The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางการส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจในประเทศไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jibjib44, 2020-06-09 04:43:24

แนวทางการส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจในประเทศไทย

แนวทางการส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจในประเทศไทย

145

1.1 ผู้ทาสวนป่าต้องจัดทาบัญชี แสดงชนิดและจานวนไม้ท่ีทาการปลูกและบารุงรักษาตามระเบียบที่
อธบิ ดีกาหนด (มาตรา 6)

1.2 ผู้ทาสวนป่าต้องจัดให้มีตราเพื่อแสดงการเป็นเจ้าของไม้ท่ีได้มาจากการทาสวนป่า ซึ่ง“ตรา”
หมายความว่า เครือ่ งหมายหรือวัตถุใด ๆ ที่ประดิษฐ์ข้ึนเพ่ือตีตอกหรือประทับท่ีไม้ ท้ังนี้ ผู้ทาสวนป่าจะนาตราออก
ใช้ได้เม่ือได้นาขึ้นทะเบียนแล้ว อีกท้ังตราท่ีใช้ตีตอกหรือประทับที่ไม้ที่ผู้ทาสวนป่าตัดหรือโค่นน้ัน ต้องเป็นตราที่มี
การรบั รองจากนายทะเบยี นโดยมีเคร่ืองหมายทน่ี ายทะเบยี นทากับกับไวด้ ว้ ย

1.3 ก่อนการตัดหรือโค่นไม้ท่ีได้มาจากการทาสวนป่า ให้ผู้ทาสวนป่าแจ้งเป็นหนังสือต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าท่ีออกหนังสือรับรองการแจ้ง และเม่ือแจ้งแล้วให้ผู้ทาสวนป่าดาเนินการตัดหรือโค่นไม้
ดังกล่าวได้ (มาตรา 11) หนังสือรับรองการแจ้ง หมายความรวมถึงสาเนาหรือภาพถ่ายของหนังสือรับรองการแจ้งที่
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับรองถูกต้อง และพนักงานเจ้าหน้าที่ หมายถึง ผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมแต่งต้ังให้ปฏบิ ตั ิการตามกฎหมายวา่ ด้วยสวนป่า

2. สิทธิเป็นเจ้ากรรมสิทธิ์ไม้ และของป่าซึ่งได้มาจากการทาสวนป่า และผู้ทาสวนป่า
มีสิทธิในการทาไม้ แปรรูปไม้ และเก็บของป่า ส่วนสัตว์ที่เกิดและดารงอยู่โดยสภาพธรรมชาติในสวนป่าโดยไม่มี
เจา้ ของถือเป็นสัตว์ปา่ ท่ีไดร้ บั ความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (มาตรา 9/1 มาตรา
9/2) ซ่ึงในการทาไม้ที่ได้มาจากการทาสวนป่า ผู้ทาสวนป่าอาจตัดหรือโค่นไม้ แปรรูปไม้ ค้าไม้ มีไว้ในครอบครอง
และนาไม้เคล่ือนที่ผ่านด่านป่าไม้ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และไม้จากสวนป่าไม่ต้องเสีย
คา่ ภาคหลวง คา่ บารงุ ป่า และค่าธรรมเนยี มตามกฎหมายวา่ ด้วยป่าไม้ และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ

3. สิทธิในการเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครอง หรือนาเคลื่อนที่ซ่ึง “ของป่า” จากสวนป่า ได้รับความ
ค้มุ ครองตามกฎหมายสวนป่า โดยไม่ต้องเสียค่าภาคหลวง และค่าบารุงป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และกฎหมาย
ว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 14/1 (วรรคหนึ่ง) การเก็บหา ค้า มีไว้ ในครอบครอง หรือนาเคล่ือนท่ีซึ่งของ
ป่าจากสวนป่า ที่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงและค่าบารุงป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และ
กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ มดี ังน้ี

3.1 ไม้ รวมทงั้ สว่ นต่าง ๆ ของไม้ ถา่ นไม้ นา้ มันไม้ ยางไม้ตลอดจนส่ิงอนื่ ๆ ที่เกดิ จากไม้
3.2 พืชต่าง ๆ ตลอดจนส่งิ อืน่ ๆ ทเ่ี กดิ จากพชื นน้ั
3.3 ครง่ั รวงผ้ึง น้าผึ้ง ข้ผี ึ้ง และมูลค้างคาว
3.4 ของปา่ อน่ื ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีอาจออกประกาศเง่ือนไขเกี่ยวกับวิธีการเก็บหาของป่า และ
ปริมาณการเก็บของป่าตามพระราชบัญญัตินี้ก็ได้ โดยกาหนดให้การเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครอง หรือนาเคล่ือนที่
ซ่ึงของปา่ ดังกลา่ วต้องขอรบั ใบอนุญาต เพอื่ ประโยชน์ในการรกั ษาระบบนิเวศหรือเพ่ือป้องกันมิให้เกิดความเสียหาย
แกร่ ะบบสมดลุ ของปา่ ไม้ แต่จะกาหนดค่าภาคหลวงไม่ได้ (มาตรา 14/1 วรรคสอง)
การค้า มีไว้ในครอบครอง หรือนาเคลื่อนที่ซ่ึงของป่าดังกล่าว ต้องมีหนังสือรับรองและบัญชีแสดง
รายการกากับของป่าเพื่อแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ (มาตรา 14/1 วรรคสาม) ส่วนการย่ืนคาขอและการออก
หนงั สือรบั รองและบญั ชีแสดงรายการกากับของป่าใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีอธิบดีกาหนดโดย
ความเห็นชอบของรัฐมนตรี (มาตรา 14/1 วรรคส่ี) โดยสรุปคือ กฎหมายว่าด้วยสวนป่า กาหนดเกี่ยวกับของป่าท่ี
ได้มาจากสวนป่าที่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงและค่าบารุงป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และ
กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการเฉพาะ 4 ประการตามมาตรา 14/1 กาหนดกรณีที่อธิบดีกรมป่าไม้

146

สามารถออกประกาศกาหนดวิธีการเก็บหาของป่าค้า ครอบครอง นาเคลื่อนท่ีซ่ึงของป่าดังกล่าวให้ต้องขอรับ
ใบอนุญาตได้ แต่จะกาหนดค่าภาคหลวงไม่ได้ ส่วนการค้าของป่านั้นกาหนดให้ต้องมีหนังสือรับรองและแสดง
รายการกากับของป่าแสดงต่อเจ้าหนา้ ท่ีตามหลักเกณฑท์ ่ีอธบิ ดีกรมปา่ ไมก้ าหนด โดยความเห็นชอบของรฐั มนตรี

4.หน้าท่ีต้องขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่า ในการใช้สถานที่แปรรูปไม้ซึ่งได้จากการทา
สวนป่า การใชส้ ถานทใ่ี ดเพือ่ ทาการแปรรูปไม้ทไี่ ด้มาจากการทาสวนป่า ต้องย่ืนคาขอรับใบอนุญาตต่อนายทะเบียน
ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเงือ่ นไขทกี่ าหนดในกฎกระทรวงเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่า โดยไม่ถือเป็นการต้ัง
โรงงานแปรรปู ไมต้ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยปา่ ไม้

5. หนา้ ทตี่ อ้ งมใี บสาคัญรับรองการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืนจากกรมป่าไม้ ในกรณีท่ีมีการส่งออกไม้ท่ีได้
จากการทาสวนป่า โดยกฎหมายว่า การส่งออกไม้ที่ได้มาจากการทาสวนป่า ผู้ทาสวนป่าต้องมีใบสาคัญรับรองการ
จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนจากกรมป่าไม้ ตามความต้องการของประเทศปลายทาง หรือผู้ทาสวนป่าผู้ใดประสงค์จะ
ขอใหก้ รมปา่ ไม้ออกใบสาคญั รับรองการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืนต้องยื่นคาขอต่อนายทะเบียนและชาระค่าใช้จ่ายใน
การตรวจสอบ หรอื ดาเนนิ การอ่นื ใดตามระเบียบท่ีอธิบดีกาหนด (มาตรา 8/1)

7.2.2 ระบบลงทะเบยี นไมม้ ีคา่ ในที่ดินกรรมสทิ ธิ์ (e-Tree)

ระบบนี้เป็นบรกิ ารรปู แบบใหม่ทก่ี รมปา่ ไม้ดาเนินการเพ่ือลงทะเบียนต้นไม้หรือสวนป่าท่ีเปิดช่องทาง
อานวยความสะดวกให้ผู้ปลูกลงทะเบียนต้นไม้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามความสมัครใจของผู้ปลูกป่าเอง ไม่มี
ข้อผูกมัด ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมาย ระบบนี้แตกต่างจากการ “ขึ้นทะเบียน” สวนป่า ตามที่กล่าวในหัวข้อท่ี 1
คือ ยังไม่ถือเป็นการรับรองต้นไม้อย่างเป็นทางการ ผู้ลงทะเบียนได้รับ“หนังสือสรุปรายละเอียดในระบบการ
ลงทะเบยี นต้นไม้ในทีด่ ินกรรมสทิ ธิ์”(ภาคผนวกท่ี 7.2) ซึง่ สามารถใชเ้ ป็นข้อมูลประกอบสาหรับการจัดทาหนังสือ
รับรองตนเองตามแบบท่ีกรมป่าไม้กาหนด (ภาคผนวกที่ 7.4) และหากต้องการหนังสือรับรองจากรมป่าไม้ตาม
มาตรา 18/1 และ 18/2 ก็ดาเนินการได้ตามข้ันตอนต่อไป ขณะน้ี กรมป่าไม้กาลังพัฒนาระบบให้เชื่อมโยงกับ
ระบบรับรองไม้ตามมาตรา 18/1 และ 18/2 ซึ่งผู้ปลูกจะยื่นขอหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ได้ในอนาคต โดย
คาดหวังให้ประชาชนสามารถนาไปใช้อ้างอิงความถูกต้องตามกฎหมายของแหล่งที่มาของไม้ได้ได้ รวมท้ังการขอ
ใช้ประโยชน์จากไม้ เช่น การขอตัด การเคล่ือนย้าย การซื้อขาย และการค้าประกัน เป็นต้น สาหรับผู้ท่ีสนใจ
สามารถลงทะเบียนผู้ใช้งาน เพอ่ื ขอเขา้ ใช้งานระบบได้ท่ี
http://etree.forest.go.th/rfd_app/rfd_tree_farms_m7/portal/ โดยดาเนินการตามข้ันตอน ได้แก่

ขั้นตอนที่ 1 เข้าหน้าเวบ็ ไซต์“ระบบลงทะเบยี นไมม้ คี ่าในทีด่ นิ กรรมสทิ ธ์ิ” (ภาพที่ 7.3)
ขน้ั ตอนท่ี 2 บันทึกคาขอ“ลงทะเบียนไมม้ ีค่าในที่ดนิ กรรมสิทธ์ิ”
ขนั้ ตอนที่ 3ตรวจสอบข้อมลู คาขอ“ลงทะเบียนไม้มคี ่าในทด่ี นิ กรรมสิทธิ์”
ขัน้ ตอนที่ 4 พมิ พ์คาขอ และยนื ยนั สง่ ข้อมลู “ลงทะเบียนไม้มคี า่ ในทีด่ ินกรรมสิทธ์ิ”
ขัน้ ตอนที่ 5 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน

147

ภาพที่ 7.3 หนา้ เว็บไซต์ระบบลงทะเบยี นไมม้ ีคา่ ในทด่ี นิ กรรมสิทธ์ิ โดยกรมป่าไม้
ทม่ี า: http://etree.forest.go.th/rfd_app/rfd_tree_farms_m7/portal/

7.2.3 ระบบการรับรองป่าไม้
สาหรับระบบการรับรองป่าไม้ ซึ่งในท่ีนี้หมายถึง ระบบการรับรองตามมาตรฐานการจัดการป่าไม้ มี
ระบบและกฎเกณฑ์ทแ่ี ตกตา่ งกนั ตามบริบทของพื้นท่ีปลูกและการนาใบรับรองไปใช้ประโยชน์ในทางการค้าน้ัน ๆ
ยกตวั อย่าง เช่น พื้นท่ีปลูกเป็นสวนปา่ แปลงย่อยหรือแปลงใหญ่ และการรับรองในระดับชาติหรือระดับนานาชาติ
ในตอนนี้จะกล่าวถึง มาตรฐานและกลไกของการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืน เป็น 3 ส่วน คือ มาตรฐาน
การรบั รองการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืน กลไกการรบั รอง และ มาตรฐานการรบั รองทม่ี ใี นประเทศไทย
7.2.3.1 มาตรฐานการรบั รองการจัดการปา่ ไม้อย่างยง่ั ยนื (Forest Certification: FC)
การรบั รองมาตรฐานการจัดการปา่ ไมอ้ ยา่ งย่งั ยืน มีพนื้ ฐานและหลักการมาจาก ISO 9001 ซึ่งมุ่งเน้นท่ี
การจัดทาเป็นเอกสาร การควบคุมปริมาณ คุณภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ การตรวจรับรองจะเป็น
การสมุ่ ตรวจตามข้อกาหนด ความรู้ รวมไปถึงประสบการณ์ของผู้ตรวจ ถือเป็นกลไกข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนด้วย
ความสมัครใจ (VPA : Voluntary Partnership Agreements) ซ่ึงหมายถึงผู้ผลิตจะเข้าสู่ระบบหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่
กบั เง่อื นไขของผู้ซื้อว่าได้มีการกาหนดให้ต้องมกี ารรับรองมาตรฐานเหล่าน้ีหรือไม่ หากผู้ผลิตท่ีไม่เข้าระบบมีความ
ต้องการขายสินค้าไม้เหล่านั้น ก็ยังสามารถหาตลาดผู้ซ้ือที่ไม่ได้สนใจหนังสือรับรองได้ ซึ่งผู้ผลิตก็ไม่ได้มีความผิด
หรือผิดกฎหมายใด ๆ ในการผลิตตราบเท่าท่ีผู้ผลิตไม่ได้กระทาผิดกฎหมายท้องถ่ิน เช่น ตัดไม้มาจากพ้ืนท่ี
หวงห้ามการแปรรูปไม้ผิดกฎหมาย การใช้แรงงานไม่เป็นไปตามหลักสากล เป็นต้น ซ่ึงความผิดเหล่านี้
เป็นความผดิ ตามกฎหมายทอ้ งถิน่ หากเขา้ สู่ระบบการรบั รองกไ็ ม่สามารถผา่ นการตรวจรับรองไปได้

148

มาตรฐานการรับรองนั้นจะถูกแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. การรับรองความย่ังยืนท่ีแปลงปลูก และ 2.
การรับรองการควบคุมการนาไม้เคลือ่ นท่ี การแปรรปู การสร้างผลิตภัณฑ์รวมถึงการซื้อขาย ส่งมอบสินค้า ท่ีจะต้อง
มั่นใจวา่ ไมไ่ ด้มกี ารนาไมท้ ีไ่ ม่ได้รับรอง มาปะปนกันในทกุ กระบวนการ ท่ีเรียกวา่ Chain of Custody (CoC)

- การรับรองความยั่งยืนท่ีแปลงปลูก ส่วนนี้จะเป็นการพัฒนาข้อกาหนด (Criteria) และดัชนีช้ีวัด
(Indicators) ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การ นาเคล่ือนที่ไม้ ของป่าและผลิตภัณฑ์ (Chain of Custody: CoC) เท่าน้ัน บริบท
การจัดการสวนปา่ และป่าชมุ ชนอยา่ งยั่งยนื นน้ั จาเป็นต้องศึกษาและทาความเข้าใจสว่ น Forest Management

- Chain of Custody: CoC เป็นการรับรองที่มีกระบวนการต้ังแต่การได้รับคาส่ังให้ตัดไม้ และไม้ได้
ถูกคัดเลือกโดยการทาเคร่ืองหมายไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระบวนการตัดไม้จึงถือเป็นข้ันแรกของการจัดทา
เอกสารต้องมขี ้อมลู ของไม้ท่ีถูกตัด ว่ามีขนาดตวามโต ความสูง ปริมาตร ถูกตัดมาจาก จุดไหน โดยใครใช้อะไรใน
การตดั สว่ นนจี้ ะเชื่อมโยงกบั เอกสารดา้ น FM จงึ มกั เรียกว่า FM/CoC และมีกระบวนการทาเอกสาร เช่ือมโยงกัน
ไปเรื่อย ๆ ไปยังกองไม้หรือหมอนไม้ การโหลดไม้ขึ้นรถ การขนส่ง การนาเข้าไปจัดเก็บและแปรรูป การจัดการ
ดา้ นการขายการส่งมอบ รวมถงึ การเคลมสนิ ค้าและผลติ ภัณฑ์ เป็นกลไกของการตรวจสอบและรบั รอง CoC

7.2.3.2 กลไกการรับรอง (Certification Process)

เน่ืองจากเป็นกลไกภาคสมัครใจและส่วนใหญ่มาตรฐานการรับรองน้ันจะเกิดจากภาคสังคม องค์กร
อิสระ โดยหลักสากลในกลไกการรับรองน้ัน ได้ให้ความสาคัญถึงความเป็นอิสระ ความโปร่งใส และการ
ดาเนนิ การทสอดคล้องกับขอ้ กาหนด การตรวจรับรองจงึ ใชก้ ลไกบคุ คลที่สามหรือ 3rd party อันประกอบด้วย

