The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ตำบลหลุมข้าว

ตำบลหลุมข้าว

วัฒนธรรมด้านภาษา ชาวพวนจะมภี าษาเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน แต่ปัจจุบันภาษาเขียนจะไม่มีคนเขียนได้
ยงั คงเหลอื เพียงภาษาพูด ซึ่งมสี าเนียงคล้ายเสียงภาษาถ่ินเหนือ อักษร "ร "
ในภาษาไทยกลาง จะเป็น "ฮ" ในภาษาพวน เช่น รัก คือ ฮัก,
หัวใจ คือ หัวเจอ, ใคร คือ เผอ, ไปไหน คือ ไปกะเลอ ฯลฯ ปัจจุบันชาว
พวนในตาบลหลุมข้าว ยังคงสภาพความเป็นสังคมเกษตรกรรม ยังมีความ
ผูกพันกัน แน่นแฟ้นในหมู่ชาวพวน และมีความสัมพันธ์อันดีกับชาวไทย
กลุ่มอื่น ท้ังยังคงพยายามรักษาประเพณี วัฒนธรรมของเผ่าพันธุ์อย่างดีแต่
เพราะความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ และสภาพสังคม เศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนไป
ทาใหว้ ถิ ีชีวิตของชาวพวนเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง เชน่ ภาษาพูด คนหนุ่มสาว
จะนยิ มพูดภาษาไทยกลาง แม้จะอยูใ่ นหม่เู ดยี วกนั

ยังมีหลักฐานการบันทึกโครงการฝึกอบรมการใช้ภาษาไทยพวน
ในชีวิตประจาวัน โดยมีผู้สอน 4 ท่าน คือ ผู้อานวยการสมคิด จูมทอง,
อาจ ารย์ ชัช ว าล ย์ สุคั นธ วิภ า ค, อา จา รย์ส มพ ร ศรี พึ่ง แล ะ
อาจารยว์ ัชรพงษ์ ศรพี งึ่ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานอกี ดว้ ย

๕๑


ตน้ ฉบบั ทมี่ ีกำรเก็บรักษำไวเ้ ป็นอย่ำงดี
ใชใ้ นกำรสบื ค้นภำษำท้องถ่นิ ไทยพวน

๕๒


๕๓


๕๔


7
สถำนทีส่ ำคัญ

6.1 วัด (ที่มีพระจาพรรษาอยู่)

วัดในพ้ืนท่ีตาบลหลุมข้าว มีวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จาพรรษา 6 แห่ง
เป็นธรรมยุติกนกิ าย 1 แหง่

1. วัดเนินสม้ กบ
วัดเนินส้มกบ ถูกสร้างข้ึนโดยการร่วมแรงร่วมใจกัน ของชาวบ้าน
กลุ่มเล็กๆ โดยมีนายดวง บุญอ่อน บริจาคท่ีดิน สาหรับสร้างวัด เมื่อปี
พ.ศ.๒๔๕๕ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๒
ในสมัยก่อนชาวบ้านเรียก “วัดโพธ์ิศรี
สว่าง” ชื่อเดียวเหมือนกันกับวัดพรหม
ทินใต้ สันนิฐานว่า เพราะชาวบ้าน
ตาบลหลุมข้าว ได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่
หรือมีครอบครัว จึงแยกย้ายจากบ้าน
เดมิ มาอยู่ และรว่ มกันสร้างวัดข้นึ มา

๕๕


2. วดั โคกพรม
วัดโคกพรม สร้างขึ้นเป็นวัดประมาณปี พ.ศ.๒๔๒๘ โดยชาวบ้าน
ร่วมใจกันก่อสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่ง
ทาบุญประจาหมู่บ้าน แต่เนื่องจาก
ตั้ง อ ยู่ใ น พ้ืน ที่ ร าบ สู ง แ ละ ก า ร
เดินทางลาบาก บางปกี ็มีพระอยู่ บาง
ปกี ไ็ มม่ ี

3. วัดธญั ญะนิตยำรำม
วัดธัญญะนิตยาราม เดิมเรียก วัดบ้านหลุมข้าว สร้างข้ึนเป็นวัด
ตงั้ แต่ พ.ศ.๒๓๗๘ ตาบลหลุมข้าว อาเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ปัจจุบัน
เป็นอาเภอโคกสาโรง มีเน้ือท่ีต้ังวัด
๑๖ ไร่ เป็นที่ดินเดิมต้ังแต่ครั้งท่ี
อพยพมา ได้จัดสรรไว้สาหรับสร้าง
เป็นวัด โดยมีหลวงพ่อยา ที่เดินทาง
มาพร้อมกับกลุ่มผู้อพยพ จาก อ.บาง
น้าเชี่ยว จ.สิงห์บุรี เป็นผู้นาพาสร้าง
วัด

4. วัดวังเวิน
วดั วังเวิน เดมิ เปน็ วดั รา้ งว่าง
เปลา่ มานาน ซ่ึงชาวในพ้นื ที่กไ็ ม่เคย
เหน็ วา่ เปน็ วดั ต่อมามีการสรา้ งขึ้นมา
ใหม่เม่ือปี พ.ศ.2561 ซึ่งสงั กัด
ธรรมยตุ ิกนกิ าย

๕๖


5. วดั พรหมทนิ เหนอื
วัดพรหมทินเหนือ พื้นท่ีเดิมเป็นท้องทุ่งนาและป่า ประมาณ
ปี พ.ศ.๒๓๙๑ เร่ิมมีผู้เข้ามาอยู่อาศัยก่อนอย่างน้อย ๓ ครอบครัว
คือนายพรม นายมะ และนางทิน เน่ืองจากเป็นพื้นท่ี ที่อุดมสมบูรณ์
จงึ มผี คู้ นต่างเขา้ มาจบั จองทีท่ ามาหาเลี้ยงชพี และอาศัยเพิ่มขึ้น จนเกิดเป็น
ชุมชน และได้ร่วมกันก่อสร้างวัด
ประจาหมู่บ้านขึ้น บนเนื้อที่ ๖ ไร่ ๑
งาน ๑๒ ตารางวา ครั้นปี พ.ศ.๒๕๐๙
นายทองอยู่ ระดมยศ ก็ได้บริจาคท่ีดิน
ของตนท่ีอยู่ตดิ กบั ทดี่ ินวัด ๑ ไร่ ๒ งาน
๖๘ ตารางวาเน่ืองจากวัดถูกสร้างข้ึน
ทางทิศเหนือ ของหมู่บ้านพรหมทิน เพิ่มขึ้นจากวัดเดิมท่ีสร้างขึ้นก่อน
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดพรหมทินเหนือ ได้รับ
วิสุงคามสีมา เม่ือวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๕ (แต่ไม่ปรากฏหลักฐาน
วันผูกพัทธสีมาวนั ไหน) ปัจจุบัน ยังคงชื่อวัดว่า “พรหมทินเหนือ” เพียงแต่
การเขียนชอ่ื วัด เขียนเป็น “พรมทนิ เหนอื ”

6. วัดพรหมทินใต้
ส ร้ า ง ข้ึ น เ ป็ น วั ด ป ร ะ ม า ณ ปี พ . ศ . ๒ ๓ ๗ ๕ เ ดิ ม เ รี ย ก
“วดั โพธศิ์ รสี ว่าง” ไดร้ ับวสิ ุงคามสมี า พ.ศ.๒๓๘๐ ไมป่ รากฏหลักฐานในการ
ผูกพัทธสีมา (โรงอุโบสถ เป็นไม้)
ปจั จบุ ันเป็นโรงอนกรตี อโุ บสถหลงั ใหม่
ป ร ะ ม า ณ ปี พ . ศ . ๒ ๓ ๙ ๑
ช า ว บ้ า น ที่ อ ยู่ ท า ง เ ห นื อ ห มู่ บ้ า น
ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่ง ช่ือ

๕๗


วดั พรหมทิน เพื่อสะดวกสบายในการทาบุญ หรอื ไม่ต้องเดินทางไกล เพราะ
หมู่บ้านที่อยู่อาศัยน้ัน ตั้งบ้านเรือนไปตามแนวของลาคลอง ประกอบกับ
ทางสญั จรทไ่ี มส่ ะดวกนักมแี ต่ทุ่งนาป่าไม้ในสมัยก่อน ชาวบ้านจึงคุ้นกับการ
เรียกชื่อวัด ตามชื่อหมู่บ้านท่ีตนอยู่อาศัย ว่า “พรหมทินใต้” ต่อมาก็เขียน
เปน็ “พรหมทนิ ใต”้

วัดพรหมทินใต้ ปัจจุบัน เป็นแหล่งเรียนรู้โบราณคดีทาง
ประวัติศาสตร์ มีการขุดพบ เคร่ืองป้ันดินเผา ซากคน และสัตว์ต่างๆ อายุ
หลายร้อยปี และจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงให้แก่ผู้คนที่เดินทางมาศึกษา
เรียนรู้ โดยใช้พื้นท่ีภายในวัดเอง ปัจจุบัน ยังมีการขุดอยู่เรื่อยๆ โดยคณะ
คณาจารย์ และนกั ศกึ ษาจากมหาวทิ ยาลัย จากตา่ งประเทศ

๕๘


6.2 โรงเรยี น
โรงเรยี นในพื้นทีต่ าบลหลมุ ข้าว มี 2 โรงเรยี น สังกัดสานกั งานเขต

พนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลพบรุ ี เขต 1

1.โรงเรียนบ้ำนหลุมขำ้ ว

ประวัติ
โรงเรียนบ้านหลุมข้าว เดิมชื่อว่า โรงเรียนวัดธัญญะนิตยาราม

ตั้งอยู่ท่ีบ้านหลุมข้าว อาเภอโคกสาโรง จังหวัดลพบุรี มีเนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน
75 ตารางวา ได้ใช้ศาลาวัดธัญญะนิตยารามเป็นโรงเรียนประชาบาล
ตาบลหลุมข้าว ต้ังเมื่อพ.ศ.2564 มีครู 2 คน มี นายโพธ์ิ วังบุญ
เป็นครูใหญ่และนายประกาศ ป้อมบุบผา เป็นครูน้อย เปิดทาการสอน
3 ชนั้ คือ ป.1 - ป.3 เปดิ เรยี นเวลา 12.00 – 15.00 น วันโกนหยุดคร่ึง
วัน วันพระหยุดเต็มวัน ต่อมา พ.ศ.2500 คณะครูได้ร่วมกับชาวบ้านได้
ร่วมกันสร้างอาคารเรียน 1 หลัง ยาว 42 เมตร กว้าง 9 เมตร
มี 7 ห้องเรียน ปี พ.ศ.2507 ได้สร้างอาคารเรียนอีก 1 หลัง
ยาว 32 เมตร กว้าง 8 เมตร จานวน 4 ห้องเรียน แล้วเสร็จในปี 2509
ต่อมาอาคารเรียนไม่พอกับนักเรียน จึงได้ร่วมมือกับชาวบ้านปลูกสร้าง
อาคารกึ่งถาวรอีก 1 หลัง จานวน 3 ห้องเรียน เสร็จ พ.ศ.2522
เดิมโรงเรียนสอนต้ังแต่ประถมศึกษาตอนต้น ต่อมาพ.ศ.2511 ได้ขอ
อนุญาตเปิดสอน ประระถมศึกษาตอนปลายศึกษาและมีจานวนนักเรียน

