RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 143 ฐานรากคานเชื่อม Strap Footing ฐานรากร่วมและฐานรากคานเชื่อมจะใช้ในกรณีที่เสาต้นหนึ่งต้องรับน ้าหนักที่มีการเยื องศูนย์มาก ใน กรณีที่สองต้นอยู่ใกล้กันจะท้าเป็นฐานรากร่วม แต่ถ้าเสาอยู่ห่างกันเราจะใช้คานเชื่องเพื่อส่งผ่าน โมเมนต์เยื องศูนย์ระหว่างเสาทั งสองต้น วัตถุประสงค์คือต้องการให้ได้หน่วยแรงแบกทานสม่้าเสมอ และลดการทรุดตัวที่ต่างกันระหว่างเสาให้ต่้าที่สุด รูปที่6.23 ฐานรากร่วมและฐานรากคานเชื่อม รูปที่6.24 แรงและหน่วยแรงที่กระท้าบนฐานรากคานเชื่อม A B COMBINED FOOTING A B STRAP FOOTING STRAP PA PB RA RB e L
RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 144 แม้ว่าคานเชื่อมจะถูกหล่อเป็นเนื อเดียวกับฐานราก ผลของแรงดันดินบนคานเชื่อมอาจถูก ละเลยได้อย่างปลอดภัยเนื่องจากฐานรากได้รับการออกแบบให้ต้านทานแรงดันดินทั งหมด ในทาง ตรงกันข้าม เหล็กเสริมรับโมเมนต์ในคานเชื่อมค้านวณออกแบบจากแรงดันดินขึ นบนฐานรากและ แรงปฏิกิริยาลงที่เสาทั งสอง รูปที่6.25 การเสริมเหล็กในฐานรากคานเชื่อมวางบนหัวเสาเข็ม ฐานรากแม้จะอยู่ใต้ดินแต่ก็ไม่สามารถท้าล ้าเส้นแบ่งเขตที่ดินได้ ดังนั นฐานรากที่รองรับเสาต้น ริมอาคารจึงมักต้องรับแรงเยื องศูนย์โดยท้าเป็นฐานรากร่วมหรือใช้คานเชื่อม ในกรณีของฐานรากที่ รองรับเสาต้นมุมจะต้องรองรับการเยื องศูนย์ทั งสองทิศทางดังแสดงในรูปที่ 6.26 รูปที่6.26 การใช้คานเชื่อมในฐานรากเยื องศูนย์สองทิศทาง STRAP BEAM PILE CAP
RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 145 ฐานรากแพ Mat Footing เมื่อก้าลังแบกทานของดินต่้ามากพื นที่ฐานรากที่ต้องการจะมีขนาดใหญ่มาก ฐานรากเดี่ยวจะ กลายเป็น ฐานรากต่อเนื่อง (continuous strip footings) ที่รองรับเสามากว่าสองต้นในแต่ละ แถว บางครั งแถบฐานรากมีทั งสองทิศทางท้าให้กลายเป็น ฐานรากกริด (grid foundation) ดัง แสดงในรูปที่ 6.27 รูปที่6.27 ฐานรากกริด (grid foundation) เมื่อแถบฐานรากมีความกว้างมากขึ นจนพื นที่ขยายต่อเชื่อมกันก็จะกลายเป็น ฐานรากแพ (mat foundation or raft footing) ดังแสดงในรูปที่ 6.28 ซึ่งฐานรากเป็นแผ่นเดียวกันรองรับ ทั งอาคาร รูปที่6.28 ฐานรากแพ (mat foundation)
RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 146 ฐานรากแพที่ใช้กันมีทั งแบบที่แสดงในรูปที่ 6.28 คือความหนาฐานรากคงที่ และแบบต่างๆดัง แสดงในรูปที่ 6.29 คือ (ก) เพิ่มความหนาบริเวณใต้ฐานเสา (ข) มีคานวิ่งทั งสองทิศทาง และ (ค) ใช้ พื นและผนังชั นใต้ดินเป็นส่วนหนึ่งของฐานราก รูปที่6.29 ฐานรากแพรูปแบบต่างๆ ฐานรากแพหากวางบนหัวเสาเข็มอาจเรียกว่าฐานปูพรม นอกจากจะใช้รับน ้าหนักเสาทุกต้นใน อาคารแล้ว ในบางครั งจะใช้รับผนังปล่องลิฟท์ หรือบางส่วนของอาคาร ในกรณีที่พื นที่ฐานรากไม่ เพียงพอ ดังแสดงในรูปที่ 6.30 Section Plan ( ) Section Plan ( ) Section Plan ( )
RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 147 รูปที่6.30 ฐานรากแพรองรับปล่องลิฟท์
RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 148 การทรุดตัวของฐานรากแพมีลักษณะเป็นแอ่งคือมีค่ามากสุดที่ศูนย์กลางแผ่น ดังนั นเพื่อให้ได้ ค่าการทรุดตัวที่สม่้าเสมอจึงควรจัดให้เสาเข็มเกาะกลุ่มหนาแน่นบริเวณกลางแผ่น การวิเคราะห์จะมี ความซับซ้อนเนื่องจากการทรุดตัวของแผ่นฐานรากขึ นกับต้าแหน่งการจัดเรียงเสาเข็มดังแสดงในรูป ที่ 6.31 ฐานรากแพซึ่งมีความยืดหยุ่นจะได้รับผลกระทบจากเสาเข็มซึ่งมีพฤติกรรมเหมือนสปริง โดย ที่ความแข็งของสปริงหรือสติฟเนสจะขึ นกับตัวเสาเข็มเองและดินด้านข้างที่เกิดแรงเสียดทาน และ ดินชั นล่างสุดที่รองรับ รูปที่6.31 การรับน ้าหนักของฐานรากแพที่มีเสาเข็ม LOADS PILE SOIL SOIL SOIL RAFT 3.0 m 3.0 m 1.2 m 1.2 m 8.4 m 1.2 m 3.0 m 3.0 m 3.0 m 3.0 m 1.2 m 14.4 m 2.5 m 3.7 m 6.5 m 1.7 m 1.2 m 5.0 m 2.2 m 1.0 m 0.6 m 0.4 m A 2.0 m A PLAN
