ภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตอนท่ี ๑ ตอนท่ี ๒ ตอนที่ ๓ ตอนท่ี ๔
๑_หลกั สูตรวิชาภาษาไทย
๒_แผนการจัดการเรยี นรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_ใบงาน_เฉลย
๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย
๖_ขอ้ สอบ_เฉลย
๗_การวดั และประเมนิ ผล
๘_เสรมิ สาระ
๙_สอ่ื เสริมการเรียนรู้
บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๑ตอนท่ี การพฒั นาทกั ษะการอ่าน ๑หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี
การอา่ นออกเสยี ง
จุดประสงค์การเรียนรู้
• อำ่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้องเหมำะสมกับเรื่องท่ีอำ่ น
มนุษย์รับสำรจำกส่อื ทแี่ วดลอ้ ม ได้ ๒ ทำง :
ผ่ำนกำรใช้ ทกั ษะ หรอื ควำมสำมำรถทำงภำษำ
กำรฟัง กำรอำ่ น
การฟงั และการอา่ นเป็นทกั ษะทจี่ ะใช้แสวงหาความรู้ไดอ้ ยา่ งไม่รจู้ บ
ทักษะกำรอ่ำน หรอื ควำมสำมำรถในด้ำนกำรอำ่ น ตอ้ งฝึกฝนเป็นลำดบั ขน้ั อยำ่ งสมำ่ เสมอ
กำรฝึกฝนทักษะกำรอำ่ นนำไปส่กู ำรรจู้ กั คดิ วเิ ครำะห์ วิจำรณ์ และประเมนิ คณุ คำ่ ของสำร
ความรู้เบ้อื งตน้ เกย่ี วกับการอา่ นออกเสียง
ฝกึ การอ่านออกเสยี ง ฝึกการอา่ นเวน้ วรรคตอน
ให้ถกู ตอ้ ง ใหป้ ระโยคสมดลุ
ชัดเจน มจี งั หวะ
กำรอำ่ นออกเสียง เปน็ ควำมสำมำรถทค่ี วรไดร้ ับกำรฝกึ ฝนตั้งแต่ชว่ งวัยเดก็
การอ่านออกเสยี ง รอ้ ยแก้ว
กำรอำ่ นออกเสียงควำมเรียงทส่ี ละสลวย
• บรรยำย
• พรรณนำ
• เทศนำ
• สำธก หรืออปุ มำ
• สนทนำ ประกำศ
การอ่านออกเสียงรอ้ ยแก้ว การนิยาม : วิธี :
กำรอ่ำนถอ้ ยคำทมี่ ผี ูเ้ รียบเรยี งหรอื ประพนั ธไ์ ว้ ผอู้ ่ำนออกเสยี งใชเ้ สียงตำมเจตนำรมณข์ องผูป้ ระพันธ์
โดยเปลง่ เสียง และวำงจังหวะเสียงใหเ้ ปน็ ไปตำมควำม เพื่อถำ่ ยทอดอำรมณน์ ัน้ ๆ ไปสผู่ ้ฟู งั
นิยมและเหมำะสมกับเร่อื งที่อำ่ น ให้เกดิ อำรมณร์ ว่ มคลอ้ ยตำมไปกับเร่ืองรำว
หลักเกณฑท์ ัว่ ไปในการอา่ นออกเสียง รอ้ ยแก้ว 01
ศกึ ษาเรอื่ งท่ีอ่านให้เข้าใจ
ศึกษำสำระสำคญั ของเรอ่ื ง
และข้อควำมทุกขอ้ ควำม
เพื่อแบง่ วรรคตอนกำรอ่ำนใหเ้ หมำะสม
02 03 04 05
อา่ นออกเสียงดงั พอเหมาะ สบตากบั ผ้ฟู งั อำ่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสยี ง
ให้เหมาะกบั ประเภทของเรื่อง
คำนงึ ถงึ กับสถำนท่ี และจำนวนผฟู้ งั ขณะท่อี ำ่ นในลักษณะ ให้เป็นเสียงพดู
ไมด่ ัง หรอื คอ่ ยจนเกินไป ทเ่ี ป็นธรรมชำติ อย่างธรรมชาติทสี่ ดุ รจู้ ักใสอ่ ำรมณใ์ ห้เหมำะสมตำมเนอ้ื เรอ่ื ง
06 07 08
เลอื กใช้เสยี งให้ตรง ออกเสียงใหถ้ ูกตอ้ งตามอักขรวิธี แสดงบคุ ลกิ ท่ีดี
กับอารมณข์ องเรอื่ ง
อำ่ นชัดถ้อยชดั คำ โดยเฉพำะตวั ร ล จบั หรือถือบทอา่ นให้เหมาะสม
เช่น ออ้ นวอน เสยี ใจ โกรธ และคาควบกลา้ ตอ้ งออกเสียงใหช้ ัดเจน และยืนทรงตัวในทา่ ที่สงา่
วิธีกำรอำ่ น
ในกำรฝกึ อ่ำนออกเสียงขอ้ ควำมท่เี ป็นรอ้ ยแก้ว
จะใช้เคร่อื งหมำยแบง่ วรรคตอนในกำรอำ่ น เพ่ือเป็นกำรเว้นช่วงจงั หวะกำรอำ่ น
เครื่องหมาย ความหมาย
/ กำรหยดุ เว้นช่วงจงั หวะสัน้ ๆ
//
/กำรหยุดเวน้ ชว่ งจังหวะทีย่ ำวกวำ่ เครื่องหมำย
_
(ขดี เส้นใต้) กำรเน้นหรอื กำรเพิ่มน้ำหนกั ของเสยี ง
วธิ กี ารอา่ นแบบบรรยาย :
• ออกเสียงให้ถกู ตอ้ ง ชดั ถอ้ ยชดั คำ
• เว้นวรรคตอนให้เหมำะสม
• เน้นเสียงและถอ้ ยคำตำมควำมเหมำะสม
ตัวอยา่ ง การฝึกอา่ นออกเสยี งแบบบรรยายไม่เน้นการแสดงอารมณ์
ในปัจจุบันกล่ำวกันว่ำ/เรำกำลังอยู่ในยุคโลกำภิวัตน์หรือเรียกอีกอย่ำงว่ำโลกไร้
พรมแดน//แต่จะเรียกอย่ำงไรก็ตำมเถิด/กำรอ่ำน/ก็เป็นกระบวนกำรสำคัญอย่ำงย่ิงใน
กำรพัฒนำคนในทศวรรษนี้/เพรำะโลกของกำรศึกษำมิได้จำกัดอยู่ภำยในห้องเรียนท่ีมี
