CRDC13 E-Book of Abstract

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตร้อนและกง่ึ ร้อน ครั้งท่ี 13 39
Poster Presentation PF-032

แตงโมแผน่ : วิธใี หมใ่ นการเตรยี มแตงโมแผน่ โดยปราศจากการใช้วัตถุเจือปนอาหาร
Water melon leather: Novel preparation method without using food additives

ดาริกา คงชมแพ่ง1 ธนัชชา เทยี มเดช1 นิพร เดชสขุ 1 และ พรรณจริ า วงศ์สวัสด1ิ์
Kongchompeang, D.1, Tiamdej, T.1, Dejsuk, N.1 and Vongsawasdi, P.1

Abstract
Water melon is a hydrating fruit. The fruit leather preparation involves not only fruit puree but also
other ingredients such as pectin, sugar and glucose syrup. The mixture is concentrated and dried. This
research aims to investigate fruit leather without addition of food additives. Water melon flesh was kept at 4
and -14oC for 24 and 48 h. The fruit was thawed and water was separated before drying at 70oC. The results
showed that water melon leather stored at -14oC for 48 h demonstrated the highest drip loss of 45.48±5.77%.
After drying, the product could be formed and rolled up. Aforementioned sample had aw of 0.543±0.001. Its
color was 48.23±0.01, 25.65±0.05 and 12.22±0.01 for lightness (L*), redness (a*) and yellowness (b*),
respectively. Sensorial results showed that the fruit leather was firm but flexible and extensible. It had strong
fruit flavor with sweet taste.
Keywords: water melon, leather, freezing, drip loss

บทคัดย่อ
แตงโมเปน็ ผลไม้ทม่ี ีน้ำสงู กำรทำ้ เป็นผลไมแ้ ผน่ จะตอ้ งเตมิ สว่ นผสม เชน่ เพคตนิ นำ้ ตำล และกลโู คสซรี ปั ก่อนน้ำไปท้ำให้
เข้มข้นและท้ำแห้ง งำนวิจัยนีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษำกระบวนกำรเตรียมแตงโมแผ่นโดยไม่ใช้วัตถุเจือปนอำหำร ซึ่งท้ำโดยน้ำ
แตงโมไปลดอุณหภมู ทิ ่ี 4 และ -14 oC เป็นเวลำ 24 และ 48 ชัว่ โมง จำกนันนำ้ มำละลำย แยกนำ้ ออก และทำ้ แหง้ ทีอ่ ณุ หภูมิ 70oC
ผลกำรทดลองพบวำ่ ตวั อยำ่ งทเ่ี ตรียมจำกแตงโมที่ผำ่ นกำรลดอุณหภมู ิท่ี -14 oC เป็นเวลำ 48 ชั่วโมง มีค่ำร้อยละกำรสูญเสียน้ำใน
ระหว่ำงกำรละลำย (%drip loss) สูงท่ีสุดคือ 45.48±5.77% ภำยหลังกำรอบแห้งพบว่ำผลิตภัณฑ์มีลักษณะแห้ง สำมำรถขึนรูป
และมว้ นได้ มคี ่ำ aw เทำ่ กับ 0.543±0.001 เมอ่ื นำ้ มำวัดค่ำสีพบว่ำมีค่ำควำมสว่ำง (L*) ค่ำควำมเป็นสีแดง (a*) และค่ำควำมเป็นสี
เหลือง (b*) เท่ำกับ 48.23±0.01, 25.65±0.05 และ 12.22±0.01 ตำมล้ำดับ ผลกำรทดสอบทำงประสำทสัมผัสพบว่ำตัวอย่ำงมี
เนือแนน่ แต่ยดื หย่นุ และสำมำรถยดื ได้ มีกลน่ิ ของแตงโมชดั เจน และมีรสหวำน
คาสาคัญ: แตงโม ผลไม้แผ่น กำรแชแ่ ขง็ กำรสญู เสยี น้ำจำกกำรละลำย

1 ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี เขตทุ่งครุ กรุงเทพ 10140
1 Department of Microbiology, Faculty of Science, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Thoonkru, Bangkok 10140

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตร้อนและก่ึงร้อน ครั้งท่ี 13 40
Poster Presentation PF-033

การผลติ โยเกิรต์ ขา้ วดา “แม่พญาทองดา”
Yoghurt Production from Black Rice “Maepaya Tongdum”

ปุญญิศา วัฒนะชยั 1 สุรรี ตั น์ ราศรีด1ี และ หยาดรุ้ง สุวรรณรัตน2์
Wattanachai, P.1, Rasidee, S.1 and Suwannarat, Y2

Abstract

This research studied the production of “Maepaya tongdum” black rice yoghurt. A different level (1:1,
1:5 and 1:10 %w/w) of rice and contain carrageenan 0.1-0.5 g during ferment at 45 ºC and the shelf life of the
yoghurt production at 4 ºC for 21 days, including volume of anthocyanin in yoghurt. It was found the ratio of
rice content and stabilizer agent was no difference in sensory quality (color, smell, taste, texture and total
acceptability). When stored for 21 days, the rice yoghurt formula 1:1 with 0.1 g of carrageenan gave the
volume of anthocyanin 3.78±1.09 mg/L. Total acid in lactic acid form 1.34 % (w/v), total soluble solid 2.20
ºBrix and lactic acid bacteria 1.77x109 CFU/ml. The storage of yoghurt product for 21 days still give most
benefit for body.
Keywords: Maepaya Tongdum black rice, Yoghurt

บทคดั ยอ่
งานวิจัยนี้ศึกษาการผลิตโยเกิร์ตข้าวดา “แม่พญาทองดา” โดยแปรผันอัตราส่วนข้าวต่อน้า ในอัตราส่วน 1:1, 1:5 และ
1:10 (น้าหนกั ตอ่ ปริมาตร) และปริมาณสารให้ความคงตัว 0.1-0.5 กรัม ในระหว่างการบ่มท่ีอุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส และอายุ
การเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 21 วัน รวมถึงปริมาณสารแอนโทไซยานินในโยเกิร์ต
พบว่าอตั ราสว่ นปริมาณขา้ วและสารใหค้ วามคงตัวไมม่ ผี ลตอ่ คุณภาพทางประสาทสัมผสั (สี กลิ่น รสชาติ เน้ือสัมผัส และความชอบ
โดยรวม) เมอื่ เก็บรักษาเปน็ เวลา 21 วัน พบวา่ โยเกิรต์ ข้าวในอตั ราส่วน 1:1 ทมี่ ีปรมิ าณคาราจีแนน 0.1 กรัม ให้ปริมาณสารแอนโท
ไซยานิน 3.78±1.09 มิลลิกรัมต่อลิตร ปริมาณกรดท้ังหมดในรูปของกรดแลคติก 1.34 เปอร์เซ็นต์ (น้าหนักต่อปริมาตร) ปริมาณ
ของแข็งท่ีละลายน้าได้ 2.20 องศาบริกซ์ และมีปริมาณแบคทีเรียแลคติกเท่ากับ 1.77x109 CFUต่อมิลลิลิตร ซึ่งการเก็บรักษา
โยเกิร์ตเปน็ เวลา 21 วนั จะยงั คงคุณประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑ์โยเกิร์ตได้
คาสาคญั : ข้าวดาแมพ่ ญาทองดา โยเกริ ต์

1 ภาควิชาจลุ ชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา จ.ชลบรุ ี 20131
1
Department of Microbiology Faculty of Science, Burapha University Chonburi Province 20131
2คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ราไพพรรณี จ. จันทบุรี 22000
2 Faculty of Agricultural Technology, Rambhai Barni Rajabhat University Chantaburi Province 22000

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตรอ้ นและกงึ่ รอ้ น คร้ังที่ 13 41
Poster Presentation PF-034

ผลของการใชม้ ิวซิเลจจากเมด็ แมงลักในการทดแทนไข่แดงบางสว่ นตอ่ ลกั ษณะทางดา้ นประสาทสมั ผสั องค์ประกอบ
ทางกายภาพและเคมีของชฟิ ฟ่อนเคก้

Effect of Mucilage from Basil seed Partial Replaced Yolk on Sensory, Physical and Chemical
Characteristics of Chiffon Cake

ศริสา ทวีแสง1 วารนิ ทร์ รงั วสั สา2 และ สุภาวดี บดุ ทะส3ี
Thaweesang, S.1, Rungvussa, V.2 and Budthasi, S.3

Abstract
Appropriate content of mucilage from basil seed was studied for partial yolk replacement in chiffon
cake by varying 0%, 60% and 80% of the mucilage to egg yolk, respectively. Sensory acceptance, color and
texture profile analysis were measure. Found that the chiffon cake was used the yolk substituted mucilage,
60% and 80%, had sensory acceptance scores, including the color values (L * a * and b *), hardness,
springiness and chewiness were different from control treatment chiffon cake (0% mucilage) (p≤0.05). For
chemical composition analysis the result showed that 80% mucilage was used as substitute for yolk in chiffon
cake has fat content lower than control chiffon cake (p≤0.05).
Keywords: Mucilage, Basil seed, Chiffon cake, Low fat

บทคัดยอ่
การศกึ ษาปรมิ าณทเ่ี หมาะสมของมิวซิเลจจากเม็ดแมงลักเพือ่ ใช้ทดแทนไข่แดงบางส่วนในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชิฟฟ่อน
เค้ก โดยแปรปริมาณ มิวซิเลจต่อไข่แดงในปริมาณ 0% 60% และ80% ตามลาดับ จากนั้นนาไปศึกษาการยอมรับทางด้าน
ประสาทสัมผัส วัดสี และวัดเนือ้ สมั ผัส พบว่าชิฟฟอ่ นเคก้ ที่ใช้ มิวซิเลจทดแทนไข่แดงในปริมาณ 60% และ 80% มีคะแนนการ
ยอมรบั ทางดา้ นประสาทสมั ผสั คา่ สี (L* a* และ b*) ค่าความแข็ง ค่าความยดื หย่นุ และค่าการทนเคีย้ ว แตกตา่ งจากชิฟฟอน
เค้กทรีทเม้นต์ควบคุม (มิวซิเลจ 0%) อย่างมีนัยสาคัญ (p≤0.05) และเม่ือนาชิฟฟ่อนเค้กทรีทเม้นต์ควบคุม และทรีทเม้นต์ที่ใช้
มิวซิเลจทดแทนไข่แดงในปริมาณ 80% ไปวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พบว่า ชิฟฟ่อนเค้กที่ใช้ มิวซิเลจทดแทนไข่แดงใน
ปริมาณ 80% มีปริมาณไขมัน ตา่ กว่าชิฟฟอนเค้กทรที เมน้ ต์ควบคมุ อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติ (p≤0.05)
คาสาคัญ: มวิ ซเิ ลจ เมด็ แมงลกั ชิฟฟ่อนเค้ก ไขมนั ตา่

11สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎอดุ รธานี 234 หมู่ 12 ต.สามพรา้ ว อ.เมอื ง จังหวัดอดุ รธานี ประเทศไทย 41000
Department of Food science and Technology, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University, 234 moo 12 Sam Phrao district Mueang

Udon Thani, Thailand 41000
21สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฎอดุ รธานี 234 หมู่ 12 ต.สามพรา้ ว อ.เมือง จังหวัดอดุ รธานี ประเทศไทย 41000

Department of Food science and Technology, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University, 234 moo 12 Sam Phrao district Mueang
Udon Thani, Thailand 41000
31สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฎั อุดรธานี 234 หมู่ 12 ต.สามพร้าว อ.เมอื ง จังหวัดอดุ รธานี ประเทศไทย 41000

Department of Food science and Technology, Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University, 234 moo 12 Sam Phrao district Mueang
Udon Thani, Thailand 41000

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน ครง้ั ที่ 13 42
Poster Presentation PF-035

การศึกษาความเปน็ ไปไดใ้ นการวัดค่าสีมะเขือเทศดว้ ยสมารท์ โฟนและกลอ้ งดจิ ทิ ลั
Possibility on Color Measurement of Tomatoes with Smartphone and Digital Camera

เหมอื นหมาย อภินทนาพงศ์1 วชิ ชดุ า สงั ขแ์ ก้ว1 และ เสาวนีย์ เอย้ี วสกลุ รตั น์1
Apintanapong, M.1, Sangkaeo, W.1 and Ieowsakulrat, S.1

Abstract
The objective of this research is to evaluate the possibility of the application of smartphone and
digital camera for color measurement of tomatoes with different maturity stages under ambient and
controlled light environments. The relationship of color values obtained from these devices and HunterLab
colorimeter were evaluated by using linear regression and calibration equations were determined. The results
revealed that the regression coefficients (R2) obtained from color measurement (L*a*b*) with a digital camera
under controlled light was higher than other devices. It was found that smartphone and digital camera can be
applied to differentiate the maturity stages of tomatoes by a* and color index values. After calibration, in the
color measurement of tomatoes with three different maturity stages under controlled light, the color index
obtained from the digital camera was not different with HunterLab colorimeter in all maturity stages (P>0.05).
Keywords: Color measurement, Tomato, Smartphone, Digital camera

บทคดั ย่อ
งานวจิ ยั น้มี ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนาสมาร์ทโฟนและกล้องดิจิทัลมาใช้วัดค่าสีมะเขือเทศท่ีมีระดับ
ความสุกแตกต่างกันในสภาพแสงปกติและควบคุมแสง โดยทาการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นและหาสมการปรับเทียบ
เปรียบเทียบกับเครื่องวัดสีมาตรฐาน (HunterLab colorimeter) จากผลการทดลอง พบว่า ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์ (R2) ของ
การวัดคา่ สี L* a* และ b* ดว้ ยกล้องดจิ ทิ ัลในสภาพควบคมุ แสงมีค่าสูงกวา่ อุปกรณ์อนื่ เมอื่ ทาการวัดคา่ สีมะเขือเทศที่มีระดับความ
สกุ ต่างกัน 3 ระดบั พบวา่ อุปกรณ์ทกุ ชนิดสามารถแยกความแตกต่างของระดับความสุกของมะเขือเทศจากค่าสี b* และดัชนีสีได้
โดยทาได้ใกล้เคียงเครื่องวัดสีมาตรฐานมากข้ึนเมื่อทาการปรับเทียบแล้ว และการแยกความแตกต่างของระดับความสุกด้วยกล้อง
ดิจิทลั ในสภาพควบคมุ แสงมคี วามใกลเ้ คยี งกับเคร่ืองวัดสีมาตรฐานมากที่สุด โดยค่าดัชนีสีในมะเขือเทศทุกระดับความสุกที่วัดด้วย
เคร่อื งวัดสมี าตรฐานและกลอ้ งดจิ ทิ ัลในสภาพควบคมุ แสงใหผ้ ลไมแ่ ตกต่างกัน (P>0.05)
คาสาคัญ: การวดั ค่าสี มะเขอื เทศ สมาร์ทโฟน กลอ้ งดิจิทลั

1 คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย 126/1 ถนนวิภาวดรี ังสติ ดนิ แดง กรุงเทพมหานคร
1 School of Science and Technology, University of the Thai Chamber of Commerce, 126/1 Vibhavadee-rangsit Rd., Dindaeng, Bangkok

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและกง่ึ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 43
Poster Presentation PF-036

การศกึ ษาการอบแหง้ โฟมสาหร่ายผกั กาดทะเลด้วยอากาศรอ้ นและอากาศร้อนรว่ มกับการแผ่รังสีอนิ ฟราเรดไกล
Study on Drying of Sea Lettuce Foam with Hot Air and Combined Hot Air and Far-Infrared

Radiation

รตยิ า ธุวพาณิชยานนั ท์1 ดลฤดี ใจสุทธ1ิ์ อนุสรณ์ เชอ้ื สามารถ1 และ จนั ทนา ไพรบรู ณ2์
Thuwapanichayanan, R.1, Jaisut, D.1, Chueasamat, A.1 and Praiboon, J.2

Abstract
Drying of sea lettuce foam consists of blending the sea lettuce into puree, whipping into stable foam,
and then drying. Drying of foam can shorten the drying time. The objective of this work was to study the
effect of drying methods, i.e., hot air drying at 80°C and combined hot air at 50°C and far-infrared radiation at
the power level of 350W drying on the drying time, total phenolic content and antioxidant activities of sea
lettuce foam. The experimental results showed that combined hot air at 50°C and far-infrared radiation at the
power level of 350W took longer drying time than hot air drying at 80°C. However, the sea lettuce foam dried
by combined hot air at 50°C and far-infrared radiation at the power level of 350W had higher antioxidant
activity assessed by DPPH radical scavenging activity and reducing activity than that dried by hot air at 80°C.
Keywords: Antioxidant activity, Combined hot air and far-infrared radiation, Sea lettuce foam, Total phenolic
content

บทคดั ยอ่
การอบแห้งโฟมสาหร่ายผักกาดทะเลประกอบดว้ ยข้นั ตอนการทาให้สาหรา่ ยผกั กาดทะเลเปน็ ของเหลวข้น การตใี หเ้ กดิ
ฟองทีเ่ สถยี ร และการอบแหง้ ซึ่งการอบแหง้ โฟมจะช่วยลดระยะเวลาในการอบแห้งลงได้ งานวจิ ยั นจ้ี ึงมีวัตถปุ ระสงค์เพอื่ ศกึ ษาผล
ของวิธีการอบแหง้ ไดแ้ ก่ การอบแหง้ ดว้ ยอากาศร้อนอณุ หภูมิ 80°C และการอบแหง้ ด้วยอากาศรอ้ นอณุ หภูมิ 50°C ร่วมกับการแผ่
รงั สีอนิ ฟราเรดไกลที่ความเขม้ 350W ทมี่ ีตอ่ ระยะเวลาทใี่ ช้ในการอบแหง้ ปรมิ าณสารฟนี อลิกทง้ั หมด และกิจกรรมการต้านอนุมลู
อสิ ระของโฟมสาหรา่ ยผกั กาดทะเล จากผลการทดลองพบวา่ การอบแหง้ ดว้ ยอากาศร้อนอุณหภมู ิ 50°C ร่วมกบั การแผร่ งั สี
อินฟราเรดไกลทีค่ วามเข้ม 350W ใชร้ ะยะเวลาอบแหง้ นานกวา่ การอบแหง้ ดว้ ยอากาศร้อนอุณหภูมิ 80°C แต่โฟมสาหรา่ ยผกั กาด
ทะเลท่ผี า่ นการอบแหง้ ด้วยอากาศร้อนอุณหภมู ิ 50°C รว่ มกบั การแผร่ งั สีอินฟราเรดไกลท่ีความเขม้ 350W มีกิจกรรมการตา้ น
อนุมลู อสิ ระซง่ึ หาโดยวิธีการกาจัดอนุมลู DPPH และมีความสามารถในการรีดวิ ซเ์ ฟอร์ริคสงู กวา่ โฟมสาหรา่ ยผักกาดทะเลทผี่ า่ นการ
อบแหง้ ดว้ ยอากาศรอ้ นอุณหภูมิ 80°C
คาสาคัญ: กิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ ปริมาณสารฟีนอลิกทั้งหมด โฟมสาหร่ายผักกาดทะเล อากาศร้อนร่วมกับการแผ่รังสี
อนิ ฟราเรดไกล

1 ภาควิชาเกษตรกลวธิ าน คณะเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ 50 ถ. งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรงุ เทพ 10900
1
Department of Farm Mechanics, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, 50 Ngamwongwan Road, Lardyao, Chatuchak, Bangkok, 10900
2
2 ภาควิชาชวี วทิ ยาประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 50 ถ. งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรงุ เทพ 10900

Department of Fishery Biology, Faculty of Fishery, Kasetsart University, 50 Ngamwongwan Road, Lardyao, Chatuchak, Bangkok, 10900

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน ครง้ั ที่ 13 44
Poster Presentation PF-037

การพัฒนาผลติ ภัณฑเ์ สน้ บะหม่ีอบแหง้ เสรมิ ผงจ้ิงหรีด
Development of Dried Noodles Supplemented with Cricket Powder

อรลัดา เจอื จันทร1์ กัญญามาศ สายยศ1 และ อภญิ ญา การะเกต1
Juajun, O.1, Saiyod, K.1 and Karaket, A.1

Abstract
This research aimed to study the optimal cricket powder for noodle production and the optimum
temperature for dried noodles supplemented with cricket powder. The cricket powder had 17.06% protein.
Fresh noodle was supplemented with cricket powder at four levels (0, 3, 5 and 7%). It was found that
consumer’s preference score for fresh noodle products supplemented with 3% cricket powder was not
different significance from the control formula. Dried the noodles with 3% cricket powder added were at 55,
60 and 65 °C. The best recipe was dehydrated at 65°C for 90 minutes. The cooking time was 9 minutes, weight
after boiling and solid content lost during boiling 233.71 and 3.49%, respectively. Proximate analysis such as
moisture, ash, fat, protein, fiber and carbohydrate were 11.07, 2.27, 5.11, 0.63, 6.32 and 80.93 %, respectively,
and the total energy was 349.83 kcal.
Keywords: Dried noodles, Cricket powder, Cooking time

บทคดั ย่อ
วัตถุประสงค์งานวิจัยนี้เพื่อศึกษาปริมาณท่ีเหมาะสมของผงจิ้งหรีดในการผลิตบะหม่ี และอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการ
อบแห้งเส้นบะหมเี่ สริมผงจง้ิ หรีด ผงจิ้งหรดี มคี ่าโปรตีนร้อยละ 17.06 ปรมิ าณการเสริมผงจิ้งหรีดในบะหมี่เส้นสด 4 ระดับ (ร้อยละ
0, 3, 5 และ 7) พบว่าผู้บริโภคให้คะแนนความชอบในผลิตภัณฑ์เส้นบะหมี่เส้นสดเสริมผงจิ้งหรีดร้อยละ 3 ไม่แตกต่างจากสูตร
ควบคุม ทาการอบแห้งเส้นบะหมี่ท่อี ุณหภูมิ 55, 60 และ 65 องศาเซลเซยี ส พบว่าสูตรท่ีได้รับการยอมรับมากที่สุด คือการอบแห้ง
ท่ีอุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส นาน 90 นาที ระยะเวลาในการต้มสุกคือ 9 นาที น้าหนักหลังการต้มและปริมาณของแข็งที่สูญเสีย
ระหวา่ งการตม้ ร้อยละ 233.71 และ 3.49 ตามลาดบั องคป์ ระกอบทางเคมี ได้แก่ ปริมาณความชื้น เถ้า ไขมัน โปรตีน เยื่อใย และ
คาร์โบไฮเดรต ร้อยละ 11.07, 2.27, 5.11, 0.63, 6.32 และ 80.93 ตามลาดับ และค่าพลังงาน 349.83 กโิ ลแคลอรี่
คาสาคัญ: บะหม่ีอบแห้ง ผงจง้ิ หรดี ระยะเวลาตม้ สกุ

1 สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสรุ ินทร์ อ.เมอื ง จ.สรุ ินทร์ 32000
1 Department of Agro-Industry, Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Surin Campus. Mueang District,
Surin Province. 32000

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตรอ้ นและก่งึ ร้อน ครง้ั ที่ 13 45
Poster Presentation PF-038

ประเมินพนั ธ์ขุ ้าวโพดหวานสมี ว่ งแดงที่เหมาะกบั การแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑไ์ อศกรีมและชาจากไหม
Reddish-purple Sweet Corn Varieties Evaluation for Processing into Ice-cream and Silk-based Tea

ชฎามาศ จติ ตเ์ ลขา1 บงกชมาศ โสภา1 เสาวนยี ์ ฝัดศิร1ิ และชูศกั ด์ิ จอมพุก2
Jittlaka, C1, Sopa, B1, Fudsiri, S1, Jompuk, C2

Abstract

The objective of this study is to evaluate the new variety of the reddish-purple sweet corn, regarding
the characteristics of the yield and sensory quality of the products processed into ice-cream and silk-based
tea. To study, 10 varieties of the yields trials were conducted in the randomized complete block design
(RCBD) with three replications. The sensory quality was tested by a sampling group of 60 customers from Rai
Suwan shop, using 9 point hedonic scale. Results showed that Kspsx5910 presented good potential with
higher amounts of fresh husked and unhusked yields than in the average of 2,167 and 1,490 kg./rai,
respectively. The full seeds stuck with a pod length of 17 cm. and width of 5 cm. Regarding to results of the
preference, the tea received in the moderate to slight scores, while in the sight to like (6-7) level for the ice-
cream.
Keywords: Reddish-purple sweet corn, Ice cream, Tea