๕๙


ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 31 คน ต่อมาสอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
มีนักเรียน 66 คน ต่อมา พ.ศ.2513 ได้เปิดสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 7
มีช้ันประถมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย จานวน 118 คน มีท้ังหมด
14 คน ต่อมาได้งบประมาณสร้างอาคารเรียนเพิ่มเดิมอีก 1 หลัง
จานวน 4 ห้องเรียน เป็นเงิน 160,000 บาท พร้อมด้วยส้วมอีก 4
ทีแ่ ละเสาธงคอนกรตี อัก 1 เสา เริ่มทาการสรา้ ง พ.ศ.2514 เดือนสิงหาคม
เสร็จเดือนธันวาคม 2514 แบ่งนักเรียนเข้าเรียนอาคาร 5 ห้องเรียน
มีนักเรียนครบช้ันเรียนนักเรียนประถมศึกษาตอนต้น 264 คน
ประถมศึกษาปลาย 130 คน ครู 12 คน เม่ือวันที่ 31 กรกฎาคม 2517
ต่อมาปี พ.ศ.2519 ได้งบประมาณสร้างบา้ นพกั ครู 1 หลัง จากงบองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดลพบุรี ต่อมา ปี พ.ศ.2520 ได้รับงบประมาณสร้าง
โ ร ง ฝึ ก ง า น 1 ห ลั ง จ า ก อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด ล พ บุ รี
จานวน 60,000 บาท ต่อมาปี พ.ศ.2533 เปลี่ยนช่ือมาเป็นโรงเรียน
บา้ นหลมุ ขา้ วจนถงึ ปัจจุบัน

ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นคนปจั จุบนั

นางอรญั ญา งามระยับ
วิสัยทศั น์

นกั เรยี นโรงเรยี นบา้ นหลมุ ข้าว มคี วามร้คู ู่คุณธรรม ตามมาตรฐาน
การศกึ ษา จดั การเรยี นการสอนเพ่อื พฒั นาความสามารถด้านศิลปะและ
ดนตรี เน้นการดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและให้

ชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา

๖๐


2. โรงเรยี นบำ้ นพรมทิน

ประวตั ิ
โรงเรียนบ้านพรมทิน ต้ังอยู่หมู่ที่ 11 ตาบลหลุมข้าว

อาเภอโคกสาโรง จังหวัดลพบุรี สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาลพบุรี
เขต 1 โรงเรียนบ้านพรมทิน ต้ังขึ้นคร้ังแรกเมื่อ พ.ศ. 2482 โดยความ
ร่วมมือของชาวพรหมทินใต้ การก่อตั้งครั้งแรกอาศัยศาลาการเปรียญ
วัดพรหมทินใต้ เป็นท่ีทาการสอน ต้ังชื่อว่า “โรงเรียนบ้านพรมทินใต้”
เปิดทาการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึงช้ันประถมศึกษาปีที่ 6
มนี ายเตย้ี ม พรมยายนต์ เป็นครูใหญ่

ต่อมาในวนั ที่ 2 เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2514 ทางราชการได้
ก่อสร้างอาคารเรียนข้ึนมาใหม่ ตั้งอยู่ระหว่างหมู่บ้านพรหมทินเหนือและ
หมู่บ้านพรหมทินใต้ แบบ ป.1 ฉ จานวน 3 ห้องเรียน ทางโรงเรียน
จึงย้ายที่ทาการจากศาลาการเปรียญวัดพรหมทินใต้มาอยู่ที่โรงเรียน
สร้างใหม่ และในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 ทางโรงเรียนบ้าน
พรมทินใต้ ขอเปล่ียนช่ือจาก “โรงเรียนบ้านพรมทินใต้” เป็น “โรงเรียน
บ้านพรมทิน” ต่อมามีคาส่ังจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี ให้ยุบ
โรงเรียนบ้านพรมทินเหนือมารวมกับโรงเรียนบ้านพรมทิน เมื่อวันที่ 22
เดือนธันวาคม พ.ศ.2520 ตามคาส่ังองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี
ที่ 1389/2520 ให้ยกทรัพย์สินของโรงเรียนบ้านพรมทินเหนือให้
โรงเรียนบา้ นพรมทนิ ในปจั จุบนั

๖๑


ในวันท่ี 6 เดือนเมษายน พ.ศ.2518 ทางโรงเรียนได้งบประมาณ
สรา้ งบา้ นพักครู 1 หลงั เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2518

ต่อมาทางราชการโดยสานักงานการประถมศึกษาจังหวัดลพบุรี
ไ ด้ มี ห นั ง สื อ ข อ ร้ื อ ย้ า ย บ้ า น พั ก ค รู ไ ป ส ร้ า ง ท่ี โ ร ง เ รี ย น บ้ า น บ่ อ ย า ง
สานักงานการประถมศึกษาอาเภอโคกสาโรง สานักงานการประถมศึกษา
จังหวดั ลพบุรี

ในปี พ.ศ. 2522 ได้งบประมาณสร้างอาคารเอนกประสงค์
แบบ 312 กรมสามัญศึกษา จานวน 1 หลัง ขนาด กว้าง 7 เมตร
ยาว 14 เมตร

ในวันท่ี 27 มกราคม 2525 ได้งบประมาณจาก สานักงาน
คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ต่อเติมอาคารเรียนอีก
2 ห้องเรยี น แบบ ป.1 ฉ งบประมาณ 320,000 บาท

ในปีงบประมาณ 2526 ได้งบประมาณจากสานักงาน
คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ สร้างส้วมแบบ สปช 601
( 4 ทนี่ ง่ั ) งบประมาณ 35,000 บาท

ในวันท่ี 19 มกราคม 2538 นางจุฑาทิพ รักฉ่าพงษ์
ครโู รงเรียนบ้านพรมทิน ได้มีจิตศรทั ธาสร้างฐานประดิษฐ์พระพุทธรูปให้แก่
ทางโรงเรยี น

ในปีงบประมาณ 2539 ได้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน
2 ช้ัน แบบ สปช.105/29 จานวน 6 ห้องเรียน งบประมาณ
1,836,457 บาท เริ่มกอ่ สร้างเม่อื วันท่ี 17 ตุลาคม 2539

ปีงบประมาณ 2540 ได้รับงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร
เรียน แบบ ป.1 ฉ รวมงบประมาณ 84,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับ
งบประมาณหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทางภาษา 47,000 บาท

ในปีงบประมาณ 2541 ได้งบประมาณห้องวิทยาศาสตร์
งบประมาณ 40,000 บาท

๖๒


ในปีงบประมาณ 2542 ได้รับงบประมาณต่อเติมอาคารเรียน
สปช.105/29 ชั้นล่างจานวน 2 ห้องเรียนเป็นงบประมาณ 180,000
บาท

ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนได้รับคัดเลือกเป็นโรงเรียนแกนนา
การปฏิรปู กระบวนการเรียนรู้

ปีงบประมาณ 2544 ได้รับงบประมาณก่อสร้างสนามกีฬา
วอลเลย่ ์บอลและตะกร้อ จากกรมพลศึกษา เป็นเงิน 100,000 บาท และ
ได้รับงบประมาณจากกรมประมงในการขุดบ่อเล้ียงปลา เป็นจานวน
87,000 บาท

ปีการศึกษา 2545 โรงเรียนบ้านพรมทินได้รับการคัดเลือก
เป็นโรงเรียนนาร่องโครงการทดลองหลักสูตรการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน
ของสานกั งานการประถมศกึ ษาจังหวดั ลพบุรี

โรงเรียนบ้านพรมทินได้ให้สถานที่สนับสนุนการจัดการศึกษาช้ัน
อนุบาล 3 ขวบ ซ่ึงได้สนับสนุนรับงบประมาณจากองค์การบริหารส่วน
ตาบลหลุมข้าว

วันที่ 17 มิถุนายน 2548 นายอานวย ปัญญาแหลม
มาดารงตาแหนง่ ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านพรมทิน

วันท่ี 13 มกราคม 2549 นายยุทธพงษ์ โพธิ์แสร์ มาดารง
ตาแหน่งผูอ้ านวยการโรงเรยี นบ้านพรมทนิ

วันที่ 15 สิงหาคม 2551 นายเผด็จ รัตนวงศ์ มาดารง
ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นพรมทนิ

วันที่ 9 มิถุนายน 2553 นางสาวมณันญา พลชาอังกูร
มาดารงตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นพรมทนิ จนถึงปจั จุบัน

วันท่ี 27 กุมภาพันธ์ 2555 โรงเรียนได้ซ่อมแซมร้ัวและป้าย
โรงเรียน วงเงินงบประมาณท้ังสิ้น 180,000 บาท และก่อสร้างอาคาร

๖๓


เรียนประกอบสาเร็จรูป (น็อคดาวน์) 1 หลัง วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
2,600,000 บาท

วันท่ี 30 ธันวาคม 2555 โรงเรียนได้ก่อสร้างอาคารเรียนไม้
สองชั้น ขนาด 5 ห้องเรียน พร้อมห้องส้วมนักเรียนอนุบาล 3 ท่ีและห้อง
ส้วมนักเรียนประถมศึกษา ขนาด 4 ที่ แล้วเสร็จโดยงบประมาณจาก
สานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศิษย์เก่าสวนกุหลาบ 95 ตัวแทนประกัน
ชีวิต เอไอ เอ ทัพศรีเทพพสุธา เอ บริษัท ล ไลต้ิงกลาส และเงินบริจาค
จากการทอดผ้าป่าการศึกษาของผู้ปกครองชุมชน วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
1,700,000 บาท

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 โรงเรียนได้ก่อสร้างศาลา
อเนกประสงค์ เพื่อใช้เป็นเรือนรับรองผู้ปกครองและบุคคลภายนอกท่ีมา
ตดิ ตอ่ ราชการ ขนาด 8X12 เมตร โดยใช้งบประมาณจากการทอดผ้าป่า
การศึกษา วงเงินทัง้ ส้นิ 200,000 บาท

