44 เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบ้อื งตน้
4.1 การประมวลผลเบบกรดิ
การประมวลผลแบบกรีดหรือกรดคอมพิวติง (grid Computing) คือการนำคอมพิวเตอร์ที่มี
ความสามารถในการประมวลผลสูงหลายเครื่องมาเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต กล่าวคือเป็น
การแชร์ทรัพยากรระหวา่ งองค์กรหรือหนว่ ยงานเข้าด้วยกันเพื่อช่วยทำงานรว่ มกันภายใน เวลาเดียวกนั
โดยทรัพยากรการประมวลผลด้านคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมโยงถึงกนั เพือ่
คำนวณหรือประมวลผลข้อมูลพร้อมกันภายในเวลาเดียวกัน โอนถ่ายข้อมูลระหว่างกันโดยไม่จำกัดว่า
ทรัพยากรที่ใช้นั้นจะเป็นรุ่นเดียวกันหรือแตกต่างกัน เวลาการเปิด-ปิดเครื่องในการทำงานจะเป็นเวลา
เดียวกันหรือต่างกัน รวมทั้งระยะทางใกล้หรือไกล ระบบก็สามารถทำการประมวลผลร่วมกัน ได้
เนื่องจากมีซอฟต์แวร์กลางช่วยดูแลตรวจสอบสถานะของระบบเครือข่ายแบบกริดทำการคำนวณ
ตลอดเวลาซ่งึ เรยี กวา่ มิดเดลิ แวร์ (middleware)
ตวั อย่างการเชอ่ื มต่อเพือ่ การประมวลผลแบบกรดิ เชน่ หจก. คณุ ธรรมกบั บรษิ ทั พอเพยี ง จำกัด
แชร์คอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่งเพื่อประมวลผลโปรแกรมหรือระบบงานเดียวกัน โดยมีรูปแบบคล้ายกัน
ไคลเอนตเ์ ซิรฟ์ เวอร์ แตกตา่ งกนั ท่ีเซิรฟ์ เวอรไ์ ม่ได้จำกดั ลักษณะรปู แบบของกริด (grid) เพ่ือคำนวณหรือ
ประมวลผลข้อมูลพร้อมกันในเวลาเดียว กันโอนถ่ายข้อมูลระหว่างกัน ไม่ว่าทรัพยากรดังกล่าวจะมี
ลกั ษณะแตกต่างกัน ร่นุ เก่าหรอื รุ่นใหม่ ไมไ่ ดใ้ ชง้ านบางชว่ งเวลาหรือไมถ่ ูกใช้งาน จะอยใู่ นกลมุ่ cluster)
เดียวกันหรืออยู่คนละกลุ่ม อยู่คนละสถานที่หรือห่างไกลกันเพียงใดก็สามารถจะทำการประมวลผล
ร่วมกันได้ โดยระบบเครอื ข่ายขนาดใหญ่ระบบเดียวดังกล่าวนี้ จะทำงานเสมอื นเป็นซูเปอรค์ อมพวิ เตอร์
(Supercomputer) ขนาดใหญ่เครื่องเดียว ที่มีราคาต้นทุนต่ำ การประมวลผลข้อมูลแบบกรดคือการ
ประมวลผลแบบขนาน (parallel processing) เพื่อให้ทำงานพร้อมกัน หากส่วนใดในระบบขัดข้อง
หรือไม่ทำงานระบบกย็ ังทำงานต่อไปได้ เพราะมซี อฟต์แวรก์ ลางพเิ ศษชว่ ยจดั การดูแลตรวจสอบสถานะ
ของระบบกรดิ ตลอดเวลา
4.1.1 ประเภทของของการประมวลผลแบบกรดี แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดงั นี้
1) computational grid เป็นการเพิ่มสมรรถนะของการคำนวณ โดยรวบรวมการใช้
ทรัพยากรท้ังในและนอกองค์กรได้ ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งงานส่วน
ใหญ่เกีย่ วกบั การวจิ ัยและพัฒนา เชน่ ด้านเคมี พนั ธกุ รรม และการจำลองเหตุการณ์จรงิ
2) data grid เป็นการเพิ่มขนาดและความเร็วด้านการเก็บข้อมูลที่มีความจุสูงช่วยในการวิจยั
ในหลาย ๆ ด้านที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลปริมาณมากเนื่องจากการวิจัยดังกล่าวจะมีข้อมูลเข้ามาใหม่
ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 45
ตลอดเวลาจนไม่สามารถนำไปวเิ คราะห์ไดท้ ัน ซ่ึงลกั ษณะของ data grid จะช่วยให้สามารถบนั ทกึ ข้อมลู
ไดท้ ี่ความเรว็ สงู เพ่ือใชส้ ำหรบั การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในภายหลงั
3) access grid ใช้เพื่อสื่อสารระหว่างกลุ่มคนที่มีจำนวนมาก ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจาก
หลากหลายหนว่ ยงาน โดยมีวตั ถปุ ระสงค์หลักเพอ่ื ใช้ประชมุ ทางไกลระหว่างกลุ่มคนหลายกลมุ่ พร้อมกนั
4.1.2 ประโยชนข์ องการประมวลผลแบบกรดี
1) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงาน เพิ่มความร่วมมือระหว่าง
องคก์ รช่วยตอบสนองความต้องการของผใู้ ช้งานไดอ้ ย่างรวดเร็ว
2) ช่วยลดตน้ ทุนทางด้านทรัพยากร อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน
ใช้ทรพั ยากรของเครอื ขา่ ยไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ และประมวลผลเสร็จภายในเวลาทกี่ ำหนดได้
3) สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น ด้านฐานข้อมูล ด้านภูมิประเทศ
ด้านภมู อิ ากาศ
4.2 การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
การประมวลผลแบบกล่มุ เมฆหรอื คลาวดค์ อมพิวตงิ (cloud Computing) หมายถงึ ลักษณะของ
การทำงานของผ้ใู ชง้ านคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอรเ์ น็ตท่ใี ห้บรกิ ารใดบรกิ ารหน่ึงกบั ผูใ้ ช้ โดยผู้ใหบ้ รกิ ารจะ
แบ่งปันทรัพยากรให้กับผู้ต้องการใช้งานนั้น การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆได้รับการพัฒนาต่อมาจาก
ความคดิ และบรกิ ารของเวอร์ชวลไลเซชัน (virtualization) และเว็บเซอรว์ สิ โดยผ้ใู ชง้ านไมจ่ ำเป็นต้องมี
ความรใู้ นเชงิ เทคนิคของตัวพ้นื ฐานการทำงาน
4.2.1 ประเภทของการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภทดังนี้
1) แบบส่วนตวั (private cloud) เป็นระบบคลาวดท์ ใี่ ห้บริการอยภู่ ายในองคก์ รตอ่ ผใู้ ชบ้ รกิ าร
หรือในกลุ่มที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันร่วมกัน เป็นการประมวลผลผ่านบริการทางเว็บจากผู้ให้บริการ
ตอ่ ผู้ใช้บริการ
2) แบบสาธารณะ (public cloud) เป็นระบบคลาวด์ที่ให้บริการใช้งานทั่วไป เพื่อให้ทุกคน
สามารถใช้งานได้ โดยการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อนำไปทำงานบนเครือข่ายส่วนบุคคล
ของผ้ใู ชบ้ รกิ ารนนั้ ๆ ซ่ึงผู้ใหบ้ รกิ ารมที ้ังแบบเสียค่าใชจ้ า่ ยและแบบไม่เสยี ค่าใช้จ่ายเชน่ Google Apps
46 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งตน้
3) แบบผสม (hybrid cloud) ซึ่งเป็นการผสมโดยเชื่อมโยงระหว่างแบบส่วนตัวกับแบบ
สาธารณะเขา้ ด้วยกัน
4.2.2 ประโยชนข์ องการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
1) ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในด้านอุปกรณ์ ทรัพยากร และการบำรุงรักษา อีกทั้งในด้าน
คา่ ใช้จา่ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ จะเป็นค่าใช้จา่ ยจริงทเี่ กิดข้ึนตามปรมิ าณการใชง้ าน
2) เพม่ิ ประสิทธิภาพ ทัง้ ในดา้ นฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์ นอกจากไดพ้ น้ื ที่ในการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ที่
มีขนาดใหญ่แล้ว ซอฟต์แวร์ยังได้รับการปรับปรุงเวอร์ชัน โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องทำเองมีผู้เชี่ยวชาญดูแล
ระบบและพร้อมให้บริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง อีกทั้งการค้นหาและเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ทำได้เร็ว
ถกู ตอ้ งและแม่นยำ
3) การเข้าถงึ ข้อมลู หรอื ใชง้ าน สามารถทำได้ทุกทที่ ุกเวลา
การประมวลผลแบบกรดกับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆเป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่าน
อินเทอร์เน็ต แต่การใช้งานหรือการใหบ้ ริการแตกต่างกันกล่าวคือการประมวลผลแบบกรดมุ่งเนน้ ที่การ
ใช้งานเฉพาะของหน่วยงานหรือองค์กร โดยเป็นการใช้ทรัพยากร การประมวลผลร่วมกันระหว่าง
หนว่ ยงานหรือองค์กรผา่ นเครอื ข่าย ในขณะทีก่ ารประมวลผลแบบกลุ่มเมฆมงุ่ เนน้ ไปท่ีให้การบริการตาม
ความต้องการของผใู้ ชง้ านเพยี งอยา่ งเดียว โดยผใู้ ช้งานไม่จำเป็นต้องทราบว่าทรัพยากรทใ่ี ชง้ านอย่ทู ไี่ หน
และไม่ต้องมคี วามเก่ยี วกบั ระบบ
ประเภทของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ 47
สรุป
ประเภทเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์แบง่ ตามลกั ษณะภูมิศาสตร์จะเป็นการพิจารณาจากพืน้ ท่หี รอื ระยะทาง
ในการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานประกอบด้วยเครือข่ายแลนครอบคลุมระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตรเครือข่ายแมน
ครอบคลมุ ระยะทางไมเ่ กิน 100 กิโลเมตรและเครอื ขา่ ยแบบแวนครอบคลุมระยะทางไมเ่ กนิ 1,000 กโิ ลเมตร
ประเภทเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งตามลักษณะความเป็นเจ้าของจะพิจารณาจากผู้ให้บริการและผู้
สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจัดเป็น
เครือข่ายสาธารณะ เครือข่ายอินทราเน็ตจะให้บริการข้อมูลข่าวสารเฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้นจึงจัดเปน็
เครือข่ายส่วนบุคคลและเครือข่ายเอกซ์ทราเน็ตเป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมระหว่างเครือข่ ายอินทราเน็ตเข้า
ด้วยกันโดยเป็นการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่าง 2 จุดหรือการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายเสมือนระหว่างเครือข่าย
อนิ ทราเนต็ หลาย ๆ เครอื ข่ายดงั น้นั จึงมีบางสว่ นของเครอื ข่ายทเ่ี ปน็ เจา้ ของรว่ มกันระหวา่ งองค์กรหรอื บริษัท
จดั เป็นเครือขา่ ยภายนอกองคก์ ร
ประเภทเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรแ์ บง่ ตามลักษณะการทำงานประกอบด้วยเครอื ขา่ ยแบบเพยี รท์ ูเพียร์ซึ่ง
เช่อื มต่อคอมพิวเตอรไ์ ด้ไมเ่ กิน 10 เครอ่ื งโดยทกุ เครอื่ งมหี นา้ ที่เท่ากนั เป็นท้ังผู้ใชแ้ ละผูใ้ หบ้ รกิ ารเครือขา่ ยแบบ
ไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์หรือผู้รับบริการกับผู้ให้บริการเป็นรูปแบบเครือข่ายที่ ต้องมีเครื่องหลักในการให้บริการ
ควบคุม ดแู ล สามารถใหบ้ รกิ ารกับผู้ใช้ได้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกนั ได้ เหมาะสำหรบั เครือขา่ ยขนาดใหญ่
ประเภทเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งตามเทคโนโลยีการประมวลผลประกอบด้วยการประมวลผลแบบ
กรีดเป็นการนำคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงหลายเครื่องมาทำงานเชื่อมต่อกันผ่าน
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต กล่าวได้ว่าเป็นการแชร์ทรัพยากรระหว่างองค์กรหรือหน่วยงานเข้าด้วยกันเพื่อช่วย
ทำงานร่วมกันภายในเวลาเดียวกันส่วนการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆเป็นลักษณะของการทำงานของผู้ใช้งาน
คอมพวิ เตอรผ์ า่ นอนิ เทอร์เนต็ ทใ่ี ห้บรกิ ารใดบรกิ ารหนึ่งกับผู้ใช้โดยผู้ให้บริการจะแบ่งปนั ทรัพยากรให้กับผู้ต้องการ
ใช้งานนั้น
48 เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บือ้ งต้น
กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
คำชี้แจง กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจเป็นกจิ กรรมฝกึ ทักษะเฉพาะดา้ นความรคู้ วามเพ่ือใช้ในการ
ตรวจสอบความเข้าใจตามจดุ ประสงค์การเรยี นรคู้ ำสงั่ จงตอบคำถามต่อไปน้ี
คำส่ังจงตอบคำถามตอ่ ไปนี้