บทคดั ย่อ
การวิจยั นมี้ ีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินคัดเลือกลูกผสมข้าวโพดหวานสีม่วงแดงพันธ์ุใหม่โดยพิจารณาจากลักษณะผลผลิต
และคุณภาพทางประสาทสัมผัสจากผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นไอศกรีมและชาจากไหมข้าวโพด โดยการปลูกเปรียบเทียบผลผลิต
ข้าวโพดหวานจานวน 10 พันธ์ุ วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล็อกสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design, RCBD)
จานวน 3 ซ้า และคดั เลอื กพนั ธ์ุทีม่ ีแนวโนม้ สามารถทาเปน็ ผลิตภัณฑ์ไอศกรมี และชาจากไหม ประเมินคุณภาพประสาทสัมผัสโดย
สุ่มตัวอย่างกลุม่ ทดสอบจากลูกค้าร้านค้าข้าวโพดหวานไร่สุวรรณ จานวน 60 ท่าน วิเคราะห์คุณภาพทางประสาทสัมผัส โดยใช้ 9
Point Hedonic Scale ซ่ึงพันธุ์Kspsx5910 เป็นพันธุ์ที่ประเมินได้ว่ามีศักยภาพดีเหมาะแก่การแปรรูปทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ โดยมี
ผลผลิตฝกั สดทัง้ เปลือกและปอกเปลือกทม่ี ากกว่าค่าเฉลี่ยคือ 2,167 และ 1,490 กก/ไร่ ตามลาดับ มีลักษณะการติดเมล็ดเต็มท้ัง
ฝักโดยมีความยาวฝัก 17 เซนติเมตร ฝักมีขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร และให้ผลการทดสอบความชอบชาไหมอยู่ในระดับพึงพอใจ
ระดับกลางถึงชอบเล็กนอ้ ย และผลติ ภัณฑ์ไอศกรีมมคี ะแนน (6-7) อยใู่ นระดับความชอบเล็กนอ้ ยถึงชอบ
คาสาคญั : ข้าวโพดหวานสีม่วงแดง ไอศกรมี ชา

1 ศูนย์วจิ ยั ข้าวโพดและข้าวฟา่ งแหง่ ชาติ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อ.ปากชอ่ ง จ.นครราชสมี า 30320
1 National Corn and Sorghum Research Center, Department of Agronomy, Faculty of Agriculture, Kasetsart University Pakchong,
Nakhonrachasima, 30320
2 ภาควิชาพชื ไร่นา คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน อ.กาแพงแสน จ.นครปฐม 73140
2 Department of Agronomy, Faculty of Agriculture at Kamphaeng Saen, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Kamphaeng Saen,
Nakornpathom, 73140

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตร้อนและกง่ึ รอ้ น ครง้ั ท่ี 13 46
Poster Presentation PF-039

สภาวะทเี่ หมาะสมในการพาสเจอร์ไรสพ์ ิวเรเ่ ยอื่ หุม้ เมล็ดและเน้อื ฟักขา้ วตอ่ ปริมาณไลโคปีน และเบตา้ แคโรทนี
Optimization of Pasteurizer of Gac Aril and Pulp Puree on Lycopene and Beta-carotene Content

ณัฎวลณิ คล เศรษฐปราโมทย์1 และ นติ ยา ภงู าน1
Settapramote, N.1 and Pungam, N.1

Abstract
The objective of this research was to study the optimum conditions for pasteurization of gac aril and
pulp puree on lycopene and beta-carotene content. Temperature (75-95 degrees Celsius) and time (0-10
minutes) of pasteurization were studied. The CCD (Central composite Design) experiment was designed, and
the lycopene and beta-carotene content were analyzed. It showed that the optimum condition of
pasteurization of gac aril and pulp puree were 90 degrees Celsius for 8 minutes 30 seconds and 92 degrees
Celsius for 8 minutes 31 seconds, respectively. Furthermore, lycopene and beta-carotene content of gac aril
and pulp puree were 489.28 mg/g, 73.95 µg/g and 23.94 mg/g, 8.66 µg/g, respectively.
Keywords: Gac purée, beta-carotene, lycopene, pasteurization

บทคัดยอ่
วัตถุประสงค์ของการวิจัยคร้ังน้ีเพ่ือศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการพาสเจอร์ไรส์พิวเร่เย่ือหุ้มเมล็ดและเน้ือฟักข้าวต่อ
ปริมาณไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน โดยศึกษาอุณหภูมิและเวลาในการพาสเจอร์ไรส์ ระหว่าง 75-95 องศาเซลเซียส และ 0-10
นาที ออกแบบการทดลองแบบ CCD (Central composite Design) จากน้ันนามาวิเคราะห์ปริมาณไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน
พบว่าสภาวะการพาสเจอไรส์ทีเ่ หมาะสมของพวิ เร่เย่อื หุม้ เมลด็ ฟักข้าวและเนือ้ ฟกั ข้าวคือ 90 องศาเซลเซียส นาน 8 นาที 30 วินาที
และ 92 องศาเซลเซียสนาน 8 นาที 31 วินาที ตามลาดบั โดยพิวเร่เย่ือหมุ้ เมลด็ ฟกั ข้าวและเน้อื ฟกั ข้าวมีปริมาณไลโคปีน และเบต้า
แคโรทีนเท่ากับ 489.28 mg/g, 73.95 µg/g และ 23.94 mg/g, 8.66 µg/g ตามลาดบั
คาสาคัญ: พวิ เร่ฟักข้าว เบตา้ แคโรทนี ไลโคทนี พาสเจอรไ์ รส์

1 สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตสรุ นิ ทร์ ถนน สรุ นิ ทร์-ปราสาท
อ1 าDเภepอเaมrtือmง eจnังหt วoดั fสAรุ gินrทoร-I์ ndustrial, Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan Surin
Campus, Surin-Prasant Road, Mueang district, Surin

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตร้อนและก่ึงร้อน คร้ังที่ 13 47
Poster Presentation PF-040

ฤทธิก์ ารตา้ นเชอ้ื ราท่ีเป็นสาเหตุของการเส่อื มเสียของขนมปงั ของสารสกัดจากเปลือกสบั ปะรด
Antimicrobial Activity of Pineapple Peel Extract Against Bread Spoilage Fungi

นริ มล ปญั ญบ์ ศุ ยกลุ 1 เพ็ญทชิ า สุขทรพั ย์ 1 และ อษิ ยา ยอดยง่ิ 1
Punbusayakul, N.1, Suksab, P.1 and Yodying, I.1

Abstract
This work investigated antimicrobial activity of pineapple peel extract against bread spoilage fungi.
Pineapple-peel was dried (70 °C), ground (100 mesh) and macerated in distilled water at the pineapple-peel-
to-water ratio of 1:10 and shaken at 120 rpm for 4 hrs. The mixture was filtered and the filtrate was subjected
for rotary evaporator under reduced pressure to get a pineapple-peel crude extract (PPE). The PP was diluted
to the concentration of 0.0039–1.0000 g/mL with distilled water. The in vitro antifungal activity of the PPE
against Aspergillus sp. mycelium growth and spore germination was evaluated by poisoned food bioassay and
spore germination test methods, respectively. The mycelium growth and spore germination inhibition
increased with the increasing pineapple-peel-crude-extract concentration (9.71 – 33.46 % and 1.93 – 68.91 %,
respectively). These results indicate that the PPE is a potential natural antimicrobial agent that could be
applied for bread spoilage fungi inhibition.
Keywords: Aspergillus, Spore germination, Mycelium growth, Poisoned food bioassay

บทคัดยอ่
งานวิจัยน้ีศึกษาฤทธิ์ต้านเช้ือราของสารสกัดจากเปลือกสับปะรด โดยอบเปลือกสับปะรด (70 องศาเซลเซียส) บด (100
เมซ) และผสมผงเปลือกสับปะรดกับน้ากล่ันในอัตราส่วน 1:10 และเขย่าท่ี 120 rpm 4 ชั่วโมง จึงกรอง และระเหยด้วยเครื่อง
ระเหยแบบแบบลดความดันได้สารสกัดหยาบ (PPE) จึงเจือจางให้มีความเข้มข้นต่าง ๆ กัน (0.0039–1.0000 g/mL) และศึกษา
ฤทธ์ิต้านการเจริญของเส้นใยเชื้อรา Aspergillus sp. ด้วยวิธี poisoned food bioassay และฤทธ์ิต้านการงอกของสปอร์เชื้อรา
จากการทดลองพบว่าเมื่อความเข้มข้นสารสกัดหยาบเพิ่มขึ้น ฤทธิ์ยับย้ังการเจริญของเส้นใย และการงอกของสปอร์เชื้อราเพ่ิมขึ้น
(9.71–33.46 % และ 1.93–68.91 % ตามล้าดับ) แสดงให้เห็นว่าสารสกัดหยาบเป็นสารต้านจุลินทรีย์ธรรมชาติท่ีมีศักยภาพ
ส้าหรบั ใชต้ า้ นเชื้อราขนมปงั ได้

คาสาคญั : Aspergillus การเจริญของเสน้ ใยรา การงอกของสปอรร์ า

1 ภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 169 ถนนลงหาดบางแสน ตาบลแสนสุข อาเภอเมอื ง จงั หวัดชลบุรี 20131
1
Department of Food Science, Faculty of Science Burapha University 169 Long-Haad BangSaen Rd., SaenSuk, Mueng Chonburi 20131 Thailand

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตรอ้ นและกง่ึ รอ้ น ครงั้ ที่ 13 48
Poster Presentation PF-041

การใช้สารให้ความหวานในผลติ ภณั ฑ์พุดดง้ิ เพอ่ื สุขภาพ
The Use of Sweetener in Healthy Pudding Products

วชิ ชดุ า สงั ขแ์ กว้ 1 ภชั รี สทิ ธิกิจโยธิน1 และสุวโรจน์ อคั รพรพทิ ักษ์1
Sangkaeo, W.1, Sittikityothin, P.1 and Akrawutpornpat, S.1

Abstract
The objective of this research was to study types of sweetener in pudding products. The sweetener
such as 4.5% sucrose, 0.01% sucralose, 0.02% sucralose mixed with acesulfame potassium (1:1) and 3.0%
Monk fruit extract. The results showed that the products with sucrose, sucralose and sucralose mixed with
acesulfame potassium had no significant of lightness (L*) redness (a*) cutting force, firmness and sensory

scores of color, odor, taste, texture and overall acceptability (p>0.05). The pudding with sucralose showed the
highest overall acceptability score and were choose for chemical composition analysis. The results showed
that the products compose of 84.45% moisture, 5.15% protein, 2.02% fat, 7.56% carbohydrate, 0.38% ash and
84.60 Kcal/100g. The products were kept in the glass bottles with lids at 4 ± 2 degrees Celsius and were not
detected the total aerobic plate count, Staphylococcus aureus และ Escherichia coli at 7 days.
Keywords: pudding, sweetener, sucralose, acesulfame potassium, Monk fruit extract

บทคดั ย่อ
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยน้ีเพ่ือศึกษาการใช้สารทดแทนความหวานในผลิตภัณฑ์พุดด้ิง สารให้ความหวานที่ใช้ ได้แก่
น้าตาลซูโครสร้อยละ 4.5 ซูคราโลสรอ้ ยละ 0.01 ซูคราโลสผสมอะซีซัลเฟม-โพแทสเซียม ในอัตราส่วน 1:1 ร้อยละ 0.02 และสาร
สกัดหล่อฮ่ังก๊วยร้อยละ 3.0 ผลการทดลองพบว่าพุดด้ิงสูตรที่ใช้ซูโครส ซูคราโลสและสูตรที่ใช้ซูคราโลสผสมกับอะซีซัลเฟม-
โพแทสเซียม มีค่าความสว่าง ค่าสีแดง ค่า cutting force, Firmness และคะแนนการยอมรับทางประสาทสัมผัสด้านสี กล่ิน
รสชาติ เนื้อสัมผัสและการยอมรับโดยรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส้าคัญ (p>0.05) โดยพบว่าสูตรที่ใช้ซูคราโลส มีคะแนนการ
ยอมรับโดยรวมสูงท่ีสุด ดังน้ันจึงเลือกพุดด้ิงสูตรท่ีใช้ซูคราโลส ไปวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พบว่ามีความชื้นร้อยละ 84.45
โปรตีนร้อยละ 5.15 ไขมันร้อยละ 2.02 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 7.56 เถ้าร้อยละ 0.38 และมีค่าพลังงานเท่ากับ 84.60 กิโลแคลอรี
ต่อ 100 กรัม เมื่อเก็บผลิตภัณฑ์ในขวดแก้วมีฝาปิด เก็บที่ 4 ± 2 องศาเซลเซียส 7 วัน ตรวจไม่พบจุลินทรีย์ทั้งหมด
Staphylococcus aureus และ Escherichia coli.
คาสาคัญ: พดุ ดง้ิ สารให้ความหวาน ซคู ราโลส อะซซี ลั เฟม-โพแทสเซียม สารสกดั หล่อฮัง่ กว๊ ย

1 คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทย 126/1 ถนนวภิ าวดีรังสิต ดินแดง กรงุ เทพฯ 10400
1 School of Science and Technology , University of the Thai Chamber of Commerce, 126/1 Vibhavadee-rangsit Road, Dindaeng, Bangkok 10400

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตร้อนและกง่ึ รอ้ น ครงั้ ที่ 13 49
Poster Presentation PP-042

การประยุกตใ์ ช้รงั สีเอกซใ์ นมะม่วงเขยี วเสวยเพ่ือการส่งออก
The Application of X-ray Irradiation on Khieo Sawoey mango for Export

สรุ ศกั ด์ิ สัจจบตุ ร1 เขมรจุ ิ เขม็ ทอง1 จารรุ ัตน์ เอ่ียมศริ ิ1 ทศพล แทนนรินทร์1 นงคน์ ุช แจง้ สวา่ ง1 วชริ าภรณ์ ผวิ ลอ่ ง1 วณิช ล่มิ โอภาสมณ1ี
วรารัตน์ คาหวาน1 ศิริลักษณ์ ชแู กว้ 1 และฐติ มิ า คงรตั นอ์ าภรณ์1

Sajjabut, S.1, Khemthong, K.1, Eamsiri J.1, Tannarin, T.1, Jangsawang, N.2, Pewlong, W.1, Limohpasmanee, W.1, Khamvarn, V.1,
Chookaew, S.1 and Kongratarpon, T.1

Abstract
Irradiation as quarantine treatment is efficiency and acceptable method for fruit exportation. The
objective of this study was to determine the effect of X-ray from electron accelerator on the quality of Khieo
Sawoey mango. Fruits were packed in active bags and irradiated with X-ray at 50 kw for 30 min. After
irradiation all samples were kept at 13-15 oC and 90-95 % relative humidity and were investigated the physical
and chemical qualities, sensory evaluation every week for 4 weeks. It was found that the minimum and
maximum absorbed dose were 450 and 600 Gy. All treatments were no significant difference in the physical
qualities, chemical qualities and sensory evaluation between irradiated and non-irradiated fruits. The quality
of irradiated fruits was accepted, although fruits which treated with maximum dose showed slightly black stain
of peel after storage for 4 weeks.
Keywords: X ray irradiation, Khieo Sawoey mango

บทคดั ย่อ
การฉายรังสผี ลไมเ้ พื่อกาจัดแมลงศัตรูทางกกั กนั พืชเป็นวิธกี ารทปี่ ระสิทธิภาพและไดร้ บั การยอมรบั ระหวา่ งประเทศ การ
ทดลองนี้เพือ่ ศกึ ษาผลกระทบของรงั สีเอกซ์จากเครอ่ื งเร่งอนภุ าคอเิ ลก็ ตรอนต่อคณุ ภาพของมะมว่ งเขยี วเสวย โดยนามะมว่ งทบ่ี รรจุ
ในถงุ ดดั แปลงสภาวะบรรยากาศมาฉายรงั สเี อกซ์ท่ีกาลัง 50 kW นาน 30 นาที เม่ือฉายรงั สแี ลว้ พบวา่ มะมว่ งได้รบั ปรมิ ารังสตี ่าสดุ ท่ี
450 Gy และสูงสดุ 600 Gy ภายหลังฉายรังสนี าตัวอย่างมาเก็บรกั ษาทอี่ ุณหภูมิ 13-15 oC ความช้นื สมั พทั ธ์ 90-95 % ทาการ
ทดสอบคุณสมบตั ทิ างกายภาพ เคมแี ละประสาทสมั ผสั ทกุ สปั ดาห์ ที่ระยะการเกบ็ 1-4 สัปดาห์ ผลการทดสอบพบว่ามะมว่ งฉาย
รงั สีมีคณุ สมบตั ทิ างกายภาพ เคมี และประสาทสัมผสั ไม่แตกต่างกับมะม่วงไมฉ่ ายรังสีและอยูใ่ นระดบั ท่ยี อมรบั ได้ ถงึ แม้วา่ ท่ีระยะ
การเก็บ 4 สปั ดาห์ สีเปลือกมะมว่ งที่ได้รบั รงั สใี นปริมาณสงู มีรอยเปอ้ื นดาบาง ๆ เกดิ ขึน้
คาสาคัญ: การฉายรงั สเี อกซ์ มะมว่ งเขียวเสวย

1 สถาบนั เทคโนโลยนี ิวเคลยี ร์แหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) 9/9 ม. 7 ต.ทรายมูล อ.องครักษ์ จ.นครนายก 26120
1
Thailand Institute of Nuclear Technology (Public Organization) 9/9 Moo 7, Saimoon, Ongkharak, Nakhon Nayok 26120 Thailand.

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกงึ่ รอ้ น ครัง้ ท่ี 13 50
Poster Presentation PP-043

ประสทิ ธิภาพของสารสกดั จากรงั ไหมตอ่ การลดการเกิดสีน้าตาลของมะม่วงน้าดอกไมต้ ัดแตง่ พร้อมบรโิ ภค
Effectiveness of Silkworm Cocoon Extract on Preventing Browning Incidence in Fresh-Cut Mango cv ‘Nam Dok Mai’

ชลดิ า ฉมิ วารี1,2 สรุ ยิ ณั ห์ สภุ าพวานชิ 31เฉลิมชยั วงษ์อารี1,2 ชยั รตั น์ เตชวุฒพิ ร3 รชา เทพษร4
และ พนิดา บญุ ฤทธ์ิธงไชย1,2

Chalida Chimvaree1,2, Suriyan Supapvanich3, Chalermchai Wongs-Aree1,2 , Chairat Techavuthiporn3, Racha Tepsorn 4
and Panida Boonyaritthongchai1,2

Abstract
This study was to investigate the effectiveness of sericin extracted from silkworm cocoon to prevent browning
incidence in fresh-cut mango cv ‘Nam Dok Mai’. Ripe mango pieces were immersed in hydrolysate and non-hydrolysate
sericin, and in distilled water for 1 minute. All treatments were placed in semi-rigid package and stored at 10±2°C, 80-90%
RH for 4 days. The results showed that both types of sericin could effectively delay the increases of flesh browning
incidence greater than the other treatments. Tthe Lightness (L*) values of serecin treatments were higher and the
browning scores were lower than control, butthere was not significant different between two types of sericin. Hydrolyzed
and non-hydrolyzed treated mango revealed the lower activity of PPO and higher total phenolic content than control
during storage. Sericin treatments had the storage life for 4 days while non-treated fruit had the storage life for 1 day.
Keywords: Fresh cut fruit / Sericin/ Browning Incidence

บทคัดย่อ
งานวิจัยน้ีศกึ ษาประสทิ ธิภาพของโปรตนี เซรซิ นิ ซง่ึ สกัดได้จากรังไหมต่อการลดการเกิดสีน้าตาลในมะม่วงน้าดอกไม้ตัดแต่ง
พร้อมบริโภค โดยน้าชิ้นมะม่วงสุก มาจุ่มลงในสารละลายเซริซินไฮโดรไลเสส และนอนไฮโดรไลเสส เปรียบเทียบ น้ากลั่น นาน 1
นาที จากน้ันบรรจุลงในกล่องพลาสติกกึ่งคงรูปมีฝาปิด เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 10±2 องศาเซลเซียส ความช้ืนสัมพัทธ์ร้อยละ 80-90
เปน็ เวลา 4 วัน จากผลการทดลองพบว่า สารเซรซิ นิ ทงั้ สองชนดิ สามารถยับยัง้ การเกดิ สนี ้าตาลไดด้ ที ส่ี ดุ โดยมีคา่ ความสวา่ งของสีเนื้อ
(L*) สงู และคา่ คะแนนการเกดิ สีน้าตาลต่้ากว่ามะม่วงชุดควบคุม แต่ไม่พบความแตกต่างทางสถิติระหว่างมะม่วงท่ีจุ่มสารเซริซินท้ัง
สองชนิด ช้ินมะม่วงชุดท่ีจุ่มสารเซริซินทั้งสองชนิดมีกิจกรรมเอนไซม์ PPO ต้่ากว่ามะม่วงชุดควบคุม และมีปริมาณสารประกอบฟี
นอลิกสูงกว่าชุดควบคุมในระหว่างการเก็บรักษา และมะม่วงที่จุ่มสารเซริซินท้ังสองชนิดมีอายุการเก็บรักษา 4 วัน ในขณะท่ีชุด
ควบคุมเกบ็ รักษาได้ 1 วนั
ค้าสา้ คัญ ผลไมต้ ดั แต่งพร้อมบรโิ ภค เซริซิน การเกดิ สีน้าตาล

1สาขาเทคโนโลยีหลงั การเก็บเกี่ยว คณะทรัพยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางขุนเทียน) 49 ซอยเทียนทะเล 25 ถนนบางขนุ เทียน
ชายทะเล แขวงท่าขา้ ม เขตบางขุนเทยี น กรุงเทพมหานคร 10150
1Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi (Bangkhuntien), 49
Tientalay 25, Thakam, Bangkhuntien, Bangkok 10150, Thailand
2ศนู ย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลงั การเกบ็ เกยี่ ว ส้านกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา กรุงเทพมหานคร 10400
2Postharvest Technology Innovation Center, Office of the Higher Education Commission, Bangkok 10400, Thailand
3ภาควิชาครศุ าสตรเ์ กษตร คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 1 ซอยฉลองกรุง 1 เขตลาดกระบัง กรงุ เทพมหานคร 10520
3Department of Agricultural Education, Faculty of industrial Education, King Mongkut's Institute of Technology Ladkrabang, 1 Soi Chalongkrung
1,Ladkrabang, Bangkok, Thailand, 10520
4ภาควิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ศนู ย์รังสติ ปทุมธานี 12121
4Department of Food Science and Technology, Faculty of Science and Technology, Thammasat University, Rangsit Centre, Pathumthani 12121

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตร้อนและกึ่งรอ้ น คร้งั ที่ 13 51
Poster Presentation PP-044

ผลของสารแคลเซียมโบรอนกอ่ นการเกบ็ เกยี่ วรว่ มกบั กรดซาลไิ ซลคิ หลงั การเก็บเก่ียวต่อการลดอาการไสส้ นี ้าตาลในสบั ปะรด
พันธ์ุปตั ตาเวยี

Effect of Preharvest Treatment by Calcium Boron Incorporated with Postharvest Treatment by Salicylic Acid
on Alleviating Internal Browning of Pineapple cv. ‘Pattavia’

ไชยภร เก็บเงิน1,2 อภริ ดี อุมยั รตั นกจิ 11เฉลิมชัย วงษ์อารี1,2 ผ่องเพ็ญ จิตอารรี ัตน์1 สกุ ัญญา เอ่ียมลออ4
รตั นา ร่งุ ศริ สิ กุล และ พนดิ า บุญฤทธธ์ิ งไชย1,2

Kebngoen, C.1,2, Uthairatanakij, A.3, Wongs-Aree, C.1,2, Jitareerat, P.4, Aiamla-or, S.4
Rungsirisakun, R.3 and Panida Boonyaritthongchai1,2

Abstract
This study was to investigate the effectiveness of preharvest treatment by 1.5 g/plant of calcium chloride and
0.4% boron incorporated with postharvest treatment by 5 mM salicylic acid on reducing internal browning in pineapple cv.
Pattavia compared with non-treated pineapple (control). All fruit were kept at 13±1 °C and the quality was investigated
after transferring fruit from cold storage to 25°C for 2 days. Non-treated pineapple revealed internal browning at the
adjacent core flesh at 5+2 days. Chemical treated fruit showed the internal browning at 10+2 days. This treatment showed
the higher value of the lightness (L*) at the flesh adjacent to the core area and maintained Hue angle value when
compared with control. This result corresponds to the browning index (BI), browning score (BS) and the activity of
polyphenol oxidase (PPO). Chemical treated pineapple showed significantly lower of BI, BS and PPO activity than control
through out of storage.
Keywords: Pineapple cv. Pattavia, calcium boron, salicylic acid, internal browning

บทคดั ยอ่
การศึกษาการให้สารแคลเซียมคลอไรด์ 1.5 กรมั /ตน้ โบรอนร้อยละ 0.4 ก่อนการเก็บเก่ียวร่วมกับการใช้กรดซาลิไซลิก 5
มิลลิโมลาร์ หลังการเก็บเกี่ยวต่อการลดอาการไส้สีน้าตาลในสับปะรดพันธ์ุปัตตาเวียโดยเปรียบเทียบกับสับปะรดที่ไม่ได้ให้สารเคมี
(ชุดควบคุม) เมื่อเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิต้่าท่ีอุณหภูมิ 13±1 องศาเซลเซียส วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงคุณภาพของสับปะรดหลังจาก
ย้ายจากอุณหภูมิต่้ามาที่ 25 องศาเซลเซียสเปน็ เวลา 2 วนั พบว่าสบั ปะรดชุดควบคุมเกิดอาการไส้สีนา้ ตาลในวันท่ี 5+2 ของการเก็บ
รักษา สับปะรดที่ได้รับสารเคมีพบอาการไส้สีน้าตาลในวันที่ 10+2 ของการเก็บรักษา โดยมีค่าความสว่าง (L*) สูง และชะลอการ
เปลี่ยนแปลงค่า Hue angle เม่ือเปรียบเทียบกับชุดควบคุม ซึ่งสอดคล้องกับค่าดัชนีการเกิดสีน้าตาล คะแนนการเกิดสีน้าตาล
กิจกรรมเอนไซม์โพลีฟีนอลออกซิเดส โดยสับปะรดที่ผ่านการให้สารมีค่าดัชนีการเกิดสีน้าตาล คะแนนการเกิดสีน้าตาล กิจกรรม
เอนไซม์โพลีฟนี อลออกซิเดส ต่้ากว่าสบั ปะรดชุดควบคมุ อย่างมคี วามแตกต่างทางสถิติ
คา้ สา้ คัญ สบั ปะรดพันธ์ปุ ตั ตาเวีย แคลเซยี มโบรอน กรดซาลไิ ซลกิ ไส้สีน้าตาล