1. หน่วยมาตรฐาน (Standardization Body : SB) ซ่ึงเป็นผู้กาหนดมาตรฐานทั้งข้อกาหนด
ตัวช้ีวัด รวมท้ังยังมีการปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัยและสร้างความเช่ือมั่นเพ่ือให้เกิดความย่ังยืนของสวนป่า หรือป่า
ชุมชน อีกทั้งยังมีหน้าที่ในการเจรจากับคู่ค้า หรือการจัดทาข้อตกลงการยอมรับซ่ึงมาตรฐาน SB ยังมีหน้าท่ีรับ
เรอื่ งรอ้ งเรียนและตรวจสอบขอ้ พิพาทท่ีเกดิ ขึ้นจากการรับรองทั้ง ภายในประเทศและตา่ งประเทศด้วย

2. หน่วยรับรองระบบงาน (Accreditation Body : AB) ส่วนน้ีอาจเป็นองค์กรหรือรัฐบาลท่ี
ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 17011 และส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายภาคีโลก ในการเป็นหน่วย
รบั รองระบบงาน AB มหี น้าท่ีในการออกใบอนุญาตให้ หน่วยตรวจรับรอง (CB) สามารถ ตรวจและออกใช้รับรอง
ตามมาตรฐานที่ SB กาหนดได้ ทั้งยังมีหน้าท่ีควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งการสั่งพักใบอนุญาต
(Suspend) หรือถอนใบอนุญาต (Withdraw) AB ยังจะต้องรับผิดชอบในการตรวจแทนหรือจัดหา CB อ่ืนมาทา
การตรวจทดแทนสาหรบั ใบอนญุ าตที ยังมผี ลบงั คบั แต่เกดิ กรณีทหี่ น่วยรบั รองถกู พักหรอื เพิกถอนการอนญุ าต

3. หน่วยตรวจรับรอง (Certification Body : CB) ได้แก่ นิติบุคคล ท่ีได้รับมาตรฐาน ISO
17021 สาหรับการตรวจรับรองสวนป่าหรือ Forest management (FM) และ มาตรฐาน ISO 17025 สาหรับ
การตรวจรับรอง Chain of Custody : CoC

ทงั้ 3 ส่วนน้ีมคี วามสาคัญที่จะต้องเป็นอิสระซึ่งกันและกัน (Independent) โปร่งใส จะต้องไม่มี
ผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งกันและกัน อีกทั้งจะต้องมีการคานอานาจและตรวจสอบซึ่งกันและกันด้วย ซ่ึงทุกส่วน
อาจจะสามารถถูกร้องเรียนได้ทั้งจากประชาชนทั่วไป เจ้าของสวนป่า รวมถึงภาคธุรกิจที่มีการซ้ือขาย นอกจากนี้
จะเห็นได้ว่าระบบมาตรฐานการรับรองในโลกนี้มีหลายมาตรฐาน ก็มีส่วนในการตรวจสอบซ่ึงกันและกัน เพ่ือให้
ม่ันใจว่ามาตรฐานของตนเองยังคงยึดมั่นและคงไว้ซ่ึงความรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็น
สาคญั (ภาพท่ี 7.4)

149

ท่ีมา: สมาคมเครือข่ายรบั รองไมเ้ ศรษฐกจิ ไทย (2561)
ภาพที่ 7.4 กลไกของระบบการรับรองป่าไม้ตามแนวทางมาตรฐานระดับสากล

4. ผ้อู อกใบรบั รอง
ในกลไกมาตรฐานระดับสากลและเป็นท่ียอมรับนั้น จะใช้วิธีการบุคคลที่ 3 หรือ Third party ในการ
ตรวจ หมายความว่าผู้เป็นเจ้าของมาตรฐานมีหน้าที่ในการกาหนดมาตรฐานซ่ึงจะประกอบด้วยมาตรฐานหลายๆ
มาตรฐาน เช่น ข้อกาหนดมาตรฐานผู้ตรวจสอบ มาตรฐานการใช้โลโก้ เป็นต้น ซึ่งเราเรียกว่า “Standardizing
Body : SB”
ผเู้ ปน็ SB จะมอบหมายให้หน่วยรับรองระบบงาน ซ่ึงมีความรู้และความเช่ียวชาญด้านการควบคุมให้
เป็นไปตามมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ โดยจะต้องได้รับรองมาตรฐาน ISO 17011 ซ่ึงหน่วยงานน้ี เราเรียกว่า
“Accreditation Body : AB” มีหน้าท่ีในการรับรองหน่วยตรวจรับรองเพ่ือให้ผู้ตรวจไปตรวจรับรองให้ได้
มาตรฐาน อีกทัง้ ยังมหี น้าทใ่ี นการควบคมุ ติดตาม รับเร่ืองร้องเรียน พักหรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ตรวจหรือหน่วย
ตรวจรบั รอง
Party ท่ี 3 ซึง่ มีความสาคัญและเปน็ ผูอ้ อกใบรับรอง คือ “Certification Body: CB”เป็นผู้ท่ีได้รับการ
อนุญาตในการตรวจรบั รองจาก AB ทัง้ นจ้ี ะต้องไดร้ บั มาตรฐาน ISO 17021 สาหรับการตรวจ FM และ ISO
มาตรฐาน ISO 17065 สาหรับการตรวจ CoC โดย CB น้ีจะมีการจัดการและพัฒนาบุคคลเพื่อทา
หน้าท่ีเป็นผู้ตรวจ ไปตรวจรับรองให้เป็นไปตามมาตรฐาน ท้ังนี้ผู้ตรวจก็ยังจาเป็นต้องได้ รับรอง ISO 19011
รวมถึงการถูกกาหนดเง่ือนไข การสอบผา่ นต่าง ๆ ตามข้อกาหนดของ SB

150

7.3 มาตรฐานการรับรองทมี่ ใี นประเทศไทย

มาตรฐานการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืน (Sustainable Forest Management Standard) เป็น
มาตรฐานภาคสมัครใจ ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับข้อกาหนดของลูกค้า หรือผู้ซื้อ บางตลาดไม่ได้กาหนดว่าต้องมาตรฐานใด แต่
กาหนดให้ตอ้ งมหี นังสอื รับรองการจัดการปา่ ไม้อยา่ งย่ังยืนประกอบการซอ้ื –ขาย ทาให้ผู้ขายจาเปน็ จะต้องนามาตรฐานท่ี
ตอ้ งการรับรองไปเจรจาหรอื ทาการอธบิ ายใหล้ กู ค้าหรอื ผซู้ ื้อ พิจารณาว่าเป็นมาตรฐานที่ยอมรบั หรือไม่ ในหลายๆ ตลาด
จะใชค้ าวา่ “เทยี บเคยี ง (equivalent)” นัน่ คอื ตลาดผู้ขายนามาตรฐานของประเทศ (National Standard) ใหห้ นว่ ยงาน
ท่ีรับผิดชอบทาการตรวจสอบและรับรองว่าได้มาตรฐานเท่าเทยี มกบั มาตรฐานทีผ่ ู้ซอื้ กาหนด เป็นตน้
มาตรฐาน FSC

มาตรฐาน FSC ยอ่ มาจาก Forest Stewardship Council เกิดขึ้นอันดับแรก หลังจากน้ันก็มีมาตรฐาน
อื่น ๆ เกิดขึ้น ท้ังมาตรฐานในระดับสากล (International Standard) และมาตรฐานในระดับภูมิภาค หรือท้องถ่ิน
(National Standard) FSC เป็นกลไกมาตรฐานในระดับสากล กาหนดหรือสร้างมาตรฐานข้ึนมา ประกอบด้วย 10
หลักการ (Principle), 56 ข้อกาหนด (Criteria) แล้วให้หน่วยรับรอง (Certification Body: CB) ซึ่งได้รับรองการขึ้น
ทะเบียนจาก Accreditation Services International – ASI เป็นผู้จดั ทาตวั ชีว้ ัด (Indicators) ไปใช้ในการตรวจประเมิน
และรับรองสวนป่าใหไ้ ด้มาตรฐาน อาจจะมตี วั ชว้ี ดั มากกวา่ 256 ข้อ ซงึ่ เปน็ ประเด็นทาใหเ้ กิดความย่งุ ยาก และบางพ้ืนที่
จะไมส่ ามารถเขา้ สรู่ ะบบการรบั รองตามมาตรฐานน้ไี ด้ เชน่ ปัจจัยดา้ นขนบธรรมเนยี มประเพณี วัฒนธรรมของทอ้ งถิ่น ที่
อาจจะไม่สอดคลอ้ งกบั ขอ้ กาหนด ซง่ึ ผตู้ รวจสอบอาจมีพน้ื ฐานมาจากประเทศในภมู ิภาคอืน่ ๆ เป็นต้น ตัวอย่างการสร้าง
ฝายชะลอน้าในลาห้วย ในพื้นท่ีสวนป่าอาจเป็นการกัดขวางทางน้าตามธรรมชาติและขัดขวางไม่ให้สัตว์น้าขึ้นไปวางไข่
ตามธรรมชาติได้สะดวก เปน็ ตน้ (ตวั อย่างนเ้ี ฉพาะประสบการณข์ องผตู้ รวจบางรายเท่าน้ัน) ในปจั จุบันน้ใี นประเทศไทยมี
หน่วยตรวจรับรองทั้งหมด ยังเป็นบริษัทท่ีมาจากต่างประเทศและมีสานักงานสาขาในประเทศไทย และส่วนใหญ่ใช้
ผตู้ รวจเปน็ ชาวต่างประเทศ ทาให้อัตราคา่ ตรวจอยู่ในเกณฑท์ แี่ พงมาก ประมาณ 200,000 – 400,000 บาทต่อการตรวจ
ประมาณ 2 วนั โดยหลังจากตรวจผ่าน ก็จะออกใบรบั รองใหป้ ระมาณ 8 สัปดาห์ โดยใบรับรองนนั้ จะมอี ายุ 5 ปี สามารถ
ต่ออายไุ ดท้ ุก ๆ 5 ปี โดยมาตรฐาน FSC นน้ั มี 10 หลักการดงั ตอ่ ไปน้ี

หลกั การที่ 1 ความสอดคลอ้ งระหว่างกฎหมายกับหลักการต่าง ๆ ของ FSC
หลกั การท่ี 2 สทิ ธิในการถือครอง การใชป้ ระโยชนท์ ด่ี ินทรัพยากรป่าไม้และความรบั ผิดชอบ
หลกั การท่ี 3 ใหก้ ารยอมรบั และเคารพสิทธิของชนพน้ื เมือง
หลกั การท่ี 4 ความสัมพันธ์ตา่ ง ๆ กับชุมชน และสิทธิต่าง ๆ ของคนงาน กระบวนการจัดการป่า
ไมต้ อ้ งสง่ สถานภาพทางสงั คม เศรษฐกจิ และความเปน็ อย่ทู ีด่ ีของคนงานปา่ ไม้ และชมุ ชนท้องถ่นิ ต่าง
หลักการท่ี 5 ผลประโยชน์จากป่าไม้ กระบวนการจัดการป่าไม้ สามารถช่วยสนับสนุน
ประสิทธิภาพของการใช้ผลประโยชน์ผลผลิตจากป่าและบริการ เพ่ือเป็นการประกันความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ
และผลประโยชน์ทางด้านสงิ่ แวดลอ้ มและสงั คมอยา่ งเตม็ รปู แบบ
หลักการที่ 6 ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน จะอนุรักษ์ความหลากหลาย
ทางชวี ภาพและคณุ คา่ การอยูร่ ่วมกบั ทรัพยากรธรรมชาติ
หลักการท่ี 7 กาหนดหลักการจัดการเป็นลายลักษณ์อักษร ตามความเหมาะสมของขนาดพ้ืนท่ี
และวิธกี ารบรหิ ารจดั การปา่ ไม้
หลักการที่ 8 การตรวจตรากากับดูแล และการประเมินผลโดยต้องดาเนินการตามความ
เหมาะสมของขนาดพน้ื ท่ี และวิธีการการบริหารจดั การปา่ ไม้

151

หลักการท่ี 9 การฟ้ืนฟูป่าไม้ที่มีคุณค่าต่อการอนุรักษ์สูง (high conservation value forests)
กจิ กรรมในการจัดการตา่ ง ๆ จะตอ้ งทานบุ ารงุ หรือส่งเสริมลักษณะของพื้นที่ปา่ ไมน้ ั้นอย่างชดั เจน

หลักการที่ 10 มีการวางแผนจัดการพื้นท่ีสวนป่าให้สอดคล้องกับหลักการท่ี 1-9 ดังที่กล่าวมาแล้ว
ขา้ งตน้ (Forest Stewardship Council, 2008)

ปจั จบุ นั นใี้ นประเทศไทยมผี ถู้ อื ครองใบรับรองมาตรฐาน FSC- FM/CoC จานวน 23 ใบ (ตาราง
ท่ี 7.2) โดยมีเพียง 21 ใบท่ีมีสถานะปกติ มีการถูกสั่งพักใบรับรอง จานวน 2 ใบ และหมดอายุแล้วไม่มี
การต่อ จานวน 1 ใบ นอกจากน้ีมีใบรับรอง FSC CoC จานวน 248 ใบ ส่วนใหญ่เป็นภาคโรงงานผลิตและกลุ่ม
ผูป้ ระกอบการที่เป็นผู้ขาย โดยเกอื บทง้ั หมดใช้วตั ถดุ ิบซงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ไมน้ าเขา้ มาจากต่างประเทศ

152

ตารางท่ี 7.2 รายชือ่ ผถู้ ือครองใบรับรองมาตรฐาน FSC ในประเทศไทยปัจจบุ ัน

No Certificate Code Company name Area (ha) Status
Suspend
1 FM/COC-010474 Panel Plus Co. Ltd 4,136.00 Suspend
2 FM/COC-125424 Thavorn Lampang CO.,Ltd. 190.86
Terminate
3 FM/COC-125427 Forest Industry Organization - 2 16,270.64
4 FM/COC-126634 KASET RUBBER WOOD (1998) 286.03
LIMITED PARTNERSHIP
5 FM/COC-126695 Likhit Parawood Limited Partnership 405.74
6 FM/COC-130336 SS GREEN ENERGY CO., LTD 156.21
7 FM/COC-004426 Siam Forestry Co., Ltd. 2,051.00
8 FM/COC-000989 Metro MDF / ORRAF 4,094.00
9 FM/COC-002523 Rich Forest Company Ltd 1,837.79
10 FM/COC-005553 Forest Industry Organization (FIO) 11,430.36
11 FM/COC-008662 The Siam Forestry Co. Ltd (SLIMF) 2,596.00
12 FM/COC-009732 Metro Forestry Co., Ltd 4,750.00
13 FM/COC-120369 Mr.Neam Boonrom
14 FM/COC-123418 Lamae Parawood co.,ltd 7.68
15 FM/COC-123420 Forest Industry Organization 181.80
16 FM/COC-123424 Sahacogen Green Co., Ltd 20,314.00
17 FM/COC-123425 Thasao Sawmill Limited Partnership 449.45
18 FM/COC-139810 J.U.N.EXPRESS CO.,LTD. 314.00
19 FM/COC-011174 Siam Forest Management Co. Ltd 169.40
20 FM/COC-137138 Forestry Industry Organization-3 212.16
21 FM/COC-137258 SAHAKIJ KLAENG CO.,LTD 7,989.16
22 FM/COC-140113 ARUNYAPANA CO., LTD 222.56
23 FM/COC-140118 SIAM FIBREBOARD CO., LTD 8,139.00
480.55
Total 86,684.39
541,777.44
**Suspend 16,434.53
102,715.81

ทม่ี า: สมาคมเครือข่ายรับรองไมเ้ ศรษฐกจิ ไทย (2561)

153

มาตรฐาน PEFC
PEFC หรือ Program for the Endorsement of Forest Certification Scheme เป็นองค์กร

ระดับนานาชาติท่ีไม่หวังผลกาไร มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกันกับ FSC
องคก์ รนจี้ ัดต้งั ขึ้นเมอื่ ปี พ.ศ. 2542 (1999) มสี านกั งานใหญ่ตง้ั อยู่ทีเ่ มืองเจนีวา ประเทศสวิทเซอรแ์ ลนด์ PEFC ใช้กลไก
ตลาดเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืน ผ่านการให้การรับรองและการติดตราสัญลักษณ์
(Label) บนไม้และสินค้าไม้ เช่นเดียวกันกับ FSC แต่กลไกการกาหนดมาตรฐานและการให้การรับรองป่าไม้และ
Chain-of-Custody ของ PEFC มีหลักการแตกต่างจาก FSC กล่าวคือ PEFC ทาหน้าท่ีเป็นองค์กรแม่ข่าย
(Umbrella organization) ที่ให้การประเมินและให้การยอมรับระบบการรับรองป่าไม้ระดับประเทศ (National
Certification Scheme) โดยอาศัยหลักการ แนวทางปฏิบัติ และเกณฑ์การประเมิน ท่ีพัฒนาข้ึนโดยองค์กร
ระหว่างประเทศที่ประเทศต่าง ๆ ให้การยอมรับ เช่น ITTO และขั้นตอนการรับฟังความเห็นและฉันทามติ
(Consensus) จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพ้ืนท่ี โดยเกณฑ์พ้ืนฐานที่นามาใช้ในการกาหนดมาตรฐานระดับประเทศ
สรุปได้ใน "หลักเกณฑ์พื้นฐานของ PEFC”