วนั ท่ี 30 เมษายน 2560 โรงเรียนได้ปรับปรุงห้องส้วมนักเรียน
ประถมศึกษา และก่อสร้างเรือนแปรงฟัน โดยใช้งบประมาณจากการ
ทอดผ้าป่าการศกึ ษา วงเงนิ ท้ังส้ิน 270,000 บาท

วนั ที่ 1 เมษายน 2561 โรงเรียนกอ่ สรา้ งอาคารอเนกประสงค์
ขนาด 16.5X35 เมตร โดยใช้งบเงินบริจาคอย่างมีวัตถุประสงค์
วงเงนิ จานวนท้ังสิ้น 1,100,000 บาท

วันที่ 30 สงิ หาคม 2561 คณะกรรมการสถานศึกษาฯ ร่วมกับ
มูลนิธิ เอส ซี จี ก่อสร้างสนามเด็กเล่นตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาท โดยใช้
งบเงนิ บรจิ าคอย่างมวี ตั ถปุ ระสงค์ วงเงินจานวนทง้ั สน้ิ 210,000 บาท

วนั ที่ 3 ธันวาคม 2564 คณะกรรมการกองทุนดอกผลอาหาร
กลางวันเพ่ือนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา จัดสรรงบประมาณ ก่อสร้าง
โรงเรือนผักกางมุง้ วงเงนิ จานวนทัง้ สิ้น 20,000 บาท

๖๔


วันที่ 30 เมษายน 2565 คณะกรรมการสถานศึกษาฯ ปรับปรุง
ประตูห้องสมดุ และห้องคอมพวิ เตอร์ วงเงนิ จานวนทัง้ สิ้น 20,000 บาท

ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นคนปจั จุบัน

นางสาวมณนั ญา พลชาอังกูร
วิสยั ทัศน์

โรงเรียนบ้านพรมทนิ เป็นสถานศึกษาท่ีมีคุณภาพของชุมชน
ผูเ้ รียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการศกึ ษา เปน็ คนดี มคี ณุ ธรรม

ดารงตนอย่างมีความสุขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
บนพื้นฐานความเป็นไทย

๖๕


3. องค์กำรบริหำรสว่ นตำบลหลมุ ข้ำว

องค์การบริหารส่วนตาบลหลุมข้าว แต่ก่อน มีฐานะเป็นสภาตาบล
ช่ือว่า “สภาตาบลหลุมข้าว” ตามพระราชบัญญัติสภาตาบล และองค์การ
บริหารส่วนตาบล พ.ศ. 2537 จนถึงฉบับปัจจุบัน ต่อมาเมื่อสภาตาบล
มีประชากรมากข้ึน และมีรายได้ตามเกณฑ์ที่กาหนด ตามพระราชบัญญัติ
ฯ จึงยกฐานะจากสภาตาบล เป็นองค์การบริหารส่วนตาบล โดยใช้ชื่อว่า
“องค์การบริหารส่วนตาบลหลุมข้าว” ตามราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี 113
ตอนพเิ ศษ 52ง ลงวันท่ี 25 ธันวาคม 2539 ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตาบล ประกาศ ณ วันที่ 16 ธันวาคม
2539

ดังน้ัน การจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตาบลหลุมข้าว จึงมีผลบังคับ
ใช้ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2540 เดิมยังไม่มีที่ทาการ ปัจจุบันจึงใช้สถานที่
วัดวัดธัญญะนิตยาราม (วัดหลุมข้าว) เป็นท่ีทาการ ต้ังอยู่หมู่ท่ี 7 ปัจจุบันได้

๖๖


สร้างท่ีทาการหลังใหม่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ทางทิศเหนือของจังหวัดลพบุรีตาบล
หลุมข้าว อาเภอโคกสาโรง จังหวัดลพบุรี ทางทิศเหนือของจังหวัดลพบุรี
มีระยะทางห่างจากอาเภอโคกสาโรงประมาณ 13 กิโลเมตร และห่างจาก
จงั หวัดลพบุรีระยะทาง ประมาณ 32 กโิ ลเมตร

ตราสญั ญาลกั ษณ์ อบต.หลุมขา้ ว

ลกั ษณะขององค์กร
องค์การบริหารส่วนตาบลหลุมข้าว เป็นหน่วยงานราชการ

ขนาดกลาง ที่มฐี านะเป็นนิติบุคคลและราชการส่วนท้องถ่ินซึ่งได้จัดต้ังขึ้น
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย มาตรา 40 และมาตรา 41 แห่ง
พระราชบัญญัติสภาตาบล พ.ศ. 2537 ประกาศ ณ วันที่ 16 ธันวาคม
พ.ศ.2539 โดยมที ีท่ าการตง้ั อยใู่ นเขตพ้ืนท่ีของตาบล

การดาเนินงานขององค์การบริหารส่วนตาบลหลุมข้าว ดาเนินงาน
ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้นโยบายต่าง ๆ โดยได้รับการจัดสรร
งบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนต่าง ๆ เพ่ือนางบประมาณไปใช้ในการ
ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านต่าง ๆ ในรูปของการ
ส่งเสริมและสนับสนุน ในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการยกระดับคุณภาพ
ชวี ติ ชุมชน

การปกครองท้องถ่ินเป็นผลจากแนวความคิดของการกระจาย
อานาจ กอ่ ใหเ้ กดิ องค์การหรอื การปกครองท้องถิน่ ข้ึนโดยรัฐบาลกลางมอบ

๖๗


อานาจในทางการปกครองและการจัดทาบริการสาธารณะบางอย่างให้แก่
ประชาชนท้องถ่ินไปดาเนินการโดยมีอานาจอิสระในการดาเนินการภายใน
ขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
ในการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่างๆ
ของท้องถ่ินด้วยตนเอง จึงเป็นพ้ืนฐานสาคัญท่ีทาให้ประชาชนได้เรียนรู้
การเมืองการปกครอง ในทางปฏิบัติอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทาง
การเมืองในรับประเทศตอ่ ไป

โครงสรำ้ ง

อบต.

ฝ่ายนติ ิบัญญตั ิ ฝ่ายบรหิ าร

ประธานสภา อบต. นายก อบต.

รองประธานสภา เลขานายก อบต.
อบต.
รองนายก อบต. รองนายก อบต.
สมาชกิ สภาฯ 12

ปลัด อบต.

สานกั ปลดั กองคลงั กองชา่ ง

๖๘


4.โรงพยำบำลสง่ เสริมสุขภำพตำบลหลุมขำ้ ว

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล หรือเดิมเรียก สถานี
อนามัย เป็นสถานพยาบาลประจาตาบลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หรือ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีขีดความสามารถระดับปฐมภูมิ (Primary
Care) ได้รับการยกฐานะจากสถานีอนามัย หรือศูนย์สุขภาพชุมชน ตาม
นโยบายของรัฐบาลรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อ
ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งได้จดั สรรงบประมาณภายใต้ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
2555 เพ่ือยกระดับสถานีอนามัย หรือศูนย์สุขภาพชุมชนให้เป็น
โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบล

สถานีอนามัยตาบลหลุมข้าว หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
ตาบลหลุมขา้ ว เม่ือ พ.ศ. 2498 นายสอน นางสาเภา ดีปู่ ได้บริจาคบ้าน
ให้ 1 หลัง เพื่อสร้างเป็นสานักงานผดุงครรภ์ 1 หลัง บนท่ีดินของ
นายประกาศ ป้อมบุบผา โดยให้นายโกศล ดีปู่ ซ่ึงเรียนพนักงานอนามัย
แต่เป็นผู้ชายจึงได้ย้ายออกไป และมีเจ้าหน้าท่ีหญิงผดุงครรภ์
ช่ือนางอรวรรณ ภักดีภิบูลย์ มาประจาเม่ือปี พ.ศ. 2499 ได้พักอยู่บ้าน
ผู้ใหญ่โสม แกมทอง ขณะนั้นการคมนาคมลาบากมาก ต้องใช้เกวียน
ไม่มีรถ ทางเดินบางตอนน้าลึก ต้องลงเดินและต่อเรือพายเป็นระยะทาง 5
กม. กว่าๆ และภายในรอบบ้านท้ัง 11 หมู่ จะใช้สะพานไม้เดิน ไม่มีถนน

๖๙


หรือทางเท้าเดิน เน่ืองจากเป็นท่ีลุ่มทั้งตาบล เจ้าหน้าที่จึงอยู่ได้เกือบ 1 ปี
จึงย้ายไป

ปี พ.ศ. 2501 นางราตรี ป้อมบุบผา ได้ย้ายมาปฏิบัติงานท่ี
สานักงานผดุงครรภ์ และได้อาศัยอยู่กับคหบดีช่ือ นางวิเชียร เปาเส็ง
การเดินทางยังคงลุยโคลนและน่ังเรือพาย น่ังเกวียนอยู่ตามเดิม ต่อมาทาง
โรงสีของเจ้าของบ้านได้สีข้าว จึงมีรถยนต์ และนางราตรี ป้อมบุบผา ก็ได้
อาศัยรถยนต์ดังกล่าวในการเดินทาง และขนยา เวชภัณฑ์เป็นเช่นน้ีอยู่
หลายปี และได้มีพระมหามาโนช วัดไตรมิตรเจ้าอาวาสวัดหลุมข้าว
ผู้ใหญ่บ้าน ครู ประชาชน ได้ทาสะพานเข้าสานักงาน ต่อเติมอาคารบ้าง
และใหโ้ ตะ๊ เก้าอ้ี ของใช้จาเป็นบางอย่าง พร้อมให้ความสะดวก และดูแล
ความปลอดภัยเสมอมา

เม่ือมีประชาชนมารับบริการมากขึ้น ทางอนามัยอาเภอโคกสาโรง
นายอุดม เกิดผล สาธารณสุขอาเภอ จึงของบประมาณในการสร้างสถานี
อนามัยใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2512 พร้อมบ้านพัก 1 หลัง มีเจ้าหน้าที่ชายเพิ่ม
1 คน ระยะน้ี เริ่มมีการปรับปรุงซ่อมแซมทางเดินเป็นถนนลูกรังข้ึนบาง
ตอน และเรม่ิ มรี ถยนต์สองแถวโดยสารรบั -ส่ง ประชาชน เรม่ิ สะดวกขึ้นบ้าง
แต่ระยะฝนตกกย็ งั คงเดินทางลยุ โคลนอยู่บา้ ง

