส่วนของวงโคจรสาหรบดาวเทยมสอสารประเทศไทย









ในโครงการดาวเทียม SMMS (Small Multi-Mission มีการจองตาแหน่งวงโคจรดาวเทียมกับสหภาพ
Satellite) โดยรับสัญญาณจากดาวเทียม HJ-1A และ โทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ (International

HJ-1B เพ่อการวิจัย และการใช้ด้านการเกษตรและ Telecommunication Union : ITU) จานวน ๗


การติดตามภัยพิบัติ ตาแหน่ง ได้แก่ วงโคจร ๕๐.๕, ๕๑, ๗๘.๕, ๑๑๙.๕,


ดาวเทียมส่อสารของประเทศไทย (Communications ๑๒๐, ๑๒๖ และ ๑๔๒ องศาตะวนออก ซงมการจอง



Satellite) การใช้งานคลื่นความถี่ย่านต่างๆ ทั้ง Ku-Band C-Band


ประเทศไทยเร่มใช้การส่อสารโทรคมนาคมผ่าน Ka-Band L-Band S-Band และ X-Band ปัจจุบัน


ดาวเทยม เม่อป พ.ศ.๒๕๑๐ โดยใช้ดาวเทยมอนเทลแซท ประเทศไทยมีดาวเทียมส่อสารใช้งานอยู่ในวงโคจร




(Intelsat) เพ่อใช้ในการส่อสารของประเทศไทย ท่ตาแหน่ง ๗๘.๕, ๑๑๙.๕ และ ๑๒๐ องศาตะวันออก







โดยในข้นต้นน้น บริษัท กสท. โทรคมนาคม จากัด ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวง

(มหาชน) เป็นหน่วยงานดูแล และมสถานีรับสัญญาณ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อสารเดิม) เป็นหน่วย



ณ อาเภอศรีราชา จังหวัดชลบร ต่อมาประเทศไทยได้ใช้ รับผิดชอบในการจัดสรรและอนุญาตในการใช้ตาแหน่ง


ดาวเทียมของต่างประเทศหลายดวง จนในปี พ.ศ. วงโคจร และ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
๒๕๓๔ กระทรวงคมนาคมได้ให้สัมปทานแก่บริษัท กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาต ิ


ชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคช่นจากัด (ต่อมา (กสทช.) รับผิดชอบในการออกใบอนุญาตในการ
เปล่ยนช่อเป็นบริษัทชินคอร์ปอเรช่นส์จากัด (มหาชน) ประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภท ๓ (ดาวเทียมเพื่อ





และปัจจุบันคือบริษัทอินทัชจากัด (มหาชน) ซ่งได้จัดต้ง ั การสื่อสาร) โดยมีรายละเอียดตามตารางที่ ๒


ท # ี ตําแหน่ง พื้นที่ควบคลุม ดาวเทยม
๑ 50.5E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตำแหน่งที่กระทรวงดิจิทัลฯ ได้อนุญาต
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ลากดาวเทียมไทยคม ๓ มาปลดระวาง
มหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทร เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ และเป็น
แอตแลนติก ตำแหน่งที่ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจ
ที่สำคัญฯ ซึ่งมีหลายประเทศต้องการจะใช้
ตำแหน่งวงโคจรนี้ ปัจจุบันมีดาวเทียม
ประจำการ
๒ 51 E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
32 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒
มหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทร
แอตแลนติก
๓ 78.5 E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยคม ๕ ไทยคม ๖ ไทยคม ๘
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน
บางส่วนของประเทศออสเตรเลีย มหาสมุทร
อินเดีย
๔ 119.5 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย ไทยคม ๔ (ไอพีสตาร์)
และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
๕ 120 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย เป็นตำแหน่งเดิมของดาวเทียมไทยคม ๑ ที่
และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก กระทรวง ฯ ได้อนุมัติให้กำหนดการปลด
ระวางไปเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓
ปัจจุบันมีดาวเทียมไทยคม ๗ ขึ้นไปใช้งาน
ณ ตำแหน่งดังกล่าว
๖ 126 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย บางส่วนมหาสมุทร อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
อินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
๗ 142 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย บางส่วนมหาสมุทร อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
อินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU



ท # ี ตําแหน่ง พื้นที่ควบคลุม ดาวเทยม
51 E
๑ ๒ 50.5E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นตำแหน่งที่กระทรวงดิจิทัลฯ ได้อนุญาต
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ให้ลากดาวเทียมไทยคม ๓ มาปลดระวาง
มหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทร เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ และเป็น
มหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทร
แอตแลนติก ตำแหน่งที่ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจ
แอตแลนติก
๓ 78.5 E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยคม ๕ ไทยคม ๖ ไทยคม ๘
ที่สำคัญฯ ซึ่งมีหลายประเทศต้องการจะใช้
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตำแหน่งวงโคจรนี้ ปัจจุบันมีดาวเทียม
บางส่วนของประเทศออสเตรเลีย และ ประจำการ
มหาสมุทรอินเดีย
๒ 51 E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
๔ 119.5 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย ไทยคม ๔ (ไอพีสตาร์)
โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน
และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
มหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทร
๕ 120 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย เป็นตำแหน่งเดิมของดาวเทียมไทยคม ๑ ที่
แอตแลนติก
และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
๓ 78.5 E ทวีปแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวง ฯ ได้อนุมัติให้กำหนดการปลด
ไทยคม ๕ ไทยคม ๖ ไทยคม ๘
บางส่วนของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระวางไปเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓
บางส่วนของประเทศออสเตรเลีย มหาสมุทร ปัจจุบันมีดาวเทียมไทยคม ๗ ขึ้นไปใช้งาน
อินเดีย ณ ตำแหน่งดังกล่าว
๔ ๖ 119.5 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย บางส่วนมหาสมุทร อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
126 E
ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย ไทยคม ๔ (ไอพีสตาร์)
อินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
๕ ๗ 142 E ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย บางส่วนมหาสมุทร อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
120 E
ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย เป็นตำแหน่งเดิมของดาวเทียมไทยคม ๑ ที่
อินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
กระทรวง ฯ ได้อนุมัติให้กำหนดการปลด
ระวางไปเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓
ตารางที่ ๒
ปัจจุบันมีดาวเทียมไทยคม ๗ ขึ้นไปใช้งาน


ทงน จากวงโคจร จานวน ๗ วงโคจร ของ Mbps ซึ่งเป็นการเช่าใช้เพิ่มเติม



ณ ตำแหน่งดังกล่าว




ประเทศไทย ท่กล่าวจะมีเอกสารข่ายงานดาวเทียม ๓. ย่านความถ L-Band จานวน ๐.๒๕๙ MHz

ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย บางส่วนมหาสมุทร อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
126 E
จ�านวน ๒๑ เอกสารข่ายงานดาวเทียม ซึ่งเป็นการเช่าใช้เพิ่มเติม
อินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU

๗ สถานภาพการใช้งานดาวเทียมส่อสารภาครัฐของ - สรุปได้ว่า ในปัจจบันภาครฐมีการเช่าใช้งาน


142 E
ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย บางส่วนมหาสมุทร อยู่ระหว่างกระบวนการจองตำแหน่งวง
ดาวเทียมส่อสาร รวมเป็นเงิน วงเงิน ๕๔๗,๒๘๐,๑๐๐.๕๕
ไทยในปัจจุบัน อินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก ื โคจรและคลื่นความถี่ต่อ ITU
ในปัจจุบันประเทศไทย/รัฐบาลไทยมีการใช้ บาท/ปี หรือคิดเป็นเงิน ๘,๒๐๙,๒๐๑,๕๐๘.๒๕
ดาวเทียมในย่านความถี่ต่างๆ ดังนี้ ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปี โดยดาวเทียมส่อสารท่ภาครัฐ



๑. ย่านความถ C-Band จานวน ๔.๗๕๕ มีการใช้งานในปัจจุบัน ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม ๔


ช่องสัญญาณดาวเทียม (Transponder) (๑๗๑.๑๗๖ ดาวเทียมไทยคม ๕ ดาวเทียมไทยคม ๗ ดาวเทียม
MHz) ซึ่งเป็นการใช้งานดาวเทียมไทยคม ๕ ณ ต�าแหน่ง Inmarsat ดาวเทียม EutelSat70B และ ดาวเทียม NSS

วงโคจร ๗๘.๕ องศาตะวันออก (แบ่งออกตามการใช้งาน อย่างไรก็ตาม สถานภาพการใช้งานดาวเทียมส่อสารภาครัฐ
ตามสัญญาฯ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จานวน ๑ Transponder (ปัจจุบัน) ไม่รวมการใช้งานของบริษัท ทีโอท จากัด








และส่วนท่เหลือเป็นการเช่าใช้เพ่มเติม จานวน ๓.๗๕๕ (มหาชน) และบรษท กสท. โทรคมนาคม จากด (มหาชน)


Transponder) แนวโน้มการใช้งานระบบส่อสารผ่านดาวเทียม



๒. ย่านความถ KU-Band แบ่งออกเป็นจานวน ของภาครัฐในอนาคต จากการส�ารวจและประมาณการ

๑.๑๗ Transponder (๔๒.๐๑๒ MHz) และ ๒๔๖.๐๐ ของกรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 33


ในรูปแบบโครงการ BTO (Build Transfer and Operate)




ภายใต้สญญาฯ มเงอนไขและข้อกาหนดทสาคญคอ







นับตั้งแต่ลงนามในสัญญาฯ บริษัทจะโอนกรรมสิทธิ์และ
ส่งมอบดาวเทียมและอุปกรณ์สถานีควบคุมดาวเทียม
ให้ตกเป็นทรัพย์สินของกระทรวงฯ โดยกระทรวงฯ

จะมอบทรพย์สนให้บริษทใช้ดาเนนการตามข้อกาหนด








และเง่อนไขของสัญญาฯ ท้งน จากการปฏิรูประบบ

พื้นที่ใช้งานย่านความถี่ C-Band และ KU-Band ของภาครัฐในปัจจุบัน
ราชการเม่อ พ.ศ.๒๕๔๕ การดาเนินกิจการดาวเทียม






ประกอบด้วย ย่านความถ C-Band จานวน ๑๑.๓๐ ได้เปล่ยนจากกระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงดิจิทัล

Transponder (๓๖๘.๕๘๖ MHz) ย่านความถ KU-Band เพ่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ




แบ่งออกเป็นจานวน ๖.๓๐ Transponder (๒๒๖.๙๕ และการส่อสารเดิม) รวมท้งได้มีการแปรสภาพ


MHz) และ ๑๒๐ Mbps ย่านความถี่ L-Band ๔๕.๙๕๘ กรมไปรษณีย์โทรเลข และมีการจัดต้งคณะกรรมการ





MHz ย่านความถ X-Band จานวน ๒๕๘.๔๖ MHz และ กจการกระจายเสยง กจการโทรทศน์ และกจการ



ย่านความถี่ UHF จ�านวน ๐.๗๕ MHz โทรคมนาคมแห่งชาติกับมีการตราพระราชบัญญัติองค์กร



จากข้อมูลข้างต้น พบว่าหน่วยงานภาครัฐมีแนวโน้ม จัดสรรคล่นความถ่และกากับการประกอบกิจการวิทย ุ

ความต้องการใช้งานระบบส่อสารผ่านดาวเทียมม ี กระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม


ปริมาณเพ่มข้นในทุกย่านความถ และพบว่าหน่วยงาน พ.ศ.๒๕๕๓ ข้นด้วย โดยตาม พรบ. ดังกล่าวมีการกาหนด





ด้านความมนคงยงมความต้องการใช้งานด้านความถ ี ่ ให้กิจการดาวเทียมส่อสารเป็นกิจการโทรคมนาคม




ย่านใหม่ท่ไม่เคยมีการใช้งานมาก่อน คือย่านความถ ี ่ ท�าให้เกิดมีหน่วยรับผิดชอบ ๒ หน่วยงาน คือ กระทรวง


X-Band และ UHF-Band อย่างไรก็ตามแนวโน้มการใช้งาน ดิจิทัลเพ่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะหน่วยงาน

ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมในอนาคตน้นเป็นการ อานวยการ (Administrator) และ กสทช. ในฐานะ




ประมาณการในขั้นต้นเท่านั้น หน่วยงานกากบ (Regulator) แต่กยังมีความไม่ชัดเจนนัก



จะเห็นได้ว่า ดาวเทียมของไทยโดยเฉพาะอย่างย่ง โดยการดาเนินการเก่ยวกับเอกสารข่ายงานดาวเทียม


ดาวเทียมสื่อสารแบบวงโคจรประจ�าที่ (GSO) เป็นเรื่อง ยังอยู่ในการกากับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพ่อเศรษฐกิจ















ทมความสลบซบซ้อนและขาดความชดเจน เนองจาก และสงคม ตอมาเมอป พ.ศ.๒๕๖๐ ไดมการแกไขอานาจ



แต่เดิมการดาเนินการเก่ยวกับดาวเทียมส่อสาร หน้าที่เกี่ยวกับเอกสารข่ายงานดาวเทียม โดยในปัจจุบัน


เป็นอ�านาจหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม (กรมไปรษณีย์ อยู่ในความดูแลของ กสทช.