ลักษณะรูปทรงสี่เหล่ียมแคบๆ/เท่ำนั้น//แต่ข้อมูลข่ำวสำรสำรสนเทศต่ำงๆ/ได้ย่อโลกให้
เลก็ ลงเทำ่ ทเี่ รำอยำกรูไ้ ด้รวดเรว็
ตวั อย่าง การฝกึ อ่านออกเสยี งแบบบรรยายเน้นการแสดงอารมณ์
เกวยี นโขยกขลกุ ขลักไปอย่ำงเช่ืองช้ำ/เสียงเพลำเสียดสีไปกับดุม/ดังเสียงแหลมเล็ก/สลับ
กับเสยี งกระดง่ิ ววั /ดงั ตำมจงั หวะกำรกำ้ วเดินของวัวชรำสองตัวน้ัน/ฟังเป็นเพลงมำร์ชประ
จำทุ่ง/ที่มีตัวโน้ตธรรมชำติเป็นผู้กำหนดทำนอง//บำงคร้ัง/มันฟังดูเศร้ำซึม/เหมือนอย่ำง
เสียงของเกวียนเล่มน้ี
วิธีการอ่านแบบพรรณนาให้เห็นภาพ :
• ออกเสยี งใหเ้ ปน็ เสียงพดู อยำ่ งธรรมชำติ
• ใช้น้ำเสียง อำรมณ์ โดยให้เหมำะสมกับเน้ือควำม บทสนทนำ และบทบรรยำย
• เน้นกำรใช้เสียงและจงั หวะใหเ้ หมำะสมกับอำรมณ์ในเนื้อเรื่อง
ตัวอยา่ ง การฝึกอ่านออกเสียงแบบพรรณนาให้เห็นภาพ
ฉนั เปน็ สำยนำ้ ทีไ่ หลเออ่ื ยๆ อย่ใู นลำคลอง/ฉันไหลผำ่ นบำ้ นเรอื น/ชุมชนตำ่ งๆ//บำงคร้ังมี
ผู้คนทิ้งขยะลงมำใส่ฉัน/ทำให้ตัวฉันมีกลิ่นเหม็น/เป็นที่รังเกียจของคนท่ัวไป//แม้แต่สัตว์
น้ำท่ีอำศัยอยู่ร่วมกับฉันอย่ำงมีควำมสุข/ก็พลอยได้รับควำมเดือดร้อนไปด้วย//บำงตัวก็
ป่วยไขห้ ำยใจพะงำบๆ/เขำพยำยำมพดู กบั ฉันว่ำ//
“โอย!/น้ำจ๋ำ /ช่วยไหลแรงๆ//พำพวกฉันให้พ้นไปจำกบริเวณนี้ทีเถอะ/พวกฉันอยำกไป
อย่ใู นท่ที ีม่ นี ำ้ สะอำดกว่ำนี้”
การอา่ นออกเสียง รอ้ ยกรอง
กำรอำ่ นออกเสียงตัวบทเปน็ ทำนองตำ่ งๆ ตำมฉนั ทลกั ษณ์
• ทำนองกำพย์
• ทำนองสรภัญญะ
• ทำนองโอเ้ อว้ หิ ำรรำย
การอ่านออกเสยี งร้อยกรอง อา่ นออกเสยี งธรรมดา : อ่านทานองเสนาะ :
เปน็ กำรอ่ำนออกเสยี งพูดตำมปกติ เหมอื นอำ่ นร้อยแกว้ เป็นพ้ืนฐำนกำรอำ่ นตัวบทใหม้ ที ำนอง
แต่มีจังหวะวรรคตอน มกี ำรเนน้ สัมผสั สงู ต่ำ หนัก เบำ ยำว ส้นั ทอดเสียง เอ้ือยเสียง
ตำมลักษณะบงั คับของคำประพันธแ์ ตล่ ะชนดิ
หรอื เรียกวำ่ “ทานองเสนาะ”
หลักเกณฑท์ ัว่ ไปในการอ่านออกเสยี ง รอ้ ยกรอง 01
02 • จำนวนคำ 03 อา่ นใหถ้ กู ตอ้ งตามลักษณะบังคับ
• สมั ผสั ร ของคำประพนั ธ์ชนดิ นน้ั ๆ
• กำรแบ่งจังหวะ อ่านวา่ อ่านออกเสยี งคาให้ชดั เจน ถกู ต้อง
ศกึ ษาลกั ษณะบงั คับของคาประพนั ธ์ • เสียงวรรณยกุ ต์ ล คำควบกล้ำ
แต่ละชนดิ ทีจ่ ะอ่ำนใหเ้ ขำ้ ใจแจม่ แจง้ • เสยี งหนักเบำ เพ่อื ให้สัมผสั กับ 06
04 05 สตั ย์ เออ้ื นและทอดจังหวะ
เคารพ ชา้ ลง เมอื่ ใกล้
เน้นเสียงคารบั สมั ผสั อา่ นเออ้ื น อนั รกั ษำศลี สัตย์กตเวที กดั -ตะ-เว-ที กษตั ริย์ จบบทประพันธ์
สมั ผสั ใน ข้ำขอเคารพอภวิ นั ท์ อบ-พิ-วัน บพติ ร
โดยสมั ผสั นอกต้องทอดเสยี ง ไม่มีกษัตรยิ ค์ รองปฐพี ปัด-ถะ-พี จนกระทัง่ จบบท
ใหม้ จี ังหวะยำวกวำ่ เดิม เพอ่ื เพ่ิมควำม อะ-ดดิ -สอน
ไพเรำะ คดิ ถึงบำทบพติ รอดิศร
วิธกี ำรอ่ำน
ในกำรอ่ำนทำนองเสนำะจำกคำประพนั ธ์
จะมเี ครอื่ งหมำยแบ่งวรรคตอนในกำรอำ่ น
เครอ่ื งหมาย ความหมาย
/ กำรหยุดเวน้ ชว่ งจังหวะสน้ั ๆ
//
/กำรหยุดเว้นช่วงจังหวะที่ยำวกวำ่ เครื่องหมำย
การอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง ประเภทกลอน
กลอนสภุ าพ
ฝึกฝน ฝึกฝนกำรทอดเสียงแลว้
กลวธิ กี ำรรวบคำ ปล่อยให้หำงเสียงผวนข้ึน
เอ้ือสัมผัส จมูก
เนน้ เสยี ง คล้ำยเสียงครำง
ยดื จงั หวะให้ถกู ต้อง เพื่อให้เกดิ ท่วงทำนอง
ทไี่ พเรำะ
กำรแบ่งจังหวะในกำรอ่ำนกลอนสภุ ำพ มันแสนสุด/ลกึ ลำ้ /เหลอื กำหนด
ก็ไมค่ ด/เหมือนหน่งึ ใน/น้ำใจคน
แลว้ สอนวำ่ /อยำ่ ไวใ้ จมนุษย์ บิดำมำรดำรัก/มักเป็นผล
ถึงเถำวลั ย์/พันเกย่ี ว/ทเ่ี ลยี้ วลด เกดิ เป็นคน/คดิ เห็น/จึงเจรจำ
มนุษยน์ ี้/ทร่ี ักอยู่/สองสถำน
ทพ่ี ึ่งหน่ึง/พง่ึ ได/้ แตก่ ำยตน พระอภยั มณี : สุนทรภู่
วรรค ละ ๗ คา อ่าน ๒/๒/๓
วรรค ละ ๔ คา อ่าน ๓/๒/๓
วรรค ละ ๙ คา อ่าน ๓/๓/๓
การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์
กำพยย์ ำนี ๑๑
อ่ำนให้ถูกจงั หวะทำนองของฉนั ทลักษณ์กำพย์แต่ละประเภท
กำพย์ยำนี ๑๑ วรรคท่มี ี ๕ คำ สว่ นวรรคท่มี ี ๖ คำ ส่วน ๒ วรรคทำ้ ย
จะแบ่งจังหวะเป็น ๒/๓ หรอื ๓/๒ ขึ้นอยู่ จะแบง่ จงั หวะเปน็ ๓/๓ ให้อำ่ นเสียงสูงข้นึ กว่ำเดิม
ส่วนทำนอง ๒ วรรคแรกให้อำ่ นเสยี ง
กับเน้ือควำม ๑ บันไดเสยี ง
กลำงๆ
การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ประเภทโคลง
นิยมอ่ำน ออกเสยี งสงู โคลงส่ีสุภาพ อำ่ นออกเสียง วรรคแรก
ออกเสียงตำ่ ทีท่ ้ำยวรรคหน้ำ ทอดเสยี ง ขน้ึ ลงสูงตำ่ ตำมเสยี งของ ของบำทท่ี ๓
ทที่ ้ำยวรรคบำทที่ วรรณยุกต์
ของบำทที่ ๓ ทที่ ้ำยวรรคแรกของ จะอำ่ นเสยี งสูงกว่ำทุก
๒ แตล่ ะบำท วรรค
๑ บันไดเสียง
กำรแบ่งจังหวะในกำรอำ่ นโคลงสี่สภุ าพ เสยี งฦๅ/เสียงเลำ่ อ้ำง/ อันใด/พ่เี อย/
เสยี งยอ่ ม/ยอยศใคร/ ทว่ั หล้ำ/
สองเขือ/พห่ี ลบั ใหล/ ลืมตน่ื /ฤๅพ/่ี
สองพ/่ี คดิ เองอ้ำ/ อย่ำได/้ ถำมเผือ//
(ลิลิตพระลอ : ไมป่ รำกฏนำมผูแ้ ตง่ )
วรรคท่ีมี ๕ คำ จะแบ่งจังหวะเปน็ ๓ และ ๒ หรอื ๒ และ ๓
โดยพิจำรณำจำกควำมหมำยของคำเปน็ หลักและหำกมีคำรับสัมผสั อย่ใู นวรรค จงั หวะต้องตกตรงคำรับสมั ผสั เสมอ
๒หนว่ ยการเรยี นรู้ที่
การอ่านในชวี ติ ประจาวัน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. สำมำรถจบั ใจควำมสำคัญจำกเร่อื งทอ่ี ำ่ นได้
๒. ระบุเหตแุ ละผล และขอ้ เทจ็ จริงกับข้อคดิ เห็นจำกเรอื่ งท่ีอ่ำนได้
๓. ระบุและอธิบำยคำเปรียบเทียบและคำทมี่ หี ลำยควำมหมำยในบรบิ ทต่ำงๆ ได้
๔. ตคี วำมคำยำกในเอกสำรวิชำกำรโดยพจิ ำรณำจำกบรบิ ทได้
๕. ระบขุ ้อสังเกตและควำมสมเหตสุ มผลของงำนเขยี นประเภทชักจูงโน้มนำ้ วใจได้
๖. ปฏิบัตติ ำมคมู่ ือแนะนำวธิ ีกำรใชง้ ำนของเครอ่ื งมือหรือเคร่ืองใช้ในระดบั ที่ยำกข้นึ ได้
๗. วิเครำะห์คณุ คำ่ ท่ีไดร้ บั จำกกำรอ่ำนงำนเขียนอย่ำงหลำกหลำยเพ่ือนำไปใช้แก้ปัญหำชวี ติ ได้
๘. มีมำรยำทในกำรอำ่ น
การอ่านจับใจความสาคัญ
การอา่ นจับใจความ
ลักษณะของใจความสาคญั หลักการอา่ นจบั ใจความสาคญั
ขอ้ ควำมทเ่ี ป็นใจควำมหลกั ของข้อควำม ใหอ้ ่ำนหนังสอื ทงั้ เล่มหรืออำ่ นทัง้ ตอนทกี่ ำหนด
แต่ละยอ่ หนำ้ หำกขำดข้อควำมนจี้ ะทำใหผ้ อู้ ำ่ น อ่ำนสำรวจในสว่ นประกอบของหนงั สอื เช่น
ไม่เขำ้ ใจเรอื่ งทีอ่ ำ่ น
• ช่ือเร่อื ง
ขอ้ ควำมทเี่ ปน็ ส่วนขยำยหรือประกอบใจควำม • คำนำ
หลักให้ผูอ้ ำ่ นเข้ำใจชัดเจนยงิ่ ขึน้ เรยี กว่ำ • สำรบญั
ใจความสาคัญรองหรือใจความขยาย • คำชี้แจงหรือคำแนะนำกำรใชห้ นงั สอื
ตงั้ จุดมุ่งหมำยในกำรอ่ำนใหช้ ัดเจน
ผู้อ่ำนควรมีประสบกำรณ์หรอื มีควำมรูพ้ น้ื ฐำนในกำรอ่ำนบ้ำง
ทบทวนเนอื้ หำหรอื ประเด็นสำคญั ของเร่อื งนนั้ ใหเ้ ข้ำใจ
การอา่ นตีความ
การอ่านเพือ่ ตคี วาม
คือ กำรอำ่ นเพ่อื คิดพจิ ำรณำควำมหมำยท่ีผู้สง่ สำรสื่อควำมหมำยได้อยำ่ งถกู ตอ้ ง ตรงตำมจุดประสงค์
โดยพจิ ำรณำจำกควำมหมำยของถ้อยคำตำ่ งๆ ทผี่ ้เู ขยี นนำเสนอให้รอบด้ำนกอ่ นสรุปสำระทงั้ หมดทไ่ี ด้จำกเร่อื งท่ีอำ่ น
การพจิ ารณาความหมายของถ้อยคามี ๒ ลกั ษณะ คือ
พิจารณาความหมายโดยตรง หมำยถงึ กำรแปลควำมหมำยตำมตวั อกั ษรอย่ำงตรงไปตรงมำ ผรู้ บั สำร
สำมำรถเขำ้ ใจได้ทันที
พิจารณาความหมายโดยนยั หมำยถงึ กำรแปลควำมหมำยที่แฝงไวใ้ นถ้อยคำ หรอื ข้อควำมโดยผรู้ บั สำร
ต้องสังเกตข้อควำมทีแ่ วดล้อม ท่ำที น้ำเสยี ง เจตนำของผสู้ ่งสำร หรือ
เหตุกำรณ์ทเ่ี กีย่ วขอ้ งทจ่ี ะเช่ือมโยงใหค้ วำมหมำยโดยนัยเด่นชัดยิ่งขน้ึ ซึ่ง
ผรู้ บั สำรสำมำรถตคี วำมไปไดห้ ลำยแงห่ ลำยมุม
หลกั การอา่ นตีความ
หลกั กำรปฏิบัตขิ องกำรอ่ำนตีควำม มดี ังน้ี
