การประชมุวชิาการและเสนอผลงานวจิยั
พชืเขตรอนและกง่ึรอนครง้ัท่ี13
วนัท่ี13พฤษภาคม2564ในรปูแบบออนไลน
ณคณะวทิยาศาสตรและเทคโนโลยี
มหาวทิยาลยัหอการคาไทย
ถนนวภิาวด-ีรงัสติเขตดนิแดงกรงุเทพมหานคร
CRDC13ofAbsBtroaockt
13thNationalConferenceon
TropicalandSub-tropicalCrops
กำหนดการประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและกงึ่ ร้อน ครง้ั ท่ี 13
วนั ที่ 13 พฤษภาคม 2564 ณ มหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย ถนนวภิ าวดี-รังสติ กรงุ เทพมหานคร
เวลา วนั พฤหสั บดที ี่ 13 พฤษภาคม 2564
9.00-9.15 น. กลา่ วตอ้ นรบั โดย ผศ. ดร. สรุ พงษ์ พินิจกลาง
คณบดี คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ
9.30-10.10 น. กล่าวรายงาน โดย รศ. ดร. วารชิ ศรลี ะออง
คณบดี คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี
10.10-10.30 น. พธิ ีเปดิ และบรรยายพิเศษ เรื่อง “ยทุ ธศาสตร์เกษตรไทยในยุค 4.0”
10.30 11.10 น. โดย คุณอลงกรณ์ พลบตุ ร
ทปี่ รึกษารฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
11.10-11.50 น. พักรบั ประทานอาหารว่าง
บรรยายพเิ ศษ เรื่อง "นวัตกรรมการเพม่ิ มลู คา่ ผลผลติ ทางการเกษตร เชิงพาณิชย”์
11.50–13.00 น. โดย ผศ. ดร. อคั รวิทย์ กาญจนโอภาษ
13.00-15.00 น. CEO Food Innopolis และ ผ้ชู ว่ ยผ้อู ำนวยการ สวทช.
13.00-15.00 น. บรรยายพเิ ศษ เร่ือง “การพฒั นาผลิตภณั ฑ์น้ำมงั คดุ จากงานวจิ ัยสสู่ นิ คา้
13.00-15.00 น. นวตั กรรมเชงิ พาณชิ ย”์
13.00-15.00 น. โดย ผศ. เดอื นรงุ่ เบญจมาศ CEO บรษิ ัทสยามโปรฟรตุ ส์ จำกัด
13.00-15.00 น.
13.00-15.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
15.30 -16.00 น.
การนำเสนอภาคบรรยาย Oral Session (O-01-O-08 หน้าที่ 1-8)
ประธาน ผศ. ดร. สรุ พงษ์ พนิ จิ กลาง และ รศ. ดร. วารชิ ศรลี ะออง
การนำเสนอโปสเตอร์ ด้านสารสกัดและเอนไซม์ (PE-001-PE-020 หน้าท่ี 9-28)
ประธาน รศ. ดร. อรพนิ เกดิ ชูชืน่ และ ผศ. รชั นี ไสยประจง
การนำเสนอโปสเตอร์ ดา้ นอาหาร (PF-021-PF-041 หน้าที่ 29-48)
ประธาน ผศ. ดร. เหมอื นหมาย อภินทนาพงศ์ และ ผศ. วชิ ชุดา สงั ขแ์ กว้
การนำเสนอผลงานภาคโปสเตอร์ ดา้ นหลงั การเกบ็ เกย่ี ว (PP-042-PP-055 หนา้ ที่ 49-62)
ประธาน รศ. ดร. ผ่องเพ็ญ จติ อารีย์รัตน์
การนำเสนอผลงานภาคโปสเตอร์ ดา้ นพชื (PR-056-PR-081 หนา้ ที่ 63-88)
ประธาน รศ. ดร. ทรงศลิ ป์ พจน์ชนะชัย
การนำเสนอผลงานภาคโปสเตอร์ ด้านอนื่ ๆ (PZ-082-PZ-095 หน้าท่ี 89-102)
ประธาน รศ. ดร. เฉลมิ ชยั วงษ์อารี และ ผศ. ดร. รตั นชยั ไพรินทร์
พิธีปิด และกล่าวขอบคณุ ผเู้ ขา้ ร่วมประชมุ
ประกาศผ้นู ำเสนอผลงานดีเด่น และแจกรางวลั ผเู้ ข้าร่วมประชุม
ภาคบรรยาย ห้องออนไลนท์ ี่ 1
งานประชุมวชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและก่งึ ร้อน ครงั้ ที่ 13
ลำดับ ชอ่ื เรื่อง หน้า
O-01 การทดสอบประสทิ ธิภาพเชอ้ื รา Metarhizium anisopliae ในการควบคุมหนอนกระทู้ข้าวโพดลาย 1
จดุ ในข้าวโพด
เสาวนิตย์ โพธพิ์ ูนศักดิ์ ภัททิรา ศาตร์วงษ์ พฤทธชิ าติ ปญุ วฒั โท
O-02 ความแตกตา่ งกนั ของเทอร์พีนในมะม่วงนำ้ ดอกไม้ 3 พันธุ์ปลูก 2
ธมกร ตันสกุล สมโภชน์ น้อยจินดา กิตติ โพธปิ ัทมะ สรุ ิยา ฤธาทพิ ย์ เฉลมิ ชัย วงษ์อารี
O-03 อิทธพิ ลของฤดแู ละความเข้มขน้ ของน้ำตาลต่อการติดเมล็ดและพัฒนาฝักของข้าวโพดหวานฮอกไกโด 3
กฤษณา บุญศิริ พัชราภรณ์ สมศรี สทุ ธพิ งศ์ รม่ รน่ื กาญจนา เหลืองสุวาลัย
O-04 ผลของการใช้น้ำตาลไอโซมอลทูโลสในผลติ ภณั ฑเ์ ครื่องดื่มเสรมิ พลงั งาน ต่อลกั ษณะทางเคมกี ายภาพ 4
ประสาทสัมผัส และการปลดปล่อยน้ำตาด้วยการจำลองการยอ่ ยลำไส้ในหลอดทดลอง
พมิ พร์ วี กสุ สลานุภาพ สุภัทร์ ไชยกลุ อลสิ า นานา
O-05 การศึกษาอทิ ธพิ ลของสภาวะที่ใชใ้ นการชงชาโมโรเฮยะ ตอ่ ลักษณะทางเคมีกายภาพ สารออกฤทธิ์ 5
ทางชีวภาพ และความสามารถในการต้านอนุมลู อสิ ระ
ธนาพร มนั่ จอง ชญาภรณ์ ศรณั พฤฒิ สภุ ัทร์ ไชยกลุ
O-06 ผลของการใชส้ ารให้ความหวานแทนนำ้ ตาลในเครื่องดื่มผงขา้ วกลอ้ งโฮลอินวัน สำหรับกล่มุ ผบู้ รโิ ภค 6
อ้วน เบาหวาน นำ้ ตาลสูง
กันตยิ า สุวรกุล Carol Hutchinson สุภัทร์ ไชยกุล
O-07 การใช้ ethanol vapor releasing pad เพ่อื ควบคมุ เชือ้ จุลินทรีย์และคุณภาพของทเุ รียนตดั แต่ง 7
พรอ้ มบรโิ ภค
กลั ยา ศรพี งษ์ ทนั วลี ศรนี นท์ อภิรดี อทุ ยั รตั นกจิ ผอ่ งเพ็ญ จิตอารยี ์รตั น์
O-08 แผน่ ฉนวนหลงั คาดาดฟ้าปลกู ได้จากวสั ดเุ หลือทิ้งทางการเกษตร 8
ขวญั รตั น์ อัสสานนท์ สรวี ัลย์ จงึ เจรญิ นิรธร มณฑล ฐานุตตมวงศ์
ภาคโปสเตอร์ หอ้ งออนไลนท์ ี่ 2
งานประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและก่ึงร้อน ครัง้ ท่ี 13
กลมุ่ PE ด้านสารสกดั และเอนไซม์
ลำดบั ชอ่ื เร่ือง หน้า
PE-001 ผลของรงั สีแกมมาตอ่ คุณภาพทางจลุ ชีววทิ ยาและสมบตั ทิ างเคมีของผงสมนุ ไพรฟา้ ทะลายโจร 9
PE-002 เขมรจุ ิ เข็มทอง วชริ าภรณผ์ ิวลอ่ ง สุรศักด์ิ สจั จบุตร จารรุ ตั น์ เอย่ี มศริ ิ ศิรลิ กั ษณ์ ชูแกว้ 10
PE-003 สารต้านอนมุ ลู อิสระในนำ้ คัน้ ผลส้มซา่ 11
วัฒนา อัจฉริยะโพธา สนิ นี าถ สขุ ทนารักษ์ เบญจางค์ อจั ฉริยะโพธา
PE-004 ผลของความเข้มข้นของเอทานอลต่อการสกดั สารประกอบฟนี อลิก 12
และฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอสิ ระของมะแป่ม
PE-005 สุนนั ท์ นวลเพง็ กษมา ชารโี คตร จรยิ า นวิ งศา 13
PE-006 องค์ประกอบในนำ้ มันหอมระเหยของพชื สกุลขมน้ิ ที่เกบ็ รวบรวมจากพ้ืนทส่ี งู ภทู บั เบิก 14
PE-007 อภิญญา วงศเ์ ปย้ี ชลลดา สามพนั พวง ธีรภทั ร เหลืองศภุ บูลย์ กัญญาภรณ์ พพิ ธิ แสงจนั ทร์ วนิ ยั 15
สมประสงค์ สมชาย บญุ ประดบั
PE-008 ฤทธติ์ ้านเชือ้ แบคทเี รยี ของสารสกดั หยาบจากมะหาด 16
จาตุรงค์ จงจีน ศศธิ ร ธงชัย
PE-009 ผลของสารสกดั จากผักไชยาต่อโรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum sp.) ในพริก 17
จาตุรงค์ จงจนี ศศธิ ร ธงชยั
PE-010 องค์ประกอบเรซิน่ ฤทธยิ์ ับยั้งเชือ้ จุลนิ ทรยี ์ทกี่ ่อใหเ้ กดิ การเน่าเสยี ของเบยี ร์ และฤทธิ์การตา้ นอนุมูล 18
PE-011 อิสระจากสารสกดั ฮอปส์ 19
กรษิ ฐา เดชวนั กิรตกิ านต์ มงุ่ กลาง ภาณุพงศ์ สุ่มหริ ญั มงคล เพญ็ สายใจ
PE-012 ฤทธยิ์ ับยง้ั การทำงานของเอนไซม์ไลเปสจากตบั อ่อนและเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสของ 20
PE-013 กากนำ้ ตาลและสารสกดั 21
PE-014 สุภาภรณ์ เลขวตั อุบลวรรณา ศรีมงคลลกั ษณ์ 22
อิทธพิ ลของการอบแห้งทม่ี ตี ่อสมบตั แิ ละสารออกฤทธท์ิ างชีวภาพของแผน่ ฟลิ ม์ ขงิ ละลายในช่อง
ปาก
ศริ ดา สงั สินชัย ธรี ธ์ วัช เพชรพรประภาส นนท์กฤช ฮุนศรนี พรตั น์ กติ ตธัช ศิรเิ วชพงศ์กลุ ชลิดา
เนยี มนุย้
การพัฒนาแผน่ ฟลิ ์มขงิ ละลายในชอ่ งปาก
ศิรดา สังสนิ ชัย ธรี พัฒน์ เตมิ ธรี พรพมิ ล ธีรานชุ ศรศี รณั ยา ชลิดา เนยี มนุ้ย
การสกดั โพลแี ซคคาไรด์จากวา่ นหางจระเขด้ ว้ ยระบบสารละลายนำ้ สองวฏั ภาคที่มีของเหลวไอ
ออนกิ เป็นองคป์ ระกอบและตรวจวดั ปริมาณนำ้ ตาลโมเลกุลเดย่ี วในโพลีแซคคาไรด์ดว้ ยเทคนิคโคร
มาโตกราฟขี องเหลวสมรรถนะสูง
มณรี ตั น์ มพี ลอย รัตนศริ ิ จิวานนท์ เสาวลกั ษณ์ เรืองศรี
องคป์ ระกอบกลิน่ และกลน่ิ สำคัญในสับปะรด (Ananas comosus [L.] Merr.) พนั ธ์ตุ ราดสที อง
กมลชนก ปญั โญ สมโภชน์ นอ้ ยจนิ ดา กติ ติ โพธปิ ัทมะ สุรยิ า ฤธาทพิ ย์ เฉลมิ ชัย วงษอ์ ารี
คณุ สมบตั ิของรำขา้ วต่อวิธีการสกดั โปรตีนที่เหมาะสม
เรวดี มีสตั ย์ วรี ยุทธ พรหมจนั ทร์ สดศรี เนียมเปรม กุศล เอีย่ มทรัพย์
การชกั นำใหเ้ กดิ ยอดจากช้ินสว่ นข้อพลคู าวในสภาพหลอดทดลองเพ่อื การผลติ พชื สมนุ ไพรอยา่ งมี
คุณภาพ
วรารตั น์ ศรีประพัฒน์ ประกาย อ่อนวมิ ล ภมุ รินทร์ วณชิ ชนานันท์ สพุ นิ ญา บุญมานพ
ลำดบั ชอ่ื เร่อื ง หนา้
PE-015 ผลของการปรับสภาพท่ีสภาวะต่างๆ ตอ่ การยอ่ ยสลายโปรตนี ดว้ ยเอนไซม์และฤทธิ์ตา้ นอนมุ ลู อิสระ 23
DPPH ของกากยีสต์
PE-016 ณฐั หทยั สทุ ธิวงษ์ ปยิ ดา สุขดี 24
การเพิม่ ประสทิ ธิภาพของสารสกัดเปลือกมันฝรงั่ ด้วยเชอ้ื จุลินทรยี ์ Rhizopus oryzae ทแ่ี ยกจาก
PE-017 ข้าวหมาก ต่อฤทธิต์ ้านการทำงานของเอนไซม์ HMG-CoA reductase 25
ณฐั หทยั สุทธิวงษ์ ปยิ ดา สุขดี เพญ็ นภา ชลปฐมพกิ ุลเลิศ วสวัตต์ิ ดำรงคธ์ วัชชัย
PE-018 ผลของ Lactobacillus casei (TISTR 1463) และ Lactobacillus acidophilus (TISTR 1336) 26
PE-019 ต่อปริมาณวติ ามนิ ซี ฟีนอลิก และสารตา้ นอนุมูลอิสระในชาเขยี ว 27
PE-020 พริมา พริ ยิ างกรู อชิรญา แกน่ จันทร์ จฑุ าทิพย์ โพธ์อิ บุ ล 28
พษิ เฉียบพลนั ของสารสกดั หยาบใบมะรุมตอ่ ปลานิลแดง
PE-096 จริ าพร กุลคำ สมงิ จำปาศรี กิตติมา วานชิ กูล วราภรณ์ ใจเย็น 103
ฤทธติ์ า้ นเช้ือแบคทีเรยี ของสารสกัดหยาบจากใบไชยา
ศศธิ ร ธงชัย จาตรุ งค์ จงจนี
ฤทธย์ิ ับย้ังแบคทเี รียของน้ำมนั หอมระเหยจากพืชวงศ์กะเพราบางชนดิ ต่อเช้ือสเตร็ปโตคอคคสั มิว
แทนส์
เพลินพิศ ยะสินธ์ิ เยยี่ มศิริ มณพี ิศมัย เพชรรตั น์ ไกรวพนั ธุ์
การศกึ ษาสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระในมะมว่ งหาวมะนาวโห่เพือ่ พัฒนาเป็นเครื่องดมื่ สุขภาพ
ชัชฎาพร องอาจ และ แสงอรณุ สมิงไพร
ภาคโปสเตอร์ ห้องออนไลนท์ ี่ 3
งานประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและก่ึงร้อน คร้งั ที่ 13
กลมุ่ PF ดา้ นอาหาร
ลำดับ ชอ่ื เรอ่ื ง หนา้
PF-021 การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์กัมมเ่ี ยลลม่ี ะม่วงหาวมะนาวโห่ 29
PF-022 มชั ฌิมา แสนวงั กษมา ชารีโคตร 30
PF-023 การผลติ เมด็ บดี ส์นำ้ สบั ปะรดผสมโปรไบโอติกดว้ ยเทคนคิ รเี วริ ส์ สเฟียริฟเิ คชนั่ 31
กติ ติ เมืองตุ้ม
PF-024 การวเิ คราะห์ปรมิ าณไซยาไนดใ์ นมนั สำปะหลังแผ่นด้วยเทคนคิ สเปกโตรสโคปโี ดยใช้ปฏกิ ริ ยิ าการ 32
PF-025 เกดิ สารประกอบสีมว่ งไดแอนไอออนของโอไนโตรฟีนิลไฮดรอกซีลามีน 33
PF-026 นงนุช สงั ขอ์ ยทุ ธ์ ชนากานต์ นาคเวช สวามนิ ี ไชยสวัสด์ิ กนกพร ไตรวิทยากร ร่งุ ทิวา วงศกร 34
PF-027 ทรพั ย์ 35
การใชป้ ระโยชนจ์ ากกากขา้ วโพดหวานเพ่ือทดแทนแป้งสาลีในบราวนี่ บงกชมาศ โสภา เสาวนยี ์
PF-028 ฝัดศิริ ศุภรา จันทร์คืน 36
ผลของการใช้แปง้ มันเทศสีสม้ และแปง้ ข้าวฟ่างตอ่ คณุ ภาพของเสน้ พาสต้าปราศจากกลเู ตน
PF-029 ญาดา ทบั ทมิ ภทั รภรณ์ อตุ มะโน นาถสุดา ขจรพงษ์ศรี ดวงใจ มาลยั 37
ผลของคาราจีแนนตอ่ คณุ ภาพพุดดง้ิ ธญั ชาติ
PF-031 ธนวรรณ เพ็งชยั ศยามน ปรยิ าจารย์ 38
PF-032 ผลของกากน้ำตาล และคารบ์ อกซีเมลทลิ เซลลโู ลสทีผ่ ลิตจากอตุ สาหกรรมออ้ ยและน้ำตาลต่อการ 39
PF-033 ผลติ คกุ กี้เพอ่ื สขุ ภาพ 40
PF-034 วราภรณ์ ศรเดช สุภาภรณ์ เลขวัต 41
การศึกษาคณุ สมบัตพิ รีไบโอตกิ ของแป้งชนิดตา่ งๆ ที่เหมาะสำหรับจลุ ินทรีย์พรีไบโอติกท่ีมี
PF-035 ความสมั พันธ์กับโรคลำไสแ้ ปรปรวน 42
PF-036 ศศวิ มิ ล พลเยี่ยม สุภจั รี เรืองสมวงษ์ สภุ าภรณ์ เลขวตั 43
ผลของอุณหภูมอิ บแห้งตอ่ ปรมิ าณสารประกอบฟนี อลิกทั้งหมด ฤทธกิ์ ารตา้ นอนุมลู อิสระและการ
อยูร่ อดของเชือ้ โพรไบโอติกในโยเกริ ต์ ผงจากถวั่ ลกู ไก่หลงั การทำแห้งแบบพ่นฝอย
อบุ ลวรรณา ศรมี งคลลักษณ์ นภสร น่มิ กลนิ่ สภุ าภรณ์ เลขวตั
ผลของสารเพ่มิ ความคงตัวต่อคณุ ภาพของไอศกรมี เชอรเ์ บทมะมว่ งมหาชนก
ดาริกา มากคงดี พชั รพร พรมระเรงิ ศรัญญา วอขวา
แตงโมแผ่น : วธิ ีใหมใ่ นการเตรยี มแตงโมแผน่ โดยปราศจากการใช้วตั ถุเจือปนอาหาร
ดาริกา คงชมแพ่ง ธนัชชา เทยี มเดช นิพร เดชสุข พรรณจริ า วงศส์ วสั ดิ์
การผลิตโยเกิร์ตขา้ วดำ “แมพ่ ญาทองดำ”
ปญุ ญิศา วฒั นะชยั สรุ ีรัตน์ ราศรดี ี หยาดร้งุ สวุ รรณรัตน์
ผลของการใชม้ ิวซิเลจจากเม็ดแมงลักในการทดแทนไข่แดงบางส่วนตอ่ ลักษณะทางด้านประสาท
สัมผัส องคป์ ระกอบทางกายภาพและเคมีของชิฟฟอ่ นเค้ก
ศริสา ทวีแสง วารนิ ทร์ รงั วสั สา สุภาวดี บดุ ทะสี
การศกึ ษาความเป็นไปไดใ้ นการวดั ค่าสมี ะเขอื เทศด้วยสมารท์ โฟนและกล้องดิจิทลั
เหมือนหมาย อภินทนาพงศ์ วชิ ชดุ า สงั ข์แกว้ เสาวนยี ์ เอีย้ วสกลุ รตั น์
การศกึ ษาการอบแหง้ โฟมสาหรา่ ยผักกาดทะเลด้วยอากาศรอ้ นและอากาศรอ้ นร่วมกับการแผ่รงั สี
อนิ ฟราเรดไกล
รตยิ า ธุวพาณิชยานนั ท์ ดลฤดี ใจสุทธิ์ อนสุ รณ์ เช้ือสามารถ จันทนา ไพรบรู ณ์
ลำดับ ชื่อเร่อื ง หนา้
PF-037 การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์เส้นบะหมอ่ี บแหง้ เสริมผงจ้งิ หรดี 44
PF-038 อรลัดา เจอื จันทร์ กญั ญามาศ สายยศ อภญิ ญา การะเกต 45
PF-039 ประเมนิ พันธข์ุ า้ วโพดหวานสมี ่วงแดงทเ่ี หมาะกบั การแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑ์ไอศกรีมและชาจากไหม 46
ชฎามาศ จิตตเ์ ลขา บงกชมาศ โสภา เสาวนีย์ ฝดั ศิริ ชูศักด์ิ จอมพุก
PF-040 สภาวะท่ีเหมาะสมในการพาสเจอรไ์ รส์พิวเร่เยอ่ื หุ้มเมล็ดและเน้ือฟักขา้ วต่อปริมาณไลโคปีน 47
PF-041 และเบต้าแคโรทนี 48
ณัฎวลณิ คล เศรษฐปราโมทย์ นติ ยา ภูงาน
ฤทธกิ์ ารต้านเชอื้ ราทเ่ี ปน็ สาเหตขุ องการเสอ่ื มเสียของขนมปังของสารสกัดจากเปลอื กสับปะรด
นิรมล ปัญญ์บศุ ยกุล เพญ็ ทชิ า สขุ ทรพั ย์ อษิ ยา ยอดยงิ่
การใชส้ ารใหค้ วามหวานในผลิตภณั ฑพ์ ดุ ดิ้งเพอื่ สขุ ภาพ
วชิ ชดุ า สงั ข์แก้ว ภชั รี สิทธกิ ิจโยธิน สวุ โรจน์ อัครพรพิทักษ์
ภาคโปสเตอร์ ห้องออนไลน์ที่ 4
งานประชุมวชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตร้อนและกงึ่ รอ้ น ครัง้ ที่ 13
กลุ่ม PP ด้าน Post-Harvest
ลำดับ ช่อื เรอื่ ง หนา้
PP-042 การประยกุ ตใ์ ชร้ ังสีเอกซ์ในมะม่วงเขียวเสวยเพอ่ื การส่งออก 49
สุรศกั ด์ิ สัจจบุตร เขมรจุ ิ เขม็ ทอง จารรุ ตั น์ เอีย่ มศริ ิ ทศพล แทนนรนิ ทร์
PP-043 นงคน์ ชุ แจ้งสวา่ ง วชริ าภรณ์ ผวิ ลอ่ ง วณชิ ล่ิมโอภาสมณี วรารตั น์ คำหวาน ศริ ิลักษณ์ ชแู กว้ ฐติ ิมา 50
คงรตั นอ์ าภรณ์
PP-044 ประสิทธภิ าพของสารสกัดจากรงั ไหมตอ่ การลดการเกดิ สนี ำ้ ตาลของมะม่วงน้ำดอกไม้ตดั แต่งพร้อม 51
บริโภค
PP-045 ชลดิ า ฉมิ วารี สุรยิ ัณห์ สภุ าพวานชิ เฉลมิ ชัย วงษ์อารี ชัยรัตน์ เตชวฒุ ิพร รชา เทพษร พนดิ า บญุ 52
PP-046 ฤทธธ์ิ งไชย 53
PP-047 ผลของสารแคลเซยี มโบรอนกอ่ นการเก็บเก่ยี วร่วมกับกรดซาลไิ ซลิคหลังการเกบ็ เกยี่ วตอ่ การลด 54
PP-048 อาการไส้สนี ้ำตาลในสับปะรดพันธุป์ ัตตาเวีย 55
PP-049 ไชยภร เกบ็ เงิน อภิรดี อมุ ยั รตั นกจิ เฉลิมชยั วงษอ์ ารี ผอ่ งเพญ็ จติ อารรี ตั น์ สุกัญญา เอ่ียมลออ 56
PP-050 รตั นา รงุ่ ศิรสิ กลุ พนดิ า บญุ ฤทธธ์ิ งไชย 57
PP-051 ผลของสารสกัดจากใบชาในการยับยัง้ เชือ้ ราสาเหตโุ รคขว้ั หวเี น่าของกลว้ ยหอม 58
PP-052 Zaryab Raza กัลยา ศรีพงษ์ อภิรดี อทุ ัยรัตนกิจ ณัฏฐา เลาหกุลจติ ต์ พนดิ า บุญฤทธิ์ธงไชย 59
ผอ่ งเพ็ญ จิตอารยี ์รตั น์
ประสิทธิภาพของนาโนซิงคอ์ อกไซด์รว่ มกบั น้ำตาลตอ่ การลดปรมิ าณเชอื้ จุลินทรียใ์ นน้ำยาปกั แจกนั
และปรบั ปรุงคณุ ภาพดอกกล้วยไมส้ กลุ แวนดา้ พันธสุ์ นั ทรายบลู หลงั การเกบ็ เกีย่ ว
วิรัญญา แพง่ พนม จุฑามาศ พร้อมบญุ ผ่องเพ็ญ จิตอารีย์รตั น์ มณั ฑนา บัวหนอง
การศกึ ษาความเปน็ ไปได้ของสารเคลอื บไคโตซานผสมเอเอ็มพแี ละแอนโทไซยานนิ ในการตรวจสอบ
การเกดิ สภาวะที่ไมใ่ ชอ้ อกซเิ จนในแบบจำลองภาชนะบรรจุผลิตผลสด
จฑุ าทพิ ย์ โพธ์อิ บุ ล กฤษญา เนตรประไพ พริมา พิริยางกรู
การศกึ ษาความเป็นไปไดข้ องสารเคลือบไคโตซานผสมเอเอ็มพแี ละแอนโทไซยานินในการตรวจสอบ
การเกิดสภาวะทไี่ ม่ใชอ้ อกซเิ จนในแบบจำลองภาชนะบรรจผุ ลติ ผลสด
จุฑาทพิ ย์ โพธอ์ิ บุ ล กฤษญา เนตรประไพ พรมิ า พริ ิยางกรู
คณุ สมบตั ทิ างกายภาพ และชีวเคมขี องฟลิ ์มไคโตซานผสมกรดแกลลกิ สำหรบั บรรจภุ ัณฑ์ผลิตผล
สด
พรมิ า พริ ยิ างกรู ชลิตา แสงทอง จุฑาทพิ ย์ โพธิ์อุบล
การบรรจแุ บบปรับบรรยากาศต่อคณุ ภาพเมล็ดในพริกแหง้ พนั ธุ์ ‘หัวเรอื ’ ระหวา่ งการเก็บรกั ษา
วิศณีย์ โพธหิ์ ล้า เฉลมิ ชัย วงษ์อารี วาริช ศรีละออง ทรงศลิ ป์ พจน์ชนะชัย
การตรวจสอบการปนเปอ้ื นของจลุ นิ ทรยี ใ์ นกระบวนการผลิตผลติ ภัณฑ์ทุเรยี นฟรีซดราย
ชาลนิ ี พนิ ผงึ้ เบญจวรรณ ธรรมธนารักษ์ สาวติ รี วทัญญูไพศาล
ผลการยับยงั้ ร่วมของการใช้เกลืออนินทรีย์กลุ่ม GRAS ร่วมกบั water activity ตอ่ อัตราการเจริญ
ของเชอ้ื รา Aspergillus flavus ท่ีคัดแยกไดจ้ ากพรกิ ไทยดำ (Piper nigrum L.)