PEFC เชื่อว่าการกาหนดมาตรฐานบนพ้ืนฐานของความเข้าใจในปัญหาป่าไม้และการจัดการป่า
ไมอ้ ยา่ งยั่งยืน การกาหนดมาตรฐานอย่างโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการร่าง การแยกกระบวน
กาหนดมาตรฐาน การให้การรับรองและการประเมินหน่วยรับรองออกจากกันโดยสิ้นเชิง และการยึดมาตร ฐาน
ISO ในการให้การรับรองและตรวจประเมินหนว่ ยใหก้ ารรับรอง รวมถึงการกาหนดมาตรฐานที่สนับสนุนการปฏิบัติ
หนา้ ท่ีของหนว่ ยงานภาครัฐ จะทาให้ได้มาตรฐานเป็นท่ียอมรับนาไปปฏิบัติได้จริง และจะนาไปสู่การจัดการป่าไม้
อย่างยง่ั ยืน

มาตรฐานน้ีเป็นกลไกการเทียบเคียง หรือ Endorsement มาตรฐานแห่งชาติท่ีมีอยู่ของประเทศ
น้ัน ๆ ให้มีคุณภาพและเป็นมาตรฐานท่ีได้รับการยอมรับเทียบเท่ากับสากล ตามแนวทางของ PEFC น้ัน
หมายความว่า หากประเทศใดต้องการนามาตรฐานแห่งชาติของตนเองให้มี คุณภาพเทียบเท่ากับสากล ก็ต้องไป
สมัครสมาชิกกับ PEFC – International แล้วเข้าสู่กระบวนการ Endorsement ซ่ึงนอกจากจะมีเน้ือหาใน
มาตรฐานแห่งชาติท่ีเป็นท่ียอมรับแล้ว ยังจะต้องผ่านกระบวนการ รับรองในเวลาสมาชิกนานาชาติด้วย ซ่ึงกลไก
จาเป็นต้องใช้วิธีการเจรจา ทาความเข้าใจ อธิบาย ความหมายของตัวช้ีวัดให้เข้าใจเป็นหลักสาก ล โดย PEFC
กาหนดให้มีตัวแทนแห่งชาติหรือ National Governing Body (NGB) ข้ึนในประเทศนั้น ๆ เพ่ือทาหน้าที่เป็น
ตัวแทนให้กบั PEFC

มาตรฐานการรบั รองฯ ภายใต้ PEFC แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มการรับรองการจัดการป่าไม้
และการรับรอง Chain-of-Custody โดยการรับรองป่าไม้ สามารถทาได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมในแต่
ละพื้นท่ี เช่น การให้การรับรองการจัดการป่าไม้ระดับภูมิภาค (Regional Certification) การให้การรับรองแบบ
กลมุ่ (Group Certification) และการใหก้ ารรับรองระดบั เอกชน (Individual Certification)

การใหก้ ารรบั รอง Chain-of-Custody (CoC) ของ PEFC อาจมีประเด็นด้านความเข้ากันได้ของ
ขอ้ กาหนดของแต่ละประเทศ นอกจากนีใ้ นทางปฏิบัติ การควบคุม CoC ยังต้องยุ่งเก่ียวกับวัตถุดิบที่นาเข้ามาจาก
หลายประเทศ ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะมีการใช้วัสดุรีไซเคิลมากข้ึน หากพิจารณาปริมาณไม้ที่มีใบรับรองไม่ว่าจะเป็น
การรับรองตามระบบ PEFC หรือ FSC เทียบกับปริมาณไม้เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าในแต่ละปี จะเห็นได้ว่าไม้ท่ีมี
“ใบรบั รอง” ยงั มสี ่วนแบ่งในตลาดค่อนข้างต่า (ประมาณ 25%) อีกทั้ง FSC และ PEFC ยังไม่มีระบบการยอมรับ
ซึ่งกันและกัน ทาให้ผู้ประกอบการต้องเลือกสมัครเข้ากับระบบท่ีมีโอกาสหา Supplier ในสายโซ่การผลิตได้

154

มากกว่า PEFC ตระหนกั ถงึ ปัญหาเหล่านีแ้ ละได้วางระเบียบและมาตรการดาเนินการเพ่ือปรับปรุงกลไกของตนให้
รองรบั การควบคุมและการรบั รอง CoC ในทางปฏบิ ัตเิ ป็นระยะ ๆ

PEFC Council ได้ให้การรับรองระบบการรับรองป่าไม้ระดับประเทศ (National Certification
Scheme) ใน 27 ประเทศท่ัวโลก โดยบางระบบในบางประเทศ (เช่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และ
แคนาดา) เลือกใช้ชื่อและโลโก้ของตนแทนการใช้เครื่องหมาย PEFC ปัจจุบัน PEFC ได้ออกใบรับรองให้กับ
ผู้ประกอบการป่าไม้แล้วกว่า 483,614 ราย คิดเป็นพ้ืนท่ีป่าไม้ท้ังส้ิน 232 ล้านเฮกเตอร์ (2.32 ล้านตาราง
กิโลเมตรหรือประมาณ 4.5 เท่าของพื้นที่ประเทศไทย) และออกใบรับรอง CoC ให้กับผู้ประกอบการแล้ว 7,957
ราย (ประมาณ 40% เป็นผู้ประกอบการในสหภาพยุโรป) เม่ือเทียบกับ FSC แล้ว PEFC มีพ้ืนที่ป่าไม้ท่ีให้การ
รับรองมากกว่าประมาณเท่าตัว แต่ให้การรับรอง CoC ได้น้อยกว่าประมาณเท่าตัวเช่นกัน สาหรับการรับรอง
PEFC ในไทย ปจั จบุ นั มผี ู้ประกอบการเพยี ง 2 ราย ที่ไดร้ ับการรับรองซึ่งเปน็ การรับรอง CoC ท้ังสองราย ซ่ึงถือว่า
น้อยมากเมอื่ เทยี บกบั มาเลเซียทมี่ ีผูไ้ ด้รับการรับรอง 181 ราย (Regional Forest 9 รายและ CoC 172 ราย) การ
ควบคุมดูแลให้ได้มาตรฐาน รวมถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ โดย NGB จะต้องจ่ายค่าสมาชิกให้กับ PEFC
ตามการประเมินจากมูลค่าการสง่ ออกของประเทศ (สมาคมเครอื ขา่ ยรบั รองไม้เศรษฐกจิ ไทย, 2561)

กลไกการ Endorsement ของประเทศไทยในปัจจุบันนั้นยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็มีความก้าวหน้าไป
ตามลาดับ ประเด็นหน่วยงานที่เป็น NGB คือ TFCC ในปัจจุบันจะต้องดาเนินการต่อก็คือการประเมิน
คา่ ธรรมเนยี ม ท่ีจะจดั เกบ็ สาหรบั การรบั รองท่จี ะต้องไม่สงู ไปมากกว่าการขอรบั รองตามมาตรฐาน FSC ในปัจจุบัน
และการประชาสมั พันธ์ทาความเขา้ ใจให้กับตลาดผซู้ ือ้ ไดร้ บั ทราบ เข้าใจและยอมรับในมาตรฐานท่ีผ่านการรับรอง
จากประเทศไทยดว้ ย โดยพบว่า บางประเทศแม้วา่ จะผา่ นการรบั รองแลว้ ตลาดกย็ ังไมร่ บั ซื้อ

7.3.1 มาตรฐานอ่ืน ๆ ท่ีนา่ สนใจ

สาหรับประเทศไทยมีมาตรฐานแห่งชาติท่ีเกี่ยวกับการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนด้านป่าไม้
คือ มอก. 14061 สาหรับการตรวจรับรองการจัดการสวนป่าหรือป่าปลูกอย่างย่ังยืน (Forest Management:
FM) และ มอก. 2861 ซึ่งเป็นมาตรฐานการตรวจรับรองการควบคุมการนาเคลื่อนท่ีไม้ ของป่าและผลิตภัณฑ์
(Chain of Custody: CoC) ซ่ึงดาเนินการหรือรับผิดชอบมาตรฐาน โดยสานักงานมาตรฐาน
ผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม

สาหรับมาตรฐาน มอก.14061-2559 ท่ีมีการประกาศใช้ในประเทศไทยเป็นฉบับ ที่ 2 (ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 10 พฤศจิกายน 2559) ท่ีได้มีการปรับปรุงแก้ไขโดยใช้แนวทางมาตรฐาน PEFC ซึ่งฉบับ
แรกนั้นถูกประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. 2547 (มอก.14061-2547) โดยใช้แนวทางของมาตรฐาน FSC แต่มาตรฐาน
ดังกล่าวยังไม่ถูกนามาใช้ เนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่สนใจและยังไม่ได้จัดทาเป็นคู่มือซ่ึงจะต้องประกอบด้วย
สาระ ดงั นี้

- มาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรมระบบการจัดการป่าไม้อย่างยง่ั ยนื : ขอ้ กาหนด
- มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมระบบการจดั การป่าไม้อยา่ งย่งั ยืน: การอธิบายความของข้อกาหนด
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการป่าไม้อย่างย่ังยืน: แนวทางการตรวจประเมิน
ระบบการจัดการปา่ ไม้อยา่ งย่งั ยนื
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน: แนวทางการกาหนด
ความสามารถของผ้ตู รวจประเมินระบบการจัดการป่าไมอ้ ย่างยง่ั ยืน

155

ข้อกาหนดของมาตรฐาน มอก. 14061-2559 ซึ่งเป็นมาตรฐานท่ีจะใช้ในการเทียบเคียงกับมาตรฐาน PEFC
สาหรับประเทศไทย ดงั น้ี

หลกั การท่ี 1 การปฏิบัติตามข้อกาหนดกฎหมาย
หลักการท่ี 2 การบารุงรักษาสวนป่าอย่างเหมาะสม เพอ่ื เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน
หลักการที่ 3 การรักษาความสมบูรณ์และระบบนิเวศของสวนปา่
หลักการที่ 4 การรักษาสภาพและการสนับสนุนการทาหน้าท่ีด้านผลผลิตของสวนป่า (ผลผลิตเนื้อไม้
และผลผลิตที่ไมใ่ ชเ่ น้ือไม้)
หลักการท่ี 5 การรักษาสภาพการอนุรักษ์และการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพของระบบ
นเิ วศสวนป่า
หลักการที่ 6 การรักษาสภาพและการส่งเสริมการทาหน้าท่ีด้านการป้องกันของการจัดการสวนป่า
(เพื่อการอนุรักษด์ ินและนา้ )
หลักการที่ 7 การรักษาสภาพการทาหน้าทีด่ ้านเศรษฐกิจสังคมของสวนปา่

นอกจากนี้มมี าตรฐานอ่ืน ๆ เกิดข้นึ หลายมาตรฐาน ทัง้ ในระดบั ภูมภิ าคและระดบั ชาติ เชน่
- มาตรฐาน SFI (Standards promote sustainable forest management) เป็นมาตรฐานรับรอง
สาหรบั ไม้ทจี่ ะนาเข้าประเทศสหรัฐอเมรกิ า
- มาตรฐาน JIA (The Japan Gas Appliances Inspection Association) เป็นมาตรฐานรับรองการ
นาเขา้ เชอ้ื เพลิงสาหรับประเทศญี่ป่นุ
- มาตรฐาน SGEC (Internationally Recognized Forest Certification Scheme) เป็นมาตรฐาน
การรบั รองการจดั การปา่ ไมอ้ ย่างยั่งยนื ของประเทศญีป่ ุ่นท่เี ทียบเคยี งกบั มาตรฐาน PEFC
- มาตรฐาน MTCC (Malaysian Timber Certification Council) เป็นมาตรฐานการรับรอง การ
จดั การปา่ ไม้อย่างยัง่ ยืนในประเทศมาเลเซยี ซ่งึ ไดร้ บั การเทยี บเคียงกับมาตรฐาน PEFC
- มาตรฐาน IFCC เปน็ มาตรฐานการรับรองการจดั การปา่ ไมอ้ ย่างย่งั ยนื ของประเทศอนิ โดนีเซีย
- มาตรฐาน CFCC เปน็ มาตรฐานการรับรองการจัดการป่าไมอ้ ย่างย่งั ยืนของประเทศจีน
- มาตรฐาน VFCC เป็นมาตรฐานการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนของประเทศเวียดนาสาหรับ
ประเทศลาวและเมียนมา กาลังดาเนินการพัฒนามาตรฐานข้ึนมา ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานของประเทศและหลาย
ประเทศก็ได้ดาเนนิ การเทยี บเคียง หรอื Endorsement เพ่ือให้สามารถส่งออกไปประเทศปลายทางได้
3.4 เกณฑแ์ ละตวั ชว้ี ัดสาหรับการจดั การสวนปา่ และปา่ ชมุ ชนอยา่ งย่ังยืน

กรมป่าไม้ และ องค์การป่าไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ (2562) จัดทาคู่มือการใช้เกณฑ์และตัวชี้วัด
สาหรับการจัดการสวนป่าและป่าชุมชนอย่างย่ังยืน โดยรวบรวมเอาเกณฑ์และตัวชี้วัดสาหรับประเมินความยั่งยืน
ในการจัดการสวนป่าและป่าชุมชน ท่ีจัดทาข้ึนสาหรับประเทศไทย และได้เสนอแนะวิธีการใช้เกณฑ์และตัวช้ีวัดที่
สามารถ ดาเนินการไดเ้ พือ่ วตั ถุประสงค์ด้านตา่ ง ๆ ของเจา้ ของสวนปา่ ขนาดเลก็ ชุมชนท่ีจัดการป่า ชุมชน ผู้ตรวจ
ประเมนิ เพอื่ รับรองมาตรฐาน และหนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้องกับการส่งเสริมและสนับสนุนทางวิชาการให้กับชุมชนและ
เกษตรกรตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยองค์การป่าไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ (The International
Tropical Timber Organization) หรือ ITTO ได้สนับสนุนงบประมาณให้ประเทศไทยจัดทาโครงการพัฒนาและ
ดาเนินการเกณฑ์และตัวช้ีวัดสาหรับการจัดการสวนป่าและป่าชุมชนอย่างยั่งยืน (Criteria and Indicators for
Sustainable Planted Forest and Community Forest Management : PD 470/07 Rev.1F) ซ่ึงมีความตก

156

ลงเม่ือ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และดาเนินการแล้วเสร็จเม่ือปี พ.ศ. 2562 เพื่อให้ประเทศไทยมีการใช้
ประโยชน์ไม้และผลผลิตจากป่าไม้อย่างยั่งยืนและจากแหล่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการพัฒนาเกณฑ์และ
ตวั ชว้ี ดั ระดบั ประเทศ (National C&I) ในการจัดการสวนปา่ และปา่ ชุมชนอยา่ งยง่ั ยืน

เกณฑ์และตัวชี้วัดสาหรับการจัดการสวนป่าและป่าชุมชนอย่างยั่งยืนนี้ เกิดจากกระบวนการทบทวน
มาตรฐาน กลไก วิธีการ ตลอดจนข้อกาหนดและตัวช้ีวัดท่ีมีการใช้อยู่ในประเทศ ได้แก่ (1) มาตรฐาน
ผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรมการจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างย่ังยืน (มอก. 14061) ประกอบตัวย ข้อกาหนดเฉพาะ
7ข้อหลัก 59 ข้อย่อย (2) มาตรฐานการจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างย่ังยืน พ.ศ. 2558 ขององค์การ
อุตสาหกรรมป่าไม้ ประกอบด้วย 7 หลักการ และ (3) เกณฑ์การแบ่งกลุ่มป่าชุมชนของสานักจัดการป่าชุมชน
กรมป่าไม้ รวมทั้งการศึกษาและอ้างอิงมาตรฐานระดับสากลอื่น ๆ ได้แก่ ชุดเกณฑ์ (Criteria) และตัวช้ีวัด
(Indicator) ที่พัฒนาขึ้นโดย ITTO จากนั้นมีการร่างเกณฑ์และตัวช้ีวัตระดับชาติโดยคณะวนศาสตร์ ให้
คณะกรรมการระดบั ชาตพิ ิจารณา รวมทง้ั มกี ระบวนการรบั ฟงั ความคิดเห็นจากกลุม่ ผมู้ ีสว่ นได้เสยี ทุกภาคสว่ น

การจัดการป่าอย่างย่ังยืน (Sustainable Forest Management) หรือ SFM เป็นแนวทางการจัดการ
ทรัพยากรป่าไม้ท่ีตอบสนองท้ังทางด้านเศรษฐกิจ สังคม/วัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อม อย่างสมดุล ในคู่มือฉบับนี้
นยิ ามการจัดการปา่ อย่างย่ังยืน คือ กระบวนการของการจัดการปา่ เพ่อื บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของการจัดการท่ีกาหนด
ไว้อย่างชัดเจน ประการหนึ่งหรือมากกว่าเกี่ยวกับการทาให้เกิดผลผลิตและบริการป่าไม้ท่ีต้องการอย่างต่อเน่ือง
โดยไม่ทาให้เกิดการลดทอนอันเกินควรต่อคุณค่าทางธรรมชาติและผลผลิตในอนาคต อีกท้ัง ไม่ก่อให้เกิด
ผลกระทบท่ีไม่ต้องการต่อสิ่งแวดล้อมท้ังทางกายภาพและสังคม น่ันคือ การจัดการป่าชุมชนและสวนป่าไม้
เศรษฐกิจอย่างยนื ตอ้ งนาไปส่กู ารยกระดบั คณุ ภาพชวี ิตของประชาชน การธารงรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม
ของชาตแิ ละทอ้ งถนิ่ และต้องตอบสนอง มิตขิ องความยัง่ ยืน ของทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มอกี ดว้ ย

สาหรับความหมายของเกณฑ์ (Criteria) และตัวชี้วัด (Indicator) ในการจัดการป่าไม้ มีการให้คานิยาม
โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United
Nation: FAO) ไว้ดงั นี้