RC DETAIL 6 Footing Mongkol JIRAVACHARADET 149 รูปที่6.32 แบบตัวอย่างการเสริมเหล็กในฐานรากแพ รูปที่6.33 การเสริมเหล็กในฐานรากแพต่างระดับ 2.0 m 15-BORED PILES 1.0 M SECTION A-A
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 151 บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก บันไดคือพื้นเอียงพาดระหว่างความสูงที่ต่างระดับโดยมีด้านบนเป็นขั้นในแนวดิ่งและแนวราบพาดอยู่ ระหว่างคานรองรับที่ปลายพื้น ส่วนด้านล่างของบันไดจะมีทั้งแบบท้องเรียบและแบบพับผ้าคือทั้ง บันไดมีลักษณะเป็นขั้นเช่นเดียวกับด้านบน ดังแสดงในรูปที่ 7.1 รูปที่7.1 บันไดพาดทางยาวแบบท้องเรียบและพับผ้า พฤติกรรมการรับน้้าหนักบรรทุกของบันไดจะเหมือนกับพื้นทางเดียวโดยมีจุดรองรับคือคาน แม่บันไดซึ่งอยู่ต่างระดับชั้นเรียกว่า บันไดพาดทางยาว ดังในรูปที่ 7.1 หรือ บันไดพาดทางกว้าง โดยมีคานแม่บันไดวิ่งคู่ขนานขนาบข้างดังในรูปที่ 7.2 รูปที่7.2 บันไดพาดทางกว้างระหว่างแม่บันไดคู่ ( ) ( )
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 152 บันไดอาจท้าเป็นแบบยื่นออกจากคานแม่บันไดตัวเดียวซึ่งจะยาวต่อเนื่องควบคู่ไปกับตัวบันได หรือในบางกรณีอาจท้าเป็นบันไดยื่นออกมาจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปที่7.3 บันไดยื่นจากคานแม่บันไดเดี่ยว รูปที่7.4 บันไดยื่นผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก องค์ประกอบของบันได โดยทั่วไปบันไดจะประกอบด้วย ส่วนที่เป็นพื้นเอียงที่มีขั้นบันไดเรียกว่า ขาบันได (Flight) ส่วนคาน ที่เป็นจุดรองรับเรียกว่า แม่บันได และ ชานพัก (Landing) คือส่วนของบันไดที่เป็นแผ่นพื้นใน แนวราบระหว่างชั้น รูปที่7.5 องค์ประกอบของบันได บันไดอาจแบ่งตามทิศทางการของขาบันไดได้เป็นสามแบบคือ 1) ขาบันไดตรง (Straight Flight) ขึ้นตรงจากชั้นถึงชั้นในทิศทางเดียวดังในรูปที่ 7.5 2) ขาบันไดมุมฉาก (Quarter Turn) ขึ้นจากชั้นล่างมาที่ชานพักแล้วเลี้ยวเป็นมุมฉาก ก่อนขึ้นไป ชั้นบน ดังในรูปที่ 7.6 FLIGHT
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 153 3) ขาบันไดหักกลับ (Half Turn) ขึ้นจากชั้นล่างมาที่ชานพักแล้วเลี้ยวกลับในทิศทางตรงกันข้าม แล้วขึ้นในทิศทางขนานกับ “ขาบันไดล่าง (Lower Flight)” ไปยังชั้นบน ดังในรูปที่ 7.7 นอกจากนั้นยังมีบันไดแบบเวียนเป็นลักษณะเกลียววงกลม ดังในรูปที่ 7.8 รูปที่7.6 ขาบันไดแบบมุมฉาก รูปที่7.7 ขาบันไดแบบหักกลับ
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 154 รูปที่7.8 ขาบันไดแบบเวียน แบบบันไดในแปลนสถาปัตยกรรม เนื่องจากบันไดเชื่อมต่อระหว่างชั้น ในแปลนแต่ละชั้นจะแสดงบันไดได้ไม่ทั้งหมด ตัวอย่างเช่นใน กรณีของบันไดแบบหักกลับในรูปที่ 7.7 ในแปลนพื้นชั้นล่างจะเห็นส่วนที่เป็นขาขึ้นมาจากชั้นล่าง เมื่อเลี้ยวหักกลับขึ้นมาจะเห็นเพียงบางส่วน ดังในรูปที่ 7.9 รูปที่7.9 แบบบันไดในแปลน
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 155 รูปที่7.10 ขาบันไดแบบหักกลับมีชานพักระหว่างชั้น จากรูปที่ 7.10 จะเห็นว่าขาบันไดแบ่งเป็นสองช่วงคือจากชั้นล่างถึงชานพักที่ระดับความสูง ระหว่างชั้น และจากชานพักถึงชั้นบน ซึ่งนอกจากจะต้องมีคานแม่บันไดเป็นจุดรองรับให้บันไดพาดที่ ชั้นล่างและชั้นบนแล้ว จะต้องมีคานแม่บันไดที่ชานพักด้วยเช่นกัน การวิเคราะห์ออกแบบและเขียน แบบจะแยกออกเป็นสองช่วงดังในรูปที่ 7.11 รูปที่7.11 แบบด้านข้างบันไดแยกเป็นสองช่วง การค านวณขั้นบันได แต่ละขั้นบันไดจะประกอบด้วยระยะในแนวดิ่งเรียกว่า “ลูกตั้ง (Riser)” และระยะในแนวราบเรียกว่า “ลูกนอน (Thread)” ความสูงของลูกตั้งจะอยู่ในช่วง 15-20 ซม. ส่วนความยาวลูกนอนจะอยู่ EL.+0.30 EL.+3.80 EL.+2.05 EL.+2.05 1.75 m 1.75 m