อ่ำนเนอ้ื หำสำระของเรือ่ งให้ละเอียด คิดวเิ ครำะห์ ขอ้ เทจ็ จรงิ
จบั ใจควำมสำคัญของเร่ืองทอี่ ่ำน ข้อคิดเหน็ จำกเร่อื งท่ีอำ่ น
พิจำรณำควำมหมำยโดยตรงและควำมหมำยโดยนัยที่ พิจำรณำบรบิ ทขอ้ ควำมหรือเหตกุ ำรณ์แวดลอ้ มใน
แฝงอยู่ โดยสงั เกตกำรใช้ถอ้ ยคำสำนวนโวหำรท่ีปรำกฏ สถำนกำรณน์ ั้นๆ พิจำรณำผ้เู ขยี นวำ่ มแี นวคิด อำรมณ์
พจิ ำรณำวำ่ ผเู้ ขียนใช้สัญลกั ษณ์ ควำมร้สู ึกอยำ่ งไร
ทผี่ ู้อ่ำนต้องหำควำมหมำยท่แี ฝงอยู่
จดั ลำดบั ใจควำม เนื้อหำสำระ สรุปควำมคดิ ใหม่ ด้วย
ภำษำของตนเองหรืออธิบำยขยำยควำมเพิ่มเติมด้วยใจ
ท่เี ปน็ กลำงปรำศจำกอคติ
การอา่ นและปฏบิ ัตติ ามเอกสารคู่มอื
อำ่ นช้ำๆเพ่อื ให้เขำ้ ใจวำ่
เอกสำรนัน้
ใหป้ ฏิบัตอิ ะไร อย่ำงไร
ถำ้ ไม่เข้ำใจคำแนะนำ หรือคำสงั่ ปฏิบตั ติ ำมคำสง่ั
ใหส้ อบถำมจำกผู้รู้ คำแนะนำอยำ่ งชำ้ ๆ
หรอื โทรศพั ท์ถำม call center ทกุ ประกำร
มารยาทการอ่าน
กำรอ่ำนออกเสียง
โดยไมไ่ ดเ้ ป็นกำรอ่ำนให้ผ้อู ื่นฟงั
ผอู้ ำ่ นไม่ควรอ่ำนเสยี งดงั
ใชห้ นงั สอื ดว้ ยควำมระมัดระวงั ไมถ่ อื วิสำสะหยิบหนังสอื
ไมพ่ บั ฉีกใหช้ ำรดุ เสียหำย ของผอู้ น่ื มำอ่ำน
รวมถงึ ไมข่ ีดเขยี นวำดรปู โดยไมไ่ ด้รบั อนุญำต
อ่ำนใหถ้ กู ต้อง ไมร่ ับประทำนอำหำร
ตำมกำลเทศะ ขณะอำ่ นหนังสอื
ไม่อ่ำนสง่ิ ทเ่ี ปน็ งำนเขียนส่วนตัว
ของผอู้ ่นื กอ่ นไดร้ บั อนญุ ำต
เม่อื อำ่ นหนงั สือในห้องสมดุ
หรอื สถำนท่ซี ่งึ จดั ไว้ใหอ้ ำ่ นหนังสอื
โดยเฉพำะตอ้ งไม่สง่ เสียงดังรบกวนผู้อน่ื
ภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตอนท่ี ๑ ตอนท่ี ๒ ตอนที่ ๓ ตอนท่ี ๔
๑_หลกั สูตรวิชาภาษาไทย
๒_แผนการจัดการเรยี นรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_ใบงาน_เฉลย
๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย
๖_ขอ้ สอบ_เฉลย
๗_การวดั และประเมนิ ผล
๘_เสรมิ สาระ
๙_สอ่ื เสริมการเรียนรู้
บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๒ตอนท่ี การพัฒนาทกั ษะการเขยี น
๑หนว่ ยการเรยี นรู้ที่
กำรเขยี นสื่อสำรด้วยถอ้ ยคำ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. สำมำรถคดั ลำยมือตัวบรรจงคร่งึ บรรทัดได้
๒. สำมำรถเขียนสอื่ สำรโดยใช้ถ้อยคำถกู ต้อง ชดั เจน เหมำะสม และสละสลวย
๓. มีมำรยำทในกำรเขยี น
ลายมือกับการเขยี นสื่อสาร
จุดประสงคข์ องการคัดลายมือ
• เพื่อฝกึ กำรเปน็ ผู้ท่ีมสี มำธิ • เพอื่ ใหเ้ ขยี นตวั หนังสอื ไทยได้ • เพือ่ ใหร้ ้จู ักกำรจัดระเบียบ
ในกำรเขยี นตัวอักษรไทย ถูกตอ้ งตำมหลักวิธีกำรตำ่ งๆ กำรเวน้ วรรคและเว้นช่องไฟ
ไดป้ ระณีตและทำให้อ่ำนงำ่ ย
• เพ่อื ใหร้ จู้ กั สังเกตแบบอยำ่ งตวั อกั ษร • เพอ่ื ใหม้ คี วำมภำคภูมิใจ ศรัทธำ
ท่ีถูกต้องสวยงำมและนำไปเป็น และรักกำรเขียนภำษำไทยอนั เป็น
ตัวอยำ่ งในกำรเขยี นไดต้ อ่ ไป มรดกและภำษำประจำชำติไทย
รูปแบบตวั อกั ษรไทย
ตัวอกั ษรไทยทใี่ ชค้ ดั ลำยมือในปจั จุบนั มหี ลำยรปู แบบท่ีนิยมคัด เชน่ แบบอำลกั ษณแ์ บบหัวกลม แบบตัวเหล่ียม แบบรำชบัณฑติ
ตัวอย่าง รูปแบบอกั ษรไทย : แบบอาลกั ษณ์
หลกั และวธิ ีคดั ลายมือ หลักการคัดลายมือ ๓
๑ ๒ ไมเ่ ขยี นตวั อกั ษร
ทับเสน้ บรรทัด
อำ่ นขอ้ ควำมท่จี ะคัดให้จบ เรม่ิ คดั ตัวอักษรจำกหัว
เพื่อทำควำมเขำ้ ใจ ไปหำงเสมอ โดยไม่ยกดนิ สอ ๔
๖ ๕ ถำ้ คัดลำยมอื ครึ่งบรรทดั
ขนำดควำมสงู ของตวั อกั ษรด้ำนบน
เว้นระยะช่องไฟระหว่ำงตวั อักษร คัดตัวอกั ษรและข้อควำม
ให้ห่ำงเสมอกัน ด้วยตวั ตรงเสมอ ตอ้ งสูงเทำ่ กันโดยตลอด
๗ แนวเดยี วกัน ตวั อักษรไม่เอียงเอน ๙
โย้ไปขำ้ งหน้ำหรอื หลงั
ถ้ำเขียนผิดหรือจำเปน็ ตอ้ งลบ ขนำดควำมกวำ้ ง
ก่อนเขียนใหมต่ ้องลบรอยเกำ่ ๘ ควำมสูงของตวั อกั ษรและสระ
ให้สะอำดเรยี บรอ้ ย สระและวรรณยกุ ต์ ต้องตรงตำมแบบ