เกณฑ์ (Criteria) คอื องค์ประกอบที่สาคญั ของความยัง่ ยืนทต่ี อ้ งทาการประเมิน โดยพิจารณาจากผลผลิต
การป้องกัน และบทบาททางสงั คมของป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้ เกณฑ์แต่ละเกณฑ์จะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบ
ด้านหน่งึ ๆ ของความย่งั ยนื ซ่งึ สามารถอธบิ ายไดด้ ้วยตวั ชี้วดั ต้งั แตห่ นงึ่ จนถึงหลายๆ ตวั ชว้ี ัด

ตวั ชี้วัด (Indicator) คอื ตัวแปรทีส่ ามารถทาการวัดหรือประเมินได้ ซึ่งอธิบายหรือสอดคล้องกับเกณฑ์ใด
เกณข์หนึง่ ตัวชี้วดั ชว่ ยในการประเมินและติดตามสถานการณแ์ ละการเปลยี่ นแปลงของป่าไม้ท้ังในเชิงปริมาณ เชิง
คุณภาพ และข้อความอธบิ ายคณุ ค่าของป่าไมต้ ามขอบเขตของเกณฑ์แต่ละเกณฑ์ท่ไี ด้กาหนดขึน้

ชดุ เกณฑแ์ ละตัวช้ีวัดสาหรบั การจดั การสวนปา่ และปา่ ชมุ ชนอยา่ งย่ังยืน ใช้สาหรับประเมินมาตรฐานและ
ความย่ังยืนในแปลงสวนป่าและพื้นที่ป่าชุมชนที่ทาการประเมินโดยอยู่บนหลักการของการจัดการสวนป่าอย่าง
ย่ังยืนท้ัง 7 หลักการ และมีความสอดคล้องกับ ASEAN C&I for Sustainable Management of Tropical
Forests นอกจากน้ียังวางอยู่บนหลักการของความจาเป็นพ้ืนฐาน (Minimum Requirement) และสามารถ
นาไปใช้ไดจ้ ริง ซึง่ ประกอบดว้ ย 7 เกณฑ์ (35 ตวั ช้ีวดั ) ดงั ตารางที่ 7.3

157

ตารางท่ี 7.3 เกณฑ์และคาอธิบาย การจดั การสวนปา่ และป่าชมุ ชนอย่างย่ังยนื

เกณฑ์ คาอธบิ าย

เกณฑท์ ี่ 1 ความสอดคล้อง การจดั การปา่ ไมอ้ ย่างยง่ั ยนื ตอ้ งปฏิบัตติ ามกฎหมายและข้อตกลงทัง้ ในระดบั

กับกฎหมาย นโยบาย และ ประเทศ และระดบั นานาชาติทปี่ ระเทศไทยลงนามในข้อตกลงที่เป็นปัจจบุ นั สอดคลอ้ งกับ

มาตรการทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ขอ้ บัญญัติและมาตรการตา่ ง ๆ ในระดับท้องถนิ่ นอกจากนีย้ งั ต้องมีองค์กร กลไกการ

บริหาร ระบบงบประมาณ และการตดิ ตามประเมนิ ผลท่โี ปรง่ ใส ตรวจสอบได้ และส่งเสริม

การมีสว่ นรว่ มของผ้มู ีสว่ นไดเ้ สยี

เกณฑท์ ่ี 2 สัดสว่ นและ การจดั การป่าไมอ้ ยา่ งยง่ั ยืนต้องตอบสนองทงั้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ

สภาพของพ้ืนทป่ี า่ ส่งิ แวดลอ้ ม ขนาดและสัตสว่ นพนื้ ท่ปี า่ ทเ่ี หมาะสมจงึ เปน็ หวั ใจของการจัดการปา่ อยา่ ง

ยั่งยนื ทง้ั น้ี เพอื่ ให้การจดั การบรรลุเปา้ หมายด้านการอนุรกั ษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพ

การอนุรักษ์ตินและน้า แหล่งไมใ้ ช้สอย แหลง่ ศกึ ษาเรยี นรู้ และนนั ทนาการตามเป้าหมาย

ของการพัฒนาอย่างยง่ั ยนื

การจัดการปา่ ตอ้ งมกี ารกาหนดเขตการจัดการท่มี ีสัดสว่ นเหมาะสมโดยพจิ ารณาถึง

ศักยภาพและสภาพของทรัพยากรเพอ่ื ใหป้ ่าสามารถทาหน้าทท่ี งั้ ดา้ นการผลิตและบริการ

อย่างย่งั ยนื อีกทง้ั การกาหนดขนาดและสดั ส่วนพนื้ ทป่ี า่ ทเ่ี หมาะสมจะทาใหก้ ารจดั การปา่

มีความยัง่ ยนื และสามารถลดผลกระทบที่เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศอีกดว้ ย

เกณฑ์ที่ 3 สขุ ภาวะและ เกณฑ์นีเ้ กย่ี วข้องกบั บทบาททางด้านนิเวศและการปรับตัวของระบบนิเวศปา่ ไม้ ภยั คกุ คาม

การปรบั ตวั ของระบบนเิ วศ ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อปา่ ชมุ ชนและสวนปา่ มีท้งั จากภัยธรรมชาติ เชน่ ไฟปา่ การทาเหมืองแร่

ปา่ ไม้ และอาจเกิดขึน้ จากกจิ กรรมของมนษุ ย์ เซ่น การตดั ไม้ทาลายปา่ การบกุ รุกพื้นที่ ดังนั้น

การจดั การป่าอยา่ งย่งั ยนื ตอ้ งมกี ารดาเนินกจิ กรรมท่ีใหค้ วามสาคัญกับสขุ ภาวะของตันไม้

และระบบนิเวศเพือ่ เพม่ิ

ขีดความสามารถในการปรับตวั ของระบบนิเวศ

เกณฑท์ ี่ 4 ผลผลติ และ วัตถุประสงค์ของเกณฑน์ ้ีคอื การทาใหพ้ ืน้ ท่ปี า่ สามารถทาหนา้ ทีท่ ั้งเพ่ือการผลติ และ

นเิ วศบริการของพื้นทป่ี า่ ไม้ บรกิ ารไดอ้ ย่างต่อเนอ่ื งและยง่ั ยนื การทีจ่ ะทาให้ป่ามีศกั ยภาพและสามารถทาหนา้ ที่หลาย

อย่างได้ในพน้ื ท่แี ละชว่ งเวลาเดยี วกนั นน้ั ต้องมีการจัดการอยา่ งยัง่ ยนื ทพ่ี ิจารณามิตทิ าง

เศรษฐกิจ การเงิน และการยอมรับของเกษตรกร

เกณฑท์ ่ี 5 ความ เกณฑน์ ้เี กีย่ วขอ้ งกับการอนรุ ักษแ์ ละรกั ษาความหลากหลายทางชวี ภาพซงึ่

หลากหลายทางชวี ภาพปา่ ประกอบด้วยความหลากหลายของระบบนิเวศ ชนิดพนั ธุ์ และพันธุกรรม

ไม้

เกณฑ์ที่ 6 การอนุรักษด์ ิน การอนุรกั ษด์ ินและน้าถือเป็นเกณฑท์ ม่ี คี วามสาคัญเนอ่ื งจากเปน็ บทบาทโดยตรงของระบบ

และนา้ นเิ วศป่าไม้และตน้ ไม้ในการลดการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ ทาใหด้ นิ อดุ มสมบรู ณ์ และการ

เพิ่มพนู ปริมาณและคณุ ภาพของน้าซ่ึงต้องอาศัยการจดั การท่มี คี วามย่งั ยนื จึงจะทาให้ป่า

สามารถทาหนา้ ทด่ี งั กลา่ วได้

เกณฑ์ที่ 7 เศรษฐกจิ สงั คม ป่าและตน้ ไมม้ บี ทบาทท่ีสาคญั ตอ่ การรกั ษาประเพณีและวฒั นธรรมท้องถน่ิ

และวัฒนธรรมของชุมชน รวมถึงการยกระดบั คุณภาพชวี ติ ของประชาชนในท้องถิ่นซึ่งการจดั การปา่ ท่ี

ท้องถ่ิน ยัง่ ยนื จะตอ้ งทาให้ปา่ สามารถทาหน้าทเี่ ปน็ แหลง่ อาหาร แหล่งรายได้ รวมถึง

เปน็ แหล่งจา้ งงานรวมถึงการลงทุนตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่ิน

ทมี่ า: กรมป่าไม้ และ องคก์ ารป่าไม้เขตรอ้ นระหวา่ งประเทศ (2562)

158

สรปุ และขอ้ เสนอแนะ

เปา้ หมายการเพม่ิ พ้นื ที่เขยี วตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ภายใต้ยุทธศาสตรด์ ้านการ
สรา้ งการเติบโตบนคุณภาพชวี ติ ทเี่ ป็นมิตรต่อสง่ิ แวดล้อม ซ่งึ กาหนดใหป้ ระเทศไทยมพี ื้นท่ีสีเขียวเพ่ือการใช้
ประโยชน์ ในส่วนพ้นื ที่ปา่ เศรษฐกจิ ในท่ีดินของเอกชนและในท่ีดินของรฐั ประมาณไมน่ อ้ ยกว่า 26 ล้านไร่ เป็น
เปา้ หมายเชิงนโยบายสาคัญที่กรมป่าไม้ซึ่งถือเปน็ หนว่ ยงานหลกั ในการขบั เคล่ือนนโยบายไปสูก่ ารปฏิบัติให้บรรลุ
วตั ถุประสงค์ไดด้ าเนินมาตรการและกจิ กรรมหลายประการ นอกเหนือจากการปรับแก้กฎหมายและระเบยี บทีเ่ ปน็
อุปสรรคตอ่ การปลกู ต้นไม้และปลกู ปา่ แล้ว การปรบั แก้พ.ร.บ.สวนปา่ พ.ศ.2535 และ จดั ทาระบบลงทะเบียนไม้มี
คา่ ในที่ดินกรรมสทิ ธิ์กเ็ ป็นส่วนทีจ่ ะชว่ ยเสรมิ และจูงใจให้ประชาชนสนใจในปลกู ตน้ ไม้และปลูกป่ามากข้ึน จากการ
ทป่ี ระชาชนมีความมั่นใจในการได้รบั ความคมุ้ ครองสทิ ธิ์และไดร้ บั คาแนะนาในการปฏิบตั ิและในทางวชิ าการ

สาหรับระบบการรบั รอง ถือเปน็ การสนบั สนนุ ด้านการตลาดไม้ อาจไม่มีบทบาทมากนักสาหรบั
อุตสาหกรรมไม้ในประเทศ แต่จะมีความสาคัญกบั ผ้จู ะประสงค์จะขายไม้กบั ตลาดท่ีตอ้ งการการยนื ยันแหลง่ ท่มี า
ของไม้ และทต่ี ้องการส่งออกไม้ไปยงั ต่างประเทศ ซึง่ หลายๆประเทศทด่ี าเนินธรุ กิจนาเขา้ ไม้ในปจั จบุ ันต้องการไม้
ทม่ี าจากการจัดการป่าไม้(จากสวนปา่ )อย่างย่ังยนื ทั้งน้ีมาตรฐานการรับรองการจัดการป่าไมอ้ ยา่ งยงั่ ยนื เปน็
มาตรฐานภาคสมคั รใจ ท้ังน้ขี ึ้นอยกู่ บั ขอ้ กาหนดของลูกค้า หรอื ผู้ซ้อื บางตลาดการคา้ ไม้ไม่ได้กาหนดวา่ ต้องใชม้ าตรฐาน
ใด เพียงแตก่ าหนดใหต้ อ้ งมีหนังสือรับรองการจดั การปา่ ไม้อยา่ งย่งั ยนื ประกอบการซอ้ื –ขาย มาตรฐานทเ่ี ปน็ สากลเปฯ็ ที่
รู้จักกันอย่างกวา้ งขวาง เชน่ FSC, PEFC มีตวั ชว้ี ดั และขอ้ กาหนดมาก และท่ีสาคญั มีคา่ ใชจ้ า่ ยสงู สว่ นมากเหมาะสมกบั
ผปู้ ระกอบการรายใหญ่ การดาเนินการพฒั นาเกณฑแ์ ละตวั ชี้วดั สาหรับการจัดการสวนป่าและปา่ ชมุ ชนอยา่ งยั่งยืน
โดยกรมปา่ ไม้ เพ่ือการจดั ทามาตรฐานการจดั การสวนปา่ อย่างยั่งยืนของประเทศไทย เป็นอกี ทางเลอื กหน่งึ สาหรบั
ผปู้ ลกู ท่ัวไปหรอื เกษตรรายย่อย ซ่ึงมพี นื้ ที่ปลกู ไมม่ ากและเสียค่าใชจ้ า่ ยน้อยกว่า แต่การส่งเสรมิ ให้มีการรับรอง
ตามมาตรฐานสากล จะส่งเสริมการค้าไม้สูต่ ลาดโลก ถือเปน็ ส่วนปลายน้าทีม่ ีความสาคญั ทจ่ี ะเพิ่มตลาดการคา้
สร้างรายได้แก่ผปู้ ลกู อย่างเป็นรปู ธรรม เกดิ เป็นแรงจงู ใจในการปลูกปา่ เศรษฐกจิ อยา่ งแทจ้ ริง

เอกสารอา้ งอิง
กรมปา่ ไม.้ 2560. พระราชบัญญัตสิ วนป่า พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม. ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน สานักส่งเสริม

การปลกู ปา่ , กรมป่าไม้. 62 น.
กรมป่าไม้ และคณะวนศาสตร์. 2560. รายงานฉบับสมบูรณ์ ยุทธศาสตร์และแผนงานการส่งเสริมเศรษฐกิจแบบ

ครบวงจร (พ.ศ.2561-2579). กรมปา่ ไม้, กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม.
กรมป่าไม้. 2561. แนวทางการดาเนินงาน ตามกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทากินในพ้ืนท่ีป่า

สงวนแห่งชาต.ิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม. 16 น.
กรมป่าไม้ 2562. กรมปา่ ไม้ 123 ปี รักป่า รักประชาชน. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. 61 ถนน

พหลโยธิน เขตจตุจักร, กรุงเทพฯ. 138 น.
กรมป่าไม้ และ องค์การป่าไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ. 2562. คู่มือการใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดสาหรับการจัดการ

สวนปา่ และชมุ ชนอยา่ งยงั่ ยนื . กรมปา่ ไม้, กรุงเทพฯ.
สมาคมเครือข่ายรบั รองไมเ้ ศรษฐกจิ ไทย. 2561. เอกสารประกอบการบรรยายการเรื่องมาตรฐานการจัดการป่าไม้

อย่างย่ังยนื . สมาคมเครือขา่ ยรบั รองไมเ้ ศรษฐกิจไทย. ศูนย์วจิ ัยปา่ ไม้ คณะวนศาสตร์,
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์

บทที่ 8
บทสรุป

อดีตของกรมป่าไม้ มีบทบาทหลักในกิจการปา่ ไม้ในเร่ืองการดูแล รกั ษาพ้ืนท่ปี ่าไม้ และเนื่องจาก
ยังมีป่าธรรมชาติอยู่จำนวนมาก กิจกรรมส่วนใหญ่จึงเน้นเร่ืองการกำกับควบคุม กำกับการทำไม้จากป่า
ธรรมชาติซ่งึ มไี ม้สักเปน็ ชนิดไม้หลกั เร่ิมมีแนวคดิ ใดในการการปลกู สักเพอ่ื ทดแทนปา่ สกั ธรรมชาติเป็นเป็น
คร้ังแรกในจังหวัดแพร่ ในปี พ.ศ. 2451 แบบอาศัยชาวไร่ท่ีเรียกว่า Taungya Plantation ในปี พ.ศ.
2508 เร่ิมมีการวางแนวทางการใช้วิชาการป่าไม้เพ่ือการส่งเสริมการปลูกป่าอย่างเป็นรูปธรรมจาก
โครงการปรับปรุงพนั ธ์ุไม้สัก ซึ่งเป็นความรว่ มมือจากรฐั บาลเดนมารก์ และรฐั บาลไทย โดยกรมปา่ ไม้ จัดต้ัง
ศูนย์ปรบั ปรุงพันธ์ไุ ม้สกั (Teak Improvement Center) ขน้ึ ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 และ พ.ศ. 2524 ก็มี
การโครงการร่วมมือกับรัฐบาลเดนมาร์กเพิ่มเติมตามโครงการปรับปรุงพันธ์ุไม้สน (Pine Improvement
Center) และโครงการปรับปรุงพันธุ์ไม้โตเร็วจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือจากประเทศ
ออสเตรเลีย ท่ีเรียกว่า The Australian Centre for International Agricultural Research (ACIAR)
ในการนำไม้โตเร็วจากต่างประเทศ เชน่ ยูคาลิปตัส อะคาเซีย มาทดลองและส่งเสรมิ ให้เกษตรกรปลูกเป็น
พชื ทางเลือกท่ีใหผ้ ลตอบแทนเร็วกวา่ ไมท้ ้องถิ่น