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 156 ระหว่าง 25-30 ซม. ในกรณีที่มีระยะไม่พอหรือต้องการความสวยงามอาจมี “จมูกบันได (Nosing)” อีก 2.5 ซม. และความลาดชันของบันได (Pitch) เป็นดังแสดงในรูปที่ 7.12 รูปที่7.12 ขนาดต่างๆของขั้นบันได การค้านวณจ้านวนขั้นบันไดจะขึ้นกับระยะความสูงระหว่างชั้นและระยะห่างระหว่างแม่บันไดโดย พยายามให้บันไดทุกขั้นมีขนาดเท่ากันและมีขนาดที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นความสูงระหว่างชั้นคือ 3.5 เมตร ครึ่งความสูงคือ 3.5/2 = 1.75 เมตร จะได้ 10 ขั้น สูงขั้นละ 17.5 ซม. ลูกนอนขั้นละ 25 ซม. จะต้องใช้ระยะในแนวราบ 10x0.25 = 2.5 เมตร และความกว้างชานพัก 1 เมตร ขาบันไดล่าง จะมีลักษณะดังในรูปที่ 7.13 รูปที่7.13 ตัวอย่างการค้านวณจ้านวนขั้นบันได การเสริมเหล็กบันได เหล็กเสริมในบันไดจะประกอบด้วยเหล็กยึดขั้นบันได และเหล็กเสริมในพื้นบันไดซึ่งมีลักษณะคล้าย ในพื้นปกติคือมีลักษณะเป็นตะแกรง โดยเหล็กเสริมหลักจะอยู่ในทิศทางขนานกับช่วงการรับน้้าหนัก ระหว่างแม่บันไดที่รองรับ ส่วนเหล็กเสริมอีกทิศทางจะใช้เพื่อป้องกันการแตกร้าวและช่วยยึดเหล็ก ทางหลักให้อยู่ในต้าแหน่งที่ต้องการ t T R P t T R P N N – NOSING P – PITCH R – RISER T – TREAD t – THICKNESS 2.50 m 1.00 m 1.75 m 0.175 m 0.25 m
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 157 ในกรณีของบันไดพาดทางช่วงยาวระหว่างคานแม่บันไดต่างระดับความสูง เหล็กเสริมหลักจะ เป็นเส้นอยู่ล่างสุดเพื่อให้มีความลึกประสิทธิผลในการต้านทานโมเมนต์ดัด ส่วนเหล็กกันร้าวจะเป็น จุดวงกลมวางบนเหล็กเสริมหลัก เหล็กยึดขั้นประกอบด้วยเหล็กที่มุมบันไดเป็นจุดและเหล็กถักยึด เหล็กมุมโดยใช้ระยะห่างเท่ากับเหล็กเสริมกันร้าว รูปที่7.14 เหล็กเสริมในบันไดพาดทางช่วงยาว ถ้าเป็นบันไดพาดช่วงเดี่ยวจะเกิดการแอ่นตัวและการแตกร้าวที่กลางช่วงดังแสดงในรูปที่ 7.15 ดังนั้นเหล็กเสริมหลักคือเหล็กล่างเพื่อรับแรงดึงต้านทานโมเมนต์ดัดที่เกิดขึ้น รูปที่7.15 เหล็กเสริมในบันไดพาดทางช่วงยาวเดี่ยว t DB12 @ 0.15 m RB9 @ 0.20 m RB9 RB9 @ 0.20 m
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 158 รูปที่7.16 เหล็กเสริมในบันไดพาดทางช่วงยาวต่อเนื่อง ในกรณีที่มีโมเมนต์ลบจะเสริมเหล็กขึ้นมาด้านบน แต่ข้อควรระวังคือที่บริเวณจุดต่อระหว่าง พื้นแนวราบและพื้นบันได เนื่องจากแรงดึงในเหล็กเสริมอาจท้าให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าวได้ ดังนั้น ในบางกรณีเราอาจต้องเสริมเหล็กไม่ต่อเนื่องกันดังแสดงในรูปที่ 7.17 รูปที่7.17 การเสริมเหล็กที่จุดต่อทางลาดเอียงของบันได
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 159 บันไดโดยทั่วไปจะมีพื้นชานพักที่ระดับกึ่งกลางความสูงระหว่างชั้น การเสริมเหล็กในบริเวณ จุดหักมุมจะมีลักษณะดังในรูปที่ 7.18 ในกรณีที่รับแรงแผ่นดินไหวให้เพิ่มเหล็กบนรับโมเมนต์ลบ (เส้นประ(7)) รูปที่7.18 การเสริมเหล็กในบันไดที่มีคานชานพัก การเสริมเหล็กในพื้นบริเวณหัก SLOPE ระยะฝังยึด A ขึ้นกับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเหล็กเสริม การเสริมเหล็กในคานบริเวณหัก SLOPE ระยะฝังยึด B ขึ้นกับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเหล็กเสริม DB28
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 160 เหล็กเสริมเริ่มต้น Starter Bars บันไดเชื่อมต่อระหว่างชั้น แต่เนื่องจากมีข้อจ้ากัดในการตั้งแบบหล่อ การผูกเหล็กเสริม และการเท คอนกรีต จึงไม่สามารถหล่อคอนกรีตได้พร้อมกับพื้นชั้นล่างหรือบน ดังนั้นจึงต้องหล่อพื้นชั้นล่างก่อน โดยฝัง เหล็กเสริมเริ่มต้น (Starter bars) ไว้ในพื้นชั้นล่างก่อน แล้วจึงมีการท้าบันไดทีหลัง รูปที่7.19 การจัดวางเหล็กเสริมเริ่มต้น รูปที่7.20 เหล็กเสริมเริ่มต้นในบันได