โทรเลข) โดยมีการลงนามในสัญญาสัมปทานระหว่าง นอกจากน้น เน่องจากเทคโนโลยีได้มีการพัฒนา
กระทรวงคมนาคมกับบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์ อย่างรวดเร็ว การใช้งานดาวเทียมจึงมิใช่ เพื่อการสื่อสาร

คอมมิวนิเคชั่น จ�ากัด (มหาชน) และปัจจุบันคือ บริษัท อย่างเดียว ขอบเขตของการส่อสารและเทคโนโลย ี


อินทัช จากัด (มหาชน) ซ่งได้จัดต้ง บริษัท จากัด จึงจาเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบในภาพรวมด้วย





(มหาชน) เข้ามาด�าเนินงานการให้บริการวงจรดาวเทียม ซ่งการดาเนินการดังกล่าวเรียกว่า “กิจการอวกาศ”



มีระยะเวลา ๓๐ ปี (ซ่งสัญญาสัมปทานจะหมดอาย ุ โดยเป็นการรวมกิจการทุกอย่างท่เก่ยวกับอวกาศเพ่อ






ลงใน ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๔) โดยคณะรัฐมนตร ี ดาเนินการ แต่โดยท่ประเทศไทยเพ่งจะเร่มต้นดาเนิน


อนุมัติให้เป็นโครงการของประเทศ (National Project) การในเร่องกิจการอวกาศ จึงทาให้ขาดองค์ความรู้
34 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒




รวมท้งขาดการส่งเสริมธุรกิจเก่ยวกับกิจการอวกาศ บทสรุป




ซ่งมีอยู่หลายแขนง และไม่มีนโยบายและแผนโดยชัดเจน ในปัจจบนมการใช้งานดาวเทยมอย่างกว้างขวาง






รวมท้งไม่มีกฎหมายท่ควบคุมการดาเนินการเร่องน ี ้ ซ่งก็มิใช่เฉพาะดาวเทียมส่อสารอย่างเดียว แต่ม ี



โดยเฉพาะ การใช้ดาวเทยมประเภทอน ๆ อกจานวนมาก



ปัจจุบันการดาเนินการกิจการอวกาศของ ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียมสารวจ ดาวเทียมสอดแนม


ประเทศไทยอยู่ในการกากับดูแลของคณะกรรมการ ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา และดาวเทียมนาร่อง เป็นต้น









นโยบายอวกาศแห่งชาต แต่งต้งโดยระเบียบสานัก นอกจากน้น เน่องจากพ้นท่ในอวกาศเป็นพ้นท่ท่ม ี



นายกรัฐมนตร ซ่งเป็นฝ่ายบริหารมิใช่เป็นคณะกรรมการ ความสาคัญและมีค่า ประเทศต่าง ๆ จึงเสาะแสวงหา










ท่ต้งโดยพระราชบัญญัต ด้วยเหตุน้ในบางคร้ง และแย่งชิงตาบลท่ท่เหมาะสม เพ่อใช้ในงานดาวเทียม








มีข้อสงสัยว่าคณะกรรมการชุดน้จะสามารถดาเนินการ ในอวกาศ รวมทงการดาเนินกิจการอวกาศ มใช่แต่
ในภาพรวมของกิจการอวกาศได้แค่ไหนหรือไม่เพียง เพียงการใช้ดาวเทียมเท่านั้น ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมาก


ใดรวมทงมขอบเขตอานาจแค่ไหน อย่างไรนอกจาก ดังนั้น ข้อขัดแย้งต่าง ๆ อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากการใช้







น้นการดาเนินการเก่ยวกับกิจการส่อสารโทรคมนาคม อวกาศด้วย ประเทศไทยเป็นประเทศทมการใช้ประโยชน ์



ของไทย มีกฎหมายหลายฉบับ คือ พระราชบัญญัติวิทยุ จากดาวเทียมหลายประเภท เช่น ดาวเทียมส่อสาร
คมนาคม พ.ศ.๒๔๙๘ พระราชบัญญัติประกอบกิจการ ดาวเทียมสารวจ เป็นต้น แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเร่มต้น และ







โทรคมนาคม พ.ศ.๒๕๔๔ พระราชบัญญัติประกอบ ยงไม่ได้มแนวทางในการดาเนนการอย่างจรงจง

กิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ และ และชัดเจน ดังน้นถึงเวลาแล้วท่ประเทศไทยควรจะ


พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคล่นความถ่และกากับ ตระหนักในเรื่องกิจการอวกาศให้จงหนัก และหน่วยงาน




การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ท่เก่ยวข้องของไทยต้องเร่งรัดให้มีการดาเนินการ




และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ซ่งกฎหมาย ในเร่องกิจการอวกาศอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น

บางฉบับได้มีผลบังคับใช้มานานแล้ว และหลายฉบับม ี การกาหนดนโยบายในเร่องกิจการอวกาศ การผลักดัน

ความขัดแย้งกันเองจึงทาให้เกิดความสับสนในการปฏิบัต ิ ให้มีกฎหมายอวกาศ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้

ู่

เป็นอย่างมาก ส่งต่าง ๆ เหล่าน เป็นเร่องท่หมักหมม ก้าวไปส “ประเทศไทย ๔.๐” ตามเจตนารมณ์ และนโยบาย




ซ่งหากไม่มีการดาเนินการแก้ไขแล้วอาจจะเป็น ของรัฐบาลต่อไป รวมทั้งให้ประเทศไทย “มั่นคง มั่งคั่ง


ระเบิดท่รอเวลา และทาให้กิจการส่อสารของประเทศ ยั่งยืน”



รวมทั้งกิจการอวกาศประสบผลเสียหายได้
อ้างอิง
๑. รอบรู้เร่องดาวเทียม , บริษัท ไทยคม จากัด (มหาชน)ตลาคม ๒๕๕๑



๒.เอกสาร Background & Operation of Thaicom Satellite ,Customer and Network Services Department






๓. กองทพเรอกบการพฒนาสการสงครามทใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Warfare )เรียบเรียงโดย พลเรือโท ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์


เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓
๔. เนื้อหาด้านดาวเทียม เรียบเรียงโดย นาวาเอก ยศภาค โชติกพงศ์
๕. สารานุกรมโทรคมนาคมไทย




๖. ผลการศึกษาแนวทางดาเนินงานด้านดาวเทียมส่อสารภาครัฐเพ่อความม่นคง จัดทาโดย กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม กระทรวงกลาโหม

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๙


๗. รายงานการพิจารณาการศึกษา เร่องนโยบายและกฎหมายท่เก่ยวข้องกับดาวเทียมและแนวทางการจัดหา ดาวเทียมส่อสารภาครัฐ จัดทาโดย



คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๙
๘. ข้อมูลเบื้องต้นดาวเทียมสื่อสารของประเทศไทย โดย นางสาว โฆษณี ก�าลังศิลป์ นิติกรช�านาญการฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการกิจการอวกาศ
ในคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ฯ สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 35


บันทึกนักโดดร่มในวัน



“โกงความตาย”






พเยาว์ คุ้มบำารุง









คร้งหน่งในโลกบันเทิงเคยมีการสร้างภาพยนตร์เร่อง แถวหน้าเกือบท้ายแถว ยกมือข้นอาสาสมัครไปโดดร่ม














Final Destination หรือในช่อไทยว่า “๗ ต้องตาย แทนคนทขาดไป ดฉนขอใชชอจดตงใหเธอวา “พสมกลา”







โกงความตาย” เน้อหาของภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นเร่องราว ตอนน้นฉันรู้สึกว่า พ่แน่มาก เพราะไปโดยยังไม่มีคาส่ง


ของวัยรุ่น ๗ คนท่มีลางสังหรณ์และทยอยเสียชีวิตไป รองรับเน่องจากเป็นกรณีเร่งด่วน ถ้ามีอะไรเกิดข้น


ทีละคน จนกระทั่งคนสุดท้ายซึ่งเห็นเพื่อนของตนสิ้นชีพ ใครจะรับผิดชอบ
ไปตามลางสงหรณ์จงพยายามดนรนเอาตวรอดเพอทจะ รุ่งขึ้น พวกเรานักโดดร่ม ชาย – หญิง เกือบ ๔๐ คน









หลีกหนีมัจจุราชให้ได้ มาจาก พัน ลว.นย. แผนกการพิเศษฯ พร้อมร่มอุปกรณ์

ท่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงจินตนาการของผู้สร้าง การแต่งกายชุดวอร์มราชนาวี (สีน�้าเงินแถบขาว) เดินทาง
ภาพยนตร์แนวต่นเต้นลึกลับในฮอลลีวู้ดและภาพยนตร์ ไปขนเครอง F-27 ทสนามบินอู่ตะเภา ฝงบิน ๒๐๑











เร่องนี้ก็ประสบความสาเร็จตามเป้า เพราะมีการสร้าง ภารกิจในวันน้กาหนดในช่วงบ่าย พวกเราจะไปแสดง










จนถงภาคท ๗ โดยปรบเปลยนตวละครและเหตการณ์ การโดดร่มแบบด่งพสุธา เปิดกีฬาส่เหล่า ท่สนามกีฬา


ให้เข้ากับกระแสที่คนดูต้องการมาเป็นล�าดับ ธูปะเตมีย์ กรุงเทพฯ


ดิฉัน พเยาว์ คุ้มบารุง พนักงานพับร่ม แผนกวิชา การแสดงการโดดร่มในวันน้น จะแบ่งนักโดดออก

การรบพิเศษ ศูนย์ฝึกนาวิกโยธิน เคยพบกับเหตุการณ์ เป็น ๒ รอบ รอบแรก ๑๙ คน ท เหลือโดดรอบสอง

ทานองเดียวกับภาพยนตร์ “โกงความตาย” มาแล้ว ดิฉันอยู่ในรอบแรก โดดเป็นคนที่ ๑๙ ตามหลังพี่สมกล้า





แต่ส่งท่ดิฉันประสบเป็นเร่องจริงท่ยังคงฝังแน่น ในความสูง ๘,๐๐๐ ฟุต เรานัดแนะกันว่าใครโดดเป็น
ในความทรงจ�าโดยไม่ลืมเลือน กลุ่มแรก ๆ ก็ให้เปิดร่มในความสูงตา ๆ (ประมาณ ๕,๕๐๐


“เหตุการณ์โกงความตายของดิฉันเกิดข้นในวันท ่ ี ฟุต – ๓,๐๐๐ ฟุต) ส่วนพวกผู้หญิงโดดตามมาทีหลัง

๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๓ เกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว แต่ยัง ให้เปิดร่มสูง ๆ ไว้ เพราะสนามโดดไม่เคยเห็นมาก่อน
จาได้แม่น เหมือนเพ่งเกิดข้นเม่อวานน้เอง ก่อนหน้า ทั้งสิ่งกีดขวาง สนามส�ารอง ก็ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก อีกทั้ง






วันโดดจริง ๑ วัน มีการเรียกแถวรวมพนักงานที่แผนกฯ การซ้อมโดดก่อนวันจริง ก็ไม่ม จะมีก็แต่ใจล้วน ๆ



เพ่อขอนักโดดเพ่มอีก ๑ คน ทุกคนในแถวน่งเงียบ ตามแบบฉบับนักโดด ทร. ท่พร้อมจะทุ่มเทให้ภารกิจ





รวมท้งตัวดิฉันด้วย เพราะดิฉันมีช่ออยู่ในคาส่งโดด แบบถึงไหนถึงกัน
อยู่แล้ว เวลาผ่านไปช่วอึดใจ ก็มีรุ่นพ่คนหน่งยืนอยู่



36 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒









เม่อนักบินบังคับเคร่องเข้าสู่ท่หมาย ประตูเปิด ในจงหวะอนต่อเน่อง คอการบีบเข่า เท้าชิดให้แน่น ๆ
ู่