1. จงอธบิ ายความแตกต่างระหว่างเครอื ข่ายแบบอนิ เทอรเ์ นต็ อนิ ทราเนต็ และเอกซท์ ราเนต็
2. จงอธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งเครอื ขา่ ยแมนและแวน
3. หากพจิ ารณารปู แบบการเชอื่ มต่อของเครอื ขา่ ยแบบแลนสามารถแบ่งไดเ้ ป็นกแ่ี บบอะไร
4. เพราะเหตใุ ดจงึ กลา่ วว่าเครือขา่ ยแบบไคลเอนต์ เซริ ฟ์ เวอรเ์ ป็นระบบมคี วามปลอดภยั และความ
นา่ เช่อื ถอื สูง
5. จงวาดแผนผงั การจัดวางคอมพิวเตอรแ์ ละการเชอื่ มต่อเครือขา่ ยภายในห้องเรียนพร้อมอธบิ ายว่าเปน็
การเชอ่ื มตอ่ แบบใด
ประเภทของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ 49
กิจกรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้
คำชแ้ี จง กิจกรรมส่งเสริมการเรียนกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ประกอบด้วยกิจกรรมที่ฝึกทักษะทุก
ด้าน ตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมเพื่อให้เกิดสมรรถนะในการเรียนรู้สามารถปฏิบัติ
กจิ กรรมทัง้ ในและนอกสถานที่ตามความเหมาะสมกบั ผเู้ รยี นและสง่ิ แวดลอ้ มของสถานศึกษา
1. ให้ผู้เรียนแบ่งเป็น 4 กลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าตามหัวข้อที่กำหนดจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆเช่น
อินเทอร์เน็ตหนังสือวารสาร ฯลฯ และจัดทำสรุปผลการเรียนรู้พร้อมส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอหน้าช้ัน
เรียนกลมุ่ ละ 5-10 นาที
กลมุ่ ท่ี 1 ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบง่ ตามลกั ษณะภมู ศิ าสตร์
กลุ่มที่ 2 ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ บง่ ตามลกั ษณะความเปน็ เจ้าของ CEO
กลุ่มที่ 3 ประเภทของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์แบง่ ตามลกั ษณะการทำงาน
กลุ่มท่ี 4 ประเภทของเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์แบ่งตามลกั ษณะเทคโนโลยกี ารประมวลผล
2. ให้ผเู้ รยี นเขยี นผงั ความคดิ เกย่ี วกบั ประเภทของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
สรปุ ผลการทำกิจกรรม
คำช้แี จง ให้ผู้เรยี นประเมนิ ผลการทำกจิ กรรม โดยเขยี นเครอ่ื งหมาย ลงใน ตามความคดิ เห็น
หมายเหตุ เกณฑ์การประเมนิ ผลการทำกจิ กรรมมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ประเมนิ วา่ ผ้เู รียนเกดิ สมรรถนะจาก
การเรยี นรตู้ ามบรบิ ทตา่ งๆหรอื ไมโ่ ดยแบง่ เปน็ 3 ดา้ นคือความรู้หรือพทุ ธิพสิ ัย = Knowledge (1)
ทกั ษะหรือ Van-Pantice (P) คณุ ลกั ษณะหรือจติ พสิ ยั = Amatuide Al
50 เครือข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งต้น
แบบทดสอบ
คำส่ัง จงเลอื กคำตอบทีถ่ ูกต้องท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดยี ว
1. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีใหค้ วามหมายของเครอื ขา่ ยแลนไดถ้ กู ต้องท่ีสุด
1. เครือขา่ ยทม่ี ีการเชอ่ื มโยงอุปกรณ์ภายในท้องท่ีเกี่ยวบริเวณเดยี วกนั เข้าดว้ ยกันโดยมี
ระยะทางไม่เกิน 10 กโิ ลเมตร
2. เครือขา่ ยที่มีการเชอื่ มโยงอุปกรณภ์ ายในบ้านเขา้ ดว้ ยกนั โดยสามารถใช้ไดท้ ้ังแบบสายไฟ
แบบมสี ายหรือแบบไร้สาย
3. เครือข่ายทีม่ กี ารเชื่อมโยงอุปกรณ์ภายในองค์กรทีม่ ีสาขาหรอื สำนกั งานย่อยอยู่ห่างกันเขา้
ไว้ดว้ ยกันโดยมีระยะทางไมเ่ กิน 100 กิโลเมตร
4. เครือข่ายทม่ี ีการเชื่อมโยงอปุ กรณภ์ ายในอาคารหรอื ห้องสำนักงานเข้าสำนักเขา้ ด้วยกันโดย
มีอปุ กรณส์ อื่ สารได้ไมเ่ กิน 10 เคร่ือง
5. เครือข่ายที่มกี ารเชอ่ื มโยงอุปกรณ์องค์กรต่างๆในประเทศเขา้ ถึงกนั โดยไมก่ ำหนดระยะทาง
2. ข้อใดตอ่ ไปนใี้ ห้มีความหมายของเครอื ข่ายแมนให้ถกู ต้อง
1. เปน็ การนำเครือข่ายภายในองค์กรท่ีมีการกำหนดสทิ ธกิ์ ารเขา้ ใช้ข้อมูล และมีเจ้าของ
แนน่ อน
2. เปน็ การนำเครือข่ายแลนหลายๆเครือข่ายทอ่ี ยหู่ ่างกันมาเครอื ข่ายทอี่ ยู่ห่างกนั มาเชือ่ มตอ่
เขา้ ดว้ ยกัน
3. เป็นการเชือ่ มต่อเครือขา่ ยระหวา่ งองค์กรเข้าดว้ ยกัน โดยผา่ นเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็
4. เปน็ การเชื่อมต่อเครอื ขา่ ยที่ไมม่ เี ซิรฟ์ เวอร์ โดยเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ุกเครื่องมสี ิทธ์ิเทา่
เทียมกัน
5. เป็นการเชือ่ มต่อเครือข่ายระหวา่ งประเทศภายในทวีปเขา้ ดว้ ยกัน
ประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 51
3. Internet มาจากคำว่าอะไร
1. interconnective network
2. inter connector network interconnection network
3. Interconnector network
4. inter connectivity network
5. international connection network
4. ข้อใดคอื เครือข่ายแบบเพยี ร์ทูเพียร์
1. เซิรฟ์ เวอรไ์ ด้รบั บรกิ ารจากไคลเอนต์
2. เซิร์ฟเวอรท์ ่ีทำการเชื่อมต่อไคลเอนต์ตา่ งๆเข้าด้วยกัน
3. เซริ ์ฟเวอร์เปน็ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทมี่ สี มรรถนะสงู กว่าเครอื่ งไคลเอน
4. เซริ ฟ์ เวอร์เปน็ ทงั้ ผู้ให้บริการและผ้รู ับบริการ
5. เซิรฟ์ เวอร์ทํางานบรกิ ารเคร่อื งไคลเอนต์
5. เครอื ข่ายแบบแวนเป็นการแบ่งประเภทเครือข่ายโดยใชเ้ กณฑ์ใดในการพจิ ารณา
1. ลกั ษณะภูมิศาสตร์
2. ความเป็นเจา้ ของ
3. ลักษณะการทาํ งาน
4. จำนวนเครือ่ งทใี่ ช้ในเครอื ข่าย
5. ความเร็วของเครอื ข่าย
6. ขอ้ ใดเป็นความแตกตา่ งระหว่างเครือขา่ ยแลนแบบเพยี รท์ ูเพียร์กับแบบไคลเอนต์เซริ ฟ์ เวอร์
1. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
2. ซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์
3. ผูใ้ ช้คอมพิวเตอร์
4. ความสามารถในการใช้ขอ้ มลู แฟ้มข้อมูลฐานขอ้ มูลร่วมกันได้
5. ความปลอดภัยและความน่าเช่ือถอื ของระบบ
52 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้
7. บริษทั สำนึกดขี ายปลกี จำกดั กับ บริษทั ขายส่งยุตธิ รรม จำกดั มขี ้อมูลของสินคา้ ทต่ี ้องใช้
รว่ มกันดงั นัน้ การเช่อื มตอ่ เครือข่ายจึงควรเป็นแบบใด
1. เครอื ข่ายแสน
2. เครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต
3. เครอื ข่ายอนิ ทราเน็ต
4. เครือขา่ ยเอกทราเน็ต
5. เครือข่ายทอ้ งถิ่น
8. หากต้องการเช่ือมต่อเครอื ขา่ ยภายในสำนักงาน แตม่ ีจำนวนแค่ 8 เคร่ืองควรเชื่อมต่อลกั ษณะ
แบบใด
1. file server
2. client-server
3. peer to peer
4. extranet
5. hotspot
9. เครอื ข่ายท่เี ชื่อมโยงคอมพวิ เตอร์ในอาคารเดยี วกันหรอื อาคารท่อี ยู่ไมไ่ กลกันคือเครือข่ายใด
1. เครอื ขา่ ยแลน
2. เครอื ขา่ ยแวน
3. เครือขา่ ยแมน
4. เครือข่ายอินเทอร์เนต็ เครือขา่ ยแลน
5. เครอื ขา่ ยเอกทราเนต็
ประเภทของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ 53
10. บริษัท เศรษฐกจิ รงุ่ เรือง จำกดั มสี ำนักงานย่อยอยู่ที่จงั หวดั สุพรรณบุรสี มุทรสงคราม
กาญจนบุรโี ดยแตล่ ะสำนักงานยอ่ ยมรี ะยะทางหา่ งกันไม่เกนิ 100 กิโลเมตรดังนั้น บริษทั ควร
เลือกใชก้ ารเช่อื มโยงเครือข่ายแบบได
1. เครือข่ายแสน
2. เครอื ขา่ ยแมน
3. เครือขา่ ยแวน
4. เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต
5. เครือขา่ ยเอกทราเน็ต
54 เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้
แบบประเมนิ ตนเอง
คำชี้แจง ตอนที่ 1 : ใหผ้ ู้เรยี นประเมินผลการเรียนรู้ โดยเขียนเครอ่ื งหมายลงในชอ่ งระดับ
คะแนนและเติมขอ้ มูลตามความเปน็ จริง
ระดบั คะแนนตอนที่1 5: มากทส่ี ุด 4 : มาก 3: ปานกลาง 2:น้อย 1:ควรปรับปรับปรุง
ตอนท่ี 2 : ให้ผูเ้ รียนนำคะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งว่างและเขียน
เครอ่ื งหมาย ลงใน ชอ่ งสรปุ ผล
หน่วยการเรียนรู้ท่ี
อุปกรณ์เครือข่าย
สาระสำคัญ
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการจัดการรับ-ส่งข้อมูล แปลงสัญญาณข้อมูลรวม
สายสัญญาณในเครือข่าย หรืออุปกรณ์ใช้สำหรับทวนสัญญาณเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้ไกลขึ้น อีกท้ัง
อุปกรณ์สำหรับช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย อุปกรณ์แต่ละประเภทต่างมีคุณสมบตั ิและหน้าที่
ในการนำไปใช้แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรศึกษารายละเอียดพื้นฐานของอุปกรณ์เครือข่ายเพื่อให้สามารถ
นำไป. ใช้งานได้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม
สาระการเรยี นรู้
1. การ์ดแลน
2. โมเดม็
3. อปุ กรณร์ วมสายสัญญาณ
4. เคร่ืองทวนสัญญาณ
5. อุปกรณ์เชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ยผา่ นสายไฟ
6. อุปกรณร์ ักษาความปลอดภัยเครือข่าย
อปุ กรณเ์ ครือขา่ ย 55
สมรรถนะประจําหน่วย
1. แสดงความร้เู กย่ี วกบั อุปกรณเ์ ครือขา่ ย
2. ประยุกต์ความรู้เก่ียวกบั อุปกรณ์เครอื ขา่ ยมาใช้ในชชีวติ ประจำวนั และการประกอบอาชีพ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกหน้าท่ีของอปุ กรณ์เครอื ข่ายแต่ละประเภทได้
2. จำแนกหนา้ ทแี่ ละลักษณะการทำงานของอุปกรณ์แต่ละประเภทได้
3. ประยกุ ต์ใช้อุปกรณเ์ ครอื ขา่ ยประเภทต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
ผงั สาระการเรียนรู้ การด์ แลน
อุปกรณ์เครือขา่ ย โมเด็ม
อุปกรณ์รวมสายสญั ญาณ
เครือขา่ ยสัญญาณ
อุปกรณเ์ ช่ือมตอ่ เครอื ข่ายผ่านสายไฟ
อปุ กรณ์รักษาความปลอยภยั เครอื ข่าย
เครอื ข่าย
56 เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์เบอ้ื งต้น
1. การด์ แลน
1.1 ลกั ษณะของการด์ แลน
การด์ แลน (LAN Card) หรอื แผ่นวงจรต่อประสานเครือขา่ ย (Network Interface Card, NIC)
เป็นอปุ กรณส์ ำหรบั เช่ือมตอ่ คอมพิวเตอรเ์ ข้ากับระบบเครือข่าย ทำหนา้ ทแ่ี ปลงขอ้ มลู เป็นสญั ญาณให้
สามารถสง่ ไปตามสายสญั ญาณหรือคล่นื สญั ญาณได้
1.2 ชนิดของการด์ แลน
1.2.1 การ์ดแลนแบบมีสาย (Wired LAN card) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายกับ
คอมพิวเตอร์ด้วยสายสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซี (Personal
Computer PC) หรือเครือ่ งคอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (notebook Computer)
แบ่งตามลกั ษณะการใช้งานได้ 2 แบบคือ
1) แบบตดิ ตง้ั ภายในการ์ดแลนแบบตดิ ตั้งภายในท่ใี ชส้ ำหรบั เครอ่ื งคอมพิวเตอร์สว่ นบคุ คลหรอื พซี ี
แบง่ ตามลกั ษณะของชอ่ งทางหรือพอรต์ (port) สำหรบั เชื่อมตอ่ กบั สายสญั ญาณมีท้ังหมด 3 แบบดงั นี้
แบบตดิ ตั้ง การด์ แลนสำหรับใชก้ บั เคเบลิ เส้นใยนำแสง
ภายใน (fiber optic cable)
การเ์ เลนสำหรับใชก้ บั สายโคเเอ็กช์
(Coaxial cable)
การด์ แลนสำหรับใช้กบั สายตีเกลยี วคู่
(Twisted Pair; TP
ภาพที่ 3.1 ลักษณะของการ์ดแสนแบบตา่ งๆ
.