อย่างไรก็ตามในเชิงของความหลากหลายชนิดไม้ ถือว่ายังมีข้อจำกัด คือ ในอดีตกรมป่าไม้เน้น
การดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมสวนป่าเศรษฐกิจอยู่เพียง 3-4 ชนิด (ประเทศไทยมีไม้ยืนต้นมากกว่า
3,000 ชนิด) ได้แก่ ไม้สัก ไม้สนเขา และยูคาลิปตัส ดังเห็นได้จากโครงการความร่วมมือทางวิชาการ
ปรับปรุงพันธุ์กับต่างประเทศ มีการดำเนินงานตามกิจกรรมปรับปรุงพันธุ์ของไม้ทั้ง 3 ชนิดดังได้กล่าว
ข้างต้น และในปี พ.ศ. 2524 ก็มีการริเริ่มดำเนินการท่ีถือเป็นการส่งเสริมป่าเศรษฐกิจทางวิชาการครั้ง
สำคัญ มีการความร่วมมือจากต่างประเทศจำนวน 2 โครงการที่มีเป้าหมายต่างกัน คือ โครงการวิจัยและ
ฝึกอบรมการปลูกสร้างสวนป่า ร่วมกับ The Japan International Cooperation Agency - JICA แห่ง
ประเทศญ่ีปุ่น จังหวัดนครราชสีมา และโครงการศูนย์เมล็ดพันธ์ุไม้ป่าอาเซียน-แคนาดา จังหวัดสระบุรี
โดยโครงหลังเน้นในเรื่องการวิจัยด้านพันธุกรรม ขยายพันธ์ุของพรรณไม้ที่หลากหลายชนิดมากขึ้น

กล่าวได้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางด้านการปลูกป่าเศรษฐกิจเร่ิมเป็นรูปแบบชัดเจน ภายหลัง
จากมีการยกเลิกสัมปทานทำไม้ทั่วประเทศ ในปี พ.ศ. 2532 ซึ่งต่อมามีการออก พระราชบัญญัติสวน
ป่า พ.ศ. 2535 เป็นครั้งแรก ถือเป็น พ.ร.บ. ฉบับแรกท่ีส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปแบบ
โดย พรบ. นี้มีเจตนารมย์เพ่ือส่งเสริมให้มีการปลูกสร้างสวนป่าเพ่ือการค้าในที่ดินของรัฐและเอกชนให้
กว้างขวางย่ิงขึ้น และเพื่อคุ้มครองสิทธิการทำไม้หวงห้ามที่ได้จากการปลูกสร้างสวนป่า เอื้ออำนวยให้ผู้ที่
จะปลูกสร้างสวนป่ามีความม่ันใจในการลงทุนอุตสาหกรรมไม้เศรษฐกิจมากข้ึน ถือเป็นยุคใหม่ของ
อุตสาหกรรมไม้สวนป่า (modern industrial plantation forest) มีความหลากหลายทางชนิดพรรณไม้
มากข้ึน รวมท้ังกำหนดชนิดไม้ จำนวน 58 รายการบรรจุใน พ.ร.บ. สวนป่า มีการปลูกป่าในเชิงพาณิชย์
มากขึ้น ประชาชนท่ัวไปหันมาสนใจปลูกป่ามากขึ้น กรมป่าไม้ต้ังโครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกป่าเป็น
ครง้ั แรกในปี พ.ศ. 2537 ซง่ึ ไดร้ ับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก

160

ปัจจุบัน กรมป่าไม้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางปลูกป่าเศรษฐกิจ ตามเป้าหมาย
ยทุ ธศาสตรช์ าตดิ ้านการสรา้ งการเติบโตบนคุณภาพชวี ติ ที่เปน็ มิตรต่อสงิ่ แวดล้อม และแผนการส่งเสริมไมเ้ ศรษฐกิจ
แบบครบวงจรเพ่ือให้ได้พื้นท่ีสีเขียวในสวนป่าเพื่อการใช้ประโยชน์ จำนวน 26 ล้านไร่ ภาครัฐโดยกรมป่าไม้มีการ
กำหนดแนวทางในการส่งเสริมปลูกป่าเศรษฐกิจท่ีชัดเจนมากกว่าในอดีต มีความพยายามในการบูรณาการ
รว่ มกับภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพ่ือส่งเสริมการปลูกและการค้าไม้อย่างครบวงจร มีการดำเนินงานในหลายมิติ
เช่น ด้านการแก้ไขนโยบายและกฎระเบียบ ด้านการแก้ปัญหาเชิงพื้นท่ี และด้านวิชาการ ตัวอย่างของด้าน
นโยบายกฎระเบียบ เช่น ยกเลิกไม้หวงห้ามในท่ีดินกรรมสิทธิ์ ปรับแก้พระราชบัญญัติสวนป่าและพัฒนาการขึ้น
ทะเบียนสวนป่าออนไลน์ เสนอให้มีการยกเลิกภาษีส่งออกไม้แปรรูป เสนอให้ยกเลิกการควบคุมการเคลื่อนย้าย
เลื่อยโซ่ยนต์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ทำไม้จากสวนป่า พัฒนาระบบรับรองมาตรฐานตามมาตรฐานการจัดการ
ปา่ ไม้อย่างย่ังยืน โดยแบง่ การรับรองเป็นสองรูปแบบ คอื การรบั รองท่ีแปลงปลูกทางด้านการจัดการปา่ ไม้ (Forest
Management-FM) และการรับรองการควบคุมการนำไม้เคลื่อนท่ี (Chain of Custody- CoC) รวมทั้งผลักดัน
การจดั ทำตวั ชว้ี ัดและเกณฑ์มาตรฐานตามของตัวชีว้ ดั เพอื่ ให้นำมาปรบั ใช้กบั ผปู้ ระกอบการรายย่อย

เป็นที่น่ายินดีว่านอกจากกรมป่าไม้ หลายภาคส่วนได้ร่วมกันช่วยขับเคล่ือนการส่งเสริมการปลูกไม้
เศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เช่น โครงการธนาคารต้นไม้ หรือล่าสุด ปลายปี พ.ศ. 2562 มีการจัดทำโครงการระดับชาติ
คือ กองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนาและฝึกอบรมโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา ภายใต้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
แห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย 79,555 กองทุนย่อยในระดับหมู่บ้าน เครือข่ายกองทุนมีสมาชิกกว่า 13 ล้านคน โดย
หวังผลให้สมาชิกร่วมกันปลูกต้นไม้ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสต ร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช องค์การบริหารกา๊ ซเรือนกระจก และ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ
(BEDO) ร่วมสนับสนุน กล้าพันธ์ุดี การแปรรูปไม้ การวิจัยให้ใช้ประโยชน์ไม้ได้สูงสุด การปลูกสมุนไพร เพาะเห็ด

สำหรับนโยบายการแก้ไขเชิงพื้นท่ีซึ่งทำให้เกิดผลบวกต่อการเพิ่มพื้นท่ีป่าเศรษฐกิจไปด้วย ได้แก่
มาตรการแก้ปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามแนวทางคณะกรรมการนโยบายท่ีดิน
แห่งชาติ (คทช.) โดยการบริหารจัดการและควบคุมพื้นที่ด้วยการกำหนดเขตการอนุญาต การใช้ประโยชน์ ตาม
เงอ่ื นเวลาของผูอ้ ย่อู าศัยในพ้ืนท่ี ผลจากมาตรการนที้ ำให้เกิดพน้ื ท่ีทม่ี ศี ักยภาพในการปลกู สรา้ งป่าเศรษฐกิจมากข้ึน
หลายล้านไร่ เช่น ในกรณีพื้นท่ีลุ่มน้ำ 3, 4 ,5 ตามมติ ค.ร.ม. 30 มิย. 2541 จะได้รับอนุญาตให้อยู่อย่างถูกต้อง
ตามกฎหมายตามแนวทาง คทช. คิดเป็นเน้ือท่ี ประมาณ 3.9 ล้านไร่ และผู้ที่อยู่อาศัยในพนื้ ท่ีลุ่มน้ำ 3, 4, 5 ช่วงปี
พ.ศ. 2545-2557 อนุญาตให้อยู่อาศัยและทำกินแบบแปลงรวม โดยชุมชนต้องดูแลรักษาเกื้อกูลต่อการอนุรักษ์
และกำหนดให้ปลูกป่าเพ่ือเศรษฐกิจไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 50 ของพืน้ ที่ ซึ่งคดิ เปน็ เน้ือท่ี ประมาณ 1.8 ลา้ นไร่

ในส่วนด้านวิชาการดำเนินแนวทางการส่งเสริมโดยพัฒนาแหล่งพันธุกรรมไม้ป่า ซึ่งหมายถึง แหล่ง
พันธุกรรมของไม้พันธด์ุ ี ทั้งในรูปแบบแหลง่ ผลิตเมล็ด แปลงรวมรวมพันธไ์ุ ม้ และแมไ่ ม้ชนิดตา่ ง ๆ และผลติ กลา้ ไม้
พนั ธุ์ดีแจกจ่ายสู่ประชาชน ซึง่ เป็นท่ีนา่ ยินดีว่าปัจจุบนั มีไมห้ ลายชนิดท้ังไม้ทอ้ งถน่ิ เช่น สัก แดง สนสองใบ สนสาม
ใบ และไม้โตเร็วต่างถิ่น เช่น ยูคาลิปตัส กระถินณรงค์ มีศักยภาพที่จะผลิตเมล็ดพันธุ์ดีได้จากแปลงท่ีได้รับการ
พัฒนาเปน็ สวนผลิตเมล็ดพนั ธ์ุ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งผลิตเมล็ดท่ีมีคุณภาพดที ส่ี ดุ บางชนดิ พัฒนาไปไกลถึงข้นั ยื่นขอจด
ทะเบียนพันธ์ุ เช่น สัก ยคู าลปิ ตัส และ กระถินณรงค์ หลังจากดำเนินการปรับปรุงพนั ธ์ุจนประสบความสำเร็จ ในส่วน
ทางด้านการใช้ประโยชน์ กำลังพัฒนาการใช้ประโยชน์จากไม้ขนาดเล็ก โดยเฉพาะไม้ที่ได้จากการตัดขยายระยะ
เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ลกู มผี ลตอบแทนมากข้นึ ในระหวา่ งรอการตัดฟนั ครัง้ สุดท้าย

161

อนาคต ของแนวทางส่งเสริมปลูกป่าของภาครัฐและภาคเอกชน ควรพิจารณาและดำเนินการ ดังนี้
ภาครัฐ เพ่ือให้สอดคล้องกับบริบทของการป่าไม้สากล ควรสานต่อนำแนวทางและหลักการของ Forest
Landscape Restoration – FLR ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูท้ังความอุดมสมบูรณ์ทางด้านนิเวศและการสร้าง
คุณภาพชีวิตท่ีดีของมนุษย์ โดยมีขอบเขตที่สำคัญอยู่ 2 ด้าน คือ ด้านนิเวศ ซึ่งรวมท้ังการฟื้นฟูและความ
หลากหลายทางชีวภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี ยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ (ซึ่งเกิดจากการปลูกสร้างสวนป่า
เศรษฐกิจ) ทั้งน้ี FLR ในบริบทของสวนป่าเศรษฐกิจมีการใช้ศาสตร์ของป่าอเนกประโยชน์ (multifunction
forest) กันมากขึ้น ซ่ึงอาจรวมถึงประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วย และระบบวนเกษตรได้เป็นท่ียอมรับ
ของ FLR ในการนำเข้าสู่ระบบห่วงโซ่อุปทานของสวนป่าเศรษฐกิจด้วย เนื่องจากไม่เพียงเนื้อไม้เท่าน้ันที่เป็น
ผลผลิตหลัก สวนป่ายังได้ประโยชน์จากผลผลิตท่ีไม่ใช่เน้ือไม้ด้วยรวมทั้งบริการด้านนันทนาการ ถือเป็นการ
สอดคล้องกบั บรบิ ทการปลกู สร้างสวนป่าในประเทศไทย เช่นกนั

ปัจจุบันมีการใช้แนวทางของการจัดการสวนป่าอย่างย่ังยืน (Sustainable forest management) ซ่ึง
เกี่ยวข้องกับมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม ในส่วนของระบบรับรองการจัดการป่าไม้ ควรจะเร่ง
ดำเนินการตามมาตรา 18/1 ในการออกหนังออกหนังสือรับรองไม้เพ่ือประโยชน์ในการจำแนกแหล่งท่ีมาของไม้
และ มาตรา 18/2 ในการออกหนังสือรับรองไม้ ผลิตภัณฑ์ไม้ ถ่านไม้ เพื่อการส่งออก เพื่ออำนวยความสะดวก
และที่สำคัญเพื่อสร้างตลาดไม้ต่างประเทศเพ่ิมเติม อันจะช่วยให้ราคาไม้มีความเสถียร มั่นคงหรือมีราคามากขึ้น
เร่งดำเนินการจัดสรรพื้นท่ีตามมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติ โดยเฉพาะ
พ้ืนที่ คทช. ให้ได้มากท่ีสุด เพื่อเอ้ืออำนวยให้เกิดสวนปา่ เศรษฐกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างสวนไม้เศรษฐกิจนอก
พื้นท่ีป่า (Tree outside forest-TOF) ในส่วนของวิชาการ ควรเร่งส่งเสริมการใช้วัสดพุ ันธุกรรมที่ดีสปู่ ระชาชน ทั้ง
ดำเนินการศึกษาวิจัยด้านปรับปรุงพันธุ์เพิ่มเติมท้ังชนิดไม้และเพิ่มกระบวนการศึกษาปรับปรุงพันธ์ุข้ันสูง และหา
แนวทางขยายพันธุ์กล้าไม้พันธ์ุดีให้มากพอหรือใกล้เคียงกับความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด เช่นไม้สัก
พะยูง แดง สนประดิพัทธ์ กระถนิ ณรงค์ กระถินลูกผสม

สำหรับ ภาคเอกชน จากการคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้ไม้เพ่ือประโยชน์ในภาคครัวเรือนและเป็น
วตั ถดุ ิบในประเทศ จะเพิ่มขนึ้ เป็น 112 ล้าน ลบ.ม. (75 ลา้ นตัน) ในปี พ.ศ. 2570 และ 128 ล้าน ลบ.ม. (85 ล้าน
ตัน) ในปี พ.ศ. 2580 (ไม่รวมภาคการส่งออก) เห็นได้ว่า ภาคอุตสาหกรรมไม้มีอนาคตที่สดใส อย่างไรก็ตาม การ
ดำเนินธุรกิจไม้ในอนาคตจะมีความเก่ียวข้องกับการรับรองไม้ โดยเฉพาะภาคการส่งออก ในหลายประเทศจะมี
ขอ้ กำหนดในเร่ืองการรับรองแหล่งท่มี า การควบคุมการเคล่ือนทไี่ ม้ การประกันความถูกต้องของไมม้ ากขึ้นเรื่อย ๆ
ผปู้ ลูกควรปรับตัวให้เท่าทันยุคของการจดั การสวนป่าตามมาตรฐานการจัดการสวนป่าอย่างยง่ั ยนื ด้วยในหลายดา้ น
ไม่เฉพาะที่เกี่ยวกับการรับรองไม้ คือ การจัดการเร่ิมต้ังแต่การเลือกใช้กล้าไม้พันธุ์ดี ปลูกในพื้นที่เหมาะสมทั้งใน
เรือ่ งความถูกต้องของท่ีดนิ และเหมาะสมทางวิชาการ และหากดำเนินการตามเกณฑ์และตวั ชีว้ ัดสำหรับการจัดการ
สวนป่าท่กี รมป่าไม้จัดทำข้ึนก็จะช่วยเพ่ิมหลกั ประกันในการเพิม่ ช่องทางการตลาดของไมแ้ ละผลติ ภัณฑไ์ ปด้วย

การส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจให้ได้ผลอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม จะช่วยสนับสนุนให้มีปริมาณไม้
เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ หรือช่วยลดปริมาณการนำเข้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และช่วยให้การนำเข้าไม้ใน
อนาคตลดลง และส่งเสริมให้มีชนิดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ในระบบอุตสาหกรรมไม้เศรษฐกิจมีความหลากหลายของ
ชนิดไม้และผลิตภัณฑ์มากข้ึน ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งตัวผู้ปลูก ชุมชนในระดับท้องถิ่น และ
ระดบั ประเทศ

ภาคผนวก

ภาคผนวก 4.1 แบบฟอร์มทะเบียนแม่ไม้ 162

ภาคผนวก 7.1 กฎกระทรวงการขอข้นึ ทะเบียนและการออกหนงั สอื รบั รองการข้ึนทะเบียน 163

ทีด่ ินเป็นสวนปา่ พ.ศ. 2561

ภาคผนวก 7.2 สรปุ รายละเอียดการลงทะเบียนต้นไม้ในระบบลงทะเบยี นต้นไม้ในทด่ี ินกรรมสิทธ์ิ170

ภาคผนวก 7.3 แบบฟอร์มคำขอขึ้นทะเบียนทด่ี นิ เปน็ สวนป่า 171

ภาคผนวก 7.4 การรบั รองไม้ที่ขึ้นในที่ดินท่มี ีกรรมสทิ ธหิ์ รือสทิ ธคิ รอบครองตามประมวล 202

กฎหมายทีด่ นิ



ทะเบียนแม่ไม้ 162

1. ชนดิ ไม้ ภาคผนวกท่ี 4.1

ชื่อพฤกษศาสตร์

2. เลขทีแ่ มไ่ ม้

3. สถานทีค่ ัดเลอื ก (ก) แหลง่

(ข) หมู่บ้าน/ตาบล

(ค) อาเภอ

(ง) จงั หวัด

4. ชนิดปา่

พรรณไม้ที่ขึ้นปะปน

5. ตาแหนง่ ทต่ี ง้ั E

N

6. ชนดิ ดนิ สภาพพน้ื ท่ี

7. การสืบพันธ์ุตามธรรมชาติ สูงจากระดบั น้าทะเลปานกลาง เมตร

8. เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางลาตน้ ที่ระดับอก (DBH) ซม. ความสงู เมตร