นักโดดยืนเตรียมพร้อมเป็นแถวยาวจากประตูท้ายเคร่อง ลงเท้าค ล่นไถลไปข้างหน้า ดิฉันมองเห็นเพ่อน ๆ ล้มกล้ง


ถึงประตูห้องนักบินทั้ง ๑๙ ชีวิต ยืนหายใจรดต้นคอกัน ล้มหงายคารวะฟ้าดนกนเป็นแถว แต่ดฉนสามารถซอย



ถึงขนาดได้กลิ่นสาปตัวกันเลยทีเดียว เรายืนติดกันเพ่อ เท้าวิ่งไปกับร่มได้ ลงพื้นแรงนิดหน่อย นักโดดปลอดภัย

ให้พร้อมท่จะผลักกันดันกันให้ออกไปเร็ว ๆ เพราะมัน หมดคน

อึดอัด และถ้ายิ่งโดดช้าด้วยแล้ว พวกที่อยู่ท้าย ๆ ก็ไม่รู้ เม่อทาการแสดงการโดดร่มเรียบร้อยแล้ว เราทุกคน


ว่าจะห่างจากสนามไปไกลถึงไหน เตรียมตัวกลับบ้าน ข้นตอนคือการรวมพล มีคาส่งให้



แล้วก็จริงดังคาดไว้ พอพุ่งตัวออกจากประตูเคร่องได้ นักโดดทุกคนรีบพับร่ม แล้วให้รีบเดินทางไปข้นเคร่อง


ดิฉันก็รีบหมุนซ้าย – ขวา มองหาสนามไม่เจอเลยใน F- 27 ที่จอดคอยรอรับอยู่ที่สนามบินดอนเมือง เพื่อบิน

แว่บแรก สนามกีฬาเป็นสนามฟุตบอลสีเขียว ๆ อยู่ไหนนะ กลับสัตหีบให้เราทาการโดดร่มลงที่สนามหน้า บก.พัน



แย่แล้ว! หาสนามไม่เจอ ลว.นย. อนเป็นเรองปกตตามหลกนยมของนกโดด ทร.







ประสบการณ์ท่ส่งสมมา ได้บอกตัวเองว่า เม่อใด กล่าวคือ เม่อข้นเคร่องแล้วจะต้องเหยียบพ้นด้วยการ




คราใดไปโดดต่างถิ่นต่างที่ ไม่เคยเห็นสนาม หาสนามซึ่ง โดดร่มลงพื้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีการเดินลงจาก














เปนทลงพนไมเจอ ใหมองหารมทอยขางลางสด เพราะรม เครื่องเป็นอันขาด




นั้นจะเป็น Jump’s Master หรือผู้ควบคุมการโดด ที่จะ ขณะน้นเวลาบ่าย ๓ โมงกว่าแล้ว ต้งแต่เช้าจนถึง

ออกจากเครื่องโดดเป็นคนแรก เพราะ Jump’s Master ตอนน ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ทุกอย่างราบเรียบ เรียบร้อยด ี


จะเห็นสนามก่อนใคร ทุกคนทาหน้าท่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไร







น้นไง ! เจอแล้ว ส่งท่อยากเห็นและยังมีร่มอ่น ๆ ติดขัด หรือลางสังหรณ์ใด ๆ จนกระท่ง... เท่ยวบินขากลับน ี ้
















ของคนทโดดก่อน ดฉนกาลงบงคบร่มตามกนไปเป็น ทกคนแต่งร่มพร้อมโดดกลบไปขนเครองอกครง อย่าง


หางว่าวเลย ใจจดใจจ่อ กระวีกระวาด เพื่อที่จะได้โดดให้เสร็จเร็ว ๆ
เมื่อมองลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง อ้อ... ป่าคอนกรีต จะได้กลับบ้านกันเสียที


เป็นอย่างนี้นี่เอง มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ตึกสูงกับถนน ตามแผนท่กาหนดไว้เราจะนั่งเคร่องบิน F-27

โดยมีสายไฟสูง ๆ ตา ๆ คละกันไป ขาวโพลนไปหมด มาโดดลงที่สนามหญ้า บก.พัน ลว.นย. โดยรอบการโดด



นอกจากน้ยังมีรถยนต์ว่งกันเป็นสายนาควักไขว่เหมือน เหมือนเดิม ความสูง ๘,๐๐๐ ฟุต แบ่งเป็น ๒ รอบ ดิฉัน



มดด�าเต็มพรืด มันคือป่าคอนกรีตโดยแท้ แม้แต่แผ่นดิน อยู่รอบแรก



หรือต้นไม้สักต้น ก็มองไม่เห็นเลย เม่อนักบินบังคับเคร่องเข้าใกล้สู่ท่หมาย หน้า

ดังนั้นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ต้องบังคับร่มลง บก.พัน ลว.นย. พวกเรารอบแรกลุกข้นยืนเตรียมพร้อม
สนามกีฬาธูปะเตมีย์อย่างเดียว ไม่มีแผนสอง สาม สี่ ห้า ที่จะโดด ขณะนั้นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว “เพื่อน ๆ ที่แผนกฯ
ไม่มีสนามสารอง นักโดดต้องพุ่งตรงเข้าหาสนามกีฬาให้ได้ คงจะเตรียมตัวกลับบ้านกันแล้วซินะ” ดิฉันราพึงกับตัวเอง


อึดใจต่อมาก็มองเห็นสนามเป้าหมาย สนามเป็นรูป อยากกลับบ้านเร็ว ๆ เหมือนกัน

วงกลมร พนหญาในสนามสเขยวดเลกไปถนดตา เพราะม ี แต่แล้วในนาทีน้นนักบินก็แจ้งว่า... สภาพอากาศ










สิ่งกีดขวาง คือ เสาไฟสูงที่ให้แสงส่องสว่างในเวลากลางคืน ไม่ด เมฆเยอะ มองไม่เห็นท่หมาย โดดไม่ได้ ผู้ควบคุม



ยืนตระหง่านอยู่รอบสนามเลย การโดดจึงปรึกษากันเพ่อแก้ปัญหา เม่อโดดลงท่สนาม



ดิฉันพยายามมองหาแผ่นผ้าสัญญาณ ดูร้วธงท ี ่ บก.พัน ลว.นย. ไมได้ ก็ให้เคร่องบิน บินผ่านเลยไปท ี ่
ปลิวสะบัด หาทิศทางลม เพื่อลงพื้น จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น สนามโดดแสมสาร ค่ายเจษฎาฯ โดยการให้นักโดด
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 37









มองเห็นพ้นใช้เพดานบิน ตาลงมาเร่อย ๆ จาก ๘,๐๐๐ ฟุต ซ่งลุกข้นยืนกอดกระชับร่มเข้าหาอกตัวเองให้ต่นตัว
ลงไปเป็นล�าดับ เพื่อให้มองเห็นสนามโดด แสมสารให้ได้ รุ่นพ่พร้อมโดดแล้ว ดิฉันหันกลับไปมองหน้าครูอีกคร้ง



เม่อเคร่องบินลดระดับจนถึง ๒,๕๐๐ ฟุต – ๓,๐๐๐ ฟุต แล้วเอ่ยปากออกไปว่า





ซ่งเป็นความสูงท่ตามากสาหรับการโดดร่มแบบด่งพสุธา “ก็ได้ค่ะ โดดก็ได้ แต่ขอเป็นรอบสองนะ” ดิฉันพูด



ดิฉันสามารถมองเห็นนักฟุตบอลว่งเล่นเตะบอลไป-มา แบบออมชอม แต่ลึก ๆ ในใจ ฟันธงแล้วไม่โดด จะขอลง
ในสนามที่โดดแสมสารได้อย่างชัดเจน พร้อมเครื่อง แม้ว่าจะไม่ใช่วิสัยของนักโดด ทร. ก็ตาม



สถานการณ์ในขณะน้น ทาให้ดิฉันเร่มประมวลภาพ เขียนถึงบรรทัดนี้แล้ว ภาพเหตุการณ์วันนั้นในอดีต



ตามความเป็นจริง การเปล่ยนสนามโดดภายในเวลา หวนกลับเข้ามาในสมองอีกคร้ง เป็นภาพท่ชัดเจน
อันสั้น จากหน้า บก.พัน ลว.นย. ไปสนามโดดที่แสมสาร เหมือนมีชีวิตจริง ๆ ซ่งดิฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้






เป็นสนามโดดท่อยู่ติดกับทะเล ไม่มีเจ้าหน้าท่ภาคพื้นดิน เม่อมีคาส่ง “โดด” นักโดดรอบแรกกรูตามกันไป
นักโดดไม่มีเส้อชูชีพ ในทะเลไม่มีเรือช่วยชีวิต และความสูง เป็นสายนา แบบไม่คิดอะไรอีกแล้ว ทุกคนว่งไปยืนเอามือ





ที่ต้องโดดก็ลดต�่าลงมาเรื่อย ๆ แตะขอบประตูเหมือนเป็นท่พ่งสุดท้าย แล้วก็โผนออกไป









ความรู้สกบางอย่างจงเกดขนอย่างห้ามไม่อย่ ดฉน สู่ความว่างเปล่านอกเคร่องอย่างไม่ลังเล โดด ! โดด ! โดด

หันหน้าไปมองนักโดดท่ร่วมชะตากรรมด้วยกันก่อนจะ แล้วก็โดด !



ร้องบอกตนเองในใจว่า ดิฉันจาภาพสุดท้ายของนักโดดคนสุดท้ายท่ว่งตาม ๆ

“อย่าโดดนะ มันผิดปกติ ถ้าโดดออกไปในความสูง กันไป “เอม” เพื่อนสนิท วิ่งไปถึงประตูเครื่อง ยืนเอามือ




ขนาดน ต้องรีบเปิดร่มทันทีต้องถ่วงเวลาในอากาศ ๓ – ๕ แตะขอบประต เหมือนทุก ๆ คน แต่ภาพจาของดิฉัน




วินาที เพื่อให้ท่าทางติดลมก่อน หงายท้องไม่ได้เลย” เป็นภาพท่เพ่อนย่นหน้าออกไป แล้วหยุดน่ง ก่อนจะโยกตัว

และอีกอย่างหน่ง ท่ดิฉันคิดได้ในขณะท่ใจคอไม่ค่อยด ี กลับเข้ามาในเคร่อง แล้วพูดว่า “เมฆ ข้างนอกเมฆ



ก็คือ นักโดดรอบแรก ๑๙ คน รวมท้งดิฉันด้วยเป็นคน เต็มไปหมดเลย !”


สุดท้ายเม่อโดดลงไปแล้วจะไปอยู่ตรงไหน ลมพัดจาก แต่ไม่ว่าบนท้องฟ้าจะมีอะไร มันเป็นสัญชาติญาณ
ทะเลเข้าฝั่ง นักบินก็ต้องบินออกทะเล เพื่อปล่อยนักโดด ที่นักโดดเมื่อยืนประตูแล้วต้องโดดหมดคน เอมก็เช่นกัน
และให้ลมพัดพานักโดดเข้าหาฝั่ง ซึ่งนั่นหมายความว่า ภายในเสี้ยววินาทีนั้น ดิฉันเห็นเอมก็ดีดตัวออกไป ดิฉัน






คนท่โดดลาดับท้าย ๆ คนท ๑๖, ๑๗, ๑๘, ๑๙ มองตามร่างเพ่อนท่หลุดลอยออกไปเข้าไปในกลุ่มเมฆ
ต้องอยู่กลางทะเลแน่ๆ เลย ซึ่งอันตรายสุด ๆ ดิฉันโดด หนาทึบ ก่อนจะหายวับไปกับตา







ไม่ได้แน่นอน เพราะว่า... ดิฉันว่ายนาไม่เป็นถ้าโดดลง นักโดดรอบท่สองกาลังเตรยมตัวท่จะทาการโดด
ทะเลโดยไม่มีชูชีพดิฉันต้องตายแน่นอน ! ในล�าดับต่อไป ภายในเสี้ยววินาทีนั้น หลังจากที่เอมเป็น








และแล้วนักบินก็เร่มบังคับเคร่องต้งลา ช่างเคร่อง คนสุดท้ายท่โดดออกไป ช่างเคร่องก็รีบปิดประตูเคร่อง
เปิดประตู นักโดดลุกขึ้นยืนเตรียมตัวโดด ดิฉันอยู่เกือบ บินทันทีอย่างร้อนรนพร้อมกับร้องบอกว่า