1สาขาเทคโนโลยีหลังการเก็บเก่ียว คณะทรัพยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี (บางขุนเทียน) 49 ซอยเทียนทะเล 25 ถนนบางขุนเทยี น
ชายทะเล แขวงทา่ ขา้ ม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร 10150
1Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi (Bangkhuntien), 49
Tientalay 25, Thakam, Bangkhuntien, Bangkok 10150, Thailand
2ศูนย์นวตั กรรมเทคโนโลยหี ลงั การเก็บเกีย่ ว ส้านกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร 10400
2Postharvest Technology Innovation Center, Office of the Higher Education Commission, Bangkok 10400, Thailand
3ศนู ย์บริการทางการศึกษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี (ราชบุรี) 209 หมู่1 ต. รางบัว อ. จอมบงึ จ. ราชบุรี 70150
3King Mongkut’s University of Technology Thonburi Learning Park (Ratchaburi), 209 Moo 1, Rangbua, Chombung, Ratchaburi, 70150, Thailand
4ส้านกั วิชาเทคโนโลยีการเกษตร สาขาเทคโนโลยีการผลิตพืช มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี
4Institute of Agricultural, Crop Production Technology, Suranaree University of Technology

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและก่ึงร้อน คร้งั ท่ี 13 52
Poster Presentation PP-045

ผลของสารสกัดจากใบชาในการยบั ย้งั เชื้อราสาเหตโุ รคขว้ั หวเี นา่ ของกล้วยหอม
Effect of tea extract on the inhibition of pathogenic fungi, a cause of banana crown rot

Zaryab Raza1 กัลยา ศรพี งษ์1 อภิรดี อุทยั รัตนกจิ 1, 2 ณัฏฐา เลาหกุลจติ ต์1 พนิดา บญุ ฤทธ์ธิ งไชย1, 2 และ ผอ่ งเพญ็ จิตอารียร์ ตั น์1, 2, *
Raza, Z.1, Sripong, K.1, Uthairatanakij, U.1, 2, Laohakuljit, N.1, Boonyaritthongchai, P.1, 2 and Jitareerat, P.1, 2, *

Abstract
A common postharvest disease of Cavendish banana is crown rot caused by three major fungal
pathogens including Colletotrichum musae, Fusarium sp. and Lasiodiplodia theobromae. The objective of this
study was to investigate the effect of black tea (BT) extract at 0 (control), 1, 5, 10, 20, 50 mg/ml on mycelium
growth and spore germination of these pathogens. The result showed that BT extract could inhibit the
mycelium growth of those fungi. The inhibitory degree increased as the increase of BT concentration. The
maximum inhibition was 50 mg/ml which their inhibitory percentages on mycelium were 51.18%, 41.42% and
26.44% in Fusarium sp., C. musae, and L. theobromea respectively. Addition, BT extract at 50 mg/ml inhibited
the spore germination of Fusarium sp. and C. musae by 26.4 and 8.32-fold of the control. This result implies
that BT extract may be a new approach as the alternative treatment for controlling crown rot disease in
banana.
Keywords: banana, crown rot, postharvest disease, spore germination

บทคัดย่อ
โรคหลงั การเกบ็ เกย่ี วของกลว้ ยหอมท่ีพบเสมอคือ ขั้วหวเี นา่ มสี าเหตจุ ากเชือ้ รา 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ Colletotrichum
musae, Fusarium sp. และ Lasiodiplodia theobromae งานวิจยั นีม้ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศึกษาผลของสารสกดั ใบชาท่ี 0 (ชุด
ควบคุม), 1, 5, 10, 20, 50 mg/ml ต่อการเจรญิ เสน้ ใยและการงอกของสปอรเ์ ชอื้ ราเหลา่ น้ี พบว่าสารสกดั ใบชาสามารถยบั ยัง้ การ
เจริญเสน้ ใยของราทงั้ สามนไ้ี ด้ โดยระดบั การยบั ยง้ั เพ่ิมข้นึ ตามความเข้มข้นของสารสกดั โดยท่ีความเขม้ ขน้ 50 mg/ml สามารถ
ยบั ยงั้ เส้นใยไดส้ งู สุด ซ่ึงสามารถยบั ย้งั เส้นใยของเชอ้ื Fusarium sp., C. musae และ L. theobromea ได้ 51.18%, 41.42%
และ 26.44% ตามลาดับ ขณะท่ีทค่ี วามเข้มข้น 50 mg/ml สามารถยับยง้ั การงอกของสปอร์ Fusarium sp. และ C. musae ลงได้
26.4 และ 8.32 เท่าของสปอรช์ ดุ ควบคมุ งานวจิ ยั นี้แสดงให้เหน็ วา่ สารสกัดใบชาจะเปน็ วธิ ีการหน่ึงทใ่ี ช้เพือ่ ควบคุมโรคขั้วหวเี น่า
ของกลว้ ยได้
คาสาคญั : กลว้ ย ข้วั หวีเนา่ โรคหลงั การเก็บเกยี่ ว การงอกของสปอร์

1 คณะทรพั ยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี 49 ซ.เทียนทะเล 25 ถ. บางขนุ เทยี น-ชายทะเล แขวงท่าข้าม กทม.10150
1 School of Bioresource and Technology, King Mongkut's University of Technology Thoburi, 49 Thian Thale 25, Bangkhun-thien rd., Thakam,
Bangkok, 10150 Thailand
2 ศนู ยน์ วัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเกบ็ เกี่ยว กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม กรุงเทพมหานคร 10400
2 Postharvest Technology Innovation Center, Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation, Bangkok 10400, Thailand

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตรอ้ นและกึง่ รอ้ น ครง้ั ที่ 13 53
Poster Presentation PP-046

ประสทิ ธภิ าพของนาโนซงิ ค์ออกไซด์รว่ มกบั น้าตาลต่อการลดปริมาณเชอื้ จลุ นิ ทรยี ์ในน้ายาปกั แจกนั และปรับปรงุ
คุณภาพดอกกล้วยไมส้ กลุ แวนด้าพนั ธุส์ นั ทรายบลู หลังการเกบ็ เกี่ยว

Efficacy of Nano Zinc Oxide Combined with Sugar on Reducing Microbial load in Vase
Solution and Improving the Quality of Vanda orchid ‘Sansai Blue’ after Harvest

วิรญั ญา แพง่ พนม1, จุฑามาศ พรอ้ มบญุ 1, ผอ่ งเพญ็ จิตอารยี ร์ ตั น์1, และ มณั ฑนา บวั หนอง1
Wiranya Pangpanom1, Jutamas Promboon1, Pongphen Jitareerat1 and Mantana Buanong1

Abstract
Efficacy of nano zinc oxide (ZnO) on microbial load in vase solution of Vanda ‘Sansai Blue’ orchid
was investigated in total plate count agar contained with 0.01 and 0.05% nano ZnO, compared to sterile
water, and 0.5% HCl + 95% EtoH (HCl + EtOH) as the solvent of nano ZnO. The result showed that 0.05%
nano ZnO inhibited the microbial growth completely. The effect of nano ZnO on the quality of harvested
orchid was investigated by holding flowers in distilled water (control), 2% sucrose, and 0.05% nano ZnO +
2% sucrose at 21±2ºC. Treatment of nano ZnO + sucrose significantly delayed respiration rate and
maintained anthocyanin content in petals better than sucrose alone (p<0.01), no microbial load was not
detectable within 8 days, and the vase life was the longest (9.6 days). While, microbial load was found in
control and sucrose treatment, which their vase life was 9.3 and 7.3 days, respectively.
Keywords: Vanda, nano zinc oxide, sucrose, quality, vase life

บทคดั ยอ่
การศึกษาประสิทธิภาพของนาโนซิงค์ออกไซด์ (nano ZnO) ต่อปริมาณเช้ือจุลินทรีย์ในน้ายาปักแจกันของดอก
กล้วยไม้แวนด้าพันธุ์สันทรายบูล ท้าการทดสอบในอาหารเล้ียงเชื้อ Total plate count agar ที่ผสม nano ZnO เข้มข้น
0.01 และ 0.05% เปรียบเทียบกับน้าน่ึงฆ่าเช้ือ และกรดไฮโดรคลอลิค 0.5 % ในเอทานอล 95 % (HCl + EtOH, ใช้เป็นตัว
ท้าละลาย nano ZnO) พบว่า nano ZnO 0.05% ยับยั้งการเจริญของเช้ือจุลินทรีย์ได้สมบูรณ์ การศึกษาผลของ nano ZnO
ร่วมกับน้าตาลต่อคุณภาพของดอกกล้วยไม้ โดยปักช่อดอกในน้ากล่ัน (ชุดควบคุม), ซูโครส 2% และ nano ZnO 0.05% +
ซูโครส 2% วางไว้ที่ 21±2 องศาเซลเซียส พบวา่ nano ZnO + ซูโครส ชะลออัตราการหายใจและคงปรมิ าณแอนโทไซยานิน
ในกลีบดอกไดด้ ีกว่ากล้วยไมท้ ี่ปักในซโู ครส (p<0.01) และไม่พบเชอื้ จุลินทรีย์ในน้ายาปักแจกันนาน 8 วัน ตลอดจนมีอายุการ
ปักแจกันนานท่ีสุด (9.6 วัน) ส่วนชุดควบคุมและชุดท่ีปักในซูโครส พบเช้ือจุลินทรีย์เจริญในน้าปักแจกันเพ่ิมข้ึนระหว่างปัก
แจกัน และมอี ายกุ ารปกั แจกนั เท่ากับ 9.3 และ 7.3 วัน ตามลา้ ดับ
ค้าสา้ คญั : กล้วยไมส้ กลุ แวนด้า นาโนซงิ คอ์ อกไซด์ น้าตาลซูโครส คณุ ภาพ อายกุ ารปกั แจกนั

1 สาขาเทคโนโลยหี ลังการเกบ็ เกย่ี ว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี (บางขุนเทียน)
49 ซอยเทียนทะเล 25 ถนนบางขุนเทียนชายทะเล แขวงทา่ ขา้ ม เขตบางขนุ เทียน กรงุ เทพมหานคร 10150
1 Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi
(Bangkhuntien),
49 Tientalay 25, Thakam, Bangkhuntien, Bangkok 10150, Thailand

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและกง่ึ ร้อน คร้ังที่ 13 54
Poster Presentation PP-047

การศึกษาความเปน็ ไปไดข้ องสารเคลอื บไคโตซานผสมเอเอม็ พแี ละแอนโทไซยานินในการตรวจสอบ
การเกดิ สภาวะที่ไมใ่ ชอ้ อกซเิ จนในแบบจาลองภาชนะบรรจุผลิตผลสด

Feasibility Study of Coating Solution of Chitosan Mixed with AMP and Anthocyanin for
Investigation of Anaerobic Conditions in Fresh Produce Container Model

จุฑาทพิ ย์ โพธิอ์ ุบล1 กฤษญา เนตรประไพ1 และ พริมา พริ ิยางกูร2
Poubol, J.1, Netpraphai, K.1 and Phiriyangkul, P.2

Abstract
The properties of chitosan mixed with CO2 adsorbent (aminomethyl propanol; AMP) and anthocyanin
in fresh produce container models were studied. Filter papers were coated with a mixture solution of 0.5%
chitosan, 10% AMP and 0, 0.5, 1.0, 1.5 and 2% anthocyanin. They were dried at 60oC for 1 hour and kept in
desiccator for 24 hours. CO2 adsorption and discoloration of filter papers packed in airtight plastic box with 5%
CO2 atmosphere and stored at 37oC were tested. The results showed that filter paper had a light blue which
the color was increased with anthocyanin concentration. Filter paper thickness was in the range of 192-203
µm. Filter paper coated with chitosan mixed with AMP and 1% anthocyanin was the best CO2 absorption,
which the filter paper color was changed from light blue to blue-green. This can be used as an index to
investigate the anaerobic conditions of fresh produce.
Keywords: Chitosan, AMP, Anthocyanin, CO2

บทคดั ยอ่
ศกึ ษาคุณสมบัติของไคโตซานผสมสารดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (อะมิโนเมทิลโพรพานอล; เอเอ็มพี) และแอนโทไซ
ยานินในแบบจาลองภาชนะบรรจุผลิตผลสด โดยเคลือบสารละลายผสมไคโตซานร้อยละ 0.5 เอเอ็มพีร้อยละ 10 และแอนโทไซ
ยานินร้อยละ 0, 0.5, 1.0, 1.5 และ 2 บนกระดาษกรอง นาไปอบท่ีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง เก็บใน
โถดูดความชื้นนาน 24 ชั่วโมง ทดสอบการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการเปล่ียนสีของกระดาษกรองที่บรรจุในกล่อง
พลาสตกิ สุญญากาศในสภาวะทีม่ กี า๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดร์ อ้ ยละ 5 เก็บรกั ษาท่ีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ผลพบว่ากระดาษกรอง
มีสฟี า้ ออ่ นทเี่ พิม่ ขน้ึ ตามความเขม้ ขน้ ของแอนโทไซยานิน โดยมีความหนาอย่ใู นช่วง 192-203 ไมครอน กระดาษกรองที่เคลือบด้วย
ไคโตซานผสมเอเอม็ พีและแอนโทไซยานินร้อยละ 1.0 ดูดซับกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซดไ์ ดด้ ที ี่สดุ และมีการเปลี่ยนสีจากสฟี า้ อ่อนเป็นสี
ฟ้าอมเขยี ว ซึ่งสามารถนาไปใชเ้ ปน็ ดชั นเี พือ่ ตรวจสอบการเกิดสภาวะที่ไมใ่ ชอ้ อกซิเจนของผลิตผลสดได้
คาสาคญั : ไคโตซาน เอเอม็ พี แอนโทไซยานิน คาร์บอนไดออกไซด์

1 สาขาวิชาจุลชีววิทยา ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140
1
Division of Microbiology, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon

2 Pathom 73140
2
สาขาวิชาชีวเคมี ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140

Division of Biochemistry, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon

Pathom 73140

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและกงึ่ ร้อน ครง้ั ท่ี 13 55
Poster Presentation PP-048

ผลของวิธกี ารให้ความร้อนตอ่ การลดปรมิ าณจลุ นิ ทรยี ใ์ นใบตาลึง
Effect of Heating Method on the Reduction of Microorganisms in Ivy Gourd Leaves

จุฑาทิพย์ โพธิ์อบุ ล1 กนกวรรณ พมุ่ นลิ 2 และ พรมิ า พิริยางกรู 2
Poubol, J.1, Phumnil, K.2 and Phiriyangkul, P.2

Abstract
This research was studied on the effect of 3 heating methods at different times on the reduction of
microorganisms in ivy gourd leaves. Ivy gourd leaves were washed with tap water and allowed to draining the
water. They were treated with hot water at 100oC, steaming at 100oC and microwave at 425 watts for 1, 2, 3
and 4 min. They were compared with untreated ivy gourd leaves (control). Total bacteria, coliforms, yeast and
mold were enumerated in ivy gourd leaves that treated by different heating methods. The results showed
that all heating methods could reduce total bacteria, coliforms, yeast and mold in ivy gourd leaves, which the
reduction were increased with heating time. Steaming at 100oC for 4 minutes was the best treatment to
reduce yeast and mold of ivy gourd leaves.
Keywords: Ivy gourd, Heating method, Microorganism, Microwave

บทคดั ยอ่
งานวิจัยน้ี ศกึ ษาผลของวิธีการให้ความร้อน 3 วธิ ี ทร่ี ะยะเวลาต่าง ๆ กนั ตอ่ การลดปริมาณจุลินทรีย์ในใบตาลึง โดยนาใบ
ตาลึงมาลา้ งทาความสะอาดด้วยนา้ ประปาและผึ่งให้สะเด็ดน้า จากนั้นนามาให้ความร้อนด้วยวิธีการลวกในน้าร้อนที่อุณหภูมิ 100
องศาเซลเซยี ส การนึ่งด้วยไอน้าร้อนที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส และการใช้ไมโครเวฟท่ีกาลังไฟฟ้า 425 วัตต์ เป็นเวลา 1 2 3
และ 4 นาที เปรียบเทียบกบั ใบตาลึงท่ไี ม่ผา่ นการให้ความร้อน (ชุดควบคมุ ) ตรวจวดั ปรมิ าณแบคทีเรียทั้งหมด โคลิฟอร์ม ยีสต์และ
ราในใบตาลึงท่ีผ่านการให้ความร้อนด้วยวิธีการต่าง ๆ ผลการทดลองพบว่าการให้ความร้อนในทุกวิธีการทดลองสามารถช่วยลด
ปรมิ าณแบคทีเรยี ทัง้ หมด โคลฟิ อรม์ ยีสต์และราในใบตาลงึ ได้ โดยปริมาณจุลนิ ทรยี ล์ ดลงมากขึ้นเมื่อระยะเวลาในการให้ความร้อน
นานข้ึน การให้ความร้อนโดยการน่ึงด้วยไอน้าร้อนท่ีอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 4 นาที ช่วยลดปริมาณยีสต์และราในใบ
ตาลึงได้ดีที่สุด
คาสาคญั : ตาลึง ความรอ้ น จลุ ินทรีย์ ไมโครเวฟ

1 สาขาวิชาจุลชีววิทยา ภาควิชาวทิ ยาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140
1
Division of Microbiology, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon

2 Pathom 73140
2
สาขาวิชาชีวเคมี ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140

Division of Biochemistry, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon

Pathom 73140

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและกง่ึ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 56
Poster Presentation PP-049

คุณสมบัตทิ างกายภาพ และชีวเคมขี องฟลิ ์มไคโตซานผสมกรดแกลลิก สาหรับบรรจภุ ัณฑผ์ ลิตผลสด
Physical and Biochemical Properties of Chitosan Film
Combined with Gallic Acid for Fresh Produce Packaging

พรมิ า พิรยิ างกูร1 ชลิตา แสงทอง1 และ จฑุ าทพิ ย์ โพธอิ์ ุบล2
Phiriyangkul, P.1, Sangthong, C.1 and Poubol, J.2

Abstract
This study aimed to develop the edible film for fresh produce coating. A 1% chitosan was
incorporated with 1% glycerol and 0, 0.5, 1 1.5% gallic acid. They were dried 50oC for 72 hours. Physical and
biochemical properties of chitosan film mixed with gallic acid were determined. This study found that
thickness, water vapor permeability, water solubility, phenolic contents and antioxidant were increased with
an increasing of gallic acid concentration. Whereas transparency and moisture content were decreased with
an increasing of gallic acid concentration. The values of tensile strength (TS) were in the range of 5.823-8.057
MPa and elongation at break (EB) were 0.192-0.436%. This film could be used for fresh produce packaging.
Keywords: Chitosan film, Gallic acid, Physical properties, Antioxidant

บทคดั ย่อ
งานวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพอื่ พฒั นาฟิล์มทีบ่ ริโภคไดส้ าหรบั การเคลอื บผลิตผลสด โดยผสมไคโตซานความเขม้ ข้นรอ้ ยละ 1
รว่ มกับกลเี ซอรอลความเข้มขน้ ร้อยละ 1 และกรดแกลลิกความเข้มขน้ รอ้ ยละ 0, 0.5, 1 และ 1.5 ตามลาดับ โดยอบที่อุณหภูมิ 50
องศาเซลเซียส เป็นเวลา 72 ช่ัวโมง จากน้ันศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพและชีวเคมีของแผ่นฟิล์มไคโตซานผสมกรดแกลลิก จาก
การศกึ ษาพบวา่ แผน่ ฟลิ ์มทีเ่ ตรยี มไดม้ ีคา่ ความหนา คา่ การซมึ ผ่านของไอน้า ค่าการละลายน้า ปริมาณสารฟีนอล และปริมาณสาร
ต้านอนุมูลอสิ ระ เพ่มิ ขน้ึ ตามความเขม้ ข้นของกรดแกลลิกทเี่ พิ่มข้ึน ในขณะท่ีแผ่นฟิล์มมีค่าความโปร่งใส และค่าความช้ืนลดลงเม่ือ
ความเข้มข้นของกรดแกลลิกเพิ่มสูงข้ึน โดยฟิล์มมีค่าความต้านทานแรงดึงอยู่ในช่วง 5.823-8.057 เมกะปาสคาล และมีค่าความ
ยืดหยนุ่ อยใู่ นช่วงรอ้ ยละ 0.192-0.436 ซึ่งฟิล์มที่ผลติ ได้สามารถนามาประยุกต์ใชส้ าหรบั บรรจุภัณฑข์ องผลิตผลสด
คาสาคัญ: ฟิล์มไคโตซาน กรดแกลลิก คณุ สมบัตทิ างกายภาพ สารต้านอนมุ ูลอสิ ระ

1 สาขาวิชาชีวเคมี ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน นครปฐม 73140
1
Division of Biochemistry, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, KamphaengSaen Campus,

2 NakhonPathom 73140
2
สาขาวิชาจุลชีววิทยา ภาควิชาวทิ ยาศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน นครปฐม 73140

Division of Microbiology, Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, KamphaengSaen Campus,

NakhonPathom 73140

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตร้อนและกง่ึ ร้อน คร้ังที่ 13 57
Poster Presentation PP-050

การบรรจุแบบปรับบรรยากาศต่อคุณภาพเมลด็ ในพริกแห้งพันธุ์ ‘หัวเรือ’ ระหวา่ งการเกบ็ รกั ษา
Modified Atmosphere Packaging on Seed Quality in Dried Chili ‘Hua Rue’ During Storage

วิศณยี ์ โพธิ์หล้า1 เฉลิมชยั วงษ์อารี1 วารชิ ศรลี ะออง1 และ ทรงศลิ ป์ พจน์ชนะชัย1
Pola, W.1, Wong-Aree, C.1, Srilaong, V.1 and Photchanachai, S.1

Abstract
This research was conducted to investigate the effect of modified atmosphere packaging (MAP) on
the seed quality of dried chili during storage. The treatments were the following: (a) 100% CO2, (b) 100% N2,
(c) vacuum, and (d) normal air (control). Samples were divided into two groups: (1) kept in cold condition (0 ±
2 °C) and (2) stored at ambient condition (28 ± 2 °C). The germination was declined throughout the storage
period, particularly at ambient condition. Vacuum-packed samples stored at cold condition tended to delay
the losses of seed quality during the 3rd and 6th month, followed by the 100% CO2 and 100% N2. In contrast
to the stored in the control, it had high percentage of germination after 3 months but declined after the 6th
month. Thus, the cold condition and the reduction of oxygen is recommended to prolong seed quality of
dried chili during storage.
Keywords: Dried chili, Germination, MAP, Seed

บทคัดยอ่
จากการศึกษาการดัดแปลงบรรยากาศในบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพเมล็ดในพริกแห้งในระหว่างการเก็บรักษา โดยมีชุดการ
ทดลอง ดังน้ี (1) 100 %CO2 (2) 100 %N2 (3) vacuum และ (4) อากาศปกติ (ชุดควบคุม) และแบ่งตัวอย่างเป็น 2 ชุด โดยชุด
แรกเก็บในห้องเย็น (0 ± 2 องศาเซลเซียส) และชุดท่ีสองเก็บในห้องปกติ (28 ± 2 องศาเซลเซียส) นาน 3 และ 6 เดือน พบว่า
เมล็ดมีความงอกลดลงตามอายุการเก็บรักษาท่ีนานข้ึน อย่างไรก็ตาม การเก็บที่ 3 เดือน ด้วยการบรรจุแบบ vacuum ในสภาวะ
หอ้ งเยน็ มแี นวโนม้ ช่วยชะลอการสญู เสยี ความงอกของเมลด็ ได้สูงเท่ากับชุดควบคุม (อากาศปกต)ิ แตไ่ มแ่ ตกต่างกันทางสถิติกับการ
บรรจใุ น 100 %CO2 และภายหลงั 6 เดือน เมล็ดท่ีเก็บในห้องเย็นและบรรจุแบบ vacuum ยังคงความงอกสูงที่สุด แต่ไม่แตกต่าง
กนั ทางสถติ กิ ับการบรรจใุ น 100 %CO2 และ 100 %N2 ดังน้ัน วิธีการเก็บรักษาด้วยการลดปริมาณออกซิเจนในห้องเย็น อาจเป็น
อีกหนึ่งวธิ ที ่ชี ว่ ยยืดอายุของเมล็ดในพรกิ แหง้ ระหว่างการเกบ็ รกั ษาได้
คาสาคญั : การปรบั สภาพอากาศ ความงอก พริกแหง้ เมลด็

1 สาขาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะทรพั ยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี (บางขุนเทียน) 49 ซอยเทียนทะเล 25 ถนนบางขนุ เทียน-
ชายทะเล แขวงท่าขา้ ม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150
1 Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi (Bangkuntien),
49 Soi Thian Thale 25, Bang Khun Thian Chai Thale Road, Tha Kham, Bang Khun Thian, Bangkok 10150