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 161 ในรูปที่ 7.21(ก) แสดงการเสริมเหล็กเริ่มต้นที่คานแม่บันไดในกรณีที่มีพื้นใต้บันไดซึ่งมักจะ เป็นชั้นพื้นดิน (Ground floor) โดยจะฝังเหล็กล่างและเหล็กบนของบันไดทิ้งในพื้นที่หล่อคอนกรีต ก่อน ในชั้นที่สูงขึ้นมาเมื่อไม่มีพื้นใต้บันไดดังในรูปที่ 7.21(ข) จะดัดเหล็กล่างในพื้นขึ้นมาเป็นเหล็ก ล่างในบันได แต่ส้าหรับเหล็กบนจะใช้คนละเส้นโดยมีระยะฝังยึดอย่างพอเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงแรงดึง ลัพธ์ที่จะท้าให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าว รูปที่7.21 การเสริมเหล็กเริ่มต้นจากคานแม่บันได หลังจากเทพื้นเสร็จ จะประกอบแบบพื้นท้องบันได ต่อทาบเหล็กเสริมในบันไดต่อจากเหล็ก เสริมเหล็กต้นที่ฝังทิ้งไว้ในพื้น แล้วประกอบไม้แบบขั้นบันไดเพื่อท้าการเทคอนกรีตต่อไป (ก) (ข) รูปที่7.22 การทาบต่อเหล็กเสริมเพื่อท้าบันไดต่อจากพื้น บันไดพาดทางช่วงกว้างระหว่างคานแม่บันได บันไดแบบนี้จะมีแม่บันไดรองรับขนาบทั้งสองข้าง ท้าให้ได้พื้นทางเดียวที่มีช่วงยาวเท่ากับความกว้าง ของบันได พื้นแบบนี้จึงมีความหนาน้อยกว่าแบบอื่น เนื่องจากความยาวช่วงที่สั้นกว่าคือระยะห่าง ระหว่างคานแม่บันได ดังแสดงในรูปที่ 7.23 ( ) ( )
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 162 รูปที่7.23 การรับน้้าหนักของบันไดพาดทางช่วงกว้างระหว่างคานแม่บันได รูปที่7.24 การเสริมเหล็กบันไดพาดทางช่วงกว้างระหว่างคานแม่บันได Ast เหล็กเสริมหลัก เหล็กเสริมกันร้าว L t เหล็กปลอก 0.15 L 0.5 Astขั้นบันได คานแม่บันได เหล็กเสริมหลัก เหล็กเสริมกันร้าว t ลูกนอน ลูกตั้ง เหล็กยึดมุมบันได เหล็กยึดขั้นบันได 1 L = ะ ะ
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 163 ในการเสริมเหล็กจะเสริมเหล็กหลักเป็นเหล็กล่างตามขวางวางพาดระหว่างคานแม่บันไดและ มีเหล็กเสริมกันร้าวต้านการหดตัวและช่วยยึดเหล็กเสริมหลักเป็นตะแกรงโดยเหล็กเสริมหลักจะอยู่ ล่างดังแสดงในรูปที่ 7.24 นอกจากนี้ยังมีเหล็กยึดที่มุมบันไดทุกขั้นเพื่อป้องกันการแตกร้าว เหล็ก ปลอกของคานแม่บันไดอาจดัดขึ้นมาช่วยรับโมเมนต์ลบที่จุดต่อพื้นบันไดและคานเพื่อลดการแตกร้าว ที่อาจเกิดขึ้น บันไดยื่นจากคานแม่บันไดตัวเดียว การรับแรงจะเหมือนพื้นยื่นคือเกิดโมเมนต์ลบและใช้เหล็กเสริมบนเป็นเหล็กเสริมหลัก มีทั้งแบบที่ คานแม่บันไดอยู่ตรงกลางดังในรูปที่ 7.25 ซึ่งจะมีหน้าตัดรูปตัวที รูปที่7.25 การเสริมเหล็กบันไดยื่นจากคานแม่บันไดตรงกลาง บันไดอีกแบบจะยื่นออกมาจากคานแม่บันไดเพียงข้างเดียว ซึ่งมักจะฝังอยู่ในผนัง โดยอาจเป็น บันไดท้องเรียบหรือพับผ้าก็ได้ แต่การออกแบบเป็นบันไดพับผ้าจะท้าให้คานมีน้้าหนักเบากว่าจึงเป็น ที่นิยมมากกว่า ในการคิดน้้าหนักจะใช้น้้าหนักบรรทุกเพียงขั้นเดียวแล้วน้ามาออกแบบเป็นคานยื่น โดยเหล็กเสริมหลักจะเป็นเหล็กบนรับโมเมนต์ลบ ปลายเหล็กเสริมต้องยื่นเข้าไปในคานแม่บันได เพื่อให้มีระยะฝังเพียงพอ ดังนั้นจะมีโมเมนต์บิดถ่ายลงสู่คานแม่บันไดซึ่งจะต้องได้รับการออกแบบ เพื่อต้านทานโมเมนต์บิด t เหล็กเสริมบน เหล็กปลอก เหล็กเสริม กันร้าว (ก) บันไดยื่นจากคานแม่บันได (ข) ออกแบบแต่ละขั้นเป็นคานยื่น
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 164 รูปที่7.26 การรับน้้าหนักบรรทุกเหล็กบันไดยื่นจากคานข้างเดียว ในการออกแบบเหล็กเสริมจะออกแบบเสมือนเป็นคานยื่นโดยมีพื้นที่ลูกนอนของแต่ละขั้นเป็น พื้นที่รับน้้าหนักบรรทุก น้้าหนักของตัวคานแต่ละขั้นจะคิดจากหน้าตัดรูปตัว L คว่้า แต่ในการ ค้านวณออกแบบจะคิดหน้าตัดสี่เหลี่ยมกว้าง t เท่ากับความหนาพื้นบันได และมีความสูงเท่ากับ ระยะลูกตั้งบวก t เหล็กเสริมหลักที่ค้านวณได้จะเป็นเหล็กบน แล้วใส่เหล็กล่างและเหล็กยึดขั้นดัดถัก สลับไปตามเหล็กบนและล่างดังในรูปที่ 7.27 รูปที่7.27 การเสริมเหล็กในบันไดยื่นจากคานข้างเดียว Main steel Deflected shape Load (ค) การเสริมเหล็กในขั้นบันไดยื่น ลูกนอน ลูกตั้ง t เหล็กเสริมหลัก เหล็กล่างยึดขั้นทุกมุม เหล็กยึดขั้นบันได L คานแม่บันได ลูกตั้ง t เหล็กเสริมหลัก เหล็กยึดขั้นบันได เหล็กล่างยึดขั้นทุกมุม ระยะฝังยึดรับแรงดึง