ท้ายสด แต่ไม่ยอมลกจากทน่ง หนไปถามนกโดดทเป็น “นักบินสั่งให้ปิดประตู ไม่มีการโดดอีกแล้ว ฝนตก






ครูคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้กัน พายุเข้า คลื่นลมแรง ต้องเอาเครื่องลงเดี๋ยวนี้ !”
“ครูคะ... ถ้า Jump’s Master โดด แล้วเยาว์ไม่โดด สิ่งที่ได้ยินท�าให้ดิฉันดีใจ อิ่มใจ เมื่อบอกกับตนเอง
จะเป็นอะไรไหม ?” ว่ารอดตายแล้ว ทุกคนบนเคร่องน่งลง เพ่อท่จะกลับ






เงียบ... ไม่มีเสียงตอบจากคร ทาให้ดิฉันสับสน สู่พื้นพร้อมเครื่อง
กระวนกระวายใจ ดิฉันหันไปมองนักโดดรุ่นพ่อีกคน

38 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒






จากเหตุการณ์ในวันน้น ด้วยสภาพอากาศเลวร้าย เท่ยวสอง นึกข้นมาได้ว่า เงินเดือนเพ่งรับมา
ฝนตกหนัก พายุเข้า ลมแรง คลื่นทะเลสูงเกือบ ๒ เมตร ใหม่ ๆ วันน ต้องเอาไปให้แม่บ้านก่อน ถ้าไม่เอาไปให้





ส่งผลให้นักโดดร่มตกทะเล ๔ คน เป็นหญิง ๓ คน ท่บ้านคงเดือดร้อน เม่อช่งนาหนักแล้ว เขาจึงตัดสินใจ





ชาย ๑ คน แต่ละคนต้องแก้ไขสถานการณ์คับขันตาม หันหลังกลับว่ายนาย้อนไปยังร่มชูชีพเพ่อ ไปเอาเงินเดือน
สัญชาติญาณแห่งการเอาชีวิตรอด ที่เก็บไว้ในชุดนักโดดที่ผูกติดไว้กับร่ม



นักโดดหญิงคนแรกว่ายนาเข้าหาฝั่งเอง และได้รับ เท่ยวสาม ว่ายนากลับเข้าหาฝั่งอีกคร้ง พร้อมเงินเดือน



การช่วยเหลือจากนักโดด สังกัดพัน ลว.นย. ซ่งเป็น ส�าหรับทุกคนในบ้าน






Recon Man เม่อเข้าใกล้ฝั่ง จากน้นเธอต้องเข้ารบ สาหรับดิฉัน รอดตาย เพราะตัดสินใจไม่โดดเม่อรู้ว่า


การรักษาตัวท โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต ์ ิ สภาวะแวดล้อมมีอันตราย
เป็นเวลา ๑ อาทิตย์ สาเหตุน่าจะเป็นผลจากการว่ายน�้า “ถ้าดิฉันไม่โกงความตายในวันน้น ก็คงไม่มีดิฉัน





ไกลในสภาพคล่นแรงจนกล้ามเน้อท่ขาหมดสภาพ ในวนน” หมองตายเพราะง เป็นคาพงเพย ทใช้ได้








อ่อนแรง เดินไม่ได้ ยืนแล้วก็ล้ม ทุกยุค ทุกสมัย เพื่อเตือนสติ เตือนใจ ให้ระลึกรู้ถึงทุก ๆ

คนท่สอง “เอม” เพ่อนสนิทของดิฉันว่ายนา เหตุการณ์ ไม่ประมาทในการใช้ชีวิตประจาวัน เฝ้าด ู




ลอยคอ ตีแขน ตีขา กลางทะเลจนเกือบหมดหวังก่อนที่ เฝ้าระวัง อย่าได้ละสายตา เพราะความผิดปกติอาจเป็น
ความช่วยเหลือจะมาถึงในเวลาต่อมา สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา



“พ่สมกล้า” นักโดดหญิงรุ่นพ่ของดิฉัน เสียชีวิต หากมีส่งผิดปกติวิสัยเกิดข้นแตกต่างจากท่เคยเป็น


แพทย์ชันสูตรแล้วพบว่า ในปอดไม่มีน�้าเลย ขาดอากาศ หรือท่ควรจะเป็น เราควรหยุดน่ง แล้วคิดทบทวน


หายใจ จมน�้ามาแล้วไม่น้อยกว่า ๔๕ นาที หาสาเหตุ ที่มา ที่ไป เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจว่าจะท�า
นักโดดชายซ่งเป็น Recon Man ใช้วชาทเรียนมา อย่างเพื่อความปลอดภัย







ในหลักสูตร Recon ถอดเสื้อผ้าในน�้า และผูกเก็บทุกอย่าง สุดท้ายน ขอมอบบทกลอนซ่งอาจจะไม่สละสลวย







ไว้กับร่มโดด ว่ายน�าตัวเปล่าเข้าฝั่งเอง เขาว่ายนา ไป – กลับ แต่เขียนจากใจ เพ่อระลกถงร่นพซ่งดิฉันนับถือคือ







ถึง ๓ เท่ยว สงสัยละซิ...ว่า ว่ายอย่างไร – ไปกลับ ๓ เท่ยว “พ่สมกล้า” นักโดดร่มหญิงท่จะอยู่ในใจของพวกเรา

ดิฉันจะเล่าให้ฟัง ช่วนิจนิรันดร์ และเหตุการณ์ในวันน้นจะเป็นบทเรียน





เท่ยวแรก โดดร่มตกทะเลแล้ว ว่ายนาเข้าฝั่งเลย ให้พวกเราได้จดจาไว้ศึกษา เพ่อท่จะไม่เกิดความ


ไม่ได้ฉุกคิดอะไร สูญเสียเช่นนี้อีก
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 39


- ๕ ก.ค. ๔๓ วันนั้นฉันจ�าได้ พี่เป็นคน สุดท้าย ไปโดดร่ม
สนามกีฬา ธูปะเตมีย์ ให้คนชม ต่างโดดร่ม ดิ่งพสุธา กทม.
- โดดร่มเสร็จ พับร่ม เพื่อกลับบ้าน ใจเบิกบาน ยิ้มสู้ ไม่ร้องขอ
ให้โดดร่ม ลงกองพัน บ้าน นย. ไม่รีรอ รีบแต่งร่ม นั่งเครื่องพลัน

- จากความสูง แปดพันฟุต เหลือห้าพัน ผ่านกองพัน โดดไม่ได้ ดับความฝัน
ต้องปรับเปลี่ยน สนามใหม่ อย่างฉับพลัน ตรงไปยัง แสมสาร ถิ่นบ้านเรา
- ผิดปกติ ความสูงลด ต�่าลงเรื่อย คิดแล้วเหนื่อย ดูเหตุการณ์ อย่างหมองเศร้า
ประมวลภาพ ความเป็นจริง เบื้องหน้าเรา แสมสาร สนามโดด ติดทะเล
- ต้องโดดแล้ว ในความสูง สองพันห้า โชคชะตา ถึงตรงนี้ ใจเริ่มเขว
หากโดดไป คงไม่พ้นลงทะเล ใจโลเล จึงไม่โดด ตัดสินใจ
- เปิดประตู จั๊มกระโดด ออกไปได้ นักโดดไว โดดตาม ไม่หวั่นไหว
สิ่งทีเห็น เป็นภาพเพื่อน เคลื่อนลอยไป สู่ที่หมาย ผืนน�้า กว้างสุดตา
- ทันท่วงที ช่างเครื่อง ปิดประตู ให้พวกเรา นั่งอยู่ ติดข้างฝา

นักบินแจ้ง บอกข่าว พายุมา โชคชะตา ให้ที่เหลือ รอดปลอดภัย
- สิ่งแน่นอน คือความไม่แน่นอน พวกถึงก่อน ว่ายน�้า เข้าฝั่งได้
แต่พี่สาว ของพวกเรา ไม่ควรตาย ใจสลาย เห็นร่างพี่ ไร้วิญญา
- ชีวิตพี่ ฉันจ�าได้ เป็นครูสอน แม้แต่ตอน โดดครั้งนี้ มีคุณค่า
ใช้ชีวิต ร่างของพี่ พลีกายา เพื่อสอนน้อง บอกว่าพี่ “ก็ตายเป็น”








“ส่งท่แน่นอน คือความไม่แน่นอน เพราะฉะน้นแล้ว ขอให้ทุก ๆ คน อย่าได้ประมาท ขอให้มีสต ระลึกรู้
อยู่ทุกลมหายใจเข้า – ออก ขอให้โชคดี ปลอดภัยในการใช้ชีวิตทุกคนค่ะ
หมายเหตุบรรณาธิการ

จากเหตุการณ์คร้งน้นในรายงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนักโดดร่มหญิงเสียชีวิต



มีผลสรุปว่าการปฏิบัติของผู้เก่ยวข้อง รวมท้งนักบินเป็นไปอย่างถูกต้องตามข้นตอน กล่าวคือเม่อสนามโดดแรก




ไม่สามารถดาเนินการได้จึงเปล่ยนไปยังสนามโดดสารอง และเม่อพบว่าทัศนวิสัยแปรปรวนจนเป็นอุปสรรค


หลังปล่อยนักโดดชุดแรกออกไปแล้ว ภารกิจจึงถูกยกเลิกในทันทีเพื่อความปลอดภัย....
: รูปภาพใช้เพื่อประกอบเนื้อหา (ไม่ใช่เหตุการณ์จริงของเรื่อง)







40 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


จารึกไว้ในสงคราม


ปฏิบัติการเรืออูในสงครามโลกครั้งที่สอง



พลเรือตรี วิพันธุ์ ชมะโชติ






เม่อพูดถึง “เรือด�ำน้ำ” ในสงครำมโลกคร้งท่สอง เรืออูของเยอรมันไม่เพียงแต่จะท�ำกำรโจมตีเป้ำหมำย

ภำพแรกที่ใคร ๆ มักจะนึกถึงก็คือ “อู - โบ๊ต” หรือเรืออู ซ่งเป็นเรือสินค้ำเพียงอย่ำงเดียว หำกยังมีอีกภำรกิจหน่ง



ซ่งเป็นเรือด�ำน้ำของเยอรมันท่ออกปฏิบัติกำรอย่ำงได้ผล ท่พวกเขำด�ำเนินกำรควบคู่ไปน่นคือ กำรน�ำ “สำยลับ”




ทั้งกำรรังควำนขบวน คอนวอย และกำรโจมตีเรือผิวน�้ำ หรือหน่วยก่อวินำศกรรมไปส่งตำมชำยฝั่งเพ่อแทรกซึม

ของฝ่ำยตรงข้ำม โดยเฉพำะกำรท่เรืออูเพียงล�ำเดียว เข้ำไปปฏิบัติกำรในดินแดนของศัตรู







สำมำรถเจำะดำนเขำไปจมเรอ “รอยล โอค” ขององกฤษ เหตุกำรณ์หน่งท่เก่ยวข้องกับกำรแทรกซึมโดย








ในฐำนทัพนับเป็นเร่องท่โด่งดังมำกและแสดงให้เห็นถึง เรือด�ำน้ำถูกบันทึกไว้ในช่วงของสงครำมโลกคร้งทสอง
ศักยภำพอันร้ำยกำจของเรือด�ำน้ำซ่งไม่มีใครคำดคิดมำก่อน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนำยน พ.ศ. ๑๙๔๑ ซึ่งเป็นวันที่





นักประวติศำสตร์หลำยคนยอมรับว่ำ ในช่วงต้นของ “อ - โบ้ต” ล�ำหน่งน�ำหน่วย ก่อวินำศกรรมของเยอรมันไปส่ง
สงครำมเรืออูของเยอรมันแทบจะได้กำร “ครองทะเล” อยู่แล้ว ยังที่หมำยในดินแดนของศัตรู
ในขณะท่กองทัพเรืออังกฤษไม่อำจเอำชนะสงครำมเรือด�ำน้ำ เป็นเวลำเที่ยงคืนเศษ ๆ ขณะที่เรืออู-๒๐๒ ซึ่งเป็น


ได้อย่ำงเด็ดขำด ท�ำให้อังกฤษอยู่ในสภำพเหมือน “ถูกปิดล้อม” เรือด�ำน้ำรุ่น “วิคเตอร์ ทู” ภำยใต้กำรน�ำของเรือเอกฮำนส์

ทำงทะเล เพรำะเส้นทำงเดินเรือของเรือสินค้ำถูกโจมตีอยู่ ไฮร์เนส เคลื่อนตัวเข้ำใกล้ชำยหำด “อำมำกัน” บริเวณ
ตลอดเวลำ หมู่เกำะ ลอง ไอซ์แลนด์