อุปกรณ์เครอื ขา่ ย 57
การ์ดแลนแบบติดตั้งภายในที่ใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก
เรียกว่า แบบพีชีเอ็มชีไอเอ (Personal Computer Memory Card International Association; PCMCIA)
ซง่ึ ในปัจจุบันไม่มีใช้แลว้
ภาพที่ 3.2 ลักษณะของการด์ แลนแบบพชี เี อ็มชไี อเอ (PCMCIA)
2) แบบติดตั้งภายนอก มีลักษณะเป็นบัสอนุกรมแบบใช้ร่วมหรือยูเอสบี (Universal Serial
Bus, USB) สามารถนำไปใช้ได้กบั ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซีและเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ
พกพาหรอื คอมพวิ เตอรโ์ นต้ บุ๊ก
แบบตดิ ต้ัง
ภายนอก
ภาพที่ 3.3 ลกั ษณะของการด์ แลนแบบ usb
1.2.2 การ์ดแลนแบบไร้สายหรือไวร์เลสการ์ด (wireless LAN card) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
เชื่อมต่อเครือข่ายกบั คอมพิวเตอร์แบบไร้สาย (Wireless) โดยแบ่งตามลักษณะการใช้งานได้ 2 แบบคือ
แบบตดิ ตัง้ ภายในและแบบตดิ ต้งั ภายนอก
ภาพที่ 3.4 ลักษณะของไวรแ์ ละการด์ แบบตดิ ต้ัง
58 เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบือ้ งต้น
ภาพที่ 3.6 ลักษณะของไวรแ์ ละการด์ แบบยเู อสบี (usb)
2. โมเด็ม
2.1 ลักษณะของโมเดม็
โมเดม็ (Modulator-democulator, Modem) เปน็ อปุ กรณท์ ี่ทำหนา้ ทแี่ ปลงสญั ญาณแอนะล็
อกเปน็ สญั ญาณดจิ ทิ ัล ใชส้ ำหรับเชื่อมตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ ผา่ นสายโทรศพั ท์โดยโมเต็มจะทำหนา้ ทห่ี มนุ เบอร์
โทรศพั ทไ์ ปยังแมข่ า่ ยหรือเซริ ฟ์ เวอร์ (Server) ของผ้ใู หบ้ ริการอินเทอร์เนต็ ซึง่ ในปจั จบุ นั ไมม่ ใี ชแ้ ลว้
2.2 ชนดิ ของโมเดม็
2.1.1 แบบภายใน (Internal) เป็นโมเต็มที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบกับช่องเสียบ (slot) ของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ มีข้อดีคือราคาไม่แพง แต่มีข้อเสียคือติดตั้งยุ่งยาก และไม่สามารถใช้งานกับ
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กได้ สำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะใช้โมเด็มแบบพีซีเอ็มซีไอเอ (PCMCIA) ซึ่งเป็น
แบบที่ใช้งานเฉพาะกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบเข้าไปในช่องเสียบโดยเฉพาะ แต่
ในปัจจบุ นั นมี้ กี ารติดต้ังโมเต็มมาพร้อมกับเครือ่ งแล้ว และใช้การเชอื่ มต่อแอร์การด์ air card) แทน
ภาพท่ี 3.6 ลักษณะโมเดม็ แบบภายใน
อปุ กรณเ์ ครือข่าย 59
ภาพท่ี 3.7ลกั ษณะของโมเดม็ แบบพีซเี อม็ ชี ไอ เอ (PCMCIA)
2.2.2 แบบภายนอก (external) เป็นโมเต็มที่ติดตั้งภายนอกข้อดีคือติดตั้งได้ง่ายเคลื่อนย้ายสะดวก
สามารถเชื่อมต่อกับช่องทาง (port) ทั้งแบบช่องทางข้อมูลอนุกรม (Serial port) แบบช่องทางข้อมูล
ขนาน (parallel port) และแบบยูเอสบี (USB) แตม่ ีข้อเสียคอื มรี าคาคอ่ นขา้ งสงู
ภาพที่ 3.8 ลกั ษณะโมเดม็ แบบภายนอก
โมเต็มที่ติดตั้งภายนอกการพัฒนาเพื่อให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้นมี
ความเร็วสูงหรือเอดีเอสแอล (Asymmetro Digital Subcriber Lino, ADSL) ซึ่งเทคโนโลยีการสื่อสาร
ขอ้ มลู ความเร็วสูงบนเครอื ขา่ ยสายทองแดงหรือคู่สายโทรศัพท์
ภาพที่ 3.9 ลกั ษณะโมเดม็ แบบเอ ดี เอส แอล (adsl)
ปัจจุบันอุปกรณ์สําหรับเชื่อมต่อเครือข่ายนิยมรวมหลายอุปกรณ์เข้าด้วยกันหรือที่เรียกว่า all in one
ซึ่งรวมทั้งโมเดิมเราเตอร์สวิตช์ฮับหรือแม้กระทั่งแอกเซสพอยต์ (Access Point เข้าด้วยกันเพื่อใช้
สำหรับเช่อื มตอ่ แบบไร้สาย
60 เครอื ข่ายคอมพิวเตอรเ์ บอื้ งตน้
ภาพท่ี 3.10 ลกั ษณะของโมเด็มแบบ All in one
แอร์การ์ด (air card) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือแทนการต่อ
ผา่ นสายโทรศัพทโ์ ดยผ่านบริการ 3G หรอื 4G ของเครือข่ายโทรศัพทม์ ือถือด้วยการซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือไว้
ในแอรก์ ารด์
ภาพท่ี 3.11 ลกั ษณะของแอร์การด์
ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นที่โมเต็มในตัวหรือสมาร์ตโฟนเพื่อใช้ในการ
เชื่อมต่อผ่านสายยูเอสบี (USB) หรือผ่านการกระจายจุดพร้อมโยงหรือฮอตสปอต (hotspot จาก
สัญญาณโทรศัพทม์ ือถอื
3. อุปกรณร์ วมสายสญั ญาณ
3.1 ฮบั
ฮับ (hub) เป็นอุปกรณ์สำหรับรวมสายสัญญาณเพื่อการเชื่อมโยงเครือข่ายและทำหน้าที่
กระจายสัญญาณในเครอื ข่าย โดยรับสายสญั ญาณชนดิ ยทู ีพี (Unshielded Twisted Pair, UTP) ทั้งน้ีมี
ช่องรบั สายสัญญาณเรียกว่าชอ่ งทางหรือพอร์ต (port) ปัจจุบันมีหลายขนาดให้เลอื กดว้ ยกัน เช่น ขนาด
5 พอร์ต, 8 พอรต์ , 16 พอรต์ , 24 พอรต์ , 32 พอรต์ และ 48 พอรต์ และมคี วามเรว็ เร่ิมตน้ ท่ี 10 Mbps
อปุ กรณเ์ ครอื ข่าย 61
หลักการทำงานของฮับ คือสามารถรับหรือส่งข้อมูลระหว่างเครื่องได้ แต่ไม่สามารถทำทั้งสอง
อย่างพร้อมกันได้อีกทั้งการส่งข้อมูลในแต่ละครั้งฮับจะส่งข้อมูลกระจายไปยังทุกเครื่องที่เชื่อมต่อโดย
เครื่องปลายทางจะทำหน้าที่ตรวจสอบว่าใช่ของตนเองหรือไม่ถ้าใช่ก็รับข้อมูลถ้าไม่ใช่ก็จะไม่รับข้อมูล
ดว้ ยเหตุนี้จึงทำให้ไมส่ ามารถรบั -สง่ ข้อมลู ภายในเวลาเดยี วกนั ไดอ้ ีกทงั้ ยังเกิดปัญหาการชนกนั ของข้อมูล
(collision) ส่งผลให้ความเร็วของเครอื ข่ายลดลง ฮับจงึ มีการทำงานทีช่ า้ แตม่ ีขอ้ ดีคอื ราคาถูก
ภาพที่ 3.12 ลกั ษณะของฮับ
นอกจากนีฮ้ บั ยงั เป็นอปุ กรณท์ วนสญั ญาณดว้ ยในตวั ชว่ ยขยายสัญญาณให้แรงข้ึน โดยการนำ
ฮบั มาเชอื่ มตอ่ กนั ในระยะทางไมเ่ กนิ 100 เมตรและสามารถใชก้ ับพ่วงต่อกนั ไดไ้ ม่เกนิ 4 ตัว
3.2 สวิตช์
สวิตช์ (Switch) ทำหน้าที่แบบเดียวกันกับฮับ และมีลักษณะรูปร่างคล้ายกันกับฮับ แต่มี
ประสิทธิภาพมากกว่าฮับ กล่าวคือสามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ภายในเวลาเดียวกันมีความเร็วในการรับ-สง่
สูงกว่ารองรับการรับ-ส่งข้อมูลในปริมาณมาก และในการส่งข้อมลู นั้นสามารถระบุปลายทางได้ดงั นั้นจึง
ลดปัญหาการชนกนั ของข้อมูลทเ่ี กิดข้นึ เมือ่ ใชฮ้ บั
ภาพท่ี
ภาพท่ี 3.13 แสดงเปรยี บเทียบรูปแบบการรบั -สง่ ข้อมลู ของ ฮบั กับ สวิตช์
62 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบอ้ื งตน้
จากภาพที่ 3 13 แสดงตัวอย่างเพื่อให้เหน็ ความแตกตา่ งของรูปแบบการรบั ส่งข้อมูลจากเครื่อง
คอมพิวเตอร์ 1 กับ 2 ระหว่างเครือข่ายที่มีอุปกรณร์ วมสายสัญญาณคือฮับ (ภาพซ้าย) กับสวิตช์ (ภาพ
ขวา) จากรภาพจะเห็นได้ว่าการส่งข้อมูลของฮับน้ันจะส่งไปยังทุกเครื่องที่มีการเชือ่ มโยงกล่าวคือถงึ แม้
เคร่อื งท่ี 1 ตอ้ งการส่งข้อมลู ใหเ้ คร่อื งที่ 2 เพยี งเคร่ืองเดียว แต่ยับจะทำหนา้ ทสี่ ่งข้อมูลไปยังทุกเคร่ืองซึ่ง
ผู้ท่ีจะนำข้อมูลไปใชไ้ ด้คอื เครือ่ งท่ี 2 เทา่ นน้ั ด้วยเหตุน้เี ครื่องที่ 3 และ 4 จึงไม่สามารถทำการส่งข้อมูลได้
จนกว่าเครื่องที่ 2 จะรับข้อมูลเสร็จเรียบร้อยส่งผลทำให้การทำงานช้าเพราะเสียเวลารอคอยในขณะท่ี
การส่งข้อมูลของสวิตช์จะส่งไปเฉพาะเครื่องปลายทางตามทีก่ ำหนดดงั น้ันเครื่องที่ 3 และ 4 จึงว่างหาก
มีขอ้ มลู กส็ ามารถสง่ ออกได้ทนั ทที ำให้ไมต่ ้องเสียเวลารอและไม่เกดิ ปญั หาเรอ่ื งการชนกันของข้อมูลท้ังนี้
ในการจดั วางเครอื ข่ายหากมคี อมพวิ เตอร์มากกว่า 4 เครือ่ งควรเลือกใช้สวิตช์มากกวา่ บอกี ทัง้ ในปัจจุบัน
ราคาของสวติ ชถ์ ูกลงมากผูใ้ ช้จึงนยิ มใช้สวติ ช์ในการรวมสายสัญญาณมากกว่า
3.3 บรดิ จ์
บรดิ จ์ (bridge) เปน็ อปุ กรณท์ ี่ใชเ้ ชือ่ มตอ่ เครือขา่ ย 2 เครอื ขา่ ยทไ่ี มเ่ กีย่ วข้องกัน แต่ต้องดูแลให้
อยู่ภายใต้เครือข่ายเดียวกันโดยรูปแบบการเชื่อมต่อของเครือข่ายนั้นต้องเป็นประเภทเดียวกัน เช่น
เชือ่ มตอ่ ระหว่างเครือขา่ ยอีเทอรเ์ น็ต (Ethernet) 2 เครือขา่ ยเขา้ ดว้ ยกัน หรือเชือ่ มตอ่ เครอื ข่ายวงแหวน
โทเค็น (token ring network) 2 เครือข่ายเข้าด้วยกันซึ่งบริดจ์ทำหน้าที่คล้ายกับเป็นสะพานเชื่อมท้ัง
สองฝั่งเข้าด้วยกัน โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งได้ว่าผู้รับข้อมูลอยู่ที่ใด ช่วยลดการคับคั่งของ
ข้อมูลบนเครอื ข่ายไดซ้ ง่ึ อุปกรณม์ ที ั้งแบบมสี ายและแบบไรส้ าย
ภาพที่ 3.14 การใช้บรดิ จใ์ นการเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ย
อปุ กรณเ์ ครือขา่ ย 63
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้บริดจ์ไม่ได้รับความนิยมแล้วเพราะสวิตช์ที่สามารถทำหน้าที่ได้
คล้ายกนั กับบรดิ จ์และมปี ระสิทธิภาพดีกว่า
3.4 อุปกรณ์จดั เส้นทางหรอื เราเตอร์
อุปกรณ์จัดเส้นทางหรือเราเตอร์ (router) จะมีลักษณะการทำงานเหมือนกันกับบริดจ์ แต่มี
ความสามารถมากกว่า กล่าวคือเราเตอร์สามารถทำการหาเส้นทางวิ่งของข้อมูลที่ถูกต้องและมี
ประสิทธภิ าพท่ีสุด เพือ่ รองรับการถา่ ยโอนขอ้ มลู ท่ีเรว็ ทีส่ ดุ โดยเราเตอร์ทำหนา้ ทเ่ี ช่ือมต่อเครือข่ายแต่ละ
ประเภทเข้าด้วยกันถึงแม้จะต่างประเภทกันก็สามารถเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อีกทั้งยังสามารถทำหน้าที่
แจกเลขที่อยู่ไอพใี ห้กบั เครือขา่ ยต่างๆภายในระบบได้ ด้วยเหตนุ ก้ี ารเช่อื มตอ่ เครอื ขา่ ยในปัจจบุ ันจึงนิยม
ใช้เราเตอรเ์ ปน็ หลกั
ภาพที่ 3.15 ลกั ษณะของ เราเตอร์ แบบใช้สายสญั ญาณ
3.5 เกตเวย์
เกตเวย์ (gateway) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการเชือ่ มต่อเครือข่ายที่มีลักษณะต่างกนั หรือตา่ งประเภท
เข้าด้วยกันเช่นใช้เกตเวย์ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซี ( PC) กับ