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 165 ในกรณีของบันไดพื้นท้องเรียบหรือพื้นบันไดยื่นจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็กจะมีรูปแบบการ เสริมเหล็กที่แตกต่างไปบ้าง แต่เหล็กเสริมหลักที่ใช้ยังคงเป็นเหล็กบนโดยมีระยะฝังยึดรับแรงดึงอย่าง เพียงพอเข้าไปยังองค์อาคารที่รองรับไม่ว่าจะเป็นคานแม่บันไดหรือผนังก็ตาม รูปที่7.28 การเสริมเหล็กในบันไดยื่นท้องเรียบจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปที่ 7.29 แสดงรูปแบบการเสริมเหล็กในบันไดยื่นเป็นขั้นแยกออกจากผนังคอนกรีตเสริม เหล็กซึ่งจะใช้หลักการเสริมเหล็กในลักษณะเดียวกันคือเป็นคานยื่นออกจากรองรับยึดแน่น ดังนั้นจึง ใช้เหล็กบนเป็นเหล็กเสริมหลักในการรบโมเมนต์ลบจากน้้าหนักบรรทุกที่กระท้าลงแต่ละขั้น โดยต้อง มีการฝังยึดแบบงอฉากในผนังที่เพียงพอ เหล็กเสริมหลัก เหล็กยึดขั้นบันได ลูกนอน ลูกตั้ง เหล็กเสริมกันร้าว เหล็กเสริมหลัก เหล็กยึดขั้นบันได เหล็กเสริมกันร้าว ระยะฝังยึดแรงดึง
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 166 รูปที่7.29 การเสริมเหล็กในบันไดยื่นแบบแยกขั้นจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก เหล็กยึดขั้นบันได เหล็กเสริมหลัก เหล็กเสริมกันร้าว ระยะฝังยึดแรงดึง
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 167 คานแม่บันได คานแม่ซึ่งรองรับน้้าหนักบรรทุกจากพื้นบันได ในกรณีของบันไดพาดทางช่วงยาว คานแม่บันไดจะอยู่ ที่ปลายบนและล่างของบันได ส่วนใหญ่แล้วจะมีพื้นชานพักที่กลางความสูงระหว่างชั้น ดังนั้นจึงต้องมี คานแม่บันไดเพื่อรองรับพื้นบันไดที่ระดับระหว่างชั้นดังในรูปที่ 7.30 รูปที่7.30 คานแม่บันไดรับชานพักที่ระดับกลางความสูงระหว่างชั้น ส้าหรับบันไดพาดทางช่วงกว้างระหว่างคานแม่บันไดคู่ และบันไดยื่นจากคานแม่บันไดตัวเดียว คานแม่บันไดจะวิ่งเอียงขึ้นตามบันไดและหักมุมตามชานพัก การเสริมเหล็กในคานแม่บันไดเอียงหัก มุมนั้นจะต้องค้านึงถึงแรงดึงลัพธ์ในเหล็กเสริมที่จะท้าให้คอนกรีตแตกร้าว โดยจะเสริมเหล็กตัดผ่าน กันโดยมีระยะฝังยึดที่เพียงพอตามมาตรฐาน ดังแสดงรูปที่ 7.31 1st Floor 2nd Floor
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 168 รูปที่7.31 คานแม่บันไดรองรับพื้นบันไดทางกว้างและบันไดยื่น บันไดพับผ้าพาดทางช่วงยาว บันไดพับผ้าซึ่งท้องบันไดหยักไปตามขั้นบันไดด้านบน ในปัจจุบันหาได้ยากเนื่องจากความยุ่งยากใน การประกอบแบบและการเสริมเหล็กดังแสดงในรูปที่ 7.32 รูปที่7.32 การเสริมเหล็กในบันไดพับผ้าพาดทางช่วงยาว เหล็กเสริมหลักล่าง หน้าตัดคาน เหล็กปลอก เหล็กเสริมหลักบน เหล็กปลอกเสริมหลัก เหล็กช่วยยึด
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 169 บันไดแบบชานพักลอย Jack Knife Stair เป็นบันไดอีกแบบที่สวยงามแต่ค้านวณออกแบบยุ่งยากเนื่องจากมีแรงต่างๆเกิดขึ้นหลายทิศทาง ตัว พื้นชานพักจะยื่นปลายอิสระอยู่กลางอากาศโดยใช้พื้นทั้งสองขาจากชั้นบนและชั้นล่างท้าหน้าที่ รองรับดังแสดงในรูปที่ 7.33 รูปที่7.33 บันไดแบบชานพักลอย ในการวิเคราะห์นอกจากจะพิจารณากรณีที่น้้าหนักบรรทุกจรกระท้าเต็มทุกส่วนของพื้นบันได แล้ว ยังต้องพิจารณากรณีที่น้้าหนักบรรทุกจรกระท้าบนบันไดช่วงบนและครึ่งหนึ่งของชานพัก ซึ่งจะ ท้าให้เกิดโมเมนต์ดัดในบันไดช่วงบน การโก่งเดาะในบันไดช่วงล่าง และการบิดตัวระหว่างบันไดทั้ง สองช่วง เมื่อพิจารณาให้น้้าหนักบรรทุกจรกระท้าบนบันไดครึ่งช่วงล่างและครึ่งหนึ่งของชานพัก จะ เกิดแรงดึงในบันไดช่วงบน โมเมนต์ดัดในบันไดช่วงล่าง และโมเมนต์บิดระหว่างบันไดทั้งสองช่วง พื้นชั้นบน Aพื้นชั้นล่าง C B A C B Bending Buckling (ก) น้้าหนักบรรทุกบนบันไดขาบน
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 170 รูปที่7.34 การพิจารณาน้้าหนักบรรทุกจรบนบันไดแบบชานพักลอย รูปที่7.35 แรงที่เกิดขึ้นในบันไดแบบชานพักลอย เนื่องจากมีแรงและโมเมนต์เกิดขึ้นหลายทิศทางการค้านวณออกแบบการเสริมเหล็กในบันได แบบชานพักลอยจึงค่อนข้างซับซ้อน ต้องใช้ทั้งเหล็กเสริมบนและล่างรวมถึงเหล็กปลอกร่วมกันใน การรับแรงดังแสดงในรูปที่ 7.36 พื้นชั้นบน Aพื้นชั้นล่าง C B A C B Tension Bending (ข) น้้าหนักบรรทุกบนบันไดขาล่าง V T M M