ยิ่งกำรที่อังกฤษมีลักษณะภูมิประเทศเป็น “เกำะ” เรือเอกฮำนส์น�ำ อ - ๒๐๒ ของเขำโผล่ข้นมำลอยล�ำ




ท�ำให้กำรติดต่อค้ำขำยหรือขนส่งสินค้ำและยุทธปัจจัย อย่อย่ำงสงบเงยบ และเฝ้ำคอยจนกระทงบรษในชดดำ





ต้องอำศัยเส้นทำงในทะเลเป็นหลัก แต่เม่อไม่สำมำรถ ๔ คน พำยเรือยำงเก่ำ ๆ เข้ำสู่หำดได้อย่ำงปลอดภัย
ใช้เส้นทำงน้นได้อย่ำงสะดวก คนอังกฤษก็แทบจะ “อดตำย” หลังจำกส่องกล้องตรวจสอบอย่ำงแน่ใจแล้ว ฮำนส์

หำกสถำนกำรณ์ยืดเยื้อต่อไปอีก ก็สั่งถอนตัวน�ำเรือของเขำกลับออกสู่ทะเล
แต่แล้วสหรัฐอเมริกำก็เข้ำร่วมในสงครำมโลก ทุกอย่ำงดูเหมือนจะด�ำเนินไปด้วยดีส�ำหรับหน่วย


คร้งท่สอง โดยเป็นฝ่ำยเดียวกับอังกฤษหลังจำกท่ก่อนหน้ำน้น ก่อวินำศกรรมหรือสำยลับกล้ำตำยทั้ง ๔ คน ถ้ำหำกว่ำ





สหรัฐอเมริกำให้กำรสนับสนุนอังกฤษอยู่แล้วปฏิบัติกำร ต�ำแหน่งท่พวกเขำพำยเรือยำงข้นบนมำน้น จะไม่ใช่
ทำงเรืออย่ำงเต็มรูปแบบของสหรัฐอเมริกำ ท�ำให้สงครำม บริเวณที่อยู่ใกล้กับสถำนีทหำรเรือ “อีสต์ อำมำกำเซส”


ปรำบเรือด�ำน�้ำเปลี่ยนโฉมหน้ำไป สถำนกำรณ์ทำงทะเล ซงอยูหำงจำกศนย์บญชำกำรหน่วยทหำรรำบเคล่อนทเร็ว







ของอังกฤษ ดีข้นและเรืออูของเยอรมันประสบควำมส�ำเร็จ ที่ ๑๑๔ เพียงไม่กี่ไมล์

ในกำรปฏิบัติภำรกิจได้ยำกกว่ำในตอนต้น
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 41


ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่สมำชิกของหน่วยก่อวินำศกรรม จอห์นไม่ได้สงสัยอะไรในตอนแรกและร้องบอกให้


คำดคิดไม่ถึงจึงอุบัติข้น เม่อยำมตรวจกำรณ์ของสถำน ี ชำยทั้ง ๔ คน เดินตำมเขำเข้ำไปพักในสถำนีด้วยอัธยำศัย


ทหำรเรือที่ชื่อจอห์น ซี. คัลเลน ซึ่งเข้ำเวรอยู่ในขณะนั้น ไมตรีท่ด ลมเร่มพัดแรงข้นและหมอกลงจัดจนหนำตำ



มองเห็นร่ำงตะคุ่ม ๆ ในควำมมืด เขำจึงร้องตะโกนถำม ชนิดมองอะไรแทบไม่เห็น ในขณะท่จอห์นหันหลังกลับ
ไปว่ำ และเดินน�ำหน้ำคนกลุ่มน้น ๑ ใน ๔ ของสมำชิกนำซ ี




“เฮ้ย.. พรรคพวก ต้องกำรให้ช่วยเหลืออะไรหรือเปล่ำ” คิดในใจว่ำ ชำยอเมริกันผู้น้ไม่รู้เร่องว่ำจะเกิดอะไรข้น



สมำชกของหน่วยกอวนำศกรรมนำซตกตะลึงตอกำร จึงไม่น่ำที่จะต้องถูกสังหำร


ถูกตรวจพบอย่ำงกระทันหัน ประกอบกับทุกคนไม่ได้ ครู่ต่อมำ หัวหน้ำหน่วยก่อวินำศกรรมจึงพูดข้น

เตรียมค�ำตอบไว้ล่วงหน้ำ พวกเขำจึงหยุดชะงัก ด้วยน�้ำเสียงเรียบ ๆ ว่ำ
แต่หลังจำกตั้งสติได้ เหตุกำรณ์ที่คล้ำยกับนวนิยำย “แต่ผมว่ำเรำอย่ำเพิ่งไปที่สถำนีของคุณเลย”
ก็เกิดข้น เม่อสมำชิกของหน่วยก่อวินำศกรรมตัดสินใจ “ท�ำไมล่ะครับ”


เดินเข้ำมำหำจอห์นอย่ำงใจเย็น ขณะท่ได้ยินค�ำถำมซ้ำว่ำ “คุณไมรูหรอกวำ เกิดอะไรขึ้น คุณอำยุเทำไหรแลว








“พวกคุณเป็นใครมำจำกไหน” พร้อมกันนั้นจอห์นก ็ มีพ่อแม่หรือเปล่ำ”
ขยับตัวเพื่อดึงไฟฉำยออกมำจำกเอว จอห์น รู้สึกงง กับค�ำถำมนั้นและประโยคที่ตำมมำ

กริยำอำกำรท่เห็น ท�ำให้สมำชิกของหน่วยก่อวินำศกรรม ก็ท�ำให้จอห์นสะดุ้งวำบไปทั้งร่ำง


คิดว่ำจอห์นก�ำลังจะชักปืนออกมำ หน่งในน้นจึงรีบร้องดัง ๆ “รู้มั้ย พวกเรำไม่อยำกจะฆ่ำคุณหรอก”


“เด๋ยวก่อน ! คุณเป็นยำมของหน่วยรักษำฝั่งใช่ม้ย” วินำทีน้นเอง ท่จอห์นเร่มจะเข้ำใจสถำนกำรณ์ได้ดีข้น




“ถูกต้อง” เขำสังเกตเห็นว่ำ ชำยลึกลับอีกคนหนึ่งก�ำลังลำกถุงออกมำ
จอห์นร้องตอบก่อนจะตั้งค�ำถำม จำกกลุ่มหมอก เขำจึงแข็งใจร้องถำมว่ำ
“แล้วพวกคุณล่ะ” “พวกคุณมีถุงอะไรมำด้วย”


“พวกเรำเป็นชำวประมงของเมืองเซำท์แธมต้น ค�ำตอบท่ได้ยินคือ “ถุงหอย” และน่นจึงท�ำให้จอห์น


บังเอิญผลัดหลงเข้ำมำแถวนี้” ม่นใจว่ำเขำก�ำลังจะมีปัญหำอย่ำงแน่นอน เพรำะจอห์น
42 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒













รวำบรเวณดงกลำวไมม “หอย” ใหใครมำเกบอยำงแนนอน และคิดว่ำจอห์นอำจจะนึกภำพหรือหวำดกลัวไปเอง



อย่ำงไรก็ตำม จอห์นตัดสินใจเอำตัวรอดด้วยกำร เก่ยวกับกำรยกพลข้นบกของข้ำศึก จึงท�ำให้พูดอะไร







ทำเป็นไม่ร้ไม่ชหรอแสดงอำกำรว่ำร้เท่ำทนฝ่ำยตรงข้ำม เหลวไหลเช่นนั้น


เขำได้ยินชำยร่ำงสูงเอ่ยตำมมำด้วยน้ำเสียงควำมเป็นมิตร หลังจำกตรวจสอบพนท่อยู่ประมำณ ๕ นำท ี


“ฟังนะ เรำอยำปกให้คุณลืมว่ำเจออะไรแถวนี้” เจ้ำหน้ำที่ทั้งหมดจึงถอนตัวกลับ



จอห์นยังคงยืนนิ่งเฉยขณะที่ชำยคนนั้นพูดต่อ แต่เม่อทุกคนไปถึงสถำน เรือตร “โจ บำร์เนส”
“นี่เป็นเงิน ๑๐๐ ดอลล่ำร์ รับไว้แล้วรีบกลับไปซะ” ซึ่งเป็นหัวหน้ำสถำนีเดินทำงมำถึง
แต่จอห์นปฏิเสธ ชำยคนดังกล่ำวจึงเพ่มเงินให้อีก บำร์เนส ไม่คิดว่ำจอห์นจะวิตกจริต จน “ตำฝำด”

เป็น ๓๐๐ ดอลล่ำร์ ซึ่งครำวนี้จอห์นแกล้งท�ำเป็นยอมรับ และสร้ำงเร่องดงกล่ำวข้นมำเอง เขำจึงส่งให้ผู้ใต้บงคับ





หลังจำกจ่ำยเงินให้แล้ว ชำยคนนั้นได้พูดขึ้นว่ำ บัญชำย้อนกลับไปที่ชำยหำดอีกครั้ง
“คุณจะจ�ำผมได้มั้ย ถ้ำเรำบังเอิญพบกันอีก” บำร์เนส ให้ทุกคนกระจำยก�ำลังกันนอนซุ่มอยู่
“จ�ำไม่ได้แน่” หลังเนินทรำยเตรียมพร้อมท่จะยิงเข้ำใส่ข้ำศึกท่ตรวจพบ


จอห์นตอบพร้อมกับส่ำยหน้ำ ซ่งท�ำให้ชำยผู้น้น แต่หลังจำกซุ่มรออยู่กว่ำ ๒ ชั่วโมง และไม่พบสิ่งใด


พอใจมำก บำร์เนสจึงพำทุกคนกลับสถำนี

“คุณไปได้แล้ว” จอห์นได้น�ำเงินสินบนท่ได้รับออกมำโชว์และมอบ
ประโยคที่ได้ยินท�ำให้จอห์นออกเดินทันที ตอนแรก ให้กับบำร์เนส ๒๐๐ ดอลล่ำร์ พร้อมกับรับใบเสร็จไว้


เขำท�ำเป็นทอดน่องอย่ำงช้ำ ๆ เพ่อให้มีอำกำรเหมือน เป็นหลักฐำนส่วนตัวของเขำเอง เก็บเงินน้นไว้ ๑๐๐ ดอลล่ำร์



คนปกต ท้งท่ในขณะน้นเขำก�ำลังมุ่งหน้ำไปยังสถำน ี โดยไม่บอกให้ใครรู้

ตรวจกำรณ์ชำยฝั่ง ในเวลำต่อมำเรือตรีบำร์เนส ได้โทรศัพท์ไปยัง


เม่อจอห์นสังเกตเห็นว่ำเขำท้งระยะห่ำงออกมำ กองบัญชำกำรใหญ่ของสถำนีทหำรเรือซ่งอยู่ในนิวยอร์ค



พอสมควรจนชำยกลุ่มน้นน่ำจะมองไม่เห็นแล้วเน่องจำก เพื่อรำยงำนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

มีหมอกบดบัง จอห์นจึงตัดสินใจออกว่งและสับฝีเท้ำไป นำยทหำรเวรในขณะน้นคือเรือเอก “เอ็ดเวิร์ด

ยังจุดหมำยทันที มิชเชล” รู้สึกตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน หลังจำกนั้นมิชเชลได้




เม่อไปถึง จอห์นได้เล่ำเร่องท้งหมดท่เกิดข้นให้ แจ้งต่อไปยัง “นำยทหำรกำรข่ำว” ของหน่วยบัญชำกำร

พันจ่ำตรี “ริดชำร์ด คำลำแฮนด์” ฟัง และเรื่องดังกล่ำว ทหำรเรือเขต ๓
ได้ถูกรำยงำนข้นไปตำมล�ำดับจนถึงนำยทหำรเวรของ แต่จำกกำรรำยงำนเป็นทอด ๆ ท�ำให้ข้อมูลคำดเคล่อน


สถำนีทหำรเรือในอีก ๑๕ นำทีต่อมำ ไปจำกควำมจริงเป็นอันมำก โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งรำยงำน
หลังจำกนั้น พันจ่ำตรีคำลำแฮนด์ร่วมกับยำมรักษำ ซึ่งระบุว่ำ
กำรณ์ชำยฝั่งอีก ๓ นำยพร้อมอำวุธปืนกลมือแบบ “ทอมสัน” “เจ้ำหน้ำที่รักษำฝั่ง ตรวจพบผู้ต้องสงสัยว่ำจะเป็น
ก็ได้รับค�ำส่งให้ออกไปตรวจสอบบริเวณท่เกิดเหตุอีกคร้ง ข้ำศึกจ�ำนวน ๔ นำย แทรกซึมข้นสู่หำดฝ่ำยเรำได้ส่ง