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและกง่ึ รอ้ น ครั้งที่ 13 58
Poster Presentation PP-051

การตรวจสอบการปนเปือ้ นของจุลินทรยี ์ในกระบวนการผลติ ผลิตภัณฑท์ ุเรยี นฟรซี ดราย
Investigation of Microbial Contamination of Freeze-dried Durian Process

ชาลินี พินผ้ึง1 เบญจวรรณ ธรรมธนารกั ษ์1 และ สาวติ รี วทญั ญูไพศาล1*
Pinpueng, C.1 Thumthanaruk, B.1 and Vatanyoopaisarn, S.1*

Abstract
This research aimed to investigate sources of microbial contamination in the durian freeze-dried (DFD)
process. The airborne microorganisms and DFD products before and after disinfecting were analyzed. Results
showed that before disinfecting, the total plate count (TPC) and yeast and mold (YM) of the air environment
in the peeling room were 183 and 204 CFU/plate, and the freeze-dried product had TPC and YM of 4.2 and
4.4 log CFU/g, respectively. After spray disinfectant in the peeling room and spraying alcohol 70% onto the
washed hands of workers, the contact surface of table and containers, the TPC and YM of air in the room
reduced to 69 and 3 CFU/plate. The TPC of the freeze-dried product was only 3.7 CFU/g with no detectable
YM. Therefore, the cleaned air in the peeling room and sanitized worker’s hand and all contact surfaces by
70% alcohol are needed for producing microbiological safe freeze-dried durian.
Keywords: Freeze-dried durian, disinfectant, airborne microorganism

บทคัดยอ่
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์แหล่งปนเปื้อนเช้ือจุลินทรีย์ในกระบวนการผลิตทุเรียนฟรีซดราย โดยตรวจสอบ
ปริมาณเช้อื จุลินทรยี ์ในอากาศภายในกระบวนการผลิต และผลิตภัณฑท์ เุ รยี นฟรีซดรายก่อน และหลังการฆ่าเช้ือ พบว่าก่อนการฆ่า
เชื้อจุลินทรีย์ภายในห้องปอกเปลือกทุเรียนพบปริมาณเช้ือจุลินทรีย์ทั้งหมดและยีสต์ราเฉล่ียเท่ากับ 183 และ 204 CFU/plate
ผลติ ภณั ฑท์ ุเรียนฟรซี ดรายมปี รมิ าณเชอื้ จุลนิ ทรยี ์ท้งั หมด และยสี ต์ราเฉลย่ี เทา่ กับ 4.2 และ 4.4 log CFU/g ภายหลังการฉีดสเปรย์
ฆ่าเชื้อในอากาศ และการฉีดแอลกอฮอล์ 70% บนมือพนังกงานที่ล้างแล้ว และพ้ืนผิวของโต๊ะและบริเวณภาชนะท่ีสัมผัสกับ
ผลิตภัณฑ์ พบว่าเชื้อจุลินทรีย์ในห้องปอกเปลือกมีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ท้ังหมดและยีสต์ราเฉล่ียลดลง เหลือ 69 และ 3
CFU/plate สาหรับผลติ ภณั ฑ์ทเุ รียนฟรชี ดรายพบเชือ้ จลุ นิ ทรีย์ท้ังหมดเพียง 3.7 log CFU/g และไม่พบเช้ือยีสต์รา ดังนั้นอากาศท่ี
สะอาดในห้องปอกเปลือกและการฆ่าเช้ือมือพนักงานร่วมกับพ้ืนผิวสัมผัสต่างๆด้วยแอลกอฮอล์ 70% จึงจาเป็นสาหรับการผลิต
ผลิตภณั ฑ์ทุเรยี นฟรีซดรายทมี่ ีความปลอดภยั จากเชอ้ื จลุ ินทรยี ์
คาสาคญั : ทเุ รยี นฟรซี ดราย การฆา่ เชอ้ื เชื้อจลุ ินทรยี ์แพร่ในอากาศ

1 ภาควิชาเทคโนโลยีอตุ สาหกรรมเกษตร อาหาร และส่ิงแวดล้อม คณะวิทยาศาสตรป์ ระยกุ ต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื 1518 ถนนประชาราษฎร์ 1
บางซือ่ กรุงเทพ 10800
1Department of Bioindustrial, Food and Environmental Technology, Faculty of Applied Science, King Mongkut’s University of Technology North
Bangkok, 1518 Pracharaj I Road, Bangsue, Bangkok 10800

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและกง่ึ รอ้ น ครั้งท่ี 13 59
Poster Presentation PP-052

ผลการยับย้งั รว่ มของการใช้เกลอื อนนิ ทรยี ์กลุ่ม GRAS ร่วมกับ water activity ตอ่ อตั ราการเจรญิ ของเช้อื รา
Aspergillus flavus ที่คดั แยกได้จากพรกิ ไทยดา (Piper nigrum L.)

Combined Inhibitory Effects of GRAS Inorganic Salts and Water Activity on Ggrowth Rate of
Aspergillus flavus Isolated from Black Pepper (Piper nigrum L.)

สุพรรณกิ าร์ สมใจเพง็ 1*และ ณัฐนันท์ เนยี มโสต1
Somjaipeng, S.1* and Niamsot, N.1

Abstract
This study examined the combined effects of inorganic salts (chloride salts and sulphate salts) and
water activity (aw) on mycelial growth of Aspergillus flavus. Statistical analysis indicated that both studied
inorganic salts and aw including significantly affected mycelial growth rate (P<0.05). The combined factors also
showed statistical interaction for growth (P<0.05). Overall, A. flavus exhibited sensitive responses to calcium
chloride treatments under more freely available water conditions (>0.95 aw) at 0.5-2% w/v. The strong
antifungal activity was obtained reducing the mycelial growth by 50%. While supplementing the media with
sulphate salts significant efficacy was obtained at 0.95aw with >0.5% (w/v). According to ED50 values, calcium
chloride displayed the highest inhibition effect on the mycelial growth rate of A. flavus by 50% at doses
0.1023% w/v (ED50) under >0.95aw conditions. While showed low antifungal activity reducing the mycelial
growth by 50% (ED50>2% w/v) under lowered aw (0·95-0.90aw).
Keywords: Aspergillus, Pepper, Inorganic salts, Water activity

บทคัดยอ่
งานวิจยั นศี้ กึ ษากจิ กรรมการยับยั้งการเจรญิ ของเขื้อรา Aspergillus flavus โดยสารประกอบเกลอื อนนิ ทรยี ์ (กลมุ่ คลอ
ไรด์และกลุ่มซลั เฟต) ร่วมกบั water activity (aw) จากการวิเคราะห์ทางสถิตแิ สดงใหเ้ ห็นว่าเกลืออนนิ ทรียท์ ง้ั 2 กลุ่มและ aw ท่ีใช้
ในการทดสอบ รวมท้งั อิทธพิ ลร่วมระหวา่ งปัจจยั มผี ลต่ออตั ราการเจรญิ ของเชอ้ื รา (P<0.05) โดยรวมเชอ้ื รา A. flavus มคี วามไว
ตอ่ เกลือแคลเซยี มคลอไรดม์ ากทส่ี ดุ ท่ีปริมาณน้าอิสระมาก (>0.95aw) ที่ระดบั ความเข้มข้น 0.5-2% w/v สามารถยับย้งั การเจรญิ
ของเช้อื ราได้มากกวา่ 50% ในขณะทก่ี ารใช้เกลือกลมุ่ ซลั เฟตสามารถควบคมุ อตั ราการเจรญิ ของเช้อื ราไดด้ ีท่ี 0.95aw ที่ระดบั ความ
เขม้ ขน้ มากกวา่ 0.5 %w/v จากการวเิ คราะหค์ า่ ED50 พบว่าเกลือแคลเซียมคลอไรด์มผี ลยบั ย้งั อตั ราการเจรญิ ของเช้ือรา 50% ท่ี
ความเขม้ ขน้ เท่ากับ 0.1023% w/v (ED50) ภายใตส้ ภาวะทมี่ ปี ริมาณน้าอสิ ระมาก >0.95aw ดีกว่าการใช้เกลือชนดิ อื่น แตม่ ี
ประสิทธภิ าพการยับยั้งเชอ้ื รา A. flavus ที่ 50% ลดลง (ED50 มากกวา่ 2% w/v) ท่ี 0.95-0.90aw
คาสาคญั : Aspergillus พริกไทย เกลืออนนิ ทรีย์ ปรมิ าณนา้ อสิ ระ

1 สาขาเทคโนโลยกี ารเกษตร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา วิทยาเขตจนั ทบุรี อ.ทา่ ใหม่ จ.จันทบุรี 22170
1
Division of Agricultural Technology, Faculty of Science and Arts, Burapha University, Chanthaburi Campus, Chanthaburi 22170

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตรอ้ นและกึง่ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 60
Poster Presentation PP-053

ผลของสารเคลอื บผิวคารบ์ อกซลิ เมทลิ เซลลโู ลสจากใบข้าวโพดต่อคณุ ภาพของพรกิ สดระหวา่ งการเก็บรักษา
Effects of Coating using Carboxymethyl Cellulose from Corn Leaves on Qualities of
Fresh Pepper during Storage

นติ ยา ภงู าม*1 อรอุมา นลิ ดา1 วชิราภรณ์ เสาแก้ว1 ณฎั วลณิ คล เศรษฐปราโมทย์1 และอาทติ ยา ดวงสุพรรณ2์
Phungam, N.*1, Nilda, O.1, Settapramote, N.1 and Duangsuphan, A.2

Effects of the Carboxymethyl Cellulose (CMC) from corn lLeaves on the postharvest qualities of
pepper were monitored. Results showed that CMC 2% (w/v) could prolong higher qualities of fresh pepper
than other concentrations. Although CMC and chitosan resulted in unchanged of disease occurrence and
remained visual appearances, as fresh pepper on Day 0, small skin wilt appeared. On day 15 of storage, weight
losses of peppers coated with CMC or chitosan (17.0% and 16.00%, respectively) were lower than control
(41.0%), but their firmness were greater than the control. Moreover, coated pepper with CMC resulted in
higher total soluble solids content (TSS), and titratable acidity (TA%).
Keywords: Carboxymethyl Cellulose, Corn Leaves, Fresh Pepper, Qualities

บทคดั ย่อ
การศึกษาประสิทธิภาพของสารเคลือบผิวคาร์บอกซิล เมทิลเซลลูโลสจากใบข้าวโพดต่อการชะลอการเปลี่ยนแปลง
คณุ ภาพหลังการเกบ็ เกีย่ วของพริกสด พบว่า สารเคลือบผิว คาร์บอกซิล เมทิลเซลลูโลส (CMC) จากใบข้าวโพด ความเข้มข้น 2%
(w/v) สามารถรักษาคณุ ภาพของพริกสดไดด้ กี ว่าความเข้มข้นอืน่ นอกจากน้พี ริกสดท่ผี า่ นการเคลือบผิวด้วยสารละลาย CMC และ
ไคโตซาน ไม่มีลักษณะการเกิดโรครวมท้ังมีการเปล่ียนแปลงลักษณะปรากฏภายนอกท่ีแตกต่างจากพริกสดในวันท่ี 0 แต่พบรอย
เหยี่ วยน่ บ้างบรเิ วณผิวหนา้ ของพรกิ ในวันท่ี 15 ของการเกบ็ รกั ษา การสูญเสียน้าหนักเฉลี่ยของพริกหวานที่เคลือบด้วย CMC หรือ
ไคโตซาน (17.0% และ16.0% ตามลา้ ดบั ) และตา้่ กวา่ พริกสดชดุ ควบคุม (41.0%) แต่มีความแน่นเนอ้ื สูงกว่าชุดควบคุม นอกจากนี้
ยงั พบว่าพริกสดท่ีเคลือบดว้ ย CMC มคี า่ ปริมาณของแขง็ ทล่ี ะลายน้าได้ (TSS) และปริมาณกรดท่ีไตเตรทได้ (TA) เพม่ิ ขึ้นเลก็ นอ้ ย
คาสาคญั : ใบข้าวโพด พรกิ สด คณุ ภาพ12

1 สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสรุ ินทร์ ถนน สรุ นิ ทร์-ปราสาท อ.เมือง จ. สรุ ินทร์
1 Department of Agro-Industrial, Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan Surin Campus, Surin-Prasant
Road, Mueang district, Surin
2 พชื ศาสตร์ ส่ิงทอและการออกแบบ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตสรุ นิ ทร์ ถนน สรุ ินทร์-ปราสาท อ.เมอื ง จ. สุรนิ ทร์
2 Department of Plant Science, Textiles and design, Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan Surin
Campus, Surin-Prasant Road, Mueang district, Surin

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตร้อนและก่ึงร้อน ครง้ั ท่ี 13 61
Poster Presentation PP-054

ผลของสารสกดั จากเปลือกมงั คุดตอ่ การยับยัง้ เชือ้ ราโรงเกบ็ ในเมล็ดพนั ธ์ุทานตะวัน
Effect of Mangosteen Peel Extracts on Inhibition of Storage Fungi in Sunflower Seeds

นภิ าดา ราญมชี ยั 1 และ ทรงศลิ ป์ พจน์ชนะชยั 1
Ranmeechai, N.1 and Photchanachai, S.1

Abstract
Effect of mangosteen peel extracts on inhibition of storage fungi in sunflower seeds was
studied. Mangosteen peel was extracted using 95% ethanol and ethyl acetate 99.5%. The sunflower seeds
(with 5.38% moisture content) were mixed with 2% of the extracts, 0.15% carbendazim, 40% ethanol, and

non-mixed (control). They were kept in polyethylene bags at room temperature (30±2 °C, 75±5% RH). After
mixing, the moisture content has increased approximately by 2% and minimal changes after one month of
storage. Moreover, there was a delayed infection and reduced contamination of fungi in seeds. However,
there were no effect on the germination percentage, germination index and germination percentage after
accelerated aging that were significantly higher than the control. Therefore, the use of mangosteen peel
extracts has a potential to delay the infection and reduce the contamination of fungi in sunflower seeds and
have no effect on the germination and vigor.
Keywords: Storage fungi, Sunflower seed, Mangosteen peel extracts, Ethyl acetate

บทคดั ย่อ
การศกึ ษาผลของสารสกัดจากเปลอื กมงั คดุ ต่อการยบั ยง้ั เชื้อราโรงเกบ็ ในเมล็ดพนั ธ์ทุ านตะวนั โดยสกดั เปลือกมังคุดดว้ ยเอ
ทานอล 95% และเอททลิ อะซิเตรต 99.5% จากนน้ั คลกุ เมล็ดพันธ์ุทานตะวัน (ความชื้น 5.38%) ด้วยสารสกดั ความเขม้ ข้น 2%
เปรยี บเทยี บกับคารเ์ บนดาซมิ 0.15% เอทานอล 40% และเมลด็ ไม่คลุกสาร (ชุดควบคมุ ) นาเมลด็ มาเกบ็ รักษาในถงุ โพลเี อทลิ ีนที่
อณุ หภมู หิ ้อง (30±2 °C, 75±5% RH) จากผลการทดลองพบว่า หลังการคลกุ สารทุกชนิดความช้ืนของเมล็ดพันธเ์ุ พมิ่ ข้ึนประมาณ
2% และเปลย่ี นแปลงเลก็ นอ้ ยหลงั จากเก็บรักษานาน 1 เดอื น การคลุกสารทุกชนิดชะลอการเขา้ ทาลายและลดการปนเปือ้ นเชอื้ รา
ในเมลด็ พันธไ์ุ ด้และไมม่ ผี ลตอ่ เปอรเ์ ซ็นต์ความงอก ดัชนกี ารงอก และความงอกภายหลังการเรง่ อายุ ซึ่งมีคา่ สงู กวา่ อยา่ งมนี ยั สาคญั
กับเมลด็ พนั ธชุ์ ดุ ควบคุม ดังนั้น สารสกัดจากเปลอื กมงั คดุ มศี กั ยภาพท่จี ะนามาใช้ในการชะลอการเข้าทาลายของเชอื้ ราไดแ้ ละไมม่ ี
ผลต่อคณุ ภาพของเมลด็ พนั ธ์ุทานตะวนั
คาสาคญั : เชือ้ ราโรงเกบ็ เมลด็ พนั ธท์ุ านตะวนั สารสกัดจากเปลือกมังคดุ เอททลิ อะซเิ ตรต

1 สาขาเทคโนโลยีหลงั การเก็บเกีย่ ว คณะทรัพยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี (บางขุนเทียน) 49 ซอยเทยี นทะเล 25 ถนนบางขนุ เทยี น-
ชายทะเล แขวงทา่ ข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150
1 Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi (Bangkuntien),
49 Soi Thian Thale 25, Bang Khun Thian Chai Thale Road, Tha Kham, Bang Khun Thian, Bangkok 10150

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตร้อนและก่งึ รอ้ น คร้ังที่ 13 62
Poster Presentation PP-055

ผลของจบิ เบอเรลลิกแอซิดตอ่ การงอกของเมล็ดมะละกอพนั ธุ์ฮอลแลนด์
Effect of Gibberellic Acid on Seed Germination of Holland Papaya (Carica paaya L.)

เยาวรตั น์ วงศศ์ รีสกุลแกว้ 1 กนกพร แตงสุข1 ชลธชิ า ขนายงาม1 และ นยิ ม บัวบาน1
Wongsrisakulkaew, Y.1, Taengsuk, K.1 Kanaingam, C.1 and Buaban, N.1

Abstract
Study on effect of gibberellic acid on seed germination and vegetative growth of seedling of holland
papaya. The experiment was designed in a completely randomized design composed of 5 treatments: GA3
solution at 10, 20, 40 and 80 mg/L compared with the soaked seeds in reverse osmosis (RO) water (control).
The results showed that the soaked seeds in 80 mg/L GA3 solution performed the highest germination (49%)
and showed a significantly difference from the other treatments. The vegetative growth of seedling of holland
papaya that soaked seeds in 80 mg/L GA3 solution had the highest of length of root, fresh weight of root,
number of leaves, fresh weight of plant, dry weight of plant, dry weight of root, height of plant and mean
germination time (MGT) had 6.68 cm, 0.14 grams, 6.63 leaves, 0.55 grams, 0.062 grams, 0.027 grams, 6.81 cm
and 6.15 days respectively.

Keywords: Holland papaya, Gibberellic acid, Seed germination

บทคดั ยอ่
ศึกษาผลของจิบเบอเรลลิกแอซิด (GA3 ) ต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญเติบโตของต้นกล้ามะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์
วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์(CRD) มี 5 สิ่งทดลอง โดยแช่เมล็ดในน้า reverse osmosis (RO) จิบเบอเรลลิกแอซิดความ
เขม้ ข้น 10, 20, 40 และ 80 mg/L บันทึกข้อมูลความงอก (%) เวลาเฉลี่ยในการงอก (MGT) (วัน) และเก็บข้อมูลการเจริญเติบโต
ของต้นกล้าเมื่ออายุ28 วันหลังเพาะเมล็ดได้แก่ จ้านวนใบ ความสูงต้น ความยาวราก น้าหนักสดของต้น น้าหนักสดของราก
นา้ หนักแหง้ ของตน้ และน้าหนักแห้งของราก พบว่าเมลด็ มะละกอที่แช่จิบเบอเรลลกิ แอซดิ ความเข้มข้น 80 mg/L มคี วามงอกสูงสดุ
(49%) การเจริญเตบิ โตของต้นกลา้ มะละกอพบว่าต้นกล้าทีแ่ ชเ่ มล็ดด้วยจิบเบอเรลลิกแอซิดความเข้มขน้ 80 mg/L มีความยาวราก
น้าหนักสดราก จ้านวนใบ น้าหนักสดต้น น้าหนักแห้งต้น น้าหนักแห้งราก ความสูงต้น และอัตราเร็วในการงอกสูงที่สุด คือ 6.68
เซนตเิ มตร, 0.14 กรัม, 6.63 ใบ, 0.55 กรัม, 0.062 กรมั , 0.027 กรมั , 6.81 เซนตเิ มตร และ 6.15 วนั ตามล้าดับ
คาสาคญั : มะละกอพันธฮุ์ อลแลนด์ จิบเบอเรลลิกแอซิด การงอกของเมล็ด

1 สาขาการผลติ พืช คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี ปทุมธานี 12130

1

Division of Crop Production, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani, 12130

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึง่ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 63
Poster Presentation PR-056

ผลของแคลเซยี ม แมกนีเซียม และสงั กะสี ตอ่ การฉดี พน่ ทางใบเพือ่ เพมิ่ ผลผลติ
และการประเมนิ การเกดิ โรคใบไหมใ้ นข้าว (Oryza sativa L. )

Effect of Calcium, Magnesium and Zine to Foliar Spraying as Increases Yields
and Rice Blast Disease Evaluation in Rice (Oryza sativa L.)

เฉลิมชัย แพะคา1* จตุพล คนเสงย่ี ม1 ปยิ ะนนั ท์ ประสิงห1์ และ วิพรพรรณ์ เนอื่ งเม็ก2
Paekum, C.1*, Khonsagiam, J.1, Prasing, P.1 and Nuangmek, W.2

Abstract
The study of Ca, Mg and Zn as foliar spraying to increases yields in rice (Oryza sativa L.) and rice blast
disease was evaluated. An experiment design was RCBD with 4 treatments of 4% (Mg) 5% (Zn) and 10% (Ca)

and water spraying as control. The results showed that secondary macronutrients foliar spraying on vegetative
and reproductive stage could increase the plant highest (96 cm), number of tillers per hill (36.6), number of
spikelets per panicle (240.3) and grains yield (526.6 kg/rai). In addition, treatment for the secondary
macronutrients spraying can be rice blast disease resistance in rice as well.
Keywords: Rice, Foliar spraying, blast disease

บทคดั ยอ่
การศึกษาผลของการพ่นสารละลายธาตุแคลเซยี ม แมกนเี ซยี ม และสังกะสีทางใบต่อการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตและ
การเกิดโรคในข้าว โดยวางแผนการทดลองแบบบล็อกสุ่มสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design : RCBD)
ประกอบด้วย 4 กรรมวิธี โดยพ่นสารละลายธาตุ แมกนีเซียม สังกะสี และแคลเซียม ความเข้มข้น 4, 5, 10 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ
และไมใ่ ห้สารเป็นกรรมวิธคี วบคมุ ผลการทดลองพบว่า ธาตอุ าหารรองทใ่ี ช้พน่ มีผลต่อการเจริญเติบโตและเพ่ิมผลผลิตของข้าวได้ดี
เมื่อเทียบกับชุดควบคุม โดยกรรมวิธีที่มีการใช้ธาตุแมกนีเซียม สังกะสี และแคลเซียมฉีดพ่นร่วมกันในแต่ละระยะของการ
เจรญิ เติบโตมีความสงู ตน้ จานวนต้นต่อกอ จานวนเมล็ดดีต่อรวง และผลผลิตต่อไร่มากที่สุด คือ 96.0 เซนติเมตร 36.6 ต้น 240.3
เมล็ด และ 526.6 กิโลกรมั ต่อไร่ ตามลาดับ และจากการประเมินการเกิดโรคพบว่าต้นข้าวที่พ่นธาตุอาหารรองของพืชสามารถลด
การเกิดโรคใบไหมข้ องขา้ วไดอ้ ีกด้วย
คาสาคัญ: ขา้ ว ฉดี พน่ ทางใบ โรคใบไหม้

1 Kบ.รPษิ .ทั Agเคro.พIี.nอdะuโsกtรryอCินOดสั.,ทLรTี้ จDาก35ัด23M52ooหม9ู่ 9Taตmาบbลoแnม่กMาaษeาkaอsาaเภ, อMแaมeส่ sอoดt Dจiงั sหtrวicัดtต,าTกak63P1r1o0v,in*cCeo6r3re1s1p0oTnhdainilganaduthor: [email protected]
1

2 คณะเกษตรศาสตร์และทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลยั พะเยา 19 หมู่ 2 ตาบลแมก่ า อาเภอเมอื ง จังหวดั พะเยา 56000
2
School of Agriculture and Natural Resources, University of Phayao 19 Moo 2 Tambon Maeka, Muang District, Phayao Province 56000 Thailand

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึง่ ร้อน คร้งั ท่ี 13 64
Poster Presentation PR-057

การแยกและคดั เลือกเชอ้ื ราไตรโคเดอร์ สปีชีส์ จากดิน
สาหรับยับย้งั เชอ้ื รา Phytophthora colocasiae
Isolation and Screening Trichoderma species from Soil
for Inhibition of Phytophthora colocasiae

เพชรพกิ ลุ ขาอ่อน1 และ กมลวรรณ สนใจยงิ่ 2
Khumon, P.1 and Sonjaiying, K.2

Abstract
Trichoderma species were isolated by soil dilution plate method using Rose Bengal Agar medium
from soil in Banmo district, Saraburi and soil in Lat Lum Kaew district Pathumthani which forty-five isolates
and five isolates were found, respectively. Antagonistic activity assay of all isolates of Trichoderma species
were carried out by using dual culture plate technique against Phytophthora colocasiae, a causative agent of
taro leaf blight disease. Results showed that Trichoderma sp. isolate BM6 BM1 and BM7 could inhibit the
mycelium growth of plant pathogen with the percentage of 56.25 55.80 and 54.59, respectively, compared to
the antifungal activity of Trichoderma asperellum (commercial strain). However, the inhibition of fungal
mycelia of commercial strain did not significantly different (P < 0.05) from Trichoderma sp.
Keywords: Trichoderma species, Inhibition, Phytophthora colocasiae