ในปี พ.ศ. 2526 ได้มีการจัดต้ังหมู่บ้านเนินส้มกบ ม.1-2
เป็นหมู่บ้านพ่ึงตนเอง และในปี พ.ศ. 2527 ได้รับมอบรางวัลจัดทาบัตร
สุขภาพ 100 % ทุกหมู่บ้าน เป็นตาบลแรกในจังหวัดลพบุรี ของเขต 2
ได้มีผู้รับบริการสะดวกท้ังทางสถานีอนามัย และโรงพยาบาล จึงมีการขาย
บัตรสุขภาพตดิ ต่อมาหลายปี และมกี ารปันผลเข้ากองทุนหมู่บ้านทุกหมู่จึงมี
เงินเพิ่ม จนกระท่ังปี พ.ศ. 2534 ได้ขอเงินส่วนที่งอกออกจากกองทุน
หลายพันบาท มาถมทีด่ นิ บรเิ วณรอบๆอาคาร ซึ่งเป็นที่ลุ่มอยู่ เพื่อสร้างเป็น
บ้านพักให้คงทนถาวร และเพื่อเตรียมการรับการสร้างอาคารสถานีอนามัย
หลงั ใหม่ ทดแทนหลงั เกา่ ท่ีชารุดมาก ในปี 2537 – 2538

๗๐


สถานีอนามัยหลุมข้าวได้รับงบประมาณมาเพ่ือก่อสร้างสถานี
อนามัยหลังใหม่ พร้อมบ้านพักข้าราชการระดับ 6 – 7 จานวน 1 หลัง
และยงั ใช้ประโยชนอ์ ยจู่ นถึงปจั จบุ ัน

5.พิพิธภณั ฑพ์ นื บ้ำนไทยพวนหลุมขำ้ ว
พิพิธภัณฑ์ต้ังอยู่ภายในวัดหลุมข้าว ก่อกาเนิดข้ึนจากความต้ังใจ
ของคุณไพบูลย์ เชื้อสวย ที่ปรารถนาจะเก็บรวบรวมข้าวของเคร่ืองใช้
เคร่ืองจักสาน เครื่องทามาหากินของคนรุ่นก่อน โดยท่านเจ้าอาวาสวัด
หลุมข้าวเมตตาให้พื้นท่ีใต้อาคารหลังหนึ่งของวัดเป็นท่ีสถานที่รวบรวมและ
จัดแสดง ขา้ วของส่วนใหญไ่ ด้มาจากการบริจาคของคนในหมู่บ้านและพื้นท่ี
ใกลเ้ คียง การจดั แสดงแบง่ ออก 4 สว่ น

สว่ นแรก จัดแสดงเครื่องมือทามาหากิน เครื่องจักสาน ที่ใช้ในการ
ทานา ซ่ึงเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวไทยพวนและผู้คนท่ีอยู่ในแถบน้ี เช่น
คันไถ แอก เครื่องมือปั่นฝ้าย เครื่องมือทอผ้าซึ่งเป็นงานหัตถกรรมท่ีข้ึน
ช่ือของชาวไทยพวน นอกจากน้ียังจัดแสดงเครื่องมือในการตวงวัดปริมาณ
ข้าวเชน่ ถงั ไมต้ วงขา้ วขนาด 20 ลิตร “สดั ” เป็นภาชนะที่มีขนาดเล็กลงมา
เป็นเคร่ืองมือตวงข้าวแบบไทยที่สานจากไม้ไผ่ ส่วนใหญ่เอาไว้ใช้ตวงข้าว

๗๑


จานวนไม่มากนกั ตะเกียงน้ามันมะพร้าวท่ีใช้กันมาก่อนท่ีไฟฟ้าจะเข้ามาใน
หม่บู ้าน เครื่องบบี ขนมจีนทาจากสังกะสี ซ่ึงขนมจีนเป็นอาหารท่ีนิยมทาใน
งานมงคลของชาวไทยพวน เคร่ืองบีบเส้นลอดช่อง หินโม่แป้งเอาไว้ทา
ขนมจีนหรือทาขนม ถ้วยตะไล ถ้วยน้าชา ช้อนสังกะสี ท่ีใช้ในครัวชาวบ้าน
สมัยกอ่ น

ส่วนท่ี 2 จัดแสดงห้องของชาวไทยพวน เช่น หมอน
สามเหล่ียม ผ้าม่านท่ีใช้ในงานบวช ท่ีผู้หญิงชาวไทยพวนจะทอข้ึนมาเอง
เพอ่ี ใช้ในงานของตระกลู ตนเอง และเป็นสมบัตติ กทอดกนั มาเล่ือยๆ

ส่ ว น
ท่ี 3 เป็นของ
เก่า ที่ ใ ช้ ใ น อ ดี ต
เช่น แ ผ่ น เ สี ย ง

แ ล ะ เ ค รื่ อ ง
เล่น แผ่นเสียงเก่า

ปฏิทินปี พ.ศ.
2516 วัตถุโบราณประเภทหินดุ ครกบดยา เคร่ืองปั้นดินเผาที่ขุดพบที่
บ้านพรหมทิน แหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่อยู่ใกล้กัน กระดานชนวนและ
ดนิ สอให้ผูเ้ ข้ามาชมในพิพธิ ภณั ฑ์ได้ทดลองเขียน

๗๒


ส่วนท่ี 4 เป็นส่วนที่เก่ียวกับงานฝีมือท่ีใช้สอนเด็กๆ ได้ เช่น การ
ตัดกระดาษเป็นรูปลายกนก ลายดอกไม้ ผลงานตัดกระดาษ เช่น โคมแขวน
บรเิ วณสว่ นกลางจัดแสดงเงินธนบตั รและเหรียญจากประเทศตา่ ง ๆ

๗๓


6.แหล่งเรียนรู้บ้ำนพรหมทินใต้
แหลง่ โบราณคดีบ้านพรหมทินใต้ ต้ังอยู่ท่ีบ้านพรหมทินใต้ หมู่ที่ 11
ตาบลหลุมข้าว อาเภอโคกสาโรง จังหวัดลพบุรี อยู่ห่างจากเทือกเขาวง
พระจันทร์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่บน
พื้นท่ีราบลาดเอียงมาจากทางตะวันออก มีธรณีสัณฐานเป็นลาดตะพักลาน้า
และอยสู่ งู จากระดบั นา้ ทะเลปานกลางประมาณ 20 เมตร หรือหากมองจาก
สภาพภมู ลิ ักษณโ์ ดยรวมของภาคกลาง กล่าวไดว้ ่าแหลง่ โบราณคดีบ้านพรหมใต้
ตั้งอยู่ใกล้สภาพแวดล้อมท่ีหลากหลายมีท้ังที่ลุ่มลานตะฟัก และเทือกเขา
(เขาวงพระจันทร์)
การศึกษาแหล่งโบราณคดีพรหมทินใต้เร่ิม
เม่ือปีพ.ศ. 2529 โดยกรมศิลปากร ได้เข้ามาทา
การสารวจเมืองโบราณในเขตจังหวัดลพบุรี ซึ่งได้
พบเมืองโบราณหลายแห่งรวมไปถึงเมืองโบราณ
บ้านพรหมทินใต้ จากการสารวจครั้งน้ันพบ
หลักฐานประเภทเศษภาชนะดินเผาต้ังแต่เนื้อ
ธรรมดาจนถึงเนื้อแกร่ง ไม่มีการตกแต่งมากนัก
(สันนิษฐานว่าภาชนะผลิตขึ้นในชุมชน) และยังพบ
เครอื่ งถว้ ยแบบจนี สมัยราชวงศ์เหม็ง ภาชนะรูปแบบไหขอม เครื่องเคลือบ
จากกลุ่มเตาศรีสัชนาลัย รวมทั้งยังพบบันทึกภาษาบาลี อักษรปัลวะ
(พุทธศตวรรษที่ 11-12) และอักษรหลังปลั วะ(พุทธศตวรรษท่ี 13)

พ.ศ. 2534 กรมศิลปากรได้ดาเนินการ
ขุ ด ค้ น ภ า ย ใ น วั ด พ ร ห ม ทิ น ใ ต้ บ ริ เ ว ณ
ด้านข้างพระอุโบสถหลังเก่าโดยได้ทาการ
บูรณะพระอุโ บสถหลังเก่า ซึ่งเป็น
พระอุโบสถในสมยั อยุธยา
พ.ศ. 2547 ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัย
ศิลปากร ได้นานักศึกษาพร้อมด้วยคณะอาจารย์มาทาการขุดค้น

๗๔


ภาคสนาม โดยขุดค้นบริเวณด้านทิศตะวันตกของพระอุโบสถหลังเก่าวัด
พรหมทินใต้ และไดม้ ีการดาเนินการขุดค้นต่อเน่ืองอีก 2 คร้ัง ซ่ึงเป็นส่วน
หนึ่งของงานวิจัย 'โบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ชายขอบของ
ภาคกลาง : กรณีศึกษาแหล่งโบราณคดีในเขตท่ีสูงของจังหวัดลพบุรี'
ซึ่งมี ผศ.ดร.ธนิก เลิศชาญฤทธ์ อาจารย์ประจาภาควิชาโบราณคดี
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศลิ ปากรเปน็ ผ้คู วบคมุ และดาเนนิ การวจิ ยั

พ.ศ. 2550 ได้มีการดาเนินการศึกษาและขุดค้นวิจัยต่อโดย
ผศ.ดร.ธนิก เลศิ ชาญฤทธ์ และคณะวิจัย ซึง่ ทาการขดุ คน้ เพม่ิ เตมิ ได้พบหลุม
ฝังศพมนุษย์มี โครงกระดูกมนุษย์ และแม่พิมพ์สาหรับผลิตทองแดง
(ขนาดเล็ก)

จากการสารวจและการขุดค้นอย่างเป็นระบบในแหล่งโบราณคดี
พรหมทินใต้ รวมทั้งการตรวจสอบโบราณวัตถุเช่น เหรียญทวารวดี จารึก
ที่มีชาวบ้านนามามอบให้ และจากการศึกษาช้ันดิน พอสรุปได้ว่ามี 3 สมัย
ดงั น้ี