เครือข่ายที่เป็นคอมพิวเตอร์ประเภทแมคอินทอช (macintosh) หรือเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายแบบ
อีเทอร์เน็ตกับวงแหวนโทเคน็ เข้าดว้ ยกนั ซง่ึ ในปัจจบุ นั ไมม่ ใี ช้แลว้
ภาพท่ี 3.16 การใช้ เกตเวย์ ในการเชื่อมตอ่ เครอื ข่าย
64 เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งต้น
ปจั จบุ ันไดร้ วมการทำงานของเกตเวยไ์ วใ้ นเราเตอรแ์ ลว้ ทำใหเ้ ราเตอร์สามารถทำงานเปน็ เกตเวย์
ได้จงึ ไม่จำเปน็ ตอ้ งซ้ืออปุ กรณช์ นิดนอ้ี กี
3.6 แอกเซสพอยต์ไร้สาย
แอกเซสพอยต์ไร้สาย (Wireless Access Point, WAP) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า แอกเซสพอยต์
(Access Point, AP) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่คล้ายกับฮับหรือสวิตช์ในเครือข่ายเพียง แต่แตกต่างกันที่
แอกเซสพอยต์นั้นทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สาย กระจายสัญญาณแบบไร้สาย หรือที่เรียกว่า
กระจายสัญญาณ Wi-Fi ช่วยให้อุปกรณ์ไร้สายต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันในเครือข่ายได้โดยตัวอุปกรณ์
จะมีช่องรับสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือเครือข่ายแลนเข้าเครื่องเพียง 1 พอร์ตเท่านั้นแล้วทำ
หนา้ ท่กี ระจายสญั ญาณแบบไร้สายออกไป
ภาพท่ี 3.17 ลกั ษณะของแอกเซสพอยตไ์ ร้สาย
4. เคร่ืองทวนสัญญาณ
เครือ่ งทวนสญั ญาณหรือฟิตเตอร์ (repeater) เปน็ อุปกรณ์ทวนและขยายสญั ญาณ เพ่ือส่งต่อไป
ยังอุปกรณ์อ่ืนให้ได้ระยะทางที่ไกลขึ้น ทำหน้าที่ปรับแต่งสัญญาณที่อ่อนลงให้มีรูปแบบสัญญาณเท่ากับ
ต้นฉบบั เดมิ เพอ่ื ให้สามารถส่งสญั ญาณไดไ้ กลย่งิ ขึ้น
ภาพท่ี 3.16 ลกั ษณะของสัญญาณก่อนและหลังผ่านรีพีตเตอร์
อุปกรณ์เครือข่าย 65
รีพีตเตอร์มกั ใชก้ บั เครือข่ายทม่ี ีรูปแบบการเชอ่ื มต่อแบบบัสหรือ 10 Base2 หรอื 10Base ซึง่ ใน
ปจั จุบันนร้ี ปู แบบการเช่อื มตอ่ ดังกลา่ วไม่เปน็ ทนี่ ยิ มแลว้ จึงมีการใช้ฮับแทนพตี เตอรน์ อกจากน้อี ปุ กรณ์
เครือขา่ ยชนดิ อน่ื ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ บรดิ จ์ เราเตอร์ หรอื เกตเวย์ ตา่ งก็สามารถทวนและขยายสญั ญาณไดใ้ น
ตัว
5. อปุ กรณ์เชอื่ มต่อเครอื ขา่ ยผ่านสายไฟ
อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายผ่านสายไฟหรือเพาเวอร์ไลน์ (power line) เป็นอุปกรณ์สำหรับ
ติดตั้งเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายไฟฟ้าได้ โดยสื่อสารเครือข่ายผ่านทางสายไฟฟ้าภายในบ้าน
ทาํ ให้สามารถเชอ่ื มต่อไดโ้ ดยไม่ต้องเดินสายใหม่
การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านสายไฟเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในบา้ นหรือภายในองค์กรซ่งึ มีประโยชนแ์ ละประสิทธิภาพสูง อีกทง้ั ยังมีความ
น่าเชื่อถอื ในดา้ นความเร็วความปลอดภัยและเสถียรภาพในการรับส่งขอ้ มูลผา่ นสายไฟฟ้าไดอ้ ย่างคุ้มค่า
ที่สุดให้อัตราความเร็วในการสื่อสารข้อมูลอยู่ที่ 14 Mbps ซึ่งปัจจุบันสามารถรับส่งข้อมูลได้สูงถึง 500
Mbps
โดยมรี ะยะทางในการสง่ สัญญาณท่ี 300 เมตรอย่างไรก็ตามถา้ เป็นสำนกั งานอาคารสูงหลายช้ัน
ไม่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายผ่านสายไฟ เนื่องจากสัญญาณอาจถูกรบกวนจากอุปกรณ์
เคร่ืองใช้ไฟฟา้ ตา่ งๆทมี่ ีอยใู่ นสำนกั งานสง่ ผลใหป้ ระสทิ ธภิ าพลดลงได้
อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อมี 2 แบบคือแบบติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์กับแบบติดตั้ง
ภายนอกนอกจากนี้ยังมีการรองรับการเชื่อมต่อแบบใช้สายสัญญาณกับตัวเชื่อมต่อ RJ-45 กับแบบไร้
สาย (wireless)
ภาพที่ 3.19 power line สำหรับติดตงั้ ภายในเครื่องคอมพวิ เตอรแ์ บบการ์ดเสียบ pci
66 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งต้น
ภาพท่ี 3.21 power line สำหรบั ติดตั้งภายนอกรองรับการเช่ือมต่อเเบบไรส้ าย
ภาพท่ี 3.20 power line สำหรบั ตดิ ตงั้ ภายนอกรองรับการเชื่อมตอ่ แบบมีสญั ญาณ
6. อปุ กรณร์ กั ษาความปลอดภัยเครอื ข่าย
ด่านกันบุกรุกหรือไฟร์วอลล์ (firewall) มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นระบบที่เอาไว้ป้องกัน
อนั ตรายจากอินเทอรเ์ นต็ ภายนอก เช่น ปอ้ งกนั ผูไ้ ม่หวงั ดีจากอินเทอรเ์ น็ตเขา้ มายงั เซริ ฟ์ เวอรข์ ององคก์ ร
นอกจากนี้ไฟร์วอลล์ยังสามารถช่วยควบคุมผู้ใช้ภายในไม่ให้ออกไปใช้บริการที่ไม่ได้รับอนุญาตบน
อนิ เทอรเ์ นต็ ได้อกี ดว้ ยซงึ่ ไฟร์วอลล์มที ัง้ แบบฮาร์ดแวร์และซอฟตแ์ วรโ์ ดยมรี ายละเอียดดังนี้
6.1 ฮาร์ดแวรไ์ ฟรว์ อลล์
ฮาร์ดแวร์ไฟรว์ อลล์ (hardware firewall) เปน็ อปุ กรณท์ ี่มคี วามเร็วในการทำงานและมีสามารถ
รองรับและเหมาะสมกับองค์กรที่มีเครือข่ายขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ความปลอดภัยสูง สามารถเลือก
รนุ่ และอุปกรณไ์ ดค้ รอบคลุมทง้ั ด้านราคาและอตั ราการรบั -สง่ ข้อมูล
อปุ กรณ์เครอื ข่าย 67
ภาพที่ 3.22 ลกั ษณะของฮาร์ดแวร์ ไฟรว์ อลล์
6.2 ซอฟต์แวรไ์ ฟรว์ อลล์
ซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ (software firewall) สามารถรองรับและเหมาะสมกับเครือข่ายองค์กร
ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ สามารถเลือกราคาและอัตราการรับส่งข้อมูลได้ แต่หากเป็นโอเพนซอร์ส
ไฟร์วอลล์ (open-source firewall) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ฟรีนั้นเหมาะสำหรับองค์กรขนาดเล็กมากกว่า
เน่อื งจากสามารถรบั -ส่งข้อมลู ไดใ้ นปรมิ าณทไ่ี มม่ ากนัก หากจำแนกซอฟต์แวร์ตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการ
ตรวจสอบและควบคุมสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทดงั นี้
6.2.1 packet filtering เป็นตัวกรองแพ็กเก็ตที่ทำหน้าที่กำหนดเส้นทางเหมือนเราเตอร์และ
ทำการส่งแพ็กเก็ตต่อแบบมีเงื่อนไขโดยพิจารณาข้อมูลจากเฮดเดอร์ (header) ของแต่ละแพ็กเก็ตทำ
การตรวจสอบควบคุมแพ็กเกต็ ว่าเป็นแพ็กเก็ตที่ห้ามหรือไม่ถ้าเป็นแพ็กเกต็ ที่ห้ามจะไม่ให้ผ่านเข้ามาใน
ระบบข้อดีของตัวกรองแพ็กเก็ต (packet filtering) คือมีความเรว็ สูงและรองรับการขยายเครอื ข่ายได้ดี
อกี ท้งั การใชง้ านไม่ข้ึนอยูก่ ับโปรแกรม แตม่ ขี อ้ เสียคือไมร่ องรับการตรวจสอบกบั โพรโทคอลบางชนดิ เช่น
เอฟทีพี (File Transfer Protocol, FTP) ไอซคี ิว (ICO)
6.2.2 proxy service เปน็ แอปพลเิ คชันโปรแกรมทีท่ ำงานอยูบ่ นไฟร์วอลล์ซึง่ ติดต้งั อยู่ระหวา่ ง
เครือข่าย 2 เครือข่ายมขี ้อดีคือมีความปลอดภัยสงู และรู้จักข้อมูลในระดับแอปพลิเคชัน แต่มีข้อเสียคือ
ประสิทธิภาพต่ำแต่ละบริการมักต้องการประมวลผล (process) ของตนเองและรองรับการขยาย
เครอื ข่ายได้ไม่ดี
6.2.3 stateful inspection เป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้าไปในตัวกรองแพ็กเก็ตคือนอกจากจะ
พจิ ารณาจากเฮดเดอร์ของแพก็ เกต็ แลว้ stateful inspection จะนำข้อมลู สว่ นของแพ็กเกต็ และขอ้ มูลท่ี
ได้มาจากแพ็กเกต็ ก่อนหน้าทไี่ ดท้ ำการบันทึกไวม้ าพจิ ารณาควบคู่ไปด้วย
เพื่อให้เห็นลักษณะการนำอุปกรณ์ต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมาใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่าย
ดังภาพท่ี 3.23
68 เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ บื้องตน้
จากภาพแสดงให้เห็นถึงการใช้อุปกรณ์ในการเชื่อมโยงเป็นระบบเครือข่ายโดยเชื่อมต่อกับ
อินเทอร์เน็ตด้วยโมเต็มเอดีเอสแอลไฟร์วอลล์ หรือเกตเวย์ จากนั้นเชื่อมต่อกับเราเตอร์เพื่อเชื่อมโยง
ระหวา่ งวงแลนสองวง (segment) เขา้ ดว้ ยกนั
วงแสนของสวิตช์ 1 บริดจ์มกี ารเชือ่ มต่อระหว่างเครอื ขา่ ยภายในวงด้วยบรดิ จไ์ ร้สายหรือไวร์เลสบบริดจ์
(wireless bridge) ทง้ั นี้หากมกี ารเชอ่ื มตอ่ ไวร์เลสแบบบรดิ จแ์ ล้วไวรเ์ ลสจะไมส่ ามารถใชใ้ นการกระจาย
สัญญาณให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นได้ด้วยเหตุนี้ไวร์เลสบบริดจ์ 2 จึงเชื่อมต่อกระจาย
สัญญาณให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยสายสัญญาณเพียงอย่างเดียวซึ่งต่างจากวงแลนของสวิตช์ 2 ที่มี
การเชื่อมต่อกับไวร์เลสแอกเซสพอยต์ทีส่ ามารถกระจายสัญญาณแบบไรส้ ายได้
การเชื่อมต่อในส่วนแรกจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามา หากเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในบ้าน
อุปกรณ์เช่อื มโยงอาจเปน็ เราเตอร์กไ็ ดเ้ น่อื งจากปจั จบุ ันนี้โมเดม็ เปน็ แบบ all in one
ภาพที่ 3.23 ลกั ษณะการเชือ่ มต่อเครอื ข่ายดว้ ยอุปกรณ์เช่อื มโยงแบบตา่ งๆ
อุปกรณเ์ ครอื ข่าย 69
สรุป
อุปกรณ์การเชื่อมต่อต่างๆเมื่อรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากภายนอกเข้ามา คือโมเด็มทำหน้าที่แปลง
สัญญาณอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นสัญญาณแอนะล็อกให้กลายเป็นสัญญาณดิจิทัลเพื่อให้อุปกรณ์ภายในเครือข่าย
สามารถสื่อสารได้ทั้งนี้อาจมีการติดตั้งไฟร์วอลล์เพื่อความปลอดภัยป้องกันการบุกรุกหรือโจมตีจากภายนอก
เครือข่ายหากภายในเครือข่ายการเชื่อมต่อหากมีอุปกรณ์จำนวนมากจะใช้อุปกรณ์รวมสายสัญญาณ เช่น ฮับ
สวิตช์ เราเตอร์ บริดจ์ เกตเวย์ หรือหากต้องการเชื่อมต่อแบบไร้สายจะใช้แอกเซสพอยต์อย่างไรก็ตามในการ