บทคดั ยอ่
ทำกำรแยกเชื้อรำไตรโคเดอร์มำ สปีชีส์ ( Trichoderma species ) จำกดินอำเภอบ้ำนหมอ จังหวัดสระบุรี จำนวน 45
ตวั อย่ำง และดินในอำเภอลำดหลมุ แก้ว จงั หวัดปทมุ ธำนี จำนวน 5 ตวั อย่ำง โดยวิธี soil dilution plate บนอำหำร Rose Bengal
Agar สำมำรถแยกเชื้อรำ Trichoderma sp. จำกดินในอำเภอบ้ำนหมอ จังหวัดสระบุรี ได้ 20 ไอโซเลท และสำมำรถแยกเช้ือได้
จำกดินในอำเภอลำดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธำนี ได้ 1 ไอโซเลท เมื่อนำมำทดลงสอบประสิทธิภำพของจุลินทรีย์ในกำรยับย้ังกำร
เจริญของเส้นใยเช้ือรำ Phytophthora colocasiae ซึ่งเป็นสำเหตุของโร่คใบจุดตำเสือของเผือกในโดยวิธี dual culture พบว่ำ
เชื้อรำ Trichoderma sp. ไอโซเลท BM6 BM1 และ BM7 สำมำรถยับยัง้ กำรเจริญของเส้นใย P. colocasiae โดยมีค่ำเปอร์เซ็นต์
กำรยับย้ังเท่ำกับ 56.25 55.80 และ 54.59 เปอร์เซ็นต์ ตำมลำดับ และเม่ือเปรียบเทียบประสิทธิภำพในกำรยับย้ังเช้ือรำก่อโรค
ระหว่ำงเชอ้ื รำ Trichoderma asperellum (สำยพันธุ์กำรค้ำ) กับเชื้อรำ Trichoderma sp. ท่ีแยกได้พบว่ำ ประสิทธิภำพในกำร
ยับย้งั เสน้ ใยเช้อื รำไม่แตกตำ่ งกันอยำ่ งมนี ยั สำคัญทำงสถติ ิ (P < 0.05)
คาสาคญั : ไตรโคเดอรม์ ำ สปชี สี ์ กำรยบั ยั้ง เช้ือรำ Phytophthora colocasiae

1 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เลขที่ 96 ถ. ปรีดีพนมยงค์ ต. ประตชู ยั อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยธุ ยา 13000
1 Phranakhon si Ayutthaya Rajabhat University 96, Pridi Banomyong Rd., Pratu Chai Si Ayutthaya, Phranakhon Sri Ayutthaya 13000, Thailand
2
2 มหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา เลขท่ี 96 ถ. ปรดี ีพนมยงค์ ต. ประตชู ัย อ. พระนครศรอี ยธุ ยา จ. พระนครศรอี ยุธยา 13000

Phranakhon si Ayutthaya Rajabhat University 96, Pridi Banomyong Rd., Pratu Chai Si Ayutthaya, Phranakhon Sri Ayutthaya 13000, Thailand

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตร้อนและก่ึงร้อน คร้ังท่ี 13 65
Poster Presentation PR-058

ประสทิ ธภิ าพการใชส้ ารโซเดียมคลอไรทท์ ่มี ฤี ทธ์เิ ป็นกรดต่อการเปล่ียนแปลงคุณภาพของไมโครกรนี
Efficacy of Acidified Sodium Chlorite on Microbial Growth and Quality Change of Microgreen

ปณุ ิกา แสงสขุ 11 ปรียานชุ แสงประยรู 1 มธรุ ส ขมุ ทองวัฒนา1 ไชยพร เก็บเงิน1 มณั ฑนา บัวหนอง1,2 และ พนดิ า บญุ ฤทธิธ์ งไชย1,2
Punika Saengsuk1, Mathurot Khumthogwattana1, Preyanuch Saengprayoon1, Chaiyapon Ngebngoen1, Mantana Buanong1,2

and Panida Boonyaritthongchai1,2*

Abstract
This research was studied the effects of acidified sodium chlorite (ASC) to control microbial and
maintain quality and antioxidant of postharvest microgreen vegetables as radish sprout. Radish sprout were
dipped in distilled water (control) and ASC at various concentration as 0 50 100 and 150 ppm for 1 minute and
then held at 10°C for 8 days. The microgreens were analyzed microbial contents and physical and chemical
qualities every 2 days. The radish sprout treated with 50 ppm ASC showed the water-soaking lower than the
radish sprout treated with 100 and 150 ppm ASC and control treatment. The radish sprout in all of 3
concentrations ASC could alleviate total bacterial count and coliform when compared to the control
treatment. Moreover, the increase in total phenolic contents and chlorophyll contents were found in all of 3
concentrations ASC when compared to the control treatment during 8 days of storage.
Keywords: microgreen, acidified sodium chlorite, microbial contamination, radish sprout

บทคดั ย่อ
การวิจัยนี้จึงศึกษาการใช้สารละลายกรดโซเดียมคลอไรท์ (ASC) เพ่ือลดปริมาณเช้ือจุลินทรีย์ และรักษาคุณภาพและ
สาระสา้ คญั ของไมโครกรีน โดยการทดลองนใี้ ช้ต้นออ่ นหัวไชเท้าหลงั การเกบ็ เก่ียว โดยทา้ การจมุ่ ต้นออ่ นไมโครกรนี ลงในน้ากลั่น (ชุด
ควบคุม) และสารละลาย ASC ความเข้มขน้ 50 100 และ 150 ppm เปน็ เวลา 1 นาที เก็บรักษาท่ีอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส เป็น
เวลา 8 วัน วิเคราะห์ปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ คุณภาพทางกายภาพและเคมีทุก ๆ 2 วัน พบว่าไควาเระในชุดการทดลองท่ีแช่ด้วย
สารละลาย ASC ทคี่ วามเข้มข้น 50 ppm มีอาการฉ้่าน้าเลก็ นอ้ ย เมอ่ื เปรยี บเทียบกับไควาเระในชุดควบคุม และชุดการทดลองที่แช่
ด้วยสารละลาย ASC ความเขม้ ขน้ 100 และ 150 ppm และไควาเระในชดุ การทดลองทแ่ี ชด่ ว้ ยสารละลาย ASC ท้ัง 3 ความเข้มข้น
สามารถยับยั้งปริมาณเช้ือแบคทีเรีย และโคลิฟอร์ม และสามารถกระตุ้นปริมาณสารประกอบฟีนอลิกท้ังหมด รวมถึงชะลอการ
สญู เสยี ปริมาณคลอโรฟิลลไ์ ดด้ ีกว่าชุดควบคมุ ในระหว่างการเกบ็ รกั ษา 8 วัน
คาสาคัญ: ไมโครกรีน กรดโซเดียมคลอไรท์ การปนเปอ้ื นจลุ ินทรีย์ ไควาเระ

1 สาขาเทคโนโลยีหลังการเกบ็ เกยี่ ว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี (บางขุนเทยี น) 49 ซอยเทยี นทะเล 25 ถนนบางขนุ เทยี น
ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขนุ เทยี น กรุงเทพมหานคร 10150
1Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut's University of Technology Thonburi (Bangkhuntien), 49
Tientalay 25, Thakam, Bangkhuntien, Bangkok 10150, Thailand
2ศูนยน์ วตั กรรมเทคโนโลยีหลังการเกบ็ เก่ียว สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร 10400
2Postharvest Technology Innovation Center, Office of the Higher Education Commission, Bangkok 10400, Thailand
3ภาควิชาครุศาสตรเ์ กษตร คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เลขที่ 1 ซอยฉลองกรงุ 1 เขตลาดกระบัง กรงุ เทพมหานคร
ประเทศไทย 10520
3Department of Agricultural Education, Faculty of industrial Education, King Mongkut's Institute of Technology Ladkrabang, 1 Soi Chalongkrung
1,Ladkrabang, Bangkok, Thailand, 10520
4ภาควิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศนู ย์รังสติ ปทุมธานี 12121
4Department of Food Science and Technology, Faculty of Science and Technology, Thammasat University, Rangsit Centre, Pathumthani 12121,
Thailand

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและกงึ่ ร้อน คร้ังที่ 13 66
Poster Presentation PR-059

อิทธพิ ลของป๋ยุ พชื สดบางชนดิ ต่อการเจรญิ เติบโต ผลผลิตของผักคะน้า
และการสะสมธาตไุ นโตรเจนภายใตส้ ภาพดินลกู รัง

Influence of Some Green Manure on Growth and Yield of Kale
and Nitrogen Accumulation under Skeletal Soil Condition

จิรายุทธ เทียมสม1 และ วิมลนันทน์ กนั เกตุ1
Tiamsom, J.1, and Kanket, W.1

Abstract
Study on influence of sunn-hemp, sword-bean and Azolla spp. on soil nitrogen content, growth and
yield of kale under skeletal soil condition. The experiment was arranged as completely-randomized-design
with 4 replications and 4 treatments as following: T1 control (no green manure), T2 sunn-hemp application, T3
sword-bean application and T4 Azolla spp. application at two tons per rai. Soil samples were collected before
planting and after harvesting. Soil pH, total nitrogen content, growth and yield of kale were measured. Result
indicated that T4 Azolla spp. gave the highest on growth and yield at 3,410 kilograms per rai. Suitable on soil
pH and increased nitrogen accumulation were found on T4. When costing in economics, it was found that
using Azolla spp. can generate the highest net profit. Results also indicated that using Azolla spp. as green
manure could increase soil productivity. It is an alternative for farmer to further improve soil properties.
Keywords: green manure, Azolla spp., nitrogen

บทคัดยอ่
การศึกษาอิทธิพลของปุ๋ยพืชสดจากปอเทือง ถ่ัวพร้า และแหนแดง ต่อปริมาณไนโตรเจนในดิน การเจริญเติบโตและ
ผลผลิตของคะน้าภายใตส้ ภาพดินลกู รัง วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบรู ณ์ จานวน 4 ซา 4 ตารบั การทดลอง ประกอบดว้ ย T1 ไม
ใส่ปยุ๋ พชื สด (Control) T2 ใส่ปอเทอื ง T3 ใส่ถั่วพร้า และ T4 ใส่แหนแดง อตั รา 2 ตันต่อไร่ เก็บตัวอย่างดินก่อน และหลังการเก็บ
เกี่ยว เพื่อวิเคราะห์ความเป็นกรดด่าง และปริมาณไนโตรเจนทังหมดในดิน วัดการเจริญเติบโตและผลผลิตของคะน้า จากผลการ
ทดลองพบว่าตารับการทดลองที่ 4 ท่ีใส่แหนแดง ทาให้คะน้ามีการเจริญเติบโต และผลผลิตสูงสุดท่ี 3,410 กิโลกรัมต่อไร่ อีกทัง
ส่งผลให้คา่ ความเป็นกรดด่างของดินดีขึน ดนิ มกี ารสะสมไนโตรเจนเพิม่ ขึน และเมอื่ คิดตน้ ทุนในเชิงเศรษฐศาสตร์ พบว่าการใช้แหน
แดงสามารถทากาไรสทุ ธไิ ด้สงู ทส่ี ดุ จึงสามารถสรปุ ไดว้ ่าการใช้แหนแดงเป็นปุ๋ยพืชสด ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตพืชของดิน
สงู ขึน และเปน็ อกี ทางเลอื กหนงึ่ ของเกษตรกรในการปรบั ปรุงสมบตั ิของดินลูกรังตอ่ ไป
คาสาคญั : ปุ๋ยพืชสด แหนแดง ไนโตรเจน

1 คณะทรพั ยากรธรรมชาติและอตุ สาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร อ.เมือง จ. สกลนคร 47000
1
Faculty of Natural Resources and Agro-Industry, Kasetsart University, Chalermphrakiat Sakon Nakhon Province Campus, Sakon Nakhon 47000

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตรอ้ นและกึ่งร้อน ครั้งที่ 13 67
Poster Presentation PR-060

ผลของกระบวนการออกซิเดชนั่ ชน้ั สงู (H2O2/UV-C) รว่ มกบั ฟองก๊าซขนาดไมโครนาโนตอ่ การกระตนุ้ การสร้าง
สารพฤกษเคมี และสารต้านอนุมูลอิสระในไมโครกรนี ไควาเระ

Effect of Advanced Oxidation Process (H2O2/UV-C) in Combination with Micro-Nano bubbles on
enhancing of Bioactive Compounds and Antioxidants of radish (Raphanus sativus L.)
Microgreens

สุวนนั ท์ ยอดสาร1, พรพรรณ เลก็ ขา1, อารีลักษณ์ แก้วเลก็ 1, Surisa Phornvillay1, จริ าพร ออ่ นศรีทอง1, วารชิ ศรลี ะออง1,2
และ ณฐั ชัย พงษป์ ระเสริฐ1,2

Yodsarn, S.1, Lekkham, P.1, Kaewlek, A.1, Phornvillay, S.1, Oonsrithong, J.1, Srilaong, V.1,2 and Pongprasert, N.1,2

Abstract
This study aims to study the effect of advanced oxidation Process (H2O2/UV-C) combination with
Micro-Nano bubbles (H2O2/UV-C+Mbs) on enhancing of bioactive Compounds and antioxidants of kaiware
microgreens. Seeds were wash with AOP contain hydrogen peroxide solution at a concentration of 3 % (3%
H2O2/UV-C+Mbs) for 15 Mins. Compared with RO water and unwashed seeds. After washing, seeds were grow
for 7 days. Results of carotenoids and the antioxidant activity tended to increase in all washing seed
treatments. Microgreens wash with 3% H2O2+UV-C+Mbs treatment showed significantly highest amount of
antioxidant, total flavonoid and glucosinolate. It is concluded that washing seed treatment by using
3% H2O2/UV-C+Mbs enhanced the production of phytochemical and antioxidants of Kaiware microgreens.
Keywords: Advanced Oxidation Process, Antioxidant, Micro-nano bubbles, Glucosinolate, Kaiware microgreens

บทคัดยอ่
การศึกษาน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของกระบวนการออกซิเดชั่นชั้นสูง (H2O2/UV-C) ร่วมกับฟองก๊าซขนาดไมโคร
นาโน (H2O2 /UV-C + Mbs) ต่อการกระตนุ้ การสร้างสารพฤกษเคมี และสารตา้ นอนุมูลอิสระในไมโครกรนี ไควาเระ โดยทาการล้าง
เมล็ดด้วยกระบวนการ AOP ด้วยสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ความเข้มข้น 3% (3%H2O2/UV-C + Mbs) เป็นเวลา 15
นาที โดยเปรียบเทียบกับน้ากรอง RO (Reverse Osmosis) และเมล็ดที่ไม่ได้ทาการล้างน้า หลังจากล้างเมล็ดทาการเพาะเมล็ด
เป็นต้นอ่อนเป็นเวลา 7 วัน พบว่า ปริมาณแคโรทีนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกชุดการทดลองที่มี
กระบวนการล้าง โดยไมโครกรีนไควาเระท่ีล้างผ่านการล้างด้วย 3%H2O2/UV-C + Mbs มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ, ปริมาณ
ฟลาโวนอยด์ และปริมาณกลูโคซิโนเลตสูงที่สุดอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ดังน้ัน กระบวนการล้างเมล็ดโดยใช้กระบวนการ
ออกซิเดช่ันช้ันสูง 3%H2O2/UV-C + Mbs สามารถกระตุ้นการสร้างสารพฤกษเคมี และสารต้านอนุมูลอิสระของไมโครกรีน
ไควาเระได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
คาสาคัญ: กระบวนการออกซิเดชนั่ ขน้ั สงู สารตา้ นอนุมลู อสิ ระ ฟองก๊าซขนาดไมโครนาโน กลโู คซิโนเลต ไมโครกรีนไควาเระ

1 สาขาเทคโนโลยหี ลังการเก็บเกยี่ ว คณะทรพั ยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี (บางขนุ เทยี น)
1 49 ซอยเทยี นทะเล 25 ถนนบางขุนเทยี นชายทะเล แขวงทา่ ขา้ ม เขตบางขุนเทยี น กรุงเทพมหานคร 10150
Division of Postharvest Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut’s University of Technology Thonburi (Bangkhuntien),
49 Tientalay 25, Thakam, Bangkhuntein, Bangkok 10150, Thailand
2 ศนู ยน์ วตั กรรมเทคโนโลยหี ลังการเกบ็ เก่ยี ว กระทรวงการอดุ มศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม กรุงเทพมหานคร 10400
2 Postharvest Technology Innovation Center, Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation, Bangkok 10400, Thailand.

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและกึ่งร้อน คร้งั ท่ี 13 68
Poster Presentation PR-061

ผลของปุ๋ยอัดเมด็ มูลจิ้งหรีดต่อการเจรญิ เตบิ โตของผกั กาดหอม
Effect of Cricket Frass Pellets as Fertilizer on Growth of Lettuce

ปรัชวนี พบิ ารงุ 1 และ ฐิติรตั น์ แซ่วื้อ1
Pibumrung, P.1 and Saewue T.1

Abstract
The effects of cricket frass pellets as fertilizer on growth and weight of Green cos lettuce was studied.
The Completely Randomized Design experiment consisted of six treatments and five replications. Results
showed that Green cos lettuce applied with crickets frass and rice bran pellets (2:1 by weight) had the highest
plant height, number of leaves, leaf width and fresh weight and dry weight per plant were 20.43 cm, 9.5
leaves, 6.62 cm, 61.84 g and 2.98 g, respectively. Those results were not statistically significant difference from
the Green cos lettuce applied with crickets frass and bone meal pellets (3:1 by weight) which had plant
height, number of leaves, leaf width and fresh weight and dry weight per plant were 20.10 cm, 9.0 leaves,
6.29 cm, 50.66 g and 2.67 g, respectively. However, those 2 treatments were statistically significant difference
from the Green cos lettuce without cricket frass pellets (p0.01).
Keywords: Cricket frass, Pellet fertilizer, Lettuce, Growth

บทคดั ย่อ
การศกึ ษาผลการใชป้ ุ๋ยอดั เมด็ มูลจง้ิ หรดี ตอ่ การเจรญิ เติบโต และนา้ หนกั ผกั กาดหอมกรีนคอส วางแผนการทดลองแบบ
Completely Randomized Design ประกอบด้วย 6 กรรมวธิ ี จ้านวน 5 ซ้า ผลการทดลองพบวา่ ผกั กาดหอมกรนี คอสท่ีใสป่ ุ๋ย
อดั เม็ดมลู จิง้ หรดี ผสมร้าละเอียด (2:1 โดยน้าหนกั ) มคี วามสงู ต้น จา้ นวนใบ ความกว้างใบ น้าหนกั สดและน้าหนกั แหง้ ต่อตน้ สงู สดุ
เท่ากบั 20.43 เซนติเมตร 9.5 ใบ 6.62 เซนตเิ มตร 61.84 กรัม และ 2.98 กรัม ตามลา้ ดับ ไมแ่ ตกตา่ งอยา่ งมนี ัยส้าคญั ทางสถติ กิ ับ
ผกั กาดหอมกรนี คอสทีใ่ สป่ ยุ๋ อดั เมด็ มลู จิง้ หรดี ผสมกระดูกป่น (3:1 โดยนา้ หนกั ) ทมี่ ีความสูงต้น จา้ นวนใบ ความกว้างใบ น้าหนกั สด
และน้าหนักแห้งต่อต้น เทา่ กบั 20.10 เซนติเมตร 9.0 ใบ 6.29 เซนติเมตร 50.66 กรมั และ 2.67 กรัม ตามลา้ ดับ แต่ท้งั 2 ทรตี ์
เม้นท์แตกตา่ งอย่างมนี ยั ส้าคญั ทางสถติ กิ บั กรรมวธิ ที ี่ไม่ใส่ปยุ๋ อดั เมด็ มลู จ้ิงหรดี (p0.01)
คาสาคญั : มูลจง้ิ หรดี ปยุ๋ อดั เมด็ ผักกาดหอม การเจริญเติบโต

1 สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลติ พืช คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนครศรอี ยธุ ยา อาเภอพระนครศรีอยธุ ยา จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา 13000
1
Department of Plant Production Technology, Faculty of Science and Technology, Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University, Phranakhon Si

Ayutthaya, 13000

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตร้อนและก่ึงรอ้ น คร้งั ท่ี 13 69
Poster Presentation PR-062

การเจริญเติบโตและปริมาณไนเตรทในผกั กาดหอมท่ีปลกู ด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์
Growth and Nitrate Content of Lettuce Grown under Hydroponics System

ปรชั วนี พบิ ารงุ 1 และ กชกร ประคองสขุ 1
Pibumrung, P.1 and Prakhongsuk, K.1

Abstract
Growth, weight and nitrate content were investigated in three varieties of lettuce in Dynamic Root
Floating Technique (DRFT) hydroponic system. The experiment was 2x2 Factorial in Completely Randomized
Design with ten replications and two factors: water system (water circulating system 24 and 12 h/day) and
lighting (solar and LED lighting). Results showed that the highest fresh weight of Green oak, Red oak and Green
cos (156.60, 131.23 and 155.28 g, respectively) and lowest nitrate content (187.90, 1,959.72 and 2,293.16
mg/kg, respectively) were found in the sample treated with 24 h/day-water circulating and solar. The Green
oak, Red oak and Green cos grown in the 12 h/day-water circulating and under LED lighting had lowest fresh
weight (89.70, 76.56 and 78.45 g, respectively) and nitrate content (2,187.90, 1,959.72 and 2,293.16 mg/kg,
respectively). Those treatments were significantly different.
Keywords: Hydroponics, Lettuce, Nitrate, LED

บทคัดยอ่
การศกึ ษาการเจรญิ เติบโต นา้ หนัก และปริมาณไนเตรทในผักกาดหอม 3 พนั ธทุ์ ่ปี ลกู ในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ
Dynamic Root Floating Technique (DRFT) วางแผนการทดลองแบบ 2x2 Factorial in Completely Randomized Design
จา้ นวน 10 ซ้า ประกอบด้วย 2 ปัจจัย ไดแ้ ก่ ระบบนา้ (นา้ หมุนเวยี น 12 และ 24 ชวั่ โมงตอ่ วัน) และการใหแ้ สง (แสงอาทิตย์ และ
แสงแอลอดี ี) ผลการทดลองพบว่า ผักกาดหอมกรนี โอค๊ เรดโอค๊ และกรีนคอสทใี่ หน้ ้าแบบนา้ หมนุ เวียน 24 ชั่วโมงต่อวันร่วมกบั การ
ใหแ้ สงอาทิตย์มนี า้ หนักสดสงู สุด (156.6, 131.2 และ 155.2 กรัม ตามลา้ ดบั ) และมีปรมิ าณไนเตรทต้า่ สุด (1,929.51, 1,781.38
และ 2,078.38 มิลลกิ รมั ตอ่ กิโลกรมั ตามล้าดับ) สว่ นผักกาดหอมกรีนโอค๊ เรดโอ๊ค และกรีนคอสที่ให้น้าหมนุ เวียน 12 ชั่วโมงต่อวัน
ร่วมกับการใหแ้ สงแอลอีดมี ีนา้ หนกั สดตา่้ สดุ (89.7, 76.5 และ 78.4 กรมั ตามล้าดบั ) และมปี รมิ าณไนเตรทสูงสุด (2,187.90,
1,959.72 และ 2,293.16 มิลลกิ รัมตอ่ กิโลกรมั ตามล้าดบั ) ซึง่ ทงั 2 ทรตี เม้นทท์ ้าให้ลักษณะดงั กล่าวขา้ งตน้ แตกตา่ งกันอยา่ งมี
นัยส้าคญั ทางสถิติ
คาสาคญั : ไฮโดรโปนิกส์ ผกั กาดหอม ไนเตรท แสงแอลอดี ี

1 สาขาวิชาเทคโนโลยกี ารผลติ พืช คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนครศรีอยุธยา อาเภอพระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา 13000
1
Department of Plant Production Technology, Faculty of Science and Technology, Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University, Phranakhon Si

Ayutthaya, 13000

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พืชเขตร้อนและกงึ่ รอ้ น ครั้งท่ี 13 70
Poster Presentation PR-063

การศกึ ษาระยะเวลาในการใหน้ ้าทเ่ี หมาะสมสา้ หรบั การปลูกข้าวไรซ์เบอรท่ี ่มี ีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและผลผลิต
Study on the Optimum Irrigation Time for ‘Riceberry’ Rice Cultivation Affecting the Growth and

Yield

เรวตั ร จนิ ดาเจย่ี 1 จักรกฤษณ์ ศรแี สง1 พงษ์ศกั ด์ิ แก้วศรี1 จรรยา มงุ่ งาม1 บณั ฑิตา เพญ็ สรุ ยิ ะ และ น้าฝน ชาชยั 1
Chindachia,R.1, Sreesaeng, J.1, Keawsri, P.1, Mungngam, J.1, Pinsanthia B.1, and Prathapkong, p.1

Abstract
The effect of dairy manure compost (DMC) on growth and yield of Riceberry rice was studied. As a
complete randomized design of 5 treatments, 10 replications, treatments were 1) control (without fertilizer),
2) recommended fertilizer application (DMC at the rate of 600 Kg/rai with 16-20-0 at the rate of 35 kg/rai and
46-0-0 at the rate of 20 kg/rai), 3) DMC at the rate of 1.0 tons/rai, 4) DMC at the rate of 1.5 tons/rai, and 5)
DMC at the rate of 2 tons/rai. The application of Experiment 3, 4 and 5 was 2 times aftyer planting 20 and 60
days. It was found that DMC at the rate of 2 tons/rai effected on the highest height, number of plants per hill,
panicle per hill, number of filled grain per panicle, weight of filled grain per panicle and weight of total filled
grain and no statistically different from the recommended fertilizer application.