แต่เน่องจำกหมอกยังลงหนำ ท�ำให้จอห์นซ่งเป็น ก�ำลังออกค้นหำอย่ำงน้อยจ�ำนวน ๑๐๐ นำย และม ี



คนน�ำทำงไม่สำมำรถระบุต�ำแหน่งท่แน่ชัด ซ่งเป็นบริเวณ เรือตรวจกำรณ์ชำยฝั่งอีกจ�ำนวนหน่งเฝ้ำระวังอยู่ด้ำนนอก

ท่เขำพบชำยลึกลับกลุ่มน้นได้ ประกอบกับยำมรักษำ หำกว่ำจะมีกำรยกพลขึ้นบกเกิดขึ้นจริง”




กำรณ์ท่ถูกส่งออกมำไม่ค่อยเช่อเร่องท่เกิดข้นมำกนัก


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 43










รำยงำนดังกล่ำวขัดแย้งกบข้อเทจจรงอย่ำงส้นเชง หนทำงปฏิบัติเก่ยวกับสถำนกำรณ์ท่เกิดข้น และได้ข้อสรุป



เพรำะในขณะน้นบริเวณจุดท่เกิดเหต มียำมรักษำฝั่ง ว่ำจะต้องค้นหำหน่วยจำรกรรมของเยอรมนีชุดน้ให้ได้



ปฏิบัติหน้ำท่อยู่เพียง ๘ นำย และไม่มีเรือตรวจกำรณ์ โดยระดมก�ำลังจำกทุกฝำยร่วมกัน ท้งทหำรบก ทหำรเรือ

แม้แต่ล�ำเดียวแล่นอยู่ด้ำนนอก และเจ้ำหน้ำที่ของเอฟบีไอ.




เช้ำวันรุ่งข้น หลังจำกหมอกจำงลงแล้ว กลุ่มยำม ในคนวนนน เจำหน้ำทต่อตำนสำยลับของกองทพเรือ







รักษำฝั่งได้ออกค้นหำผู้ต้องสงสัยบริเวณชำยหำดอีกครั้ง จ�ำนวน ๔ นำย ถูกส่งเข้ำพ้นท่พร้อมกับเจ้ำหน้ำท่อีก



ส่งแรกท่พวกเขำพบคือ “บุหร่” ท�ำจำกประเทศ ชุดหน่งถูกส่งข้นประจ�ำหอสังเกตกำรณ์ เพ่อตรวจสอบ















เยอรมน โดยซองของจมอยู่ในพ้นทรำย นอกจำกน้ยังม ี เรือดำนำทคำดว่ำคงจะลอยล�ำขนมำในตอนกลำงคน

ร่องรอยของวัตถุท่มีน้ำหนักถูกลำกไปบนพ้นจนเกิด เพื่อรับหน่วยก่อวินำศกรรมกลับไป




เป็นร่องยำว ขณะเดียวกัน เจ้ำหน้ำท่เอฟบีไอ. จ�ำนวนมำก
รอกำรเคล่อนไหวดังกล่ำว ไปหยุดอยู่บริเวณ ได้กระจำยก�ำลังกันออกส�ำรวจบริเวณโดยรอบ ส่วนก�ำลัง

ที่สังเกตได้ว่ำมีกำรขุดหลุมแล้วฝังอะไรบำงอย่ำงลงไป สมทบของทหำรบกได้ขุดหลุมทรำยท�ำท่ก�ำบังและต้ง



ใกล้กับบริเวณน้น พวกเขำยังพบเส้อผ้ำเปียกน้ำ ปืนกลใกล้กับบริเวณที่สำยลับข้ำศึกซ่อนสิ่งของไว้


๒ ชุด หน่วยยำมรักษำฝั่งจึงรีบขุดหลุมบริเวณท่สงสัย กำรค้นหำไล่ล่ำเป็นไปอย่ำงเข้มข้น หน่วยก่อวินำศกรรม



และได้พบกล่องไม้ ๔ กล่อง ของเยอรมนีท้ง ๔ คน กลำยเป็นเป้ำหมำยท่น�ำมำซ่ง


เม่อพวกเขำน�ำข้นมำเปิดดูพบว่ำ ยังมีกล่องเล็ก ๆ ควำมขัดแย้งในฝ่ำยอเมริกันอย่ำงช่วยไม่ได้






ซ่อนอยู่ข้ำงในอีกช้นหน่ง และเม่อใช้ขวำนฟัน พวกเขำ เจ้ำหน้ำท่ของกองทัพเรือเร่มหงุดหงิดกับกำรปฏิบัติงำน


พบว่ำภำยในกล่องมีอุปกรณ์ท่ใช้ในกำรจำรกรรมและ ของเจ้ำหน้ำท่เอฟบีไอ. ในขณะท่พวกเอฟบีไอ.มองว่ำ


ก่อวินำศกรรมได้ทั้งสิ้น ทหำรเรือ “ไม่มีน้ำยำ” พอท่จะลำกคอสำยลับเยอรมน ี



เป็นอันแน่ชัดแล้วว่ำ พ้นท่รับผิดชอบของเขำถูก เหล่ำนั้นได้





แทรกซึมจำกข้ำศึก หน่วยยำมฝั่งได้ร้องขอกำรสนับสนุน ท่แยไปกวำนนคือ เอฟบีไอ.พยำยำมปกปิดบงข้อมล


เรือตรวจกำรณ์ให้ออกค้นหำในบริเวณใกล้เคียง เพรำะ อย่ำงหนำแน่น ซงในภำยหลังทงกองทัพเรือและเอฟบีไอ.







พวกเขำคำดว่ำน่ำจะยังคงมีเรือด�ำน้ำซ่อนตัวอย เพ่อรอรับ ต่ำงร้องเรียนกล่ำวหำกันและกัน เก่ยวกับกำรพยำยำม
ู่
หน่วยจำรกรรมที่ถูกส่งขึ้นบก ปิดบังหลักฐำน ไม่ให้อีกฝ่ำยน�ำไปใช้ประโยชน์ได้ (หลังจำก

ผบ.สถำนี พยำยำมร้องขอเครื่องบินมำร่วมตรวจสอบ ท่กำรสอบสวนส้นสุดลง เจ้ำหน้ำท่ของกองทัพเรือถูก






แต่เน่องจำกทัศนวิสัยไม่ดีท�ำให้ไม่สำมำรถใช้เคร่องบิน ระบุว่ำเป็นผู้บริสุทธ์และไม่ได้กระท�ำผิดอย่ำงท่เอฟบีไอ.
ตรวจกำรณ์ได้ กล่ำวหำ)

คร้นถึงเวลำ ๑๐๓๐ นำยทหำรกำรข่ำวของกองทัพเรือ แต่ไม่ว่ำฝ่ำยอเมริกันจะระดมก�ำลังกันค้นหำ
เดินทำงมำถงพร้อมด้วยนำยทหำรนอกเครองแบบอก ๓ นำย สักเพียงใด พวกเขำก็คว้ำน�้ำเหลว






ซึ่งมำจำกหน่วยต่อต้ำนจำรกรรม จนกระท่งอีกหน่งสัปดำห์ต่อมำ เร่องจบลงอย่ำง






หลงจำกนนอก ๑๕ นำท นำยทหำรกำรข่ำวจำก เหลือเช่อเม่อสำยลับเยอรมนีคนหน่งถูกจับอย่ำงง่ำยดำย




ลอง ไอซ์แลนด์มำถึงสถำน แต่ไม่ได้รับกำรต้อนรับ เน่องจำก ในเขตตัวเมือง

ทุกคนได้รับค�ำสั่งให้ปิดเงียบและไม่พูดเรื่องดังกล่ำว เจำหนำทเอฟบไอ.พยำยำมทกวถทำงทจะใหผลงำน











ครั้นถึงเวลำ ๑๑๐๐ ผู้บัญชำกำรเขตทหำรเรือที่ ๓ ชิ้นนี้เป็นควำมส�ำเร็จของตน ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เหตุกำรณ์





เรียกผู้เก่ยวข้องท้งหมดเข้ำประชุมด่วน เพ่อพิจำรณำ ท้งหมดเร่มต้นจำกกำรท่สมำชิกหน่วยก่อวินำศกรรมของ

44 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


และถูกเกณฑ์เข้ำเป็นทหำรเรือ โดยได้รับต�ำแหน่งพนักงำน
สื่อสำร ซึ่งมีก�ำหนดเวลำในกำรเข้ำประจ�ำกำร ๒ ปี
วันที่ ๑๕ สิงหำคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เฮลเก้เป็น “ชุดพัก”
และได้รับอนุญำตให้กลับบ้ำน เขำเดินทำงจำกฐำนทัพเรือ


ด�ำน้ำท “วิลเฮมชำเฟน” ไปเย่ยมครอบครัวซ่งอยู่ในเมือง



มิวนิค แต่ช่วงเวลำแห่งควำมสุขก็ส้นสุดลง ในตอนเย็น

ของวันเสำร์ถัดมำ เมื่อครอบครัวของเฮเกลถูกขัดจังหวะ

จำกบุรุษไปรษณีย์ท่น�ำโทรเลขด่วน มำจำกกองบัญชำกำร
เยอรมนีที่ชื่อ “โจ แฮนโดส” ตัดสินใจเข้ำมอบตัวเพรำะ ซึ่งเป็นค�ำสั่งเรียกตัวให้เฮลเก้เดินทำงกลับสู่ฐำนอู - โบ๊ต
กลัวถูกจับตำย ภำยในตอนเย็นวันรุ่งขึ้น

โจ แฮนโดส เป็นชำวอเมริกัน เช้อสำยเยอรมน ี เฮลเก้ รู้ได้ในทันทีว่ำ “นี่คงเป็นเวลำที่เยอรมันเริ่ม

ซ่งเคยมำอำศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกำ หลำยปีก่อนหน้ำน้น สงครำมแล้ว” ก่อนออกจำกบ้ำน เฮลเก้ได้บอกกับพ่อแม่

เขำเดินทำงกลับไปยังเยอรมนีก่อนเกิดสงครำมและถูก ของเขำว่ำ


มอบหมำยให้ท�ำหน้ำท่สำยลับประจ�ำหน่วยก่อวินำศกรรม “ในช่วงสงครำมโลกคร้งท่หน่ง กองทัพเรือของเรำม ี


ก่อนที่จะถูกส่งมำปฏิบัติงำนดังกล่ำว เรือด�ำน�้ำจ�ำนวน ๓๕๐ ล�ำ แต่ในปัจจุบันเหลือเพียง ๕๗ ล�ำ
โจ แฮนโดส เกรงว่ำจะท�ำงำนล้มเหลวหลังจำกท ่ ี ซึ่งในที่นี้รวมทั้งเรือฝึกด้วย และจริง ๆ แล้ว ขณะนี้เยอรมัน

เจอกับจอห์นท่ชำยหำด และเขำเป็นผู้ให้เงินจอห์นไป มีเรือด�ำน�้ำเพียง ๑๖ ล�ำ เท่ำนั้นที่สำมำรถออกปฏิบัติกำร
๓๐๐ เหรียญ เขำจึงตัดสินใจโทรศัพท์หำเอฟบีไอ. ในมหำสมุทรแอตแลนติกได้”
หลังจำกที่กบดำนอยู่เกือบ ๒ สัปดำห์ เฮลเก้ คิดถึงเหตุกำรณ์เมื่อครั้งที่เขำยังอยู่ในวัยเด็ก




ข้อมูลท่ได้จำกโจ แฮนโดส ท�ำให้หน่วยจำรกรรม ตอนท่ไปเย่ยมปู่หลำยคร้งท่บ้ำนปู่ของเขำมีหนังสือเก่ยวกับ


ที่เหลืออีก ๓ คน ถูกติดตำมจับกุมทั้งหมด สงครำมโลกครั้งที่หนึ่งจ�ำนวนมำก ซึ่งเฮลเก้ชอบที่จะเปิดดู
หลังจำกทุกอย่ำงส้นสุดลง ศำลสูงของสหรัฐได้ ภำพของเรือและสงครำมทำงทะเล ถึงแม้ว่ำในขณะน้น