ตอ้ งวำงใหถ้ ูกที่
๑๒ ๑๐
๑๑
หมน่ั ฝึกฝนคดั ลำยมอื ตอ้ งระมดั ระวงั
สมำ่ เสมอ เมื่อคดั จบตอ้ งอ่ำนทบทวน อย่ำคัดใหต้ กหล่น
และตรวจสอบอกี คร้ัง กำรเวน้ วรรคตอนต้องถูกตอ้ ง
อย่ำงนอ้ ยเดือนละครัง้
การใชภ้ าษาประกอบการเขยี น
การเขียน คอื กำรแสดงควำมรู้ ควำมคิด ควำมรสู้ ึก จินตนำกำร และควำมตอ้ งกำรของผู้เขียน
เปน็ ลำยลักษณ์อักษร เพอื่ ให้ผูร้ ับสำรสำมำรถอ่ำนเขำ้ ใจตรงตำมทผ่ี ู้เขยี นตอ้ งกำร
การเลอื กใชค้ าให้ถกู ตอ้ งตามความหมาย
ถกู ตอ้ งตามความหมายทแ่ี ทจ้ ริงของคา ถูกตอ้ งตามความนยิ ม
เชน่ ตำรวจจับกุมกล่มุ วยั รุ่นทหี่ มกมุน่ กันอยใู่ นห้องเช่ำ หลงั บ้ำนของฉนั มมี ะม่วงดกเตม็ ต้น (มำก, มำกกว่ำปกต)ิ
หมกมุ่น กรมอุตนุ ยิ มวทิ ยำแจ้งวำ่ ปนี ี้จะมฝี นตกชุก (มีดืน่ , มมี ำกมำย)
หมำยถงึ กำรเอำใจจดจอ่ อยู่กบั สิง่ ใดสงิ่ หนง่ึ
ควรใช้ มวั่ สุม
เพรำะกำรถูกจับแสดงว่ำมีพฤตกิ รรมทไ่ี มเ่ หมำะสม
มารยาทในการเขียน
ผเู้ ขยี นจะตอ้ งศึกษำคน้ ควำ้ ขอ้ มลู เม่อื ผ้เู ขียนนำขอ้ ควำมของผ้อู น่ื กำรเขียนวพิ ำกษ์ วิจำรณ์ แสดง
จำกแหลง่ ตำ่ งๆ มำกกวำ่ ๑ แหล่ง มำใช้ หรอื อ้ำงถงึ ในงำนเขยี น ควำมคดิ เหน็ ต่อเรื่องใดเร่ืองหนึง่
ของตน จะตอ้ งอ้ำงองิ แหลง่ ทม่ี ำ ตอ้ งสอื่ สำรอย่ำงมีสติ ใช้ข้อมลู
นำมำวิเครำะห์ แยกแยะ แสดงควำมคิดเห็นอย่ำงมีเหตผุ ล
ข้อเทจ็ จริง ข้อคดิ เหน็ อยูบ่ นพนื้ ฐำนของข้อเทจ็ จริง
เปรยี บเทยี บควำมนำ่ เชอื่ ถอื
กำรสื่อสำรแบบออนไลน์ กำรใชภ้ ำษำในงำนเขยี น กำรสอ่ื สำรบนโลกออนไลน์ หำก
ตอ้ งใช้งำนอยำ่ งมีสติ ควรศกึ ษำทำ ควรสะกดคำให้ถูกต้อง ผูเ้ ขยี นตงั้ ประเด็นคำถำม
ควำมรจู้ ักกบั ชมุ ชนออนไลน์กอ่ นที่ ตำมหลกั ไวยำกรณ์ ใชส้ ภุ ำพ
ใหผ้ ูอ้ นื่ รว่ มแสดงควำมคดิ เหน็
จะเข้ำรว่ มสนทนำ ไมก่ ำกวม ควรขอบคณุ หรือแสดงกำรรับรู้
หรือทำกจิ กรรมใดๆ
ซ่งึ ถือเปน็ มำรยำทสำคญั
๒หน่วยการเรยี นรู้ที่
กำรเขียนสื่อสำรด้วยถอ้ ยคำ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. สำมำรถเขียนสื่อสำรโดยใช้ถ้อยคำที่ถกู ต้องชัดเจน เหมำะสม และสละสลวย
๒. สำมำรถเขยี นบรรยำยประสบกำรณ์ได้
๓. สำมำรถเขยี นเรยี งควำม เขยี นย่อควำม เขียนจดหมำยส่วนตวั และกจิ ธรุ ะได้
๔. สำมำรถเขยี นรำยงำนกำรศกึ ษำค้นควำ้ เขียนโครงงำนได้
๕. มมี ำรยำทในกำรเขียน
การเขยี นเพื่อการส่อื สาร
การเขยี นเรียงความ
เรยี งความ คอื งำนเขยี นร้อยแกว้ ประเภทหนึ่ง ท่ีแต่งข้ึนตำมควำมรสู้ ึกนึกคิดของผู้เขียน โดยนำถ้อยคำมำ
ประกอบกนั เปน็ ประโยค แลว้ เรียบเรยี งให้มีควำมต่อเนอ่ื งตำมโครงเรอื่ งที่ผเู้ ขียนกำหนดไว้
สว่ นคานา องคป์ ระกอบของเรยี งความ
เปน็ เนือ้ ควำมส่วนแรกทใ่ี ชเ้ กรนิ่ นำเขำ้ สเู่ รื่อง ทำใหผ้ ้อู ำ่ นทรำบว่ำเรียงควำมเร่ืองน้ี
จะกลำ่ วถงึ อะไร
สว่ นเน้อื เรื่อง เปน็ องคป์ ระกอบที่สำคัญทส่ี ุด เพรำะเปน็ สว่ นที่บรรจุเนื้อหำสำระ ควำมรูส้ ึกนกึ คดิ
ของผเู้ ขยี น
สว่ นสรุป เป็นสว่ นท่ใี ช้เพ่ือปดิ หรอื จบเรยี งควำม ผเู้ ขียนตอ้ งทำใหผ้ อู้ ำ่ นเกิดควำมกระจำ่ ง ควำม
พงึ ใจท่ไี ด้รบั แงค่ ิด ขอ้ คดิ
แนวทางการเขียนเรียงความ
กาหนดแนวคดิ ขนั้ ระดมความคดิ
วางโครงเรื่อง ขนั้ เลือกและจัดหมวดหมู่
สว่ นสรุป ขน้ั จดั ลาดับ
ขน้ั ขยายความ
แสวงหาข้อมูล
เรียบเรยี งเนื้อหา
อา่ นทบทวน
การเขียนสอ่ื สาร
การเขยี นบรรยายประสบการณ์
การเขยี นแนะนาตนเอง การเขยี นแนะนาสถานที่สาคญั
การเขียนบนสอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์
การเขยี นยอ่ ความ
ยอ่ ความ คอื กำรจับใจความสาคัญของเรอ่ื งที่ได้อ่ำน ได้ฟัง หรือได้ดูมำแลว้
นำมำเรียบเรียงสรุปให้ไดใ้ จควำมครบถ้วน สน้ั กระชบั ดว้ ยสำนวนของตนเอง