รับ-ส่งสัญญาณข้อมูลในระยะทางไกลประสิทธิภาพของสัญญาณอาจลดลงดังนั้นต้องใช้เครื่องทวนสัญญาณ
หรือฟิตเตอร์เพื่อชว่ ยให้การรับสง่ ข้อมูลในระยะทางไกลมีประสิทธภิ าพมากย่ิงขึ้นนอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ท่ใี ช้
เชื่อมต่อสัญญาณเครือข่ายผ่านสายไฟฟ้าหรือเพาเวอร์ไลน์ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อโดยไม่
ต้องเดินสายสัญญาณใหม่และสิ่งสำคัญในการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตกับเครื่องคอมพิวเตอร์ คือการ์ด
แลน ซึ่งจะมีทั้งแบบติดตั้งภายในและภายนอก แบบมีสายหรือไร้สาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการ
สื่อสาร จากอุปกรณ์ในเครือข่ายทั้งหมดนี้แต่ละชนิดมีหน้าที่ลักษณะการทำงาน รวมถึงข้อดีและข้อเสีย
แตกตา่ งกนั ผ้ใู ช้จงึ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
70 เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบ้อื งตน้
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
คำช้แี จง กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจเป็นกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะเฉพาะดา้ นความรู้ความเพื่อใชใ้ นการ
ตรวจสอบความเข้าใจตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้คำสงั่ จงตอบคำถามต่อไปนี้
คำชแี้ จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. จงอธบิ ายหน้าที่การทำงานของโมเดม็
2. จงอธบิ ายความแตกตา่ งในการรับสง่ ข้อมลู ระหวา่ งฮับกับสวติ ช์
3. จงอธบิ ายความแตกตา่ งระหว่าง Wireless bridge กบั Wireless Access Point
4. หากผเู้ รียนตอ้ งการเชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายภายในบา้ นของตนเองจะเลอื กใช้อปุ กรณ์ใดบา้ งในการ
เช่ือมตอ่ และเลือกใชอ้ ปุ กรณด์ ังกลา่ วเพราะเหตใุ ดจงอธบิ าย
อปุ กรณ์เครือข่าย 71
\ กิจกรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้
คำช้แี จง กจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้ประกอบดว้ ยกจิ กรรมทีฝ่ ึกทักษะกดา้ น
ตามจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมเพอ่ื ให้เกดิ สมรรถนะในการเรยี นรูส้ ามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมท้งั ใน
และนอกสถานทีต่ ามความเหมาะสมกบั ผูเ้ รยี นและสง่ิ แวดลอ้ มของสถานศึกษา
1. ให้ผ้เู รยี นแบ่งเปน็ 5 กล่มุ ร่วมกนั ศึกษาค้นคว่ำตามหัวขอ้ ทก่ี ำหนดจากแหลง่ การเรยี นรู้ต่างๆเช่น
อินเทอร์เน็ตหนังสือวารสาร ฯลฯ และจัดทำสรุปผลการเรยี นรู้พร้อมส่งตัวแทนกลุม่ นำเสนอหนา้ ช้นั
เรยี นกลุ่มละ 5-10 นาท่ี
กลุม่ ที่1 การ์ดแลน
กลุม่ ท่ี 2 โมเตม็
กลมุ่ ที่ 3 อปุ กรณ์รวมสายสญั ญาณ
กลุ่มท่ี 4 เครื่องทวนสญั ญาณ
กลุ่มที่ 5 อปุ กรณ์เฌอมต่อเครือขา่ ยผ่านสายไฟ
กลมุ่ ท่ี 6 อปุ กรณร์ ักษาความปลอดภยั เครือข่าย
2. ให้ผู้เรียนเขียนผงั ความคิดเกีย่ วกบั อุปกรณเ์ ครอื ข่าย
สรุปผลการทำกิจกรรม
คำช้ีแจง ให้ผูเ้ รียนประเมินผลการทำกจิ กรรม โดยเขยี นเครื่องหมาย ลงใน ตามความคิดเห็น
หมายเหตุ: เกณฑก์ ารประเมินผลการทำกิจกรรมมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ประเมนิ ว่าผูเ้ รยี นเกดิ สมรรถนะจาก
การเรียนรตู้ ามบรบิ ทตา่ งๆหรือไมโ่ ดยแบง่ เปน็ 3 ด้านคือความรหู้ รอื พทุ ธพิ สิ ยั = Knowledge (1)
ทักษะหรอื Van-Pantice (P) คุณลกั ษณะหรือจติ พิสยั = Amatuide Al
72 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น
แบบทดสอบ
คำสั่ง จงเลอื กคำตอบทถ่ี ูกต้องที่สดุ เพียงคำตอบเดยี ว
1. ขอ้ ใดต่อไปนี้บอกหนา้ ทกี่ ารทำงานของการด์ แลนไดถ้ ูกตอ้ งที่สดุ
1. ทำหนา้ ที่แปลงสญั ญาณขอ้ มูลระหว่างแอนะลอ็ กกบั ดิจทิ ัจ
2. ทำหนา้ ทค่ี น้ หาเสน้ ทางในการส่งขอ้ มูลทด่ี แี ละในทส่ี ดุ
3. ทำหนา้ ที่เชือ่ มต่อคอมพวิ เตอรเ์ ข้ากบั ระบบเครือขา่ ย
4. ทำหนา้ ทีป่ อ้ งกนั ภัยคกุ คามอนั ตรายจากภายนอกเครอื ข่าย
5. ทำหนา้ ทส่ี ง่ ขอ้ มลู จากเครอ่ื งหนง่ึ ไปยงั อกี เคร่อื งหนึ่ง
2. ข้อใดตอ่ ไปน้ีนอกหน้าทก่ี ารทำงานของรบั ไดถ้ ูกต้องทสี่ ุด
1. ทำหนา้ ท่รี ว่ มสายสัญญาณโดยการรับสง่ ขอ้ มูลนั้นทำใหเ้ ครื่องและสามารถทวงศร์ ะหวา่ งขบั ได้ไม่
เกนิ 4 ตวั
2. หน้าทร่ี วมสายสัญญาณโดยการรบั สง่ ขอ้ มูลนั้นทำได้ทลี ะเครอ่ื งและสามารถล่วงระหว่างขบั ไดไ้ ม่
จำกัด
3. ทำหนา้ ทร่ี ว่ มรายสญั ญาณโดยสามารถรบั ส่งข้อมลู ไดพ้ ร้อมกนั และการพว่ งต่อระหวา่ งกนั ได้ไม่
เกนิ 4 ตวั
4. หนา้ ทรี่ ่วมสายสัญญาณโดยอยมารถรบั -สง่ ขอ้ มลู ได้พร้อมกันและการพ่วงต่อระหวา่ งกนั ไดไ้ ม่
จำกดั
5. ทำหนา้ ทีร่ วมสายสัญญาณโดยสามารถรบั สง่ ขอ้ มลู ไดพ้ ร้อมกนั แตไ่ ม่สามารถตอ่ ระหว่างฮบั ได้
3. อปุ กรณใ์ ดท่สี ามารถตรวจสอบข้อมูลกอ่ นส่งไดว้ ่าผรู้ บั ข้อมูลอยทู่ ่ใี ดและชว่ ยลดการคบั ค่ังของข้อมลู
บนเครือขา่ ยได้
1. ฮับ
2. บริดจ์
3. รพี ีตเตอร์
4. เกตเวย์
5. สวติ ช์
อุปกรณ์เครอื ข่าย 73
4. อปุ กรณท์ ท่ี ำหนา้ ท่ีในการชว่ ยป้องกนั อันตรายจากผไู้ มห่ วงั ดีจากภายนอกเครือขา่ ย
1. ฮับ
2. ไพร์วอลล์
3. เพเวอรไ์ ลน์
4. เกตเวย์
5. บรดิ จ์
5. อุปกรณ์ใดทท่ี ำหน้าทเ่ี ชอ่ื มเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2 วงเข้าดว้ ยกนั และสามารถทางเสน้ ทางในการ
จดั สง่ ขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมไดโ้ ดยอัตโนมตั ิ
1. เราเตอร์
2. เกตเวย์
3. บริดจ์
4. รพี ีตเตอร์
5. เพาเวอรไ์ ลน์
6. อุปกรณ์ใดที่ใช้ในการเชอื่ มโยงเคร่ืองลกู ขา่ ยใหส้ ามารถตดิ ตอ่ สือ่ สารการเครอื ข่ายไรส้ ายได้
1. wireless PCI
2. wireless bridge & Access Point
3. Access Point
4. roaming
5. Modem
7. อุปกรณ์ชนดิ ใดที่ทำให้เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ตา่ งประเภทสามารถเชอ่ื มโยงกนั ได้
1. ฮบั
2. โมเดม็
3. รพี ีตเตอร์
4. เกตเวย์
5. แอกเซสพอย์
74 เครือข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งตน้
8. หากต้องการเช่ือมต่อเครือข่ายด้วยสายไฟฟ้าของบา้ นควรเลอื กใชอ้ ปุ กรณใ์ ด
1. เพาเวอรไ์ ลน์
2. แอทเลพอยต์
3. สมารต์ โฟน
4. โมเตม็ เกตเวย์
5. เกตเวย์
9. ในการสง่ สญั ญาณขอ้ มูลในระยะทางไกล ๆ จะต้องใชอ้ ปุ กรณช์ นดิ ใดเพอ่ื ทวนสญั ญาณขอ้ มูล
1. เราเตอร์
2. รพี ีตเตอร์
3. บรดิ จ์
4. เกตเวย์
5. แอกเซสพอย
10. พลอยไม่มีคอมพวิ เตอรโ์ นต้ บุก๊ : เคร่ืองซ่ึงสามารถเชอ่ื มตอ่ เครือข่ายได้ทงั้ แบบมสี ายและไร้สาย แต่
เนอื่ งจากพลอยใสต้องเดนิ ทางไปพักทต่ี า่ งจังหวดั โดยสถานท่ีท่ไี ดไ้ ปนน้ั ไมม่ ที งั้ สายแลนและสัญญาณไวร์
เลสพลอยใสควรเลือกใช้อปุ กรณ์ใดตอ่ ไปน้ีในการเช่ือมตอ่ เครอื ข่าย
1. เพาเวอรไ์ ลน์
2. แอกเซสพอย
3. สมาร์ทโฟน
4. โมเตม็
5. เราเตอร์
อปุ กรณ์เครือข่าย 75
แบบประเมินตนเอง
คำชี้แจง ตอนท่ี 1 : ให้ผเู้ รยี นประเมนิ ผลการเรียนรู้ โดยเขยี นเคร่ืองหมายลงในชอ่ งระดบั คะแนน
และเติมข้อมูลตามความเปน็ จรงิ
ระดบั คะแนนตอนที่1 5: มากท่สี ดุ 4 : มาก 3: ปานกลาง 2:น้อย 1:ควรปรบั ปรบั ปรงุ
ตอนที่ 2 : ให้ผู้เรียนนำคะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในช่องวา่ งและเขียนเครอ่ื งหมาย ลงใน
ช่องสรปุ ผล
–
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่
ตัวกลางเชือ่ มต่อเครอื ขา่ ยและโพรโทคอล
สาระสำคัญ
นอกจากการเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ดว้ ยอุปกรณ์ตวั กลางไม่ว่าจะเป็นแบบมีสายหรือไร้
สาย ยังตอ้ งมีโพรโทรคอลซึ่งเป็นกฎระเบียบ ข้อตกลง ซงึ่ ถือว่าเปน็ ตัวกลางสำหรบั การสือ่ สารดว้ ย
เชน่ กนั เพอ่ื ให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างไร
สาระการเรยี นรู้
1. ตวั กลางการเชอื่ มตอ่
2. โพรโทคอล
สมรรณะประจำหนว่ ย
1. แสดงความรเู้ กี่ยวกบั ตัวกลางการเชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ยและโพรโทคอล
2. ประยกุ ตค์ วามรู้เก่ียวกบั ตวั กลางการเชือ่ มตอ่ และโพรโทคอลมาใช้ในชีวติ ประจำวนั และ
การประกอบอาชีพ
ตัวกลางเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ยและโพรโทคอล 77
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. จำแนกหนา้ ที่และลักษณะของตวั กลางในการเช่อื มตอ่ เครือข่ายแบบมสี ายได้
2. จำแนกหน้าทีแ่ ละลักษณะของตัวกลางในการเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยแบบไร้สายได้
3. บอกความหมายของโพโทคอลแต่ล่ะประเภทได้
ผงั สาระการเรยี นรู้ ตัวกลางการเช่ือมตอ่
โพรโทคอล
ตวั กลางการ
เชอ่ื มตอ่
เครือขา่ ยและ
โพรโทคอล
78 เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ บือ้ งต้น
1. ตัวกลางการเชอ่ื มตอ่
ตัวกลางในการเช่อื มตอ่ เครอื ข่ายทท่ี ำหนา้ ทเี่ ปน็ ชอ่ งทางการสือ่ สารทงั้ แบบมสี าย (guided
media) และแบบไรส้ าย (unguided media) โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี
1.1 ตัวกลางในการสง่ ขอ้ มลู แบบมสี าย
ตัวกลางในการส่งขอ้ มูลแบบมีสาย (guided media) ประกอบด้วยสายสัญญาณชนิดต่างๆ เชน่
สายตีเกลียวคู่ สายโคแอ็กซ์ และเคเบิลเส้นใยนำแสง ซึ่งสายสัญญาณทั้ง 3 ชนิดใช้สำหรับติดต้ังภายใน
อาคารหรือฝังใต้ดิน โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันทั้งนี้ข้อควรพิจารณาในการ
เลือกใช้งานจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ลักษณะการเชื่อมโยงเครือข่าย และระยะทางท่ีจะใช้