Keywords: dairy manure compost (DMC), Riceberry rice, growth of riceberry, yield of riceberry

บทคดั ย่อ
การศกึ ษาการประยกุ ต์ใชป้ ๋ยุ หมกั จากมูลโคนมตอ่ การเจริญเติบโตและผลผลติ ของขา้ วไรซเ์ บอรี่ โดยวางแผนการทดลอง
แบบสมุ่ สมบรู ณ์ จานวน 5 ตารับการทดลอง 10 ซา้ ดงั น้ี ตารับการทดลองที่ 1 ตารบั การควบคุม (ไมใ่ สป่ ุ๋ย) ตารบั การทดลองท่ี 2
ใส่ป๋ยุ ตามคาแนะนา (ปยุ๋ หมักจากขวี้ ัวนม 600 กิโลกรมั ต่อไร่ ร่วมกบั 16-20-0 อัตรา 35 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ และ 46-0-0 อัตรา 20
กิโลกรมั ตอ่ ไร่) ตารับการทดลองท่ี 3 ใสป่ ุย๋ หมกั จากขวี้ ัวนม 1.0 ตนั /ไร่ ตารับการทดลองท่ี 4 ใส่ปยุ๋ หมกั จากข้วี ัวนมอตั รา 1.5 ตนั /
ไร่ และตารบั การทดลองที่ 5 ใส่ปุ๋ยหมกั จากข้ีวัวนม 2.0 ตนั /ไร่ โดยตารับการทดลองที่ 3 4 และ 5 แบง่ ใส่ 2 ครัง้ หลังปลกู 20 และ
60 วนั พบวา่ การใสป่ ุ๋ยหมักจากข้วี วั นมอตั รา 2 ตันตอ่ ไร่มผี ลต่อความสูง จานวนตน้ ต่อกอ จานวนรวงต่อกอ จานวนเมลด็ ดตี อ่ รวง
น้าหนกั เมลด็ ดตี อ่ รวง และนา้ หนกั เมลด็ ดีท้ังหมดสูงและไม่แตกต่างทางสถติ ิกบั การใชป้ ยุ๋ ตามคาแนะนา
คา้ สา้ คญั : ปยุ๋ หมกั จากมลู โคนม ขา้ วไรซเ์ บอรี่ การเจรญิ เตบิ โตของขา้ วไรซเ์ บอร่ี ผลผลติ ของข้าวไรซเ์ บอร่ี

1 สถานีวิจยั ลา้ ตะคอง สถาบันวจิ ัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) 333/5 หมูท่ ่ี 12 ต้าบลหนองสาหรา่ ย อ้าเภอปากช่อง จังหวดั นครราชสีมา 30130
Lamtakhong Research Station, Thailand Institute of Scientific and Technological Research (TISTR) 333 Mu 12, Nongsarai, Pakchong, NaKhon
Ratchasima 30130.

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพชื เขตร้อนและกงึ่ รอ้ น ครั้งที่ 13 71
Poster Presentation PR-064

ผลของการประยุกตใ์ ช้ปุ๋ยหมักจากมลู โคนมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ ของขา้ วไรซเ์ บอรี่
Effect of Dairy Manure Compost Applications on the Growth and Yyield of Riceberry Rrice

จรรยา มุ่งงาม1 สรุ สทิ ธิ์ วงษส์ จั จานนั ท์1 พงศกร นิตยม์ ี1 เตชติ า ป่นิ สันเทียะ ภัทรา ประทบั กอง1 และ เรวตั ร จนิ ดาเจ่ีย1
Mungngam, J.1, Wongsasjanan, S.1, Nitmee, P.1, Pinsanthia, T.1, Prathapkong, P.1 and Chindachia, R.1

Abstract
The effect of applications of dairy manure compost (DMC) on the growth and yield of Riceberry rice
was investigated. By planning a complete randomized design of 5 treatments, 10 repetitions as follows: First
experiment: Control (without fertilizer), Second experiment: the recommended fertilizer application (DMC at
the rate of 600 Kg/rai with 16-20-0 at the rate of 35 kg/rai and 46-0-0 at the rate of 20 kg/rai), Third
experiment: DMC at the rate of 1.0 tons/rai, Fourth experiment: DMC at the rate of 1.5 tons/rai and Fifth
experiment: DMC at the rate of 3.0 tons/rai. By Experiment 3, 4 and 5 were put in 2 times at 20 and 60 days
after planting, respectively. It was found that DMC at the rate of 2.0 tons/rai effected on the highest of the
height, number of plant per hill, panicle per hill, number of filled grain per panicle, weight of filled grain per
panicle and weight of total filled grain and no statistically different from the recommended fertilizer
application.
Keywords: dairy manure compost (DMC), Riceberry rice, growth of riceberry, yield of riceberry

บทคัดย่อ
การศึกษาผลของการประยุกต์ใช้ปุ๋ยหมักจากมูลโคนมต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวไรซ์เบอร่ี โดยวางแผนการ
ทดลองแบบสุม่ สมบรู ณ์ จานวน 5 ตารับการทดลอง 10 ซา ตารับการทดลองที่ 1 ตารับการควบคุม (ไม่ใส่ปุ๋ย) ตารับการทดลองที่
2 ใส่ปุ๋ยตามคาแนะนา (ปุ๋ยหมักปุ๋ยหมักจากขีวัวนม 600 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับ 16-20-0 35 กิโลกรัมต่อไร่ และ 46-0-0 20
กิโลกรัมต่อไร่) ตารับการทดลองท่ี 3 ใส่ปุ๋ยหมักจากขีวัวนม 1.0 ตัน/ไร่ ตารับการทดลองที่ 4 ใส่ปุ๋ยหมักจากขีวัวนม 1.5 ตัน/ไร่
และตารับการทดลองที่ 5 ใส่ปุ๋ยหมักจากขีวัวนม 2.0 ตัน/ไร่ โดยตารับการทดลองที่ 3 4 และ 5 แบ่งใส่ 2 ครังหลังปลูก 20 และ
60 วัน พบว่าการใส่ปุ๋ยหมักจากขีวัวนม 2.0 ตันต่อไร่มีผลต่อความสูง จานวนต้นต่อกอ จานวนรวงต่อกอ จานวนเมล็ดดีต่อรวง
นาหนักเมลด็ ดตี อ่ รวง และนาหนักเมลด็ ดีทงั หมดสงู และไม่แตกตา่ งทางสถิติกบั การใช้ปยุ๋ ตามคาแนะนา
คาสาคญั : ปุ๋ยหมักจากมลู โคนม ขา้ วไรซ์เบอรี่ การเจรญิ เติบโตของข้าวไรซเ์ บอร่ี ผลผลติ ของขา้ วไรซเ์ บอรี่

1 สถานีวิจัยลาตะคอง ศูนยเ์ ชย่ี วชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ สถาบันวจิ ัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย (วว.)
333/5 หมู่ที่ 12 ตาบลหนองสาหรา่ ย อาเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสมี า 30130
1Lamtakhong Research Station, Expert Center of innovative Agriculture, Thailand Institute of Scientific and Technological Research (TISTR)
333 Mu 12, Nongsarai, Pakchong, NaKhon Ratchasima 30130.

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตร้อนและกึ่งรอ้ น คร้งั ที่ 13 72
Poster Presentation PR-065

ผลของชนิดพันธ์ุมะพร้าวทะเลทรายตอ่ การงอกของเมลด็ และการพฒั นาในสภาพปลอดเชือ้
Effect of Dorstenia Species on Seed Germination and Development in Sterile Conditions

ยพุ าภรณ์ วริ ยิ ะนานนท์1 และ กุลจริ า พรรณปญั ญา1
1
Wiriyananont, Y.1 and Phanpunya,
K.

Abstract
In natural conditions, some Dorstenia seeds have low germination rate or embryo dies due to
unsuitable environment. Therefore, the aim of this study was to investigate germination rate and plant
morphological characteristics after cultivation of Dorstenia seeds (7 species) on modified MS medium for 36
weeks (subculture every 4-week intervals). The results showed that Dorstenia lavrain gave the highest
germination rate of 70%. Complete plantlets were obtained from D. horwoodi and D. foetida. When the
stems of these species were cut and cultured on MS medium with 3 mg/l BA under low lighting condition.
The explant gave 66.67% of shoots induction. These shoots and leaves were light green. In case of explants
cultured under lighting condition, the stem gave 45% shoot formation. Dark green leaves and stem were
obtained. D. foetida Schweinf (round-shaped leaves) showed shoot formation with some callus around the
seed and D. lavrain seeds developed only calluses.
Keywords: Dorstenia, seed germination, sterile condition, morphology

บทคดั ย่อ
ในสภาพธรรมชาติ เมล็ดมะพร้าวทะเลทรายบางสายพันธุ์ มีอัตราการงอกต่า หรือตายเนืองจากสภาพแวดล้อมไม่
เหมาะสม ดังน้ัน งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพือ ศึกษาการงอกและการพัฒนาของเมล็ดมะพร้าวทะเลทราย จ่านวน 7 สายพันธุ์
ในสภาพปลอดเช้ือบนอาหารสูตร MS ดัดแปลง หลังจากเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 36 สัปดาห์ (เปลียนอาหารใหม่ทุก 4 สัปดาห์) ผล
การศึกษาพบว่า สายพันธุ์ Dorstenia lavrain มีอัตราการงอกสูงสุด 70% สายพันธุ์ทีสามารถพัฒนาเป็นต้นทีสมบูรณ์คือ
D. Horwoodi และ D. foetida ซึงเมือตดั ลา่ ตน้ ของทั้งสองสายพันธ์นุ ้ีมาเพาะเลย้ี งบนอาหารสูตร MS รว่ มกบั BA เขม้ ข้น 3 mg/l
ในทพี รางแสง พบว่า ชิ้นส่วนพืชเกิดยอดรวมได้ 66.67% ล่าต้นและใบมีเสียเขียวอ่อน ส่วนในทีให้แสง ช้ินส่วนพืชให้การเกิดยอด
รวม 45% ใบและล่าต้นมีสีเขียวเข้ม สายพันธุ์ทีเมล็ดพัฒนาให้ยอดและบางส่วนพัฒนาเป็นแคลลัส ได้แก่ สายพันธุ์ D. foetida
Schweinf (ใบกลม) ส่วนสายพันธ์ุ D. lavrain เมล็ดพัฒนาให้แคลลสั เพียงอยา่ งเดียว
คาสาคญั : มะพร้าวทะเลทราย อตั ราการงอก สภาพปลอดเชอ้ื ลักษณะทางสณั ฐาน

11สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา อาเภอพระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา 13000
Program in Agriculture, Faculty of Science and Technology, Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University, Phra Nakhon Si Ayutthaya, 13000

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น ครัง้ ที่ 13 73
Poster Presentation PR-066

การเปรยี บเทียบการเจรญิ เติบโตของกาแฟอราบิกาและโรบสั ตาในจงั หวดั สงขลา
Comparison of Growth of Arabica and Robusta Coffee Grown in Songkhla Province

ชุตกิ าญจน์ แสนเสนาะ1 และ ระวี เจยี รวภิ า1
Saensano, C.1 and Chiarawipa, R.1

Abstract
Coffee is one of the major beverage plants mostly grown in many tropical countries worldwide. There
are mainly two species of coffee plants, namely Arabica and Robusta. In southern Thailand, the Robusta
coffee plant has been being grown traditionally for many years. Recently, some farmers have started planting
the Arabica variety in the area. Therefore, the Arabica and Robusta coffee varieties were studied to compare
phenology, plant growth and physiological response of their leaves. It was found that the developmental
phase of flowering and fruit setting were similar in both varieties. The plant growth of the Arabica variety, such
as tree height, canopy width, stem diameter, branch length and the number of nodes, was comparable to
that of the Robusta variety. However, the physiological response of the Arabica coffee leaves. It means that
the Arabica coffee variety had well physiological adaptation in southern Thailand as the Robusta coffee
variety did.
Keywords: Physiological adaptation, phenology, coffee variety

บทคดั ย่อ
กาแฟเป็นพืชเคร่ืองด่ืมที่สาคัญชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ปลูกในประเทศเขตร้อนท่ัวโลก โดยนิยมปลูกอยู่สองสายพันธุ์ ได้แก่
อราบิกาและโรบัสตา ในทางภาคใต้ของประเทศไทยมีการปลูกกาแฟโรบัสตามาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันเกษตรกรบางรายเริ่มมี
การนากาแฟ อราบิกามาปลูกทางภาคใต้มากข้ึน ดังนั้นจึงได้ศึกษาเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของกาแฟอราบิกาและโรบัสตาใน
จงั หวดั สงขลา โดยบนั ทึกระยะฟโี นโลยี ข้อมูลการเจรญิ เติบโต และการตอบสนองทางด้านสรรี วทิ ยาของใบ พบว่า กาแฟอราบิกามี
ระยะพัฒนาการของออกดอกและติดผล การเจริญเติบโตทางลาต้น ได้แก่ ความสูงลาต้น ขนาดทรงพุ่ม เส้นผ่านศูนย์กลางลาต้น
ความยาวกิ่ง และจานวนข้อท่ีใกล้เคียงกับกาแฟโรบัสตา เช่นเดียวกับการตอบสนองทางด้านสรีรวิทยาของใบ ซ่ึงแสดงให้เห็นว่า
กาแฟ อราบิกาสามารถปรับตวั ไดด้ ใี กล้เคียงกบั โรบสั ตาในพื้นทภ่ี าคใต้
คาสาคัญ: การปรับตัวทางสรรี วทิ ยา ฟีโนโลยี สายพนั ธกุ์ าแฟ

1 สาขาวิชานวตั กรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
1
Agricultural Innovation and Management Division, Faculty of Natural Resources, Prince of Songkla University, Songkhla, 90110, Thailand

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตรอ้ นและกึ่งร้อน คร้ังที่ 13 74
Poster Presentation PR-067

ผลของอุณหภูมิการเก็บรกั ษาต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางสรรี วิทยาและคุณภาพของผลโกโก้
Effects of Storage Temperature on Physiological and Quality Changes of Cacao

นัฐริษา ลิม่ จาเรญิ 1 อดเิ รก รักคง1 สภุ าณี ชนะวรี วรรณ1 และ ระวี เจยี รวิภา1
Limjumrern, N.1, Rugkong, A.1, Chanaweerawan, S.1 and Chiarawipa, R.1

Abstract
Postharvest deterioration leads to damage to cacao production. Low temperature storage reduces
the losses of postharvest deterioration and maintains shelf life of crops. Hence, cacao pod storaged at low
temperature (15 °C) and room temperature (29 °C) were studied to compare the physiological and quality
changes of the pod during the shelf life. The comparison found a significant difference in browning index and
weight loss during the storage between 8 days and 14 days after harvest. Some significant differences were
observed in lightness, hue and firmness of the skin during the storage life from 6 to 10 days, 2 to 8 days, and
6 to 10 days, respectively. Nonetheless, the different storage temperatures did not influence TSS, TA and
TSS/TA of the cacao pulp. In conclusion, the results proved that the low temperature storage could maintain
the quality and slow down the physiological changes of the cacao pod’s shelf life.
Keywords: cocoa, pod storage, pulp preconditioning, postharvest quality

บทคัดยอ่
การเส่ือมสภาพหลังการเก็บเกี่ยวส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตโกโก้ การเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิต่าช่วยลดความ
สญู เสยี ทเ่ี กดิ ข้ึนภายหลังการเกบ็ เกยี่ วและยืดอายกุ ารเก็บรกั ษาของผลิตผลได้ ดังนั้น จึงมีการศึกษาผลของการเก็บรักษาผลโกโก้ที่
อณุ หภูมิต่า (15 °C) และอณุ หภูมหิ อ้ ง (29 °C) เพ่อื เปรยี บเทยี บการเปลยี่ นแปลงทางสรีรวิทยาและคณุ ภาพของโกโก้ในระหว่างการ
เก็บรักษา พบว่า การสูญเสียน่้าหนักและดัชนีการเกิดสีน่้าตาลมีความแตกต่างกันในระหว่าง 8-14 วันหลังการเก็บรักษา ขณะท่ี
ความสว่าง (L*) ค่ามุมสี (Hue°) และความแน่นเน้ือมีความแตกต่างในช่วงการเก็บรักษาที่ 6-10 วัน 2-8 วัน และ 4-8 วัน
ตามล่าดับ อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้่าได้ ปริมาณกรดที่
ไทเทรตได้ และค่า TSS/TA ของเย่ือหุ้มเมล็ดโกโก้ ดังน้ัน การเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิต่าสามารถรักษาคุณภาพและชะลอการ
เปล่ียนแปลงทางสรรี วิทยาในระหวา่ งการเก็บรักษาได้
คาสาคัญ: โกโก,้ การเกบ็ รกั ษาฝกั , การปรับสภาพเย่อื หมุ้ เมล็ด, คณุ ภาพหลงั การเกบ็ เก่ยี ว

1 สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
1
Agricultural Innovation and Management Division, Faculty of Natural Resources, Prince of Songkla University, Songkhla, 90110, Thailand

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตรอ้ นและกงึ่ รอ้ น ครงั้ ท่ี 13 75
Poster Presentation PR-068

ระยะปลูกทเ่ี หมาะสมสาหรบั การผลิตงาอนิ ทรยี ์ในชดุ ดนิ สันทราย
Suitable Spacing for the Production of Organic Sesame in Sansai Soil Series

เนตรนภา อินสลุด1 พีรพนั ธ์ ทองเปลว1 และ ปริญญา มรดกพนา1
Insalud, N.1, Thongplew, P.1 and Moradokphana, P.1

Abstract
Defining an appropriate spacing is necessary for crop management in order to allow plant access to
sufficient resources that will help maximize growth and yield for each cultivar. This work evaluated 3 sesame
cultivars planted at 20 x 20 cm or 40 x 40 cm spacing under an organic system in Sansai soil series. There was
no difference of yield per unit area for sesame cultivars planted at different spacing regardless of the doubling
plant numbers. At 40x 40 cm sesame gave higher numbers of capsule/plant and higher total seed
weight/plant than those planted at 20 x 20 cm. Addition, seed weight per unit area was depended on the
cultivars. Ubonratchatani (UB) 1 gave higher yield than the UB 3 but gave similar yield to the UB 2. This study
suggests that under nutrient poor soil and organic management, planting sesame cultivar UB 1 at the 40 x 40
cm spacing is recommended.
Keywords: Plant spacing, Organic Sesame, Sansai Soil Series

บทคัดย่อ
การจดั การระยะปลูกเป็นการจัดการเพือ่ ใหพ้ ชื ได้รับปัจจัยสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม และสามารถเจริญเติบโตและให้ผล
ผลิตไดต้ ามศักยภาพของสายพันธ์ุ งานวิจัยนี้ศึกษาระยะการปลูกของงา 3 พันธ์ุ ที่ 20 x 20 และ 40 x 40 เซนติเมตร แบบระบบ
อนิ ทรยี ใ์ นชุดดินสันทราย พบวา่ งาแตล่ ะพันธ์ทุ ่ปี ลกู ระยะต่างกันมีผลผลิตต่อพื้นที่ไม่ต่างกัน แม้ว่าจานวนต้นต่อพ้ืนที่ต่างกันเท่าตัว
การปลูกงาท่ีปลูกระยะ 40 x 40 เซนติเมตร มีจานวนฝักต่อต้นสูง และมีน้าหนักเมล็ดต่อต้นสูงกว่างาท่ีปลูกระยะ 20x20
เซนติเมตร นอกจากนี้น้าหนักเมล็ดต่อพื้นที่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของงา โดยงาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 1 มีผลผลิตสูงกว่างาดาพันธุ์
อุบลราชธานี 3 แต่มีผลผลิตใกล้เคียงกับงาขาวพันธุ์อุบลราชธานี 2 การศึกษานี้จะเห็นว่าการปลูกในระบบอินทรีย์ที่มีความอุดม
สมบูรณด์ ินตา่ ควรปลกู งาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 1 ด้วยระยะ 40 x 40 เซนตเิ มตร
คาสาคญั : ระยะปลูก งาอินทรยี ์ ชดุ ดนิ สันทราย

1 สาขาวิชาพืชไร่ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลยั แม่โจ้ จังหวัดเชยี งใหม่ 50290
1
Division of Agronomy, Faculty of Agricultural Production, Maejo University, Chiang Mai 50290, Thailand

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและกง่ึ รอ้ น ครง้ั ที่ 13 76
Poster Presentation PR-069

ลกั ษณะทางการเกษตร และการศกึ ษาความสัมพันธ์ระหวา่ งองค์ประกอบผลผลติ ของถวั่ เขยี ว 8 สายพันธุ์/พันธ์ุ
Agronomic Traits and Correlation Studies of Yield Components in 8 Mungbean Lines/Variety

ธนพร ขจรผล1 ณัฐธชิ า คานัลท1์ พนาวัลย์ คาภา1 และ ชลธริ า แสงศิร2ิ
Kajonphol, T.1, Khamnan N. 1, Kumpa P. 1 and Sangsiri, C.2

Abstract

The purpose of the research was to evaluate agronomic traits and correlation of yield components in
8 mungbean lines/variety. Experimental design was completely randomized design with 8 treatment, each
treatment had 10 replications (pot). The results found that plant height ranged 40.60-52.22 cm. The canopy
ranged 40.10 - 46.38 cm. Number of pod/plant ranged 7.80 - 18.22 pods. Pod width ranged 0.24 - 1.21 cm.
Pod length ranged 8.4 - 10.98 cm. Number of seed per pod ranged 7.09 - 11.22 seeds. Weight of 100 seeds
ranged 6.50 - 8.10 g. Total seeds weight/plant ranged 8.04 - 18.14 g. KUML8 gave a highest yield and yield
components. Number of pod/plant positively correlated with total seed weight per plant (r = + 0.85). Plant
height positively correlated with canopy (r = + 0.67), number of pod/plant (r = + 0.78) and total seed weight
per plant (r = +0.83).
Keywords: Agronomic traits, Correlation studies, Mungbean, Yield components

บทคดั ยอ่
การศึกษาน้มี วี ัตถปุ ระสงค์เพือ่ ประเมินลกั ษณะทางการเกษตร และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบผลผลิตของ
ถัว่ เขียว 8 สายพันธ/ุ์ พันธ์ุ วางแผนการทดลองแบบ completely randomized design จานวน 8 สงิ่ ทดลอง สงิ่ ทดลองละ 10 ซ้า
(กระถาง) พบว่า ความสงู ตน้ อยใู่ นช่วง 40.60 - 52.22 เซนตเิ มตร ทรงพมุ่ อยู่ในช่วง 40.10 - 46.38 เซนติเมตร จานวนฝักต่อต้น
อยู่ในช่วง 7.80 - 18.22 ฝัก ความกว้างฝัก อยู่ในช่วง 0.24 - 1.21 เซนติเมตร ความยาวฝัก อยู่ในช่วง 8.4 - 10.98 เซนติเมตร
จานวนเมล็ดต่อฝกั อยู่ในชว่ ง 7.09 - 11.22 เมล็ด น้าหนัก 100 เมล็ดต่อต้น อยู่ในช่วง 6.50 - 8.10 กรัม น้าหนักเมล็ดรวมต่อต้น
อยู่ในช่วง 8.04 - 18.14 กรัม สายพันธ์ุ KUML8 ให้ผลผลิตและองค์ประกอบผลผลิตสูงท่ีสุด จานวนฝักต่อต้นมีความสัมพันธ์
ทางบวกกบั นา้ หนกั เมล็ดรวมต่อต้น (r = + 0.85) ความสูงมีความสมั พนั ธท์ างบวกกบั ทรงพมุ่ (r = + 0.67) จานวนฝักต่อต้น (r = +
0.78) และ น้าหนกั เมลด็ รวมตอ่ ต้น (r = + 0.83)
คาสาคญั : ลักษณะทางการเกษตร การศกึ ษาค่าความสัมพันธ์ ถั่วเขียว องค์ประกอบผลผลติ

1 คณะทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละอตุ สาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกยี รติ จงั หวัดสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
1 Faculty of Natural Resources and Agro-Industry, Kasetsart University, Chalermphrakiat Sakon Nakhon Province Campus, Sakon Nakhon Province,
47000
2 สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์การเกษตร มหาวิทยาลยั มหิดล วิทยาเขตกาญจนบรุ ี จ. กาญจนบุรี 71150
2 Agricultural Sciences Program, Mahidol University, Kanchanaburi Campus, Kanchanaburi Province, 71150

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตร้อนและกง่ึ ร้อน ครงั้ ที่ 13 77
Poster Presentation PR-070

ประสทิ ธิภาพสารเคมีอนภุ าคนาโน CuO และ ZnO ในการยับยง้ั การเจริญเส้นใย
เชอ้ื รา Pyricularia oryzae สาเหตุโรคไหมข้ องข้าว

Efficacy of CuO and ZnO Nanoparticles on Growth Inhibition of
Pyricularia oryzae Causing Rice Blast Disease