สมัยท่ี 1 เป็นสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ซ่ึงรวมถึงยุค
สาริดตอนปลายและยุคเหล็ก หลักฐานที่พบได้แก่โครงกระดูกมนุษย์ สิ่งที่
พบร่วมกับโครงกระดูก เช่น ภาชนะดินเผารูปทรงต่างๆ (เกือบท้ังหมดมี
การตกแต่งผิวด้วยการขัดมัน) เคร่ืองมือเหล็ก กาไรสาริด ลูกปัด แวดินเผา
เป็นต้น หลักฐานเหล่านี้พบอยู่ในชั้นดินล่างสุดเท่าท่ีมีการขุดค้น ใน
ขณะนั้น จากการกาหนดอายุเคลือบฟันสุนัขซึ่งพบรวมกับโครงกระดูก
มนษุ ย์อยูร่ ะหวา่ ง 2,500-3,000 ปีมาแล้ว

สมยั ที่ 2 เปน็ ชว่ งท่มี ีการใช้พ้ืนที่ต่อเนื่องยาวนานท่ีสุด ช้ันดินหนา
เฉลี่ยประมาณ 100 เซนติเมตร เป็นชั้นที่วางตัวอยู่ถัดขึ้นมาจากชั้นดิน
ก่อนสมัยประวัติศาสตร์ตอนปลาย หลักฐานท่ีพบจากการขุดค้นมี
หลากหลายเช่น ภาชนะดินเผาแบบต่างๆ โดยเฉพาะภาชนะแบบมีสัน
ลูกปัดแก้ว เบี้ยดินเผา ชิ้นส่วนพวยกา หินดุ ฯลฯ (ราวพุทธศตวรรษที่

๗๕


11-13) นอกจากน้ียังมีการค้นพบเหรียญตามแบบทวารวดี และจารึก
ภาษาบาลี กาหนดอายอุ ยใู่ นชว่ งพุทธศตวรรษท่ี 11-12

สมัยที่ 3 หลักฐานที่พบได้แก่ ซากโบราณสถานก่อด้วยอิฐ
(อุโบสถและเจดีย์) เครื่องปั้นดินเผาเน้ือแกร่ง เครื่องถ้วยสังคโลก เคร่ือง
ถ้วยจนี และเคร่ืองเคลือบสีน้าตาลแบบสุโขทัย เป็นต้น สันนิษฐานว่าน่าจะ
มอี ายรุ าวพุทธศตวรรษท่ี19-22

เมืองโบราณบ้านพรหมทินใต้ ถูกสร้าง
ซ้อนทับลงบนเมืองสมัยโบราณสมัยทวา
ราวดี เมืองพรหมทินใต้ผังเมืองเป็นรูป
ส่ีเหลี่ยมคางหมู มีคูน้าคันดินล้อมรอบตัว
โบราณสถานอยู่ตรงกลาง มีลาน้าโพนทอง
ไหลผ่านทางทิศตะวันออก เนินดินปลูกไร่พริกและไถปรับทาการเกษตร
ปัจจุบันคงเหลือร่องรอยแนวอิฐทางทิศใต้ เเละคูเมืองเดิมบ้างทางทิศ
ตะวันออก ราษฎรส่วนใหญ่มีเช้ือสายลาว ซึ่งอพยพมาจากภาค
ตะวันออกเฉยี งเหนือ เขา้ มาต้ังถ่ินฐานประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว ต่อมา
ไดส้ ร้างวดั และโบสถ์ทบั ลงไปบนซากโบราณเดิม ภายหลังถูกไฟไหม้จนหมด
จึงได้สร้างอาคารไม้สังกะสีข้ึนแทน ในปี พ.ศ. 2543 หน่วยศิลปากรที่ 1
ลพบุรี ได้ทาการขุดแต่งตัวเนินดิน พบว่าโบราณสถานแห่งน้ีเป็น
พระอุโบสถในสมัยอยุธยา ซ่ึงสร้างทับลงไปบนโบราณสถานสมัยทวาราว
ดี ด้านหลังพระอโุ บสถพบแนวอฐิ และฐานพระสถปู สมัยทวาราวดี ซึ่งอยู่ใน
ระดับท่ีต่ากว่าพระเจดีย์รายอีก 3 องค์ ซ่ึงสร้างในสมัยอยุธยาและใต้ฐาน
พบฐานเสมาเดิม 5 ฐาน ใบเสมา พระพุทธรูปหินทราย ภาชระดินเผา
กระปุก ขวด แจกันเคลือบสีน้าตาล เศษกระเบื้อง กาบกล้วย
กระปุกสังคโลก บ้านพรหมทินใต้ จึงเป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัยของมนุษย์มา
ต้ังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ต่อมาพัฒนาเป็นชุมชนเมืองสมัย
ประวัติศาสตร์ท่ีมีการสร้างคูน้าคันดินล้อมรอบ รับอิทธิพลวัฒนธรรม

๗๖


อินเดียในราวพุทธศตวรรษที่ 11-16 ได้พบจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี
และสันสกฤต เหรียญเงิน ลูกปัด เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีการขุดค้นพบ
โคลงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์บริเวณด้านหลังโบราณสถาน
แห่งนี้และพบหลักฐานต่างๆ เช่น เศษภาชนะดินเผา แหวน ลูกปัด กาไล
และหยก กระดดู สตั ว์ทฝี่ งั ไปกบั ศพ

ผศ.ดร.ธนิก เลิศชาญฤทธ์ ท่านได้สรุปผลการศึกษาแล้วทาเป็น
แผน่ พบั โดยมีเนอ้ื หาดงั นี้
ประวตั กิ ำรศึกษำแหล่งโบรำณคดี

การศึกษาแหลง่ โบราณคดีบ้าน
พรหมทินใต้ ต้ังแต่ พ.ศ. 2529
จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2562) จาก
การศึกษาท่ีผ่านมานักโบราณคดีได้
ค้นพบหลักฐานประเภทต่างๆ จานวน
มาก จนอาจสรุปเบ้ืองต้นได้ว่าแหล่ง
โบราณแห่งนี้มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ยาวนาน เร่ิมต้ังแต่ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์ตอนปลาย (ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว) มาจนถึงสมัย
อยุธยาตอนกลาง (ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 21)

ปัจจุบนั พ้ืนทบี่ างสว่ นแหล่งโบราณคดีแห่งน้ถี ูกทาลายจากการปรับ
พื้นที่เพื่อทาการเกษตรกรรมและการสร้างที่อยู่อาศัยของชาวบ้านท่ีอพยพ
มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเม่ือประมาณ 100 ปีมาแล้ว อย่างไรก็
ตาม แหล่งโบราณคดีแห่งน้ียังคงมีร่องรอยหลักฐานด้านโบราณคดีและ
ประวัติศาสตรส์ าหรบั การศึกษาและพฒั นาให้เปน็ แหลง่ เรยี นรู้สาหรับชุมชน
ได้ เช่น ซากโบราณสถาน หลมุ ฝังศพ ตลอดจนโบราณวตั ถปุ ระเภทตา่ งๆ

๗๗


ศนู ยข์ ้อมูลและแหล่งเรียนรู้ด้ำนโบรำณคดี ประวัติศำสตร์ และชำติพันธ์
แห่งพรหมทินใต้

การค้นพบหลักฐานต่างๆ
ที่กล่าวมีส่วนสาคัญต่อการสร้าง
จิ ต ส า นึ ก ใ น ก า ร อ นุ รั ก ษ์ แ ล ะ
พัฒนาแหล่งมรดกวัฒนธรรมแห่ง
น้ี ดังนั้นชาวบ้านพรหมทินใต้
และหมู่บ้านใกล้เคียง รวมท้ัง
เจา้ หนา้ ท่ีฝา่ ยปกครองสว่ นท้องถ่ิน เชน่ นายอาเภอ นายกองค์การบริหาร
ส่วนตาบล กานัน ผู้ใหญ่บ้าน และนักโบราณคดี จึงได้ปรึกษาหารือ
ร่วมกันจนทาไปสู่ในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เพ่ือเป็นแหล่งข้อมูลและแหล่ง
เรียนรู้สาหรับสาธารณประโยชน์
จากการขดุ ค้นทางโบราณคดีทีผ่ ่านมาพบว่าแหล่งโบราณคดีพรหม
ทินใต้ มีหลักฐานเกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษย์โบราณสามารถ แบ่งออก
ไดเ้ ปน็ 2 ยุคสมยั หลกั คอื วฒั นธรรม
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
ยุคประวัติศาสตร์ ซ่ึงพอสรุปลาดับ
วัฒนธ รรม จากการเ ปรียบเทีย บ
โบราณวัตถุ การกาหนดอายุด้วย
วิธีการทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลจาก
การศกึ ษาชนั้ ดนิ ได้ดงั นี้
วัฒนธรรมยุคกอ่ นประวัติศำสตร์
อาจกล่าวได้ว่าเป็นวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายซ่ึง
รวมถึงสมัยสาริด และสมัยเหล็ก หลักฐานสาคัญท่ีพบได้แก่ โครงกระดูก
มนุษย์ ส่ิงของที่พบร่วมกับโครงกระดูก เช่น ภาชนะดินเผารูปทรงต่างๆ
และเครื่องมือเคร่ืองใช้ เคร่ืองประดับหลักฐานเหล่าน้ีพบอยู่ในชั้นดินลึก

๗๘


ประมาณ 2-3 เมตร จากการกาหนดอายหุ ลกั ฐานโบราณคดบี างชนิดทราบ
ว่าวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ท่ีแหล่งโบราณคดีแห่งน้ีมีอายุประมาณ
3,000-1,500 ปมี าแล้ว
วฒั นธรรมยคุ ประวัตศิ ำสตร์

เริ่มต้นในราว 1,500 ปีมาแล้ว ชุมชนโบราณแห่งนี้คงรับ
ศาสนาพทุ ธจากอนิ เดียเข้ามาด้วย เคย
มีรายงานว่าชาวบ้านพบจารึกคาถา
เยธัมมา ซึ่งเป็นคาถาสาคัญในศาสนา
พุทธ พบประติมากรรมรูป “พนัสบดี”
ซึ่งนักวิชาการตีความว่าเป็นการแสดง
ถึงความย่ิงใหญ่ ของศาสนาพุทธ
เหนือศาสนาฮินดู วัฒนธรรมยุคน้ี
เรยี กว่าวฒั นธรรมทวารวดี

การขุดค้นพบหลักฐานท่ีช่วย
ให้เข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงนี้ เช่น
พบว่าในการดารงชีพ ผู้คนคงจับสัตว์
น้า เช่น หอย ปลา เต่า และจับสัตว์บก
จาพวก หมูป่า วัว นก ไก่ ลิง กวาง เก้ง มาเป็นอาหารการทอผ้ายังคง
นิยม และมีการผลิต ภาชนะดินเผาใช้เองจานวนมาก โดยเฉพาะภาชนะ