สพุ รรณกิ าร์ สมใจเพ็ง ณัฐนันท์ เนยี มโสต
ลำดบั ชือ่ เรือ่ ง หน้า
PP-053 ผลของสารเคลอื บผวิ คาร์บอกซิล เมทลิ เซลลูโลสจากใบข้าวโพดตอ่ คุณภาพของพรกิ สดระหว่างการ 60
เกบ็ รักษา
PP-054 นติ ยา ภงู าม อรอุมา นิลดา วชิราภรณ์ เสาแก้ว ณฎั วลิณคล เศรษฐปราโมทย์ อาทิตยา ดวงสุ 61
PP-055 พรรณ์ 62
ผลของสารสกดั จากเปลอื กมงั คดุ ตอ่ การยับยง้ั เชื้อราโรงเก็บในเมล็ดพันธุ์ทานตะวนั
นิภาดา ราญมีชัย ทรงศิลป์ พจนช์ นะชัย
ผลของจบิ เบอเรลลกิ แอซิดตอ่ การงอกของเมลด็ มะละกอพันธ์ฮุ อลแลนด์
เยาวรตั น์ วงศศ์ รีสกุลแกว้ กนกพร แตงสขุ ชลธชิ า ขนายงาม นิยม บวั บาน
ภาคโปสเตอร์ หอ้ งออนไลน์ท่ี 5
งานประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและกง่ึ รอ้ น ครง้ั ที่ 13
กล่มุ PR ดา้ นพชื
ลำดบั ชอื่ เรอ่ื ง หน้า
PR-056 ผลของแคลเซียม แมกนีเซยี ม และสงั กะสี ตอ่ การฉดี พน่ ทางใบเพื่อเพมิ่ ผลผลิตและการประเมนิ การเกดิ 63
โรคใบไหมใ้ นข้าว (Oryza sativa L. )
PR-057 เฉลมิ ชัย แพะคำ จตพุ ล คนเสงยี่ ม ปิยะนันท์ ประสงิ ห์ วิพรพรรณ์ เนือ่ งเมก็ 64
การแยกและคดั เลือกเชื้อราไตรโคเดอร์ สปชี ีส์ จากดนิ สำหรบั ยบั ยง้ั เชอื้ รา Phytophthora
PR-058 colocasiae 65
เพชรพิกุล ขำออ่ น กมลวรรณ สนใจยิ่ง
PR-059 ประสทิ ธิภาพการใชส้ ารโซเดียมคลอไรท์ทม่ี ีฤทธิ์เป็นกรดต่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของไมโครกรีน 66
ปณุ ิกา แสงสุข ปรยี านชุ แสงประยูร มธรุ ส ขมุ ทองวัฒนา ไชยพร เก็บเงิน มณั ฑนา บวั หนอง พนิดา
PR-060 บญุ ฤทธ์ธิ งไชย 67
อิทธิพลของปุ๋ยพืชสดบางชนิดต่อการเจริญเติบโต ผลผลติ ของผักคะน้า
PR-061 และการสะสมธาตไุ นโตรเจนภายใต้สภาพดินลกู รงั 68
PR-062 จิรายทุ ธ เทยี มสม วมิ ลนนั ทน์ กันเกตุ 69
PR-063 ผลของกระบวนการออกซเิ ดชัน่ ชัน้ สงู (H2O2/UV-C) รว่ มกบั ฟองก๊าซขนาดไมโครนาโนตอ่ การกระตุ้น 70
การสร้างสารพฤกษเคมี และสารต้านอนมุ ลู อสิ ระในไมโครกรนี ไควาเระ
PR-064 สวุ นนั ท์ ยอดสาร พรพรรณ เลก็ ขำ อารลี กั ษณ์ แกว้ เลก็ Surisa Phornvillay จริ าพร ออ่ นศรีทอง 71
วารชิ ศรลี ะออง ณฐั ชยั พงษป์ ระเสริฐ
PR-065 ผลของปุย๋ อดั เมด็ มูลจิ้งหรีดตอ่ การเจริญเตบิ โตของผกั กาดหอม 72
PR-066 ปรชั วนี พบิ ำรงุ ฐติ ริ ตั น์ แซ่วื้อ 73
PR-067 การเจรญิ เติบโตและปริมาณไนเตรทในผักกาดหอมท่ีปลกู ด้วยระบบไฮโดรโปนกิ ส์ 74
PR-068 ปรชั วนี พบิ ำรงุ กชกร ประคองสขุ 75
PR-069 การศกึ ษาระยะเวลาในการใหน้ ำ้ ทเี่ หมาะสมสำหรับการปลกู ขา้ วไรซเ์ บอรีท่ ่มี ผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตและ 76
ผลผลิต
เรวัตร จินดาเจย่ี จักรกฤษณ์ ศรแี สง พงษศ์ กั ด์ิ แกว้ ศรี จรรยา ม่งุ งาม บณั ฑติ า เพญ็ สรุ ยิ ะ นำ้ ฝน ชาชัย
ผลของการประยุกตใ์ ชป้ ยุ๋ หมกั จากมลู โคนมตอ่ การเจรญิ เติบโตและผลผลติ ของข้าวไรซเ์ บอรี่
จรรยา ม่งุ งาม สุรสิทธ์ิ วงษส์ ัจจานนั ท์ พงศกร นติ ย์มี เตชิตา ปน่ิ สันเทยี ะ ภทั รา ประทับกอง เรวตั ร
จนิ ดาเจย่ี
ผลของชนิดพันธุ์มะพร้าวทะเลทรายตอ่ การงอกของเมล็ดและการพฒั นาในสภาพปลอดเชือ้
ยพุ าภรณ์ วิริยะนานนท์ กลุ จริ า พรรณปัญญา
การเปรยี บเทยี บการเจรญิ เติบโตของกาแฟอราบกิ าและโรบสั ตาในจงั หวดั สงขลา
ชตุ กิ าญจน์ แสนเสนาะ ระวี เจยี รวิภา
ผลของอุณหภมู กิ ารเกบ็ รกั ษาตอ่ การเปลย่ี นแปลงลักษณะทางสรรี วทิ ยาและคณุ ภาพของผลโกโก้
นฐั รษิ า ลิ่มจำเรญิ อดิเรก รักคง สภุ าณี ชนะวรี วรรณ ระวี เจยี รวภิ า
ระยะปลูกทเ่ี หมาะสมสำหรับการผลติ งาอนิ ทรยี ใ์ นชุดดนิ สนั ทราย
เนตรนภา อนิ สลุด พรี พันธ์ ทองเปลว ปรญิ ญา มรดกพนา
ลักษณะทางการเกษตร และการศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหว่างองคป์ ระกอบผลผลิตของถว่ั เขยี ว 8 สาย
พันธุ์/พนั ธุ์
ธนพร ขจรผล ณฐั ธชิ า คำนลั ท์ พนาวัลย์ คำภา ชลธิรา แสงศิริ
ลำดับ ชอื่ เร่อื ง หนา้
PR-070 ประสิทธิภาพสารเคมอี นุภาคนาโน CuO และ ZnO ในการยบั ยงั้ การเจรญิ เสน้ ใยเชื้อรา Pyricularia 77
oryzae สาเหตโุ รคไหม้ของข้าว
PR-071 ณฐั ฏพุฒ โพธ์ิวรสุนทร ปฐั วภิ า สงกมุ าร 78
ผลการกระต้นุ การงอกเมลด็ แคสตัส (Gymnocalycium sp.) ดว้ ยแสงสีชนิดตา่ งๆ และฮอร์โมน
PR-072 Gibberellin 79
PR-073 พงศกร นติ ยม์ ี ณรงคศ์ กั ด์ิ กุลกรนิ ธี รรม จกั รกฤษณ์ ศรีแสง เตชติ า ป่นิ สนั เทยี ะ ภัทรา ประทบั กอง เร 80
PR-074 วัตร จินดาเจย่ี พงษ์ศกั ดิ์ แกว้ ศรี สุรสทิ ธ์ิ วงษ์สจั จานนั ท์ 81
PR-075 ศึกษาเปรียบเทยี บการเตบิ โตและผลผลติ ของพริกขห้ี นูหวั เรอื 82
สุดใจ ลอ้ เจรญิ จีรภา ออสตนิ จันทนา โชคพาชน่ื รัชนี ศิรยิ าน
PR-076 เปรียบเทยี บการเติบโตและผลผลิตของพรกิ ชอ่ ในศูนยว์ จิ ยั พืชสวนศรสี ะเกษและไรเ่ กษตรกร 83
PR-077 สดุ ใจ ล้อเจริญ จีรภา ออสติน จนั ทนา โชคพาชนื่ รัชนี ศริ ยิ าน 84
PR-078 ผลของสารควบคุมการเจริญเตบิ โตพืชท่ีมผี ลตอ่ คณุ ภาพผลน้อยหน่าลูกผสมพันธ์ุ‘ฝา้ ยเขยี วเกษตร2’ 85
โยทะกา รมยาสัย เจนจิรา ชุมภูคำ อารยา อาจเจรญิ เทยี นหอม
PR-079 ชนิดและอตั ราสว่ นของถ่านชวี ภาพจากวัสดเุ หลือทิ้งทางการเกษตร ตอ่ การเจรญิ เติบโต และผลผลิตของ 86
ผกั กาดขาวปลี ที่ปลกู ในพน้ื ท่ีตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จงั หวัดเพชรบูรณ์
PR-080 อิสระ ตัง้ สุวรรณ์ เกศศริ ินทร์ แสงมณี 87
PR-081 การใช้ GA3 และ CPPU เพ่ิมขนาดผลองุน่ รบั ประทานสด ‘White Malaga’ 88
สุวรรณา วนั คำ เกรยี งศักดิ์ ไทยพงษ์ ภาสันต์ ศารทลู ทตั
การใช้ NAA และ CPPU เพม่ิ ขนาดผลแก้วมังกรเหลอื งอิสราเอลนอกฤดู
พรรณวดี แกว้ มณี ธีร์ หะวานนท์ ภาสนั ต์ ศารทูลทตั
ผลของสารควบคมุ การเจริญเตบิ โตในการเพาะเล้ยี งเนื้อเยื่อแกว้ สารพดั นกึ (Alocasia sanderiana
W. Bull.)
วลั ยา มงคลสวัสด์ิ ทัศนัย ปัญจนั ทรส์ งิ ห์ มานติ นรบัติ พลอยทิพย์ เวยี งสมทุ ร สุกญั ญา ทองเพ็ญ
การคัดเลือกพนั ธ์ุมะเขือเทศตา้ นทานโรคเหีย่ วเขียว
รชั นี ศริ ยิ าน เสาวนี เขตสกลุ จรี ภา ออสติน วีรยทุ ธ ดัดตนรมั ย์ รงุ่ นภา ทองเครง็ ณัฎฐิมา โฆษติ
เจรญิ กุล
การคัดแยกจลุ ินทรยี ย์ อ่ ยสลายฟอสเฟตจากดนิ แปลงนาข้าวอนิ ทรยี ใ์ นจงั หวดั สรุ ินทร์
อรลดั า เจอื จันทร์ นอิ ร งามฮยุ อุไรลกั ษณ์ พงษ์เกษ
ความหลากหลายทางชวี ภาพและการใช้ประโยชน์ของพชื วงศบ์ านไม่รูโ้ รยและวงศท์ านตะวนั ในกลมุ่ ชาติ
พนั ธม์ุ ง้ บนพนื้ ที่สงู ภทู บั เบกิ ตำบลวงั บาล อำเภอหล่มเกา่ จงั หวัดเพชรบรู ณ์
ธีรภทั ร เหลืองศุภบลู ย์ วภิ าวี ชั้นโรจน์ อภญิ ญา วงศเ์ ปย้ี ขนษิ ฐา วงศ์วฒั นารตั น์
ภาคโปสเตอร์ ห้องออนไลน์ที่ 6
งานประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึ่งร้อน คร้ังท่ี 13
กลุ่ม PZ ดา้ นอื่นๆ
ลำดบั ช่อื เรื่อง หนา้
PZ-082 การวเิ คราะห์การท่องเทย่ี วโดยชุมชนบ้านถ้ำเสอื :การประยกุ ต์ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 89
PZ-083 สาวติ รี รงั สิภทั ร์ 90
PZ-084 การอนรุ กั ษเ์ ชื้อพันธกุ รรมเจตมลู เพลิงแดงในสภาพปลอดเช้อื 91
PZ-085 สกุ ัลยา ศิริฟองนุกูล 92
การอนรุ กั ษ์พชื สกลุ Kaempferia ดว้ ยเทคนิคการชะลอการเจริญเตบิ โตในสภาพปลอดเชื้อ
PZ-086 สุกลั ยา ศิรฟิ องนุกูล 93
PZ-087 การหาสภาวะทเ่ี หมาะสมตอ่ การปรับสภาพชานออ้ ยดว้ ยไมโครเวฟรว่ มกบั กรดซัลฟูรกิ โดยวธิ ี 94
พื้นผิวตอบสนอง
PZ-088 อรณชิ า รูจีพันธ์ จฑุ ามาศ ยิม้ แย้ม สุชีรา เหลา่ เจริญ ปรญิ ญพนั ธ์ุ เพชรจรัส 95
การอนรุ ักษ์ดองดึงโดยวธิ กี ารชะลอการเจรญิ เตบิ โตในสภาพปลอดเชอ้ื
PZ-089 สุพนิ ญา บญุ มานพ 96
PZ-090 ผลของบรรจุภณั ฑ์ขายปลีกต่อคุณภาพ และอายกุ ารวางจำหนา่ ยของกล้วยหอมทอง (Musa 97
PZ-091 acuminata) 98
วสิ ะนี เหนอื เมฆิน รชั นวี รรณ กลุ จันทร์ พรธรี า รตั นรัตน์ ภทั รพร เรยี งภริ มย์
PZ-092 การขยายพนั ธต์ุ น้ นางแย้ม (Clerodendrum chinense (osbeck) Mabb.) โดยวิธกี ารเพาะเลย้ี ง 99
PZ-093 เนอื้ เยอ่ื 100
PZ-094 ธนิดา ยงยนื พชั รี สินนุ าวา 101
PZ-095 การจำแนกหอมแดงจากแหลง่ ปลกู ต่างๆ ของประเทศไทย 102
จันทนา โชคพาชนื่ รัชนี ศิริยาน เสาวนี เขตสกลุ จริ ภา ออสติน
การจำแนกกระเทยี มจากแหลง่ ปลูกต่างๆ ของประเทศไทย
จนั ทนา โชคพาช่ืน รัชนี ศิรยิ าน เสาวนี เขตสกุล จริ ภา ออสตนิ
การยบั ยั้งเชอื้ รา Lasiodiplodia theobromea สาเหตุโรคผลเน่าของมงั คดุ ดว้ ยไฮโดรเจนเปอร์
ออกไซด์
นฤมล ปยิ ะเสถยี รรตั น์ ผอ่ งเพญ็ จิตอารยี ร์ ตั น์ วารชิ ศรีละออง อภริ ดี อทุ ัยรตั นกิจ กลั ยา ศรีพงษ์
ธนะชยั พันธเ์ กษมสุข
การลดคาร์บอนไดออกไซดใ์ นแก็สชวี ภาพ โดยใช้ Sodalime แบบหนึ่งขน้ั ตอน และ 2 ขั้นตอน
วารุณี ลมิ่ มน่ั รตั นชัย ไพรินทร์
การผลิตไบโอดเี ซลในประเทศไทย: A Review
วารุณี ลมิ่ มน่ั รตั นชยั ไพรินทร์
การออกแบบบรรจภุ ัณฑ์อาหารสำหรบั ผสู้ ูงอายุ
รัชนวี รณ กุลจนั ทร์ สุภาวดี ธรี ธรรมากร ภัทรพร เรยี งภิรมย์ พรธรี า รัตนรตั น์ พิพฒั น์ เนียมเปรม
ปรมิ าณไขอ้อยทไี่ ด้จากวัสดุเหลือท้งิ ในกระบวนการผลิตนำ้ ตาล
ณฐั หทยั สทุ ธิวงษ์ เพญ็ นภา ชลปฐมพิกุลเลศิ ปิยดา สขุ ดี
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและก่ึงร้อน คร้ังท่ี 13 1
Oral Presentation O-01
การทดสอบประสิทธภิ าพเชื้อรา Metarhizium anisopliae ในการควบคมุ หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดในขา้ วโพด
The Efficacy of Metarhizium anisopliae to Control Ball Armyworm [Spodoptera frugiperda (JE
Smith)] in Corn
เสาวนิตย์ โพธ์ิพนู ศักด์ิ1 ภัททริ า ศาตร์วงษ์1 และพฤทธชิ าติ ปญุ วฒั โท1
Popoonsak, S.1, Sartwong, P.1 and Punyawattoe, P.1
Abstract
The Efficacy of three isolates of Metarhizium anisopliae to control fall armyworm was tested. The
research was conducted during November 2019-February 2020. The objective was to isolate the M. anisopliae
and evaluate its efficacy against fall armyworm in corn. CRD design was applied with 4 treatments and 4
replicates for laboratory test. Three tested isolates of M. anisopliae were DOA M8, M146 and M152. The
results indicated that DOA M8 showed the highest infection percentage (65.91%) on the larvae. Two isolated
fields were performed to evaluate DOA M8 efficacy (600 g/10 L of water) and 4 times application compared
with untreated control. Infestation percentage of fall armyworm was compared using Pair t-test. It was found
the infestation percentage of the sample sprayed with DOA M8 was statistically lower compared with the
control sample in those 2 fields.
Keywords: Metarhizium anisopliae, fall armyworm, corn
บทคดั ย่อ
การทดสอบประสิทธิภาพเช้ือรา Metarhizium anisopliae 3 สายพันธุ์ ในการควบคุมหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดใน
ข้าวโพด ดาเนินการทดลองระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2562 ถึง กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่มี
ประสิทธิภาพและนามาทดสอบในสภาพไร่ในการควบคุมหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดในข้าวโพด การศึกษาในห้องปฏิบัติวาง
แผนการทดลองแบบ CRD 4 ซ้า 4 กรรมวิธี โดยใช้เชือ้ รา M. anisopliae จานวน 3 สายพันธ์ุ ได้แก่ DOA M8, M146 และ M152
ผลการทดลองพบว่า สายพันธุ์ DOA M8 มีเปอร์เซ็นต์ในการก่อโรคในหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดสูงสุดเฉล่ีย 65.91 เปอร์เซ็นต์
และเมอื่ นามาทดสอบในสภาพไร่ จานวน 2 แปลงทดลอง เพ่อื ปรยี บเทยี บค่าเฉลีย่ เปอรเ์ ซน็ ต์ความเสยี หายของข้าวโพดระหว่างการ
พ่นด้วยสายพันธุ์ DOA M8 อัตรา 600 กรัม ต่อน้า 10 ลิตร จานวน 4 ครั้ง และกรรมวิธีไม่พ่นสาร เปรียบเทียบค่าเฉล่ียจาก
คา่ เฉลี่ยของประชากร 2 กล่มุ สมั พนั ธ์กัน (Pair t-test) พบวา่ เปอร์เซน็ ตค์ วามเสียหายของแปลงทพี่ ่นด้วยสายพันธุ์ DOA M8 น้อย
กว่าแปลงท่ีไม่พ่นสารอย่างมนี ัยสาคัญทางสถิตทิ ง้ั 2 แปลงทดลอง
คาสาคัญ: เชื้อรา Metarhizium anisopliae หนอนกระท้ขู า้ วโพดลายจดุ ข้าวโพด
1 กล่มุ กฏี และสตั ววิทยา สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 50 ถนนพหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
1
Entomology and Zoology Group, Plant Protection Research and Development Office, Department of Agriculture, 50 Phaholyothin Road, Ladyao,
Chatuchak, Bangkok, 10900
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตร้อนและกง่ึ รอ้ น ครัง้ ที่ 13 2
Oral Presentation O-02
ความแตกตา่ งกันของเทอร์พนี ในมะม่วงน้าดอกไม้ 3 พนั ธ์ปุ ลูก
Differences in Terpenes from 3 cultivars of Nam Dok Mai mango
ธมกร ตันสกลุ 1 สมโภชน์ นอ้ ยจินดา1 กิตติ โพธปิ ทั มะ1 สรุ ยิ า ฤธาทพิ ย์1 และ เฉลมิ ชยั วงษ์อาร2ี
Tunsakul, T.1, Noichinda, S.1, Bodhipadma, K.1, Rutatip, S.1 and Wongs-Aree, C.2
Abstract
Nam Dok Mai (NDM) is the most popular ripe-eaten mango for Thai people, which it contains various
kinds of aromatic compounds. It is also known that terpenes are the main odor-active component found in
ripe NDM mango flesh. Since cultivars and environmental factors influence the aroma profiles, NDM Sithong
has lower fragrance when compared to NDM (in-season) and NDM no.4 (off-season) cultivars. Thus, in this
research, compositions of terpenes in 3 NDM cultivars: NDM, NDM no.4 and NDM Sithong were investigated.