ณฐั ฏพฒุ โพธ์วิ รสุนทร1 และ ปฐั วภิ า สงกุมาร2
Phowarasoontorn, N.1 and Songkumarn, P.2

Abstract
CuO and ZnO in nanoparticle and bulk forms were evaluated for the fungal growth inhibitory effect
against two isolates of Pyricularia oryzae (M.001 and M.002) with poisoned food technique at the
concentrations of 500, 1,000 and 1,500 ppm. It was found that CuO and ZnO at < 50 nm particle size showed
better fungal growth inhibition effect than the bulk form of the two chemicals at all concentration levels
tested. In addition, CuO nanoparticle was more effective in inhibiting growth of the two fungal isolates
compared to ZnO nanoparticle. Indeed, CuO nanoparticle at the lowest concentration (500 ppm) showed
84.89% and 97.38% of the fungal growth inhibition against the two isolates, respectively and no significant
difference was observed between the CuO nanoparticle treatment and the fungicide treatment. This research
demonstrates the potential of CuO and ZnO nanoparticles for rice blast disease control.
Keywords: rice blast, nanoparticle, copper oxide, zinc oxide

บทคัดยอ่
การประเมนิ ประสิทธภิ าพสารเคมี CuO และ ZnO รปู แบบอนุภาคนาโนและเกรดพาณชิ ย์ไมร่ ะบุขนาดอนุภาค (bulk) ใน
การยับย้งั การเจริญเสน้ ใยเช้ือราก่อโรคไหมจ้ านวน 2 ไอโซเลท (M.001 และ M.002) โดยวธิ ี poisoned food ท่รี ะดับความเข้มข้น
500 1,000 และ 1,500 ppm พบวา่ สารเคมี CuO และ ZnO ขนาดอนุภาคน้อยกว่า 50 นาโนเมตร สามารถยับยั้งการเจริญของ
เส้นใยเชอ้ื ราทงั้ 2 ไอโซเลทไดส้ ูงกวา่ รูปแบบสารเคมเี กรดพาณิชย์ไมร่ ะบุขนาดเมอ่ื ทดสอบที่ระดบั ความเข้มข้นเดยี วกัน และอนุภาค
นาโน CuO สามารถยบั ยั้งการเจริญของเส้นใยเช้ือราทั้ง 2 ไอโซเลทได้ดีกว่าอนุภาคนาโน ZnO โดยที่ระดับความเข้มข้นต่าสุดนั้น
อนุภาคนาโน CuO แสดงค่าเปอร์เซ็นต์การยับยั้งการเจริญเส้นใยเช้ือราของทั้ง 2 ไอโซเลทเท่ากับ 84.89 และ 97.38 เปอร์เซ็นต์
ตามลาดับ และไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับชุดทดสอบท่ีมีการเติมสารป้องกันกาจัดเชื้อรา
งานวจิ ัยนี้แสดงถึงศกั ยภาพของสารเคมีอนุภาคนาโน CuO และ ZnO ในการควบคุมโรคไหม้ของข้าว
คาสาคญั : โรคไหม้ของข้าว อนุภาคนาโน คอปเปอร์ออกไซด์ ซงิ คอ์ อกไซด์

11คณะเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรงุ เทพมหานครฯ 10900
Faculty of Agriculture, Kasetsart University, Ladyao, Chatuchak, Bangkok 10900
22ภาควชิ าโรคพืช คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรงุ เทพมหานครฯ 10900
Department of Plant Pathology, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, Ladyao, Chatuchak, Bangkok 10900

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจยั พชื เขตรอ้ นและกงึ่ รอ้ น ครง้ั ที่ 13 78
Poster Presentation PR-071

ผลการกระต้นุ การงอกเมลด็ แคสตสั (Gymnocalycium sp.) ด้วยแสงสีชนดิ ต่างๆ และฮอร์โมน Gibberellin
Effect of Seed Priming Gymnocalycium sp. with Various Types of Light Colors and Hormones

Gibberellin

พงศกร นิตย์มี1*, ณรงค์ศักดิ์ กุลกรินีธรรม2, จักรกฤษณ์ ศรีแสง1, เตชิตา ปิ่นสันเทียะ1, ภัทรา ประทับกอง1, เรวัตร จินดาเจ่ีย1,
พงษ์ศักดิ์ แก้วศรี1 และ สุรสิทธิ์ วงษ์สัจจานันท์1

Nitmee, P.1*, Kulkarineetham, N.2, Sreesaeng, J.1, Pinsuntiae, T.1, Jindajia, R.1, Pratabkong, P.1,
Kaewsri, P.1 and Wongsasjanan, S.1

Abstract

The study comprised of two sub-experiments. Firstly, a completely randomized design (CRD)
plan for six experiment sets to test the amount of Gibberellin at concentrations of 0, 250, 500,
1,000, and 2,000 ppm. The results showed that the use of Gibberellin at 1,000 ppm. resulted in the
highest seed quality, both germination index and percentage. The result was applied to the second
sub-experiment with CDR, 2x6 factorials at four replications. The experiment consisted of factor A,
Gibberellin at concentrations of 0 and 1,000 ppm. factor B was the type of light, including opaque,
red light, blue light, white light, white and red and blue light (1:1:1), and natural light. The result
indicated that using red light with Gibberellin at 1,000 ppm gave the germination percentage and
index
Keywords: Seed Priming, Gymnocalycium sp., Color light, Gibberellin

บทคัดย่อ
ศึกษาผลการกระตุ้นการงอกเมล็ดแคสตัส (Gymnocalycium sp. ) ด้วยแสงสีชนิดต่าง ๆ และฮอร์โมน
Gibberellin การทดลองประกอบด้วย 2 งานทดลองย่อย 1. วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (CRD) 6 ชุดการ
ทดลอง โดยทดสอบปริมาณฮอร์โมน Gibberellin ที่ระดับความเข้มข้น 0, 250, 500, 1,000 และ 2,000 ppm. พบว่า
การใช้ปริมาณฮอร์โมน Gibberellin ที่ 1,000 ppm. ส่งผลให้เมล็ดมีคุณภาพเมล็ดพันธุ์สูงที่สุด จึงนาผลนี้ไปใช้ในงาน
ทดลองย่อยที่ 2 โดยวางแผนการทดลองแบบ CRD การทดลองแบบ 2 x 6 factorials จานวน 4 ซ้า ประกอบด้วย
ปัจจัย A คือ การแช่ฮอร์โมน Gibberellin ความเข้มข้น คือ 0 ppm. และ 1,000 ppm. ปัจจัย B คือ ชนิดแสง คือ ไม่
ไห้แสง(ทึบแสง), แสงสีแดง, แสงสีน้าเงิน, แสงสีขาว, แสงสีขาว+แสงสีแดง+น้าเงิน (1:1:1) และแสงธรรมชาติ พบว่า
การให้แสงที่แดงร่วมกับการแช่ฮอร์โมน Gibberellin ที่ 1,000 ppm. ส่งผลให้ เปอร์เซ็นต์การงอกและดัชนีการการดี
ที่สุด
คาสาคัญ: การกระตุ้นการงอก เมล็ดแคสตัส แสงสี จิบเบอเรลลิน

1 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย 35 ม. 3 ต. คลองห้า อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี 12120
1 Thailand Institute of Scientific and Technological Research, * Corresponding author [email protected]
2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม 85 ถนนมาลัยแมน ตาบลนครปฐม อาเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม 73000
2 Faculty of Science and Technology, Nakhon Pathom Rajabhat University

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจัยพืชเขตรอ้ นและกงึ่ ร้อน ครงั้ ท่ี 13 79
Poster Presentation PR-072

ศกึ ษาเปรยี บเทียบการเตบิ โตและผลผลติ ของพรกิ ข้หี นหู วั เรอื
Comparative Study on Growth and Yield of ‘Hua-ruea’ Chili (Capsicum annuum L)

สดุ ใจ ล้อเจรญิ 1 จีรภา ออสติน2 จนั ทนา โชคพาช่นื 1 และ รชั นี ศิรยิ าน1
Locharoen S.1, Austin J.2, Chokpachuen C.1, and Siriyan R.1

Abstract
‘Hua-ruea’ chili is favored growing in the lower part of the Northeast in Thailand. However, it is
difficult to harvest a short-height plant of ‘Hua-ruea’ chili. Moreover, the light green immature fruit does not
meet the market requirement. Therefore, Si Sa Ket Horticultural Research Center had improved ‘Hua-ruea’
chili to have tall plant and dark green immature fruit since 2013. The five verities were selected, including
‘SK13xCK’, ‘SK25xCL(1)’, ‘SK13xCL(1)’, ‘SK25xCL(2)’, and ‘SK13xCL(1). The selected verities were grown
compare with the ‘Hua-ruea SK13’ to study growth and yield at Si Sa Ket Horticulture Research Center, Si Sa
Ket during 2018-2019. The experiment was designed in RCBD with 6 treatments, 4 replications. The results
revealed that the plant height of selected varieties was higher than ‘Hua-ruea SK13’ and immature fruit was
dark green. Also, a yield per rai of ‘SK13 x CK’ was similar to ‘Hua-ruea SK13’.
Keywords: Chili, SK13, Breeding, Improvement

บทคัดยอ่
พริกหัวเรือนิยมปลูกในพ้ืนท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย แต่มีข้อด้อยคือต้นเตี้ยยากต่อการเก็บ
เกยี่ วและผลออ่ นมสี เี ขยี วออ่ นซึ่งไม่ตรงกบั ความตอ้ งการของตลาดในปัจจุบนั ศนู ยว์ จิ ัยพชื สวนศรีสะเกษจงึ ทาการปรับปรุงพนั ธุพ์ ริก
หวั เรือให้มีต้นสงู และผลออ่ นมีสเี ขียวเข้มตั้งแตป่ ี 2556 จนกระท่ังได้สายพันธ์ุพริกหัวเรือ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ ศก.13xชก ศก.25xจล
(1) ศก.13xจล(1) ศก.25xจล(2) และศก.13xจล(2) นามาปลกู เปรียบเทียบกับพันธ์ุหัวเรือ ศก.13 เพื่อศึกษาการเติบโตและผลผลิต
ในศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ในปี 2561 ถึงปี 2562 วางแผนการทดลองแบบ RCBD จานวน 6 กรรมวิธี 4 ซ้า
พบว่าทุกสายพนั ธุท์ ่ีผา่ นการคัดเลือกมีความสูงต้นมากกว่าพันธ์ุหัวเรือ ศก.13 และมีสีผลอ่อนเป็นสีเขียวเข้ม นอกจากนี้พบว่าพริก
สายพันธ์ุ ศก.13xชก มีผลผลิตต่อไร่ใกลเ้ คียงกบั พริกหวั เรือ ศก.13
คาสาคญั : พรกิ ศก.13 ปรบั ปรุงพนั ธ์ุ การปรับปรุง

1 ศนู ย์วิจยั พืชสวนศรสี ะเกษ ต.หนองไผ่ อ.เมอื ง จ.ศรสี ะเกษ 33000
1Si Sa Ket Horticultural Research Center, Nong Phai, Mueang Si Sa Ket, Si Sa Ket 33000.
2ศูนย์วจิ ัยและพฒั นาการเกษตรพังงา ต.บางม่วง อ.ตะก่ัวปา่ จ.พังงา 82190
2Phangnga Agricultural Research and Development Center, Bang Muang, Ta Kua P, Phangnga

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ัยพชื เขตรอ้ นและกง่ึ รอ้ น ครั้งที่ 13 80
Poster Presentation PR-073

เปรยี บเทยี บการเติบโตและผลผลติ ของพรกิ ชอ่ ในศูนย์วจิ ัยพืชสวนศรสี ะเกษและไรเ่ กษตรกร
Growth and Yield Trials of ‘Chor’ Chili at Si Sa Ket Horticultural Research Center and Famer Field

สุดใจ ล้อเจรญิ 1 จีรภา ออสติน2 จันทนา โชคพาชื่น1 และ รชั นี ศิรยิ าน1
Locharoen S.1, Austin J.2, Chokpachuen C.1, and Siriyan R.1

Abstract
‘Chor’ chili is a member of the large-fruit bird chili pepper group which its planting area is in Ubon-
Ratchathani, Chaiyaphum, and Loei. However, plant height, fruit shape and low yield are varied in farmer
fields. Si-Sa-Ket Horticultural Research Center had collected ‘Chor’ chili seed and selected varieties by
pedigree selection method since 2013. The selection criteria are high plant height and yield, varieties
uniformity, and fruit characteristic meeting the market requirement. In 2019, the five verities were selected,
including ‘8-04-1’, ’27-01-2(1)’, ‘44-01-3(1)’, ‘46-01-1’, and ‘57-03-1’. They were grown compare with the
famer’s varieties to study growth and yield at Si-Sa-Ket Horticulture Research Center, Si-Sa-Ket. The
experiment was design as RCBD with 6 treatments, 4 replications. Results showed that the highest plant height
was found in ’46-01-4’. The yield per rai of ‘57-03-1’ and ‘27-01-2(3)’ were significantly higher than the
farmer’s varieties.

Keywords: Cluster chili, Bird chili, Improvement, Breeding

บทคัดยอ่
พรกิ ชอ่ อย่ใู นกลมุ่ พรกิ ช้หี นูผลใหญ่ มีพ้นื ทป่ี ลกู อยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ชัยภูมิ และเลย แต่พบว่าพันธ์ุที่เกษตรกรปลูกมี
ความแปรปรวนในดา้ นความสงู ตน้ และลักษณะผล อกี ท้ังใหผ้ ลผลติ ตา่ ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษจึงรวบรวมและคัดเลือกสายพันธุ์
แบบบันทึกประวัติตั้งแต่ปี 2556 เพ่ือให้มีความสูงต้นเพิ่มข้ึน ผลผลิตสูง มีความสม่าเสมอของพันธ์ุ และลักษณะผลตรงตามความ
ต้องการของตลาด และในปี 2562 สามารถคัดเลือกสายพันธ์ุได้ทั้งส้ิน 5 สายพันธุ์ได้แก่ 8-04-1, 27-01-2(1), 44-01-3(1), 46-01-1,
และ 57-03-1 น่ามาปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์เกษตรกร เพ่ือศึกษาการเติบโตและผลผลิตในศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษและไร่
เกษตรกร จงั หวัดศรสี ะเกษ วางแผนการทดลองแบบ RCBD 6 กรรมวธิ ี 4 ซา่้ ผลการทดลองท้งั สองสถานที่พบวา่ สายพนั ธุ์ 46-01-4
ซ่งึ มีรูปร่างผลคลา้ ยพรกิ ยอดสน มีความสูงต้นมากที่สุด สายพันธ์ุ 57-03-1 มีรูปร่างผลคล้ายพริกจินดา และ 27-01-2(3) มีรูปร่าง
ผลคลา้ ยพรกิ ยอดสน ให้ผลผลิตต่อไร่สงู กวา่ พนั ธุเ์ กษตรกรอย่างมนี ัยสา่ คญั ทางสถติ ิ

คาสาคัญ: พรกิ ชอ่ พริกข้ีหนู การปรบั ปรุง ผสมพนั ธ์ุ

1 1ศูนย์วิจยั พืชสวนศรสี ะเกษ ต.หนองไผ่ อ.เมอื ง จ.ศรีสะเกษ 33000
1Si Sa Ket Horticultural Research Center, Nong Phai, Mueang Si Sa Ket, Si Sa Ket 33000.
2ศนู ย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพังงา ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 82190
2Phangnga Agricultural Research and Development Center, Bang Muang, Ta Kua P, Phangnga

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวิจัยพชื เขตรอ้ นและกึง่ รอ้ น ครง้ั ที่ 13 81
Poster Presentation PR-074

ผลของสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชท่มี ผี ลต่อคุณภาพผลน้อยหน่าลูกผสมพนั ธ์ุ‘ฝ้ายเขียวเกษตร2’
Effect of Plant Growth Regulators on Fruit Quality of ‘Fai Khiew Kaset2’ Atemoya

(Annona x atemoya Mabb.)

โยทะกา รมยาสยั 1 เจนจิรา ชมุ ภูคา2 และ อารยา อาจเจรญิ เทยี นหอม2*
Romyasai, Y.1 Chumpookam, J.2 and Theanhom, A.A.2*

Abstract

Fruit qualities, amount of pulp increase and fewer seed, are factors affecting the purchase decision of
the consumers. Therefore, the effect of plant growth regulators (PGRs) on fruit quality of ‘Fai Khiew Kaset 2’
atemoya (Annona x atemoya Mabb.) were studied. The treatments: NAA (100, 200 ppm), 2,4-D (5, 10 ppm),
4-CPA (7.5, 15 ppm), GA3 (150, 300 ppm) and CPPU (25, 50 ppm) were applied to flowers of atemoya 1 time,
volume 0.80 ml at full bloom stage. The experiment was designed in CRD at Pakchong Research Station,
Nakhon Ratchasima province. The results showed that the control and the application of GA3 with 300 ppm
showed significantly higher fruit width, fruit length, fruit weight, fruit volume, pulp thickness, pulp weight and
TSS than the other treatments. Moreover, the application of all PGRs with any concentrations significantly
decreased seed numbers and seed weight in comparison with the control.
Keywords: Plant growth regulators, Atemoya, Fruit quality

บทคดั ยอ่
ปริมาณเน้ือผลท่ีเพ่ิมขึ้น และจานวนเมล็ดท่ีน้อยลง เป็นคุณภาพผลท่ีผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อน้อยหน่าเพ่ิมข้ึน ดังน้ัน
จึงทาการศึกษาผลของสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช (PGRs) ที่มีผลต่อคุณภาพผลน้อยหน่าลูกผสมพันธุ์‘ฝ้ายเขียวเกษตร2’
โดยการพ่น NAA (100, 200 ppm) 2,4-D (5, 10 ppm) 4-CPA (7.5, 15 ppm) GA3 (150, 300 ppm) และ CPPU (25, 50
ppm) ท่ดี อกนอ้ ยหนา่ จานวน 1 คร้ัง ปริมาณ 0.80 มลิ ลลิ ติ ร ในระยะดอกบานเต็มที่ วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ ทาการ
ทดลองทสี่ ถานวี จิ ัยปากชอ่ ง จ.นครราชสีมา พบวา่ น้อยหน่าท่ีไม่พ่น PGRs (ชุดควบคุม) และน้อยหน่าท่ีพ่นด้วย GA3 ความเข้มข้น
300 ppm มี ความกวา้ งผล ความยาวผล น้าหนกั ผล ปริมาตรผล ความหนาของเนื้อผล น้าหนักของเน้ือผล และมีปริมาณของแข็ง
ท่ลี ะลายน้าได้ (TSS) สูงกวา่ ส่ิงทดลองอื่น และแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญ นอกจากน้ันการพ่น PGRs ทุกสิ่งทดลอง ส่งผลให้จานวน
และน้าหนกั ของเมล็ดลดลง อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติเม่ือเทียบกับกับชดุ ควบคุม
คาสาคญั : สารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตพืช นอ้ ยหน่าลูกผสม คุณภาพผล

1 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ เขตจตจุ ักร กรงุ เทพฯ 10900
1 Graduate School Kasetsart University, Chatuchak, Bangkok 10900
2 ภาควิชาพชื สวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจกั ร กรุเทพฯ 10900
2 Department of Horticulture, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, Chatuchak, Bangkok 10900,* Corresponding author

การประชุมวิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึง่ รอ้ น ครง้ั ท่ี 13 82
Poster Presentation PR-075

ชนิดและอัตราสว่ นของถ่านชวี ภาพจากวสั ดเุ หลือท้งิ ทางการเกษตร ต่อการเจรญิ เตบิ โต และผลผลติ
ของผักกาดขาวปลี ทป่ี ลกู ในพน้ื ท่ีตำบลหนองแมน่ า อำเภอเขาคอ้ จังหวดั เพชรบรู ณ์

Types and Proportion of Biochar from Agricultural Waste Affecting Growth and Yield of Chinese
Cabbage in Nong-Mae-Na Sub-district, Khao-Kho District, Phetchabun Province.

อิสระ ต้ังสุวรรณ์1 และ เกศศริ นิ ทร์ แสงมณี2
Tangsuwan, I1 and Sangmanee, K 2

Abstract
This research aimed to use farmland waste to produce biochar for nurturing the crop in the organic
agriculture system, along with soil fertilization. Split Plot Design in Randomized Complete Block was designed
which main plots were two types of biochar including 1) passionfruit peel and 2) tamarind peel, and sub-plots
were fertilized by various amounts of biochar at 1) 0 kg/rai, 2) 500 kg/rai, 3) 1,000 kg/rai, and 4) 2,000 kg/rai.
Passionfruit peel biochar had greater physical and chemical properties, than tamarind peel. The usage of
biochar at 500 kg/rai resulted in the highest yields; number of leaves, wet weight before removing outer
leaves, wet weight after removing outer leaves, diameter, length, and productivity at 1,451.30 g, 1,107.50 g,
11.87 cm, 33.75 cm, and 9,240.00 kg/rai, respectively. According to the study, the use of passionfruit peel
biochar is an alternative for cultivating organic agriculture vegetables.
Keywords: Passionfruit peel biochar, Tamarind peel biochar, Chinese cabbage, Organic agriculture

บทคดั ย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือนำวัสดุเหลือท้ิงทางการเกษตรในพื้นที่ มาผลิตเป็นถ่านชีวภาพเพื่อปรับปรุงดินในการปลูก
ผักกาดขาวปลีในระบบเกษตรอินทรีย์ วางแผนการทดลอง แบบ Split plot design in Randomized Complete Block จำนวน
4 ซ้ำ ปัจจัยหลัก (main plot) คือ ชนิดของถ่านชีวภาพ คือ 1) ถ่านชีวภาพจากเปลือกเสาวรส 2) ถ่านชีวภาพจากเปลือกมะขาม
ปจั จัยรอง (sub plot) คือ 1) 0 กิโลกรมั ต่อไร่ 2) 500 กิโลกรัมตอ่ ไร่ 3) 1000 กิโลกรัมต่อไร่ 4) 2000 กิโลกรัมต่อไร่ พบว่า การนำ
เปลือกเสาวรสมาทำเป็นถ่านชีวภาพมีคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีที่ดีกว่าการใช้ถ่านชีวภาพจากเปลือกมะขาม การใช้ถ่าน
ชวี ภาพจากเปลือกเสาวรส 500 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ทำให้ผกั กาดขาวปลีมีจำนวนใบ น้ำหนกั สดก่อนตัดแต่งหัว น้ำหนกั สดหลังตัดแตง่ หัว
เส้นผ่านศูนย์กลางหัว ความยาวหัว และผลผลิตต่อไร่ มากที่สุดคือ 1,451.30 กรัม 1,107.50 กรัม 11.87 เซนติเมตร 33.75
เซนติเมตร และ 9,240.00 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ จากการศึกษาพบว่าการใช้ถ่านชีวภาพจากเปลือกเสาวรสเป็นแนวทางหนึ่งที่
สามารถนำมาใชใ้ นการผลิตพืชในระบบเกษตรอนิ ทรยี ์
คำสำคัญ: ถ่านชีวภาพจากเปลือกเสาวรส ถ่านชีวภาพจากเปลอื กทุเรียน ผักกาดขาวปลี เกษตรอนิ ทรีย์

1 สาขาวิชาวิทยาศาสตรส์ ่ิงแวดล้อม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบรู ณ์ อำเภอเมอื ง จังหวัดเพชรบรู ณ์ 67000
1 Environmental of Science, Faculty of Science and Technology, Phetchabun Rajabhat University, Phetchabun 67000
2สาขาวชิ าเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนคร แขวงอนุสาวรยี ์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220
2 Department of Agriculture, Faculty of Science and Technology, Phranakorn Rajabhat University, Bangkok 10220

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น ครั้งที่ 13 83
Poster Presentation PR-076

การใช้ GA3 และ CPPU เพ่มิ ขนาดผลองนุ่ รบั ประทานสด ‘White Malaga’
Spraying of GA3 and CPPU Enlarges Berry Size in ‘White Malaga’ Table Grape

สุวรรณา วันคา1 เกรยี งศกั ดิ์ ไทยพงษ2์ และ ภาสนั ต์ ศารทลู ทตั 2
Wankam, S.1, Thaipong, K.2 and Saradhuldhat, P.2

Abstract
‘White Malaga’ grape, a popular table grape, often encounters with small fruit size while the markets
demand for the large fruit. This research determined how GA3 and CPPU increase the fruit size. The
experiment in CRD was conducted by spraying the inflorescences at 2 weeks after blooming with GA3 at 25,
50, 100 mg/L or CPPU at 2.5, 5.0, 7.5 mg/L, or 5.0 mg/L CPPU combined with GA3 at 25, 50, 100 mg/L. At
harvest, the fruit sprayed with 5.0 mg/L CPPU + GA3 50 mg/L was significantly larger size with 2.06 cm in fruit
width, 3.78 cm in fruit length, 8.53 g in fruit weight and 427 g in bunch weight. This treated fruit was 22.03%
soluble solids (TSS) and 0.91% acidic content (TA). The results suggested that spraying of CPPU 5.0 mg/L +
GA3 50 mg/L at two weeks after flowering can increase the fruit size in ‘White Malaga’ grape.
Keywords: gibberellic acid, forchlorfenuron, fruit development