สายสัญญาณเนื่องจากความยาวของสายสัญญาณมีผลต่อกำลงั ในการส่งข้อมลู ข่าวสารดว้ ยเชน่ กัน
1.1.1 สายตีเกลียวคู่ (Twisted Pair, TP) เป็นสายสัญญาณที่มีการบิดไขว้สายตัวนำโดยบิด
ไขว้กันเป็นจำนวนรอบที่แน่นอนเพื่อลดผลกระทบจากการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electrical
interference) และสัญญาณรบกวนจากคู่สายสัญญาณเส้นอื่น (Crosstalke) โดยการบิดไขว้ภายใน
สายสัญญาณจำนวน 4 คู่ รวมเป็น 8 เส้น การนำสายตีเกลียวคู่ (TP) มาใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใน
เครือข่ายจะใช้ตัวเชื่อมต่อแบบ RJ-45 ซึ่งเป็นสายที่ออกแบบมาเพื่อใช้เฉพาะภายในอาคารเท่านั้นทั้งน้ี
สายตีเกลยี วคู่แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดงั นี้
1) สายตีเกลียวคู่แบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวนหรือสายยูทีพี (Unshielded Twisted Pair,
UTP) เป็นสายที่ไม่มีฉนวนหุ้มนิยมใช้ในระบบเครือข่ายแลนขนาดเล็กเนื่องจากติดตั้งสะดวกและมีราคาถูก
โดยความยาวของสายที่ใช้ในการเชื่อมโยงสามารถยาวได้สูงสุดประมาณ 100 เมตร ภายในสายจะไม่มีฉนวน
(shielded) หุม้ มีเพียงสายพลาสตกิ ห้มุ จึงทำใหถ้ ูกสญั ญาณรบกวนไดง้ ่าย
ภาพท่ี 4.1 สายตีเกลยี วคแู่ บบไม่มฉี นวน(UTP)
ตวั กลางเชื่อมต่อเครือขา่ ยและโพรโทคอล 79
สายยทู พี ผี่ ลิตขึ้นหลายแบบ แบง่ เปน็ หลายประเภท แต่ละประเภท เรยี กว่า Category N โดย N
คือหมายเลขที่ใช้แสดงประเภท ซึ่งแบ่งตาม EIATIA 568 โดยสมาพันธ์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
( Electronic Industry Alliance EIA) แ ล ะ ส ม า ค ม อุ ต ส า ห ก ร ร ม ก า ร ส ื อ ส า ร โ ท ร ค ม น า ค ม
(Telecommunications Industry Association; TIA) wanan / IEC สำหรับสายยูที่พีด้วย เช่นกันซ่ึง
กำหนดโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานหรือไอโซ (International Organization for
Standardization ISO) และคณะกรรมาธกิ ารระหว่างประเทศว่าดว้ ยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิคส์
(International Electrotechnical Commission IEC) โดยจะเรียกแต่ละประเภทเป็น Class มี
รายละเอยี ดดงั ตาราง
ตาราที่ 4.1 มาตรฐานสายยทู พี ีตาราง
80 เครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งต้น
2) สายตีเกลียวคู่แบบป้องกันสัญญาณรบกวนหรือสายเอสทีพี (Shielded Twisted Pair
STP) เป็นสายที่มีฉนวนหุ้ม โดยฉนวนที่ใช้หุ้ม มีสมบัติป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ต่างๆ เรียกว่า ชีลด์ (Shield) ซึ่งจะหุ้มสายแต่ละคู่เพื่อป้องกันคลื่นรบกวนระหว่างคู่ของสายสัญญาณ
แล้วมัดด้วยโลหะถักสาน (metallic braid) หรือฟอยล์อีกชั้นซึ่งแผ่นฟอยล์เป็นชีลด์ที่ช่วยป้องกันการ
รบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าหรืออีเอ็มไอ (Electromagnetic Interference; EMI) จากลักษณะการหุ้ม
ฉนวนของสายเอสทีพีจึงทำให้ป้องกันคลื่นสัญญาณรบกวนได้เป็นอย่างดี สามารถใช้งานในโรงงาน
อุตสาหกรรมที่เครอื่ งจักรหรือหมอ้ แปลงไฟฟ้าขนาดใหญไ่ ด้
ภาพที่ 4.2 สายตีเกลียวคแู่ บบมฉี นวน (STP)
ตวั กลางเชื่อมต่อเครือขา่ ยและโพรโทคอล 81
3) สายตีเกลียวคแู่ บบมีฉนวนหุ้มหรือเอฟทีพี (Foil-shielding Twisted Pair; FTP) เป็นสายท่ีใช้
ฉนวนหุ้มแบบอะลูมิเนียมฟอยล์เพื่อช่วยลดการรบกวนของสัญญาณไฟฟ้า และมี strain wire ที่ช่วยในการ
เชื่อมสายดิน (ground) ทั้งระบบเพื่อป้องกันคลื่นรบกวนที่จะเข้ามาในสายสัญญาณจึงทำให้มีความต้านทาน
ต่อสัญญาณรบกวนไดด้ ีสายสัญญาณประเภทนี้จึงเหมาะกับการติดต้ังภายนอก อาคารหรือสำหรับการตดิ ต้งั ท่ี
ต้องเดนิ คู่กับสายไฟฟา้ แรงสงู หรือเคร่ืองจักรไฟฟา้
ภาพที่ 4.3 สายตีเกลยี วคู่แบบมฉี นวน (ftp)
1.1.2 สายโคแอ็กซ์ (coaxial cable) เป็นสายที่มีลวดตัวนำทองแดงเป็นแกนกลางแล้วหุ้ม
ด้วยฉนวนอาจเป็นฟอยล์โลหะหรือทองแดงถักสานเพื่อช่วยลดการรบกวนทางสัญญาณไฟฟ้าจาก
ภายนอกและลดการแผ่กระจายคลื่นรบกวนของสายสัญญาณเอง ในอดีตนิยมใช้สำหรับระบบเครือข่าย
แลน แตป่ จั จุบันไมน่ ยิ มใชม้ ากนกั เนือ่ งจากถกู แทนทด่ี ว้ ยยูทพี ีซงึ่ มรี าคาถกู กวา่ และสามารถตดิ ตั้งได้งา่ ย
กว่า
สายโคแอก็ ซ์ท่พี บเหน็ โดยทวั่ ไปคอื สายทนี่ ำมาเชอื่ มตอ่ กบั เสาอากาศโทรทศั น์ แตเ่ ปน็ สายคนละ
มาตรฐานกับทนี่ ำมาใช้ในระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ ซง่ึ สายโคแอก็ ซ์ทน่ี ำมาใชเ้ ชอื่ มตอ่ กบั อุปกรณ์ใน
เครอื ขา่ ยจะใช้ขวั้ ตอ่ บีเอน็ ซี (BNC Connector) สายโคแอก็ ซ์แบ่งเปน็ 2 แบบคือ
1) สายโคแอก็ ซแ์ บบหนา (thick coaxial cable) เป็นสายทม่ี ีขนาดใหญส่ ามารถใช้รบั -ส่งข้อมูลได้
ในระยะทางสูงสุดคือ 500 เมตรทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดีรองรับความเร็วแค่ 10 Mpbs ใช้กับเครือข่าย
ท้องถน่ิ ท่ีเรียกวา่ thick Ethernet หรอื 10Base ซึ่งจะใช้สายชนิดน้ีเป็นแกนหลัก (backbone) ของระบบ แต่
ปจั จบุ นั นี้ไมไ่ ดร้ ับความนยิ มแล้ว
ภาพท่ี 4.4 สายโคแอกซแ์ บบหนา
82 เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบือ้ งต้น
2) สายโคแอ็กซ์แบบบาง (thin coaxial cable) เป็นสายที่มีขนาดเล็กกว่าแบบหนาง่ายต่อการ
ตดิ ต้ังเพราะมีขนาดเล็กและมีความยืดหยนุ่ สูงสามารถใช้รบั สง่ ข้อมลู ได้ในระยะทางสูงสุดคือ 185 เมตรรองรับ
ความเร็วแค่ 10 Mpbs ใช้กับเครือข่ายท้องถิ่นที่เรียกว่า thin Ethernet หรือ 10Base2 รูปแบบการวาง
โครงขา่ ยแบบบสั
ภาพที่ 4.5 สายโคแอกซแ์ บบบาง
1.1.3 เคเบิลเส้นใยนำแสง (fiber optic cable) เป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูลแบบสายที่มี
ความเร็วสูงท่ีสุด เนื่องจากใช้ส่งสัญญาณแสงแทนการใช้สญั ญาณไฟฟ้า ซึ่งแสงเดินทางเร็วกว่าไฟฟา้ อีก
ทั้งยังสามารถต้านทานสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า และรองรับการส่งข้อมูลความเร็วสูงกว่า ระยะทางใน
การส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดง มีแบนด์วิดท์สูงมากกว่า 10 Gbps ด้วยเหตุนี้เคเบิลเส้นใยนำแสงจึง
สามารถส่งขอ้ มลู ไดไ้ กลหลายกโิ ลเมตรโดย
เคเบิลเส้นใยนำแสงจะเป็นแก้วบริสุทธิ์ซึ่งนำวัตถุดิบมาจากทรายและปนด้วยสารบางอย่าง
เพื่อให้แก้วมีค่าดัชนีหักเหของแสงตามต้องการ โดยมีแกน (core) อยู่ตรงกลางหุ้มด้วยวัสดุหุ้ม
(cladding) ตามดว้ ยบัฟเฟอร์ (buffer) และมีเปลือกหมุ้ ช้นั นอก (outer jacket) เป็นขั้นสดุ ทา้ ย วิธีการ
ส่งขอ้ มลู จะแปลงสัญญาณข้อมูลจากรูปแบบสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นสัญญาณแสง จึงทำให้การส่งสัญญาณ
ไมถ่ กู รบกวนจากสนามแม่เหลก็ ไฟฟ้า อกี ทง้ั ยังทำใหส้ ามารถส่งสัญญาณไดไ้ กลและขอ้ มลู ปรมิ าณมากได้
ดีกว่า มักนิยมใช้เป็นแกนหลัก (backbone) ของระบบแทนสายโคแอ็กซ์เคเบิลเส้นใยนำแสงมีหลาย
ชนิดหากจำแนกตามความสามารถในการนำแสงจะแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้ไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ทวน
สัญญาณ
ภาพที่ 4.6 เคบิลเส้นใยนำแสง
ตัวกลางเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายและโพรโทคอล 83
1) ชนิดโหมดเดี่ยว (Single Mode: SM) เป็นชนิดที่วัสดุหุ้มมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 125 ไมครอนและมีแกนที่มีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 ไมครอนแกนที่มี
ขนาดเล็กทำให้แสงเดินทางออกมาเพียงโหมดเดียว การแตกกระจายของสัญญาณเกิดขึ้นได้ยากทำใหม้ ี
แบนดว์ ิดทก์ ว้างแสงจะส่งตรงไปตามทอ่ แก้วเพยี งแสงเดียว ทำให้สามารถเดนิ ทางได้ดว้ ยความเรว็ เหมาะ
ทจ่ี ะใชก้ ับระยะทางไกล เชน่ ระหว่างเมอื ง ระหว่างประเทศสูงสุด
ภาพที่ 4.7 ลักษณะการส่งแสงในเคเบลิ แสงใยนำแสงชนดิ โหมดเด่ียว
2) ชนิดหลายโหมด (Multi Mode; MM)เป็นชนิดที่วัสดุหุ้มมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 125 ไมครอน และแกนท่ีมีขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 50 ไมครอน แสงจะมีลกั ษณะการกระจาย
ออกดา้ นขา้ งโดยกระทบกับผนงั ของทอ่ นำแสงทำใหเ้ กดิ การสะท้อนในทิศทางทแยงมมุ จงึ เหมาะสำหรบั
ใช้ในเครอื ขา่ ยภายในไม่นยิ มใช้ในระยะทางไกล
ภาพที่ 4.8 ลักษณะการส่องแสงในเคเบลิ เส้นใยนำแสงชนิดหลายโหมด
1.2 ตัวกลางในการสง่ ขอ้ มูลแบบไรส้ าย
ตัวกลางในการส่งข้อมูลแบบไร้สาย (unguided media) ประกอบด้วยคลื่นสัญญาณไมโครเวฟ
คล่นื สัญญาณอินฟราเรดความถวี่ ิทยุ บลทู ูท วทิ ยุเซลลลู าร์ ซง่ึ มีรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี
1.2.1 คลื่นสัญญาณไมโครเวฟ (microwave) การสื่อสารผ่านคลื่นไมโครเวฟจะใช้ในการ
สื่อสารข้อมูลข่าวสารที่มีปริมาณมาก ระยะทางในการสื่อสารไม่เกิน 48 กิโลเมตร โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
แต่ถ้าต้องการสื่อสารในระยะไกลกว่านี้จะต้องมีสถานีทวนสัญญาณเพื่อรับและขยายสัญญาณแล้วจึงส่ง
84 เครอื ข่ายคอมพิวเตอรเ์ บื้องต้น
สัญญาณต่อไปจนถึงปลายทางโดยการติดตั้งจานรับสัญญาณควรตั้งอยู่บนที่สูงเพื่อไม่ให้มีสิ่งใดมากีด
ขวางการส่งข้อมูลความถี่ของคลื่นสัญญาณอยู่ระหว่าง 2-40 GHz ทิศทางการส่งคลื่นเป็นเส้นตรงแนว
ระนาบหรือเรยี กว่าเสน้ สายตา (line of sight)
ภาพท่ี 4.8 คล่นื ไมโครเวฟ
ขอ้ ดีของคลนื่ สัญญาณไมโครเวฟคือประหยัดค่าใช้จา่ ยในการเดินสายสัญญาณสามารถสง่ ข้อมูลได้ด้วย