The slices of fully-ripe NDM flesh from 3 cultivars were placed into glass vial and aroma profile was measured
with head space GC-MS. Results showed that monoterpene such as β-ocimene, 2-(acetylmethyl)-3-carene, o-
cymene, β-bergamotene and α-guaiene and sesquiterpene such as caryophyllene, humulene, germacreene D
and α-farnesene were main aroma components in NDM and NDM no.4 while only sesquiterpene
components: caryophyllene, humulene, germacreene D were found in NDM Sithong.
Keywords: aroma profile, GC-MS, Nam Dok Mai, ripe mango
บทคดั ย่อ
น้ำดอกไม้เปน็ มะม่วงสุกทค่ี นไทยนยิ มรับประทำนมำกที่สดุ สำ้ หรับมะม่วงสุกแล้วจะพบสำรประกอบที่ให้กล่ินหลำยชนิด
เป็นที่ทรำบกันดีว่ำเทอร์พีนเป็นส่วนประกอบหลักซ่ึงให้กลิ่นในเนือมะม่วงน้ำดอกไม้สุก เน่ืองจำกพันธุ์ปลูกและปัจจัยด้ำน
ส่ิงแวดล้อมมีอิทธิพลต่อรูปแบบของกล่ิน น้ำดอกไม้สีทองมีกล่ินหอมน้อยกว่ำเม่ือเทียบกับพันธุ์น้ำดอกไม้ (ในฤดูกำล) และ
น้ำดอกไม้เบอร์ 4 (นอกฤดูกำล) ดังนันงำนวิจัยนีจึงได้ศึกษำองค์ประกอบของเทอร์พีนในน้ำดอกไม้ 3 พันธุ์ปลูก ได้แก่ น้ำดอกไม้
นำ้ ดอกไมเ้ บอร์ 4 และนำ้ ดอกไมส้ ที อง เนือของน้ำดอกไม้ทีส่ กุ เต็มทีจ่ ำก 3 พนั ธปุ์ ลูกจะถูกห่นั เป็นชนิ เล็ก ๆ กอ่ นใส่ลงในหลอดแก้ว
แล้วน้ำไปวัดกลนิ่ ดว้ ย GC-MS โดยใช้เทคนคิ เฮดสเปซ ผลกำรวิจัยพบวำ่ monoterpene เชน่ β-ocimene, 2- (acetylmethyl) -
3-carene, o-cymene, β-bergamotene และ α-guaiene และ sesquiterpene เช่น caryophyllene, humulene,
Germacreene D และ α-farnesene เป็นส่วนประกอบหลักของกลิ่นใน น้ำดอกไม้และน้ำดอกไม้เบอร์ 4 ในขณะท่ีมีเพียง
สว่ นประกอบของ sesquiterpene เชน่ caryophyllene, humulene, germacreene D เทำ่ นัน ทพ่ี บในนำ้ ดอกไม้สีทอง
ค้าส้าคญั : องค์ประกอบของกลิ่น, GC-MS, นำ้ ดอกไม,้ มะมว่ งสุก
1 สาขาวิชาเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรมเกษตร คณะวทิ ยาศาสตรป์ ระยุกต์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื บางซอื่ กรุงเทพฯ 10800
1
Division of Agro-Industrial Technology, Faculty of Applied Science, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, Bangkok 10800,
Thailand
2
2 สายวิชาเทคโนโลยีหลังการเกบ็ เกีย่ ว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี บางขนุ เทยี น กรงุ เทพฯ 10150
Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Bangkhuntien,
Bangkok 10150, Thailand
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและก่ึงร้อน คร้งั ที่ 13 3
Oral Presentation O-03
อิทธิพลของฤดูและความเข้มขน้ ของน้าตาลตอ่ การติดเมลด็ และพฒั นาฝกั ของขา้ วโพดหวานฮอกไกโด
Season and Sugar Concentration Effect on Kernel Sand Cob Development of Sweet Corn Hokkaido
กฤษณา บญุ ศริ 1ิ พัชราภรณ์ สมศร1ี สุทธิพงศ์ ร่มรื่น1 และ กาญจนา เหลืองสุวาลยั 2
Boonsiri, K.1, Somsri, P.1 and Romruen, S.1and Luangsuvalai, K2
Abstract
The study effect of season and sugar concentration on kernel set and cob development of sweet
corn were in factorial in RCBD with 4 replications and 2 factors ,season; rainy and winter and method of
pollination; hand pollination, spraying water and spraying 5 and 10% of sugar before hand-pollination and
without hand-pollination as control. The results showed that season effected on cob weight, size and sugar
content. Cob in rainy season had more weight and bigger than winter but less sugar content. Spraying water
and sugar to flower had the same score kernel set as hand pollination in wet season. For winter, applying
water and sugar increased kernel set and score of fully developed cobs. Spraying sugar did not effect on
kernel sugar concentration.
Keywords: sweet corn, hand pollination, sugar
บทคดั ย่อ
การศึกษาอิทธิพลของฤดูกาลและความเข้มข้นของน้าตาลต่อการติดเมล็ดและพัฒนาฝักข้าวโพดหวานฮอกไกโด วาง
แผนการทดลองแบบส่มุ ในบล็อคสมบูรณ์ จดั ส่งิ ทดลองแบบแฟคทอเรยี ล มี 4 ซ้า ประกอบดว้ ย 2 ปจั จยั คอื ฤดูปลกู ฤดฝู น และฤดู
หนาว และ การผสมเกสร โดยการช่วยผสมเกสร การพน่ น้า การพ่นสารละลายนา้ ตาลความเข้มข้น 5และ 10 เปอร์เซ็นต์ ก่อนการ
ชว่ ยผสมเกสรและ การผสมเกสรตามธรรมชาตเิ ปน็ ส่งิ ทดลองควบคุม ผลการทดลองพบว่าฤดูกาลมีผลต่อน้าหนักฝัก ขนาดฝัก และ
ความหวานของขา้ วโพด โดยฝักข้าวโพดที่ปลกู ในฤดูฝนมีนา้ หนักฝัก ขนาดฝักท่ีมากกว่าในฝักข้าวโพดในฤดูหนาว แต่มีความหวาน
น้อยกวา่ ส่วนวธิ ีการผสมเกสรโดยการใหน้ ้าและสารละลายนา้ ตาลช่วยใหม้ ีคะแนนติดเมลด็ ไมแ่ ตกต่างจากการช่วยผสมเกสร ในฤดู
ฝน แต่ในฤดูหนาวการให้น้า และสารละลายน้าตาลช่วยให้มีการติดเมล็ดและคะแนนความสมบูรณ์ของฝักเพ่ิมขึน แต่สารละลาย
น้าตาลไมม่ ผี ลต่อความหวานของขา้ วโพด
คา้ ส้าคญั : ขา้ วโพดฮอกไกโด การชว่ ยผสมเกสร สารละลายน้าตาล
1 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครสวรรค์ อ.เมอื ง จ.นครสวรรค์ 60000
1
Nakhonsawan College of Agriculture and Technology Ampore Mueng Nakhonsawan 60000
2คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎบา้ นสมเด็จเจ้าพระยา 1061 ถนนอสิ รภาพ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600
2 Faculty of Science and Technology Rajabhat Bansomdejchaopraya University 1061 Issaraphap Street Thonbury District Bangkok 10600
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตร้อนและกง่ึ ร้อน คร้งั ที่ 13 4
Oral Presentation O-04
ผลของการใช้นา้ ตาลไอโซมอลทโู ลสในผลติ ภณั ฑเ์ คร่ืองด่ืมเสริมพลงั งาน ต่อลกั ษณะทางเคมกี ายภาพ ประสาทสมั ผสั
และการปลดปล่อยน้าตาดว้ ยการจา้ ลองการย่อยล้าไสใ้ นหลอดทดลอง
Effect of Isomaltulose in Energy Products on Physicochemical Properties Sensory Evaluation and
Sugar Releasing by In Vitro Digestion
พมิ พ์รวี กสุ สลานภุ าพ1 สุภัทร์ ไชยกุล1 และอลสิ า นานา2
Kusslanupap, P.1, Chaiyakul, S.1 and Nana, A.2
Abstract
This research aims to study the effect of blending isomaltulose with glucose and fructose in energy
drink on sugar releasing pattern by in vitro digestion. The sugar ratio (isomaltulose: fructose: glucose) result of
energy drink which contain 40-55%isomaltulose, 5-20%fructose, and 40-50%glucose did not show the
significant different between formula on physicochemical properties and sensory evaluation and also similar
dialyzable glucose ratio pattern, starting from 0 min to 30 min at its peak. Afterward, it tended to decrease
and continued stable release level from 60-120 min. The HPLC-RI result showed that isomaltulose was still
available until 120 min after in vitro digestion. This can imply that mixing isomaltulose with glucose and
fructose might prolong energy release to the body.
Keywords: Isomaltulose, Energy products, In vitro digestion, Prolong energy
บทคดั ย่อ
งานวิจยั นีมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษาผลของการใชน้ ้าตาลไอโซมอลทูโลสผสมกบั กลูโคสและฟรักโทสในผลิตภัณฑ์เคร่ืองด่ืม
เสรมิ พลงั งาน ต่อรปู แบบการปลดปล่อยน้าตาลจากการจ้าลองการย่อยในหลอดทดลอง การใช้อัตราส่วนน้าตาล (ไอโซมอลทูโลส:
ฟรกั โทส: กลูโคส) ในผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งดื่ม ที่มีช่วงน้าตาลไอโซมอลทูโลส 40-55% ฟรักโทส 5-20% กลูโคส40-50% ในสูตร พบว่า
ลักษณะทางเคมีกายภาพและประสาทสัมผัสมค่าแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยส้าคัญ รวมทังผล dialyzable glucose ratio มีผลไป
ในทางเดียวกัน คอื เร่มิ ปลดปล่อยน้าตาลตังแต่นาทีท่ี 0 และสูงสุดท่ีนาทีท่ี 30 หลังจากนันค่อยๆปลดปล่อยน้าตาลลดลงแต่ยังคง
ปลดลปลอ่ ยอย่างคงทแี่ ละตอ่ เนอ่ื งตังแตน่ าทที ่ี 60-120 ผลจาก HPLC-RI พบว่าหลังจากจ้าลองการย่อยในหลอดทดลอง ไอโซมอล
ทโู ลสยงั คงเหลอื อยู่จนถึงนาทที ่ี 120 สรปุ ไดว้ า่ การผสมไอโซมอลทโู ลสกับกลูโคสและฟรกั โทสอาจสามารถยืดพลังงานให้รา่ งกายได้
คาสาคัญ: ไอโซมอลทูโลส ผลติ ภัณฑเ์ สรมิ พลังงาน การจา้ ลองการย่อยล้าไส้ในหลอดทดลอง การยืดพลังงาน
1 คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล 420/1 ถนน ราชวิถี แขวง ทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพมหานคร 10400
1
Faculty of Public Health, Mahidol University 420/1 Ratchawithi RD., Ratchathewi District, Bangkok 10400
23วทิ ยาลยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกฬี า มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล 999 ถนน พุทธมณฑลสาย 4 ตาบล ศาลายา อาเภอพทุ ธมณฑล นครปฐม 73170
College of Sports Science and Technology, Mahidol University 999 Phuttamonthon 4 Rd, Salaya, Phuttamonthon, Nakhonpathom 73170
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน ครัง้ ที่ 13 5
Oral Presentation O-05
การศกึ ษาอทิ ธพิ ลของสภาวะทใี่ ช้ในการชงชาโมโรเฮยะ ตอ่ ลกั ษณะทางเคมีกายภาพ สารออกฤทธ์ิทางชีวภาพ และ
ความสามารถในการต้านอนมุ ูลอิสระ
Effect of Brewing Conditions on Physicochemical Properties, Bioactive Compounds and
Antioxidant Capacity of Moroheiya (Corchorus olitorius L.) Tea
ธนาพร ม่นั จอง1 ชญาภรณ์ ศรัณพฤฒ2ิ และ สภุ ัทร์ ไชยกลุ 1
Manjong, T.1 Saranpuetti, C. 2 and Chiyakul, S.1
Abstract
This research aimed to study the effect of brewing conditions on physicochemical, bioactive
compounds, and Moroheiya tea's antioxidant capacity. The experimental design was factorial in CRD. The
result showed the interaction between temperature (70, 80, 90 ˚C) and brewing time (10, 15, 20 minutes) on
TTC and FRAP. In conclusion, there is an interaction between temperature and brewing time of Moroheiya tea
on antioxidant properties but physicochemical properties. Above all else, finding out the best optimal brewing
conditions of Moroheiya tea to obtain the highest health benefits.
Keywords: moroheiya tea, brewing conditions, antioxidant capacity, bioactive compounds.
บทคดั ย่อ
งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาอิทธิพลของสภาวะที่ใช้ในการชงชาโมโรเฮยะ ต่อลักษณะทางเคมีกายภาพ สารออก
ฤทธ์ิทางชีวภาพ และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ โดยการใช้อุณหภูมิท่ีระดับ 70 80 และ 90 องศาเซลเซียส ร่วมกับ
ระยะเวลาในการชงท่ีระดบั 10 15 และ 20 นาที พบวา่ การใช้อุณหภมู แิ ละเวลาร่วมกันในช่วงดงั กลา่ ว มปี ฏสิ มั พนั ธ์ตอ่ ปรมิ าณแทน
นนิ ท้ังหมด และความสามารถในการต้านการออกซิเดชนั่ ของสารประกอบเฟอรกิ จากการศกึ ษานี้สามารถสรุปได้ว่าการใช้อุณหภูมิ
และระยะเวลาท่ีใช้ในการชงชาโมโรเฮยะในช่วงท่ีศึกษามีปฏิสัมพันธ์ต่อปริมาณของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ และความสามารถใน
การต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ ต่อลักษณะทางเคมีกายภาพ เหนือสิ่งอื่นใดงานวิจัยน้ีทาให้ทราบถึงสภาวะท่ีเหมาะสมใน
การเตรียมชาโมโรเฮยะ ซึง่ จะทาใหผ้ ูบ้ รโิ ภคไดร้ บั ประโยชน์ในแงข่ องสขุ ภาพสูงท่สี ุด จากการด่มื ชาสมุนไพรน้ี
คาสาคัญ: ชาโมโรเฮยะ สภาวะทีใ่ ชช้ งชา ความสามารถในการตา้ นอนมุ ูลอิสระ สารออกฤทธ์ิทางชวี ภาพ
1 ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล เลขท่ี 420/1 ถนน ราชวิถี แขวง ทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
1
Department of Nutrition, Faculty of Public Health, Mahidol University, 420/1 Ratchawithi RD., Ratchathewi District, Bangkok 10400. Thailand
2
2 ภาควิชาจลุ ชีววทิ ยา คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล เลขท่ี 420/1 ถนน ราชวิถี แขวง ทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
Department of Microbiology, Faculty of Public Health, Mahidol University, 420/1 Ratchawithi RD., Ratchathewi District, Bangkok 10400. Thailand
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตรอ้ นและกึง่ รอ้ น คร้งั ท่ี 13 6
Oral Presentation O-06
ผลของการใช้สารให้ความหวานแทนนา้ ตาลในเคร่ืองดม่ื ผงขา้ วกล้องโฮลอนิ วนั
สา้ หรบั กลมุ่ ผู้บรโิ ภคอว้ น เบาหวาน น้าตาลสงู
Effects of Sweetener on Whole Grain Whole-in-one Beverage Powders
for Obese, Prediabetic and Diabetic Consumers
กันติยา สวุ รกลุ 1 Carol Hutchinson1 และ สภุ ทั ร์ ไชยกลุ 1
Suworrakun, K.1, Hutchinson, C.1, and Chaiyakul, S.1
Abstract
The objective of this study was to investigate the effects of sweeteners (stevia, sucralose, and
isomaltulose) on physical properties and sensory characteristics of whole grain whole-in-one beverage
powders. Results showed that the replacement of sucrose with combinations of sweeteners for whole grain
whole-in-one beverage powder significantly affected the L*, total soluble solids, and viscosity (p<0.05).
Sucrose had the highest solubility and viscosity, whereas L* was lower than the sweetener formula. Sensory
evaluation showed that the overall acceptability was not significantly different (p<0.05) when sucrose was
replaced with combinations of sweeteners, except for the 100% sucralose substitution formula, which
consumers found acceptable in term of its sweetness, viscosity, body, and after taste of the sweetener
formula.
Keywords: Whole grain beverage, Stevia, Sucralose, Isomaltulose
บทคัดยอ่
งานวิจยั น้มี ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื ศึกษาผลของการใชส้ ารใหค้ วามหวาน (สตีเวีย ซคู ราโลส และไอโซมอลทโู ลส) แทนน้าตาลใน
เครื่องด่ืมผงข้าวกล้องโฮลอินวัน ผลการศึกษาพบว่า การใช้สารให้ความหวานแทนน้าตาลมีผลต่อความสว่าง ปริมาณของแข็งที่
ละลายได้ และความหนืดอย่างมนี ยั ส้าคญั ทางสถิติ (p<0.05) ซูโครสมคี วามสามารถในการละลายและความหนืดสูงที่สุด ในขณะท่ี
ความสว่างต่้ากว่าสูตรท่ีทดแทนด้วยสารให้ความหวาน ผลการประเมินทางประสาทสัมผัส พบว่าการใช้สารให้ความหวานแทน
น้าตาลได้รับการยอมรับจากผู้ทดสอบ ยกเว้นการทดแทนด้วยซูคราโลส ร้อยละ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยอมรับในรสหวาน
ความหนืด ความมบี อดี้ และรสชาติตกค้างภายหลงั การกลนื ของการใช้สารให้ความหวานแทนน้าตาล
ค้าส้าคัญ: เครอื่ งดื่มธัญพชื สตเี วยี ซคู ราโลส ไอโซมอลทูโลส
1 ภาควิชาโภชนวทิ ยา คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 420/1 ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
1 Department of Nutrition, Faculty of Public Health, Mahidol University, 420/1 Ratchawithi Rd., Ratchathewi District, Bangkok 10400
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น ครงั้ ท่ี 13 7
Oral Presentation O-07
การใช้ ethanol vapor releasing pad เพอื่ ควบคุมเช้อื จุลนิ ทรีย์และคณุ ภาพของทเุ รยี นตดั แต่งพรอ้ มบริโภค
Application of Ethanol Vapor Releasing Pad to Control Microbial and Quality of Fresh-cut Durian
กัลยา ศรพี งษ1์ ทันวลี ศรีนนท์1 อภริ ดี อทุ ยั รตั นกจิ 1,2 และ ผอ่ งเพญ็ จติ อารียร์ ตั น์1,2, *
Sripong, K.1, Srinon, T.1, Uthairatanakij, A.1,2 and Jitareerat, P.1,2, *
Abstract
The aim of this study was to investigate the effect of ethanol vapor releasing (EVR) pad on reducing
microbial contamination and maintaining the quality of fresh-cut durian. A EVR pad contained 4 and 8 g
ethanol/pad was placed on a stencil paper and used for wrapping fresh-cut durian sample (1 pad/locule).
Fresh-cut durian (500±10 g) were then packed in a polyethylene terephthalate (PET) clamshell, stored at 4 ºC
for 20 days. The EVR pad containing 8 g ethanol/pad showed the best effectiveness on microbial reduction,
which it could reduce total bacteria and coliform by 0.75 and 0.84 log CFU/g, respectively. On the quality, EVR
pad containing 4 and 8 g ethanol/pad did not affect firmness, color of flesh, total soluble solids content and
the consumer acceptance (taste and overall appearance). However, 8 g ethanol/pad could reduce the
respiration rate and ethylene production in fresh-cut durian.
Keywords: ethanol vapor, fresh-cut durian, microbial contamination
บทคัดยอ่
งานวจิ ยั นีม้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศกึ ษาผลของ ethanol vapor releasing (EVR) pad เพ่อื ลดการปนเปอ้ื นของเชอ้ื จลุ ินทรยี ์
และรักษาคณุ ภาพของทเุ รียนตดั แต่งพรอ้ มบริโภค โดยการหมุ้ เนือ้ ทเุ รยี นด้วยกระดาษไขที่มี EVR pad บรรจุเอทธานอลปรมิ าณ 4
และ 8 กรมั ตอ่ ซอง โดยใสจ่ านวน 1 ซองต่อพู และบรรจุทเุ รียนตัดแตง่ ลงในกลอ่ ง polyethylene terephthalate (PET) ปริมาณ
500±10 กรมั ต่อกลอ่ ง เกบ็ รักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซยี ส นาน 20 วัน พบว่าการใช้ EVR pad ปรมิ าณ 8 กรมั ตอ่ ซอง สามารถ
ลดปรมิ าณเช้ือจุลินทรยี ์ได้ดที ่สี ดุ โดยลดปรมิ าณแบคทีเรยี ท้งั หมดและโคลิฟอร์มที่ปนเปือ้ นในทเุ รยี นตัดแต่งลงได้ 0.75 และ 0.84
log CFU/g และพบว่าการใช้ EVR pad ปรมิ าณ 4 และ 8 กรัมต่อซอง ไมม่ ีผลต่อความแนน่ เนือ้ สขี องเนอื้ ทุเรียน ปริมาณของแขง็
ทง้ั หมดท่ีละลายน้าได้ และการยอมรับของผู้บรโิ ภค (ดา้ นรสชาติ และ ลักษณะปรากฎภายนอก) และพบวา่ การใช้ EVR pad
ปริมาณ 8 กรมั ต่อซอง มผี ลช่วยลดอัตราการหายใจ และอตั ราการผลิตเอทธิลนี ของทุเรยี นตดั แต่งพร้อมบริโภค
คาสาคัญ: ไอระเหยเอทธานอล ทเุ รียนตดั แต่งพร้อมบรโิ ภค การปนเป้ือนของเช้อื จุลินทรยี ์
1 สาขาเทคโนโลยหี ลังการเก็บเกย่ี ว คณะทรัพยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี เขตบางขนุ เทยี น กรงุ เทพ 10150
1
Division of Postharvest Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi, Bangkhuntien, Bangkok 10150, Thailand
2 ศูนยน์ วัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเกบ็ เก่ียว กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม กรุงเทพมหานคร 10400
2 Postharvest Technology Innovation Center, Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation, Bangkok 10400, Thailand
* Corresponding author: [email protected]
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน คร้งั ท่ี 13 8
Oral Presentation O-08
แผน่ ฉนวนหลังคาดาดฟา้ ปลกู ไดจ้ ากวสั ดเุ หลอื ทิง้ ทางการเกษตร
Growth able Flat Slab Roof Insulation from Agricultural Waste
ขวญั รตั น์ อัสสานนท1์ สรีวัลย์ จงึ เจริญนริ ธร2 และ มณฑล ฐานตุ ตมวงศ2์
Assanont, K.1, Juengjarernnirathorn, S.2 and Thanuttamavong, M.2
Abstract
Flat slab roof insulation from natural materials has been proposed as protection tool for building
thermal insulation and environmental friendly. Waste material from Thai agricultural product as rice straw is
disposal by burning which cause air pollution problem. Reducing the impact and value adding to agricultural
waste material, using rice straw to produce flat slab roof insulation which is strong light-weight, retain moisture
and plant growth able ability to create green roof. This study focuses on non-heat energy producing method
and testing physical properties. Result is concluded that the proper product mixture between rice straw:pine
bark:ashes:glue is 3:1:1:1 by weight. The product size is 30 x 40 x 7.62 cm with 0.3 kg/unit and 2.5 kg/m2.