ประเภทหม้อและชาม ประชากรก็คง
เพิ่มขึ้นมาก มีการขยายพ้ืนท่ีออกไป
โดยรอบ และมีการขุดคูน้า คันดิน
ล้ อ ม ร อ บ ชุ ม ช น ด้ ว ย เ พ่ื อ กั ก เ ก็ บ น้ า
สาหรับการอุปโภค

๗๙


สมัยทวารวดเี ปน็ ช่วงท่ีมีการใช้พื้นที่ยาวนานสืบต่อเน่ืองมาจากยุค
ก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย หลักฐานท่ีพบจากการขุดค้นมีหลากหลาย
เช่น ภาชนะดินเผาแบบต่างๆ

โดยเฉพาะภาชนะแบบมีสัน ลูกปัดแก้ว เบ้ียดินเผา ช้ินส่วนพวย
กา หินดุ ฯลฯ หลักฐานเหล่านี้ บ่งชี้ว่า
น่ า จ ะ จั ด อ ยู่ ใ น ยุ ค ท ว า ร ว ดี
(ราวพุทธศตวรรษท่ี 11-13) อีกทั้งยังมี
รายงานว่ามีการค้นพบเหรียญตราแบบ
ทวารวดีและจารึกภาษาบาลี กาหนด
อายุในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-13

นอกจากน้ี ยังพบอิฐทีม่ แี กลบข้าวผสมอยู่ ซง่ึ แสดงถงึ การปลูก
ขา้ ว ว่าเปน็ สว่ นสาคญั ในการดารงชพี และยังพบหินบดเมล็ดพืชและขา้ ว
ซึ่งตอกย้าว่าข้าวเปน็ อาหารหลักของคนโบราณทช่ี ุมชนโบราณแหง่ นนี้ ้เี ม่ือ
พนั กว่าปีทีผ่ ่านมาจนถงึ สมัยหลงั ๆ ด้วย

๘๐


พิพิธภัณฑ์บ้ำนพรหมทินใต้
จุดจัดแสดง การค้นพบหลกั ฐานตา่ งๆ ท่กี ล่าวมสี ว่ นสาคัญต่อการ
สร้างจติ สานกึ ในการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาแหล่งมรดกวัฒนธรรมแหง่ น้ี
ไดร้ ับงบประมาณจัดสรรจากมลู นิธกิ รงุ เทพประกันภัย ในการสรา้ ง
พิพิธภัณฑบ์ ้านพรหมทนิ ใต้ และการปรบั ปรงุ โดยรอบ
.

๘๑


8
บุคคลสำคัญ
(ทีเ่ ปน็ ผนู้ ำ ซงึ่ มีควำมสำคญั ในด้ำนต่ำงๆ)

8.1 อดตี เจ้ำอำวำส-ปัจจุบนั

8.1.1 วัดเนินสม้ กบ

๑. พระอธกิ ารโน ไม่มีการระบุไว้

๒. พระอธกิ ารตนั โชติปญฺโญ ไมม่ ีการระบุไว้

๓. พระครใู บฎีกาศลิ า ธมมฺ วโร พ.ศ.๒๕๔๗-๒๕๕๘

๔. พระอธกิ ารวชั พงษ์ ธมฺมวโร พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๐

๕. พระประสพชยั ฐติ ธมฺโม พ.ศ.๒๕๖๑-ปจั จบุ นั

8.1.2 วัดโคกพรม

๑. พระอธกิ ารละมูล พ.ศ.๒๕๐๙-๒๕๑๙

๒. พระเพ็ง พ.ศ.๒๕๓๗-๒๕๔๓

๓. พระอธิการบุญมี พ.ศ.๒๕๔๓-๒๕๕๐

๓. พระอธิการคาสิงห์ อิทธฺ ิญาโณ พ.ศ.๒๕๕๑-ปัจจุบนั

8.1.3 วัดธัญญะนิตยาราม

๑. หลวงพ่อยา พ.ศ.๒๓๗๘-๒๔๐๕

๒. หลวงพ่อจนั ทรา พ.ศ.๒๔๐๕-๒๔๕๗

๓. หลวงพ่อบวั ภา พ.ศ.๒๔๕๗-๒๔๙๐

๔. พระครูนิยุตพรหมจรรย์ (ภุมมี สาคโร) พ.ศ.๒๔๙๑-๒๕๒๒

๕. พระครูสกุ ติ ยาภิวัฒน์ (สมยศ ธมมฺ ทินโน)พ.ศ.๒๕๒๒-๒๕๔๒

๖. พระครูศลี สาร (บาน สุวณฺณสาโร) พ.ศ.๒๕๔๒-๒๕๕๘

๗. พระมหาพยนต์ สทธฺ าธิโก พ.ศ.๒๕๖๐-ปจั จบุ ัน

๘๒


8.1.5 วดั พรหมทนิ เหนอื พ.ศ.๒๔๗๗-๒๕๑๕
๑. พระครูประพัฒนส์ ิขการ พ.ศ.๒๕๑๕-๒๕๒๐
๒. พระอธกิ ารสาลี พ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๑
๓. พระสมเจตน์ (รักษาการ) พ.ศ.๒๕๒๑-๒๕๓๐
๔. พระอธกิ ารไม พ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๓๒
๕. พระฉัตรชยั (รกั ษาการ) พ.ศ.๒๕๓๒-๒๕๓๘
๖. พระอธกิ ารเมธี ธมฺมาจาโร พ.ศ.๒๕๓๘-๒๕๖๔
๗. พระอธิการสมบัติ ตปสโี ล พ.ศ.๒๕๖๕-ปจั จบุ นั
๘. พระกติ ติ สเุ มธโส
พ.ศ.๒๕๑๒-๒๕๑๖
8.1.6 วัดพรหมทินใต้ พ.ศ.๒๕๑๖-๒๕๑๙
๑. พระอธกิ ารเทอื ง โชตธิ มโฺ ม พ.ศ.๒๕๑๙-๒๕๒๑
๒. พระอธกิ ารวินยั จนฺทูปโม พ.ศ.๒๕๒๑-๒๕๕๕
๓. พระอธิการเมอื ง ปญฺญาวฑุ ฺโฒ พ.ศ.๒๕๕๖-๒๕๖๑
๔. พระใบฎีกาประเทือง โชติธมโฺ ม พ.ศ.๒๕๖๕-ปัจจบุ ัน
๕. พระพระอธกิ ารสายัณห์ อินฺทวณฺโณ
๖. พระภิญโญ ภรู ิวฑฺฒโน

8.2 โรงเรียนบ้ำนหลุมขำ้ ว

8.2.1 ผู้อำนวยกำรโรงเรยี นบำ้ นหลุมขำ้ ว อดตี ถงึ ปัจจุบัน

1. นายโพธ์ิ วงั บญุ พ.ศ.2464 – 2469

2. นายประกาศ ปอ้ มบุบผา พ.ศ.2469 – 2509

3. นายติง่ จาปางาม พ.ศ.2409 – 2517

4. นายจารสั แสนดวงดี พ.ศ.2517 – 2533

5. นายอาจศิริ ศรีวสิ รณ์ พ.ศ.2533 – 2539

6. นายไพฑูรย์ อิ่มสาราญ พ.ศ.253๙ – 25๕๗

7. นางอรญั ญา งามระยบั พ.ศ.2557 – ปจั จบุ นั

๘๓


8.2.2 ผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียนบำ้ นพรมทิน อดีตถึงปัจจุบนั

1. นายเตี้ยม พรมยายนต์ พ.ศ.2482 – 2514

2. นายวิโรจน์ บุญประดษิ ฐ์ พ.ศ.2514 – 2531

3. นายธวชั ชัย วงษ์ประเสรฐิ พ.ศ.2531 – 2541

4. นายชาติชาย พานิชชอบ พ.ศ.2541 – 2545

5. นายสมชาย ชวนชม พ.ศ.2545 – 2547

6. นายชุณหะวนั สุขประเสรฐิ พ.ศ.2547 – 2548 (รรท.)

7. นายอานวย ปญั ญาแหลม พ.ศ.2548 – 2549

8. นายยุทธพงษ์ โพธ์ิแสร์ พ.ศ.2549 – 2551

9. นายเผด็จ รตั นวงศ์ พ.ศ.2551 – 2553

10. นางนงลกั ษณ์ พลอยบตุ ร พ.ศ.2553 – 2553 (รรท.)

11. นางสาวมณันญา พลชาองั กูร พ.ศ.2553 – ปจั จุบนั

8.3 กำนัน และผใู้ หญ่บ้ำน ตำบลหลุมข้ำว อดตี ถงึ ปัจจุบนั
กานนั ตาบลหลมุ ขา้ ว มีกานันตามลาดับจากอดีตถงึ ปัจจุบัน ดังน้ี

1. นายเคย่ี ม ทาแป้ง
2. นายสังวาล ขุมแร่
3. นายอานวย ดวงจติ ร์
4. นายสันทา แกว้ ทิพย์
5. นายชาญ ดวงจติ ร์
6. นายวเิ ศษ แกเ่ กดิ (ปัจจบุ นั )

๘๔


อดตี ผู้ใหญบ่ ้านตาบลหลุมขา้ ว มผี ูใ้ หญบ่ า้ นตามลาดบั จากอดตี ถึงปจั จบุ นั
ดงั นี้
หมทู่ ่ี 1

1.นายบญุ ศรพี ุธ
2.นายทองคา มกี ารณุ
3.นางบุญยก ดที องงาม
4.นายวันชัย มกี ารุณ (ปัจจบุ นั )
หมู่ท่ี 2
1.นายโมลา ขอ้ กิ่ง
2.นายไพบลู ย์ ข้อก่ิง
3.นายสมชิต เผา่ นอ้ ย
4.นายพงษ์ศักดิ์ เอีย่ มสะอาด (ปจั จุบนั )
หมทู่ ่ี 3
1.นายประเสรฐิ ศรมี ล
2.นายบุญธรรม ใจกระสนั
3.นายสมพศิ แมน้ พรม
4.นายสวงษ์ เผา่ น้อย (ปจั จบุ นั )
หม่ทู ่ี 4
1. นายหา บุญมี
3. นายเท่ียง มาตลาด
2. นายสี บุญเกดิ
4. นายเสนาะ อาญาเมือง
5. นายนกุ ลู ทองพรอ้ มพันธ์
6. นายพัน บัวตา
7. นายนกุ ูล ทองพร้อมพนั ธ์ (ปจั จุบัน)

๘๕


หมทู่ ่ี 5
1. นายเขยี น ธนะธน
2. นายอานวย ดวงจิตร์
3. นายไพบูลย์ ดวงจอมดี
4. นายสนั ติ พิมพา (ปัจจุบัน)