ใจความสาคัญ
หมำยถึง ขอ้ ควำมทีส่ ำคญั ทส่ี ดุ ในงำนเขยี น ข้อควำมทมี่ ีใจควำมสำคญั รองลงมำเรยี กว่ำ พลความ
ขอ้ ควำมในงำนเขยี นตำ่ งๆ จำแนกเนอื้ หำได้ ๓ ชนดิ คือ
• ขอ้ เท็จจริง เปน็ ข้อควำม • ข้อคดิ เหน็ เป็นข้อควำมที่ • ขอ้ ความท่แี สดงอารมณ์หรอื ความร้สู กึ
หรอื เหตกุ ำรณท์ ี่เปน็ มำ แสดงควำมรสู้ ึกหรือควำม เปน็ ข้อควำมทแ่ี สดงอำรมณ์ ควำมรูส้ ึก
หรอื ท่ีเปน็ อย่ตู ำมจรงิ คดิ เห็นของผเู้ ขียนเอง หรือ ของผ้เู ขียนทเี่ กดิ ขน้ึ ณ ชว่ งเวลำน้ันๆ
มหี ลักฐำนสำมำรถพิสูจน์ เปน็ ขอ้ ควำมที่แสดงกำร
ได้ คำดคะเน
การเขยี นจดหมาย
การเขียนจดหมาย
เปน็ กำรส่ือสำรโดยตรงระหวำ่ งบุคคล โดยใชต้ วั หนงั สอื หรอื ขอ้ ควำมแทนกำรพดู จำ
จดหมายส่วนตวั จดหมายกิจธรุ ะ
เปน็ จดหมำยทีเ่ ขยี นถงึ ผู้ทีเ่ รำรจู้ กั เป็นจดหมำยระหวำ่ งบุคคลตอ่ บุคคล
คุ้นเคยเพ่อื สง่ ขำ่ วครำว ทตี่ ิดตอ่ สอื่ สำรกนั ดว้ ยกจิ ธรุ ะ
มารยาทในการเขยี นจดหมาย
• ต้องใช้คำขนึ้ ต้น ลงท้ำยใหเ้ หมำะสมกับระดบั ของบคุ คล และเน้อื ควำมของจดหมำย
• เลือกใชส้ หี มึก กระดำษและซองท่ีเหมำะสม
• เขยี นใหต้ รงประเดน็ หัวข้อท่ีตงั้ ไว้ เรยี บเรียงและลำดับประเด็นให้ชดั เจน บอกวตั ถปุ ระสงคท์ ่ตี อ้ งกำร
• ถ้ำเป็นกำรเขยี นด้วยลำยมือควรเขยี นใหอ้ ่ำนง่ำย ชดั เจน
• ผนกึ ดวงตรำไปรษณยี ำกรใหค้ รบถว้ นตำมอัตรำท่ีกำหนดไว้
• จำ่ หน้ำซองจดหมำยโดยระบชุ ื่อ นำมสกลุ ที่อยู่ของผ้รู บั พร้อมรหสั ไปรษณีย์ให้ครบถว้ น
• หำกเปน็ กำรสง่ อีเมล ควรพิมพข์ ้อควำมทเี่ ปน็ หวั เรือ่ งในชอ่ ง Subject
• กอ่ นส่งจดหมำย ผเู้ ขยี นควรอ่ำนทบทวนเพือ่ ตรวจดูกำรส่อื ควำม ควำมสะอำดเรยี บรอ้ ย
การเขยี นรายงาน องคป์ ระกอบของรายงาน ส่วนท้าย
ส่วนตน้ รำยงำนมอี งคป์ ระกอบสำคัญ ๓ สว่ น ประกอบดว้ ย ๓ ส่วน ดังน้ี
รำยงำนวิชำกำร ส่วนเนื้อเรื่อง ๑.บรรณานุกรม
ในสว่ นตน้ ประกอบด้วย ๕ สว่ น ดังนี้
๑.บทนา หมำยถึง บัญชรี ำยชอ่ื หนังสือทีใ่ ช้
๑.ปกนอกหรอื หน้าปก ประกอบกำรเขยี นรำยงำนโดยเขยี นไวส้ ่วน
ผู้เขียนจะต้องชี้แจงเหตผุ ล วัตถุประสงคข์ อง สดุ ทำ้ ยของรำยงำน
แบ่งออกเป็น ๓ สว่ น กำรศกึ ษำคน้ คว้ำในหวั ขอ้ ท่ีเลือก อธบิ ำย
• ส่วนแรกเขียนชอื่ เร่ือง เนื้อหำสำระอย่ำงยอ่ เพอ่ื ให้ผอู้ ำ่ นทำควำม ๒. ภาคผนวก
• ส่วนทส่ี องเขยี นชอื่ นำมสกลุ ของผู้เขียน เข้ำใจในเบอ้ื งต้น
หมำยถึง เรือ่ งหรือเอกสำรทีเ่ ก่ียวข้องกับเนื้อ
รำยงำน ๒. เนื้อหา เร่อื งในรำยงำน แต่นำไปเขียนเพิ่มเติมไวใ้ น
• ส่วนที่สำมเป็นสว่ นที่แจง้ วำ่ รำยงำนน้ี ส่วนท้ำยของรำยงำนเพ่อื ใหช้ ดั เจนและ
ผู้เขยี นจะต้องนำเสนอผลกำรศึกษำค้นคว้ำ สมบูรณ์ย่งิ ขนึ้
เขียนข้นึ เพื่อประกอบกำรศกึ ษำวิชำ ตำมวตั ถุประสงค์ขอบเขตของรำยงำน และ
อะไร โครงเรอ่ื งที่กำหนดไว้ ๓. อภธิ านศพั ท์
๒.ใบรองปก หมำยถงึ คำอธิบำยศพั ทส์ ำคัญๆ ทป่ี รำกฏใน
๓. ปกใน รำยงำน
๔. คานา
๕. สารบัญ
องค์ประกอบของรายงาน
วางแผนการทารายงาน รวบรวมขอ้ มลู
กอ่ นทำรำยงำนควรมกี ำรวำงแผนงำน เป็นกำรคน้ ควำ้ จำกแหลง่ วิชำกำรต่ำงๆ
โดยเลอื กหัวข้อเรอ่ื งและกำหนดขอบเขต โดยศึกษำคน้ คว้ำจำกเอกสำร กำรสัมภำษณ์
กำรฟัง กำรดู จำกแหลง่ ขอ้ มูลท่ีหลำกหลำย
ใหช้ ดั เจนวำ่ จะศึกษำค้นคว้ำเร่อื งใด
การนาเสนอข้อมลู
การจดั ระเบยี บขอ้ มลู
โดยนำเสนอรำยละเอียดต่ำงๆ
กำรนำเสนอข้อมูล ควรเรยี บเรียงข้อมูล เช่น วตั ถปุ ระสงค์ ขนั้ ตอนกำรทำงำน
ให้สมบรู ณ์ มีควำมสมั พันธ์สอดคลอ้ งกัน
ข้อสรปุ ขอ้ เสนอแนะ
ดว้ ยภำษำ สำนวน ภำษำเข้ำใจงำ่ ย
การเขียนโครงงาน
องคป์ ระกอบของโครงงาน
โครงงำนมีองค์ประกอบสำคญั ๓ ส่วน ดงั น้ี
ส่วนต้น ส่วนกลาง สว่ นทา้ ย