Water absorption is 253.59% and flexural strength value is 0.06 kg/cm2. By those result of the study lead to
prototype that agriculturist can produce by themselves and environmental friendly.
Keywords: green roof, rice straw, insulation
บทคัดยอ่
ฉนวนหลังคาดาดฟ้าที่ผลิตจากวัสดุจากธรรมชาติถูกใช้เป็นเครื่องมือเพ่ือป้องกันความร้อนและเ ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เศษวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตรจานวนมากถูกกาจัดทิ้งโดยวิธีการเผาก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เพื่อลดผลกระทบและสร้าง
มลู คา่ เพ่มิ ให้กบั วัสดเุ หลือทิง้ ฟางข้าวจึงถกู ทามาผลติ เป็นแผน่ ฉนวนดาดฟ้าท่ีมีน้าหนักเบาทนทาน และกักเก็บความช้ืนได้ดี อีกท้ัง
ยงั มคี ุณสมบตั ิเหมาะสมกับการใช้ปลูกพืช เพ่ือสรา้ งหลงั คาเขยี ว การศึกษานีจ้ ึงมุง่ เน้นไปที่กระบวนการผลิตแบบไม่ใช้พลงั งานความ
ร้อนและทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพของฉนวนดาดฟ้าปลูกได้ ผลงานวิจัยสรุปได้ว่า ส่วนผสมที่เหมาะสมสาหรับการผลิตแผ่น
ฉนวนดาดฟ้าปลูกได้ คือ ฟางข้าว:เปลือกสน:ขี้เถ้า:กาว โดยมีอัตราส่วนผสมเป็น 3:1:1:1 โดยน้าหนัก และผ ลิตภัณฑ์มีขนาด
30x40x7.62 เซนตเิ มตร น้าหนัก 0.3 กโิ ลกรัมต่อช้ิน และ 2.5 กโิ ลกรัมต่อตารางเมตร ค่าการดูดซึมน้าท่ี 253.59% และค่าการรับ
แรงดดั ที่ 0.06 กิโลกรมั ตอ่ ตารางเซนตเิ มตร โดยผลการศึกษานาไปส่ตู น้ แบบผลิตภัณฑ์ที่เกษตรกรสามารถผลิตเองได้และเป็นมิตร
ต่อส่งิ แวดล้อม
คาสาคัญ: หลังคาเขยี ว ฟางขา้ ว ฉนวน
1 ภาควิชาวศิ วกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
1
Department of Environmental Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkok 10900, Thailand.
2
2 วทิ ยาลัยบูรณาการศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
School of Integrated Science, Kasetsart University, Bangkok 10900, Thailand.
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกึง่ ร้อน ครงั้ ที่ 13 9
Poster Presentation PE-001
ผลของรังสีแกมมาตอ่ คุณภาพทางจลุ ชีววทิ ยาและสมบตั ทิ างเคมีของผงสมนุ ไพรฟ้าทะลายโจร
Effect of Gamma Irradiation on Chemical Properties and Microbiological Quality
of King of Bitter (Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall. Ex Nees) Powder
เขมรุจิ เขม็ ทอง1 วชริ าภรณ์ผวิ ลอ่ ง1 สุรศักด์ิ สัจจบตุ ร1 จารรุ ตั น์ เอ่ยี มศริ ิ1 และ ศริ ลิ ักษณ์ ชแู ก้ว1
Khemthong, K.1, Pewlong, W.1, Sajjabut, S.1, Eamsiri, J.1 and Chookaew, S.1
Abstract
Andrographis paniculata is an important of medicinal herbs that has been used for the medicinal
reputation for treating various ailments. This study evaluated the effect of gamma irradiation on
microbiological load quality and chemical properties of A. paniculata powder. The powder samples were
treated with 5, 10, 15 and 20 kGy doses of gamma irradiation. The irradiated and non-irradiated samples
were determined for their microbial load, antioxidant activities and andrographolide content. The results
showed that the initial microbial load in samples was exceeded the permissible limits. At radiation dose
of 5 kGy, the microbial qualities reduced to the standard level. In addition, there is no change in the total
phenolic contents and andrographolide contents when the radiation doses were increased. Whereas, the
gamma irradiated samples above 10 kGy were significantly enhanced in the antioxidant activity expressed
as FRAP value (p<0.05).
Keywords: Andrographis paniculata, gamma irradiation, microbiological quality, chemical properties
บทคัดย่อ
ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชสมุนไพรทไ่ี ดร้ ับการยอมรบั และไดถ้ ูกบรรจอุ ยู่ในบัญชยี าหลักแหง่ ชาติ ในรปู แบบยาเดยี่ ว
งานวจิ ยั น้เี ปน็ การศกึ ษาผลของรังสแี กมมาต่อคุณภาพทางจุลชวี วิทยาและทางเคมีในผงสมนุ ไพรฟา้ ทะลายโจร โดยนาผง
สมุนไพรฟ้าทะลายโจรมาฉายรังสแี กมมาทปี่ ริมาณรังสี 5, 10, 15 และ 20 กโิ ลเกรย์ วเิ คราะห์ปรมิ าณคณุ ภาพทางจลุ นิ ทรยี ์
ปรมิ าณสารฟนี อลกิ ทั้งหมด ฤทธ์ติ ้านอนุมูลอสิ ระ และปรมิ าณสารแอนโดรกราโฟไลดเ์ ปรยี บเทยี บกับตัวอยา่ งที่ไมฉ่ ายรงั สี
พบว่าปรมิ าณเช้ือจุลนิ ทรยี ์ทั้งหมดในตัวอย่างท่ีไม่ฉายรงั สมี คี ่าสงู เกินมาตรฐานยาสมุนไพรไทย การฉายรงั สีปริมาณ 5 กโิ ล
เกรย์ สามารถลดปรมิ าณเชอื้ จุลินทรีย์ทงั้ หมดใหต้ า่ กว่าค่ามาตรฐานได้ เม่อื ฉายรงั สีที่ปรมิ าณรังสสี งู ขนึ้ ไมพ่ บการเปล่ียนแปลง
ของปรมิ าณสารฟีนอลิกทัง้ หมดและปรมิ าณสารแอนโดรกราโฟไลด์ แตพ่ บวา่ ตวั อย่างทฉี่ ายรังสีปริมาณ 10 กิโลเกรย์ขึน้ ไป มี
ค่าความสามารถในการรดี ิวซเ์ ฟอรร์ ิกเพ่ิมข้ึนอย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิ (p<0.05).
คาสาคญั : ฟ้าทะลายโจร รงั สีแกมมา คุณภาพทางชวี วทิ ยา สมบัตทิ างเคมี
1 สถาบนั เทคโนโลยนี ิวเคลยี ร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) 9/9 ต.ทรายมูล อ.องครกั ษ์ จ.นครนายก 26120
1 Thailand Institute of Nuclear Technology (Public Organization), 9/9 moo 7, Saimoon, Ongkharuk, Nakhon Nayok 26120, Thailand
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตร้อนและกง่ึ รอ้ น ครงั้ ที่ 13 10
Poster Presentation PE-002
สารต้านอนมุ ูลอิสระในนา้ คน้ั ผลส้มซา่
Antioxidant in Bitter Orange (Citrus aurantium L.) Juice
วฒั นา อจั ฉรยิ ะโพธา1 สินีนาถ สุขทนารักษ์2 และเบญจางค์ อจั ฉรยิ ะโพธา2
Aschariyaphotha, W.1, Suktanarak, S.2 and Aschariyaphotha, B.2
Abstract
Bitter orange fruits obtained from local sources, Khlong Ha Subdistrict, Khlong Luang District, Pathum
Thani Province, was grown in an organic system and squeezed juice is used as a component of community
products. Antioxidants of freshly squeezed orange juice compared to frozen orange juice. The amount of
phenolic compounds was 451.634 mgGAE / gFW and 139.7436 mgGAE / gFW, respectively. Flavonoid content
in freshly squeezed orange juice and frozen squeezed orange juice was 260.5429 mg/gFW and 74.2857
mg/gFW, respectively. Freshly squeezed orange juice showed antioxidant activity by DPPH method based on
IC50 value of 56.79, which showed better efficacy than frozen orange juice which had IC50 value of 120.75. It
was shown that the quality of bitter orange juices decreased with storage time, even at low temperatures.
The results can be disseminated to provide information on aspect of bitter orange and support the innovative
development community products.
Keywords: Bitter orange, Antioxidant, Phenolics, Flavonoids
บทคดั ย่อ
ผลสม้ ซา่ ทไ่ี ดจ้ ากแหล่งชุมชนทอ้ งถ่ิน ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มกี ารปลกู ในระบบอนิ ทรยี ์และมีการน้าน้าคั้น
มาเป็นสว่ นประกอบสินค้าชุมชน สารต้านอนุมูลอิสระของน้าคั้นส้มซ่าสดเทียบกับน้าส้มซ่าแช่แข็ง มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิก
เท่ากบั 451.634 mgGAE/gFW และ 139.7436 mgGAE/gFW ตามลา้ ดบั ปริมาณสารประกอบฟลาโวนอยด์ท้ังหมดพบว่าน้าส้ม
ซ่าคั้นสดและน้าส้มซ่าค้ันแช่แข็งมีปริมาณเท่ากับ 260.5429 mg/gFW และ 74.2857 mg/gFW ตามล้าดับ น้าส้มซ่าสดมีฤทธ์ิ
การต้านอนุมูลอสิ ระดว้ ยวธิ ี DPPH โดยพจิ ารณาจากค่า IC50 คือ 56.79 ซง่ึ แสดงความสามารถได้ดีกว่าน้าส้มซ่าแช่แข็งซ่ึงมีค่า IC50
คือ 120.75 การศึกษาในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่าน้าค้ันส้มซ่าคุณภาพลดลงตามระยะเวลาการเก็บถึงแม้ว่าจะเก็บท่ีอุณภูมิต่้า ผล
การศึกษานสี้ ามารถเผยแพร่ใหแ้ ก่ชุมชนเพื่อเป็นข้อมูลคุณลักษณะด้านหนึ่งของผลส้มซ่าจากแหล่งชุมชนและสนับสนุนการพัฒนา
ผลิตภัณฑช์ ุมชนเกดิ เป็นนวัตกรรมเพอ่ื การพัฒนาศักยภาพชมุ ชนแบบมีส่วนรว่ ม
ค้าส้าคญั : สม้ ซ่า สารตา้ นอนุมลู อสิ ระ สารฟนี อลกิ สารฟลาโวนอยด์
1 หลกั สูตรนวตั กรรมชวี ผลิตภัณฑ์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์ จ.ปทมุ ธานี 13180, ประเทศไทย
1
Bio-Products Innovation Program, Faculty of Science and Technology, Valaya Alongkorn Rajabhat University under the Royal Patronage,
Phathum Thani 13180, Thailand
2
2 หลกั สตู รคหกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์ จ.ปทุมธานี 13180, ประเทศไทย
Home economics Program, Faculty of Science and Technology, Valaya Alongkorn Rajabhat University under the Royal Patronage, Phathum
Thani 13180, Thailand
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและก่ึงร้อน คร้งั ที่ 13 11
Poster Presentation PE-003
ผลของความเขม้ ขน้ ของเอทานอลตอ่ การสกดั สารประกอบฟนี อลกิ
และฤทธิ์ในการต้านอนุมลู อิสระของมะแป่ม
Effect of Ethanol Concentration on Extraction of Phenolic Compounds
and Antioxidant Activity of Garcinia cowa Roxb ex. DC
สุนันท์ นวลเพ็ง1 กษมา ชารโี คตร2 และ จรยิ า นวิ งศา3
Nuanpeng, Sunan.1, Chareekhot, Kasama.2 and Niwongsa, Jariya.3
Abstract
This research aimed to study the ethanol extraction of Garcinia cowa Roxb ex. DC, which is a plant
found in Bueng Khong Long District, Bueng Kan Province. Ethanol was used with varied from 0, 50, 75 and
100% (v/v) for extraction. The ethanolic extracts were analyzed for their phenolic compounds, antioxidant
activity and anthocyanin content. Results showed that ethanol extraction at a concentration of 75% (v/v) gave
the maximum phenolic content of 794.20±9.90 µgGAE/g, maximum antioxidant activity of 266.99±6.01
µgGAE/g, and total anthocyanin content of 52.05±0.01 µg equivalent cyanidin–3–glucoside per gram.
Keywords: Ethanol extraction, Antioxidant, Phenolic compound, Garcinia cowa Roxb ex. DC
บทคัดยอ่
งานวจิ ัยนี้มวี ตั ถุประสงคเ์ พือ่ ศึกษาการสกัดมะแปม่ ดว้ ยเอทานอล ซึ่งเปน็ พืชท่ีพบในได้พ้นื ท่ีอาเภอบงึ โขลงหลง จังหวัดบึง
กาฬ โดยการสกดั ดว้ ยเอทานอลทค่ี วามเขม้ ข้น 0, 50, 75 และ 100% (v/v) และทาการวิเคราะห์สารประกอบฟีนอลิก ฤทธ์ิในการ
ต้านอนมุ ลู อิสระ และปรมิ าณสารแอนโทไซยานิน ผลการศึกษาพบว่า การสกดั มะแป่มด้วยเอทานอลท่ีความเข้มข้น 75% (v/v) ไห้
ปริมาณสารประกอบฟีนอลิกสูงสุดเท่ากับ 794.20±9.90 µg GAE/g ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด เท่ากับ 266.99±6.01 µg
GAE/g และพบว่ามปี ริมาณแอนโทไซยานนิ ทั้งหมด เท่ากับ 52.05±0.01 ไมโครกรมั สมมูล cyanidin–3–glucoside ตอ่ กรัม
คาสาคัญ: การสกดั ด้วยเอทานอล สารต้านอนมุ ูลอสิ ระ สารประกอบฟนี อลิก มะแปม่
1 สาขาวิชาเทคโนโลยชี ีวภาพ คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี ศูนย์สามพร้าว 234 หมู่ 12 ตาบลสามพรา้ ว อาเภอเมือง จงั หวดั อดุ รธานี 41000
1
Program in Biotechnology, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University Sam Phrao Center, 234 Moo 12, Sam Phrao Sub district,
Muang District, Udon Thani Province 41000
2 สาขาวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี ศนู ยส์ ามพร้าว 234 หมู่ 12 ตาบลสามพรา้ ว อาเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
42 1000
Program in food Science and technology, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University Sam Phrao Center, 234 Moo 12, Sam Phrao
Sub district, Muang District, Udon Thani Province 41000
3
3 สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี ศนู ย์สามพร้าว 234 หมู่ 12 ตาบลสามพร้าว อาเภอเมอื ง จงั หวัดอุดรธานี 41000
Program in Biotechnology, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University Sam Phrao Center, 234 Moo 12, Sam Phrao Sub district,
Muang District, Udon Thani Province 41000
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น ครั้งท่ี 13 12
Poster Presentation PE-004
องค์ประกอบในน้ามันหอมระเหยของพืชสกุลขมน้ิ ที่เกบ็ รวบรวมจากพน้ื ท่ีสงู ภูทบั เบิก
Essential Oil Composition of Curcuma spp. Collected from Phu Thap Berk Highland
อภิญญา วงศเ์ ปีย้ 1 ชลลดา สามพันพวง1 ธีรภทั ร เหลอื งศุภบูลย1์ กัญญาภรณ์ พพิ ธิ แสงจันทร1์ วนิ ยั สมประสงค2์ และ สมชาย บญุ ประดับ3
Wongpia, A.1, Samphunphuang, C.1, Luangsuphabool, T.1, Pipithsangchan, K.1, Somprasong, W.2 and Boonpradub, S.3
Abstract
Phytochemical investigation was monitored from traditional medicinal plants collected from Phu
Thap Berk highland, a part of Thap Berk Model Project of Department of Agriculture. In this study, the
chemical composition of rhizome oils of six Curcuma spp., including Wan Chak Mod Look (C1-C4), Wan En
Lueng (C5), and Wan Mahamek (C6), was analyzed by GC-MS technique. A total of 45 compounds,
representing 76.42-93.23% of total content of the essential oils, were identified. The rhizome oils of Curcuma
spp. were mainly composed of monoterpenoids and sesquiterpenoids. The major volatile components of
Wan Chak Mod Look (C1) were camphor (17.82%), curcumene (16.86%), xanthorrhizol (14.41%), and ar-
curcumene (13.49%), whereas curzerenone (21.78-41.29%) and β-elemenone (10.45-21.16%) were abundant
in other five Curcuma spp. (C2-C6). The taxonomic classification and bioactivities of six Curcuma spp. need to
be further studied for promoting the cultivation and utilization in Phu Thap Berk communities.
Keywords: GC-MS, phytochemical, rhizome, Thap Berk Model Project
บทคดั ยอ่
การศึกษาพฤกษเคมีในพืชสมุนไพรพื้นบ้านท่ีเก็บรวบรวมจากพื้นท่ีสูงภูทับเบิกเป็นส่วนหน่ึงของโครงการทับเบิกโมเดล
ของกรมวิชาการเกษตร งานวิจัยนี้ได้วิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีในน้ามันหอมระเหยจากเหง้าของพืชสกุลขมิ้น 6 ชนิด ได้แก่
ว่านชักมดลูก (C1-C4) ว่านเอ็นเหลอื ง (C5) และว่านมหาเมฆ (C6) ดว้ ยเทคนิค GC-MS องค์ประกอบในน้ามันหอมระเหยสามารถ
ระบไุ ด้ 45 ชนดิ จากปริมาณ 76.42-93.23% ขององคป์ ระกอบทง้ั หมด น้ามันจากเหง้าของพืชสกุลขม้ินส่วนใหญ่ประกอบด้วยกลุ่ม
โมโนเทอร์พีนอยด์และเซสควิเทอร์พีนอยด์ องค์ประกอบหลักในน้ามันหอมระเหยของว่านชักมดลูก (C1) ได้แก่ แคมเฟอร์
(17.82%) เคอร์คูมีน (16.86%) แซนทอร์ไรซอล (14.41%) และอาร์-เคอร์คูมีน (13.49%) ขณะที่เคอร์ซีรีโนน (21.78-41.29%)
และเบต้า-อีลีมีโนน (10.45-21.16%) พบมากในพืชสกุลขม้ินอีก 5 ชนิด (C2-C6) ส้าหรับการจ้าแนกพืชตามหลักอนุกรมวิธาน
รวมถงึ ฤทธ์ทิ างชีวภาพของพืชสกุลขม้ิน 6 ชนิดนี้จ้าเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการเพาะปลูกและการใช้ประโยชน์ใน
ชุมชนภทู ับเบกิ
ค้าส้าคัญ: แกส๊ โครมาโทกราฟ-ี แมสสเปกโทรเมตรี พฤกษเคมี เหงา้ โครงการทับเบิกโมเดล
1 ส้านกั วิจยั พฒั นาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร, 85 หมู่ 1 ถ.รังสิต-นครนายก ต.รังสิต อ.ธญั บรุ ี จ.ปทมุ ธานี 12110
1
Biotechnology Research and Development Office, Department of Agriculture, 85 M.1 Rangsit-Nakorn Nayok Rd., Rangsit, Thanyaburi, Pathum Thani 12110
2
2 ส้านักคมุ้ ครองพันธ์พุ ืช กรมวิชาการเกษตร, 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
3 Plant Varieties Protection Office, Department of Agriculture, 50 Phaholyothin Rd., Ladyao, Chatuchack, Bangkok 10900
3
สา้ นักผู้เชยี่ วชาญ กรมวิชาการเกษตร, 50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
Senior Expert Office, Department of Agriculture, 50 Phaholyothin Rd., Ladyao, Chatuchack, Bangkok 10900
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตร้อนและกง่ึ รอ้ น ครัง้ ที่ 13 13
Poster Presentation PE-005
ฤทธต์ิ า้ นเช้ือแบคทเี รียของสารสกดั หยาบจากมะหาด
Antibacterial Activity of Crude Extract from Artocarpus lacucha Roxb. ex Buch.-Ham.
จาตุรงค์ จงจนี และ ศศธิ ร ธงชยั 1
Jongjeen, J. and Thongchai S.1
Abstract
Effect of crude extracts from Artocarpus lakoocha Roxb. leaves to inhibit the growth of
Staphylococcus aureus, Escherichia coli and Bacillus subtilis, with agar disc diffusion method was monitored.
Maceration extract by 95% ethanol at ratio of 1:5 (w/v), 37OC. Results showed that the crude extract from
fresh leaves at 100 mg/ml could inhibit the growth of B. subtilis and E. coli which the maximum inhibition area
was 23±8.15 mm and 18.5±7.91 mm, respectively, but not in S. aureus. Extracts from dried leaves at 400, 100
mg/ml were able to inhibit E. coli and B. subtilis which the maximum inhibition area was 19±12.635 and
16.5±6998 mm, respectively. Crude extracts from A. lacucha fresh and dried leave gave the lowest inhibitory
concentration (MIC) 12.5 mg/ml and sterilization (MBC) was at 50 mg/ml, which resulted in statistically
significant differences at the confidence level P≤0.05.
Keywords : Bacteria, Crude extract, Artocarpus lacucha leaves
บทคัดยอ่
การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดหยาบจากใบมะหาดในการยับยั้งการเจริญของเช้ือแบคทีเรีย Staphylococcus aureus,
Escherichia coli และ Bacillus subtilis ดว้ ยวิธี Agar disc diffusion โดยนาตวั อย่างใบสดและแห้งมาสกัด ดว้ ยเอทานอล 95%
อตั ราสว่ น 1:5 (w/v) อุณหภูมิ 37oC พบว่าสารสกัดจากใบมะหาดสดสามารถยับย้งั การเจริญของเช้อื B. subtilis ได้ดีท่ีสุด ท่ีความ
เขม้ ขน้ 100 mg/ml (บริเวณยับย้งั 23±8.15 มิลลิเมตร) รองลงมาคือ E. coli (บริเวณยบั ย้งั 18.5±7.90 มลิ ลิเมตร) แต่ไม่สามารถ
ยับยั้งการเจริญของเชื้อ S. aureus ได้ ส่วนสารสกัดจากใบแห้งสามารถยับยั้งเชื้อ E. coli ได้ดีท่ีสุด ท่ีความเข้มข้น 400 mg/ml
(บรเิ วณยบั ยงั้ 19±12.63 มลิ ลิเมตร) รองมาคอื B. subtilis ท่ีความเข้มข้น 100 mg/ml (บริเวณยับย้ัง 16.5±6.99 มิลลิเมตร) แต่
ไม่สามารถยบั ย้ังเชอ้ื S. aureus ได้ นอกจากนสี้ ารสกัดหยาบจากใบมะหาดสดและแห้งใหค้ ่าความเข้มข้นต่าสุดในการยับย้ัง (MIC)
12.5 mg/ml. และฆ่าเชื้อ (MBC) อยู่ในช่วงระหว่าง 50 mg/ml ซึ่งผลที่ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับความ
เชอ่ื ม่ัน P≤0.05
คาสาคญั : แบคทีเรยี สารสกัดหยาบ ใบมะหาด
1สาขาวชิ าชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชัฏอบุ ลราชธานี อ.เมือง จ.อบุ ลราชธานี 34000
1Department of Biology, Faculty of Science, Ubon Ratchathani Rajabhat University, Ubon Ratchathani 34000, Thailand
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตร้อนและก่ึงร้อน ครัง้ ที่ 13 14
Poster Presentation PE-006
ผลของสารสกัดจากผกั ไชยาตอ่ โรคแอนแทรคโนส (Colletotrichum sp.) ในพริก
Inhibitory Effect of Cnidoscolus chayamansa (McVaugh.) Extract on Anthracnose
(Colletotrichum sp.) in Chilli
จาตรุ งค์ จงจนี 1 และ ศศธิ ร ธงชยั 1
Jongjeen, J.1 and Thongchai S.1
Abstract
The effect of Cnidoscolus chayamansa McVaugh. crude extract against growth of Colletotrichum sp.
causing anthracnose disease in chilli was study. C. capsici and C. gloeosporioides were isolated using tissue
transplanting method. The C. chayamansa leaves were extracted by maceration method using 95% ethanol
with a ratio of 1:5 (w/v), at room temperature. Five concentrations of the extract at 20,000 40,000 60,000
80,000 และ 100,000 ppm were tested for their efficacy by Poisoned Food Technique. The cultures were
incubated at room temperature for 7 days, and then diameter of mycelial colony was measured. The extract
at 100,000 ppm showed the highest inhibitory effect on the mycelial growth of C. capsici (88.81%) and C.
gloeosporioides growth was 100% inhibited at 60,000 ppm compared with the control.