9. ความสงู จากโคนตน้ ถึงกง่ิ แรก เมตร ความสูงจากโคน เมตร

10. รูปทรงของลาตน้ (ก) ความตรง  ตรง  เอนเล็กน้อย  เอนมาก

(ข) ความตอ่ เน่ืองจากโคนถงึ ยอด  ตรงถงึ ยอด  โค้งท่ีโคนเลก็ นอ้ ย

 โค้งที่ปลายเลก็ น้อย

11. ลกั ษณะเรือนยอด (ก) ขนาด (เทียบสัดสว่ นกบั ลาตน้ )  เลก็  กลาง  ใหญ่

(ข) รปู ทรง  สมดลุ  รูปไข่  ไมส่ มดลุ

12. ลกั ษณะกิ่ง (ก) ขนาด (เทียบสัดส่วนกับลาต้น)  เล็ก  กลาง  ใหญ่

(ข) ก่ิงทามมุ กับลาตน้ (องศา)  35-50  51-70  71-90

(ค) การลิดกิง่ ตามธรรมชาติ  ดี  ปานกลาง  ไม่ดี

(ง) จานวนกงิ่ เล็กตามลาต้นทแ่ี ตกใหม่ กิ่ง

13. ลักษณะลาต้น (ก) ความตรง  ตรง  คดเป็นคล่ืนเล็กน้อย

(ข) การบดิ ของลาตน้  ตรง  บิดเลก็ น้อย  บดิ มาก

(ค) ความกลม  กลม  คอ่ นขา้ งกลม  กลมรี

(ง) พพู อน  ไมม่ ี  มเี ล็กนอ้ ย  มีมาก

14. ปรมิ าณผลผลิตเมล็ด  ดก  ดกปานกลาง  ไม่ดก

15. การทาลายของโรคและแมลง (ก) ทีต่ ้น  ไมม่ ี  มีเล็กน้อย  มีปานกลาง  มมี าก

(ข) ท่ใี บ  ไม่มี  มีเลก็ น้อย  มปี านกลาง  มีมาก

16. วิธีการนาแมไ่ มไ้ ปขยายพนั ธุ์  เมล็ด  ก่งิ  ราก  อนื่ ๆ

17. หมายเหตุ

18. วนั เดอื น ปี ทค่ี ัดเลือก ผ้คู ดั เลอื ก

19. หนว่ ยงานคัดเลอื ก

เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๔๖ ก หน้า ๕ 163
ราชกิจจานุเบกษา
ภาคผนวก 7.1

๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑

กฎกระทรวง

การขอขึ้นทะเบยี นและการออกหนงั สอื รบั รองการขนึ้ ทะเบียนทด่ี ินเป็นสวนป่า
พ.ศ. 2561

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕
ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ และมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ต่อไปนี้

ข้อ ๑ ผู้มีกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง หรือผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ท่ีดินตามมาตรา ๔
ซึ่งประสงค์จะใช้ท่ีดินนั้นทําสวนป่าเพ่ือการค้า ให้ย่ืนคําขอขึ้นทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่าต่อนายทะเบียน
พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานตามท่ีระบุไว้ในแบบคําขอ และต้องระบุชนิดของพันธุ์ไม้และจํานวนไม้
ทีท่ ําการปลกู และบํารงุ รกั ษาในที่ดินทน่ี ํามาขน้ึ ทะเบยี นเปน็ สวนป่า

ในกรณีที่ผู้ย่ืนคําขอขึ้นทะเบียนตามวรรคหน่ึงเป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าซ้ือที่ดินที่ขอข้ึนทะเบียนเป็นสวนป่า
และท่ีดินดังกล่าวเป็นท่ีดินตามมาตรา ๔ (๑) ผู้ยื่นคําขอต้องย่ืนหลักฐานการเช่าหรือเช่าซื้อที่ดินดังกล่าว
พร้อมทั้งหนังสือยินยอมของผมู้ กี รรมสทิ ธ์ิหรือสิทธิครอบครองในท่ีดินนั้นท่ีแสดงวา่ อนญุ าตให้ทําสวนปา่ ได้

ขอ้ ๒ การยน่ื คาํ ขอข้นึ ทะเบยี นที่ดินเป็นสวนปา่ ตามขอ้ ๑ ใหย้ ่นื ณ สถานที่ ดงั ต่อไปนี้
(๑) กรุงเทพมหานคร ให้ย่นื ณ สํานักสง่ เสริมการปลูกป่า กรมปา่ ไม้
(๒) จงั หวดั อ่ืน ให้ยน่ื ณ ทว่ี ่าการอาํ เภอแห่งท้องท่ีท่ที ่ีดนิ ทจี่ ะขอขึน้ ทะเบยี นนนั้ ต้งั อยู่
อธิบดีอาจประกาศกําหนดให้ยื่นคําขอ ณ สถานท่ีอื่น หรือโดยวิธีการอื่น นอกเหนือจาก
ที่กําหนดในวรรคหนึ่งก็ได้
ข้อ ๓ เมื่อได้รับคําขอข้ึนทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ งและครบถว้ นของคําขอ และเอกสารหรอื หลกั ฐานต่าง ๆ
กรณีคําขอขึ้นทะเบียนหรือเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้แจ้งให้ผู้ขอ
ข้ึนทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมคําขอ หรือจัดส่งเอกสารหรือหลักฐานให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลา
ทก่ี าํ หนด

164

เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๔๖ ก หน้า ๖ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ราชกจิ จานุเบกษา

ในกรณีท่ีผู้ขอขึ้นทะเบียนไม่แก้ไขเพ่ิมเติมคําขอหรือไม่จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานให้ถูกต้อง
และครบถ้วนภายในระยะเวลาตามวรรคสอง ให้ถือว่าคําขอขึ้นทะเบียนน้ันเป็นอันยกเลิกนับแต่วันที่
พน้ กาํ หนดเวลาดังกลา่ ว และให้พนักงานเจ้าหนา้ ที่แจ้งเปน็ หนังสอื ใหผ้ ูข้ อขึน้ ทะเบยี นทราบ

ข้อ ๔ ในกรณีที่คําขอขึ้นทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่าและเอกสารหรือหลักฐานถูกต้อง
และครบถ้วน ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีออกใบรับคําขอให้แก่ผู้ขอขึ้นทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน และให้แจ้ง
วันและเวลาเป็นหนังสือแก่ผู้ขอข้ึนทะเบียน เพ่ือทําการตรวจสอบว่าสถานที่ต้ัง สภาพท่ีดิน และชนิด
ของพันธ์ุไม้และจํานวนไม้ท่ีทําการปลูกและบํารุงรักษาในที่ดินดังกล่าวตรงกับที่ระบุในคําขอหรือไม่
แล้วให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีรายงานผลการตรวจสอบต่อนายทะเบียนภายในสิบวันนับแต่วันท่ีพนักงานเจ้าหน้าที่
ได้รบั คําขอ

ในกรณีท่ีท่ีดินท่ีขอขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเป็นท่ีดินตามมาตรา ๔ (๔) หรือ (๕) ให้นายทะเบียน
สั่งพนักงานเจ้าหน้าท่ีออกไปดําเนินการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๗ แล้วรายงานผลการตรวจสอบ
ตอ่ นายทะเบียนภายในสามสิบวนั นับแต่วนั ท่ไี ดร้ บั คําส่งั

ข้อ ๕ ให้นายทะเบียนพิจารณาและแจ้งการสั่งรับหรือไม่รับข้ึนทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า
ให้ผู้ขอขึ้นทะเบียนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับคําขอหรือได้รับรายงานผลการตรวจสอบ
ตามขอ้ ๔ แล้วแตก่ รณี

ในการรับข้ึนทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่า ต้องปรากฏหลักฐานว่าที่ดินท่ีขอขึ้นทะเบียนเป็นท่ีดิน
ตามท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา ๔ และชนิดของพันธุ์ไม้ท่ีนํามาปลูกและบํารุงรักษาในท่ีดินอยู่ในพื้นที่
ตามทกี่ าํ หนดในบัญชีทา้ ยกฎกระทรวงนี้

ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นควรรับข้ึนทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่า ให้ออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน
ที่ดินเป็นสวนป่าให้แก่ผู้ขอขึ้นทะเบียน และในกรณีมีคําสั่งไม่รับข้ึนทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า ให้ผู้ขอขึ้นทะเบียน
มีสิทธิอุทธรณต์ อ่ รัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแตว่ ันทีท่ ราบคําสัง่ ดังกล่าว คาํ วินิจฉยั ของรฐั มนตรีให้เปน็ ทีส่ ุด

การแจ้งรับหรือไม่รับขึ้นทะเบียนตามวรรคหน่ึง ให้ผู้ขอข้ึนทะเบียนลงนามรับทราบ
ต่อท้ายสําเนาคฉู่ บับหนงั สือ หรอื จัดสง่ ใหผ้ ้ขู อขึน้ ทะเบยี นทราบทางไปรษณยี ์ลงทะเบยี นตอบรับ

ข้อ ๖ เมื่อที่ดนิ ได้รับการขน้ึ ทะเบียนเป็นสวนปา่ แลว้ ให้ผทู้ าํ สวนปา่ มหี นา้ ท่ี ดังต่อไปนี้
(๑) จัดทําบัญชีแสดงชนิดของพันธ์ุไม้และจํานวนไม้ท่ีได้ทําการปลูกและบํารุงรักษา
ตามระเบียบทอ่ี ธิบดกี ําหนด
(๒) จัดทําป้ายชื่อและหลักเขตหรือเคร่ืองหมายแสดงแนวเขตท่ีดินท่ีได้ข้ึนทะเบียนเป็นสวนป่า
ตามรูปแบบและวิธีการที่อธิบดีกําหนดให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือรับรอง
การขึ้นทะเบียนทดี่ นิ เปน็ สวนป่า

165

เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๔๖ ก หนา้ ๗ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ราชกจิ จานุเบกษา

(๓) ยินยอมให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีเข้าไปเก็บหาข้อมูลทางวิชาการและตรวจสอบการปฏิบัติ

ตามเง่ือนไขได้ ทั้งน้ี ให้ผู้ทําสวนป่าเป็นผู้นําตรวจ หากไม่สามารถนําตรวจได้ ต้องมอบอํานาจ

เป็นหนังสือให้ผู้หน่ึงผู้ใดเป็นผู้ดําเนินการแทน โดยผู้ทําสวนป่าหรือผู้รับมอบอํานาจต้องอํานวยความสะดวก

ตามสมควรแกก่ รณี
ข้อ ๗ ผู้ทําสวนป่าผู้ใดประสงค์จะเปล่ียนแปลงชนิดของพันธ์ุไม้หรือจํานวนไม้ที่ทําการปลูก

และบํารุงรักษาในที่ดินท่ีได้นํามาขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า ให้ยื่นคําขอต่อนายทะเบียน ณ สถานท่ี
ที่กาํ หนดตามข้อ ๒ พรอ้ มด้วยเอกสารหรือหลกั ฐานตามทีร่ ะบไุ ว้ในแบบคําขอ

ข้อ ๘ การพิจารณาอนุญาตให้เปล่ียนแปลงชนิดของพันธ์ุไม้ท่ีทําการปลูกและบํารุงรักษา
ในที่ดินท่ีได้นํามาขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า ต้องปรากฏว่าชนิดของพันธ์ุไม้น้ันเป็นชนิดท่ีเหมาะสมกับ
การทําสวนปา่ ในพน้ื ที่ที่ได้ข้นึ ทะเบียนเปน็ สวนป่าตามบัญชที า้ ยกฎกระทรวงน้ี

ให้นําความในข้อ ๔ และข้อ ๕ มาใช้บังคับแก่การขอเปลี่ยนแปลงชนิดของพันธุ์ไม้
หรือจํานวนไม้ที่ทําการปลูกและบํารุงรักษาในที่ดินท่ีได้นํามาข้ึนทะเบียนเป็นสวนป่าโดยอนุโลม
และเม่ือได้ตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่งแล้ว ให้นายทะเบียนแจ้งผลการพิจารณา
ให้ผู้ย่นื คาํ ขอทราบภายในสิบหา้ วนั นบั แตว่ นั ท่ีได้รับคําขอ

เมื่อนายทะเบียนมีคําส่ังอนุญาตให้เปล่ียนแปลงชนิดของพันธุ์ไม้หรือจํานวนไม้ท่ีทําการปลูก
และบํารุงรักษาในท่ีดินที่ได้นํามาข้ึนทะเบียนเป็นสวนป่าแล้ว ให้ผู้ทําสวนป่าแก้ไขบัญชีแสดงชนิดของพันธุ์ไม้
และจาํ นวนไม้ให้ถูกตอ้ งตรงตามท่ไี ด้รับอนญุ าต ท้งั นี้ ตามระเบียบทอี่ ธบิ ดกี ําหนด

ข้อ ๙ เม่ือนายทะเบียนได้ออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนตามข้อ ๕ วรรคสาม
หรอื อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงชนดิ ของพนั ธุ์ไม้หรือจาํ นวนไม้ตามข้อ ๘ วรรคสามแล้ว ให้รายงานกรมปา่ ไมท้ ราบ
ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่อี ธิบดีกาํ หนด

ขอ้ ๑๐ คําขอข้ึนทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่า หนังสือรับรองการข้ึนทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่า
และคําขอเปล่ียนแปลงชนิดของพันธ์ุไม้หรือจํานวนไม้ท่ีทําการปลูกและบํารุงรักษาในท่ีดินที่ได้
นาํ มาขนึ้ ทะเบียนเป็นสวนป่า ให้เป็นไปตามแบบทอี่ ธิบดกี าํ หนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ขอ้ ๑๑ บรรดาคําขอขึ้นทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่าท่ีได้ย่ืนไว้ก่อนวันท่ีกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ให้ถือว่าเป็นคําขอขึ้นทะเบียนท่ีดินเป็นสวนป่าตามกฎกระทรวงนี้ และให้พิจารณาอนุญาตตามหลักเกณฑ์
ท่ีกําหนดในกฎกระทรวงน้ี ในกรณีท่ีคําขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวมีข้อแตกต่างไปจากคําขอข้ึนทะเบียน
ตามกฎกระทรวงนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับคําขอมีอํานาจสั่งให้แก้ไขเพ่ิมเติมหรือให้จัดส่งเอกสาร
หรือหลกั ฐานเพิม่ เตมิ ไดต้ ามความจาํ เปน็ เพ่ือให้การเป็นไปตามกฎกระทรวงน้ี

ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์

รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม

บญั ชีรายช่ือชนิดของพนั ธุ์ไมท้

ลาํ ดบั ที่ ชื่อสามญั /ชอ่ื พนื้ เมือง – ชอื่ พฤกษศาสตร์

1 สัก Tectona grandis L.f.
2 พะยงู Dalbergia cochinchinensis Pierre
3 ชงิ ชัน Dalbergia oliveri Gamble ex Prain
4 กระซกิ Dalbergia parviflora Roxb.
5 กระพเ้ี ขาควาย Dalbergia cultrata Graham ex Benth.
6 สาธร Millettia leucantha Kurz var. buteoides (Gagnep.) P. K. L
7 แดง Xylia xylocarpa (Roxb.) W. Theob. var. kerrii (Craib & Hut
8 ประด่ปู ่า Pterocarpus macrocarpus Kurz
9 ประดบู่ า้ น Pterocarpus indicus Willd.
10 มะค่าโมง Afzelia xylocarpa (Kurz) Craib
11 มะค่าแต้ Sindora siamensis Teijsm. ex Miq. var. siamensis
12 เคยี่ ม Cotylelobium lanceolatum Craib
13 เคีย่ มคะนอง Shorea henryana Pierre
14 เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume
15 รัง Shorea siamensis Miq.
16 พะยอม Shorea roxburghii G. Don
17 ตะเคยี นทอง Hopea odorata Roxb.
18 ตะเคียนหิน Hopea ferrea Laness.

166

ท่ีเหมาะสมในการทาํ สวนปา่ แตล่ ะพ้ืนที่

ภาคเหนอื ภาคกลางและ ภาค ภาคใต้
ภาคตะวนั ออก ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ

   
 
   

  

Loc    
tch.) I. C. Nielsen    
   
   
   
  
   
 
  
 
  
  
  
  
 

ลาํ ดบั ท่ี ช่อื สามญั /ชอ่ื พนื้ เมอื ง – ชอ่ื พฤกษศาสตร์

19 ตะเคยี นชนั ตาแมว Neobalanocarpus heimii (King) P. S. Ashton
20 ไมส้ กุลยาง Dipterocarpus spp.
21 สะเดา Azadirachta indica A. Juss.
22 สะเดาเทยี ม Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs
23 ตะกู Neolamarckia cadamba (Roxb.) Bosser
24 ยมหิน Chukrasia tabularis A. Juss.
25 ยมหอม Toona ciliata M. Roem.
26 นางพญาเสอื โคร่ง Prunus cerasoides D. Don
27 นนทรี Peltophorum pterocarpum (DC.) Backer ex K. Heyne
28 สัตบรรณ Alstonia scholaris (L.) R. Br.
29 ตนี เป็ดทะเล Cerbera odollam Gaertn.
30 พฤกษ์ Albizia lebbeck (L.) Benth.
31 ปีบ Millingtonia hortensis L. f.
32 ตะแบกนา Lagerstroemia floribunda Jack
33 เสลา Lagerstroemia loudonii Teijsm. & Binn.
34 อนิ ทนลิ นาํ้ Lagerstroemia speciosa (L.) Pers.
35 ตะแบกเลือด Terminalia mucronata Craib & Hutch.
36 นากบดุ Mesua nervosa Planch. & Triana
37 ไมส้ กลุ จาํ ปี - จาํ ปา Magnolia spp.
38 แคนา Dolichandrone serrulata (Wall. ex DC.) Seem.