บทคัดยอ่
องุ่นพันธุ์ไวท์มาละกาซึ่งเป็นพันธ์ุที่นิยมรับประทานผลสดมักพบปัญหาผลมีขนาดเล็กและเบียดแน่น ในขณะที่ผลขนาด
ใหญ่เป็นท่ีต้องการของตลาดและมีราคาสูง งานวิจัยนี้ทาข้ึนเพื่อหาวิธีการเพิ่มขนาดผลองุ่นด้วยการใช้ GA3 และ CPPU โดยวาง
แผนการทดลองแบบ CRD เลือกช่อดอกองุ่นอายุสองสัปดาห์หลังดอกบาน ฉีดพ่นด้วย GA3 เข้มข้น 25, 50, 100 mg/L หรือ
CPPU เข้มข้น 2.5, 5.0, 7.5 mg/L หรือ CPPU เข้มข้น 5.0 mg/L ร่วมกับ GA3 เข้มข้น 25, 50, 100 mg/L บันทึกขนาดและ
คุณภาพผลหลงั เก็บเก่ียว พบว่าการให้ CPPU 5.0 mg/L รว่ มกับ GA3 50 mg/L ทาให้ผลองุ่นมีขนาดใหญ่ขึ้นแตกต่างอย่างชัดเจน
มีขนาดความกว้างผล 2.06 เซนติเมตร ความยาวผล 3.78 เซนติเมตร น้าหนักผล 8.53 กรัม น้าหนักช่อ 427 กรัม มีของแข็งที่
ละลายน้าได้ (TSS) 22.03% และปริมาณกรด (TA) 0.91% จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการฉีดพ่น CPPU 5.0 mg/L ร่วมกับ
GA3 50 mg/L หลังดอกบานสองสปั ดาห์ สามารถช่วยเพ่ิมขนาดของผลองนุ่ พนั ธุไ์ วท์มาละกาได้อย่างชดั เจน
คาสาคญั : จิบเบอเรลลิค ฟอร์คลอเฟนรู อน การพัฒนาผล

1 ไร่มอนซนู วลั เล่ย์ วินยาร์ด หนองพลบั ประจวบคีรีขันธ์ 77110
1
Monsoon Valley Vineyard, Prachuap Khiri Khan 77110
2
2 ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กาแพงแสน นครปฐม 73140

Department of Horticulture, Faculty of Agriculture at Kamphaeng Saen, Kasetsart University, Nakon Pathom 73140

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและกึ่งรอ้ น ครั้งที่ 13 84
Poster Presentation PR-077

การใช้ NAA และ CPPU เพม่ิ ขนาดผลแก้วมงั กรเหลอื งอิสราเอลนอกฤดู
Appling of NAA and CPPU enlarges off-seasonal fruit in ‘Israel yellow' dragon fruit

พรรณวดี แก้วมณ1ี ธีร์ หะวานนท์1 และ ภาสันต์ ศารทลู ทัต1
Kaewmanee, P.1, Havananda, T.1 and Saradhuldhat, P.1

Abstract
This experiment aimed to determine effects of NAA and CPPU on increasing off-season dragon fruit
size. The experiment with CRD was conducted at Klong 10 dragon fruit farm in Pathum Thani Province. The
off-seasonal young fruit, induced by light addition in November, at age of 3-5 days after flowering were
sprayed with NAA 100, 200 mg/L or CPPU 10, 20 mg/L. After harvest, the fruit sprayed with NAA 200 mg/L was
significantly larger in fruit weight, fruit width, fruit length, peel weight and peel thickness than those in other
treatments. The CPPU-fruit were increased only peel thickness, not fruit size. The fruit peel color of all
treatments was not significantly different. This concluded that spraying NAA 200 mg/L at the fruit aged 3-5
days after flowering can increase the fruit size of ‘Israel Yellow’ dragon fruit.
Keywords: Naphthalene acetic acid, Forchlorfenuron, Fruit development

บทคดั ยอ่
แก้วมังกรพันธ์ุเหลืองอิสราเอลที่มีขนาดผลใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก การให้สารควบคุมการเติบโตพืชที่
เหมาะสมอาจสามารถเพมิ่ ขนาดผลได้ การทดลอง่นมี้ ีวัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ ใหท้ ราบผลของ NAA และ CPPU ต่อการเพิ่มขนาดผลแก้ว
มังกรเหลืองอิสราเอลนอกฤดู ทาการทดลองท่ีสวนเกษตรแก้วมังกร คลอง10 จ.ปทุมธานี วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์
(CRD) โดยชักนาดอกด้วยแสงสว่างในเดือนพฤศจิกายน หลังดอกบาน 3-5 วัน ฉีดพ่นผลอ่อนด้วย NAA 100, 200 mg/L หรือ
CPPU 10, 20 mg/L ติดตามการพัฒนาผลจนเก็บเกี่ยว พบว่าผลแก้วมังกรท่ีได้รับ NAA 200 mg/L มีน้าหนักผล ความกว้างผล
ความยาวผล น้าหนักเปลือก และความหนาเปลือกมากกว่าผลในทรีทเมนต์อื่นอย่างมีนัยสาคัญ ผลที่ได้รับ CPPU มีความหนา
เปลือกเพ่ิมขึ้นมากกว่าผลที่ไม่ได้รับสารแต่มีขนาดผลใกล้เคียงกัน ผลจากทุกทรีทเมนต์มีสีเปลือกไม่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่า
การพ่น NAA 200 mg/L ทีผ่ ลอายุ 3-5 วันหลงั ดอกบาน สามารถชว่ ยเพม่ิ ขาดผลแก้วมงั กรเหลืองอสิ ราเอลไดอ้ ยา่ งดี
คาสาคัญ: เนพทาลีนอะซติ ิก ฟอรค์ ลอเฟนรู อน การพัฒนาผล

1 ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กาแพงแสน นครปฐม 73140
1
Department of Horticulture, Faculty of Agriculture at Kamphaeng Saen, Kasetsart University, Nakon Pathom 73140

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พืชเขตร้อนและก่งึ รอ้ น คร้ังท่ี 13 85
Poster Presentation PR-078

ผลของสารควบคมุ การเจริญเติบโตในการเพาะเลย้ี งเนอื้ เยือ่ แก้วสารพัดนกึ (Alocasia sanderiana W. Bull.)
Effects of Plant Growth Regulator on Tissue Culture of Alocasia sanderiana W. Bull.

วลั ยา มงคลสวัสด1์ิ ทัศนยั ปญั จนั ทรส์ งิ ห์1 มานิต นรบัต2ิ พลอยทพิ ย์ เวยี งสมทุ ร2 และสุกญั ญา ทองเพญ็ 2
Mongkolsawat, W.1, Punjansing, T1. Norabat, M. 2, Vaingsamoot, P.2 and Thongphen, S.2

Abstract
The effect of plant-growth-regulators (PGR) on growth of Alocasia sanderiana W. Bull. microshoots
cultured on Murashige and Skoog (MS) (1962) and supplemented with various concentrations (0, 1, 2, 4 and 8
mg/l) of cytokinin (BA and Kinetin), and with a combination of BA or Kinetin (1, 2 mg/l) with NAA (0.5, 1 mg/l)
for 6 weeks. Multiple shoots were cultured on MS medium supplemented with 2 mg/l BAP with 1 mg/l NAA
which it could produce the highest number of shoots per explant of 8.20. MS medium without PGR had the
highest shoot length at 4.80 cm and root length at 5.78 cm, whereas MS medium supplemented with 1 and 2
mg/l kinetin had the highest root number at 8.20 and 8.40 roots per shoot, respectively. The highest lengths
of leaves, 3.80 leaves per explant, were obtained on the MS medium supplemented with 1 mg/l BAP with 0.5
mg/l NAA.
Keywords: Plant tissue culture, Plant growth regulators, Propagation, Alocasia sanderiana W. Bull

บทคัดยอ่
ศึกษาผลของสารควบคุมการเจริญเติบโตต่อการเจริญของแก้วสารพัดนึก (Alocasia sanderiana W. Bull) โดย
เพาะเลี้ยงต้นออ่ นบนอาหารสตู ร Murashige and Skoog (MS) (1962) ท่เี ติมฮอร์โมนกลมุ่ ไซโทไคนิน (BA และ Kinetin) 0, 1, 2,
4 และ 8 มก/ล และฮอรโ์ มนไซโทไคนิน (BA หรอื Kinetin) 1 และ 2 มก/ล รว่ มกบั ฮอร์โมนออกซิน (NAA) 0.5 และ 1 มก/ล เป็น
เวลา 6 สัปดาห์ พบว่า สูตรอาหาร MS ที่เติม BAP 2 มก/ล ร่วมกับ NAA 1 มก/ล สามารถชักนาให้เพ่ิมจานวนยอดเฉล่ียสูงสุด
8.20 ยอดต่อต้น สูตรอาหารสังเคราะห์ MS ท่ีไม่เติมสารควบคุมการเจริญเติบโต สามารถชักนาให้ความสูงเฉล่ียสูงสุด 4.80 ซม.
และสามารถชักนาความยาวรากเฉล่ียสูงสุด 5.78 ซม. ในขณะที่สูตรอาหาร MS ท่ีเติม Kinetin 1 และ 2 มก/ล สามารถชักนาให้
เพิ่มจานวนรากเฉลี่ยสูงสุด 8.20 และ 8.40 รากต่อต้น ตามลาดับ และสูตรอาหารสังเคราะห์ MS ที่เติม BAP 1 มก/ล ร่วมกับ
NAA 0.5 มก./ล สามารถชกั นาให้จานวนใบเฉลี่ยสูงสดุ 3.80 ใบต่อต้น
คาสาคญั : การเพาะเลี้ยงเนื้อเยือ่ พชื อาหารเพาะเลีย้ งเน้ือเยื่อ การขยายพนั ธ์ุ แกว้ สารพดั นกึ

1 สาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั อดุ รธานี ศนู ยก์ ารศึกษาสามพร้าว 234/3 หมู่ 12 ต.สามพรา้ ว อ.เมือง จ.อดุ รธานี 41000
1
Department of Biology, Faculty of Science, Udon Thani Rajabhat University SamPhrao Campus, 234/3 Moo 12 Tombon SamPhrao Muang,

2 Udon Thani 41000
2
คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี 64 ถนนทหาร ตาบลหมากแข้ง อาเภอเมอื ง จังหวดั อดุ รธานี 41000

Faculty of Education, Udon Thani Rajabhat University, 64 Tahan Road, Muang, Udon Thani 41000

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตร้อนและกงึ่ รอ้ น ครั้งท่ี 13 86
Poster Presentation PR-079

การคดั เลือกพันธ์ุมะเขอื เทศตา้ นทานโรคเห่ยี วเขยี ว
Screening for Bacterial wilt Resistance in Tomato

รชั นี ศิริยาน1 เสาวนี เขตสกุล1 จรี ภา ออสติน2 วีรยทุ ธ ดดั ตนรมั ย์1รุง่ นภา ทองเครง็ 3 ณฎั ฐมิ า โฆษิตเจรญิ กุล3
Siriyan, R.1, Ketsakul, S.1 ,Austin, J.2 , Dadtonrum, W1, Thongkreng, R.3 , and Kositcharoenkul, N.3

Abstract

Bacterial wilt is a serious cause disease in tomato. This study aimed to assess bacterial wilt resistance
in good characteristic tomato with highly beta-carotene and lycopene. The inoculation method was used for
resistant screening in 59 tomato lines. The response of tomato was checked at 4 weeks after inoculation. The
result showed that all tomato lines were susceptible, ranged from 73-100 disease percentage. The resistant
tomato were grown and self-pollinated. The seeds were sowed and repeated for bacterial wilt inoculation
until the fifth generation (S5). The result found that tomato had increased resistance to bacterial wilt in each
generation. The second to third generations (S2-S3) showed 25-100 disease percentage. The third to fourth
generations (S3-S4) had 0-100 disease percentage and the fifth generation (S5) had 0-31 disease percentage.
The five disease resistant lines were selected. These lines will be used for bacterial wilt resistance breeding
program.
Keywords: Bacterial wilt, Inoculation, Disease percentage, Resistant cultivars

บทคัดยอ่
โรคเหยี่ วเขยี วจากเช้อื แบคทีเรยี เปน็ โรคท่สี าคญั ตอ่ การปลกู มะเขือเทศ การทดลองน้มี ีวตั ถุประสงค์เพื่อคัดเลอื กมะเขอื
เทศทมี่ ีลกั ษณะดีทางการเกษตร มีสารเบต้าแคโรทีนและไลโคปนี สงู ใหม้ ีลักษณะตา้ นทานโรคเห่ยี วเขยี ว โดยการปลกู เชอ้ื โรคเหย่ี ว
เขียวใหแ้ ก่มะเขอื เทศสายพนั ธ์คุ ดั เลอื กจานวน 59 สายพนั ธุ์ ตรวจสอบการตอบสนองต่อเช้ือโรคหลงั ปลกู เชือ้ เปน็ เวลา 4 สปั ดาห์
ผลการทดลองพบว่า มะเขอื เทศมีการตอบสนองต่อเช้ือโรคเหยี่ วเขยี ว โดยทุกสายพันธุอ์ ่อนแอตอ่ เช้ือโรคเหย่ี วเขยี วแสดงอาการ
เห่ยี ว 73-100 เปอรเ์ ซ็นต์ คัดเลอื กต้นท่ีไม่แสดงอาการคลุมดอกและเก็บเมลด็ ผสมตวั เอง นามาทดสอบความต้านทานต่อโรคเหย่ี ว
เขยี ว ทาซ้าจนกระทั่งถึงรุ่นที่ 5 (S5) พบว่ามะเขือเทศมคี วามตา้ นทานโรคเหย่ี วเขียวเพม่ิ ขึน้ ในแตล่ ะรนุ่ โดยรุน่ S2-S3 มเี ปอรเ์ ซน็ ต์
เกดิ โรค 25-100 ร่นุ S3-S4 มเี ปอร์เซน็ ตเ์ กดิ โรค 0-100 และรนุ่ S5 มเี ปอรเ์ ซน็ ตเ์ กดิ โรค 0-31 สามารถคดั เลอื กไดม้ ะเขือเทศ
ตา้ นทานโรคเหี่ยวเขยี ว 5 สายพนั ธุ์ มะเขอื เทศตา้ นทานเหลา่ นจ้ี ะใชใ้ นการพัฒนาพันธ์มุ ะเขอื เทศตา้ นทานโรคเหย่ี วเขยี วตอ่ ไป
คาสาคัญ: โรคเห่ยี วเขียว การปลกู เชอ้ื โรคเห่ยี วเขียว เปอรเ์ ซน็ ตก์ ารเกดิ โรค พนั ธ์ุต้านทานโรค

1 ศูนย์วิจยั พืขสวนศรีสะเกษ ตาบลหนองไผ่ อาเภอเมือง จังหวดั ศรีสะเกษ 33000
1
Si Sa Ket Horticultural Research Center, Nong Phai, Mueang, Si Sa Ket 33000
2 ศนู ย์วิจยั และพัฒนาการเกษตรพังงา เลขที่ 52 หม่ทู ่ี 1 ต.บางมว่ ง อ.ตะกั่วป่า จ.พงั งา 82110
2 Phangnga Research and Development Center, 52 Moo 1, Bang Muang, Ta Kua Pa, Phangnga 82110
3 สานักวิจยั และพัฒนาการอารักขาพชื กรมวิชาการเกษตร จตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900
3 Plant Protection Research and Development Office, Department of Agriculture, Chatuchak, Bangkok 10900

การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวจิ ยั พชื เขตรอ้ นและก่งึ รอ้ น ครง้ั ที่ 13 87
Poster Presentation PR-080

การคัดแยกจุลินทรีย์ย่อยสลายฟอสเฟตจากดนิ แปลงนาขา้ วอนิ ทรีย์ในจังหวัดสุรนิ ทร์
Isolation of Phosphate Solubilizing Microorganisms from
Organic Paddy Fields Soil in Surin Province

อรลัดา เจือจันทร1์ นิอร งามฮยุ 2 และ อุไรลกั ษณ์ พงษ์เกษ3
Juajun, O.1, Ngamhui, N.2 and Pongket, U.3

Abstract
Phosphate solubilizing bacteria were isolated from 16 organic rice field soil samples of Surin province.
Soil sample properties such as pH were in the range of 4.19 - 6.62, total phosphate 379.62±22.87 to
44.21±6.80 mg/kg and available phosphorus 31.52±0.18 to 1.64±0.41 mg/kg. The Pikovskaya's solid medium
was used to screen the effective phosphate solubilizing bacteria capable of solubilizing inorganic calcium
phosphate complex form to a soluble form. Two isolates out of forty-five phosphate solubilizing bacteria
were the highest solubility of phosphate. The isolated bacteria can be identified as Burkholderia vietnamiensis
(PB1601) and Burkholderia anthina/territorii (PB1603), which has the phosphate solubilizing efficiency (PSE) on
solid media with an average of 5.58±0.84 and 5.48±0.23, respectively. Both bacterial strains can dissolved
phosphates in Pikovskaya's liquid medium containing tricalcium phosphate 5 mg/ml. In addition,
B. vietnamiensis and B. anthina/territorii bacteria can be increased soluble phosphate content of 11.02±2.21
and 7.10±0.17 mg/ml, respectively.
Keywords: Phosphate solubilizing bacteria, Organic rice field, Isolate, Pikovskaya’s solid media

บทคัดย่อ
การคัดแยกแบคทีเรียละลายฟอสเฟตของดินตัวอย่างจากแปลงนาข้าวอินทรีย์ในจังหวัดสุรินทร์จานวน 16 แปลงนา
โดยตวั อยา่ งดนิ มคี า่ พเี อชระหว่าง 4.19 – 6.62 ปริมาณฟอสเฟตท้ังหมด 379.62±22.87 ถึง 44.21±6.80 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และ
ปริมาณฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ต่อพืช 31.52±0.18 ถึง 1.64±0.41 มิลลิกรัม/กิโลกรัม สามารถคัดแยกแบคทีเรียท่ีมี
ประสทิ ธิภาพในการละลายฟอสเฟตโดยใช้อาหารแข็ง Pikovskaya’s ซึ่งละลายสารประกอบอนินทรีย์แคลเซียมฟอสเฟตให้อยู่ใน
รูปของเหลวได้จานวน 45 ไอโซเลท แบคทีเรียท่ีคัดแยกได้จานวน 2 ไอโซเลท มีประสิทธิภาพในการละลายฟอสเฟตได้มากท่ีสุด
จาแนกได้สายพันธุ์ Burkholderia vietnamiensis (PB1601) และ Burkholderia anthina/territorii (PB1603) ให้
ประสิทธภิ าพในการละลายฟอสเฟตบนอาหารแข็ง (PSE) มีค่าเฉลย่ี 5.58±0.84 และ 5.48±0.23 ตามลาดับ โดยแบคทีเรียทั้งสอง
สายพันธุ์สามารถละลายฟอสเฟตในอาหารเหลว Pikovskaya’s ท่ีมี tricalcium phosphate 5 มิลลิกรมั ตอ่ มลิ ลิลิตร นอกจากนี้ยงั
พบว่า แบคทีเรีย B. vietnamiensis และ B. anthina/territorii ให้ฟอสเฟตละลายน้าเพ่ิมเป็น 11.02±2.21 และ 7.10±0.17
มลิ ลกิ รมั ต่อมิลลิลติ ร ตามลาดับ
คาสาคญั : แบคทเี รยี ละลายฟอสเฟต นาขา้ วอนิ ทรยี ์ ไอโซเลท อาหารแข็ง Pikovskaya’s

1 สาขาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตสรุ ินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
1 Department of Agro-Industry, Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Surin Campus. Mueang District,
Surin Province. 32000
2 สาขาพืชศาสตร์ สิ่งทอ และการออกแบบ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรนิ ทร์ อ.เมือง จ.สรุ ินทร์ 32000
2 Department of Plant Science Textile and Design Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Surin
Campus. Mueang District, Surin Province. 32000
3 สาขาวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรนิ ทร์ อ.เมอื ง จ.สุรนิ ทร์ 32000
3 Department of Science and Mathematics, Faculty of Agriculture and Technology, Rajamangala University of Technology Isan, Surin Campus.
Mueang District, Surin Province. 32000

การประชมุ วชิ าการและเสนอผลงานวจิ ัยพืชเขตร้อนและกงึ่ รอ้ น คร้งั ท่ี 13 88
Poster Presentation PR-081

ความหลากหลายทางชีวภาพและการใชป้ ระโยชน์ของพชื วงศ์บานไมร่ โู้ รยและวงศ์ทานตะวนั ในกลุ่มชาติพนั ธุ์มง้
บนพน้ื ทสี่ งู ภทู ับเบิก ตาบลวงั บาล อาเภอหล่มเก่า จงั หวดั เพชรบูรณ์

Biodiversity and Utilization of Amaranthaceae and Asteraceae in the Hmong Ethnic Group at Phu
Thap Berk, Wang Ban Sub-district, Lom Kao District, Phetchabun Province

ธีรภทั ร เหลอื งศุภบลู ย์1 วภิ าวี ชน้ั โรจน์1 อภิญญา วงศ์เปย้ี 1 และ ขนิษฐา วงศ์วัฒนารตั น์1
Luangsuphabool, T.1, Chanroj, V.1, Wongpia, A.1 and Wongwathanarat, K.1

Abstract
The ethnobotany study of Amaranthaceae and Asteraceae in the Hmong ethnic group at Phu-Thap-
Berk, Wang-Ban sub-district, Lom-Kao district, Phetchabun provinces, was investigated to estimate the
biodiversity and to solve the confusion between local name and scientific name for species identification and
utilization. Phylogenetic analyses were implemented by DNA barcoding loci based on ITS, rbcL, matK and
trnH-psbA, and morphological characters. DNA barcode of ITS and trnH-psbA regions correlated with the
morphological characters that were suitable for identification in these plant families, excepted genus Gynura.
The utilization plants were identified as 9 species in 6 genera, which comprised 3 species of Amaranthaceae
and 6 species of Asteraceae as follows; Kaw-Os-Yha-Tshuaj (Althenanthera cf. bettzickiana), A. brasiliana, Ka-
Liab (Iresine herbstii), and Ko-Taw-Os (Artimisia lactiflora), Tshuan-Ge (Chrysanthemum indicum), Jo-Yhu-Liab
(G. bicolor), Tshuaj-Rhog (G. divaricata subsp. formosana), Tshuad-Jor (Gynura cf. divaricata), Ntiv-Me
(Eupatorium fortunei), respectively. Asteraceae was highly used by the Hmong people at Phu-Thap-Berk in
terms of food and medicinal plants.
Keywords: Ethnobotany, Hill tribe, Identification, DNA barcodes

บทคัดย่อ
การศึกษาพฤกษศาสตร์พ้ืนบ้านของพืชวงศ์บานไม่รู้โรยและวงศ์ทานตะวันในกลุ่มชาติพันธ์ุม้งภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่ม
เก่า จ.เพชรบรู ณ์ เพือ่ ประเมนิ ความหลากหลายทางชวี ภาพและแก้ปญั หาความสบั สนระหว่างชื่อทอ้ งถ่ินและช่ือวิทยาศาสตร์เพื่อจัด
จาแนกชนิดสาหรับการนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้อยา่ งถูกต้อง ดว้ ยการสร้างแผนภูมิวิวัฒนาการเชิงโมเลกุลของดีเอ็นบาร์โค้ดท่ีตาแหน่ง
ITS, rbcL, matK และ trnH-psbA ร่วมกับลักษณะทางสัณฐานวิทยา พบว่าดีเอ็นบาร์โค้ดที่ตาแหน่ง ITS และ trnH-psbA ให้ผล
สอดคล้องกับลักษณะทางสัณฐานวิทยาจึงเหมาะสมสาหรับใช้จัดจาแนกพืชในวงศ์เหล่าน้ี ยกเว้นพืชสกุล Gynura โดยพบว่า
สามารถระบชุ นิดพืชทมี่ กี ารนามาใช้ประโยชน์ได้ 9 ชนิด ใน 6 สกลุ ประกอบดว้ ยพืชวงศ์บานไม่รู้โรย 3 ชนิด และวงศ์ทานตะวัน 6
ชนิด ได้แก่ เก่าอ๊อหย่าฌั่ว (Althenanthera cf. bettzickiana) บานไม่รู้โรยฝร่ัง (A. brasiliana) ก้าเล๊ียะ (Iresine herbstii)
และ เก๊อวเต๊อะออ (Artimisia lactiflora) ฌ่วนจี้ (Chrysanthemum indicum) จอยเู่ ลี๊ยะ (G. bicolor) ฌั่วร่อก (G. divaricata
subsp. formosana) ฌวดจอ้ (Gynura cf. divaricata) ต๋เี ม (Eupatorium fortunei) ตามลาดบั ซึ่งพืชวงศท์ านตะวนั เปน็ วงศ์ท่ี
ถกู นามาใชม้ ากในกลุ่มชาวม้งภทู ับเบิกทั้งในรปู แบบของพืชอาหารและพืชสมุนไพร
คาสาคัญ: พฤกษศาสตร์พ้ืนบา้ น ชาวเขา การจดั จาแนก ดเี อน็ เอบารโ์ ค้ด

1 สานักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร, 85 หมู่ 1 ถ.รังสติ -นครนายก ต.รังสติ อ.ธัญบรุ ี จ.ปทมุ ธานี 12110
1
Biotechnology Research and Development Office, Department of Agriculture, 85 M.1 Rangsit-Nakorn Nayok Rd., Rangsit, Thanyaburi, Pathum

Thani 12110