Keywords : Cnidoscolus chayamansa McVaugh. leaves, crude extracts, anthracnose
บทคัดยอ่
การศึกษานี้มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาผลของสารสกดั หยาบจากใบไชยาในการยับยง้ั การเจริญของเช้ือรา Colletotrichum
sp. สาเหตุโรคแอนแทรคโนสในพริกโดยคัดแยกเช้ือรา C. capsici และ C. gloeosporioides ด้วยวิธี Tissue transplanting บน
อาหาร Potato dextrose agar (PDA) ส่วนการสกัดใบไชยาใช้วิธีการแช่ด้วยเอทานอลเข้มข้น 95% ในอัตราส่วน 1:5 (w/v) ที่
อุณหภูมิห้อง จากนั้นนาสารสกัดความเขมขน 5 ระดับ (20,000 40,000 60,000 80,000 และ 100,000 ppm) มาทดสอบ
ประสทิ ธภิ าพดว้ ยวิธี Poisoned Food Technique บ่มตัวอย่างที่อุณหภูมิห้องนาน 7 วัน แล้ววัดเส้นผ่านศูนยกลางโคโลนีเส้นใย
เช้อื ราที่เจรญิ บนอาหารเลยี้ งเชื้อ PDA พบว่า สารสกดั ความเขม้ ข้น 100,000 ppm สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อรา C. capsici
ได้ดีทีส่ ดุ (88.81 เปอรเ์ ซ็นต์) เ ในขณะทเ่ี ชื้อรา C. gloeosporioides ใช้ความเข้มขน้ เพยี ง 60,000 ppm ยบั ยั้งได้ 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเทียบกับชดุ ควบคุม
คาสาคญั : ใบไชยา สารสกัดหยาบ โรคแอนแทรคโนส
1สาขาวิชาชวี วทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชฏั อบุ ลราชธานี อ.เมือง จ.อบุ ลราชธานี 34000
1Department of Biology, Faculty of Science, Ubon Ratchathani Rajabhat University, Ubon Ratchathani 34000, Thailand
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและกึง่ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 15
Poster Presentation PE-007
องค์ประกอบเรซ่นิ ฤทธิย์ บั ยง้ั เช้ือจุลินทรยี ท์ กี่ ่อให้เกดิ การเนา่ เสยี ของเบียร์ และฤทธกิ์ ารต้านอนุมูลอิสระ
จากสารสกัดฮอปส์
Composition of Hops Resin Extracts and Their Anti Beer Spoilage Microorganisms
and Antioxidant activities
กริษฐา เดชวัน1 กริ ตกิ านต์ มุง่ กลาง1 ภาณุพงศ์ สุ่มหริ ญั 1 และ มงคล เพญ็ สายใจ1
Dechwan, K.1, Mungklang, K.1, Sumhirun, P.1 and Phensaijai, M.1
Abstract
Composition analysis of three hops; Cascade, Centennial and Saaz, resin extracts by High-Performance
Liquid Chromatography (HPLC), results showed that percentage of the most total alpha acid and total beta
acid of Saaz were 11.02 and 5.73 respectively, followed by Cascade and Centennial were 10.50, 5.10 and
10.20, 3.59 respectively. Cascade was the most effective antimicrobial against Lactobacillus brevis TISTR 855
Pediococcus damnosus WLP661 Staphylococcus aureus TISTR 746 and Escherichia coli TISTR 074. The
minimum inhibition concentration (MIC) of Cascade was 3.125-6.25 mg/ml while Saaz and Centennial were
6.25 – 12.5 mg/ml. All three hops extracts had no antimicrobial impact on Brettanomyces lambicus WLP 653.
Antioxidant activity by DPPH radical scavenging method of Saaz was the most efficient scavenger, with an IC50
value of 0.5893 mg/ml, while IC50 of Cascade and Centennial hops extracts were 0.6412 and 0.6482 mg/ml
respectively.
Keywords: Hops resin, Beer spoilage, Antimicrobial activity, Antioxidant activity
บทคดั ยอ่
การวิเคราะห์องค์ประกอบเรซ่ินของสารสกัดฮอปส์ 3 สายพันธ์ุได้แก่ Cascade Centennial และSaaz ด้วยเครื่อง
โครมาโทกราฟขี องเหลวสมรรถนะสงู (HPLC) พบวา่ สายพนั ธุ์ Saaz มคี ่ากรดแอลฟารวมและกรดบีตารวมมากทส่ี ุด คิดเปน็ รอ้ ยละ
11.02 และ5.73 ตามลาดับ รองลงมาคือสายพันธ์ุ Cascade คิดเป็นร้อยละ 10.50 และ5.10 ตามลาดับ ขณะท่ีสายพันธุ์
Centennial มีค่าน้อยท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 10.20 และ3.59 ตามลาดับ ฮอปส์สายพันธุ์ Cascade มีประสิทธิภาพในการยับยั้ง
Lactobacillus brevis TISTR 855 Pediococcus damnosus WLP661 Staphylococcus aureus TISTR 746
และEscherichia coli TISTR 074 สูงสุด มีค่าความเข้มข้นต่าสุดที่สามารถยับยั้งจุลินทรีย์ (MIC) เท่ากับ 3.125 - 6.25 มิลลิกรัม
ต่อมิลลิลิตร รองลงมาคือสายพันธ์ุ Saaz และCentennial มีค่า MIC เท่ากับ 6.25 - 12.5 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ขณะที่ฮอปส์ทั้ง
3 สายพนั ธุ์ไม่สามารถยบั ยงั้ Brettanomyces lambicus WLP 653 และฤทธติ์ า้ นอนมุ ูลอสิ ระดว้ ยวธิ ี DPPH radical scavenging
พบวา่ สายพันธุ์ Saaz มีประสทิ ธิภาพในการตา้ นอนมุ ูลอิสระสูงสดุ มีค่า IC50 เทา่ กับ 0.5893 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ขณะที่สายพันธ์ุ
Cascade และCentennial มปี ระสทิ ธภิ าพรองลงมา มีคา่ IC50 เทา่ กับ 0.6412 และ0.6482 มลิ ลกิ รัมตอ่ มิลลิลติ ร ตามลาดบั
คาสาคญั : เรซ่นิ ของฮอปส์ การเนา่ เสียของเบยี ร์ ฤทธ์กิ ารยับยงั้ จลุ นิ ทรีย์ ฤทธ์ิต้านอนุมูลอสิ ระ
1 ภาควิชาชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร 10520
1
Department of biology, Faculty of Science, King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang Bangkok 10520
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและกึ่งรอ้ น ครง้ั ท่ี 13 16
Poster Presentation PE-008
ฤทธ์ิยับย้งั การทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตบั อ่อนและเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรส
ของกากน้าตาลและสารสกดั
Pancreatic lipase and Cholesterol esterase Enzyme inhibitory activity
of Molasses and Molasses Extracts
สภุ าภรณ์ เลขวตั 1 และ อุบลวรรณา ศรมี งคลลกั ษณ2์
Lekhavat, S.1and Srimongkoluk, U2
Abstract
Total phenolic contents, antioxidant activity determined by DPPH assay and inhibitory effect of
molasses (Type A, B and C) and molasses extracts, which was extracted by acidic alcohol at ratio of 1:30
(molasses: acidic alcohol), on pancreatic lipase and cholesterol esterase enzyme, are investigated. The results
showed that molasses C has the highest value of total phenolic content (39.63 mg. of GAE/g. sample) and has
the lowest IC50 value (16.01 mg/L), while the lowest phenolic content and antioxidant capacity was molasses
C3. Pancreatic lipase and cholesterol esterase enzyme inhibition rate of molasses and the extracts are in range
of 6-100 % and 2-75%, respectively. It was found that the level of inhibition depends on the concentration of
molasses. Comparison between molasses and its extracts, the results showed more phenolic content,
antioxidant activity and capacity of pancreatic lipase enzyme inhibition of molasses than its extracts.
Keywords: molasses, cholesterol esterase inhibition, pancreatic lipase inhibition
บทคัดยอ่
การศึกษาปริมาณสารประกอบฟีนอลิก ความสามารถในการยับย้ังอนุมูลอิสระโดยวิธี DPPH และฤทธ์ิการยับย้ังการ
ทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตับอ่อนและเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสในกากน้าตาล (ชนิด A, B และ C) และสารสกัดจาก
กากน้าตาลท่ีสกัดด้วยแอลกอฮอล์เติมกรดท่ีอัตราส่วน 1:30 (กากน้าตาล:แอลกอฮอล์เติมกรด) พบว่ากากน้าตาลชนิด C มี
สารประกอบฟนี อลิกท่สี ูงทส่ี ุด (39.63 มก.สมมูลกรดแกลลิก/ก.ตัวอย่าง) และมีค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ DPPH ท่ี
IC50 ตา่ ทส่ี ุด (16.01 มก./ลติ ร) ในขณะทโ่ี ดยกากนา้ ตาลชนิด C3 มีปริมาณสารประกอบฟนี อลกิ และความสามารถในการตา้ นอนุมลู
อิสระต่าที่สุด ความสามารถในการยับยั้งการทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตับอ่อนและเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสของ
กากน้าตาลและสารสกัดอยู่ในช่วง 6-100 % และ 2-75 % ตามลาดับ ซึ่งพบว่าระดับความสามารถในการยับย้ังการทางานของ
เอนไซมข์ นึ้ กับคา่ ความเข้มขน้ ของกากน้าตาล เมอ่ื เปรยี บเทียบระหว่างกากนา้ ตาลและสารสกัดจากกากน้าตาล พบว่ากากน้าตาลมี
ปริมาณฟนี อลิกสูง มคี วามสามารถในการยบั ยั้งอนุมูลอสิ ระและการยับยง้ั การทางานของเอนไซมไ์ ลเปสไดด้ กี ว่าสารสกัด
คาสาคญั : กากน้าตาล, การยบั ย้ังการทางานของเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรส, การยบั ยงั้ การทางานของเอนไซมไ์ ลเปสจากตบั
อ่อน
1 ศูนยเ์ ช่ยี วชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ สถาบนั วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
1 Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
2 ศูนย์เชย่ี วชาญนวตั กรรมอาหารสขุ ภาพ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120
2 Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและกึง่ รอ้ น ครง้ั ที่ 13 17
Poster Presentation PE-009
อทิ ธพิ ลของการอบแหง้ ทม่ี ีต่อสมบตั ิและสารออกฤทธ์ิทางชวี ภาพของแผน่ ฟิลม์ ขงิ ละลายในชอ่ งปาก
Influence of Drying on Properties and Bioactive Compounds of Ginger Orally Dissolving Film
ศริ ดา สงั สินชยั 1 ธีร์ธวชั เพชรพรประภาส1 นนทก์ ฤช ฮนุ ศรีนพรตั น1์ กิตตธชั ศริ ิเวชพงศก์ ลุ 1 และ ชลดิ า เนยี มน้ยุ 1
Sungsinchai, S.1 Petchpornprapas, T.1 Hunsrinopparat, N.1 Sirivechphongkul, K.1 and Niamnuy, C.1
Abstract
This work conducted the development of ginger orally dissolving film. The objective was to study the
influence of drying techniques and temperatures on drying kinetic, color value, morphology, functional
groups, crystallinity, in vitro dissolution time and bioactive compound contents of ginger film. Films were
prepared by a solvent-casting method. Films contained ginger extract, tapioca starch, gelatin, carboxymethyl
cellulose, sorbitol and sucralose of 9.87, 27.62, 18.83, 43.11, 0.19 and 0.38% (w/w), respectively. The drying
conditions included hot air drying and infrared drying at the range of 40-60 ºC, compared to shade drying.
Infrared drying presented a higher drying rate than other drying methods. The drying rate of the film increased
with an increase in drying temperature. Infrared drying of film at 50 ºC exhibited the shortest in vitro
dissolution time and the highest ginger bioactive compound contents, compared to other drying conditions.
Keywords: ginger, gingerol, infrared drying, shogaol
บทคัดยอ่
งานวิจัยนเี้ ปน็ การพฒั นาแผน่ ฟลิ ์มขิงสาหรบั ละลายในชอ่ งปาก โดยวตั ถุประสงคข์ องงานนีเ้ พอ่ื ศึกษาอทิ ธพิ ลของเทคนคิ
และอุณหภูมิการอบแหง้ ตอ่ จลนพลศาสตรก์ ารอบแหง้ คา่ สี สณั ฐานวทิ ยา หมูฟ่ งั กช์ นั ความเปน็ ผลกึ เวลาในการละลายในหลอด
ทดลอง และปรมิ าณสารออกฤทธ์ทิ างชีวภาพของแผน่ ฟลิ ม์ ขิง แผ่นฟลิ ม์ ขงิ ถกู เตรยี มดว้ ยวธิ ีการเทโดยอาศัยตวั ทาละลาย แผน่ ฟลิ ม์
ขิงประกอบดว้ ยสารสกัดขงิ แป้งมันสาปะหลงั เจลาติน คาร์บอกซเี มทิลเซลลโู ลส ซอร์บทิ อล และซคู ราโลส เท่ากบั 9.87 27.62
18.83 43.11 0.19 และ 0.38% (w/w) ตามลาดบั สภาวะการอบแหง้ ท่ที าการศึกษาคอื การอบแหง้ ดว้ ยอากาศร้อนและการอบแหง้
ดว้ ยอนิ ฟราเรดทอ่ี ณุ หภูมิ 40-60 ºC เทียบกบั การทาให้แหง้ โดยการผึง่ พบวา่ การอบแหง้ ดว้ ยอินฟราเรดให้อัตราการอบแหง้ สูงกว่า
วธิ กี ารอบแห้งแบบอ่นื ๆ อตั ราการอบแห้งของฟลิ ม์ เพิม่ ขนึ้ ตามอณุ หภมู ใิ นการอบแหง้ โดยการอบแห้งฟิล์มด้วยอินฟราเรดที่
อุณหภูมิ 50 ºC แสดงเวลาในการละลายในหลอดทดลองของฟลิ ม์ สนั้ ท่สี ุด และมีปริมาณสารออกฤทธ์ิทางชวี ภาพของขิงสูงท่สี ุดเม่อื
เทยี บกบั การอบแหง้ ทส่ี ภาวะอืน่ ๆ
คาสาคัญ: การอบแห้งดว้ ยอินฟราเรด ขิง จนิ เจอรอล โชกาออล
1 ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ 50 ถ.งามวงศว์ าน ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
1 Department of Chemical Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, 50 Ngam Wong Wan Rd, Lat Yao, Chatuchak, Bangkok 10900
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตร้อนและก่งึ ร้อน ครัง้ ท่ี 13 18
Poster Presentation PE-010
การพฒั นาแผ่นฟลิ ์มขิงละลายในช่องปาก
Development of Ginger Orally Dissolving Film
ศริ ดา สงั สนิ ชัย1 ธรี พัฒน์ เตมิ ธีรพรพิมล1 ธรี านุช ศรศี รณั ยา1 และ ชลดิ า เนียมนุ้ย1
Sungsinchai, S.1 Termteerapornpimol, T.1 Srisarunya, T.1 and Niamnuy, C.1
Abstract
The objective of this work was to study effect ratio of film forming agents on the properties of ginger
orally dissolving film for oral health. The film forming agents used in this work were xanthan gum, gelatin and
pullulan. Extreme vertices method was used for the experimental design. Film was prepared by solvent-
casting method. The procedure of ODF started with mixing film forming agents, ginger extract, glycerine,
tween80 and sucralose. After that, degassing by ultrasonic technique. Next, the mixture was casted on a mold
and dried using a hot air oven at 50 °C for 72 h. Finally, dried films were tested and analyzed. The result
showed that the suitable ratio of three film forming agents (Pullulan: Gelatin: Xanthan gum) was 0.45: 0.45:
0.1. This condition presented the film with the lowest shrinkage and the shortest in-vitro dissolving time. The
percentage of bioactive compounds retention in film was 38.33±2.12.
Keywords: Ginger, Dissolving time, Shrinkage
บทคดั ย่อ
วัตถุประสงคข์ องงานวิจัยนเี้ พอ่ื ศกึ ษาผลของอตั ราสว่ นของสารก่อฟลิ ม์ ทใี่ ช้ในการผลติ แผน่ ฟลิ ์มขงิ ละลายในชอ่ งปากเพอ่ื
ประยกุ ตใ์ ช้งานสาหรบั สุขภาพอนามัยในช่องปาก สารกอ่ ฟิลม์ ที่ใชใ้ นงานวิจยั น้ีคือ แซนแทนกัม, เจลาตนิ และพลู ลแู ลน ออกแบบ
การทดลองด้วยวิธี Extreme Vertices ใช้วธิ ี Solvent-casting ในการผลิตแผน่ ฟิลม์ โดยมีขั้นตอนดงั น้ี เตรียมสารละลายของสาร
ก่อฟลิ ม์ ท้ัง 3 ประเภทมาผสมรวมกับสารสกดั ขิง, กลเี ซอรนี , ทวีน80 และซคู ราโลส ผสมใหเ้ ข้ากนั นาไปไลฟ่ องอากาศโดยใชว้ ธิ ี
อลั ตร้าโซนิกแล้วนาไปเทลงบนแมพ่ ิมพ์ ทาการอบแหง้ โดยใชต้ ู้อบลมรอ้ นที่อุณหภูมิ 50 C เป็นเวลา 72 ช่ัวโมง จะได้แผ่นฟิลม์ ขิง
แลว้ นาไปทดสอบสมบตั ติ า่ งๆ จากการทดลองพบวา่ แผ่นฟลิ ์มขงิ ทมี่ อี ตั ราสว่ นของสารกอ่ ฟิล์ม พลู ลูแลน: เจลาตนิ : แซนแทนกัมท่ี
เหมาะสมทสี่ ุด คือ 0.45: 0.45: 0.1 โดยอตั ราส่วนนแ้ี สดงแผน่ ฟลิ ม์ ท่มี ีการหดตวั นอ้ ยทสี่ ุด และใชเ้ วลาในการละลายส้นั ท่ีสดุ โดยมี
รอ้ ยละการคงเหลอื ของสารออกฤทธทิ์ างชีวภาพในแผน่ ฟลิ ์มเท่ากบั 38.33±2.12
คาสาคัญ: การหดตวั ขงิ เวลาในการละลาย
1 ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 50 ถ.งามวงศ์วาน ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
1 Department of Chemical Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, 50 Ngam Wong Wan Rd, Lat Yao, Chatuchak, Bangkok 10900
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตร้อนและก่งึ รอ้ น ครงั้ ที่ 13 19
Poster Presentation PE-011
การสกัดโพลแี ซคคาไรด์จากว่านหางจระเข้ด้วยระบบสารละลายน้าสองวฏั ภาคท่ีมขี องเหลวไอออนกิ เปน็ องคป์ ระกอบ
และตรวจวัดปรมิ าณน้าตาลโมเลกุลเด่ยี วในโพลีแซคคาไรดด์ ว้ ยเทคนิคโครมาโตกราฟีของเหลวสมรรถนะสูง
Extraction of Aloe Polysaccharides Using Ionic Liquid -Based Aqueous Two-Phased System and
Determination of the Monosaccharide Constitutes in Aloe Polysaccharides by HPLC-ELSD
มณีรัตน์ มพี ลอย1 รตั นศิริ จวิ านนท์2 และ เสาวลกั ษณ์ เรืองศร3ี
Meeploy, M.1, Giwanon, R.2 and Rungsri, S.3
Abstract
This work aimed to extract polysaccharides and proteins from aloe powder by an ionic liquid-based
aqueous two-phased system (ILATPS) of 1-butyl-3-methylimidazolium tetrafluoroborate ([Bmim]BF4) and
NaH2PO4 solution coupled with dialysis and quantify the monosaccharide constitutes of aloe polysaccharides
by high-performance liquid chromatography equipped with evaporative light scattering detector (HPLC-ELSD).
The solution of freeze-dried aloe gel powder was added to ILATPS. An ionic liquid-based aqueous two-phased
system contained 20.0 mL of the solution of freeze-dried aloe gel powder, 15.0 mL of 3.89 mol L-1 NaH2PO4
solution, 5.0 g of [Bmim]BF4 .The result showed that 99.28% aloe polysaccharides and 11.19% proteins were
extracted in salt-rich phase and ionic liquid-rich phase, respectively. Salts were further removed from the aloe
polysaccharides by dialysis. Determination of the monosaccharide constitutes of aloe polysaccharides was
carried out by HPLC-ELSD. 27.96 mg of mannose and 2.47 mg of galactose were found in 1.0 g of aloe
polysaccharide hydrolysate.
Keywords: aloe polysaccharides, aqueous two-phase system, dialysis, HPLC-ELSD
บทคดั ย่อ
การทดลองนี้มีจุดประสงค์เพ่ือสกัดโพลีแซคคาไรด์และโปรตีนจากผงว่านหางจระเข้ด้วยระบบสารละลายน้าสอง วัฏ
ภาคที่มีองค์ประกอบของของเหลวไอออนิก ได้แก่ 1-butyl-3-methylimidazolium tetrafluoroborate ([Bmim]BF4) และ
สารละลายโซเดียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต (NaH2PO4) ร่วมกับวิธีไดอะไลซิส และตรวจวัดปริมาณน้าตาลโมเลกุลเดี่ยวท่ีเป็น
องค์ประกอบของโพลแี ซคคาไรดจ์ ากวา่ นหางจระเข้ด้วยเทคนคิ โครมาโตกราฟีของเหลวสมรรถนะสูงท่ีมีการตรวจวัดแบบอาศัยการ
กระเจิงแสงของอนุภาค (HPLC-ELSD) พบว่า ในสภาวะของการสกัดด้วยระบบสารละลายน้าสองวัฏภาคซ่ึงประกอบด้วย
สารละลายเจลว่านหางจระเข้ ปริมาตร 20.0 มิลลิลิตร สารละลาย NaH2PO4 เข้มข้น 3.89 โมลต่อลิตร ปริมาตร 15.0 มิลลิลิตร
และ [Bmim]BF4 5.0 กรมั สามารถสกดั โพลแี ซคคาไรด์ (Ea) และโปรตีน (Ep) ได้ 99.28% และ 11.19% ตามล้าดับ จากนั้นก้าจัด
เกลอื ในสารละลายโพลแี ซคคาไรด์ออกด้วยวิธีไดอะไลซิส ตรวจวัดปริมาณน้าตาลโมเลกุลเดี่ยวที่เป็นองค์ประกอบของโพลีแซคคา
ไรด์ด้วยเทคนคิ HPLC-ELSD พบนา้ ตาลโมเลกลุ เด่ียวแมนโนส และกาแลก็ โทส เท่ากับ 27.96 มิลลิกรัม และ 2.47 มิลลิกรัม ในโพ
ลแี ซคคาไรด์ไฮโดรไลเสต น้าหนัก 1.0 กรัม
คา้ ส้าคัญ: โพลแี ซคคาไรด์จากว่านหางจระเข้ ระบบสารละลายน้าสองวัฏภาค ไดอะไลซสิ โครมาโตกราฟีของเหลวสมรรถนะสูง
1 ศูนยเ์ ชยี่ วชาญนวตั กรรมเกษตรสร้างสรรค์ สถาบนั วิจัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย (วว.) 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ต. คลองหา้ อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี
11 2120, ประเทศไทย
Expert Center of Innovative Agriculture 35 Mu 3 Technopolis, Tambon Khlong Ha, Amphoe Khlong Luang, Pathum Thani 12120, THAILAND
2 ศนู ยเ์ ชย่ี วชาญนวัตกรรมผลติ ภัณฑ์สมุนไพร สถาบนั วิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ต. คลองห้า อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี
212120, ประเทศไทย
Expert Center of Innovative Herbal Products 35 Mu 3 Technopolis, Tambon Khlong Ha, Amphoe Khlong Luang, Pathum Thani 12120, THAILAND
3 ศนู ยเ์ ชีย่ วชาญนวตั กรรมผลติ ภณั ฑ์สมนุ ไพร สถาบนั วิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย (วว.) 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ต. คลองห้า อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี
312120, ประเทศไทย
Expert Center of Innovative Herbal Products 35 Mu 3 Technopolis, Tambon Khlong Ha, Amphoe Khlong Luang, Pathum Thani 12120, THAILAND
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตร้อนและก่ึงร้อน คร้งั ที่ 13 20
Poster Presentation PE-012
องค์ประกอบกลน่ิ และกลิ่นสาคญั ในสับปะรด (Ananas comosus [L.] Merr.) พันธุต์ ราดสที อง
Aroma profile and odor-active value in pineapple (Ananas comosus [L.] Merr.) cv. Trad Srithong
กมลชนก ปญั โญ1 สมโภชน์ น้อยจินดา1 กติ ติ โพธิปทั มะ1 สุริยา ฤธาทพิ ย์1 และ เฉลมิ ชัย วงษอ์ าร2ี
Panyo, K.1, Noichinda, S.1, Bodhipadma, K.1, Rutatip, S.1 and Wongs-Aree, C.2
Abstract
Trad Srithong, eaten-fresh pineapple, belongs to Queen Group which has sweet crispy texture and
fragrance characters. Most of Queen Group pineapple such as Pulae, Puket and Trad Srithong are middle to
small size in fruit weight but there were quite differences in aroma character. Therefore, in this research, the
aroma profile of Trad Srithong was analyzed. Slices of pineapple cv. Trad Srithong was placed into glass vial
and aroma profile was analyzed with GC-MS by using head space technique. The results revealed that 26
aromatic compounds were found which consisted of esters, alcohols, aldehyde and terpenes. Besides, methyl
2-methylbutanoate (apple-like aroma) and ethyl 2-methylbutanoate (pineapple-like aroma) were high potent
odor-active compounds which had high odor-active value (OVA) about 242.12 and 11.87, respectively.