167

ภาคเหนอื ภาคกลางและ ภาค ภาคใต้
ภาคตะวนั ออก ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
 
   
  
   
   
   
   
 
  
  
  
   
   
   
   
   
  
  
   
  


ลาํ ดบั ที่ ชอื่ สามญั /ชื่อพน้ื เมอื ง – ชือ่ พฤกษศาสตร์

39 กลั ปพฤกษ์ Cassia bakeriana Craib
40 ราชพฤกษ์ Cassia fistula L.
41 สพุ รรณกิ าร์ Cochlospermum regium (Schrank) Pilg.
42 เหลืองปรีดยี าธร Roseodendron donnell-smithii (Rose) Miranda
43 มะหาด Artocarpus lacucha Roxb. ex Buch.-Ham.
44 มะขามปอ้ ม Phyllanthus emblica L.
45 หวา้ Syzygium cumini (L.) Skeels
46 จามจรุ ี Albizia saman (Jacq.) Merr.
47 พลบั พลา Microcos tomentosa Sm.
48 กนั เกรา Fagraea fragrans Roxb.
49 กะทงั ใบใหญ่ Litsea grandis (Nees) Hook. f.
50 หลุมพอ Intsia palembanica Miq.
51 กฤษณา Aquilaria crassna Pierre ex Lecomte
52 ไมห้ อม Aquilaria malaccensis Lam.
53 เทพทาโร Cinnamomum parthenoxylon (Jack) Meisn.
54 ฝาง Caesalpinia sappan L.
55 ไผท่ ุกชนดิ
56 ไมส้ กุลมะมว่ ง Mangifera spp.
57 ไมส้ กุลทุเรียน Durio spp.
58 มะขาม Tamarindus indica L.

168

ภาคเหนือ ภาคกลางและ ภาค ภาคใต้
ภาคตะวันออก ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ

   

   

   

a    

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

   

169

เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๔๖ ก หนา้ ๘ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ราชกจิ จานุเบกษา

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับน้ี คือ โดยท่ีมาตรา ๕ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
บัญญัติให้การย่ืนคําขอข้ึนทะเบียน และการออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าเป็นไป
ตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง จงึ จาํ เปน็ ต้องออกกฎกระทรวงนี้

170
ภาคผนวกท่ี 7.2

171

ภาคผนวกท่ี 7.3
สป.1

คำขอข้ ึนทะเบียนทีด่ ินเป็ นสวนป่ ำ

เขียนท่.ี .........................................
วันท่.ี .........เดอื น.........................พ.ศ........
ข้าพเจ้า.....................................................................อายุ...............ปี สญั ชาติ.................
อาชีพ............................มีภมู ิลาเนาอยู่บ้านเลขท่.ี ............ซอย.......................ถนน..........................
หมู่ท่.ี ..........ตาบล/แขวง.............................อาเภอ/เขต.............................จังหวัด..........................

โทร................................เป็นผู้มอี านาจลงช่อื แทนนิตบิ ุคคล ช่อื ......................................................
ต้งั อยู่ท่.ี ............................................................................................................................ .......
มเี อกสารแสดงฐานะการเป็นนติ บิ คุ คล และเป็นผู้มีอานาจลงช่ือแทนนติ บิ คุ คล ตามท่แี นบท้ายคาขอน้ี

ขอย่นื ต่อนายทะเบียนสวนป่ าดังมขี ้อความดังต่อไปน้ี
ข้อ 1. ข้าพเจ้ามีความประสงค์ ขอข้นึ ทะเบียนท่ดี ินเป็นสวนป่ าในท้องท่ี หม่ทู ่ี............................
ตาบล/แขวง..............................อาเภอ/เขต....................................จังหวัด....................................

เน้ือท่.ี ................ไร่...................งาน...................ตารางวา ชนดิ ไม้.................................................
รวมประมาณ...........................ต้น โดยมรี ะยะเวลา............................ปี

ข้อ 2. ท่ดี นิ ท่ขี อข้นึ ทะเบยี นเป็นสวนป่ า คอื

(1) ท่ดี ินท่มี ีโฉนดท่ดี ินหรือหนงั สอื รับรองการทาประโยชน์ตามประมวลกฎหมายท่ดี นิ
(2) ท่ีดินท่ีมีหนังสือของทางราชการรับรองว่า ท่ีดินดังกล่าวอยู่ในระยะเวลาท่ีอาจขอรับ
โฉนดท่ดี นิ หรือหนังสอื รับรองการทาประโยชน์ตามประมวลกฎหมายท่ดี ินได้ เน่ืองจากได้มกี ารครอบครอง
และเข้าทากินในท่ีดินดังกล่าว ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม หรือตามกฎหมาย
ว่าด้วยการจดั ท่ดี ินเพ่อื การครองชีพไว้แล้ว
(3) ท่ีดินในเขตปฏิรูปท่ีดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมท่ีมี
หลักฐานการอนุญาต การเช่าหรือเช่าซ้อื
(4) ท่ีดินท่ีมีหนังสืออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยป่ าสงวนแห่งชาติให้บุคคลเข้าทาการ
ปลกู ป่ าในเขตปรับปรุงป่ าสงวนแห่งชาติ หรือเข้าทาการปลกู สร้างสวนป่ า หรือไม้ยืนต้นในเขตป่ าเส่อื มโทรม
(5) ท่ีดินท่ีได้ดาเนินการเพ่ือการปลูกป่ าอยู่แล้วโดยทบวงการเมือง รัฐวิสาหกิจ หรือ
หน่วยงานอ่นื ของรัฐ

172

2

ซ่งึ มอี าณาเขตดงั น้ี

ด้านทศิ เหนอื จด.............................................................วัดได้.................................เมตร
ด้านทศิ ใต้จด..................................................................วดั ได้.................................เมตร

ด้านทศิ ตะวนั ออกจด.......................................................วดั ได้.................................เมตร

ด้านทศิ ตะวันตกจด..........................................................วดั ได้................................เมตร
ข้อ 3. ข้าพเจ้ารับรองท่จี ะนาพนกั งานเจ้าหน้าท่ไี ปตรวจสอบท่ดี นิ ท่ขี ้นึ ทะเบยี นเป็นสวนป่ า

ตามวนั เวลาท่พี นกั งานเจ้าหน้าท่นี ัดหมาย
ข้อ 4. พร้อมคาขอน้ีข้าพเจ้าได้แนบหลักฐานต่างๆ ท่เี ก่ยี วข้องมาดงั น้ี

4.1 หลักฐานเก่ยี วกบั บคุ คล

 4.1.1 บุคคลธรรมดา
ก. สาเนาบัตรประจาตวั

 ประชาชน  ข้าราชการ  พนกั งานรัฐวิสาหกจิ
ข. สาเนาทะเบียนบ้าน

 4.1.2 นติ บิ คุ คลท่มี ิใช่ทบวงการเมอื ง หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกจิ

ก. สาเนาหนงั สอื รับรองการจดทะเบยี นนติ บิ ุคคล

ข. สาเนาหนังสอื บริคณห์สนธแิ ละข้อบงั คับบริษทั จากดั ท่จี ดทะเบยี นไว้

ค. สาเนาบัตรประจาตัว และทะเบยี นบ้าน ของกรรมการผ้จู ดั การ

หรือผ้จู ดั การซ่งึ เป็นผู้รับผิดชอบแทนนติ บิ ุคคลน้ัน
 4.1.3 ผ้รู ับมอบอานาจให้ดาเนินการแทน

ก. เอกสารของบุคคลหรือนิตบิ ุคคลตามท่กี าหนดในข้อ 4.1.1 หรือ 4.1.2

ข. สาเนาบตั รประจาตวั พร้อมด้วยสาเนาทะเบยี นบ้านของผ้รู ับมอบอานาจ

ค. หนงั สอื มอบอานาจ

4.2 หลักฐานเก่ยี วกบั ท่ดี ินท่ขี อข้นึ ทะเบยี น

 4.2.1 สาเนาหนงั สอื แสดงกรรมสทิ ธ์ิ สทิ ธคิ รอบครองหรือหลกั ฐานการมีสทิ ธิ
ใช้ประโยชน์ในท่ดี นิ ตาม ข้อ 2.

 4.2.2 หลกั ฐานการเช่าหรือเช่าซ้อื ท่ดี ินและหนงั สอื ยินยอมของผู้มกี รรมสทิ ธ์ิ

หรือสทิ ธคิ รอบครองในท่ดี นิ น้นั ท่แี สดงว่าอนุญาตให้ทาสวนป่ าได้
 4.2.3 แผนท่สี งั เขปแสดงท่ตี ้งั เขตตดิ ต่อและแนวเขตท่ดี ินท่ขี อข้นึ ทะเบียน

173

3

 4.2.4 เอกสารหรือหลักฐานประกอบอ่นื ๆ ตามท่ที างราชการแจ้งให้นาส่ง
.......................................................................................................

(ลงช่อื )............................................ผ้ขู อข้นึ ทะเบียน
(..........................................)

ควำมเห็นของเจำ้ หนำ้ ที่
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

(ลงช่อื ).....................................................
(....................................................)

ตาแหน่ง...................................................
คำสงั่
.............................................................................................................................................
.............................................................................................................................................

(ลงช่อื )......................................................
(นายทะเบียน)

ออกหนงั สอื รับรองการข้นึ ทะเบยี นสวนป่ า เล่มท่ี..............ฉบับท่.ี ............ลงวันท่.ี ...............................

(ลงช่อื ).....................................................
(....................................................)

ตาแหน่ง...................................................

หมำยเหตุ ให้ทาเคร่ืองหมาย ✓ ในช่อง  หน้าข้อความท่ตี ้องการ

ทะเบียนรบั คำขอข้ ึนทะ

อำเภอ.......................................จงั

วนั เดือน ปี ชื่อผูย้ นื่ คำขอข้ ึน สถำนที่ต้งั ของ
ลำดบั ที่ ทะเบียน ประเภทที่ดิน

ทีร่ บั คำขอ ที่ดนิ ที่ขอข้ ึน
ทีข่ อข้ ึนทะเบยี น

ทะเบยี น

174

ะเบยี นที่ดนิ เป็ นสวนป่ ำ ผลกำร วนั เดือน ปี สป.2
งหวดั ............................................ พิจำรณำ ทีแ่ จง้ ผลกำร
คำขอ พจิ ำรณำ หมำยเหตุ
ง จำนวนเน้ อื ที่
ชนดิ ไม้

ไร่ งำน ตำรำงวำ ทีป่ ลูก

175
สป.3

หนงั สอื รบั รองกำรข้ ึนทะเบยี นทดี่ นิ เป็ นสวนป่ ำ

เล่มท่.ี ............ ท่ที าการ......................................
ฉบบั ท่.ี ........... ................................................

หนังสือฉบบั น้ีให้ไว้เพ่ือรับรองว่า........................................................อายุ............ปี
สญั ชาติ.................อาชีพ..............................................มภี มู ลิ าเนาอยู่บ้านเลขท่.ี ...........................
ตรอก/ซอย.................................................ถนน...................................................หมู่ท่.ี ............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต..................................จงั หวัด..............................
ได้ข้ึนทะเบียนท่ีดินท่มี ีหลักฐาน...................................................................................................
...............................................................................................................................เป็นสวนป่ า
ใน ท้ อ งท่ีห มู่ ท่ี ต า บ ล / แ ข วง ............................................... อ าเภ อ / เข ต ..............................
จังหวัด.............................................................เพ่ือทาสวนป่ าเพ่ือการค้า เน้ือท่ี..................ไร่
................งาน....................ตารางวา ชนดิ ไม้ท่ปี ลูก.......................รวมประมาณ...................ต้น
ซ่งึ มรี ายละเอยี ดตามแผนท่สี งั เขปแนบท้ายหนังสอื รับรอง โดยมอี าณาเขตดงั ต่อไปน้ี

ด้านทศิ เหนอื จด..............................................วัดได้.................................เมตร
ด้านทศิ ใต้จด...................................................วัดได้.................................เมตร

ด้านทศิ ตะวันออกจด........................................วัดได้.................................เมตร
ด้านทศิ ตะวันตกจด..........................................วดั ได้.................................เมตร
ผ้ทู าสวนป่ าต้องปฏบิ ตั ิตามเง่อื นไขแนบท้ายหนงั สอื รับรองน้ี

ให้ไว้ ณ วนั ท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ...........

(ลงช่อื ).....................................................
(....................................................)

ตาแหน่ง...................................................

(ดำ้ นหลงั หนงั สอื รบั รองกำร

ลำดบั ที่ ชือ่ ผูร้ บั โอน สำรบญั กำรรบั โอน
วนั เดอื น ปี ทีอ่ นุญ

176

รข้ ึนทะเบยี นทีด่ ินเป็ นสวนป่ ำ) หมำยเหตุ

นทะเบียนสวนป่ ำ
ญำตใหโ้ อน ลำยมอื ชื่อนำยทะเบยี น

177

หมำยเหตุ การกรอกรายละเอยี ดในแบบ สป.3

(1) ให้กรอกประเภทของท่ดี ินตามนยั ระเบียบฯ ข้อ 5 ว่าเป็นท่ดี นิ ท่มี ีหลักฐานใดหรือท่มี ี
การดาเนินการปลูกป่ าอยู่แล้วโดยทบวงการเมือง รัฐวสิ าหกจิ หรือหน่วยงานอ่นื ใด
ของรัฐ รวมท้งั ให้ระบรุ ายละเอยี ดเล่มท่ี ฉบับท่ี เลขท่ี หรือวนั ท่ี ของหลักฐานน้นั ด้วย

(2) ให้กรอกฐานะของผ้รู ับหนงั สอื รับรองว่าเป็นเจ้าของท่ดี ิน ผ้เู ช่าหรือเช่าซ้ือ
ผ้คู รอบครองทากนิ ตามกฎหมายว่าด้วยจัดรูปท่ดี นิ เพ่อื เกษตรกรรมหรือจดั ท่ดี นิ เพ่อื
การครองชพี ผ้รู ับอนุญาตเช่าหรือเช่าซ้ือตามกฎหมายว่าด้วยการปฏริ ูปท่ดี นิ เพ่อื การ
เกษตรกรรม ผ้รู ับอนุญาตปลูกป่ าตามกฎหมายว่าด้วยป่ าสงวนแห่งชาติ หรือ
ผ้ดู าเนนิ การปลกู ป่ า

178

เง่อื นไขแนบทำ้ ยหนงั สอื รบั รอง

ให้ผู้ทาสวนป่ าตามหนังสอื รับรองการข้นึ ทะเบียนท่ดี ินเป็นสวนป่ า เล่มท่.ี ..............................
ฉบับท่.ี ...........................ลงวันท่.ี .................เดือน......................................พ.ศ......................
ปฏบิ ตั ติ ามเง่อื นไขดงั ต่อไปน้ี

1. ต้องจัดทาป้ ายถาวรขนาดไม่น้อยกว่า 60 x 120 ซม. โดยระบุข้อความว่า
“ช่อื .......................................................ได้ข้นึ ทะเบียนท่ดี นิ แปลงน้ีเป็นสวนป่ าแล้วตามหนงั สอื รับรอง
เล่มท่ี ฉบบั ท่ี ลงวันท่ี เดือน พ.ศ.” ให้แล้วเสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นับแต่วนั ท่ไี ด้รับหนังสอื รับรอง

2. ต้องจัดทาหลักเขตหรือเคร่ืองหมายแสดงแนวเขตท่ีดิน ท่ีได้ข้ึนทะเบียนท่ีดินเป็ นสวนป่ า
ไว้ทกุ ด้านให้เหน็ ได้อย่างชัดเจน ให้แล้วเสรจ็ ภายในสามสบิ วันนบั แต่วันท่ไี ด้รับหนงั สอื รับรอง

3. ต้องควบคุม ดูแล และดาเนินการด้วยตนเอง ในกรณีจาเป็ น ไม่อาจอยู่ควบคุม ดูแล และ
ดาเนินการด้วยตนเองได้ ให้มอบหมายผู้หน่ึงผู้ใดเป็ นผู้ควบคุม ดูแล และดาเนินการแทนเป็นคร้ังคราว
ซ่ึงต้องไม่ใช่เป็ นการเช่าหรือโอนสิทธิตามหนังสือรับรอง และถ้าเกิดความเสียหายใดๆข้ึน ผู้รับหนังสือ
รับรองต้องรับผดิ ชอบ

4. หากผู้ทาสวนป่ าไม่ประสงค์จะทาสวนป่ าต่อไป ให้แจ้งเป็นหนังสือพร้อมกับนาตราไปทาลาย
ต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าท่ี และให้ถือว่าหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียนท่ีดินเป็ นสวนป่ าของผู้ทาสวนป่ า
ดงั กล่าวส้นิ สดุ ลง

5. ต้องยินยอมให้พนักงานเจ้าหน้าท่เี ข้าไปตรวจสอบการปฏิบัติตามเง่ือนไขได้ทุกเวลาในระหว่าง
พระอาทติ ย์ข้ึนและพระอาทติ ย์ตก และต้องเป็นผู้นาตรวจ หากไม่สามารถนาตรวจได้ ต้องมอบอานาจเป็น
หนังสือให้ผู้หน่ึงผู้ใดเป็นผู้ดาเนินการแทน โดยผู้ทาสวนป่ าหรือผู้รับมอบอานาจ ต้องอานวยความสะดวก
ตามสมควรแก่กรณี

6. ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่ า ตลอดจนระเบียบ หลักเกณฑ์วิธีการ หรือเง่ือนไข
ท่กี าหนดไว้

7. เง่อื นไขอ่นื ๆ (ถ้าม)ี

(ลงช่อื ).......................................นายทะเบยี น
(.........................................)