ความเร็วสงู การสง่ คลืน่ สามารถส่งในย่านกว้างได้เนื่องจากคล่นื มีความถสี่ งู สว่ นข้อเสีย คอื การสง่ สญั ญาณอาจ
ถกู รบกวนไดง้ ่ายจากสภาพภูมิอากาศ มีส่งิ กีดขวาง เช่นตกึ สูงบงั หรือสภาพภมู ิประเทศ เช่นมีภเู ขา สูงจะส่งผล
ทำให้ประสิทธิภาพลดลงกล่าวคือต้องไม่มีสิ่งใดมากีดขวางเส้นสายตาของทั้งเครื่องรับและเครื่องส่งสัญญาณ
โดยส่วนใหญค่ ล่นื สัญญาณไมโครเวฟนีม้ กั นำไปใช้ในงานราชการ เช่น ทหาร ชมุ สายทางไกลของโทรศพั ท์
1.2.2 คลื่นสัญญาณอินฟราเรด (Infrared) หรือคลื่นความถี่สั้น (Millimeter Wave;
MMW) การสื่อสารผ่านคลื่นสัญญาณอินฟราเรดมีลักษณะการส่งสัญญาณเป็นเส้นตรงในระดับสายตา
สามารถสะท้อนวัตถุผิวเรียบได้มีความปลอดภัยในการส่งสัญญาณดีกวา่ คลื่นวิทยุ แต่ไม่สามารถส่งผ่าน
วัตถุทึบแสงหรือกำแพงที่กีดขวางได้ความสามารถในการส่งสัญญาณส่งได้ในระยะ 10-30 เมตรอัตรา
ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู อยูท่ ่ี 1-4 Mbps
ข้อดีของคลื่นสญั ญาณอินฟราเรดหรือคลื่นความถีส่ ั้นคอื ใช้พลังงานน้อยแผงวงจรควบคุมมีราคาต่ำคลื่น
แทรกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้เคียงมนี อ้ ยโดยคลืน่ สัญญาณอินฟราเรดนิยมนำไปใช้ในการส่งข้อมลู ไร้สาย
แบบระยะใกล้เชน่ รีโมตคอนโทรลระบบล็อกรถยนต์กับกุญแจรีโมต
1.2.3 ความถี่วิทยุ (Radio Frequency; RF) การสื่อสารผ่านความถี่วิทยุมีระยะทางในการ
สง่ ข้อมูลไดไ้ ม่เกนิ 30 กิโลเมตร แตห่ ากมีเครอื่ งทวนสญั ญาณจะส่งได้ถึง 500 กิโลเมตร
ตวั กลางเช่ือมต่อเครอื ข่ายและโพรโทคอล 85
ข้อดีของความถี่วิทยุคือการติดตั้งไม่ยุ่งยากเนื่องจากใช้อุปกรณ์น้อย ส่วนข้อเสียคือระดับ
ความปลอดภยั ต่ำ อาจถูกรบกวนจากคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และสภาพภมู ิอากาศได้งา่ ย
1.2.4 บลทู ทู (Bluetooth) เปน็ เทคโนโลยไี ร้สายส่วนบคุ คลทใี่ ช้คลน่ื ความถี่วิทยุระยะส้ัน
ย่านความถี่ 2.45 GHz สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยเพิ่มความ
สะดวกซึ่งมีระยะการทำงานประมาณ 10 เซนติเมตรถึง 10 เมตร มคี วามเรว็ ในการรบั -ส่งข้อมูลอยู่
ที่ 722 Kbps เมื่อเป็นการเชื่อมต่อโดยตรง หากเป็นการเชื่อมต่อแบบหลายจุดความเร็วจะลดลง
เหลือ 57.6 Kbps ด้วยเหตุนี้บลูทูทจึงออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กเนื่องจากใช้ใน
การขนส่งข้อมูลที่มีจำนวนไม่มาก เช่น การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับหูฟัง หรือการเชื่อมต่อเพื่อ
แลกเปล่ยี นข้อมลู ระหวา่ งโทรศัพทม์ อื ถือกบั มือถือ
เม่ือบลูททู ได้รับความนยิ มสูงขึน้ จึงมกี ารพัฒนาความเร็วในการรับ-ส่งขอ้ มูลใหส้ ูงขึ้นและมี
ระยะทางเพม่ิ ขึ้นเป็น 100 เมตร แต่ยงั คงมปี ญั หาในเรือ่ งของการสือ่ สารกบั อปุ กรณพ์ ร้อมกนั หลาย
ๆ ตัวการทำงานจึงยังไม่ดีมากนักเพราะเกิดปัญหาการชนกันของข้อมูล จากนั้นมีการพัฒนามา
จนถึงมาตรฐาน 4.2 ซึ่งรองรับการส่งสัญญาณร่วมกับ LTE ช่วยลดการรบกวนและระยะเวลาใน
การเชื่อมต่อใหม่สามารถส่งข้อมูลขนาดใหญ่ได้ (bulk data tranfer) นอกจากนี้ยังเป็นทั้งตัว
อุปกรณ์ (peripheral) และฮับสามารถรับ-สง่ ขอ้ มูลไดพ้ รอ้ มกนั อกี ด้วยและสามารถสง่ ข้อความท่ีมี
ขนาดสูงสดุ ไดเ้ พียง 31 bytes
ในปัจจุบันเทคโนโลยีบลูทูทคือมาตรฐาน 5.0 ซึ่งมีรัศมีในการส่งได้ไกลถึง 4 เท่า และส่ง
ข้อมูลได้เร็วขึ้น 2 เท่า ลดการรบกวนของสัญญาณได้ดีใช้พลังงานต่ำ ใช้งานได้นานขึ้น อีกทั้งยัง
สามารถกระจายข้อมูลได้เพิ่มขึ้นถึง 80% โดยบลูทูท 5.0 เหมาะกับอุปกรณ์ IoT (Internet of
Things) รองรับการเช่ือมต่ออปุ กรณ์บลูทูธทกุ เวอร์ชนั
1.2.5 วิทยุเซลลูลาร์ (cellular radio) เป็นคลื่นที่ใช้ในระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถ
ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้กว้างมากขึ้น ขยายขอบเขตการให้บริการได้ต่อเนื่อง ระบบโทรศัพท์
เซลลูลาร์ใชห้ ลักเดยี วกับการติดตั้งเครื่องรับ-สง่ วิทยุ (transceiver) ที่กำลังส่งจำนวนมาก กระจายเปน็
จุดไปทั่วในพื้นที่ให้บริการจุดที่ติดตั้งเครื่องรับส่งวิทยุ เรียกว่า สถานีฐาน (base station) หรืออาจ
เรียกวา่ ที่ตั้งเซลล์ (cell site) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศนู ย์กลางของเซลล์ ปการพัฒนาระบบโทรศัพทเ์ ซลลูลาร์
แบง่ เป็นยคุ ได้ดงั น้ี
86 เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บ้อื งตน้
1) ยุค 1G เป็นยุคเริ่มต้นการใช้โทรศัพท์ไร้สายการส่งสัญญาณเป็นแบบแอนะล็อก ติดต่อสื่อสารใน
รปู แบบของเสยี งไดอ้ ย่างเดยี วกล่าวคือ ใชไ้ ดเ้ พยี งแคโ่ ทรออกและรบั สายเขา้ เท่าน้นั
ภาพที่ 4.9 โทรศัพทใ์ นยคุ 1G
2) ยุค 2G เป็นยุคที่พัฒนาคลื่นสัญญาณมาเป็นแบบดิจิทัลทำให้สามารถรับ-ส่งบริการสารส้ัน
หรือเอสเอ็มเอส (Short Message Service, SMS) ได้และสามารถโทรขา้ มเครอื ข่ายได้ (ในยุค 1G โทร
ข้ามเครือข่ายไม่ได้) จากนั้นพัฒนาต่อเนื่องเป็นยุค 2.5G รับ-ส่งข้อมูลด้วยระบบจีพีอาร์เอส (General
Packet Radio Service, GPRS) สามารถรับ-ส่งบริการสารสื่อประสมหรือเอ็มเอ็มเอส (Multimedia
Message Services MMS) เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้และพัฒนาต่อยอดมาเป็นเทคโนโลยีเอดจ์
(Enhanced Data rates for GSM Evolution; EDGE) lugn 2.75G
ภาพที่ 4.10 โทรศพั ท์ในยุค 2G
3) ยุค 3G สามารถรบั -สง่ ข้อมลู ด้วยความเร็วสูงในระดับ 2 Mbps การรับส่งข้อมลู น้ันรองรับทั้งเสียง
และวิด๊โอ ทำให้สามารถติดตอ่ ส่ือสารแบบเห็นภาพคู่สนทนาได้ หรือที่เรียกวา่ วิดีโอคอล (video call) การใช้
งานด้านมัลติมีเดียมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในยุค 3G ระดับความเร็วและความสามารถในการสื่อสารทำให้มี
คุณสมบัตกิ ารเช่ือมตอ่ อนิ เทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา (always-on connection)
ภาพท่ี 4.11 โทรศพั ทย์ คุ 3 G
ตัวกลางเชื่อมต่อเครอื ขา่ ยและโพรโทคอล 87
4) ยุค 4G การพัฒนาการระบบโทรศัพท์เซลลูลาร์เปน็ ขั้นของการใช้งานข้อมูลโดยให้ความสำคัญกับ
ความเร็ว จึงก้าวเข้าสู่ยุค 4G LTE ซึ่งสามารถรับข้อมูลได้ถึง 100 Mbps และส่งข้อมูลในระดับความเร็วที่ 50
Mbps ทั้งนี้จากการเปรียบเทียบกับเทคโนโลยี 3G กับ 4G LTE พบว่า 4G LTE มีความเร็วมากกว่าถึง 7 เท่า
ความเร็วของเครือข่าย 4G มีประสิทธิภาพด้านความเร็วสูง (มากกว่า 100 Mbps) การให้บริการ 4G ผ่านตัว
ปรับตอ่ ไวไฟ (Wi-Fi adapter) ทำใหเ้ พิ่มโอกาสในการเข้าถงึ อินเทอร์เน็ตไดส้ ะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึน้ เพียง
มีแอร์การ์ด 4G และตวั ปรับต่อไวไฟ เม่อื เช่ือมต่อแล้วสามารถแชรส์ ัญญาณ 4G เพ่อื ให้ใช้พร้อมกันกับอุปกรณ์
ท่ีรองรับสญั ญาณไวไฟ (Wi-Fi) เหมอื นกบั ถนนทม่ี ีขนาดใหญ่ขน้ึ ก็สามารถที่จะรองรับรถได้มากข้ึนและวิ่งเร็วได้
มากขึ้นด้วย โดยการขับเคลื่อน (driving force) ของระบบ 4G สามารถส่งได้ทั้งข้อมูลและมัลติมีเดียไปพร้อม
กนั บนบรกิ ารเครอื ขา่ ยของไอพี (IP)
ภาพที 4. 12 โทรศัพท์ยคุ 4G
เทคโนโลยี 4.5G เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารสำหรับเครือข่ายในยุคความเร็ว
4G LTE อย่างต่อเนื่องเป็นระบบ LTE Advance หรือ 4.5G LTE Advance โดยมีความสามารถในการ
ส่งถ่ายข้อมูลได้สูงสุดถึง 150 Mbps ทั้งการอัปโหลด (upload) และดาวน์โหลด (download) ทั้งนี้ใน
การใช้งาน 4G LTE ยังพบปัญหาเพราะต้องใช้คลื่นความถี่ที่ติดกันในย่านเดียวกันจึงจะสามารถ
ให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในขณะที่ LTE Advanced สามารถนำคลื่นความถี่หลายความถี่มา
ใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นความถี่ที่ติดกันหรืออยู่ในย่านความถี่เดียวกันดังนั้นจึงทำให้เทคโนโลยี LTE
Advance มีศักยภาพเหนือกว่า 4G LTE เทคโนโลยี 4.5G นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเรื่อง
ความเร็วและความแรงในการสื่อสารแบบไร้สายแล้วยังต่อยอดการพัฒนาไปสู่ IoT หรือ Internet of
Things ก่อใหเ้ กิดธรุ กจิ และบรกิ ารรปู แบบใหม่ ๆ ทส่ี ่งั การโดยระบบเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ซึง่ จะเข้ามามี
บทบาทสำคัญเชิงธุรกิจในอนาคต ซึ่งประเทศที่เริ่มเปิดให้บริการ 4.5G เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ
แล้ว ได้แก่ ออสเตรเลีย ตุรกี เกาหลแี ละอกี หลายประเทศอยู่ในระหว่างทดลองให้บรกิ าร เช่น แคนาดา
สเปน เดนมารก์ ฝรั่งเศส อติ าลี ญ่ปี ่นุ ฮอ่ งกง สงิ คโปร์
88 เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บอื้ งตน้
5) ยุค 5G มาตรฐานการสื่อสารในอนาคตซึ่ง 5G กำลังพัฒนาโดยหลายประเทศอาทิ ประเทศใน
สหภาพยโุ รป อังกฤษ จนี ญ่ีปุ่น เกาหลใี ต้ โดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศหรือไอทยี ู (International
Telecommunication Union, ITU) เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการกำหนดมาตรฐานต่างๆ เกี่ยวกับ
โทรคมนาคม โดย 5G สามารถรบั สง่ ขอ้ มลู ได้เรว็ ถงึ 20 Gbps มากกวา่ 4G ถึง 20 เทา่ มคี วามเสถียรอย่างมาก
เพื่อให้สามารถใช้งานใน IoT ได้ เช่น รถยนต์ไร้คนขับท่ีมีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภยั ความแม่นยำ และ
การไปถึงจุดหมายปลายทาง รวมถึงการใช้งาน IoT ด้านอื่น ๆ ในอนาคตที่ต้องการการทำงานแบบอัตโนมัติ