คือ ส่วนท่ีบอกช่ือของโครงงำน คือ สว่ นท่ีเปน็ วิธกี ำรดำเนินงำนตำ่ งๆ คือ สว่ นท่ีเปน็ ผลกำรดำเนนิ กำร
หลกั กำรและเหตผุ ล วัตถุประสงค์ และเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ สรปุ ผลกำรดำเนินงำน ผลทค่ี ำดวำ่ จะ
ผูร้ บั ผดิ ชอบ และทปี่ รกึ ษำโครงงำน ในกำรทำโครงงำน
ไดร้ บั และข้อเสนอแนะ
ขั้นตอนการทาโครงงาน
กำรเขยี นเค้ำโครงของโครงงำน โดยทวั่ ไปเขยี นเพ่อื แสดงควำมคิด แผนงำน
และข้นั ตอนกำรทำโครงงำน ซ่ึงประกอบด้วยหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี
๑. การเลือกหวั เรอ่ื ง
๒. การวางแผน เค้าโครงของโครงงาน
๓. การดาเนนิ งาน
๔. การเขยี นรายงาน ๑. ชอื่ โครงงำน ผูร้ บั ผิดชอบ อำจำรยท์ ป่ี รกึ ษำ ๖. เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้
๕. การนาเสนอผลงาน ๒. หลักกำรและเหตผุ ล ๗. วิธีดำเนินกำร
๓. วัตถปุ ระสงค์ ๘. อภปิ รำยผล
๔. ขอบเขตกำรศึกษำ ๙. สรุปผลกำรดำเนนิ งำน
๕. ผลที่คำดวำ่ จะได้รบั ๑๐.ขอ้ เสนอแนะ
๓หน่วยการเรียนรู้ที่
กำรเขยี นแสดงควำมคดิ เห็นจำกสอื่
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
• สำมำรถเขียนแสดงควำมคดิ เห็นเกี่ยวกบั สำระจำกสอ่ื ทไ่ี ดร้ บั
หลกั การเขยี นแสดงความคิดเห็น
การเขยี นแสดงความคิดเห็น
เปน็ ทกั ษะกำรเขียนอย่ำงหน่งึ ทต่ี ้องอำศัยกำรวเิ ครำะห์ วจิ ำรณอ์ ย่ำงมเี หตผุ ล
ซ่ึงผเู้ ขียนตอ้ งมคี วำมรู้ในเรือ่ งท่ีแสดงควำมคิดเห็น โดยมีหลักกำรเขียน ดังนี้
• ผู้เขียนจะตอ้ งรู้วำ่ จะแสดงควำมคิดเหน็ เร่อื งอะไรจะตอ้ งมีควำมรูใ้ นเรื่องน้นั ๆ อยำ่ งดีพอ
• ผู้เขยี นตอ้ งหยิบยกท้ังข้อดี ข้อดอ้ ย ของสงิ่ ทีแ่ สดงควำมคดิ เหน็ อยำ่ งมีเหตผุ ล
• ผเู้ ขยี นต้องช้แี จงสำเหตทุ อี่ ำจเปน็ ไปได้ทงั้ ในทำงดแี ละไมด่ ใี ห้เห็นชัดเจน
• ผ้เู ขียนต้องเสนอแนะวำ่ ควรแก้ไขในสงิ่ ทไี่ ม่ดอี ยำ่ งไร ถำ้ แกไ้ ขแล้วจะเกิดผลอย่ำงไร
• ผู้เขยี นต้องแสดงควำมคดิ เห็นอย่ำงละเอียดในแง่ที่เปน็ ประโยชนต์ ่อส่วนรวม
การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ผ่านสอ่ื ตา่ งๆ
กำรแสดงควำมคิดเหน็ ผำ่ นส่ือในสงั คม
ปัจจุบนั พบเห็นไดเ้ ป็นเร่ืองปกติ เช่น
• หนังสอื พิมพ์
• โทรทศั น์
• สือ่ อนิ เทอรเ์ น็ต
กำรแสดงควำมคดิ เห็นมักแสดงออกในรูปของบทควำมที่ผู้เขียนหยิบยกปัญหำใน
สงั คมขณะนั้นมำเขียน
ปัญหาสว่ นรวม เช่น ปญั หาส่วนบคุ คล เช่น
• ปญั หำเศรษฐกิจ • กำรปอ้ งกันอำชญำกรรม
• กำรศกึ ษำ • กำรรักษำควำมปลอดภยั เปน็ ตน้
• กำรเมือง กำรปกครอง เปน็ ต้น
ภาษาไทย หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตอนท่ี ๑ ตอนท่ี ๒ ตอนที่ ๓ ตอนท่ี ๔
๑_หลกั สูตรวิชาภาษาไทย
๒_แผนการจัดการเรยี นรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_ใบงาน_เฉลย
๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย
๖_ขอ้ สอบ_เฉลย
๗_การวดั และประเมนิ ผล
๘_เสรมิ สาระ
๙_สอ่ื เสริมการเรียนรู้
บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๓ตอนท่ี การพัฒนาทกั ษะการฟงั ตอนที่ การดู และการพูด
๑หน่วยการเรียนรู้ที่
กำรฟังและกำรดสู ือ่
จุดประสงค์การเรียนรู้
• มีมำรยำทในกำรฟงั กำรดู และกำรพูด
การเขียนเพ่อื การสอื่ สาร
กำรรบั สำรสำมำรถแบง่ โดยใช้ทกั ษะกำรฟังและกำรดอู อกเป็น ๒ ลักษณะ ดังน้ี
การรับสารโดยการฟงั และการดปู ระกอบกัน
การรบั สารทม่ี กี ารโต้ตอบระหวา่ งผูส้ ่งสารกบั ผ้รู บั สาร
เป็นกำรส่ือสำรที่ผสู้ ง่ สำรและผู้รบั สำรสำมำรถสง่ สำรโต้ตอบกันได้ เช่น
• กำรพูดจำสนทนำ
• กำรประชุมอภิปรำย
ผูร้ บั สำรตอ้ งใช้วจิ ำรณญำณในกำรตีควำม ประเมินคำ่ สำร และตอบกลบั
ด้วยถ้อยคำท่ีเหมำะสม
การรับสารทีไ่ ม่มีการโต้ตอบระหวา่ งผู้สง่ สารกบั ผู้รับสาร