Keywords: aroma profile, GC-MS, pineapple, Trad Srithong
บทคดั ยอ่
ตราดสีทองเป็นสบั ปะรดพันธ์ุรับประทานสดจัดอยู่ในกลุ่มควีน มีกลิ่นหอมและหวานกรอบ สับปะรดในกลุ่มนี้ เช่น ภูแล
ภเู ก็ต และตราดสที อง สว่ นใหญผ่ ลจะมีขนาดเลก็ ถงึ ปานกลาง แต่ดูเหมือนว่ามีกลิ่นท่ีแตกต่างกันมาก ดังนั้นองค์ประกอบของกล่ิน
สับประรดพันธุ์ตราดสีทองจึงถูกวิเคราะห์ในงานวิจัยน้ี ชิ้นเนื้อสับประรดพันธุ์ตราดสีทองถูกบรรจุลงในหลอดแก้วแล้วนาไป
วิเคราะห์หาองค์ประกอบของกลิ่นด้วยเคร่ือง GC-MS โดยอาศัยเทคนิคเฮดสเปซ ผลการวิจัยพบสารประกอบกลิ่น 26 ชนิดซ่ึง
ประกอบด้วย เอสเทอร์ แอลกอฮอล์ อัลดีไฮด์ และเทอร์พีน นอกจากน้ียังพบว่า methyl 2-methylbutanoate (กล่ินคล้าย
แอปเปิ้ล) และ ethyl 2-methylbutanoate (กลน่ิ คล้ายสบั ปะรด) เป็นสารประกอบสาคัญในการให้กลิ่นสูง ซึ่งมีค่าในการให้กลิ่น
(OVA) สงู ประมาณ 242.12 และ 11.87 ตามลาดับ
คาสาคญั : องค์ประกอบของกล่นิ , GC-MS, สบั ปะรด, ตราดสที อง
1 สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร คณะวทิ ยาศาสตรป์ ระยกุ ต์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื บางซอ่ื กรุงเทพฯ 10800
1
Division of Agro-Industrial Technology, Faculty of Applied Science, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, Bangkok 10800,
Thailand
2
2 สายวิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกย่ี ว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางขุนเทียน กรงุ เทพฯ 10150
Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Bangkhuntien,
Bangkok 10150, Thailand
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและก่งึ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 21
Poster Presentation PE-013
คณุ สมบัติของราข้าวต่อวิธีการสกัดโปรตนี ทีเ่ หมาะสม
Properties of rice bran against suitable protein extraction methods.
เรวดี มสี ตั ย1์ วีรยุทธ พรหมจันทร์1 สดศรี เนยี มเปรม2 และกศุ ล เอี่ยมทรัพย์3
Meesat, R.1, Promjan, W.1, Neamprem, S.2 and Iamsub, K.3
Abstract
This research aims to Study of chemical composition Antioxidant capacity (DDPH) and optimum
determination of rice bran protein extraction by alkalase enzymes at concentrations 0.3,0.5,0.7 and 0.9 (% v / v)
digested at 60 degrees. Celsius for 90, 120, 150 and 180 minutes, and inhibition of enzyme activity at 80 ° C for 3
minutes, centrifugation at 3,000 rpm at 4 ° C for 10 min. Kjeldahl method. It was found that the optimum conditions
for protein extraction were the alkalase concentration at 0.7% (% v / v) concentration in the proportion of 4 g of rice
bran. The maximum protein content of 0.002 (% v / v) was 15.75% and the protein hydrolyzate was dissolved by 0.7
(% v / v) alkalase enzyme. v) It has antioxidant capacity. The highest, 10.2 mg is the most suitable method to extract
rice bran protein in order to use the protein as an ingredient in food and beverage production.
Keyword: Rice bran, Hydrolyzate, alkalase, Protein
บทคัดยอ่
งานวจิ ยั ครั้งนีม้ ีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษาองคป์ ระกอบทางเคมี ความสามารถในการต้านอนุมลู อิสระ(DDPH) และการหา
สภาวะทเ่ี หมาะสมในการสกดั โปรตีนจากราข้าวด้วยเอนไซม์อัลคาเลส ความเขม้ ขน้ 0.3, 0.5, 0.7 และ 0.9 (%v/v) ยอ่ ยท่ีอุณหภมู ิ
60 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 90, 120, 150 และ 180 นาที และยับยง้ั การทางานของเอนไซมท์ ี่อณุ หภูมิ 80 องศาเซลเซยี ส 3 นาที
นาไปหมนุ เหว่ียงตะกอน 3,000 รอบต่อนาที ท่อี ณุ หภมู ิ 4 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 10 นาที จากน้นั นามาวเิ คราะห์หาปรมิ าณ
โดยวธิ ี Kjeldahl method พบวา่ สภาวะทเ่ี หมาะสมในการสกดั โปรตนี คือ ความเข้มข้นของเอนไซม์อัลคาเลส ที่ความเข้มขน้
รอ้ ยละ 0.7(%v/v) ในสดั สว่ นราข้าว 4 กรัม ตอ่ เอนไซม์อัลคาเลส 0.002(%v/v) ที่เวลา 90 นาที มปี รมิ าณโปรตนี สงู สุด คือ
รอ้ ยละ 15.75 และโปรตนี ไฮโดรไลเซทท่ถี กู ยอ้ ยดว้ ยเอนไซม์อลั คาเลส ความเข้มขน้ 0.7(%v/v) มีความสามารถในการตา้ นอนุมลู
อิสระไดส้ งู ทสี่ ุดคดิ เปน็ 10.2 mg จงึ เป็นวธิ ีทีเ่ หมาะสมทส่ี ุดในการสกัดโปรตีนราข้าวเพือ่ ท่ีจะนาโปรตีนทไ่ี ด้ไปเป็นสว่ นผสมในการ
ผลติ อาหารและเครอ่ื งดมื่
คาสาคญั : ราขา้ ว ไฮโดรไลเซท อลั คาเลส โปรตีน
1 สถาบันวจิ ยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
1Thailand Institute of Scientific and Technological Research
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและกึ่งร้อน ครง้ั ท่ี 13 22
Poster Presentation PE-014
การชักนาใหเ้ กดิ ยอดจากช้ินสว่ นขอ้ พลคู าวในสภาพหลอดทดลองเพื่อการผลติ พืชสมุนไพรอยา่ งมีคุณภาพ
In Vitro Multiple Shoot Induction from Nodal Explants of Houttuynia cordata Thunb to Improve
Medicinal Plant Production Quality
วรารตั น์ ศรปี ระพฒั น์1* ประกาย ออ่ นวมิ ล1 ภมุ รนิ ทร์ วณชิ ชนานนั ท์1 และ สพุ ินญา บญุ มานพ2
Sriprapat, W.1*, Onwimol, P.1 Wanichananan, P.1 and Boonmanop, S.2
Abstract
Plant tissue culture Technique for medicinal plant Houttuynia cordata Thunb is considered to be the
most efficient technology for large scale plant multiplication for improving the production process as in
pharmaceutical industry. In this work, the most effective treatment for sterilization of H. cordata was
evaluated and the effect of plant growth regulators on shoot multiplication was also studied. Among four
sterilizing processes used in this experiment, the results showed that the maximum percentage of clean and
alive nodal (95%) was observed when using 95% ethanol for 1 minute, followed by 15% sodium hypochlorite
(NaOCl) for 15 minutes, and then followed by 5% NaOCl for 5 minutes. Furthermore, after cultured the
sterilized explants on MS medium supplemented with 0−4.0 mg·L−1 BA for 45 days. The highest number of
shoots regenerated (4.15±0.90 shoots/explant) were observed on MS medium supplemented with 1.0 mg·L−1
BA.
Keywords: Houttuynia cordata Thunb, Plant tissue culture, Sterilization, Plant growth regulator
บทคดั ย่อ
การขยายพันธ์ุสมุนไพรพลูคาวโดยการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือเป็นทางเลือกหน่ึงท่ีสามารถเพิ่มปริมาณต้นให้เพียงพอต่อความ
ตอ้ งการเพ่ือรองรับอุตสาหกรรมการผลิตสมุนไพรอย่างมีคุณภาพ งานวิจัยน้ีเป็นการศึกษาการฟอกฆ่าเชื้อและผลของสารควบคุม
การเจริญเตบิ โตในการเพาะเล้ยี งเน้ือเย่อื พลูคาว ซึ่งพบว่าวิธกี ารฟอกฆา่ เชื้อสว่ นขอ้ ท่เี หมาะสม คือ การใช้เอทานอล 95 เปอร์เซ็นต์
เป็นเวลา 1 นาที ตามดว้ ยโซเดยี มไฮโปคลอไรด์ 15 เปอร์เซน็ ต์ เปน็ เวลา 15 นาที และตามดว้ ยโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 5 เปอร์เซ็นต์
เป็นเวลา 5 นาที ซ่ึงทาให้ได้ข้อที่ปลอดเช้ือและสามารถพัฒนาเจริญเป็นต้นอ่อนได้ดีที่สุดถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อนาช้ินส่วนที่
ปลอดเชื้อไปเลย้ี งในอาหารสงั เคราะห์สูตร MS ที่เติมสารควบคุมการเจริญเติบโตชนิด BA ความเข้มข้น 0.0−4.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
เป็นระยะเวลา 45 วัน พบว่าการใช้ BA ท่ีระดับความเข้มข้น 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร มีผลทาให้จานวนยอดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากท่ีสุด
(4.15±0.90 ยอดต่อข้อ)
คาสาคญั : พลูคาว การเพาะเลย้ี งเน้ือเย่อื พืช การฟอกฆ่าเชื้อ สารควบคุมการเจรญิ เตบิ โตพืช
1 กลุม่ วจิ ัยเทคโนโลยชี วี ภาพทางการเกษตร สานักวิจัยพฒั นาเทคโนโลยชี วี ภาพ กรมวิชาการเกษตร เลขท่ี 85 หมู่ 1 ถ.รงั สติ -นครนายก ต.รงั สติ อ.ธญั บรุ ี จ.ปทุมธานี 12110
1
Agricultural Biotechnology Research Group, Biotechnology Research and Development Office, Department of Agriculture, 85 Sirindhorn Plant
Genetic Resources Building, Rangsit-Nakhon Nayok Rd., Thanyaburi, Pathum Thani 12110, Thailand
2
2 กลมุ่ วจิ ยั พัฒนาธนาคารเชื้อพนั ธุพ์ ชื และจุลนิ ทรีย์ สานกั วิจัยพฒั นาเทคโนโลยชี ีวภาพ กรมวิชาการเกษตร 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรุงเทพฯ 10900
Genebank Research and Development Group, Biotechnology Research and Development Office, Department of Agriculture, 50 Phahonyothin
Rd., Ladyao, Chatuchak, Bangkok 10900, Thailand
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึง่ รอ้ น ครัง้ ท่ี 13 23
Poster Presentation PE-015
ผลของการปรับสภาพทส่ี ภาวะต่างๆ ต่อการย่อยสลายโปรตีนด้วยเอนไซม์
และฤทธต์ิ ้านอนมุ ูลอสิ ระ DPPH ของกากยีสต์
Effect of various pretreatment conditions on enzymatic hydrolysis
and DPPH free radical scavenging activity of spent yeast
ณฐั หทัย สทุ ธวิ งษ1์ และ ปยิ ดา สุขด1ี
Sutthiwong, N.1 and Sukdee, P.1
Abstract
This work aimed to study the effects of various physical pretreatment conditions including
temperature, pressure, and ultrasonic wave on the degree of hydrolysis and antioxidant property of spent
yeast. After pretreating spent yeast with 5 different conditions either autoclaving (121 °C, 15 psi, 20 min),
ultrasonication for 15 min, and 30 min, boiling at 50 °C and 85 °C for an hour, samples were hydrolyzed by a
commercial protease from Bacillus sp. at the recommended conditions for 6 h. Spent yeast hydrolysates
were then determined for their degree of hydrolysis and DPPH free radical scavenging activity. The best results
in terms of the degree of hydrolysis were obtained from pretreating spent yeast with boiling at 85 °C for an
hour (56.50%) and employing ultrasonic wave for 30 min (56.50%) while the highest antioxidant activity was
found significantly in the hydrolysate pretreated using ultrasonic wave for 30 min (66.67%)
Keywords: Spent yeast, Pretreatment, Hydrolysis, Antioxidant
บทคดั ยอ่
งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของสภาวะการปรับสภาพทางกายภาพต่างๆ ได้แก่ อุณหภูมิ ความดัน และคลื่น
อัลตร้าโซนิค ต่อระดับของการย่อยสลายและคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระของกากยีสต์ หลังจากปรับสภาพกากยีสต์ด้วย 5
สภาวะท่แี ตกต่างอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ การใช้ความร้อนร่วมกับแรงดันไอน้า (121 °C, 15 psi, 20 นาที) การใช้คล่ืนอัลตราโซนิก
เป็นเวลา 15 นาที หรือ 30 นาที การต้มท่ีอุณหภูมิ 50°C หรือ 85°C เป็นเวลา 1 ชม ตัวอย่างถูกไฮโดรไลซ์โดยเอนไซม์
โปรติเอสทางการค้าจากเชื้อ Bacillus sp. ตามสภาวะท่ีแนะน้าเป็นเวลา 6 ชม จากน้ันวิเคราะห์ระดับการย่อยสลายของโปรตีน
และฤทธิ์ในการก้าจัดอนุมลู อิสระ DPPH ของไฮโดรไลเซทท่ไี ด้ ผลการวเิ คราะหร์ ะดบั การยอ่ ยสลายโปรตนี พบว่ามีค่าสูงสูดจากการ
เตรียมกากยีสต์ด้วยการใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคเป็นเวลา 30 นาที (58.86%) และการต้มท่ีอุณหภูมิ 85°C เป็นเวลาหนึ่งช่ัวโมง
(56.50%) ขณะที่ฤทธต์ิ ้านอนุมลู อสิ ระพบสูงทสี่ ดุ อยา่ งมีนยั สา้ คัญในไฮโดรไลเซททีป่ รับสภาพดว้ ยการใช้คล่ืนอัลตราโซนิกเป็นเวลา
30 นาที (66.67%)
คาสาคัญ: กากยีสต์ การปรับสภาพ ไฮโดรไลซิส ต้านอนุมลู อสิ ระ
1 ศนู ย์เชีย่ วชาญนวตั กรรมอาหารสขุ ภาพ สถาบนั วิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หงประเทศไทย ปทุมธานี 12120
1
Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, Pathum Thani 12120
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตร้อนและก่งึ รอ้ น ครงั้ ท่ี 13 24
Poster Presentation PE-016
การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพของสารสกัดเปลอื กมนั ฝรงั่ ดว้ ยเช้อื จุลนิ ทรยี ์ Rhizopus oryzae ที่แยกจากข้าวหมาก
ต่อฤทธิต์ ้านการทางานของเอนไซม์ HMG-CoA reductase
Enhancing the Potential of Potato Peel Extracts Using a Strain Isolated from Thai Sweet
Fermented Rice Rhizopus oryzae Against the Activity of HMG-CoA Reductase
ณัฐหทยั สทุ ธวิ งษ1์ ปยิ ดา สขุ ด1ี เพญ็ นภา ชลปฐมพกิ ุลเลศิ 1 และ วสวตั ต์ิ ดารงค์ธวชั ชยั
Sutthiwong, N.1, Sukdee, P.1, Chonpathompikunlert, P.1 and Dumrongthawatchai, W.1
Abstract
This study aimed to investigate the application of fermentation using Rhizopus oryzae, a strain
isolated from Thai sweet fermented rice, to enhance the potential of potato peel extracts (PPE) against the in
vitro activity of HMG-CoA reductase, an enzyme responsible for cholesterol synthesis. The results showed that
the fermented PPE suppressed the activity of this enzyme higher than those of the unfermented PPE. Besides,
extraction using 2 solvents including water and 95% ethanol in various ratios affected the enzyme activity.
The PPE by pure 95% ethanol presented the highest HMG-CoA reductase inhibitory activity (-1.2115) followed
by water and 95% ethanol in ratios of 50:50 (-1.1818) and 80:20 (-1.0583), and pure water (-1.0259),
respectively.
Keywords: Potato peel, Inhibition, HMG-CoA, Rhizopus
บทคดั ย่อ
การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเพิ่มฤทธิ์ของสารสกัดเปลือกมันฝร่ังต่อการยับย้ังการทางานของ HMG-CoA
reductase ซ่งึ เป็นเอนไซมท์ ่ีทาหน้าทส่ี ังเคราะห์คอเลสเตอรอล ในระดับ in vitro ผ่านการหมักเปลือกมันฝรั่งด้วยเชื้อ Rhizopus
oryzae ที่คดั แยกไดจ้ ากขา้ วหมาก ผลการทดลองพบวา่ สารสกัดเปลือกมันฝรง่ั ทหี่ มักด้วยเชือ้ R. oryzae น้ี มฤี ทธิ์ยบั ย้งั การทางาน
ของ HMG-CoA reductase เพ่ิมข้ึนเมื่อเปรียบเทียบกับสารสกัดเปลือกมันฝร่ังท่ีไม่ผ่านการหมัก นอกจากน้ันยังพบว่าการสกัด
เปลอื กมนั ฝรัง่ ท่ีผา่ นการหมักด้วยตวั ทาละลาย 2 ชนดิ ได้แก่ น้า และแอลกอฮอล์ ในอัตราสว่ นต่างๆ สง่ ผลต่อฤทธย์ิ ับย้งั การทางาน
ของ HMG-CoA reductase การสกัดด้วยเอทานอล 95% ให้ฤทธิ์ยับย้ังการทางานของ HMG-CoA reductase สูงสุด (-1.2115)
รองลงมาได้แก่ เอทานอล 95% และน้า อัตราส่วน 50:50 (-1.1818) และอัตราส่วน 80:20 (-1.0583) และน้า (-1.0259)
ตามลาดบั เน้อื หา
คาสาคญั : เปลือกมันฝรงั่ การยบั ยั้ง HMG-CoA Rhizopus
1 ศนู ย์เชยี่ วชาญนวัตกรรมอาหารสขุ ภาพ สถาบันวจิ ยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหงประเทศไทย ปทมุ ธานี 12120
1
Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, Pathum Thani 12120
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตร้อนและกงึ่ รอ้ น ครั้งที่ 13 25
Poster Presentation PE-017
ผลของ Lactobacillus casei (TISTR 1463) และ Lactobacillus acidophilus (TISTR 1336)
ต่อปรมิ าณวิตามนิ ซี ฟนี อลกิ และสารต้านอนมุ ลู อสิ ระในชาเขียว
Effect of Lactobacillus casei (TISTR 1463) and Lactobacillus acidophilus (TISTR 1336)
on Vitamin C, Phenolic and Antioxidant Contents in Green Tea
พรมิ า พิรยิ างกูร1 อชิรญา แก่นจนั ทร์1 และ จฑุ าทพิ ย์ โพธิอ์ บุ ล2
Phiriyangkul, P.1, Kanchan, A.1 and Poubol, J.2
Abstract
The objectives of this research were to study on the effect of probiotic bacteria Lactobacillus casei
(TISTR 1463) and Lactobacillus acidophilus (TISTR 1336) on vitamin C, phenolic compound, and antioxidant
content of green tea. Each strain of probiotic bacteria was added to the green tea that brewed with boiled
water. Un-inoculate green tea sample was used as control. The green tea was filled in a sterile plastic bottle
and stored at 4oC. Vitamin C, phenolic compound and antioxidant content in green tea were investigated
every week. It was found that green tea inoculated with both probiotic strains had a significantly increased of
vitamin C content (P <0.05) at 3, 4 and 6 weeks of storage. Phenolic compound and antioxidant were not
differed from control sample.
Keywords: Probiotic bacteria, Vitamin C, Phenolic compound, Antioxidant
บทคดั ยอ่
งานวิจยั นมี้ ีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษาผลโปรไบโอติกแบคทีเรีย Lactobacillus casei (TISTR 1463) และ Lactobacillus
acidophilus (TISTR 1338) ต่อการเปลยี่ นแปลงปริมาณวติ ามนิ ซี สารประกอบฟนี อล และสารตา้ นอนุมูลอิสระในน้าชาเขียว โดย
เตมิ เชื้อโปรไบโอติกแบคทีเรียแต่ละสายพันธ์ุลงในน้าชาเขียวที่ผ่านการชงด้วยน้าต้มสุก เปรียบเทียบกับน้าชาเขียวท่ีไม่ได้เติมเชื้อ
โปรไบโอติกแบคทีเรีย (ชุดควบคุม) จากน้ันบรรจุน้าชาเขียวลงในขวดพลาสติกท่ีผ่านการฆ่าเช้ือแล้ว น้าไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4
องศาเซลเซยี ส ตรวจวิเคราะห์หาปริมาณวิตามินซี สารประกอบฟีนอล และสารต้านอนุมูลอิสระในน้าชาเขียวทุกสัปดาห์ จากการ
ทดลองพบว่าน้าชาเขียวท่ีเติมเช้ือโปรไบโอติกท้ัง 2 สายพันธุ์ มีปริมาณวิตามินซีเพิ่มข้ึนอย่างมีนัยส้าคัญทางสถิติ (P<0.05) ใน
สัปดาห์ที่ 3 4 และ 6 ของการเก็บรักษาเม่ือเปรียบเทียบกับชุดควบคุม ในขณะท่ีปริมาณสารประกอบฟีนอลและสารต้านอนุมูล
อสิ ระไมแ่ ตกตา่ งจากชดุ ควบคมุ
คาสาคัญ: โปรไบโอติกแบคทีเรยี วติ ามินซี สารประกอบฟีนอล สารตา้ นอนุมลู อสิ ระ
1 สาขาวิชาชีวเคมี ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน นครปฐม 73140
1
Division of Biochemistry, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, KamphaengSaen Campus,
2 NakhonPathom 73140
2
สาขาวิชาจุลชีววิทยา ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน นครปฐม 73140
Division of Microbiology, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, KamphaengSaen Campus,
NakhonPathom 73140
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและก่งึ รอ้ น คร้ังที่ 13 26
Poster Presentation PE-018
พษิ เฉียบพลนั ของสารสกัดหยาบใบมะรมุ ตอ่ ปลานิลแดง
Acute Toxicity of Crude Extract of Moringa Leaves on Red Tilapia
จิราพร กลุ คา1 สมงิ จาปาศร1ี กติ ตมิ า วานชิ กูล1 และ วราภรณ์ ใจเยน็ 1
Kulkham, J.1, Champasri, S.1, Vanichkul, K.1 and Jaiyen, W.1
Abstract
The aim of this study was to investigate acute toxicity of crude extract of Moringa leaves on Red
Tilapia (Oreochromis niloticus L.). Static Bioassay test were exposed to the crude extract concentrations of
600, 678, 765, 863, 968 and 1,100 mg/L. Probit analysis was performed for evaluating the median ethal
concentration (LC50). The 24-h LC50 were found to be 792 (746.18-840.63) mg/L. for O. niloticus. At 95%
confidence of slop function was 1.247 (0.6412-2.4251) mg/L. and safe concentration was 39.6 mg/L. Water
qualities between trail were the standard level of aquaculture activity.