พิจำรณำคดีและตัดสินลงโทษแฮนโดส ด้วยกำรจ�ำคุก เขำจะอำยุน้อยมำกและยังไม่สำมำรถอ่ำนหนังสือออก
ช่วงเวลำหน่ง ก่อนจะปล่อยตัวในภำยหลังเม่อเห็นว่ำ ก็ตำม ในเวลำต่อมำ เม่อเข้ำโรงเรียนและเร่มอ่ำนหนังสือได้




เขำให้กำรเป็นประโยชน์ต่อรูปคด ส่วนสำยลับสมำชิก เฮลเก้อ่ำนทุกอย่ำงท่เขำจะสำมำรถหำได้เพ่อเรียนรู้เร่อง




หน่วยจำรกรรมคนอื่น ๆ ถูกตัดสินประหำรชีวิตทั้งหมด ที่เกี่ยวกับกองทัพเรือและเรือด�ำน�้ำ
เร่องรำวของเรือด�ำน�้ำเยอรมันยังมีอีกมำกมำย แต่ แต่ส่งน้นเกิดข้นในช่วงเวลำท่เยอรมันเพ่งแพ้
















ท่หำอ่ำนได้ยำกคือประวัติของ เรืออ “ล�ำแรก” ท่ออก สงครำมโลกคร้งทหน่ง และยังไม่มีกำรสรำงเรือดำน้ำข้นใหม่




ปฏิบัติกำรในสงครำมโลกคร้งท่สอง และถูกบันทึกไว้ อีกท้งเยอรมันมีก�ำลังทหำรเหลืออยู่เพียง ๑๐๐,๐๐๐ คน
ในฐำนะเรือด�ำน�้ำ “ฮีโร่” ล�ำแรกของเยอรมัน เท่ำนั้น

เรือล�ำน้นก็คือ เรือ อ - ๓๐ ซ่ง “จอร์จ เฮลเก้” อย่ำงไรก็ตำม ในปี ๑๙๓๖ เมื่อเยอรมันรู้ว่ำจะต้อง



ผู้รอดชีวิตจำกเรือล�ำน้น เป็นผู้ถ่ำยทอดเร่องรำวท่ประสบมำ เกิดสงครำมอย่ำงแน่นอน อู่ต่อเรือเบรเมนของเยอรมัน




ให้คนรุ่นหลังได้รู้ จึงได้เร่มสร้ำงเรือด�ำน้ำให้กับกองทัพเรืออย่ำงเงียบ ๆ
ชีวิตควำมยำกล�ำบำกของจอร์จ เฮลเก้ ลูกประดู่ และหนึ่งในเรือเหล่ำนั้นมี อู - ๓๐ รวมอยู่ด้วย



แห่งกองทพเรือเยอรมนเรมต้น เมอเขำมอำยได้ ๑๘ ปี





นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 45


ก่อนหน้ำที่เรือ อู - ๓๐ ซึ่งมีควำมยำว ๒๑๑ ฟุต ตอร์ปิโด และพื้นที่จะใช้นอนได้อีกต่อเมื่อตอร์ปิโดถูกยิง







จะถูกปล่อยลงน้ำเม่อวันท ๔ สิงหำคม ปีเดียวกัน ไปแล้วและพ้นที่บริเวณน้นว่ำงลง ระหว่ำงท่ตอร์ปิโดยังอย ู่


มีเรือด�ำน�้ำของเยอรมันเพียง ๓ ล�ำเท่ำนั้น ที่ถูกสร้ำงขึ้น ลูกเรือจะต้องนอนบนแผ่นเหล็กตัวเรือ (ซ่งถือเป็นเร่อง
เพื่อเตรียมออกปฏิบัติภำรกิจในมหำสมุทรแอตแลนติก ธรรมดำส�ำหรับทหำรเรือทั่วโลกในยุคนั้น)


ต่อมำเยอรมันได้สร้ำงเรือด�ำน�้ำรุ่นใหม่แบบ ๗ - A ถึงแม้ในกรณีมีท่ว่ำงส�ำหรับปูท่นอนได้ แต่ลูกเรือ



ซ่งมีท้งหมด ๑๐ ล�ำ ก่อนท่จะมีกำรดัดแปลงแบบควำมยำว ๒ นำย จะต้องใช้ที่นอนร่วมกันซึ่งท�ำให้เกิดศัพท์บัญญัติ
ของตัวเรือ พื้นที่ใช้สอยและประสิทธิภำพในกำรบรรทุก ในหมู่ทหำรเรือว่ำ “HOT BUNK” หมำยถึง กำรสลับกัน

ตอร์ปิโด จนได้เรือด�ำน้ำรุ่น ๗ - B ส่วนเรือด�ำน้ำรุ่นหลังสุด ใช้เตียง โดยในขณะที่คนหนึ่งหลับ อีกคนจะต้องเข้ำยำม





ท่เยอรมันสร้ำงคือ เรือช้น ๗ - C ซ่งมีถึงร้อยละ ๗๕ ส�ำหรับคนท่เข้ำนอนจะนอนท้งท่เน้อตัวยังเปรำะเปื้อน














ของจำนวนเรอดำนำทงหมดของกองเรอเยอรมนในช่วง ไปด้วยครำบเกลือและน้ำมัน เพรำะไม่มีน้ำจืดส�ำหรับอำบ
สงครำมโลกครั้งที่สอง นอกจำกนี้ พวกเขำจะต้องทนนอนบนผ้ำปูที่นอนซึ่งไม่มี


เรือด�ำน้ำช้น ๗ - C ของเยอรมันมีระวำงขับน้ำ ๗๐๐ ตัน กำรซกหรอเปลยนจนกว่ำจะครบวงรอบของกำรออก







ติดต้งปืนขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงล�ำกล้อง ๓.๕ น้ว ลำดตระเวณซ่งระยะเวลำจะเร่มต้นต้งแต่ ๖ สัปดำห์




บนดำดฟ้ำและปืนกลขนำด ๒๐ มิลลิเมตร แท่นเด่ยว ไปจนกระทั่ง ๖ เดือน
ซ่งเป็นปืนต่อสู้อำกำศยำนบนดำดฟ้ำยกทำงด้ำนท้ำยเรือ ในเรือด�ำน้ำจะไม่มีห้องพักผ่อนหรือห้องเมสเหมือน


ในขณะที่ท่อตอร์ปิโดขนำด ๒๑ นิ้ว จ�ำนวน ๔ ท่อถูกติดตั้ง เรือผิวน�้ำ ลูกเรือทุกคนจะทำนอำหำร ณ จุดปฏิบัติงำน













ไวทหวเรอและทอตอรปโดทอเดยวถกติดตงทำงดำนทำย หรือบนที่นอนให้ห้องตอร์ปิโด แม้กระทั่งผู้บังคับกำรเรือ




ของห้องตอร์ปิโด เองจะไม่มีห้องส่วนตัว จะมีเพียงเตียงเด่ยวล้อมรอบ

ท้งหมดถือเป็นอุปกรณ์พ้นฐำนของเรือด�ำน้ำโจมต ี ด้วยม่ำนสีน้ำเงินเข้มซ่งท่ประจ�ำของผู้บังคับกำรเรือจะ









รุ่นน ต่อมำได้มีกำรดัดแปลงเล็กน้อยในช่วงท่สงครำม อย่ระหว่ำงห้องวทยกบห้องโซนำร์เพอให้สะดวกในกำร





ก�ำลังด�ำเนินไปโดยปรับปรุงให้มีควำมยำว ๑๖๐ ฟุต รับทรำบสถำนกำรณ์
และห้องโดยสำรภำยในบรรจุทหำรประจ�ำเรือรวมท้งส้น สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเรือด�ำน�้ำคือ “กลิ่น” ซึ่งจะ



จ�ำนวน ๔๔ นำย แตกต่ำงจำกเรือผิวน้ำ โดยเฉพำะอำหำรท่เก็บไว้ในเรือ






กำลังพลทงหมดของเรือด�ำนำจะสวมกำงเกงสดำ มักจะขึ้นรำและมีกลิ่นน�้ำมันเรือปนภำยใน ๒ - ๓ วัน


เพ่อไม่ให้สกปรกง่ำยและไม่จ�ำเป็นต้องซัก เน่องจำก ส�ำหรับเรือด�ำน้ำล�ำแรกของเยอรมันท่ปฏิบัติกำร




กำรท่มีน้ำจืดจ�ำนวนจ�ำกัดขณะอยู่บนเรือ ถึงแม้จะม ี ในสงครำมโลกครั้งที่สองคือ อู - ๓๐ มีคุณลักษณะเด่น



กำรลักลอบเอำน้ำทะเลท่ใช้ส�ำหรับหม้อดับควำมร้อน คือ สำมำรถท�ำควำมเร็วสูงสุดได้ ๑๖ น็อต รัศมีท�ำกำร



เคร่องยนต์ดีเซลท่ท้ำยเรือมำใช้บ้ำงตำมแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ๔,๓๐๐ ไมล์ทะเล และเมื่อใช้เครื่องยนต์ ๒ ตัว พร้อมกัน















ผ้ทเป็นก�ำลงพลประจำเรอดำนำจะไมไดรบอนญำต ท ๒,๑๐๐ แรงม้ำ จะท�ำควำมเร็วบนผิวน้ำได้ถึง ๑๗ น็อต

ให้ใช้อุปกรณ์โกนหนวดใด ๆ เพ่อกำรประหยัดน้ำจืดและ ส่วนในกำรด�ำลงใต้น้ำแล้วใช้มอเตอร์ไฟฟ้ำขนำด




น้ำทะเลท่กล่นเป็นน้ำจืดจะถูกน�ำไปใช้ส�ำหรับแบตเตอร ่ ี ๗๕๐ แรงม้ำ ๒ ตัว จะขับเคลื่อนได้ด้วยควำมเร็ว ๔ น็อต



ของเรือ ซ่งมีควำมส�ำคัญมำกกว่ำโดยเฉล่ยแล้วทุกคน แต่ไฟแบตเตอร่จะหมดหลังจำกเดินทำงได้ประมำณ ๙๐ ไมล์



ในเรือด�ำน�้ำจะได้รับน�้ำจืด ๑ แกลลอน ต่อคนต่อวัน เท่ำนั้น


เม่อเรือด�ำน้ำต้องออกลำดตระเวณท่นอนของลูกเรือ นับต้งแต่ปี ๒๔๘๐ เรือ อ - ๓๐ ออกปฏิบัติกำรภำยใต้







ในหองตอรปโดจะถกมวนเกบเพอใชเปนทสำหรบจดวำง กำรบังคับบัญชำของนำวำตร “ฟริต จูลลิส แลมป์”












46 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒




และในช่วงที่ อู - ๓๐ ยังอยู่ที่ฐำนทัพเรือในเมืองวิลเฮม เรือล�ำน้นชักธงอังกฤษและเปล่ยนเข็มสลับฟันปลำ


ฮำเฟนเพ่อรอคอยค�ำส่ง เฮลเก้ซ่งยังไม่ได้เข้ำเป็นทหำรเรือ ไปมำโดยไม่ได้เปิดไฟอันเป็นลักษณะของกำรป้องกันภัย



ก�ำลังจะมีอำยุย่ำง ๑๘ ปี และน่งอยู่ในบ้ำนท่มิวนิคกับ คุกคำมจำกเรือด�ำน�้ำ คนบนเรือไม่รู้ว่ำเรือ อู - ๓๐ ก�ำลัง

ครอบครัวช่นชมควำมงำมของธรรมชำติบนยอดเขำท่อยู่ใกล้ ๆ เข้ำใกล้เป้ำหมำย



เพ่อน ๆ ของเฮลเก้เคยแนะน�ำให้เขำเข้ำร่วมเป็น แลมป์ใช้กล้องเปอลิสโคปตรวจสอบอีกคร้งก่อน
กองก�ำลังรักษำป่ำ แต่เฮลเก้กลับให้ควำมสนใจในกองเรือ ตัดสินใจว่ำเรือดังกล่ำวเป็น “เป้ำหมำย” ทำงทหำรและ


ของเยอรมนมำกกว่ำ เพรำะคนในครอบครวของเฮลเก้ อู - ๓๐ จะเข้ำโจมตีด้วยตอร์ปิโด
เคยเป็นทหำรเรือมำแล้วนับตั้งแต่ลุงและญำติ ๆ ของเขำ เหยื่อของแลมป์ยังไม่รู้ตัว ขณะที่ อู - ๓๐ เคลื่อน


นับต้งแต่เยอรมันได้บุกเข้ำโจมตีเชคโกสโลวำเกีย เข้ำหำอย่ำงเงยบ ๆ จนอย่ในระยะและมมทเหมำะกบ