RC DETAIL 7 Stair Mongkol JIRAVACHARADET 171 รูปที่7.36 รูปแบบการเสริมเหล็กในบันไดแบบชานพักลอย ช่วงความยาว t t เหล็กเสริมหลักบนและล่าง เหล็กปลอกทางขวาง H/2 H/2 (ก) รูปด้านข้าง t = ความหนาบันได B = ความกว้างบันได เหล็กเสริมหลักบนและล่าง เหล็กปลอกทางขวาง (ข) รูปหน้าตัด
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 173 แบบตัวอย่างคอนกรีตเสริมเหล็ก RC TYPICAL DRAWINGS
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 174 ของอ 180o หรือครึ่งวงกลม ของอ 90 หรือมุมฉาก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็กที่สุดของการดัดงอ D = 6 db ส ำหรับเหล็กเส้นขนำด 6 ม.ม. – 25 ม.ม. D = 8 db ส ำหรับเหล็กเส้นขนำด 28 ม.ม. – 36 ม.ม. D = 10 db ส ำหรับเหล็กเส้นขนำด 44 ม.ม. – 57 ม.ม. ขนำด เหล็ก D (มม.) ของอ 180o ของอ 90o G(มม.) J(มม.) G(มม.) J(มม.) RB9 55 110 73 120 150 DB10 60 120 80 130 160 DB12 75 130 99 160 200 DB16 100 160 132 210 260 DB20 120 190 160 260 320 DB25 150 240 200 320 400 DB28 225 330 281 380 550 DB32 255 370 319 430 620 DB36 290 420 362 480 800 ของอส าหรับเหล็กปลอก งอขอ 90o งอขอ 135o H = 6 db ส ำหรับ RB6 ถึง DB16 H = 12 db ส ำหรับ DB20 ถึง DB25 D = 4 db ส ำหรับ RB6 ถึง DB16 D = 6 db ส ำหรับ DB20 ถึง DB25 ขนำด เหล็ก D (มม.) ของอ 180o ของอ 90o G(มม.) J(มม.) G(มม.) J(มม.) RB6 25 40 60 50 45 RB9 35 60 80 70 65 DB10 40 70 90 80 75 DB12 50 80 110 100 90 DB16 65 100 150 130 120 DB20 120 260 320 180 170 DB25 150 320 400 230 210 ของอส าหรับเหล็กปลอกต้านแผ่นดินไหว งอขอ 135o ขนำด เหล็ก D (มม.) ของอ 180o G(มม.) J(มม.) DB10 40 120 100 DB12 50 150 120 DB16 65 190 160 DB20 120 260 220 DB25 150 330 280 ของอมาตรฐาน D 4 db 60 mm G J db D 12 db G J db G J db D D G J db D D H G J db D D
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 175แบบมาตรฐานการต่อเหล็กเสริมรับแรงดึงแล แรงอัด ข้อต่อเหล็กเ ิงกลหรือปลอกท่อ MECHANICAL COUPLER OR SLEEVE หมำ เห 1. ข้อ อเหล็กเ งกล (MECHANICAL COUPLERS) หร อ ลอก อ (SLEEVE) ้องม ก ำลัง ม น้อ ก ำร้อ ล 125 ของก ำลังรับ รงดึงของเหล็กเสร มนั น 2. นกำร อ ำบเหล็ก ั ด้ ข้อ อเ งกล (COUPLERS) ห้ ้ ร เ ม ม กำรลดขนำด น หน้ำ ัดเหล็กเสร ม ข้อ อเ งกล (MECHANICAL COUPLERS) หร อ ลอก อ (SLEEVE) การต่อเ ื่อมแบบ น นเหล็กเสริมรับแรงดึง BUTT WELD IN TENSION หมำ เห 1. กำร อเหล็กเสร ม ด เ อม ก ำลังของรอ เ อม ้อง ม น้อ ก ำ ร้อ ล 125 ของก ำลังรับ รงดึงของเหล็กเสร มนั น 2. เ รอ เ อม ห้เร บ กด้ำน ำ หลัง ำก ำกำรเ อม เ ห้เร บ ั งสองด้ำน 3 มม. 45o
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 176แบบมาตรฐานการเสริมเหล็ก นคานต่อเนื่อง GRID100 D ) DEPTH ( 150 50 A L1 GRID GRID 50 150เหล็กเสร ม เ ล ำง L1/8 L2/8 L1/3หร อ L2/3 ( ้ ำ Lด้ำน มำกก ำ) L1/3หร อ L2/3 ( ้ ำ Lด้ำน มำกก ำ) 50 L2 เหล็กเสร ม เ ล ำง เหล็กเสร ม เ บน 50 150 L2/8 L3/8 50 L3 L2/3หร อ L3/3 ( ้ ำ Lด้ำน มำกก ำ) L2/3หร อ L3/3 ( ้ ำ Lด้ำน มำกก ำ) D ) DEPTH ( Aร ัดเม อ Dมำกก ำ 600 มม. ห้เ มเหล็กเสร มข้ำง ำน อ ำงน้อ 2RB9หมำ เห :เหล็กข้ำง ำนขนำด ั ง DB12ขึ น ห้เส บเหล็กเข้ำ รองรับ 40 เ ำขนำดเหล็กเสร ม
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 177การเสริมเหล็กปลายคานบริเว ที่รองรับหมำ เห : 1) เหล็กบนของ ำน ้อง งเข้ำ ดรองรับ (เสำ) เ นร ม น้อ ก ำ 52 เ ำขนำดเหล็กเสร ม 2) เหล็กล ำงของ ำน ้อง งเข้ำ ดรองรับ (เสำ) เ นร ม น้อ ก ำ 40 เ ำขนำดเหล็กเสร ม หร อ D ) DEPTH ( เหล็กเสร มบน เหล็กเสร มล ำง 52D40D D ) DEPTH ( เหล็กเสร มบน เหล็กเสร มล ำง D 40 D 52