Keywords: Moringa, Toxicity, Red Tilapia
บทคดั ย่อ
งานวิจัยนม้ี วี ัตถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาพษิ เฉียบพลันของสารสกัดหยาบจากใบมะรุมต่อปลานิลแดง โดยใช้วิธีชีววิเคราะห์น้า
นง่ิ (Static Bioassays) เพอื่ หาคา่ ความเป็นพษิ ทีท่ า้ ให้ปลานิลแดงตาย 50 เปอร์เซ็นต์ (LC50) ในระยะเวลา 24 ช่ัวโมง ใช้สารสกัด
หยาบใบมะรุม 6 ความเข้มข้น คือ 600, 678, 765, 863, 968 และ 1,100 มลิ ลกิ รมั ต่อลติ ร ค้านวณหาค่าความเข้มข้นที่ท้าให้ปลา
นิลแดงตายร้อยละ 50 (LC50) ด้วยการวิเคราะห์โพรบิท (Probit analysis) พบว่าค่า LC50 ท่ีเวลา 24 ช่ัวโมง ของลูกปลานิลแดงมี
ค่าเท่ากับ 792 (746.18-840.63) มิลลิกรัมต่อลิตร ท่ีช่วงความเช่ือม่ัน 95 เปอร์เซ็นต์ มีค่าความลาดเอียง (Slope function)
เท่ากบั 1.247 (0.6412-2.4251) มลิ ลกิ รัมต่อลิตร และมคี ่าความเขม้ ข้นทปี่ ลอดภัย (Safe concentration) ของสารสกดั หยาบจาก
ใบมะรมุ ต่อปลานิลแดงเท่ากบั 39.6lมลิ ลิกรัมต่อลติ ร ระหวา่ งการทดลองคณุ ภาพน้าอยู่ในเกณฑท์ ี่เหมาะสมเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์
น้า
คาสาคัญ: ใบมะรุม ความเปน็ พิษ ปลานลิ แดง
1 สาขาประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี ธญั บุรี ปทมุ ธานี 12130
1 Fisheries Program, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathumthani, 12130
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น คร้ังที่ 13 27
Poster Presentation PE-019
ฤทธิต์ า้ นเช้อื แบคทเี รียของสารสกัดหยาบจากใบไชยา
Antibacterial activity of crude extract from leave of vegetable spinach
(Cnidoscolus chayamansa McVaugh)
ศศิธร ธงชัย และ จาตุรงค์ จงจนี 1
Thongchai, S. and Jongjeen, J.1
Abstract
The purpose of this study to screening of antibacterial activity of crude extracted from leave of
vegetable spinach (Cnidoscolus chayamansa McVaugh) against Staphylococcus aureus, Escherichia coli and
Bacillus subtilis using agar disc diffusion and evaluated the minimum inhibitory concentrations (MICs) and
minimum bactericidal concentrations (MBCs) by broth dilution and drop plate techniques. Result showed that
all bacterial strain susceptible to fresh and dried-crude ethanolic-extract of vegetable spinach at the
concentration of 1,000 mg/ml, which B. subtilis had highest inhibition zone (32.8±0.2 mm and 32.3±0.6 mm
for fresh and dried-crude extracted, respectively) when compared with control group. For the result of MIC
and MBC value of this extract had shown greatest concentration as 125 and 500 mg/ml, respectively. This
study indicated that crude extracted from leave of vegetable spinach had antibacterial activity that may be
benefit alternative substance uses to therapeutic agents for bacterial infection in the further.
Keywords: Cnidoscolus chayamansa McVaugh, Crude extract, Medicinal Plant, Antibacterial activity
บทคัดยอ่
วัตถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษาในคร้ังน้ี เพือ่ ศึกษาฤทธิ์เบื้องต้นในการการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียของสารสกัดหยาบจากส่วนใบ
ต้นไชยาต่อการยับย้ังเช้ือแบคทีเรีย Staphylococcus aureus, Escherichia coli และ Bacillus subtilis ด้วยวิธี Agar disc
diffusion และหาค่าระดับความเข้มข้นต่าสุดท่ีสามารถยับยั้งเช้ือแบคทีเรีย ด้วยวิธี Broth microdilution และวิธี Drop plate
ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดหยาบจากส่วนใบต้นไชยาทั้งแบบสดและแบบแห้ง ความเข้มข้น 1000 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร สามารถ
ยบั ยง้ั เชอื้ แบคทีเรียทดสอบทง้ั 3 ชนิดได้ โดยมผี ลตอ่ เช้ือ B. subtilis ดที สี่ ดุ ใหค้ ่าบริเวณเฉล่ียเท่ากับ 32.8±0.2 มิลลิเมตร (แบบ
สด) และ 32.3±0.6 มิลลิเมตร (แบบแห้ง) เม่ือเทียบกับชุดควบคุม นอกจากนี้ค่า MIC และ MBC ของสารสกัดหยาบท้ังแบบสด
และแบบแหง้ ใหค้ า่ ท่ีดที ีส่ ุดเท่ากับ 125 และ 500 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตามล่าดับ ผลการศึกษาฤทธิ์การยับยั้งเช้ือแบคทีเรียก่อโรค
บางชนิดในเบ้ืองต้นของสารสกัดหยาบจากส่วนใบต้นไชยา น่าไปใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นส่าหรับศึกษาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจาก
ธรรมชาติทสี่ ามารถยับย้งั เชอ้ื แบคทีเรียก่อโรคไดใ้ นอนาคต
คาสาคญั : ต้นไชยา สารสกดั หยาบ พชื สมุนไพร ฤทธ์ติ า้ นเชือ้ แบคทเี รยี
1 สาขาวิชาชีววทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุบลราชธานี อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 34000
1
Program of Biology, Faculty of Science, Ubon Ratchathani Rajabhat University, Ubon Ratchathani 34000, Thailand
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตร้อนและก่ึงรอ้ น ครัง้ ท่ี 13 28
Poster Presentation PE-020
ฤทธ์ิยับย้งั แบคทีเรยี ของนา้ มนั หอมระเหยจากพืชวงศก์ ะเพราบางชนดิ ต่อเชอ้ื สเตรป็ โตคอคคัสมิวแทนส์
Antibacterial Activity of Some Lamiaceae Essential Oil Against Streptococcus mutans
เพลนิ พศิ ยะสนิ ธ์ิ1 เยยี่ มศริ ิ มณพี ศิ มยั 1 และเพชรรัตน์ ไกรวพนั ธ2์ุ
Yasin, P.1, Maneepisamai, Y.1 and Kraivaphan, P.2
Abstract
The research was aimed to study the inhibitory effect of essential oil from some plants in Lamiaceae
against oral bacteria. The plants used in this research were Ocimum bacillicum Linn. and Ocimum
americanum Linn. Essential oil was isolated by water distillation method and steam distillation method. The
cytotoxicity was tested by MTT method. The antibacterial activity of the oils was evaluated using disc diffusion
method against Streptococcus mutans, which causing dental caries development. The cytotoxic effect of all 4
kinds of essential oils was not found. The antibacterial activities showed that all the oils had activity against S.
mutans. Among these, the oil of O. americanum Linn. obtained from steam distillation which had the highest
potential to inhibit S. mutans.
Keywords: Antibacterial Activity, Lamiaceae, Streptococcus mutans
บทคดั ยอ่
งานวิจยั นม้ี วี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากของน้ามันหอมระเหยจากพืชวงศ์
กะเพราบางชนดิ โดยพืชทใ่ี ช้ในการศึกษาได้แก่ ใบโหระพา และใบแมงลัก สกัดน้ามันหอมระเหยโดยการกล่ันด้วยน้าและการกลั่น
ด้วยไอน้า แล้วทดสอบความเป็นพิษ (cytotoxicity) ของน้ามันหอมระเหยต่อเซลล์ด้วยวิธี MTT และทดสอบฤทธิ์ยับยั้งการ
เจริญเติบโตของแบคทีเรียด้วยวิธี disc diffusion method แบคทีเรียที่ใช้ในการศึกษาคือ Streptococcus mutans ซ่ึงเป็นเช้ือ
แบคทีเรียส้าคัญ ท่เี ป็นสาเหตุก่อใหเ้ กิดฟันผุ ผลการทดลองพบวา่ น้ามันหอมระเหยทง้ั 4 ชนิดไมม่ ีความเปน็ พิษตอ่ เซลล์ และมีฤทธ์ิ
ยบั ย้ังการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรยี S. mutans โดยน้ามนั หอมระเหยจากใบแมงลักกลัน่ ดว้ ยไอน้า มฤี ทธด์ิ ที ่สี ุด
ค้าส้าคญั : ฤทธิย์ ับยัง้ แบคทีเรยี พืชวงศก์ ะเพรา สเตรป็ โตคอคคสั มิวแทนส์
1 สาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
1 Chemical Division, Faculty of Science, Chandrakasem Rajabhat University
2 สาขาเภสชั วิทยา คณะทนั ตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
2 Pharmaceutical Division, Faculty of Dental, Mahidol University
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและก่ึงร้อน ครง้ั ที่ 13 29
Poster Presentation PF-021
การพฒั นาผลติ ภัณฑ์กัมมีเ่ ยลลม่ี ะมว่ งหาวมะนาวโห่
Product Development of Gummy Jelly from Karanda (Carissa carandas L.)
มชั ฌมิ า แสนวงั 1 และ กษมา ชารโี คตร1*
Matchima Sanwang and Kasama Chareekhot
Abstract
The objective of product development of Gummy Jelly from Karanda was to study the optimum
concentrations of Gummy Jelly from Karanda at the percentage of 25, 50, 75 and 100 and effects of honey for
replace sucrose. The increase of the amount of Karanda juice could increase L*, a*, b* and pH (p≤0.05). . The
most accepted formulation by consumers was Karanda juice at 75%. Another experiment of the ratio of sugar
to honey for adding a good flavor at the proportion of 40:40, 50:30, 60:20 and 70:10 g, were the proportion at
70:10 w/w. The optimum chemical composition of Gummy Jelly from Karanda, moisture, ash, fat and crude
fiber, was 64.27, 0.01, 0.02 and 0.06, respectively and its phenolic content was 0.90 g GAE / 100 g FW.
Keywords: Gummy, Jelly Carissa carandas L., Honey
บทคัดย่อ
งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเข้มข้นของน้ามะม่วงหาวมะนาวโห่ และแปรปริมาณน้าตาลต่อน้าผึ้ง โดยการ
ทดลองท่ี 1 ท้าการหาความเข้มข้นที่เหมาะสมของน้าม่ะม่วงหาวมะนาวโห่ท่ีความเข้มข้น 25, 50, 75 และ 100% ของสูตรผลิต
ภัณฑกัมมี่เยลลี่ พบว่า การเพ่ิมข้ึนของปริมาณน้ามะม่วงหาวมะนาวโห่ มีค่าความสว่าง (L*) ค่าสีแดง (a*) ค่าสี
เหลอื ง (b*) และคา่ pH เพ่มิ ข้ึนอยา่ งมีนัยส้าคัญทางสถิติ (p ≤ 0.05) และกัมมี่เยลลี่มะม่วงหาวมะนาวโห่ท่ีความเข้มข้น
75% เปน็ สตู รท่ีผู้บรโิ ภคใหก้ ารยอมรับมากทส่ี ดุ ซึง่ เม่อื น้ามาทา้ การทดลองตอ่ โดยแปรปริมาณน้าตาลต่อน้าผ้ึงเพื่อเพิ่มกลิ่นรสท่ีดี
ให้กับกัมมี่เยลล่ีมะม่วงหาวมะนาวโห่ ในสัดส่วน 40:40, 50:30, 60:20 และ 70:10 กรัม พบว่า สูตรที่มีสัดส่วนน้าตาลต่อน้าผ้ึง
70:10 กรัม ผู้บริโภคให้การยอมรับมากท่ีสุด ซึ่งเมื่อน้ามาวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมีของกัมม่ีเยลลี่มะม่วงหาวมะนาวโห่
พบว่า มปี ริมาณความชื้น เถา้ ไขมัน และเส้นใย เท่ากับ 64.27, 0.01, 0.02 และ 0.06 ตามล้าดับ นอกจากนี้ยังตรวจพบปริมาณ
สารประกอบฟนี อกลกิ เท่ากบั 0.90 g GAE/100 g FW
คาสาคญั : กัมม่ีเยลลี่ มะม่วงหาวมะนาวโห่ นา้ ผงึ้
1 สาขาวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี 64 ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ. อุดรธานี 41000
1 Science and Food Technology Program, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University, 64 Tahan Rd. T.makaeng Muang, Udon Thani
41000, Thailand. *Corresponding author: [email protected]
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตร้อนและกง่ึ ร้อน คร้ังที่ 13 30
Poster Presentation PF-022
การผลิตเม็ดบดี สน์ ้าสับปะรดผสมโปรไบโอติกดว้ ยเทคนิครีเวิรส์ สเฟียรฟิ ิเคชนั่
Production of Pineapple Juice Contain Probiotics Beads by Reverse Spherification Technique
กิตติ เมอื งตุม้ 1
Mueangtoom, K.1
Abstract
The study aims to find the optimum conditions for pineapple juice containing probiotic (Lactofit®,
CA) beads by reverse spherification, which calcium-lactate concentration (0.5 and 1.0g/100g) and gelation time
(5 and 10 mins) were evaluated. Results showed that the optimum condition was 0.5g/100g of calcium-lactate
solution and 10 mins gelation time. The average diameter of beads was ranged at 4.70–5.17 mm. However,
Effect of gelling temperature (10 and 25˚C) by alginate solutions were also studied. Utilization of sodium
alginate solution at 10˚C rendered the bead with greater physical properties of the lowest in bead swelling (p
<0.05) than other treatments. At the optimum condition, the probiotic survival rates in beads during storage at
10°C for four weeks were tested. Results of stability test of probiotic showed the survival rate was 97.62%
(6.65 x 106 CFU per bead) and probiotic cell were not found in pineapple juice.
Keywords: Pineapple juice, Probiotic, Reverse spherification
บทคดั ยอ่
การผลิตนา้ สบั ปะรดผสมกบั โปรไบโอติกเปน็ การเพมิ่ คณุ ค่าตอ่ ผู้บรโิ ภค งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ศึกษาสภาวะท่ี
เหมาะสมในการทา้ เมด็ บดี สส์ บั ปะรดผสมโปรไบโอติกส์ (Lactofit®, CA) ดว้ ยเทคนิครีเวิรส์ สเฟยี รฟิ เิ คชน่ั โดยการศึกษาสภาวะที่
เหมาะสมในการทา้ เม็ดบดี ส์ ทีส่ ารละลายแคลเซยี มแลคเตทเขม้ ขน้ 0.5 และ 1.0 กรมั /100 มลิ ลลิ ิตร เวลา 5 และ 10 นาที พบวา่
สภาวะทเ่ี หมาะสม คอื ความเขม้ ข้น 0.5 กรัม/100 มลิ ลลิ ิตร เวลา 10 นาที ท้าให้เมด็ บดี สม์ ีขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางเฉลย่ี 4.70-
5.17 มิลลเิ มตร และในการศกึ ษาอณุ หภูมิในการแช่สารละลายโซเดยี มแอลจิเนตที่เหมาะสม พบวา่ ท่อี ณุ หภูมิ 10 องศาเซลเซยี ส
ท้าให้เมด็ บดี ส์มลี ักษณะทางกายภาพดีท่ีสดุ (p < 0.05) และ และเมื่อน้าเมด็ บดี สไ์ ปแชใ่ นน้าสบั ปะรด ตั้งไวท้ ีอ่ ณุ หภมู ิ 10 องศา
เซลเซยี ส 1 เดือน พบวา่ มอี ตั ราการอดชวี ติ ของโปรไบโอติก 97.62 เปอร์เซน็ ต์ (6.65 x 106 CFU ต่อเม็ดบดี ส)์ และไม่มโี ปรไบโอ
ตกิ หลุดออกมาในน้าสับปะรดตลอดการเก็บรักษา
คา้ สา้ คญั : นา้ สบั ปะรด โปรไบโอติก รเี วิรส์ สเฟยี ริฟิเคชั่น
1 หลักสตู รชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ (ลา้ รางทุง่ กะโล่) อา้ เภอเมือง จังหวัดอตุ รดติ ถ์ ประเทศไทย 53000
1
Biology Department, Faculty of Sciences and Technology, Uttaradit Rajabhat University (Tung Ka Lo) Mueang, Uttaradit, Thailand. 53000
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตร้อนและกงึ่ ร้อน คร้ังที่ 13 31
Poster Presentation PF-023
การวิเคราะห์ปริมาณไซยาไนดใ์ นมนั สาปะหลงั แผน่ ด้วยเทคนคิ สเปกโตรสโคปีโดยใช้ปฏกิ ริ ิยาการเกดิ
สารประกอบสีม่วงไดแอนไอออนของโอไนโตรฟนี ลิ ไฮดรอกซลี ามนี
Determination of Cyanide Content in Cassava Chip with Spectroscopy Using Reaction to form a
Purple Color Compound of Dianion of o-Nitrophenyl Hydroxylamine
นงนุช สงั ข์อยทุ ธ1์ *, ชนากานต์ นาคเวช2, สวามนิ ี ไชยสวัสด2์ิ , กนกพร ไตรวิทยากร3,รุง่ ทิวา วงศกรทรัพย2์ *
Sungayuth, N.1*, Nakkawet, C.2, Chaisawet, S.2, Triwitayakorn, K.3, Wongsagonsup, R.2*
Abstract
Cyanide content in cassava chips recommends the maximal residue cyanogen to be 10 ppm and
meet WHO safe level for consumers. Therefore, this research aimed to study sensitivity, selective, rapid, and
useful to determine cyanide content in cassava chips with a spectrophotometer using reaction to form a
purple color of dianion of -nitrophenyl hydroxylamine. A paper was stripped with –nitrobenzaldehyde and
-dinitrobenzene in sodium hydroxide. Then, incubated in 0.1 M phosphate buffer at pH 6.0(0.5 ml) and 100
mg cassava chip for 10 min. to develop purple color. The strip was extracted with sodium tetraborate buffer
pH 9.0 (1.0 ml) for 20 min. The absorbance of the extract was measured at 540 nm. A standard calibration was
determined. The method was reproducible and cyanide as low as 0.5 microgram could be determined. The o-
nitrophenyl hydroxylamine method is sensitive, selective, rapid and useful for routine determination of
cyanide content of cassava chip.
Keywords: Cyanide, Cassava, o-nitrophenyl hydroxylamine, purple color compound
บทคดั ยอ่
ปริมาณไซยาไนด์ในมันสาปะหลังแผ่น WHO กาหนดให้มีสูงสุดไม่เกิน 10 พีพีเอ็ม ในงานนี้จึงศึกษา ความไว ความ
แม่นยา ความรวดเร็ว และการนาไปใช้วิเคราะห์กับตวั อย่างมนั สาปะหลังแผน่ รว่ มกับเครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอรด์ ้วยปฏกิ ริ ิยาเคมีที่
เกิดสารประกอบสมี ว่ งของโอไนโตรฟีนลิ ไฮดรอกซีลามีน โดยการนากระดาษชบุ สารละลายพาราไนโตรเบนซัลดีไฮด์และโอไดไนโต
รเบนซีนในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ จากนั้นนาไปบ่มในสารละลายฟอสเฟตบัฟเฟอร์ พีเอช 6.0 (0.5 มิลลิลิตร) ที่มีมัน
สาปะหลังแผ่นน้าหนัก 100 มิลลิกรัมเป็นเวลา 10 นาที จนเกิดสารประกอบสีม่วงอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นสกัดออกด้วย
สารละลายบัฟเฟอร์โซเดียมเตตราบอเรต พีเอช 9.0 (1.0 มิลลิลิตร) เขย่า 20 นาที สร้างกราฟมาตรฐานโดยเลือกความยาวคล่ืน
540 นาโนเมตร ให้ความแมน่ ยา และวเิ คราะห์ได้ต่าถึง 0.5 ไมโครกรมั ไซยาไนด์ต่อกิโลกรัม การเกิดสารประกอบสีม่วงของไดแอน
ไอออนของโอไนโตรฟีนิลไฮดรอกซีลามีนสามารถใช้วิเคราะห์มันสาปะหลังแผ่นได้ด้วยความไว ความแม่นยา และรวดเร็ว ร่วมกับ
เครือ่ งไมโครแพลตรีดเดอร์
คาสาคญั : ไซยาไนด์ มันสาปะหลงั โอไนโตรฟนี ลิ ไฮดรอกซีลามีน สารประกอบสมี ว่ ง
1 หลักสูตรวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล วิทยาเขตกาญจนบุรี 199 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 71150
1 Division of Science and Liberal Arts, Mahidol University, Kanchanaburi Campus 199 Lumsum Saiyok Kanchanaburi 71150
2 หลักสตู รเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยมหิดล วทิ ยาเขตกาญจนบุรี 199 ต.ลุ่มสุม่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 71150
2 Food Technology, Mahidol University, Kanchanaburi Campus 199 Lumsum Saiyok Kanchanaburi 71150
3 สถาบันชีววิทยาศาสตรโ์ มเลกุล มหาวทิ ยาลัยมหิดล ศาลายา 25/25 พทุ ธมณฑลสาย 4 ศาลายา, นครปฐม ,73170
3 Institute of Molecular Biosciences, Mahidol University 25/25 Phutthamonthon sai4 Salaya, Nakhon Pathom, 73170
การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน ครัง้ ท่ี 13 32
Poster Presentation PF-024
การใชป้ ระโยชนจ์ ากกากข้าวโพดหวานเพื่อทดแทนแปง้ สาลีในบราวนี่
Utilization of Dried Sweet Corn Cake Powder for Replacement Wheat Flour in Brownies
บงกชมาศ โสภา1 เสาวนีย์ ฝัดศริ ิ1 และ ศภุ รา จนั ทรค์ ืน1
Sopa, B.1, Fudsiri, S.1 and Jankuen, S.1
Abstract
The production of brownies from dried sweet corn cake powder (DSCP) as main ingredients was
conducted by varying DSCP at 25, 50, 75 and 100% (flour basis). It was found that the addition of DSCP
resulted in the decreasing value of lightness (L*) while the increasing of redness (a*) and yellowness (b*) were
observed (p≤0.05). The results of the preference test showed that the sample containing 100% DSCP had
overall linking score comparable to the control (p0.05). The 100% DSCP in brownie contained higher protein
ash and Vitamin A (beta-carotene) than the control (p≤0.05). The chemical compositions quality of brownie
with 100% of DSCP consisting of moisture, protein, total fat, ash, total carbohydrate and total dietary fiber
were 15.28, 6.75, 23.82, 2.10, 52.05 and 4.62 respectively. Vitamin A (beta-carotene) was 89.76 g/100g of
sample.