ตาแหน่ง.......................................

(ลงช่อื ).......................................ผู้ทาสวนป่ า
(........................................)

ทะเบยี นหนงั สือรบั รองกำรข

จงั หวดั ..................

ชื่อผูไ้ ดร้ บั หนงั สอื รบั รอง ที่ต้งั ทดี่ ิน จำนว
หนงั สอื รบั รอง ไร่
ลำดบั ที่ เล่มที่ ฉบบั ที่ ลงวนั ที่ ทีอ่ อกหนงั สอื

รบั รอง

หมำยเหตุ : ให้ใช้ 1 หน้า ต่อ 1 ราย

179

สป.4

ข้ ึนทะเบยี นที่ดนิ เป็ นสวนป่ ำ

.............................

วนเน้ อื ที่ ใบแทนหนงั สอื รบั รอง ผูร้ บั โอน วนั เดอื น ปี ที่

งำน ตร.วำ เลม่ ที่ ฉบบั ที่ ลงวนั ที่ ทะเบยี น อนุญำตใหโ้ อน หมำยเหตุ

สวนป่ ำ

180

สป.5

คำขอใบแทนหนงั สอื รบั รองกำรข้ ึนทะเบยี นที่ดนิ เป็ นสวนป่ ำ

เขียนท่.ี .......................................
วันท่.ี ..........เดือน.........................พ.ศ..........

1. ข้าพเจ้า.........................................................................................................
(1) เป็นบุคคลธรรมดา สญั ชาติ........................อายุ.................ปี บัตรประจาตวั

..................................เลขท่.ี .....................ออกให้ ณ...................................อยู่ท่บี ้านเลขท่.ี ..........
ตรอก/ซอย.................................................ถนน................................................หม่ทู ่.ี ...............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต.................................จังหวัด...............................
โทร.......................................

(2) เป็นนิตบิ ุคคล ประเภท........................................จดทะเบียนเม่ือ..................
ณ.........................................เลขทะเบียนเลขท่.ี ..........................มีสานักงานต้ังอยู่เลขท่.ี .................
ตรอก/ซอย.................................................ถนน................................................หม่ทู ่.ี ...............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต.................................จังหวัด...............................
โทร.......................................
โดยผู้มีอานาจลงช่อื แทนนิติบคุ คลผู้ทาสวนป่ า ช่ือ นาย/นาง/นางสาว.................................................
ช่อื สกุล...................................สัญชาติ...............อายุ..............ปี บตั รประจาตวั ..............................
เลขท่.ี .......................ออกให้ ณ........................................................อยู่ท่บี ้านเลขท่ี......................
ตรอก/ซอย.................................................ถนน................................................หม่ทู ่.ี ...............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต.................................จังหวัด...............................
โทร.......................................

2. มคี วามประสงค์ขอใบแทนหนังสอื รับรองการข้นึ ทะเบียนท่เี ป็นสวนป่ า ซ่ึงต้ังอยู่ท่ี
ตาบล.............................................อาเภอ......................................จงั หวดั .................................
เน้ือท่.ี ..............ไร่................งาน...............ตารางวา ตามหนังสอื รับรอง เล่มท่.ี .............ฉบบั ท่.ี ..........
ลงวันท่.ี ............เดือน.......................พ.ศ...........

3. เหตผุ ลท่ขี อใบแทนหนังสอื รับรอง......................................................................
..............................................................................................................................................

181

2

4. พร้อมคาขอน้ีข้าพเจ้าได้แนบหลักฐานต่างๆ ท่เี ก่ยี วข้องมาดังน้ี
4.1 หลักฐานเก่ยี วกบั บคุ คล
 4.1.1 บุคคลธรรมดา
ก. สาเนาบตั รประจาตวั
 ประชาชน  ข้าราชการ  พนกั งานรัฐวิสาหกจิ
ข. สาเนาทะเบียนบ้าน
 4.1.2 นติ บิ ุคคลท่มี ิใช่ทบวงการเมือง หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวสิ าหกจิ
ก. สาเนาหนังสอื รับรองการจดทะเบยี นนิติบคุ คล
ข. สาเนาบัตรประจาตวั และทะเบยี นบ้าน ของกรรมการผ้จู ดั การหรือ
ผ้จู ัดการซ่งึ เป็นผู้รับผิดชอบแทนนติ บิ ุคคลน้ัน
 4.1.3 ผ้รู ับมอบอานาจให้ดาเนินการแทน
ก. เอกสารของบคุ คลหรือนิตบิ คุ คลตามท่กี าหนด ในข้อ 4.1.1 หรือ 4.1.2
ข. สาเนาบตั รประจาตัวพร้อมด้วยสาเนาทะเบยี นบ้านของผ้รู ับมอบอานาจ
ค. หนงั สอื มอบอานาจ
4.2 กรณหี นังสอื รับรองสญู หาย ให้นาหลกั ฐานการแจ้งความของสถานีตารวจแห่ง
ท้องท่ที ่หี นังสอื รับรองน้นั สญู หายแนบมากบั คาขอด้วย
4.3 กรณีหนังสอื รับรองชารดุ หรือถูกทาลายบางสว่ น ให้แนบหนังสอื รับรองท่ชี ารดุ
หรือถูกทาลายบางส่วนมากบั คาขอด้วย
4.4 เอกสารหรือหลกั ฐานประกอบอ่นื ๆ ตามท่ที างราชการแจ้งให้นาสง่ ....................
..........................................................................................................

(ลายมอื ช่อื ).........................................ผ้ขู อใบแทน
(........................................)

หมำยเหตุ (1) ให้ทาเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่อง  ท่ตี ้องการ
(2) ให้ขีดฆ่าข้อความท่ไี ม่ต้องการออก

182

สป.6

คำขอรบั โอนทะเบยี นสวนป่ ำ

เขียนท่.ี .......................................
วนั ท่.ี ..........เดอื น.........................พ.ศ..........

1. ข้าพเจ้า.........................................................................................................
(1) เป็นบุคคลธรรมดา สญั ชาติ........................อายุ.................ปี บัตรประจาตวั

..................................เลขท่.ี .....................ออกให้ ณ...................................อยู่ท่บี ้านเลขท่.ี ..........
ตรอก/ซอย.................................................ถนน................................................หม่ทู ่.ี ...............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต.................................จังหวัด...............................
โทร.......................................

(2) เป็นนติ ิบุคคล ประเภท........................................จดทะเบียนเม่ือ..................
ณ.........................................เลขทะเบยี นเลขท่.ี ..........................มีสานักงานต้ังอยู่เลขท่.ี .................
ตรอก/ซอย.................................................ถนน................................................หม่ทู ่.ี ...............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต.................................จังหวัด...............................
โทร.......................................
โดยผู้มอี านาจลงช่ือแทนนิติบคุ คล ช่ือ นาย/นาง/นางสาว.................................................................
ช่อื สกุล................................สัญชาติ............อายุ............ปี บัตรประจาตวั ประชาชน.........................
เลขท่.ี .......................ออกให้ ณ........................................................อยู่ท่บี ้านเลขท่ี......................
ตรอก/ซอย.................................................ถนน................................................หม่ทู ่.ี ...............
ตาบล/แขวง...................................อาเภอ/เขต.................................จังหวัด...............................
โทร.......................................

2. มีความประสงค์จะขอรับโอนทะเบยี นสวนป่ าของ...................................................
ตามหนังสอื รับรองการข้นึ ทะเบียนท่ดี ินเป็นสวนป่ า เล่มท่.ี ..............ฉบบั ท่.ี ...............ลงวันท่.ี ...............
เดอื น..........................พ.ศ..........ซ่ึงต้ังอยู่ท่ี ตาบล...............................อาเภอ..............................
จังหวัด...........................................................เน้ือท่.ี ..............ไร่................งาน...............ตารางวา
เพ่ือทาสวนป่ าต่อไป ในฐานะเป็น

 (1) ทายาทของผ้ทู าสวนป่ า
 (2) ผ้จู ดั การมรดกของผ้ทู าสวนป่ า
 (3) ผ้รู ับโอนกรรมสทิ ธ์หิ รือสทิ ธคิ รอบครองในท่ดี ิน
 (4) ผู้ถือกรรมสทิ ธ์หิ รือสทิ ธคิ รอบครองในท่ดี นิ ท่มี กี ารเลกิ สญั ญาเช่าหรือเช่าซ้อื

3.พร้อมน้.ี ..

183

-2-

3. พร้อมน้ขี ้าพเจ้าได้แนบหลกั ฐานต่างๆ มาด้วย คอื
 3.1 หนังสอื รับรองการข้นึ ทะเบยี นท่ดี ินเป็นสวนป่ า

 3.2 หลักฐานเก่ยี วกบั บคุ คล
 3.2.1 บุคคลธรรมดา

ก. สาเนาบัตรประจาตัว  พนกั งานรัฐวสิ าหกจิ
 ประชาชน  ข้าราชการ

ข. สาเนาทะเบยี นบ้าน
 3.2.2 นิตบิ ุคคลท่มี ิใช่ทบวงการเมือง หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกจิ

ก. สาเนาหนังสอื รับรองการจดทะเบียนนติ ิบคุ คล

ข. สาเนาบัตรประจาตวั และทะเบียนบ้าน ของกรรมการผ้จู ัดการ หรือ

ผ้จู ดั การซ่งึ เป็นผู้รับผดิ ชอบแทนนติ บิ คุ คลน้ัน
 3.2.3 ผ้รู ับมอบอานาจให้ดาเนินการแทน

ก. เอกสารของบคุ คลหรือนิติบุคคลตามท่กี าหนด ในข้อ 3.2.1 หรือ 3.2.2

ข. สาเนาบัตรประจาตัวพร้อมด้วยสาเนาทะเบียนบ้านของผ้รู ับมอบอานาจ

ค. หนงั สอื มอบอานาจ
 3.3 หนงั สอื แสดงความยินยอมของทายาทคนอ่นื ๆ ซ่งึ ยนิ ยอมให้ทายาทผู้ขอรับโอน

ดาเนินการทาสวนป่ าต่อไป
 3.4 สาเนาคาสง่ั ศาลแต่งต้ังผ้จู ัดการมรดกของผ้ทู าสวนป่ า

 3.5 หลกั ฐานการโอนกรรมสทิ ธ์หิ รือสทิ ธคิ รอบครองท่ดี นิ ท่ที าสวนป่ า และการมี

กรรมสทิ ธ์ใิ นไม้ท่ปี ลกู เป็นสวนป่ า
 3.6 หลักฐานการถือกรรมสทิ ธ์หิ รือสทิ ธคิ รอบครองท่ดี ินท่มี ีการเลกิ สญั ญาเช่าหรือ

เช่าซ้อื หลกั ฐานการเลกิ สญั ญาเช่าหรือเช่าซ้อื และหลกั ฐานการมีกรรมสทิ ธ์ใิ นไม้

ท่ปี ลูกเป็นสวนป่ า
 3.7 เอกสารหรือหลกั ฐานประกอบอ่นื ๆ ตามท่ที างราชการแจ้งให้นาส่ง.....................

............................................................................................................

(ลายมอื ช่อื )..........................................ผ้ขู อรับโอน
(.........................................)

หมำยเหตุ (1) ให้ทาเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่อง  ท่ตี ้องการ
(2) ให้ขีดฆ่าข้อความท่ไี ม่ต้องการออก

184

สป.7

คำขอข้ ึนทะเบยี นตรำ

เขียนท่.ี ....................................
วนั ท่.ี ...........เดือน........................พ.ศ..........

ข้าพเจ้า....................................................................อายุ.................ปี สญั ชาติ................

อาชพี ................................................มีภมู ิลาเนาอยู่บ้านเลขท่.ี ...............ซอย................................
ถนน............................................หมู่ท่.ี ..............ตาบล/แขวง.....................................................
อาเภอ/เขต............................................จงั หวดั ............................................โทร.......................
เป็นผู้มอี านาจลงช่อื แทนนิติบุคคลช่อื .........................................................ต้งั อยู่ท่.ี ........................
...........................................................มเี อกสารแสดงฐานะการเป็นนติ ิบุคคลและเป็นผู้มอี านาจลงช่อื
แทนนติ ิบคุ คลตามท่แี นบท้ายคาขอน้ี

ขอยนื่ ต่อนำยทะเบยี นสวนป่ ำดงั มขี อ้ ควำมดงั ต่อไปน้ ี

ข้อ 1. ข้าพเจ้ามีความประสงค์ขอข้ึนทะเบียนตราเพ่ือแสดงการเป็นเจ้าของไม้ท่ไี ด้มาจากการทา

สวนป่ า จานวน...................ดวง

ข้อ 2. ตราท่ีข้าพเจ้าขอข้ึนทะเบียนตามข้อ 1. ข้าพเจ้าประสงค์จะใช้ตี ตอก ประทับ หรือแสดง

ตราไม้ท่ไี ด้มาจากการทาสวนป่ าตามหนงั สอื รับรองการข้นึ ทะเบียนท่ดี ินเป็นสวนป่ า เล่มท่ี.....................

ฉบับท่.ี .............ลงวันท่.ี .........เดือน.......................พ.ศ...........ในท้องท่จี งั หวัด...............................

ข้อ 3. ข้าพเจ้าได้ส่งตราท่ขี อข้นึ ทะเบยี นมาพร้อมคาขอน้ีแล้ว จานวน.................ดวง

ข้อ 4. พร้อมคาขอน้ีข้าพเจ้าได้แนบหลักฐานต่างๆ ท่เี ก่ยี วข้องมาดงั น้ี

4.1 หลกั ฐานเก่ยี วกบั บุคคล

 4.1.1 บุคคลธรรมดา

ก. สาเนาบัตรประจาตวั

 ประชาชน  ข้าราชการ  พนักงานรัฐวสิ าหกจิ

ข. สาเนาทะเบียนบ้าน

 4.1.2 นติ ิบคุ คลท่มี ิใช่ทบวงการเมือง หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกจิ

ก. สาเนาหนังสอื รับรองการจดทะเบียนนิตบิ คุ คล

ข. สาเนาบตั รประจาตวั ประชาชน และทะเบียนบ้านของกรรมการ

ผ้จู ดั การ หรือผ้จู ดั การซ่งึ เป็นผู้รับผดิ ชอบแทนนิติบคุ คลน้ัน

185

2
 4.1.3 ผ้รู ับมอบอานาจให้ดาเนินการแทน

ก. เอกสารของบคุ คลหรือนติ ิบคุ คลตามท่กี าหนดในข้อ 4.1.1 หรือ 4.1.2
ข. สาเนาบัตรประจาตวั พร้อมด้วยสาเนาทะเบยี นบ้านของผ้รู ับมอบอานาจ
ค. หนงั สอื มอบอานาจ
4.2 สาเนาหนงั สอื รับรองการข้นึ ทะเบยี นท่ดี นิ เป็นสวนป่ า
4.3 เอกสารหรือหลักฐานประกอบอ่นื ๆ ตามท่ที างราชการแจ้งให้นาส่ง
.............................................................................................................

(ลงช่อื )........................................ผ้ขู อข้นึ ทะเบียน
(.....................................)

ความเหน็ ของเจ้าหน้าท่ี
............................................................................................................................. ................
.............................................................................................................................................

(ลงช่อื )..........................................
(.........................................)

ตาแหน่ง.........................................

คาสง่ั
............................................................................................................................. ................
.................................................................................................................. ...........................

(ลงช่อื ).............................................นายทะเบยี น
(.............................................)

ตาแหน่ง.............................................
ออกหนงั สอื รับรองการข้นึ ทะเบียนตรา เล่มท่ี..............ฉบับท่.ี .............ลงวันท่.ี ...................................
และหนังสอื รับรองตรา เล่มท่.ี ...............ฉบบั ท่.ี ...................ลงวันท่.ี ............................................

หมำยเหตุ (ลงช่อื ).............................................
(............................................)

ตาแหน่ง.............................................

ให้ทาเคร่ืองหมาย ✓ ในช่อง  หน้าข้อความท่ตี ้องการ

186
สป.8

เล่มท่.ี ............. หนงั สือรบั รองกำรข้ ึนทะเบยี นตรำ
ฉบับท่.ี ............
ท่ที าการ........................................
...................................................

หนงั สือฉบับน้ีให้ไว้เพ่ือรับรองว่า.......................................................................................
อายุ...................ปี สญั ชาติ.....................อาชีพ...........................................................................
มภี มู ิลาเนาอยู่บ้านเลขท่ี....................................ตรอก/ซอย..........................................................
ถนน.............................................หมู่ท่.ี .............ตาบล/แขวง.....................................................
อาเภอ/เขต..........................................................จังหวัด...........................................................
ได้ข้นึ ทะเบยี นตรารวม........................................ดวง ตามรูปรอยตราข้างล่างน้ี เพ่ือใช้ในกจิ การสวนป่ า
ตามหนังสอื รับรองการข้นึ ทะเบยี นท่ดี ินเป็นสวนป่ า เล่มท่ี.................................ฉบับท่.ี .......................
ลงวนั ท่.ี ............เดือน........................พ.ศ............

ให้ไว้ ณ วันท่.ี ..........เดือน......................พ.ศ.........

(ลงช่อื ).......................................
(......................................)

ตาแหน่ง......................................

รูปรอยตรำ

หมำยเหตุ ให้นายทะเบียนลงลายมือช่อื กากบั ไว้ทกุ รปู รอยตรา


Click to View FlipBook Version