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 178 การวางเหล็กเสริม นคาน 1 6 เหล็กล ก ั ง Ld = ำม ำ ร งเ ม Ld Ld การวางเหล็กเสริมล่าง ห้ต่อเนื่อง นคานต่างร ดับ Ld การวางเหล็กเสริมล่าง ห้ต่อเนื่อง นคานท้องเว้า รูปหน้าตัดคาน เม อ H เก น 600 มม. เ มอ ำงน้อ 2DB12 อ ำง อเน องด้ กำร ำบสลับกัน H B
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 179 แบบมาตรฐานการเสริมเหล็ก นหน้าตัดคาน TYPICAL REINFORCEMENT IN BEAM SECTION WIDTH เหล็กเสร มล ำง ั น รก เหล็กเสร มล ำง ั น สอง(ถ้ำม ) เหล็กเสร มด้ำนข้ำง ำน(ถ้ำม ) 40 mm CLR. (TYP.) เหล็กล ก ั ง DEPTH เหล็กเสร มบน ั น รก เหล็กเสร มบน ั น สอง(ถ้ำม ) ำมหนำ น = t ร ห ำงร ห ำง ั นเหล็กเสร ม 1 เ ำขนำดเหล็กเสร มหร อ อ ำงน้อ 25 มม. ปร เ ทของเหล็กลูกตั ง STIRRUP TYPES TYPE IV เหล็กปลอกป ดรอบสอง ั น TYPE V เหล็กปลอกป ดรอบหลายเส้น TYPE III เหล็กปลอกแบบมีหมวก TYPE II เหล็กปลอกป ดรอบคู่ TYPE I เหล็กปลอกป ดรอบ
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 180 แบบมาตรฐานการเสริมเหล็ก นคานรองต่อกับคานหลัก TYPICAL DETAILS IN SECONDARY BEAM TO MAIN BEAM CONNECTION กร ำนหลักรองรับ ลำ ลำ ำนรอง 1 12 ำนรอง ำนหลัก 1 12 ำนรอง ำนหลัก กร ำนหลัก ล ำนรองม ขนำดเ ำกัน ำนรอง 1 12 ำนรอง ำนหลัก กร ำนหลัก ล ำนรองม ขนำด ำงกัน ำนรอง
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 181 Ld Ld Ld Ld T T H < T T การเสริมเหล็ก น ื นต่างร ดับ H < T Ld Ld Ld Ld T T H < T T การเสริมเหล็ก น ื นต่างร ดับ H > T เหล็กเสริม นแผงบังแดด 1DB10 1DB12 1DB10 @ 250 100 300 400 2DB10 2DB12 1DB10 @ 250 > 100 > 300 400 1DB10 1DB12 1DB10 @ 250 100 300 400 2DB10 2DB12 1DB10 @ 250 > 100 > 300 400
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 182 การเสริมเหล็ก นครีบตั งแล ครีบห้อย ( นกร ีที่ไม่ได้ร บุ นแบบ) 1DB12 RB6@200 2RB9 70 300 – 500 300 1DB12 RB6@200 2RB9 70 300 – 500 300 1DB16 RB6@200 RB9@250 100 500 – 1000 300 1DB16 RB6@200 RB9@250 100 500 – 1000 300
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 183 50 ุดต่อคาน-เสาส าหรับเสาปลอกเดี่ยว าย น ้ ้อง ำนหร อ น น ร้ ำน S 50 S 50 750 ถึง Lc/2 Lc 50 S 50 เหล็ก ลอก กร S ้ ้อง ำนหร อ น น ร้ ำน ร ำบ 750 ถึง Lc/2 Lc ้ ้อง ำนหร อ น น ร้ ำน ร ำบ ของอมำ ร ำน 90o เหล็ก ลอก กร S
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 184 50 ุดต่อคาน-เสาส าหรับเสาปลอกเดี่ยว ายนอก ้ ้อง ำนหร อ น น ร้ ำน S 50 S 50 750 ถึง Lc/2 Lc 50 S 50 เหล็ก ลอก กร S ้ ้อง ำนหร อ น น ร้ ำน ร ำบ 750 ถึง Lc/2 Lc ้ ้อง ำนหร อ น น ร้ ำน ร ำบ ของอมำ ร ำน 90o เหล็ก ลอก กร S
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 185 ุดต่อคาน-เสาส าหรับเสาปลอกเกลียว าย น เหล็กล ำงของ ำน หร อ น น ร้ ำน 750 ถึง Lc/2 Lc ร ำบ 750 ถึง Lc/2 Lc ร ำบ ของอมำ ร ำน 90o อดของเหล็ก ลอกเกล ส ำหรับเสำข้ำงล ำงน อดของเหล็ก ลอกเกล ส ำหรับเสำข้ำงล ำงน งล ำงของเหล็ก ลอกเกล เหล็กล ำงของ ำน หร อ น น ร้ ำน อดของเหล็ก ลอกเกล ส ำหรับเสำข้ำงล ำงน งล ำงของเหล็ก ลอกเกล เหล็กล ำงของ ำน หร อ น น ร้ ำน
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 186 ุดต่อคาน-เสาส าหรับเสาปลอกเกลียว ายนอก 750 ถึง Lc/2 Lc ร ำบ 750 ถึง Lc/2 Lc ร ำบ ของอมำ ร ำน 90o เหล็กล ำงของ ำน หร อ น น ร้ ำน อดของเหล็ก ลอกเกล ส ำหรับเสำข้ำงล ำงน เหล็กล ำงของ ำน หร อ น น ร้ ำน เหล็กล ำงของ ำน หร อ น น ร้ ำน เหล็ก ลอก น น นอน ร ห ำงส งส ด 150 มม. อดของเหล็ก ลอกเกล ส ำหรับเสำข้ำงล ำงน งล ำงของเหล็ก ลอกเกล อดของเหล็ก ลอกเกล ส ำหรับเสำข้ำงล ำงน งล ำงของเหล็ก ลอกเกล เหล็ก ลอก น น นอน ร ห ำงส งส ด 150 มม. เหล็ก ลอก น น นอน ร ห ำงส งส ด 150 มม.