Keywords: Brownies, Dried sweet corn cake powder
บทคดั ยอ่
การผลิตบราวนจ่ี ากกากขา้ วโพดหวาน โดยแปรปรมิ าณผงกากข้าวโพดหวาน 5 ระดบั คอื รอ้ ยละ 0 25 50 75 และ 100
(โดยน้าหนักแป้ง) พบว่าการเติมผงกากข้าวโพดหวานลงในบราวนี่ท้าให้ค่าความสว่าง (L*) ลดลง ขณะท่ีค่าความเป็นสีแดง (a*)
และค่าความเป็นสีเหลือง (b*) เพิ่มขึน (p≤0.05) จากการทดสอบทางประสาทพบว่าตัวอย่างที่เติมผงกากข้าวโพดร้อยละ 100
ได้รับคะแนนความชอบโดยรวมไม่แตกต่างจากตัวอย่างควบคุม (p0.05) บราวน่ีที่เติมผงกากข้าวโพดหวานทดแทนแป้งสาลีท่ี
ระดับร้อยละ 100 มีปริมาณโปรตีน เถ้า และวิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) สูงกว่าตัวอย่างควบคุม (p≤0.05) โดยมีปริมาณความชืน
โปรตีน ไขมัน เถ้า คารโ์ บไฮเดรต และใยอาหาร ร้อยละ 15.28 6.75 23.82 2.10 52.05 และ 4.62 ตามล้าดับ มีปริมาณวิตามินเอ
(เบตา้ แคโรทนี ) 89.76 ไมโครกรมั /100 กรัม
คาสาคญั : บราวน่ี ผงกากขา้ วโพดหวาน
1 ศูนย์วิจัยขา้ วโพดและข้าวฟ่างแหง่ ชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 298 ม.1 ต.กลางดง อ.ปากชอ่ ง จ.นครราชสีมา 30320
1
National Corn and Sorghum Research Center, Kasetsart University,298 M.1 Klang Dong, Pak Chong, Nakhon Ratchasima 30320
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตรอ้ นและก่งึ รอ้ น ครัง้ ที่ 13 33
Poster Presentation PF-025
ผลของการใชแ้ ปง้ มนั เทศสสี ้มและแปง้ ขา้ วฟา่ งต่อคุณภาพของเสน้ พาสต้าปราศจากกลูเตน
Effect of Orange-fleshed Sweet Potato and Sorghum Flour on Quality of Gluten-free Pasta
ญาดา ทบั ทิม1 ภทั รภรณ์ อตุ มะโน1 นาถสุดา ขจรพงษศ์ ร1ี และ ดวงใจ มาลยั 1
Tubtim, Y.1, Utmano, P.1 Karjohnpongsri, N.1 and Malai, D.1
Abstract
Pasta made from wheat-flour is a popular main dish and commonly consumed but it can induce
coeliac disease in some people. Therefore, gluten-free pasta is required for them. This study aimed to
investigate an appropriate ratio of orange-fleshed sweet potato flour (PF) to sorghum flour (SF) to make
gluten-free pasta. The ratio of PF to SF was 90:10, 80:20 and 70:30. Results revealed that main chemical
composition of the pasta from all formulas were not different (p≤0.05). The color values (L*, a*, b*) increased
as PF portion increased. Cooking quality (%cooking yield and %cooking loss), texture (tensile strength
and %total elongation at maximum force) and sensory quality (toughness, smoothness and appeal scores) of
the pasta prepared from these formulas did not differ. The pasta from all formulas had less toughness and
smoothness scores than the commercial pasta made from wheat flour.
Keywords: orange-fleshed sweet potato, sorghum flour, pasta, gluten
บทคดั ยอ่
เส้นพาสต้าทซึ่งผลติ จากแป้งขา้ วสาลีเปน็ อาหารหลักที่นิยมบรโิ ภคทวั่ ไปแตม่ กั มผี ลกระตนุ้ การเกดิ โรคภมู แิ พก้ บั บคุ คลบาง
กลุ่ม ดังนั้น เส้นพาสต้าที่ปราศจากกลูเตนจึงเป็นท่ีต้องการของคนกลุ่มนี้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาสัดส่วนของแป้งมัน
เทศสีส้มและแป้งข้าวฟ่างในการผลิตเส้นพาสต้าปราศจากกลูเตน โดยแปรสัดส่วนของแป้งมันเทศต่อแป้งข้าวฟ่างดังนี้ 90:10,
80:20 และ 70:30 ผลการศึกษาพบว่า เส้นพาสต้าจากทั้ง 3 สูตร มีองค์ประกอบหลักทางเคมีไม่แตกต่างกัน (p≤0.05) ค่าสี (L*,
a*, b*) เพิ่มขึ้นเมื่อปริมาณแป้งมนั เทศเพมิ่ ข้ึน สว่ นคุณภาพการหุงต้ม (ร้อยละของนา้ หนกั หลงั ต้ม และร้อยละของปริมาณของแข็ง
ที่สญู เสียระหว่างต้ม) เนื้อสัมผัส (ค่าความต้านแรงดึง และร้อยละของความยืดตัว) และคุณภาพทางประสาทสัมผัส (ความเหนียว
ความเรียบเนียน และความชอบ) ของเส้นพาสต้าจากท้ัง 3 สูตรไม่แตกต่างกัน เส้นพาสต้าจากทุกสูตรมีคะแนนความเหนียวและ
ความเรียบเนยี นนอ้ ยกวา่ เสน้ พาสต้าทางการค้าทผ่ี ลติ จากแปง้ สาลี
คาสาคญั : แปง้ มันเทศสีสม้ แปง้ ขา้ วฟ่าง เส้นพาสต้า กลเู ตน
1 ภาควิชาโภชนวทิ ยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล 420/1 ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400 Thai, Ratchathewi, Bangkok 10400
1 Department of Nutrition, Faculty of Public Health, Mahidol University 420/1 Ratchawithi Rd., Thung Phaya
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและก่งึ รอ้ น ครงั้ ท่ี 13 34
Poster Presentation PF-026
ผลของคาราจีแนนตอ่ คุณภาพพดุ ดงิ้ ธญั ชาติ
Effect of carrageenan on quality of cereal pudding
ธนวรรณ เพง็ ชยั 1 และ ศยามน ปรยิ าจารย1์
Pengchai, T.1 and Pariyacharn, S.1
Abstract
This research aimed to study effect of carrageenan on quality of cereal pudding from rice germ,
soybean, lotus seed and black sesame was added 5 levels: 0.25 0.30 0.35 0.40 and 0.45 %(w/w). Physical
properties, sensory characteristics and chemical composition of products were determined. The results
showed that the more quality of carrageenan in cereal pudding, the higher in texture, hardness and
gumminess while the lower of syneresis, but not significantly in color (p ≤ 0.05). This study found that the
organoleptic test of pudding by using 0.3% carrageenan is the most acceptability score. For the proximate
analysis of this new product (in wb) has found that there are moisture, protein, lipid, crude fiber, ash, and
carbohydrate: 79.45, 2.94, 0.30, 1.50, 0.43 and 15.39 % wb respectively. In shelf life, it was found that we could
be kept in 4+2 oC for about 9 days.
Keywords: Pudding, Cereal, Carrageenan
บทคัดยอ่
งานวิจัยน้ีมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณคาราจีแนนต่อคุณภาพพุดด้ิงธัญชาติ ท่ีผลิตจากน้านมจมูกข้าวเจ้า ถ่ัวเหลือง
เม็ดบัว และงาด้า โดยแปรปริมาณคาราจีแนน 5 ระดับ คือ ร้อยละ 0.25 0.30 0.35 0.40 และ 0.45 (โดยน้าหนัก) แล้วท้าการ
ประเมินสมบัตทิ างกายภาพ การยอมรบั ทางประสาทสมั ผัสและคณุ คา่ ทางโภชนาการ ผลการทดลองพบว่า ปริมาณของคาราจีแนน
ในพุดดิ้งธัญชาติเพ่ิมข้ึน ส่งผลให้ด้านกายภาพของผลิตภัณฑ์มีเน้ือสัมผัส ค่าความแข็งและค่าความเหนียวเพิ่มข้ึน ส่วนค่าการ
แยกตัวของน้าลดลง(p≤0.05) แต่ไมม่ ีผลตอ่ ค่าสี ผลทางประสาทสมั ผสั พบวา่ พดุ ด้ิงธญั ชาติทีใ่ ชค้ าราจีแนนร้อยละ 0.30 มคี ะแนน
การยอมรบั ทางประสาทสมั ผสั มากทีส่ ุด สว่ นคณุ คา่ ทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์พุดดิ้งมีค่าปริมาณความชื้น โปรตีน ไขมัน เส้นใย
เถ้า และคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 79.45 2.94 0.30 1.50 0.43 และ 15.39 (น้าหนักเปียก) ตามล้าดับ และเม่ือเก็บรักษาที่
อณุ หภูมิ 4+2 องศาเซลเซยี สได้นาน 9 วนั
คาสาคัญ: พดุ ดงิ้ ธญั ชาติ คาราจแี นน
1 สาขาวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี จงั หวัดอดุ รธานี 41000
1 Department of Food Science and Technology, Faculty of Technology, Udonthani Rajabhat University, Udon thani, 41000
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น คร้งั ท่ี 13 35
Poster Presentation PF-027
ผลของกากน้าตาล และคาร์บอกซเี มลทลิ เซลลโู ลสทีผ่ ลิตจากอุตสาหกรรมออ้ ยและน้าตาลต่อการผลติ คกุ ก้เี พ่อื สุขภาพ
Effects of Molasses and Carboxymeltylcellulose Produced from Sugarcane Industry on the
Production of Healthy Cookie
วราภรณ์ ศรเดช1 และ สภุ าภรณ์ เลขวตั 1
Sorndech, W. 1, and Lekhavat, S.1
Abstract
Healthy cookie recipes were prepared by adding molasses (A or B types), inulin and carboxymethyl
cellulose (CMC). Sensory quality and microstructure presented in three-dimensional networks of starch, fat
and protein of cookie dough were examined. The sensory evaluation of cookie doughs revealed that the
appropriate content of molasses, inulin and CMC was 5.8, 4.2 and 5.8%, respectively in the recipe. The recipes
consisting of molasses A and B showed lower hardness/firmness values and did not significantly affect to the
colour of the cookies. Additionally, cookie dough added with molasses, inulin and CMC caused a loose
structure and more void spaces in the cookie than that of the control. Our results have indicated that there is
an association of molasses, inulin and CMC to the cookie structures. Therefore, the application of molasses
and CMC byproducts from the sugarcane industry will be an alternative value-added in a recipe for healthy
cookie.
Keywords: Molasses, Healthy cookies, Microstructure
บทคดั ยอ่
สูตรคุกก้ีเพื่อสุขภาพพัฒนาจากการใช้กากน้าตาล (ชนิด A หรือ B) อินนูลิน และคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (CMC)
จากน้นั ท้าการประเมินคณุ ภาพทางประสาทสัมผสั และโครงสรา้ งจลุ ภาคในรปู แบบ 3 มิตขิ องแปง้ ไขมนั และ โปรตีนของคกุ ก้ีโด ผล
การประเมินทางประสาทสัมผัสพบว่า ปริมาณกากน้าตาล อินนูลิน และ CMC ท่ีเหมาะสมเท่ากับ 5.8%, 4.2% และ 5.8%
ตามล้าดับ สตู รท่ใี ช้กากน้าตาล A และ B สง่ ผลใหม้ คี ่าความแขง็ /ความแน่นตา้่ อย่างไรกต็ ามพบวา่ สีของคุกก้ที กุ สูตรไมแ่ ตกต่างกัน
อย่างมีนัยส้าคัญ จากข้อมูลดังกล่าวสามารถอภิปรายได้ว่าประเภทกากน้าตาลไม่มีผลต่อความแข็งและสีของคุกก้ี พบว่าคุกก้ีโดที่
เติมกากนา้ ตาล อนิ นลู ิน และ CMC ท้าใหเ้ กิดโครงสร้างหลวมและมีช่องว่างมากกว่าสตู รควบคมุ จากขอ้ มูลทง้ั หมดแสดงใหเ้ หน็ ว่ามี
ความสัมพันธ์ระหว่างการเติมกากน้าตาล อินนูลิน และ CMC และโครงสร้างคุกกี้ ซึ่งจะใช้เป็นสูตรคุกกี้เพื่อสุขภาพท่ีมีการเพิ่ม
มูลค่าจากของเหลือจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้าตาล
ค้าสา้ คัญ: กากนา้ ตาล คุกกี้เพอื่ สขุ ภาพ โครงสร้างจุลภาค
1 ศูนย์เช่ียวชาญนวตั กรรมอาหารสุขภาพ สถาบันวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ประเทศไทย 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ถ.เลียบคลองห้า ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี
11 2120
Expert Center of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research 35 Mu 3, Khlong Ha, Khlong Luang, Pathum
Thani, 12120
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพชื เขตรอ้ นและก่ึงร้อน ครัง้ ที่ 13 36
Poster Presentation PF-028
การศึกษาคณุ สมบัติพรไี บโอตกิ ของแปง้ ชนดิ ตา่ งๆ
ท่ีเหมาะสาหรับจุลินทรียพ์ รีไบโอตกิ ทม่ี ีความสัมพนั ธ์กบั โรคลาไสแ้ ปรปรวน
The Study of Prebiotic Properties of Various Kinds of Flour
for Probiotic Related to Irritable Bowel Syndrome
ศศวิ ิมล พลเยี่ยม1 สุภัจรี เรืองสมวงษ2์ และ สภุ าภรณ์ เลขวตั 3
Phonyiam, S.1, Reungsomwong, S. 2 and Lekhavat, S.3
Abstract
Three strains of probiotic bacteria that related to irritable bowel syndrome (IBS), namely, L. paracasei,
L. acidophilus and B. animalis, were selected. Prebiotic activity (PA) scores assessment of 6 types of flour
prepared from white radish, boiled white radish, Kluai Hom Thong bananas, Kluai Namwa bananas, Jerusalem
artichoke and Hydrolyzed Konjac were evaluated and growth of probiotic strains in media containing tested
flour was examined. Results showed that radish either fresh or boiled has a high PA scores (13-15) that
promoted the growth of L paracasei, except L. aciophilus. In addition, boiled white radish and hydrolyzed
Konjac flour slightly promoted B. animalis. However, all tested flour has no any potential to enhance the
growth of L. acidophilus. Furthermore, it was found that growth rate of all probiotic strains in testing media
containing boiled white radish is better than others and closely to media containing fructooligosaccharide and
commercial media.
Keywords: prebiotic, probiotic, prebiotic activity scores
บทคดั ย่อ
งานวิจัยเลือกใชโ้ พรไบโอตกิ สามสายพนั ธ์ุที่มคี วามสมั พันธ์กับโรคลาไส้แปรปรวน ได้แก่ L. paracasei, L. acidophilus
และ B. animalis โดยประเมินค่ากิจกรรมพรีไบโอติกของแป้งที่เตรียมจากพืชจานวน 6 ชนิด (หัวไชเท้า หัวไชเท้าต้ม กล้วยหอม
ทอง กล้วยนาว้า แก่นตะวัน และบุกท่ีผ่านการย่อย วิเคราะห์อัตราการเจริญของโพรไบโอติกในอาหารทดสอบที่มีแป้งตัวอย่าง
พบว่า แป้งหัวไชเท้าทังท่ีเตรียมจากหัวไชเท้าดิบและต้ม มีค่ากิจกรรมพรีไบโอติกสูง (13-15) ซ่ึงส่งเสริมการเจริญของเชือ
โพรไบโอติก L. paracasei ได้ดี แต่ไม่ส่งเสริมการเจริญของ L. acidophilus และพบว่าแป้งหัวไชเท้าต้มและแป้งบุกท่ีผ่านการ
ย่อยส่งเสริมการเจริญของเชือ B. animalis ได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามพบว่าแป้งทุกชนิดไม่ส่งเสริมการเจริญของเชือ L.
acidophilus นอกจากนียังพบว่าโพรไบโอติกทุกสายพันธุ์ในอาหารทดสอบท่ีมีแป้งหัวเท้าต้มมีอัตราการเจริญของเชือท่ีดีว่าแป้ง
ชนดิ อน่ื และมีคา่ ใกล้เคยี งกบั อาหารทดสอบทีม่ ีฟรุคโตโอลโิ กแซคคาไรดแ์ ละอาหารเลยี งเชือทางการคา้
คาสาคัญ: พรีไบโอตกิ โพรไบโอตกิ คา่ กิจกรรมพรไี บโอตกิ
1 ศูนยค์ วามหลากหลายทางชีวภาพ สถาบนั วิจัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120
2
Biodiversity Research Centre, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
2
2 ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ สถาบนั วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120
3 Biodiversity Research Centre, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
3
ศนู ยเ์ ชยี่ วชาญนวตั กรรมอาหารสุขภาพ สถาบนั วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120
Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน คร้ังท่ี 13 37
Poster Presentation PF-029
ผลของอุณหภูมิอบแห้งต่อปริมาณสารประกอบฟนี อลิกทง้ั หมด ฤทธก์ิ ารตา้ นอนมุ ูลอสิ ระ
และการอยรู่ อดของเชอื้ โพรไบโอติกในโยเกริ ต์ ผงจากถว่ั ลูกไกห่ ลังการทาแห้งแบบพน่ ฝอย
The Effect of Drying Temperature on Total Phenolic Compound, Antioxidant Activity and
Survival Rate of Probiotic in Chickpea (Cicer arietinum) Yoghurt after Spray Drying Process
อบุ ลวรรณา ศรีมงคลลักษณ1์ นภสร นิ่มกล่ิน2 และ สภุ าภรณ์ เลขวัต3
Srimongkoluk, U.1, Nimklin, N.2 and Lekhavat, S.3
Abstract
This research investigates effect of drying-outlet temperature (70°C, 80°C and 90°C) on phenolic
content, antioxidant activity (DPPH scavenging capacity and ferric reducing antioxidant power; FRAP) ) and
probiotic survival rate of chickpea yoghurt after spray drying process. To prepare chickpea yoghurt, chickpea
milk was inoculated with 5% w/w commercial yoghurt starter and then incubated at 42°C for 15 hr. After that,
yoghurt solution was spray dried using Buchi-Mini-spray-dryer B-290. Feed rate and air flow rate was controlled
at 5-10 ml/min and 35m3/h, respectively. Results showed that outlet air temperature has a significant effect
on cell survival rate (55-85%), phenolic content (7-11% decreased), DPPH scavenging capacity (0.005-0.008%
decreased) and FRAP value (5.0-16.34% decreased). The highest survival rate, phenolics and antioxidant
activity was in sample that outlet temperature at 80°C, while the lowest was found at a drying temperature of
90°C.
Keywords: chickpea, probiotic, bioactive compounds, antioxidant activity
บทคัดย่อ
งานวจิ ยั น้ีศกึ ษาผลของอณุ หภูมิอบแหง้ (70°ซ, 80°ซ และ 90 °ซ) ต่อปริมาณสารประกอบฟีนอลิก ความสามารถในการ
ยบั ยั้งอนมุ ลู อิสระ (โดยวิธี DPPH และ FRAP) และอัตราการรอดของเช้ือโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตผงจากถ่ัวลูกไก่หลังการ
ทาแหง้ แบบพ่นฝอย การเตรยี มโยเกริ ์ตจากถ่วั ลกู ไก่ทาโดยเติมหวั เชอ้ื โยเกิรต์ ทางการค้าร้อยละ 5 โดยน้าหนัก ในนมถ่ัวลูกไก่ บ่มที่
อุณหภูมิ 42 °ซ นาน 15 ชม. หลังจากนนั้ นาไปทาแหง้ ดว้ ยเครื่อง Buchi Mini Spray Dryer B-290 ควบคุมอัตราเร็วของสารป้อน
และอตั ราไหลของอากาศรอ้ นท่ี 5-10 ml/min และ 35 m3/h ตามลาดับ ผลการศึกษาพบว่าอุณหภูมิการทาแห้งมีผลต่ออัตราการ
รอดของเซลล์ (55-85 %) ปริมาณสารประกอบฟีนอลิก (ลดลง 7-11%) และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระโดยวิธี DPPH
(ลดลง 0.005-0.008%) และ FRAP (ลดลง5.0-16.34 %) ทั้งนี้อัตราการรอดของเชื้อ ปริมาณสารประกอบฟีนอลิก และ
ความสามารถในการยับย้งั อนุมลู อสิ ระทสี่ งู ที่สดุ พบในตวั อยา่ งทท่ี าแห้งทอ่ี ุณหภมู ิ 80 ๐ซ ในขณะทีค่ า่ ต่าสุดพบในตัวอยา่ งทีท่ าแหง้ ท่ี
อุณหภูมทิ ่ี 90 ๐ซ
คาสาคัญ: ถัว่ ลูกไก่ โพรไบโอติก สารออกฤทธ์ิทางชีวภาพ ความสามารถในการยับย้งั อนุมูลอิสระ
1 ศูนย์เช่ยี วชาญนวัตกรรมอาหารสขุ ภาพ สถาบันวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
1
Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
2
2 ศูนย์เช่ยี วชาญนวตั กรรมอาหารสขุ ภาพ สถาบนั วจิ ยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120
3 Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
3
ศนู ยเ์ ชยี่ วชาญนวตั กรรมอาหารสุขภาพ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
Expert Centre of Innovative Health Food, Thailand Institute of Scientific and Technological Research, 35 Moo 3, Khlong 5, Khlong Luang, Pathum Thani, 12120
การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน คร้ังท่ี 13 38
Poster Presentation PF-031
ผลของสารเพ่ิมความคงตัวต่อคณุ ภาพของไอศกรีมเชอร์เบทมะม่วงมหาชนก
Effect of Stabilizing Agent on Quality of Mahachanok Mango Sherbet Ice Cream
ดารกิ า มากคงดี1 พชั รพร พรมระเริง2 และ ศรญั ญา วอขวา1
Makkongdee D1, promrareang P2 and Workhwa, S.3
Abstract
The objective of this research was to study the concentration of stabilizer on physical, chemical
properties as well as sensory evaluation of Mahachanok mango sherbet ice cream. The concentration of
stabilizer used at 0, 0.3, 0.6 and 0.9% were found that the experiment at 0.3% suitable for the viscosity,
melting rate and overrun at 953.86 cP, 15.71% and 8.69 g/min, respectively. The panelists had the highest
total acceptance, (L *) of 54.89, (a *) of 14.24 (b *) of 43.46. Analysis of the chemical composition revealed
that the fiber content, phenolic compounds, the antioxidants were 0.08%, 27.79 (mg GAE / 100 FW) and
2.61% and found that the Mahachanok mango sherbet ice was preserved at least 14 days.
Keywords: melting, Overrun, Sherbet Ice Cream
บทคัดยอ่
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพ่ือศึกษาปริมาณสารเพ่ิมความคงตัวที่มีผลต่อคุณภาพทางกายภาพ เคมี และลักษณะทาง
ประสาทสัมผสั ของไอศกรีมเชอรเ์ บทมะม่วงมหาชนก สารเพมิ่ ความคงตวั ท่ีใช้ร้อยละ 0, 0.3, 0.6 และ0.9 พบวา่ สารเพ่ิมความคงตวั
ท่ีความเขม้ ข้น 0.3 เปอรเ์ ซนต์ เป็นปรมิ าณท่ีเหมาะตอ่ คา่ ความหนดื อัตรการข้นึ ฟู และอตั ราการละลาย มีค่าเท่ากับ 953.86 เซนติ
พอยส์ 15.71 เปอรเ์ ซ็นต์ และ8.69 กรัม/นาที ตามลาดับ และผู้ทดสอบชิมให้คะแนนการยอมรับรวมสูงที่สุด ค่าความ สว่าง (L*)
เทา่ กับ 54.89 คา่ สแี ดง (a*) เทา่ กับ 14.24 และคา่ สีเหลือง (b*) เท่ากับ 43.46 การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีพบว่ามีปริมาณ
เสน้ ใย สารประกอบฟนี อลิก และสารต้านอนุมูลอิสระ มีค่าเท่ากับ 0.08 % 27.79 (mg GAE/100 FW) และ2.61เปอร์เซนต์ และ
พบวา่ ไอศกรัมเชอร์เบทมะม่วงมหาชนกสามารถเกบ็ รักษาไว้ได้อยา่ งนอ้ ยเป็นเวลา 14 วนั
คาสาคัญ: การละลาย การขึ้นฟู ไอศกรมี เชอร์เบท
1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎอดุ รธานี 64 ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อดุ รธานี 41000
1 Department of Food science and Technology, Faculty of Technology, UdonThaniRajabhat University 64 Thaharn Road, Muang, UdonThani 41000