หมทู่ ี่ 6
1. นายคาพู ทาแป้ง
2. นายเกิด ชตู ระกูล
3. นายชาญ ดวงจติ ร
4. นายสมบตั ิ จันทร์น้ยุ
5. นางทุเรียน ทาแป้ง (ปัจจบุ นั )

หมทู่ ่ี 7
1. นายสังวาล ขมุ แร่
2. นายนิพงษ์ ถนอมศกั ด์ิ
3. นายสนั ทา แกว้ ทิพย์
4. นางประเทอื ง มณฑล
5. นายวิเศษ แกเ่ กดิ (ปัจจบุ ันดารงตาแหน่งกานนั )

หมทู่ ่ี 8
1. นายสี โสรส
2. นายคา้ จาปางาม
3. นายสุข จาปางาม
4. นายประเทือง มมุ ทอง
5. นายวโิ รจน์ ชจู ันทร์
6. นานโกมินทร์ ทาแปง้
7. นายประกาศ ทองลพ (ปัจจุบนั )

๘๖


หมูท่ ่ี 9
1. นายเยน็ หอมขจร
2. นายพลู วงั บุญ
3. นายจาลอง หอมขจร
4. นายทองแดง แผน่ ทอง
5. นายชนิ กร แย้มชุมพร (ปจั จุบัน)

หมู่ที่ 10
1. นายแดง บุญประดษิ ฐ
2. นายรอด บญุ ประดษิ ฐ
3. นายโอด บุญประดษิ ฐ
4. นายสุวรรณ ทองดี
5. นายบุญมี บญุ ประดษิ ฐ
6. นายสิมมา บญุ ประดษิ ฐ
7. นายชนะ เลยทา้ ว
8. นายเฉลิมเกยี รติ บุญประดิฐ (ปจั จบุ นั )

หม่ทู ่ี 11
1. นายที ตรที ศ
2. นายจาปา แย้มชมุ พร
3. นายบุญมี หอมสุข
4. นายสมบตั ิ ฉลาดคดิ
5. นายสมควร แย้มชุมพร
6. นายประยงค์ ยง่ิ ยืน (ปจั จบุ ัน)

๘๗


8.4 คณะผูบ้ ริหำรและสภำ อบต.หลุมข้ำว

นำยก อบต.

1. นางสาวละมอ่ ม อุปรี พ.ศ.2544-2556

2. นายทวศี ักดิ์ ขอ้ ก่ิง พ.ศ.2556-ปจั จบุ นั

นายทวศี กั ดิ์ ขอ้ ก่ิง
นายก อบต.หลุมขา้ ว คนปัจจุบนั

อดีตประธำนสภำฯ อบต.หลุมขำ้ ว

1. นายวนิ ยั ศรลี กู วฒั น์ พ.ศ.2544-2556
พ.ศ.2556-ปจั จุบัน
2. นางวิไลวรรณ ทองลพ

นายวิไลวรรณ ทองลพ
ประธานสภา อบต.หลมุ ขา้ ว คนปจั จุบนั

คณะผบู้ ริหำรองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลหลุมข้ำว

1. นายสรุ ไกร น้อยต้งั รองนายก อบต.หลุมขา้ ว

2. นางกลอยวลี พมิ พา รองนายก อบต.หลุมขา้ ว

3. นายจิระ โยธี เลขานุการ อบต.หลมุ ข้าว

๘๘


สมำชิกสภำองค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลหลุมข้ำว ปจั จุบัน

1. นายเสถียร เผ่านอ้ ย รองประธานสภาฯ

2. นายจรูญ ศรสี ุข สมาชิก อบต. ม.1

3. นายธนศกั ดิ์ คาพา สมาชิก อบต. ม.3

4. นางสาวพรพรรณ ทองพรอ้ มพันธ์ สมาชกิ อบต. ม.4

5. นายนา นานอก สมาชิก อบต. ม.5

6. นายอภิสทิ ธ์ิ ขุมแร่ สมาชกิ อบต. ม.6

7. นางสาวปนัดดา ผ่องใส สมาชิก อบต. ม.8

8. นางสาธิกา จาปางาม สมาชิก อบต. ม.9

9. นางพรพิชัย หอมขจร สมาชกิ อบต. ม.10

10.นางกุลวลี ผวิ บาง สมาชิก อบต. ม.11

8.6 คณะกรรมกำรผสู้ งู อำยุตำบลหลุมข้ำว

1. นางวฒั นา สทุ ธจิ นั ทร์ ประธานชมรมฯ

2. นางไพทรู ย์ สขุ ขะ รองประธานชมรมฯ

3. นางทองใบ ดที องงาม ผู้แทนผสู้ ูงอายุ

4. นางวิญญู เวชสกุ รรม ผแู้ ทนผูส้ งู อายุ

5. นางจุฑามณี ปานชุ่มจติ ร์ ผู้แทนผู้สงู อายุ

6. นายบญุ เกดิ บญุ สตู ร ผู้แทนผู้สงู อายุ

7. นายสมาน เสาฮอง ผู้แทนผสู้ งู อายุ

8. นางวัฒนา วงษ์ประเสริฐ ผู้แทนผู้สงู อายุ

9. นางมณิภา สตั ยารมย์ ผแู้ ทนผสู้ ูงอายุ

10. นางสมพงษ์ ชนิ บุตร ผแู้ ทนผู้สูงอายุ

11. นางจรูญ อดุ หนนุ ผู้แทนผู้สงู อายุ

12. น.ส.วนั ทนี อรุณ ผู้แทนผสู้ ูงอายุ

13. นางไพวงษ์ บุญนนั ท์ ผู้แทนผู้สงู อายุ

๘๙


14. นางสมใจ หาทรัพย์ ผู้แทนผูส้ ูงอายุ
15. นางพรรดี อนิ ทะชัย ผู้แทนผ้สู งู อายุ
16. นายหมนุ แก้วคณู ผู้แทนผู้สูงอายุ
17. นายศศิศ แคนทอง เลขานกุ าร

8.7 คณะกรรมกำรวฒั นธรรมตำบลหลุมข้ำว

1. ร.ต.ปราระเมตย์ ศรศี กั ดิ์ ประธานวัฒนธรรม

2. นายไพบลู ย์ เชอ้ื สวย รองประธานฯ

3. นางระเบียบ นาคประสงค์ คณะกรรมการฯ

4. นางไพฑูรย์ สุขขะ คณะกรรมการฯ

5. นางวัฒนา สุทธิจนั ทร์ คณะกรรมการฯ

6. จสอ.สทุ นิ จกั รกฤษณ์ คณะกรรมการฯ

7. นางวัฒนา วงษ์ประเสรฐิ คณะกรรมการฯ

8. นางพยุง ธนะธน คณะกรรมการฯ

9. นางจรญู อุดหนนุ คณะกรรมการฯ

10. นางสาวสมสินธ์ ศรพี รม คณะกรรมการฯ

11. นางอริสษา ดวงประเสรฐิ คณะกรรมการฯ

12. นางวิไลวรรณ ทองลพ คณะกรรมการฯ

13. นางสมคิด ใบกวา้ ง คณะกรรมการฯ

14. นางทศั นีย์ เรอื งวลิ ยั คณะกรรมการฯ

15. นางศรีสดุ า นินทะวัฒน์ คณะกรรมการฯ

16. นางสชุ าดา ลาภะสมั ปนั คณะกรรมการฯ

17. นางคานงึ ชูตระกลู คณะกรรมการฯ

18. นางแววตา คาแพทย์ คณะกรรมการฯ

19. นางกองเงิน ป้อมบุบผา คณะกรรมการฯ

20. นางไพวงษ์ บญุ นันท์ คณะกรรมการฯ

21. นายสนม กลมอ่อน คณะกรรมการฯ

๙๐


8.8 คณะกรรมกำรสภำเดก็ และเยำวชนตำบลหลุมขำ้ ว

1. น.ส.สุพัตรา พรมพนั ธ์ ประธาน

2. นายพงษ์พฒั น์ แยม้ ชุมพร รองประธานคนที่ ๑

3. น.ส.โชตินันต์ ปญั ญาประชุม รองประธานคนท่ี ๒

4. นายพงศพ์ ล เอีย่ มสอาด รองประธานคนท่ี ๓

5. นายกันตินันท์ บัวตา รองประธานคนท่ี ๔

6. น.ส.ภทั ราวรรณ บญุ สบิ เหรัญญกิ

7. น.ส.รงุ่ เจรญิ บญุ มี เลขานกุ าร

8. น.ส.สิริวิมล โชคนิมิต ผช.เลขานกุ าร

9. น.ส.นิรชั ดาพร มมี ขุ คณะผู้บรหิ าร

10. น.ส.ณภัทร แซ่ลอ้ คณะผบู้ รหิ าร

11. น.ส.จิราพร สมสี คณะผบู้ รหิ าร

12. น.ส.ประกายพร กองสา คณะผบู้ ริหาร

13. น.ส.เจนจริ า เนยี นแจม่ คณะผบู้ รหิ าร

14. นายคมสันต์ หอมสขุ คณะผบู้ ริหาร

15. นายณัฐนนท์ ใบกว้าง คณะผู้บริหาร

16. ด.ญ.พมิ ลพชั ร อนภุ าพ คณะผบู้ ริหาร

17. ด.ญ.กญั ญาภทั ร ข้อกิ่ง คณะผู้บริหาร

18. ด.ญ.ธญั รดา คาแพทย์ คณะผู้บรหิ าร

19. ด.ญ.วราศิริ อรณุ คณะผู้บริหาร

20. น.ส.ณัฐภัสสร ดวงจติ ร์ คณะผบู้ ริหาร

21. ด.ญ.ดารนิ ทร์ นินทะวฒั น์ คณะผู้บริหาร

๙๑


8.9 ปรำชญ์ชำวบ้ำน
ปราชญ์ชาวบ้าน หมายถึง บุคคลท่ีเป็นเจ้าของภูมิปัญญาชาวบ้าน
และนาภูมิปัญญาไปใช้ประโยชน์ในการ ดารงชีวิตจนประสบความสาเร็จ
สามารถถ่ายทอดเชอ่ื มโยงคุณคา่ ของอดีตกับปัจจุบนั ไดเ้ หมาะสม
ตาบลหลมุ ข้าวมีอารยธรรมดีงาม เน่ืองจากชาวบ้านหลุมข้าวเป็น
ชาวไทยพวน มีขนมธรรมเนียมประเพณีท่ีสืบทอดกันมาช้านาน ซึ่งขึ้นอยู่
กับพ้ืนที่ของตาบลหลุมข้าวด้วย จึงรวบรวมข้อมูลปราชญ์ชาวบ้าน
ด้านตา่ งๆ ตาบลหลุมขา้ ว ดงั นี้