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 187 การเสริมเหล็ก นเสาที่มีการเปลี่ยนขนาด เสาเปลี่ยนขนาดน้อยกว่า 75 มม. เหล็ก ลอกเร งเ ม ำกร เร ง ก ำน น 2 ลอก 75 มม. 75 มม. ำมลำดเอ ง ส งส ด 1:6 เ ล นขนำด น้อ ก ำ 75 มม. เสาเปลี่ยนขนาดมากกว่า 75 มม. ร อ ำบ เหล็กเสร ม น ด้ำนล ำง 50 มม. 75 มม. เหล็กเด อ (DOWEL BARS) เ ล นขนำด มำกก ำ 75 มม. S เสาเปลี่ยนขนาดน้อยกว่า 75 มม. ส าหรับเสาต้นนอก เหล็ก ลอกเร งเ ม ำกร เร ง ก ำน น 2 ลอก 75 มม. 75 มม. ำมลำดเอ ง ส งส ด 1:6 เ ล นขนำด น้อ ก ำ 75 มม. เสาเปลี่ยนขนาดมากกว่า 75 มม. ส าหรับเสาต้นนอก ร อ ำบ เหล็กเสร ม น ด้ำนล ำง 50 มม. เหล็กเด อ (DOWEL BARS) เ ล นขนำด มำกก ำ 75 มม. S S 150 มม. S
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 188 ข้อ อเ งกล หร อ ลอก อ ข้อ อเ งกล หร อ ลอก อ เหล็ก ลอกเร งเ ม ำน น ดล 2 ลอก หร อ ำม กรก ำหนด วิ ีต่อข้อต่อเหล็กเ ิงกลหรือปลอกท่อกับเหล็กเสริม นเสา MECHANICAL COUPLER OR SLEEVE IN COLUMN แบบมาตรฐานการเสริมเหล็กเสา ่ายผ่านคาน TYPICAL COLUMN TO TRANSFERED BEAM DETAIL เสำ ำน 40D เสำ ั งบน ำนเหล็ก ลอก ้องเข้ำ น ำน ด ้ร ห ำงของเหล็ก ลอกเ ำกัน ด ลอด
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 189 การกัน ึมส าหรับ ั น ต้ดิน น ล เอส ล นกัน อ นหนำ 1.5 มม. อนกร ห ำบหนำ 50 มม.(อ ำงน้อ ) รำ บดอัด น นหนำ 100 มม.(อ ำงน้อ ) กล ด ึดก อนเ อนกร นกันน ำ 4" ส ำหรับก ำ งหนำ 100 มม. 6" ส ำหรับก ำ งหนำ 150 มม. 8" ส ำหรับก ำ งหนำ 200 มม. น ล เอส ล มกัน อ นหนำ 1.5 มม.
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 190 แบบมาตรฐานแสดงการเสริมเหล็ก นผนัง การเสริมเหล็กผนัง นแนวตั ง Ld = ำม ำ ร งเ ม (DEVELOPMENT LENGTH) Ls = ร อ ำบ (LAP SPLICE LENGTH) Ld ของอมำ ร ำน 90o WATER STOP Ls นัง ำ นอก Ls Ls Ld ของอมำ ร ำน 90o WATER STOP นัง ำ น Ld Ls เหล็กเสร ม น นอน เหล็กเสร ม น ั งLs 90o STD HOOK 4DB25 ส ำหรับ ำมหนำ > 200 mm 4DB16 ส ำหรับ ำมหนำ < 200 mm 150 mm MAX. 2DB25 เหล็กเสร ม น ั ง ลำ นัง(เ ้น ร บ เ นอ น) การเสริมเหล็กผนัง นแนวนอน เหล็กเสร ม น นอน เหล็กเสร ม น ั ง 2DB25 เหล็กเสร ม น ั ง (เ ้น ร บ เ นอ น) Ls OR 450 MIN.
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 191 การเสริมเหล็กรอบ ่องเป ด นผนัง ค.ส.ล. หมำ เห : นเหล็กเสร ม เ อ ำงน้อ ำม บบ สดง ำม ข็ง รงของ นัง .ส.ล. เ ำ องเ ด ้อง ม น้อ ก ำ ำม ข็ง รงของ นัง .ส.ล. เด ม เหล็กเสร ม นัง ำน องเ ด ม ด้ ห ด องเ ด ลำ เหล็ก ำของอมำ ร ำน 90o หร อดัดเ นม ม ำก 1000 mm MAX. ร องเ ด เหล็กเสร ม เ ด น น อนกร หำ นกร เ มเหล็ก ห้ร ำงเหล็ก = 75 mm ล ้อง ม น้อ ก ำ 4DB16 องเ ด OPENING B ร องเ ด 36 เ ำขนำดเหล็กเสร ม หร อ 750 mm (MIN.) 2DB16 เหล็กเสร ม งม ม ำม ำ = 2 B หร อ 1200 mm (MIN.)
RC DETAIL RC Typical Drawings Mongkol JIRAVACHARADET 192 A การเสริมเหล็กรอบ ่องเป ดปร ตู นผนัง ค.ส.ล. เม อ ม ม อง ร ด้ำนล ำง ห้ห ดเหล็กเสร มดัง สดง Ld ร ดับ นอำ ำร ร ดับ นอำ ำร เม อ ม ม อง ร เ ด ด้ำนบน ห้ห ดเหล็กเสร มดัง สดง เหล็กเสร ม เ รอบ องเ ด B A ห้น ำ บบกำรเสร ม เหล็กม ม นังมำ รับ ้ กร ม ร บ ห้ ้เหล็ก เสร มรอบ องเ ด เ นเด กับ นัง Ld เหล็กเสร ม เ รอบ องเ ดกร ม ร บ ห้ ้เหล็กเสร มรอบ องเ ดเ นเด กับ นัง (หร อ ้ 2DB20 อ ำงน้อ ) รูปตัด Ls 0.5s 0.5s เหล็กเสร ม นัง ำม บบร บ ร ดับ นอำ ำร B รูปตัด 0.5s เหล็กเสร ม นัง ำม บบร บ