เปน็ กำรส่อื สำรทำงเดียว เชน่
• กำรดขู ำ่ ว
• กำรฟงั เทศน์
• กำรดภู ำพยนตร์
ผ้รู บั สำรไมม่ โี อกำสโต้ตอบกับผสู้ ่งสำร
การรบั สารโดยการฟงั หรอื การดอู ย่างใดอย่างหนงึ่
สำมำรถแบ่งกำรรบั สำรลกั ษณะน้อี อกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้
• การรบั สารท่ีมีการโตต้ อบระหว่างผ้สู ่งสารกบั ผรู้ บั สาร
เปน็ กำรส่ือสำรทผี่ ูส้ ง่ สำรและผูร้ ับสำรสำมำรถโตต้ อบกันได้ เช่น กำรพูดคยุ กันทำงโทรศัพท์
• การรบั สารทีไ่ มม่ ีการโตต้ อบระหวา่ งผ้สู ง่ สารกับผู้รบั สาร
เช่น กำรฟังรำยกำรวิทยุ กำรดปู ำ้ ยสญั ญำณจรำจร กำรดูสื่อโฆษณำตำมถนน กำรฟงั เพลง หรอื ดภู ำพยนตร์แบบออนไลน์
โทรทัศน์เปน็ สื่อทีม่ อี ทิ ธิพลต่อผ้ชู มอยา่ งมาก ควรใชว้ ิจารณญาณในการเลือกชมรายการต่างๆ ใหเ้ หมาะกับวยั
จดุ มงุ่ หมายของการรับสารดว้ ยทักษะการฟัง การดู
การรับสารโดยการฟังและการดปู ระกอบกนั
• ฟงั หรอื ดเู พอื่ แสวงหำควำมร้แู ละควำมรอบรู้
• ฟงั หรือดเู พอื่ ใหเ้ กดิ ควำมเพลดิ เพลินและควำมซำบซ้ึง
• ฟงั หรอื ดูเพือ่ ให้ได้ข้อคิด
ลกั ษณะของผูฟ้ ัง ผู้ดทู ่ดี ี
มีจุดมงุ่ หมาย มคี วามพรอ้ ม มีสมาธิ มคี วามสนใจ มีความตั้งใจฟัง
ในการฟงั การดู ในการฟัง การดู ในสาร ต้งั ใจดู
(ทั้งการฟงั และการดู)
มอี าการสารวม มีความสามารถ ไม่มีอคติ ตรติ รอง จดบนั ทกึ สิ่งท่ีฟัง
และมีมารยาทอนั ดี ในการ ต่อสาร ดว้ ย ท่ีดูมาแล้ว นาไปใช้
ใหเ้ กยี รติผสู้ ง่ สาร หรือผูส้ ง่ สาร ปญั ญา
จบั ใจความ ประโยชน์
มารยาทในการฟัง การดสู ่อื ต่างๆ
• แสดงความตัง้ ใจและมคี วามกระตือรอื ร้นในการฟงั การดู
• มคี วามสารวม
• มมี ารยาทในการฟงั การดูในทชี่ มุ นมุ ชน
ถำ้ เปน็ กำรประชุม อยใู่ นอำกำรสงบไม่ ไมค่ วรนำเด็กเล็ก ไม่ลกุ เดิน
ควรไปให้ตรงเวลำ พดู คุยกนั หรือสัตว์เลี้ยง เขำ้ ออก
หรือกอ่ นประชมุ เข้ำไปดว้ ย เพรำะ โดยไมจ่ ำเป็น
หรอื ทำกิจธุระ อำจทำเสียงดงั
เลก็ น้อย ส่วนตวั
ไมน่ ำอำหำร ควรปรบมอื ไม่แสดงอำกำร
เครอื่ งดืม่ หรอื ของ ให้เกยี รตแิ กผ่ ู้พูด ไม่เหมำะสม
เม่อื มีกำรแนะนำ ตอ่ เพอื่ นต่ำงเพศใน
ขบเค้ยี วเขำ้ ไป ผู้พูดและเม่อื จบกำรพดู สถำนท่ปี ระชุม
รับประทำน
กำรดมู หรสพไม่ว่ำจะเปน็ ละคร ภำพยนตร์ หรือกำรฟงั ดนตรี เม่ือมีเพลงสรรเสริญพระบำรมี ควรยืนตรง
เพอ่ื แสดงควำมเคำรพจนกวำ่ เพลงสรรเสริญพระบำรมจี ะจบลง
๒หน่วยการเรียนรู้ที่
การฟงั การดู
และการพดู ในชีวิตประจาวัน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. สำมำรถพูดสรปุ ใจควำมสำคญั ของเรอื่ งทฟ่ี ังและดไู ด้
๒. สำมำรถเลำ่ เรอื่ งย่อจำกเร่ืองทีฟ่ งั และดู
๓. สำมำรถพูดแสดงควำมคดิ เหน็ อยำ่ งสรำ้ งสรรคเ์ ก่ียวกับเรอื่ งทีฟ่ งั และดูได้
๔. สำมำรถประเมินควำมน่ำเชื่อถือของสื่อที่มีเน้ือหำโนม้ นำ้ วใจ
๕. สำมำรถพดู รำยงำนเรอื่ งหรอื ประเด็นทศ่ี กึ ษำค้นคว้ำจำกกำรฟงั กำรดูและกำรสนทนำได้
๖. มีมำรยำทในกำรฟงั กำรดู และกำรพดู
การพูดจับใจความสาคัญจากการฟังและดสู ่ือ
ฟงั และดูสอ่ื ใหพ้ ยำยำมทำควำม เรยี บเรยี งใจควำมสำคัญ บอกทม่ี ำของเร่ืองใหช้ ัดเจน
เข้ำใจและจบั ใจควำมสำคัญ ออกมำเป็นภำษำพดู ท่ีเขำ้ ใจง่ำย ว่ำมำจำกสอื่ ใด
ของเร่ือง ว่ำเปน็ เรื่องเกยี่ วกับอะไร หรอื เป็นผลงำนของใคร
ใช้ภำษำพูดใหเ้ หมำะสมกบั คมุ นำ้ เสียงและจงั หวะ เปดิ โอกำสใหผ้ ูฟ้ งั ได้ซกั ถำม
กำลเทศะและวัยของผู้ฟัง กำรพดู ใหส้ อดคล้องกลมกลนื ขอ้ สงสยั เมื่อผู้พูดพูดจบ
สงั เกตผฟู้ ังเพ่ือประเมนิ ควำมสนใจ สรำ้ งศรทั ธในกำรพดู ใหเ้ กดิ ขน้ึ สรำ้ งทกั ษะในกำรส่ือสำร
และปรับกำรพูดให้มีควำมเหมำะสม เพรำะผ้ฟู งั จะเกิดควำมสนใจ ให้มคี วำมนำ่ สนใจ
สำมำรถฟังอย่ำงมีใจจดจอ่