สามารถโหลดไฟล์วิดีโอแบบความชัดสูงหรือเอชดี (High Definition; HD) ที่มีไฟล์ขนาด 7.5 GB ได้ภายใน 1
วินาที ทั้งนี้ 5G ใช้สัญญาณคลื่นความถี่ที่สูงถึง 73,000 MHz ในขณะที่โทรศัพท์มือถือทั่วไปรับได้เพียงแค่
700-3,500 MHz
ภาพท่ี 4. 13 โทรศพั ท์ 5 G
ขอ้ ดขี องคลื่นความถี่ทีส่ ูงคอื ส่งขอ้ มลู ได้เร็วขึน้ แตม่ ีขอ้ เสยี คือสญั ญาณคลนื่ สัน้ กวา่ และทะลุผ่าน
กำแพงไดย้ ากกวา่ กล่าวคือต้องมกี ารตอ่ เสาอากาศเพิ่มเตมิ บนหลังคาตึกและบ้านทุกหลงั หรือแม้กระท่ัง
ในห้องทุกห้องภายในบา้ น
ปัจจุบันเทคโนโลยี 5G นี้กำลังอยู่ในขั้นพัฒนา โดยประเทศฟินแลนด์เริ่มทดสอบการใช้งาน
ภายในมหาวิทยาลัย Qulu ที่มีนักศึกษากว่า 20,000 คน ก่อนที่จะนำไปใช้จริง และจะพัฒนาให้เป็น
เครือข่าย 5G อย่างสมบูรณ์สำหรับใช้งานในเชิงพาณิชย์ภายในปี พ.ศ. 2563 ในขณะเดียวกันประเทศ
จีนประสบความสำเร็จในการทดสอบเทคโนโลยี 5G ซึ่ง บริษัท แซดทีอี (ZTE) วางแผนจะเปิดตัว
เทคโนโลยี 5G เป็นที่แรกของโลกในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงโดยชว่ งแรกปี พ.ศ. 2559-
2561 จะเป็นการทดสอบเทคโนโลยี 5G และถัดไปจะเปน็ การทดสอบอปุ กรณ์ที่ใช้งานระบบ 5G ในช่วง
ปี พ.ศ. 2561-2563
ตัวกลางเช่อื มต่อเครอื ข่ายและโพรโทคอล 89
2. โพรโทคอล
โพรโทคอล (protocol) คือข้อตกลงหรือกฎระเบียบที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสาร เพื่อให้
สามารถสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ เนื่องจากการใช้งานในระบบเครือข่ายมีการเชื่อมต่อเครือข่ายหลาย
เครือข่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งแต่ละเครือข่ายมีกระบวนการและการทำงานที่แตกต่างกันดังนั้นจึงต้องมี
กฎระเบียบซึ่งเป็นตัวกลางในการสื่อสาร โพรโทคอลที่ใช้ในการสื่อสารของคอมพิวเตอร์และระบบ
เครอื ข่ายมอี ย่หู ลายชนดิ ดว้ ยกัน แตท่ ่ีนิยมใช้มีดังน้ี
2.1 NetBIOS (Network Basic Input / Output System)
เป็นโพรโทคอลทีพัฒนาโดย บริษัท ไอบีเอ็ม (IBM) ซึ่ง NetBIOS จะเชื่อมระหว่าง
ระบบปฏิบัติการกับฮาร์ดแวร์เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ใน
เครือข่ายได้โดยในชว่ งแรก NetBIOS ออกแบบเพื่อทำงานกบั IBM’s PC LAN เท่านัน้ แต่ปัจจบุ ันมีการ
ใชง้ านอย่างแพร่หลายสามารถทำงานบนอเี ทอร์เน็ตวงแหวนโทเค็นและ IBM PC Network
2.3 Apple Talk
เป็นโพรโทคอลที่พัฒนาโดย บริษัท แอปเปิ้ล (Apple Computer) เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ระหว่างคอมพิวเตอร์แมคอินทอช (macintosh) ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ MacOS โพรโทคอลนี้สามารถ
เช่อื มโยงเครือข่ายไดง้ า่ ยโดยไม่ตอ้ งซอื้ อุปกรณ์หรอื ซอฟตแ์ วร์เครอื ข่ายเพิม่ เตมิ เพียง แตส่ ามารถใชไ้ ดก้ บั
เคร่อื งคอมพิวเตอร์แมคอินทอชเท่านัน้ ตอ่ มามีการพฒั นาให้สามารถสนับสนุนเครอื ขา่ ยทีใ่ หญม่ ากขน้ึ ได้
มเี ครือ่ งลกู ขา่ ยและอุปกรณท์ ีเ่ ช่อื มต่อในเครอื ข่ายได้มากกวา่ เดมิ เปน็ โพรโทคอล Apple Talk Phase 2
นอกจากน้ียงั เพิ่มโพรโทคอลที่ทำให้สามารถเชือ่ มต่อกบั เครอื ข่ายแบบอีเทอร์เนต็ และวงแหวนโทเคน็ ได้
โดยเรียกว่า Ether Talk และ Token Talk
2.4 Talk IPX / SPX (Internet Packet Exchange / Sequenced Packet Exchange)
เป็นโพรโทคอลที่พัฒนาโดย บริษัท โนเวลล์ (Novell) เพื่อใช้กับเครือข่ายเน็ตแวร์ (NetWare)
ซงึ่ เปน็ ระบบปฏิบัตกิ ารท่นี ยิ มใช้กนั มากในอดตี และมีความสามารถในการคน้ หาเสน้ ทาง ท้งั นโ้ี พรโทคอล
IPX / SPX ประกอบด้วยโพรโทคอลหลกั 2 ส่วนคอื
90 เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองต้น
2.4.1 IPX (Internet Packet Exchange) ทำหน้าที่ในการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ใน
เครือข่ายที่ต่างกัน โดยจะไม่มีการตรวจสอบข้อผิดพลาดในการส่งข้อมูลกล่าวคือไม่รับประกันการส่ง
ข้อมลู connectionless network service)
2.4.2 SPX (Sequenced Packet Exchange) ทำหน้าที่รับประกันการส่งข้อมูลมีการ
ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการส่ง หากผู้รับไม่ได้รับข้อมูลจะมีการส่งข้อมูลซ้ำจนกว่าจะได้รับข้อมูลท่ี
ถกู ตอ้ งและครบถว้ น
2.5 TCP / IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol)
เป็นโพรโทคอลทพี่ ฒั นามาจากโครงการอาร์พาเนต็ (Advanced Researchs Projects Agency
Network; ARPANET) โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นโพรโทคอลที่สามารถ
นำไปใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ประกอบกับความสามารถในการค้นหาเส้นทางใน
การรับ-ส่งข้อมูล จึงเป็นโพรโทคอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั้งนี้ทีซี
พไี อพีเปน็ โพรโทคอลท่ีใช้กับมาตรฐานที่ซีพีไอพีซึง่ ประกอบดว้ ยโพรโทคอลหลายโพรโทคอลด้วยกันโดย
มีรายละเอียดดังน้ี
2.5.1 TCP (Transmission Control Protocol) ทำหน้าที่กำหนดการเชื่อมต่อหรือช่วงการ
สอื่ สารตลอดระยะเวลาการสอ่ื สาร (Connection-oriented) และควบคุมการไหลของข้อมลู เพื่อป้องกัน
ไมใ่ ห้ผสู้ ง่ ส่งข้อมูลเร็วเกินกวา่ ทผ่ี ้รู บั ทำงานไดท้ ัน
2.5.2 UDP (User Datagram Protocol) ทำหน้าที่จัดการกับข้อมูลประเภทมัลติมีเดียเช่น
การส่งไฟล์ภาพหรือเสียง เนื่องจากข้อมูลประเภทมัลติมีเดียไม่จำเป็นต้องได้รับแพ็กเก็ตขอ้ มูลท่ถี ูกต้อง
ครบถ้วนดังนั้นโพรโทคอลจึงไม่มีการตรวจสอบข้อผิดพลาดในการส่งข้อมูล ไม่มีการรับประกันการส่ง
ข้อมูล (Connectionless network Service) ด้วยเหตุนี้โพรโทคอล UDP จึงทำให้ส่งข้อมูลได้เร็วกว่า
TCP
2.5.3 IP (Internet Protocol) ทำหน้าทีจ่ ดั การท่อี ยขู่ องขอ้ มูลจากเครื่องผู้สง่ ไปยงั เครอื่ งผู้รับ
โดยอาศัยหมายเลขประจำเครื่องในระบบเครือข่ายหรือเลขที่อยู่ไอพี (IP address) อีกทั้งยังทำหน้าท่ี
จดั การเกย่ี วกับทีอ่ ยู่ของขอ้ มูลและเลอื กเส้นทางในการสง่ ข้อมลู
2.5.4 FTP (File Transfer Protocol) ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูล
ระหวา่ งคอมพิวเตอรซ์ ่งึ ตา่ งประเภท ต่างชนดิ ต่างระบบ ผา่ นเครือขา่ ย
ตัวกลางเช่อื มต่อเครอื ข่ายและโพรโทคอล 91
2.5.5 Telnet (Telecommunication Network) ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบ
เครอื ขา่ ย
2.5.6 SMTP (Simple Mail Transfer Protocol) ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับอีเมลจากเครือ่ ง
ของผใู้ ชไ้ ปยังเมลเซริ ฟ์ เวอร์ (mail server) ตามทร่ี ะบุ
2.5.7 POP3 (Post Office Protocol) ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับอีเมลจากเครื่องเมล
เซริ ฟ์ เวอรม์ ายังเครอ่ื งของผู้ใช้ จากน้นั จะลบอีเมลทอี่ ยบู่ นเมลเซิรฟ์ เวอร์ออก
2.5.8 IMAP (Internet Message Access Protocol) ทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับอีเมลคล้าย
กบั POP3 แต่มปี ระสิทธภิ าพสูงกว่า และจะไมล่ บอีเมลออกจากเมลเซิร์ฟเวอร์
2.5.9 HTTP (Hypertext Transport Protocol) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการแสดงผลข้อมูลใน
เวิลด์ไวด์เว็บหรือเว็บ (World Wide Web, Web) จากเครื่องบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web
server) ไปแสดงผลยังโปรแกรมคน้ ดูเวบ็ หรอื เว็บเบราวเ์ ซอร์ (web browser) ปลายทาง
2.5.10 SNMP (Simple Network Management Protocol) ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการ
ทำงานของอุปกรณใ์ นเครอื ขา่ ย
2.5.11 DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol) ทำหน้าที่แจกหมายเลขไอพี
(IP) ให้กบั เครือขา่ ยลูกขา่ ยโดยอตั โนมัติ
2.5.12 ICMP (Internet Control Message Protocol) ทำหน้าที่แจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหา
ในการรบั -สง่ ขอ้ มูล
2.5.13 ARP (Address Resolution Protocol) ทำหน้าที่แปลงเลขที่อยู่ไอพี (IP address)
ใหเ้ ป็นเลข MAC address ซึ่งเป็นหมายเลขประจำของอปุ กรณใ์ นเครอื ขา่ ย
2.5.14 RARP (Reverse Address Resolution Protocol) ทำหน้าที่แปลงเลข MAC
address ใหเ้ ป็นเลขที่อยไู่ อพี (IP address)
92 เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบื้องตน้
สรุป
ตัวกลางในการเชื่อมต่อเครือข่ายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือแบบมีสายเป็นประเภทที่
กำหนดเสน้ ทางได้ประกอบด้วยสายตีเกลียวคู่ สายโคแอก็ ซ์ และเคเบิลเสน้ ใยนำแสงสว่ นแบบไร้
สายเป็นส่ือกลางทีไ่ ม่สามารถกำหนดเส้นทางได้ อาศัยคลื่นความถี่ในบรรยากาศเพื่อทำการรับ-
ส่งข้อมูลประกอบด้วยคลื่นสัญญาณไมโครเวฟคลื่นสัญญาณอินฟราเรด ความถี่วิทยบุ ูลทูทและ
วิทยุเซลลูลาร์หรือคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งตัวกลางในการเชื่อมต่อแต่ละประเภทมี
ความแตกต่างกันเรื่องของสมบัติ ลักษณะการเชื่อมต่อ ความเร็วและระยะทางที่ใช้ในการ
เชื่อมต่อสื่อสาร เนื่องจากเป็นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายหลาย ๆ
เครอื ข่ายเขา้ ดว้ ยกนั ซงึ่ แต่ละเครอื ขา่ ยมีกระบวนการและการทำงานที่แตกต่างกัน ดงั นั้นจึงต้อง
มีกฎระเบียบเป็นตัวกลางในการสื่อสารเรียกว่าโพรโทคอล ซึ่งมีความสำคัญมากในการสื่อสาร
บนเครอื ข่าย หากไม่มโี พรโทคอลการสื่อสารบนเครือข่ายจะไม่สามารถเกดิ ข้ึนได้