1.นายไพบูลย์ เชอื้ สวย อายุ 85 ปี
ปราชญ์ชาวบ้าน 1. ด้านการถนอมอาหาร
เช่นการทาหมูส้ม ปลาส้ม ไข่เค็ม
2. ด้านภาษาไทยพวนฯ เชน่ การพดู
การเขยี นภาษาไทยพวน ลาก ลอน ไท ย
พวน รวมถึงการแตง่ กลอนสอนใจ

2.นางระเบยี บ นาคประสงค์ อายุ 72 ปี
ปราชญ์ชาวบ้าน ด้านขนมธรรมเนยี ม
งานพิธีทางศาสนาต่างๆ เช่น งานแต่ง
งานบวช และประเพณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ขนั้ ตอน ขนบธรรมเนียม

๙๒


3.นายสนม ป้อมบบุ ผา อายุ 77 ปี
ปราชญช์ าวบา้ น ดา้ นขนมธรรมเนยี ม
งานพธิ ที างศาสนาต่างๆ เชน่ งานแตง่
งานบวช และประเพณีต่างๆ การสู่ขวัญ
ต้ังแต่เด็ก-ตาย

4.นางไพฑรู ย์ สขุ ขะ อายุ 75 ปี
ป ร า ช ญ์ ช า ว บ้ า น ด้ า น ภ า ษ า แ ล ะ
วรรณกรรม เช่น การร้องเพลงประจาถ่ิน
ร่ายราประกอบจังหวะ การแต่งกายไทย
พวน และใช้ภาษาไทยพวน

5.นางวัฒนา วงษป์ ระเสริฐ อายุ 69 ปี
ปราชญช์ าวบา้ น ดา้ นหตั ถกรรม เชน่
การสาน ตะกร้า กระเป๋า กะบุง เคร่ืองใช้
ต่างๆ ฯลฯ

๙๓


6.นางอนสุ รา ป้อมบบุ ผา อายุ 62 ปี
ปราชญช์ าวบา้ น ดา้ นศลิ ปวัฒนธรรม
เช่น การร้องเพลงประจาถ่ิน ร่ายราประกอบ
จังหวะ การแต่งกาย รวมถึงการแสดงต่างๆท่ี
เป็นวถิ ีไทยพวน

7.นางจรูญ อุดหนุน อายุ 69 ปี
ปราชญช์ าวบา้ น ดา้ นอาชพี
เชน่ การทอผา้ มัดหม่ี การแปรรูปจาก
ผ้าทอ รวมถงึ การออกแบบลวดลายตา่ งๆ
ฯลฯ

8.นายสุเทพ พรมพนั ธ์ อายุ 78 ปี
ปราชญช์ าวบา้ น ด้านหตั ถกรรม เช่น

ไซหาปลา ส่มุ ตะคลอ้ ตะกร้า
กระบุง เข่ง เคร่ืองสานที่ใช้ใน
การประกอบอาชีพ ฯลฯ

๙๔


9.นายสมาน เสาฮอง อายุ 65 ปี
ปราชญช์ าวบา้ น ด้านแพทยพ์ ้นื บา้ นท่รี กั ษาโรคดว้ ยการเป่าคาถา เช่น ลม
พศิ การเปางสู วัด เปาไฟลามทุ่ง เปาลมชัก เป่ายอ่ อายุ เปา่ ปานดง

๙๕


๙๖


สว่ นท่ี 3

บำรมีหลวงปูภ่ มู ิมี
กบั ควำมศรทั ธำ
ของชำวตำบลหลมุ ขำ้ ว

๙๗


ประวัติหลวงปู่ภมู ิมี

หลวงปู่ภูมิมี หรือหลวงพ่อภูมิมี นามสกุลเดิม บุญอยู่ (ฉายาทาง

พุทธศาสนา สาคโร) บ้านเดิมอยู่บ้านหลุมข้าว ตาบลหลุมข้าว หมู่ท่ี 5

อาเภอโคกสาโรง จังหวัดลพบุรี มีบิดาเลี้ยงช่ือทองมา บุญอยู่ มีมารดาช่ือ

นางมิ่ง บุญอยู่ (เปน็ ผูม้ อี ธั ยาศัยใจคอดที ส่ี ดุ ) มญี าติพนี่ อ้ งเดยี วกันคือ

1. หลวงพ่อภูมิมี สาคโร มรณภาพแลว้

2. นางวนั ที แก้วน้าเช้อื ถึงแกก่ รรมแลว้

3. จา่ สินธ์ บุญอยู่ ถึงแกก่ รรมแล้ว

4. นางทองหลอ่ นา้ วเนอื ง ยงั มีชีวิตอยู่

5. รอ้ ยโทเสวย บญุ อยู่ ยังมีชวี ติ อยู่

บวชเณรครัง้ แรกทว่ี ัดสาโรงนอ้ ย อาเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรีและ

จาพรรษาอยู่ ณ วัดนั้น คร้ันถึงอายุครบบวชเป็นพระสงฆ์ก็อุปสมบท

ณ พทั ธสีมาวดั สาโรงน้อย โดยพระอุปัชฌาย์บาน เปน็ อปุ ชั ฌาย์

หลวงปู่ภูมิมี เกิดเม่ือวันอังคาร เดือน 9 ข้ึน 8 ค่าปีจอ

เวลา 5 โมงเช้าเศษ 38 น. ตรงกับ

วันที่ 26 กรกฏาคม พ.ศ.2441

อุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี ณ วันท่ี

21 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ

เดือน 8 ข้ึน 13 ค่า วันศุกร์ปี

มะเมีย เวลา 10.45 น. (พระครู

ภูมิมี สาคโร) นามสมณศักดิ์ พระ

ครูนิยุติพรหมจรรย์มรณภาพเมื่อ

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2522

เวลา 2 ทมุ่ 10 นาที รวมอายุ 82

ปี มีเงินในย่ามเพียง 380 บาท

จากมรรคทายกคน้ พบ

๙๘


ในขณะท่ีหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่สมัยหนุ่มแน่นก็สนใจพระธรรมวินัย
และระเบียบแบบแผนของสงฆ์อย่างเคร่งครัดและดีเยี่ยมนอกจากน้ันท่าน
ยังเปน็ พระนักปฏิบตั ธิ รรมท่ีเคร่งครัด

ในคราวไล่ทหารมีคนมาชวนให้ท่านสึก แต่ท่านไม่ยอมสึกจึงดู
เหมือนเหมอื นกับว่าท่านบวชหนีทหาร แตท่ ่จี รงิ แล้วไม่เปน็ เชน่ นั้น

หลวงพ่อภูมิมีบาเพ็ญเนกขัมมบารมีท่ีแท้จริงเป็นพระเถระผู้ต้ังอยู่
ในฐานะปูชนียบุคคล นับว่าเป็นศรีแก่พระศาสนามาก ประชาชนคนท่ัวไป
เคารพนับถือในปฏิปทาของท่านนั้น เสมอต้นเสมอปลาย ควรแก่การกราบ
ไหว้บูชายิ่งโยมมารดาของท่านแล้วไซร้ชาวบ้านหลุมข้าวพูดเป็นเสียง
เดียวกนั เลยวา่ ใจดีท่สี ุดคนหนึง่

๙๙


ในฐานะหลวงปู่ภูมิมีท่านมีเมตตาธรรม มีใจโอบอ้อมอารีมีชีวิต
ดารงอยู่ในสมณเพศอย่างเรียบร้อยและสมถะที่สุดไม่ว่างานด้านศาสนกิจ
หรืองานส่วนตัว หลวงปู่จะมีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ
อ นุ เ ค ร า ะ ห์ เ ส ม อ เ ก้ื อ ก ลู พ ร ะ ภิ ก ษุ
สามเณร และฆราวาสญาติโยมทุกชั้น
ตามฐานะ บารุงการศึกษาเล่าเรียน
พระปริยัติธรรมและประพฤติปฏิบัติ
ธรรมทั้งในวัดและนอกวัดในวิสัยที่จะ
พงึ ชว่ ยเหลอื ได้ นบั เปน็ คุณงามความดี
ท่ีมีประดับตัวท่าน ญาติโยมและภิกษุ
สามเณรจึงขนานนามท่านเป็นพิเศษ
ว่า “ หลวงปู่ ” ชีวิตของหลวงปู่มี
คุ ณ ค่ า ท า ง ท่ี พ ร ะ เ ณ ร ค ว ร เ อ า
แบบอย่างอันเป็นแนวทางแห่งความ
เจริญของพระศาสนาและความร่มเย็นเป็นสุขของพระพุทธศาสนิกชนผู้
ศรทั ธาสืบไปชั่วกาลนาน เมอื่ ครัง้ บวชใหมๆ่ หลวงปูไ่ ด้ลงไปศึกษาพระธรรม
วินัยเพ่ิมเติมอยู่ท่ีวัดเสาวคนธ์ ระยะหน่ึง กลับจากกรุงเทพฯมาอยู่วัดหลุม
ข้าวออกจากวัดหลุมข้าวไปอยู่วัดบางกะพี้ อ.บ้านหม่ี จ.ลพบุรี ออกจากวัด
บางกะพ้ี ไปอย่วู ดั บางนา้ เชี่ยว อ.พรหมบรุ ี ออกจากวดั บางน้าเช่ียวไปอยู่วัด
เนินส้มกบ (ไปเป็นสมภารวัดเนินส้มกบ) จากวัดเนินส้มกบกลับมาอยู่ท่ีวัด
หลมุ ขา้ ว เนอ่ื งจากวัดหลมุ ข้าวขาดสมภาร ชาวบา้ นจึงนมิ นต์ใหก้ ลับมาอยู่
วัดเดิม มีสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะตาบล อยู่ต่ออีก 1 พรรษา
จึงได้สมณศักด์ิเป็นพระครูนิยุติพรหมจรรย์ ได้เอาใจใส่ต่อวัดวาอารามเป็น
อย่างดีและเป็นสมภารวัดองค์ท่ีส่ีของวัดหลุมข้าว เจ้าอาวาสรูปแรกคือ
หลวงพ่อยา รูปที่สองคือหลวงพ่อจันทรา รูปที่สามคือหลวงพ่อบัวพา
รปู ทสี่ ่ีคือหลวงปูภ่ ูมมิ ี (พระครูนิยุติพรหมจรรย์) รูปท่ีห้าคือหลวงพ่อสมยศ

๑๐


Click to View FlipBook Version