กองทัพเรือเยอรมันมีควำมต่นตัวมำกจนถึงปลำยเดือน กำรใช้อำวุธ จำกนั้นตอร์ปิโดก็ถูกยิงออกไป

สิงหำคม ๑๙๓๙ กองเรือด�ำน้ำเยอรมันก็มีศักยภำพ ไม่ก่วินำทีต่อมำ ลูกเรือท้งหมดได้ยินเสียงระเบิดจำก



มำกพอและพร้อมที่จะเข้ำสู่สงครำม ตอร์ปิโดดังกึกก้อง ประวัติศำสตร์กองทัพเรือเยอรมัน



หลังจำกเรือ อ - ๓๐ ด�ำลงสู่ก้นอ่ำว ๑ คืน และ ต้องจำรึกไว้ในวันท ๓ กันยำยน ปี ค.ศ.๑๙๓๙ เรือ อ - ๓๐

ลอยล�ำข้นมำลูกเรือท่แต่งงำนแล้วจะได้รับอนุญำตให้ คือเรือด�ำน้ำล�ำแรกท่โจมตีเป้ำหมำยด้วยตอร์ปิโด ซ่งพุ่งชน









ขนบกเป็นครงสดท้ำยเพอพบกบภรรยำของพวกเขำได้ เป้ำที่ด้ำนข้ำงของเรือสินค้ำชักธงอังกฤษ





๑ ชั่วโมง จำกนั้นต้องกลับมำรำยงำนตัวที่เรือทันที แต่กำรเร่มต้นภำรกิจของแลมป์ไม่ดีนัก เพรำะเขำ




เช้ำตรู่ของวันต่อมำ อ - ๓๐ ออกจำกท่ำและนับต้งแต่ ไม่มโอกำสจะได้ชนชมกบผลงำนของตอร์ปิโดลกแรก






นำทีน้นพวกเขำจะต้องด�ำลงสู่ใต้ท้องทะเลเพ่อซ่อนพรำงตน เน่องจำกต้นปืนรำยงำนว่ำตอร์ปิโดลูกท่สองก�ำลังติดขัด

จำกเครื่องบินและเรือทุกล�ำในมหำสมุทรแอตแลนติก อยู่ในท่อยิงและอำจเกิดอันตรำยได้




หลังรอนแรมอยู่กลำงทะเลในวันท ๓ กันยำยน กอนทจะออกจำกฐำนทพ อ - ๓๐ ไดรบตวจดชนวน









ปี ค.ศ.๑๙๓๙ เวลำเที่ยงคืน ขณะท อ - ๓๐ ข้นมำ ตอร์ปิโดรุ่นใหม่ท่สุดซ่งมีคุณสมบัติท่ทุกคนรู้ดีว่ำเม่อ













บนผวนำ นำยทหำรประทวนคนหนงได้ตะโกนบอกกบ ใบพัดของตอร์ปิโดหมุนจนถึงรอบสุดท้ำยเม่อใดมันจะ
เฮลเก้ว่ำ “อังกฤษได้ประกำศสงครำมกับเยอรมันแล้ว” ระเบิดทันที ซึ่งนั่นหมำยควำมว่ำ ตอร์ปิโดที่ค้ำงในท่อยิง
ประโยคนั้นท�ำให้เฮลเก้ลุกจำกเตียงในห้องวิทยุและ ก�ำลังจะกลำยเป็น “หอก” ที่ย้อนกลับมำทิ่มตนเอง

รีบเปิดวิทยุเพ่อฟังข่ำวจำกฐำนทัพเรือเยอรมัน และเฮลเก้ ขณะนั้นเยอรมันเริ่มสงครำมโลกครั้งที่สอง ทำงภำค



ได้ยินข่ำวยืนยันว่ำเยอรมันได้ประกำศสงครำมกับอังกฤษ พ้นดินได้เพียง ๗ ช่วโมง และเพ่งยิงเรือของข้ำศึกในทะเล

แล้วเช่นกัน ล�ำแรก แต่ในเวลำเดียวกันเรือด�ำน้ำเยอรมันกลับเป็น
เฮลเก้รู้สึกต่นเต้นมำกท่รู้ว่ำ บัดน พวกเขำจะต้อง ฝ่ำยท่ก�ำลังจะระเบิดเรือตัวเองตำมไปด้วยซ่งจะท�ำให้






ปฏิบัติกำรจริงแล้ว อู - ๓๐ กลำยเป็นควำมเสียหำยล�ำดับแรกของเยอรมัน
๓ ชั่วโมงต่อมำ เรือ อู - ๓๐ ตรวจพบเรือล�ำหนึ่ง ซึ่งถือเป็นกำรเริ่มต้นสงครำมที่แย่แบบสุด ๆ ทีเดียว
เฮลเก้เล่ำถึงเหตุกำรณ์ตอนนี้ว่ำ แต่แลมป์แก้ไขสถำนกำรณ์ได้อย่ำงน่ำชมเชย
“หลังจำกตรวจสอบเป้ำอย่ำงละเอียดอยู่ช่วครู่ เขำออกค�ำส่งให้เรือหยุดเคร่องจกรทนท และคอยจนกระท่ง ั







นำวำตรีแลมป์ ได้สั่งกำรให้ติดตำมเรือล�ำนั้นไปและรอคอย เจ้ำหน้ำท่ในห้องตอร์ปิโดหน้ำท�ำกำรปลดตอร์ปิโดให้ไหล
โอกำสท่จะเข้ำไปในระยะใกล้ ๆ เพ่อโจมตีในเวลำกลำงคืน ออกจำกท่อและจมลงสู่ก้นทะเลได้ส�ำเร็จ


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒ 47


หลักจำกแก้ไขเหตุฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว แลมป์น�ำเรือ








ของเขำข้นสู่พ้นน้ำอีกคร้งเพ่อตรวจสอบเป้ำท อ - ๓๐
ยิงด้วยตอร์ปิโดลูกเดียวปรำกฎว่ำมันก�ำลังจมลงสู่ก้นทะเล
ท�ำให้ทุกคนใน อู - ๓๐ ดีใจมำก
น่นคอเหตุกำรณ์แรกในประวัติศำสตร์ของเรืออ ู


ในช่วงสงครำมโลกคร้งท่สอง หลังจำกน้น อ - ๓๐ ได้




ปฏิบัติกำรเรื่อยมำและมีสถิติกำรจมข้ำศึกเพิ่มขึ้น

ข้ำมไปถึงปีรุ่งข้น แลมป์น�ำเรือเข้ำโจมตีเรือสินค้ำ

ขนำด ๖,๐๐๐ ตัน และเรือบรรทุกน้ำมันขนำด ๘,๐๐๐ ตัน ในวันที่ ๒๖ เมษำยน อู - ๓๐ เข้ำโจมตีเรือสินค้ำ



ขณะที่เรือทั้ง ๒ ล�ำเดินทำงภำยใต้ขบวนคุ้มกันคอนวอย ฝร่งเศสช่อ “องเดร โนแรน” ซงมีระวำงขับนำ ๒,๔๗๐ ตน





HX ๑๑๒ ตอร์ปิโดจำก อู - ๓๐ พุ่งเข้ำชนเป้ำอย่ำงแม่นย�ำ ถึงแม้
แลมป์อ้ำงว่ำเรือ อู - ๓๐ สำมำรถท�ำลำยเรือสินค้ำ เรือสินค้ำอังเดร จะไม่ใช่เรือสินค้ำที่มีขนำดใหญ่โตมำกนัก



แต่ไม่มีกำรยืนยันท่ชัดเจน ขณะท่ข้อมูลของอังกฤษระบุว่ำ แต่แลมป์และลูกเรือของเขำถือว่ำเป็นกำรเร่มต้นภำรกิจ

เรือบรรทุกน้ำมันช่อ “อีโรโดนำ” ระวำงขับน้ำ ๖,๒๐๗ ตัน ในเทอมนั้นอย่ำงน่ำภำคภูมิใจ


(ไม่ใช่ ๘,๐๐๐ ตัน ตำมที่แลมป์กล่ำวอ้ำง) ถูก อู - ๓๐ ต่อมำในวันท ๙ พฤษภำคม อ - ๓๐ พบขบวน



โจมตีได้รับควำมเสียหำยแต่ก็ไม่จม คอนวอยของข้ำศึก ซึ่งในภำยหลังทรำบว่ำเป็นคอนวอย

จำกกำรติดตำมขบวนคอนวอย HX.๑๑๒ อย่ำง “QB - ๓๑๘” ของอังกฤษซ่งก�ำลังแล่นอยู่ในบริเวณ



ต่อเน่องต้งแต่เท่ยงคืน ท�ำให้แลมป์มีโอกำสยิงตอร์ปิโด ปลำยแหลมทำงทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์
ใส่เป้ำหมำยอีกหลำยลูกเม่อเวลำ ๑๖๓๖ ของวันรุ่งข้น แลมป์ สำมำรถน�ำเรือของเขำเข้ำไปในระยะใกล้




ในปมยทธกำรของ อ - ๓๐ บนทกว่ำกำรโจมตประสบ โดยท่ข้ำศึกไม่รู้ตัว เม่อโผล่กล้องเพอลิสโคป ข้นไป แลมป์









ควำมส�ำเร็จโดยจมเรือบรรทุกน้ำมันขนำด ๘,๐๐๐ ตัน เห็นเรือในคอนวอยมีจ�ำนวนมำกมำย จนกระท่งเขำคิดว่ำ
ได้อีกล�ำหนึ่ง แม้จะยิงตอร์ปิโดออกไปโดยไม่ต้องเล็งอำวุธสังหำรของเขำ


และในตอนใกล้รุ่งของวันท ๒๓ มีนำคม แลมป์คิดว่ำ จะต้อง “ถูกเป้ำ” อย่ำงแน่นอน
เขำได้จมเรือไอน�้ำของอังกฤษขนำด ๔,๐๐๐ ตัน แต่โดย ขณะนั้นเป็นเวลำ ๑๑๕๘ แลมป์ยิงตอร์ปิโดออกไป




ข้อเท็จจริงแล้วเป้ำน้นคือเรือของนอร์เวย์ซ่งมีขนำดแค่ ๓ ลูก หลังจำกน้น ๖๐ วินำท เป้ำแรกถูกจม คือเรือสินค้ำ
๒,๔๖๘ ตน และได้รับควำมเสียหำยเพียงเลกน้อยจำก อังกฤษชื่อ “คริสมอนด์” ขนำดระวำงขับน�้ำ ๔,๙๔๐ ตัน




ตอร์ปิโดของเรือด�ำน�้ำ อู - ๓๐ เท่ำนั้น ซ่งถูกตอร์ปิโดของแลมป์เข้ำท่กลำงล�ำและจมลง

เรือ อ - ๓๐ กลับเข้ำรับกำรส่งก�ำลังบ�ำรุงในฐำนทัพ อย่ำงรวดเร็ว


ตำมวงรอบของระยะเวลำแล้วออกไปปฏิบัติกำรใหม่ และหลังจำกน้นอีก ๒ นำท เรือสินค้ำ “บังเก้อร ฮิลล์”
นำวำตรีแลมป์ รู้สึกมั่นใจมำกขึ้น ประสบกำรณ์ที่ผ่ำนมำ ขนำดระวำงขับน�้ำ ๒,๖๐๐ ตัน ก็ถูกตอร์ปิโดของ อ - ๓๐



ในกำรปฏิบัติกำรต้งแต่เท่ยวแรกท�ำให้เขำและลูกเรือ อย่ำงจังบริเวณหัวเรือและจมลงเช่นกัน
ไม่คิดว่ำกำรน�ำเรือเข้ำไปต่อตีเป้ำหมำยเป็นเร่องท่ยำก แลมป์รู้สึกดีใจในควำมส�ำเร็จ โดยไม่คำดคิดเลยว่ำ






ล�ำบำกจนเกินไป และส่งท่พวกเขำภูมิใจมำกคือ กำรท่เรือ ปฏิบติกำรในครำวนไม่เหมือนกับคร้งท่ผ่ำนมำ เพรำะขบวน




อู - ๓๐ ได้ชื่อว่ำเป็นเรือด�ำน�้ำ “ล�ำแรก” ที่เข้ำสู่สมรภูมิ คอนวอยของอังกฤษได้เพ่มเรือพิฆำตและเตรียมกำรณ์

ทันทีที่เยอรมันประกำศสงครำมกับอังกฤษ ที่จะรับมือกับกำรจู่โจมของเรือด�ำน�้ำเป็นอย่ำงดี
48 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๖ ประจำ�เดือน มิถุน�ยน ๒๕๖๒


Click to View FlipBook Version